นักท่องเที่ยว แห่ขึ้นชมทะเลหมอกและรอดูแสงแรก ปี 2565 บนยอดดอย “ภูชี้ฟ้า”<p><strong>นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางขึ้นภูชี้ฟ้า&nbsp;</strong>เพื่อสัมผัสอากาศหนาว&nbsp;รอดูแสงอาทิตย์แรกและสัมผัสความงามของทะเลหมอก&nbsp;ในวันขึ้นปีใหม่&nbsp;1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางมาจากต่างจังหวัดโดยรถยนต์ส่วนตัว&nbsp;มีทั้งมากับเพื่อนเป็นหมู่คณะและมากับครอบครัว&nbsp;จนเต็มบริเวณลานกลางเต็นท์&nbsp;</p><p><strong>อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า&nbsp;ตั้งอยู่ตำบลตับเต่า&nbsp;อำเภอเทิง&nbsp;จังหวัดเชียงราย</strong>&nbsp;เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงราย&nbsp;อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ&nbsp;ป่าแม่อิงฝั่งขวาและป่าแม่งาว&nbsp;ฟ้าทอง&nbsp;มีพื้นที่ประมาณ&nbsp;120,000&nbsp;ไร่&nbsp;กรมป่าไม้ได้มีคำสั่งจัดตั้งเป็นวนอุทยาน&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;6&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2541&nbsp;พื้นที่วนอุทยานเป็นยอดเขาสูงในเทือกเขาดอยผาหม่น&nbsp;&nbsp;ติดชายแดนไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว&nbsp;คลอบคลุมพื้นที่&nbsp;4&nbsp;อำเภอคืออำเภอเทิง&nbsp;อำเภอเวียงแก่น&nbsp;อำเภอขุนตาลและอำเภอเชียงของ&nbsp;จังหวัดเชียงราย&nbsp;ทิศเหนือ&nbsp;จด&nbsp;สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว&nbsp;ทิศตะวันออก&nbsp;จด&nbsp;สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว&nbsp;ทิศใต้&nbsp;จด&nbsp;อำเภอเทิง&nbsp;จังหวัดเชียงราย&nbsp;และอำเภอภูซาง&nbsp;จังหวัดพะเยา&nbsp;ทิศตะวันตก&nbsp;จด&nbsp;อำเภอเทิง&nbsp;อำเภอขุนตาล&nbsp;และอำเภอเชียงของ&nbsp;จังหวัดเชียงราย</p><p><strong>ภูชี้ฟ้า&nbsp;ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงทางตะวันออกของจังหวัดเชียงราย&nbsp;</strong>อยู่ระหว่างรอยตะเข็บชายแดนไทย–ลาว&nbsp;ลักษณะเป็นหน้าผาสูงเป็นแนวยาวไปตามแนวชายแดน&nbsp;บริเวณปลายสุดของหน้าผามีลักษณะแหลมคล้ายกับนิ้วมือชี้ยื่นออกไปในอากาศ&nbsp;จึงเป็นที่มาของชื่อ&nbsp;"ภูชี้ฟ้า"&nbsp;จุดที่สูงสุดของภูชี้ฟ้าอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง&nbsp;1,200-1,628&nbsp;เมตร&nbsp;&nbsp;เบื้องล่างของหน้าผาเป็นแอ่งหุบเขา&nbsp;เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเชียงตอง&nbsp;แขวงไชยบุรี&nbsp;ประเทศลาว</p><p><strong>อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า&nbsp;จะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปสัมผัสอากาศหนาว</strong>&nbsp;ชมทะเลหมอกตั้งแต่เวลา&nbsp;04.30&nbsp;น.&nbsp;โดยจะมีรถบริการรับส่งตั้งแต่ที่รีสอร์ทไปจนถึงลานจอดรถอุทยานฯ&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้นักท่องเที่ยว&nbsp;ยังได้ชมความงามของดอกซากุระเมืองไทย&nbsp;หรือดอกพญาเสือโคร่ง&nbsp;ที่กำลังเริ่มเบ่งบาน&nbsp;บริเวณหน่วยจัดการต้นน้ำหงาว-งาว&nbsp;สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่&nbsp;15&nbsp;(เชียงราย)&nbsp;&nbsp;อำเภอเวียงแก่น&nbsp;จังหวัดเชียงราย&nbsp;และบานสะพรั่งเต็มดอยต้นเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;ตั้งแต่บริเวณทางขึ้นภูชี้ฟ้า&nbsp;จนถึงลานกลางเต็นท์หน่วยจัดการต้นน้ำหงาว-งาว&nbsp;ตำบลปอ&nbsp;อำเภอเวียงแก่น&nbsp;ส่วนจุดชมวิวบริเวณใกล้เคียงที่สวยงามไม่ต่างกัน&nbsp;เช่น&nbsp;ภูชี้ดาว&nbsp;ภูชี้เดือน&nbsp;บ้านผาตั้ง&nbsp;ดอยผาหม่น&nbsp;สามารถชมวิวฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน&nbsp;สปป.ลาว&nbsp;ได้ด้วย</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>1/1/2022ภาคเหนือเชียงรายสวท.เชียงรายhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220101095412054 พาณิชย์แม่ฮ่องสอน ลงพื้นที่ติดตามราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อำเภอปาย-อำเภอแม่ลาน้อย<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การผลิตและการตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์&nbsp;ปี&nbsp;2564/65&nbsp;</strong>ณ&nbsp;สถานที่รับซื้อ&nbsp;ในพื้นที่อำเภอปายและอำเภอแม่ลาน้อย&nbsp;ได้แก่&nbsp;1.ลานข้าวโพดโชคพงษ์เกษม&nbsp;ตำบลทุ่งยาว&nbsp;2.ลานข้าวโพดจิรพันธ์&nbsp;ตำบลทุ่งยาว&nbsp;3.สหกรณ์การเกษตรแม่ลาน้อย&nbsp;ตำบลแม่ลาน้อย&nbsp;4.ลานข้าวโพดพิพัฒน์เจริญพาณิชย์&nbsp;ตำบลแม่ลาน้อย&nbsp;พบว่า&nbsp;ผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว&nbsp;ประมาณร้อยละ&nbsp;80&nbsp;เกษตรกรขายได้ราคากิโลกรัมละ&nbsp;7.80-8.30&nbsp;บาท&nbsp;ความชื้น&nbsp;15%</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;ผู้ประกอบการได้ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อชัดเจน&nbsp;ณ&nbsp;สถานที่รับซื้อ</strong>&nbsp;ซึ่งเป็นไปตามประกาศ&nbsp;กกร.&nbsp;ฉบับที่&nbsp;62&nbsp;พ.ศ.2564&nbsp;เรื่องการแสดงราคารับซื้อสินค้าเกษตร&nbsp;ลงวันที่&nbsp;1&nbsp;กรกฎาคม&nbsp;2564</p>1/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220101102914096 บรรยายกาศ Countdown 2022 เมืองกรุงเก่า<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วานนี้&nbsp;31&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;บริเวณวัดพระราม&nbsp;จังหวัดพระนครศรีอยุธยา</strong>&nbsp;การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;(ททท.)&nbsp;เฉลิมฉลองท้ายปีจัดงาน&nbsp;Amazing&nbsp;Thailand&nbsp;Countdown&nbsp;2022&nbsp;ทั่วประเทศ&nbsp;และพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;จัดงานภายใต้ชื่อ&nbsp;"Amazing&nbsp;New&nbsp;Chapters&nbsp;@&nbsp;Phra&nbsp;Nakhon&nbsp;Si&nbsp;Ayutthaya"&nbsp;นำเอกลักษณ์ความเป็นไทยจุดประกายความสุขให้คนทั้งโลก&nbsp;และผลักดันให้ประเทศไทยสู่การเป็น&nbsp;GLOBAL&nbsp;COUNTDOWN&nbsp;DESTINATION&nbsp;แสดงความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมเฉลิมฉลองปีใหม่&nbsp;ทั้งกระตุ้นให้เกิดหมุนเวียนเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลปีใหม่&nbsp;พร้อมย้ำความปลอดภัยตามมาตรการสาธารณสุข&nbsp;ชูการจัดงานรูปแบบ&nbsp;New&nbsp;Normal&nbsp;COVID-19&nbsp;Free&nbsp;Event&nbsp;อย่างเคร่งครัด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ในโอกาสนี้&nbsp;นางสรัลพัชร&nbsp;ประโมทะกะ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;</strong>และนายฉัททันต์&nbsp;กุญชร&nbsp;ณ&nbsp;อยุธยา&nbsp;รองผู้ว่าการด้านยุโรป&nbsp;แอฟริกา&nbsp;ตะวันออกกลาง&nbsp;และอเมริกา&nbsp;การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;(ททท.)&nbsp;ให้เกียรติร่วมเปิดงานฯ&nbsp;งาน&nbsp;Amazing&nbsp;New&nbsp;Chapters&nbsp;@&nbsp;Phra&nbsp;Nakhon&nbsp;Si&nbsp;Ayutthaya&nbsp;จัดขึ้นระหว่างวันที่&nbsp;27-31&nbsp;ธันวาคม&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณวัดพระราม&nbsp;จังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย&nbsp;อาทิ&nbsp;Lighting&nbsp;Art&nbsp;Lnstallation&nbsp;ตกแต่งประดับไฟสวยงามสะท้อนวิถีชีวิตไทยแบบประยุกต์&nbsp;เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานเก็บภาพถ่ายรูปยามค่ำคืน&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;16.30-21.00&nbsp;น.&nbsp;เพลิดเพลินด้วยการแสดงดนตรีไทยพื้นบ้านภาคกลางประยุกต์&nbsp;และร่วมสมัยจากศิลปินที่มีชื่อเสียง&nbsp;อาทิ&nbsp;NOT’TOY&nbsp;สิงโตนำโชค&nbsp;ทั้งดนตรีจากวงดนตรีไทยประยุกต์และวง&nbsp;Local&nbsp;Band&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ยังมี&nbsp;Thai&nbsp;Street&nbsp;Market&nbsp;ตลาดวิถีไทย&nbsp;อิ่มอร่อยกับอาหารไทยภาคกลางและเลือกชมผลิตภัณฑ์จาก&nbsp;SME&nbsp;ภาคกลางด้วย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำหรับคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่&nbsp;2565&nbsp;วันที่&nbsp;31&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;16.30-01.00&nbsp;น.</strong>&nbsp;ผู้เข้าชมงานจะได้พบกับ&nbsp;THAI&nbsp;FAMOUS&nbsp;ARTIST&nbsp;CONCERT&nbsp;การแสดงดนตรีร่วมสมัยจากศิลปิน&nbsp;นักร้องท้องถิ่น&nbsp;และมีชื่อเสียงสลับหมุนเวียนตลอดค่ำคืน&nbsp;และไฮไลท์สำคัญของงาน&nbsp;Amazing&nbsp;New&nbsp;Chapters&nbsp;@&nbsp;Phra&nbsp;Nakhon&nbsp;Si&nbsp;Ayutthaya&nbsp;เริ่มตั้งแต่&nbsp;23.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;จัดเต็มการแสดงชุดพิเศษ&nbsp;"ปีใหม่สุขใจไทยระรื่น"&nbsp;ได้แรงบันดาลใจจาก&nbsp;"ความรื่นเริง"&nbsp;ของภาคกลาง&nbsp;สะท้อนเอกลักษณ์การใช้ชีวิตในดินแดนอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศที่มีแม่น้ำหลายสายผู้คนมีความเป็นอยู่สุขสบาย&nbsp;เป็นจุดกําเนิดของการสร้างสรรค์การเล่นรื่นเริงในโอกาสต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;มากมาย&nbsp;ทั้งตามฤดูกาล&nbsp;และเทศกาล&nbsp;โดยในการแสดงชุดนี้ถ่ายทอดในรูปแบบผสมผสานความเป็นไทยประยุกต์เข้ากับความเป็นไทยดั้งเดิม&nbsp;ให้มีสีสันความสนุกสนานและความทันสมัย&nbsp;สื่อสาร&nbsp;ส่งมอบความสุขและสร้างรอยยิ้มในวาระปีใหม่&nbsp;ให้ชีวิตไหลลื่นดั่งสายน้ำที่เลี้ยงชีวิต&nbsp;และให้ทุกคนยิ้มได้อย่างระรื่นกับการเริ่มต้นใหม่ในปีต่อไป</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ต่อมาประทับใจไปกับการแสดงสุดพิเศษของแม่ขวัญจิต&nbsp;ศรีประจันต์&nbsp;และวงรัตนโกสินทร์&nbsp;เบรคคิน&nbsp;ครูว</strong>&nbsp;รวมถึงการแสดงโขนสมมุติชุดใหญ่&nbsp;30&nbsp;คน&nbsp;ให้ความรู้และควบคุมการแสดง&nbsp;โดยครูมืด&nbsp;ประสาท&nbsp;ทองอร่าม&nbsp;และเพิ่มความสนุกสนานด้วยการแสดงจากศิลปินวง&nbsp;Richman&nbsp;Toy&nbsp;และสวนพลู&nbsp;คอรัส&nbsp;ยิ่งไปกว่านั้น&nbsp;ผู้เข้าร่วมงานจะได้ตื่นตาตื่นใจกับการแสดงพลุแสงไฟประกอบดนตรีสุดอลังการ&nbsp;ชุด&nbsp;LET’&nbsp;S&nbsp;THE&nbsp;BLESSINGS&nbsp;FLOW&nbsp;"พรตลอดปี&nbsp;ชีวิตดีตลอดไป"&nbsp;อำนวยอวยชัยให้ชีวิตคนไทยเป็นดั่งสายน้ำที่ลื่นไหลไร้อุปสรรคตลอดปี&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;เริ่มต้นด้วย&nbsp;The&nbsp;Countdown&nbsp;:&nbsp;พลุไพโร&nbsp;จุดพร้อมจังหวะนับถอยหลัง&nbsp;จากนั้นตามด้วยการแสดงพลุ&nbsp;7&nbsp;องก์สำคัญ&nbsp;ได้แก่&nbsp;องก์&nbsp;1&nbsp;:&nbsp;เบิกอรุณจุดประกายแสงแห่งหวัง&nbsp;องก์&nbsp;2&nbsp;:&nbsp;พร่างพราวจากนภาหลอมพลังรวมสู่นที&nbsp;องก์&nbsp;3&nbsp;:&nbsp;สุขสมบูรณ์พูนผลผ่านพ้นภัย&nbsp;องก์&nbsp;4&nbsp;:&nbsp;สุขภาพปลอดโรคเกษมโชค&nbsp;องก์&nbsp;5&nbsp;:&nbsp;มั่งมีเงินทองสมสุขศรี&nbsp;องก์&nbsp;6&nbsp;:&nbsp;ราบรื่นสุขจิตชีวิตดี&nbsp;และองก์&nbsp;7&nbsp;:&nbsp;พรั่งพร้อมบริวารชำนาญไกล&nbsp;และปิดท้ายการแสดงพลุด้วยเลข&nbsp;2565&nbsp;The&nbsp;Finale</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;ททท.&nbsp;ได้เข้มงวดมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;ของผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรม&nbsp;</strong>และยกระดับให้เป็นไปตามที่รัฐบาลกำหนด&nbsp;โดยใช้มาตรการ&nbsp;COVID&nbsp;Free&nbsp;Personnel&nbsp;COVID&nbsp;Free&nbsp;Customer&nbsp;และ&nbsp;COVID&nbsp;Free&nbsp;Environment&nbsp;ผู้จัดงาน&nbsp;พนักงาน&nbsp;นักร้อง&nbsp;นักดนตรี&nbsp;ต้องฉีดวัคซีนโควิด-19&nbsp;ครบตามเกณฑ์&nbsp;มีผลตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ทุกคนและมีผลเป็นลบก่อนเข้างาน&nbsp;72&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;สำหรับประชาชนผู้เข้าร่วมงาน&nbsp;ต้องลงทะเบียนและแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์&nbsp;และมีผลตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;เป็นลบภายใน&nbsp;72&nbsp;ชั่วโมงเช่นกัน&nbsp;โดยทุกคนต้องตรวจคัดกรองความเสี่ยงก่อน&nbsp;เข้างาน&nbsp;และปฏิบัติตามมาตรการ&nbsp;UP-D-M-H-T-A&nbsp;อย่างเคร่งครัด</p>1/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลพระนครศรีอยุธยาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220101154025246 สวยงามตระการ ททท. จัด "Countdown Suphanburi 2022" กระตุ้นเศรษฐกิจ<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;จับมือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;จัด&nbsp;"Countdown&nbsp;Suphanburi&nbsp;2022"&nbsp;โชว์เอฟเฟ็กต์ตระการตาเหนือหอคอยบรรหารแจ่มใส&nbsp;พร้อม&nbsp;Drone&nbsp;Light&nbsp;Show&nbsp;และสวนแสงสุดมหัศจรรย์&nbsp;ภายใต้มาตรการอย่างเข้มข้น&nbsp;เน้นหลักความปลอดภัยคือความสุข&nbsp;กระตุ้นส่งเสริมการท่องเที่ยวในภาพรวม</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>เมื่อค่ำวานนี้&nbsp;(31&nbsp;ธ.ค.&nbsp;64)&nbsp;บริเวณสวนเฉลิมภัทรราชินี&nbsp;หอคอยบรรหารแจ่มใส&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดสุพรรณบุรี</strong>&nbsp;นักท่องเที่ยวและชาวสุพรรณบุรี&nbsp;ร่วมเฉลิมฉลอง&nbsp;นับถอยหลังปีใหม่&nbsp;ส่งท้ายปีเก่า&nbsp;ต้อนรับปีใหม่&nbsp;ในงาน&nbsp;"Countdown&nbsp;Suphanburi&nbsp;Happy&nbsp;Healthy&nbsp;2022"&nbsp;โดยจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;(ททท.)&nbsp;พร้อมด้วยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;เทศบาลเมืองสุพรรณบุรี&nbsp;กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา&nbsp;กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม&nbsp;สวนเฉลิมภัทรราชินี&nbsp;และหน่วยงานภาครัฐและเอกชน&nbsp;ร่วมกันจัดงานดังกล่าวขึ้น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>โดยมีวุตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางด้านงานเทศกาลตามวัฒนธรรมประเพณีของไทย&nbsp;</strong>รวมทั้งส่งเสริมเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวและวิถีชีวิตชุมชนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามแนวนโยบายของรัฐบาล&nbsp;พร้อมทั้งนำเสนอจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;ในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวที่&nbsp;"เที่ยวใกล้&nbsp;เที่ยวง่าย&nbsp;เที่ยวปลอดภัย&nbsp;เที่ยวได้ทั้งปี"&nbsp;และเป็นการสร้างความสุขให้กับชาวสุพรรณบุรีและผู้ที่มาร่วมงาน&nbsp;เป็นของขวัญปีใหม่&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;โดยงานจัดขึ้นภายใต้มาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;อย่างเข้มข้น&nbsp;โดยเน้นหลักความปลอดภัยคือความสุข&nbsp;ซึ่งผู้เข้าร่วมงานต้องลงทะเบียนล่วงหน้าผ่าน&nbsp;Application&nbsp;QueQ&nbsp;,&nbsp;แสดงผลการฉีดวัคซีนอย่างน้อยสองเข็ม&nbsp;,&nbsp;แสดงผลการตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ภายใน&nbsp;72&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;การตรวจวัดอุณหภูมิ&nbsp;,&nbsp;สวมใส่แมสก์&nbsp;,&nbsp;เว้นระยะห่าง&nbsp;และหมั่นล้างมือ&nbsp;โดยจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงานรอบละไม่เกิน&nbsp;500&nbsp;คน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย&nbsp;ทั้งกิจกรรมถ่ายภาพกับสวนแสงเมืองสุพรรณลุ้นรับของขวัญปีใหม่</strong>&nbsp;การแสดง&nbsp;Drone&nbsp;Light&nbsp;Show&nbsp;สุดตื่นตาครั้งแรกในจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;การแสดง&nbsp;Mini&nbsp;Light&nbsp;&amp;&nbsp;Sound&nbsp;"Happy&nbsp;Healthy&nbsp;2022"&nbsp;โดยผู้กำกับชื่อดัง&nbsp;"ศุภักษร"&nbsp;จากบริษัท&nbsp;คอม&nbsp;อาร์ต&nbsp;โปรดักชั่น&nbsp;จำกัด&nbsp;www.facebook.com/Commartsproduction&nbsp;และสัมผัสประสบการณ์พิเศษสุดตระการตาจากการแสดง&nbsp;ไพโรเทคนิคเหนือหอคอยหนึ่งเดียวในเมืองไทย&nbsp;พร้อมขบวนศิลปินและนักร้องที่พร้อมมอบความสุข&nbsp;สนุก&nbsp;ตลอดงาน&nbsp;อาทิ&nbsp;แน็ท&nbsp;ศิริพงษ์&nbsp;,&nbsp;น็อตทอย&nbsp;,&nbsp;ตุ๊กกี้&nbsp;สุดารัตน์&nbsp;,&nbsp;เปาวลี&nbsp;พรพิมล&nbsp;,&nbsp;หนุ่มสามวิ&nbsp;เงาเสียงเบน&nbsp;,&nbsp;ดีเจวิว&nbsp;และ&nbsp;Season&nbsp;Five&nbsp;โดยนายณัฐภัทร&nbsp;สุวรรณประทีป&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;เป็นประธานเปิดงาน</p>1/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสุพรรณบุรีสวท.สุพรรณบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220101133901189 รองผู้ว่าฯ อยุธยา Kick Off มหกรรมท่องเที่ยววิถีชุมชนยลรุกขมรดกของแผ่นดิน วัฒนธรรมท้องถิ่นภาคกลางตอนบน 6 จังหวัด ยกระดับการท่องเที่ยววิถีชุมชนลุ่มน้ำเจ้าพระยา/ป่าสัก<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;Kick&nbsp;Off&nbsp;มหกรรมท่องเที่ยววิถีชุมชนยลรุกขมรดกของแผ่นดิน&nbsp;วัฒนธรรมท้องถิ่นภาคกลางตอนบน&nbsp;6&nbsp;จังหวัด&nbsp;ยกระดับการท่องเที่ยววิถีชุมชนลุ่มน้ำเจ้าพระยา/ป่าสัก</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่ลานด้านหน้าวิหารพระมงคลบพิตร&nbsp;อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา</strong>&nbsp;นายวีระชัย&nbsp;นาคมาศ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;มอบหมายให้&nbsp;นางสาวนุชนาถ&nbsp;ประทีปธีรานันต์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัด&nbsp;เป็นประธานเปิดกิจกรรม&nbsp;Kick&nbsp;Off&nbsp;มหกรรมท่องเที่ยววิถีชุมชนยลรุกขมรดกของแผ่นดิน&nbsp;วัฒนธรรมท้องถิ่นภาคกลาง&nbsp;ภายใต้โครงการยกระดับการท่องเที่ยววิถีชุมชนลุ่มน้ำเจ้าพระยา/ป่าสัก&nbsp;โดยมีนางจุรีพร&nbsp;ขันตี&nbsp;วัฒนธรรมจังหวัด&nbsp;กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้&nbsp;ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;วัฒนธรรมจังหวัดกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน&nbsp;ผู้แทนชุมชน&nbsp;มาร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำหรับงาน&nbsp;"มหกรรมท่องเที่ยววิถีชุมชน&nbsp;ยลรุกขมรดกของแผ่นดินวัฒนธรรมท้องถิ่นภาคกลาง"&nbsp;ในวันนี้</strong>&nbsp;จัดขึ้นตามที่รัฐบาลมีนโยบายเรื่องการพัฒนาศักยภาพของชุมชนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว&nbsp;เชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม&nbsp;เพื่อสร้างรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจ&nbsp;รวมถึง&nbsp;ส่งเสริมและอนุรักษ์ประเพณีและวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ตลอดจนเพื่อเป็นการต่อยอดโครงการต้นไม้ที่ทรงคุณค่า&nbsp;"รุกขมรดกของแผ่นดิน&nbsp;ใต้ร่มพระบารมี"&nbsp;ของกระทรวงวัฒนธรรม</strong>&nbsp;ที่ได้ดำเนินการสืบค้นและรวบรวมข้อมูลต้นไม้ที่&nbsp;มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น&nbsp;ซึ่งสามารถนำมาต่อยอดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม&nbsp;เพื่อสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสระบุรี&nbsp;จังหวัดอ่างทอง&nbsp;จังหวัดลพบุรี&nbsp;จังหวัดสิงห์บุรี&nbsp;และจังหวัดชัยนาท&nbsp;จัดงานนี้ขึ้น&nbsp;ในวันที่&nbsp;1-2&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;และจะจัดที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดสงขลา&nbsp;ในลำดับต่อไป</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>&nbsp;ด้าน&nbsp;นางสาวนุชนาถ&nbsp;ประทีปธีรานันต์&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;การจัดกิจกรรมมหกรรมท่องเที่ยววิถีชุมชนยลรุกขมรดกของแผ่นดิน&nbsp;วัฒนธรรมท้องถิ่นภาคกลาง&nbsp;เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชน&nbsp;ที่สำคัญในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน&nbsp;6&nbsp;จังหวัด&nbsp;ให้เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย&nbsp;และเป็นการนำทุนทางวัฒนธรรม&nbsp;ที่สำคัญของแต่ละจังหวัด&nbsp;ซึ่งมีวิถีชีวิต&nbsp;วัฒนธรรม&nbsp;ประเพณี&nbsp;ของชุมชนท้องถิ่นแต่ละแห่งที่เป็นเอกลักษณ์&nbsp;ทั้งภาษา&nbsp;ความเชื่อ&nbsp;การแต่งกาย&nbsp;อาหารการกิน&nbsp;ศิลปวัฒนธรรม&nbsp;ตลอดจนต้นไม้ใหญ่&nbsp;ทรงคุณค่า&nbsp;ควรค่าแก่การศึกษา&nbsp;เรียนรู้&nbsp;มาสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ&nbsp;ในลักษณะการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม&nbsp;และวิถีชุมชน&nbsp;รวมทั้งเป็นการตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาล&nbsp;ในการสร้างงาน&nbsp;สร้างรายได้&nbsp;ให้แก่ชุมชน&nbsp;และประชาชนได้เป็นอย่างดี</p>1/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลพระนครศรีอยุธยาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220101170659279 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2564 ยอดใช้จ่ายกว่า 250,000 ล้านบาท เตรียมเปิดโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 มีนาคมนี้<p><strong>นายพรชัย&nbsp;ฐีระเวช&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง</strong>&nbsp;ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;มาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบ&nbsp;COVID-19&nbsp;ปี&nbsp;2564&nbsp;ได้สิ้นสุดโครงการทั้ง&nbsp;4&nbsp;โครงการ&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;31&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;โดยมีผู้ใช้สิทธิสะสมทั้ง&nbsp;4&nbsp;โครงการรวม&nbsp;41.5&nbsp;ล้านราย&nbsp;ยอดใช้จ่ายสะสมทั้งหมด&nbsp;254,281.7&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ&nbsp;ระยะที่&nbsp;3&nbsp;มีผู้ใช้สิทธิสะสมประมาณ&nbsp;13.55&nbsp;ล้านราย&nbsp;ยอดการใช้จ่ายสะสมรวม&nbsp;24,010&nbsp;ล้านบาท&nbsp;&nbsp;โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ&nbsp;ผู้ใช้สิทธิสะสมประมาณ&nbsp;1.51&nbsp;ล้านราย&nbsp;ยอดการใช้จ่ายสะสมรวม&nbsp;2,183.3&nbsp;ล้านบาท&nbsp;&nbsp;โครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;3&nbsp;มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน&nbsp;26.35&nbsp;ล้านราย&nbsp;และมีจำนวนผู้ใช้สิทธิครบ&nbsp;4,500&nbsp;บาท&nbsp;แล้วกว่า&nbsp;10.87&nbsp;ล้านราย&nbsp;ยอดการใช้จ่ายสะสมรวม&nbsp;223,921.8&nbsp;ล้านบาท&nbsp;&nbsp;และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้&nbsp;มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน&nbsp;91,952&nbsp;ราย&nbsp;ยอดใช้จ่ายสะสม&nbsp;3,827.4&nbsp;ล้านบาท&nbsp;</p><p><strong>กระทรวงการคลัง&nbsp;จะนำผลการดำเนินโครงการฯ&nbsp;</strong>ไปพิจารณาปรับปรุงเพื่อออกแบบโครงการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในอนาคตต่อไป&nbsp;ขณะเดียวกันจะมีการปรับปรุงระบบโครงการคนละครึ่ง&nbsp;เพื่อรองรับการเปิดโครงการระยะที่&nbsp;4&nbsp;ในช่วงเดือนมีนาคม&nbsp;2565</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;มาตรการช้อปดีมีคืน&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;</strong>ซึ่งได้เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้&nbsp;(1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;ไปจนถึงวันที่&nbsp;15&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;โดยผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา&nbsp;สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและค่าบริการ&nbsp;ตามจำนวนที่จ่ายจริง&nbsp;แต่ไม่เกิน&nbsp;30,000&nbsp;บาท&nbsp;หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา&nbsp;สำหรับปีภาษี&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งจะยื่นแบบและชำระภาษีในช่วงต้นปี&nbsp;2566</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>1/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220101193438350 นับถอยหลังข้ามปีคืนเคาท์ดาวน์กระบี่ กลับมาคึกคักอีกครั้งกับกิจกรรมอ่าวนางบีชเฟติวัล โฉมใหม่ 2022 แบบไลฟ์แอนด์ซาวด์พร้อมจุดเช็คอิน รูปแบบ Safe & Fun COVID Free Setting<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วานนี้&nbsp;31&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;บรรยากาศคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่&nbsp;ที่บริเวณหาดนพรัตน์ธารา&nbsp;หมู่เกาะพีพี&nbsp;หาดอ่าวนาง&nbsp;จังหวัดกระบี่</strong>&nbsp;มีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ&nbsp;เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวบริเวณอ่าวนางแลนด์มาร์คเป็นจำนวนมาก&nbsp;โดยมีนายพุฒิพงศ์&nbsp;ศิริมาตย์&nbsp;ผู้ว่าราชการจงหวัดกระบี่&nbsp;เดินทางมาเป็นประธานในพิธีนับถอยหลังเคาท์ดาวน์ในค่ำคืนนี้&nbsp;ด้านการจราจรรถที่สัญจรไปมาค่อนข้างติดขัด&nbsp;แหล่งท่องเที่ยวยามค่ำกลับมามีสีสันคึกคักขึ้นอีกครั้ง&nbsp;ผู้ประกอบการโรงแรม&nbsp;ร้านอาหาร&nbsp;ต่างมีรายได้จากการท่องเที่ยวคืนเคาท์ดาวน์ที่อ่าวนางแลนมาร์ค&nbsp;หน้าหาดอ่าวนาง&nbsp;กระบี่กลับมาคึกคัก&nbsp;และมีสีสันอีกครั้ง&nbsp;ร้านค้า&nbsp;ร้านอาหารกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ปีนี้ทางจังหวัดกระบี่จับมือรัฐเอกชนจัดงานเคาท์ดาวน์โฉมใหม่&nbsp;New&nbsp;Normal&nbsp;รูปแบบ&nbsp;Safe&nbsp;&amp;&nbsp;Fun&nbsp;COVID&nbsp;Free&nbsp;Setting</strong>&nbsp;และสร้างประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน&nbsp;ภายใต้การปฏิบัติตามมาตรการของกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด&nbsp;จังหวัดกระบี่จัดขึ้นระหว่างวันที่&nbsp;30&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ถึง&nbsp;1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;เวทีกลางบริเวณอ่าวนางแลนด์มาร์ค&nbsp;เพื่อส่งท้ายปีเก่า&nbsp;ต้อนรับปีใหม่&nbsp;เป็นการมอบความสุขให้กับชาวจังหวัดกระบี่และนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ&nbsp;ที่มาเที่ยวชมงานได้มีความสุขในช่วงเทศกาลปีใหม่&nbsp;2565&nbsp;เพื่อสร้างกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยว&nbsp;และกระตุ้นการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่&nbsp;ที่ให้ความสำคัญเรื่อง&nbsp;COVID&nbsp;Free&nbsp;Setting&nbsp;เพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่&nbsp;ในช่วง&nbsp;Krabi&nbsp;Reopening&nbsp;เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวภายใต้มาตรการความปลอดภัย&nbsp;กิจกรรม&nbsp;3&nbsp;โซน&nbsp;คือ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.โซนถ่ายภาพ&nbsp;ที่ลานปฏิมากรรมปลาใบ&nbsp;ซึ่งจัดให้มีการถ่ายภาพเป็นรอบ&nbsp;ๆ&nbsp;ละ&nbsp;10&nbsp;นาที</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.โซนคอนเสิร์ต&nbsp;ที่เน้นให้ลงทะเบียนร่วมงานล่วงหน้า&nbsp;และหน้างานโดยผู้เข้าร่วม&nbsp;ต้องแสดงผลตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;เป็นลบและผลฉีดวัคซีนครบ&nbsp;2&nbsp;เข็ม&nbsp;เพื่อเข้าชมการแสดงจากศิลปินนักร้องที่มีชื่อเสียง&nbsp;อาทิ&nbsp;เช่น&nbsp;ETC&nbsp;,&nbsp;เบน&nbsp;ชราทิศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซานิ&nbsp;เจ&nbsp;เจตริน&nbsp;วงเคลียร์&nbsp;&nbsp;เป็นต้น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และ&nbsp;3.&nbsp;โซนอาหาร&nbsp;จำนวน&nbsp;50&nbsp;บูธ&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;การออกร้านอาหารชื่อดังจากสมาคมโรงแรมจังหวัดกระบี่&nbsp;สมาคมร้านอาหารจังหวัดกระบี่&nbsp;ภายใต้มาตรการความปลอดภัย&nbsp;Safe&nbsp;&amp;&nbsp;Fun&nbsp;COVID&nbsp;Free&nbsp;Setting&nbsp;ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่&nbsp;ซึ่งได้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจ&nbsp;เข้าร่วมงานจำนวนมาก&nbsp;ภายใต้มาตรการสาธารณสุข&nbsp;โดยมีรัฐและเอกชนผู้สนับสนุนการจัดงาน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นอกจากนี้&nbsp;ภายในบริเวณอ่าวนางแลนด์มาร์ค&nbsp;ยังมีการจัดจำหน่ายสินค้าโอทอป&nbsp;4&nbsp;ภาค&nbsp;ของกรมพัฒนาชุมชน&nbsp;กระทรวงมหาดไทย</strong>&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;29ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ถึง&nbsp;4&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;และกิจกรรมประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวการเปิดอ่าวมาหยา&nbsp;แบบจำกัดจำนวนคน&nbsp;อีก&nbsp;เพื่อลดความแออัดและทุกกิจกรรมอยู่ภายใต้มาตรากาของกรมควบคุมโรค&nbsp;กระทรวงสาธารณสุข&nbsp;อย่างเคร่งครัด</p>1/1/2022ภาคใต้กระบี่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220101141228204 พาณิชย์แม่ฮ่องสอน คุมเข้มร้านค้า ห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า ช่วงเทศกาลปีใหม่<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>เจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคช่วงเทศกาลปีใหม่</strong>&nbsp;ณ&nbsp;ร้านค้า&nbsp;อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;ร้าน&nbsp;ผลการตรวจสอบพบว่า&nbsp;ราคาสินค้าอยู่ในภาวะทรงตัว&nbsp;อาทิ&nbsp;น้ำมันปาล์ม&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;ราคา&nbsp;56-57&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;น้ำมันถั่วเหลือง&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;ราคา&nbsp;57-60&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;น้ำปลา&nbsp;ขนาด&nbsp;700&nbsp;มล.&nbsp;ราคา&nbsp;30-35&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;ผงซักฟอก&nbsp;ขนาด&nbsp;850&nbsp;กรัม&nbsp;ราคา&nbsp;85&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;ซอสปรุงรสฝาเขียว&nbsp;ขนาด&nbsp;600&nbsp;มล.&nbsp;ราคา&nbsp;35&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;ซอสหอยนางรม&nbsp;ขนาด&nbsp;600&nbsp;มล.&nbsp;ราคา&nbsp;50&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าชัดเจน&nbsp;สินค้ามีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค</strong>&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ร้านค้าปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.2542&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;ห้ามกักตุนสินค้า&nbsp;และห้ามฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าในราคาที่สูงเกินสมควร</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>1/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220101144241217 อำเภอหนองหิน จังหวัดเลย จัดกิจกรรม "แต่งไทย ใส่บาตรดอกทองอุไร ณ ทุ่งดอกบัวตอง"<p><strong>นายชัยธวัช&nbsp;เนียมศิริ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย&nbsp;</strong>เป็นประธานเปิดกิจกรรม&nbsp;"แต่งไทย&nbsp;ใส่บาตรดอกทองอุไร&nbsp;ณ&nbsp;ทุ่งดอกบัวตอง"&nbsp;ที่บ้านผางาม&nbsp;ตำบลปวนพุ&nbsp;อำเภอหนองหิน&nbsp;จังหวัดเลย&nbsp;โดยมี&nbsp;นางนงค์นิตย์&nbsp;เนียมศิริ&nbsp;นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเลย,&nbsp;นายผดุงศักดิ์&nbsp;หาญปรีชาสวัสดิ์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย,&nbsp;นายศิริวัฒน์&nbsp;พินิจพาณิชย์&nbsp;ปลัดจังหวัดเลย,&nbsp;นายมนัสพันธ์&nbsp;ดอนก้อนไพร&nbsp;นายอำเภอหนองหิน&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;ผู้บริหารสถานศึกษา&nbsp;ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น&nbsp;กำนัน&nbsp;ผู้ใหญ่บ้าน&nbsp;และประชาชนผู้เข้าร่วมงาน&nbsp;</p><p><strong>นายชัยธวัช&nbsp;เนียมศิริ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;จังหวัดเลยมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย&nbsp;ที่นักท่องเที่ยวมักกล่าวถึง&nbsp;และวางแผนที่จะมาเที่ยวเป็นอันดับต้นๆ&nbsp;ของประเทศ&nbsp;มีความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวทั้งธรรมชาติ&nbsp;วัฒนธรรมประเพณีอันงดงาม&nbsp;แหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่มีอัตลักษณ์เฉพาะถิ่น&nbsp;สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี&nbsp;โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในพื้นที่ของอำเภอหนองหิน&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกเพียงดิน&nbsp;ภูป่าเปาะ&nbsp;สวนหินผางาม&nbsp;หรือที่เรียกกันจนติดปากว่า&nbsp;ฟูจิเมืองเลย&nbsp;คุนหมิงเมืองไทย&nbsp;หรือที่กำลังโด่งดังในภาพยนตร์เรื่อง&nbsp;ร่างทรง&nbsp;ก็มาใช้พื้นที่ของวัดถ้ำพระโพธิสัตว์ถ่ายทำ&nbsp;และแหล่งท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นใหม่&nbsp;คือ&nbsp;ทุ่งดอกบัวตอง&nbsp;และดอกทองอุไร&nbsp;ที่กำลังบานสะพรั่งในช่วงปีใหม่นี้&nbsp;ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชม&nbsp;รวมถึงการพักค้างแรมที่ตำบลปวนพุ&nbsp;เพื่อสัมผัสบรรยากาศอันหนาวเย็นแบบวิถีชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์&nbsp;สงบ&nbsp;อบอุ่น&nbsp;เรียบง่าย&nbsp;มีน้ำใจ&nbsp;ชวนให้จดจำ&nbsp;จนอยากกลับมาเที่ยวอำเภอหนองหินอีกหลายๆ&nbsp;ครั้ง</p><p><strong>นายมนัสพันธ์&nbsp;ดอนก้อนไพร&nbsp;นายอำเภอหนองหิน</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;จังหวัดเลยได้กำหนดวิสัยทัศน์&nbsp;เมืองน่าอยู่&nbsp;เมืองแห่งการท่องเที่ยว&nbsp;การค้าและการลงทุนภายใต้การพัฒนาที่ยั่งยืน&nbsp;โดยเฉพาะประเด็นการพัฒนา&nbsp;คือ&nbsp;การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ&nbsp;ควบคู่กับการอนุรักษ์พื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม&nbsp;ซึ่งอำเภอหนองหิน&nbsp;ได้เล็งเห็นว่าพื้นที่ของอำเภอมีศักยภาพสูงที่จะพัฒนา&nbsp;ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และประเด็นการพัฒนา&nbsp;โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ&nbsp;ที่มีอยู่อย่างมากมาย&nbsp;และภาพยนตร์ชื่อดังได้มาถ่ายทำในพื้นที่ของตำบลปวนพุ&nbsp;เช่น&nbsp;องค์บาก&nbsp;2&nbsp;หรือร่างทรงที่กำลังโด่งดังในประเทศเกาหลีใต้&nbsp;และแหล่งท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นใหม่ในช่วงฤดูหนาวนี้&nbsp;คือดอกบัวตองและทองอุไร&nbsp;ที่กำลังบานสะพรั่งของสองฝั่งถนน&nbsp;โดยเฉพาะต้นทองอุไรนั้น&nbsp;นายชัยธวัช&nbsp;เนียมศิริ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย&nbsp;เป็นผู้ปลูกด้วยตนเอง&nbsp;ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุคคลที่ริเริ่ม&nbsp;และนับหนึ่งให้กับคนหนองหิน&nbsp;ในการที่จะพัฒนาเป็นถนนสายดอกไม้ต่อไปในอนาคต&nbsp;ชาวอำเภอหนองหินพร้อมที่จะนับก้าวที่สองและสามไปไม่มีที่สิ้นสุด&nbsp;จนเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของการท่องเที่ยวในพื้นที่</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;การจัดกิจกรรม</strong>&nbsp;"แต่งไทย&nbsp;ใส่บาตรดอกทองอุไร&nbsp;ณ&nbsp;ทุ่งดอกบัวตอง"&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1&nbsp;ได้ใช้จุดเด่นของแหล่งท่องเที่ยว&nbsp;มาจัดกิจกรรมที่มีหนึ่งเดียวในโลกได้อย่างน่าทึ่งและแปลกใหม่&nbsp;รวมทั้งเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของคนไทยที่จะได้ทำบุญตักบาตรในวันขึ้นปีใหม่&nbsp;อันเป็นมงคลสำหรับชีวิตที่จะก้าวเดินต่อไปในอนาคต&nbsp;และอีกประเด็นสำคัญคือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของคนในชุมชนที่จะได้จำหน่ายสินค้าต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ที่เราได้ผลิตขึ้น&nbsp;ถึงแม้เราจะเผชิญกับปัญหาของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;แต่พวกเราจะต้องก้าวข้ามไปให้ได้&nbsp;พร้อมเฝ้าระวังป้องกัน&nbsp;และปฏิบัติตามมาตรการที่หน่วยงานของรัฐกำหนดอย่างเคร่งครัด</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>1/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเลยสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเลยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220101144812221 จ.ลำปางคึกคัก นักท่องเที่ยวแห่เข้าสักการะ พระธาตุลำปางหลวง เสริมความเป็นสิริมงคลรับปีใหม่<p><strong>จังหวัดลำปางคึกคัก&nbsp;นักท่องเที่ยวแห่เข้าสักการะ&nbsp;</strong>พระธาตุลำปางหลวง&nbsp;เสริมความเป็นสิริมงคลรับปีใหม่&nbsp;ประชาชนและนักท่องเที่ยว&nbsp;แห่เดินทางขึ้นเหนือช่วงวันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่&nbsp;แวะเที่ยวลำปางร่วมสักการะวัดพระธาตุเก่าแก่อายุ&nbsp;1,300&nbsp;กว่าปี&nbsp;“พระธาตุลำปางหลวง”&nbsp;เสริมความเป็นสิริมงคลให้แก่ตนเองและครอบครัว&nbsp;ภาพบรรยากาศตามแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ&nbsp;ในพื้นที่จังหวัดลำปาง&nbsp;ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง&nbsp;หลังจากที่ต้องเงียบเหงาซบเซามานานกว่า&nbsp;2&nbsp;ปี&nbsp;เพราะผลกระทบอันเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส&nbsp;COVID-19&nbsp;โดยในห้วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ปีนี้&nbsp;ประชาชนได้มีการเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาเพื่อเยี่ยมญาติพี่น้อง&nbsp;รวมถึงเดินทางมาเพื่อท่องเที่ยวซึ่งก็จะมีวันหยุดยาวติดต่อกันนานหลายวัน&nbsp;ช่วยให้เศรษฐกิจการค้าการขายตามแหล่งชุมชนในพื้นที่ได้รับการกระตุ้น&nbsp;ประชาชนมีการจับจ่ายซื้อของกันมากขึ้น&nbsp;โดยเฉพาะที่&nbsp;“วัดพระธาตุลำปางหลวง”&nbsp;วัดพระธาตุเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำปาง&nbsp;อายุ&nbsp;1,300&nbsp;กว่าปี&nbsp;หนึ่งในโบราณสถานแหล่งท่องเที่ยวประจำจังหวัด&nbsp;ที่ดูเหมือนจะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ&nbsp;เพราะมีประชาชนนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาที่วัดแห่งนี้&nbsp;เพียงเพื่อต้องการจะเข้ากราบสักการะพระบรมธาตุที่อยู่ภายในวัด&nbsp;</p><p><strong>โดยในเช้าวันนี้&nbsp;(1&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;</strong>ตั้งแต่ก่อนที่ประตูวัดจะเปิดทำการ&nbsp;07.30&nbsp;น.&nbsp;บริเวณถนนด้านหน้าทางขึ้น&nbsp;ซุ้มประตูโขงวัดพระธาตุลำปางหลวง&nbsp;ตำบลลำปางหลวง&nbsp;อำเภอเกาะคา&nbsp;ได้มีประชาชนนักท่องเที่ยวจำนวนมาก&nbsp;เดินทางมายืนรออยู่ที่บริเวณบันไดทางขึ้น&nbsp;คอยที่จะให้ประตูวัดเปิดเพื่อจะได้เข้าไปภายในบริเวณวัด&nbsp;ซึ่งในระหว่างที่รอคอยทำให้หลายคนได้ถ่ายรูปคู่กับซุ้มประตูโขง&nbsp;ซึ่งเป็นซุ้มประตูฝีมือช่างหลวงโบราณที่มีความสวยงามด้วยลวดลายปูนปั้นรูปดอกไม้&nbsp;และสัตว์ป่าหิมพานต์&nbsp;ส่วนด้านหลังซุ้มประตูมีองค์พระธาตุลำปางหลวง&nbsp;ที่เป็นองค์เจดีย์ขนาดใหญ่แบบทรงล้านนา&nbsp;ผสมกับทรงลังกา&nbsp;ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินสูง&nbsp;ส่วนด้านนอกองค์พระธาตุห่อหุ้มด้วยแผ่นทองเหลืองจังโกฉลุลวดลายวิจิตรสวยงาม&nbsp;ยามแสงแดดสาดส่องทำให้องค์พระธาตุมีสีเหลืองทองเปล่งประกายทั่วทั้งองค์ยิ่งดูสวยงามมากขึ้น&nbsp;โดยนักท่องเที่ยวที่เห็นภาพดังกล่าว&nbsp;ต่างอดใจไว้ไม่ไหวต้องยกกล้องถ่ายรูปและกล้องโทรศัพท์มือถือ&nbsp;ขึ้นมาถ่ายรูปปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไว้เป็นที่ระลึกกันอย่างคึกคัก&nbsp;จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาประตูวัดเปิดทำการประชาชนนักท่องเที่ยวต่างได้ทยอยเดินขึ้นบันไดซุ้มประตูเข้าไปภายในบริเวณวัด&nbsp;โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรค&nbsp;COVID-19&nbsp;มีการตรวจวัดอุณหภูมิ&nbsp;ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์&nbsp;รวมถึงลงชื่อผ่านเข้า-ออก&nbsp;พร้อมเบอร์โทรศัพท์</p><p><strong>ซึ่งหลังจากปฏิบัติตามขั้นตอนแล้ว&nbsp;</strong>คณะกรรมการวัดจึงจะอนุญาตให้ผ่านเข้าไปเที่ยวชมภายในวัดได้&nbsp;โดยประชาชนนักท่องเที่ยวที่ผ่านขั้นตอนต่างๆ&nbsp;และได้เข้ามาภายในบริเวณวัด&nbsp;ทุกคนต่างจะมุ่งหน้าที่เข้าไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด&nbsp;ทั้งองค์พระธาตุลำปางหลวง&nbsp;และพระเจ้าแก้วมรกตดอนเต้า&nbsp;พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำปาง&nbsp;ทั้งนี้เพื่อจะขอพรเสริมความเป็นสิริมงคล&nbsp;เสริมสร้างพลังใจให้แก่ตนเองและครอบครัว&nbsp;ให้มีกำลังใจในการที่จะทำงานเริ่มต้นชีวิตใหม่และผ่านพ้นอุปสรรคพบเจอแต่สิ่งดีๆ&nbsp;ในปีพุทธศักราชใหม่&nbsp;โดยบรรยากาศความคึกคักที่ได้มีนักท่องเที่ยว&nbsp;กลับมาเที่ยวที่วัดพระธาตุลำปางหลวงช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้&nbsp;ถือเป็นอีกห้วงเวลาในรอบปีท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส&nbsp;COVID-19&nbsp;ที่จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก&nbsp;ซึ่งหลังจากนี้หากสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายก็คาดว่าวัดพระธาตุลำปางหลวง&nbsp;ก็จะมีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาเที่ยวชม&nbsp;สร้างความคึกคักให้กับชุมชนพื้นที่อีกครั้งในอีก&nbsp;3&nbsp;ข้างหน้า&nbsp;หรือในห้วงเทศกาลสงกรานต์&nbsp;สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำปาง</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>1/1/2022ภาคเหนือลำปางสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220101145230223 ขยายเวลาโครงการพาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน Lot 14 (หมูเนื้อแดง) ไปจนถึง 15 มกราคมนี้<p><strong>นายวัฒนศักย์&nbsp;เสือเอี่ยม&nbsp;อธิบดีกรมการค้าภายใน&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;จากสถานการณ์ปริมาณและราคาหมูที่ยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;โดยกรมการค้าภายใน&nbsp;จึงได้ขยายเวลาโครงการพาณิชย์ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;Lot&nbsp;14&nbsp;(หมูเนื้อแดง)&nbsp;ซึ่งสิ้นสุดโครงการเมื่อวันที่&nbsp;31&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;โดยขยายเวลาต่อไปจนถึงวันที่&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนและตรึงราคาในเบื้องต้น&nbsp;ทั้งนี้ได้มีการปรับราคาจำหน่ายให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น&nbsp;เพื่อไม่ให้กระทบต่อกลไลตลาดและกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงน้อยที่สุด&nbsp;</p><p><strong>โดยหมูเนื้อแดงที่นำมาจำหน่ายในโครงการฯ&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;150&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม</strong>&nbsp;พร้อมติดตามและประเมินสถานการณ์เป็นระยะ&nbsp;เพื่อขยายโครงการในระยะต่อไปตามความเหมาะสม&nbsp;นอกจากนี้ยังได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าในการตรึงราคาไม่ให้สูงขึ้น&nbsp;โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่&nbsp;ที่มีความต้องการบริโภคเนื้อหมูเพิ่มขึ้น</p><p><strong>ประชาชนสามารถเลือกซื้อสินค้าในโครงการพาณิชย์ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;Lot&nbsp;14</strong>&nbsp;&nbsp;(หมูเนื้อแดง)&nbsp;ได้ตามจุดจำหน่ายทั่วประเทศ&nbsp;รวมทั้งตรวจสอบสถานที่จอดรถโมบาย&nbsp;และจุดจำหน่ายได้ที่เว็บไซต์กรมการค้าภายใน&nbsp;หรือ&nbsp;LINE&nbsp;OFFICIAL&nbsp;@Mobilepanich&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;หากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้าและบริการสามารถร้องเรียนได้ที่&nbsp;สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>1/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220101193150346 บรรยากาศเทศกาลท่องเที่ยวรับปีใหม่ ประชาชนแห่ไหว้พระ ศาลหลักเมือง ชมช้าง เมืองกรุงเก่าสุดคึกคัก<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บรรยากาศเทศกาลท่องเที่ยวรับปีใหม่&nbsp;ประชาชนแห่ไหว้พระ&nbsp;ศาลหลักเมือง&nbsp;ชมช้าง&nbsp;เมืองกรุงเก่าสุดคึกคัก</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;วันแรกของปี&nbsp;2565</strong>&nbsp;บรรยากาศการท่องเที่ยวในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;เป็นไปอย่างคึกคัก&nbsp;มีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างมาไหว้พระขอพรรับปีใหม่&nbsp;ที่วิหารพระมงคลบพิตร&nbsp;อำเภอพระนครศรีอยุธยา&nbsp;จังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;นักท่องเที่ยวต่างพาครอบครัวเดินทางมาไหว้พระขอพรจากพระมงคลบพิตร&nbsp;เพื่อความเป็นสิริมงคลกับตนเองและครอบครัว</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;วิหารพระมงคลบพิตร&nbsp;ได้จัดเจ้าหน้าที่คอยให้บริการประชาชน</strong>&nbsp;รวมถึงการคัดกรองและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;ก่อนเข้าสักการะในโบสถ์ด้วย&nbsp;ขณะเดียวกัน&nbsp;มีประชาชนจากทั่วสารทิศ&nbsp;เข้ากราบสักการะศาลหลักเมืองพระนครศรีอยุธยา&nbsp;เพื่อความเป็นสิริมงคลรับปีใหม่&nbsp;รวมทั้งที่วังช้างแลเพนียด&nbsp;ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่ง&nbsp;ที่นักท่องเที่ยวต่างนิยมพาครอบครัวมาท่องเที่ยวและชมความสามารถของน้องช้างและนั่งช้าง&nbsp;ชมโบราณสถานเป็นจำนวนมาก&nbsp;โดยทางวังช้างอยุธยาแลเพนียด&nbsp;ได้ลดราคาค่านั่งช้างให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วย</p>1/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลพระนครศรีอยุธยาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220101182615318 ตราด นักท่องเที่ยวล้นหลาม เที่ยวหาดบานชื่น ช่วงวันหยุดยาวฉลองเทศกาลปีใหม่ 2565 ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>บรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่</strong>&nbsp;นักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่จังหวัดตราด&nbsp;และนักท่องเที่ยวต่างจังหวัด&nbsp;เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวยังหาดบานชื่น&nbsp;ต.ไม้รูด&nbsp;อ.คลองใหญ่&nbsp;จ.ตราด&nbsp;ยังเป็นสถานที่&nbsp;ท่องเที่ยว&nbsp;ยอดฮิตอันดับที่&nbsp;1&nbsp;ของจังหวัดตราด&nbsp;นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยว&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;30&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;พื้นที่นั่งทานตามร้านค้าถูกจับจอง&nbsp;ตั้งแต่ช่วงเช้า&nbsp;แทบจะไม่มีที่นั่ง&nbsp;ขยายพื้นที่ไปจนถึงพื้นที่สาธารณะ&nbsp;และมีนักท่องเที่ยวมากางเตนท์&nbsp;จับจองพื้นที่&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;30&nbsp;ธันวา&nbsp;เพื่อที่จะรอเค้าท์ดาวน์ข้ามปีใหม่&nbsp;ตลอดทั้งมีพ่อค้าแม่ค้าเร่&nbsp;เข้าไปขายของให้กับนักท่องเที่ยว&nbsp;สร้างรายได้ในช่วงเทศกาลหยุดยาวในปีนี้ด้วย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ด้าน&nbsp;นางสาวณัฐสุดา&nbsp;เด่นดวง&nbsp;เป็นนักท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดตราดบอกว่า</strong>&nbsp;จะพาครอบครัวมาเที่ยวที่&nbsp;หาดบานชื่นทุกปี&nbsp;ซึ่งปีนี้เป็นวันหยุดยาวที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากกว่าปกติ&nbsp;ซึ่งตนเองและครอบครัวบอกว่า&nbsp;จากสถานการณ์โควิด&nbsp;ก็ต้องระวัง&nbsp;และรักษามาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด&nbsp;และเว้นระยะห่าง&nbsp;อยู่แต่เฉพาะกลุ่ม&nbsp;หรือครอบครัวของตนเอง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ส่วนด้าน&nbsp;คุณธรรมศักดิ์&nbsp;เทพธรรม&nbsp;นักท่องเที่ยวจากจังหวัดเชียงใหม่&nbsp;บอกว่า&nbsp;</strong>ตั้งใจมาเที่ยวจังหวัดตราด&nbsp;และเลือกมาที่หาดบานชื่น&nbsp;เพราะทะเลสวย&nbsp;และบรรยากาศดี&nbsp;ซึ่งถ้ามาในช่วงเทศกาลต้องมาเช้าหน่อยนึง&nbsp;ประมาณ&nbsp;9-10&nbsp;โมง&nbsp;จะมีที่นั่งให้เลือก&nbsp;ติดริมชายทะเล&nbsp;ถ้ามาสายๆ&nbsp;หรือมาเที่ยง&nbsp;จะหาที่นั่ง&nbsp;ไม่ได้แล้ว&nbsp;มีนักท่องเที่ยวหลายคัน&nbsp;ที่เข้ามาแล้ว&nbsp;ไม่มีที่นั่งและที่จอดรถ&nbsp;จำต้องผิดหวัง&nbsp;เลี้ยวรถกลับไป</p>1/1/2022ภาคตะวันออกตราดสวท.ตราดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220101192414337 นักท่องเที่ยวครึกครื้น สัมผัสแรกสวรรค์อ่าวมาหยา เปิดเที่ยววันแรก หลังปิดฟื้นฟูมานานร่วม 3 ปี วันนี้นักท่องเที่ยวคนไทยเที่ยวฟรี<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(1&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;นายพุฒิพงศ์&nbsp;ศิริมาตย์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่</strong>&nbsp;เป็นประธานในพิธีเปิดรอบปฐมฤกษ์อ่าวมาหยา&nbsp;เกาะพีพี&nbsp;ต.อ่าวนาง&nbsp;อ.เมืองกระบี่&nbsp;จ.กระบี่&nbsp;หลังเปิดให้เข้าเที่ยวเป็นวันแรก&nbsp;หลังจากปิดฟื้นฟูมาร่วม&nbsp;3&nbsp;ปีเศษ&nbsp;โดยมีนายยงยุทธ&nbsp;นาควิโรจน์&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่&nbsp;อนุรักษ์ที่&nbsp;5&nbsp;นายปราโมทย์&nbsp;แก้วนาม&nbsp;หัวหน้าอุทยานห่างชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี&nbsp;จังหวัดกระบี่&nbsp;ร่วมในพิธีและร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยว</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายยงยุทธ&nbsp;นาควิโรจน์&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่&nbsp;อนุรักษ์ที่&nbsp;5&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ผู้ประกอบการนำเที่ยวที่สามารถนำนักท่องเที่ยวเข้าไปเหยียบอ่าวมาหยาได้&nbsp;ต้องเปิดจองผ่านแอพคิวคิว&nbsp;ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชก่อน&nbsp;จากนั้น&nbsp;สามารถเข้าได้ตั้งแต่เวลา&nbsp;07.00-18.00&nbsp;น.&nbsp;ซึ่งใช้เวลา&nbsp;1&nbsp;ชั่วโมงต่อรอบ&nbsp;รวม&nbsp;11&nbsp;รอบ&nbsp;ๆ&nbsp;ละ&nbsp;375&nbsp;คน&nbsp;4,125&nbsp;ต่อวัน&nbsp;ห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำอย่างเด็ดขาด&nbsp;เพื่อที่จะรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์&nbsp;เช่น&nbsp;ฉลามหูดำ&nbsp;ที่มีมากว่า&nbsp;100&nbsp;ตัว&nbsp;และกุ้งมังกร&nbsp;7&nbsp;สี&nbsp;แต่สามารถเดินเล่นและนอนหน้าชายหาดได้&nbsp;หากผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษถูกปรับตามอัตราที่กรมอุทยานฯ&nbsp;กำหนด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;14&nbsp;พ.ย.&nbsp;64</strong>&nbsp;นายวราวุธ&nbsp;ศิลปอาชา&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม&nbsp;ได้มาตรวจติดตามการฟื้นฟูและปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกของอ่าวมาหยา&nbsp;มีความเห็นว่า&nbsp;อ่าวมาหยามีความพร้อมเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้&nbsp;ในวันที่&nbsp;1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่&nbsp;สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ&nbsp;ของนายกรัฐมนตรี&nbsp;พลเอกประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;โดยในวันนี้นักท่องเที่ยวไทยเข้าชมฟรี</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ด้าน&nbsp;นางสาว&nbsp;สุจิตรา&nbsp;แซ่เตื้อง&nbsp;อายุ&nbsp;27&nbsp;ปี&nbsp;นักท่องเที่ยวจากจังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;รูสึกตื่นเต้นที่ได้เข้ามาเที่ยวอ่าวมาหยาในวันแรก&nbsp;ยอมรับสวยงามมาก&nbsp;ยอมรับในความสวยงาม&nbsp;และความเป็นธรรมชาติ&nbsp;นอกจากนั้น&nbsp;ยังยอมกฏติกาที่ทางอุทยานฯ&nbsp;ได้กำหนดเอาไว้&nbsp;ซึ่งทางเจ้าหน้าที่บริการนักท่องเที่ยวที่เข้าชมอ่าวมาหยาได้ดีมาก&nbsp;ถึงแม้จะไม่ได้ลงเล่นน้ำที่อ่าวมาหยาก็ตาม&nbsp;ถือว่าคุ้มค่าที่ได้จองผ่านแอพคิวคิว&nbsp;ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช&nbsp;คุ้มค่าที่ได้มาอ่าวมาหยาเกาะพีพีจริง&nbsp;ๆ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ส่วนบรรยากาศการท่องเที่ยวทางทะเล&nbsp;ตามเกาะแก่งต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;โดยเฉพาะทัวร์&nbsp;4&nbsp;เกาะ</strong>&nbsp;ได้แก่&nbsp;เกาะไก่&nbsp;เกาะทับ&nbsp;เกาะหม้อ&nbsp;และเกาะปอดะ&nbsp;ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากฝั่งหาดอ่าวนาง&nbsp;ต.อ่าวนาง&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.กระบี่&nbsp;พบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเช่าเหมาเรือหัวโทง&nbsp;และเรือสปีดโบ๊ทที่จอดให้บริการบริเวณท่าเรือหาดนพรัตน์ธารา&nbsp;ออกไปท่องเที่ยว&nbsp;จนเรือไม่พอกับจำนวนนักท่องเที่ยว&nbsp;ผู้ประกอบบางรายต้องขนนักท่องเที่ยวไปส่งแล้วกลับมารับใหม่&nbsp;ทำให้บรรยากาศคึกคักมากที่สุดในรอบ&nbsp;2-3&nbsp;ปีที่ผ่านมา&nbsp;เป็นภาพที่หายไปนานหลังจากที่เกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ขณะที่&nbsp;ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากระบี่</strong>&nbsp;ได้นำเรือตรวจการณ์ออกลาดตระเวน&nbsp;รักความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว&nbsp;พบว่าแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลทุกแห่งของทะเลกระบี่&nbsp;คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว&nbsp;บรรยากาศสุดคุดึกคักในรอบ&nbsp;3&nbsp;ปี&nbsp;ซึ่งผู้ประกอการพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า&nbsp;ไม่คิดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวมากขนาดนี้&nbsp;เป็นภาพที่เคยลืมไปแล้ว</p>1/1/2022ภาคใต้กระบี่สวท.กระบี่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220101195832366 จังหวัดสระบุรี จัดงานทานตะวันบานที่บ้านเลียงผาส่งเสริมการท่งเที่ยวธรรมชาติ<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;</strong>นายเอกพร&nbsp;จุ้ยสำราญ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี&nbsp;เป็นประธานเปิดงานทานตะวันบาน&nbsp;และร่วมกิจกรรมเติมน้ำให้เลียงผา&nbsp;เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับชุมชนทำงานด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการท่องเที่ยวในชุมชน&nbsp;ณ&nbsp;บ้านเลียงผา&nbsp;ป่าชุมชนเขาพระพุทธบาทน้อย-เขาขมิ้น&nbsp;หมู่ที่&nbsp;4&nbsp;บ้านโป่งค่าป่าไม้แดง&nbsp;ตำบลท่าตูม&nbsp;อำเภอแก่งคอย&nbsp;จังหวัดสระบุรี</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายทองสุข&nbsp;จันทะบูลย์&nbsp;ประธานศูนย์ป่าชุมชนเขาพระพุทธบาทน้อย&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ศูนย์ป่าชุมชนเขาพระพุทธบาทน้อย&nbsp;มีเนื้อที่ภูเขา&nbsp;2,186&nbsp;ไร่&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ป่าชุมชนรายรอบภูเขา&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;ป่า&nbsp;ประกอบด้วยป่าชุมชนบ้านพระพุทธบาทน้อย&nbsp;ตำบลสองคอน&nbsp;ป่าชุมชนบ้านบ่อโศรก&nbsp;ตำบลสองคอน&nbsp;ป่าชุมชนบ้านทุ่งแซง&nbsp;ตำบลท่าตูม&nbsp;ป่าชุมชนบ้านโป่งค่าป่าไม้แดง&nbsp;ตำบลท่าตูม&nbsp;มีป่าชุมชน&nbsp;2&nbsp;แปลง&nbsp;คือ&nbsp;ป่าชุมชนบ้านโป่งค่าป่าไม้แดง&nbsp;ป่าชุมชนเขาขมิ้น&nbsp;มีทรัพยากรธรรมชาติที่โดดเด่น&nbsp;คือ&nbsp;เลียงผา&nbsp;สัตว์ป่าสงวนในอนุสัญญาไชเตส&nbsp;นกจู๋เต้นเขาปูนพันธุ์สระบุรี&nbsp;เป็นนกเฉพาะถิ่น&nbsp;สถานะใกล้สูญพันธุ์&nbsp;แมงกระดานถ้ำโมงนาที&nbsp;สถานะ&nbsp;เป็นสัตว์ชนิดใหม่ของโลก&nbsp;ต้นปรงสระบุรี&nbsp;อยู่ในบัญชีไชเตส&nbsp;(บัญชี&nbsp;2)&nbsp;สถานะใกล้สูญพันธุ์&nbsp;ถ้ำหินงอกหินย้อยสวยงาม&nbsp;ถ้ำเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า&nbsp;ถ้ำเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณ&nbsp;มีพืชและสัตว์ในระบบนิเวศน์เขาหินปูนที่สมบูรณ์อีกมากมาย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>กิจกรรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่ดำเนินการ&nbsp;ได้แก่</strong>&nbsp;กิจกรรมทำแนวกันไฟ&nbsp;และกิจกรรมดนตรีกล่อมไพรด้วยใจรักษ์เลียงผา&nbsp;กิจกรรมทำฝ่ายชะลอน้ำ&nbsp;กิจกรรมปลูกต้นไม้/กิจกรรมอนุรักษ์พันธุกรรมพืช&nbsp;กิจกรรมอบรมเยาวชน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำหรับรางวัลที่ได้รับประกอบด้วย</strong>&nbsp;รางวัลลูกโลกสีเขียวทั้งประเภทชุมชน&nbsp;และประเภท&nbsp;5&nbsp;ปี&nbsp;แห่งความยั่งยืน&nbsp;รางวัลเชิดชูเกียรติขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ&nbsp;หรือไอยูซีเอ็นรางวัล&nbsp;ทสม.&nbsp;ประเภทดีเด่นทั้งประเภทเครือข่ายและประเภทบุคคล&nbsp;และรางวัลที่ชุมชนภาคภูมิใจที่สุด&nbsp;คือ&nbsp;รางวัลทรัพยากรธรรมชาติสมบูรณ์ขึ้นด้วยความหวงแหนของชุมชนและเครือข่ายหลังจากการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติประสมผลสำเร็จ&nbsp;ชุมชนต้องมีรายได้จากการอนุรักษ์&nbsp;ดังนั้น&nbsp;ชุมชนจึงได้ร่วมกันปลูกทานตะวันเพื่อการท่องเที่ยวชุมชนเป็นปีแรก&nbsp;เพื่อให้ชุมชนมีรายได้&nbsp;กิจกรรมจะจัดไปจนถึงวันที่&nbsp;25&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นี้</p>1/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสระบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสระบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220101210305386 ศรีสะเกษ เปิดงานเทศกาลปีใหม่สี่เผ่าไทยศรีสะเกษ ประจำปี 2565 (New Normal)<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>เมื่อเวลา&nbsp;17.00-23.00&nbsp;น.&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ</strong>&nbsp;นายวัฒนา&nbsp;พุฒิชาติ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ/ที่ปรึกษาเหล่ากาชาดจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;เป็นประธานในพิธีเปิดงานเทศกาลปีใหม่สี่เผ่าไทยศรีสะเกษ&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;(New&nbsp;Normal)&nbsp;โดยกำหนดจัดงานในระหว่างวันที่&nbsp;29&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ถึงวันที่&nbsp;4&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;7&nbsp;วัน&nbsp;7&nbsp;คืน&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;โดยมีวัตถุประสงค์การจัดงาน&nbsp;ดังนี้&nbsp;1.เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรม&nbsp;ประเพณีท้องถิ่นของชาวจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ให้ดำรงไว้ซึ่งอัตลักษณ์อันดีงาม&nbsp;2.เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนชาวจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;และจังหวัดใกล้เคียง&nbsp;ได้พักผ่อนหย่อนใจ&nbsp;ร่วมกิจกรรมการประกวดแข่งขัน&nbsp;และการเลือกซื้อสินค้าในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่&nbsp;3.เพื่อส่งเสริมความสมัครสมานสามัคคีของข้าราชการ&nbsp;พ่อค้า&nbsp;ประชาชนชาวจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;4.การออกร้านธารากาชาดเพื่อจัดหารายได้ในการบรรเทาทุกข์แก่ประชาชน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย</strong>&nbsp;1.การออกร้านนิทรรศการของหน่วยงานทั้งภาครัฐ&nbsp;และเอกชน&nbsp;การจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบล&nbsp;หนึ่งผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;สินค้าพื้นถิ่นของจังหวัด&nbsp;การหน่ายสินค้าของภาคเอกชน&nbsp;2.การประกวดผลิตทางการเกษตร&nbsp;3.การแข่งขันกีฬาเซปักตะกร้อ&nbsp;และวอลเลย์บอล&nbsp;4.การแสดงและกิจกรรมบนเวทีกลางของหน่วยงาน/สถาบันการศึกษาต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ในจังหวัด&nbsp;เช่น&nbsp;การประกวดร้องเพลงของผู้บริหารท้องที่/ท้องถิ่น&nbsp;การประกวด&nbsp;Cover&nbsp;Dance&nbsp;การประกวดธิดาสี่เผ่าไทย&nbsp;การเดินแบบผ้าอัตลักษณ์จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;การแสดงโขนขุขันธ์&nbsp;เป็นต้น&nbsp;5.การจัดกิจกรรมจำหน่ายและออกสลากการกุศล&nbsp;ราคาฉบับละ&nbsp;50&nbsp;บาท&nbsp;มีรางวัล&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;รถยนต์&nbsp;รถจักรยานยนต์&nbsp;และรางวัลอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;อีกมากมาย&nbsp;6.การทำบุญตักบาตรในวันขึ้นปีใหม่</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>โดยในการจัดงานครั้งนี้&nbsp;คณะกรรมการจัดงานทุกฝ่ายได้บูรณาการความร่วมมือในการจัดเตรียมความพร้อมการดำเนินงานเป็นอย่างดี</strong>&nbsp;ร่วมทั้งได้รับความร่วมมือร่วมใจจากส่วนราชการ&nbsp;อำเภอ&nbsp;สถานศึกษา&nbsp;องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น&nbsp;กำนัน&nbsp;ผู้ใหญ่บ้าน&nbsp;ตลอดจนบริษัท&nbsp;ห้างร้าน&nbsp;สมาคม&nbsp;มูลนิธิ&nbsp;และประชาชนชาวจังหวัดศรีสะเกษเป็นอย่างดี</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;การดำเนินกิจกรรมดังกล่าวปฏิบัติตามมาตรการภายใต้การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(โควิด-19)&nbsp;ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด</strong>&nbsp;โดยมีพระครูโกศลสิขกิจ&nbsp;เจ้าคณะอำเภอภูสิงห์&nbsp;นายประกอบ&nbsp;ละการชั่ว&nbsp;ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;นายเทอดพงศ์&nbsp;จามน้อยพรหม&nbsp;ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;นางมัลลิกา&nbsp;พุฒิชาติ&nbsp;นายกเหล่ากาชาดจังหวัด/ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด&nbsp;นายสำรวย&nbsp;เกษกุล&nbsp;นายอนุรัตน์&nbsp;ธรรมประจิต&nbsp;นายนพ&nbsp;พงศ์ผลาดิสัย&nbsp;นางสาวชนมณัฐ&nbsp;รอดบุญธรรม&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ปลัดจังหวัด&nbsp;รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด&nbsp;(ท)&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจังหวัด&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด&nbsp;นายวิชิต&nbsp;ไตรสรณกุล&nbsp;นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;นายวิทยา&nbsp;วิรารัตน์&nbsp;ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัด&nbsp;ประธานหอการค้าจังหวัด&nbsp;นายอำเภอทุกอำเภอ&nbsp;สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัด&nbsp;สมาชิกชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด&nbsp;ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัด&nbsp;นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัด&nbsp;นายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยว&nbsp;ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัด&nbsp;รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาศรีสะเกษ&nbsp;ยโสธร&nbsp;ผู้บริหารสถานศึกษา&nbsp;ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น&nbsp;ผู้บริหารภาคเอกชน&nbsp;พี่น้องประชาชนทั้งภายใน&nbsp;และนอกจังหวัด&nbsp;แขกผู้มีเกียรติ&nbsp;ร่วมในพิธี</p>1/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือศรีสะเกษสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220101210058384 จังหวัดกระบี่เปิดอ่าวมาหยา ณ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเป็นวันแรก หลังจากปิดฟื้นฟูมาเป็นระยะเวลา 3 ปี<p><strong>วันที่&nbsp;1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</strong>&nbsp;นายพุฒิพงศ์&nbsp;ศิริมาตย์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายยงยุทธ&nbsp;นาควิโรจน์&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักพื้นที่อนุรักษ์ที่&nbsp;5&nbsp;&nbsp;นายปราโมทย์&nbsp;แก้วนาม&nbsp;หัวหน้าอุทยานแก่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยวบริเวณอ่าวมาหยา&nbsp;"วันขึ้นปีใหม่&nbsp;2565"&nbsp;หลังจากมีการปิดอ่าวมาหยาเมื่อปี&nbsp;2561&nbsp;เพื่อให้ธรรมชาติได้พักฟื้นจนถึงตอนนี้ธรรมชาติระบบนิเวศเริ่มฟื้นตัวบริเวณชายหาด&nbsp;มีความสวยงามพบฝูงปลาฉลามหูดำบริเวณหน้าอ่าวมาหยาเป็นจำนวนมาก&nbsp;และมีปะการังเริ่มฟื้นตัว&nbsp;โดย&nbsp;พลเอกประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรี&nbsp;และนายวราวุธ&nbsp;ศิลปอาชา&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม&nbsp;ได้มีนโยบายเปิดอ่าวมาหยาเพื่อรับการท่องเที่ยว&nbsp;ในวันที่&nbsp;2&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;07.00-18.00&nbsp;น.&nbsp;โดยการจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวรอบละ&nbsp;375&nbsp;คน&nbsp;นักท่องเที่ยวมีเวลาเที่ยวได้&nbsp;1&nbsp;ชั่วโมง/รอบ&nbsp;เพื่อไม่ให้เกิดความแออัด&nbsp;และคงความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติเอาไว้&nbsp;และในการเตรียมความพร้อมเปิดอ่าวมาหยา&nbsp;กรมอุทยานแห่งชาติ&nbsp;สัตว์ป่า&nbsp;และพันธุ์พืช&nbsp;ได้พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก&nbsp;ท่าเทียบเรือ&nbsp;และเส้นทางเชื่อมอ่าวโละซาม๊ะ&nbsp;-&nbsp;อ่าวมาหยา&nbsp;เป็นจุดรับ-ส่ง&nbsp;นักท่องเที่ยว&nbsp;โดยเรือที่จะเดินทางมาอ่าวมาหยาจะไม่อนุญาตให้เข้ามาจอดด้านหน้าแต่จะให้จอดด้านหลังหาดบริเวณอ่าวโละซาะแทน&nbsp;และในการเข้ามาท่องเที่ยวในบริเวณอ่าวมาหยา&nbsp;ต้องจองผ่านแอปพลิเคชัน&nbsp;QeuQ&nbsp;(คิวคิว&nbsp;ก่อนมาท่องเที่ยวเพื่อเป็นการจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยว&nbsp;และรักษาสมดุลทางธรรมชาติ&nbsp;และในการเข้ามาท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตามมาตรการ&nbsp;และแนวทางปฏิบัติการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า&nbsp;2019&nbsp;(COVID-19)&nbsp;ในรูปแบบ&nbsp;New&nbsp;Normal</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>1/1/2022ภาคใต้กระบี่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220101223325404 อ่าวมาหยาเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยววันแรกแห่ลงสัมผัสความสวยงามของทรัพยากรธรรมชาติหลังฟื้นฟูทรัพยากรมาเกือบ 3 ปี<p><strong>วันที่&nbsp;1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;11.30&nbsp;น.&nbsp;</strong>นายพุฒิพงศ์&nbsp;ศิริมาตย์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่&nbsp;พร้อมด้วยนายยงยุทธ&nbsp;นาควิโรจน์&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักพื้นที่อนุรักษ์ที่&nbsp;5&nbsp;นายปราโมทย์&nbsp;แก้วนาม&nbsp;หัวหน้าอุทยานแก่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมต้อนรับนักท่องเที่ยวบริเวณอ่าวมาหยา&nbsp;"วันขึ้นปีใหม่&nbsp;2565"&nbsp;หลังจากมีการปิดอ่าวมาหยาเมื่อปี&nbsp;2561&nbsp;เพื่อให้ธรรมชาติได้พักฟื้นจนถึงตอนนี้ธรรมชาติระบบนิเวศเริ่มฟื้นตัวบริเวณชายหาดมีความสวยงาม&nbsp;</p><p><strong>ตามที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช&nbsp;</strong>ได้ปิดอ่าวมาหยาหมู่เกาะพีพี&nbsp;เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี&nbsp;หมู่ที่&nbsp;7&nbsp;บ้านเกาะพีพี&nbsp;ตำบลอ่าวนาง&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดกระบี่&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;21&nbsp;มิถุนายน&nbsp;2561เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทั้งบนบกและในทะเล&nbsp;โดยเฉพาะอย่างปะการังน้ำตื้นและสัตว์น้ำหายากฉลามหูดำ&nbsp;กุ้งมังกร&nbsp;7&nbsp;สี&nbsp;มาเป็นเวลา&nbsp;3&nbsp;ปี&nbsp;6&nbsp;เดือน&nbsp;โดยนายวราวุธ&nbsp;ศิลปอาชา&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม&nbsp;เห็นวาระยะเวลาดังกล่าวสามารถฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกลับคืนมาได้&nbsp;100%&nbsp;จึงให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช&nbsp;เปิดอ่าวมาหยาในวันที่&nbsp;1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทย&nbsp;นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ&nbsp;รวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวและท่องเที่ยว&nbsp;ได้มีรายได้หลังประสบปัญหาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19&nbsp;มาเป็นเวลา&nbsp;2&nbsp;ปี&nbsp;ในวันนี้ถือเป็นวันปฐมฤกษ์ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปสัมผัส&nbsp;และเหยียบผืนทรายขาวละเอียดที่โอบล้อมไปด้วยแนวเทือกเขาของท้องทะเลอันดามันที่มีน้ำสีครามใสสะอาด&nbsp;โดยมีนายพุฒิพงศ์&nbsp;ศิริมาศ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่&nbsp;พร้อมด้วยนายยงยุทธ์&nbsp;นาควิโรจน์&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักพื้นที่อนุรักษ์ที่&nbsp;5&nbsp;และนายปราโมทย์&nbsp;แก้วนาม&nbsp;หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี&nbsp;ร่วมเปิดอ่าวมาหยาอย่างเป็นทางการในการเปิดพุทธศักราชปีใหม่&nbsp;2565&nbsp;ให้นักท่องเที่ยวชาวไทยทั่วประเทศและนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก&nbsp;สามารถท่องเที่ยวอ่าวมาหยาได้ตามแผนการบูรณาการและจัดการบริหารพื้นที่อ่าวมาหยาอย่างเคร่งครัด&nbsp;เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อระบบนิเวศวิทยาและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม&nbsp;ทั้งบนบกและในทะเลคือเรือทุกลำต้องเข้าจอดเทียบท่าที่บริเวณอ่าวโละซาม๊ะ&nbsp;เพื่อส่งและรับนักท่องเที่ยว&nbsp;</p><p><strong>ส่วนด้านหน้าปากอ่าวมาหยาจะไม่ให้เรือเข้ามาในเขตห้วงห้ามอย่างเด็ดขาด&nbsp;</strong>ผู้ที่เข้าอ่าวมาหยาได้จะต้องจองผ่านแอปพลิเคชันคิวคิว&nbsp;ก่อนมาท่องเที่ยวเพื่อจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยว&nbsp;และรักษาความสมดุลทางธรรมชาติ&nbsp;รวมถึงต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19&nbsp;ในรูปแบบนิวนอมอล&nbsp;นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเที่ยวชมได้ตั้งแต่เวลา&nbsp;07.00-18.00&nbsp;น.&nbsp;รวม&nbsp;11&nbsp;รอบๆละ&nbsp;375&nbsp;คนต่อ&nbsp;1&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;รวมจำนวนนักท่องเที่ยว&nbsp;4,125&nbsp;คนต่อวัน&nbsp;และห้ามลงเล่นน้ำและอาบน้ำทะเลอย่างเด็ดขาด</p><p><strong>ส่วนบรรยากาศโดยรวมของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเที่ยวชมอ่าวมาหยาในวันนี้&nbsp;</strong>เป็นไปอย่างคึกคักสวนใหญ่ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย&nbsp;ชาวต่างชาติแถวยุโรป&nbsp;สแกนดิเนเวีย&nbsp;กลุ่มกลุ่มเอเชีย&nbsp;ต่างพึงพอใจในการบริหารจัดการของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี&nbsp;จังหวัดกระบี่&nbsp;ที่คอยอำนวยความสะดวกให้ตลอดอยู่ในพื้นที่อ่าวมาหยา&nbsp;ทั้งให้ความร่วมมือโดยการไม่ลงเล่นน้ำและว่ายน้ำ&nbsp;บางคนถึงกับนั่งและนอนอาบแดดอย่างสบายอารมณ์ในเวลา&nbsp;1&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;ที่ขาดเสียไม่ได้คือทุกคนต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งได้มาอ่าวมาหยาแล้ว&nbsp;ทั้งยังส่งไปให้เพื่อนๆได้ดูบรรยากาศความสวยงามของอ่าวมาหยาอีกด้วย</p><p><strong>ด้านนางโชติมา&nbsp;ประเสริฐ&nbsp;นักท่องเที่ยวชาวไทย</strong>&nbsp;กล่าวว่ารู้สึกดีใจมากเพราะมาหลายครั้งแล้วไม่เคยได้เข้ามาในอ่าวมาหยาเลย&nbsp;และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาประทับใจมาก&nbsp;ส่วนการไม่ให้ลงเล่นน้ำหน้าชายหาดนั้นรู้สึกเฉยๆ&nbsp;เพราะว่าเขาต้องการอนุรักษ์ปะการังน้ำตื้นและฉลามหูดำเอาไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานเอาไว้ได้ดูถือว่าดี&nbsp;ส่วนการบริหารจัดการก็ถือว่าดี</p><p><strong>โอกาสนี้นายนายยงยุทธ์&nbsp;นาควิโรจน์&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักพื้นที่อนุรักษ์ที่&nbsp;5</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;วันนนี้เป็นวันแรกหลังจากที่ปิดอ่าวมาหยาจะร่วม&nbsp;4&nbsp;ปี&nbsp;&nbsp;ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็ฟื้นฟูมาก&nbsp;ตนหวังว่านักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศต่างพึงพอใจและมีความสุขในเทศกาลปีใหม่&nbsp;ซึ่งได้เปิดตามนโยบายนายกรัฐมนตรี&nbsp;1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ&nbsp;และตามนโยบายของนายวราวุธ&nbsp;ศิลปอาชา&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม&nbsp;ซึ่งอ่าวมาหยามันเป็นอัญมณีที่มีค่าสุดที่เมืองไทยเรามีในขณะนี้&nbsp;หวังว่าทุคนจะร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวอย่างมีความสุข&nbsp;สำคัญที่สุดของเป้าหมายการเปิดอ่าวมาหยา&nbsp;นอกจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวเป็นแหล่งนันทนาการของนักท่องเที่ยวแล้ว&nbsp;สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการดำรงอยู่ความยั่งยืนของทรัพยากรทั้งทางบกและทางทะเล&nbsp;โดยเฉพาะปัจจุบันมีฉลามหูดำ&nbsp;ซึ่งเป็นสัตว์ทะเลหายากได้มาอยู่อาศัยบริเวณหน้าหาดอ่างมาหยา&nbsp;ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตรวจนับได้ร่วม&nbsp;160&nbsp;กว่าตัว&nbsp;ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนร่วมทั้งปะการัง&nbsp;ซึ่งด้านหลังอ่าวมาหยาคืออ่าวโล๊ะซ๊ามะเช่นเดียวกันปะการังได้รับการฟื้นฟูมามีความเจริญเติบโตขึ้นมา&nbsp;3-&nbsp;5&nbsp;เซนติเมตร&nbsp;นั้นแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม&nbsp;หลังจากที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช&nbsp;โดยอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี&nbsp;จังหวัดกระบี่&nbsp;ปิดอ่าวมาหยาเกือบรวม&nbsp;4&nbsp;ปี</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>1/1/2022ภาคใต้กระบี่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220101233318405 นักท่องเที่ยวแห่เที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน-เขาสก แน่นที่สุดในรอบ 2 ปี คาดสุราษฎร์เงินสะพัดกว่า 276 ล้านบาท<p><strong>แหล่งท่องเที่ยวบริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา(เขื่อนเชี่ยวหลาน)&nbsp;</strong>อำเภอบ้านตาขุน&nbsp;,&nbsp;อุทยานแห่งชาติคลองพนม&nbsp;และอุทยานแห่งชาติเขาสก&nbsp;อำเภอพนม&nbsp;เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวไทยจากกรุงเทพฯ&nbsp;และต่างจังหวัด&nbsp;นำรถยนต์ส่วนตัวเดินทางไปท่องเที่ยวถ่ายภาพและพักผ่อนจำนวนมาก&nbsp;ส่งผลให้บรรยากาศคึกคักมาก&nbsp;โดยเฉพาะรีสอร์ทที่พักในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสก&nbsp;30&nbsp;แห่งกว่า&nbsp;500&nbsp;แห่งเต็มไปจนถึงวันที่&nbsp;2&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่มีจุดแคมป์ปิ้งยอดนิยมหลายแห่ง&nbsp;ที่ผู้ประกอบการได้ให้นักท่องเที่ยวอีกด้วย&nbsp;</p><p><strong>นายไกรศักดิ์&nbsp;พุทธสุภะ&nbsp;เจ้าของเขาสกกรีนวอลเล่ย์บอล&nbsp;รีสอร์ท&nbsp;</strong>ตำบลคลองศก&nbsp;อำเภอพนม&nbsp;และเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์&nbsp;สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวเขาสก&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;การท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวดีที่สุดในรอบ&nbsp;2&nbsp;ปีจากสถานการณ์โควิด-19&nbsp;ที่ต้องปิดตัวไป&nbsp;แม้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวไทยไม่ใช่ชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มหลักของเขาสกแต่ก็ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นมาก&nbsp;เพราะอัดอั้นไม่ได้ออกท่องเที่ยวกันมานาน</p><p><strong>นางสาวนันทวัน&nbsp;ศิริโภคพัฒน์&nbsp;ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;(ททท.)&nbsp;สำนักงานสุราษฎร์ธานี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;สถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่&nbsp;วันที่&nbsp;31&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;-&nbsp;3&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ฝั่งแผ่นดินใหญ่ของ&nbsp;จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;(ไม่รวมเกาะสมุย&nbsp;เกาะพะงัน&nbsp;เกาะเต่า)&nbsp;จำนวน&nbsp;15,992&nbsp;คน&nbsp;มีรายได้จากการท่องเที่ยว&nbsp;63.81&nbsp;ล้านบาท&nbsp;แต่ภาพรวมการท่องเที่ยวทั้งจังหวัดคาดจะมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย&nbsp;23.97&nbsp;เปอร์เซ็นต์&nbsp;จำนวนผู้เยี่ยมเยือน&nbsp;31,740&nbsp;คน&nbsp;มีรายได้จากการท่องเที่ยว&nbsp;276.19&nbsp;ล้านบาท&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p>2/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220102075756417 ไฟประดับ กลับมาสร้างสีสัน สว่างไสวยามค่ำคืนเมืองยะลา อีกครั้ง พร้อมจุดเช็คอิน สโนแลนด์เมืองหิมะ<p><strong>ไฟประดับตรงบริเวณวงเวียนหอนาฬิกา&nbsp;กลางเมืองยะลา&nbsp;</strong>ซึ่งเทศบาลนครยะลา&nbsp;ตกแต่งขึ้น&nbsp;ในปี&nbsp;2022&nbsp;&nbsp;ได้กลับมาสร้างสีสัน&nbsp;ความสุขให้กับพี่น้องประชาชน&nbsp;ชาวยะลา&nbsp;อีกครั้ง&nbsp;หลัง&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;ผ่านพ้นช่วงวิกฤตโควิด-19</p><p><strong>ควบคู่ไปกับจุดเช็คอิน&nbsp;แลนด์มาร์ครับปีใหม่&nbsp;&nbsp;สโนแลนด์เมืองหิมะ&nbsp;ที่ดึงดูดใจเด็กๆ</strong>&nbsp;&nbsp;พ่อ&nbsp;แม่&nbsp;ผู้ปกครอง&nbsp;&nbsp;รวมถึงประชาชนทั่วไป&nbsp;&nbsp;ในยามค่ำคืน&nbsp;ที่ต่างก็ได้&nbsp;นำบุตรหลาน&nbsp;ออกมาโพสท่า&nbsp;ถ่ายรูป&nbsp;สโนแลนด์เมืองหิมะ&nbsp;ตามมุมต่างๆ&nbsp;กันอย่างคึกคัก&nbsp;ถึงแม้นว่าหิมะจะไม่ตกเหมือนในคืน&nbsp;จัดงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่&nbsp;31&nbsp;ธ.ค&nbsp;64&nbsp;แล้วก็ตาม&nbsp;&nbsp;แต่ทุกคนก็ยังอยากที่จะมา&nbsp;เซลฟี่&nbsp;ถ่ายรูปในโทรศัพท์มือถือ&nbsp;กล้องถ่ายรูป&nbsp;&nbsp;กับครั้งแรกในเมืองหิมะ&nbsp;เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก&nbsp;ส่งให้ครอบครัว&nbsp;เพื่อนฝูง&nbsp;ญาติพี่น้องทุกคน&nbsp;โดยเด็กๆ&nbsp;ต่างก็มีรอยยิ้มแห่งความสุข&nbsp;สนุกสนาน&nbsp;ที่ได้วิ่งเล่น&nbsp;จับทรายที่อยู่บนพื้น&nbsp;ซึ่งนานนับ&nbsp;2&nbsp;ปีแล้ว&nbsp;ที่บรรยากาศ&nbsp;แบบนี้ไม่เกิดขึ้นกับ&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;หลังได้เกิดการะบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19&nbsp;อย่างหนัก</p><p><strong>ขณะที่ภายในวงเวียนหอนาฬิกา&nbsp;“YALA&nbsp;LIGHT&nbsp;NOW&nbsp;2022”&nbsp;&nbsp;ก็เป็นอีกจุดหนึ่ง</strong>ที่ประชาชนให้ความสนใจไปถ่ายรูปกันจำนวนมาก&nbsp;ซึ่งจะมีหลายๆมุมให้เลือก&nbsp;ทั้ง&nbsp;4&nbsp;ด้านไม่ว่าจะเป็น&nbsp;ปลามังกร&nbsp;ปลาพวงชมพู&nbsp;นกเขาชวา&nbsp;&nbsp;รวมถึง&nbsp;ไฟแสงเลเซอร์&nbsp;ก็ยังคงอยู่ในความสนใจของเด็ก&nbsp;&nbsp;ที่พ่อ&nbsp;แม่นำมาวิ่งเล่นกัน</p><p><strong>สำหรับการตกแต่งไฟประดับ&nbsp;ในช่วงเทศกาลปีใหม่&nbsp;เทศบาลนครยะลา</strong>&nbsp;ได้จัดอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี&nbsp;เพื่อมอบความสุข&nbsp;&nbsp;สร้างสีสัน&nbsp;บรรยากาศในยามค่ำคืนที่สว่างไสวให้กับเมืองยะลา&nbsp;สะท้อนความเป็นอยู่&nbsp;วิถีชีวิตของประชาชน&nbsp;ในพื้นที่&nbsp;ที่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข&nbsp;ในสังคมพหุวัฒนธรรมชายแดนใต้</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>รุ่งสุรีย์&nbsp;กิตติกุลสวัสดิ์&nbsp;สทท.ยะลา</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p><p>&nbsp;</p>2/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220102080259419 หนองคาย วันหยุดยาวปีใหม่แห่เที่ยวสกายวอล์คคึกคัก<p><strong>บรรยากาศการท่องเที่ยววันหยุดยาวช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จังหวัดหนองคายคึกคัก</strong>&nbsp;นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาท่องเที่ยวกันเป็นครอบครัว&nbsp;มาเป็นกลุ่มญาติและกลุ่มเพื่อน&nbsp;แห่เที่ยวสกายวอล์ค&nbsp;ที่วัดผาตากเสื้อ&nbsp;อำเภอสังคม&nbsp;จุดชมวิวกระจกใสแห่งแรกของประเทศไทย&nbsp;กันตั้งแต่เช้าและตลอดทั้งวัน&nbsp;บรรยากาศการท่องเที่ยวจังหวัดหนองคายในวันหยุดยาวช่วงเทศกาลปีใหม่&nbsp;คึกคักตั้งแต่เช้า&nbsp;นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ&nbsp;เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ&nbsp;ในจังหวัดหนองคาย</p><p><strong>จุดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดหนองคาย</strong>&nbsp;เป็นจำนวนมากอีกจุดหนึ่งคือ&nbsp;สกายวอล์ค&nbsp;ที่วัดผาตากเสื้อ&nbsp;ตำบลผาตั้ง&nbsp;อำเภอสังคม&nbsp;จังหวัดหนองคาย&nbsp;จุดชมวิวกระจกใสแห่งแรกของประเทศไทย&nbsp;ซึ่งวันนี้มีนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่พากันมาเป็นครอบครัว&nbsp;มาเป็นกลุ่มญาติและกลุ่มเพื่อนๆ&nbsp;โดยได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่สกายวอล์คกันตั้งแต่เช้าและตลอดทั้งวัน&nbsp;ต่างชมทัศนียภาพ&nbsp;2&nbsp;ฝั่งโขงไทย&nbsp;-ลาวมุมสูงที่สวยงามและได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกบนสกายวอล์คที่มีฉากหลังเป็นวิวมุมสูงสองประเทศไทย-ลาวกัน</p><p><strong>สำหรับสกายวอล์ค&nbsp;แห่งนี้ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นชม&nbsp;</strong>อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่&nbsp;6&nbsp;เมษายน&nbsp;2559&nbsp;เปิดให้ชมตั้งแต่เวลา&nbsp;09.30&nbsp;น.&nbsp;–&nbsp;16.30&nbsp;น.&nbsp;&nbsp;ขณะนี้ถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัดหนองคาย&nbsp;มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัสแล้วมากกว่า&nbsp;1&nbsp;ล้านคน&nbsp;ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดหนองคาย&nbsp;ส่วนใหญ่จะต้องเดินทางมาสัมผัสสกายวอล์คแห่งนี้</p><p><br></p><p><br></p>2/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหนองคายสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคายhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220102094810434 จังหวัดภูเก็ต บรรยากาศการท่องเที่ยวทางทะเลในช่วงเทศกาลปีใหม่คึกคัก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเน้นย้ำมาตรการความปลอดภัย และมาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มงวด<p><strong>บรรยากาศที่ท่าเรืออ่าวฉลอง&nbsp;ตำบลฉลอง&nbsp;อำเภอเมืองภูเก็ต&nbsp;</strong>ซึ่งเป็น&nbsp;1&nbsp;ใน&nbsp;3&nbsp;ท่าเรือหลักสำคัญของการท่องเที่ยวทางทะเลของเกาะภูเก็ต&nbsp;มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นจำนวนมาก&nbsp;เพื่อเดินทางออกไปท่องเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ&nbsp;ทั้งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและพื้นที่ใกล้เคียงอย่างเกาะพีพี&nbsp;จังหวัดกระบี่&nbsp;โดยมีทั้งการท่องเที่ยวแบบ&nbsp;One&nbsp;Day&nbsp;Trip&nbsp;และพักค้างคืน&nbsp;</p><p><strong>ชหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลความปลอดภัยและผู้ประกอบการ&nbsp;</strong>ตรวจสอบความพร้อมของท่าเทียบเรือ&nbsp;ตัวเรือ&nbsp;อุปกรณ์ประจำเรือ&nbsp;ผู้ควบคุมเรือและคนประจำเรือ&nbsp;เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว&nbsp;รวมทั้งการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด&nbsp;เช่น&nbsp;การวัดอุณหภูมิร่างกาย&nbsp;การตรวจสอบ&nbsp;Application&nbsp;หมอพร้อม&nbsp;หมอชนะ&nbsp;ของนักท่องเที่ยวและการเน้นย้ำการสวมหน้ากากอนามัย</p><p><strong>บรรยากาศการท่องเที่ยวทางทะเลของจังหวัดภูเก็ต&nbsp;</strong>เริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากตั้งแต่ช่วงปลายปี&nbsp;2564&nbsp;ซึ่งถือเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต&nbsp;ที่ทะเลและเกาะแก่งต่างๆ&nbsp;มีความสวยงาม&nbsp;พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว&nbsp;ให้มาชมความงดงามใต้ทัองทะเล&nbsp;ดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น&nbsp;ชมฝูงปลาและหากโชคดีจะพบเห็นโลมาเล่นน้ำช่วงเกาะไม้ท่อน&nbsp;เป็นอีกหนึ่งความงดงามทางธรรมชาติที่สร้างความประทับใจใหกับนักท่องเที่ยวและสร้างเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดภูเก็ต&nbsp;ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวทางทะเลในช่วงเทศกาลปีใหม่กลับมาคึกคักอีกครั้ง&nbsp;หลังจากสถานการณ์โควิด-19</p><p><br></p><p><br></p>2/1/2022ภาคใต้ภูเก็ตสวท.ภูเก็ตhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220102110510464 ประชาชนและนักท่องเที่ยวยังคงหลั่งไหลเข้าเยี่ยมชม การท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จังหวัดตรัง<p><strong>วันนี้&nbsp;(2&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;นางวรรณา&nbsp;พรหมบุญทอง&nbsp;ผู้อำนวยการศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่&nbsp;2&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่&nbsp;2&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;เปิดให้บริการนักท่องเที่ยว/&nbsp;ประชาชน&nbsp;&nbsp;ในช่วงเทศกาลปีใหม่&nbsp;บริการจุดนิทรรศการถ่ายทอดความรู้การผลิตและขยายพันธ์ุพืช&nbsp;และสนับสนุนต้นพันธุ์กระท่อม&nbsp;ต้นพันธุ์พืชผัก&nbsp;แก่ประชาชน&nbsp;&nbsp;มีจุดบริการและให้ความรู้แก่เกษตรประชาชนเรื่องการเพาะเลี้ยงและใช้ประโยชน์จากแหนแดงด้วย</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ในแต่ละวันจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม&nbsp;กว่า&nbsp;200&nbsp;คนต่อวัน&nbsp;&nbsp;</strong>ซึ่งนอกจากจะมีพันธุ์พืชต่างๆแต่ให้เป็นของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชนแล้ว&nbsp;ยังมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;จัดนิทรรศการและให้ความรู้ในด้านต่างๆแก่ประชาชนที่เข้ามาเยี่ยมชมด้วย&nbsp;&nbsp;ซึ่งประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมส่วนใหญ่ให้ความสนใจการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ&nbsp;โดยกว่าจะมาเป็นต้นพันธ์ุที่ดีจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ&nbsp;&nbsp;บรรจุถุงเพาะชำส่งมอบให้เกษตรกร&nbsp;ต้องผ่านกระบวนการล้างเนื้อเยื่อและปลูกอนุบาลด้วยความตั้งใจ&nbsp;เพื่อให้เกษตรกรได้รับต้นพันธุ์ที่ปลอดโรค&nbsp;ต้นสมบูรณ์และแข็งแรงที่สุด&nbsp;จึงขอให้ประชาชนและเกษตรกรมั่นใจได้ว่า&nbsp;พืชพันธุ์ดีต้องที่ศูนย์ขยายพันธุ์พืชกรมส่งเสริมการเกษตร&nbsp;เท่านั้น</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>&nbsp;#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>2/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220102110939468 ผู้ว่าฯ แพร่ เยี่ยมชมงาน OTOP ภูมิภาค ความสุขผลิบานทั่วไทย มียอดจำหน่ายประจำวันที่ 1 มกราคม 2565 จำนวน 234,350 บาท<p><strong>นายสมหวัง&nbsp;พ่วงบางโพ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่&nbsp;</strong>พร้อมด้วย&nbsp;นางวันทนา&nbsp;พ่วงบางโพ&nbsp;นายกเหล่ากาชาดจังหวัดแพร่&nbsp;เข้าเยี่ยมชมให้กำลังใจและอุดหนุนสินค้าของผู้ผลิตผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ที่นำสินค้ามาจำหน่ายในงาน<strong>&nbsp;</strong>OTOP&nbsp;ภูมิภาค&nbsp;ความสุขผลิบานทั่วไทย&nbsp;(ประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2564)&nbsp;พื้นที่จังหวัดแพร่&nbsp;ในระหว่างวันที่&nbsp;29&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;–&nbsp;4&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่บริเวณลานจัดงานตรงข้ามอนุสาวรีย์พระยาไชยบูรณ์&nbsp;ถนนยันตรกิจโกศล&nbsp;ตำบลป่าแมต&nbsp;อำเภอเมืองแพร่&nbsp;จังหวัดแพร่&nbsp;เพื่อส่งเสริมเผยแพร่การนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาสินค้าหนึ่งตำบล&nbsp;หนึ่งผลิตภัณฑ์&nbsp;ส่งเสริมช่องทางการตลาดให้กับสินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;ตลอดจนเพื่อให้ผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ได้เรียนรู้ทักษะด้านการบริหารจัดการและการตลาด&nbsp;โดยมีผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;จากทั่วประเทศเข้าร่วมจำหน่ายสินค้าในงานแต่ละจุด&nbsp;ประมาณ&nbsp;300&nbsp;บูธ</p><p><strong>โดยมียอดการจำหน่ายประจำวันที่&nbsp;1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;234,350&nbsp;บาท&nbsp;</strong>ผู้ประกอบการที่มียอดจำหน่ายสูงสุด&nbsp;3&nbsp;ลำดับแรกประจำวันที่&nbsp;1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ได้แก่&nbsp;สักชัยเฟอร์นิเจอร์&nbsp;ยอดจำหน่าย&nbsp;45,000&nbsp;บาท&nbsp;กลุ่มวิสาหกิจชุมชนณหทัย&nbsp;เนเจอรัลเฮิร์บ&nbsp;ยอดจำหน่าย&nbsp;31,200&nbsp;บาท&nbsp;และกลุ่มทอผ้าบ้านปิน&nbsp;ยอดจำหน่าย&nbsp;15,000&nbsp;บาท</p><p><strong>สำหรับยอดจำหน่ายสินค้าสะสม&nbsp;4</strong>&nbsp;วัน&nbsp;(ตั้งแต่วันที่&nbsp;29&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ถึง&nbsp;1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;รวมทั้งสิ้น&nbsp;643,830&nbsp;บาท&nbsp;ผู้ประกอบการที่มียอดจำหน่ายสะสมสูงสุด&nbsp;3&nbsp;ลำดับแรก&nbsp;คือ&nbsp;สักชัยเฟอร์นิเจอร์&nbsp;ยอดจำหน่าย&nbsp;67,700&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;ญเนศไทยดีไซน์&nbsp;ยอดจำหน่าย&nbsp;61,500&nbsp;บาท&nbsp;และหม้อห้อมน้องผึ้ง&nbsp;ยอดจำหน่าย&nbsp;55,980&nbsp;บาท</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;จังหวัดแพร่&nbsp;มีผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;เข้าร่วมจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าภายในงาน&nbsp;จำนวน&nbsp;58&nbsp;ราย&nbsp;</strong>แบ่งเป็นประเภท&nbsp;คือ&nbsp;ประเภทอาหาร&nbsp;จำนวน&nbsp;6&nbsp;ราย&nbsp;<strong>&nbsp;</strong>ประเภทเครื่องดื่ม&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;ราย&nbsp;<strong>&nbsp;</strong>ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย&nbsp;จำนวน&nbsp;25&nbsp;ราย&nbsp;<strong>&nbsp;</strong>ประเภทของใช้ของที่ระลึก&nbsp;จำนวน&nbsp;16&nbsp;ราย&nbsp;<strong>&nbsp;</strong>ประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;ราย<strong>&nbsp;</strong>และประเภทชวนชิม&nbsp;จำนวน&nbsp;7&nbsp;ราย<strong>&nbsp;</strong></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>2/1/2022ภาคเหนือแพร่สวท.แพร่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220102120624514 บรรยากาศท่องเที่ยววันหยุดยาวปีใหม่ เขื่อนป่าสักฯ คึกคัก นักท่องเที่ยวพักรถแวะเที่ยว นั่งรถไฟตัวหนอน ชมวิวสันเขื่อน เที่ยวชมพื้นที่จัดแสดงอุโมงค์ปลาน้ำจืด ก่อนเดินทางกลับเข้า กทม.<p><strong>บรรยากาศ&nbsp;ท่องเที่ยววันหยุดยาว&nbsp;เนื่องในเทศกาลปีใหม่&nbsp;ที่ลพบุรีคึกคัก</strong>&nbsp;โดยเฉพาะที่&nbsp;โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์&nbsp;ตำบลหนองบัว&nbsp;อำเภอพัฒนานิคม&nbsp;จังหวัดลพบุรี&nbsp;นักท่องเที่ยว&nbsp;ซึ่งเริ่มทยอยเดินทางกลับจากภาคเหนือ&nbsp;และอีสาน&nbsp;เพื่อเข้า&nbsp;กทม.ล่วงหน้า&nbsp;ต่างพากันจอดแวะพักรถ&nbsp;ณ&nbsp;เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์&nbsp;เพื่อใช้บริการนั่งรถไฟตัวหนอน&nbsp;ลากไปแบบชิลล์ๆ&nbsp;เพื่อชมวิวไปตามสันเขื่อน&nbsp;ระยะทางไปกลับ&nbsp;9,720&nbsp;เมตร&nbsp;โดยใช้เวลาประมาณ&nbsp;1&nbsp;ชั่วโมงเศษ&nbsp;ซึ่งมีลมพัดเย็นสบายตลอดทั้งวัน&nbsp;เพื่อชมความงดงามและความยิ่งใหญ่บนสันเขื่อนของพ่อ&nbsp;พร้อมแวะถ่ายรูปเช็คอิน&nbsp;เก็บบรรยากาศทัศนียภาพบริเวณพื้นที่โดยรอบของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์&nbsp;ซึ่งเกิดจากพระราชดำริของ<span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(32,&nbsp;33,&nbsp;36);">พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช&nbsp;บรมนาถบพิตร</span></p><p><strong>ซึ่งปีนี้ยังคงมีน้ำเต็มเขื่อน&nbsp;จนทางเขื่อนป่าสักฯ&nbsp;ต้องจัดขบวนรถไฟตัวหนอน&nbsp;เพิ่มอีกหลายขบวน&nbsp;</strong>เพื่อให้เพียงพอต่อจำนวนนักท่องเที่ยว&nbsp;ในแต่ละรอบ&nbsp;เนื่องจากในแต่ละขบวนมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวให้นั่งแบบมีระยะห่าง&nbsp;ตามมาตรการการป่องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด&nbsp;-19&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมฟรี&nbsp;พื้นที่จัดแสดงอุโมงค์พันธุ์ปลาน้ำจืดของเขื่อนป่าสักฯ&nbsp;เพื่อเรียนรู้แหล่งกำเนิด&nbsp;และชนิดของพันธุ์ปลาต่างๆ&nbsp;ที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำของเขื่อนปลาสักชลสิทธิ์&nbsp;ก่อนเดินทางกลับเข้า&nbsp;กทม.&nbsp;อีกด้วย</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>2/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลลพบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220102124837553 ประชาชนเที่ยววัดถ้ำ ยะลา ไหว้พระปีใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคลคึกคัก<p><strong>ช่วงของเทศกาลปีใหม่&nbsp;ที่มีวันหยุดติดต่อกัน&nbsp;หลายๆ&nbsp;ครอบครัว&nbsp;ที่ลูกหลาน&nbsp;ญาติพี่น้อง</strong>ได้มีโอกาสเดินทางกลับมาเยี่ยม&nbsp;บ้านเกิดก็มักจะตระเวนเดินทางไปไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์&nbsp;ที่ตนเองเคารพนับถือยังสถานที่&nbsp;ต่างๆ</p><p><strong>สำหรับ&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;ซึ่งผู้ที่เป็นลูกหลานเดินทางนำครอบครัวตนเองจากพื้นที่อื่น</strong>&nbsp;มาเยี่ยมพ่อ&nbsp;แม่&nbsp;ก็จะพากันไปที่วัดถ้ำ&nbsp;หรือ&nbsp;คูหาภิมุข&nbsp;&nbsp;เพื่อขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์&nbsp;เพื่อความเป็นสิริมงคลในวันขึ้นปีพุทธศักราชใหม่&nbsp;2565&nbsp;เมื่อเดินทางมาถึง&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;และก่อนเดินทางกลับไปทำงาน&nbsp;ซึ่งที่นี่จะมีทั้งพระพุทธไสยาสน์&nbsp;ซึ่งเป็นพระนอนขนาดใหญ่อายุนับพันปี&nbsp;&nbsp;พระพุทธรูป&nbsp;ต่างๆ&nbsp;ที่ตั้งประดิษฐ์ฐานวางเรียงรายภายในวัดถ้ำ&nbsp;&nbsp;รวมทั้ง&nbsp;พ่อเจ้าเขา&nbsp;หรือ&nbsp;&nbsp;ยักษ์วัดถ้ำ&nbsp;ที่ยืนตระหง่านสูงเด่นที่บริเวณทางขึ้นถ้ำ&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ชาวนราธิวาสที่เดินทางกันมาเป็นกลุ่ม&nbsp;บอกว่า&nbsp;“ได้เดินทางไปไหว้พระที่วัดช้างไห้&nbsp;</strong>จ.ปัตตานี&nbsp;มาแล้ว&nbsp;ก่อนที่จะมาไหว้พระที่วัดถ้ำยะลา&nbsp;&nbsp;ซึ่งเป็นสิ่งที่&nbsp;ชาว&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;เคารพนับถือ&nbsp;ก็จะขอพรให้สุขภาพดี&nbsp;ปราศจากโรคภัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่&nbsp;ชาวมหาสารคราม&nbsp;ซึ่งเดินทางมา&nbsp;พร้อมกับครอบครัวที่เป็นชาวยะลา&nbsp;บอกว่า&nbsp;ปีนี้&nbsp;าได้มีโอกาสเดินทางมายะลา&nbsp;แต่ก็ยังกลัว&nbsp;และกังวลกับโควิด&nbsp;โอมิครอน&nbsp;อยู่&nbsp;&nbsp;โดยส่วนตัวทั้งตนเอง&nbsp;และครอบครัวก็จะสวมใส่หน้ากากอนามัย&nbsp;มีเจลพกติดตัวเสมอ&nbsp;เพื่อป้องกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วันนี้&nbsp;ก่อนจะเดินทางกลับก็ได้ชักชวนกันมาไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลในวันขึ้นปีใหม่&nbsp;“</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;นอกจากชาวยะลา&nbsp;และจังหวัดต่างๆ&nbsp;&nbsp;จะให้ความสนใจ&nbsp;เดินทางมาไหว้สักการะ</strong>สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดถ้ำยะลา&nbsp;แล้ว&nbsp;ก็ยังมีกลุ่มชาวมอญ&nbsp;ชาวเมียน&nbsp;ที่ทำงาน&nbsp;ใน&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;&nbsp;ได้นำครอบครัวมาไหว้พระ&nbsp;ด้วยซึ่งนอกจากการทำบุญไหว้พระแล้วก็ยัง&nbsp;ซื้ออาหารให้ลิงที่วัดถ้ำซึ่งมีนับสิบ&nbsp;ๆ&nbsp;ตัว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่&nbsp;การปฎิบัติตามมาตรการสาธารณสุข&nbsp;เพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19&nbsp;&nbsp;ประชาชนยังคงให้ความร่วมมือสวมใส่หน้ากากอนามัยกันทุกคน</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>&nbsp;#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p><p>&nbsp;</p><p>&nbsp;</p>2/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220102125326558 นักท่องเที่ยวพาครอบครัวแช่ออนเซ็นบ่อน้ำร้อนเบตง สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัดยะลา ในวันหยุดช่วงเทศกาลปีใหม่<p><strong>วันนี้&nbsp;(2&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;บรรยากาศการท่องเที่ยวในวันหยุดช่วงเทศกาลปีใหม่&nbsp;ที่อำเภอเบตง&nbsp;จังหวัดยะลา</strong>&nbsp;เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่พาครอบครัว&nbsp;เพื่อนฝูง&nbsp;มาพักผ่อนตามสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในพื้นที่&nbsp;โดยเฉพาะที่บ่อน้ำร้อนเบตง&nbsp;สถานที่ท่องเที่ยวอินเทรนด์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;สามรถแช่ออนเซ็น&nbsp;ไม่ต้องโกอินเตอร์ไกลถึงญี่ปุ่น&nbsp;ก็สามารถมาเที่ยวเพื่อสุขภาพได้&nbsp;โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวก่อนจะเข้ามาบ่อน้ำร้อนแห่งนี้เพื่อเฝ้าระวังป้องกันเชื้อไวรัส&nbsp;COVID-19</p><p><strong>สำหรับบ่อน้ำร้อนเบตง&nbsp;ตั้งอยู่ในหมู่บ้านจะเราะปะไร&nbsp;ตำบลตาเนาะแมเราะ&nbsp;จังหวัดยะลา</strong>&nbsp;เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่มีขนาดพื้นที่ประมาณ&nbsp;3&nbsp;ไร่&nbsp;โดยจะมีน้ำร้อนผุดขึ้นมาจากใต้ดิน&nbsp;ประกอบด้วยแร่ธาตุต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;มากมาย&nbsp;นักท่องเที่ยวจะนิยมนำไข่ไก่&nbsp;และไข่นกกระทาไปต้มในบ่อน้ำร้อน&nbsp;อุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ประมาณ&nbsp;80&nbsp;องศาเซลเซียส&nbsp;สามารถต้มไข่ไก่ได้จนสุกภายใน&nbsp;10&nbsp;นาที&nbsp;พร้อมทั้งอาบ&nbsp;หรือแช่เท้าเล่น&nbsp;บ่อแช่น้ำร้อนใหม่และอาคารธาราบำบัด&nbsp;โดยเชื่อกันว่าน้ำแร่แห่งนี้&nbsp;สามารถบรรเทารักษาโรคภัยต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ได้เป็นอย่างดี&nbsp;อาทิ&nbsp;โรคปวดเมื่อยโรคเหน็บชา&nbsp;โรคผิวหนัง&nbsp;เป็นต้น&nbsp;ซึ่งโดยรอบของบ่อน้ำร้อนแห่งนี้ได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ให้มีความสวยงาม&nbsp;ในช่วงที่ปิดให้บริการจากสถานการณ์โควิด&nbsp;แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ&nbsp;เพื่อให้เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจ&nbsp;และส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ&nbsp;นอกจากนี้มีเจ้าหน้าที่คัดกรองนักท่องเที่ยว</p><p><strong>ภายในบ่อน้ำร้อนเบตง&nbsp;ยังมีสระน้ำขนาดใหญ่&nbsp;สำหรับกักน้ำจากน้ำพุร้อนเพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว</strong>ได้ใช้อาบหรือแช่เท้าเล่น&nbsp;ซึ่งแต่ละโซนออกแบบอย่างได้มาตรฐาน&nbsp;ถูกสุขลักษณะทั้งบ่อน้ำร้อนบ่อใหญ่&nbsp;บ่อแช่น้ำร้อนใหม่และอาคารธาราบำบัด&nbsp;โดยเชื่อกันว่าน้ำแร่แห่งนี้&nbsp;สามารถบรรเทารักษาโรคภัยต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ได้เป็นอย่างดี&nbsp;อาทิ&nbsp;โรคปวดเมื่อยโรคเหน็บชา&nbsp;โรคผิวหนัง&nbsp;เป็นต้น&nbsp;ตลอดจนมีอาคารสำหรับพักค้างคืน&nbsp;ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายอย่างครบครัน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>ภาพ/ข่าว&nbsp;อดินันท์&nbsp;มะลี&nbsp;อ.เบตง&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;084-8559605</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>2/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.เบตง จ.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220102125455560 เจ้าท่าภูมิภาค สาขาตราด อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เดินทางกลับจากการท่องเที่ยวเกาะกูด ช่วงส่งท้ายวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2565<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>(2&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวส่งท้ายช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่&nbsp;2565&nbsp;ที่ท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยวบ้านแหลมศอก&nbsp;</strong>ตำบลอ่าวใหญ่&nbsp;อำเภอเมืองตราด&nbsp;เป็นไปด้วยความคึกคัก&nbsp;มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมากเดินทางกลับหลังการพักผ่อนช่วงหยุดยาวจากการท่องเที่ยวเกาะกูด&nbsp;จังหวัดตราด&nbsp;แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลยอดนิยมอีกแห่งของจังหวัดตราด&nbsp;โดยมีเจ้าหน้าที่&nbsp;สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค&nbsp;สาขาตราด&nbsp;คอยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่โดยสารมากับเรือโดยสารประจำทาง</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ในขณะที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ&nbsp;บางส่วนยังคงเดินทางไปท่องเที่ยวเกาะกูดผ่านท่าเทียบเรือ</strong>เพื่อการท่องเที่ยวบ้านแหลมศอก&nbsp;ซึ่งเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค&nbsp;สาขาตราด&nbsp;ยังคงตรวจความพร้อมของเรือโดยสารประจำทาง&nbsp;รวมทั้งยังแนะนำให้ผู้โดยสาร&nbsp;สวมใส่ชูชีพขณะโดยสารเรือทุกครั้ง&nbsp;รวมทั้งแนะนำให้ผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา&nbsp;เพื่อป้องกันปัญหาโควิด&nbsp;-19&nbsp;อีกด้วย</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ทั้งนี้&nbsp;จากข้อมูลการใช้บริการของนักท่องเที่ยว&nbsp;ผ่านท่าเทียบเรือ</strong>เพื่อการท่องเที่ยวบ้านแหลมศอก&nbsp;ของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค&nbsp;สาขาตราด&nbsp;ในช่วงเทศกาลปีใหม่&nbsp;2565&nbsp;พบว่า&nbsp;มีเรือโดยสารให้บริการจำนวน&nbsp;8&nbsp;ลำ&nbsp;มีนักท่องเที่ยวใช้บริการทั้งขาไป&nbsp;–&nbsp;กลับ&nbsp;เฉลี่ย&nbsp;1,500&nbsp;-&nbsp;2,000&nbsp;คนต่อวัน&nbsp;ทั้งนี้เนื่องจากนักท่องเที่ยวนิยมหันมาเที่ยวเกาะกูดกันมากขึ้น&nbsp;อาจจะเป็นสาเหตุนักท่องเที่ยวต้องการไปหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>2/1/2022ภาคตะวันออกตราดสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220102150031608 ขนส่ง จ.อุตรดิตถ์ เตรียมรถโดยสาร พร้อมรองรับประชาชนเดินทางกลับในช่วงหลังเทศกาลปีใหม่<p>วัน<strong>นี้&nbsp;(2&nbsp;ม.ค.64)&nbsp;นายประวิทย์&nbsp;กิจประยูร&nbsp;ขนส่ง&nbsp;จ.อุตรดิตถ์&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ในช่วงเทศกาลปีใหม่&nbsp;2565&nbsp;สำนักงานขนส่งจ.อุตรดิตถ์&nbsp;ได้ติดตามการเดินทางของประชาชนที่ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ&nbsp;ซึ่งในปีนี้มีประชาชนใช้บริการไม่มากนัก&nbsp;เนื่องจากมีการเดินทางด้วยรถส่วนตัวมากขึ้น&nbsp;และประชาชนส่วนใหญ่เริ่มทยอยเดินทางก่อนถึงช่วงวันหยุดยาว&nbsp;ทำให้การขนส่งสาธารณะไม่แออัด&nbsp;</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;ในช่วงใกล้สิ้นสุดวันหยุดยาว&nbsp;ประชาชนเริ่มมีการเดินทางกลับ&nbsp;ขนส่ง&nbsp;จ.อุตรดิตถ์</strong>&nbsp;ได้มีการเตรียมความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะโดยเน้นย้ำกับบริษัทเดินรถจัดรถโดยสาธารณะให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน&nbsp;ไม่ให้มีประชาชนตกค้าง&nbsp;ณ&nbsp;สถานีขนส่ง&nbsp;นอกจากนี้ได้มีการตรวจสอบความพร้อมของพนักงานขับรถทุกเที่ยว&nbsp;และตรวจสอบความพร้อมของรถทุกคัน&nbsp;ก่อนออกจากสถานีขนส่ง&nbsp;จ.อุตรดิตถ์</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;จังหวัดอุตรดิตถ์&nbsp;มีสถิติอุบัติเหตุสะสม&nbsp;4&nbsp;วันระหว่างวันที่&nbsp;29&nbsp;ธ.ค.64&nbsp;–&nbsp;1&nbsp;ม.ค.65</strong>&nbsp;เกิดอุบัติเหตุสะสม&nbsp;จำนวน&nbsp;46&nbsp;ครั้ง&nbsp;ผู้บาดเจ็บ&nbsp;47&nbsp;ราย&nbsp;ผู้เสียชีวิต&nbsp;1&nbsp;ราย&nbsp;ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมผู้ขับขี่&nbsp;ทั้งเมาแล้วขับและขับรถเร็วเกินกำหนด&nbsp;จึงต้องขอความร่วมมือผู้ใช้รถใช้ถนน&nbsp;ระมัดระวังในการเดินทาง&nbsp;มีสติและไม่ประมาท&nbsp;เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทั้งต่อตนเองและผู้อื่น&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>2/1/2022ภาคเหนืออุตรดิตถ์สวท.อุตรดิตถ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220102155715620 สำนักงานขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์ ยืนยัน พร้อมจัดเตรียมรถโดยสารเสริม รองรับประชาชน ที่จะเดินทางกลับ ในวันพรุ่งนี้<p><strong>นายสยาม&nbsp;ภู่ทรัพย์สิน&nbsp;หัวหน้ากลุ่มวิชาการขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>ขณะนี้ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับแล้ว&nbsp;การจองตั๋วรถโดยสารเที่ยวปกติขณะนี้เต็มหมดแล้ว&nbsp;ซึ่งสำนักงานขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์&nbsp;ได้เตรียมรถโดยสารเสริม&nbsp;คอยให้บริการประชาชน&nbsp;ทั้งนี้คาดการณ์ว่า&nbsp;ในวันพรุ่งนี้จะมีประชาชนมาใช้บริการมากขึ้น&nbsp;ซึ่งสำนักงานขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์&nbsp;ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากเทศบาลเมืองบุรีรัมย์&nbsp;ตั้งจุดคัดกรองและสุ่มตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;กับผู้มาใช้บริการ&nbsp;ซึ่งทุกคนจะต้องผ่านจุดคัดกรองก่อนขึ้นไปยังรถโดยสาร&nbsp;เพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;</p><p><strong>ส่วนมาตรการการเตรียมความพร้อมในการให้บริการประชาชน&nbsp;ขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์</strong>ได้ดำเนินการ&nbsp;3&nbsp;กิจกรรม&nbsp;คือ&nbsp;การตรวจความพร้อมของรถและพนักงานขับรถ&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;แห่ง&nbsp;&nbsp;รวม&nbsp;251&nbsp;คัน&nbsp;/&nbsp;ตรวจคัดกรองโควิด-19&nbsp;กับผู้ขับรถและผู้โดยสาร&nbsp;1,232&nbsp;คน&nbsp;มีการสุ่มตรวจจับความเร็วบนถนนสายหลัก&nbsp;มีการสุ่มตรวจ&nbsp;231&nbsp;คัน&nbsp;มีความเร็วเกินกำหนด&nbsp;11&nbsp;คัน&nbsp;ความเร็วเฉลี่ยประมาณ&nbsp;104&nbsp;กม/ชม.&nbsp;รวมถึงเฝ้าระวังการใช้ความเร็วของรถด้วยระบบ&nbsp;GPS&nbsp;เพื่อให้ประชาชนเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>&nbsp;#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>2/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบุรีรัมย์สวท.บุรีรัมย์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220102162906626 สินค้าหลายชนิด ในตลาด อ.ศีขรภูมิ ราคาแพง รับปีใหม่<p><strong>จากการสำรวจตลาดสดเทศบาลตำบลศีขรภูมิ&nbsp;อำเภอศีขรภูมิ&nbsp;จังหวัดสุรินทร์ของผู้สื่อข่าว&nbsp;ในพื้นที่</strong>&nbsp;พบว่า&nbsp;ราคาเนื้อหมูที่ขยับขึ้นสูงถึงกิโลกรัมละ&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;ในขณะที่ผักสดบางชนิดราคาคงที่&nbsp;แต่บางชนิดมีราคาสูงขึ้นตาม</p><p><strong>เจ้หมวย&nbsp;เจ้าของเขียงหมูในตลาดสดเทศบาลตำบลศีขรภูมิ&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ขายเนื้อหมูมานานว่า&nbsp;20&nbsp;ปี&nbsp;ราคาหมูที่เคยแพงเต็มที่&nbsp;ประมาณกิโลกรัมละ&nbsp;120&nbsp;–&nbsp;130&nbsp;บาท&nbsp;ถือว่าแพงสุดสุดแล้ว&nbsp;มาในช่วงเทศกาลปีใหม่ปีนี้&nbsp;ราคาหมูขยับจากฟาร์มประมาณ&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;จากเดิมกิโลกรัมละ&nbsp;60-80บาท&nbsp;ไปสูงสุด&nbsp;120&nbsp;บาท&nbsp;ทำให้เขียงหมูในตลาดจำเป็นต้องขยับตัวตามไปด้วย&nbsp;และบรรดาผู้บริโภคจำเป็นต้องจับจ่ายไปเลี้ยงฉลองในห้วงเทศกาลปีใหม่ด้วย&nbsp;</p><p><strong>สำหรับเนื้อหมูเนื้อแดงซึ่งก่อนนี้ขายเพียง&nbsp;160-180&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;</strong>ถึงวันนี้ราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;จนถึงกิโลกรัมละ&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;เครื่องใน&nbsp;สันนอก&nbsp;สันใน&nbsp;ก็อยู่ในราคาประมาณนี้</p><p><strong>ด้านแม่ค้าขายผักสด&nbsp;แม่ค้าขายผลไม้&nbsp;ได้ให้ข้อมูลเช่นกันว่า</strong>&nbsp;มีผักบางชนิดราคาสูง&nbsp;แต่ยังดีที่จำพวกผักชี&nbsp;ผักกาด&nbsp;คะน้า&nbsp;ราคายังไม่ขยับ&nbsp;เนื่องจากว่าในห้วงนี้ประชาชนในเขตพื้นที่ด้านนอกได้ปลูกและนำมาขายเองโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง</p><p><strong>อย่างไรก็ตามในขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ออกสำรวจผักผลไม้&nbsp;ตลอดจนเนื้อหมูภายในตลา</strong>ด&nbsp;ได้มีพี่น้องประชาชน&nbsp;ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด&nbsp;ต่างทยอย&nbsp;มาจับจ่ายซื้อของกันอย่างต่อเนื่อง&nbsp;เพื่อนำไปประกอบอาหารให้กับพี่น้องที่เดินทางมาพักผ่อนในการหยุดยาวในช่วงเทศกาลปีใหม่</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>2/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสุรินทร์สวท.สุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220102182057645 ถนนคนเดิน ย่านเมืองเก่า จังหวัดภูเก็ต คึกคักช่วงเทศกาลปีใหม่ มีจัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมต้อนรับนักท่องเที่ยว ควบคู่การชมความสวยงามของอาคารแบบชิโน-โปรตุกีส<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">วันที่&nbsp;2&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่&nbsp;บริเวณถนนคนเดิน&nbsp;ย่านเมืองเก่า&nbsp;จังหวัดภูเก็ต</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">&nbsp;ทั้งบริเวณถนนถลาง&nbsp;ซอยรมณีย์&nbsp;ถนนดีบุก&nbsp;มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาชมความงามของอาคารสถาปัตยกรรมชิโน-โปรตุกีส&nbsp;พร้อมเก็บภาพประทับใจ&nbsp;สัมผัสวิถีชีวิตย่านเมืองเก่า&nbsp;เลือกซื้อสินค้าของฝากของที่ระลึก&nbsp;ทั้งเสื้อผ้าพื้นเมือง&nbsp;และแวะรับประทานอาหารประจำถิ่น&nbsp;พร้อมนั่งชมการแสดงศิลปวัฒนธรรม&nbsp;ที่ทางสภาวัฒนธรรมตำบลตลาดใหญ่&nbsp;ชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต&nbsp;ชุมชนคุณธรรมวัดมงคลนิมิตร&nbsp;และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต&nbsp;ร่วมจัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมของเครือข่ายทางวัฒนธรรม&nbsp;ที่เปรียบเสมือนเป็นการแสดงของฑูตทางวัฒนธรรมแห่งสยาม&nbsp;ในการต้อนรับนักท่องเที่ยว&nbsp;มาให้นักท่องเที่ยวได้ชมความงดงามอย่างใกล้ชิด&nbsp;</span></p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">ทั้งนี้&nbsp;ถนนคนเดินย่านเมืองเก่าจังหวัดภูเก็ต&nbsp;โดยปกติจะเปิดเฉพาะวันอาทิต</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">ย์&nbsp;แต่เนื่องในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่&nbsp;จึงมีการเปิดตลาด&nbsp;2&nbsp;วัน&nbsp;คือ&nbsp;วันที่&nbsp;1&nbsp;และ&nbsp;วันที่&nbsp;2&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เนื่องจากถนนคนเดินย่านเมืองเก่าภูเก็ต&nbsp;เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม&nbsp;ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจและเดินทางมาชมความงาม&nbsp;สัมผัสวิถีชีวิตความเป็นเมืองเก่าของเกาะภูเก็ต&nbsp;ทำให้บรรยากาศในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่&nbsp;ย่านถนนคนเดินเมืองเก่า&nbsp;จังหวัดภูเก็ตมีความคึกคักมากกว่าปีที่ผ่านมา&nbsp;แต่อย่างไรก็ตาม&nbsp;แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ&nbsp;ในจังหวัดภูเก็ต&nbsp;นักท่องเที่ยวต่างให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด</span></p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>2/1/2022ภาคใต้ภูเก็ตสวท.ภูเก็ตhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220102183722647 สนับสนุุนการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยี ยกระดับเศรษฐกิจการค้าชายแดน 6 ประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง<p><strong>นายณัฐพล&nbsp;นิมมานพัชรินทร์</strong>&nbsp;ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล&nbsp;(depa)&nbsp;&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ได้ร่วมมือกับสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง&nbsp;ในการสนับสนุนการนำเทคโนโลยีนวัตกรรมดิจิทัลยกระดับเศรษฐกิจและสังคมภายใต้โครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจใน&nbsp;6&nbsp;ประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ไทย&nbsp;เมียนมา&nbsp;กัมพูชา&nbsp;ลาว&nbsp;&nbsp;เวียดนาม&nbsp;และมณฑลยูนนานของจีน&nbsp;</p><p><strong>โดยเน้นการสร้างความร่วมมือและหาแนวทางแลกเปลี่ยนประสบการณ์</strong>และนวัตกรรมด้านเศรษฐกิจดิจิทัลผ่านกิจกรรมต่างๆ&nbsp;ช่วยขับเคลื่อนทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมให้เติบโต&nbsp;พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในการก้าวเข้าสู่ยุคสังคมดิจิทัลสมัยใหม่ภายใต้กรอบการพัฒนาทางการเกษตรและการพาณิชย์&nbsp;การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน&nbsp;และพลังงานและนวัตกรรมสิ่งแวดล้อม&nbsp;มุ่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และเสริมสร้างศักยภาพ&nbsp;ขจัดความยากจน&nbsp;ลดความเหลื่อมล้ำให้แก่กลุ่มประเทศสมาชิกควบคู่กับการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจการค้าชายแดน&nbsp;</p><p><strong>จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ระบุว่า</strong>&nbsp;การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนในช่วงปี&nbsp;2564&nbsp;มีการส่งออกแล้ว&nbsp;778,367&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ขยายตัวกว่าร้อยละ&nbsp;38&nbsp;ส่วนมูลค่าการค้าการส่งออกและนำเข้า&nbsp;9&nbsp;เดือนแรกของปี&nbsp;2564&nbsp;มีมูลค่ากว่า&nbsp;1.2&nbsp;ล้านบาท</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>3/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220103114947759 ขนส่งแม่สะเรียง เตือนผู้ขับขี่ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินพร่ำเพรื่อ ลดอุบัติเหตุทางถนน<p><strong>นายพิษณุ&nbsp;พันธ์นัดที&nbsp;หัวหน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;สาขาอำเภอแม่สะเรียง&nbsp;</strong>เปิดเผยว่า&nbsp;ผู้ขับขี่หลายคนคงเคยพบเห็นพฤติกรรมเปิดไฟฉุกเฉินพร่ำเพรื่อบ่อยครั้ง&nbsp;หรือบางครั้งเป็นตัวเองที่เผลอทำพฤติกรรมเหล่านี้&nbsp;จึงนำข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบก&nbsp;มาประชาสัมพันธ์เพื่อให้ผู้ขับขี่หยุดพฤติกรรมเปิดไฟฉุกเฉินโดยไม่จำเป็น&nbsp;เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ&nbsp;เพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนของทุกคน</p><p><strong>อย่างแรก&nbsp;“เปิดไฟฉุกเฉินเพื่อข้ามแยก”&nbsp;เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ&nbsp;เพราะผู้ขับร่วมทางอาจเห็นแค่ไฟกะพริบมุมหน้ามุมเดียว&nbsp;</strong>ไม่รู้ว่าเรากำลังจะเตรียมเลี้ยวไปยังด้านซ้าย-ขวา&nbsp;หรือตรงไป&nbsp;วิธีขับรถข้ามทางแยกที่ถูกต้อง&nbsp;ให้มองซ้ายมองขวา&nbsp;เมื่ออยู่ในระยะปลอดภัยก็ขับข้ามทางแยกไปเลย&nbsp;โดยไม่ต้องเปิดไฟฉุกเฉิน&nbsp;อีกอย่างคือ&nbsp;การเปิดไฟฉุกเฉินจอดรถ&nbsp;ในพื้นที่หรือเวลาห้ามจอด&nbsp;เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง&nbsp;และการจอดรถในที่ห้ามจอด&nbsp;หรือจอดรถกีดขวางการจราจร&nbsp;มีโทษปรับสูงสุด&nbsp;500&nbsp;บาท</p><p><strong>กรณีที่ฝนตกหนัก&nbsp;หมอกลงจัด&nbsp;ทัศนวิสัยแย่&nbsp;การขับรถตามหลัง&nbsp;รถที่เปิดไฟฉุกเฉินระยะเวลานานๆ&nbsp;</strong>ทำให้ดวงตาพร่ามัว&nbsp;และหากมีรถหลายคันเปิดไฟฉุกเฉินพร้อมกันจะยิ่งทำให้กะระยะได้ยาก&nbsp;หากพบว่า&nbsp;ทัศนวิสัยไม่ดี&nbsp;ควรเปิดไฟหน้าพร้อมไฟตัดหมอก&nbsp;และหากทัศนวิสัยแย่&nbsp;จนมองไม่เห็นทางควรจอดหลบ&nbsp;อย่างปลอดภัยและควรเปิดไฟฉุกเฉินไว้ด้วย</p><p><strong>ดังนั้น&nbsp;ไฟฉุกเฉินควรใช้ตอนรถจอดเสียที่จอดอยู่กับที่&nbsp;หรือ&nbsp;รถที่วิ่งมาด้วยความเร็วแล้วเจอสิ่งกีดขวาง&nbsp;</strong>หรือเจออุบัติเหตุข้างหน้า&nbsp;จำเป็นต้องเบรกกะทันหัน&nbsp;อาจเปิดไฟฉุกเฉินในช่วงสั้นๆ&nbsp;เพื่อเตือนให้รถคันหลังระวังและชะลอความเร็วได้&nbsp;เมื่อรถยนต์ที่ตามมาเบรก&nbsp;และจอดต่อรถเราแล้วควรปิดไฟฉุกเฉิน&nbsp;เพราะการเปิดไฟฉุกเฉินพร่ำเพรื่อ&nbsp;จะทำให้ใช้ไฟเลี้ยวซ้าย-ขวาไม่ได้&nbsp;สร้างความสับสนให้รถคันหลัง&nbsp;เพราะไม่รู้ว่าเราต้องการเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลน&nbsp;จึงไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำ&nbsp;และสิ่งสำคัญ&nbsp;ไม่ว่าจะเปิดหรือไม่เปิดไฟฉุกเฉินในสถานการณ์ใดๆ&nbsp;ต้องมีความปลอดภัยต่อทุกคนเพิ่มขึ้น&nbsp;ไม่ใช่ลดลง</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>3/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220103110405739 ขนส่งจังหวัดภูเก็ต พร้อมให้บริการประชาชนในช่วงการเดินทางกลับ หลังจากวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 เน้นย้ำความพร้อมของรถโดยสาร พนักงานขับรถ และการป้องกันโรคโควิด-19 ตลอดเส้นทาง<p><strong>วันที่&nbsp;3&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นายจตุรงค์&nbsp;แก้วกสิ&nbsp;ขนส่งจังหวัดภูเก็ต&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต&nbsp;ได้เตรียมความพร้อมในการดูแลอำนวยความสะดวก&nbsp;ให้กับประชาชนที่เดินทางการกลับไปปฏิบัติหน้าที่&nbsp;หลังจากวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลปีใหม่&nbsp;2565&nbsp;โดยการประสานความร่วมมือผู้ประกอบการให้จัดเตรียมรถโดยสารประจำทางและรถโดยสารไม่ประจำทาง&nbsp;ให้เพียงพอกับความต้องการเดินทางของประชาชน&nbsp;เพื่อไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง&nbsp;</p><p>พร้อมกันนี้&nbsp;สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต&nbsp;ได้เน้นย้ำการจัดระเบียบการเดินรถให้มีคล่องตัว&nbsp;และได้มีการจัดตั้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ&nbsp;(ชั่วคราว)&nbsp;ที่&nbsp;สถานีขนส่งผู้โดยสารทั้ง&nbsp;2&nbsp;แห่ง&nbsp;เพื่อดูแลและป้องกันการถูกเอารัดเอาเปรียบจากการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ&nbsp;และคอยอำนวยความสะดวกตลอด&nbsp;24&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;</p><p><strong>นอกจากดูแลความปลอดภัยด้านยานพาหนะแล้ว&nbsp;ได้เน้นย้ำให้มีการปฏิบัติตามมาตรการทางด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด</strong>&nbsp;เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;ทั้งมีการคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย&nbsp;การสวมหน้ากากอนามัยตลอดการเดินทาง&nbsp;มีบริการเจลแอลกอฮอล์&nbsp;และการเว้นระยะห่าง&nbsp;พร้อมกับงดให้บริการอาหารบนรถระหว่างการเดินทาง&nbsp;</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;สิ่งสำคัญที่ทางขนส่งจังหวัดภูเก็ต&nbsp;ดำเนินการอย่างต่อเนื่องแม้ไม่ใช่ช่วงเทศกาลก็ตาม</strong>&nbsp;คือการตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถ&nbsp;ที่ได้ควบคุมเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการตรวจความพร้อมรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับก่อนนำรถออกให้บริการ&nbsp;โดยพนักงานขับรถต้องมีใบอนุญาตขับรถที่ถูกต้อง&nbsp;ไม่มีสารเสพติด&nbsp;&nbsp;แอลกอฮอล์&nbsp;และชั่วโมงการขับรถไม่เกินที่กฎหมายกำหนด&nbsp;ส่วนรถโดยสารต้องมีสภาพสมบูรณ์&nbsp;มีระบบ&nbsp;GPS&nbsp;พร้อมในการติดตามตลอดเส้นทาง&nbsp;เพื่อความปลอดภัยของประชาชนสูงสุด&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>3/1/2022ภาคใต้ภูเก็ตสวท.ภูเก็ตhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220103113033752 ศรีสะเกษผนึกพลังราษฎร์รัฐเดินแบบผ้าอัตลักษณ์ชุมชนคนสี่เผ่าภายใต้ธีมงาน "ผ้าทอเบญจศรีใต้ร่มพระบารมีลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ"<p><strong>เมื่อเร็วๆ&nbsp;นี้&nbsp;ที่บริเวณการจัดงาน&nbsp;ณ&nbsp;เวทีกลางงานเทศกาลปีใหม่สี่เผ่ไทยศรีสะเกษ&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;</strong>นำโดย&nbsp;นายวัฒนา&nbsp;พุฒิชาติ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;และนายมัลลิกา&nbsp;พุฒิชาติ&nbsp;นายกเหล่ากาชาดจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;พร้อมเหล่าทัพนางแบบที่สวมใส่ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ"&nbsp;ผ้าทอเบญจศรี&nbsp;ผ้าอัตลักษณ์คน&nbsp;4&nbsp;เผ่าศรีสะเกษ&nbsp;ที่มีออกแบบตัดเย็บให้เหมาะสมสวยงามยิ่งแก่ผู้สวมใส่&nbsp;เพื่อเป็นส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;ที่สำคัญ&nbsp;เน้นส่งเสริมการใช้ผ้าไทยและประชาสัมพันธ์</p><p><strong>ผ้าอัตลักษณ์จังหวัดศรีสะเกษให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้น&nbsp;</strong>ควบคู่สร้างความรักความสามัคคีของภาคราชการ&nbsp;ภาคเอกชนและประชาชน&nbsp;พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;สู่สร้างอาชีพและรายได้ให้แก่คนในชุมชนอย่างยั่งยืน</p><p><strong>อีกทั้งในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้&nbsp;มุ่งให้คนไทยได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นของขวัญปีใหม่&nbsp;</strong>เพื่อส่งความสุขให้แก่ผู้รับด้วยผลิตภัณฑ์ชุมชน&nbsp;ที่หลากหลายจากทั้ง&nbsp;22&nbsp;อำเภอมารวมไว้ใจกลางเมืองศรีสะเกษ&nbsp;เพื่อให้ผู้สนใจเลือกช้อปกันอย่างจุใจ&nbsp;เป็นการช่วยเหลือส่งเสริมสนับสนุน&nbsp;ผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ให้มีช่องทางการตลาด&nbsp;มีร้ายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนเพิ่มขึ้น&nbsp;ควบคู่ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนฐานรากให้มีความเข้มแข็งพร้อมสร้างสรรค์ชุมชน&nbsp;สร้างคน&nbsp;สร้างชาติ&nbsp;สร้างอาชีพอย่างยั่งยืน</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>3/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือศรีสะเกษสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220103115330763 นักท่องเที่ยวและประชาชนทยอยเดินทางกลับหลังหยุดยาวปีใหม่ ขณะที่ตำรวจทางหลวงสุราษฎร์ธานีตั้งกล้องตรวจจับความเร็วคุมเข้มวินัยจราจร หวังลดอุบัติเหตุบนท้องถนน<p><strong>ร้อยตำรวจเอก&nbsp;ปานเทพ&nbsp;พจน์ธีระมนตรี&nbsp;สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง&nbsp;5&nbsp;(สุราษฎร์ธานี)&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>บรรยากาศของการเดินทางกลับของประชาชนและนักท่องเที่ยวจากเกาะสมุย&nbsp;เกาะพะงัน&nbsp;เกาะเต่า&nbsp;จ.สุราษฎร์ธานี&nbsp;และวัดเจดีย์หรือวัดไอ้ไข่&nbsp;จ.นครศรีธรรมราช&nbsp;หลังจากนำครอบครัวมาพักผ่อน&nbsp;และมาทำบุญเพื่อเป็นศิริมงคลหรือมาแก้บน&nbsp;เริ่มทยอยเดินทางกลับไปทำงานหรือกลับภูมิลำเนาหลังจากที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดใกล้เคียง&nbsp;ทั้งสงขลาและนครศรีธรรมราช&nbsp;เนื่องจากถนนเส้นนี้เป็นถนนสายหลักที่นักท่องเที่ยวใช้เป็นจำนวนมาก&nbsp;ซึ่งทางตำรวจทางหลวงได้ตั้งกล้องเพื่อจับความเร็วพร้อมทั้งใช้รถตำรวจทางหลวงเปิดสัญญาณไฟวาบๆ&nbsp;แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน&nbsp;เพื่อเป็นการป้องกันการลดอุบัติเหตุทางถนน&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;บนถนนสาย&nbsp;41&nbsp;หรือถนนสายเอเชียขาขึ้น&nbsp;บริเวณอำเภอเวียงสระ&nbsp;และอำเภอไชยาทางสถานีตำรวจทางหลวง&nbsp;5</strong>&nbsp;สุราษฎร์ธานีได้มีการตั้งกล้องตรวจจับความเร็วในบริเวณดังกล่าวด้วย&nbsp;ซึ่งที่ผ่านมาภายหลังจากที่ทางจังหวัดสุราษธานีได้มีหนังสือด่วนที่สุดออกมาประกาศใช้บังคับกฎหมายกับรถที่สัญจรผ่านไปมาเพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุทางถนน&nbsp;สามารถดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดได้จำนวน&nbsp;1,118&nbsp;ราย&nbsp;ส่วนใหญ่จะให้ความเร็วเกินที่กำหนด&nbsp;</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;ในช่วงเช้าวันนี้(3&nbsp;ม.ค.ค64)&nbsp;การสัญจรทางถนนจากนครศรีธรรมราชเข้ามายังสุราษฎร์ธานี</strong>&nbsp;การจราจรยังคงบางตา&nbsp;คาดว่าในช่วงบ่ายของวันนี้จนถึงค่ำการจราจรจะหนาแน่นมากขึ้น&nbsp;ซึ่งทางตำรวจทางหลวงจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังให้กับผู้ใช้เส้นทางได้รับความปลอดภัย&nbsp;และกระตุ้นเตือนให้ผู้ขับขี่ใช้เส้นทางด้วยความระมัดระวังตลอดการเดินทาง&nbsp;&nbsp;เพื่อให้ถึงจุดหมายด้วยความปลอดภัย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>3/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220103120848781 บรรยากาศการเดินทางช่วงส่งท้ายปีใหม่ที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ยังคงคึกคักตั้งแต่เช้าทั้งขบวนรถที่มาจากกรุงเทพฯและขบวนรถท้องถิ่น<p><strong>บรรยากาศการเดินทางช่วงส่งท้ายปีใหม่ที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่</strong>ยังคงคึกคักตั้งแต่เช้าทั้งขบวนรถที่มาจากกรุงเทพฯและขบวนรถท้องถิ่น&nbsp;ในขณะที่ขบวนรถเร็ว171กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก&nbsp;ที่ตกรางที่สถานีรถไฟรือเสาะ&nbsp;เมื่อวานนี้ก็กลับมาเดินให้บริการตามปกติแล้ว&nbsp;</p><p><strong>วันนี้(3ม.ค.65)&nbsp;บรรยากาศการเดินทางในช่วงส่งท้ายปีใหม่&nbsp;ที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่&nbsp;จ.สงขลา</strong>&nbsp;ยังคงคึกคัก&nbsp;โดยตั้งแต่ช่วงเช้ามีประชาชนไปรอเดินทางกลับภูมิลำเนาทั้งเส้นทาง3จังหวัดชายแดนภาคใต้และภาคใต้ตอนบนค่อนข้างหนาแน่น&nbsp;&nbsp;โดยเฉพาะขบวนรถไฟที่มาจากกรุงเทพฯทั้งสองขบวน&nbsp;ทั้งขบวนรถเร็ว&nbsp;171&nbsp;กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก&nbsp;และขบวนรถด่วนพิเศษทักษิณารัถย์31&nbsp;กรุงเทพฯ-หาดใหญ่&nbsp;มีผู้โดยสารเดินทางเต็มทั้งสองขบวน&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ในรถส่วนของขบวนรถเร็ว&nbsp;171&nbsp;กรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก&nbsp;ที่ตกรางที่สถานีรถไฟรือเสาะ&nbsp;จ.นราธิวาส</strong>&nbsp;เมื่อวานนี้ก็กลับมาเดินรถตามปกติแล้วทั้งขาขึ้นและขาล่อง&nbsp;สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟสายใต้โดยเฉพาะขบวนขึ้นล่องกรุงเทพฯที่ให้บริการวันละ&nbsp;4&nbsp;ขบวน&nbsp;มีผู้โดยสารจองตั๋วเดินทางเต็มไปจนถึงวันที่&nbsp;4&nbsp;มกราคม&nbsp;และมีการเสริมตู้โบกี้เต็มพิกัดการลากจูงทุกขบวนเพื่อให้เพียงพอกับจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางในช่วงส่งท้ายปีใหม่</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>3/1/2022ภาคใต้สงขลาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220103124214815 หยุดยาวเทศกาลปีใหม่ ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม จ.สุรินทร์ คึกคัก คาดจะมีเงินสะพัดตลอดหลายสิบล้านบาท<p><strong>หยุดยาวเทศกาลปีใหม่&nbsp;ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม&nbsp;จ.สุรินทร์&nbsp;คึกคัก&nbsp;หลังซบเซาเกือบ&nbsp;2&nbsp;ปี&nbsp;</strong>ช่วงโควิดระบาด&nbsp;คาดจะมีเงินสะพัดตลอดหลายสิบล้านบาท&nbsp;ช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่&nbsp;ทำให้บรรยากาศที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม&nbsp;ต.ด่าน&nbsp;อ.กาบเชิง&nbsp;จ.สุรินทร์&nbsp;มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามาเลือกซื้อสินค้ากันอย่างคึกคักตลอดช่วงหยุดยาว&nbsp;เพื่อเป็นของฝากกับครอบครัวในแต่ละพื้นที่&nbsp;ทำให้ตลาดคับแคบไปถนัดตา&nbsp;</p><p><strong>เนื่องจากประชาชนชาวสุรินทร์ที่ไปทำงานหรือไปพำนักอาศัยอยู่ยังต่างจังหวัด</strong>&nbsp;ถือโอกาสวันหยุดยาวและมีเงินเดือนเหลือหรือมีโบนัสจากงาน&nbsp;ได้กลับบ้านมาฉลองเทศกาลครอบครัว&nbsp;แม้กระทั้งคนในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์และจังหวัดข้างเคียง&nbsp;ก็พาครอบครัวเดินทางมาจับจ่ายซื้อหาของภายในตลาดช่องจอม&nbsp;ทำให้ตลาดการค้าชายแดนแห่งนี้ที่เคยซบเซามานานในช่วงโควิด-19&nbsp;ส่งผลกระทบมานานเกือบ&nbsp;2&nbsp;ปี&nbsp;กลับมาคึกคักเป็นอย่างมาก&nbsp;คาดว่าตลอดวันหยุดยาวช่วงปีใหม่จะมีเงินสะพัดภายในงานตลาดหลายสิบล้านบาท&nbsp;</p><p><strong>โดยตลาดชายแดนช่องจอมได้เตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว&nbsp;มีจุดคัดกรอง</strong>&nbsp;ในการระมัดระวังป้องกันโควิด&nbsp;อย่างรัดกุม&nbsp;ทำตามระเบียบของสาธารณสุข&nbsp;ซึ่งก็พบว่านักท่องเที่ยวมีการสวมหน้ากาอนามัยทุกคน&nbsp;มีการระมัดระวังตัวเอง&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;เราได้อบรมและให้ความรู้&nbsp;ในการปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข&nbsp;มีแอลกอฮอล์ไว้ล้างมือทุกร้าน&nbsp;สวมหน้ากากทุกครั้งที่ทำงานค้าขายในช่วงเทศกาลปีใหม่&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>กำชัย&nbsp;วันสุข&nbsp;ส.ปชส.สุรินทร์&nbsp;รายงาน</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>3/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสุรินทร์สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220103132544845 ศรีสะเกษผนึกพลังราษฎร์รัฐเดินแบบผ้าอัตลักษณ์ชุมชนคนสี่เผ่า ภายใต้ธีมงาน "ผ้าทอเบญจศรีใต้ร่มพระบารมีลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ"<p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">ที่บริเวณการจัดงาน&nbsp;ณ&nbsp;เวทีกลางงานเทศกาลปีใหม่สี่เผ่ไทยศรีสะเกษ&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">นำโดย&nbsp;นายวัฒนา&nbsp;พุฒิชาติ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;และนายมัลลิกา&nbsp;พุฒิชาติ&nbsp;นายกเหล่ากาชาดจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;พร้อมเหล่าทัพนางแบบที่สวมใส่ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ&nbsp;ผ้าทอเบญจศรี&nbsp;ผ้าอัตลักษณ์คน&nbsp;4&nbsp;เผ่าศรีสะเกษ&nbsp;ที่มีออกแบบตัดเย็บให้เหมาะสมสวยงามยิ่งแก่ผู้สวมใส่&nbsp;เพื่อเป็นส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;ที่สำคัญ&nbsp;เน้นส่งเสริมการใช้ผ้าไทยและประชาสัมพันธ์ผ้าอัตลักษณ์จังหวัดศรีสะเกษให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้น&nbsp;ควบคู่สร้างความรักความสามัคคีของภาคราชการ&nbsp;ภาคเอกชนและประชาชน&nbsp;พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;สู่สร้างอาชีพและรายได้ให้แก่คนในชุมชนอย่างยั่งยืน</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">อีกทั้งในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้&nbsp;มุ่งให้คนไทยได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นของขวัญปีใหม่</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">&nbsp;เพื่อส่งความสุขให้แก่ผู้รับด้วยผลิตภัณฑ์ชุมชน&nbsp;ที่หลากหลายจากทั้ง&nbsp;22&nbsp;อำเภอมารวมไว้ใจกลางเมืองศรีสะเกษ&nbsp;เพื่อให้ผู้สนใจเลือกช้อปกันอย่างจุใจ&nbsp;เป็นการช่วยเหลือส่งเสริมสนับสนุน&nbsp;ผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ให้มีช่องทางการตลาด&nbsp;มีร้ายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนเพิ่มขึ้นควบคู่ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนฐานรากให้มีความเข้มแข็งพร้อมสร้างสรรค์ชุมชน&nbsp;สร้างคน&nbsp;สร้างชาติ&nbsp;สร้างอาชีพอย่างยั่งยืน</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p>3/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือศรีสะเกษสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220103164134893 มาตราการรองรับของจังหวัดอำนาจเจริญประชาชนเดินทางกลับกรุงเทพ<p><strong>วันที่&nbsp;3&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;09:00&nbsp;น.&nbsp;นางจินตนา&nbsp;สูตรมงคล&nbsp;ขนส่งจังหวัดยโสธร</strong>รักษาราชการแทนขนส่งจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;มอบหมายให้นางสาว&nbsp;ดํารัสศิริ&nbsp;ธะประวัติ&nbsp;เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญงาน&nbsp;น.ส.&nbsp;ละอองดาว&nbsp;รัตนมูล&nbsp;น.ส.&nbsp;นิศามณี&nbsp;วรรณคำ&nbsp;นายมกรธวัช&nbsp;ศรีธรรม&nbsp;เจ้าหน้าที่&nbsp;ขนส่งจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;แนะนำวิธีการ&nbsp;เตรียมรถ&nbsp;ประจำทาง&nbsp;รถตู้และรถบัสประจำทาง&nbsp;ในการทำความสะอาด&nbsp;เพื่อป้องกัน&nbsp;covid-&nbsp;19&nbsp;</p><p>-&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนคนขับมีการตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;และตรวจแอลกอฮอล์&nbsp;</p><p>-&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนมาตรการในการขับรถมี&nbsp;GPS&nbsp;ตรวจสอบความเร็วระหว่างเดินทาง&nbsp;ระหว่างทางผ่านจุดตรวจของผู้โดยสาร&nbsp;จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;มีการตรวจ&nbsp;ATK</p><p>-&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนบริษัท&nbsp;ขนส่ง&nbsp;จำกัด&nbsp;999&nbsp;เจ้าหน้าที่&nbsp;เปิดเผยว่ารถให้บริการประชาชนเพียรพอในปีคับพี่น้อง</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>ว่าที่&nbsp;ร.ต.เทวินทร์&nbsp;ทุมประเสน&nbsp;สวท.อำนาจเจริญ&nbsp;/&nbsp;รายงาน</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>3/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220103182037919 ขนส่งแพร่ ตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2565<p><strong>สำนักงานขนส่งจังหวัดแพร่&nbsp;ออกตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุ</strong>ทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;และจัดเจ้าหน้าที่ตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;เบื้องต้น&nbsp;ด้วยชุดตรวจ&nbsp;Antigen&nbsp;Test&nbsp;Kit&nbsp;(&nbsp;ATK&nbsp;)&nbsp;กับผู้ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดแพร่</p><p><strong>นายมานพ&nbsp;พุทธวงค์&nbsp;ขนส่งจังหวัดแพร่&nbsp;พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานขนส่งจังหวัดแพ</strong>ร่&nbsp;ร่วมกับคณะทำงานตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;จังหวัดแพร่&nbsp;ได้แก่&nbsp;สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย&nbsp;ท้องถิ่นจังหวัด&nbsp;สำนักงานคุมประพฤติจังหวัด&nbsp;สถิติจังหวัด&nbsp;และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย&nbsp;ออกตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการฯ&nbsp;ในระดับอำเภอ&nbsp;และจุดตรวจหลักเพื่อดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดแพร่&nbsp;โดยมีนายวิเชียร&nbsp;อนุสาสนนันท์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่&nbsp;เป็นประธานคณะทำงาน&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;อำเภอ&nbsp;5&nbsp;จุด</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;สำนักงานขนส่งจังหวัดแพร่&nbsp;ยังได้ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร่</strong>&nbsp;และเทศบาลเมืองแพร่&nbsp;จัดเจ้าหน้าที่ตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;เบื้องต้นด้วยชุดตรวจ&nbsp;Antigen&nbsp;Test&nbsp;Kit&nbsp;(&nbsp;ATK&nbsp;)&nbsp;ให้กับผู้ที่เดินทางมากับรถโดยสารประจำทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดแพร่&nbsp;รวมทั้งตั้งจุดแนะนำและนัดฉีดวัคซีนสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน&nbsp;ณ&nbsp;สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดแพร่</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>3/1/2022ภาคเหนือแพร่สวท.แพร่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220103182420921 นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถ้อยแถลงถึงประชาชนไทยเพื่อประกาศการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยในปี 2565 ภายหลังจากการรับมอบตำแหน่งจากนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์<p><strong>นายกรัฐมนตรีกล่าวกับประชาชนว่าไทยได้รับมอบการดำรงตำแหน่งเจ้าภาพเอเปคในปี&nbsp;2565</strong>&nbsp;และจะปฏิบัติหน้าที่ตลอด&nbsp;1&nbsp;ปี&nbsp;ต่อจากนี้&nbsp;ถือเป็นโอกาสสำคัญอย่างยิ่งที่ไทยจะเปิดตัว&nbsp;และขับเคลื่อนการฟื้นประเทศจากโควิดไปสู่อนาคต&nbsp;และแสดงความพร้อมในการต้อนรับชาวต่างชาติ&nbsp;ตั้งแต่ระดับผู้นำ&nbsp;นักธุรกิจระดับสูง&nbsp;สื่อชั้นนำ&nbsp;และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;ที่จะเดินทางมาประเทศไทยตลอดปีหน้า&nbsp;เอเปคเป็นเวทีส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ไทยเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง&nbsp;ประกอบด้วยเขตเศรษฐกิจชั้นนำถึง&nbsp;21&nbsp;เขตเศรษฐกิจ&nbsp;มี&nbsp;GDP&nbsp;รวมกันทั้งสิ้นกว่า&nbsp;53&nbsp;ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ&nbsp;หรือ&nbsp;1,700&nbsp;ล้านล้านบาท&nbsp;และมีมูลค่าการค้ารวมกันเกือบครึ่งหนึ่งของการค้าโลก</p><p><strong>นายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยว่า&nbsp;ไทยจะขับเคลื่อนให้เอเปคพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในการเปลี่ยนผ่านไปสู่โลกยุคหลังโควิด</strong>ที่ยั่งยืนและสมดุล&nbsp;และทุกคนมีส่วนร่วม&nbsp;ผ่านแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ&nbsp;เศรษฐกิจหมุนเวียน&nbsp;และเศรษฐกิจสีเขียว&nbsp;หรือ&nbsp;BCG&nbsp;Economy&nbsp;และได้ประกาศหัวข้อหลักของการประชุมเอเปคปี&nbsp;2565&nbsp;คือ&nbsp;“เปิดกว้าง&nbsp;สร้างสัมพันธ์&nbsp;เชื่อมโยงกัน&nbsp;สู่สมดุล”&nbsp;หรือ&nbsp;“Open.&nbsp;Connect.&nbsp;Balance.”&nbsp;ซึ่งมีประเด็นสำคัญ&nbsp;3&nbsp;ด้าน&nbsp;คือ&nbsp;</p><p>1.&nbsp;การส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุม&nbsp;</p><p>2.&nbsp;การอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน&nbsp;</p><p>และ&nbsp;3.&nbsp;การฟื้นฟูความเชื่อมโยง&nbsp;โดยเฉพาะการเดินทาง&nbsp;และท่องเที่ยว&nbsp;เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;การประชุมแรกของเอเปค&nbsp;2565&nbsp;จะจัดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;1-3&nbsp;ธันวาคมนี้</strong>&nbsp;และจะมีการประชุมอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;กว่าร้อยการประชุมในภูมิภาคต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ของประเทศตลอดปีหน้า&nbsp;ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกพื้นที่</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>3/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220103183713929 อ่าวมาหยาปิดฟื้นฟูกว่า 3 ปี ทรัพยากรธรรมชาติกลับมา 100 เปอร์เซนต์ เป็นที่อยู่ของสัตว์ทะเลหายากฉลามหูดำ และปะการังที่สวยงาม<p><strong>นายนายยงยุทธ์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นาควิโรจน์&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักพื้นที่อนุรักษ์ที่&nbsp;5&nbsp;กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชกล่าวว่า</strong>&nbsp;หลังจากที่ปิดอ่าวมาหยาเพื่อฟื้นฟูกว่า&nbsp;3&nbsp;ปี&nbsp;ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมฟื้นฟูกลับมา&nbsp;100&nbsp;เปอร์เซนต์&nbsp;นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศต่างพึงพอใจและมีความสุขในเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา&nbsp;</p><p><strong>ซึ่งได้เปิดตามนโยบายนายกรัฐมนตรี&nbsp;เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ&nbsp;</strong>&nbsp;เพราะอ่าวมาหยามันเป็นอัญมณีที่มีค่าสุด&nbsp;เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก&nbsp;จึงมุ่งหวังให้นักท่องเที่ยวทุกคนจะร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวอย่างมีความสุข&nbsp;สำคัญที่สุดของเป้าหมายการเปิดอ่าวมาหยา&nbsp;</p><p><strong>นอกจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวเป็นแหล่งนันทนาการของนักท่องเที่ยวแล้ว&nbsp;สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ</strong>การดำรงอยู่ความยั่งยืนของทรัพยากรทั้งทางบกและทางทะเล&nbsp;โดยเฉพาะปัจจุบันมีฉลามหูดำซึ่งเป็นสัตว์ทะเลหายากได้มาอยู่อาศัยบริเวณหน้าหาดอ่างมาหยา&nbsp;เจ้าหน้าสามารถตรวจนับได้ประมาณ&nbsp;160&nbsp;กว่าตัว&nbsp;ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน&nbsp;ร่วมทั้งปะการัง&nbsp;</p><p><strong>ด้านหลังอ่าวมาหยาคืออ่าวโล๊ะซ๊ามะเช่นเดียวกันปะการังได้รับการฟื้นฟูมามีความเจริญเติบโตขึ้นมา&nbsp;3&nbsp;–&nbsp;5&nbsp;เซนติเมตร&nbsp;</strong>นั้นแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม&nbsp;หลังจากที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช&nbsp;โดยอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี&nbsp;จังหวัดกระบี่&nbsp;ปิดอ่าว</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>3/1/2022ภาคใต้กระบี่สวท.กระบี่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220103210540972 อ่าวมาหยา จังหวัดกระบี่ ยังคงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศอย่างเหนียวแน่นจองคิวเข้าเที่ยวผ่านแอฟคิวคิว ของกรมอุทยานแห่งชาติฯ<p><strong>&nbsp;ผู้สื่อข่าวรายงานว่า&nbsp;หลังจากที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ&nbsp;เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถจองคิวเข้าเที่ยวชมอ่าวมาหยาได้ผ่านแอฟคิวคิว</strong>&nbsp;ของกรมอุทยานแห่งชาติฯ&nbsp;เพื่อจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยว&nbsp;และรักษาความสมดุลทางธรรมชาติ&nbsp;รวมถึงต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด&nbsp;19&nbsp;ในรูปแบบนิวนอมอล&nbsp;</p><p><strong>นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเที่ยวชมได้ตั้งแต่เวลา&nbsp;07.00&nbsp;–&nbsp;18.00&nbsp;น.&nbsp;วันละ&nbsp;11&nbsp;รอบๆละ&nbsp;375&nbsp;คนต่อ&nbsp;1&nbsp;ชั่วโมง</strong>&nbsp;รวมจำนวนนักท่องเที่ยว&nbsp;4,125&nbsp;คนต่อวัน&nbsp;ห้ามลงเล่นน้ำและอาบน้ำทะเลอย่างเด็ดขาด&nbsp;หลังจากเปิดมาตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;มกราคม&nbsp;65&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;จนถึงวันที่&nbsp;3&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;พบว่ายังคงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ&nbsp;ที่จองคิวเข้าเที่ยวผ่านแอฟคิวคิว&nbsp;ของกรมอุทยานแห่งชาติฯ&nbsp;ยังคงเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวเต็มทุกเที่ยว</p><p><strong>เจ้าหน้าที่อุทยานฯต้องดูแลความเรียบร้อยอย่างเข้มงวดและห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำ</strong>&nbsp;เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้ปะการังที่กำลังฟื้นฟูเกิดความเสียหายและไปรบกวนฝูงปลาฉลามครีบดำ&nbsp;นับ&nbsp;100&nbsp;ตัว&nbsp;ที่ใช้อ่าวมาหยาเป็นแหล่งหากินและผสมพันธุ์&nbsp;&nbsp;แต่นักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวทุกคนต่างชื่นชมว่าสวยงามเหมือนในภาพที่ได้เผยแพร่ออกไปจริงๆ&nbsp;</p><p><strong>ทุกคนที่มาท่องเที่ยวต่างประทับใจในการให้บริหารจัดการของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี</strong>&nbsp;จังหวัดกระบี่&nbsp;ที่คอยอำนวยความสะดวกให้ตลอดอยู่ในพื้นที่อ่าวมาหยา&nbsp;ทั้งให้ความร่วมมือโดยการไม่ลงเล่นน้ำและว่ายน้ำ&nbsp;บางคนถึงกับนั่งและนอนอาบแดดอย่างสบายอารมณ์ในเวลา&nbsp;1&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;ที่ขาดเสียไม่ได้คือทุกคนต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งได้มาอ่าวมาหยาแล้ว&nbsp;ทั้งยังส่งไปให้เพื่อนๆได้ดูบรรยากาศความสวยงามของอ่าวมาหยาอีก</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>3/1/2022ภาคใต้กระบี่สวท.กระบี่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220103210743973 กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวอ่าวมาหยา ไว้ทุกด้าน<p><strong>นายยงยุทธ์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นาควิโรจน์&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักพื้นที่อนุรักษ์ที่&nbsp;5&nbsp;กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช&nbsp;</strong>กล่าวถึงความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวอ่าวมาหยา&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ในส่วนของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช&nbsp;ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้หมดทุกด้านแล้วก่อนที่จะทำการเปิดไม่ว่าจะเป็นท่าเทียบเรือ&nbsp;ทางเดิน&nbsp;ทางเท้า&nbsp;ทางลาดสำหรับผู้พิการ&nbsp;ป้ายบอกทาง&nbsp;ห้องปฐมพยาบาล&nbsp;ห้องสุขา&nbsp;ทุกอย่างได้จัดเตรียมไว้รอรับนักท่องเที่ยวไว้หมดแล้ว</p><p><strong>นางรวินันท์&nbsp;พุทธชาด&nbsp;นักท่องเที่ยวชาวไทย</strong>&nbsp;จากจังหวัดสงขลากล่าวถึงความประทับใจที่ได้มาเที่ยวอ่าวมายาแห่งนี้ว่า&nbsp;มีความประทับใจเป็นอย่างมากจากที่ได้เคยได้มาท่องเที่ยวเมื่อหลายปีที่ผ่านมา&nbsp;แต่มาครั้งนี้หลังจากที่ได้มีการฟื้นฟูเห็นได้ชัดว่าธรรมชาติกลับมาสมบูรณ์อีกครั้งถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสถานที่ที่สวยงามต้องมามากกว่า&nbsp;1&nbsp;ครั้ง&nbsp;โดยเฉพาะธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นผืนทรายที่ขาวสะอาด&nbsp;เม็ดทรายที่ละเอียด&nbsp;น้ำทะเลที่ใสสวยงาม&nbsp;ในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็นท่าเทียบเรือที่มีความสะดวกสบายมากขึ้น&nbsp;โดยเฉพาะท่าเทียบเรือทางด้านหลังที่มีทางเดินทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินมาด้านหน้าเกาะได้อย่างสะดวกนับว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะนักท่องเที่ยวจะรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น&nbsp;ส่วนในเรื่องของข้อปฏิบัติต่างๆ&nbsp;ที่ทางอุทยานกำหนดก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด&nbsp;เพราะในอ่าวมาหยาเป็นอ่าวที่สวยงาม&nbsp;ในอนาคตถ้าหากมีการเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ก็ต้องมีการจำกัดจำนวนที่จะลงเล่นเพราะเป็นการรักษาธรรมชาติไปในตัว</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>3/1/2022ภาคใต้กระบี่สวท.กระบี่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220103213807977 ผู้ว่าฯ ยะลา เช็คอิน สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ใน อ.เบตง เที่ยวให้สนุก และปลอดภัย แบบ New Normal สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว ก่อนสิ้นสุดวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2565<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>วันนี้&nbsp;(3&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;บรรยากาศการท่องเที่ยว&nbsp;ตามสถานที่ต่างๆ&nbsp;ในพื้นที่อำเภอเบตง&nbsp;ยังคงได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว</strong>&nbsp;ในช่วงโค้งสุดท้ายวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;ด้านนายภิรมย์&nbsp;นิลทยา&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;ผศ.ดร.ทิพยวรรณ&nbsp;นิลทยา&nbsp;นายกเหล่ากาชาดจังหวัดยะลา&nbsp;นายเอก&nbsp;ยังอภัย&nbsp;ณ&nbsp;สงขลา&nbsp;นายอำเภอเบตง&nbsp;นายโตหอง&nbsp;แซ่หลี&nbsp;นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเบตง&nbsp;ได้ลงพื้นที่เช็คอิน&nbsp;จุดชมทะเลหมอก&nbsp;สกายวอล์ค&nbsp;ที่&nbsp;ต.อัยเยอร์เวงอ.เบตง&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;เที่ยวให้สนุก&nbsp;และปลอดภัย&nbsp;แบบ&nbsp;New&nbsp;Normal&nbsp;&nbsp;&nbsp;พร้อมพบปะประชาชนสร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่&nbsp;ท่ามกลางมาตราการคัดกรองโควิด-19&nbsp;&nbsp;แม้จะเป็นวันสุดท้ายแต่นักท่องเที่ยวจำนวนมาก&nbsp;ยังคงเดินทางมาตั้งแต่เช้ามืด&nbsp;เพื่อชมความสวยงามของทะเลหมอกอัยเยอร์&nbsp;แม้จะผิดหวังไม่เห็นความสวยงามของทะเลหมอก&nbsp;ท้องฟ้าปิด&nbsp;นักเที่ยวได้ถ่ายรูป&nbsp;ท่ามกลางบรรยากาศที่เย็นสบาย&nbsp;ขณะที่ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ&nbsp;ในพื้นที่&nbsp;อ.เบตง&nbsp;ทั้งอุโมงค์ปิยะมิตร&nbsp;สวนไม้ดอกเมืองหนาว&nbsp;บ่อน้ำร้อน&nbsp;ที่&nbsp;ต.ตาเนาะแมเราะ&nbsp;นักท่องเที่ยวยังคงเดินทางมาท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นายภิรมย์&nbsp;นิลทยา&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>วันนี้มาเยี่ยมนักท่องเที่ยว&nbsp;สร้างความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว&nbsp;มาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน&nbsp;การจากพูดคุยพบว่า&nbsp;นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสัมผัสความสวยงามที่อำเภอเบตง&nbsp;มีทั้งมาจากกรุงเทพฯ&nbsp;ส่วนกลุ่มใหญ่ก็จะเป็นนักท่องเที่ยวในพื้นที่ใกล้เคียง&nbsp;ทั้ง&nbsp;จ.สงขลา&nbsp;จ.พัทลุง&nbsp;จ.ตรัง&nbsp;จ.นครศรีธรรมราช&nbsp;และ&nbsp;3&nbsp;จังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;ซึ่งในช่วงปีใหม่นี้&nbsp;นักท่องเที่ยว&nbsp;เดินทางขึ้นมาชมทะเลหมอก&nbsp;กว่า&nbsp;2,000&nbsp;คน&nbsp;ต่อวัน&nbsp;ที่นี่มีทะเลหมอกตลอดทั้งปี&nbsp;ส่วนมาตรการการป้องกันโควิด-19&nbsp;อำเภอเบตงไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด&nbsp;มาเป็นระยะเวลา&nbsp;1&nbsp;สัปดาห์&nbsp;สถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่ดีขึ้นมาก&nbsp;ประชาชนในพื้นที่อำเภอเบตงได้รับวัคซีนเกือบ&nbsp;100&nbsp;เปอร์เซ็นต์&nbsp;ทางอำเภอเบตงเปิดหน่วยบริการฉีดวัคซีนให้ทุกคนที่มาเที่ยวในพื้นที่&nbsp;ผู้ที่เดินทางเข้าสู่จังหวัดยะลาต้องฉีดวัคซีนทุกคน&nbsp;ผ่านมาตรการคัดกรองอย่างเข้มงวด&nbsp;หากรู้สึกไม่สบาย&nbsp;ทางเจ้าหน้าที่&nbsp;พร้อมตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ให้ฟรีและหากพบว่ามีเชื้อเป็นบวก&nbsp;เจ้าหน้าที่พร้อมจัดยาฟาวิพิราเวียร์ให้ทานทันที&nbsp;&nbsp;สำหรับเรื่องด้านความมั่นคง&nbsp;ที่นี่รับรองในความปลอดภัย&nbsp;เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มข้น&nbsp;อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>3/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.เบตง จ.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220103222552986 ตรัง – ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจเกี่ยวเนื่องทุกประเภท ต่างยิ้มออกในรอบ 2 ปี หลังนักท่องเที่ยวแห่อุดหนุนแน่นร้านตลอด 4 วันของเทศกาลปีใหม่จนต้องแจกบัตรคิว ระบุทำเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท หลังซบเซามาตลอดจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด -19 และต่างเรียกร้องขอให้รัฐบาลเร่งต่อโครงการคนละครึ่ง หวังเติมสภาพคล่องในระบบธุรกิจ หวั่นจะสะดุดอีกครั้งจากสายพันธุ์โอมิครอนที่เริ่มระบาดลุกลาม<p><strong>ภาพบรรยากาศที่สุดจะคึกคักของร้านจำหน่ายอาหารเช้า&nbsp;ร้านอาหาร&nbsp;รวมทั้งร้านกาแฟใน&nbsp;จ.ตรัง</strong>&nbsp;ซึ่งหนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัด&nbsp;กลับมาให้เห็นภาพอีกครั้งในรอบ&nbsp;2&nbsp;ปี&nbsp;หลังจากซบเซามาเป็นเวลานานตลอดการระบาดของเชื้อโควิด&nbsp;-19&nbsp;จนทำให้รู้สึกได้ว่า&nbsp;เทศกาลปีใหม่ปีนี้&nbsp;คนตรังเจ้าของพื้นที่จะต้องหลีกทางให้กับนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดที่ตั้งใจเดินทางมาท่องเที่ยว&nbsp;และต้องการรับประทานอาหารเช้าบรรยากาศแบบชาวตรัง&nbsp;ซึ่งมีเอกลักษณ์และเสน่ห์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร&nbsp;เพราะติ๋มซำที่มีเมนูมากมายหลากหลายและหมูย่างเมืองตรัง&nbsp;จึงทำให้แต่ละร้านหนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยว&nbsp;ทั้งที่ร้านพงษ์โอชา&nbsp;2&nbsp;&nbsp;และร้านเรือนไทยติ๋มซำ&nbsp;ถนนเพลินพิทักษ์&nbsp;ต.ทับเที่ยง&nbsp;นักท่องเที่ยวทยอยเข้าร้านไม่ขาดสายจนเต็มแน่นทุกโต๊ะ&nbsp;จนต้องแจกบัตรคิว&nbsp;ซึ่งนอกจากติ๋มซำที่นับมีเมนูจนนับแทบไม่หมดแล้ว&nbsp;ยังมีหมูย่างแม้ราคาจะสูงกิโลกรัมละ&nbsp;500&nbsp;บาท&nbsp;แต่นักท่องเที่ยวก็สั่งรับประทาน&nbsp;จนแทบจะสับไม่ทัน&nbsp;และหมดไม่เพียงพอ</p><p><strong>นายจีระศักดิ์&nbsp;ทับเที่ยง&nbsp;อายุ&nbsp;47&nbsp;ปี&nbsp;เจ้าของร้านพงษ์โอชา&nbsp;สาขา&nbsp;2&nbsp;และเป็นกรรมการหอการค้าจังหวัดตรังด้วย&nbsp;&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;บรรยากาศเทศกาลปีใหม่&nbsp;2565&nbsp;ถือว่าเป็นบรรยากาศที่คึกคักมากๆ&nbsp;เนื่องจากที่ผ่านมาติดสถานการณ์โควิด&nbsp;-19&nbsp;ประชาชนส่วนใหญ่ต้องเก็บตัวอยู่บ้าน&nbsp;หรือการเดินทางยากลำบากมายาวนาน&nbsp;แต่ในเทศกาลปีใหม่&nbsp;2565&nbsp;นี้&nbsp;สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย&nbsp;ประชาชนจึงออกมาจับจ่ายใช้สอยค่อนข้างจะเป็นปกติ&nbsp;แต่ทุกคนที่มาก็ยังคงปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด&nbsp;และเช่นเดียวกับทางร้านค้าผู้ประกอบการต่างๆก็ปฏิบัติตามมาตรการเคร่งครัดเช่นเดียวกัน&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ถือว่าบรรยากาศกลับมาคึกคักที่สุดในรอบ&nbsp;2&nbsp;ปี&nbsp;ทำให้ทุกธุรกิจได้ประโยชน์</strong>&nbsp;ทั้งการท่องเที่ยวทางทะเล&nbsp;ร้านอาหาร&nbsp;ร้านค้า&nbsp;โรงแรม&nbsp;รีสอร์ท&nbsp;ห้องพัก&nbsp;คนขับเรือ&nbsp;คนขับรถรับจ้าง&nbsp;เชื่อว่าในหนึ่งวันเม็ดเงินสะพัดจากต่างจังหวัดเข้ามาในจังหวัดตรังประมาณ&nbsp;100&nbsp;ล้านบาทต่อวัน&nbsp;สังเกตได้จากประชาชนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด&nbsp;เพราะเมื่อมาถึงก็จะมีการจับจ่ายใช้สอย&nbsp;ทั้งร้านค้าร้านอาหารของที่ระลึกและสถานที่ท่องเที่ยว&nbsp;ส่วนตัวเชื่อว่าเงินสะพัดในพื้นที่นับ&nbsp;100&nbsp;ล้านบาทต่อวัน&nbsp;หรือตลอดเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ไม่ต่ำกว่า&nbsp;400&nbsp;ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนั้น&nbsp;อยากให้รัฐบาลเร่งต่อโครงการคนละครึ่งโดยเร็ว&nbsp;เนื่องจากเป็นโครงการที่ดี&nbsp;หวังเติมสภาพคล่องในระบบธุรกิจต่อยอดจากเทศกาลปีใหม่&nbsp;หวั่นหากช้าจะสะดุดอีกครั้งจากสายพันธุ์โอมิครอน</p><p><strong>ทางด้านนายธีรศักดิ์&nbsp;จึงจงจิตต์&nbsp;อายุ&nbsp;48&nbsp;ปี&nbsp;เจ้าของร้านเรือนไทยติ๋มซำ&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ปีนี้นักท่องเที่ยวคึกคักมากตลอดเทศกาลปีใหม่&nbsp;แน่นร้านจนต้องแจกบัตรคิว&nbsp;ซึ่งถือได้ว่าเป็นครั้งแรกในรอบ&nbsp;2&nbsp;ปี&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p><p>&nbsp;</p>4/1/2022ภาคใต้ตรังสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104095741023 ยืนยัน ก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง อำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชนพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้<p><strong>กรมท่าอากาศยาน</strong>&nbsp;ชี้แจงกรณีมีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง&nbsp;ที่มีข้อติดขัดไม่สามารถเปิดให้บริการได้&nbsp;ว่า&nbsp;กรมท่าอากาศยานได้ดำเนินการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง&nbsp;ตามมติคณะรัฐมนตรี&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;6&nbsp;ตุลาคม&nbsp;2558&nbsp;เพื่อแก้ไขปัญหาการคมนาคมในพื้นที่ที่มีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชันไม่สะดวกต่อการเดินทาง&nbsp;และเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจความมั่นคงในพื้นที่&nbsp;3&nbsp;จังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;สำหรับเส้นทางบินและการขึ้นลงของอากาศยาน&nbsp;จะอยู่ในน่านฟ้าของประเทศไทยเท่านั้น&nbsp;ไม่มีล้ำเข้าไปในน่านฟ้าของประเทศเพื่อนบ้านแต่อย่างใด&nbsp;</p><p><strong>ขณะนี้ได้มีสายการบินขออนุญาตทำการบินไว้&nbsp;2&nbsp;เส้นทางคือ</strong>&nbsp;หาดใหญ่-เบตง-หาดใหญ่&nbsp;และดอนเมือง-เบตง-ดอนเมือง&nbsp;ปัจจุบันท่าอากาศยานเบตงได้มีการให้บริการเที่ยวบินทางราชการและเที่ยวบินส่วนบุคคล&nbsp;ซึ่งได้มีการทำการบินมาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;<strong>นอกจากนี้&nbsp;กรมท่าอากาศยาน</strong>&nbsp;ยังได้มีการหารือแนวทางร่วมกันกับ&nbsp;บริษัท&nbsp;ปตท.&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)&nbsp;ถึงการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน&nbsp;โดยได้มีการวางแผนการลงทุนและแนวทางในการให้บริการในอนาคต</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;ยืนยันว่า</strong>&nbsp;ก่อนดำเนินการก่อสร้างกรมท่าอากาศยาน&nbsp;ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้&nbsp;วิเคราะห์ข้อมูลทางกายภาพและทางเศรษฐศาสตร์&nbsp;จึงได้ข้อสรุปในการก่อสร้างที่วางไว้คือ&nbsp;ทางวิ่ง(Runway)&nbsp;ขนาด&nbsp;30x&nbsp;1,800&nbsp;เมตร&nbsp;สามารถรองรับเครื่องบินขนาด&nbsp;80&nbsp;ที่นั่ง&nbsp;เช่น&nbsp;ATR-72&nbsp;และ&nbsp;Q-400&nbsp;&nbsp;เป็นต้น&nbsp;ซึ่งตามหลักการดำเนินงานท่าอากาศยานจะมีการติดตามตัวเลขผู้โดยสารและเที่ยวบิน&nbsp;เพื่อนำมาวิเคราะห์ในการเพิ่มศักยภาพของท่าอากาศยานต่างๆ&nbsp;โดยจะต้องมีระยะของการพัฒนาตามขนาดและความต้องการเดินทางของประชาชน&nbsp;ซึ่งกรมท่าอากาศยาน&nbsp;ต้องการพัฒนาท่าอากาศยาน&nbsp;ให้สามารถรองรับการเดินทางทางอากาศของประชาชนได้อย่างเพียงพอและครอบคลุมทุกความต้องการ&nbsp;รวมถึงเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมของประชาชนให้ทั่วถึง</p><p><br></p><p><br></p>4/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104104452066 ปี 2565 เดินหน้านโยบายการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรม คาดการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 2.5-3.5 สอดคล้องการส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง และการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ <p><strong>นายสุริยะ&nbsp;จึงรุ่งเรืองกิจ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม&nbsp;เปิดเผยถึงนโยบายการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมในปี&nbsp;2565&nbsp;</strong>ว่า&nbsp;&nbsp;กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญต่อการยกระดับพัฒนาและคำนึงถึงสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป&nbsp;โดยจะนำเสนอนโยบายสำคัญต่อคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ&nbsp;หรือ&nbsp;กอช.&nbsp;เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมศักยภาพตลอดห่วงโซ่อุปทาน&nbsp;และเกิดการบูรณาการกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;เช่น&nbsp;การกำหนดสาระสำคัญของกระบวนการผลิตในเขตประกอบการเสรี&nbsp;หรือ&nbsp;Free&nbsp;Zone&nbsp;เพื่อให้สอดรับกับมาตรการส่งเสริมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า&nbsp;ทำให้เกิดการลงทุนภายในประเทศ&nbsp;การจัดเตรียมสินเชื่อจากกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ&nbsp;อัตราดอกเบี้ยต่ำ&nbsp;ร้อยละ&nbsp;2&nbsp;ต่อปี&nbsp;เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ&nbsp;รวมถึงพัฒนาแพลตฟอร์มอุตสาหกรรม&nbsp;4.0&nbsp;โดยทำหน้าที่เป็น&nbsp;One&nbsp;Stop&nbsp;Service&nbsp;</p><p><strong>การจัดพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย&nbsp;(ฉบับที่&nbsp;..)&nbsp;พ.ศ.&nbsp;....&nbsp;เพื่อขจัดอุปสรรคการลงทุน</strong>&nbsp;และสร้างปัจจัยสนับสนุนให้เอื้อต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมชีวภาพ&nbsp;ตลอดจนการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมชีวภาพ&nbsp;ซึ่งคาดว่าแล้วเสร็จเดือนเมษายน&nbsp;2565&nbsp;เพื่อเชื่อมโยงงานวิจัยสู่ภาคอุตสาหกรรม&nbsp;และขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ผ่านมาตรการส่งเสริมการผลิตและใช้ประโยชน์พลังงานหมุนเวียนจากอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย&nbsp;ควบคู่การเร่งพัฒนาพืชเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;เช่น&nbsp;ปาล์ม&nbsp;แป้งมันสำปะหลัง&nbsp;เพื่อสร้างรายได้เพิ่มแก่ภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรม&nbsp;เร่งสร้างนักรบอุตสาหกรรมอาหารพันธุ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง&nbsp;พร้อมผลักดันการพัฒนาอาหารอนาคต&nbsp;โดยบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดกรอบแนวทางพัฒนาปัจจัยพื้นฐานให้เอื้อต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเป้าหมายใหม่&nbsp;(Product&nbsp;Champion)&nbsp;รวมถึงให้เกิดการลงทุนเชิงพาณิชย์&nbsp;และขับเคลื่อน&nbsp;flagship&nbsp;ในปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2566&nbsp;โดยกระทรวงอุตสาหกรรม&nbsp;เตรียมนำเสนอแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ&nbsp;ระยะที่&nbsp;1&nbsp;(ปี&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2563-2570)&nbsp;ต่อ&nbsp;กอช.&nbsp;เพื่อพิจารณาในช่วงไตรมาสแรกของปี&nbsp;2565&nbsp;ก่อนนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี</p><p><strong>ด้านนายทองชัย&nbsp;ชวลิตพิเชฐ&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม&nbsp;หรือ&nbsp;สศอ.&nbsp;กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในปี&nbsp;2564&nbsp;</strong>โดยคาดว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม&nbsp;หรือ&nbsp;MPI&nbsp;จะขยายตัวร้อยละ&nbsp;5.2&nbsp;ปรับตัวดีขึ้นจากปี&nbsp;2563&nbsp;หดตัวร้อยละ&nbsp;9.3&nbsp;ขณะที่คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมปี&nbsp;2565&nbsp;อัตราการใช้กำลังการผลิตมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น&nbsp;ประมาณการ&nbsp;MPI&nbsp;ขยายตัวร้อยละ&nbsp;4.0-5.0&nbsp;ส่วน&nbsp;GDP&nbsp;ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ&nbsp;2.5-3.5&nbsp;เป็นผลจากตลาดส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง&nbsp;รวมถึงตลาดในประเทศเริ่มฟื้นตัวจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19&nbsp;และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ของภาครัฐ&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ยังต้องเฝ้าระวังการแพร่ระบาดโควิด-19&nbsp;สายพันธุ์โอมิครอน&nbsp;ประกอบกับต้องพิจารณาปัจจัยราคาพลังงานและการขาดแคลนแรงงานโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสำคัญที่มีการใช้แรงงานเข้มข้นต่อไป</p>4/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104145500241 นักท่องเที่ยวขึ้นหินสามวาฬ จ.บึงกาฬ ชมแสงแรกของวันกันอย่างคึกคักในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่<p><strong>บรรยากาศในช่วงเช้าของแหล่งท่องเที่ยว&nbsp;ภายในโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศหินสามวาฬ</strong>&nbsp;ในเขตพื้นที่ศูนย์จัดการกลุ่มป่าสงวนแห่งชาติที่&nbsp;154&nbsp;หรือที่เรียกสั้นๆ&nbsp;ว่า&nbsp;“ภูสิงห์”&nbsp;ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวน&nbsp;ป่าดงดิบกะลา&nbsp;ป่าภูสิงห์และป่าดงสีชมพู&nbsp;ท้องที่บ้านโนนไทรทอง&nbsp;หมู่ที่&nbsp;8&nbsp;ต.โคกก่อง&nbsp;อ.เมืองบึงกาฬ&nbsp;จ.บึงกาฬ&nbsp;มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก&nbsp;เดินทางขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า&nbsp;ที่โผล่พ้นทิวเขาขึ้นมาจากภูเขาฝั่ง&nbsp;สปป.ลาว</p><p><strong>โดยเฉพาะจุดไฮไลท์ที่&nbsp;บริเวณ&nbsp;“หินสามวาฬ”&nbsp;ซึ่งเป็นหินขนาดใหญ่เป็นหน้าผาสูง&nbsp;รูปร่างเหมือนปลาวาฬ&nbsp;3&nbsp;ตัว&nbsp;</strong>พ่อ&nbsp;แม่&nbsp;ลูก&nbsp;เรียงกันอยู่เป็นจุดชมวิวที่สวยมที่สุดมองเห็นป่าไม้&nbsp;ภูเขา&nbsp;และแม่น้ำโขง&nbsp;และฝั่ง&nbsp;สปป.ลาว&nbsp;โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเช้าเวลาที่พระอาทิตย์กำลังไต่ระดับโพล่ขึ้นขอบฟ้า&nbsp;จะได้เห็นแสงสีส้มที่ไล่เฉดสี&nbsp;ฉายแสงให้เห็นภาพวิวทิวทัศน์ที่อยู่เบื้องหน้าแบบสุดลูกหูลูกตา&nbsp;สวยงามมาก&nbsp;หลายคนขอพรขอให้มีอายุยืนยาวดังหินสามวาฬ&nbsp;และขอความโชคดี&nbsp;ตลอดปีใหม่&nbsp;เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย&nbsp;ที่พลาดไม่ได้ต้องถ่ายภาพความสวยงามและความประทับใจกับแสงแรกของวันไว้เป็นที่ระลึก</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ตลอดช่วงวันหยุดยาวปีใหม่นี้&nbsp;ยังมีนักท่องเที่ยวทยอยเข้าชมความงดงามทางธรรมชาติ&nbsp;ไม่ขาดสาย</strong>&nbsp;โดยไม่ลืมที่จะสวมใส่หน้ากาก&nbsp;เว้นระยะห่าง&nbsp;ผ่านการตรวจคัดกรอง&nbsp;ลงทะเบียนชื่อที่อยู่พร้อมเบอร์โทรศัพท์&nbsp;และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19&nbsp;จากเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด</p><p><strong>สำหรับ&nbsp;“หินสามวาฬ”&nbsp;แห่งนี้ตั้งแต่ช่วงเทศกาลหยุดยาวปีใหม่&nbsp;มีนักท่องเที่ยว&nbsp;ทั้งชาวไทย&nbsp;ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวชมกว่า&nbsp;10,560&nbsp;คน&nbsp;</strong>โดยเฉพาะวันที่&nbsp;1&nbsp;ม.ค.65&nbsp;ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางขึ้นไปชมแสงแรกของปี&nbsp;2565&nbsp;หรือปีเสือ&nbsp;กว่า&nbsp;3,300&nbsp;คน&nbsp;สร้างความคึกคักให้กับพ่อค้าแม่ขาย&nbsp;ที่จำหน่ายสินค้าชุมชน&nbsp;ของฝาก&nbsp;ของที่ระลึก&nbsp;ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า&nbsp;สร้างรายได้ให้อาสาป่าไม้ที่ให้บริการรถรับส่งนักท่องเที่ยว&nbsp;วิ่งวันละ&nbsp;10-15&nbsp;เที่ยวต่อวัน&nbsp;สร้างเศรษฐกิจในชุมชนให้กับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;</p>4/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบึงกาฬสวท.บึงกาฬhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104115629118 จังหวัดประชุมกลั่นกรองโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ปี 2565<p><strong>วันนี้&nbsp;(4&nbsp;ม.ค.&nbsp;64)&nbsp;นายขจรศักดิ์&nbsp;เจริญโสภา&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง&nbsp;เป็นประธาน</strong>ในการประชุมกลั่นกรองโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;ห้องพระยารัษฎา&nbsp;ชั้น&nbsp;5&nbsp;ศาลากลางจังหวัดตรัง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่&nbsp;21&nbsp;พ.ย.2564&nbsp;เห็นชอบกรอบแผนงานหรือโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(กรอบวงเงิน&nbsp;170,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ภายใต้พระราชกำหนดฯ&nbsp;เพิ่มเติม&nbsp;พ.ศ.2564&nbsp;วงเงิน&nbsp;500,000&nbsp;ล้านบาท)&nbsp;</p><p><strong>โดยกำหนดให้จัดทำข้อเสนอกรอบการดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็ง</strong>ของเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;(กรอบวงเงิน&nbsp;10,000&nbsp;ล้านบาท)&nbsp;กรอบวงเงินของจังหวัดตรัง&nbsp;จำนวน&nbsp;118,306,894&nbsp;บาท&nbsp;และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่&nbsp;23&nbsp;พ.ย.2564&nbsp;รับทราบกรอบการดำเนินการและคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากปี&nbsp;2565&nbsp;และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย&nbsp;และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ในคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการรวมถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ซึ่งข้อเสนอโครงการหรือกิจกรรมจะต้อมีลักษณะ&nbsp;(Do)&nbsp;4&nbsp;ด้าน&nbsp;ดังนี้&nbsp;</p><p>ด้านการพัฒนาสินค้า&nbsp;ท่องเที่ยวบริการ&nbsp;และการค้า&nbsp;</p><p>ด้านการยกระดับประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่ม&nbsp;</p><p>ด้านการเกษตร/อุตสาหกรรม&nbsp;</p><p>ด้านพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการฟื้นตัว&nbsp;และพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจของชุมชน&nbsp;และโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการกระจายประโยชน์ให้กับประชาชนในระดับพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ในการประชุมมีเรื่องเพื่อพิจารณากลั่นกรองโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็ง</strong>ของเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;50&nbsp;&nbsp;โครงการ&nbsp;&nbsp;วงเงิน&nbsp;270,331,090&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;โดยเป็นโครงการที่เสนอโดยส่วนราชการ&nbsp;จำนวน&nbsp;21&nbsp;โครงการ&nbsp;วงเงิน&nbsp;104,989,540&nbsp;บาท&nbsp;โครงการที่เสนอโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น&nbsp;จำนวน&nbsp;29&nbsp;โครงการ&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;โครงการ&nbsp;วงเงิน&nbsp;18,290,000&nbsp;บาท&nbsp;เทศบาลนครตรัง&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;โครงการ&nbsp;วงเงิน&nbsp;11,595,000&nbsp;บาท&nbsp;เทศบาลเมืองกันตัง&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;โครงการ&nbsp;&nbsp;วงเงิน&nbsp;&nbsp;18,778,000&nbsp;บาท&nbsp;และโครงการของเทศบาลตำบล&nbsp;และองค์การบริหารส่วนตำบล&nbsp;เสนอผ่านสำนักงานส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดตรัง&nbsp;จำนวน&nbsp;25&nbsp;โครงการ&nbsp;&nbsp;วงเงิน&nbsp;&nbsp;116,216,300&nbsp;บาท</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>4/1/2022ภาคใต้ตรังสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104143339219 ครม. เห็นชอบ วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จำนวน 3,185,000 ล้านบาท<p><strong>นายธนกร&nbsp;วังบุญคงชนะ&nbsp;โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี&nbsp;(ครม.)&nbsp;มีมติเห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2566&nbsp;&nbsp;จำนวน&nbsp;3,185,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;โดยเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;85,000&nbsp;&nbsp;ล้านบาท&nbsp;หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ&nbsp;2.74&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ประมาณการรายจ่ายประจำ&nbsp;จำนวน&nbsp;&nbsp;2,390,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;16,990.5&nbsp;ล้านบาท&nbsp;&nbsp;หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ&nbsp;0.74&nbsp;รายจ่ายลงทุน&nbsp;จำนวน&nbsp;695,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;83,066.6&nbsp;ล้านบาท&nbsp;หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ&nbsp;13.57&nbsp;รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้จำนวน&nbsp;100,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;เท่ากับปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565</p><p>รายได้สุทธิจำนวน&nbsp;2,490,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;&nbsp;90,000&nbsp;&nbsp;ล้านบาท&nbsp;หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ&nbsp;3.75&nbsp;งบประมาณขาดดุล&nbsp;จำนวน&nbsp;695,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ลดลงจากปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;5,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;หรือลดลงร้อยละ&nbsp;0.71&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้วงเงินงบประมาณรายจ่าย&nbsp;จำนวน&nbsp;3,185,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ดังกล่าว&nbsp;เท่ากับกรอบวงเงิน&nbsp;ตามแผนการคลังระยะปานกลาง&nbsp;(ปีงบประมาณ&nbsp;2566&nbsp;–&nbsp;2569)&nbsp;ที่&nbsp;ครม.&nbsp;ได้มีมติเห็นชอบ&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;21&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;สำหรับงบประมาณรายจ่ายลงทุนและงบประมาณรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้มีสัดส่วนอยู่ภายในกรอบที่กำหนด&nbsp;ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2561</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ครม.ยังได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;</strong>ดำเนินการตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีคือ&nbsp;ให้มีกลไกความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลัง&nbsp;สำนักงบประมาณ&nbsp;&nbsp;สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ&nbsp;และสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย&nbsp;ในการติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและจัดทำข้อเสนอแนะ&nbsp;มาตรการที่ต้องดำเนินการการบริหารความเสี่ยง&nbsp;ทั้งระยะสั้นและระยะปานกลางสำหรับในแต่ละกรณีเป็นการล่วงหน้า&nbsp;ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งติดตามการขับเคลื่อนมาตรการของรัฐบาลในประเด็นต่อไปนี้&nbsp;เช่น&nbsp;การเร่งสร้างรายได้ใหม่ตามมาตรการของรัฐบาล&nbsp;เช่น&nbsp;มาตรการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง&nbsp;เข้าสู่ประเทศไทย&nbsp;(LTR)&nbsp;มาตรการดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุนในพื้นที่&nbsp;EEC&nbsp;และอุตสาหกรรมอนาคต&nbsp;(New&nbsp;S&nbsp;-&nbsp;curve)&nbsp;มาตรการส่งเสริมการลงทุนในกิจการด้านเทคโนโลยีและธุรกิจเกิดใหม่&nbsp;(Startup)&nbsp;การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยBCG&nbsp;Mode&nbsp;การติดตามการจัดเก็บรายได้ของรัฐ&nbsp;การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณ&nbsp;โดยหน่วยรับงบประมาณต้องมีการใช้จ่ายให้เป็นไปตาม&nbsp;แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ&nbsp;และลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น&nbsp;การควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม&nbsp;ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนพลังงานและ&nbsp;ต้นทุนโลจิสติกส์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;และการดำเนินมาตรการเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนและการดำเนินธุรกิจ&nbsp;ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;ทั้งในด้านห่วงโซ่อุปทาน&nbsp;&nbsp;(Supply&nbsp;Chain)&nbsp;ด้านแรงงาน&nbsp;รวมทั้งการควบคุมอัตรา&nbsp;แลกเปลี่ยนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม</p><p>&nbsp;</p><p><br></p>4/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104161902322 ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดพังงาระบุ โครงการเราเที่ยวด้วยกันของรัฐบาลส่งผลให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดพังงามในช่วงเทศกาลปีใหม่จำนวนมาก เตรียมเสนอขอขยายการดำเนินโครงการต่อไปอีกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน<p><strong>นายพงศกร&nbsp;เกตุประภากร&nbsp;ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดพังงา&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>บรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ของจังหวัดพังงามีความคึกคักอย่างมากโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยมีสัดส่วนร้อยละ&nbsp;80&nbsp;และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติร้อยละ&nbsp;20&nbsp;ซึ่งสลับกับก่อนหน้านี้ที่สัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่ที่ร้อยละ&nbsp;80&nbsp;และนักท่องเที่ยวชาวไทยอยู่ที่ร้อยละ&nbsp;20&nbsp;ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกันของรัฐบาล&nbsp;โดยมีแนวคิดการขยายการดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกันในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน&nbsp;ซึ่งจะได้นำเสนอต่อรองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยต่อไป&nbsp;</p><p><strong>ด้านนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติขณะนี้ยังคงมีนักท่องเที่ยวจาก&nbsp;slot&nbsp;ของโครงการ&nbsp;Test&amp;Go</strong>&nbsp;ที่พำนักในโรงแรมบริเวณเขาหลักซึ่งเป็นกลุ่มพำนักระยะยาวหรือ&nbsp;long&nbsp;stay&nbsp;พำนักในโรงแรมและท่องเที่ยวในพื้นที่ต่อไปจนถึงราววันที่&nbsp;11&nbsp;มกราคมนี้</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>4/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสวท.พังงาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104150833250 สาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดด่านรถไฟผิงเสียง แก้ไขปัญหาทุเรียนและลำไยของไทยตกค้าง หลังจากมีการปิดด่านตงชิง<p><strong>สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า</strong>&nbsp;จากปัญหาการปิดด่านตงชิง&nbsp;ในเขตการปกครองตนเองกว่างซีจ้วง&nbsp;ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน&nbsp;ส่งผลกระทบกับสินค้าผลไม้ไทย&nbsp;โดยเฉพาะทุเรียน&nbsp;และลำไยสด&nbsp;ที่มีปริมาณมากต้องติดค้างอยู่ที่ด่านตงซิง&nbsp;ซึ่งไม่สามารถยื่นคําร้องขอผ่านพิธีการศุลกากรเข้าประเทศจีนได้นั้น</p><p><strong>วันที่&nbsp;4&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ทางประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน</strong>&nbsp;ได้เปิดด่านรถไฟผิงเสียงในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง&nbsp;เพื่อนำเข้าผลไม้ไทยทั้งทุเรียน&nbsp;และลำไยตั้งแต่วันนี้&nbsp;(4&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ไปจนถึงวันที่&nbsp;17&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อแก้ไขปัญหากรณีด่านตงซิง&nbsp;</p><p><strong>ซึ่งก่อนหน้านี้ทางการจีนได้ทำหนังสือประสานขอความอนุเคราะห์ฝ่ายเกษตรฯ</strong>&nbsp;ของกว่างโจวให้แจ้งมายังหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย&nbsp;ในการอํานวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการผลไม้&nbsp;ทำการเปลี่ยนแปลงใบรับรองสุขอนามัยพืชในช่วง&nbsp;วันที่&nbsp;1-3&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อจะไทยจะได้ยื่นคําร้องขอผ่านพิธีการศุลกากรผ่านด่านรถไฟผิงเสียงเพื่อขนส่งเข้าประเทศจีนได้</p><p><strong>นายอลงกรณ์&nbsp;พลบุตร&nbsp;ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์</strong>&nbsp;ในฐานะประธานคณะทำงานจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบ&nbsp;แจ้งว่า&nbsp;ขอให้ผู้ส่งออกรีบยื่นขอเปลี่ยนแปลงใบรับรองสุขอนามัยพืชจากด่านตงชิง&nbsp;เป็นด่านรถไฟผิงเสียงแทน&nbsp;และต้องระมัดระวังอย่าให้มีการปนเปื้อนโควิด-19&nbsp;ทั้งคนขับรถ&nbsp;และสินค้า&nbsp;เพราะถ้าตรวจพบทางการจีนจะปิดด่านทันที&nbsp;จึงขอความร่วมมือทุกฝ่ายให้ช่วยกันเข้มงวดกวดขันอย่างเต็มที่</p><p><strong>สำหรับสถิติการส่งออกผลไม้ไทยไปยังประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน&nbsp;</strong>ของกรมวิชาการเกษตร&nbsp;พบว่าในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม&nbsp;2564&nbsp;ไทยส่งออกผลไม้&nbsp;มีปริมาณกว่า&nbsp;2&nbsp;ล้านตัน&nbsp;คิดเป็นมูลค่ากว่า&nbsp;148,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;โดยปริมาณการส่งออกผลไม้สูงสุด&nbsp;3&nbsp;อันดับแรก&nbsp;ได้แก่&nbsp;ทุเรียน&nbsp;ลำไย&nbsp;และมะพร้าวอ่อน&nbsp;แต่เริ่มประสบปัญหาการขนส่งผลไม้ติดขัดตามด่านต่างๆ&nbsp;ของจีนในช่วงปลายปี&nbsp;2564&nbsp;</p><p><strong>อย่างไรก็ตามส่งออกผลไม้ไทย</strong>&nbsp;ต้องเปลี่ยนแปลงใบรับรองสุขอนามัยพืชมาเป็นด่านรถไฟผิงเสียง&nbsp;เพื่อให้การขนถ่ายผลไม้ไปยังประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนไม่มีปัญหา</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>4/1/2022ภาคเหนือแพร่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104151839261 จังหวัดตรัง ประชุมกลั่นกรองโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ปี 2565<p><strong>วันนี้&nbsp;(4&nbsp;ม.ค.64)&nbsp;นายขจรศักดิ์&nbsp;เจริญโสภา&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง&nbsp;เป็นประธาน</strong>ในการประชุมกลั่นกรองโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;ห้องพระยารัษฎา&nbsp;ชั้น&nbsp;5&nbsp;ศาลากลางจังหวัดตรัง</p><p><strong>จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่&nbsp;21&nbsp;พฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;เห็นชอบกรอบแผนงาน</strong>หรือโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(กรอบวงเงิน&nbsp;170,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ภายใต้พระราชกำหนดฯ&nbsp;เพิ่มเติม&nbsp;พ.ศ.2564&nbsp;วงเงิน&nbsp;500,000&nbsp;ล้านบาท)&nbsp;โดยกำหนดให้จัดทำข้อเสนอกรอบการดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;(กรอบวงเงิน&nbsp;10,000&nbsp;ล้านบาท)&nbsp;กรอบวงเงินของจังหวัดตรัง&nbsp;จำนวน&nbsp;118,306,894&nbsp;บาท&nbsp;และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่&nbsp;23&nbsp;พ.ย.2564&nbsp;รับทราบกรอบการดำเนินการและคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากปี&nbsp;2565&nbsp;และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย&nbsp;และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ในคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการรวมถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง&nbsp;</p><p><strong>ซึ่งข้อเสนอโครงการหรือกิจกรรมจะต้อ’มีลักษณะ&nbsp;(Do)&nbsp;4&nbsp;ด้าน&nbsp;ดังนี้</strong>&nbsp;ด้านการพัฒนาสินค้า&nbsp;ท่องเที่ยวบริการ&nbsp;และการค้า&nbsp;ด้านการยกระดับประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่ม&nbsp;ด้านการเกษตร/อุตสาหกรรม&nbsp;ด้านพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการฟื้นตัว&nbsp;และพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจของชุมชน&nbsp;และโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการกระจายประโยชน์ให้กับประชาชนในระดับพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ในการประชุมมีการพิจารณากลั่นกรองโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;</strong>ปี&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;50&nbsp;โครงการ&nbsp;วงเงิน&nbsp;270,331,090&nbsp;บาท&nbsp;โดยเป็นโครงการที่เสนอโดยส่วนราชการ&nbsp;จำนวน&nbsp;21&nbsp;โครงการ&nbsp;วงเงิน&nbsp;104,989,540&nbsp;บาท&nbsp;โครงการที่เสนอโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น&nbsp;จำนวน&nbsp;29&nbsp;โครงการ&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;โครงการ&nbsp;วงเงิน&nbsp;18,290,000&nbsp;บาท&nbsp;เทศบาลนครตรัง&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;โครงการ&nbsp;วงเงิน&nbsp;11,595,000&nbsp;บาท&nbsp;เทศบาลเมืองกันตัง&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;โครงการ&nbsp;&nbsp;วงเงิน&nbsp;&nbsp;18,778,000&nbsp;บาท&nbsp;และโครงการของเทศบาลตำบล&nbsp;และองค์การบริหารส่วนตำบล&nbsp;เสนอผ่านสำนักงานส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดตรัง&nbsp;จำนวน&nbsp;25&nbsp;โครงการ&nbsp;&nbsp;วงเงิน&nbsp;&nbsp;116,216,300&nbsp;บาท</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>4/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104154059287 ครม.อนุมัติงบกลางปี 65 วงเงิน 2,125 ล้านบาท ฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย 17 จังหวัด<p><strong>นางสาวไตรศุลี&nbsp;ไตรสรณกุล&nbsp;รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;งบกลาง&nbsp;รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น&nbsp;วงเงิน&nbsp;2,125.56&nbsp;&nbsp;ล้านบาท&nbsp;เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยจำนวน&nbsp;17&nbsp;จังหวัด&nbsp;แบ่งเป็น&nbsp;งานบูรณะทางหลวงแผ่นดินและโครงสร้างพื้นฐานของกรมทางหลวง&nbsp;ครอบคลุมพื้นที่&nbsp;15&nbsp;จังหวัด&nbsp;ได้แก่&nbsp;เชียงราย&nbsp;,&nbsp;เชียงใหม่&nbsp;,&nbsp;ลำปาง&nbsp;,&nbsp;ขอนแก่น&nbsp;,&nbsp;ชัยภูมิ&nbsp;,&nbsp;นครราชสีมา&nbsp;,&nbsp;กาฬสินธุ์&nbsp;,&nbsp;กำแพงเพชร&nbsp;,&nbsp;นครสวรรค์&nbsp;,&nbsp;พระนครศรีอยุธยา&nbsp;,&nbsp;เพชรบูรณ์&nbsp;,&nbsp;ลพบุรี&nbsp;,&nbsp;สุโขทัย&nbsp;,&nbsp;กาญจนบุรี&nbsp;และตาก&nbsp;โดยเป็นงานซ่อมแซมบูรณะ&nbsp;เช่น&nbsp;งานก่อสร้างและซ่อมสะพาน&nbsp;งานแก้ไขและป้องกันดินสไลด์&nbsp;งานฟื้นฟูและเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำ&nbsp;รวม&nbsp;69&nbsp;รายการ&nbsp;วงเงิน&nbsp;1,649.12&nbsp;ล้านบาท</p><p><strong>ส่วนงานบูรณะทางหลวงชนบทและโครงสร้างพื้นฐานของกรมทางหลวงชนบท</strong>&nbsp;ครอบคลุมพื้นที่&nbsp;7&nbsp;จังหวัด&nbsp;ได้แก่&nbsp;เชียงใหม่&nbsp;,&nbsp;แม่ฮ่องสอน&nbsp;,&nbsp;ชัยภูมิ&nbsp;,&nbsp;นครสวรรค์&nbsp;,&nbsp;กำแพงเพชร&nbsp;,&nbsp;สุโขทัย&nbsp;และระนอง&nbsp;มีงานซ่อมฟื้นฟูสภาพทาง&nbsp;งานซ่อมฟื้นฟูและเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำ&nbsp;งานป้องกันการกัดเซาะโครงสร้างทาง&nbsp;รวม&nbsp;31&nbsp;รายการ&nbsp;วงเงิน&nbsp;476.44&nbsp;ล้านบาท</p><p><strong>กระทรวงคมนาคม&nbsp;รายงานว่า</strong>&nbsp;ช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม&nbsp;-&nbsp;12&nbsp;ตุลาคม&nbsp;2564&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;ได้เกิดอุทกภัยจากมรสุมที่พาดผ่านทั่วทุกภาคของประเทศไทย&nbsp;ทำให้ทางหลวงแผ่นดินและทางหลวงชนบทได้รับความเสียหาย&nbsp;ซึ่งกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท&nbsp;ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยและซ่อมแซมเส้นทางเพื่อให้การจราจรผ่านได้ในระยะเร่งด่วนแล้ว&nbsp;จำนวน&nbsp;663&nbsp;รายการ&nbsp;ครอบคลุมพื้นที่&nbsp;31&nbsp;จังหวัด&nbsp;วงเงินรวม&nbsp;7,987.83&nbsp;ล้านบาท</p><p><br></p><p><br></p>4/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104182212381 ราคาเนื้อหมูในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ราคาขยับขึ้นในช่วงปีใหม่<p><strong>วันที่</strong>&nbsp;4&nbsp;<strong>ม</strong>.<strong>ค</strong>.65&nbsp;<strong>ที่แผงหมูตลาดโก้งโค้ง</strong>&nbsp;<strong>ในเขตเทศบาลเมืองเบตง</strong>&nbsp;<strong>อ</strong>.<strong>เบตง</strong>&nbsp;<strong>จ</strong>.<strong>ยะลา</strong>&nbsp;<strong>นายปลอดชัย</strong>&nbsp;<strong>ขวัญย่อง</strong>&nbsp;<strong>ผู้ค้าเนื้อหมูในพื้นที่</strong>&nbsp;<strong>อ</strong>.<strong>เบตง</strong>&nbsp;<strong>จ</strong>.<strong>ยะลา</strong>&nbsp;<strong>กล่าวว่า</strong>&nbsp;<strong>ราคาเนื้อหมูที่ขยับขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ในปีนี้</strong>&nbsp;<strong>ยอมรับว่าลูกค้าทั้งขาจรและขาประจำเดือดร้อนหนัก</strong>&nbsp;<strong>เฉพาะเนื้อสันคอ&nbsp;วันนี้อยู่ที่</strong>&nbsp;<strong>กก</strong>.<strong>ละ</strong>&nbsp;220<strong>บาท</strong>&nbsp;<strong>เนื้อสามชั้นทะลุ</strong>&nbsp;210-215&nbsp;<strong>บาท</strong>&nbsp;<strong>จนส่งผลให้</strong>&nbsp;<strong>ลูกค้าโอดครวญกับราคาหมูที่แพงรับปีใหม่</strong>&nbsp;<strong>ส่วนกลุ่มที่รับไปทำหมูปิ้งต้องปรับราคาจากไม้ละ</strong>&nbsp;5&nbsp;<strong>บาท</strong>&nbsp;<strong>เป็น</strong>&nbsp;3&nbsp;<strong>ไม้</strong>&nbsp;20&nbsp;<strong>บาท&nbsp;กันแล้ว</strong>&nbsp;<strong>ส่วนกลุ่มร้านหมูกะทะ</strong>&nbsp;<strong>เริ่มจะมีปรับราคากันหลายร้าน</strong>&nbsp;<strong>แต่ยังคงรอดูว่าจะมีการลดราคาหรือไม่</strong>&nbsp;<strong>เพราะหากมีการปรับราคาขึ้นกลัวลูกค้าจะหายหมด</strong></p><p><br></p><p><strong>และจากการสอบถาม</strong>&nbsp;<strong>พ่อค้า</strong>&nbsp;<strong>แม่ค้า</strong>&nbsp;<strong>เขียงหมูรายย่อย</strong>&nbsp;<strong>กล่าวว่า</strong>&nbsp;<strong>ราคาเนื้อหมูที่ขยับปรับราคาแบบนี้</strong>&nbsp;<strong>เป็นเพราะหมูจากฟาร์มย่อย</strong>&nbsp;<strong>หายไปจากระบบ</strong>&nbsp;<strong>จะเหลือผู้เลี้ยงหลักๆแถวนี้ไม่ถึง</strong>&nbsp;10&nbsp;<strong>ราย</strong>&nbsp;<strong>เมื่อของขาดตลาด</strong>&nbsp;<strong>ราคาก็ขึ้นไปตามสภาพ</strong>&nbsp;<strong>ซึ่งชาวบ้านจะหันไปซื้อวัตถุดิบอย่างอื่น</strong>&nbsp;<strong>ปรับเปลี่ยนแทน</strong>&nbsp;<strong>และจะ</strong>&nbsp;<strong>รอดูสักระยะราคาน่าจะปรับลดลงบ้าง</strong>&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ขณะที่ประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อเนื้อหมู</strong>&nbsp;<strong>แผงหมูรายย่อย</strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ต่างโอดเป็นเสียงเดียวกันว่าตามเขียงหมูที่เปิดกันทั่วไป</strong>&nbsp;10&nbsp;<strong>กว่า</strong>&nbsp;<strong>ร้านในย่านนี้</strong>&nbsp;<strong>ราคาจะแตกต่างจากช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่</strong>&nbsp;<strong>ที่ราคาไม่ปรับจนต้องหันไปซื้อไก่</strong>&nbsp;<strong>ซื้อปลา</strong>&nbsp;<strong>มาทำอาหารแทน</strong>&nbsp;<strong>เพราะสู้ราคาไม่ไหว</strong>&nbsp;<strong>เมื่อก่อนมีคนละครึ่งพอช่วยแบ่งเบาภาระกับราคาสินค้าที่ราคาปรับขึ้นเกือบทุกอย่าง</strong>&nbsp;<strong>จนตอนนี้เลยต้องปรับให้เข้ากับภาวะเศรษฐกิจ</strong>&nbsp;<strong>เมื่อหมูแพง</strong>&nbsp;<strong>ก็หันมากินเนื้อปลา</strong>&nbsp;<strong>เนื้อไก่แทน</strong></p><p><br></p><p><strong>พ่อค้าหมู</strong>&nbsp;<strong>ยังกล่าวว่า</strong>&nbsp;<strong>ราคาสุกร</strong>&nbsp;<strong>หน้าฟาร์ม</strong>&nbsp;<strong>มีการปรับราคาเนื่องจากปัจจัยหลักคือ</strong>&nbsp;<strong>รายย่อยไม่เลี้ยงแล้ว</strong>&nbsp;<strong>เพราะหมูติดโรค</strong>&nbsp;<strong>ค่าอาหารราคาสูง</strong>&nbsp;<strong>ราคาน้ำมันแพง</strong>&nbsp;<strong>ในการขนส่ง</strong>&nbsp;&nbsp;<strong>ทำให้ขาดทุน</strong>&nbsp;<strong>หมูที่เห็นกันในขณะนี้เป็นหมูของฟาร์มใหญ่จังหวะประจวบเหมาะกับช่วงนี้พ่อหมูพันธ์</strong>&nbsp;<strong>แม่พันธ์</strong>&nbsp;<strong>ขาดแคลน</strong>&nbsp;&nbsp;<strong>เลยเป็นข้ออ้างทำให้</strong>&nbsp;<strong>ตลาดทั้งระบบปรับราคา</strong>&nbsp;<strong>ซึ่งจริงๆแล้ว</strong>&nbsp;<strong>ทุกช่วงเทศกาลสำคัญๆ</strong>&nbsp;<strong>ราคาเนื้อหมู</strong>&nbsp;<strong>ก็จะปรับราคาขึ้นอยู่แล้ว</strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>แต่ปีนี้</strong>&nbsp;<strong>ราคาหมูขยับราคา</strong>&nbsp;<strong>จากที่เคยซื้อราคาเท่านี้ได้มากกว่า</strong>&nbsp;<strong>แต่พอเห็นราคาสันคอกก</strong>.<strong>ละ</strong>&nbsp;220&nbsp;<strong>บาท</strong>&nbsp;&nbsp;<strong>และหมูปิ้งไม้ละ</strong>&nbsp;5&nbsp;<strong>แค่พอคำ</strong>&nbsp;<strong>บางแผงหมูปิ้งปรับราคาเป็น</strong>&nbsp;3&nbsp;<strong>ไม้</strong>&nbsp;20&nbsp;<strong>บาท</strong>&nbsp;<strong>เมนูพื้นๆของชาวบ้านขึ้น</strong>&nbsp;<strong>ราคาแบบนี้เดือดร้อนกันหมดแล้ว</strong></p><p><br></p><p><strong>ขณะที่ราคาเนื้อหมูมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น</strong>&nbsp;<strong>กก</strong>.<strong>ละ</strong>&nbsp;20-30&nbsp;<strong>บาท</strong>&nbsp;<strong>จากสัปดาห์ที่ผ่านมา</strong>&nbsp;<strong>เนื่องจากมีการระบาดของโรคในสุกรหลายพื้นที่</strong>&nbsp;<strong>ทำให้สุกรมีปริมาณลดลงแต่ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรสูงขึ้น</strong>&nbsp;<strong>โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่</strong>2565&nbsp;<strong>ส่งผลให้สุกรมีชีวิตและราคาเนื้อสุกรในตลาดสดและตามแผงหมูปรับราคาสูงขึ้น</strong>&nbsp;<strong>นอกจากนี้ราคาพริกขี้หนูราคากก</strong>.<strong>ละ</strong>&nbsp;200&nbsp;<strong>บาทอีกด้วย</strong></p>4/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.เบตง จ.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104160315308 มาตรการลดค่าครองชีพประชาชน ปี 65 ผู้ใช้สิทธิ “คนละครึ่ง” สามารถร่วม “ช้อปดีมีคืน” ได้<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายธนกร&nbsp;วังบุญคงชนะ&nbsp;โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เผย</strong>&nbsp;พล.อ.ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรี&nbsp;และ&nbsp;รมว.กลาโหม&nbsp;ยินดีที่มาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19&nbsp;ปี&nbsp;2564&nbsp;ของรัฐบาล&nbsp;ได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน&nbsp;โดยมียอดใช้จ่ายสะสมรวมกว่า&nbsp;254,281.7&nbsp;ล้านบาท&nbsp;พร้อมยืนยันว่า&nbsp;ผู้ใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง&nbsp;เฟส&nbsp;3&nbsp;ที่เพิ่งสิ้นสุดไปเมื่อ&nbsp;31&nbsp;ธ.ค.&nbsp;64&nbsp;สามารถร่วมโครงการช้อปดีมีคืนได้&nbsp;และยังสามารถร่วมโครงการคนละครึ่ง&nbsp;เฟส&nbsp;4&nbsp;ที่จะเริ่มวันที่&nbsp;1&nbsp;มี.ค.&nbsp;65&nbsp;ได้อีก&nbsp;เนื่องจากช่วงเวลาไม่ทับซ้อนกัน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำหรับโครงการ&nbsp;“ช้อปดีมีคืน”&nbsp;จะเริ่มตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;ม.ค.&nbsp;ถึง&nbsp;15&nbsp;ก.พ.&nbsp;65</strong>&nbsp;โดยผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม&nbsp;หนังสือ&nbsp;e-Book&nbsp;หรือสินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน&nbsp;30,000&nbsp;บาท&nbsp;มาหักลดหย่อนภาษีฯ&nbsp;สำหรับปีภาษี&nbsp;2565&nbsp;ได้</p>4/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104161551318 ครม. เห็นชอบปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ปรับปรุงแผนการก่อหนี้ใหม่ 20,700 ล้านบาท เสริมสภาพคล่องทางการเงิน<p><strong>นายธนกร&nbsp;วังบุญคงชนะ&nbsp;โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;คณะรัฐมนตรีเห็นชอบอนุมัติ&nbsp;ปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1&nbsp;เสนอโดยคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ&nbsp;ได้แก่&nbsp;ปรับปรุงแผนการก่อหนี้ใหม่&nbsp;ปรับปรุงแผนการบริหารหนี้เดิมและปรับเพิ่มแผนการชำระหนี้&nbsp;โดยมีการเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินรวมเพิ่มขึ้นเป็น&nbsp;75,230.19&nbsp;ล้านบาท&nbsp;พร้อมมอบหมายให้เร่งรัดดำเนินการตามแผนดังกล่าว</p><p><strong>สำหรับแผนการก่อหนี้ใหม่&nbsp;20,700&nbsp;ล้านบาท</strong>&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;แผนการก่อหนี้ใหม่ของรัฐวิสาหกิจ&nbsp;700&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และอีก&nbsp;20,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;เป็นแผนเงินกู้เพื่อดำเนินโครงการหรือเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการทั่วไปของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง&nbsp;(สกนช.)&nbsp;โดยปรับเพิ่มเงินกู้ระยะสั้น&nbsp;เพื่อเสริมสภาพคล่องในรูปแบบ&nbsp;credit&nbsp;line&nbsp;&nbsp;เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง&nbsp;เพื่อนำไปชดเชยราคาน้ำมันขายปลีก&nbsp;โดยในส่วนของรัฐบาลไม่มีแผนการก่อหนี้ใหม่&nbsp;</p><p><strong>ขณะที่แผนการบริหารหนี้เดิม&nbsp;ปรับเพิ่มขึ้น&nbsp;31,588.34&nbsp;ล้านบาท</strong>&nbsp;ประกอบด้วยแผนการบริหารหนี้เดิมของรัฐบาล&nbsp;ปรับเพิ่มขึ้น&nbsp;&nbsp;52,793&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และแผนการบริหารหนี้เดิมของรัฐวิสาหกิจ&nbsp;ปรับลดลงสุทธิ&nbsp;21,204.66&nbsp;ล้านบาท&nbsp;</p><p><strong>การปรับปรุงแผนฯ&nbsp;เป็นการปรับเพิ่มวงเงิน&nbsp;</strong>ปรับโครสร้างหนี้เงินกู้รัฐบาลที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ&nbsp;2566-2569&nbsp;ซึ่งเป็นหนี้เงินกู้ภายใต้&nbsp;พ.ร.ก.&nbsp;ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา&nbsp;เยียวยา&nbsp;และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด&nbsp;-19&nbsp;โดยออกพันธบัตร&nbsp;รัฐบาลจำนวน&nbsp;60,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;รวมทั้งการกู้เงินเพื่อการลงทุนในโครงการพัฒนา&nbsp;และเพื่อดำเนินโครงการ&nbsp;หรือเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการทั่วไปของรัฐวิสาหกิจ&nbsp;เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง</p><p><strong>โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;กล่าวเพิ่มเติมว่า</strong>&nbsp;นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำเรื่องความเหมาะสมและความสอดคล้องกับสภาพคล่องทางการเงินในแต่ละช่วงเวลา&nbsp;ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการเงินกู้&nbsp;อย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ครม.&nbsp;ได้ให้กระทรวงการคลัง&nbsp;เป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน&nbsp;วิธีการกู้เงิน&nbsp;เงื่อนไข&nbsp;และรายละเอียดต่างๆ&nbsp;ของการกู้เงิน&nbsp;การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น&nbsp;โดยหากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เองก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้นๆ</p><p><br></p><p><br></p>4/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104182046378 สรรพสามิต ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบและไพ่ ในปี พ.ศ.2565 สำหรับผู้ขออนุญาตรายเดิม<p><strong>กรมสรรพสามิต&nbsp;ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุรา&nbsp;ยาสูบและไพ่&nbsp;สำหรับผู้ที่มีใบอนุญาต</strong>&nbsp;ในปี&nbsp;พ.ศ.2564&nbsp;ทุกประเภท&nbsp;ทุกฉบับที่มีความประสงค์ขายสุรา&nbsp;ยาสูบ&nbsp;และไพ่ต่อเนื่อง&nbsp;สถานประกอบการเดิม&nbsp;ในปี&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;โดยนำใบอนุญาขายใบเดิมที่ยังไม่หมดอายุไปต่ออายุได้ที่&nbsp;สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่หรือพื้นที่สาขาที่ร้านค้าตั้งอยู่&nbsp;ธนาคารกรุงไทย&nbsp;จำกัด&nbsp;&nbsp;หรือเคาน์เตอร์เซอร์วิส&nbsp;ในร้าน&nbsp;7-11(ชำระค่าบริการตัวแทน)&nbsp;ได้รับใบอนุญาตขายฉบับใหม่ทันที&nbsp;</p><p><strong>นำแบบฟอร์มคำขอใบอนุญาต&nbsp;ภส.08-06&nbsp;ไปต่ออายุได้ที่&nbsp;เคาน์เตอร์เซอร์วิส&nbsp;ในร้าน&nbsp;7-11</strong>&nbsp;&nbsp;(ชำระค่าบริการตัวแทน)&nbsp;แต่จะไม่สามารถรบใบอนุญาตได้ต้องติดต่อขอรับใบอนุญาตฉบับใหม่&nbsp;ที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่&nbsp;หรือ&nbsp;พื้นที่สาขาที่ร้านตั้งอยู่&nbsp;หรือเลือกต่อใบอนุญาตผ่านช่องทางออนไลน์&nbsp;www.excise.go.th&nbsp;หรือ&nbsp;แอปพลิเคชั่น&nbsp;“Excise&nbsp;Smart&nbsp;Service”&nbsp;แต่จะไม่สามารถรับใบอนุญาตได้ต้องติดต่อขอรับใบอนุญาตฉบับใหม่&nbsp;ที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่&nbsp;หรือ&nbsp;พื้นที่สาขาที่ร้านค้าตั้งอยู่</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>4/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครพนมสวท.นครพนมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104170552358 กรอ.ตราด ติดตามผลการขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจจังหวัดตราด ประเด็นการส่งออกผลไม้<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>(4&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;นายชำนาญวิทย์&nbsp;เตรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด</strong><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">&nbsp;</strong>&nbsp;เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจังหวัดตราด&nbsp;(กรอ.ตร.)&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1/2565&nbsp;ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์&nbsp;โปรแกรม&nbsp;Cisco&nbsp;Webex&nbsp;Meetings&nbsp;โดยมี&nbsp;หน่วยงานภาครัฐ&nbsp;หน่วยงานด้านความมั่นคง&nbsp;ภาคประชาชน&nbsp;และภาคเอกชน&nbsp;เข้าร่วมที่ห้องประชุมพลอยแดง&nbsp;ศาลากลางจังหวัดตราด</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>สำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจังหวัดตราด</strong>&nbsp;ในครั้งนี้&nbsp;ได้มีการนำเสนอประเด็นต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;จากการประชุมหารือการขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจจังหวัดตราดที่ผ่านมา&nbsp;โดยเฉพาะประเด็นการส่งออกผลไม้ของจังหวัดตราด&nbsp;อาทิ&nbsp;การใช้ประโยชน์และการสนับสนุน&nbsp;การส่งออกสินค้า&nbsp;ผลไม้&nbsp;ทุเรียน&nbsp;และมังคุดของจังหวัดตราด&nbsp;และจังหวัดใกล้เคียง&nbsp;ผ่านท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่&nbsp;อำเภอคลองใหญ่&nbsp;ตามที่หอการค้าจังหวัดตราดเสนอ&nbsp;ซึ่งสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาตราดแจ้งความประสงค์ข้อเสนอของหอการค้า&nbsp;ฯ&nbsp;ตามขั้นตอนให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย&nbsp;(กทท.)&nbsp;ที่จะเข้ามาบริหารท่าเทียบเรือ&nbsp;พิจารณา&nbsp;นอกจากนี้ยังมีประเด็นการใช้มาตรฐานผลไม้&nbsp;GAP,&nbsp;GMP&nbsp;ของผู้ประกอบการการส่งออกผลไม้&nbsp;มาตรฐานผลไม้แบบกลุ่ม&nbsp;GAP&nbsp;ระบบสหกรณ์&nbsp;ซึ่งจังหวัดตราด&nbsp;มีคณะทำงาน&nbsp;SC&nbsp;(Single&nbsp;Command)&nbsp;ที่แต่งตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;รับผิดชอบ&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;ทุกหน่วยงาน&nbsp;และผู้แทนสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร&nbsp;เขต&nbsp;6&nbsp;(สวพ.6)&nbsp;ซึ่งมีหน้าที่ตรวจรับรองมาตรฐานผลไม้&nbsp;โดยมีเกษตรและสหกรณ์จังหวัดตราดเป็นหัวหน้าคณะ&nbsp;ขับเคลื่อนการทำงาน&nbsp;อย่างไรก็ตามการประชุมครั้งนี้ยังได้มีการนำเสนอในเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(COVID-19)&nbsp;ซึ่งแรงงานที่เกี่ยวข้องกับผลไม้&nbsp;หีบห่อบรรจุภัณฑ์&nbsp;และผลไม้&nbsp;มีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรค&nbsp;โดยเฉพาะการส่งออกผลไม้ที่อุณหภูมิต่ำทำให้เชื้อที่อาจปนเปื้อน&nbsp;อยู่ได้นานกว่าปกติ&nbsp;แนวทางแก้ไขคือ&nbsp;ใช้มาตรการ&nbsp;DMHTTA&nbsp;กับกระบวนการส่งออกผลไม้ทุกขั้นตอน&nbsp;การตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ในโรงงาน&nbsp;สถานประกอบการ&nbsp;และการสุ่มตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ในสถานประกอบการกลุ่มเป้าหมายของทางราชการเพื่อสร้างความมั่นใจอีกด้วย</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>4/1/2022ภาคตะวันออกตราดสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104175248371 กระทรวงการคลัง ขานรับข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี เร่งแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ<p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">นายอาคม&nbsp;เติมพิทยาไพสิฐ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง&nbsp;เปิดเผยว่า</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;นายกรัฐมนตรีได้กำหนดให้ปี&nbsp;2565&nbsp;เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน&nbsp;โดยสั่งการและมอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ&nbsp;ในสังกัดกระทรวงการคลังและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ&nbsp;กำหนดให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนเป็นพันธกิจหลักและเร่งดำเนินการในประเด็นต่างๆ&nbsp;ที่ได้รับมอบหมายให้แล้วเสร็จโดยเร็ว&nbsp;เช่น&nbsp;การแก้ไขปัญหาหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา&nbsp;(กยศ.)&nbsp;การกำหนดให้การไกล่เกลี่ยและการปรับโครงสร้างหนี้เป็นวาระของประเทศ&nbsp;การแก้ไขปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์&nbsp;การแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการ&nbsp;เป็นต้น&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">กระทรวงการคลัง&nbsp;ดำเนินมาตรการเพื่อช่วยเหลือและลดภาระให้กับลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;โดยในระยะสั้นได้มอบหมายให้ธนาคารออมสินจัดทำโครงการ&nbsp;“สร้างงานสร้างอาชีพ”&nbsp;เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบกับปัญหาการขาดรายได้จากการตกงาน&nbsp;ถูกเลิกจ้าง&nbsp;หรือลดเงินเดือน&nbsp;ให้เข้าโครงการอบรมเสริมความรู้และได้รับสินเชื่อนำไปประกอบอาชีพเพื่อเพิ่มช่องทางในการหารายได้และลดภาระหนี้สิน&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">นอกจากนี้&nbsp;ในระยะยาวกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างจัดทำแผน</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">การให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชนอย่างครบถ้วนและทั่วถึง&nbsp;เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือนอย่างยั่งยืน&nbsp;โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาแผนฯ&nbsp;ดังกล่าวต่อไป</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>4/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104182726387 สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดตราด จัดทดสอบโปรแกรมการท่องเที่ยวชุมชนยายม่อม กลุ่มเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ จังหวัดตราด<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>(4&nbsp;ม.ค.&nbsp;64)&nbsp;สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดตราด&nbsp;นำโดย&nbsp;นายมนตรี&nbsp;ฮมแสน&nbsp;พัฒนาการจังหวัดตราด</strong>&nbsp;นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมทดสอบโปรแกรมการท่องเที่ยวชุมชนยายม่อม&nbsp;บริเวณกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฟื้นฟูอาชีพบ้านยายม่อม&nbsp;หมู่ที่&nbsp;1&nbsp;ตำบลแหลมงอบ&nbsp;อำเภอแหลมงอบ&nbsp;โดยการจัดทดสอบโปรแกรมการท่องเที่ยวชุมชนในครั้งนี้&nbsp;มีกิจกรรมที่หลากหลายให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้สัมผัสความเป็นชุมชนบ้านยายม่อมแห่งนี้&nbsp;อาทิ&nbsp;กิจกรรมการอนุรักษ์พันธุ์แมงดาทะเล&nbsp;สัมผัสชีวิตวิถีประมงพื้นบ้าน&nbsp;กิจกรรมทำชาใบขลู่&nbsp;การแต่งกายชุดมุสลิม&nbsp;พร้อมทั้งชมมัสยิดนูรุ้ลการีมและหออะซาน&nbsp;นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมร่วมเต้นลิเกฮูลู&nbsp;ชมการสาธิตและร่วมกิจกรรมการทำขนมบ้าบิ่น&nbsp;การสานปลาตะเพียน&nbsp;และปู&nbsp;จากใบจาก&nbsp;&nbsp;รวมไปถึงการล่องเรือชมวิถีประมงและป่าชายเลนบริเวณหาดทรายดำ&nbsp;อีกด้วย</p><p><strong>สำหรับการจัดกิจกรรมทดสอบโปรแกรมการท่องเที่ยวชุมชนยายม่อม</strong>&nbsp;เป็นหนึ่งในหลายชุมชนที่เป็นเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ&nbsp;จังหวัดตราด&nbsp;(เน้นหนัก)&nbsp;ในปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;เพื่อเป็นการรับฟังปัญหา/ความต้องการกลุ่มเป้าหมายฯ&nbsp;และแนวทางบูรณาการส่งเสริมสนับสนุนกลุ่มเป้าหมายตามแนวทางประชารัฐ&nbsp;โดยเฉพาะการสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน&nbsp;เป็นการเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานต่อไป&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>4/1/2022ภาคตะวันออกตราดสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104184211393 พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>วันที่&nbsp;4&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นางพิรุณวรรณน์&nbsp;จงใจภักดิ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์</strong>&nbsp;มอบหมายให้ผู้อำนวยการกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้าและเจ้าหน้าที่&nbsp;ตรวจติดตามสถานการณ์การจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์&nbsp;และห้างสรรพสินค้า&nbsp;พบว่า&nbsp;สุกรชำแหละราคาขายปลีก&nbsp;ราคา&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์&nbsp;เนื้อแดง&nbsp;ราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;200&nbsp;-&nbsp;220&nbsp;บาท&nbsp;สันนอก/สันใน&nbsp;ราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;200&nbsp;-&nbsp;220&nbsp;บาท&nbsp;สามชั้น&nbsp;ราคากก.ละ&nbsp;220&nbsp;-&nbsp;240&nbsp;บาท&nbsp;มันหมูแข็ง&nbsp;ราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;70-80&nbsp;บาท&nbsp;ราคาปรับตัวสูงขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา&nbsp;กก.ละ&nbsp;10&nbsp;-&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;ตามราคาสุกรมีชีวิตที่ปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ส่วนราคา&nbsp;ณ&nbsp;ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี&nbsp;แม็คโคร&nbsp;โลตัส</strong>&nbsp;เนื้อแดง&nbsp;ราคากก.ละ&nbsp;132&nbsp;-165&nbsp;บาท&nbsp;สามชั้น&nbsp;ราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;189&nbsp;-&nbsp;232&nbsp;บาท</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>สุกรมีชีวิต&nbsp;ราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;106&nbsp;-&nbsp;110&nbsp;บาท&nbsp;ปรับตัวสูงขึ้น</strong>จากสัปดาห์ที่ผ่านมา&nbsp;7&nbsp;-&nbsp;10&nbsp;บาท/กก.&nbsp;เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเพิร์ส&nbsp;หรือพีอาร์อาร์เอส&nbsp;(PRRS)&nbsp;ทำให้สุกรล้มตายเป็นจำนวนมาก&nbsp;ผลผลิตที่ได้จึงน้อยกว่าปกติทำให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน&nbsp;ราคาจึงปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ทั้งนี้&nbsp;พนักงานเจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน</strong>&nbsp;ไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุอันควร</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ส่วนจุดจำหน่ายโครงการ&nbsp;“หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;จังหวัดสุรินทร์</strong>&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;จุด&nbsp;ดังนี้&nbsp;1)&nbsp;ซี&nbsp;พี&nbsp;เฟรซมาร์ท&nbsp;สาขาตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์&nbsp;จังหวัดสุรินทร์&nbsp;2)&nbsp;ซี&nbsp;พี&nbsp;เฟรซมาร์ท&nbsp;สาขาสังขะ&nbsp;อำเภอสังขะ&nbsp;&nbsp;จังหวัดสุรินทร์&nbsp;3)&nbsp;ซี&nbsp;พี&nbsp;เฟรซมาร์ท&nbsp;สาขาปราสาท&nbsp;อำเภอปราสาท&nbsp;จังหวัดสุรินทร์</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>4/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสวท.สุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104190929398 กรมท่าอากาศยานแจงกรณีก่อสร้างสนามบินเบตง ย้ำเพื่อพัฒนาตามขนาดและความต้องการเดินทางของประชาชน ส่วนจุดเติมน้ำมันอากาศนานได้หารือกับ ปตท. เพื่อหาแนวทางในการให้บริการในอนาคตแล้ว<p><strong>วันนี้&nbsp;(4&nbsp;ม.ค.65&nbsp;)&nbsp;นางดวงพร</strong>&nbsp;<strong>สุวรรณมณี</strong>&nbsp;<strong>ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนราธิวาส</strong>&nbsp;ปฏิบัติงานในฐานะผู้อำนวยการท่าอากาศยานเบตง&nbsp;เผยว่า&nbsp;ทางกรมท่าอากาศยาน(ทย.)ชี้แจงกรณีมีประเด็นบิดเบือนของท่าอากาศยานเบตงตามที่ได้มีข้อมูลปรากฏบิดเบือนในสื่อสังคมออนไลน์&nbsp;ถึงกรณีการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตงที่มีข้อติดขัดไม่สามารถเปิดให้บริการได้นั้น&nbsp;กรมฯขอชี้แจงข้อมูลเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องดังนี้</p><p><strong>กรมท่าอากาศยานได้ดำเนินการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง</strong>&nbsp;<strong>ตามมติคณะรัฐมนตรี</strong>&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;6&nbsp;ตุลาคม&nbsp;2558&nbsp;วัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาการคมนาคมในพื้นที่ที่มีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชันไม่สะดวกต่อการเดินทาง&nbsp;และเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจความมั่นคงในพื้นที่&nbsp;3&nbsp;จังหวัดชายแดนภาคใต้</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;ซึ่งก่อนการดำเนินการก่อสร้างกรมท่าอากาศยาน</strong>&nbsp;ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้&nbsp;วิเคราะห์ข้อมูลทางกายภาพและทางเศรษฐศาสตร์&nbsp;จึงได้ข้อสรุปในการก่อสร้างที่วางไว้คือ&nbsp;ทางวิ่ง(Runway)&nbsp;ขนาด&nbsp;30x&nbsp;1,800&nbsp;เมตรสามารถรองรับเครื่องบินขนาด&nbsp;80&nbsp;ที่นั่ง&nbsp;(ATR-72/Q-400)&nbsp;ซึ่งตามหลักการดำเนินงานท่าอากาศยานจะมีการติดตามตัวเลขผู้โดยสารและเที่ยวบิน&nbsp;เพื่อนำมาวิเคราะห์ในการเพิ่มศักยภาพของท่าอากาศยานต่างๆ&nbsp;โดยจะต้องมีระยะของการพัฒนาตามขนาดและความต้องการเดินทางของประชาชน</p><p><strong>สำหรับเส้นทางบินและการขึ้นลงของอากาศยาน</strong>&nbsp;<strong>จะอยู่ในน่านฟ้าของประเทศไทยเท่านั้น</strong>&nbsp;ไม่มีล้ำเข้าไปในน่านฟ้าของประเทศเพื่อนบ้านแต่อย่างใด&nbsp;ขณะนี้ได้มีสายการบินขออนุญาตทำการบินไว้&nbsp;2&nbsp;เส้นทาง&nbsp;คือ&nbsp;1.หาดใหญ่-เบตง-หาดใหญ่&nbsp;และ&nbsp;2.ดอนเมือง-เบตง-ดอนเมือง&nbsp;ปัจจุบันท่าอากาศยานเบตงได้มีการให้บริการเที่ยวบินทางราชการ&nbsp;และเที่ยวบินส่วนบุคคล&nbsp;ซึ่งได้มีการทำการบินมาอย่างต่อเนื่อง</p><p>ทั้งนี้ในส่วนของการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานนั้น&nbsp;กรมท่าอากาศยานได้มีการหารือแนวทางร่วมกันกับ&nbsp;บริษัทปตท.&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)&nbsp;โดยได้มีการวางแผนการลงทุนและแนวทางในการให้บริการในอนาคต</p><p><strong>กรมท่าอากาศยานขอเรียนให้ทราบว่าจากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวไปข้างต้น</strong>&nbsp;จะเห็นได้ว่าการดำเนินงานของกรมท่าอากาศยานมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนในความต้องการพัฒนาท่าอากาศยานให้สามารถรองรับการเดินทางทางอากาศของประชาชนได้อย่างเพียงพอ&nbsp;และครอบคลุมทุกความต้องการ&nbsp;รวมถึงเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมของประชาชนให้ทั่วถึงต่อไป</p><p><strong>รายงานข่าวกระทรวงคมนาคม</strong>&nbsp;<strong>เผยว่า&nbsp;ในส่วนของสายการบิน</strong>ที่จะมาเปิดทำการบินที่ท่าอากาศยานเบตงนั้น&nbsp;ทาง&nbsp;ทย.&nbsp;มีมาตรการให้การสนับสนุนสายการบินตามมติคณะรัฐมนตรี&nbsp;(ครม.)&nbsp;อยู่แล้ว&nbsp;ไม่ว่าจะเป็น&nbsp;การลดค่าธรรมเนียมค่าขึ้นลงอากาศยาน&nbsp;50%&nbsp;และยกเว้นค่าธรรมเนียมจอดอากาศยาน&nbsp;ส่วนเรื่องเงื่อนไขการรับประกันที่นั่งผู้โดยสาร&nbsp;75%&nbsp;ตามที่ผู้ประกอบการสายการบินเสนอมา&nbsp;ได้เร่งรัดการเจรจาให้จบโดยเร็ว&nbsp;เพราะไม่อยากให้เปิดท่าอากาศยานแล้วหยุดให้บริการ&nbsp;และกลับมาเปิดให้บริการอีก&nbsp;ต้องการให้เปิดแล้วก็เปิดให้บริการยาวต่อเนื่องเลย&nbsp;ไม่อยากให้เกิดปัญหาท่าอากาศยานร้าง</p><p><strong>สำหรับท่าอากาศยานเบตง</strong>&nbsp;<strong>จ</strong>.<strong>ยะลา</strong>&nbsp;<strong>ได้เริ่มก่อสร้างเมื่อปี</strong>&nbsp;60&nbsp;<strong>แล้วเสร็จเมื่อปี</strong>&nbsp;62&nbsp;อาคารที่พักผู้โดสาร&nbsp;มีพื้นที่ประมาณ7,000&nbsp;ตารางเมตร(ตรม.)&nbsp;สามารถรองรับผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วนได้ประมาณ&nbsp;300&nbsp;คนต่อชั่วโมง&nbsp;และรองรับผู้โดยสารได้&nbsp;876,000&nbsp;คนต่อปี&nbsp;มีขนาดความยาวทางวิ่ง(รันเวย์)&nbsp;1,800&nbsp;เมตร&nbsp;สามารถรองรับได้เฉพาะอากาศยานขนาดเล็ก&nbsp;เช่น&nbsp;เครื่องบินแบบใบพัด&nbsp;ATR&nbsp;ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา&nbsp;เพื่อขยายความยาวรันเวย์เพิ่มเป็น&nbsp;2,500&nbsp;เมตร&nbsp;เพื่อให้สามารถรองรับอากาศยานขนาด&nbsp;180&nbsp;ที่นั่งได้</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>4/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.เบตง จ.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104193256403 กูร์เมต์ มาร์เก็ต ชวนชาวโคราช ช้อป ชิม หลากหลายสินค้า และเมนูอร่อย ดีต่อสุขภาพ ในบรรยากาศกาดดอยแสนม่วนอกม่วนใจ๋ ที่งาน “เทศกาลสินค้าโครงการหลวง : ดอกไม้กินได้”<p><strong>นายชินาพัฒน์&nbsp;พิมพ์ศรีแก้ว&nbsp;ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ&nbsp;บริษัทเดอะมอลล์&nbsp;นครราชสีมา&nbsp;จำกัด&nbsp;เปิดเผยว่</strong>า&nbsp;กูร์เมต์&nbsp;มาร์เก็ต&nbsp;และ&nbsp;เดอะมอลล์&nbsp;โคราช&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;มูลนิธิโครงการหลวง&nbsp;จัดงาน&nbsp;“เทศกาลสินค้าโครงการหลวง&nbsp;:&nbsp;ดอกไม้กินได้”&nbsp;ชวนชาวโคราชและจังหวัดใกล้เคียง&nbsp;ร่วมลิ้มลองความอร่อยกับเมนูสุดพิเศษเฉพาะงานนี้&nbsp;ที่รังสรรค์ขึ้นจากวัตถุดิบและดอกไม้กินได้จากโครงการหลวง&nbsp;พร้อมด้วยสินค้าและผลิตภัณฑ์คุณภาพทั้ง&nbsp;ผัก&nbsp;ผลไม้&nbsp;ดอกไม้กินได้&nbsp;รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปมากมาย&nbsp;พร้อมเมนูอิ่มอร่อยจากอาหารพื้นเมือง&nbsp;ที่ปรุงด้วยวัตถุดิบโครงการหลวง&nbsp;กว่า&nbsp;10&nbsp;เมนู&nbsp;ในบรรยากาศกาดดอยแสนม่วนอกม่วนใจ๋&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;5&nbsp;-&nbsp;12&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่&nbsp;Grand&nbsp;Hall&nbsp;&nbsp;ชั้น&nbsp;1&nbsp;เดอะมอลล์&nbsp;โคราช&nbsp;กลับมาส่งตรงความสด&nbsp;อร่อย&nbsp;แบบได้สุขภาพให้กับชาวโคราชและจังหวัดใกล้เคียงอีกครั้ง&nbsp;กับงาน&nbsp;“เทศกาลสินค้าโครงการหลวง”&nbsp;ภายในคอนเซ็บท์&nbsp;“ดอกไม้กินได้”&nbsp;พร้อมจำลองบรรยากาศและกลิ่นอายการตกแต่งที่สวยงามเหมือนยกกาดดอยมาได้ม่วนอกม่วนใจ๋&nbsp;โดยภายในงานรวบรวมสินค้าและผลิตภัณฑ์คุณภาพจากโครงการหลวงทั้ง&nbsp;ผัก-ผลไม้&nbsp;ผลิตภัณฑ์แปรรูปมากมาย&nbsp;กว่า&nbsp;150&nbsp;รายการ&nbsp;อาทิ&nbsp;ผักเคล&nbsp;และผักสดหลากหลายชนิด,&nbsp;สตรอเบอร์รี่,&nbsp;เคปกูสเบอร์รี่,&nbsp;เสาวรส,&nbsp;ฟักทองญี่ปุ่น,&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มะเขือเทศเชอรี่,&nbsp;ปลาเรนโบว์เทร้าต์,&nbsp;ขนมปังมันเทศญี่ปุ่น&nbsp;มินิ,&nbsp;ไข่ไก่อินทรีย์โครงการหลวง&nbsp;ที่เลี้ยงแบบปล่อยธรรมชาติไม่ใช้ฮอร์โมนไม่ใช้สารเร่ง,&nbsp;กาแฟดริปโครงการหลวง&nbsp;กาแฟ&nbsp;100%&nbsp;อะราบิก้า&nbsp;จากแหล่งปลูกแม่ลาน้อย&nbsp;ที่มีสภาพอากาศเหมาะสม&nbsp;ปลูกภายใต้ร่มไม้ใหญ่&nbsp;และสภาพหุบเขาที่โอบล้อม&nbsp;ทำให้ได้เมล็ดกาแฟคุณภาพ&nbsp;มีให้เลือก&nbsp;2&nbsp;แบบ&nbsp;คือ&nbsp;คั่วกลาง&nbsp;กับ&nbsp;คั่วเข้ม,&nbsp;เนยแข็งเฟต้า&nbsp;ผลิตจากนมควายผสมนมแพะ&nbsp;นิยมรับประทานกับสลัด&nbsp;บีบให้เนื้อร่วนโรยหน้าสลัด&nbsp;โรยหน้าพิซซ่า&nbsp;หรือทานกับผลไม้,&nbsp;ผักเคลผง&nbsp;สินค้าใหม่ที่คุณค่าทางโภชนาสูง&nbsp;อัดแน่นไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุเป็นราชินีแห่งผักใบเขียว&nbsp;ฯลฯ&nbsp;พร้อมพบกับไฮไลท์&nbsp;“ดอกไม้กินได้”&nbsp;อาทิ&nbsp;ดอกเนสเตอร์เตียม&nbsp;(Nasturtium)&nbsp;มีสีขาว&nbsp;ครีม&nbsp;ชมพู&nbsp;เหลือง&nbsp;ส้ม&nbsp;และแดง&nbsp;มีกลิ่นหอม&nbsp;ใบมีรสเผ็ด&nbsp;จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า&nbsp;Indian&nbsp;Cress&nbsp;ดอกและใบนิยมมารับประทาน&nbsp;เป็นผักสดมีรสเผ็ดและให้กลิ่นหอมคล้ายกับวอเตอร์เครส&nbsp;นิยมใส่ในสลัดเพื่อเพิ่มสีสันและรสชาติ&nbsp;ดอกกุหลาบ&nbsp;(Rose)&nbsp;มีหลากหลายสีสัน&nbsp;เช่น&nbsp;แดง&nbsp;ขาว&nbsp;เหลือง&nbsp;ชมพู&nbsp;ฯลฯ&nbsp;มีสรรพคุณช่วยลดกลิ่นตัว&nbsp;ขับเหงื่อ&nbsp;ขับสารพิษ&nbsp;ช่วยบำรุงหัวใจ&nbsp;และเป็นยาระบายอ่อน&nbsp;ๆ&nbsp;กลีบบางชนิดนำมาทำเป็น&nbsp;“ชาดอกกุหลาบ”&nbsp;บางชนิดนำมาทำเป็นอาหาร&nbsp;เช่น&nbsp;นำไปยำกับเนื้อสัตว์&nbsp;ชุบแป้งทอด&nbsp;ใส่ในไข่เจียว&nbsp;หรือจะทำเป็นสลัดได้เช่นกัน,&nbsp;ดอกบีโกเนีย&nbsp;(Begonia)&nbsp;ตัวดอกมีความกรอบชุ่มฉ่ำเหมือนผักสลัดสด&nbsp;ๆ&nbsp;มีรสชาติเปรี้ยว&nbsp;เหมือนยอดมะขามอ่อน&nbsp;เหมาะสำหรับอาหารทุกประเภทที่ต้องการตัดรสเลี่ยน&nbsp;หรือแม้กระทั่งทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อเติมความสดชื่นระหว่างวัน&nbsp;มีสรรพคุณช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร</p><p><strong>พร้อมกันนี้เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสและลิ้มลองความอร่อยของวัตถุดิบคุณภาพจากโครงการหลวง&nbsp;กูร์เมต์&nbsp;มาร์เก็ต</strong>&nbsp;ได้รังสรรค์&nbsp;4&nbsp;เมนูสุดพิเศษ&nbsp;โดยเชฟ&nbsp;You&nbsp;Hunt&nbsp;We&nbsp;Cook&nbsp;ซึ่งมีจำหน่ายเฉพาะงานเท่านั้น&nbsp;ได้แก่&nbsp;สลัดโรลผักเคลกับดอกไม้โครงการหลวง&nbsp;(Salad&nbsp;Roll&nbsp;with&nbsp;kale&nbsp;Flower)&nbsp;ราคา&nbsp;90&nbsp;บาท,&nbsp;ผักเคลเบคอนอบครีมชีส&nbsp;(Bake&nbsp;kale&nbsp;&amp;&nbsp;bacon&nbsp;cream&nbsp;cheese)&nbsp;ราคา&nbsp;150&nbsp;บาท,&nbsp;ปลาเรนโบว์เทราต์&nbsp;ย่างกับซัลซ่ามะเขือเทศโครงการหลวง&nbsp;(Grilled&nbsp;Trout&nbsp;decorations&nbsp;with&nbsp;Cherry&nbsp;Tomato&nbsp;Salsa)&nbsp;ราคา&nbsp;250&nbsp;บาท,&nbsp;ปลาเรนโบว์เทราต์&nbsp;ย่างซอสสมุนไพรกับข้าวโครงการหลวง&nbsp;(Grilled&nbsp;Trout&nbsp;with&nbsp;Thai&nbsp;Herb&nbsp;and&nbsp;Rice)&nbsp;ราคา&nbsp;250&nbsp;บาท&nbsp;และ<strong>นอกจากนี้&nbsp;ภายในงานยังได้คัดสรรอาหารเหนือ&nbsp;แบบพื้นเมืองแท้&nbsp;ๆ</strong>&nbsp;และยังใช้วัตถุดิบจากโครงการหลวงในการปรุงเมนูมาให้ได้เลือกลิ้มลองความอร่อยมากมาย&nbsp;อาทิ&nbsp;ข้าวเหนียวงาดำ&nbsp;มีส่วนผสมพิเศษในส่วนของข้าวเหนียวธัญญะพืชที่ได้ใช้&nbsp;งาดำ&nbsp;และงาหอม&nbsp;ผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวงมาเป็นส่วนผสมซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์,&nbsp;ข้าวซอยปลาเทร้าต์ทอด&nbsp;อาหารขึ้นชื่อของชาวเหนือ&nbsp;ใช้ปลาเทร้าต์จากโครงการหลวง&nbsp;ทอดในน้ำมันร้อน&nbsp;ๆ&nbsp;จนเหลืองกรอบ&nbsp;ทานพร้อมเส้นและราดน้ำแกงข้าวซอย&nbsp;เพิ่มความอร่อยด้วยเครื่องเคียงต่าง&nbsp;ๆ,&nbsp;ผัดไทไข่ไก่โครงการหลวง&nbsp;เมนูอาหารจานเด็ดซึ่งทางร้านได้นำไข่ไก่โครงการหลวงที่ปล่อยตามธรรมชาติ&nbsp;ไก่ไม่เครียด&nbsp;ไม่ใช้ฮอร์โมนเร่งไม่ใช้สารเร่งสีไข่แดง&nbsp;เลี้ยงด้วยผลผลิตอินทรีย์&nbsp;ซึ่งไข่ไก่อินทรีย์จะปลอดจากสารพิษ,&nbsp;น้ำพริกหนุ่ม&nbsp;พร้อมผักเครื่องเคียงโครงการหลวง&nbsp;อาหารพื้นบ้านล้านนาที่รู้จักกันทั่วไป&nbsp;ทำจากพริกชนิดหนึ่งที่เรียกว่าพริกหนุ่มอาจจะใช้พริกหนุ่มที่แก่จัดหรือยังไม่แก่จัดก็ได้&nbsp;โขลกส่วนผสม&nbsp;หอม&nbsp;และกระเทียม&nbsp;ที่มาย่างและรับประทาน&nbsp;กับ&nbsp;ผักโครงการหลวงสดจากดอยโดยตรง&nbsp;ซึ่งเป็นผักปลอดภัย&nbsp;และมีให้เลือกหลายหลายชนิด,&nbsp;กะลอจี้&nbsp;ขนมกะลอจี๊เป็นขนมแป้งเหนียว&nbsp;ๆ&nbsp;สัญชาติจีน&nbsp;นำไปต้มจนสุก&nbsp;เวลาจะกินก็นำไปคลุกกับน้ำตาลทรายผสมงาขาวงาดำ&nbsp;จากโครงการหลวง&nbsp;ใส่ถั่วเพิ่มกะลอจี๊กรอบนอกนุ่มใน&nbsp;หอมงาและถั่ว&nbsp;ไปกินเล่นยามว่าง,&nbsp;ขนมตะโก้&nbsp;ตะโก้กะทิสดมีให้เลือกกว่า&nbsp;16&nbsp;ไส้&nbsp;โดยมีเมนูแนะนำคือไส้&nbsp;ข้าวโพด,&nbsp;ฟักทอง,&nbsp;ถั่วแดง&nbsp;ที่สด&nbsp;ใหม่&nbsp;จากโครงการหลวง&nbsp;บอกเลยว่าถ้ากินหมดนี่เบาหวานรับประทานแน่นอน,&nbsp;น้ำอะโวคาโดปั่น&nbsp;ได้คัดสรร&nbsp;ผลอะโวคาโด&nbsp;สดจากทีมโครงการหลวง&nbsp;มาทำน้ำอะโวคาโดปั่น&nbsp;ซึ่งเป็นผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพอย่างมาก&nbsp;เพราะมีทั้งวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายกว่า&nbsp;20&nbsp;ชนิด&nbsp;และมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก&nbsp;ซึ่งประโยชน์ของอะโวคาโดนั้นมีหลากหลายด้าน&nbsp;เช่น&nbsp;บำรุงสมอง&nbsp;บำรุงดวงตา&nbsp;ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง&nbsp;ไปจนถึงประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;และอีกหลากหลายเมนูให้เลือกลิ้มลองความอร่อย</p><p><strong>ร่วมสนับสนุนผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวง&nbsp;และลิ้มลองความอร่อยกับหลากหลายเมนูได้&nbsp;</strong>ในงาน&nbsp;“เทศกาลสินค้าโครงการหลวง&nbsp;:&nbsp;ดอกไม้กินได้”&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;5&nbsp;-&nbsp;12&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่&nbsp;Grand&nbsp;Hall&nbsp;ชั้น&nbsp;1&nbsp;เดอะมอลล์&nbsp;โคราช</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>4/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครราชสีมาสวท.นครราชสีมาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104214616412 ตรัง นักดำน้ำตื้นตะลึงพบกระเบนใหญ่สุดในโลกที่เกาะรอก<p><strong>นักดำน้ำตื้นสุดตะลึงพบ&nbsp;"กระเบนแมนตา"&nbsp;หรือ&nbsp;"กระเบนราหู"&nbsp;</strong>ปลากระเบนที่ใหญ่ที่สุดในโลก&nbsp;ที่เกาะรอก&nbsp;แถมยังให้เข้าไปยลโฉมได้อย่างใกล้ชิด&nbsp;ผู้ประกอบการทัวร์เผยเจอครั้งแรกในรอบ&nbsp;18&nbsp;ปี</p><p><strong>ทีมผู้ประกอบการท่องเที่ยวทะเลตรัง&nbsp;ได้นำนักท่องเที่ยวเดินทางไปดำน้ำตื้น</strong>&nbsp;ที่บริเวณจุดดำน้ำหลังเกาะรอก&nbsp;ซึ่งได้ชื่อว่า&nbsp;เป็นราชินีอันดามัน&nbsp;อันเนื่องมาจากธรรมชาติของโลกใต้น้ำที่ยังคงมีความสวยงามมาก&nbsp;โดยทุกคนต่างก็รู้สึกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง&nbsp;เมื่อได้พบกับปลากระเบนแมนตา&nbsp;หรือปลากระเบนราหู&nbsp;ซึ่งจัดเป็นปลากระเบนที่ใหญ่ที่สุดในโลก&nbsp;เนื่องจากปกติแล้วผู้ที่จะพบเห็นปลากระเบนชนิดนี้ได้&nbsp;จะต้องเป็นกลุ่มนักดำน้ำลึก&nbsp;หรือ&nbsp;Scuba&nbsp;Diving&nbsp;เท่านั้น&nbsp;แต่กลุ่มที่ดำน้ำตื้น&nbsp;จะมีโอกาสเจอน้อยถึงน้อยมาก&nbsp;แถมปลากระเบนตัวนี้ยังดูคุ้นกับผู้คนอีกด้วย</p><p><strong>สำหรับปลากระเบนแมนตา&nbsp;หรือปลากระเบนราหู&nbsp;ที่พบตัวนี้</strong>&nbsp;มีความกว้างของช่วงปีก&nbsp;จากคลีบซ้ายถึงคลีบขวา&nbsp;3-4&nbsp;เมตร&nbsp;แต่มีตำหนิที่คลีบซ้าย&nbsp;เหมือนโดนฉลามกัดมา&nbsp;แต่บางตัวอาจมีความกว้างของช่วงปีกได้ถึง&nbsp;6.7&nbsp;เมตร&nbsp;หรือ&nbsp;22&nbsp;ฟุต&nbsp;และมีน้ำหนักได้ถึง&nbsp;1,350&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ปกติมักอาศัยอยู่ในน่านน้ำเขตร้อนทั่วโลก&nbsp;โดยเฉพาะรอบๆ&nbsp;แนวปะการัง&nbsp;ส่วนที่จังหวัดตรัง&nbsp;จะพบมากบริเวณกองหินกลางทะเล&nbsp;หรือ&nbsp;"หินม่วง&nbsp;หินแดง"&nbsp;ซึ่งอยู่ห่างจากเกาะรอก&nbsp;ออกไปอีก&nbsp;1&nbsp;ชม.&nbsp;(Speedboat&nbsp;50-60&nbsp;กม./ชม.)&nbsp;ภายในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา</p><p><strong>นายพฤกษ์&nbsp;อุบลเกิด&nbsp;ผู้จัดการ&nbsp;มดตะนอย&nbsp;รีสอร์ท&nbsp;ทีมผู้ประกอบการท่องเที่ยวทะเลตรัง&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ตั้งแต่ตนเองทำทัวร์ดำน้ำตื้นมายาวนานถึง&nbsp;18&nbsp;ปี&nbsp;แต่เพิ่งจะเป็นครั้งแรกที่มีปลากระเบนแมนตา&nbsp;หรือปลากระเบนราหู&nbsp;ขึ้นมาให้ยลโฉมในระดับน้ำตื้นเช่นนี้&nbsp;และเฉพาะที่บริเวณเกาะรอก&nbsp;ก็แทบไม่เคยมีประวัติว่า&nbsp;พบปลากระเบนชนิดนี้มาก่อน&nbsp;แต่ล่าสุดเพิ่งมีทีมดำน้ำลึกพบเห็นปลากระเบนแมนต้า&nbsp;ที่บริเวณหินม่วง&nbsp;หินแดง&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;ตัว&nbsp;จึงนับเป็นความโชคดีทั้งของตนเองและกลุ่มนักดำน้ำตื้นที่ได้เจอปลากระเบนที่ใหญ่ที่สุดในโลกตัวนี้อย่างใกล้ชิด</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>4/1/2022ภาคใต้ตรังสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104215435414 จังหวัดแพร่เผยยอดจำหน่ายงาน “OTOP ภูมิภาค” ความสุขผลิบานทั่วไทย 7 วันยอดจำหน่ายกว่าล้านบาท<p><strong>สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า&nbsp;</strong>ตามที่จังหวัดแพร่ร่วมกับกรมพัฒนาชุมชนงาน&nbsp;“OTOP&nbsp;ภูมิภาค”&nbsp;ความสุขผลิบานทั่วไทย&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;29&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;-&nbsp;4&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่บริเวณพื้นที่ตรงข้ามอนุสาวรีย์พระยาไชยบูรณ์&nbsp;ตำบลป่าแมต&nbsp;อำเภอเมืองแพร่&nbsp;เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ&nbsp;ผู้ผลิตสินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;ได้มีแหล่งจำหน่ายสินค้า&nbsp;เปิดช่องทางการตลาดให้สามารถจำหน่ายสินค้าได้&nbsp;สร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการ&nbsp;เสริมสร้างเศรษฐกิจในภาพรวม&nbsp;ภายใต้มาตรการการป้องกันโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;</p><p><strong>ด้านนายสมหวัง&nbsp;พ่วงบางโพ</strong>&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่กล่าวว่า&nbsp;ในการจัดงาน&nbsp;“OTOP&nbsp;ภูมิภาค”&nbsp;ความสุขผลิบานทั่วไทย&nbsp;ซึ่งจัดที่จังหวัดแพร่นั้น&nbsp;ทั้ง&nbsp;7&nbsp;วัน&nbsp;สามารถจำหน่ายได้ยอดรวมถึง&nbsp;1,474,180&nbsp;บาท&nbsp;โดยร้านจำหน่ายทั้ง&nbsp;7&nbsp;วันมียอดสูงสุด&nbsp;3&nbsp;ลำดับคือ&nbsp;1.อวิกาหม้อห้อมแฟชั่น&nbsp;ยอดจำหน่าย&nbsp;123,100&nbsp;บาท&nbsp;2.ญเนศไทยดีไขน์&nbsp;ยอดจำหน่าย&nbsp;123,000&nbsp;บาท&nbsp;และ&nbsp;3.&nbsp;สิริพร&nbsp;บัตรน้อย&nbsp;ยอดจำหน่าย&nbsp;119,100&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งถือว่าประสบผลสำเร็จสามารถสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการ&nbsp;และสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้เป็นอย่างดีหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;คลี่คลายลง</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>5/1/2022ภาคเหนือแพร่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220105104448471 ตลาดทุ่งเกวียนลำปางคึกคัก นักท่องเที่ยวสายเหนือเดินทางกลับแวะซื้อของฝากจำนวนมาก<p><strong>ภาพบรรยากาศของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนช่วงเทศกาลปีใหม่</strong>&nbsp;ต่างเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร&nbsp;หรือจังหวัดอื่นๆ&nbsp;โดยส่วนใหญ่ที่เดินทางมาเที่ยวยังจังหวัดเชียงใหม่&nbsp;ลำพูน&nbsp;และแม่ฮ่องสอน&nbsp;โดยใช้เส้นทางถนนสายเอเชีย&nbsp;เชียงใหม่-ลำปาง&nbsp;เดินทางกลับกันอย่างหนาแน่น&nbsp;เพื่อจะกลับไปทำงานหลังจากได้หยุดพักติดต่อกันมาหลายวัน&nbsp;โดยระหว่างการเดินทางกลับ&nbsp;ประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก&nbsp;ได้จอดพักรถแวะซื้ออาหารพื้นเมืองและของฝากของที่ระลึกที่ตลาดทุ่งเกวียน&nbsp;ตำบลเวียงตาล&nbsp;อำเภอห้างฉัตร&nbsp;จังหวัดลำปาง&nbsp;ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่อีกแห่งของจังหวัดลำปางที่ขึ้นชื่อในเรื่องของสินค้าอาหารเมืองเหนือ&nbsp;จนทำให้การจราจรบริเวณถนนด้านหน้าตลาดคับคั่งหนาแน่น&nbsp;แต่ยังคงเคลื่อนตัวได้อย่างสะดวก&nbsp;เนื่องจากในปีนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลาดทุ่งเกวียน&nbsp;ได้มีการแก้ปัญหาการจราจรในจุดดังกล่าว&nbsp;มีการติดป้ายเตือนเป็นช่วงๆ&nbsp;ก่อนถึงตลาด&nbsp;ให้นักท่องเที่ยวที่จะแวะซื้อของฝากได้ขับชิดซ้าย&nbsp;พร้อมจัดทำช่องทางพิเศษเบี่ยงเข้าไปยังจุดจอดรถด้านหน้าตลาด&nbsp;</p><p><strong>ทางด้าน&nbsp;พ.ต.อ.ฤกษ์ชัย&nbsp;แสงสว่าง</strong>&nbsp;ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรห้างฉัตร&nbsp;ได้จัดกำลังพลเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า&nbsp;20&nbsp;นาย&nbsp;เข้ามาช่วยปฏิบัติหน้าที่บริเวณด้านหน้าตลาด&nbsp;ทำการจัดระเบียบเรื่องการจราจร&nbsp;กำหนดจุดจอดพักรถ&nbsp;เพื่อให้การจราจรลื่นไหลคล่องตัวตลอดเวลา&nbsp;รวมทั้งเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว&nbsp;ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะปฏิบัติหน้าที่ยาวต่อเนื่องไปจนกว่าสถานการณ์การจราจรในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จะกลับสู่ปกติ</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;พ่อค้า&nbsp;แม่ค้า&nbsp;ภายในตลาดทุ่งเกวียนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า</strong>&nbsp;รู้สึกดีและมีความสุขที่สินค้าของฝากต่างๆ&nbsp;สามารถกลับมาขายได้อีกครั้ง&nbsp;เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่ที่โรค&nbsp;COVID-19&nbsp;ระบาด&nbsp;ต่างได้รับผลกระทบแทบไม่มีรายได้&nbsp;ส่วนสถานการณ์ปัจจุบันพวกตนยังคงกังวลกับโรค&nbsp;COVID-19&nbsp;แต่ขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่ต่างก็ได้รับวัคซีนกันหมดแล้ว&nbsp;และหากทุกคนได้ใส่ใจที่จะดูแลตนเองปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่กำหนด&nbsp;ก็คิดว่าน่าจะช่วยให้ทุกคนปลอดภัยจากโรค&nbsp;COVID-19&nbsp;ได้</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>5/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220105105743482 กระทรวงพาณิชย์เผยดัชนีราคาผู้บริโภค เดือนธันวาคม 2564 ปรับสูงขึ้นสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง<p><strong>นายรณรงค์&nbsp;พูลพิพัฒน์&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ดัชนีราคาผู้บริโภค&nbsp;หรือเงินเฟ้อทั่วไป&nbsp;เดือนธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;สูงขึ้นร้อยละ&nbsp;2.17&nbsp;</strong>เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน&nbsp;แต่สูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า&nbsp;ที่ร้อยละ&nbsp;2.71&nbsp;จากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศที่สูงน้อยกว่าที่ควรจะเป็น&nbsp;เนื่องจากมาตรการตรึงราคาน้ำมันของภาครัฐ&nbsp;ขณะที่สินค้าในกลุ่มอาหารสด&nbsp;อาทิ&nbsp;ราคาผักสด&nbsp;ยังอยู่ในระดับสูง&nbsp;ส่วนเนื้อสุกรและไข่ไก่&nbsp;ปรับสูงขึ้นตามต้นทุนการเลี้ยง&nbsp;โดยเฉพาะราคาเนื้อสุกรปรับเพิ่มตามค่าบริหารจัดการโรคระบาดในสุกร&nbsp;ทำให้ปริมาณผลผลิตลดลง&nbsp;รวมทั้ง&nbsp;น้ำมันพืช&nbsp;กับข้าวสำเร็จรูปและข้าวราดแกง&nbsp;ราคาปรับสูงขึ้นตามต้นทุนและวัตถุดิบ&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;ข้าวสารเจ้า&nbsp;ข้าวสารเหนียว&nbsp;ผลไม้สด&nbsp;เสื้อผ้า&nbsp;ค่าเช่าบ้าน&nbsp;ค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมการศึกษายังคงปรับลดลง</p><p><strong>สำหรับปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นในเดือนนี้&nbsp;สอดคล้องกับเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญหลายตัว</strong>&nbsp;เช่น&nbsp;ยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม&nbsp;รวมทั้งการส่งออกสินค้าที่ยังคงขยายตัวได้ดีและต่อเนื่อง&nbsp;และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่ยังคงขยายตัวได้ดี&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ยังสอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม&nbsp;ที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่&nbsp;5&nbsp;มาอยู่ที่ระดับ&nbsp;47.0&nbsp;จากระดับ&nbsp;45.2&nbsp;ในเดือนก่อนหน้า&nbsp;รวมทั้ง&nbsp;ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างและดัชนีราคาผู้ผลิต&nbsp;ที่สูงขึ้นร้อยละ&nbsp;8.9&nbsp;และ&nbsp;7.7&nbsp;ตามลำดับ</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;สถานการณ์เงินเฟ้อทั่วไป&nbsp;ในปี&nbsp;2564&nbsp;สูงขึ้นร้อยละ&nbsp;1.23&nbsp;</strong>ใกล้เคียงกับที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ&nbsp;0.8&nbsp;–&nbsp;1.2&nbsp;และเงินเฟ้อพื้นฐาน&nbsp;สูงขึ้นร้อยละ&nbsp;0.23&nbsp;ซึ่งขยายตัวเท่ากับปีก่อน&nbsp;ปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อเงินเฟ้อในปีนี้&nbsp;ได้แก่&nbsp;น้ำมันเชื้อเพลิง&nbsp;ประกอบกับราคาผักสดเพิ่มสูงขึ้น&nbsp;เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม&nbsp;ชี้ว่า&nbsp;สถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการของประเทศตลอดทั้งปี&nbsp;2564&nbsp;ยังอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ&nbsp;เคลื่อนไหวในทิศทางปกติ&nbsp;ขณะที่&nbsp;เงินเฟ้อในปี&nbsp;2565&nbsp;คาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในระดับที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ&nbsp;โดยค่ากลางอยู่ที่ร้อยละ&nbsp;1.5&nbsp;ซึ่งเป็นอัตราที่จะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างเหมาะสม&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p>5/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220105195109819 จีนเปิดด่านนำเข้าผลไม้ไทย นายกฯ กำชับรักษามาตรฐานคุณภาพสินค้าเกษตรและป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโควิด-19<p><strong>ประเทศจีนเปิดด่านรถไฟผิงเสียง&nbsp;ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง&nbsp;นำเข้าผลไม้ไทย&nbsp;</strong>ตั้งแต่วันที่&nbsp;4&nbsp;ม.ค.&nbsp;ถึงวันที่&nbsp;17&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ทดแทนกรณีด่านตงซิง&nbsp;ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง&nbsp;ปิดด่าน&nbsp;ทําให้ทุเรียนและลําไยสดของประเทศไทยติดค้างอยู่ที่ด่านเป็นจำนวนมาก&nbsp;โดยในปีที่ผ่านมาไทยส่งออกผลไม้ไปยังประเทศจีน&nbsp;ได้กว่า&nbsp;2&nbsp;ล้านตัน&nbsp;เป็นมูลค่ากว่า&nbsp;148,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;โดยปริมาณการส่งออกผลไม้สูงสุด&nbsp;3&nbsp;อันดับแรก&nbsp;ได้แก่&nbsp;ทุเรียน&nbsp;ลำไย&nbsp;และมะพร้าวอ่อน</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสริมศักยภาพ&nbsp;ยกระดับและพัฒนาระบบขนส่งสินค้าเกษตรและผลไม้ไทย</strong>&nbsp;โดยให้ร่วมกับภาคเอกชน&nbsp;และเกษตรกร&nbsp;ดูแลและอำนวยความสะดวกแก่เกษตรกรไทย&nbsp;ตั้งแต่สนับสนุน&nbsp;และตรวจสอบการผลิตที่ได้มาตรฐาน&nbsp;สอดคล้องความต้องการผู้บริโภค&nbsp;มีคุณภาพ&nbsp;ประสิทธิภาพ&nbsp;และมีการจัดการที่สอดคล้องกับมาตรการด้านสาธารณสุข&nbsp;รักษามาตรฐานคุณภาพผลไม้ส่งออก&nbsp;พร้อมคำนึงถึงมาตรการป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโควิด-19&nbsp;ที่ปลอดภัย&nbsp;และได้มาตรฐานในระดับสากล</p>5/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220105125202541 ธุรกิจที่ดีขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ของจังหวัดตรัง หลังจากที่ซบเซามาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมามีการงดการเดินทาง แต่เมื่อมีการเดินทางท่องเที่ยว ทำให้ธุรกิจการจำหน่ายของฝากโดยเฉพาะขนมเค้ก เป็นสินค้าระดับ 5 ดาว มีไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนและนักท่องเที่ยว และมีการเตรียมปรับราคาขนมเค้กหลังจากเทศกาลตรุษจีน เนื่องจากวัตถุดิบในการทำขนมเค้กนั้นมีการปรับราคาขึ้น<p><strong>จากการที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จังหวัดตรัง</strong>&nbsp;ซึ่งเทศกาลปีใหม่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน&nbsp;ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวของจังหวัดตรังคึกคัก&nbsp;นอกเหนือจากธุรกิจท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการการท่องเที่ยวแล้ว&nbsp;&nbsp;ธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการอีกประเภทคือ&nbsp;การจำหน่ายของที่ระลึกและของฝาก&nbsp;โดยเฉพาการจำหน่ายขนมเค้กนับว่าเป็นของฝากที่นักท่องเที่ยวและประชาชนนิยมซื้อกกลับไปฝากเพื่อนๆและญาติ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>นายสาธิต&nbsp;วงศ์สัมพันธ์&nbsp;ผู้ประอบการร้านจำหน่ายขนมเค้กรสเลิศ&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>ขนมเค้กของจังหวัดตรังเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของรูปแบบ&nbsp;และรสชาติ&nbsp;จึงทำให้ขนมเค้กของจังหวัดตรังมีเอกลักษณ์เฉพาะ&nbsp;ในช่วงเทศกาลปีใหม่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาจำนวนมากจึงส่งผลให้ยอดการจำหน่ายขนมเค้กของผู้ประกอบการมียอดการจำหน่ายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในแต่ละวันจนบางวันสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน&nbsp;และนักท่องเที่ยว&nbsp;การที่ขนมเค้กสามารถจำหน่ายได้จำนวนมาก&nbsp;จนไม่เพียงพอต่อความต้องการนั้น&nbsp;สาเหตุมาจากที่ผ่านมานั้นการแพร่ระบาดของโควิด&nbsp;-19&nbsp;มีการแพร่ระบาดจำนวนมาก&nbsp;แต่ในขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้น&nbsp;ประชาชนจึงได้เดินทางออกมาท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่&nbsp;ทำให้การจำหน่ายขนมเค้กดีขึ้นเป็นอย่างมาก&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ขนมเค้กยังตรึงราคาไปถึงช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;ซึ่งหลังจากเทศกาลตรุษจีนแล้วขนมเค้กจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น</strong>&nbsp;เนื่องจากวัตถุดิบในการทำขนมเค้กมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นประมาณ&nbsp;50&nbsp;เปอร์เซ็นต์&nbsp;จึงมีความจำเป็นต้องปรับราคาแต่ยังไม่ได้คิดว่าจะปรับขึ้นราคากี่บาท</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>5/1/2022ภาคใต้ตรังสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220105125128540 ราคาหมูสดในขอนแก่น ทะลุ กก.ละ 240 บาท บางร้านแบกรับต้นทุนไม่ไหวพากันหยุดจำหน่ายในระยะนี้ ขณะที่ปลาสดมีการปรับราคาจำหน่ายขึ้นเป็น กก.ละ 75 บาท<p><strong>การจับจ่ายเลือกซื้อสินค้า&nbsp;โดยเฉพาะเนื้อหมูสด&nbsp;ที่ตลาดสดเทศบาล&nbsp;1&nbsp;</strong>ภายในเขตเทศบาลนครขอนแก่น&nbsp;หลังพบว่าราคาจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;ภาพรวมทั้งประเทศมีการปรับราคาจำหน่ายที่สูงขึ้นมาตั้งแต่ช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่&nbsp;โดยบรรยากาศทั่วไปที่ตลาดสดเทศบาล&nbsp;1&nbsp;วันนี้แผงจำหน่ายหมูสดแทบทุกแผง&nbsp;มีการปรับราคาจำหน่ายขึ้น&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นสันคอหมู,&nbsp;หมูสามชั้น&nbsp;ที่มีราคาปรับขึ้นไปสูงถึงกิโลกรัมละ&nbsp;240&nbsp;บาท&nbsp;หมูเนื้อแดง,&nbsp;ซี่โครง&nbsp;ราคากิโลกรัม&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มปรับราคาสูงขึ้น&nbsp;จากเดิมกิโลกรัมละ&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;ปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ&nbsp;106&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งสูงเป็นประวัติการในรอบหลายปีที่ผ่านมา&nbsp;</p><p><strong>นางอรทัย&nbsp;นุชตะลัย&nbsp;</strong>ชาวจังหวัดขอนแก่น&nbsp;แม่ค้าขายหมู&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;หมูหน้าฟาร์มวันนี้กิโลกรัมละ&nbsp;106&nbsp;บาท&nbsp;จากเดิมอาทิตย์ที่ผ่านมา&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;และมีแนวโน้มที่จะปรับสูงขึ้นโดยไม่มีท่าทีที่จะลดลง&nbsp;ขณะที่ราคาหมูหน้าร้านที่ให้บริการวันนี้สันคอ,&nbsp;สันนอก,&nbsp;สันใน,&nbsp;สามชั้น&nbsp;และกระดูกแก้ว&nbsp;อยู่ที่กิโลกรัมละ&nbsp;240&nbsp;บาท&nbsp;จากเดิมกิโลกรัมละ&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;หมูเนื้อแดงและซี่โครงหมู&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;จากเดิมกิโลกรัมละ&nbsp;190&nbsp;บาท&nbsp;"การที่ราคาปรับขึ้นเร็วเพราะว่าหมูส่งออกต่างประเทศเยอะขึ้น&nbsp;อีกทั้งหัวอาหารก็แพงขึ้น&nbsp;ทำให้ราคาหมูจำเป็นต้องปรับราคาจำหน่ายขึ้น&nbsp;ซึ่งส่งผลกระทบมากกับร้านขายเนื้อหมู&nbsp;เดิมจากที่เคยขายได้ยอดเยอะก็ขายได้น้อยลง&nbsp;ร้านต้องแบกต้นทุนเยอะขึ้น&nbsp;ขณะเดียวกันเมื่อเนื้อหมูราคาแพงขึ้นผู้บริโภคก็หันไปรับประทานปลาและ&nbsp;ไก่แทน&nbsp;เพราะราคาถูกกว่า&nbsp;</p><p><strong>นางอรทัย&nbsp;นุชตะลัย&nbsp;แม่ค้าขายหมู</strong>&nbsp;ยังกล่าวอีกว่า&nbsp;จากการพูดคุยกับพ่อค้า-แม่ค้าด้วยกัน&nbsp;ล้วนต่างยอมรับว่าขณะนี้สินค้าประเภทต่างๆ&nbsp;มีการปรับราคาขึ้น&nbsp;ลูกค้าที่เคยซื้อหมูกับร้านประจำก็ซื้อน้อยลง&nbsp;ขณะที่บางร้านแบกรับต้นทุนไม่ไหวก็ทำการหยุดจำหน่ายไปก่อนในระยะนี้ก็เริ่มมีบ้างแล้ว"&nbsp;</p><p><strong>ขณะที่&nbsp;น.ส.ตุ๊กตา&nbsp;ศรีอภัย</strong>&nbsp;อายุ&nbsp;54&nbsp;ปี&nbsp;แม่ค้าขายปลา&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ราคาจำหน่ายปลาก็มีการขยับขึ้นเช่นกัน&nbsp;ราคาวันนี้ขายส่งกิโลกรัมละ&nbsp;60&nbsp;บาท&nbsp;จากเดิม&nbsp;55&nbsp;บาท&nbsp;ขณะที่ราคาขายหน้าร้านอยู่ที่กิโลกรัมละ&nbsp;75&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งที่ผ่านมาร้านเคยลงปลาสดมาจำหน่ายวันละ&nbsp;100&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;แต่ด้วยจำนวนลูกค้าที่ลดลงทำให้ลดเหลือวันละ&nbsp;50&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;</p><p><strong>สำหรับราคาปลาก็มีแนวโน้มที่ราคาจะแพงขึ้นอีก</strong>&nbsp;เพราะปลาเลี้ยงโตไม่ทัน&nbsp;ซึ่งในระยะแรกคิดว่าราคาหมูแพงแล้วปลาจะขายดีขึ้น&nbsp;แต่ไม่ใช่เลย&nbsp;เพราะปลาก็มีการปรับราคาขึ้นเช่นกันจึงทำให้ยอดจำหน่ายปลา&nbsp;ตกลงแบบครึ่งต่อครึ่ง</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>5/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขอนแก่นสวท.ขอนแก่นhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220105135910571 ททท.เผยสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท<p><strong>นายยุทธศักดิ์&nbsp;สุภสร&nbsp;ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;(ททท.)</strong>&nbsp;เปิดเผยถึงโครงการเราเที่ยวด้วยกัน&nbsp;เฟส&nbsp;3&nbsp;จากข้อมูลหน้าเว็บไซต์&nbsp;www.เราเที่ยวด้วยกัน.com&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;ล้านสิทธิ&nbsp;&nbsp;เนื่องจากจำนวนสิทธิที่พักเต็มจำนวนตั้งแต่วันที่&nbsp;14&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;ว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่&nbsp;2565&nbsp;วันนี้มีจำนวนคนใช้สิทธิโรงแรมที่พัก&nbsp;399&nbsp;คน&nbsp;ยอดสะสม&nbsp;637,244&nbsp;คน&nbsp;&nbsp;ขณะที่ยอดรวมของประชาชนที่ใช้สิทธิอยู่ที่&nbsp;1,064,758&nbsp;คน&nbsp;ยอดสะสมผู้ประกอบการอยู่ที่&nbsp;8,921&nbsp;ราย&nbsp;รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า&nbsp;8,657&nbsp;ล้านบาท</p><p><br></p><p><br></p>5/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220105204415843 นักท่องเที่ยวสะสมเข้ามาในประเทศไทยผ่าน Thailand Pass กว่า 1 ล้านคน เร่งเปิดพื้นที่แซนด์บ็อกซ์รับต่างชาติเพิ่ม<p><strong>นายยุทธศักดิ์&nbsp;สุภสร&nbsp;ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;(ททท.)&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยวันนี้&nbsp;6,618&nbsp;คน&nbsp;เดินทางเข้ามาประเทศไทยสะสมตั้งแต่&nbsp;1&nbsp;พฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;-&nbsp;2&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;282,395&nbsp;คน&nbsp;&nbsp;จำนวนนักท่องเที่ยวสะสมที่ลงทะเบียน&nbsp;Thailand&nbsp;Pass&nbsp;ตั้งแต่&nbsp;1&nbsp;พฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;-&nbsp;2&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;รวมทั้งสิ้น&nbsp;&nbsp;1,358,805&nbsp;คน&nbsp;ได้รับการอนุมัติ&nbsp;1,063,179&nbsp;คน</p><p><strong>ททท.&nbsp;กำลังหาแนวทางกระจายนักท่องเที่ยวต่างชาติจากภูเก็ตไปยังพื้นที่อื่นๆ</strong>&nbsp;เตรียมเสนอให้&nbsp;ศบค.&nbsp;พิจารณาเพิ่มพื้นที่&nbsp;“แซนด์บ็อกซ์”&nbsp;ในพื้นที่ที่เป็นเกาะ&nbsp;หรือที่เรียกว่า&nbsp;Island&nbsp;Approves&nbsp;อาทิ&nbsp;กระบี่&nbsp;พังงา&nbsp;สมุย&nbsp;เกาะยาว&nbsp;เกาะไหง&nbsp;ไร่เลย์&nbsp;ฯลฯ&nbsp;รวมถึงพื้นที่อื่นๆ&nbsp;ที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเกาะ&nbsp;เนื่องจากสามารถบริหารจัดการการเข้า-ออก&nbsp;ของนักท่องเที่ยวได้ง่ายเช่นเดียวกับภูเก็ต</p><p><br></p><p><br></p>5/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220105161127716 คาดการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 2.5-3.5จากการส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง และการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ<p><strong>นายทองชัย&nbsp;ชวลิตพิเชฐ&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม</strong>&nbsp;หรือ&nbsp;สศอ.&nbsp;กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในปี&nbsp;2565&nbsp;โดยคาดว่า&nbsp;GDP&nbsp;ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ&nbsp;2.5-3.5&nbsp;เป็นผลจากตลาดส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง&nbsp;รวมถึงตลาดในประเทศเริ่มฟื้นตัวจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19&nbsp;และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ&nbsp;ต่างๆ&nbsp;ของภาครัฐ&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ยังต้องเฝ้าระวังการแพร่ระบาดโควิด-19&nbsp;สายพันธุ์โอมิครอน&nbsp;ประกอบกับต้องพิจารณาปัจจัยราคาพลังงานและการขาดแคลนแรงงานโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสำคัญที่มีการใช้แรงงานเข้มข้นต่อไป</p><p><br></p><p><br></p>5/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครหน่วยงานสำนักข่าวhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220104141006178 เดินหน้าขับเคลื่อนการท่องเที่ยวสู่ เบตง 10,000 ล้าน<p>มรย.ประชุมหารือขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและอุตสาหกรรมบริการเพื่อสร้างการท่องเที่ยวสู่&nbsp;เบตง&nbsp;10,000&nbsp;ล้าน&nbsp;ที่&nbsp;ห้องประชุมสภามหาวิทยาลัยฯ&nbsp;ชั้น&nbsp;2&nbsp;อาคารเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;&nbsp;50&nbsp;พรรษา&nbsp;มหาวชิราลงกรณ&nbsp;</p><p><strong>ผู้ช่วยศาสตราจารย์&nbsp;ดร.สมบัติ&nbsp;โยธาทิพย์&nbsp;อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา</strong>&nbsp;ประธานการประชุมหารือแนวทางการดำเนินโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและอุตสาหกรรมบริการเพื่อสร้างโอกาสการท่องเที่ยวสู่&nbsp;เบตง&nbsp;10,000&nbsp;ล้าน&nbsp;โดยมี&nbsp;ดร.ณพพงศ์&nbsp;ธีระวร&nbsp;กรรมการสภามหาวิทยาลัยฯผู้ทรงคุณวุฒิ&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;ดร.นพเมศฐ์&nbsp;เจริญนพพงศ์&nbsp;และคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา&nbsp;เข้าร่วมประชุมหารือ&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เพื่อสร้างโอกาสการท่องเที่ยว&nbsp;“เบตง&nbsp;10,000&nbsp;ล้าน”&nbsp;ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง</strong>ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย&nbsp;ในการพัฒนาพื้นที่อำเภอเบตงเป็นพื้นที่ต้นแบบ&nbsp;เพื่อพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนและงานวิจัยของทุกคณะ&nbsp;และทุกสถาบันในมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาให้สนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและอุตสาหกรรมบริการในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>5/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220105154657680 ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อพิเศษสนับสนุนการเลี้ยงสุกรแบบครบวงจร เร่งแก้ปัญหาราคาเนื้อสุกรเพิ่มสูงขึ้น<p><strong>นายอาคม&nbsp;เติมพิทยาไพสิฐ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง</strong>&nbsp;ในฐานะประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร&nbsp;(ธ.ก.ส.)&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;จากปัญหาราคาเนื้อสุกรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;รัฐบาลได้เร่งออกนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว&nbsp;ทั้งการงดส่งออกสุกรมีชีวิต&nbsp;การงดเก็บค่าธรรมเนียมและภาษี&nbsp;รวมทั้งการจัดสินเชื่อพิเศษเพื่อการฟื้นฟูการผลิตสุกรเป็นการจำเพาะ&nbsp;ผ่านระบบ&nbsp;ธ.ก.ส.&nbsp;เพื่อสร้างความเข้มแข็งในระบบการเลี้ยงสุกรที่ส่งผลดีทั้งต่อเกษตรกรผู้ผลิตและผู้บริโภค&nbsp;</p><p><strong>ธ.ก.ส.&nbsp;จัดเตรียมสินเชื่อพิเศษสำหรับเป็นทุนในการสนับสนุนการเลี้ยงสุกร</strong>&nbsp;การเพาะปลูกผลผลิตทางการเกษตรที่จำเป็นต่อการผลิตอาหารสัตว์&nbsp;และการวางระบบการเลี้ยงที่เป็นมาตรฐานเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากปัญหาโรคระบาดที่มักจะเกิดขึ้น&nbsp;เพื่อเพิ่มปริมาณสุกรให้ออกสู่ตลาดได้มากขึ้น&nbsp;วงเงินรวม&nbsp;30,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;สินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ&nbsp;สำหรับเกษตรกรรายย่อยและบุคคลในครัวเรือนที่ประสงค์จะกู้เงิน&nbsp;เพื่อไปลงทุนเลี้ยงสุกรหรืออื่นๆ&nbsp;วงเงินกู้ไม่เกิน&nbsp;100,000&nbsp;บาท&nbsp;กรณีกู้เป็นค่าใช้จ่ายคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ&nbsp;4&nbsp;ต่อปี&nbsp;กรณีเป็นค่าลงทุนคิดดอกเบี้ยปีที่&nbsp;1-3&nbsp;ในอัตราร้อยละ&nbsp;4&nbsp;ต่อปี&nbsp;</p><p><strong>สินเชื่อ&nbsp;Food&nbsp;Safety&nbsp;เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียน</strong>&nbsp;หรือเพื่อเป็นค่าลงทุนในการส่งเสริมการประกอบอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม&nbsp;อัตราดอกเบี้ยกรณีเกษตรกร&nbsp;MRR&nbsp;(ปัจจุบัน&nbsp;MRR&nbsp;เท่ากับ&nbsp;ร้อยละ&nbsp;6.5&nbsp;ต่อปี)&nbsp;กรณีผู้ประกอบการ&nbsp;นิติบุคคล&nbsp;กลุ่มวิสาหกิจชุมชนหรือองค์กร&nbsp;กลุ่มเกษตรกร&nbsp;หรือสหกรณ์การเกษตร&nbsp;ดอกเบี้ย&nbsp;MLR&nbsp;(ปัจจุบัน&nbsp;MLR&nbsp;เท่ากับ&nbsp;ร้อยละ&nbsp;4.875&nbsp;ต่อปี)&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>สินเชื่อเสริมแกร่ง&nbsp;SME&nbsp;เกษตร&nbsp;</strong>เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนหรือค่าลงทุนในการประกอบธุรกิจ&nbsp;โดยมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ&nbsp;หรือรักษาสิ่งแวดล้อม&nbsp;กำหนด&nbsp;วงเงินกู้ไม่เกิน&nbsp;100&nbsp;ล้านบาทต่อราย&nbsp;อัตราดอกเบี้ยปีที่&nbsp;1&nbsp;–&nbsp;2&nbsp;ร้อยละ&nbsp;4&nbsp;ต่อปี&nbsp;และปีที่&nbsp;3&nbsp;–&nbsp;10&nbsp;อัตราดอกเบี้ยตามประเภทของลูกค้า&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดสินเชื่อได้ที่&nbsp;ธ.ก.ส.&nbsp;ทุกสาขาทั่วประเทศ</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>5/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220105162448734 ธปท.คาดปัญหาห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงักจะคลี่คลายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง หากการแพร่ระบาดโควิด-19 ไม่ยืดเยื้อ<p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">นางสาวชญาวดี&nbsp;ชัยอนันต์&nbsp;ผู้อำนวยการอาวุโส&nbsp;ฝ่ายบริหารการสื่อสารองค์กร&nbsp;ธนาคารแห่งประเทศไทย&nbsp;(ธปท.)&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;การระบาดของโควิด&nbsp;19&nbsp;สายพันธุ์โอมิครอน&nbsp;ที่แพร่ระบาดมากขึ้นทั่วโลก&nbsp;</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">อาจทำให้ปัญหา&nbsp;global&nbsp;supply&nbsp;chain&nbsp;disruption&nbsp;กลับมารุนแรงอีกครั้ง&nbsp;หลังจากที่ได้คลี่คลายลงบ้างในช่วงก่อนหน้า&nbsp;เพราะอาจเกิดการระบาดในบางโรงงานในต่างประเทศ&nbsp;จนต้องลดหรือหยุดการผลิตชั่วคราว&nbsp;หรืออาจทำให้การขนส่งติดขัด&nbsp;หรือมีการปิดท่าเรือ&nbsp;เป็นต้น&nbsp;ซึ่งจะกระทบต่อการผลิตและการส่งออกของไทยในบางสินค้า&nbsp;ทำให้ต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการปรับสูงขึ้นและเพิ่มแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อ&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span>อย่างไรก็ตาม&nbsp;ธปท.&nbsp;คาดว่า&nbsp;การแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนจะจำกัดอยู่ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้&nbsp;</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">ซึ่งน่าจะทำให้ปัญหา&nbsp;supply&nbsp;chain&nbsp;disruption&nbsp;ทยอยคลี่คลายในช่วงครึ่งหลังของปี&nbsp;แต่หากการแพร่ระบาดรุนแรงและยืดเยื้อมากขึ้น&nbsp;หรือเกิดการระบาดของโควิด&nbsp;19&nbsp;สายพันธุ์ใหม่ๆ&nbsp;ที่รุนแรง&nbsp;ก็อาจส่งผลให้ปัญหา&nbsp;global&nbsp;supply&nbsp;disruption&nbsp;ยืดเยื้อมากขึ้นได้&nbsp;จึงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามใกล้ชิดต่อไป</span></p>5/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220105193624814 งานเทศกาลปีใหม่สี่เผ่าไทย จังหวัดศรีสะเกษ ประจำปี 2565” ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ (OTOP) เกือบ 5 ล้านบาท สร้างรายได้กลับสู่ชุมชน กระตุ้นเศษฐกิจฐานราก<p><strong>นายวัฒนา&nbsp;พุฒิชาติ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;</strong>ในฐานะที่ปรึกษาเหล่ากาชาดจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ได้ให้มีการจัดงาน&nbsp;“เทศกาลปีใหม่สี่เผ่าไทย&nbsp;ขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;สนามหน้าศาลากลางจังหวัด&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;29&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564-4&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ระยะเวลาจัดงานรวม&nbsp;7&nbsp;วัน&nbsp;เพื่อเป็นการกระตุ้นเศษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัด</p><p><strong>ด้านสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ</strong>&nbsp;ได้จัดให้มีบูธจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบล&nbsp;หนึ่งผลิตภัณฑ์&nbsp;(OTOP)&nbsp;ครบทั้ง&nbsp;22&nbsp;อำเภอ&nbsp;รวมกว่า&nbsp;40&nbsp;บูธ&nbsp;และยังมีการจัดกิจกรรมประกวดผ้าที่เป็นอัตลักษณ์จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ทั้งหมด&nbsp;5&nbsp;กิจกรรม&nbsp;ได้แก่&nbsp;การประกวดผ้าแส่วเบญจศรี&nbsp;&nbsp;การประกวดแข่งขันแส่วผ้าเบญจศรี&nbsp;การประกวดผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี&nbsp;นารีรัตนราชกัญญา&nbsp;การประกวดบรรจุภัณฑ์ด้วยวัสดุธรรมชาติ&nbsp;และการประกวด&nbsp;Live&nbsp;สด&nbsp;จำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์&nbsp;(OTOP)&nbsp;ผ่านสื่อโซชียลมีเดีย&nbsp;ภายในงานยังมีการจัดกิจกรรมแฟชั่นโชว์“ผ้าทอเบญจศรี&nbsp;ใต้ร่มพระบารมี&nbsp;ลายขอเจ้าฟ้าฯ”&nbsp;โดยรายได้จากการจำหน่ายสินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;และการจำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่จากภูมิปัญญาท้องถิ่น&nbsp;ผลิตภัณฑ์ชุมชนจากทั้ง&nbsp;22&nbsp;อำเภอ&nbsp;มีมูลค่ารวมกว่า&nbsp;4,480,000&nbsp;บาท&nbsp;สามารถสร้างรายได้กลับสู่ชุมชน&nbsp;กระตุ้นเศษฐกิจฐานรากได้เป็นอย่างดี</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>5/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือศรีสะเกษสวท.ศรีสะเกษhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220105175250780 พาณิชย์ระยองแก้ปัญหาราคาหมูแพง ดึงเขียงหมูเข้าร่วม”โครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยเหลือประชาชน”เหลือ กก.ละ 150 บาท เตรียมกระจายทุกอำเภอ บรรเทาความเดือดร้อนค่าครองชีพประชาชน<p><strong>นางสุวีรยา&nbsp;ปั้นปาน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดระยอง&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>ราคาหมูเนื้อแดงที่แพงในช่วงนี้เกิดจากหมูมีโรคระบาด&nbsp;ทำให้หมูเนื้อแดงในตลาดลดน้อยลง&nbsp;ซึ่งในช่วงเดือนพฤศจิกายน&nbsp;และเดือนธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;ก็เคยประสบปัญหาหมูเนื้อแดงขยับราคาสูงขึ้น&nbsp;ทางกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้มีนโยบายช่วยเหลือประชาชน&nbsp;โดยมีโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยเหลือประชาชนขึ้น&nbsp;โดยลดราคาหมูหน้าเขียงหมูลง&nbsp;5&nbsp;จุดใน&nbsp;อ.เมืองระยอง&nbsp;ส่วนในช่วงที่&nbsp;2&nbsp;นี้ราคาหมูขยับราคาสูงขึ้นอีก&nbsp;</p><p><strong>ขณะนี้&nbsp;ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดระยอง</strong>&nbsp;ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการ&nbsp;และร้านค้าระยะที่&nbsp;2&nbsp;แก้ไขปัญหาเร่งด่วนปัญหาหมูราคาแพงดังกล่าวในช่วง&nbsp;15&nbsp;วันนี้&nbsp;ซึ่งจะจัดในช่วงกลางเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;นี้&nbsp;ขณะนี้มีผู้ประกอบการแจ้งความประสงค์มาแล้ว&nbsp;1&nbsp;แห่ง&nbsp;คือ&nbsp;บริษัทเบทาโก&nbsp;สาขา&nbsp;อ.แกลง&nbsp;ขายราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ในส่วนอำเภออื่นจะมีการทยอยจัดลดราคาต่อไป&nbsp;รวมทั้งห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ&nbsp;ในจังหวัด&nbsp;ก็จะมีการขอความร่วมมือเข้าร่วมโครงการลดราคาหมูดังกล่าวด้วย&nbsp;ทั้งนี้เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนช่วยประชาชนในลดค่าครองชีพดังกล่าว</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>5/1/2022ภาคตะวันออกระยองสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยองhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220105190340799 พาณิชย์ตราดเผย สาเหตุสถานการณ์เนื้อสุกรราคาแพง เหตุเพราะต้นทุนเพิ่มและขาดแคลนแม่พันธุ์หมูขุน<p><strong>(5&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;จากกรณีในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่เนื้อหมูมีราคาปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;</strong>ทำให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนผู้บริโภค&nbsp;ผู้ประกอบการร้านอาหาร&nbsp;รวมไปถึงผู้ประกอบการขายเนื้อหมู&nbsp;เพราะจำนวนลูกค้าลดลงอย่างเห็นได้ชัด</p><p><strong>นางวรัญญา&nbsp;ถนอมพันธ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตราด&nbsp;</strong>ได้กล่าวถึงสาเหตุราคาเนื้อหมูแพงเพราะมาจากต้นทุนประกอบการที่เพิ่มขึ้น&nbsp;ทั้งราคาอาหารสัตว์&nbsp;ยารักษาโรค&nbsp;ค่าขนส่ง&nbsp;ราคาน้ำมันแพง&nbsp;รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคมีมากขึ้นจากการเปิดประเทศ&nbsp;กระตุ้นเศรษฐกิจ</p><p><strong>กระทรวงพาณิชย์จึงได้มอบ&nbsp;หมายให้กรมการค้าภายใน</strong>&nbsp;ดำเนินการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาสุกรที่สูงขึ้น&nbsp;และให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;กับโครงการ&nbsp;“หมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชนราคา&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;2)&nbsp;“&nbsp;ในพื้นที่&nbsp;76&nbsp;จังหวัด&nbsp;ระยะเวลาดำเนินการ&nbsp;15&nbsp;วัน&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตราด&nbsp;จึงดำเนิน&nbsp;“โครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดตราด”</strong>&nbsp;ณ&nbsp;ร้านสุรีย์หมูสวย&nbsp;ข้างตลาดศูนย์การค้าตลาดเทศบาลเมืองตราด&nbsp;อำเภอเมืองตราด&nbsp;ในระหว่างวันที่&nbsp;7&nbsp;–&nbsp;15&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;11.00&nbsp;–&nbsp;13.00&nbsp;น.&nbsp;หรือจนกว่าสินค้าจะหมด&nbsp;โดยจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;(ทุ้ย)&nbsp;ให้แก่ประชาชนในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;เพื่อลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนในชุมชนได้ซื้อเนื้อหมูในราคาประหยัด&nbsp;รวมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น&nbsp;และทำให้เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจ</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>5/1/2022ภาคตะวันออกตราดสวท.ตราดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220105190623802 อำเภอรัตนบุรี ติดตามขับเคลื่อนต้นแบบ โคก หนอง นา โมเดล ทางรอดเศรษฐกิจและสังคม พัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักพอเพียง เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร<p><strong>นายคเณศวร&nbsp;เกษอินทร์&nbsp;นายอำเภอรัตนบุรี&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;นายกฤติศักดิ์&nbsp;อันภักดี&nbsp;ประมงอำเภอรัตนบุรี</strong>&nbsp;ได้ติดตาม&nbsp;ตรวจเยี่ยม&nbsp;ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร&nbsp;(ศพก.)&nbsp;ด้านการประมง&nbsp;ตำบลธาตุ&nbsp;เพื่อเป็นพื้นที่ส่งเสริมการศึกษาและถ่ายทอดความรู้ด้านประมงในชุมชน&nbsp;และ&nbsp;การเลี้ยงสัตว์น้ำในครัวเรือนเพื่อบริโภค&nbsp;ส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหาร&nbsp;เป็นพื้นที่เกษตรผสมผสาน&nbsp;ปลูกพืช&nbsp;และ&nbsp;เลี้ยงสัตว์ที่หลากหลายในพื้นที่เดียวกัน&nbsp;ในรูปแบบการเกษตรแบบอินทรีย์&nbsp;ซึ่งช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตภายใต้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;ในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19</p><p><strong>สำหรับ&nbsp;แกนนำที่เข้าร่วมขับเคลื่อนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;ตระหนักถึงประโยชน์ในการดำเนินกิจกรรม</strong>ตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่&nbsp;ในการออกแบบ&nbsp;และ&nbsp;ปรับพื้นที่ตามลักษณะภูมิสังคม&nbsp;ให้เป็นศูนย์เรียนรู้ทฤษฎีใหม่&nbsp;รูปแบบ&nbsp;“โคก&nbsp;หนอง&nbsp;นา”&nbsp;จนพัฒนาต่อยอดเป็นศูนย์เรียนรู้&nbsp;ตามโครงการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;กิจกรรมพัฒนาศูนย์เรียนรู้ทฤษฎีใหม่รูปแบบ&nbsp;“โคก&nbsp;หนอง&nbsp;นา”&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;กรมการพัฒนาชุมชน&nbsp;กระทรวงมหาดไทย&nbsp;ได้มีการน้อมนำแนวพระราชดำริ</strong>ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร&nbsp;มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช&nbsp;บรมนาถบพิตร&nbsp;มาประยุกต์ในรูปแบบ&nbsp;โคก&nbsp;หนอง&nbsp;นา&nbsp;โมเดล&nbsp;โดยการจัดการพื้นที่&nbsp;ซึ่งเป็นการผสมผสานเกษตรทฤษฎีใหม่&nbsp;เข้ากับภูมิปัญญาพื้นบ้าน&nbsp;ที่อยู่อย่างสอดคล้องกับธรรมชาติในพื้นที่นั้นๆ&nbsp;เป็นแนวทางการทำเกษตรอินทรีย์&nbsp;และ&nbsp;การสร้างคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>6/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสุรินทร์สวท.สุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106082825859 ชาวปะกาเกอญอ แม่ฮ่องสอน สานกุ๊บไตต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างรายได้เสริม<p><strong>นางหน่อเปอ&nbsp;พานทอง</strong>&nbsp;อายุ&nbsp;58&nbsp;ปี&nbsp;ประชาชนชาติพันธุ์ปะกาเกอญอ&nbsp;ที่อยู่&nbsp;หมู่ที่&nbsp;3&nbsp;ตำบลผาบ่อง&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ใช้เวลาว่างจากงานประจำสานกุ๊บไตเป็นการต่อยอดและสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นและยังเป็นการสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวอีกทางหนึ่ง&nbsp;นอกจากกุ๊บไตแล้ว&nbsp;นางหน่อเปอยังมีฝีมือในการทำเครื่องจักสานประเภทตะกร้า&nbsp;หรือของใช้ต่างๆ&nbsp;ผู้ที่สนใจสามารถนำแบบที่ต้องการไปให้สานตามแบบได้อีกด้วย</p><p><strong>สำหรับวิธีการทำกุ๊บไตนั้น&nbsp;</strong>เริ่มจากการจักตอกไม้ข้าวหลาม&nbsp;แล้วเหลาให้ตอกมีความบาง&nbsp;นำมาสานด้วยลายต่างๆ&nbsp;ที่นิยมเช่น&nbsp;ลายสาม&nbsp;ลายดอกพิกุล&nbsp;สานให้ขึ้นรูปเป็นกุ๊บไตตามแบบ&nbsp;แล้วนำมาวาดภาพระบายสีให้สวยงาม&nbsp;ทาแล็คเกอร์ปิดท้ายเพื่อความเงางามและคงทน</p><p><strong>“กุ๊บไต”&nbsp;</strong>เป็นภาษาท้องถิ่นของชาวไทใหญ่ใช้สวมศีรษะเพื่อกันแดด&nbsp;หรือกันฝน&nbsp;และสวมในการประกอบกิจกรรม&nbsp;เช่น&nbsp;การเดินขบวนกิจกรรมงานประเพณีต่างๆ&nbsp;เพื่อแสดงเอกลักษณ์ของท้องถิ่น&nbsp;หรือใช้การตกแต่งร้านค้าบ้านเรือนและสถานที่&nbsp;เพื่อความสวยงาม&nbsp;ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวนิยมซื้อเป็นของฝากของที่ระลึกจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน</p><p><strong>ศูนย์ไทใหญ่ศึกษา&nbsp;วิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน&nbsp;</strong>ได้ให้การสนับสนุนในการผลิตสื่อมีเดีย&nbsp;เพื่อประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ชุมชน&nbsp;เพื่อสร้างการรับรู้และส่งเสริมให้ชาวบ้านได้มีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น</p><p><strong>ผู้ที่สนใจ&nbsp;สั่งทำกุ๊บไต&nbsp;</strong>เพื่อเป็นของฝาก&nbsp;หรือสนใจผลิตภัณฑ์จักสานประเภทอื่นๆ&nbsp;สามารถโทรสั่งจองได้ที่&nbsp;นางหน่อเปอ&nbsp;พานทอง&nbsp;โทร.063-6362021</p><p><br></p><p><br></p>6/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106100548887 ยะลา พาณิชย์ลดราคาเนื้อหมูช่วยประชาชน ด้านแม่ค้า เผย กระทบบ้างแต่ไม่มาก<p><strong>ยะลา&nbsp;พาณิชย์ลดราคาเนื้อหมูช่วยประชาชน&nbsp;ด้านแม่ค้า&nbsp;เผย&nbsp;กระทบบ้างแต่ไม่มาก</strong></p><p><strong>จากสถานการณ์ราคาหมู&nbsp;ที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;</strong>ราคา&nbsp;ณ&nbsp;ปัจจุบัน&nbsp;หมูเนื้อแดงในหลายพื้นที่&nbsp;ราคาพุ่งสูงกว่า&nbsp;200&nbsp;บาท/กก.&nbsp;ทั้งนี้เกิดจากปัจจัยต้นทุนการผลิต&nbsp;ที่เพิ่มสูง&nbsp;รวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;โอมิครอน&nbsp;วันนี้&nbsp;6&nbsp;ม.ค.65&nbsp;ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดยะลา&nbsp;ได้เปิดจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ตามโครงการพาณิชย์&nbsp;ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;ในกิโลกรัมละ&nbsp;130&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งได้เปิดจำหน่ายมาตั้งแต่&nbsp;พฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;ทั้งนี้มีประชาชนให้ความสนใจ&nbsp;เดินทางซื้อหมูเนื้อแดง&nbsp;เป็นจำนวนมาก&nbsp;</p><p><strong>ทางด้าน&nbsp;นางสาวอุมาพร&nbsp;มูณี&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>สาเหตุหมูราคาสูงขึ้น&nbsp;เกิดจากต้นทุนวัตถุดิบของอาหารที่สูงขึ้น&nbsp;ค่าใช้จ่าย&nbsp;ค่าบริหารจัดการต่างๆ&nbsp;สูงขึ้น&nbsp;ทำให้เนื้อหมูขึ้นราคา&nbsp;สำหรับการเลี้ยงหมูตามฟาร์ม&nbsp;ในพื้นที่จังหวัดยะลา&nbsp;ยอมรับได้รับผลกระทบบ้าง&nbsp;แต่ไม่มาก&nbsp;เนื่องจากปัจจัยต้นทุน&nbsp;ทั้งอาหาร&nbsp;ยังสามารถควบคุมบริหารจัดการได้อยู่&nbsp;เมื่อหมูราคาสูงขึ้น&nbsp;ประชาชนหันไปบริโภค&nbsp;ปลา&nbsp;ไก่&nbsp;และเนื้อ&nbsp;แทน&nbsp;ซึ่งมีราคาต่ำกว่า&nbsp;ผนวกกับในช่วงนี้&nbsp;เศรษฐกิจไม่ค่อยดีและสถานการณ์โควิดด้วย&nbsp;ยอดขายบางวันขายได้บ้าง&nbsp;บางวันก็ไม่ถึงเป้า&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>นางสาวอุมาพร&nbsp;มูณี&nbsp;ระบุว่า</strong>&nbsp;การเข้าร่วมโครงการของพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคากิโลกรัมละ&nbsp;130&nbsp;ซึ่งในตลาดก็จะขายกิโลกรัมละ&nbsp;170&nbsp;รัฐจะช่วยเหลือในส่วนต่างของราคา&nbsp;เพื่อเป็นการลดต้นทุนให้กับประชาชน&nbsp;และหันมาบริโภคเนื้อหมู&nbsp;ซึ่งผลกระทบของจังหวัดของเรายังไม่เยอะเท่ากับภาคอื่นๆ&nbsp;จังหวัดยะลาบ้านราคาจำหน่ายในท้องตลาด&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;ราคายังไม่สูงถึง&nbsp;200&nbsp;บาทต่อ&nbsp;กก.&nbsp;ซึ่งทางเรายังบริหารได้อยู่และยังพยุงได้อยู่&nbsp;สำหรับการเลี้ยงหมูที่นี่เป็นหมูจากฟาร์มที่เลี้ยงเองไม่มีสารเร่งแต่อย่างใด&nbsp;ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>6/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106103621898 ดัน “ผ้าทอแม่ฮ่องสอน” สู่ตลาดแฟชั่นสากล จัดแสดงในงานเสน่ห์ผ้าทอล้านนา ภูมิปัญญาสู่สากล 7-16 ม.ค.65 จังหวัดเชียงใหม่<p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;</strong>เข้าร่วม&nbsp;"งานเสน่ห์ผ้าทอล้านนา&nbsp;ภูมิปัญญาสู่สากล"&nbsp;(The&nbsp;Elegant&nbsp;Fabric&nbsp;of&nbsp;Lanna)&nbsp;ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมส่งเสริมสิ่งทอพื้นเมืองและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องให้กับผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน&nbsp;1&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;จังหวัดลำปาง&nbsp;และจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;อีกทั้งเป็นการขยายช่องทางการตลาดสู่สากล&nbsp;ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพสินค้าและบริการ&nbsp;เพื่อเป็นการส่งเสริมธุรกิจผลิตภัณฑ์กลุ่มสิ่งทอผ้าพื้นเมืองแปรรูปเป็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแฟชั่นให้แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่&nbsp;ซึ่งมีอัตลักษณ์ความโดดเด่นด้วยทุนทางวัฒนธรรมให้สามารถต่อยอดแปรรูปผ้าผืนที่สวยงามเหล่านั้นออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ตรงกับความต้องการมากที่สุด&nbsp;ด้วยการนำความคิดสร้างสรรค์ของผู้ประกอบการไปสู่การสร้าง&nbsp;Collection&nbsp;ต้นแบบ&nbsp;จำนวน&nbsp;20&nbsp;ผลงาน&nbsp;25&nbsp;คอลเลคชั่น&nbsp;ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการยกระดับสินค้าให้สามารถแข่งขันในตลาดแฟชั่นสากลได้อย่างเป็นรูปธรรม</p><p><strong>สำนักงานฯ&nbsp;จึงขอเชิญชวนประชาชนและผู้สนใจ</strong>เข้าเยี่ยมชมงานและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กลุ่มสิ่งทอผ้าพื้นเมืองแปรรูปเป็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแฟชั่นของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน&nbsp;1&nbsp;ซึ่งแต่ละจังหวัดได้คัดสรรผลิตภัณฑ์เด่นๆ&nbsp;เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก&nbsp;โดยกำหนดจัดงาน&nbsp;10&nbsp;วัน&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;7-16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;7&nbsp;รอบพระชนมพรรษา&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;</p>6/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106104325912 ปชส.สุราษฎร์ธานี เผย ครม.เห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วยเหลือ SMEs ในช่วง COVID-19 โครงการ Soft Loan ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย วงเงิน 5,000 ล้านบาท<p><strong>นางสุนิสา&nbsp;รามแก้ว&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี</strong>&nbsp;กล่าวถึงมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วยเหลือ&nbsp;SMEs&nbsp;ในช่วง&nbsp;COVID-19&nbsp;ว่า&nbsp;ครม.มีมติเห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วยเหลือผู้ประกอบการ&nbsp;SMEs&nbsp;ของธนาคารออมสิน&nbsp;หรือโครงการ&nbsp;Soft&nbsp;Loan&nbsp;ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย&nbsp;วงเงิน&nbsp;5,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;</p><p><strong>โดย&nbsp;ครม.&nbsp;เห็นชอบปรับหลักเกณฑ์โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ</strong>ช่วยเหลือผู้ประกอบการ&nbsp;SMEs&nbsp;จากเดิมที่ปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มเป้าหมาย&nbsp;SMEs&nbsp;ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและ&nbsp;Supply&nbsp;Chain&nbsp;อาทิ&nbsp;ร้านอาหาร&nbsp;ธุรกิจสปา&nbsp;นวดแผนไทย&nbsp;รถรับจ้างนำเที่ยว&nbsp;และเกสต์เฮ้าส์&nbsp;โดยขยายกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมธุรกิจอื่นที่ได้รับผลกระทบ&nbsp;และขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อออกไปจนถึงวันที่&nbsp;30&nbsp;กันยายน&nbsp;2565&nbsp;จากเดิมที่สิ้นสุดวันที่&nbsp;30&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;วงเงินกู้สูงสุดรายละ&nbsp;500,000&nbsp;บาท&nbsp;ดอกเบี้ย&nbsp;3.9%&nbsp;ต่อปี&nbsp;ไม่ต้องมีหลักประกัน&nbsp;ทั้งนี้ที่ผ่านมา&nbsp;ธนาคารออมสินได้อนุมัติสินเชื่อโครงการไปแล้ว&nbsp;จำนวน&nbsp;4,137&nbsp;ราย&nbsp;รวมเงินทั้งสิ้น&nbsp;1,746&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และยังมีวงเงินคงเหลืออีก&nbsp;จำนวน&nbsp;3,254&nbsp;ล้านบาท&nbsp;จากวงเงินรวมทั้งโครงการ&nbsp;5,000&nbsp;ล้านบาท</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ครม.ยังมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการสินเชื่อสู้ภัย&nbsp;COVID-19&nbsp;</strong>กลุ่มเป้าหมายผู้มีรายได้ประจำ&nbsp;ผู้ประกอบอาชีพอิสระ&nbsp;และเกษตรกร&nbsp;จากเดิมที่มีกำหนดระยะเวลารับคำขอสินเชื่อถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ออกไปจนถึงวันที่&nbsp;30&nbsp;กันยายน&nbsp;2565&nbsp;ธนาคารออมสินได้ดำเนินการอนุมัติสินเชื่อตามมาตรการไปแล้ว&nbsp;จำนวน&nbsp;820,380&nbsp;ราย&nbsp;จำนวนเงินทั้งสิ้น&nbsp;8,204&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และยังมีวงเงินคงเหลืออีกจำนวน&nbsp;1,796&nbsp;ล้านบาท&nbsp;วงเงินรวม&nbsp;10,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์อนุมัติสินเชื่อตามมาตรการฯ&nbsp;ไปแล้ว&nbsp;จำนวน&nbsp;28,911&nbsp;ราย&nbsp;จำนวนเงินทั้งสิ้น&nbsp;288&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และยังมีวงเงินคงเหลืออีก&nbsp;จำนวน&nbsp;9,712&nbsp;ล้านบาท&nbsp;จากวงเงินรวม&nbsp;10,000&nbsp;ล้านบาท</p><p><strong>ดังนั้นการขยายระยะเวลาคำขอรับสินเชื่อ&nbsp;</strong>จะช่วยเสริมสภาพคล่องสำหรับการดำเนินธุรกิจ&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;SMEs&nbsp;และผู้ประกอบการรายย่อย&nbsp;ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดให้สามารถประกอบอาชีพและดำเนินธุรกิจต่อไปได้</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;</p>6/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106110050934 ปชส.สุราษฎร์ธานี เผย ประเทศไทยเสนอเป็นเจ้าภาพ 3 งานใหญ่ระดับโลก<p><strong>นางสุนิสา&nbsp;รามแก้ว&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>ครม.อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณจำนวน&nbsp;4,180&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดงาน&nbsp;"Specialised&nbsp;Expo"&nbsp;ณ&nbsp;จังหวัดภูเก็ต&nbsp;ภายใต้ชื่องาน&nbsp;EXPO&nbsp;2028&nbsp;–&nbsp;Phuket,&nbsp;Thailand&nbsp;โดยองค์การนิทรรศการนานาชาติ(Bureau&nbsp;of&nbsp;International&nbsp;Expositions&nbsp;:&nbsp;BIE)&nbsp;มีข้อกำหนดว่า&nbsp;การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบกรอบงบประมาณก่อนการยื่นเสนอตัวอย่างเป็นทางการ&nbsp;โดยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน)&nbsp;หรือ&nbsp;สสปน.&nbsp;ในฐานะผู้ประสานงานหลัก&nbsp;ได้ดำเนินการร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงสาธารณสุข&nbsp;เพื่อประสานขอให้เอกอัครราชทูตไทย&nbsp;ณ&nbsp;กรุงปารีส&nbsp;เป็นผู้แทนไทยในการยื่นหนังสือเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานอย่างเป็นทางการ&nbsp;และมีกำหนดจะยื่นหนังสือดังกล่าวต่อผู้แทนระดับสูงของ&nbsp;BIE&nbsp;ในวันที่&nbsp;7&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;กรุงปารีส&nbsp;ประเทศฝรั่งเศส&nbsp;</p><p><strong>และยังกำหนดจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก&nbsp;จังหวัดอุดรธานี&nbsp;พ.ศ.2569&nbsp;และจังหวัดนครราชสีมา&nbsp;พ.ศ.2572&nbsp;</strong>รวมวงเงินทั้งสิ้น&nbsp;6,781&nbsp;ล้านบาท&nbsp;วัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาด้านพืชสวนของไทย&nbsp;กระตุ้นเศรษฐกิจด้านธุรกิจการนำเข้า&nbsp;–&nbsp;ส่งออกผลผลิตการเกษตรและธุรกิจท่องเที่ยว&nbsp;และส่งเสริมการต่อยอดการวิจัย&nbsp;เทคโนโลยี&nbsp;และนวัตกรรมด้านการเกษตร&nbsp;โดยกำหนดสถานที่จัดงานเป็นบริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำหนองแด&nbsp;ตำบลกุดสระ&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดอุดรธานี&nbsp;รวม&nbsp;1,030&nbsp;ไร่&nbsp;ตั้งเป้าหมายมีผู้เข้าชมงาน&nbsp;3.6&nbsp;ล้านคน&nbsp;เป็นชาวต่างชาติร้อยละ&nbsp;30&nbsp;ตลอดระยะเวลาจัดงาน&nbsp;134&nbsp;วัน&nbsp;(ระหว่างวันที่&nbsp;1&nbsp;พฤศจิกายน&nbsp;2569&nbsp;–&nbsp;14&nbsp;มีนาคม&nbsp;2570)&nbsp;และมีประเทศเข้าร่วมงาน&nbsp;20&nbsp;ประเทศ</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ประเทศไทยยังเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ&nbsp;จัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ&nbsp;ครั้งที่&nbsp;46</strong>&nbsp;ซึ่งการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญเป็นการประชุมของคณะกรรมการมรดกโลกที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีอย่างน้อยปีละ&nbsp;1&nbsp;ครั้ง&nbsp;ในช่วงเดือนมิถุนายนหรือเดือนกรกฎาคมของทุกปี&nbsp;โดยคณะกรรมการมรดกโลกจะพิจารณาการเป็นเจ้าภาพฯ&nbsp;ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ&nbsp;ครั้งที่&nbsp;45&nbsp;ณ&nbsp;เมืองคาซาน&nbsp;สหพันธรัฐรัสเซีย&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;19-30&nbsp;มิถุนายน&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับ&nbsp;ได้แก่&nbsp;การแลกเปลี่ยนความรู้&nbsp;ส่งเสริมบทบาทการเป็นผู้นำในการดำเนินการภายใต้กรอบการดำเนินงานของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก&nbsp;ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์ความรู้&nbsp;และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงโครงการ&nbsp;กิจกรรม&nbsp;และข้อริเริ่มใหม่&nbsp;ๆ&nbsp;เช่น&nbsp;การจัดการอบรมให้กับผู้จัดการแหล่งมรดกโลกหรือการอบรมให้ความรู้ในการดำเนินงานในด้านการอนุรักษ์&nbsp;&nbsp;และเพื่อสร้างและขยายโอกาสในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศ&nbsp;ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;โดยจากข้อมูลสถิติในการจัดการประชุมแต่ละครั้งที่ผ่านมาตั้งแต่ครั้งที่&nbsp;40&nbsp;-&nbsp;43&nbsp;มีผู้เข้าร่วมประชุมครั้งละไม่ต่ำกว่า&nbsp;2,300&nbsp;คน&nbsp;ทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนจากการใช้จ่ายในด้านต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;เช่น&nbsp;การเดินทาง&nbsp;ที่พัก&nbsp;การท่องเที่ยว&nbsp;และค่าใช้จ่ายทั่วไป</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>6/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106110723938 พาณิชย์ยะลา จ่อนำหมูเนื้อแดงขาย ในราคา กก.ละ 150 บาท บรรเทาความเดือดร้อนประชาชนหลังหมูแพง<p><strong>พาณิชย์ยะลา&nbsp;เตรียมเปิดขายหมูถูกช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนต่อเนื่อง&nbsp;ปรับขึ้นหมูเนื้อแดง&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;</strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในวันที่&nbsp;8&nbsp;-&nbsp;15&nbsp;ม.ค.65&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ในวันนี้&nbsp;6&nbsp;ม.ค.65&nbsp;และวันพรุ่งนี้&nbsp;7&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;หมูพาณิชย์&nbsp;ที่จำหน่ายข้างสำนักงานพาณิชย์&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;ยังคงราคาปกติ&nbsp;เนื้อแดง&nbsp;กก.ละ&nbsp;130&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนไปเลือกซื้อหมูกันอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>นางผุสสดี&nbsp;จ๋ายเจริญ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดยะลา&nbsp;เผยว่า&nbsp;</strong>ในวันเสาร์ที่&nbsp;8&nbsp;ม.ค.65&nbsp;ไปจนถึงวันที่&nbsp;15&nbsp;ม.ค.65&nbsp;นี้&nbsp;ทางจังหวัดยะลา&nbsp;ได้ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดยะลา&nbsp;&nbsp;จัดโครงการ&nbsp;“หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;ต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่จำเป็นต้องปรับราคาขึ้นตามราคาตลาด&nbsp;&nbsp;จากเดิมที่ขายหมูเนื้อแดง&nbsp;อยู่&nbsp;กก.130&nbsp;บาท&nbsp;พยุงราคามากว่า&nbsp;1&nbsp;เดือน&nbsp;หมูก็ยังมีราคาสูงขึ้น&nbsp;&nbsp;ตอนนี้ก็จะปรับขึ้นในราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;ส่วนหลักๆ&nbsp;ของปัญหาหมูราคาแพง&nbsp;&nbsp;เนื่องจากหมูจำนวนลดลง&nbsp;ซึ่งก่อนหน้านี้เจอโรคระบาด&nbsp;ต้นทุนปรับราคายืนยัน&nbsp;ในพื้นที่ยะลา&nbsp;หมูยังเพียงพอ&nbsp;อยู่ที่&nbsp;2,500&nbsp;ตัว&nbsp;ความต้องการในเมืองไม่มาก&nbsp;&nbsp;ส่วนจุดที่มากก็จะอยู่&nbsp;ที่&nbsp;อ.เบตง&nbsp;&nbsp;ซึ่งได้เพิ่มจุดขายให้กับประชาชนเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการ&nbsp;โดยจะเริ่มจำหน่ายหมู&nbsp;ตามโครงการ&nbsp;ในวันเสาร์ที่&nbsp;8&nbsp;-&nbsp;15&nbsp;ม.ค&nbsp;65&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน&nbsp;ลดภาวะค่าครองชีพ&nbsp;ให้กับพี่น้องประชาชน</p><p><strong>ด้านผู้ขายหมู&nbsp;บอกว่า&nbsp;โครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน</strong>&nbsp;แรกๆ&nbsp;ก็นำหมูมาขายข้างสำนักงานพาณิชย์ยะลา&nbsp;20&nbsp;กก.ต่อวัน&nbsp;ช่วงหลังก็เพิ่ม&nbsp;เป็น&nbsp;50&nbsp;กก.&nbsp;ต่อวัน&nbsp;ขายไม่ถึง&nbsp;2&nbsp;ชั่วโมงก็หมด&nbsp;ส่วนใหญ่ประชาชนก็จะมาเลือกซื้อในช่วงเช้า&nbsp;หลังจากพาณิชย์มีโครงการต่อเนื่องก็จะนำหมูมาขายไปจนถึงวันที่&nbsp;15&nbsp;ม.ค.65</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p><br></p><p><strong>&nbsp;</strong></p><p><strong>&nbsp;</strong></p>6/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106114139967 จังหวัดกระบี่หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แก้ไขปัญหาเนื้อหมูราคาแพงที่ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน ในขณะที่แม่ค้าขายหมูในจังหวัดกระบี่ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาราคาหมูแพง<p><strong>นายสมชาย&nbsp;หาญภักดีปฏิมา&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;จากปัญหาเนื้อหมูราคาแพง&nbsp;เนื่องจากการลดปริมาณการเลี้ยงสุกรและโรคระบาด&nbsp;รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาสูงขึ้น&nbsp;ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน&nbsp;จังหวัดกระบี่จึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมหารือแนวทางในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่&nbsp;โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการร่วมกันในการแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าว&nbsp;เพื่อลดค่าครองชีพ&nbsp;และเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้บริโภคจังหวัดกระบี่</p><p><strong>โดยให้สำนักงานปศุสัตว์&nbsp;</strong>ขอความร่วมมือให้ประสานผู้ประกอบการ/สมาคมผู้เลี้ยงสุกรลดราคาจำหน่าย&nbsp;ในส่วนของสำนักงานพาณิชย์จังหวัด&nbsp;ได้อนุมัติงบประมาณให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดกระบี่&nbsp;ดำเนินโครงการ&nbsp;“หมูพาณิชย์..ลดราคา”&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;กำหนดจุดจำหน่าย&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;จำหน่ายเนื้อหมูในราคา&nbsp;150&nbsp;บาท/กก.&nbsp;ช่วงเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;ระยะเวลาดำเนินการ&nbsp;15&nbsp;วัน&nbsp;และให้สำนักงานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคฯ&nbsp;ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด&nbsp;ตรวจสอบในเรื่องของราคาและการติดป้ายแสดงราคา&nbsp;เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสเอาเปรียบประชาชนผู้บริโภค&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ทางด้านนางนิพา&nbsp;ชาญณรงค์&nbsp;แม่ค้าขายหมูในเขตเทศบาลเมืองกระบี่&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>กรณีเนื้อหมูที่มีการปรับราคาสูงมากในขณะนี้&nbsp;ทำให้ปริมาณการขายหน้าเขียงลดลง&nbsp;โดยเฉพาะร้านอาหารสั่งซื้อน้อยลง&nbsp;ทำให้มีผลกระทบเป็นอย่างมาก&nbsp;จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเร่งแก้ปัญหาหมูแพง&nbsp;เพราะเป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับแม้ค้า&nbsp;พ่อค้า&nbsp;รวมถึงผู้บริโภคประชาชน&nbsp;ได้รับผลกระทบในช่วงที่เศรษฐกิจแบบนี้&nbsp;บางคนมีรายได้น้อยอยู่แล้ว&nbsp;แต่รายจ่ายภาระค่าครองชีพสูงตามมาอีกเป็นจำนวนมาก</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p>6/1/2022ภาคใต้กระบี่สวท.กระบี่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106114435974 ผู้ว่าฯ กาญจนบุรี ลงพื้นที่เกาะรัตนกาญจน์ วางแผนพัฒนาและปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ให้เป็นแลนด์มาร์คและพื้นที่ทางการค้าแห่งใหม่ของจังหวัดกาญจนบุรี<p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;พร้อมรองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เกาะรัตนกาญจน์&nbsp;วางแผนพัฒนาและปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่โดยรอบให้เป็นแลนด์มาร์คและพื้นที่ทางการค้าแห่งใหม่ของจังหวัดกาญจนบุรี</strong></p><p><br></p><p><strong>วันนี้&nbsp;(&nbsp;6&nbsp;มกราคม&nbsp;2564&nbsp;)&nbsp;เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;นายจีระเกียรติ&nbsp;ภูมิสวัสดิ์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี</strong>&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายกองเอก&nbsp;พงศธร&nbsp;ศิริสาคร&nbsp;นายรณภพ&nbsp;เวียงสิมมา&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;นายนรินทร์&nbsp;อิ้วสวัสดิ์&nbsp;ท้องถิ่นจังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;และเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองกาญจนบุรี&nbsp;ลงพื้นที่บริเวณเกาะรัตนกาญจน์และบ้านพัก&nbsp;60&nbsp;หลัง&nbsp;เพื่อวางแผนการพัฒนาและปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่โดยรอบให้เป็นแลนด์มาร์คและพื้นที่ทางการค้าแห่งใหม่ของจังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;โดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมกันดำเนินการอย่างเร่งด่วน&nbsp;โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเกี่ยวกับระบบน้ำทิ้งของชุมชนบ้านพัก&nbsp;60&nbsp;หลัง&nbsp;ซึ่งเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างความสุขให้กับประชาชนในพื้นที่</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>6/1/2022ภาคตะวันตกกาญจนบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106131655008 ครม.มีมติเห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs<p><strong>สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า</strong>&nbsp;คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วยเหลือผู้ประกอบการ&nbsp;SMEs&nbsp;ของธนาคารออมสิน&nbsp;หรือโครงการ&nbsp;Soft&nbsp;Loan&nbsp;ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย&nbsp;วงเงิน&nbsp;5,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;จากเดิมที่ปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มเป้าหมาย&nbsp;SMEs&nbsp;ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและ&nbsp;Supply&nbsp;Chain&nbsp;อาทิ&nbsp;ร้านอาหาร,&nbsp;ธุรกิจสปา,&nbsp;นวดแผนไทย,&nbsp;รถรับจ้างนำเที่ยว,&nbsp;เกสต์เฮ้าส์&nbsp;</p><p><strong>โดยขยายกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมธุรกิจอื่นที่ได้รับผลกระทบ&nbsp;</strong>และขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อออกไปจนถึงวันที่&nbsp;30&nbsp;กันยายน&nbsp;2565&nbsp;จากเดิมที่สิ้นสุดวันที่&nbsp;30&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;วงเงินกู้สูงสุดรายละ&nbsp;500,000&nbsp;บาท&nbsp;ดอกเบี้ย&nbsp;3.9%&nbsp;ต่อปี&nbsp;ไม่ต้องมีหลักประกัน&nbsp;ทั้งนี้ที่ผ่านมาธนาคารออมสินได้อนุมัติสินเชื่อโครงการไปแล้ว&nbsp;จำนวน&nbsp;4,137&nbsp;ราย&nbsp;รวมเงินทั้งสิ้น&nbsp;1,746&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และยังมีวงเงินคงเหลืออีก&nbsp;จำนวน&nbsp;3,254&nbsp;ล้านบาท&nbsp;จากวงเงินรวมทั้งโครงการ&nbsp;5,000&nbsp;ล้านบาท</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ครม.&nbsp;</strong>ยังมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการสินเชื่อสู้ภัย&nbsp;COVID–19&nbsp;กลุ่มเป้าหมายผู้มีรายได้ประจำ,&nbsp;ผู้ประกอบอาชีพอิสระ&nbsp;และเกษตรกร&nbsp;จากเดิมที่มีกำหนดระยะเวลารับคำขอสินเชื่อถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ออกไปจนถึงวันที่&nbsp;30&nbsp;กันยายน&nbsp;2565</p><p><strong>ทางธนาคารออมสินได้ดำเนินการอนุมัติสินเชื่อตามมาตรการไปแล้ว</strong>&nbsp;จำนวน&nbsp;820,380&nbsp;ราย&nbsp;จำนวนเงินทั้งสิ้น&nbsp;8,204&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และยังมีวงเงิน&nbsp;คงเหลืออีกจำนวน&nbsp;1,796&nbsp;ล้านบาท&nbsp;วงเงินรวม&nbsp;10,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์อนุมัติสินเชื่อตามมาตรการฯ&nbsp;ไปแล้ว&nbsp;จำนวน&nbsp;28,911&nbsp;ราย&nbsp;จำนวนเงินทั้งสิ้น&nbsp;288&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และยังมีวงเงินคงเหลืออีก&nbsp;จำนวน&nbsp;9,712&nbsp;ล้านบาท&nbsp;จากวงเงินรวม&nbsp;10,000&nbsp;ล้านบาท</p><p><strong>ดังนั้นการขยายระยะเวลาคำขอรับสินเชื่อ&nbsp;</strong>จะช่วยเสริมสภาพคล่องสำหรับการดำเนินธุรกิจ&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;SMEs&nbsp;และผู้ประกอบการรายย่อย&nbsp;ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดให้สามารถประกอบอาชีพและดำเนินธุรกิจต่อไปได้</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;</p>6/1/2022ภาคเหนือแพร่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106132837009 มั่นใจ ความตกลง RCEP ช่วยเพิ่มโอกาสการส่งออกสินค้าและบริการ ดึงดูดการลงทุนเข้าประเทศ <p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">นายสินิตย์&nbsp;เลิศไกร&nbsp;รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เปิดเผยว่า</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค&nbsp;หรือ&nbsp;RCEP&nbsp;เริ่มมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;มกราคมที่ผ่านมา&nbsp;ส่งผลให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม&nbsp;ทั้งช่วยลดต้นทุนการผลิตและโอกาสส่งออกสินค้าและบริการ&nbsp;รวมทั้งดึงดูดการลงทุนเข้าประเทศ&nbsp;เพิ่มการจ้างงานให้กับแรงงานที่มีฝีมือและบุคลากรด้านวิชาชีพ&nbsp;และส่งเสริมบทบาทของไทยในฐานะห่วงโซ่การผลิตที่สำคัญของภูมิภาค&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">สถานการณ์โควิด-19&nbsp;ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในภาคบริการอย่างมาก</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;ซึ่งความตกลง&nbsp;RCEP&nbsp;จะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทยและประเทศในภูมิภาค&nbsp;โดยการเปิดตลาดภาคบริการของประเทศสมาชิกจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ&nbsp;อาทิ&nbsp;ก่อสร้าง&nbsp;ธุรกิจเกี่ยวเนื่องด้านสุขภาพ&nbsp;ภาพยนตร์และบันเทิง&nbsp;รวมทั้งยังช่วยสร้างโอกาสให้คนไทยสามารถเข้าไปทำงานในประเทศสมาชิก&nbsp;RCEP&nbsp;อีกด้วย&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">นอกจากนี้&nbsp;การลด&nbsp;หรือยกเลิกกฎระเบียบและมาตรการที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;จะช่วยดึงดูดการลงทุนในสาขาที่ไทยมีความต้องการและเกิดเป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ&nbsp;ได้อย่างต่อเนื่อง&nbsp;ตลอดจนต่อยอดอุตสาหกรรมเป้าหมาย&nbsp;S&nbsp;curve&nbsp;ซึ่งจีน&nbsp;เกาหลีใต้&nbsp;ญี่ปุ่น&nbsp;และสิงคโปร์&nbsp;ถือเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่มีการลงทุนในอาเซียนสูงและนักลงทุนไทยได้เข้าไปลงทุนในอาเซียนเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">ภูมิภาค&nbsp;RCEP&nbsp;ถือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญและเป็นกลไกหลัก&nbsp;</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก&nbsp;แม้ทั่วโลกจะได้รับผลกระทบโควิด-19&nbsp;แต่การลงทุนในภูมิภาค&nbsp;RCEP&nbsp;ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง&nbsp;โดยหลังจากนี้ความตกลง&nbsp;RCEP&nbsp;จะทำให้มีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น&nbsp;ซึ่งเป็นผลมาจากการอำนวยความสะดวกและการลดอุปสรรคทางการค้า&nbsp;ผู้สนใจทำการค้าในตลาด&nbsp;RCEP&nbsp;จึงควรเร่งทำความเข้าใจกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศสมาชิก&nbsp;และศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค&nbsp;ตลอดจนช่องทางการจำหน่าย&nbsp;เพื่อสร้างแต้มต่อทางการค้าในตลาด&nbsp;RCEP&nbsp;ได้อย่างมีประสิทธิภาพ</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>6/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106151045064 จังหวัดสุรินทร์ขับเคลื่อนกิจกรรมลานวัฒนธรรม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>จังหวัดสุรินทร์ร่วมกับภาครัฐและเอกชนกำหนดดำเนินการจัดกิจกรรมบริเวณลานหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์หลังเก่า</strong>&nbsp;ให้เป็นลานกิจกรรมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว&nbsp;ส่งเสริมวัฒนธรรมความเป็นไทย&nbsp;และสร้างความมีชีวิตให้กับศาลากลางจังหวัดสุรินทร์หลังเก่า&nbsp;ให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดสุรินทร์&nbsp;โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเตรียมความพร้อมในการจัดกิจกรรม&nbsp;และในวันนี้&nbsp;(6&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;จังหวัดสุรินทร์ได้จัดประชุมติดตามผลการดำเนินงานขับเคลื่อนการจัดกิจกรรมดังกล่าว&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมไหมงาม&nbsp;ชั้น&nbsp;4&nbsp;ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์&nbsp;โดยมี&nbsp;นางทรงลักษณ์&nbsp;วรภัย&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์&nbsp;เป็นประธานการประชุม&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ซึ่งที่ประชุมได้สรุปแนวทางการจัดกิจกรรม&nbsp;ประกอบด้วย</strong>&nbsp;กิจกรรมตักบาตรเช้าวันเสาร์&nbsp;กิจกรรมตลาดผ้าไหม&nbsp;กิจกรรมตลาดอาหารและสินค้าทางวัฒนธรรม&nbsp;และกิจกรรมส่งเสริมการออกกำลังกาย&nbsp;กิจกรรม&nbsp;Street&nbsp;Art&nbsp;กิจกรรม&nbsp;Barber&nbsp;กิจกรรมการแสดงของชมรมผู้สูงอายุ&nbsp;/&nbsp;สภาเด็กและเยาวชน&nbsp;รวมทั้งการจำหน้ายสินค้าพืชผัก&nbsp;ผลผลิตเกษตรอินทรีย์&nbsp;เป็นต้น&nbsp;และกำหนดเปิดงานในวันเสาร์ที่&nbsp;8&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จึงขอเชิญชวนชาวสุรินทร์แต่งกายผ้าไทยร่วมกิจกรรมลานวัฒนธรรม&nbsp;เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว&nbsp;ตามวัน&nbsp;เวลา&nbsp;และสถานที่ดังกล่าว</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>6/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสวท.สุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106140315024 ยะลา พาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน คงราคาหมูเนื้อแดง 130 บาท/กก. ขณะที่แม่ค้า เผย ในพื้นที่กระทบบ้างแต่ไม่มาก<p><strong>จากสถานการณ์ราคาหมู&nbsp;ที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ราคา&nbsp;ณ&nbsp;ปัจจุบัน&nbsp;หมูเนื้อแดงในหลายพื้นที่&nbsp;ราคาพุ่งสูงกว่า&nbsp;200&nbsp;บาท/กก.&nbsp;</strong>ทั้งนี้เกิดจากปัจจัยต้นทุนการผลิต&nbsp;ที่เพิ่มสูง&nbsp;รวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;โอมิครอน&nbsp;</p><p><strong>วันนี้&nbsp;6&nbsp;ม.ค.65&nbsp;ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดยะลา&nbsp;ได้เปิดจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ตามโครงการพาณิชย์&nbsp;ลดราคาช่วยประชาชน</strong>&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;ในกิโลกรัมละ&nbsp;130&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งได้เปิดจำหน่ายมาตั้งแต่&nbsp;พฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;ทั้งนี้มีประชาชนให้ความสนใจ&nbsp;เดินทางซื้อหมูเนื้อแดง&nbsp;เป็นจำนวนมาก</p><p><strong>นางสาวอุมาพร&nbsp;มูณี&nbsp;แม่ค้าขายหมู&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>สาเหตุหมูราคาสูงขึ้น&nbsp;เกิดจากต้นทุนวัตถุดิบของอาหารที่สูงขึ้น&nbsp;ค่าใช้จ่าย&nbsp;ค่าบริหารจัดการต่างๆสูงขึ้น&nbsp;ทำให้เนื้อหมูขึ้นราคา&nbsp;สำหรับการเลี้ยงหมูตามฟาร์ม&nbsp;ในพื้นที่จังหวัดยะลา&nbsp;ยอมรับได้รับผลกระทบบ้าง&nbsp;แต่ไม่มาก&nbsp;เนื่องจากปัจจัยต้นทุน&nbsp;ทั้งอาหาร&nbsp;ยังสามารถควบคุมบริหารจัดการได้อยู่&nbsp;เมื่อหมูราคาสูงขึ้น&nbsp;ประชาชนหันไปบริโภค&nbsp;ปลา&nbsp;ไก่&nbsp;และเนื้อ&nbsp;แทน&nbsp;ซึ่งมีราคาต่ำกว่า&nbsp;ผนวกกับในช่วงนี้&nbsp;เศรษฐกิจไม่ค่อยดีและสถานการณ์โควิดด้วย&nbsp;ยอดขายบางวันขายได้บ้าง&nbsp;บางวันก็ไม่ถึงเป้า&nbsp;ทั้งนี้การเข้าร่วมโครงการของพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคากิโลกรัมละ&nbsp;130&nbsp;ซึ่ง&nbsp;ในตลาดก็จะขายกิโลกรัมละ&nbsp;170&nbsp;รัฐจะช่วยเหลือในส่วนต่างของราคา&nbsp;เพื่อเป็นการลดต้นทุนให้กับประชาชน&nbsp;และหันมาบริโภคเนื้อหมู&nbsp;ซึ่งผลกระทบของจังหวัดของเรายังไม่เยอะเท่ากับภาคอื่นๆ&nbsp;จังหวัดยะลาบ้านเราราคาจำหน่ายในท้องตลาด&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;ราคายังไม่สูงถึง&nbsp;200&nbsp;บาทต่อ&nbsp;กก.&nbsp;ซึ่งทางเรายังบริหารได้อยู่และยังพยุงได้อยู่&nbsp;สำหรับการเลี้ยงหมูที่นี่เป็นหมูจากฟาร์มที่เลี้ยงเองไม่มีสารเร่งแต่อย่างใด&nbsp;ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>6/1/2022ภาคใต้ยะลาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106140732025 กำชับ บริหารจัดการควบคุมทิศทางพลังงานไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน เตรียมประกาศปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG<p><strong>นายกุลิศ&nbsp;สมบัติศิริ&nbsp;ปลัดกระทรวงพลังงาน&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม&nbsp;มอบหมายให้กระทรวงพลังงาน&nbsp;บริหารจัดการและดูแลทิศทางพลังงานทั้งไฟฟ้าและน้ำมัน&nbsp;ในปี&nbsp;2565&nbsp;ที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพประชาชน&nbsp;รวมถึงต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการที่จะเพิ่มสูงขึ้น&nbsp;ควรมีการจำแนกกลุ่มการใช้พลังงานและมีการดูแลแต่ละกลุ่มตามความเหมาะสม&nbsp;โดยย้ำว่าห้ามมีการขาดแคลนพลังงาน</p><p><strong>เบื้องต้นจากการนำเม็ดเงินที่ได้รับจากการจัดสรรผลประโยชน์บัญชี</strong>&nbsp;&nbsp;Take&nbsp;or&nbsp;Pay&nbsp;&nbsp;หรือภาระไม่ได้ใช้ก็ต้องจ่ายเงินของแหล่งก๊าซธรรมชาติเมียนมา&nbsp;จํานวน&nbsp;13,594&nbsp;ล้านบาท&nbsp;เพื่อจะนำไปลดค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด&nbsp;–&nbsp;19&nbsp;จะสามารถช่วยลดค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ&nbsp;หรือค่า&nbsp;Ft&nbsp;&nbsp;ให้กับประชาชนได้ประมาณ&nbsp;22&nbsp;สตางค์&nbsp;เป็นจำนวน&nbsp;1&nbsp;เดือน&nbsp;หรือหากเฉลี่ย&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;จะช่วยให้ประชาชนจ่ายค่า&nbsp;Ft&nbsp;อยู่ที่&nbsp;1.39&nbsp;สตางค์ต่อหน่วยต่อเดือน&nbsp;เป็นระยะเวลา&nbsp;3&nbsp;เดือน</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;กระทรวงพลังงาน</strong>&nbsp;ยังได้วางแผนบริหารราคาน้ำมันโดยคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ&nbsp;จะอยู่ในระดับ&nbsp;78&nbsp;–&nbsp;80&nbsp;เหรียญสหรัฐฯ&nbsp;ต่อบาร์เรล&nbsp;&nbsp;ยังคงยืนยันจะดำเนินการตามนโยบายภาครัฐตรึงราคาน้ำมันดีเซลต่อไปอีกไม่ให้เกิน&nbsp;30&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความต้องการใช้สูงสุดของประเทศถึงร้อยละ&nbsp;70&nbsp;ของผู้ใช้น้ำมันทุกประเภท&nbsp;ควบคู่กับการบริหารจัดการการใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาบริหารจัดการ&nbsp;</p><p><strong>ขณะที่ราคา&nbsp;ก๊าซ&nbsp;LPG&nbsp;ในเดือนกุมภาพันธ์นี้</strong>&nbsp;มีความจำเป็นต้องปรับราคาเพิ่มขึ้น&nbsp;โดยกระทรวงพลังงาน&nbsp;ได้ตรึงราคาก๊าซ&nbsp;LPG&nbsp;ถัง&nbsp;15&nbsp;กิโลกรัมในราคา&nbsp;318&nbsp;บาทต่อถัง&nbsp;ตามนโยบายของรัฐบาลไปจนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;โดยจะทยอยปรับขึ้นราคา&nbsp;แบบขั้นบันได&nbsp;ส่วนปรับขึ้นในอัตราเท่าใดนั้นอยู่ระหว่างการนำเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน&nbsp;หรือ&nbsp;กบง.&nbsp;ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดทุกสัปดาห์&nbsp;โดยยอมรับว่า&nbsp;ขณะนี้ราคาพลังงานมีความผันผวนสูงมาก</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>6/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106150722059 รัฐบาลควรเพิ่มมาตรการคุมเข้มในพื้นที่เสี่ยง ย้ำไม่ควร Lockdown ทั้งหมด จะกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่น<p><strong>นายสนั่น&nbsp;อังอุบลกุล&nbsp;ประธานกรรมการหอการค้าไทย</strong>และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุข&nbsp;ประกาศยกระดับการเตือนภัยโควิด-19&nbsp;เป็นระดับ&nbsp;4&nbsp;โดยจะมีข้อแนะนำและมาตรการเพิ่มขึ้น&nbsp;ซึ่งอาจมีการปิดสถานที่เสี่ยง&nbsp;รวมถึงชะลอการเดินทาง&nbsp;จึงขอให้มีการพิจารณาอย่างรอบด้าน&nbsp;เพื่อไม่ให้กระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว&nbsp;โดยมองว่าโอมิครอนไม่รุนแรงเท่ากับสายพันธุ์ก่อนหน้านี้&nbsp;</p><p><strong>ขณะที่ระบบสาธารณสุขยังคงสามารถรองรับผู้ป่วยได้</strong>&nbsp;รัฐบาลจึงควรเพิ่มความระมัดระวัง&nbsp;คุมเข้มสถานประกอบการที่มีประชาชนใช้บริการอย่างหนาแน่น&nbsp;และเร่งการ&nbsp;Boost&nbsp;เข็ม&nbsp;3–4&nbsp;ให้กับประชาชนให้มากที่สุด&nbsp;</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;ภาคเอกชนไม่เห็นด้วย</strong>&nbsp;หากภาครัฐจะยกระดับมาตรการ&nbsp;ด้วยการ&nbsp;Lockdown&nbsp;ทุกกิจกรรมของประเทศ&nbsp;ซึ่งนอกจากจะสร้างความเสียหายกับเศรษฐกิจ&nbsp;ยังส่งผลให้ความเชื่อมั่นของประชาชนภายในประเทศลดลงด้วย&nbsp;</p><p><strong>ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลเน้นการเพิ่มมาตรการคุมเข้มในพื้นที่เสี่ยง</strong>&nbsp;จัดเตรียมระบบสาธารณสุขในแต่ละจังหวัดให้มีความพร้อมและสร้างความเข้าใจที่ดีกับประชาชนในแต่ละพื้นที่&nbsp;โดยนำมาตรการ&nbsp;Home&nbsp;Isolation&nbsp;/&nbsp;Hospitel&nbsp;กลับมาใช้&nbsp;ส่วนภาคเอกชนพร้อมนำมาตรการ&nbsp;Bubble&nbsp;and&nbsp;Seal&nbsp;กลับมาเป็นแนวทางของแต่ละกิจการอีกครั้ง&nbsp;รวมทั้งเห็นด้วยกับการ&nbsp;Work&nbsp;From&nbsp;Home&nbsp;ในช่วงนี้&nbsp;เพราะจะช่วยควบคุมไม่ให้มีการแพร่ระบาดเพิ่มเติมและอยู่ในระดับที่ธุรกิจยังเดินหน้าต่อไปได้</p><p><br></p><p><br></p>6/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106190633229 จ.หนองบัวลำภู ราคาหมูแพง สามชั้นราคาพุ่งกิโลละ 200 บาทจากเดิม 160 บาท แม่ค้าบ่นยอดขายลดครึ่งต่อครึ่ง<p><strong>วันที่&nbsp;6&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่ตลาดสดธนารักษ์&nbsp;หรือตลาดสดแม่สำเนียง</strong>&nbsp;ภายในเขตเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู&nbsp;นายสุวิทย์&nbsp;จันทร์หวร&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด&nbsp;พาณิชย์จังหวัด&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัด&nbsp;ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู&nbsp;ให้ลงพื้นที่ตลาดสดเพื่อสำรวจราคาเนื้อหมูในตลาดสด&nbsp;และร้านค้าแผงลอย&nbsp;เนื่องจากสถานการณ์เนื้อหมูราคาแพงและเนื้อหมูขาดตลาด&nbsp;ทำให้ร้านค้า&nbsp;ปรับราคาขายเพิ่มสูงขึ้น&nbsp;จากการลงพื้นที่สำรวจราคาเนื้อหมู&nbsp;ตามแผงขายในตลาด&nbsp;พบว่าหมูสามชั้นปรับราคาขึ้นกิโลกรัมละ&nbsp;200&nbsp;จากเดิม&nbsp;160&nbsp;บาท&nbsp;เนื้อแดงมีการปรับราคาขึ้น&nbsp;190&nbsp;บาท&nbsp;จากเดิม&nbsp;160&nbsp;บาท&nbsp;ซี่โครงปรับราคาขายขึ้น&nbsp;190&nbsp;บาท&nbsp;จากเดิม&nbsp;160&nbsp;บาท</p><p><strong>นอกจากนั้นยังได้ทำการลงพื้นที่สำรวจราคาเนื้อหมูในห้างสรรพสินค้า&nbsp;</strong>พบว่ามีราคาที่สูงเพิ่มขึ้น&nbsp;จากเดิม&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;10-30&nbsp;บาท&nbsp;เจ้าของแผงขายเนื้อหมูในตลาดสดธนารักษ์&nbsp;จังหวัดหนองบัวลำภู&nbsp;ร้านแม่น้อย&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ตั้งแต่ขายหมูมานานมากว่า&nbsp;30&nbsp;ปี&nbsp;ยังไม่เคยเห็นมีการขยับราคาเนื้อหมูสูงและรวดเร็วขนาดนี้&nbsp;และสาเหตุที่ต้องขายหมูแพง&nbsp;เนื่องจากซื้อเนื้อหมูซีกจากโรงงานมาในราคาที่สูงขึ้น&nbsp;จึงต้องทำการค้าขายเนื้อหมูราคาที่สูงขึ้นตามไปไปด้วย&nbsp;แต่ก่อนเคยขายเนื้อหมูได้วันละไม่ต่ำกว่า&nbsp;100&nbsp;กิโลกรัมขึ้น&nbsp;พอมาวันนี้&nbsp;ราคาหมูพุ่งขึ้นสูง&nbsp;30-40&nbsp;บาทต่อกิโล&nbsp;ทำให้ในแต่ละวันมียอดการขายหมูลดลงครึ่งต่อครึ่ง&nbsp;ชาวบ้านคงจะพากันหันไปทานอาหารอย่างอื่นที่มีราคาที่ถูกว่าแทน</p><p><strong>นายสุวิทย์&nbsp;จันทร์หวร&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู&nbsp;</strong>กล่าวว่า&nbsp;จากการลงสำรวจตลาดร้านค้าจำหน่วยเนื้อหมูพบว่ามีปริมาณเนื้อหมูเพียงพอต่อการจำหน่ายและความต้องการของประชาชนในพื้นที่&nbsp;แต่มีการขยับราคาเพิ่มสูงขึ้นตามกลไกลของการตลาด&nbsp;เนื่องจากบางพื้นที่มีเนื้อหมูขาดตลาดและมีปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;ภายในพื้นที่&nbsp;แต่จังหวัดหนองบัวลำภู&nbsp;มีผู้ประกอบการฟาร์มหมูรายใหญ่&nbsp;จึงได้ขอความร่วมมือให้มีการจำหน่ายให้กับผู้ค้าปลีก&nbsp;ร้านค้าภายในจังหวัดหนงอบัวลำภู&nbsp;ให้มีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ</p><p><br></p><p><br></p>6/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหนองบัวลำภูสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองบัวลำภูhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106164227163 บึงกาฬพาณิชย์มาแล้วขายหมูราคาถูก 150 บาทลดค่าครองชีพประชาชน<p><strong>พาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;ร่วมกับผู้ประกอบการเขียงหมู</strong>&nbsp;เปิดขายหมูเนื้อแดงลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชนกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;แก้ปัญหาความเดือดร้อน&nbsp;ลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน</p><p><strong>วันที่&nbsp;6&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.&nbsp;</strong>ผู้สื่อข่าวรายงานว่า&nbsp;หลังจากสถานการณ์ราคาหมูหน้าเขียง&nbsp;มีการปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;โดยในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;ราคาหน้าเขียงขายอยู่ที่กิโลกรัมละ&nbsp;200-220&nbsp;บาท&nbsp;ส่งผลให้กระทรวงพาณิชย์&nbsp;ต้องหามาตรการแก้ไขปัญหาราคาเนื้อหมู&nbsp;พร้อมทั้งให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ&nbsp;ได้มีการประสานกับห้างทั่วประเทศ&nbsp;นำเนื้อหมูมาจำหน่ายในราคาประหยัด&nbsp;เพื่อลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;โดยทำโครงการ&nbsp;“หมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;ร่วมกับเขียงหมูเจ้เหล่ย&nbsp;และเขียงหมูเจ้กบ&nbsp;2&nbsp;ร้านขายเนื้อหมู&nbsp;ที่อยู่ภายในตลาดสดเทศบาลเมืองบึงกาฬ&nbsp;จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;จำหน่ายเนื้อหมูราคาพิเศษ&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;6-22&nbsp;ม.ค.65&nbsp;เริ่มตั้งแต่เวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป</p><p><strong>โดยนางสาวเอื้อนจิตร&nbsp;ช่วยนก&nbsp;พาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;</strong>กล่าวว่า&nbsp;สำหรับจังหวัดบึงกาฬ&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดได้ร่วมกับผู้ประกอบการเขียงหมู&nbsp;เปิดจำหน่ายหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ราคาถูก&nbsp;150&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านเขียงหมูเจ๊กบ&nbsp;ร้านเขียงหมูเจ๊เหล๋ย&nbsp;ในตลาดสดเทศบาลเมืองบึงกาฬ&nbsp;โดยกำหนดขายจุดละ&nbsp;100&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ในระหว่างวันที่&nbsp;6-22&nbsp;ม.ค.65&nbsp;รวม&nbsp;15&nbsp;วัน&nbsp;และหยุดขายทุกวันพระ&nbsp;หลังจากนั้นก็จะดูสถานการณ์ราคาของเนื้อหมูอีกครั้ง&nbsp;อย่างไรก็ตามขอเชิญชวนประชาชน&nbsp;ออกมาจับจ่ายใช้สอยซื้อหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;เพื่อเป็นการลดค่าครองชีพ&nbsp;ลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนได้ระยะหนึ่ง</p><p><br></p><p><br></p>6/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบึงกาฬสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบึงกาฬhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106164901166 พาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร จัดโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 6-15 มกราคม 2565<p><strong>พาณิชย์จังหวัดมุกดาหารจัดโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2&nbsp;</strong>หมูเนื้อแดง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;6-15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;จุดจำหน่ายเทศบาลเมืองมุกดาหาร&nbsp;3&nbsp;แห่ง</p><p>&nbsp;<strong>นางลักขณา&nbsp;บุญนำ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>จากสถานการณ์ราคาเนื้อหมูในตลาดมีราคาสูงขึ้น&nbsp;ทำให้ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อน&nbsp;กระทรวงพาณิชย์ได้จัดโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;6-15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p><strong>สำหรับในเขตพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร</strong>&nbsp;ได้กำหนดจุดจำหน่าย&nbsp;ทั้งหมด&nbsp;3&nbsp;จุด</p><p>จุดที่&nbsp;1.&nbsp;ร้านหมูแจ๋วแว๋ว&nbsp;ตลาดสดเทศบาล&nbsp;2</p><p>จุดที่&nbsp;2&nbsp;ร้านเจ้มายหมูสด&nbsp;ตลาดสดศิริพร</p><p>จุดที่&nbsp;3&nbsp;ร้านเจ้น้อย&nbsp;ตลาดสดวัฒนธรรมพรเพชร</p><p>ทั้งนี้&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;ผู้บริโภคหมูดังกล่าว&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;</p>6/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมุกดาหารสวท.มุกดาหารhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106163616159 ธ.ก.ส. โอนเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว กว่า 57,000 ครัวเรือน กว่า 700 ล้านบาท<p><strong>นายกษาปณ์&nbsp;เงินรวง</strong>&nbsp;รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร&nbsp;(ธ.ก.ส.)&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ในวันนี้&nbsp;(6&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;ธ.ก.ส.&nbsp;ได้โอนเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว&nbsp;ปีการผลิต&nbsp;2564/65&nbsp;งวดที่&nbsp;1-11&nbsp;(เพิ่มเติม)&nbsp;พร้อมงวดที่&nbsp;12&nbsp;อีกจำนวน&nbsp;731&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ให้กับเกษตรกรจำนวน&nbsp;57,965&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;ส่งผลให้ภาพรวมการโอนเงินโครงการประกันรายได้ฯ&nbsp;ไปแล้วทั้งสิ้น&nbsp;85,113.24&nbsp;ล้านบาท&nbsp;มีเกษตรกรได้รับประโยชน์แล้ว&nbsp;4,564,768&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;</p><p><strong>การประกันรายได้ดังกล่าว</strong>&nbsp;เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้ได้รับผลตอบแทนจากการผลิตที่เหมาะสม&nbsp;ป้องกันความเสี่ยงด้านราคาไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน&nbsp;และช่วยแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก&nbsp;การแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;และอุทกภัย&nbsp;โดยที่กลไกตลาดยังคงทำงานเป็นปกติ&nbsp;โดยเกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชัน&nbsp;ธ.ก.ส.&nbsp;A-Mobile&nbsp;ตลอด&nbsp;24&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;และจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่าน&nbsp;LINE&nbsp;Official&nbsp;BAAC&nbsp;Family&nbsp;กรณีที่ลูกค้าสมัครใช้บริการ&nbsp;BAAC&nbsp;Connect&nbsp;รวมถึงสามารถเบิกถอนเงินสดผ่านตู้&nbsp;ATM&nbsp;ของ&nbsp;ธ.ก.ส.&nbsp;ทั่วประเทศ</p><p><br></p><p><br></p>6/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106175106189 พาณิชย์แพร่เปิด 4 จุดจำหน่ายหมูเนื้อแดง ก.ก.ละ 150 บาท ช่วยเหลือประชาชนภาวะหมูแพง<p><strong>นางอารีย์&nbsp;เหลืองหิรัญ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดแพร่&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;โดยนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;จัดโครงการพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ร่วมมือกับผู้ประกอบการค้าเนื้อหมู&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนในการบริโภคเนื้อหมูช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;และภาวะที่เนื้อหมูมีราคาจำหน่ายสูงขึ้น&nbsp;ให้สามารถซื้อเนื้อหมูได้ในราคาประหยัด</p><p><strong>โดยในส่วนจังหวัดแพร่&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแพร่&nbsp;</strong>ร่วมกับผู้จำหน่ายเนื้อหมูในพื้นที่เปิดจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านหมูอินเตอร์&nbsp;&nbsp;สาขาตลาดชมภูมิ่ง&nbsp;อำเภอเมืองแพร่&nbsp;สาขาร้องกวาง&nbsp;สาขาลอง&nbsp;และสาขาวังชิ้น&nbsp;จัดจำหน่ายตั้งแต่วันที่&nbsp;6&nbsp;–&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;13.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;จำกัดจำนวนสำหรับผู้ซื้อที่มีคูปอง&nbsp;คนละ&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัมต่อวัน&nbsp;โดยสามารถรับคูปองได้ที่จุดจำหน่าย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>6/1/2022ภาคเหนือแพร่สวท.แพร่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106171055173 ศอ.บต. จัดตั้งคณะกรรมการวิ่งเทรล ขับเคลื่อนกิจกรรม Amazean Jungle Trail ยกระดับการท่องเที่ยวเมืองเบตง ยะลา<p><strong>ศอ.บต.&nbsp;จัดตั้งคณะกรรมการวิ่งเทรล&nbsp;ขับเคลื่อนกิจกรรม&nbsp;Amazean&nbsp;Jungle&nbsp;Trail&nbsp;</strong>ยกระดับการท่องเที่ยวเมืองเบตง&nbsp;ยะลา&nbsp;ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ&nbsp;กำหนดวิ่ง&nbsp;7-8&nbsp;พ.ค.&nbsp;65</p><p><strong>ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;(ศอ.บต.)&nbsp;แต่งตั้งคณะกรรมการ</strong>โครงการยกระดับการพัฒนาพื้นที่เมืองเบตง&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;Amazean&nbsp;Jungle&nbsp;Trail&nbsp;ตามมติคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;(กพต.)&nbsp;ซึ่งมีพลเอก&nbsp;ประวิตร&nbsp;วงษ์สุวรรณ&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;เป็นประธาน&nbsp;โดยมอบหมายให้&nbsp;ศอ.บต.&nbsp;จัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฯ&nbsp;เพื่อกระตุ้นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ&nbsp;สังคมพหุวัฒนธรรม&nbsp;สร้างงาน&nbsp;สร้างรายได้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับพื้นที่&nbsp;ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี&nbsp;และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย&nbsp;ในการเป็นเมืองพัฒนาทั้งสองเมือง&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังมีเป้าหมายสร้างสนามแข่งขันวิ่งเทรลที่มีมาตรฐานระดับโลก</strong>&nbsp;โดยมุ่งหวังให้บรรจุอยู่ใน&nbsp;UTMB&nbsp;World&nbsp;series&nbsp;เป็นสนามที่&nbsp;2&nbsp;ของประเทศ&nbsp;อีกทั้งตั้งเป้าให้เป็นกิจกรรมช่วยในการประชาสัมพันธ์ให้นักวิ่งจากทั่วโลก&nbsp;ได้รู้จักอำเภอเบตง&nbsp;และเดินทางเข้ามาร่วมการแข่งขัน?&nbsp;เพื่อเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวเมืองเบตงต่อไป&nbsp;โดยคณะกรรมการโครงการยกระดับการพัฒนาพื้นที่เมืองเบตง&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;Amazean&nbsp;Jungle&nbsp;Trail&nbsp;มีพลเรือตรี&nbsp;สมเกียรติ&nbsp;ผลประยูร&nbsp;เลขาธิการ&nbsp;ศอ.บต.&nbsp;เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>เลขาธิการ&nbsp;ศอ.บต.&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้</strong>มีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความกินดี&nbsp;อยู่ดี&nbsp;และอยู่ร่วมกันได้ในวิถีพหุวัฒนธรรม&nbsp;พร้อมด้วยความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน&nbsp;ศอ.บต.&nbsp;และหน่วยงานความมั่นคงได้เดินหน้าการพัฒนาทุกๆด้าน&nbsp;เร่งพัฒนาให้ประชาชนพ้นเกณฑ์ความยากจนร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและจังหวัด&nbsp;พัฒนาด้านเศรษฐกิจให้มีความเจริญเติบโต&nbsp;ด้านทรัพยากรมนุษย์&nbsp;และด้านการท่องเที่ยว&nbsp;ซึ่งตั้งเป้าให้โครงการ&nbsp;Amazean&nbsp;Jungle&nbsp;Trail&nbsp;สามารถเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นในเมืองเบตง&nbsp;และในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกจังหวัด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>สำหรับกิจกรรมวิ่ง&nbsp;Trail&nbsp;เป็นกิจกรรมที่เป็นเทรนด์ของคนรุ่นใหม่</strong>&nbsp;โดยรัฐบาล&nbsp;นำโดยพลเอกประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรี&nbsp;ได้หนุนเสริมให้จัดกิจกรรมพร้อมกำชับให้ดำเนินการอย่างเต็มที่&nbsp;หวังให้เป็นกิจกรรมช่วยยกระดับการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภาคใต้ตอนล่าง&nbsp;ให้เกิดการพัฒนา&nbsp;สร้างภาพลักษณ์ใหม่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;กิจกรรมวิ่งเทรล&nbsp;อ.เบตง&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;จะจัดขึ้นในวันที่&nbsp;7-8&nbsp;พฤษภาคม&nbsp;2565&nbsp;แบ่งเป็น&nbsp;3&nbsp;ระยะ&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ระยะเบตง&nbsp;100&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;ระยะเบตง&nbsp;50&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;และระยะเปรัค&nbsp;ประเทศมาเลเซีย&nbsp;&nbsp;25&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>6/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106174011183 จังหวัดเพชรบุรี พร้อมยกระดับการท่องเที่ยว ชายฝั่งทะเลตะวันตก Thailand Riviera หวังสร้างความโดดเด่นระดับโลก ภายใต้ความเปลี่ยนแปลง New Normal<p>.วันนี้&nbsp;(วันที่&nbsp;6&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;)นายณัฐวุฒิ&nbsp;เพ็ชรพรหมศร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;คณะกรรมาธิการท่องเที่ยว&nbsp;วุฒิสภา&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;ภาครัฐ&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;ประชุมร่วมจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ประจวบคีรีขันธ์&nbsp;ระนอง&nbsp;และชุมพร&nbsp;ผ่านระบบวิดิทัศน์ทางไกล&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุม&nbsp;ศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;</p><p><br></p><p>นายณัฐวุฒิ&nbsp;เพ็ชรพรหมศร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีเปิดเผยว่าคณะกรรมาธิการท่องเที่ยว&nbsp;วุฒิสภา&nbsp;ลงพื้นที่เพชรบุรี&nbsp;พร้อมประชุมผ่านระบบวิดิทัศน์&nbsp;เพื่อรับฟังปัญหาอุปสรรค&nbsp;การพัฒนาการท่องเที่ยว&nbsp;ซึ่งจังหวัดเพชรบุรีพร้อมยกระดับการท่องเที่ยวทุกด้าน&nbsp;โดยจะให้ความสำคัญด้านการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ&nbsp;และเน้นความร่วมมือของชาวบ้าน&nbsp;ในชุมชนแต่ละพื้นที่เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างสมดุลและมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน&nbsp;ซึ่งจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;มีพร้อมทั้งกิจกรรมและทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่หลากหลาย&nbsp;ตอบโจทย์การท่องเที่ยวทุกรูปแบบและทุกกลุ่มนักท่องเที่ยว&nbsp;โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีได้กล่าวถึงการท่องเที่ยว&nbsp;ชายฝั่งทะเลตะวันตก&nbsp;Thailand&nbsp;Riviera&nbsp;ว่า&nbsp;แม้จะอยู่ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงยุค&nbsp;New&nbsp;Normal&nbsp;แต่จะวางแนวทางการบริหารจัดการป้องกันความเสี่ยงให้นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย&nbsp;ทั้งการฉีดวัคซีน&nbsp;ผลการตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;การเพิ่มมาตรฐาน&nbsp;SHA&nbsp;PLUS&nbsp;เป็นการท่องเที่ยวที่ให้ความใส่ใจด้านอนามัยและสิ่งแวดล้อม&nbsp;โดยจะเพิ่มขีดความสามารถการบริหารจัดการ&nbsp;ซึ่งThailand&nbsp;Riviera&nbsp;นับเป็นแหล่งท่องเที่ยว&nbsp;ที่มีศักยภาพ&nbsp;ซึ่งมีทั้งแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น&nbsp;กิจกรรมการท่องเที่ยวบริเวณชายหาด&nbsp;การท่องเที่ยวในทะเล&nbsp;ที่จะสามารถส่งเสริมกิจกรรมต่างๆทำให้ชุมชนเกิดรายได้&nbsp;สำหรับอุปสรรคและปัญหาที่เกี่ยวโยงต่อการพัฒนาการท่องเที่ยว&nbsp;นั้นมีทั้งปัญหาการเร่งส่งเสริมช่องทางการตลาด&nbsp;การส่งเสริมความรู้ให้ชุมชนได้รับมาตรฐานสากล&nbsp;การประชาสัมพันธ์อัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัด&nbsp;และที่สำคัญพบว่า&nbsp;นักท่องเที่ยวที่ขาดจิตสํานึกมีผลทําให้เกิดความเสื่อมโทรมของทรัพยากรในแหล่งท่องเที่ยว&nbsp;ซึ่งจะได้บูรณาการทุกฝ่ายร่วมกันพัฒนาหวังสร้างความโดดเด่น&nbsp;ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นระดับโลกต่อไป&nbsp;</p>6/1/2022ภาคตะวันตกเพชรบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106191752238 พาณิชย์จังหวัดนครพนม ลงพื้นที่ตรวจติดตามโครงการหมูพาณิชย์ ลดราคา ช่วยประชาชน ครั้งที่ 2<p><strong>วันนี้&nbsp;(6&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;นายจิรวุฒิ&nbsp;สุวรรณอาจ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดนครพนม&nbsp;</strong>พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินโครงการ&nbsp;หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2&nbsp;ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฎ์&nbsp;ในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนตามภาวะราคาสุกรที่สูงขึ้นและให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;โดยจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;</p><p>ซึ่งจังหวัดนครพนม&nbsp;จำหน่ายระหว่างวันที่&nbsp;5-15&nbsp;มกราคม&nbsp;ณ&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;คือ&nbsp;จุดที่&nbsp;1&nbsp;แหลมทองโภคภัณฑ์&nbsp;ข้างธนาคารออมสินนครพนม&nbsp;จุดที่&nbsp;2อารีย์เนื้อหมูสด&nbsp;ตำบลหนองสังข์&nbsp;อำเภอนาแก&nbsp;จุดที่&nbsp;3&nbsp;ตุ๊ดตู่หมูสด&nbsp;ตำบลพิมาน&nbsp;อำเภอนาแก&nbsp;และ&nbsp;จุดที่&nbsp;4&nbsp;กวินหมูสด&nbsp;ตำบลนาแก&nbsp;อำเภอนาแก&nbsp;จังหวัดนครพนม</p><p><strong>นายจิรวุฒิ&nbsp;สุวรรณอาจ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดนครพนม&nbsp;กล่าวเพิ่มเติมว่า</strong>&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;พาณิชย์จังหวัดนครพนม&nbsp;ยังเฝ้าระวังติตามสินค้าประเภทอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นอุปโภค&nbsp;บริโภค&nbsp;ที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของประชาชน&nbsp;ในการตรวจสอบราคา&nbsp;ว่าร้านค้าต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ขายเกินราคาที่ได้กำหนดตามกฏหมายหรือไม่ด้วย&nbsp;</p><p>จึงขอเชิญชวนประชาชนไปจับจ่ายเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกตามที่รัฐบาลกำหนดไว้อย่างเป็นธรรมได้ตามสถานที่แจ้งไว้ข้างต้น&nbsp;รวมทั้ง&nbsp;ประชาชนที่พบเห็นร้านค้าขายสินค้าในราคาเกินกว่าที่รัฐบาลกำหนด&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครพนม&nbsp;โทร&nbsp;0-4251-1117&nbsp;ได้ในเวลาราชการ</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>6/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครพนมสวท.นครพนมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106184031223 พาณิชย์จังหวัดตรัง จัดโครงการหมูพาณิชย์ ลดราคา! ช่วยประชาชน (ครั้งที่ 2) โดยจำหน่ายหมูเนื้อแดง กิโลกรัมละ 150 บาท จำหน่าย 6 จุด ใน 4 อำเภอ<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นางสาวสุภากิตติ์&nbsp;เกลี้ยงสงค์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;กระทรวงพาณิชย์</strong>&nbsp;มีโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;2)&nbsp;โดยจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;เพื่อให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงสถานการณ์ที่ราคาหมูปรับสูงขึ้น</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ทั้งนี้&nbsp;&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ได้กำหนดจัดกิจกรรมใน&nbsp;4&nbsp;อำเภอ&nbsp;</strong>ประกอบด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;อำเภอเมืองตรัง&nbsp;อำเภอห้วยยอด&nbsp;อำเภอสิเกา&nbsp;และอำเภอรัษฎา&nbsp;โดยเปิดจำหน่ายหมูเนื้อแดงราคาถูก&nbsp;6&nbsp;จุด&nbsp;ด้วยกันคือ</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">1.&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ร้านชายสี่หมูสด&nbsp;ตลาดคลองมวน&nbsp;ตำบลหนองปรือ&nbsp;อำเภอรัษฎา&nbsp;เวลาจำหน่าย&nbsp;08.00-18.00&nbsp;น.(หยุดวันพุธและวันเสาร์)&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;7&nbsp;-&nbsp;27&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">2.&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ร้านน้องทิพย์ค้าหมู&nbsp;ตำบลเขากอบ&nbsp;อำเภอห้วยยอด&nbsp;เวลาจำหน่าย&nbsp;05.00-12.00&nbsp;น.&nbsp;(หยุดทุกวันพระ)&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;7&nbsp;-&nbsp;23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">3.&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ร้านบ้านหมูทวงตังค์(ร้านหมูน้องบุ๋ม)&nbsp;อำเภอสิเกา&nbsp;เวลาจำหน่าย&nbsp;06.30-12.00&nbsp;น.&nbsp;(หยุดทุกวันพระ)&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;7&nbsp;-&nbsp;23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">4.&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ร้านหมูสดแยกวัดตัน&nbsp;ถนนท่ากลาง&nbsp;อำเภอเมืองตรัง&nbsp;เวลาจำหน่าย&nbsp;05.00-12.00&nbsp;น.(หยุดทุกวันพระ)&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;7&nbsp;-&nbsp;23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">5.&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ร้านน้องดิว&nbsp;หน้าสวนสาธารณะนาหมื่นราษฎร์&nbsp;ตำบลโคกหล่อ&nbsp;อำเภอเมืองตรัง&nbsp;เวลาจำหน่าย&nbsp;06.00&nbsp;-&nbsp;12.00&nbsp;น.&nbsp;(หยุดทุกวันพระ)&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;7&nbsp;-&nbsp;23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">6.&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ร้านเจี๊ยบหมูสด&nbsp;ตำบลนาตาล่วง&nbsp;อำเภอเมืองตรัง&nbsp;เวลาจำหน่าย&nbsp;06.00-11.00&nbsp;น.(หยุดทุกวันพระ)&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;7&nbsp;-&nbsp;23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">&nbsp;</p>6/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106185627227 นายก อบต.กมลา อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต แถลงนโยบายต่อสภาองค์การบริหารส่วนตำบลกมลา หลังได้รับการรับรองผลการเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลกมลายึดหลัก “ฟื้นฟูเศรษฐกิจ เปิดแหล่งท่องเที่ยว ควบคู่การพัฒนาและรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน มุ่งสู่เมือง Smart City”<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นายจุฑา&nbsp;ดุมลักษณ์&nbsp;นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกมลา&nbsp;แถลงนโยบายต่อที่ประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลกมลา</strong>&nbsp;หลังได้รับการรับรองผลการเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลกมลา&nbsp;โดย&nbsp;นายจุฑา&nbsp;ดุมลักษณ์&nbsp;นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกมลา&nbsp;ยึดหลัก&nbsp;“ฟื้นฟูเศรษฐกิจ&nbsp;เปิดแหล่งท่องเที่ยว&nbsp;ควบคู่การพัฒนาและรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน&nbsp;มุ่งสู่เมือง&nbsp;Smart&nbsp;City”&nbsp;เพื่อการพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบลกมลา&nbsp;ให้เป็นไปตามแนวทางของนโยบายที่ได้ประกาศไว้ต่อประชาชน&nbsp;เมื่อคราวหาเสียงขอรับการสนับสนุนเพื่อดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลกมลา&nbsp;ซึ่งได้กำหนดแนวนโยบายการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น&nbsp;ขององค์การบริหารส่วนตำบลกมลา&nbsp;ยึดหลักประโยชน์สูงสุดของประชาชน&nbsp;และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน&nbsp;และการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี&nbsp;ตามหลักธรรมาภิบาล&nbsp;โดยเน้นหลักการพัฒนา&nbsp;4&nbsp;ด้าน&nbsp;ประกอบด้วย</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>การพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว</strong>&nbsp;ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนให้เกิดการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว&nbsp;เศรษฐกิจ&nbsp;ขององค์การบริหารส่วนตำบลกมลา&nbsp;ให้ประสบความสำเร็จ&nbsp;เนื่องจากตำบลกมลาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต&nbsp;เน้นพัฒนาเศรษฐกิจในระดับฐานรากให้มีความเข้มแข็ง&nbsp;ส่งเสริมการประกอบอาชีพที่มีมาตรฐาน&nbsp;ส่งเสริมให้ความรู้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์&nbsp;สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักของตลาดสากล&nbsp;พัฒนาการจัดระเบียบพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวและสินค้า&nbsp;บริการ&nbsp;และกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการจัดงาน&nbsp;กิจกรรมการแข่งขันกีฬา&nbsp;และงานวัฒนธรรมประเพณีประจำท้องถิ่นสืบต่อไป&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>การพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน</strong>&nbsp;ถือเป็นการพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกช่วงวัย&nbsp;เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีถ้วนหน้า&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา&nbsp;ด้านร่างกาย&nbsp;ด้านจิตใจ&nbsp;ด้านสังคม&nbsp;ด้านศาสนา&nbsp;ด้วยการผลักดันให้มีการจัดตั้งศูนย์ฝึกทักษะกีฬาและสาธารณสุขพื้นฐานที่ทุกคนต้องเข้าถึง&nbsp;รวมถึงการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส&nbsp;และส่งเสริมการทำความดี&nbsp;โดยนำหลักการดำเนินการพัฒนาและส่งเสริม&nbsp;คุณภาพชีวิตของประชาชนทุกช่วงวัย&nbsp;เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี&nbsp;ทั้งด้านร่างกาย&nbsp;จิตใจและสังคม&nbsp;อย่างยั่งยืน&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม</strong>&nbsp;เน้นการพัฒนาปรับภูมิทัศน์ภายในตำบลกมลา&nbsp;ให้มีความสวยงามเติมเต็มความปลอดภัยของประชาชน&nbsp;จัดระเบียบเพื่อรองรับการเข้ามาของนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี&nbsp;และจะอนุรักษ์ไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม&nbsp;ให้มีความสมบูรณ์อย่างยั่งยืนสู่รุ่นต่อรุ่นสืบไป&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>และ&nbsp;การพัฒนาเมือง&nbsp;เป็นเมือง&nbsp;Smart&nbsp;City&nbsp;</strong>ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการใช้ชีวิตของประชาชนให้มีคุณภาพมากขึ้น&nbsp;ให้เป็นเมืองแห่งอนาคตอย่างยั่งยืน&nbsp;จากความคิดในการพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบลกมลาที่ต้องเป็นหนึ่งในทุกๆด้าน&nbsp;พร้อมการพัฒนาระบบการสื่อสาร&nbsp;5g&nbsp;ของตำบล&nbsp;ผลักดันการจัดตั้งศูนย์ข้อมูล&nbsp;Big&nbsp;Data&nbsp;เพื่อรองรับการบริหารงานที่ทันสมัย&nbsp;สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวตำบลกมลา&nbsp;อยู่ดี&nbsp;กินดี&nbsp;มีสุข&nbsp;อย่างยั่งยืน</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>6/1/2022ภาคใต้ภูเก็ตสวท.ภูเก็ตhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106203020250 นายอำเภอเบตง เผยสนามบินเบตง เมื่อเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการจะสร้างรายได้สู่เบตงและจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เป็นอย่างมาก ขณะที่ประเด็นดราม่าในสื่อโซเชียลเกี่ยวกับสนามบินเบตง ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่รวมถึงนักท่องเที่ยวที่รอใช้บริการสนามบินเบตง<p><strong>นายอำเภอเบตง&nbsp;เผยสนามบินเบตง&nbsp;เมื่อเปิดให้บริการ</strong>อย่างเป็นทางการจะสร้างรายได้สู่เบตงและจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เป็นอย่างมาก&nbsp;ขณะที่ประเด็นดราม่าในสื่อโซเชียลเกี่ยวกับสนามบินเบตง&nbsp;ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่รวมถึงนักท่องเที่ยวที่รอใช้บริการสนามบินเบตง</p><p><strong>วันนี้&nbsp;(6&nbsp;ม.ค.65&nbsp;)&nbsp;จากกรณีที่มีผู้ใช้สื่อโซเชียลรายหนึ่ง</strong>&nbsp;โพสแสดงความคิดเห็นส่วนตัวลงสื่อสังคมออนไลน์ของตัวเอง&nbsp;เกี่ยวกับท่าอากาศยานเบตง&nbsp;โดยโพสข้อมูลที่บิดเบือนจากความเป็นจริง&nbsp;เกี่ยวกับการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตงว่ามีข้อติดขัดไม่สามารถเปิดให้บริการได้&nbsp;และกลายเป็นเพียงแค่แหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของ&nbsp;อ.เบตง&nbsp;เท่านั้น&nbsp;ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารย์&nbsp;และแสดงความคิดเห็นทั้งแง่บวกและลบ&nbsp;ต่อการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตงซึ่งเป็นโครงการภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล&nbsp;</p><p><strong>โดยกรมท่าอากาศยานได้ออกมาชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้อง</strong>ในทุกประเด็นที่มีการถกเถียงบนสื่อโซเชียล&nbsp;ทั้งเรื่องของวัตถุประสงค์หลักที่ก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง&nbsp;เพื่อการแก้ไขปัญหาการคมนาคมในพื้นที่ที่มีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชันไม่สะดวกต่อการเดินทาง&nbsp;และเป็นเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจความมั่นคงในพื้นที่&nbsp;3&nbsp;จังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;ก่อนดำเนินโครงการมีการศึกษาความเป็นไปได้&nbsp;วิเคราะห์ข้อมูลทางกายภาพและทางเศรษฐศาสตร์&nbsp;ความเป็นไปได้ของการก่อสร้างรวมถึงเส้นทางการบิน&nbsp;</p><p><strong>ส่วนการขึ้นลงของอากาศยาน&nbsp;จะอยู่ในน่านฟ้าของประเทศไทยเท่านั้น</strong>&nbsp;ไม่ล้ำเข้าไปในน่านฟ้าฝั่งมาเลเซีย&nbsp;ขณะนี้มีสายการบินขออนุญาตทำการบินไว้&nbsp;2&nbsp;เส้นทาง&nbsp;คือ&nbsp;หาดใหญ่-เบตง-หาดใหญ่&nbsp;และ&nbsp;ดอนเมือง-เบตง-ดอนเมือง&nbsp;และปัจจุบันแม้จะยังไม่สามารถเปิดเที่ยวบินพาณิชย์ได้&nbsp;แต่ท่าอากาศยานเบตง&nbsp;มีเที่ยวบินของทางราชการ&nbsp;และเที่ยวบินส่วนบุคคล&nbsp;ที่ใช้บริการท่าอากาศยานเบตง&nbsp;และทำการบินมาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ขณะที่ในประเด็นของการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานนั้น&nbsp;กรมท่าอากาศยานได้มีการหารือแนวทางร่วมกันกับ&nbsp;บริษัท&nbsp;ปตท.&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)&nbsp;มีการวางแผนการลงทุนและแนวทางในการให้บริการในอนาคตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว&nbsp;</p><p><strong>ด้านนายเอก&nbsp;ยังอภัย&nbsp;ณ&nbsp;สงขลา&nbsp;นายอำเภอเบตง&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;หลังจากมีกระแสข่าวในประเด็นดังกล่าว&nbsp;ทางกรมท่าอากาศยานและสนามบินเบตงได้ออกมาชี้แจงให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงแล้ว&nbsp;และเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างพื้นที่&nbsp;ที่รอใช้บริการสนามบินเบตงแต่อย่างใด&nbsp;แม้จะยังไม่มีการเปิดบินโดยสายการบินพาณิชย์&nbsp;แต่ชาวเบตงทั้งผู้ประกอบธุรกิจ&nbsp;แหล่งท่องเที่ยว&nbsp;โรงแรม&nbsp;ที่พัก&nbsp;และร้านค้าร้านอาหารในพื้นที่ก็เตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว&nbsp;เมื่อสนามบินเบตงเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร&nbsp;ตอนนี้ที่ยังไม่สามารถเปิดบินได้ส่วนหนึ่งก็ด้วยสถานการณ์โควิด-19&nbsp;ที่ยังคงต้องเฝ้าระวังอยู่&nbsp;</p><p><strong>นายอำเภอเบตง&nbsp;ยังกล่าวด้วยว่า&nbsp;การก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง</strong>มีความสำคัญกับเภอเบตงอย่างยิ่งโดยเฉพาะด้านการเดินทางมาท่องเที่ยวเพราะจะช่วยในเรื่องของการย่นระยะเวลาในการเดินทาง&nbsp;สามารถเชื่อมโยงการเดินทางสู่เส้นทางท่องเที่ยวต่างๆในประเทศไทย&nbsp;และยังมีประโยชน์ต่อภาคธุรกิจการเกษตรโดยเฉพาะการขนส่งผลไม้&nbsp;ทั้งทุเรียน&nbsp;มังคุด&nbsp;ส้มโชกุน&nbsp;สินค้าเกษตรคุณภาพดีของอำเภอเบตงที่จะสามารถส่งถึงมือผู้บริโภคได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น&nbsp;การเกิดขึ้นของสนามบินเบตงจะส่งผลดีต่อประชาชนชาวเบตงและจังหวัดชายแดนภาคใต้ในแง่ของการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและรายได้สู่ภาคการเกษตรได้เป็นอย่างดี&nbsp;</p><p><strong>สำหรับท่าอากาศยานเบตง&nbsp;เป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล</strong>ภายใต้โครงการเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง&nbsp;มั่งคั่ง&nbsp;ยั่งยืน&nbsp;เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจความมั่นคงในพื้นที่&nbsp;3&nbsp;จังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;เริ่มก่อสร้างเมื่อปี&nbsp;2560&nbsp;แล้วเสร็จในปี&nbsp;2562&nbsp;สามารถรองรับผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วนได้ประมาณ&nbsp;300&nbsp;คนต่อชั่วโมง&nbsp;รองรับผู้โดยสารได้&nbsp;876,000&nbsp;คนต่อปี&nbsp;มีขนาดความยาวทางวิ่ง&nbsp;หรือ&nbsp;รันเวย์&nbsp;1,800&nbsp;เมตร&nbsp;สามารถรองรับได้เฉพาะอากาศยานขนาดเล็ก&nbsp;เช่น&nbsp;เครื่องบินแบบใบพัด&nbsp;ATR&nbsp;และขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา&nbsp;เพื่อขยายความยาวรันเวย์เพิ่มเป็น&nbsp;2,500&nbsp;เมตร&nbsp;เพื่อให้สามารถรองรับอากาศยานขนาด&nbsp;180&nbsp;ที่นั่ง&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>6/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.เบตง จ.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106221557269 นายกรัฐมนตรี ห่วงราคาหมูแพงกระทบค่าครองชีพประชาชน สั่ง"พาณิชย์-เกษตรฯ" เร่งแก้ปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว<p><strong><u>มาตรการ&nbsp;3&nbsp;ระยะ&nbsp;"แก้หมูแพง"</u></strong></p><p>1.ระยะเร่งด่วน</p><p>-ห้ามส่งออกหมูมีชีวิต&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;เริ่ม&nbsp;6&nbsp;ม.ค.-&nbsp;5&nbsp;เม.ย.&nbsp;65</p><p>-ช่วยเหลือราคาอาหารสัตว์&nbsp;จัดสินเชื่อพิเศษเพื่อให้เกษตรกรได้กลับมาเลี้ยงใหม่&nbsp;ตรีงราคาจำหน่ายที่เหมาะสมสอดคล้องต้นทุนที่เกิดขึ้น</p><p>-เร่งสำรวจภาพรวมการผลิตสุกรเพื่อกำหนดพื้นที่เป้าหมาย</p><p>และมาตรการ&nbsp;พร้อมเพิ่มกำลังการพลิตแม่สุกรทดแทน</p><p>2.ระยะสั้น</p><p>-ส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์&nbsp;เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ</p><p>-ขยายกำลังผลิตแม่สุกร</p><p>-เร่งศึกษาวิจัยยา&nbsp;และสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อลดความ</p><p>สูญเสียจากโรคระบาด</p><p>3.ระยะยาว</p><p>-พลักดันยกระดับมาตรฐานฟาร์มเกษตรกร&nbsp;เพื่อป้องกัน</p><p>โรคระบาด</p><p>-ส่งเสริมให้ปรับปรุงเป็นฟาร์มมีระบบการป้องกันโรค</p><p>และมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่ามาตรฐานฟาร์ม&nbsp;GAP&nbsp;เพื่อเพิ่มปริมาณ</p><p>การผลิตหมูให้เพียงพอต่อความต้องการบริโภค</p><p>-จัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กู้ยืมจาก&nbsp;ร.ก.ส.&nbsp;โครงการสานฟันสร้างอาชีพ</p><p>นายกรัฐมนตรีห่วงราคาหมูแพงกระทบค่าครองชีพประชาชน</p><p>สั่ง"พาณิชย์-เกษตรฯ"เร่งแก้ปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>Cr<a&nbsp;href="https://www.facebook.com/hashtag/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%87?__eep__=6&amp;__cft__[0]=AZU_JOwyjwRKAR_mbrc1DZ0JtD_vWxx3lTYmz_SmiMDP3CWJYfrFTS1l039GZ1ycpwV7ZhCwZvHGAfq6UkULgA1qhlIjFIugyr5436JJIAAeJsZ0aHBI57vd77nyY6d0fbaCucSqZ655fZIsoMtIRGB1&amp;__tn__=*NK-R"&nbsp;rel="noopener&nbsp;noreferrer"&nbsp;target="_blank"&nbsp;style="color:&nbsp;var(--accent);&nbsp;background-color:&nbsp;transparent;">#แก้ปัญหาหมูแพง</a>&nbsp;&nbsp;<a&nbsp;href="https://www.facebook.com/hashtag/pmoc?__eep__=6&amp;__cft__[0]=AZU_JOwyjwRKAR_mbrc1DZ0JtD_vWxx3lTYmz_SmiMDP3CWJYfrFTS1l039GZ1ycpwV7ZhCwZvHGAfq6UkULgA1qhlIjFIugyr5436JJIAAeJsZ0aHBI57vd77nyY6d0fbaCucSqZ655fZIsoMtIRGB1&amp;__tn__=*NK-R"&nbsp;rel="noopener&nbsp;noreferrer"&nbsp;target="_blank"&nbsp;style="color:&nbsp;var(--accent);&nbsp;background-color:&nbsp;transparent;">#PMOC</a></p><p><a&nbsp;href="https://www.facebook.com/hashtag/%E0%B8%A8%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5?__eep__=6&amp;__cft__[0]=AZU_JOwyjwRKAR_mbrc1DZ0JtD_vWxx3lTYmz_SmiMDP3CWJYfrFTS1l039GZ1ycpwV7ZhCwZvHGAfq6UkULgA1qhlIjFIugyr5436JJIAAeJsZ0aHBI57vd77nyY6d0fbaCucSqZ655fZIsoMtIRGB1&amp;__tn__=*NK-R"&nbsp;rel="noopener&nbsp;noreferrer"&nbsp;target="_blank"&nbsp;style="color:&nbsp;var(--accent);&nbsp;background-color:&nbsp;transparent;">#ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี</a></p><p><strong><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>6/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106223528277 จัดโครงการฝึกอบรมเศรษฐกิจการเงินขั้นพื้นฐานแก่สมาชิกสหกรณ์ หลักสูตร "เศรษฐกิจการเงินขั้นพื้นฐานสำหรับสมาชิกสหกรณ์" สหกรณ์ส่งเสริมเกษตรกรพนา จำกัด อำเภอพนา จังหวัดอำนาจเจริญ<p><strong>วันนี้&nbsp;(6&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์อำนาจเจริญ&nbsp;</strong>นำโดยนายไมตรี&nbsp;สายจันดา&nbsp;หัวหน้าสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์อำนาจเจริญ&nbsp;พร้อมด้วยบุคลากรสายสอบบัญชีที่&nbsp;1&nbsp;จัดโครงการฝึกอบรมเศรษฐกิจการเงินขั้นพื้นฐานแก่สมาชิกสหกรณ์&nbsp;หลักสูตร&nbsp;"เศรษฐกิจการเงินขั้นพื้นฐานสำหรับสมาชิกสหกรณ์"&nbsp;เพื่อให้สมาชิกสหกรณ์ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ความเข้าใจในหลักการ&nbsp;อุดมการณ์และวิธีการสหกรณ์&nbsp;</p><p><strong>รวมถึงตระหนักในบทบาทหน้าที่ของสมาชิกสหกรณ์</strong>ในการมีส่วนร่วมตรวจสอบการดำเนินการ&nbsp;และการทำธุรกรรมทางการเงินกับสหกรณ์&nbsp;เพื่อนำไปสู่การพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินการของสหกรณ์ให้เกิดความเชื่อมั่นและศรัทธาแก่สมาชิกสหกรณ์ต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>Cr#ตรวจบัญชีสหกรณ์อำนาจเจริญ</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>6/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106223803279 กระบี่เตรียมความพร้อมเปิดพื้นที่แบบ Sandbox เต็มพื้นที่ทั้งจังหวัด<p><strong>วันที่&nbsp;6&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;13.30&nbsp;น.&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมราชสีห์&nbsp;ชั้น&nbsp;4&nbsp;</strong>ศาลากลางจังหวัดกระบี่&nbsp;ผมมอบหมายให้ท่านรองสมชาย&nbsp;หาญภักดีปฏิมา&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่&nbsp;เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการเปิดพื้นที่&nbsp;Sandbox&nbsp;เต็มพื้นที่ทั้งจังหวัด&nbsp;โดยที่ประชุมได้มีการพูดคุยหารือแนวทางการเตรียมความพร้อมในหลายประเด็น&nbsp;อาทิ&nbsp;การกำหนดจุดตั้งด่าน&nbsp;การจัดทำมาตรการที่จะดำเนินการตามรูปแบบ&nbsp;Sandbox&nbsp;</p><p>ซึ่ง&nbsp;ศบค.จะมีการประชุมพิจารณาอนุมัติให้จังหวัดกระบี่ของเราเป็นพื้นที่&nbsp;Sandbox&nbsp;ในวันที่&nbsp;7&nbsp;ม.ค.65&nbsp;หากได้รับการเห็นชอบ&nbsp;จะทำให้จังหวัดกระบี่สามารถรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและหรือชาวไทยที่จะเดินทางกลับจากต่างประเทศ&nbsp;โดยผ่านทางสนามบินนานาชาติจังหวัดกระบี่ได้เลยเพราะมีไฟล์บินตรงจากต่างประเทศ&nbsp;อาทิ&nbsp;ฟินแลนด์&nbsp;นอร์เวย์&nbsp;&nbsp;สิงคโปร์&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;การเปิดพื้นที่แบบ&nbsp;Sandbox&nbsp;มีมาตรการป้องกันโควิดที่เข้มข้น</strong>&nbsp;อาทิ&nbsp;</p><p>1)นักท่องเที่ยวจะต้องมีการประสานรถ&nbsp;transfer&nbsp;(airport&nbsp;transfer)&nbsp;&nbsp;sha&nbsp;plus&nbsp;&nbsp;เพื่อเดินทางเข้าสู่โรงแรมในรูปแบบปิดผนึก&nbsp;</p><p>2)นักท่องเที่ยวต้องแสดงเอกสาร&nbsp;ยืนยัน&nbsp;pre-paid&nbsp;Rt-PCR&nbsp;2&nbsp;ครั้ง&nbsp;</p><p>3)นักท่องเที่ยวต้องมีประกันเดินทางที่ครอบคลุม&nbsp;covid-19&nbsp;วงเงิน&nbsp;อย่างน้อย&nbsp;50,000&nbsp;usd&nbsp;</p><p>4)นักท่องเที่ยวต้องแสดงเอกสารผลตรวจไม่พบเชื้อ&nbsp;covid-19&nbsp;โดย&nbsp;Rt-PCR&nbsp;ก่อนเดินทาง&nbsp;72&nbsp;ชม.&nbsp;เป็นต้น&nbsp;</p><p><strong>จึงมั่นใจได้ว่าการเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวแบบ&nbsp;Sandbox&nbsp;ในครั้งนี้</strong>จะเป็นส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันภัยจากโควิด-19&nbsp;มาเป็นลำดับแรก&nbsp;ตามนโยบายของจังหวัดที่ว่า&nbsp;"&nbsp;โควิดต้องป้องกัน&nbsp;เศรษฐกิจต้องเดินหน้า&nbsp;คนเปราะบางต้องเร่งช่วยเหลือ"</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>6/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106222808273 องคมนตรี เปิดงาน “เทศกาลสินค้าโครงการหลวง : ดอกไม้กินได้”<p><strong>วันนี้&nbsp;(6&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;เวลา&nbsp;14.00&nbsp;น.&nbsp;ที่&nbsp;Grand&nbsp;Hall&nbsp;ชั้น&nbsp;1&nbsp;เดอะมอลล์&nbsp;โคราช</strong>&nbsp;พลเอก&nbsp;กัมปนาท&nbsp;รุดดิษฐ์&nbsp;องคมนตรี&nbsp;เป็นประธานเปิดงาน&nbsp;“เทศกาลสินค้าโครงการหลวง&nbsp;:&nbsp;ดอกไม้กินได้”&nbsp;โดย&nbsp;พลโท&nbsp;สวราชย์&nbsp;แสงผล&nbsp;แม่ทัพภาคที่&nbsp;2&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายวิเชียร&nbsp;จันทรโณทัย&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา&nbsp;นางณัฏฐินีภรณ์&nbsp;จันทรโณทัย&nbsp;นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา&nbsp;พลตำรวจตรี&nbsp;พรมณัฏฐเขต&nbsp;ฮามคำไพ&nbsp;รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค&nbsp;3&nbsp;คุณพัชรินทร์&nbsp;เก่งกาจ&nbsp;หัวหน้าฝ่ายผลิตผลและผลิตภัณฑ์แปรรูป&nbsp;มูลนิธิโครงการหลวง&nbsp;คุณศุภวุฒิ&nbsp;ไชยประสิทธิ์กุล&nbsp;ผู้อำนวยการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต&nbsp;บริษัท&nbsp;เดอะมอลล์&nbsp;กรุ๊ป&nbsp;จำกัด&nbsp;คุณพลอยชมพู&nbsp;อัมพุช&nbsp;ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต&nbsp;บริษัท&nbsp;เดอะมอลล์&nbsp;กรุ๊ป&nbsp;จำกัด&nbsp;และ&nbsp;คุณชินาพัฒน์&nbsp;พิมพ์ศรีแก้ว&nbsp;ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ&nbsp;บริษัท&nbsp;เดอะมอลล์ราชสีมา&nbsp;จำกัด&nbsp;ให้การต้อนรับ</p><p><strong>สำหรับงาน&nbsp;“เทศกาลสินค้าโครงการหลวง”&nbsp;ภายในคอนเซ็บท์&nbsp;“ดอกไม้กินได้”&nbsp;</strong>พร้อมจำลองบรรยากาศและกลิ่นอายการตกแต่งที่สวยงามเหมือนยกกาดดอยมาได้ม่วนอกม่วนใจ๋&nbsp;โดยภายในงานรวบรวมสินค้าและผลิตภัณฑ์คุณภาพจากโครงการหลวงทั้ง&nbsp;ผัก-ผลไม้&nbsp;ผลิตภัณฑ์แปรรูปมากมาย&nbsp;กว่า&nbsp;150&nbsp;รายการ&nbsp;อาทิ&nbsp;ผักเคล&nbsp;และผักสดหลากหลายชนิด,&nbsp;สตรอเบอร์รี่,&nbsp;เคปกูสเบอร์รี่,&nbsp;เสาวรส,&nbsp;ฟักทองญี่ปุ่น,&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มะเขือเทศเชอรี่,&nbsp;ปลาเรนโบว์เทร้าต์,&nbsp;ขนมปังมันเทศญี่ปุ่น&nbsp;มินิ,&nbsp;ไข่ไก่อินทรีย์โครงการหลวง&nbsp;&nbsp;ที่เลี้ยงแบบปล่อยธรรมชาติไม่ใช้ฮอร์โมนไม่ใช้สารเร่ง,&nbsp;กาแฟดริปโครงการหลวง&nbsp;กาแฟ&nbsp;100%&nbsp;อะราบิก้า&nbsp;จากแหล่งปลูกแม่ลาน้อย&nbsp;ที่มีสภาพอากาศเหมาะสม&nbsp;ปลูกภายใต้ร่มไม้ใหญ่&nbsp;และสภาพหุบเขาที่โอบล้อม&nbsp;ทำให้ได้เมล็ดกาแฟคุณภาพ&nbsp;มีให้เลือก&nbsp;2&nbsp;แบบ&nbsp;คือ&nbsp;คั่วกลาง&nbsp;กับ&nbsp;คั่วเข้ม,&nbsp;เนยแข็งเฟต้า&nbsp;ผลิตจากนมควายผสมนมแพะ&nbsp;นิยมรับประทานกับสลัด&nbsp;บีบให้เนื้อร่วนโรยหน้าสลัด&nbsp;โรยหน้าพิซซ่า&nbsp;หรือทานกับผลไม้,&nbsp;ผักเคลผง&nbsp;สินค้าใหม่ที่คุณค่าทางโภชนาสูง&nbsp;อัดแน่นไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุเป็นราชินีแห่งผักใบเขียว&nbsp;ฯลฯ&nbsp;พร้อมพบกับไฮไลท์&nbsp;“ดอกไม้กินได้”&nbsp;อาทิ&nbsp;ดอกเนสเตอร์เตียม&nbsp;(Nasturtium)&nbsp;มีสีขาว&nbsp;ครีม&nbsp;ชมพู&nbsp;เหลือง&nbsp;ส้ม&nbsp;และแดง&nbsp;มีกลิ่นหอม&nbsp;ใบมีรสเผ็ด&nbsp;จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า&nbsp;Indian&nbsp;Cress&nbsp;ดอกและใบนิยมมารับประทาน&nbsp;เป็นผักสดมีรสเผ็ดและให้กลิ่นหอมคล้ายกับวอเตอร์เครส&nbsp;นิยมใส่ในสลัดเพื่อเพิ่มสีสันและรสชาติ&nbsp;ดอกกุหลาบ&nbsp;(Rose)&nbsp;มีหลากหลายสีสัน&nbsp;เช่น&nbsp;แดง&nbsp;ขาว&nbsp;เหลือง&nbsp;ชมพู&nbsp;ฯลฯ&nbsp;มีสรรพคุณช่วยลดกลิ่นตัว&nbsp;ขับเหงื่อ&nbsp;ขับสารพิษ&nbsp;ช่วยบำรุงหัวใจ&nbsp;และเป็นยาระบายอ่อน&nbsp;ๆ&nbsp;กลีบบางชนิดนำมาทำเป็น&nbsp;“ชาดอกกุหลาบ”&nbsp;บางชนิดนำมาทำเป็นอาหาร&nbsp;เช่น&nbsp;นำไปยำกับเนื้อสัตว์&nbsp;ชุบแป้งทอด&nbsp;ใส่ในไข่เจียว&nbsp;หรือจะทำเป็นสลัดได้เช่นกัน,&nbsp;ดอกบีโกเนีย&nbsp;(Begonia)&nbsp;ตัวดอกมีความกรอบชุ่มฉ่ำเหมือนผักสลัดสด&nbsp;ๆ&nbsp;มีรสชาติเปรี้ยว&nbsp;เหมือนยอดมะขามอ่อน&nbsp;เหมาะสำหรับอาหารทุกประเภทที่ต้องการตัดรสเลี่ยน&nbsp;หรือแม้กระทั่งทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อเติมความสดชื่นระหว่างวัน&nbsp;มีสรรพคุณช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร</p><p><strong>พร้อมกันนี้เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสและลิ้มลองความอร่อยของวัตถุดิบคุณภาพจากโครงการหลวง&nbsp;กูร์เมต์&nbsp;มาร์เก็ต&nbsp;</strong>ได้รังสรรค์&nbsp;4&nbsp;เมนูสุดพิเศษ&nbsp;โดยเชฟ&nbsp;You&nbsp;Hunt&nbsp;We&nbsp;Cook&nbsp;ซึ่งมีจำหน่ายเฉพาะงานเท่านั้น&nbsp;ได้แก่&nbsp;สลัดโรลผักเคลกับดอกไม้โครงการหลวง&nbsp;(Salad&nbsp;Roll&nbsp;with&nbsp;kale&nbsp;Flower)&nbsp;ราคา&nbsp;90&nbsp;บาท,&nbsp;ผักเคลเบคอนอบครีมชีส&nbsp;(Bake&nbsp;kale&nbsp;&amp;&nbsp;bacon&nbsp;cream&nbsp;cheese)&nbsp;ราคา&nbsp;150&nbsp;บาท,&nbsp;ปลาเรนโบว์เทราต์&nbsp;ย่างกับซัลซ่ามะเขือเทศโครงการหลวง&nbsp;(Grilled&nbsp;Trout&nbsp;decorations&nbsp;with&nbsp;Cherry&nbsp;Tomato&nbsp;Salsa)&nbsp;ราคา&nbsp;250&nbsp;บาท,&nbsp;ปลาเรนโบว์เทราต์&nbsp;ย่างซอสสมุนไพรกับข้าวโครงการหลวง&nbsp;(Grilled&nbsp;Trout&nbsp;with&nbsp;Thai&nbsp;Herb&nbsp;and&nbsp;Rice)&nbsp;ราคา&nbsp;250&nbsp;บาท&nbsp;และนอกจากนี้ภายในงานยังได้คัดสรรอาหารเหนือ&nbsp;แบบพื้นเมืองแท้&nbsp;ๆ&nbsp;และยังใช้วัตถุดิบจากโครงการหลวงในการปรุงเมนูมาให้ได้เลือกลิ้มลองความอร่อยมากมาย&nbsp;อาทิ&nbsp;ข้าวเหนียวงาดำ&nbsp;มีส่วนผสมพิเศษในส่วนของข้าวเหนียวธัญญะพืชที่ได้ใช้&nbsp;งาดำ&nbsp;&nbsp;และงาหอม&nbsp;ผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวงมาเป็นส่วนผสมซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์,&nbsp;ข้าวซอยปลาเทร้าต์ทอด&nbsp;อาหารขึ้นชื่อของชาวเหนือ&nbsp;ใช้ปลาเทร้าต์จากโครงการหลวง&nbsp;ทอดในน้ำมันร้อน&nbsp;ๆ&nbsp;จนเหลืองกรอบ&nbsp;ทานพร้อมเส้นและราดน้ำแกงข้าวซอย&nbsp;เพิ่มความอร่อยด้วยเครื่องเคียงต่าง&nbsp;ๆ,&nbsp;ผัดไทไข่ไก่โครงการหลวง&nbsp;เมนูอาหารจานเด็ดซึ่งทางร้านได้นำไข่ไก่โครงการหลวงที่ปล่อยตามธรรมชาติ&nbsp;ไก่ไม่เครียด&nbsp;ไม่ใช้ฮอร์โมนเร่งไม่ใช้สารเร่งสีไข่แดง&nbsp;เลี้ยงด้วยผลผลิตอินทรีย์&nbsp;ซึ่งไข่ไก่อินทรีย์จะปลอดจากสารพิษ,&nbsp;น้ำพริกหนุ่ม&nbsp;พร้อมผักเครื่องเคียงโครงการหลวง&nbsp;อาหารพื้นบ้านล้านนาที่รู้จักกันทั่วไป&nbsp;ทำจากพริกชนิดหนึ่งที่เรียกว่าพริกหนุ่มอาจจะใช้พริกหนุ่มที่แก่จัดหรือยังไม่แก่จัดก็ได้&nbsp;โขลกส่วนผสม&nbsp;หอม&nbsp;และกระเทียม&nbsp;ที่มาย่างและรับประทาน&nbsp;กับผักโครงการหลวงสดจากดอยโดยตรง&nbsp;ซึ่งเป็นผักปลอดภัย&nbsp;และมีให้เลือกหลายหลายชนิด,&nbsp;กะลอจี้&nbsp;ขนมกะลอจี๊เป็นขนมแป้งเหนียว&nbsp;ๆ&nbsp;สัญชาติจีน&nbsp;นำไปต้มจนสุก&nbsp;เวลาจะกินก็นำไปคลุกกับน้ำตาลทรายผสมงาขาวงาดำ&nbsp;จากโครงการหลวง&nbsp;ใส่ถั่วเพิ่มกะลอจี๊กรอบนอกนุ่มใน&nbsp;หอมงาและถั่ว&nbsp;ไปกินเล่นยามว่าง,&nbsp;ขนมตะโก้&nbsp;ตะโก้กะทิสดมีให้เลือกกว่า&nbsp;16&nbsp;ไส้&nbsp;โดยมีเมนูแนะนำคือไส้&nbsp;ข้าวโพด,&nbsp;ฟักทอง,&nbsp;ถั่วแดง&nbsp;ที่สด&nbsp;ใหม่&nbsp;จากโครงการหลวง&nbsp;บอกเลยว่าถ้ากินหมดนี่เบาหวานรับประทานแน่นอน,น้ำอะโวคาโดปั่น&nbsp;ได้คัดสรร&nbsp;ผลอะโวคาโด&nbsp;สดจากทีมโครงการหลวง&nbsp;มาทำน้ำอะโวคาโดปั่น&nbsp;ซึ่งเป็นผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพอย่างมาก&nbsp;เพราะมีทั้งวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายกว่า&nbsp;20&nbsp;ชนิด&nbsp;และมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก&nbsp;ซึ่งประโยชน์ของอะโวคาโดนั้นมีหลากหลายด้าน&nbsp;เช่น&nbsp;บำรุงสมอง&nbsp;บำรุงดวงตา&nbsp;ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง&nbsp;ไปจนถึงประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;และอีกหลากหลายเมนูให้เลือกลิ้มลองความอร่อย&nbsp;จึงขอเชิญผู้สนใจร่วมสนับสนุนผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวง&nbsp;และลิ้มลองความอร่อยกับหลากหลายเมนูได้&nbsp;ในงาน&nbsp;“เทศกาลสินค้าโครงการหลวง:&nbsp;ดอกไม้กินได้”&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;5&nbsp;-&nbsp;12&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;ที่&nbsp;Grand&nbsp;Hall&nbsp;ชั้น&nbsp;1&nbsp;เดอะมอลล์&nbsp;โคราช</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p>6/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครราชสีมาสวท.นครราชสีมาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220106232005291 ศอ.บต. จัดตั้งคณะกรรมการวิ่งเทรล ขับเคลื่อนกิจกรรม Amazean Jungle Trail ยกระดับการท่องเที่ยวเมืองเบตง ยะลา ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ กำหนดวิ่ง 7-8 พ.ค. 65<p><strong>ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;(ศอ.บต.)</strong>&nbsp;แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการยกระดับการพัฒนาพื้นที่เมืองเบตง&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;Amazean&nbsp;&nbsp;Jungle&nbsp;Trail&nbsp;ตามมติคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;(กพต.)&nbsp;ซึ่งมีพลเอก&nbsp;ประวิตร&nbsp;วงษ์สุวรรณ&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;เป็นประธาน&nbsp;โดยมอบหมายให้&nbsp;ศอ.บต.&nbsp;จัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฯ&nbsp;เพื่อกระตุ้นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ&nbsp;สังคมพหุวัฒนธรรม&nbsp;สร้างงาน&nbsp;สร้างรายได้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับพื้นที่&nbsp;ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี&nbsp;และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย&nbsp;ในการเป็นเมืองพัฒนาทั้งสองเมือง&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังมีเป้าหมายสร้างสนามแข่งขันวิ่งเทรลที่มีมาตรฐานระดับโลก</strong>&nbsp;โดยมุ่งหวังให้บรรจุอยู่ใน&nbsp;UTMB&nbsp;World&nbsp;series&nbsp;เป็นสนามที่&nbsp;2&nbsp;ของประเทศ&nbsp;อีกทั้งตั้งเป้าให้เป็นกิจกรรมช่วยในการประชาสัมพันธ์ให้นักวิ่งจากทั่วโลก&nbsp;ได้รู้จักอำเภอเบตง&nbsp;และเดินทางเข้ามาร่วมการแข่งขัน&nbsp;เพื่อเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวเมืองเบตงต่อไป&nbsp;โดยคณะกรรมการโครงการยกระดับการพัฒนาพื้นที่เมืองเบตง&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;Amazean&nbsp;Jungle&nbsp;Trail&nbsp;มีพลเรือตรี&nbsp;สมเกียรติ&nbsp;ผลประยูร&nbsp;เลขาธิการ&nbsp;ศอ.บต.&nbsp;เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการ&nbsp;</p><p><strong>เลขาธิการ&nbsp;ศอ.บต.&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;</strong>มีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความกินดี&nbsp;อยู่ดี&nbsp;และอยู่ร่วมกันได้ในวิถีพหุวัฒนธรรม&nbsp;พร้อมด้วยความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน&nbsp;ศอ.บต.&nbsp;และหน่วยงานความมั่นคงได้เดินหน้าการพัฒนาทุกๆด้าน&nbsp;เร่งพัฒนาให้ประชาชนพ้นเกณฑ์ความยากจนร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและจังหวัด&nbsp;พัฒนาด้านเศรษฐกิจให้มีความเจริญเติบโต&nbsp;ด้านทรัพยากรมนุษย์&nbsp;และด้านการท่องเที่ยว&nbsp;ซึ่งตั้งเป้าให้โครงการ&nbsp;Amazean&nbsp;Jungle&nbsp;Trail&nbsp;สามารถเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นในเมืองเบตง&nbsp;และในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกจังหวัด&nbsp;</p><p><strong>สำหรับกิจกรรมวิ่ง&nbsp;Trail&nbsp;เป็นกิจกรรมที่เป็นเทรนด์ของคนรุ่นใหม่</strong>&nbsp;โดยรัฐบาล&nbsp;นำโดยพลเอกประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรี&nbsp;ได้หนุนเสริมให้จัดกิจกรรมพร้อมกำชับให้ดำเนินการอย่างเต็มที่&nbsp;หวังให้เป็นกิจกรรมช่วยยกระดับการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภาคใต้ตอนล่าง&nbsp;ให้เกิดการพัฒนา&nbsp;สร้างภาพลักษณ์ใหม่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;กิจกรรมวิ่งเทรล&nbsp;อ.เบตง&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;จะจัดขึ้นในวันที่&nbsp;7-8&nbsp;พฤษภาคม&nbsp;2565&nbsp;แบ่งเป็น&nbsp;3&nbsp;ระยะ&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ระยะเบตง&nbsp;100&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;ระยะเบตง&nbsp;50&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;และระยะเปรัค&nbsp;ประเทศมาเลเซีย&nbsp;25&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>7/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107072206300 รัฐบาล เร่งแก้ปัญหาเนื้อหมูราคาแพง สั่งห้ามส่งออกชั่วคราว เร่งผลักดันการยกระดับมาตรฐานฟาร์ม<p><strong>นางสาวรัชดา&nbsp;ธนาดิเรก&nbsp;รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี</strong>&nbsp;กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาเนื้อหมูราคาแพง&nbsp;ว่า&nbsp;สาเหตุเกิดจากปริมาณสุกรที่ลดลงและต้นทุนการเลี้ยงปรับสูงขึ้น&nbsp;กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกมาตรการเร่งด่วน&nbsp;ได้แก่&nbsp;การห้ามส่งออกหมูมีชีวิตเป็นเวลา&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;6&nbsp;มกราคม&nbsp;-&nbsp;5&nbsp;เมษายนนี้&nbsp;เพื่อเพิ่มปริมาณเนื้อหมูภายในประเทศ&nbsp;โดยกระทรวงพาณิชย์จะพิจารณาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป&nbsp;</p><p><strong>ส่วนการช่วยเหลือด้านราคาอาหารสัตว์</strong>&nbsp;โดยเฉพาะส่วนที่นำเข้ามาจากต่างประเทศจะมีมาตรการช่วยเหลือ&nbsp;เช่น&nbsp;การงดเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมหรือภาษี&nbsp;การจัดสินเชื่อพิเศษของ&nbsp;ธ.ก.ส.&nbsp;เพื่อให้เกษตรกรที่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขได้กลับมาเลี้ยงใหม่ในพื้นที่ความเสี่ยงต่อโรคระบาดต่ำ&nbsp;ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์&nbsp;เร่งขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยเพื่อช่วยเหลือให้เข้าถึงแหล่งสินเชื่อได้ง่ายและสะดวกรวดเร็ว&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;การแก้ปัญหาเนื้อหมูราคาแพงจะต้องบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนในการร่วมกันแก้ปัญหาทั้งระบบเพื่อให้การแก้ปัญหายั่งยืน</p><p><strong>สำหรับมาตรการระยะยาว&nbsp;กระทรวงเกษตรและสหกรณ์</strong>&nbsp;จะผลักดันการยกระดับมาตรฐานฟาร์มของเกษตรกรเพื่อป้องกันโรคระบาด&nbsp;เพื่อส่งเสริมให้ปรับปรุงเป็นฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสมมีค่าใช้จ่ายต่ำ&nbsp;ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรกลับมาเลี้ยงสุกรใหม่และเพิ่มปริมาณการผลิตหมูให้เพียงพอต่อความต้องการบริโภค</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>7/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107100541338 พาณิชย์แม่ฮ่องสอน หารือผู้แทนร้านภาคเหนือหมูสด จัดจำหน่ายหมูเนื้อแดง 150 บ.กก. บรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ออกมาตรการเร่งด่วน-ระยะสั้น-ระยะยาว<p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;หารือผู้แทนร้านภาคเหนือหมูสด</strong>&nbsp;เพื่อติดตามสถานการณ์การผลิต&nbsp;การตลาดสุกรและแนวทางดำเนินการตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;(นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์)&nbsp;โดยเบื้องต้นได้ดำเนินการจัดจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ราคาต่ำกว่าท้องตลาด&nbsp;20&nbsp;-&nbsp;40%&nbsp;ในราคา&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ภายใต้โครงการพาณิชย์ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;5&nbsp;-&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;5&nbsp;จุดใน&nbsp;4&nbsp;อำเภอ&nbsp;ได้แก่&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;ขุนยวม&nbsp;ปางมะผ้า&nbsp;และปาย&nbsp;เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในจังหวัดแม่ฮ่องสอน</p><p><strong>ขณะที่กระทรวงพาณิชย์&nbsp;และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์</strong>พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมออกมาตรการแก้ปัญหาหมูแพง&nbsp;"เร่งด่วน&nbsp;-&nbsp;ระยะสั้น&nbsp;-&nbsp;ระยะยาว"&nbsp;เชื่อมั่นราคาเนื้อหมูกลับสู่ภาวะปกติ&nbsp;ได้ข้อสรุปดังนี้</p><p>-&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มาตรการเร่งด่วน&nbsp;ได้แก่&nbsp;1.&nbsp;ห้ามส่งออกหมูมีชีวิตเป็นเวลา&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;(6&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;-&nbsp;5&nbsp;เม.ย.&nbsp;65)&nbsp;2.ช่วยเหลือด้านราคาอาหารสัตว์&nbsp;โดยเฉพาะส่วนที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ&nbsp;เช่น&nbsp;งดเว้นการเก็บค่าธรรมเนียม&nbsp;หรือภาษีการจัดสินเชื่อพิเศษของ&nbsp;ธ.ก.ส.&nbsp;เป็นต้น&nbsp;3.&nbsp;เพิ่มกำลังการผลิตแม่หมูทดแทน&nbsp;โดยให้เกษตรกรใช้หมูขุนตัวเมียมาทำพันธุ์ชั่วคราว&nbsp;4.&nbsp;เร่งรัดเจรจาฟาร์มรายใหญ่ให้กระจายพันธุ์ลูกหมูขุนแก่เกษตรกรรายย่อยและเล็ก&nbsp;ที่ต้องการกลับเข้ามาสู่ระบบใหม่</p><p>-&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มาตรการระยะสั้น&nbsp;ได้แก่&nbsp;1.&nbsp;ส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์&nbsp;ทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ&nbsp;2.&nbsp;ขยายกำลังผลิตแม่หมู&nbsp;3.&nbsp;สนับสนุนศูนย์วิจัยและบำรุงสัตว์&nbsp;ในสังกัดกรมปศุสัตว์,&nbsp;เครือข่ายคู่ขนานกับฟาร์มเกษตรกรและภาคเอกชน&nbsp;4.&nbsp;เร่งศึกษาวิจัยยาและสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อลดความสูญเสียจากโรคระบาด</p><p>-&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มาตรการระยะยาว&nbsp;ได้แก่&nbsp;1.ยกระดับมาตรฐานฟาร์มของเกษตรกรเพื่อป้องกันโรคระบาด&nbsp;2.&nbsp;ส่งเสริมให้ปรับปรุงเป็นฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม&nbsp;(GFM)&nbsp;ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่ามาตรฐานฟาร์ม&nbsp;GAP&nbsp;3.&nbsp;สนับสนุนการเลี้ยงโดยมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กู้ยืมจาก&nbsp;ธ.ก.ส.&nbsp;ผ่านโครงการสานฝันสร้างอาชีพ</p><p>โดยเชื่อมั่นว่ามาตรการทั้ง&nbsp;3&nbsp;ระยะที่ได้จากข้อสรุปดังกล่าว&nbsp;จะสามารถทำให้ราคาเนื้อหมูกลับสู่ภาวะปกติได้</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>7/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107081414304 นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ส่วนราชการส่งเสริมช่วยเหลือประชาชนเข้าถึงประโยชน์อย่างเต็มที่จาก "ความตกลง RCEP" ที่มีผลบังคับใช้แล้ว<p><strong>นายกรัฐมนตรี&nbsp;ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;พัฒนา&nbsp;ส่งเสริม&nbsp;และอำนวยความสะดวกในด้านต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ให้แก่ประชาชน&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;ผู้ประกอบการ</strong>&nbsp;ให้ได้ใช้และรับประโยชน์จากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค&nbsp;(Regional&nbsp;Comprehensive&nbsp;Economic&nbsp;Partnership&nbsp;:&nbsp;RCEP)&nbsp;ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่&nbsp;1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่ผ่านมา</p><p><strong>ความตกลง&nbsp;RCEP&nbsp;เป็นเขตการค้าเสรี&nbsp;(FTA)&nbsp;ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก&nbsp;มีสมาชิกครอบคลุมกว่า&nbsp;15&nbsp;ประเทศ&nbsp;</strong>ได้แก่&nbsp;10&nbsp;ประเทศอาเซียน&nbsp;รวมกับอีก&nbsp;5&nbsp;ประเทศคู่เจรจาของอาเซียน&nbsp;ได้แก่&nbsp;จีน&nbsp;ญี่ปุ่น&nbsp;เกาหลีใต้&nbsp;ออสเตรเลีย&nbsp;และนิวซีแลนด์&nbsp;ครอบคลุมประชากรมากถึง&nbsp;2.3&nbsp;พันล้านคน&nbsp;หรือกว่า&nbsp;1&nbsp;ใน&nbsp;3&nbsp;ของโลก&nbsp;จึงเป็นตลาดในการนำเข้าเเละส่งออกสินค้าและบริการที่กว้างขวางและครอบคลุมหลายด้านที่ทำให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อผู้ผลิตและผู้บริโภคในแต่ละประเทศสมาชิก</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ประโยชน์ที่ประชาชน&nbsp;เกษตรกร&nbsp;ผู้ผลิต&nbsp;และผู้ประกอบการไทยจะได้รับจากความตกลง&nbsp;RCEP</strong>&nbsp;อาทิ&nbsp;ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้า&nbsp;(ภาษีเหลือ&nbsp;0%&nbsp;สำหรับสินค้าส่งออกไทย&nbsp;จำนวนกว่า&nbsp;29,891&nbsp;รายการ&nbsp;ที่จะช่วยลดต้นทุนในการผลิตสินค้า&nbsp;เพิ่มประสิทธิภาพในการส่งออก&nbsp;เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการและเปิดตลาดใหม่&nbsp;ๆ&nbsp;ให้กับสินค้าส่งออกของไทย&nbsp;/ผู้ประกอบการได้รับการอำนวยความสะดวกหรือลดความยุ่งยากทางการค้า&nbsp;โดยเฉพาะด้านพิธีศุลกากร&nbsp;และเพิ่มช่องทางออนไลน์สำหรับการยื่นเอกสารขอนำเข้าสินค้าเป็นการล่วงหน้า&nbsp;/ลดหรือยกเลิกข้อกำหนดด้านการลงทุน&nbsp;ที่เป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติต่อนักลงทุนต่างชาติภายในประเทศสมาชิก</p><p><strong>ความตกลง&nbsp;RCEP&nbsp;จะช่วยให้ผู้ประกอบการ&nbsp;SMEs&nbsp;ของไทย&nbsp;เข้าถึงและใช้ประโยชน์จากความตกลงได้อย่างเต็มที่&nbsp;</strong>คาดว่าจะสร้างรายได้และการจ้างงานให้กับประเทศมากขึ้น&nbsp;ทั้งยังเป็นโอกาสให้ไทยสามารถเปิดรับการลงทุน&nbsp;และการพัฒนาจากประเทศสมาชิกในสาขาที่ไทยมีความต้องการ&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นการวิจัยและพัฒนา&nbsp;การศึกษา&nbsp;สิ่งแวดล้อม&nbsp;การซ่อมบำรุงชิ้นส่วนอากาศยานหรือเรือขนาดใหญ่หรืออุปกรณ์ขนส่งทางราง&nbsp;และการผลิตหุ่นยนต์สำหรับใช้ในภาคอุตสาหกรรม&nbsp;เพื่อให้สอดรับกับโอกาส&nbsp;สิทธิประโยชน์ที่ไทยได้รับภายใต้ความตกลง&nbsp;RCEP</p>7/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107111631377 จังหวัดกระบี่ประชุมหารือแนวทางในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่กรณีเนื้อหมูมีราคาแพง ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน<p><strong>สืบเนื่องจากกรณีเนื้อหมูมีราคาแพง&nbsp;ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน</strong>&nbsp;นายพุฒิพงศ์&nbsp;ศิริมาย์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่&nbsp;มอบหมายให้&nbsp;นายสมชาย&nbsp;หาญภักดีปฏิมา&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่&nbsp;เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมหารือแนวทางในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่กรณีเนื้อหมูมีราคาแพง&nbsp;ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน&nbsp;โดยมีนายสุภาพ&nbsp;จีนเมือง&nbsp;พาณิชย์จังหวัดกระบี่&nbsp;นายปัญญา&nbsp;แววดี&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดกระบี่&nbsp;และนางสาวสมถวิล&nbsp;สันติธรรมกุล&nbsp;เจ้าหน้าที่&nbsp;สคบ.กระบี่&nbsp;ร่วมประชุมหารือแนวทางในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่กรณีเนื้อหมูมีราคาแพง&nbsp;ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน&nbsp;ณ&nbsp;ห้องปฏิบัติราชการ&nbsp;เบื้องต้นสรุปได้ดังนี้&nbsp;บูรณาการร่วมกันในการแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าว&nbsp;เพื่อลดค่าครองชีพ&nbsp;และเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้บริโภคจังหวัดกระบี&nbsp;เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหา&nbsp;กรณีเนื้อหมูมีราคาแพง&nbsp;ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน&nbsp;เนื่องจากการลดปริมาณการเลี้ยงสุกรและโรคระบาด&nbsp;รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาสูงขึ้น&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ในส่วนของสำนักงานปศุสัตว์&nbsp;ขอความร่วมมือให้ประสานผู้ประกอบการ</strong>/สมาคมผู้เลี้ยงสุกรลดราคาจำหน่ายในส่วนของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้อนุมัติงบประมาณให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดกระบี่&nbsp;ดำเนินโครงการหมูพาณิชย์..ลดราคา!ช่วยประชาชนกำหนดจุดจำหน่าย&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;จำหน่ายเนื้อหมูในราคา150บาท/กก.&nbsp;ช่วงเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;ระยะเวลาดำเนินการ&nbsp;10&nbsp;วัน&nbsp;และให้สำนักงานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคฯ&nbsp;ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรวจสอบในเรื่องของราคาและการติดป้ายแสดงราคา&nbsp;เพื่อป้องกันการฉกฉวยโอกาสเอาเปรียบประชาชนผู้บริโภค&nbsp;และหารือประ้เด็นอื่นที่เกี่ยวข้อง&nbsp;เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน&nbsp;</p><p>นอกจากนี้&nbsp;ยังหารือแนวทางแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนเรื่องสุนัขจรจัดในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทำร้ายนักท่องเที่ยว&nbsp;โดยมอบหมายสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดกระบี่&nbsp;ประสานองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น&nbsp;ซึ่งอยู่ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวแก้ไขปัญหาเป็นกรณีเร่งด่วน&nbsp;เพื่อสร้างความปลอดภัยและภาพลักษณ์ที่ดีต่อนักท่องเที่ยว</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่</p><p>ปานอุมา&nbsp;แหละยุหีม&nbsp;ข่าว</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>7/1/2022ภาคใต้กระบี่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107085051310 พาณิชย์จังหวัดปัตตานี ลงพื้นที่ติดตาม “โครงการหมูพาณิชย์..ลดราคา ช่วยประชาชน จังหวัดปัตตานี”<p><strong>วันที่&nbsp;6&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นางสาวจินตะณา&nbsp;ปิ่นสุภา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดปัตตานี&nbsp;</strong>พร้อม&nbsp;ผอ.กลุ่มกำกับฯ&nbsp;และเจ้าหน้าที่สนง.พาณิชย์จังหวัดปัตตานี&nbsp;ลงพื้นที่ติดตาม“โครงการหมูพาณิชย์...&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;จังหวัดปัตตานี&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;2)&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;6&nbsp;-&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน&nbsp;จากภาวะราคาเนื้อหมูที่ปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;จังหวัดปัตตานี&nbsp;มีจุดจำหน่าย&nbsp;3&nbsp;จุด&nbsp;ดังนี้</p><p>1.&nbsp;ร้านตั้มหมูซิ่ง&nbsp;ถนนนเกลือ&nbsp;ซอย&nbsp;14</p><p>2.&nbsp;ร้านป้าใจ&nbsp;ตลาดสดเทศวิวัฒน์</p><p>3.&nbsp;ร้านพี่หยอย&nbsp;ถนนมะกรูด&nbsp;ซอย&nbsp;7</p><p>และติดตามร้านจำหน่ายหมูในพื้นที่&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;ร้าน</p><p>1.&nbsp;ร้านสันติฟาร์ม&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;157&nbsp;บาท</p><p>2.&nbsp;บิ๊กซีซุปเปอร์เซ็นเตอร์&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;165&nbsp;บาท</p><p>ทั้ง&nbsp;2&nbsp;ร้านได้มีการปิดป้ายแสดงราคาให้ประชาชนได้เปรียบเทียบก่อนตัดสินใจซื้ออย่างชัดเจนเป็นไปตาม&nbsp;พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>7/1/2022ภาคใต้ปัตตานีสวท.ปัตตานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107111506376 จ.ลำพูน ลงติดตามการจำหน่ายเนื้อหมู ขณะเดียวกันด้านพาณิชย์ เร่งนำมาตรการเข้าช่วยเหลือ<p><strong>นายวรยุทธ&nbsp;เนาวรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน</strong>&nbsp;พร้อมด้วยนางกนกรัตน์&nbsp;ยุกติรัตน์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำพูน&nbsp;สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดลำพูน&nbsp;สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดลำพูน&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การตลาดและการจำหน่ายเนื้อสุกร&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;แห่ง&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดลำพูนจตุจักร&nbsp;ตำบลป่าสัก&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;และร้านหมูอินเตอร์สาขาลำพูน&nbsp;ตำบลเวียงยอง&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;6&nbsp;มกราคม&nbsp;2564&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;พบว่า&nbsp;สถานการณ์ราคาและการจำหน่ายสุกรในจังหวัดลำพูนแบ่ง&nbsp;2&nbsp;ลักษณะ&nbsp;1.)&nbsp;เขียงหมูในตลาดสด&nbsp;ราคาหมูเนื้อแดง&nbsp;(ไหล่และสะโพก)&nbsp;ราคา&nbsp;165-200&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;และ&nbsp;2.)&nbsp;ร้านจำหน่าย&nbsp;เช่น&nbsp;ซีพี&nbsp;เบทาโกร&nbsp;หมูอินเตอร์&nbsp;ยิ่งเจริญ&nbsp;วีพีเอฟ&nbsp;และห้างสรรพสินค้า&nbsp;เป็นต้น&nbsp;ราคาหมูเนื้อแดง&nbsp;(ไหล่และสะโพก)&nbsp;ราคา&nbsp;160&nbsp;–&nbsp;179&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;ซึ่งราคาจำหน่ายในร้านต่ำกว่าราคาที่จำหน่ายในตลาดสด&nbsp;และปริมาณมีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค</p><p><strong>ด้านกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้มีมาตรการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาสุกรของภาครัฐ&nbsp;เป็นกรณีเร่งด่วน&nbsp;ดังนี้</strong></p><p>1)&nbsp;โครงการธงฟ้าราคาประหยัดลดค่าครองชีพประชาชน&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ&nbsp;2565&nbsp;เพื่อดำเนินการ&nbsp;“โครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชนในส่วนภูมิภาค”&nbsp;เพื่อลดค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค&nbsp;โดยจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;(ไหล่และสะโพก)&nbsp;&nbsp;ปริมาณ&nbsp;100&nbsp;กิโลกรัม/วัน/จุด&nbsp;ในราคา&nbsp;130&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;ตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;27-31&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;(อำเภอเมืองลำพูน&nbsp;1&nbsp;จุด/อำเภอป่าซาง&nbsp;1&nbsp;จุด/อำเภอบ้านโฮ่ง&nbsp;1&nbsp;จุด/และอำเภอลี้&nbsp;1&nbsp;จุด</p><p>2)&nbsp;โครงการธงฟ้าราคาประหยัดลดค่าครองชีพประชาชน&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ&nbsp;2565&nbsp;เพื่อดำเนินการ&nbsp;“โครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชนในส่วนภูมิภาค&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2”&nbsp;เพื่อลดค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค&nbsp;โดยจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;(ไหล่และสะโพก)&nbsp;ปริมาณ&nbsp;50&nbsp;กิโลกรัม/วัน/จุด&nbsp;ในราคา&nbsp;150&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;ตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;5-14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;(จำนวน&nbsp;10&nbsp;วัน)&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;7&nbsp;จุด&nbsp;(อำเภอเมืองลำพูน&nbsp;5&nbsp;จุด&nbsp;อำเภอป่าซาง&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;และอำเภอบ้านโฮ่ง&nbsp;1&nbsp;จุด</p><p>3)&nbsp;ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ฉบับที่&nbsp;1&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;เรื่องห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักร&nbsp;โดยกำหนดห้ามมิให้ส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักรทุกกรณี&nbsp;เป็นการชั่วคราว&nbsp;เป็นระยะเวลา&nbsp;3&nbsp;เดือนตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป&nbsp;เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่</p><p>4)&nbsp;ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ฉบับที่&nbsp;2&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;เรื่อง&nbsp;การแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;โดยกำหนดให้ผู้เลี้ยง&nbsp;ผู้จำหน่าย&nbsp;ผู้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร&nbsp;ซึ่งครอบครองสุกรมีชีวิตที่มีปริมาณตั้งแต่ห้าร้อยตัวขึ้นไป&nbsp;และผู้ครอบครองสุกรชำแหละผ่าซีก&nbsp;เนื้อสุกรชำแหละแยกชิ้นส่วนซึ่งประกอบด้วย&nbsp;เนื้อไหล่&nbsp;เนื้อสะโพก&nbsp;เนื้อสันนอก&nbsp;เนื้อสันใน&nbsp;และเนื้อหมูสามชั้น&nbsp;ที่มีปริมาณรวมกันตั้งแต่ห้าพันกิโลกรัมขึ้นไป&nbsp;ไม่ว่าจะครอบครองในฐานะผู้มีกรรมสิทธิ์&nbsp;หรือครอบครองแทนผู้อื่น&nbsp;แจ้งปริมาณการเลี้ยง&nbsp;ปริมาณการซื้อ&nbsp;ปริมาณการจำหน่าย&nbsp;ปริมาณการใช้&nbsp;ปริมาณการส่งออก&nbsp;ปริมาณการรับฝาก&nbsp;ปริมาณคงเหลือ&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;สถานที่เลี้ยง&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้า&nbsp;เพื่อให้การกำกับดูแลสุกรและเนื้อสุกรมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการของประชาชนในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อผู้บริโภค</p><p>5)&nbsp;รัฐบาลส่งเสริมเกษตรกรรายเล็ก&nbsp;และรายย่อยเดิม&nbsp;ในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม&nbsp;โดยขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการขนาดใหญ่ให้ผลิตลูกหมูเพิ่ม&nbsp;เพื่อส่งให้เกษตรกรรายเล็ก&nbsp;และรายย่อยเลี้ยง&nbsp;โดยจะใช้เงินทุนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร&nbsp;(ธ.ก.ส.)&nbsp;ภายใต้&nbsp;“โครงการสานฝันสร้างอาชีพ&nbsp;ยกระดับรายได้เกษตรกร”&nbsp;เข้ามาสนับสนุน&nbsp;เพื่อใช้เป็นต้นทุนในการดำเนินการ</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน</strong>&nbsp;ให้กำลังใจแก่ผู้ประกอบการและผู้จำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการดำรงชีวิต&nbsp;พร้อมทั้ง&nbsp;รณรงค์ให้ผู้ประกอบการที่จำจ่ายเนื้อหมูและผู้ประกอบการตามร้านต่างๆในจังหวัดลำพูน&nbsp;ร่วมกันเข้ารับการฉีดวัคซีน&nbsp;เพื่อสร้างความมั่นใจ&nbsp;และความเชื่อมั่น&nbsp;แก่ลูกค้าให้หันมาบริโภคเนื้อหมูต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>7/1/2022ภาคเหนือลำพูนสวท.ลำพูนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107120009410 คมนาคมเข้มงวดมาตรการความปลอดภัยและการป้องกันโควิด-19 ท่าเรือเกาะสมุย สร้างความมั่นใจนักท่องเที่ยว<p><strong>นายอธิรัฐ&nbsp;รัตนเศรษฐ&nbsp;รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม&nbsp;ติดตามความพร้อมการปฏิบัติงานของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุย&nbsp;</strong>ในการดูแลนักท่องเที่ยว&nbsp;บริเวณท่าเรือซีทรานเฟอร์รี่&nbsp;และท่าเรือราชาเฟอร์รี่&nbsp;อ.ดอนสัก&nbsp;ซึ่งเป็นท่าเรือหลักในการให้บริการเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากไปยังเกาะสมุยและเกาะพะงัน&nbsp;โดยจากการตรวจติดตามพบว่าทั้ง&nbsp;2&nbsp;ท่าเรือมีมาตรการด้านความปลอดภัยและระบบการคัดกรองที่มีประสิทธิภาพ&nbsp;</p><p><strong>อย่างไรก็ตามเพื่อความไม่ประมาท&nbsp;ได้กำชับให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคฯ&nbsp;ตรวจสอบความปลอดภัยของเรือ</strong>&nbsp;ท่าเทียบเรืออย่างต่อเนื่อง&nbsp;พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ประจำท่าเรือตลอดเวลา&nbsp;รวมทั้งให้เข้มงวดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ท่าเรือซีทรานเฟอร์รี่มีผู้ใช้บริการเฉลี่ย&nbsp;1,500&nbsp;คนต่อวัน&nbsp;ขณะที่ท่าเรือราชาเฟอร์รี่&nbsp;มีผู้ใช้บริการเฉลี่ย&nbsp;1,000&nbsp;คนต่อ&nbsp;วัน&nbsp;</p><p><br></p>7/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107114354391 จังหวัดเพชรบุรี เตรียมพร้อม ขนของดี ของอร่อย สินค้าคุณภาพหลากชนิด รอชม รอชิม งานพระนครคีรี ( 18 กุมภาพันธ์ – 27 กุมภาพันธ์ 2565 )<p><strong>เมื่อเวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.&nbsp;วันนี้&nbsp;(วันที่&nbsp;7&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;นายธรรมนูญ&nbsp;ศรีวรรธนะ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี</strong>&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;และคณะอนุกรรมการจัดกิจกรรมจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร&nbsp;สินค้า&nbsp;โอทอป&nbsp;สินค้าประชารัฐ&nbsp;สินค้าธงฟ้าและสินค้าทั่วไป&nbsp;ประชุมเตรียมความพร้อมการจัดงานพระนครคีรี&nbsp;-&nbsp;เมืองเพชร&nbsp;ครั้งที่&nbsp;35&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;</p><p><strong>นายธรรมนูญ&nbsp;ศรีวรรธนะ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;เพชรบุรีเป็นเมืองศักยภาพความโดดเด่นด้านการผลิต&nbsp;มีโรงงานผลิตสินค้าในพื้นที่&nbsp;ทั้งสินค้าอุปโภค&nbsp;บริโภค&nbsp;และที่สำคัญมีฐานการผลิตแหล่งอาหารการกิน&nbsp;อร่อยทั้งรสชาติถูกปาก&nbsp;มาตรฐานความสะอาด&nbsp;สถานประกอบการผ่านมาตรฐาน&nbsp;SHA&nbsp;PLUS&nbsp;สมเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของยูเนสโก&nbsp;</p><p><strong>สำหรับงานพระนครคีรี&nbsp;-&nbsp;เมืองเพชร&nbsp;ปีนี้</strong>&nbsp;ไม่เพียงการส่งเสริมฐานรากของพี่น้องเกษตรกรที่นำวัตถุดิบเพชรบุรีที่เป็นเมือง&nbsp;3&nbsp;รส&nbsp;รสหวาน&nbsp;จากตาลโตนด&nbsp;เปรี้ยวจากมะนาว&nbsp;และรสเค็มจากเกลือ&nbsp;เสริมอรรถรสแห่งรสชาติอาหารทุกจาน&nbsp;พร้อมการรังสรรค์เมนูจานเด็ด&nbsp;หลากหลายครบเครื่องแล้ว&nbsp;ที่สำคัญพี่น้องประชาชนยังสามารถซื้อผลิตภัณฑ์สินค้าคุณภาพหลากชนิด&nbsp;ทั้งจากโรงงานในพื้นที่&nbsp;แหล่งผลิตสินค้าชุมชน&nbsp;ที่มาร่วมออกร้าน&nbsp;ซึ่งมีทั้งสินค้า&nbsp;โอทอป&nbsp;สินค้าประชารัฐ&nbsp;สินค้าธงฟ้า&nbsp;ราคาประหยัด&nbsp;นักท่องเที่ยว&nbsp;และผู้สนใจ&nbsp;สามารถ&nbsp;รอชม&nbsp;รอเลือกสินค้าคุณภาพดีหลากชนิดในราคามิตรภาพ&nbsp;จำหน่ายไม่แพง&nbsp;พร้อมรอชิมความอร่อยจากอาหารหลากรส&nbsp;รอพบกันในงานพระนครคีรี&nbsp;(&nbsp;18&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;–&nbsp;27&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;)</p><p><br></p><p>จามรี&nbsp;อนุรัตน์&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;รายงาน</p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>7/1/2022ภาคตะวันตกเพชรบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107115810404 สำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา สาขาอำเภอเบตงเชิญชวนประมูลทะเบียนรถเลขสวย ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หมวด กจการงานก้าวหน้า ธุรกิจก้าวไกล<p><strong>นางคชาพร&nbsp;จินตนุกูล&nbsp;หัวหน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา</strong>&nbsp;สาขาอำเภอเบตง&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(COVID-19)&nbsp;ทำให้สำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา&nbsp;ไม่สามารถจัดการประมูลหมายเลขทะเบียน&nbsp;ในห้องประมูลได้&nbsp;สำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา&nbsp;&nbsp;กรมการขนส่งทางบก&nbsp;โดยกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน&nbsp;(กปถ.)&nbsp;ขอเชิญชวนร่วมประมูลทะเบียนรถเลขสวย&nbsp;New&nbsp;normal&nbsp;auction&nbsp;ด้วยวิถีใหม่แห่งการประมูล&nbsp;โดยจะมีการประมูลหมายเลขทะเบียนรถเลขสวย&nbsp;ของยะลา&nbsp;หมวด&nbsp;&nbsp;กจ&nbsp;&nbsp;การงานก้าวหน้า&nbsp;ธุรกิจก้าวไกลและ&nbsp;หมายเลขทะเบียนรถเลขสวย&nbsp;ของ&nbsp;เบตง&nbsp;หมวด&nbsp;กค&nbsp;เริ่มทำการประมูลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้น&nbsp;&nbsp;จนถึงวันที่&nbsp;&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;วิธีการประมูลทางอินเทอร์เน็ตเพียงช่องทางเดียว&nbsp;</p><p><strong>สามารถเสนอราคาแข่งขันแบบเรียลไทม์&nbsp;ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันปิดประมูล</strong>&nbsp;หรือ&nbsp;ตั้งราคาล่วงหน้าขั้นสูง&nbsp;แบบ&nbsp;Maximum&nbsp;Bid&nbsp;หรือแบบ&nbsp;Advance&nbsp;Bid&nbsp;โดยผู้ที่สนใจเข้าร่วมการประมูลสามารถลงทะเบียนผ่านทาง&nbsp;www.tabienrod.com&nbsp;โดยมีขั้นตอนดังนี้&nbsp;</p><p>1.&nbsp;เข้าไปที่เว็บไซต์www.tabienrod.com&nbsp;</p><p>2.&nbsp;เลือกเมนู&nbsp;“การประมูลทะเบียนรถเก๋ง”&nbsp;</p><p>3.&nbsp;สมัครเข้าร่วมการประมูล&nbsp;</p><p>4.&nbsp;คลิก&nbsp;“เพิ่มเงินวางหลักประกัน”&nbsp;</p><p>5.&nbsp;คลิก&nbsp;“เพิ่มเงินวางหลักประกัน&nbsp;รถเก๋ง&nbsp;ประมูลทางอินเทอร์เน็ต”&nbsp;</p><p>6.&nbsp;เลือกจำนวนหมายเลขที่จะประมูลตามกลุ่มบัญชีหมายเลขที่ต้องการ&nbsp;</p><p>7.&nbsp;กรอกข้อมูล&nbsp;และพิมพ์เอกสารวางหลักประกันมาที่&nbsp;dltfax@gmail.com&nbsp;</p><p><strong>ผู้ที่สนใจเข้าร่วมประมูลสามารถลงทะเบียน&nbsp;&nbsp;และเสนอราคา</strong>ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป&nbsp;สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา&nbsp;073-203782&nbsp;,&nbsp;073-216669&nbsp;,&nbsp;073-299339&nbsp;,&nbsp;099-4839995&nbsp;สำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา&nbsp;สาขาอำเภอเบตง&nbsp;073-231022</p><p><strong>หัวหน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา&nbsp;สาขาอำเภอเบตง&nbsp;กล่าวเพิ่มเติมว่า</strong>&nbsp;รายได้จากการประมูลทะเบียนรถเลขสวย&nbsp;จะนำเข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน&nbsp;เพื่อใช้ส่งเสริมการดำเนินงานตามแผนลดอุบัติเหตุทางถนนของกรมการขนส่งทางบก&nbsp;และหน่วยงานที่มีแผนงานด้านความปลอดภัยทางถนน&nbsp;สนับสนุนการศึกษาวิจัยเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน&nbsp;และการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านความปลอดภัย&nbsp;ต่อสาธารณชน&nbsp;เพื่อลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน&nbsp;เช่น&nbsp;การรณรงค์ลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลต่างๆ&nbsp;การจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ&nbsp;GPS&nbsp;ทั้งประเทศ&nbsp;เพื่อติดตามการใช้ความเร็ว&nbsp;&nbsp;และความปลอดภัยของรถโดยสารและรถบรรทุก&nbsp;โครงการเสริมสร้างจิตสำนึกความปลอดภัยให้แก่เด็กและเยาวชน&nbsp;อาทิ&nbsp;โครงการสนามจราจรเยาวชน&nbsp;โครงการนักเรียนรุ่นใหม่มีใบขับขี่รวมทั้งสนับสนุนค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการอันเนื่องมาจากการประสบภัยที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนน&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>7/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.เบตง จ.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107131037447 พาณิชย์ฯแม่ฮ่องสอน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายหมูเนื้อแดง “โครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา ช่วยประชาชนในส่วนภูมิภาค ครั้งที่ 2” จัดจำหน่ายหมูเนื้อแดง กิโลกรัมละ 150 บาท<p><strong>วันนี้&nbsp;(7&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน</strong>&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายเนื้อหมูและการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายเนื้อหมูในพื้นที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;(ตลาดสายหยุด)&nbsp;ร้าน&nbsp;ซีพี,&nbsp;เบทาโกร,&nbsp;หมูอินเตอร์&nbsp;และภาคเหนือหมูสด&nbsp;และติดตามโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชนในส่วนภูมิภาค&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;150&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;5-15&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;จำนวน&nbsp;5&nbsp;จุด&nbsp;ใน&nbsp;4&nbsp;อำเภอ&nbsp;ได้แก่&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;ขุนยวม&nbsp;ปางมะผ้า&nbsp;และอำเภอปาย&nbsp;พบว่าสถานการณ์ราคาและการจำหน่ายเนื้อหมูในจังหวัดแม่ฮ่องสอนมี&nbsp;2&nbsp;ลักษณะ&nbsp;1.)&nbsp;เขียงหมูในตลาดสด&nbsp;ราคาหมูเนื้อแดง&nbsp;(ไหล่และสะโพก)&nbsp;ราคา&nbsp;200&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;และ&nbsp;2.)&nbsp;ร้านจำหน่าย&nbsp;เช่น&nbsp;ซีพี&nbsp;เบทาโกร&nbsp;หมูอินเตอร์&nbsp;และภาคเหนือหมูสด&nbsp;ราคาหมูเนื้อแดง&nbsp;(ไหล่และสะโพก)&nbsp;ราคา&nbsp;173&nbsp;-&nbsp;202&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;ปริมาณเนื้อหมูมีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคในจังหวัดแม่ฮ่องสอน</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>7/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107135533470 พาณิชย์ฯ แม่ฮ่องสอน เผยมาตรการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาสุกร ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน<p><strong>นางสาวยุพา&nbsp;นาคา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;มาตรการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาสุกรของภาครัฐ&nbsp;เป็นกรณีเร่งด่วนของกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ตามนโยบายของ&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ดำเนินการ&nbsp;ดังนี้&nbsp;</p><p>1)&nbsp;โครงการธงฟ้าราคาประหยัดลดค่าครองชีพประชาชน&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ&nbsp;2565&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ร่วมกับร้านภาคเหนือหมูสด&nbsp;ดำเนิน&nbsp;“โครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชนในส่วนภูมิภาค&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1”&nbsp;โดยจัดจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ราคา&nbsp;130&nbsp;บาท/กก.&nbsp;จำนวน&nbsp;5&nbsp;จุดใน&nbsp;4&nbsp;อำเภอ&nbsp;ได้แก่&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;ขุนยวม&nbsp;บางปะผ้า&nbsp;และอำเภอปาย&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;29&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ยอดจำหน่าย&nbsp;545.56&nbsp;กก.&nbsp;สามารถลดค่าครองชีพให้ประชาชนได้&nbsp;10,911.20&nbsp;บาท&nbsp;คิดเป็นร้อยละ&nbsp;13.33</p><p>2)&nbsp;โครงการธงฟ้าราคาประหยัดลดค่าครองชีพประชาชน&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ&nbsp;2565&nbsp;เพื่อดำเนินการ&nbsp;“โครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชนในส่วนภูมิภาค&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2”&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ร่วมกับร้านภาคเหนือหมูสด&nbsp;จัดจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ราคา&nbsp;150&nbsp;บาท/จำนวน&nbsp;5&nbsp;จุดใน&nbsp;4&nbsp;อำเภอ&nbsp;ได้แก่&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;ขุนยวม&nbsp;ปางมะผ้า&nbsp;และอำเภอปาย&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;5&nbsp;-&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน</p><p>3)&nbsp;ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ฉบับที่&nbsp;1&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;เรื่อง&nbsp;ห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักร&nbsp;โดยกำหนดห้ามมิให้ส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักรทุกกรณีเป็นการชั่วคราว&nbsp;เป็นระยะเวลา&nbsp;3&nbsp;เดือนตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป&nbsp;เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่</p><p>4)&nbsp;ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ฉบับที่&nbsp;2&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;เรื่อง&nbsp;การแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;โดยกำหนดให้ผู้เลี้ยง&nbsp;ผู้จำหน่าย&nbsp;ผู้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร&nbsp;ซึ่งครอบครองสุกรมีชีวิตที่มีปริมาณตั้งแต่ห้าร้อยตัวขึ้นไป&nbsp;และผู้ครอบครองสุกรชำแหละผ่าซีก&nbsp;เนื้อสุกรชำแหละแยกชิ้นส่วนซึ่งประกอบด้วย&nbsp;เนื้อไหล่&nbsp;เนื้อสะโพก&nbsp;เนื้อสันนอก&nbsp;เนื้อสันใน&nbsp;และเนื้อหมูสามชั้น&nbsp;ที่มีปริมาณรวมกันตั้งแต่ห้าพันกิโลกรัมขึ้นไป&nbsp;ไม่ว่าจะครอบครองในฐานะผู้มีกรรมสิทธิ์&nbsp;หรือครอบครองแทนผู้อื่น&nbsp;แจ้งปริมาณการเลี้ยง&nbsp;ปริมาณการซื้อ&nbsp;ปริมาณการจำหน่าย&nbsp;ปริมาณการใช้&nbsp;ปริมาณการส่งออก&nbsp;ปริมาณการรับฝาก&nbsp;ปริมาณคงเหลือ&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;สถานที่เลี้ยง&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้า&nbsp;เพื่อให้การกำกับดูแลสุกรและเนื้อสุกรมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการของประชาชนในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อผู้บริโภค</p><p>5)&nbsp;รัฐบาลส่งเสริมเกษตรกรรายเล็ก&nbsp;และรายย่อยเดิม&nbsp;ในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม&nbsp;โดยขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการขนาดใหญ่ให้ผลิตลูกหมูเพิ่ม&nbsp;เพื่อส่งให้เกษตรกรรายเล็ก&nbsp;และรายย่อยเลี้ยง&nbsp;โดยจะใช้เงินทุนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร&nbsp;(ธ.ก.ส.)&nbsp;ภายใต้&nbsp;“โครงการสานฝันสร้างอาชีพ&nbsp;ยกระดับรายได้เกษตรกร”&nbsp;เข้ามาสนับสนุน&nbsp;เพื่อใช้เป็นต้นทุนในการดำเนินการ</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>7/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107140908472 ปัญหาสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้สถานธนานุบาลเทศบาลนครตรังมีประชาชนเข้าใช้บริการประมาณ 200-300 ราย<p><strong>นายประสาท&nbsp;พุทธาไฝ&nbsp;ผู้จัดการธนานุบาลเทศบาลนครตรัง&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ขณะนี้ในแต่ละวันจะมีประชาชนมาใช้บริการประมาณ&nbsp;200&nbsp;-&nbsp;300&nbsp;ราย&nbsp;ทั้งจำนำ&nbsp;จ่ายดอก&nbsp;และไถ่ถอนแต่น้อย&nbsp;โดยทางสถานธนานุบาล&nbsp;เทศบาลนครตรัง&nbsp;ก็มีนโยบายช่วยเหลือประชาชน&nbsp;ก็จะรับทรัพย์มีค่าทุกชนิดทั้งชิ้นเล็ก&nbsp;ชิ้นใหญ่&nbsp;แต่ต้องอยู่ในสภาพใช้งานที่สมบูรณ์&nbsp;โดยทรัพย์ที่นำมาจำนำ&nbsp;ขณะนี้พบว่า&nbsp;จะเป็นของมีค่า&nbsp;ที่มีความหมายในชีวิตของเจ้าของทรัพย์มากขึ้น&nbsp;เช่น&nbsp;ทองคำที่เป็นทองหมั้น&nbsp;แหวนหมั้น&nbsp;แหวนแต่งงาน&nbsp;หรือแหวนที่ให้ในโอกาสพิเศษ&nbsp;รวมทั้งของใช้ที่เป็นของรักของหวง&nbsp;อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำอาหาร&nbsp;การประกอบอาชีพ&nbsp;เช่น&nbsp;เครื่องตัดหั่นเนื้อในร้านอาหาร&nbsp;นาฬิกาข้อมือ&nbsp;เครื่องดนตรี&nbsp;กีต้าร์&nbsp;คีบอร์ด&nbsp;&nbsp;เป็นต้น&nbsp;รวมทั้งโน๊ตบุ๊ค&nbsp;เครื่องใช้ไฟฟ้า&nbsp;ประเภท&nbsp;ทีวี&nbsp;เครื่องฟอกอากาศ&nbsp;และเครื่องมือทางการเกษตร&nbsp;</p><p><strong>ในที่นี้&nbsp;บางคนนำมาจำนำไว้เป็น&nbsp;10&nbsp;ปีแล้ว&nbsp;ยังไม่ได้ไถ่ถอนคืน</strong>&nbsp;แต่ก็ยังมาจ่ายดอกเบี้ยไม่ขาดสาย&nbsp;สังเกตได้จากเอกสารจำนำที่ติดไว้กับทรัพย์ที่มีลักษณะหนารวมกันหลายแผ่น&nbsp;เป็นต้น&nbsp;&nbsp;ซึ่งแสดงว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อน&nbsp;ยังต้องรอเวลาไถ่ถอนคืน&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ทางสถานธนานุบาล&nbsp;เทศบาลนครตรัง&nbsp;ก็มีนโยบายช่วยเหลือประชาชนจากภาวะเศรษฐกิจนี้โดยการลดอัตราดอกเบี้ยให้&nbsp;และจัดสรรเงินทุนสำรองไว้จำนวนสูงถึง&nbsp;120&nbsp;บาท&nbsp;สำหรับช่วยเหลือประชาชน&nbsp;&nbsp;โดยเงินต้นไม่เกิน&nbsp;5,000&nbsp;บาท&nbsp;คิดดอกเบี้ยร้อยละ&nbsp;&nbsp;25&nbsp;สตางค์&nbsp;และเว้นไม่คิดดอกเบี้ย&nbsp;2&nbsp;เดือนแรก&nbsp;&nbsp;และส่วนที่เกิน&nbsp;5,000&nbsp;บาท&nbsp;จะคิดดอกเบี้ยร้อยละ&nbsp;1&nbsp;บาท&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</p><p><br></p><p>ทั้งนี้&nbsp;หากประชาชนเดือดร้อนให้เดินทางมาใช้บริการที่สถานธนานุบาลเทศบาลนครตรังได้</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p><p>&nbsp;</p>7/1/2022ภาคใต้ตรังสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107161047563 ยืนยันระดับหนี้สาธารณะในปัจจุบันยังไม่ก่อให้เกิดปัญหาการคลัง รัฐบาลสามารถบริหารจัดการหนี้สาธารณะได้<p><strong>นางแพตริเซีย&nbsp;มงคลวนิช&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข้อความผ่านสื่อออนไลน์&nbsp;ว่ารัฐบาลกู้เงินจนกระทบการคลังของประเทศนั้น&nbsp;ชี้แจงว่า&nbsp;ในภาวะปกติ&nbsp;กระทรวงการคลังจะกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ&nbsp;ซึ่งเป็นการกู้เงินตามปกติเมื่อรัฐบาลต้องการดำเนินนโยบายการคลังแบบขยายตัว&nbsp;เพื่อสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ&nbsp;โดยเป็นการกู้เงินเพื่อการลงทุนมากกว่าร้อยละ&nbsp;65&nbsp;ของหนี้สาธารณะคงค้าง&nbsp;</p><p><strong>ส่วนในภาวะที่ไม่ปกติ</strong>&nbsp;การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมต่างๆของประเทศหยุดชะงัก&nbsp;รัฐบาลเป็นเพียงภาคส่วนเดียวที่มีความสามารถในการใช้จ่ายและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงวิกฤตินี้จึงได้ตรา&nbsp;พ.ร.ก.&nbsp;ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา&nbsp;เยียวยา&nbsp;และฟื้นฟูเศรษฐกิจ&nbsp;วงเงิน&nbsp;1&nbsp;ล้านล้านบาท&nbsp;และ&nbsp;พ.ร.ก.&nbsp;กู้เงินฯเพิ่มเติม&nbsp;วงเงิน&nbsp;500,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;การกู้เงินในช่วงวิกฤต&nbsp;</strong>ทำให้ระดับหนี้สาธารณะและสัดส่วนหนี้สาธารณะ/GDP&nbsp;เพิ่มสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้&nbsp;แต่เมื่อปัญหาคลี่คลายและเงินกู้ดังกล่าวช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัว&nbsp;ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นและธุรกิจเติบโต&nbsp;GDP&nbsp;จะเพิ่มสูงขึ้น&nbsp;ส่งผลให้ระดับหนี้สาธารณะต่อ&nbsp;GDP&nbsp;ปรับตัวลดลงเป็นลำดับ&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อวางรากฐานการพัฒนาสร้างรายได้</strong>และเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน&nbsp;เพื่อกระจายความเจริญ&nbsp;ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม&nbsp;ขยายโอกาสและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน&nbsp;รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ&nbsp;โดยยังมีโครงการเงินกู้โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในสาขาต่างๆ&nbsp;ที่อยู่ระหว่างดำเนินการและจะทยอยเปิดให้บริการแก่ประชาชนเพิ่มขึ้น&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;หนี้สาธารณะคงค้าง&nbsp;ณ&nbsp;สิ้นเดือนพฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;มีจำนวน&nbsp;9.62&nbsp;ล้านล้านบาท&nbsp;หรือคิดเป็นร้อยละ&nbsp;59.58&nbsp;&nbsp;ต่อ&nbsp;GDP&nbsp;ซึ่งยังไม่ก่อให้เกิดปัญหาการคลังแต่อย่างใด&nbsp;โดยกระทรวงการคลังขอให้เชื่อมั่นว่า&nbsp;รัฐบาลยังมีความสามารถในการบริหารจัดการหนี้สาธารณะได้</p><p><br></p><p><br></p>7/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107154733534 พาณิชย์พะเยา จัดโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา ช่วยประชาชน “หมูเนื้อแดง กิโลกรัมละ 150 บาท”<p><strong>นางศุภมิตร&nbsp;เต็งเผ่&nbsp;พาณิชย์จังหวัดพะเยา</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;จากสถานการณ์ราคาหมูที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ราคา&nbsp;ณ&nbsp;ปัจจุบัน&nbsp;หมูเนื้อแดงในหลายพื้นที่ราคาพุ่งสูงกว่า&nbsp;200&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;ทั้งนี้เกิดจากปัจจัยต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูง&nbsp;โดยบางพื้นที่ราคาหน้าเขียงขายอยู่ที่กิโลกรัมละ&nbsp;200-220&nbsp;บาท&nbsp;รวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;ส่งผลให้กระทรวงพาณิชย์&nbsp;ต้องหามาตรการแก้ไขปัญหาราคาเนื้อหมู&nbsp;พร้อมทั้งให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ&nbsp;ได้มีการประสานกับร้านค้า&nbsp;นำเนื้อหมูมาจำหน่ายในราคาประหยัด&nbsp;เพื่อลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน</p><p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพะเยา</strong>&nbsp;โดยกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่&nbsp;ตรวจเยี่ยมและมอบป้ายประชาสัมพันธ์&nbsp;การดำเนินโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;2)&nbsp;หมูเนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่&nbsp;6-15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;ร้านหมูอินเตอร์&nbsp;สาขาพะเยา&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดพะเยา&nbsp;เพื่อให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;เป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>7/1/2022ภาคเหนือพะเยาสวท.พะเยาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107142842490 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตราด ร่วมผู้ประกอบการจำหน่ายเนื้อหมู จัด “โครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน จังหวัดตราด”<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>(7&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;นางวรัญญา&nbsp;ถนอมพันธุ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตราด</strong>&nbsp;มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตราด&nbsp;ติดตามการดำเนิน&nbsp;“โครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดตราด”&nbsp;ที่ร้านสุรีย์หมูสด&nbsp;ข้างตลาดศูนย์การค้าเทศบาลเมืองตราด&nbsp;ซึ่งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตราด&nbsp;โดยความร่วมมือของผู้ประกอบการรายดังกล่าวจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;(ทุ้ย)&nbsp;หรือบริเวณสะโพกหมู&nbsp;ให้กับประชาชนในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;โดยจำกัดการซื้อไม่เกิน&nbsp;2&nbsp;กิโลกรัมต่อคน&nbsp;โดยโครงการดังกล่าวดำเนินการระหว่างวันที่&nbsp;7&nbsp;-15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>สำหรับการดำเนินการดังกล่าว&nbsp;เนื่องจากภาวะราคาสุกรที่มีการปรับราคาจำหน่ายขึ้น</strong>&nbsp;เนื่องจากต้นทุนของวัตถุดิบอาหารหลัก&nbsp;และมีปริมาณสุกรออกสู่ตลาดลดลง&nbsp;ทางกระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายใน&nbsp;ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน&nbsp;โดยให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดดำเนินโครงการนี้&nbsp;เพื่อเป็นการลดค่าครองชีพ&nbsp;และเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนได้ซื้อเนื้อหมูราคาที่เป็นธรรมบริโภคในครัวเรือน&nbsp;ซึ่งยังเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น&nbsp;เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจ&nbsp;ต่อไป&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>7/1/2022ภาคตะวันออกตราดสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107145938516 พาณิชย์ลำปางเผย “กระทรวงพาณิชย์” เร่งแก้ปัญหาหมูราคาแพง ห้ามส่งออกหมูเป็น 3 เดือน เพื่อลดผลกระทบให้กับประชาชน<p><strong>วันนี้&nbsp;(7&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นางสาวเยาวเรศ&nbsp;แซ่โค้ว&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;จากสถานการณ์ราคาจำหน่ายของเนื้อสุกรที่มีราคาสูงขึ้นในปัจจุบัน&nbsp;ซึ่งส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน&nbsp;โดย&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;พร้อมด้วยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;หารือร่วมกับกรมปศุสัตว์ที่เป็นหน่วยงานดูแลการผลิตสุกรป้อนเข้าสู่ตลาด&nbsp;ซึ่งตัวเลขเบื้องต้นในปี&nbsp;2564&nbsp;มีการเลี้ยงสุกรป้อนเข้าสู่ตลาดประมาณ&nbsp;19&nbsp;ล้านตัว&nbsp;บริโภคในประเทศ&nbsp;18&nbsp;ล้านตัว&nbsp;ส่งออกไปต่างประเทศประมาณ&nbsp;1&nbsp;ล้านตัว&nbsp;คาดการณ์ว่าปี&nbsp;2565&nbsp;จะมีสุกรหายไปจากระบบเหลือประมาณ&nbsp;13&nbsp;ล้านตัว&nbsp;จาก&nbsp;19&nbsp;ล้านตัว&nbsp;ซึ่งเป็นการบริโภคในประเทศประมาณ&nbsp;18&nbsp;ล้านตัว&nbsp;ทำให้ขาดสุกรประมาณ&nbsp;5&nbsp;ล้านตัวสำหรับการบริโภค&nbsp;</p><p><strong>โดยมีการพิจารณาห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตเป็นเวลา&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;</strong>ตั้งแต่วันที่&nbsp;6&nbsp;มกราคม&nbsp;ถึงวันที่&nbsp;5&nbsp;เม.ย.2565&nbsp;เป็นการชั่วคราว&nbsp;และจะพิจารณาตามสถานการณ์ว่าควรให้มีการต่ออายุหรือไม่&nbsp;โดยติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิด&nbsp;คาดว่าจะช่วยให้มีหมูเป็นกลับเข้าสู่ระบบเพิ่มเติมประมาณ&nbsp;1&nbsp;ล้านตัว&nbsp;พร้อมทั้งสั่งการให้ผู้เลี้ยงที่มีปริมาณการเลี้ยงเกิน&nbsp;500&nbsp;ตัว&nbsp;ผู้ค้าส่งที่มีปริมาณเกิน&nbsp;500&nbsp;ตัว&nbsp;ห้องเย็นที่มีการเก็บสต็อกเกิน&nbsp;5,000&nbsp;กิโลกรัมขึ้นไป&nbsp;ให้ดำเนินการแจ้งสต็อกให้กรมการค้าภายในรับทราบ&nbsp;รวมทั้งแจ้งราคาในทุก&nbsp;7&nbsp;วัน&nbsp;เริ่มวันที่&nbsp;10&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;เพื่อให้ทราบปริมาณเนื้อสุกรทั้งหมดที่มีอยู่ในระบบ&nbsp;รวมทั้งหมูแช่แข็ง&nbsp;แช่เย็น&nbsp;รวมกันทั้งประเทศว่ามีจำนวนเท่าไร&nbsp;เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาร่วมกันกับกรมปศุสัตว์และหน่วยงานอื่นๆ&nbsp;ที่เกี่ยวข้องต่อไป</p><p><strong>สำหรับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่สำรวจสถานการณ์ในพื้นที่&nbsp;พร้อมหาผู้จำหน่ายเนื้อสุกรในพื้นที่&nbsp;เพื่อขอความร่วมมือจำหน่ายเนื้อสุกร&nbsp;(เนื้อแดง)&nbsp;ในราคาไม่เกิน&nbsp;150&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;ซึ่งปัจจุบันมีร้านที่เข้าร่วมคือ&nbsp;ร้านหมูอนามัย&nbsp;เอสเคอินเตอร์ฟู๊ด&nbsp;สาขาลำปาง&nbsp;และสาขาอำเภอเถิน&nbsp;มีปริมาณเนื้อหมูจำหน่าย&nbsp;150-200&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;จำหน่ายระหว่างวันที่&nbsp;5-19&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในเบื้องต้น&nbsp;</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;</strong>ขอความร่วมมือผู้ประกอบการจำหน่ายเนื้อสุกรและผู้ประกอบการร้านอาหาร&nbsp;มีการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน&nbsp;เพื่อให้ประชาชนใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อสินค้า&nbsp;ทั้งนี้หากผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบด้านราคาสินค้าและบริการจากผู้ให้บริการ&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน&nbsp;1569&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;</p>7/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107153014521 พาณิชย์จันทบุรีเปิดจำหน่ายเนื้อหมูชำแหละในร้านที่เข้าร่วมโครงการในราคาควบคุมแก้ปัญหาหมูแพงลดผลกระทบค่าครองชีพประชาชน หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 150 บาท<p><strong>นายนคร&nbsp;บุตรดีวงศ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดจันทบุรี&nbsp;ได้นำเจ้าหน้าที่ออกไปอำนวยความสะดวกร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ&nbsp;"แก้หมูแพง"</strong>&nbsp;เปิดจำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคาควบคุม&nbsp;ลดผลกระทบค่าครองชีพประชาชนในจังหวัดจันทบุรีตามนโยบายของรัฐบาล&nbsp;โดยเบื้องต้นได้เปิดจำหน่ายหมูที่เข้าร่วมโครงการที่ร้าน&nbsp;จุฑามาศมีทช็อป&nbsp;เลขที่&nbsp;5/13&nbsp;หมู่ที่&nbsp;12&nbsp;ต.วังแซ้ม&nbsp;อ.มะขาม&nbsp;โดยเปิดจำหน่ายทุกวันในเวลา&nbsp;08.00&nbsp;น.&nbsp;ถึง&nbsp;20.00&nbsp;น.&nbsp;หรือจนกว่าสินค้าจะหมด&nbsp;และยังจะมีการขยายร้านที่เข้าร่วมโครงการให้ได้ตามเป้าหมาย&nbsp;4&nbsp;ร้าน&nbsp;เพื่อลดผลกระทบของประชาชนจากราคาเนื้อหมูแพง&nbsp;ซึ่งจะจำหน่ายราคาควบคุม&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;/&nbsp;ไหล่หมู&nbsp;และสะโพกหมูราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนหมูชนิดอื่นจะขายในราคาควบคุมตามราคาตลาด&nbsp;นอกจากนี้ทางจังหวัดจันทบุรียังได้มีมาตรการแก้ปัญหาราคาหมูแพงโดยการห้ามส่งออกหมูมีชีวิต&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;รวมทั้งมาตรการอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;ตามนโยบายของรัฐบาล&nbsp;อาทิ&nbsp;ช่วยเหลือราคาอาหารสัตว์&nbsp;จัดสินเชื่อพิเศษ&nbsp;&nbsp;สำรวจภาพรวมการผลิตสุกรเพื่อกำหนดพื้นที่เป้าหมายและมาตรการ&nbsp;พร้อมเพิ่มกำลังการผลิตแม่สุกรทดแทน&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์&nbsp;เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ&nbsp;ขยายกำลังผลิตแม่สุกร&nbsp;ยกระดับมาตรฐานฟาร์มเกษตรกร&nbsp;เพื่อป้องกันโรคระบาด&nbsp;รวมทั้งจัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กู้ยืมจาก&nbsp;ธ.ก.ส.&nbsp;โครงการสานฟันสร้างอาชีพเป็นต้น&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;หากร้านจำหน่ายเนื้อหมูชำแหละในจังหวัดจันทบุรี</strong>ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้&nbsp;ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดจันทบุรี&nbsp;หมายเลขโทรศัพท์&nbsp;039&nbsp;–&nbsp;311357&nbsp;หรือ&nbsp;039&nbsp;–&nbsp;313323&nbsp;ในวัน&nbsp;และเวลาราชการ</p><p><br></p><p>&nbsp;#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;</p>7/1/2022ภาคตะวันออกจันทบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107162733572 ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 46 <p><strong>ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ&nbsp;จัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ&nbsp;ครั้งที่&nbsp;46</strong>&nbsp;โดยจะได้รับประโยชน์ด้านการแลกเปลี่ยนความรู้และด้านเศรษฐกิจ&nbsp;การประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญเป็นการประชุมของคณะกรรมการมรดกโลกที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีอย่างน้อยปีละ&nbsp;1&nbsp;ครั้ง&nbsp;ในช่วงเดือนมิถุนายนหรือเดือนกรกฎาคมของทุกปี&nbsp;โดยคณะกรรมการมรดกโลกจะพิจารณาการเป็นเจ้าภาพฯ&nbsp;ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ&nbsp;ครั้งที่&nbsp;45&nbsp;ณ&nbsp;เมืองคาซาน&nbsp;สหพันธรัฐรัสเซีย&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;19-30&nbsp;มิถุนายน&nbsp;2565&nbsp;ประโยชน์ที่จะได้รับ&nbsp;ได้แก่&nbsp;ด้านการแลกเปลี่ยนความรู้&nbsp;ส่งเสริมบทบาทการเป็นผู้นำในการดำเนินการภายใต้กรอบการดำเนินงานของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก&nbsp;ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์ความรู้&nbsp;และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงโครงการ&nbsp;กิจกรรม&nbsp;และข้อริเริ่มใหม่&nbsp;ๆ&nbsp;เช่น&nbsp;การจัดการอบรมให้กับผู้จัดการแหล่งมรดกโลกหรือการอบรมให้ความรู้ในการดำเนินงานในด้านการอนุรักษ์&nbsp;ด้านเศรษฐกิจ&nbsp;การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ&nbsp;จะเป็นการสร้างและขยายโอกาสในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศ&nbsp;ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;โดยจากข้อมูลสถิติในการจัดการประชุมแต่ละครั้งที่ผ่านมาตั้งแต่&nbsp;ครั้งที่&nbsp;40&nbsp;-&nbsp;43&nbsp;มีผู้เข้าร่วมประชุมครั้งละไม่ต่ำกว่า&nbsp;2,300&nbsp;คน&nbsp;ทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนจากการใช้จ่ายในด้านต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;เช่น&nbsp;การเดินทาง&nbsp;ที่พัก&nbsp;การท่องเที่ยว&nbsp;และค่าใช้จ่ายทั่วไป</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>7/1/2022ภาคตะวันตกกาญจนบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107174812628 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง ออกตรวจสอบติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่อำเภอเมืองตรัง<p><strong>นางสาวสุภากิตติ์&nbsp;เกลี้ยงสงค์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตรัง</strong>&nbsp;&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;&nbsp;วันนี้(&nbsp;7&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ออกตรวจสอบติดตามสถานการณ์จำหน่ายหน้ากากอนามัย&nbsp;&nbsp;เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ&nbsp;ยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร&nbsp;ชุดตรวจโควิด-19&nbsp;และสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าในช่วงสถานการณ์โควิด-19&nbsp;ในพื้นที่อำเภอเมืองตรัง&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;โดยติดตามสถานการณ์จำหน่ายหน้ากากอนามัย&nbsp;เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ&nbsp;และยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร&nbsp;</p><p><strong>ซึ่งจังหวัดตรัง&nbsp;มีสมุนไพรฟ้าทะลายโจรและหน้ากากทางการแพทย์วางจำหน่าย&nbsp;</strong>&nbsp;ทุกร้าน&nbsp;ส่วนหน้ากากทางเลือก&nbsp;อาทิ&nbsp;หน้ากากกันฝุ่นทั่วไป&nbsp;หน้ากากเพื่อสุขภาพ&nbsp;หน้ากากผ้า&nbsp;เจลแอลกอฮอล์&nbsp;ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์&nbsp;และถุงมือ&nbsp;สินค้ามีปริมาณเพียงพอกับความต้องการ&nbsp;&nbsp;ขณะที่&nbsp;สถานการณ์การจำหน่ายสินค้าในช่วงสถานการณ์โควิด-19&nbsp;ราคาจำหน่ายสินค้าที่สำคัญ&nbsp;ได้แก่&nbsp;น้ำมันพืช&nbsp;น้ำตาลทราย&nbsp;น้ำปลา&nbsp;ซอสหอยนางรม&nbsp;ข้าวหอมมะลิ&nbsp;สถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพที่สำคัญ&nbsp;ๆ&nbsp;มีการจำหน่ายเป็นไปตามภาวะปกติ&nbsp;ปริมาณมีความเพียงพอกับความต้องการของประชาชน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย</strong>&nbsp;ให้ครบถ้วน&nbsp;ชัดเจน&nbsp;และหากพบเห็นการกระทำผิด&nbsp;จำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร&nbsp;หรือจำหน่ายในราคาไม่ตรงกับที่แจ้งไว้&nbsp;สามารถร้องเรียนได้ที่&nbsp;สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;โทร.&nbsp;0&nbsp;7522&nbsp;3076&nbsp;หากพบการกระทำความผิดจะดำเนินการ&nbsp;ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด&nbsp;กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคามีโทษปรับไม่เกิน&nbsp;10,000&nbsp;บาท&nbsp;กรณีจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร&nbsp;กักตุนสินค้าและปฏิเสธการจำหน่ายต้องโทษจำคุก&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับไม่เกิน&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>7/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107164852583 หอการค้าไทย ขอบคุณรัฐบาลไม่ล็อกดาวน์ประเทศ ย้ำภาครัฐดูแลให้เข้าถึง ATK มากขึ้น<p><strong>นายสนั่น&nbsp;อังอุบลกุล&nbsp;ประธานกรรมการหอการค้าไทย</strong>และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ขอบคุณรัฐบาลที่ฟังเสียงผู้ประกอบการ&nbsp;โดยใช้การยกระดับพื้นที่ให้เป็นระดับสีส้ม&nbsp;หรือพื้นที่ควบคุม&nbsp;69&nbsp;จังหวัด&nbsp;และไม่ได้เป็นการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ&nbsp;แม้อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจโดยรวมอยู่บ้าง&nbsp;แต่เชื่อว่าเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น&nbsp;โดยต่อจากนี้&nbsp;ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด&nbsp;เพราะอาจเป็นจุดเปลี่ยนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ&nbsp;หากทุกคนให้ความร่วมมือตามคำแนะนำ&nbsp;เชื่อว่าผู้ติดเชื้อจะมีแนวโน้มที่ลดลงได้&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ได้มีการแจ้งให้หอการค้าจังหวัดและสมาคมการค้าช่วยกำกับดูแลผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิก&nbsp;พร้อมเสนอว่าภาครัฐต้องเข้ามาดูแลเรื่องราคาและการเข้า&nbsp;ATK&nbsp;ให้มากขึ้น&nbsp;เนื่องจากเป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจหาเชื้อเบื้องต้น&nbsp;</p><p><strong>ขณะที่การเลื่อนเปิดสถานบันเทิง</strong>&nbsp;อาจจะกระทบต่อผู้ประกอบการบ้าง&nbsp;แต่การอนุญาตให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นร้านอาหารได้แทน&nbsp;ก็ถือเป็นการช่วยบรรเทาผลกระทบได้ส่วนหนึ่ง&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว&nbsp;8&nbsp;จังหวัด&nbsp;ที่อนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึง&nbsp;3&nbsp;ทุ่ม&nbsp;ยังเป็นแนวทางที่เหมาะสมในช่วงเวลาเช่นกัน</p><p><strong>ส่วนการเปิดรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว&nbsp;3&nbsp;จังหวัด/พื้นที่</strong>&nbsp;ได้แก่&nbsp;สุราษฎร์ธานี&nbsp;พังงา&nbsp;และกระบี่&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;11&nbsp;มกราคมนั้น&nbsp;จะเป็นตัวเสริมให้การท่องเที่ยวค่อยๆ&nbsp;ฟื้นตัวขึ้น&nbsp;โดยภาคเอกชนเสนอให้ภาครัฐทยอยเพิ่มพื้นที่ที่มีความพร้อมในระยะต่อไปด้วย&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;การระงับ&nbsp;Test&nbsp;&amp;Go&nbsp;&nbsp;มองว่าจะกระทบต่อชื่อเสียงหรือภาพลักษณ์ของประเทศ&nbsp;รวมทั้งภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ภาครัฐจึงควรใช้วิธีปรับมาตรการ&nbsp;เช่นเดียวกับที่บางประเทศได้มีการนำมาปรับใช้แล้ว&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;หอการค้าไทยเห็นด้วยกับแนวทางของ&nbsp;ศบค.ที่ให้พิจารณาเพิ่มวันทำงานที่บ้าน&nbsp;และไม่ประกาศล็อกดาวน์&nbsp;โดยจะช่วยรณรงค์ไปยังเครือข่ายเพื่อให้ความร่วมมือต่อไป</p><p><br></p><p><br></p>7/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107203810709 พาณิชย์ศรีสะเกษ กำชับแม่ค้าหมูอย่าฉวยโอกาส ติดป้ายราคาให้ชัดเจน<p><strong>พาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษติดตามราคาหมูสดในตลาดพบว่าราคาสูงพร้อมกำชับอย่าฉวยโอกาสขึ้นราคาและให้ติดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</strong>&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>วันนี้&nbsp;(7&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายชัยรัตน์&nbsp;บุญส่ง&nbsp;พาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;</strong>ได้ลงพื้นที่สอบถามราคาหมูสดในตลาดต้นมะเกลือ&nbsp;เทศบาลเมืองศรีสะเกษ&nbsp;พบว่าราคาหมูปรับตัวสูงขึ้นจากเดิมอยู่ที่&nbsp;200-&nbsp;220&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;โดยแม่ค้าที่ซื้อหมูเป็นมาเชือดและชำแหละเอง&nbsp;ก็ยังต้องแบกรับกับราคาที่สูงกว่าปกติมาก&nbsp;เดิมเคยซื้อที่&nbsp;80&nbsp;-&nbsp;84&nbsp;บาท&nbsp;ต่อกิโลกรัม&nbsp;ตอนนี้ขึ้นมาที่&nbsp;110&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>นางสาวชญาน์ทิพย์&nbsp;เกษม&nbsp;แม่ค้าเขียงแม่โบ้ตลอดต้นมะเกลือ</strong>&nbsp;บอกว่า&nbsp;ตนเองจะซื้อหมูเป็นมาเชือดและชำแหละเอง&nbsp;เมื่อก่อนซื้อมาตัวละ&nbsp;7-8&nbsp;พันบาท&nbsp;ตอนนี้ราคาตัวละ&nbsp;11,000-12,000&nbsp;บาท&nbsp;ชำแหละแล้วหมูเนื้อแดงก็จะขายที่&nbsp;220-230&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;ซี่โครง&nbsp;190-200&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนหัวและขาขายกิโลกรัมละ&nbsp;110&nbsp;บาท&nbsp;หรือเท่าราคาทุนที่ซื้อมา&nbsp;ยอมรับว่ากำไรแทบไม่มี&nbsp;แต่ต้องจำใจต้องขายเพื่อรักษาลูกค้าประจำไว้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ด้านนางสาวอารียา&nbsp;คลองบ่อ&nbsp;แม่ค้าตลาดต้นมะเกลือ&nbsp;</strong>บอกว่า&nbsp;ตนเองซื้อหมูซีกมาชำแหละขาย&nbsp;เมื่อก่อนเคยซื้อมาขายวันละ&nbsp;1-2&nbsp;ตัว&nbsp;ตอนนี้ราคาหมูซีกตัวละ&nbsp;12,000-14,000&nbsp;บาท&nbsp;ถือว่าราคาช่วงนี้แพงมาก&nbsp;และคนไม่ค่อยซื้อด้วย&nbsp;บอกเลยว่า&nbsp;ขาดทุนหรือแทบไม่มีกำไร&nbsp;แต่ต้องจำใจต้องขายเพื่อรักษาลูกค้าประจำ&nbsp;เพราะบางเจ้ามาซื้อทุกวันหรือมาสั่งซื้อทุกวัน&nbsp;วอนรัฐบาลเร่งหาทางช่วย&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ขณะที่นายชัยรัตน์&nbsp;บุญส่ง&nbsp;พาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ</strong>&nbsp;ได้ชี้แจงพร้อมทำความเข้าใจกับแม่ค้าขายหมู&nbsp;ว่า&nbsp;ตอนนี้หมูขาดตลาด&nbsp;ทำให้หมูมีแพงราคาขึ้น&nbsp;อีกประมาณ&nbsp;3-4&nbsp;เดือนน่าจะมีหมูเป็นเข้าระบบมากขึ้น&nbsp;ราคาอาจจะลดลงกว่านี้&nbsp;ที่น่าเป็นห่วงคือช่วงตรุษจีน&nbsp;อาจขยับราคาขึ้น&nbsp;แต่ถึงอย่างไรก็ตาม&nbsp;ได้กำชับอย่าฉวยโอกาสขึ้นราคาเอาเปรียบผู้บริโภค&nbsp;และให้ติดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน&nbsp;เพื่อให้ประชาชนได้ตรวจเช็คราคาก่อนตัดสินใจซื้อ&nbsp;หากพบว่าราคาหมูขยับสูงผิดสังเกต&nbsp;ให้แจ้งสายด่วน&nbsp;1569&nbsp;ตลอด&nbsp;24&nbsp;ชม.</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;</p>7/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือศรีสะเกษสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107191800679 พาณิชย์ขอนแก่น เดินหน้านโยบายช่วยประชาชนช่วงราคาหมูแพง ย้ำมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค<p><strong>พาณิชย์จังหวัดขอนแก่น</strong>&nbsp;เผยราคาหมูเนื้อแดงในจุดจำหน่ายในขอนแก่น&nbsp;มีราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ&nbsp;190-210&nbsp;บาท&nbsp;พร้อมสำรวจจำนวนหมูในฟาร์มหมูขนาดใหญ่&nbsp;3&nbsp;แห่ง&nbsp;พบมีจำหน่ายเดือนละกว่า&nbsp;32,000&nbsp;&nbsp;ตัว&nbsp;คาดเพียงพอขายใน&nbsp;6&nbsp;เดือน</p><p><strong>นายชาญยุทธ&nbsp;วันดี&nbsp;พาณิชย์จังหวัดขอนแก่น&nbsp;เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาหมูเนื้อแดงในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น&nbsp;ว่า</strong>&nbsp;จากการลงพื้นที่สำรวจราคาหมูเนื้อแดงในหลาย&nbsp;ๆ&nbsp;จุด&nbsp;ในพื้นที่เขตเมืองขอนแก่น&nbsp;พบว่ามีราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ&nbsp;190-210&nbsp;บาท&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ยังได้ลงพื้นที่สำรวจปริมาณผลผลิตสุกรในฟาร์มขนาดใหญ่&nbsp;ที่มีปริมาณการเลี้ยงสุกรมากกว่า&nbsp;500&nbsp;ตัว&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;แห่ง&nbsp;พบว่ามีจำนวนสุกรขุนที่จะขายได้จำนวนรวม&nbsp;32,224&nbsp;ตัว&nbsp;ส่วนปริมาณสต๊อกเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์สุกรในห้องเย็น&nbsp;9&nbsp;แห่งในจังหวัดขอนแก่น&nbsp;พบว่ามีเนื้อสุกรรวม&nbsp;36,544&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;และผลิตภัณฑ์สุกรรวม&nbsp;4,180&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ซึ่งคาดว่าน่าจะเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค</p><p><strong>จากสถานการณ์เนื้อหมูราคาแพง&nbsp;และเนื้อหมูขาดตลาดตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;จนถึงปัจจุบัน</strong>&nbsp;ทำให้ร้านค้า&nbsp;ร้านอาหารต่างขอปรับราคาอาหารที่มีเนื้อหมูเป็นส่วนประกอบกันเป็นจำนวนมาก&nbsp;เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของผู้บริโภค&nbsp;พาณิชย์จังหวัดขอนแก่นจึงได้ขานรับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ด้วยการเปิดจุดจำหน่ายหมูพาณิชย์ขึ้น&nbsp;5&nbsp;จุด&nbsp;ในเขตอำเภอเมืองขอนแก่น&nbsp;ได้แก่&nbsp;ตำบลแดงใหญ่&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;ตำบลบ้านเป็ด&nbsp;3&nbsp;จุด&nbsp;และตำบลในเมือง&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;จำหน่ายเนื้อหมูในโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;โดยการจำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;5-15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p><strong>พาณิชย์จังหวัดขอนแก่น&nbsp;กล่าวอีกว่า</strong>&nbsp;สำหรับการเปิดจุดจำหน่ายเนื้อหมูในโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาสุกรที่สูงขึ้น&nbsp;และให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน</p>7/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขอนแก่นสวท.ขอนแก่นhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107174108623 ตรวจเข้มเครื่องชั่งน้ำหนักหมู เอาผิดผู้ค้าเอาเปรียบผู้บริโภค สร้างความมั่นใจให้ประชาชนช่วงหมูแพง<p><strong>นายอาวุธ&nbsp;วงศ์สวัสดิ์&nbsp;รองอธิบดีกรมการค้าภายใน&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;จากสถานการณ์ราคาหมูที่ปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเร่งบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ&nbsp;ขณะเดียวกันได้ให้ความสำคัญกับการรักษาความเป็นธรรมให้กับผู้บริโภคเกี่ยวกับเครื่องชั่ง&nbsp;ว่าจะได้ปริมาณถูกต้องครบถ้วน&nbsp;จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบเครื่องชั่งจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;</p><p><strong>จากการตรวจสอบระหว่างวันที่&nbsp;30&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;-&nbsp;4&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</strong>&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานประกอบการ&nbsp;จำนวนรวมทั้งสิ้น&nbsp;208&nbsp;แห่ง&nbsp;ตรวจสอบเนื้อหมูแพ็คสำหรับจำหน่าย&nbsp;จำนวน&nbsp;10,172&nbsp;แพ็ค&nbsp;พบน้ำหนักถูกต้องทั้งหมด&nbsp;ตรวจสอบเครื่องชั่งสปริงสำหรับชั่งจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;จำนวน&nbsp;292&nbsp;เครื่อง&nbsp;พบถูก&nbsp;290&nbsp;เครื่อง&nbsp;พบผิด&nbsp;2&nbsp;เครื่อง&nbsp;โดยเจ้าหน้าที่ชั่งตวงวัดได้ดำเนินการยึดเครื่องที่ผิดทั้งหมด&nbsp;</p><p><strong>ขณะที่การตรวจสอบเครื่องชั่งดิจิทัล&nbsp;สำหรับชั่งจำหน่ายเนื้อหมู</strong>&nbsp;จำนวน&nbsp;349&nbsp;เครื่อง&nbsp;พบถูก&nbsp;346&nbsp;เครื่อง&nbsp;พบผิด&nbsp;3&nbsp;เครื่อง&nbsp;ได้ดำเนินการผูกบัตรห้ามใช้ทั้งหมด&nbsp;</p><p><strong>กรมการค้าภายใน&nbsp;จะส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องชั่งอย่างต่อเนื่อง</strong>&nbsp;&nbsp;หากพบมีการดัดแปลงเพื่อขายสินค้าให้กับประชาชน&nbsp;จะมีความผิด&nbsp;โทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;และปรับไม่เกิน&nbsp;280,000&nbsp;บาท&nbsp;หากพบเห็นการกระทำผิด&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>7/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107203448706 ปรับราคาขายปลีกน้ำมันเฉพาะกลุ่มดีเซลทุกชนิด 40 สตางค์ต่อลิตร <p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">กลุ่มผู้ค้าน้ำมัน&nbsp;บริษัท&nbsp;ปตท.&nbsp;และบางจาก</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">&nbsp;แจ้งว่าตั้งแต่เวลา&nbsp;05.00&nbsp;น.&nbsp;ของวันที่&nbsp;8&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;ราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มดีเซลทุกชนิด&nbsp;จะปรับราคาขึ้น&nbsp;0.40&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไฮพรีเมียม&nbsp;ดีเซล&nbsp;B7&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;35.46&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;ไฮดีเซล&nbsp;B7&nbsp;ไฮดีเซล&nbsp;S&nbsp;และไฮดีเซล&nbsp;B20&nbsp;S&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;29.44&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;สำหรับผลิตภัณฑ์อื่นราคาคงเดิม&nbsp;โดยน้ำมันเบนซินอยู่ที่&nbsp;39.16&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;แก๊สโซฮอล์&nbsp;E85&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;24.14&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;แก๊สโซฮอล์&nbsp;E20&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;30.24&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;แก๊สโซฮอล์&nbsp;91&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;31.48&nbsp;บาทต่อลิตรแก๊สโซฮอล์&nbsp;95&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;31.75&nbsp;บาทต่อลิตร</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>7/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107205949719 พาณิชย์จังหวัดนครพนม นำคณะทำงานตรวจสอบสต๊อกข้าวของผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการชดเชยดอกเบี้ย ปี 2564/2565<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พาณิชย์จังหวัดนครพนม&nbsp;นำคณะทำงานตรวจสอบสต๊อกข้าวของผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการชดเชยดอกเบี้ย&nbsp;ปี&nbsp;2564/2565</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;7&nbsp;มกราคม&nbsp;2564&nbsp;นายจิรวุฒิ&nbsp;สุวรรณอาจ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดนครพนม</strong>&nbsp;มอบหมายให้กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;นำคณะทำงานตรวจสอบสต๊อก&nbsp;ตรวจสอบเอกสาร&nbsp;และรับรองข้อมูลการรับซื้อข้าวเปลือกของผู้เข้าร่วมโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก&nbsp;จังหวัดนครพนม&nbsp;ประจำเดือนธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ณ&nbsp;บริษัท&nbsp;นครพนมธัญญไรซ์&nbsp;จำกัด&nbsp;ผลสต๊อกข้าวเปลือกหอมมะลิ&nbsp;จำนวน&nbsp;2,796.40&nbsp;ตัน&nbsp;มูลค่า&nbsp;31,227,398.80&nbsp;บาท&nbsp;ข้าวสารหอมมะลิ&nbsp;จำนวน&nbsp;336&nbsp;ตัน&nbsp;มูลค่า&nbsp;9,576,000&nbsp;บาท&nbsp;มูลค่ารวม&nbsp;40,803,398.80&nbsp;บาท&nbsp;ครอบคลุมตั๋วสัญญาใช้เงิน&nbsp;มูลค่า&nbsp;33&nbsp;ล้านบาท</p>7/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครพนมสวท.นครพนมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107190415667 พาณิชย์นครพนมช่วยประชาชนจำหน่ายหมูเนื้อแดงราคากิโลกรัม 150 บาท<p><strong>"โครงการหมูพาณิชย์..ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;จังหวัดนครพนม&nbsp;</strong>จำหน่ายหมูเนื้อแดงราคา&nbsp;150&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;5-15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;มีจำนวน&nbsp;4&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;ดังนี้</p><p>&nbsp;1)&nbsp;ร้านแหลมทองโภคภัณฑ์&nbsp;ข้างธนาคารออมสิน&nbsp;สาขานครพนม&nbsp;(จำหน่ายเฉพาะวันจันทร์-ศุกร์)</p><p>&nbsp;2)&nbsp;ร้านอารีย์เนื้อหมูสด&nbsp;ต.หนองสังข์&nbsp;อ.นาแก</p><p>&nbsp;3)&nbsp;ร้านกวินหมูสด&nbsp;ต.นาแก&nbsp;อ.นาแก</p><p>&nbsp;4)&nbsp;ร้านตุ๊ดตู่หมูสด&nbsp;ต.พิมาน&nbsp;อ.นาแก</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;</p>7/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครพนมสวท.นครพนมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107190716670 รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ลงพื้นที่สำรวจแนวสร้างสะพาน เกาะนางคำ จ.พัทลุง-อ.ควนเนียง จ.สงขลา เพื่อความสะดวกของประชาชนทั้ง 2 จังหวัด<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายพิพัฒน์&nbsp;รัชกิจประการ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา</strong>&nbsp;ลงพื้นที่บ้านท่าเนียน&nbsp;ตำบลเกาะนางคำ&nbsp;อำเภอปากพะยูน&nbsp;จังหวัดพัทลุง&nbsp;เพื่อดูแนวสร้างสะพานข้ามฝั่ง&nbsp;จากบ้านท่าเนียน&nbsp;ตำบลเกาะนางคำ&nbsp;อำเภอปากพะยูน&nbsp;จังหวัดพัทลุง&nbsp;เพื่อข้ามไปยังบ้านปากจ่า&nbsp;อำเภอควนเนียง&nbsp;จังหวัดสงขลา&nbsp;โดยมีนางนาที&nbsp;รัชกิจประการ&nbsp;ประธานที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี&nbsp;นายอนุทิน&nbsp;ชาญวีรกูล&nbsp;นายกู้เกียรติ&nbsp;วงศ์กระพันธุ์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง&nbsp;ผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา&nbsp;ผู้บริหารจังหวัดพัทลุง&nbsp;และประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายพิพัฒน์&nbsp;รัชกิจประการ&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;การสร้างสะพานแห่งนี้&nbsp;จะทำให้การเดินทางของพี่น้องประชาชนทั้ง&nbsp;2&nbsp;จังหวัดสะดวกมากยิ่งขึ้น&nbsp;สามารถลดระยะเวลาการเดินทางได้มาก&nbsp;และที่สำคัญจะสามารถทำเป็นวงรอบในการเดินทางท่องเที่ยว&nbsp;เชิงธรรมชาติ&nbsp;วัฒนธรรม&nbsp;ประเพณี&nbsp;และประวัติศาสตร์&nbsp;โบราณคดี&nbsp;ในพื้นที่ทั้ง&nbsp;2&nbsp;จังหวัดได้เป็นอย่างดี&nbsp;จึงมีความเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะสร้างสะพานในจุดนี้</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>โดยหลังจากนี้จะนำเรื่องทั้งหมดในการลงพื้นที่ครั้งนี้</strong>&nbsp;เพื่อไปหารือกับกระทรวงคมนาคม&nbsp;และกระทวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่อไป&nbsp;พร้อมระบุว่า&nbsp;จะดำเนินการขอใช้งบประมาณเหลือจ่ายเพื่อนำมาดำเนินการก่อสร้างสะพานให้เร็วที่สุด&nbsp;ซึ่งคาดว่าหากไม่มีปัญหา&nbsp;จะสามารถเริ่มก่อสร้างสะพานได้ในปีนี้</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำหรับสะพานแห่งนี้จะมีความยาวประมาณ&nbsp;200&nbsp;เมตร</strong>&nbsp;เป็นสะพานโค้งคอนกรีตเสริมเหล็ก&nbsp;คาดว่าจะใช้งบประมาณไม่เกิน&nbsp;100&nbsp;ล้านบาท&nbsp;โดยขั้นตอนแรกจะต้องขออนุญาตการก่อสร้างสะพานจากกรมอุทยานแห่งชาติ&nbsp;สัตว์ป่า&nbsp;และพันธุ์พืช&nbsp;ก่อน&nbsp;เนื่องจากบริเวณดังกล่าวอยู่ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่า&nbsp;หากได้รับการอนุญาตจะต้องดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนในพื้นที่&nbsp;รวมทั้งทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม&nbsp;หรือ&nbsp;EIA&nbsp;จึงจะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;จากการสอบถามประชาชนในพื้นที่บ้านท่าเนียน&nbsp;ตำบลเกาะนางคำ&nbsp;อำเภอปากพะยูน&nbsp;จังหวัดพัทลุง</strong>&nbsp;ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากให้มีการสร้างสะพานในจุดนี้&nbsp;เนื่องจากจะสามารถเดินทางได้สะดวกมากยิ่งขึ้น&nbsp;สามารถส่งเสริมการท่องเที่ยว&nbsp;และกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับคนในพื้นที่ทั้ง&nbsp;2&nbsp;จังหวัดได้อีกด้วย</p>7/1/2022ภาคใต้พัทลุงสวท.พัทลุงhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107193813687 ททท. เปิดตัวเส้นทางท่องเที่ยว “Unseen New Series” ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมเปิดตัวชุมชนเพื่อการท่องเที่ยว<p><strong>วันนี้&nbsp;(7&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;เวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.</strong>&nbsp;ที่โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา&nbsp;อำเภอสีคิ้ว&nbsp;จังหวัดนครราชสีมา<strong>&nbsp;</strong>นางสาว&nbsp;ฐาปนีย์&nbsp;เกียรติไพบูลย์&nbsp;รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ&nbsp;การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;(ททท.)&nbsp;เปิดตัวเส้นทางท่องเที่ยว&nbsp;“Unseen&nbsp;New&nbsp;Series”&nbsp;ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ&nbsp;ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ&nbsp;25&nbsp;Unseen&nbsp;New&nbsp;Series&nbsp;ของ&nbsp;ททท.&nbsp;โดย&nbsp;ททท.&nbsp;ได้คัดเลือกแหล่งท่องเที่ยว&nbsp;อันซีนไทยแลนด์เวอร์ชั่นใหม่จำนวน&nbsp;25&nbsp;แหล่งท่องเที่ยวจากทั่วประเทศ&nbsp;นำมาเป็นจุดขายใหม่ทางการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น&nbsp;สำหรับแหล่งท่องเที่ยว&nbsp;Unseen&nbsp;New&nbsp;Series&nbsp;ในภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือประกอบไปด้วย&nbsp;5&nbsp;แหล่งท่องเที่ยว&nbsp;ได้แก่&nbsp;โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา&nbsp;(เมืองใต้พิภพและเมืองลอยฟ้า)&nbsp;จ.นครราชสีมา/เมืองพญานาค&nbsp;3&nbsp;พิภพ&nbsp;จ.มุกดาหาร/ภูพระ&nbsp;(ภูเขาแห่งแรงศรัทธา)&nbsp;จ.เลย/หอโหวด&nbsp;101&nbsp;จ.ร้อยเอ็ด/และโลกของช้าง&nbsp;จ.สุรินทร์&nbsp;</p><p><strong>นางสาวฐาปนีย์&nbsp;เกียรติไพบูลย์&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;การเปิดโฉมใหม่&nbsp;“Unseen&nbsp;New&nbsp;Series”&nbsp;เป็นแคมเปญ&nbsp;ททท.ชวนเที่ยวเมืองไทยออกไปสัมผัสกับเมืองไทย&nbsp;ในมุมที่เราอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน&nbsp;ผ่านแหล่งท่องเที่ยว&nbsp;25&nbsp;แห่ง&nbsp;5&nbsp;ภูมิภาคทั่วไทย&nbsp;ซึ่งมีทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ&nbsp;และแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น&nbsp;(Man&nbsp;Made)&nbsp;โดยโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา&nbsp;กฟผ.&nbsp;ก็เป็น&nbsp;1&nbsp;ใน&nbsp;5&nbsp;แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการคัดสรรให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว&nbsp;Unseen&nbsp;และ&nbsp;BCG&nbsp;Model&nbsp;ที่โดดเด่นของภาคอีสาน&nbsp;นับเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวใหม่</p><p><strong>“เมืองลอยฟ้า”&nbsp;(อ่างพักน้ำบนเขายายเที่ยง)&nbsp;</strong>ซึ่งถูกกล่าวขานว่าเป็นจุดชมวิวหมื่นล้านที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทย&nbsp;รวมถึงเป็นที่ตั้งของ&nbsp;“เมืองใต้พิภพ”&nbsp;(อุโมงค์โรงไฟฟ้าใต้ดิน)&nbsp;ที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินกว่า&nbsp;1.5&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;ใช้เป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้า&nbsp;โดยการสูบน้ำจากเขื่อนลำตะคองไปเก็บไว้ที่อ่างพักน้ำบนเขายายเที่ยง&nbsp;นับเป็น&nbsp;Unseen&nbsp;จุดเช็คอินที่ไม่เหมือนใคร</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ภายในงาน&nbsp;ททท.</strong>&nbsp;ยังมีการพาผู้สื่อข่าวและตัวแทนบริษัทนำเที่ยวโดยเฉพาะสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์&nbsp;(TEATA)&nbsp;และได้รับการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า&nbsp;100%&nbsp;(บริษัท&nbsp;เบส&nbsp;ออโต้เซลล์&nbsp;จำกัดและไพรม์มัส&nbsp;ออโต้เฮาส์)&nbsp;ร่วมออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวสายสุขภาพ&nbsp;กัญชง&nbsp;กัญชา&nbsp;BCG&nbsp;Model&nbsp;และ&nbsp;Happy&nbsp;Model&nbsp;ผนวกเข้าร่วมกิจกรรมเปิดตัวชุมชนท่องเที่ยวทั่วประเทศ&nbsp;25&nbsp;ชุมชน&nbsp;</p><p><strong>ประกอบด้วย&nbsp;ภาคเหนือ&nbsp;</strong>1.สุโขทัย&nbsp;(ชุมชนเมืองเก่าสุโขทัย)&nbsp;2.&nbsp;เชียงราย&nbsp;(ชุมชนปางห้า)&nbsp;3.&nbsp;น่าน&nbsp;(ชมุชนบ้านม่วงตื๊ด)&nbsp;4.&nbsp;แม่ฮ่องสอน&nbsp;(ชุมชนเมืองปอน)&nbsp;5.&nbsp;ตาก&nbsp;(ยะพอ)&nbsp;</p><p><strong>ภาคกลาง</strong>&nbsp;6.สุพรรณบุรี&nbsp;(ชุมชนบ้านดงเย็น)&nbsp;7.&nbsp;เพชรบุรี&nbsp;(ชุมชนบ้านถ้ำเสือ)&nbsp;8.&nbsp;สระบุรี&nbsp;(ชุมชนบ้านพุแค)&nbsp;9.&nbsp;อยุธยา&nbsp;(ชุมชนเกาะเกิด)&nbsp;10.&nbsp;ชัยนาท&nbsp;(ชุมชนตลาดโรงพักเก่าสรรพยา)&nbsp;</p><p><strong>ภาคอีสาน</strong>&nbsp;11.&nbsp;นครราชสีมา&nbsp;(ชุมชนเขายายเที่ยง)&nbsp;12.&nbsp;เลย&nbsp;(ชุมชนภูป่าเปาะ)&nbsp;13.&nbsp;หนองคาย&nbsp;(ชุมชนบ้านเดื่อ)&nbsp;14.&nbsp;อุบลราชธานี&nbsp;(ชุมชนบ้านชีทวน)&nbsp;15.&nbsp;ชัยภูมิ&nbsp;(ชัยภูมิ)&nbsp;</p><p><strong>ภาคใต้&nbsp;</strong>16.&nbsp;สตูล&nbsp;(ชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก)&nbsp;17.&nbsp;นครศรีธรรมราช&nbsp;(ชุมชนบ้านพรหมโลก)&nbsp;18.&nbsp;ระนอง&nbsp;(ชุมชนม่วงกลวง)&nbsp;19.&nbsp;ตรัง&nbsp;(ชุมชนบ่อหินฟาร์มสเตย์)&nbsp;20.&nbsp;ปัตตานี&nbsp;(ชุมชนบ้านทรายขาว)&nbsp;</p><p><strong>ภาคตะวันออก</strong>&nbsp;21.&nbsp;ชลบุรี&nbsp;(ชุมชนบ้านซากแง้ว)&nbsp;22.&nbsp;จันทบุรี&nbsp;ชุมชนท่องเที่ยวบ้านเสด็จงาม)&nbsp;23.&nbsp;ตราด&nbsp;(ชุมชนบ้านธรรมชาติล่าง)&nbsp;24.&nbsp;สมุทรปราการ&nbsp;(ชุมชนบ้านกอบัว)&nbsp;25.&nbsp;นครนายก&nbsp;(ชุมชนบ้านวังรี)&nbsp;</p><p><strong>โดยพร้อมกิจกรรมนำร่องชุมชนท่องเที่ยวเขายายเที่ยง</strong>&nbsp;นักท่องเที่ยวจะได้พบกับกิจกรรมปลูกป่าลอยฟ้า&nbsp;ชมเขาเควสตา&nbsp;และผาชัน&nbsp;เป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนเชิงสร้างสรรค์&nbsp;(Creative&nbsp;Tourism)&nbsp;ริเริ่มโดย&nbsp;ททท.&nbsp;มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ทำความรู้จักเรียนรู้&nbsp;และทดลองทำกิจกรรมที่น่าสนใจกับเจ้าของพื้นที่&nbsp;ซึ่งผลประโยชน์ที่จะได้รับก็คือนักท่องเที่ยวได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงของปราชญ์ชาวบ้าน&nbsp;เกิดความรักความผูกพันต่อวิถีความเป็นอยู่ของสถานที่ที่ได้ไปเยือน&nbsp;รวมทั้งพัฒนาศักยภาพของตน&nbsp;และเกิดแรงบันดาลใจใหม่&nbsp;ๆ&nbsp;จากการเดินทางท่องเที่ยว&nbsp;ในทางกลับกัน&nbsp;การใช้เวลาเพื่อทำกิจกรรมในแต่ละแหล่งท่องเที่ยวย่อมส่งผลให้เกิดการพักค้างที่นานขึ้น&nbsp;เกิดการใช้จ่าย&nbsp;ในการประกอบกิจกรรมมากขึ้น&nbsp;กระจายรายได้นั้นไปสู่ระดับสังคม&nbsp;ชุมชนท้องถิ่นอย่างแท้จริงและยั่งยืนต่อไป</p><p><strong>ททท.&nbsp;คาดว่า&nbsp;</strong>การจัดกิจกรรมดังกล่าวโดยรวมจะสามารถกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้อย่างต่อเนื่องในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวนี้&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวชาวไทยไปสู่พื้นที่รอง&nbsp;ลดการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยวในเมืองหลัก&nbsp;สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองของ&nbsp;ททท.&nbsp;รวมทั้ง&nbsp;สร้างการรับรู้ภาพลักษณ์โฉมใหม่&nbsp;“Cool&nbsp;Isan&nbsp;in&nbsp;Love”&nbsp;ของภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือในมุมมองใหม่บนพื้นฐานของเศรษฐกิจสร้างสรรค์&nbsp;(Creative&nbsp;Economy)&nbsp;และต้องขอขอบคุณหน่วยงานภาคีเครือข่ายอันประกอบด้วย&nbsp;จังหวัดนครราชสีมา&nbsp;องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา&nbsp;การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย&nbsp;มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา&nbsp;มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี&nbsp;สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา&nbsp;สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษและผจญภัย&nbsp;และชุมชนเขายายเที่ยงที่ร่วมสนับสนุนการดำเนินการในเชิงบูรณาการ</p><p><strong>นายดนุนันท์&nbsp;ไชยทุม&nbsp;หัวหน้ากองเดินเครื่องโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>สำหรับโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนาที่เป็น&nbsp;1&nbsp;ใน&nbsp;5&nbsp;ของแหล่งท่องเที่ยว&nbsp;Unseen&nbsp;New&nbsp;Series&nbsp;ในภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการชูจุดเด่นคือ“เมืองลอยฟ้า”&nbsp;(อ่างพักน้ำบนเขายายเที่ยง)&nbsp;ซึ่งถูกกล่าวขานว่าเป็นจุดชมวิวหมื่นล้านที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทย&nbsp;รวมถึงเป็นที่ตั้งของ&nbsp;“เมืองใต้พิภพ”&nbsp;(อุโมงค์โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา)&nbsp;และยังมีการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ในชุมชนเขายายเที่ยงนับว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก</p><p><strong>สำหรับโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา&nbsp;จ.นครราชสีมา</strong>&nbsp;เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ&nbsp;และเป็นโรงไฟฟ้าใต้ดินแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย&nbsp;โดยชื่อ&nbsp;“โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา”&nbsp;มีความหมายว่า&nbsp;โรงไฟฟ้าลำตะคองเป็นที่พัฒนาแสงไฟด้วยน้ำ&nbsp;อาคารของโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา&nbsp;สร้างไว้ใต้ระดับผิวดินลึกกว่า&nbsp;350&nbsp;เมตร&nbsp;โดยติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบสูบกลับกำลังผลิตเครื่องละ&nbsp;250&nbsp;เมกะวัตต์&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;เครื่อง&nbsp;รวมกำลังการผลิตทั้งหมด&nbsp;1,000&nbsp;เมกะวัตต์&nbsp;การทำงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ&nbsp;คือ&nbsp;เมื่อถึงช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าน้อย&nbsp;จะมีการสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคองของกรมชลประทาน&nbsp;&nbsp;ขึ้นไปเก็บไว้ที่อ่างพักน้ำตอนบน&nbsp;และเมื่อมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงจะปล่อยน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้า&nbsp;โดยปล่อยลงอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคองเหมือนเดิม&nbsp;ซึ่งเป็นการบริหารจัดการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>7/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครราชสีมาสวท.นครราชสีมาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220108003329737 พาณิชย์อุดรธานีช่วยประชาชนจำหน่ายหมูเนื้อแดงราคากิโลกรัม 150 บาท<p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุดรธานี</strong>&nbsp;จัดจำหน่ายหมูเนื้อแดงราคา&nbsp;150&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;โครงการหมูพาณิชย์..ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;จังหวัดอุดรธานี&nbsp;ตั้งแต่บัดนี้-วันที่&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่ตลาดโพศรี&nbsp;ตำบลหมากแข้ง&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดอุดรธานี</p><p><strong>นายประเสริฐ&nbsp;ฝ่ายชาวนา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดอุดรธานี&nbsp;</strong>กล่าวว่า&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุดรธานี&nbsp;จัดทำโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนจำหน่ายหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ตามนโยบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;&nbsp;ที่ได้ให้พาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด&nbsp;ร่วมกับผู้ประกอบการจำหน่ายหมูชำแหละในราคาหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท</p><p><strong>ในการจำหน่ายครั้งนี้</strong>ต้องขอบคุณคณะผู้บริหารตลาดโพธิ์ศรีและผู้ประกอบการค้าหมูชำแหละที่เข้าร่วมโครงการจึงอยากเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดอุดรธานีที่ท่านต้องการซื้อหมูในโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;มาซื้อได้ที่ตลาดโพธิ์ศรี&nbsp;ซึ่งเป็นตลาดบ่าย&nbsp;โดยมาอุดหนุนได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;</p>7/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุดรธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107231344724 พาณิชย์กระบี่ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดจำหน่ายเนื้อหมู ตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน (หมูเนื้อแดง) ครั้งที่ 2<p><strong>จากสถานการณ์เนื้อหมูราคาแพง</strong>&nbsp;และเนื้อหมูขาดตลาดตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;จนถึงปัจจุบัน&nbsp;ทำให้ร้านค้า&nbsp;ร้านอาหาร&nbsp;ต่างขอปรับราคาอาหารที่มีเนื้อหมูเป็นส่วนประกอบกันเป็นจำนวนมากปัจจัยสำคัญที่ทำให้เนื้อหมูราคาปรับสูงขึ้นมาจาก&nbsp;2&nbsp;เหตุผล&nbsp;ได้แก่&nbsp;1.ผู้เลี้ยงสุกรแบกภาระต้นทุนด้านการเลี้ยงไม่ไหวจึงตัดสินใจปล่อยฟาร์มร้าง&nbsp;ทำให้หมูขาดตลาด&nbsp;และ&nbsp;2.&nbsp;ผู้เลี้ยงสุกรต้องใช้เงินลงทุนในระบบป้องกันโรค&nbsp;หรือ&nbsp;Biosecurity&nbsp;สูงมาก&nbsp;ทำให้มีต้นทุนเพิ่ม</p><p><strong>นายสุภาพ&nbsp;จีนเมือง&nbsp;พาณิชย์จังหวัดกระบี่</strong>&nbsp;กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;สคบ.จังหวัด&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัด&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดจำหน่ายเนื้อหมูในโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;2)&nbsp;จังหวัดกระบี่&nbsp;โดยกำหนดจำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;6&nbsp;-&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;ดังนี้&nbsp;1.ตลาดสดมหาราช&nbsp;อ.เมืองกระบี่&nbsp;2.หน้าร้านสะดวกซื้อ&nbsp;ลิกไนซ์&nbsp;อ.เหนือคลอง&nbsp;3.หน้าแยกตลาดใน&nbsp;อ.เหนือคลอง&nbsp;4.หลังตลาดสดเทศบาลตำบลคลองท่อมใต้&nbsp;อ.คลองท่อม</p><p><strong>นายสุภาพ&nbsp;จีนเมือง&nbsp;พาณิชย์จังหวัดกระบี่&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;สำหรับการเปิดจุดจำหน่ายเนื้อหมูในโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;(หมูเนื้อแดง)&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2"&nbsp;เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาสุกรที่สูงขึ้น&nbsp;และให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมู&nbsp;ถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;ปรากฎมีประชาชนให้ความสนใจเลือกซื้อเป็นจำนวนมาก</p><p><strong>ด้าน&nbsp;น.ส.อรัญญา&nbsp;ครุฑคาบแก้ว</strong>&nbsp;อายุ&nbsp;31&nbsp;ปี&nbsp;เจ้าของแผงหมูหน้าตลาดสดมหาราช&nbsp;เทศบาลเมืองกระบี่&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ตั้งแต่ขายหมูมาก็ไม่เคยเห็นว่าราคาหมูจะปรับขึ้นรวดเร็วเช่นนี้มาก่อน&nbsp;ทำให้กระทบกับยอดขาย&nbsp;ลูกค้าบางคนเห็นราคาก็หันไปซื้อเนื้อไก่แทน&nbsp;แต่หลังจากที่ทางพาณิชย์ได้มีโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;ราคา&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;เมื่อลูกค้าเห็นก็จะแวะซื้อทันที&nbsp;เพราะเนื้อหมูที่เข้าร่วมโครงการเป็นเนื้อหมูที่ได้มาตรฐาน&nbsp;ยอมรับว่าหลังเข้าร่วมโครงการวันนี้ยอดขายดีขึ้น</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>7/1/2022ภาคใต้กระบี่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220107233921728 นายกรัฐมนตรี สั่งยกระดับช่วยเหลือประชาชน แก้ไขปัญหาราคาสินค้าราคาแพง ลดภาระประชาชน<p><strong>นายธนกร&nbsp;วังบุญคงชนะ&nbsp;โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลาโหม&nbsp;ติดตามสถานการณ์และห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาหารซึ่งปรับตัวสูงขึ้นในหลายประเภท&nbsp;โดยกำชับสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมกันกำกับดูแลราคาสินค้าและช่วยเหลือประชาชนให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมและควบคุมได้&nbsp;</p><p><strong>จากสถานการณ์ดังกล่าว</strong>&nbsp;รัฐบาลได้ยกระดับมาตรการขั้นสูงสุดในการควบคุมราคาอาหารสด&nbsp;&nbsp;โดยราชกิจจานุเบกษาได้ออกประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ฉบับที่&nbsp;1&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;เรื่อง&nbsp;ห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักร&nbsp;และประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ฉบับที่&nbsp;2&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;เรื่อง&nbsp;การแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;กำหนดห้ามมิให้ส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักรทุกกรณีเป็นการชั่วคราว&nbsp;เป็นระยะเวลา&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;นับตั้งแต่วันที่&nbsp;5&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อให้ปริมาณสุกรและเนื้อสุกร&nbsp;มีเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ&nbsp;</p><p><strong>นายกรัฐมนตรี&nbsp;ได้กำชับและสั่งการให้ทุกหน่วยงาน</strong>&nbsp;ติดตาม&nbsp;และออกมาตรการช่วยเหลือ&nbsp;&nbsp;บรรเทาผลกระทบที่เกิดกับประชาชนอย่างเร่งด่วน&nbsp;ทั้งมาตรการระยะสั้นและระยะยาว&nbsp;บูรณาการการทำงานร่วมกันจากทุกภาคส่วน&nbsp;ให้สอดคล้องต่อสถานการณ์และเพื่อความยั่งยืนต่อไป&nbsp;ในอนาคต</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี</strong>&nbsp;กล่าวถึงสาเหตุของการปรับตัวของราคาสินค้าในหลายหมวดนั้นว่า&nbsp;เป็นไปตามกลไกตลาดอาหารโลก&nbsp;ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีราคาอาหารโลก&nbsp;&nbsp;FAO&nbsp;Food&nbsp;Price&nbsp;Index:&nbsp;FFPI)&nbsp;ที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ&nbsp;(FAO)&nbsp;รายงานว่า&nbsp;ค่าเฉลี่ยของราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลักที่มีการซื้อขายมากที่สุดทั่วโลกในปี&nbsp;2564&nbsp;อยู่ที่ร้อยละ&nbsp;125.7&nbsp;ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ&nbsp;28.1&nbsp;จากปี&nbsp;2563&nbsp;และเป็นระดับสูงสุด&nbsp;นับตั้งแต่เมื่อปี&nbsp;2554&nbsp;ซึ่งเคยสูงถึงร้อยละ&nbsp;131.9&nbsp;ขณะเดียวกัน&nbsp;รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคของประเทศไทย&nbsp;ยังชี้ให้เห็นว่ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน&nbsp;โดยค่าเฉลี่ยของปี&nbsp;2564&nbsp;เมื่อเทียบกับปี&nbsp;2563&nbsp;เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ&nbsp;1.23&nbsp;และในไตรมาสที่&nbsp;4&nbsp;ของปี&nbsp;2564&nbsp;เทียบกับไตรมาสที่&nbsp;4&nbsp;ปี&nbsp;2563&nbsp;เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ&nbsp;2.42&nbsp;โดยราคาสินค้ากลุ่มอาหารสด&nbsp;เช่น&nbsp;ราคาของเนื้อสุกร&nbsp;ซึ่งเป็นผลกระทบจากต้นทุนการเลี้ยง&nbsp;(อาหารสัตว์&nbsp;ยารักษาโรค)&nbsp;เพิ่มสูงขึ้น&nbsp;รวมทั้งปัญหาโรคระบาดในสุกรและมาตรการลดความเสี่ยงโดยการจำกัดจำนวนการเลี้ยงที่ทำให้ปริมาณสุกรในระบบลดลง</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>8/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220108103051779 ททท. แถลงข่าวเปิดตัวเส้นทางท่องเที่ยว “Unseen New Series” ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในอีสาน<p><strong>นางสาวฐาปนีย์&nbsp;เกียรติไพบูลย์</strong>&nbsp;<strong>รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ</strong>&nbsp;การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;(ททท.)&nbsp;แถลงข่าวเปิดตัวเส้นทางท่องเที่ยว&nbsp;"&nbsp;Unseen&nbsp;New&nbsp;Series"&nbsp;ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ&nbsp;ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ&nbsp;25&nbsp;Unseen&nbsp;New&nbsp;Series&nbsp;ของ&nbsp;ททท.&nbsp;โดย&nbsp;ททท.&nbsp;ได้คัดเลือกแหล่งท่องเที่ยวอันชีนไทยแลนด์เวอร์ชันใหม่&nbsp;จำนวน&nbsp;25&nbsp;แหล่งท่องเที่ยวจากทั่วประเทศ&nbsp;นำมาเป็นจุดขายใหม่ทางการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น</p><p><strong>สำหรับแหล่งท่องเที่ยว&nbsp;Unseen&nbsp;New&nbsp;Series&nbsp;ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ</strong>&nbsp;ประกอบไปด้วย&nbsp;5&nbsp;แหล่งท่องเที่ยว&nbsp;ได้แก่&nbsp;โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา&nbsp;จังหวัดนครราชสีมา&nbsp;,&nbsp;พญานาค&nbsp;3&nbsp;พิภพ&nbsp;จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;,&nbsp;ภูพระ&nbsp;จังหวัดเลย&nbsp;,&nbsp;หอโหวด&nbsp;จังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;และโลกของช้าง&nbsp;จังหวัดสุรินทร์</p><p><strong>นางสาวฐาปนีย์&nbsp;เกียรติไพบูลย์</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ททท.&nbsp;มีโครงการ&nbsp;"Unseen&nbsp;New&nbsp;Series"&nbsp;เพื่อเป็นแคมเปญชวนเที่ยวเมืองไทย&nbsp;เป็นการชวนไปสัมผัสกับเมืองไทย&nbsp;ในมุมที่เราอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน&nbsp;ผ่านแหล่งท่องเที่ยว&nbsp;25&nbsp;แห่งของแต่ละภูมิภาค&nbsp;ซึ่งมีทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ&nbsp;และแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น&nbsp;(Man&nbsp;Made)&nbsp;โดยโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา&nbsp;กฟผ.&nbsp;ก็เป็น&nbsp;1&nbsp;ใน&nbsp;5&nbsp;แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการคัดสรรให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว&nbsp;Unseen&nbsp;ที่โดดเด่นของภาคอีสาน&nbsp;เป็นที่ตั้งของ&nbsp;"เมืองลอยฟ้า"&nbsp;(อ่างพักน้ำบนเขายายเที่ยง)&nbsp;ซึ่งถูกกล่าวขานว่าเป็นจุดชมวิวหมื่นล้านที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทย&nbsp;รวมถึงเป็นที่ตั้งของ&nbsp;"เมืองใต้พิภพ"&nbsp;(อุโมงค์โรงไฟฟ้าใต้ดิน)&nbsp;ที่อยู่ลึกไปใต้ผิวดินกว่า&nbsp;1.5&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;ใช้เป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้า&nbsp;โดยการสูบน้ำจากเขื่อนลำตะคองไปเก็บไว้ที่อ่างพักน้ำบนเขายายเที่ยง&nbsp;นับเป็นจุดเช็คอินที่ไม่เหมือนใคร</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ภายในงานยังมีการพาผู้สื่อข่าว&nbsp;</strong>และตัวแทนบริษัทนำเที่ยว&nbsp;เข้าร่วมกิจกรรมเปิดตัวชุมชนท่องเที่ยวภาคอีสาน&nbsp;โดยร่วมกิจกรรมชุมชนท่องเที่ยวเขายายเที่ยง&nbsp;ได้แก่&nbsp;กิจกรรมปลูกาลอยฟ้า&nbsp;ชมเขาเควสตา&nbsp;และผาชัน</p><p><strong>นายสมชาย&nbsp;ชมภูน้อย&nbsp;ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ&nbsp;ททท.</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;กิจกรรมชุมชนท่องเที่ยวภาคอีสาน&nbsp;เป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนเชิงสร้างสรรค์&nbsp;(Creative&nbsp;Tourism)&nbsp;ซึ่งริเริ่มโดย&nbsp;ททท.&nbsp;เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ทำความรู้จัก&nbsp;เรียนรู้และทดลองทำกิจกรรมที่น่าสนใจกับเจ้าของพื้นที่&nbsp;ซึ่งผลประโยชน์ที่จะได้รับก็คือ&nbsp;นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงของปราชญ์ชาวบ้าน&nbsp;เกิดความรักความผูกพันต่อวิถีความเป็นอยู่ของสถานที่ที่ได้ไปเยือน&nbsp;รวมทั้งพัฒนาศักยภาพของตนและเกิดแรงบันดาลใจใหม่ๆ&nbsp;จากการเดินทางท่องเที่ยว&nbsp;ในทางกลับกันการใช้เวลาเพื่อทำกิจกรรมในแต่ละแหล่ง&nbsp;ย่อมส่งผลให้เกิดการพักค้างที่นานขึ้น&nbsp;เกิดการใช้จ่าย&nbsp;ในการประกอบกิจกรรมมากขึ้นและกระจายรายได้นั้นไปสู่ระดับสังคมและชุมชนท้องถิ่นอย่างแท้จริง</p><p><strong>สำหรับชุมชนท่องเที่ยวภาคอีสานประกอบไปด้วย&nbsp;5&nbsp;ชุมชน</strong>&nbsp;ได้แก่&nbsp;ชุมชนท่องเที่ยวเขายายเที่ยง&nbsp;จังหวัดนครราชสีมา&nbsp;,&nbsp;ชุมชนบ้านชีทวน&nbsp;จังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;,&nbsp;ชุมชนบุ่งสิบสี่&nbsp;จังหวัดชัยภูมิ&nbsp;,&nbsp;ชุมชนภูปาเปาะ&nbsp;จังหวัดเลย&nbsp;และชุมชนบ้านเดื่อ&nbsp;จังหวัดหนองคาย&nbsp;ททท.&nbsp;คาดว่า&nbsp;การจัดกิจกรรมดังกล่าวจะสามารถกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้อย่างต่อเนื่องในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวชาวไทยไปสู่พื้นที่รอง</strong>&nbsp;ลดการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยวในเมืองหลัก&nbsp;สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองของ&nbsp;ททท.&nbsp;รวมทั้งสร้างการรับรู้ภาพลักษณ์ของภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือในมุมมองใหม่บนพื้นฐานของเศรษฐกิจสร้างสรรค์&nbsp;(Creative&nbsp;Economy)&nbsp;กล่าวคือการส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่นอันเป็นอัตลักษณ์ของชาวอีสาน&nbsp;ที่ผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีมา&nbsp;ตั้งแต่บรรพบุรุษกับวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ตามแคมเปญ&nbsp;"Cool&nbsp;Isan"&nbsp;ของ&nbsp;ททท.</p><p><br></p>8/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครราชสีมาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220108093102756 อำเภอดอนพุด จัดงานอลังการบอนสีและของดีเมืองดอนพุด จ.สระบุรี กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน<p><strong>วันแรกของการจัดงาน&nbsp;"อลังการบอนสีและของดีเมืองดอนพุด"</strong>&nbsp;เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน&nbsp;อำเภอดอนพุด&nbsp;จังหวัดสระบุรี&nbsp;มีนายสมภพ&nbsp;สมิตะสิริ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี&nbsp;เป็นประธานเปิดงาน&nbsp;โดย&nbsp;<strong>"อำเภอดอนพุด"</strong>&nbsp;มีพื้นที่ใกล้เคียงนิยมการปลูกไม้ใบในบ้าน&nbsp;รวมถึงการเลี้ยงไม้ประดับ&nbsp;"บอนสี"&nbsp;ซึ่งคนไทยรู้จักกันดีและปลูกเลี้ยงกันมานาน&nbsp;มีหลายสายพันธุ์จนเกิดลูกผสมใหม่&nbsp;ๆ&nbsp;ที่รับการยกย่องว่าเป็นราชินีแห่งใบไม้&nbsp;ทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ&nbsp;สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนและเกษตรกรหลังจากช่วงที่ผ่านมาเกิดปัญหาน้ำท่วม&nbsp;ผลผลิตทางเกษตรได้รับความเสียหาย&nbsp;ประชาชนได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถประกอบอาชีพได้&nbsp;ส่งผลกระทบต่อรายได้&nbsp;กอรปกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;ยาวนาน</p><p><strong>โครงการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่&nbsp;</strong>สามารถเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชนสินค้าโอทอป&nbsp;สร้างรายได้เพิ่มโดยการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสระบุรี&nbsp;เพื่อลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนให้แก่ประชาชน&nbsp;</p><p><strong>สำหรับนักท่องเที่ยว&nbsp;ผู้ที่ชื่นชอบไม้ประดับ&nbsp;</strong>สามารถเข้าร่วมงาน&nbsp;"อลังการบอนสีและของดีเมืองดอนพุด"&nbsp;ได้ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่&nbsp;9&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p>8/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสระบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสระบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220108095050759 ยะลา พาณิชย์ เปิด 4 จุด ขายหมูราคาถูก โลละ 150 บาท ช่วยประชาชน<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยะลา&nbsp;พาณิชย์&nbsp;เปิด&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;ขายหมูราคาถูก&nbsp;โลละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ช่วยประชาชนช่วงโควิด-19&nbsp;ลดภาวะหมูแพงบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>จากสถานการณ์ราคาเนื้อหมูที่ยังมีราคาสูงต่อเนื่อง</strong>&nbsp;รวมถึงปริมาณความต้องการยังมีสูง&nbsp;ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง&nbsp;เนื่องจากผู้เลี้ยงประสบปัญหาต้นทุนเพิ่ม&nbsp;และมีการลดจำนวนเลี้ยงก่อนหน้านี้&nbsp;เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้บริโภค&nbsp;ล่าสุด&nbsp;ทางกระทรวงพาณิชย์ได้ขยายโครงการหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;จำหน่ายในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ผ่านจุดจำหน่ายของเครือข่ายเพิ่มแล้ว&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน&nbsp;ลดภาระค่าครองชีพในช่วงที่ยังมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำหรับใน&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;วันนี้&nbsp;(8&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)</strong>&nbsp;ทาง&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;ได้ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดยะลา&nbsp;จัดโครงการ&nbsp;“หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;โดยนำหมูเนื้อแดงจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ให้กับประชาชน&nbsp;ซึ่งจะมีจุดจำหน่าย&nbsp;หมูพาณิชย์&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;คือ&nbsp;1.บริเวณด้านข้างสำนักงานพาณิชย์จังหวัดยะลา&nbsp;อำเภอเมืองยะลา&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;2.ร้านเก๋&nbsp;พอร์คชอป&nbsp;ถนนผังเมือง&nbsp;5&nbsp;อำเภอเมืองยะลา&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;3.แผงหมูป้ารัตน์&nbsp;หลังโรงแรม&nbsp;Thai&nbsp;Hotel&nbsp;&nbsp;ตำบลเบตง&nbsp;อำเภอเบตง&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;และ&nbsp;4.ในตลาดสดอำเภอเบตง&nbsp;ตำบลเบตง&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ประชาชนที่สนใจก็สามารถแวะเวียนไปซื้อได้&nbsp;จนถึงวันที่&nbsp;15&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;นี้</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ขณะที่&nbsp;บรรยากาศตั้งแต่เช้าวันนี้</strong>&nbsp;ได้มีประชาชนเดินทางออกมาซื้อหมูราคาถูก&nbsp;ที่ด้านข้างสำนักงานพาณิชย์จังหวัดยะลา&nbsp;และร้านเก๋ฯ&nbsp;ในเมืองยะลากันอย่างต่อเนื่อง&nbsp;โดยบอกว่าราคาถูก&nbsp;เนื้อนุ่ม&nbsp;เป็นหมูในพื้นที่ยะลา&nbsp;ตอนนี้หมูเนื้อแดงที่ตลาดบางร้านก็ขายกิโลกรัมละ&nbsp;180-200&nbsp;บาท&nbsp;หมูแพงช่วงนี้&nbsp;พาณิชย์จัดโครงการแบบนี้ช่วยบรรเทาผลกระทบค่าใช้จ่าย&nbsp;ประจำวันในครอบครัวไปได้ส่วนหนึ่ง</p>8/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220108103747792 พุทธศาสนิกชน ร่วมกิจกรรมตักบาตรทางน้ำ นาวาภิกขาจาร อนุรักษ์ฟื้นฟูประเพณี ส่งเสริมการท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจ<p><strong>ที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยสุพรรณบุรี</strong>&nbsp;ด้านหลังวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;นางสาวดวงแก้ว&nbsp;เลิศรัตนรังษี&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;นางสาวพจนา&nbsp;เสมา&nbsp;เกษตรและสหกรณ์จังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;นางสาวนิษฐกานต์&nbsp;คุณวัชระกิจ&nbsp;วัฒนธรรมจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;นางอรวิน&nbsp;บุตรวงศ์&nbsp;ผอ.สวท.&nbsp;สุพรรณบุรี&nbsp;&nbsp;พร้อมด้วยประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรมนาวาภิกขาจาร&nbsp;ใส่บาตรพระสงฆ์&nbsp;เพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูประเพณีตักบาตรทางน้ำของวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร&nbsp;ที่สมัยก่อนบ้านและวัดมักอยู่ติดริมแม่น้ำ&nbsp;พระสงฆ์ออกรับบิณฑบาตทางเรือ&nbsp;ซึ่งปัจจุบันหาชมได้ยาก&nbsp;เนื่องจากเส้นทางคมนาคมสะดวกสบายกว่าแต่ก่อน&nbsp;ทำให้ประเพณีการตักบาตรทางน้ำนับวันยิ่งสูญหายไป&nbsp;โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดสุพรรณบุรีมีแม่น้ำที่สำคัญไหลผ่านคือแม่น้ำท่าจีน&nbsp;โดยทางวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร&nbsp;ได้ให้ความสำคัญของประเพณีตักบาตรทางน้ำอันดีงามนี้จึงได้อนุรักษ์ประเพณีนี้ไว้&nbsp;โดยทุกวันเสาร์-อาทิตย์&nbsp;เวลา&nbsp;07.00&nbsp;น.&nbsp;จะมีพระสงฆ์ออกรับบิณฑบาตทางเรือ&nbsp;9&nbsp;รูป</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยสุพรรณบุรี&nbsp;ได้จัดเพิ่มโป๊ะแพ&nbsp;</strong>เพื่อให้ประชาชนเว้นระยะห่างระหว่างกันขณะใส่บาตรได้&nbsp;เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;โดยนอกจากเป็นการทำบุญแล้วยังเป็นโอกาสดีที่จะได้ศึกษาพันธุ์กล้วยชนิดต่างๆ&nbsp;ที่หายากพร้อมกับเก็บภาพความประทับใจ&nbsp;จากนั้นสามารถเดินทางไปขอพรหลวงพ่อโต&nbsp;และหลวงพ่อเงินในโบสถ์มอญเก่าหลังวิหารหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร&nbsp;เพื่อความเป็นสิริมงคล</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;</p>8/1/2022ภาคตะวันตกกาญจนบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุพรรณบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220108104650801 พาณิชย์พิจิตร แจ้ง 4 จุดบริการ "โครงการพาณิชย์ลดราคา ! ช่วยประชาชน" จำหน่ายหมูเนื้อแดง กิโลกรัมละ 150 บาท<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พาณิชย์พิจิตร&nbsp;แจ้ง&nbsp;4&nbsp;จุดบริการ&nbsp;"โครงการพาณิชย์ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพิจิตร</strong>&nbsp;นำหมูเนื้อแดงมาจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำกัดครอบครัวละ&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ตาม&nbsp;"โครงการพาณิชย์ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;เพื่อแก้ไขปัญหาราคาหมูแพง&nbsp;โดยเปิดจุดจำหน่ายที่หน้าห้างเทสโก้โลตัส&nbsp;สาขาท่าหลวง&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;และสาขาตะพานหิน&nbsp;อำเภอตะพานหิน&nbsp;จนถึงวันที่&nbsp;21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ร้านหมูเอสเค&nbsp;อินเตอร์ฟู๊ด&nbsp;สาขาพิจิตร&nbsp;และสาขาตะพานหิน&nbsp;จำหน่ายถึงวันที่&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p>8/1/2022ภาคเหนือพิจิตรสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิจิตรhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220108134904863 สภาอุตสาหกรรมจังหวัดแพร่จัดงานอุตสาหกรรม 2022 และงานฤดูหนาวประจำปี 2565<p><strong>ที่บริเวณสามแยกกอเปา&nbsp;ตำบลทุ่งโฮ้ง&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดแพร่&nbsp;</strong>ทางสภาอุตสาหกรรมจังหวัดแพร่ร่วมกับภาคเอกชนในพื้นที่&nbsp;จัดงานอุตสาหกรรม&nbsp;2022&nbsp;และงานฤดูหนาวประจำปี&nbsp;2565&nbsp;เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการผลิต&nbsp;และผู้จำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรมต่างๆ&nbsp;ได้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าแก่ประชาชน&nbsp;เป็นการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของจังหวัดแพร่&nbsp;</p><p><strong>ภายในงานมีการจำหน่ายสินค้าหลากหลายชนิด&nbsp;ร</strong>วมถึงอาหารต่างๆ&nbsp;จากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ&nbsp;การแสดงมอเตอร์โชว์&nbsp;การแสดงของศิลปินนักร้อง&nbsp;การจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรม&nbsp;สินค้าธงฟ้า&nbsp;สินค้าราคาประหยัด&nbsp;โดย&nbsp;สภาอุตสาหกรรมจังหวัดแพร่&nbsp;พบกับสวนสนุกชุดใหญ่&nbsp;</p><p><strong>การจัดงานดังกล่าวเป็นไปตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ&nbsp;covid-19</strong>&nbsp;ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด&nbsp;มีการตรวจคัดกรองก่อนเข้างาน</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>8/1/2022ภาคเหนือแพร่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220108124458840 ผู้ว่าฯ เลย นำเที่ยวภูลมโล ชมความสวยงามทุ่งดอกซากุระเมืองไทย (นางพญาเสือโคร่ง) บานสะพรั่งกว่า 1,200 ไร่<p><strong>นายชัยธวัช&nbsp;เนียมศิริ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย</strong>&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นางนงค์นิตย์&nbsp;เนียมศิริ&nbsp;นายกเหล่ากาชาดจังหวัด,&nbsp;นายดำรงค์&nbsp;สิริวิชย&nbsp;อิ่มวิเศษ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย,&nbsp;นายศิริวัฒน์&nbsp;พินิจพานิชย์&nbsp;ปลัดจังหวัดเลย&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;สื่อมวลชน&nbsp;ร่วมลงพื้นที่</p><p><strong>นายชัยธวัช&nbsp;เนียมศิริ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย</strong>&nbsp;เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมทุ่งดอกซากุระเมืองไทย&nbsp;หรือดอกนางพญาเสือโคร่ง&nbsp;ที่ภูลมโล&nbsp;อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า&nbsp;ที่กำลังออกดอกสีชมพูสดใส่สวยงามเต็มภูเขาเป็นแสนต้น&nbsp;บนเนื้อที่กว่า&nbsp;1,200&nbsp;ไร่&nbsp;ดอกซากุระเมืองไทยปีนี้&nbsp;เริ่มออกดอกให้ชมความสวยงามประมาณปลายสัปดาห์ของเดือนธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;25&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;โดยปกติแล้วดอกจะบานให้ชมประมาณ&nbsp;15&nbsp;วัน&nbsp;หรือ&nbsp;สองอาทิตย์&nbsp;บรรยากาศบนยอดภูลมโล&nbsp;ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเล&nbsp;1,000-1,542&nbsp;ฟุต&nbsp;อากาศเย็นสบาย&nbsp;ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว&nbsp;สื่อมวลชน&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;บันทึกภาพความสวยงามของดอกซากุระเมืองไทยอย่างตื่นเต้นและสนุกสนาน&nbsp;นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความสวยงามและชอบการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ&nbsp;สามารถติดต่อชมรมท่องเที่ยวภูลมโล&nbsp;กกสะทอน&nbsp;จะมีรถปิคอัพขับเคลื่อน&nbsp;4&nbsp;ล้อ&nbsp;ไว้บริการที่จุดบริการนักท่องเที่ยว&nbsp;อบต.กกสะทอน&nbsp;กว่า&nbsp;60&nbsp;คัน&nbsp;นำขึ้นชมตามเส้นทางจากบ้านห้วยมุ่นถึงภูลมโล&nbsp;ระยะทางประมาณ&nbsp;20&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;สัมผัสเส้นทางธรรมชาติที่ประทับใจอย่างแน่นอน</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>8/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเลยสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเลยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220108133807859 โฆษก บช.น. กำชับตำรวจบังคับใช้กฎหมายคุมเข้มร้านอาหารขายสุราตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมเผยคัสเตอร์ข้าวสารไม่พบเจ้าหน้าที่บกพร่อง<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โฆษก&nbsp;บช.น.&nbsp;กำชับตำรวจบังคับใช้กฎหมายคุมเข้มร้านอาหารขายสุราตามที่กฎหมายกำหนด&nbsp;พร้อมเผยคัสเตอร์ข้าวสารไม่พบเจ้าหน้าที่บกพร่อง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>พล.ต.ต.จิรสันต์&nbsp;แก้วแสงเอก&nbsp;รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล</strong>&nbsp;เปิดเผยถึงการปรับเปลี่ยนเวลาการจำหน่ายสุรา&nbsp;ว่าขณะนี้ยังรอทาง&nbsp;ศบค.&nbsp;รัฐบาล&nbsp;กรุงเทพมหานคร&nbsp;ซึ่งกรุงเทพมหานครยังเป็นพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวในส่วนของผับบาร์&nbsp;คาราโอเกะ&nbsp;ยังไม่เปิดอยู่แล้ว&nbsp;การดื่มสุรายังสามารถดื่มได้ถึงเวลา&nbsp;23.00&nbsp;น.&nbsp;แต่มีข้อมูลว่าอาจจะปรับเวลาเป็น&nbsp;21.00&nbsp;น.&nbsp;ซึ่งทางตำรวจนครบาล&nbsp;ได้ประชุมเตรียมความพร้อมไว้แล้ว&nbsp;เมื่อ&nbsp;ศบค.&nbsp;ประกาศเป็นเวลา&nbsp;21.00&nbsp;น.&nbsp;จะมีการประชุมกำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ&nbsp;ให้เตรียมความพร้อมในการดำเนินการตรวจสอบบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นอกจากนี้&nbsp;ทางตำรวจนครบาลได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบและเพิ่มความเข้มมาอย่างต่อเนื่อง</strong>&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;พฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;และจะปรับเวลาก็จะต้องเพิ่มความเข้มให้มากยิ่งขึ้น&nbsp;เพื่อให้ผู้ประกอบการปฏิบัติภายใต้กรอบของกฎหมาย&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ได้จับกุม&nbsp;จำนวน&nbsp;49&nbsp;ราย&nbsp;เป็นการจำหน่ายสุราในเวลาห้าม&nbsp;28&nbsp;ราย&nbsp;และอีก&nbsp;21&nbsp;ราย&nbsp;เป็นการจำหน่ายสุราโดยไม่มีใบอนุญาตจากสำนักอนามัย&nbsp;กรุงเทพมหานคร&nbsp;จากการกวดขันในระยะหลังไม่ค่อยพบการกระทำความผิด&nbsp;ส่วนใหญ่จะปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ส่วนกรณีการเกิดคัสเตอร์ย่านถนนข้าวสาร&nbsp;มีการวางระบบตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;พฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;ตามที่รัฐบาลได้มีการผ่อนคลาย</strong>&nbsp;ผู้ที่จะเข้าไปใช้บริการจะต้องผ่านการฉีดวัคซีนอย่างน้อย&nbsp;2&nbsp;เข็ม&nbsp;หากเกิน&nbsp;3&nbsp;เดือนจะต้องตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ซึ่งจุดที่ตรวจจะบล็อคหัวท้ายถนนตั้งแต่ถนนจักรเพชร&nbsp;และถนนตะนาว&nbsp;ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;การตรวจคัดกรองผู้ที่จะเข้ามาใช้บริการก่อน&nbsp;ซึ่งตรวจพบถึง&nbsp;60&nbsp;กว่ารายและส่งเข้ารับการรักษา&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ในช่วงปีใหม่มีผู้มาใช้บริการแล้วติดในส่วนหนึ่ง&nbsp;และจะต้องทำการตรวจสอบว่าหลุดเข้าไปในส่วนจุดไหน&nbsp;และย้ำมาตรการต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ที่ทำมาได้เข้มงวดมาโดยตลอด&nbsp;การตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบว่าเป็นความบกพร่องในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด</p>8/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220108140656875 ร้านข้าวแกงในจังหวัดตรัง ได้รับผลกระทบจากราคาหมูที่แพงขึ้น ทำให้ต้องปรับลดการนำเนื้อหมูมาทำอาหาร โดยนำปลาหรือไก่มาทำอาหารมากขึ้น อีกทั้งมีการปรับราคาข้าวแกงขึ้นจานละ 5 บาท เนื่องจากแบกรับต้นทุนที่แพงขึ้นไม่ไหว<p><strong>นางสมใจ&nbsp;ยิ่งขจร&nbsp;แม่ค้าขายข้าวแกง</strong>&nbsp;บริเวณอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;จากการที่เนื้อหมูมีราคาแพงขึ้น&nbsp;ทำให้ร้านข้าวแกงได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก&nbsp;การที่หมูแพงทำให้ต้นทุนในการทำอาหารเพิ่มขึ้น&nbsp;ทั้งนี้ทางร้านได้ปรับลดการนำหมูมาทำอาหารลง&nbsp;แต่ยังมีเมนูอาหารที่ทำจากหมู&nbsp;แต่ไม่มาก&nbsp;โดยจะนำปลาและไก่มาทำอาหารแทน&nbsp;ในแต่ละวันจะทำกับข้าว&nbsp;30-40&nbsp;อย่าง&nbsp;เพื่อขายให้กับประชาชน&nbsp;ปกติจะขายอาหารจานละ&nbsp;35&nbsp;บาท&nbsp;กับข้าว&nbsp;2&nbsp;อย่าง&nbsp;แต่เมื่อหมูมีราคาแพง&nbsp;กับข้าวบางอย่างที่มีหมูจะปรับเพิ่มขึ้นอีก&nbsp;5&nbsp;บาท&nbsp;อยู่ที่จานละ&nbsp;40&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนแกงถุง&nbsp;ก็จำหน่ายราคา&nbsp;40-50&nbsp;บาทต่อถุง</p><p><strong>ในขณะที่ประชาชนก็มารับประทานข้าวแกงอย่างต่อเนื่อง</strong>&nbsp;ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าประจำ&nbsp;เช่น&nbsp;พนักงานบริษัท&nbsp;คนขับรถ&nbsp;และประชาชนทั่วไป&nbsp;การที่หมูแพงนั้นทำให้รายได้ลดลง&nbsp;ได้รับผลกระทบอย่างมาก&nbsp;อย่างไรก็ตามทางร้านข้าวแกงก็ต้องประคองให้พ้นวิกฤตหมูแพง&nbsp;และจะไม่หยุดขายข้าวแกงในช่วงหมูแพง&nbsp;เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ยังให้ความสนใจกินข้าวแกง&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>8/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220108135224867 จ.นครปฐมเปิดตลาดในสวน ชวนอุดหนุนผัก ผลไม้ ปลอดภัย ส่งตรงจากชวนสวน<p><strong>ชุมชนบ้านหัวอ่าว&nbsp;อำเภอสามพราน&nbsp;จังหวัดนครปฐม&nbsp;ร่วมกับเครือข่ายและเกษตรกรในพื้นที่&nbsp;เปิดตลาดในสวน&nbsp;ชวนอุดหนุนผัก&nbsp;ผลไม้&nbsp;ปลอดภัย&nbsp;ส่งตรงจากชวนสวน</strong></p><p><strong>วันที่&nbsp;8&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนบ้านหัวอ่าว</strong>&nbsp;ตำบลบางช้าง&nbsp;อำเภอสามพราน&nbsp;จังหวัดนครปฐม&nbsp;นายพงศ์สุธี&nbsp;สุขศิริ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดนครปฐม&nbsp;เป็นประธานเปิดตลาดในสวน&nbsp;พร้อมเปิดเวทีเสวนา&nbsp;ในหัวข้อ&nbsp;“มีอะไรดี&nbsp;ที่สามพราน”&nbsp;โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์&nbsp;สาขานครปฐม&nbsp;คณะวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม&nbsp;และชาวชุมชนบ้านหัวอ่าว&nbsp;ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้&nbsp;ซึ่งได้รับความร่วมมือจากคณะวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม&nbsp;ที่ได้นำกระบวนการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์และต้นแบบชุมชนท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์&nbsp;ภายใต้&nbsp;โครงการวิจัยเรื่อง&nbsp;การพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์บนวิถีเกษตร&nbsp;ศิลปะและวัฒนธรรม&nbsp;ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม&nbsp;ราชบุรี&nbsp;สมุทรสงคราม&nbsp;และสมุทรสาคร&nbsp;เพื่อการเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนโดยอยู่บนพื้นฐานอัตลักษณ์ของชุมชน&nbsp;อันนำไปสู่แนวทางการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและมีความยั่งยืน&nbsp;โดย&nbsp;ดร.วงศ์ระวิทย์&nbsp;น้อมนำทรัพย์&nbsp;หัวหน้าโครงการ&nbsp;คณะวิจัยฯ&nbsp;ได้กล่าวว่าถึงเหตุผลที่คัดเลือกพื้นที่สามพราน&nbsp;เนื่องจากมีของดีที่น่าสนใจมากมาย&nbsp;ทั้งวัด&nbsp;สวน&nbsp;ตลาดในสวน&nbsp;และคาเฟ่บำบัด&nbsp;สมุนไพรเพื่อสุขภาพ&nbsp;นับว่าเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ตอบรับสายสุขภาพ&nbsp;และสายธรรมชาติได้เป็นอย่างดี</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;นางประหยัด&nbsp;ปานเจริญ</strong>&nbsp;ประธานศูนย์การเรียนรู้ชุมชนบ้านหัวอ่าว&nbsp;ผู้มีแนวคิดอยากให้ผลผลิตผัก&nbsp;ผลไม้ปลอดภัยของชุมชนเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ตลาดในสวน&nbsp;เกิดจาก&nbsp;ชาวชุมชนบ้านหัวอ่าว&nbsp;ซึ่งทำเกษตรอินทรีย์&nbsp;มีกลุ่มผลิตผักผลไม้อินทรีย์&nbsp;กว่า&nbsp;200&nbsp;ไร่&nbsp;และมีผลผลิตเกษตรปลอดภัยอีกมากมาย&nbsp;จึงมีความต้องการเปิดพื้นที่เป็นแหล่งซื้อขายผลผลิตเกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัยใกล้กรุง&nbsp;เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น&nbsp;อีกทั้งสร้างรายได้ให้คนในชุมชน&nbsp;โดยเฉพาะสินค้าเกษตรอินทรีย์&nbsp;และอาหารภายในชุมชนที่ปลอดภัย&nbsp;ดีต่อสุขภาพ&nbsp;จากชาวสวนโดยตรง&nbsp;ราคาย่อมเยา</p><p><strong>สำหรับตลาดในสวน&nbsp;วิถีธรรมชาติของคนรักสุขภาพ</strong>&nbsp;เปิดทุกวันเสาร์-&nbsp;อาทิตย์&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;08.30-15.00&nbsp;น.&nbsp;ภายในพื้นที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนบ้านหัวอ่าว&nbsp;ตำบลบางช้าง&nbsp;อำเภอสามพราน&nbsp;หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร&nbsp;081&nbsp;303&nbsp;8556&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-right"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>8/1/2022ภาคตะวันตกนครปฐมสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220108150645901 จังหวัดศรีสะเกษเดินหน้าสืบสานอนุรักษ์ผ้าพื้นถิ่นส่งต่อภูมิปัญญาการทอผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ สู่การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ผ้าวาระการพัฒนาจังหวัดศรีสะเกษ<p><strong>วันที่&nbsp;7&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นางสาวชนมณัฐ&nbsp;รอดบุญธรรม&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;</strong>เป็นประธานประชุมหารือหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาชุมชนทั้ง&nbsp;22&nbsp;อำเภอ&nbsp;เพื่อร่วมวางแผนและกำหนดเป้าหมายขับเคลื่อน&nbsp;10&nbsp;วาระจังหวัด&nbsp;ต่อยอดการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;ให้สมกับคำว่า&nbsp;“อะไร&nbsp;อะไร&nbsp;ก็ดี&nbsp;ที่ศรีสะเกษ”&nbsp;ผ่านวาระด้านเศรษฐกิจ&nbsp;โดยปีนี้มุ่งขับเคลื่อนเดินหน้าสืบสานอนุรักษ์ผ้าพื้นถิ่น&nbsp;โดยเฉพาะยกระดับภูมิปัญญาสู่การทอผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ&nbsp;เพื่อสร้างงาน&nbsp;สร้างรายได้&nbsp;กระจายอาชีพลงชุมชนมากยิ่งขึ้น&nbsp;โดยใช้ภูมิปัญญาการย้อม&nbsp;ทอ&nbsp;แส่ว&nbsp;เป็นพื้นฐาน&nbsp;เพื่อพัฒนาผ้าพื้นเมืองให้เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ชุมชน&nbsp;พร้อมเศรษฐกิจฐานรากที่มั่นคง&nbsp;ชุมชนพึ่งตนเองได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ</strong>&nbsp;จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์และเป้าหมายการพัฒนา&nbsp;พร้อมบูรณาการทั้ง&nbsp;22&nbsp;อำเภอ&nbsp;“&nbsp;ยกระดับภูมิปัญญาผ้าพื้นเมืองสู่การทอผ้าลายขอ&nbsp;พระราชทาน&nbsp;หรือ&nbsp;ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ&nbsp;ให้ประชาชนได้รับรู้และหาซื้อสวมใส่&nbsp;ร่วมกิจกรรมนุ่งผ้าไทยใส่บาตร&nbsp;ทำความดีวิถีพอเพียง&nbsp;เป็นประจำทุกวันอังคาร&nbsp;อีกทั้งจัดจำหน่ายภายตลาดโบราณ&nbsp;“&nbsp;ลานออดหลอด&nbsp;ซอดศรีเกษ&nbsp;”&nbsp;ณ&nbsp;ศูนย์โอทอปศรีสะเกษเป็นประจำทุกเดือน&nbsp;เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดให้ผู้ประกอบการโอทอปมากขึ้น&nbsp;โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า&nbsp;2019&nbsp;หรือโควิด-19&nbsp;&nbsp;ขณะที่ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผ้าและเครื่องแต่งกาย&nbsp;ในปี&nbsp;2564&nbsp;มียอดจำหน่ายมากกว่า&nbsp;1,190&nbsp;ล้านบาท</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>8/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือศรีสะเกษสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220108163009923 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ ประกาศราคากลางอ้างอิงและชดเชยส่วนต่างราคาให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 256465 งวดที่ 13<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์&nbsp;ประกาศราคากลางอ้างอิงและชดเชยส่วนต่างราคาให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว&nbsp;ปี&nbsp;256465&nbsp;งวดที่&nbsp;13</strong>&nbsp;โดยราคากลางอ้างอิงและชดเชยส่วนต่างราคาให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว&nbsp;ปี&nbsp;2564/65&nbsp;งวดที่&nbsp;13&nbsp;เป็นของเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนปลูกข้าว&nbsp;และระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่&nbsp;31ธ.ค.&nbsp;64&nbsp;ถึง&nbsp;6&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงของ&nbsp;ข้าวเปลือกหอมมะลิ&nbsp;อยู่ที่&nbsp;11,292&nbsp;บาท&nbsp;ต่อตัน&nbsp;ส่วนต่าง&nbsp;3,707&nbsp;บาทต่อตัน&nbsp;,&nbsp;ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงของ&nbsp;ข้าวเปลือกหอมมะลิ&nbsp;นอกพื้นที่&nbsp;อยู่ที่&nbsp;10,905&nbsp;บาท&nbsp;ต่อตัน&nbsp;ส่วนต่าง&nbsp;3,094&nbsp;บาทต่อตัน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นอกจากนี้&nbsp;สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า&nbsp;ธ.ก.ส.บุรีรัมย์&nbsp;จำกัด</strong>&nbsp;เปิดรับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิ&nbsp;โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวนาปี&nbsp;ประจำปี&nbsp;2564/65&nbsp;โดย&nbsp;ผู้เข้าโครงการจะได้รับค่าเก็บและรักษาคุณภาพเข้าเปลือก&nbsp;ตันละ&nbsp;500&nbsp;บาท&nbsp;กู้เงินได้ไม่เกินรายละ&nbsp;3&nbsp;แสนบาท&nbsp;โดยจุดรับซื้อข้าวเปลือกของ&nbsp;สกต.&nbsp;จะมีทั้งหมด&nbsp;5&nbsp;จุด&nbsp;คือ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.ศูนย์ธุรกิจ&nbsp;สกต.บุรีรัมย์&nbsp;จำกัด&nbsp;ต.อิสาณ&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.บุรีรัมย์&nbsp;โทร.08-3100-4449</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.ศูนย์ธุรกิจ&nbsp;สกต.อำเภอพุทไธสง&nbsp;ต.มะเฟือง&nbsp;อ.พุทไธสง&nbsp;จ.บุรีรัมย์&nbsp;โทร.08-4831-9499</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.ศูนย์ธุรกิจ&nbsp;สกต.อำเภอหนองกี่&nbsp;ต.ทุ่งกระเต็น&nbsp;อ.หนองกี่&nbsp;จ.บุรีรัมย์&nbsp;โทร.06-4046-8892</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4.ศูนย์ธุรกิจ&nbsp;สกต.หนองกง&nbsp;ต.หนองกง&nbsp;อ.นางรอง&nbsp;โทร.08-4834-7488</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5.ศูนย์ธุรกิจ&nbsp;สกต.อำเภอหนองหงส์&nbsp;ต.ไทยสามัคคี&nbsp;อ.หนองหงส์&nbsp;โทร.09-2912-0587</p>8/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบุรีรัมย์สวท.บุรีรัมย์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220108190551986 กลับมาคึกคักอีกครั้งเปิดถนนคนเดิน กระบี่ : 14 ปี 14 อีกครั้ง ภายใต้มาตรการความปลอดภัย New Normal ยึดหลัก D-M-H-T-T อย่างเคร่งครัด ผู้ค้าทุกรายได้รับวัคซีนครบโดส ลดจำนวนบูธลง เหลือ 300 กว่ารายเพื่อให้มีพื้นที่ ว่างและเป็นการเว้นระยะห่าง<p><strong>ที่เวทีถนนคนเดินกระบี่&nbsp;</strong>นายวัฒนา&nbsp;&nbsp;ธนาศักดิ์เจริญ&nbsp;รองประธานหอการค้าไทย&nbsp;และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้หอการค้าไทย&nbsp;เป็นประธานในพิธีเปิดถนนคนเดินกระบี่&nbsp;หลังจากที่ได้หยุดให้บริการไปเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งแพร่เชื้อ&nbsp;โดยมีนายภูวดิท&nbsp;ปรีชานนท์&nbsp;เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้&nbsp;หอการค้าไทยนายอุทิศ&nbsp;ลิ้มสกุล&nbsp;ผู้อำนวยการ&nbsp;การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;สำนักงานกระบี่&nbsp;และนายนัทที&nbsp;อดิศราลักษณ์&nbsp;ประธานคณะกรรมการบริหารหอการค้าจังหวัดกระบี่&nbsp;กล่าวรายงาน&nbsp;มีหัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;ภาครัฐ&nbsp;เอกชน&nbsp;สื่อมวลชน&nbsp;ร่วมให้การต้อนรับ&nbsp;และเข้าร่วมพิธี&nbsp;ณ&nbsp;ถนนคนเดินกระบี่</p><p><strong>นายวัฒนา&nbsp;ธนาศักดิ์เจริญ&nbsp;</strong>รองประธานหอการค้าไทย&nbsp;และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้&nbsp;หอการค้าไทย&nbsp;ประธานในพิธีเปิด&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;โครงการถนนคนเดินกระบี่&nbsp;เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เป็นรูปธรรมของหอการค้าในสมัยที่ผมเป็นประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่&nbsp;ซึ่งได้มีการได้ดำเนินการสานต่อ&nbsp;จนมีการพัฒนาก้าวหน้าตามลำดับ&nbsp;</p><p><strong>ประการแรก&nbsp;</strong>การเป็นพื้นที่นำร่องที่แทบจะกล่าวได้ว่าเป็นแห่งแรกของประเทศไทยใน&nbsp;การรณรงค์ไม่ใช้กล่องโฟมเป็นบรรจุภัณฑ์ใส่อาหาร&nbsp;และเป็นแห่งแรกที่ผู้ประกอบการไม่ใช้กล่องโฟม&nbsp;100%&nbsp;ตั้งแต่เปิดให้บริการมา</p><p><strong>ประการที่สอง</strong>&nbsp;การเป็นถนนคนเดินเพื่อสังคมที่จัดกิจกรรมดีๆช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก&nbsp;เช่น&nbsp;น้ำท่วม&nbsp;ดินสไลด์&nbsp;นอกเหนือจากเป็นที่สร้างงาน&nbsp;สร้างอาชีพ&nbsp;</p><p><strong>ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;</strong>ถนนคนเดินกระบี่&nbsp;ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ&nbsp;ตลอดจนได้รับการสนับสนุนจากชาวกระบี่เป็นอย่างดี&nbsp;มีผู้คนเข้ามาจับจ่ายใช้สอย&nbsp;ภายในถนนคนเดิน&nbsp;วันละ&nbsp;2,000-5,000&nbsp;คน&nbsp;สร้างรายได้ไม่น้อยกว่าปีละ&nbsp;120&nbsp;ล้านบาทต่อปี&nbsp;หรือ&nbsp;360&nbsp;ล้านบาทในทางเศรษฐศาสตร์&nbsp;แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19&nbsp;จะยังคงอยู่กับพวกเราอีกต่อไป&nbsp;แต่อย่างไรเสียชีวิตก็ต้องก้าวเดิน&nbsp;เศรษฐกิจก็ต้องขับเคลื่อนต่อไปสิ่งหนึ่งที่อยากจะฝากให้ผู้ประกอบการค้าและผู้ที่มาจับจ่ายใช้สอย&nbsp;ในถนนคนเดินแห่งนี้ได้คำนึงก็คือการปฏิบัติตามมาตรการ&nbsp;และแนวทางการควบคุม&nbsp;การแพร่ระบาดของโรคติดต่อ&nbsp;เชื้อไวรัสโคโรน่า&nbsp;2019/(COVID-19)/ในรูปแบบ&nbsp;New&nbsp;Normal/ภายใต้มาตรการความปลอดภัย&nbsp;และคงต้องลดความแออัดลง&nbsp;ซึ่งทราบว่าเดิมมีผู้ประกอบการค้ากว่า&nbsp;400&nbsp;ราย&nbsp;แต่ทางหอการค้าปรับเหลือเพียง&nbsp;300&nbsp;กว่ารายเท่านั้น&nbsp;และดีใจที่ทราบว่าผู้ประกอบการค้าถนนคนเดินกระบี่ได้มีการรับวัคซีนครบโดสทุกคน&nbsp;ทุกร้าน&nbsp;และจะเป็นความเชื่อมั่นของผู้ที่มาใช้บริการ&nbsp;</p><p><strong>หากผู้ประกอบการค้าทุกคนได้ถ่ายเอกสารแสดงผลการฉีดวัคซีนครบโดส</strong>&nbsp;ติดไว้อย่างเปิดเผยก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า&nbsp;ฝากผู้ประกอบการค้าและหอการค้าจังหวัดกระบี่ในเรื่องนี้ไว้ด้วย&nbsp;แต่ไม่ว่าอย่างไรเสียก็ตัองสวมหน้ากากอนามัย&nbsp;ปรุงอาหารสวมถุงมือ&nbsp;ก็จะช่วยทั้งตัวเองและสังคมส่วนรวมได้&nbsp;ขอให้ถนนคนเดินกระบี่แห่งนี้จะสร้างสิ่งดีๆใหม่ๆ&nbsp;ให้สังคมเมืองกระบี่&nbsp;ตลอดไปและผู้ประกอบการค้าจะสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาใช้บริการ&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องมิตรไมตรี&nbsp;การบริการที่ดี&nbsp;ไม่เอาเปรียบไม่ฉวยโอกาส&nbsp;ไม่ขายสินค้าในราคาที่สูงเกินสมควร&nbsp;สิ่งเหล่านี้จะเป็นเสน่ห์ให้ลูกค้ามาแล้วมาอีก</p><p><strong>ทางด้านนายนัทที&nbsp;อดิศราลักษณ์</strong>&nbsp;ประธานคณะกรรมการบริหารหอการค้าจังหวัดกระบี่&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ถนนคนเดินกระบี่เป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณเบื้องต้นจากจังหวัดกระบี่&nbsp;เทศบาลเมืองกระบี่&nbsp;และกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ&nbsp;การค้าของจังหวัดที่ซบเซา&nbsp;ในช่วงนั้นเกิดวิกฤตเศรษฐกิจลุกลามไปทั่วทุกภูมิภาค&nbsp;ประกอบกับจังหวัดกระบี่ได้มีห้างต่างชาติขนาดใหญ่มาเปิดสาขารอบนอกของเมืองพร้อมๆ&nbsp;กันถึง&nbsp;3&nbsp;แห่ง&nbsp;ในปี&nbsp;2561&nbsp;ส่งผลให้ร้านค้าในเขตเทศบาลได้รับผลกระทบผู้บริโภคจากอำเภอรอบนอกไม่เข้ามาในเขตเมือง&nbsp;ในขณะที่คนในเมืองออกไปจับจ่ายสินค้าที่ห้างโมเดิร์นเทรด&nbsp;จนส่งผลให้เขตเทศบาลเมืองกระบี่&nbsp;แทบจะกลายเป็นเมืองร้าง&nbsp;บ่ายสามร้านค้าส่วนใหญ่ปิดกันแล้ว&nbsp;คณะกรรมการบริหารหอการค้าจังหวัดกระบี่&nbsp;ในสมัยที่นายวัฒนา&nbsp;ธนาศักดิ์เจริญ&nbsp;เป็นประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่จึงจัดให้มีโครงการถนนคนเดินขึ้นโดยเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่&nbsp;5&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2561&nbsp;ในทุกวันศุกร์เสาร์และอาทิตย์&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;16.00-22.00&nbsp;น.&nbsp;ก่อนที่จะเกิดโรคระบาดโควิด-19&nbsp;มีผู้บริโภคทั้งที่เป็นชาวกระบี่ตลอดจนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเข้ามาใช้บริการวันละไม่ต่ำกว่า&nbsp;2,000-5,000&nbsp;คน&nbsp;กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในเขตตัวเมือง&nbsp;ทำให้ธุรกิจการค้าในถนนคนเดิน&nbsp;สร้างรายได้ในทางตรงไม่น้อยกว่าปีละ&nbsp;120&nbsp;ล้านบาทหรือ&nbsp;360&nbsp;ล้านบาทในทางเศรษฐศาสตร์&nbsp;</p><p><strong>ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่&nbsp;กล่าวต่อไปว่า</strong>&nbsp;ถนนคนเดินแห่งนี้ได้สร้างโอกาสให้กับประชาชนเป็นตลาดในรูปแบบผู้ซื้อและผู้ขายมีส่วนร่วม&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน&nbsp;นักศึกษา&nbsp;ผู้ว่างงานและผู้ที่ต้องการสร้างอาชีพเป็นของตนเอง&nbsp;ได้มีโอกาสและมีพื้นที่ขาย&nbsp;ทั้งยังเป็นพื้นที่ในการกระจายสินค้าสินค้าและจัดให้มีการเจรจาทางการค้า&nbsp;ถนนคนเดินแห่งนี้นอกจากจะมีคุณค่าในทางเศรษฐกิจแล้ว&nbsp;ก็ยังเป็นถนนคนเดินเพื่อสังคม&nbsp;หลายครั้งที่จังหวัดกระบี่ประสบปัญหา&nbsp;เช่น&nbsp;น้ำท่วม&nbsp;ดินสไลต์&nbsp;ก็ได้มีการจัดกิจกรรมระดมทุนส่งไปช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนทั้งในจังหวัดกระบี่และต่างจังหวัด&nbsp;ตลอดจนช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมหนักในเฮติโดยรวบรวมเงิน&nbsp;เสื้อผ้าส่งผ่านจังหวัดกระบี่&nbsp;</p><p><strong>ในส่วนเวทีถนนคนเดินกระบี่</strong>&nbsp;ยังเป็นสถานที่ในการประชาสัมพันธ์งานกิจกรรมของจังหวัดและกิจกรรมของหน่วยงานราชการต่างๆ&nbsp;ในลักษณะเสียงตามสาย&nbsp;และเป็นเวทีสร้างคนไปสู่เวทีใหญ่&nbsp;ถนนคนเดินกระบี่ในวันนี้นอกจากจะเป็นย่านการค้าพาณิชย์แล้วยังเป็นตลาดต้องชมที่ใส่ใจในสุขภาพของผู้บริโภคและห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อม&nbsp;เป็นพื้นที่นำร่องแห่งแรกที่ไม่มีการใช้กล่องโฟม&nbsp;และสามารถเป็นถนนคนเดินปลอดโฟม&nbsp;100%&nbsp;ตั้งแต่ต้นปี&nbsp;2562&nbsp;ได้มีการขยายไปสู่การลงนาม&nbsp;MOU&nbsp;ระหว่างจังหวัด&nbsp;องค์กรภาคเอกชน&nbsp;และผู้ประกอบการ&nbsp;ให้เป็น&nbsp;“&nbsp;กระบี่ปลอดโฟม”&nbsp;เพื่อเป็นอีกหนึ่งในหลายๆ&nbsp;วิธีการที่จะก้าวสู่&nbsp;Krabi&nbsp;Goes&nbsp;Green&nbsp;ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19&nbsp;คณะกรรมการบริหารหอการค้าจังหวัดกระบี่ร่วมกับผู้ประกอบการค้าถนนคนเดินกระบี่มีนโยบายที่จะร่วมกันเลิกใช้ถุงพลาสติก&nbsp;ซึ่งขณะนั้นถนนคนเดินกระบี่มีผู้ประกอบการจำนวน&nbsp;356&nbsp;ราย&nbsp;ได้ลด&nbsp;ละ&nbsp;เลิกใช้ถุงพลาสติกไปแล้วกว่า&nbsp;80%&nbsp;ถนนคนเดินกระบี่จะก้าวไปสู่โครงการถนนคนเดินกระบี่&nbsp;:&nbsp;ถนนสีเขียวรักษ์โลก&nbsp;ห่วงใยผู้บริโภค&nbsp;ปลอดกล่องโฟม&nbsp;ปลอดถุงพลาสติก&nbsp;100%&nbsp;&nbsp;ภายในงานมีกิจกรรมออกร้านจำหน่ายอุปโภคสินค้าอุปโภค&nbsp;บริโภคธงฟ้า&nbsp;ราคาประหยัด&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกระบี่&nbsp;มีสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาดหลายรายการ&nbsp;ตลอดจนความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ&nbsp;เอกชน&nbsp;และจากผู้ประกอบการร้านค้าที่สนับสนุนและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>8/1/2022ภาคใต้กระบี่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220108203733009 โครงการ “หมูพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน” (ครั้งที่ 2) อำนาจเจริญ<p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดอำนาจเจริญ</strong>&nbsp;ได้ดำเนินโครงการ&nbsp;“หมูพาณิชย์&nbsp;...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;2)&nbsp;ตามนโยบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชน&nbsp;จากสถานการณ์เนื้อสุกรขาดตลาดและมีราคาสูงขึ้น&nbsp;จึงได้จัดให้มีจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดงราคาไม่เกินกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ณ&nbsp;ร้าน&nbsp;วี.ซี.มีท&nbsp;สาขาอำนาจเจริญ&nbsp;ตรงข้ามสวนมิ่งเมืองเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;เขตเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;6&nbsp;-&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>8/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220108220614015 จังหวัดลพบุรี จัดงานมหกรรมประกวดปลากัดไทยสวยงามจังหวัดลพบุรี ครั้งที่ 3 ประจำปี 2565<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จังหวัดลพบุรี&nbsp;จัดงานมหกรรมประกวดปลากัดไทยสวยงามจังหวัดลพบุรี&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วานนี้&nbsp;(8&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;เวลา&nbsp;17.30&nbsp;น.</strong>&nbsp;ที่ศูนย์การค้าโรบินสัน&nbsp;ไลฟ์สไตล์&nbsp;ตำบลกกโก&nbsp;อำเภอเมืองลพบุรี&nbsp;จังหวัดลพบุรี&nbsp;นายกกชัย&nbsp;ฉายรัศมีกุล&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี&nbsp;เป็นประธานเปิดงานประกวดปลากัดไทยสวยงามจังหวัดลพบุรี&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยว&nbsp;ผู้นิยมปลากัดไทยสวยงาม&nbsp;และกระตุ้นให้ประชาชนผู้สนใจ&nbsp;ตลอดทั้งเยาวชนของจังหวัดลพบุรีได้หันมาสนใจเพาะเลี้ยงปลากัดไทย&nbsp;เพื่อความสวยงามและเป็นการสร้างรายได้&nbsp;ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดลพบุรี&nbsp;และเป็นการส่งเสริมให้ธุรกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสวยงาม&nbsp;ให้มีความเข้มแข็งและขยายตัว&nbsp;รวมถึงการเตรียมความพร้อมของเกษตรกร&nbsp;เพื่อมุ่งสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน&nbsp;อันจะส่งเสริมให้ธุรกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามให้ก้าวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;ตลอดจนส่งผลถึงเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>โดยการจัดประกวดในครั้งนี้&nbsp;มีการประกวดปลากัด&nbsp;จำนวน&nbsp;21&nbsp;รุ่น</strong>&nbsp;มีปลาส่งเข้าประกวดจำนวนมาก&nbsp;จังหวัดลพบุรีเป็นจังหวัดที่มีผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามกระจายอยู่ในพื้นที่หลายอำเภอ&nbsp;โดยเฉพาะปลากัดไทย&nbsp;ซึ่งกรมประมงให้ความสำคัญกับเกษตรกรและผู้ประกอบการในเรื่องการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ&nbsp;เพื่อให้มีผลผลิตที่มีคุณภาพ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>อีกทั้ง&nbsp;ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดอาชีพธุรกิจด้านการประมงประเภทสัตว์น้ำสวยงาม&nbsp;</strong>ให้แก่เกษตรกรเกิดการรวมกลุ่มการจัดตั้งกลุ่มเครือข่ายผู้ผลิตสัตว์น้ำสวยงาม&nbsp;การให้ความรู้เรื่องการจัดทำมาตรฐานฟาร์ม&nbsp;การวางแผนการตลาดการค้า&nbsp;การส่งออกในอนาคต&nbsp;และเมื่อวันที่&nbsp;5&nbsp;กันยายน&nbsp;2562</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้&nbsp;"ปลากัดไทยเป็นสัตว์น้ำประจำชาติ"</strong>&nbsp;ประเด็นสำคัญที่เสนอให้ปลากัดไทยเป็นสัตว์ประจำชาติประกอบด้วย&nbsp;3&nbsp;ด้าน&nbsp;ได้แก่&nbsp;ด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์&nbsp;เนื่องจากคนไทยรู้จักคุ้นเคย&nbsp;และมีความผูกพันกับปลากัดมาแต่โบราณ&nbsp;โดยกระทรวงวัฒนธรรมประกาศขึ้นทะเบียนให้&nbsp;"ปลากัด"&nbsp;เป็นมรดกวัฒนธรรมของชาติเมื่อปี&nbsp;2556&nbsp;,&nbsp;ด้านความเป็นเจ้าของและความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว&nbsp;และด้านประโยชน์ใช้สอยโดยเฉพาะด้านส่งเสริมการเพาะเลี้ยงและสร้างนวัตกรรมด้านการเพาะพันธุ์</p>9/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลลพบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220109091542022 ขนส่งยะลา เปิดประมูลเลขทะเบียนรถเลขสวย อักษร "กจ" 301 เลขหมาย เปิดประมูลแล้ววันนี้ ผ่าน www.tabienrod.com<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขนส่งยะลา&nbsp;เปิดประมูลเลขทะเบียนรถเลขสวย&nbsp;อักษร&nbsp;"กจ"&nbsp;301&nbsp;เลขหมาย&nbsp;เปิดประมูลแล้ววันนี้&nbsp;ผ่าน&nbsp;www.tabienrod.com</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายพงศ์ธร&nbsp;จันทราธิบดี&nbsp;ขนส่งจังหวัดยะลา</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;สำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา&nbsp;ได้นำหมายเลขทะเบียนรถซึ่งเป็นที่ต้องการ&nbsp;หรือเป็นที่นิยมของประชาชนออกประมูลเป็นการทั่วไป&nbsp;ครั้งแรกที่หมวดอักษร&nbsp;"กค"&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;7-8&nbsp;กรกฎาคม&nbsp;2561&nbsp;มีรายได้ทั้งสิ้น&nbsp;13,042,000&nbsp;บาท&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2&nbsp;อำเภอเบตง&nbsp;หมวด&nbsp;"กค"&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;17-18&nbsp;สิงหาคม&nbsp;2562&nbsp;มีรายได้ทั้งสิ้น&nbsp;38,117,103&nbsp;บาท&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;หมวดอักษร&nbsp;"กง"&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;12&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2563&nbsp;&nbsp;มีรายด้ทั้งสิ้น&nbsp;7,566,000&nbsp;บาท&nbsp;และครั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการสาธารณสุข&nbsp;ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;(COVID-19)&nbsp;โดยจะเปิดการประมูลทางอินเทอร์เน็ตเท่านั้น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา</strong>&nbsp;จึงได้เปิดโอกาสให้ชาวจังหวัดยะลาได้ครอบครองทะเบียนรถเลขสวยจังหวัดยะลา&nbsp;โดยกำหนดให้มีการประมูลทะเบียนรถเลขสวยจังหวัดยะลา&nbsp;ครั้งที่&nbsp;4&nbsp;ในวันเสาร์ที่&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;หมวดอักษร&nbsp;"กจ&nbsp;:&nbsp;การงานก้าวหน้า&nbsp;ธุรกิจก้าวไกล"&nbsp;จำนวน&nbsp;301&nbsp;เลขหมาย&nbsp;ซึ่งท่านสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์&nbsp;www.tabienrod.com&nbsp;ได้ตั้งแต่บัดนี้&nbsp;เป็นต้นไป</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;รายได้จากการประมูลทะเบียนรถเลขสวย</strong>&nbsp;ทุกบาท&nbsp;ทุกสตางค์&nbsp;จะนำเข้า&nbsp;"กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน"&nbsp;(กปถ.)&nbsp;เพื่อนำไปสนับสนุนและส่งเสริมด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน&nbsp;และให้ความช่วยเหลือผู้พิการอันเนื่องมาจากการประสบภัยที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนน&nbsp;เป็นเงินค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการฯ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ดังนั้น&nbsp;จึงนับได้ว่าผู้ที่ประมูลทะเบียนรถเลขสวย</strong>&nbsp;ได้มีโอกาสร่วมทำบุญกุศล&nbsp;และสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคมส่วนรวมอีกทางหนึ่งด้วย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นอกจากนี้&nbsp;การประมูลทะเบียนรถเลขสวยของจังหวัดยะลา</strong>&nbsp;นอกจากจะได้ครอบครองเป็นเจ้าของทะเบียนรถเลขสวยที่ตนเองชื่นชอบ&nbsp;ได้มีโอกาสร่วมทำบุญกุศลดังกล่าวแล้ว&nbsp;ยังเป็นความภาคภูมิใจของชาวจังหวัดยะลา&nbsp;และเป็นความภาคภูมิใจของทุกคนด้วยเช่นกัน&nbsp;ที่จะได้ครองครอบทะเบียนรถเลขสวย&nbsp;ซึ่งทุกท่านทุกพื้นที่สาสามารถเข้าร่วมประมูลได้ทางอินเทอร์เน็ตเท่านั้น&nbsp;เพียงเข้าไปที่เว็บไซต์&nbsp;&nbsp;tabienrod.com&nbsp;แล้วคลิกที่รูปป้ายทะเบียนจังหวัดยะลา</p>9/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220109090734021 ควันหลงวันเด็ก พาหนูน้อยขี่ม้าชมธรรมชาติกลางสวนสาธารณะยะลา<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;"ควันหลงวันเด็ก"&nbsp;พาหนูน้อยขี่ม้าชมธรรมชาติกลางสวนสาธารณะยะลา</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สวนสุขภาพ&nbsp;ภายในสวนสวนขวัญเมืองยะลา</strong>&nbsp;ได้กลายเป็นแหล่งรวมของบรรดาพ่อ&nbsp;แม่&nbsp;ผู้ปกครองที่ได้นำลูก&nbsp;ๆ&nbsp;หลาน&nbsp;ๆ&nbsp;ตั้งแต่หนูน้อยไปจนถึงเด็ก&nbsp;ๆ&nbsp;ที่โตขึ้นมาหน่อยทั้งหญิง-ชาย&nbsp;ไปขี่ม้าชมธรรมชาติในสวนสาธารณะ&nbsp;ซึ่งทางสมาชิกชมรมคนรักษ์ม้าบ้านจารูพัฒนา&nbsp;ยะลา&nbsp;ได้นำม้าจำนวนถึง&nbsp;9&nbsp;ตัว&nbsp;มาให้น้อง&nbsp;ๆ&nbsp;ได้ขี่เล่น&nbsp;สัมผัสความน่ารักของม้า&nbsp;รวมไปถึงถ่ายรูปคู่ม้ากับครอบครัว&nbsp;โดยจะมีเจ้าของม้าจูงม้าพาเดิน&nbsp;ส่วนค่าบริการขึ้นม้าขี่ก็จะอยู่ที่&nbsp;30&nbsp;บาท&nbsp;ขณะที่เด็ก&nbsp;ๆ&nbsp;ต่างมีความสุข&nbsp;มีรอยยิ้ม&nbsp;และสนุกสนานที่ได้มาสัมผัส&nbsp;จับต้องม้าตัวเป็น&nbsp;ๆ&nbsp;โดยไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายอัดนัน&nbsp;บูเก๊ะตง</strong>&nbsp;บอกว่า&nbsp;ได้นำม้ามาจากบ้านจารูพัฒนา&nbsp;ขี่กันมาเพื่อมาให้เด็ก&nbsp;ๆ&nbsp;ได้ขี่เล่นในวันเด็ก&nbsp;จะทำให้เด็ก&nbsp;ๆ&nbsp;มีความรู้สึกรักสัตว์&nbsp;ได้ใกล้ชิดธรรมชาติด้วย&nbsp;ม้าที่นำมาก็จะเป็นม้าลูกผสม&nbsp;ไม่ดุ&nbsp;และมีความเชื่อง&nbsp;ไม่อันตรายกับเด็ก&nbsp;ๆ&nbsp;ม้าแต่ละตัวก็จะมีเจ้าของม้าเป็นผู้ดูแลจูงเด็ก&nbsp;ๆ&nbsp;เดินเล่น&nbsp;เด็ก&nbsp;ผู้ปกครองให้ความสนใจมาก&nbsp;ชื่นชอบมาก</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำหรับม้าที่นำมาก็จะมีค่าขี่ม้า&nbsp;ในราคา&nbsp;30&nbsp;บาท</strong>&nbsp;ซึ่งเงินที่ได้นี้ก็จะนำไปไว้ซื้ออาหารให้กับม้าด้วย&nbsp;นอกจากจะได้ขี่ม้าเล่น&nbsp;ก็สามารถที่จะถ่ายรูป&nbsp;เซลฟี่กับม้าได้เลย&nbsp;ไม่คิดเงิน&nbsp;สำหรับเด็ก&nbsp;ๆ&nbsp;ถ้าสนใจในการขี่ม้า&nbsp;ก็สามารถไปได้ที่&nbsp;บ้านจารูพัฒนา&nbsp;ตลาดเก่ายะลา&nbsp;หรือที่หลังค่ายสิรินธร&nbsp;จะมีม้าไว้คอยบริการ</p>9/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220109084339019 บรรยากาศท่องเที่ยวชุมชนอำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี กลับมาคึกคัก ที่พักถูกจองเต็ม 100%<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บรรยากาศท่องเที่ยวชุมชนอำเภอดอนสัก&nbsp;จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;กลับมาคึกคัก&nbsp;ที่พักถูกจองเต็ม&nbsp;100%</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายจักรกฤษณ์&nbsp;ฝั่งชลจิตร์&nbsp;นายอำเภอดอนสัก</strong>&nbsp;เปิดดผยว่า&nbsp;จากการลงพื้นที่สังเกตการณ์บรรยากาศการท่องเที่ยวชุมชน&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณหาดนางกำ&nbsp;ตำบลดอนสัก&nbsp;อำเภอดอนสัก&nbsp;จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;พบว่ามีนักท่องเที่ยวนำครอบครัวเดินทางมาพักผ่อนที่ชายทะเลค่อนข้างหนาตา&nbsp;บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก&nbsp;ขณะที่&nbsp;การจองและเข้าพักตามโรงแรมและรีสอร์ตต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ถูดจองเต็ม&nbsp;100&nbsp;เปอร์เซ็นต์</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;ศปก.อำเภอดอนสัก</strong>&nbsp;ได้กำชับให้ผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;และมาตรการต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;และกวดขันเรื่องการดูแลรักษาความสะอาดบริเวณชายหาดอย่างเข้มงวดด้วย</p>9/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220109093353025 กระทรวงพาณิชย์ อนุมัติจ่ายส่วนต่างประกันรายได้ข้าว งวดที่ 13 โดยจ่ายส่วนต่างลดลง หลังราคาข้าวขยับสูงขึ้น<p><strong>นางมัลลิกา&nbsp;บุญมีตระกูล&nbsp;มหาสุข&nbsp;ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;&nbsp;คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว&nbsp;ได้อนุมัติราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี&nbsp;2564/65&nbsp;รอบที่&nbsp;1&nbsp;งวดที่&nbsp;13&nbsp;โดยมีมติจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต&nbsp;2564/65&nbsp;ที่ระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่&nbsp;31&nbsp;&nbsp;ธันวาคม&nbsp;-&nbsp;6&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;5&nbsp;ชนิด&nbsp;ได้แก่&nbsp;ข้าวเปลือกหอมมะลิ&nbsp;ชดเชยตันละ&nbsp;&nbsp;3,707.68&nbsp;บาท&nbsp;ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่&nbsp;ชดเชยตันละ&nbsp;3,094.33&nbsp;บาท&nbsp;ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี&nbsp;ชดเชยตันละ&nbsp;1,063.73&nbsp;บาท&nbsp;ข้าวเปลือกเจ้า&nbsp;ชดเชยตันละ&nbsp;1,755.35&nbsp;บาท&nbsp;และข้าวเปลือกเหนียว&nbsp;ชดเชยตันละ&nbsp;2,197.91&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>การจ่ายส่วนต่างน้อยลงจากงวดก่อน</strong>&nbsp;เนื่องจากราคาข้าวเปลือกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตามชาวนาจะได้รับเงินส่วนต่าง&nbsp;งวดที่&nbsp;13&nbsp;สูงสุด&nbsp;ได้แก่&nbsp;ข้าวเปลือกหอมมะลิ&nbsp;&nbsp;51,907.52&nbsp;บาท&nbsp;ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่&nbsp;49,509.28&nbsp;บาท&nbsp;ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี&nbsp;&nbsp;26,593.25&nbsp;บาท&nbsp;ข้าวเปลือกเจ้า&nbsp;52,660.50&nbsp;บาท&nbsp;และข้าวเปลือกเหนียว&nbsp;35,166.56&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;โดย&nbsp;ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร&nbsp;(ธ.ก.ส.)&nbsp;จะโอนเงินเข้าไปยังบัญชีของเกษตรกรภายใน&nbsp;3&nbsp;วันทำการหลังจากที่ได้มีการประกาศราคาเกณฑ์กลาง&nbsp;ซึ่งจะดำเนินการในสัปดาห์หน้านี้</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>9/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220109125654094 พาณิชย์จังหวัดลพบุรีติดตามการจำหน่ายหมูเนื้อแดง เตรียมเปิดจุดขายหมู 14 มกราคมนี้<p><strong>นางศิริพร&nbsp;สัจจาคุณ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลพบุรี&nbsp;แจ้งว่า</strong>&nbsp;ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี&nbsp;ในการแก้ไขปัญหาเนื้อหมูราคาแพง&nbsp;โดยทีมงานสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลพบุรี&nbsp;ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;โดยพบว่าราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม&nbsp;ณ&nbsp;ฟาร์มสุกรในพื้นที่จังหวัดลพบุรี&nbsp;ราคา&nbsp;95-100/กิโลกรัม&nbsp;ราคาจำหน่ายที่ตลาดสด&nbsp;หมูเนื้อแดงราคา&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150-170&nbsp;บาท&nbsp;หมูสามชั้น&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;180-200&nbsp;บาท&nbsp;ปริมาณเนื้อสุกรเพียงพอกับความต้องการ&nbsp;ส่วนราคาจำหน่าย&nbsp;ที่ห้างสรรพสินค้า&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;145-164&nbsp;บาท&nbsp;หมูสามชั้น&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;200-217&nbsp;บาท</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ได้กำชับให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายให้ถูกต้อง</strong>&nbsp;ครบถ้วน&nbsp;ชัดเจนตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ฉบับที่&nbsp;61&nbsp;พ.ศ.2564&nbsp;อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลพบุรีจะจัดจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;"พาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;lot&nbsp;4&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ที่หน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลพบุรี&nbsp;ในวันที่&nbsp;14&nbsp;มกราคมนี้&nbsp;หลังจากที่ได้จัดจำหน่ายมาแล้วเมื่อวันที่&nbsp;7&nbsp;มกราคมที่ผ่านมา&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>9/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลลพบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220109114217064 ปศุสัตว์ลพบุรี เร่งสำรวจจำนวนการผลิตสุกรในพื้นที่ เตรียมวางแผนผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการบริโภค แก้ไขปัญาหาราคาหมูแพง<p><strong>นายจรูญ&nbsp;ชูเกียรติวัฒนา&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดลพบุรี&nbsp;</strong>ชี้แจงมาตรการแก้ไขปัญหาเนื้อหมูราคาแพง&nbsp;ซึ่งนายกรัฐมตรีได้มีความห่วงใย&nbsp;กำหนดมาตรการ&nbsp;3&nbsp;ระยะ&nbsp;คือ&nbsp;มาตรการระยะเร่งด่วน&nbsp;ห้ามส่งออกหมูมีชีวิต&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;6&nbsp;มกราคม&nbsp;ถึง&nbsp;5&nbsp;เมษายน&nbsp;2565&nbsp;ช่วยเหลือราคาอาหารสัตว์&nbsp;จัดสินเชื่อพิเศษเพื่อให้เกษตรกรได้กลับมาเลี้ยงใหม่&nbsp;ตรึงราคาจำหน่ายที่เหมาะสมสอดคล้องกับต้นทุนที่เกิดขึ้น&nbsp;เร่งสำรวจภาพรวมการผลิตสุกรเพื่อกำหนดพื้นที่เป้าหมายและมาตรการ&nbsp;พร้อมเพิ่มกำลังการผลิตแม่สุกรทดแทน&nbsp;มาตรการระยะสั้น&nbsp;จะมีการส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์&nbsp;เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ&nbsp;ขยายกำลังผลิตแม่สุกร&nbsp;พร้อมทั้งเร่งศึกษาวิจัยยา&nbsp;และสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อลดความสูญเสียจากโรคระบาด&nbsp;ส่วนมาตรการระยะยาว&nbsp;จะมีการผลักดันยกระดับมาตรฐานฟาร์มเกษตรกร&nbsp;เพื่อป้องกันโรคระบาด&nbsp;ส่งเสริมให้เป็นฟาร์มมีระบบการป้องกันโรค&nbsp;และมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่ามาตรฐานฟาร์ม&nbsp;GAP&nbsp;เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตหมูให้เพียงพอต่อความต้องการบริโภค&nbsp;และจัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กู้ยืมจาก&nbsp;ธ.ก.ส.โครงการสานฝันสร้างอาชีพ</p><p><strong>ปศุสัตว์จังหวัดลพบุรี&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ขณะนี้ได้สั่งการให้ปศุสัตว์อำเภอสำรวจข้อมูลจำนวนการผลิตสุกรของจังหวัดลพบุรี&nbsp;เพื่อให้ทราบข้อมูลการเลี้ยงสุกรที่เป็นปัจจุบัน&nbsp;ซึ่งเป็นไปตามมาตรการการแก้ไขปัญหาเนื้อสุกรราคาสูงในระยะเร่งด่วน&nbsp;เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีเกษตรกรบางส่วนเปลี่ยนจากการเลี้ยงสุกรไปประกอบอาชีพอื่น&nbsp;โดยเมื่อได้ข้อมูลแล้วจะรวบรวมส่งไปยังส่วนกลาง&nbsp;เพื่อวางแผนเพิ่มปริมาณการผลิตในภาพรวมของประเทศให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>9/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลลพบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220109114348066 เจ้าหน้าที่พาณิชย์แม่ฮ่องสอน ลงพื้นที่ตรวจราคา "สินค้าอุปโภคบริโภค" ร้านค้าอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน พบราคาสินค้าอยู่ในภาวะทรงตัว<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>เมื่อวันที่&nbsp;(7&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;ที่ผ่านมา</strong>&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอนลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ณ&nbsp;ร้านค้า&nbsp;อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;2&nbsp;ร้าน&nbsp;ผลการตรวจสอบพบว่า&nbsp;ราคาสินค้าอยู่ในภาวะทรงตัว&nbsp;อาทิ&nbsp;น้ำมันปาล์ม&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;ราคา&nbsp;53-58&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;น้ำมันถั่วเหลือง&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;ราคา&nbsp;58-60&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;น้ำปลา&nbsp;ขนาด&nbsp;700&nbsp;มล.&nbsp;ราคา&nbsp;35&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;ผงซักฟอก&nbsp;ขนาด&nbsp;850&nbsp;กรัม&nbsp;ราคา&nbsp;75&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;ซอสปรุงรสฝาเขียว&nbsp;ขนาด&nbsp;600&nbsp;มล.&nbsp;ราคา&nbsp;35&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;ปลากระป๋อง&nbsp;ขนาด&nbsp;155&nbsp;กรัม&nbsp;ราคา&nbsp;13-22&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>อีกทั้ง&nbsp;ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าชัดเจน</strong>&nbsp;สินค้ายังมีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ร้านค้าปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.2542&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;ห้ามกักตุนสินค้า&nbsp;และห้ามฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าในราคาที่สูงเกินสมควร</p>9/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220109121025081 สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 4 อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เชื่อมต่อเส้นทาง R3A เชื่อมโยงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน<p><strong>“เชียงราย”&nbsp;เป็นจังหวัดเหนือสุดของประเทศไทยที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน&nbsp;</strong>คือ&nbsp;เมียนมาและลาว&nbsp;มีการเชื่อมโยงและเดินทางไปมาหาสู่กัน&nbsp;ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว&nbsp;ไทย-เมียนมา&nbsp;ทำให้เชียงรายเป็นเมืองการค้าเชื่อมโยงชายแดนที่สำคัญและมีเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน&nbsp;3&nbsp;อำเภอคือ&nbsp;อำเภอแม่สาย&nbsp;อำเภอเชียงแสน&nbsp;และอำเภอเชียงของ&nbsp;สะพานมิตรภาพไทย-ลาว&nbsp;4&nbsp;(เชียงของ-ห้วยทราย)&nbsp;เป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่เชื่อมต่อระหว่าง&nbsp;บ้านดอนมหาวัน&nbsp;อำเภอเชียงของ&nbsp;จังหวัดเชียงราย&nbsp;กับบ้านดอน&nbsp;เมืองห้วยทราย&nbsp;แขวงบ่อแก้ว&nbsp;สปป.ลาว&nbsp;เปิดใช้เมื่อปี&nbsp;2556&nbsp;เป็นการเชื่อมต่อกับเส้นทาง&nbsp;R3A&nbsp;ที่เชื่อมต่อระหว่างจีน&nbsp;ลาว&nbsp;และไทย&nbsp;เพื่อให้การคมนาคมระหว่างประเทศสะดวกมากยิ่งขึ้นและยังเป็นการรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน</p><p><strong>นายชวัช&nbsp;วัฒธรรม&nbsp;ผอ.แขวงทางหลวงเชียงรายที่&nbsp;2</strong>&nbsp;กล่าวถึงเส้นทางในพื้นที่อำเภอเชียงของ&nbsp;ที่เชื่อมต่อไปยังถนน&nbsp;R3A&nbsp;ในความรับผิดชอบแขวงทางหลวงเชียงรายที่&nbsp;2&nbsp;ว่า&nbsp;จุดเชื่อมต่อของ&nbsp;R3A&nbsp;จะเริ่มจากทางหลวงหมายเลข&nbsp;1&nbsp;ที่ตัวจังหวัดเชียงรายเข้ามายังเข้ามายังอำเภอ&nbsp;ขณะเดียวกัน&nbsp;ขณะนี้&nbsp;มีอีกเส้นทางที่จากจังหวัดพะเยาซึ่งมีอยู่&nbsp;3&nbsp;ตอนที่กำลังก่อสร้างขยายเป็น&nbsp;4&nbsp;ช่องจราจร&nbsp;และเส้นทางที่บ้านต้า&nbsp;อำเภอขุนตาล&nbsp;จะมาเชื่อมโยงเข้ากับอำเภอเชียงของ&nbsp;ที่ถนนหมายเลข&nbsp;1356&nbsp;ไปสะพานมิตรภาพไทย-ลาว&nbsp;4&nbsp;เชียงของ-ห้วยทราย&nbsp;ที่จะไปบ่อเต็น-คุนหมิง&nbsp;เชื่อมโยงระหว่างประเทศลาวและประเทศจีน&nbsp;หากโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์การจราจรคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้น&nbsp;เป็นการรองรับการคมนาคมเชื่อมโยงระหว่างประเทศ&nbsp;การบรรทุกสินค้า&nbsp;การส่งออกพืชผลทางการเกษตร&nbsp;ข้าว&nbsp;น้ำมัน&nbsp;วัสดุก่อสร้าง&nbsp;ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจ&nbsp;สังคม&nbsp;ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน</p><p><strong>เส้นทางดังกล่าวใช้เป็นเส้นทางเชื่อมโยง</strong>เครือข่ายโลจิสติกส์ด้านการขนส่งสินค้าเศรษฐกิจ&nbsp;จากจีนมาไทยและจากไทยไปจีน&nbsp;เกิดการขยายตัวทางการค้าในภูมิภาค&nbsp;จากข้อมูลของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย&nbsp;ต่อภาพรวมมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนด้านจังหวัดเชียงราย&nbsp;ปี&nbsp;2564&nbsp;มีมูลค่าการค้าขายกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว&nbsp;,&nbsp;สาธารณรัฐแห่งสภาพเมียนมา&nbsp;และสาธารณรัฐประชาชนจีนตอนใต้&nbsp;ผ่านด่านเชียงของ&nbsp;ด่านเชียงแสน&nbsp;และด่านแม่สาย&nbsp;ตั้งแต่เดือนมกราคม&nbsp;ถึงพฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;มีมูลค่ารวม&nbsp;60,290,547,898.77&nbsp;ล้านบาท&nbsp;เฉพาะการค้าขายผ่านด่านเชียงของ&nbsp;มีมูลค่ารวมกว่า&nbsp;40,531,629,369.75&nbsp;บาท</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;เส้นทาง&nbsp;R3A&nbsp;ยังเป็นเส้นทางของนักท่องเที่ยวชาวจีน&nbsp;</strong>ที่ใช้เส้นทางดังกล่าว&nbsp;ท่องเที่ยวแบบคาราวานจากเมืองคุนหมิง&nbsp;ผ่านสิบสองปันนา&nbsp;เชียงรุ่ง&nbsp;เมืองหล้า&nbsp;บ่อหาน&nbsp;บ่อเต็น&nbsp;หลวงน้ำทา&nbsp;ห้วยทราย&nbsp;และเข้าสู่ประเทศไทยผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว&nbsp;4&nbsp;(เชียงของ-ห้วยทราย)&nbsp;ที่อำเภอเชียงของ&nbsp;จังหวัดเชียงราย&nbsp;จะเป็นการเพิ่มโอกาสทางการค้า&nbsp;การลงทุน&nbsp;เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ&nbsp;การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายและประเทศไทย&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p>9/1/2022ภาคเหนือเชียงรายสวท.เชียงรายhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220109121929083 เทศบาลนครเชียงราย ขยายเวลาเข้าชมสวน “เชียงรายดอกไม้งาม” ถึง 12 กุมภาพันธ์ 2565<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>เทศบาลนครเชียงราย&nbsp;ได้จัดงาน&nbsp;“เชียงรายดอกไม้งาม”&nbsp;ประจำปี&nbsp;2564</strong>&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;24&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ถึง&nbsp;9&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;สวนตุงและโคมนครเชียงราย&nbsp;ตามโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่นนครเชียงราย&nbsp;เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว&nbsp;กระตุ้นเศรษฐกิจ&nbsp;สร้างรายได้ให้กับประชาชน&nbsp;หลังจากการจัดงาน&nbsp;“เชียงรายดอกไม้งาม”&nbsp;ประจำปี&nbsp;2564&nbsp;แล้ว</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>เทศบาลนครเชียงราย&nbsp;ยังคงเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมสวน</strong>&nbsp;มีการจัดแสดงไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์&nbsp;นิทรรศการ&nbsp;กิจกรรมการประกวดแข่งขันวาดภาพ&nbsp;ถ่ายภาพ&nbsp;คลิปวิดีโอ&nbsp;จำหน่ายอาหารและสินค้าพื้นเมือง&nbsp;ไปจนถึงวันที่&nbsp;12&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;07.00-21.00&nbsp;น.&nbsp;ยกเว้นวันเสาร์&nbsp;ซึ่งมีถนนคนเดินจะเปิดให้บริการถึงเวลา&nbsp;22.00&nbsp;น.&nbsp;ขอความร่วมมือประชาชนและนักท่องเที่ยวปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด</p>9/1/2022ภาคเหนือเชียงรายสวท.เชียงรายhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220109122113084 นักท่องเที่ยวพาบุตรหลานขึ้นชมถ้ำนาคา ที่จังหวัดบึงกาฬ ในช่วงวันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา&nbsp;ฝั่งอำเภอบึงโขงหลง&nbsp;จังหวัดบึงกาฬ</strong>&nbsp;นักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศยังคงเดินทางมาเยี่ยมชมถ้ำนาคา&nbsp;แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงอย่างไม่ขาดสาย&nbsp;จากลักษณะของผนังถ้ำที่คล้ายเกล็ดงูขนาดใหญ่&nbsp;หรือเกล็ดพญานาค&nbsp;จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมจนเต็มโควตาทุกวัน&nbsp;โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้&nbsp;ตรงกับวันเด็กแห่งชาติ&nbsp;ผู้ปกครองจึงนิยมพาบุตรหลานมาเที่ยวที่ถ้ำนาคา&nbsp;เพื่อสักการะขอพรต่อพญานาคให้เรียนหนังสือเก่ง&nbsp;ๆ&nbsp;และมีสุขภาพที่แข็งแรง&nbsp;รวมทั้งการขึ้นถ้ำนาคาก็ถือเป็นกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ที่คนในครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันด้วย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายอาทิตย์&nbsp;โยธา&nbsp;นักท่องเที่ยวจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์</strong>&nbsp;บอกว่า&nbsp;วันนี้เดินทางมาพร้อมกับครอบครัวและญาติ&nbsp;ๆ&nbsp;รวมทั้งยังเป็นการพาบุตรชายมาเที่ยวที่ถ้ำนาคา&nbsp;เนื่องในวันเด็กแห่งชาติปีนี้ด้วย&nbsp;ซึ่งการได้มาที่นี่ก็มีความประทับใจหลาย&nbsp;ๆ&nbsp;อย่าง&nbsp;ทั้งการบริการที่ดีจากมัคคุเทศก์ท้องถิ่น&nbsp;และสถานที่ที่มีความสวยงามโดดเด่น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>เช่นเดียวกับนางปัทมา&nbsp;ผอบเพชร&nbsp;นักท่องเที่ยวจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์</strong>&nbsp;ที่เดินทางมาด้วยกัน&nbsp;บอกกับผู้สื่อข่าวว่า&nbsp;ตนได้เดินทางมาพร้อมกับครอบครัว&nbsp;และตั้งใจพาลูกมาเที่ยวที่ถ้ำนาคาเนื่องในวันเด็กแห่งชาติปีนี้&nbsp;โดยหลังจากขึ้นมาบนถ้ำแล้วก็มีความประทับใจมาก&nbsp;เพราะถ้ำมีความสวยงามมากจริง&nbsp;ๆ&nbsp;ซึ่งหากมีโอกาสก็จะเดินทางมาเยี่ยมชมอีกแน่นอน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำหรับการเข้าชมถ้ำนาคา&nbsp;ที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา</strong>&nbsp;นักท่องเที่ยวต้องจองคิวล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน&nbsp;QueQ&nbsp;โดยแต่ละวันรับไม่เกิน&nbsp;500&nbsp;คนเท่านั้น&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;นักท่องเที่ยวยังต้องได้รับวัคซีนโควิด-19&nbsp;ครบ&nbsp;2&nbsp;เข็ม&nbsp;และต้องเตรียมสิ่งจำเป็นเช่น&nbsp;น้ำดื่มและถุงมือ&nbsp;โดยระยะทางขึ้นชมถ้ำนาคาอยู่ที่&nbsp;2&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;การเดินทางไปกลับจะใช้เวลาประมาณ&nbsp;3-4&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;รวมถึงนักท่องเที่ยวต้องห้ามทิ้งขยะ&nbsp;ห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์&nbsp;ดอกไม้&nbsp;ธูปเทียน&nbsp;หรือแป้งฝุ่นขึ้นไปบนภูลัง&nbsp;ห้ามก่อกองหินเป็นองค์พระธาตุ&nbsp;ห้ามแตะต้องหรือสัมผัส&nbsp;และเก็บได้แต่ภาพบรรยากาศเท่านั้น</p>9/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบึงกาฬสวท.บึงกาฬhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220109123100087 จังหวัดเลย จัดกิจกรรมอบรม ให้ความรู้ สร้างความเข้าใจ พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ ด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ไทย-ลาว<p><strong>ที่โรงแรมภูเรือ&nbsp;แซงค์ฌัวรี&nbsp;รีสอร์ท&nbsp;แอนด์&nbsp;สปา&nbsp;</strong>นายผดุงศักดิ์&nbsp;หาญปรีชาสวัสดิ์รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย&nbsp;เป็นประธานเปิดกิจกรรมอบรม&nbsp;ให้ความรู้&nbsp;สร้างความเข้าใจ&nbsp;พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ&nbsp;ด้านการค้า&nbsp;การลงทุน&nbsp;และการท่องเที่ยว&nbsp;ไทย-ลาว&nbsp;ภายใต้โครงการเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงกับประเทศเพื่อนบ้าน&nbsp;โดยมี&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;เข้าร่วมกิจกรรม&nbsp;โดยกิจกรรมหลักเป็นการประชุมคณะกรรมการความร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยชายแดนระหว่างจังหวัดเลยกับแขวงเวียงจันทน์&nbsp;สปป.ลาว&nbsp;และจังหวัดเลยกับแขวงไชยะบุลี&nbsp;สปป.ลาว&nbsp;และในส่วนกิจกรรมย่อย&nbsp;สร้างความเข้าใจ&nbsp;พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการด้านการค้า&nbsp;การลงทุนและการท่องเที่ยว&nbsp;ไทย-ลาว&nbsp;ภายใต้สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19</p><p><strong>นายผดุงศักดิ์&nbsp;หาญปรีชาสวัสดิ์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพชั้นนำ&nbsp;ที่เติบโตอย่างมีดุลยภาพบนพื้นฐานความเป็นไทย&nbsp;เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ&nbsp;สังคม&nbsp;และกระจายรายได้&nbsp;สู่ประชาชนทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน&nbsp;เพื่อให้เป็นกลไกในการขับเคลื่อนการพัฒนาการท่องเที่ยวที่สามารถกระจายรายได้ไปสู่เศรษฐกิจฐานรากได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา&nbsp;การสร้างเครือข่ายการทำงานบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงาน&nbsp;สร้างการทำงานร่วมกัน&nbsp;และให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างผู้ประกอบการ&nbsp;ภาครัฐ&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;ของจังหวัดเลย&nbsp;แขวงไชยะบุลี&nbsp;แขวงหลวงพระบาง&nbsp;และแขวงเวียงจันทน์&nbsp;สปป.ลาว&nbsp;โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;เพื่อให้มีความเข้าใจในข้อเท็จจริงและปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างครบถ้วน&nbsp;ประกอบการพิจารณาในการเจรจาให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการของจังหวัดเลย&nbsp;แขวงไชยะบุลี&nbsp;และแขวงหลวงพระบาง&nbsp;สปป.ลาว&nbsp;มากที่สุด&nbsp;อาทิ&nbsp;การจัดการประชุม&nbsp;การส่งเสริมความร่วมมือ&nbsp;ด้านการค้า&nbsp;การลงทุนการท่องเที่ยว&nbsp;การศึกษา&nbsp;กีฬา&nbsp;และวัฒนธรรม&nbsp;เพื่อเชื่อมโยงกับจังหวัดเลย&nbsp;จังหวัดเพชรบูรณ์&nbsp;ราชอาณาจักรไทย&nbsp;แขวงไชยะบุลี&nbsp;แขวงหลวงพระบาง&nbsp;สปป.ลาว&nbsp;และโครงการสี่เหลี่ยมวัฒนธรรมล้านช้าง&nbsp;โดยสำนักงานพื้นที่พิเศษเลย&nbsp;(อพท.5&nbsp;)&nbsp;ดำเนินการจัดกิจกรรมอบรม&nbsp;ให้ความรู้&nbsp;สร้างความเข้าใจ&nbsp;พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ&nbsp;ด้านการค้า&nbsp;การลงทุน&nbsp;และการท่องเที่ยว&nbsp;ไทย-ลาว</p><p><strong>นายวสันต์&nbsp;ไทยสุวรรณ&nbsp;รักษาราชการแทนหัวหน้า&nbsp;สำนักงานจังหวัดเลย&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;การดำเนินงานตามโครงการในครั้งนี้&nbsp;มีวัตถุประสงค์&nbsp;1.เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการเกี่ยวกับการค้า&nbsp;การลงทุน&nbsp;และการท่องเที่ยว&nbsp;ระหว่าง&nbsp;ไทย-ลาว&nbsp;2.เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการของจังหวัดเลย&nbsp;3.เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเพิ่มช่องทางการตลาด&nbsp;ขยายการค้า&nbsp;การลงทุนและการท่องเที่ยวเชื่อมโยงและสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการ&nbsp;4.เพื่อส่งเสริมการค้าและขยายฐานการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชน&nbsp;สินค้าพื้นถิ่น&nbsp;การท่องเที่ยวและบริการ&nbsp;ของจังหวัดเลย&nbsp;ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มตลาดเป้าหมายมากยิ่งขึ้น</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>9/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเลยสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเลยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220109130613102 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสงขลา จัดโครงการ “หมูพาณิชย์ ลดราคา ช่วยประชาชน ส่วนภูมิภาคจังหวัดสงขลา” ครั้งที่ 2 เพื่อลดภาระค่าครองชีพ และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน<p><strong>วันนี้&nbsp;(9&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ที่บริเวณหน้าร้านโตชินท์</strong>&nbsp;อาหารแช่แข็งตรงข้ามโรงเรียนเทศบาล&nbsp;1&nbsp;ถนนนครนอก&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดสงขลา&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสงขลา&nbsp;จัดโครงการ&nbsp;“หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ส่วนภูมิภาคจังหวัดสงขลา”&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2&nbsp;ซึ่งเป็น&nbsp;1&nbsp;ใน&nbsp;4&nbsp;จุดที่จำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;เนื้อติดมัน&nbsp;เพียงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด&nbsp;เพื่อลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงหมูในท้องตลาดราคาแพง</p><p><strong>โครงการ&nbsp;“หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ส่วนภูมิภาค&nbsp;จังหวัดสงขลา”&nbsp;</strong>ครั้งที่&nbsp;2&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;6-15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;สำหรับในวันนี้เป็นวันที่&nbsp;4&nbsp;ของการขายหมูโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;โดยมีประชาชนชาวเมืองสงขลาเดินทางทยอยกันมาซื้อหมู&nbsp;ราคาถูกอย่างต่อเนื่อง&nbsp;สำหรับโครงการฯ&nbsp;ดังกล่าว&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสงขลา&nbsp;จัดขึ้นเพื่อลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงหมูในท้องตลาดราคาแพง&nbsp;และประชาชนได้รับผลกระทบจากราคาเนื้อหมูปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายเนื้อหมูในราคาถูกกว่าท้องตลาดเป็นระยะเวลา&nbsp;10&nbsp;วัน&nbsp;โดยเริ่มตั้งแต่วันที่&nbsp;6-15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;มีจุดจำหน่าย&nbsp;4&nbsp;จุดคือ</p><p>1.ร้านเตชินท์&nbsp;อาหารแช่แข็ง&nbsp;ถนนนครนอก&nbsp;อำเภอเมืองสงขลา&nbsp;ตรงข้ามโรงเรียนเทศบาล&nbsp;1&nbsp;ถนนนครนอก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>2.แผงขายหมูพี่วรรณา&nbsp;(ตรงข้ามกับศูนย์ควบคุมโรค&nbsp;สวนตูล&nbsp;อำเภอเมืองสงขลา)&nbsp;</p><p>3.ร้านคุณจรูญ&nbsp;(บริเวณใกล้&nbsp;สี่แยกป้อมตำรวจนาหม่อม&nbsp;อำเภอนาหม่อม)&nbsp;</p><p>4.แผงขายหมูกิตติพล&nbsp;(บริเวณถนนรัตนอุทิศ&nbsp;เขต&nbsp;8&nbsp;อำเภอหาดใหญ่)</p><p><strong>ร้านเหล่านี้ได้เข้าร่วมกับโครงการของพาณิชย์จังหวัดสงขลา&nbsp;</strong>โดยจะจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;ซึ่งเป็นเนื้อแดง&nbsp;และเนื้อติดมัน&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;เริ่มขายแล้วตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง&nbsp;-15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ทั้งนี้หากราคาเนื้อหมูยังสูงขึ้นอีก&nbsp;กรมการค้าภายในยืนยันว่า&nbsp;จะขยายโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชนต่อไปอีก&nbsp;เพื่อบรรเทาค่าใช้จ่ายของประชาชน&nbsp;</p><p><strong>นายเตชินท์&nbsp;พูลสวัสดิ์&nbsp;</strong>อายุ&nbsp;34&nbsp;ปี&nbsp;เจ้าของแผงหมู&nbsp;ซึ่งเป็น&nbsp;1&nbsp;ใน&nbsp;4&nbsp;จุดที่จำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;เนื้อติดมัน&nbsp;เพียงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ตอนนี้ราคาหมูเป็นอยู่ที่&nbsp;ราคา&nbsp;110&nbsp;กว่าบาท&nbsp;แต่ทางร้านก็พยุงราคาของหมูให้ลูกค้าอยู่&nbsp;จะอยู่ในราคาเนื้อแดง&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;เนื้อติดมันก็&nbsp;150&nbsp;บาทเช่นเดียวกัน&nbsp;ส่วนเนื้อสามชั้น&nbsp;ในตลาดกิโลกรัมละ&nbsp;240&nbsp;-&nbsp;270&nbsp;บาท&nbsp;แต่ทางร้านขายให้ลูกค้าในราคากิโลกรัมละ&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;ตอนนี้ทางร้านก็ยังเปิดจำหน่ายหมู&nbsp;ตรงข้ามโรงแรมโรงเรียนเทศบาล&nbsp;1&nbsp;ถนนนครนอก&nbsp;เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา&nbsp;06.00-19.00&nbsp;น.&nbsp;ลูกค้าที่เดินทางสัญจรไปมาทางเส้นทางนี้&nbsp;สะดวกก็แวะชมแวะซื้อได้&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>9/1/2022ภาคใต้สงขลาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220109132336109 เปิดสนามวิ่งเทรลที่แม่ลาน้อย งาน "Green Season Lanna Trail Season 2" วิ่งลัดป่า ชมวิวดอยขุมคำ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา กระจายรายได้แก่ชุมชน<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(9&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน&nbsp;1&nbsp;(เชียงใหม่&nbsp;ลำปาง&nbsp;ลำพูน&nbsp;แม่ฮ่องสอน)&nbsp;โดยสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำพูน</strong>&nbsp;จัดงาน&nbsp;"Green&nbsp;Season&nbsp;Lanna&nbsp;Trail&nbsp;Season&nbsp;2"&nbsp;กิจกรรมหลักที่&nbsp;6&nbsp;Lanna&nbsp;Trail&nbsp;4&nbsp;จังหวัด&nbsp;ภายใต้โครงการท่องเที่ยวธรรมชาติ&nbsp;วิถีล้านนา&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;2564&nbsp;เป็นสนามที่&nbsp;2&nbsp;โดยจัดขึ้นที่&nbsp;อ.แม่ลาน้อย&nbsp;จ.แม่ฮ่องสอน&nbsp;ในการนี้&nbsp;ดร.ชูชาติ&nbsp;คำมา&nbsp;นายอำเภอแม่ลาน้อย&nbsp;เป็นประธานเปิดงาน&nbsp;พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;เข้าร่วม</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>กำหนดการแข่งขันออกเป็น&nbsp;2&nbsp;ระยะ</strong>&nbsp;ได้แก่&nbsp;ประเภทล่นเอาม่วน&nbsp;ชาย/หญิง&nbsp;ระยะทาง&nbsp;15&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;และประเภทล่นเอามันส์ชาย/หญิง&nbsp;ระยะทาง&nbsp;30&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;โดยการจัดงานครั้งนี้&nbsp;เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา&nbsp;เป็นช่องทางหนึ่งที่จะทำให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปได้รู้จักและเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวและเกิดการกระจายรายได้แก่ชุมชนท่องเที่ยวต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน&nbsp;1&nbsp;ต่อไป&nbsp;สำหรับสนามถัดไป&nbsp;สนามที่&nbsp;3&nbsp;จะจัดที่&nbsp;ม่อนล่อง&nbsp;อ.แม่ริม&nbsp;จ.เชียงใหม่&nbsp;และสนามที่&nbsp;4&nbsp;แม่สะป๊วด&nbsp;?อ.แม่ทา&nbsp;จ.ลำพูนสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม&nbsp;และติดตามภาพบรรยากาศการจัดงานได้ที่&nbsp;https://www.facebook.com/GreenSeasonLannaTrail</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายจักรกฤษณ์&nbsp;เอ่งฉ้วน&nbsp;ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำพูน&nbsp;ผู้จัดงาน</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;จัดงานขึ้นภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิดอย่างเคร่งครัด&nbsp;ได้แก่&nbsp;การตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;การคัดกรองวัดไข้และอาการเสี่ยง&nbsp;ก่อนเข้าสถานที่จัดงาน&nbsp;และจัดให้นักวิ่ง&nbsp;หรือผู้มาร่วมงาน&nbsp;เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล&nbsp;ไม่ต่ำกว่า&nbsp;1&nbsp;เมตร&nbsp;รวมถึงได้จัดให้นักวิ่ง&nbsp;หรือผู้มาร่วมงาน&nbsp;ทุกท่านจะต้องลงทะเบียนก่อนเข้างานและออกงาน&nbsp;โดยให้มีการสแกนข้อมูลผ่านแอปพลิเคชั่น&nbsp;เน้นย้ำให้นักวิ่ง&nbsp;หรือผู้มาร่วมงานปฏิบัติตามมาตรการการป้องกัน&nbsp;COVID-19&nbsp;ตามมาตรการคณะกรรมการโรคติดต่อของแต่ละจังหวัด&nbsp;</p>9/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220109160416142 พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา ติดตามการดำเนินโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน จังหวัดนครราชสีมา ครั้งที่ 2<p><strong>นายศารุมภ์&nbsp;โหม่งสูงเนิน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา</strong>&nbsp;ติดตามการดำเนินโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดนครราชสีมา&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;2)&nbsp;ตามนโยบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาหมูที่สูงขึ้นและให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา&nbsp;ร่วมกับตลาดเทิดไทและผู้ประกอบการค้าเนื้อสุกรชำแหล่ะจัดโปรโมชั่นหมูเนื้อแดง&nbsp;ลดราคาเพื่อผู้บริโภค&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;6&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่</p><p>1.ร้านหมูไอที&nbsp;2.&nbsp;ร้านธนพร&nbsp;3.ร้านสถานีหมูสด&nbsp;4.&nbsp;ร้านเฮียเขียว&nbsp;5.&nbsp;ร้านเจ้บีหมูสด&nbsp;6.&nbsp;ร้านอุ๊บอิ๊บ&nbsp;</p><p><strong>เริ่มตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</strong>&nbsp;จำหน่ายจำนวนวันละ&nbsp;300&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;โดยจะจำหน่ายจนกว่าเนื้อหมูจะหมดทุกวัน</p><p><strong>พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้มีข้อสั่งการสำหรับแก้ปัญหาราคาหมูที่สูงขึ้นในเบื้องต้นดังนี้</p><p>1&nbsp;ห้ามส่งออกหมูชั่วคราว&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;</p><p>2&nbsp;สั่งเช็คสต๊อกหมูทั่วประเทศ&nbsp;ป้องกันการกักตุน&nbsp;</p><p>3&nbsp;ถ้ามีการขายเกินราคาหรือค้ากำไรเกินหน่วยงานที่รับผิดชอบควร&nbsp;ดำเนินคดีทันที&nbsp;โดยโทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;ปีและปรับไม่เกิน&nbsp;1.4&nbsp;แสนบาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ&nbsp;หากประชาชนพบ&nbsp;พฤติกรรมดังกล่าวกรุณาแจ้ง&nbsp;1569&nbsp;และได้สั่งให้กรมปศุสัตว์เร่งส่งเสริมการเลี้ยงหมู&nbsp;เพื่อป้อนหมูเข้าสู่ระบบเพื่อแก้ปัญหาหมูแพงและหมูขาดแคลน</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>9/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครราชสีมาสวท.นครราชสีมาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220109150359127 เชิญชวน ซื้อสินค้าภายในงาน Lanna Expo 2021<p><strong>กลุ่มภาคเหนือตอนบน&nbsp;1&nbsp;เชิญชวนประชาชนซื้อสินค้าในงาน&nbsp;Lanna&nbsp;Expo&nbsp;2021&nbsp;ครั้งที่&nbsp;9&nbsp;ภายใต้แนวคิด&nbsp;กินดี&nbsp;อยู่ดี&nbsp;ชีวิตวิถีใหม่&nbsp;รวบรวมสินค้า&nbsp;และผลิตภัณฑ์ชุมชน&nbsp;มาจัดแสดงและจำหน่ายกว่า&nbsp;500&nbsp;บูธ&nbsp;เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายหลังการเริ่มต้นวิถีชีวิตแบบ&nbsp;New&nbsp;Normal&nbsp;</strong></p><p><strong>บรรยากาศภายในงาน&nbsp;Lanna&nbsp;Expo&nbsp;2021&nbsp;</strong>ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;7&nbsp;รอบ&nbsp;พระชนมพรรษา&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;ในช่วงสุดสัปดาห์มีประชาชนทยอยเข้ารับชม&nbsp;และเลือกซื้อสินค้าภายในงานกันอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;ตั้งแต่การดูแลเรื่องระยะห่างของบูธแสดงสินค้า&nbsp;มาตรการด้านสุขภาพและอนามัยต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ระหว่างการจัดงาน&nbsp;เช่น&nbsp;การสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา&nbsp;ในพื้นที่งานแสดงสินค้า&nbsp;การคัดกรองคนเข้างาน&nbsp;&nbsp;การติดตั้งเจลแอลกอฮอล์ตามจุดต่างๆ&nbsp;ทั่วบริเวณงาน&nbsp;การดูแลความสะอาดของพื้นผิวสัมผัสภายในบริเวณงาน&nbsp;รวมถึงการจัดการจำนวนผู้เข้าร่วมงานไม่ให้หนาแน่นเกินไป&nbsp;เพื่อป้องกันความเสี่ยง&nbsp;และผลกระทบต่างๆ&nbsp;ด้านสุขอนามัย&nbsp;สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน&nbsp;ภายในงานได้แบ่งพื้นที่เป็นคูหาแสดง&nbsp;จำหน่ายสินค้า&nbsp;และบริการสุดยอดผลิตภัณฑ์&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;กลุ่ม&nbsp;4&nbsp;โซนสินค้าได้แก่&nbsp;กลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์&nbsp;และสินค้าตกแต่ง&nbsp;กลุ่มสินค้าสุขภาพ&nbsp;และความงาม&nbsp;สมุนไพร&nbsp;กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์&nbsp;แฟชั่น&nbsp;และสิ่งทอ&nbsp;ของฝากของที่ระลึก&nbsp;และกลุ่มสินค้าอาหาร&nbsp;และเครื่องดื่ม&nbsp;เกษตรแปรรูป&nbsp;เป็นต้น</p><p><strong>สำหรับการจัดงาน&nbsp;Lanna&nbsp;Expo&nbsp;2021&nbsp;ครั้งนี้</strong>&nbsp;นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าสำคัญงานแรกของปี&nbsp;ที่แสดงให้เห็นว่ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน&nbsp;1&nbsp;ยังคงมีการกระตุ้นเศรษฐกิจของเมือง&nbsp;ตั้งแต่ฐานรากไปจนถึงผู้ประกอบการรายสำคัญ&nbsp;ภายใต้รูปแบบกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ&nbsp;COVID-19&nbsp;เพื่อให้เศรษฐกิจของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน&nbsp;1&nbsp;ได้ขับเคลื่อนอีกครั้ง&nbsp;ซึ่งจะช่วยส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการในกลุ่มจังหวัดให้เกิดการเติบโตทางการค้าและการลงทุน&nbsp;เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ&nbsp;เพิ่มโอกาสในการสร้างงาน&nbsp;และกระจายรายได้สู่ชุมชน&nbsp;ตลอดจนมีการเจรจาธุรกิจเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการในกลุ่มภูมิภาค&nbsp;ขยายฐานการตลาดสู่ระดับนานาชาติ</p><p><strong>ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้ตั้งแต่วันนี้</strong>&nbsp;ไปจนถึงวันอาทิตย์ที่&nbsp;16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;10.00&nbsp;-&nbsp;20.00&nbsp;น.&nbsp;ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์&nbsp;ปิดเวลา&nbsp;21.00&nbsp;น.&nbsp;ณ&nbsp;ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;7&nbsp;รอบพระชนมพรรษา&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>9/1/2022ภาคเหนือเชียงใหม่สวท.เชียงใหม่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220109162629147 จังหวัดเชียงใหม่ เปิดงาน "ศิลปาชีพล้านนาไทย ก้าวไกลด้วยพระบารมี" ครั้งที่ 3<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;เปิดงาน&nbsp;"ศิลปาชีพล้านนาไทย&nbsp;ก้าวไกลด้วยพระบารมี"&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;เพื่อเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์&nbsp;พระบรมราชินีนาถ&nbsp;พระบรมราชชนนีพันปีหลวง&nbsp;ที่ได้มีพระมหากรุณาธิคุณส่งเสริมด้านอาชีพ&nbsp;ให้กับประชาชนในท้องถิ่นกันดารในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;7&nbsp;รอบ&nbsp;พระชนมพรรษา&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่</strong>&nbsp;กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน&nbsp;1&nbsp;จัดกิจกรรมศิลปาชีพล้านนาไทย&nbsp;ก้าวไกลด้วยพระบารมี&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;โดยมีนายสุทธิพงษ์&nbsp;จุลเจริญ&nbsp;ปลัดกระทรวงมหาดไทย&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;ดร.วันดี&nbsp;กุญชรยาคง&nbsp;จุลเจริญ&nbsp;ประธานสภาสตรีแห่งชาติ&nbsp;ในพระบรมราชินูปถัมภ์&nbsp;เป็นประธานเปิดงานซึ่งมี&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดและรองผู้ว่าราชการจังหวัดของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน&nbsp;1&nbsp;รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดเชียงใหม่&nbsp;นายอำเภอ&nbsp;25&nbsp;แห่งของจังหวัดเชียงใหม่&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;และสมาคมสตรีนครเชียงใหม่&nbsp;เข้าร่วมงานฯ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นอกจากนี้&nbsp;ดร.วันดี&nbsp;กุญชรยาคง&nbsp;จุลเจริญ&nbsp;ประธานสภาสตรีแห่งชาติ&nbsp;ในพระบรมราชินูปถัมภ์</strong>&nbsp;ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ&nbsp;เรื่อง&nbsp;“บทบาทสตรีกับการพัฒนาสังคมไทย”&nbsp;และนายสุทธิพงษ์&nbsp;จุลเจริญ&nbsp;ปลัดกระทรวงมหาดไทย&nbsp;ได้มอบโล่รางวัลให้แก่เยาวสตรีศรีนครเชียงใหม่&nbsp;ดีเด่น&nbsp;ผู้สืบสานพระราชปณิธาน&nbsp;แม่ของแผ่นดิน&nbsp;จำนวน&nbsp;24&nbsp;ราย&nbsp;และ&nbsp;สตรีศรีนครเชียงใหม่&nbsp;ดีเด่น&nbsp;ผู้สืบสานพระราชปณิธาน&nbsp;แม่ของแผ่นดิน&nbsp;จำนวน&nbsp;37&nbsp;ราย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;กิจกรรมตามโครงการ&nbsp;"ศิลปาชีพล้านนาไทย&nbsp;ก้าวไกลด้วยพระบารมี"&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3</strong>&nbsp;จัดขึ้นระหว่างวันที่&nbsp;7-16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์&nbsp;พระบรมราชินีนาถ&nbsp;พระบรมราชชนนีพันปีหลวง&nbsp;ที่ได้มีพระมหากรุณาธิคุณส่งเสริมด้านอาชีพ&nbsp;ให้กับประชาชนในท้องถิ่นกันดารในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;รวมถึงเพื่อรวมพลังองค์กรสตรีในจังหวัดเชียงใหม่&nbsp;และใกล้เคียง&nbsp;ในการสืบสานตามพระราชปณิธาน&nbsp;โดยเฉพาะงานศิลปาชีพให้ธำรงอยู่คู่กับประชาชน&nbsp;โดยเฉพาะสตรีตลอดไป</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ภายในงานมีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ</strong>&nbsp;สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์&nbsp;พระบรมราชินีนาถ&nbsp;พระบรมราชชนนีพันปีหลวง&nbsp;การจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว&nbsp;และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา&nbsp;พัชรสุธาพิมลลักษณ&nbsp;พระบรมราชินี&nbsp;นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ&nbsp;เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี&nbsp;นารีรัตนราชกัญญา&nbsp;ที่ทรงมีพระราชดำริในการส่งเสริมการสวมใส่ผ้าไทย&nbsp;ภายใต้โครงการ&nbsp;“ผ้าไทยใส่ให้สนุก”&nbsp;และนิทรรศการผ้าไทยโบราณ&nbsp;การประกวดงานฝีมือ&nbsp;ผู้ที่สืบสานงานอัตลักษณ์วัฒนธรรมไทย&nbsp;และการจัดแสดง&nbsp;สาธิต&nbsp;และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน&nbsp;ผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;และอาหาร&nbsp;รวม&nbsp;230&nbsp;บูธ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>อย่างไรก็ตาม</strong>&nbsp;งานดังกล่าวจัดขึ้นตามมาตรการและข้อกำหนดในการควบคุมโรคโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;เพื่อความปลอดภัยของผู้ประกอบการและผู้เข้าร่วมงานทุกคน</p>9/1/2022ภาคเหนือเชียงใหม่สวท.เชียงใหม่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220109171032153 บัวนานาชนิดในทุ่งสามร้อยยอดเริ่มออกดอกบานสะพรั่ง พร้อมให้นักท่องเที่ยวมาชมความสวยงาม<p><strong>วันนี้&nbsp;(9&nbsp;ม.ค.65)</strong>&nbsp;นายพิชัย&nbsp;วัชรวงษ์ไพบูลย์&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่&nbsp;3&nbsp;(สบอ.3)&nbsp;สาขาเพชรบุรี&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ขณะนี้ที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติบึงบัว&nbsp;อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด&nbsp;อำเภอสามร้อยยอด&nbsp;จังหวัดประจวบคีรีขันธ์&nbsp;เริ่มมีบัวนานาชนิด&nbsp;เช่น&nbsp;บัวสาย&nbsp;บัวเผื่อน&nbsp;บัวหลวง&nbsp;ออกดอกบานสะพรั่ง&nbsp;โดยเฉพาะช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม&nbsp;จะเป็นช่วงที่บัวออกดอกสวยงามที่สุด&nbsp;สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยว&nbsp;โดยเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาล่องเรือชมบึงบัว&nbsp;และสัมผัสทัศนียภาพที่สวยงามของแนวเขาสามร้อยยอดซึ่งเป็นเขาหินปูน&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ยังมีสะพานไม้ให้นักท่องเที่ยวเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติบึงบัวได้อีกด้วย&nbsp;ซึ่งในปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;ทางอุทยานฯ&nbsp;ได้รับงบประมาณสนับสนุนการปรับปรุงซ่อมแซมสะพานไม้&nbsp;ศาลาชมวิว&nbsp;พร้อมทั้งสร้างหอคอยดูนกไว้สำหรับบริการแก่นักท่องเที่ยว</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;บึงบัวทุ่งสามร้อยยอด&nbsp;</strong>ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำโลก&nbsp;หรือแรมซาร์ไซด์&nbsp;ลำดับที่&nbsp;11&nbsp;ของประเทศไทย&nbsp;มีความหลากหลายของธรรมชาติ&nbsp;นอกจากบัวนานาชนิดแล้ว&nbsp;ยังมีพืชน้ำหลากหลาย&nbsp;และเป็นแหล่งดูนกน้ำที่มีการสำรวจพบมากกว่า&nbsp;300&nbsp;ชนิด&nbsp;เช่น&nbsp;นกเป็ดน้ำ&nbsp;นกกระยาง&nbsp;นกกระสาแดง&nbsp;และนกอีโก้ง&nbsp;ที่สามารถพบเห็นได้ตลอดทั้งปี&nbsp;นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการเช่าเรือหางยาวของชมรมถ่อเรือชมธรรมชาติบึงบัว&nbsp;ราคาเหมาลำละ&nbsp;500&nbsp;บาท&nbsp;นั่งได้&nbsp;4&nbsp;คน&nbsp;ใช้เวลาไปกลับประมาณ&nbsp;1&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;ล่องไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติบึงบัว</p><p><strong>ด้านนางเบญจมาส&nbsp;อ่วมสอาด&nbsp;ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักศึกษา&nbsp;มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด&nbsp;</strong>ได้นำนักศึกษาชาวไทยและชาวต่างชาติไปเที่ยวชมบึงบัวทุ่งสามร้อยยอด&nbsp;ชุมชนท่องเที่ยวบ้านเกาะไผ่&nbsp;โดยได้ลงเรือหางยาวล่องไปตามลำน้ำในอุทยานสามร้อยยอด&nbsp;ชมวิวทิวทัศน์สองข้างทาง&nbsp;อาทิ&nbsp;เขาโบราณ&nbsp;ถ้ำเขาจูบกัน&nbsp;ไหว้พระขอพรที่วัดถ้ำเกาะไผ่เพื่อความเป็นสิริมงคล&nbsp;โดยนักศึกษาต่างรู้สึกประทับใจอย่างมาก&nbsp;และยังได้รับประทานข้าวห่อใบบัวรสชาติอร่อยถูกปาก</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>9/1/2022ภาคตะวันตกประจวบคีรีขันธ์สวท.ประจวบคีรีขันธ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220109184929159 ยอดจำหน่าย สินค้า OTOP แม่ฮ่องสอน ในงานศิลปาชีพล้านนาก้าวไกลด้วยพระบารมี 3 วัน ทะลุ 1 แสนบาท<p><strong>นายศิริวัฒน์&nbsp;บุปผาเจริญ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัด&nbsp;</strong>และพัฒนาการจังหวัด&nbsp;เข้าร่วมงาน"ศิลปาชีพล้านนาไทยก้าวไกลด้วยพระบารมี"&nbsp;ณ&nbsp;ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;ซึ่งเป็นการบูรณาการจัดงานของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ&nbsp;ได้แก่&nbsp;จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;และจังหวัดลำปาง&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>โดยมีนายสุทธิพงษ์&nbsp;จุลเจริญ&nbsp;ปลัดกระทรวงมหาดไทย</strong>&nbsp;เป็นประธานเปิดงานศิลปาชีพล้านนาไทย&nbsp;และได้เยี่ยมชมบูธ&nbsp;Otop&nbsp;จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;จำนวน&nbsp;19&nbsp;ผลิตภัณฑ์&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ประเภทอาหาร&nbsp;7&nbsp;ผลิตภัณฑ์/ผ้าฯ&nbsp;90&nbsp;ผลิตภัณฑ์/สมุนไพรฯ&nbsp;1&nbsp;ผลิตภัณฑ์/เครื่องดื่มฯ&nbsp;1&nbsp;ผลิตภัณฑ์/และชวนชิม&nbsp;1&nbsp;ผลิตภัณฑ์&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ยอดการจำหน่าย</strong>&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;7&nbsp;-&nbsp;9&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ได้ทั้งสิ้นกว่า&nbsp;120,000&nbsp;บาท</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>9/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220109185359160 แม่ฮ่องสอน นำ 19 ผลิตภัณฑ์ชั้นนำ ร่วมงานศิลปาชีพล้านนา ไทยก้าวไกลด้วยพระบารมี ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ เชียงใหม่<p><strong>วันนี้&nbsp;(9&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;</strong>เวลา&nbsp;11.00&nbsp;น.&nbsp;นายเชษฐา&nbsp;โมสิกรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;มอบหมายให้&nbsp;นายศิริวัฒน์&nbsp;บุปผาเจริญ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัด&nbsp;และ&nbsp;นายปฐมพงษ์&nbsp;จันทร์สว่าง&nbsp;พัฒนาการจังหวัด&nbsp;เข้าร่วมงาน&nbsp;"ศิลปาชีพล้านนาไทยก้าวไกลด้วยพระบารมี"&nbsp;ณ&nbsp;ศูนย์ประชุม&nbsp;และแสดงสินค้านานาชาติฯ&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;ซึ่งเป็นการบูรณาการจัดงานของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ&nbsp;ได้แก่&nbsp;จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;และจังหวัดลำปาง&nbsp;&nbsp;โดยมีนายสุทธิพงษ์&nbsp;จุลเจริญ&nbsp;ปลัดกระทรวงมหาดไทย&nbsp;เป็นประธาน&nbsp;และเยี่ยมชมบูธสินค้า&nbsp;Otop&nbsp;จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;จำนวน&nbsp;19&nbsp;ผลิตภัณฑ์&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ผลิตภัณฑ์ประเภทอาหาร&nbsp;7&nbsp;ผลิตภัณฑ์/ประเภทผ้าฯ&nbsp;9&nbsp;ผลิตภัณฑ์/สมุนไพรฯ&nbsp;1&nbsp;ผลิตภัณฑ์/เครื่องดื่มฯ&nbsp;1&nbsp;ผลิตภัณฑ์/และประเภทชวนชิม&nbsp;1&nbsp;ผลิตภัณฑ์&nbsp;มียอดจำหน่าย&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;7&nbsp;-&nbsp;9&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;120,000&nbsp;บาท</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>9/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220109215855188 จ.ประจวบฯ คุมเข้มห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน ตั้งแต่เวลา 21.00 – 06.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวหัวหิน ป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19<p><strong>นพ.วรา&nbsp;เศลวัตนะกุล&nbsp;นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ขณะนี้จังหวัดได้ปรับปรุงมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด&nbsp;19&nbsp;ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว&nbsp;เขตเทศบาลเมืองหัวหิน&nbsp;เฉพาะ&nbsp;ต.หัวหิน&nbsp;และ&nbsp;ต.หนองแก&nbsp;จากเดิมอนุญาตให้ร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ผ่านการตรวจประเมินตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย&nbsp;หรือ&nbsp;SHA&nbsp;สามารถให้ลูกค้าบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านได้ไม่เกินเวลา&nbsp;22.00&nbsp;น.&nbsp;</p><p><strong>แต่เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด&nbsp;19&nbsp;&nbsp;</strong>เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม&nbsp;มีผู้ติดเชื้อมากขึ้น&nbsp;โดยปรากฏเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนที่สามารถแพร่กระจายได้เร็ว&nbsp;จึงให้ร้านที่ผ่านมาตรฐานดังกล่าวเปิดให้ลูกค้าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ไม่เกินเวลา&nbsp;21.00&nbsp;น.&nbsp;และห้ามดื่มหลังเวลา&nbsp;21.00&nbsp;น.ถึง&nbsp;06.00&nbsp;น.&nbsp;ของวันรุ่งขึ้น&nbsp;ส่วนพื้นที่อื่นที่อยู่นอกพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวยังคงไม่อนุญาตให้มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรัาน&nbsp;ส่วนสถานบันเทิง&nbsp;ผับ&nbsp;บาร์&nbsp;คาราโอเกะ&nbsp;ยังคงงดการเปิดให้บริการ&nbsp;แต่ผู้ประกอบการสามารถขอเปิดดำเนินการในรูปแบบร้านอาหารได้&nbsp;โดยให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตรวจประเมิน&nbsp;และพิจารณาอนุญาตก่อนการเปิดกิจการ&nbsp;และจัดระบบกำกับติดตามอย่างเคร่งครัด</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>10/1/2022ภาคตะวันตกประจวบคีรีขันธ์สวท.ประจวบคีรีขันธ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110113435285 ร้านข้าวแกงในจังหวัดตรัง ได้รับผลกระทบจากราคาหมูที่แพงขึ้น<p><strong>นางสมใจ&nbsp;ยิ่งขจร&nbsp;แม่ค้าขายข้าวแกง&nbsp;</strong>บริเวณอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;จากการที่เนื้อหมูมีราคาแพงขึ้น&nbsp;ทำให้ร้านข้าวแกงได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก&nbsp;ต้นทุนในการทำอาหารเพิ่มขึ้น&nbsp;ร้านต้องปรับลดการนำหมูมาทำอาหารลง&nbsp;แต่ยังมีเมนูอาหารที่ทำจากหมู&nbsp;แต่ไม่มาก&nbsp;โดยจะนำปลาและไก่มาทำอาหารแทน&nbsp;ในแต่ละวันจะทำกับข้าว&nbsp;30-40&nbsp;อย่าง&nbsp;เพื่อขายให้กับประชาชน&nbsp;ปกติจะขายอาหารจานละ&nbsp;35&nbsp;บาท&nbsp;กับข้าว&nbsp;2&nbsp;อย่าง&nbsp;แต่เมื่อหมูมีราคาแพง&nbsp;กับข้าวบางอย่างที่มีหมูจะปรับเพิ่มขึ้นอีก&nbsp;5&nbsp;บาท&nbsp;อยู่ที่จานละ&nbsp;40&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนแกงถุง&nbsp;ก็จำหน่ายราคา&nbsp;40-50&nbsp;บาทต่อถุง&nbsp;ในขณะที่ประชาชนก็มารับประทานข้าวแกงอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าประจำ&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p>10/1/2022ภาคใต้ตรังสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110083627210 จ.แม่ฮ่องสอน ดึงผู้ประกอบการ ยกผ้าไทยสู่สากล ร่วมงานแสดงแฟชั่นโชว์ Collection ต้นแบบ<p><strong>วันที่&nbsp;8&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</strong>นางสาวยุพา&nbsp;นาคา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;เข้าร่วมงาน&nbsp;“แสดงแฟชั่นโชว์&nbsp;Collection&nbsp;ต้นแบบ”&nbsp;ของผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน&nbsp;1&nbsp;โซนจัดแสดง&nbsp;เสน่ห์ผ้าทอล้านนา&nbsp;ภูมิปัญญาสู่สากล&nbsp;ณ&nbsp;ศูนย์แสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;7&nbsp;รอบ&nbsp;พระชนมพรรษา&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพสินค้าและบริการกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน&nbsp;1&nbsp;สู่สากล&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;2564&nbsp;โดยมีกำหนดจัดงานระหว่างวันที่&nbsp;7-16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;7&nbsp;รอบ&nbsp;พระชนมพรรษา&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่</p><p><strong>ภายในงานมีการแสดงแฟชั่นโชว์ผลิตภัณฑ์ต้นแบบ&nbsp;จำนวน&nbsp;25&nbsp;Collection</strong>&nbsp;มีผู้ประกอบการผ้าจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;ราย</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>10/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110104509259 พาณิชย์ยะลา เปิดจุดขาย ’หมูถูก’ กก.ละ 150 บาท ลดราคาช่วยประชาชน<p><strong>วันนี้&nbsp;(10&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;ที่บริเวณข้างสำนักงานพาณิชย์จังหวัดยะลา</strong>&nbsp;นางผุสสดี&nbsp;จ๋ายเจริญ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดยะลา&nbsp;ติดตามการดำเนินโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;ตามนโยบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาหมูที่สูงขึ้นและให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค</p><p><strong>โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดยะลา&nbsp;ร่วมกับตลาดในเขตเทศบาลนครยะลา&nbsp;</strong>ผู้ประกอบการค้าเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;จัดโปรโมชั่นหมูเนื้อแดง&nbsp;ลดราคาเพื่อผู้บริโภค&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;ซึ่งเริ่มจำหน่ายวันที่&nbsp;8-15&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;โดยจุดที่&nbsp;1,2&nbsp;อ.เมืองยะลาจำหน่ายตั้งแต่เวลา&nbsp;08.00&nbsp;น&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;จุดที่&nbsp;3,4&nbsp;อ.เบตง&nbsp;จำหน่ายตั้งแต่เวลา&nbsp;06.00&nbsp;น&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;ทั้ง&nbsp;4&nbsp;จุดจำหน่ายเนื้อแดงในราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;โดยจะจำหน่ายจนกว่าเนื้อหมูจะหมดทุกวัน</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>10/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110111413268 ประชาชนเดือดร้อน หลังจากที่หมูมีราคาแพง ต้องมาเจอกับไก่ปรับราคาขึ้น<p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);">จากการที่เนื้อหมูมีการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);">&nbsp;จนส่งผลกระทบต่อประชาชนและพ่อค้า&nbsp;แม่ค้า&nbsp;ต้องซื้อหมูในราคาที่แพง&nbsp;ในขณะที่ประชาชนก็ขาดกำลังซื้อ&nbsp;จึงหันมาซื้อไก่สดแทนเนื้อหมู&nbsp;เนื่องจากจะมีราคาถูกกว่าเนื้อหมูและยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวอีกด้วย</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);">นางประคองจิต&nbsp;&nbsp;เพชรเรือนทอง&nbsp;แม่ค้าไก่สดในตลาดสด&nbsp;&nbsp;กล่าวว่า</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);">&nbsp;ไก่สดได้มีการปรับราคาขึ้นครั้งละ&nbsp;1-2&nbsp;บาท&nbsp;จนปัจจุบันราคาไก่อยู่ที่&nbsp;80&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม,&nbsp;&nbsp;เครื่องในกิโลกรัมละ&nbsp;&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;น่องกิโลกรัมละ&nbsp;&nbsp;90&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;ปีกไก่&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;90&nbsp;บาท&nbsp;หน้าอกไก่&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;ตีนไก่&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;120&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งยอดการจำหน่ายไก่ก็ไม่ได้เพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใด&nbsp;ถึงแม้ว่าจะราคาถูกกว่าเนื้อหมู&nbsp;ทั้งนี้เป็นผลมาจากเศรษฐกิจมากกว่า&nbsp;ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ&nbsp;ต้องประหยัดค่าใช้จ่าย&nbsp;คาดว่าไก่สดจะขายดีอีกครั้งในช่วงเทศกาลตรุษจีนช่วงปลายเดือนมกราคมที่จะถึงนี้&nbsp;คาดว่าราคาน่าจะปรับเพิ่มสูงขึ้นอีกอย่างแน่นอน&nbsp;เนื่องจากประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนจะมาซื้อไก่และเครื่องเซ่นไหว้ไปไหว้บรรพบุรุษ</span></p><p>&nbsp;</p><p><br></p>10/1/2022ภาคใต้ตรังสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110111852273 สำรวจราคาไข่ชัยนาทยังไม่พบการขึ้นราคา<p><strong>จากกรณีที่ทางสมาคมผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่&nbsp;</strong>ซึ่งเป็นผู้กำหนดราคาแนะนำไข่ไก่ในตลาดทั่วไป&nbsp;ได้แจ้งว่าในวันที่&nbsp;10&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;(วันนี้)&nbsp;จะมีการปรับขึ้นราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มให้อยู่ที่ฟองละ&nbsp;3&nbsp;บาท&nbsp;จากเดิม&nbsp;ฟองละ&nbsp;2.80&nbsp;บาท&nbsp;หรือปรับขึ้นราคาแผงละ&nbsp;6&nbsp;บาท&nbsp;ของไข่ไก่ทุกไซส์&nbsp;</p><p><strong>ล่าสุด&nbsp;ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปยัง&nbsp;ตลาดสดภาษีซุง&nbsp;</strong>ภายในเขตเทศบาลเมืองชัยนาท&nbsp;แหล่งการค้าขนาดใหญ่ของจังหวัดชัยนาท&nbsp;เพื่อไปทำการสำรวจราคาไข่ไก่หน้าแผงจำหน่ายนายสมบัติ&nbsp;ปานพรม&nbsp;เจ้าของร้านขายไข่&nbsp;ภายในตลาดสดภาษีซุง&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ขณะนี้ทางร้านขายไข่ของตนยังไม่ได้มีการปรับขึ้นราคาของไข่ไก่&nbsp;เนื่องจากทางร้านได้ไปทำการซื้อไข่ไก่จากฟาร์มมาเมื่อวานนี้&nbsp;ปัจจุบันอย่างไข่ไก่เบอร์&nbsp;0&nbsp;ทางร้านยังคงจำหน่ายในราคาแผงละ&nbsp;120&nbsp;บาท&nbsp;ไข่ไก่เบอร์&nbsp;1&nbsp;ราคาแผงละ&nbsp;105&nbsp;บาท&nbsp;ไข่ไก่เบอร์&nbsp;2&nbsp;แผงละ&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;และไข่ไก่เบอร์&nbsp;3&nbsp;แผงละ&nbsp;95&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>สำหรับราคาใหม่ที่ไปซื้อจากฟาร์มขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีการปรับขึ้นราคาหรือยัง</strong>&nbsp;เนื่องจากยังไม่ได้สั่งไข่ใหม่&nbsp;แต่หากมีการปรับขึ้นราคาก็คาดว่าน่าจะขยับขึ้นมาไม่มาก&nbsp;สำหรับเรื่องของราคาที่ไข่ไก่ที่มีการขยับราคาขึ้นมาน่าจะเกิดจากหลายปัจจัย&nbsp;เพราะปัจจุบันราคาหมู&nbsp;ไก่&nbsp;ก็มีการปรับราคาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;การเลือกซื้อของผู้บริโภคขณะนี้ยังเป็นปกติ&nbsp;เพราะตั้งแต่ราคาของเนื้อหมูมีการปรับขึ้นราคา&nbsp;ผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็หันมารับประทาน&nbsp;ไก่&nbsp;และไข่&nbsp;มากกว่าเดิม</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>10/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลชัยนาทสวท.ชัยนาทhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110112912283 ไก่สดมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น 1 – 2 บาท หลังจากหมูมีราคาแพง จนปัจจุบันเนื้อไก่สดอยู่ที่ 80 บาทต่อกิโลกรัม<p><strong>จากการที่เนื้อหมูมีการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง</strong>&nbsp;จนส่งผลกระทบต่อประชาชน&nbsp;และพ่อค้า&nbsp;แม่ค้า&nbsp;ต้องซื้อหมูในราคาที่แพง&nbsp;ในขณะที่ประชาชนมีกำลังซื้อน้อย&nbsp;จึงหันมาซื้อไก่สดบริโภคแทนเนื้อหมู&nbsp;เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ทางด้าน&nbsp;นางประคองจิต&nbsp;&nbsp;เพชรเรือนทอง&nbsp;แม่ค้าไก่สดในตลาดสด&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ไก่สดได้มีการปรับราคาขึ้น&nbsp;ครั้งละ&nbsp;1-2&nbsp;บาท&nbsp;จนปัจจุบันราคาไก่อยู่ที่&nbsp;80&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม,&nbsp;เครื่องในกิโลกรัมละ&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;น่องกิโลกรัมละ&nbsp;90&nbsp;บาท&nbsp;ปีกไก่&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;90&nbsp;บาท&nbsp;หน้าอกไก่&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;ตีนไก่&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;120&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ยอดการจำหน่ายไก่ไม่ได้เพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใด&nbsp;ถึงแม้ว่าจะราคาถูกกว่าเนื้อหมู</strong>&nbsp;ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากเศรษฐกิจมากกว่า&nbsp;ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ&nbsp;ต้องประหยัดค่าใช้จ่าย&nbsp;คาดว่าไก่สดจะขายดีอีกครั้งในช่วงเทศกาลตรุษจีนช่วงปลายเดือนมกราคมที่จะถึงนี้&nbsp;โดยราคาน่าจะปรับเพิ่มสูงขึ้นอีกอย่างแน่นอน&nbsp;เนื่องจากประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนจะเลือกซื้อไก่และเครื่องเซ่นไหว้ไปไหว้บรรพบุรุษ</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>10/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110113629286 สำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา สาขาอำเภอเบตง เตือนผู้ขับขี่ หลีกเลี่ยง 6 พฤติกรรมเสี่ยงต่อการขาดสมาธิในการขับรถ<p><strong>นางคชาพร&nbsp;จินตนุกูล&nbsp;หัวหน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดยะลา</strong>&nbsp;สาขาอำเภอเบตง&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;กิจกรรมที่ทำให้ขาดสมาธิในขณะขับรถ&nbsp;หรือต้องละสายตาจากเส้นทาง&nbsp;จะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการขับรถลดลง&nbsp;เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ&nbsp;เพื่อความปลอดภัยขอเตือนกิจกรรมที่ทำให้ขาดสมาธิในการขับรถ&nbsp;ดังนี้</p><p><strong>1.&nbsp;ไม่ควรใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ&nbsp;</strong>เพราะผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์มือถือจะต้องละสายตาดูโทรศัพท์พิมพ์ข้อความ&nbsp;ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการขับรถและการตอบสนองต่อเหตุเหตุฉุกเฉินช้าลง&nbsp;จึงไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ทันท่วงที&nbsp;หากต้องสนทนาทางโทรศัพท์ควรใช้อุปกรณ์เสริม&nbsp;อาทิ&nbsp;แฮนด์ฟรี&nbsp;บลูทูธ&nbsp;แทนการพิมพ์ข้อความผ่านโปรแกรมสนทนา&nbsp;หรือจอดรถในที่ปลอดภัยแล้วค่อยพิมพ์ข้อความสนทนาทางโทรศัพท์&nbsp;จะช่วยลดความเสี่ยง</p><p><strong>2.&nbsp;ไม่ควรรับประทานอาหารขณะขับรถ</strong>&nbsp;เพราะทำให้ผู้ขับขี่เหลือมือจับพวงพวงมาลัยเพียงข้างเดียว&nbsp;ส่งผลต่อการบังคับทิศทาง&nbsp;และประสิทธิภาพในการขับรถก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้&nbsp;ผู้ขับรถควรรับประทานอาหารก่อนออกเดินทางหรือจอดพักรับประทานอาหารในบริเวณที่ปลอดภัย</p><p><strong>3.&nbsp;หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในช่วงที่สภาพการจราจรติดขัด</strong>หรือรถจอดติดสัญญาณไฟ&nbsp;ส่งผลต่อสมาธิของผู้ขับขี่&nbsp;ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้</p><p><strong>4.&nbsp;ไม่ควรดูโทรทัศน์ระหว่างขับรถ&nbsp;เพราะแสงสว่าง&nbsp;เสียง</strong>&nbsp;และภาพที่เคลื่อนไหวจะดึงดูดผู้ขับขี่ให้ละสายตาจากเส้นทาง&nbsp;อาจรบกวนสมาธิในการขับรถของผู้ขับขี่&nbsp;ถึงแม้ผู้ขับขี่จะไม่ได้ดูโทรทัศน์&nbsp;แต่การเปลี่ยนช่อง&nbsp;ปรับเพิ่มหรือลดเสียงก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้</p><p><strong>5.&nbsp;ไม่ควรโน้มตัวและละสายตาจากเส้นทาง</strong>เพื่อค้นหาหรือก้มเก็บสิ่งของ&nbsp;เพราะจะทำให้ขาดสมาธิในการขับรถ&nbsp;จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ&nbsp;แนะนำให้จอดรถในบริเวณที่ปลอดภัยแล้วค่อยค้นหาหรือก้มเก็บสิ่งของในรถ</p><p><strong>6.&nbsp;การตั้งข้อมูลเส้นทางผ่านระบบนำทาง&nbsp;GPS</strong>&nbsp;ควรตั้งจุดหมายการเดินทาง&nbsp;และวางแผนเลือกใช้เส้นทางให้เรียบร้อยก่อนออกรถ&nbsp;เพราะหากผู้ขับขี่ละสายตาและปล่อยมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัย&nbsp;เพื่อค้นหาและเลือกเส้นทางจากระบบนำทาง&nbsp;GPS&nbsp;ของรถหรือโทรศัพท์&nbsp;ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>10/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.เบตง จ.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110113816288 ธุรกิจขนมเค้กในจังหวัดตรังดีขึ้น ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา หลังภาครัฐมีการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจ<p><strong>จากการที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยว</strong>ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จังหวัดตรัง&nbsp;ซึ่งมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน&nbsp;ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวของจังหวัดตรังคึกคัก&nbsp;&nbsp;นอกเหนือจากธุรกิจท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการการท่องเที่ยวแล้ว&nbsp;ธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการอีกประเภทคือ&nbsp;การจำหน่ายของที่ระลึกและของฝาก&nbsp;โดยเฉพาะการจำหน่ายขนมเค้กซึ่งเป็นของฝากที่ขึ้นชื่อที่นักท่องเที่ยวและประชาชนนิยมซื้อกลับไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ทางด้านนายสาธิต&nbsp;วงศ์สัมพันธ์&nbsp;ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายขนมเค้กรสเลิศ&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ขนมเค้กของจังหวัดตรังเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของรูปแบบ&nbsp;และรสชาติ&nbsp;จึงทำให้ขนมเค้กของจังหวัดตรังมีเอกลักษณ์เฉพาะ&nbsp;ในช่วงเทศกาลปีใหม่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาจำนวนมากจึงส่งผลให้ยอดการจำหน่ายขนมเค้กของผู้ประกอบการมียอดการจำหน่ายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว&nbsp;โดยในบางวันสินค้ามีไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน&nbsp;และนักท่องเที่ยว&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เป็นผลมาจากการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด&nbsp;19</strong>&nbsp;จากทางภาครัฐที่ต้องการจะส่งเสริมการท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจ&nbsp;ทำให้การท่องเที่ยวในจังหวัดคึกคัก&nbsp;ยอดการจำหน่ายขนมเค้กดีขึ้น&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ทางร้านขนมเค้กยังตรึงราคาไปถึงช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;ซึ่งหลังจากเทศกาลตรุษจีนแล้วขนมเค้กอาจจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น&nbsp;เนื่องจากวัตถุดิบในการทำขนมเค้กมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นประมาณร้อยละ&nbsp;50&nbsp;แต่ทั้งนี้ทางร้านจะมีการรอดูสถานการณ์ราคาวัตถุดิบอีกครั้งเพื่อประกอบการตัดสินใจเรื่องของราคาสินค้าต่อไป&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>10/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110114639295 ผู้ว่าฯ ลำปาง ร่วมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาราคาสุกร มุ่งส่งเสริมให้เกษตรกรรายย่อยมีสัดส่วนในการเลี้ยงสุกรให้ได้ 50% ของจำนวนสุกรที่เลี้ยงทั้งหมด เพื่อเพิ่มศักยภาพในการต่อรองราคา<p><strong>นายสิธิชัย&nbsp;จินดาหลวง&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง&nbsp;</strong>พร้อมด้วย&nbsp;นางสาวรตนพร&nbsp;กิติกาศ&nbsp;เกษตรและสหกรณ์จังหวัดลำปาง&nbsp;และนายศร&nbsp;ธีปฏิมากร&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดลำปาง&nbsp;เข้าร่วมการประชุมการตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;นายประภัตร&nbsp;โพธสุธน&nbsp;และคณะ&nbsp;ณ&nbsp;หอประชุมอาคารโดมแผ่พืชน์&nbsp;มหาวิทยาลัยแม่โจ้&nbsp;จ.เชียงใหม่&nbsp;โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน&nbsp;ปศุสัตว์เขต&nbsp;5&nbsp;ปศุสัตว์เขต&nbsp;6&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดในพื้นที่เขต&nbsp;5&nbsp;และเขต&nbsp;6&nbsp;ทีมงาน&nbsp;ธกส.&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เกี่ยวข้อง&nbsp;และเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน</p><p>สำหรับการประชุมครั้งนี้ได้มีการหารือแนวทางการส่งเสริมการเลี้ยงสุกร&nbsp;เพื่อแก้ไขปัญหาราคาสุกร&nbsp;และโครงการสานฝันสร้างอาชีพ&nbsp;ยกระดับรายได้เกษตรกร&nbsp;ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางให้แก่เกษตรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย&nbsp;ได้แก่&nbsp;1.จัดทำโครงการให้การสนับสนุนสุกรแม่พันธุ์&nbsp;2&nbsp;ตัวต่อราย&nbsp;หรือลูกสุกรขุน&nbsp;20&nbsp;ตัวต่อราย&nbsp;พร้อมอาหาร&nbsp;2.ให้การสนับสนุนเงินทุน&nbsp;ผ่านโครงการของ&nbsp;ธกส.&nbsp;และ&nbsp;3.ควบคุมการเลี้ยงให้ได้มาตรฐาน</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ในส่วนของจังหวัดลำปาง&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;ได้เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาสุกรต่อที่ประชุม&nbsp;โดยเสนอให้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรรายย่อยมีสัดส่วนในการเลี้ยงสุกรให้ได้&nbsp;50&nbsp;%&nbsp;ของจำนวนสุกรที่เลี้ยงทั้งหมด&nbsp;เพื่อเพิ่มศักยภาพในการต่อรองราคา&nbsp;และเสนอให้มีการเพิ่มจำนวนอาสาสมัครปศุสัตว์&nbsp;ให้เหมาะสมกับการเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่&nbsp;เพื่อให้เป็นตัวแทนของส่วนราชการในการดูแลเกษตรกร&nbsp;ทั้งด้านการจัดการ&nbsp;การสุขาภิบาล&nbsp;และเป็นผู้ประสานแจ้งข่าวกรณีพบโรคระบาดและปัญหาต่างๆ&nbsp;ตลอดจนต้องมีการเพิ่มศักยภาพด้านความรู้&nbsp;วัสดุอุปกรณ์ในการปฏิบัติ&nbsp;ตลอดจนควรจัดระบบสวัสดิการที่เหมาะสมให้แก่อาสาสมัครปศุสัตว์&nbsp;ซึ่งหลังจากนี้จังหวัดลำปางจะได้มีการจัดประชุมชี้แจงรายละเอียดโครงการให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยในพื้นที่&nbsp;เพื่อสมัครเข้าร่วมโครงการ&nbsp;และเสนอข้อมูลให้แก่ส่วนกลางในการให้การสนับสนุนต่อไป</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>10/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110132841322 พาณิชย์จังหวัดภูเก็ต เปิดจุดจำหน่ายสินค้าราคาถูก ไข่ไก่ เบอร์ 3 แผงละ 88 บาท เนื้อหมูสด ก.ก.ละ 150 บาท และไก่สดทั้งตัว ก.ก.ละ 55 บาท เพื่อบรรเทาค่าใช้จ่ายประชาชน ตามนโยบายกระทรวงพาณิชย์<p><strong>วันนี้&nbsp;(วันที่&nbsp;10&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;ที่&nbsp;บริเวณลานจอดรถ&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดภูเก็ต</strong>&nbsp;เปิดเป็นจุดจำหน่ายสินค้าราคาถูกให้กับประชาชน<strong>&nbsp;</strong>ตามนโยบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อบรรเทาปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น&nbsp;อย่างเนื้อหมู&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และไก่สด&nbsp;เพื่อให้ประชาชนได้มีช่องทางเลือกซื้อสินค้าที่มีราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้บริโภค&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>นางปทุมภรณ์&nbsp;แย้มเกิด&nbsp;ผู้อำนวยการกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดภูเก็ต&nbsp;</strong>กล่าวว่า&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดภูเก็ต&nbsp;จัดโครงการพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดภูเก็ต&nbsp;ด้วยการจำหน่ายสินค้าราคาถูก&nbsp;อย่าง&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคาแผงละ&nbsp;88&nbsp;บาท&nbsp;เนื้อหมูสด&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;และไก่สดทั้งตัว&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;55บาท&nbsp;ตามนโยบายกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อบรรเทาค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน&nbsp;วันละ&nbsp;100&nbsp;ชุด&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;10&nbsp;–&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;เวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไปจนกว่าสินค้าจะหมด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดภูเก็ต&nbsp;เร่งหาผลิตภัณฑ์และผู้จำหน่าย&nbsp;</strong>เพื่อกระจายจุดให้บริการประชาชนได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น&nbsp;โดยบางวันอาจได้ผลิตภัณฑ์น้อยกว่าความต้องการของประชาชน&nbsp;เนื่องจากผลิตภัณฑ์หน้าฟาร์มมีปริมาณน้อย&nbsp;แต่ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดภูเก็ต&nbsp;จะเร่งประสานผู้ประกอบการฟาร์มเพื่อจัดหาสินค้ามาให้เพียงพอกับประชาชน<strong>&nbsp;</strong>ตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;ในส่วนของประชาชนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า</strong>&nbsp;แม้สินค้าจะมีราคาถูกกว่าท้องตลาดไม่มากนัก&nbsp;แต่ก็สามารถช่วยประหยัดค่าจ่ายไปได้บ้าง&nbsp;และอยากให้มีการจำหน่ายสินค้าราคาถูกไปเรื่อยๆ&nbsp;และอยากให้มีสินค้าที่มีความหลากหลายตรงกับความต้องการของประชาชนมากขึ้นด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>10/1/2022ภาคใต้ภูเก็ตสวท.ภูเก็ตhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110133221325 กรมสรรพากรเปิดรับฟังทุกฝ่ายเพื่อหาทางออกเรื่องหลักเกณฑ์ภาษีจากกำไรสินทรัพย์ดิจิทัล สร้างความชัดเจนกับนักลงทุน<p><strong>นายเอกนิติ&nbsp;นิติทัณฑ์ประภาศ&nbsp;อธิบดีกรมสรรพากร&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ขณะนี้กรมสรรพากรกำลังเร่งหารือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาหาแนวทางในเรื่องของหลักเกณฑ์การคิดภาษีจากกำไรการขายหรือการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล&nbsp;หรือ&nbsp;คริปโตเคอเรนซี</strong>&nbsp;ให้มีความเหมาะสมและเป็นปัจจุบัน&nbsp;คาดว่าจะแล้วเสร็จ&nbsp;ภายในเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;รวมถึงเดินหน้าเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนที่ดำเนินการในเรื่องของสินทรัพย์ดิจิทัล&nbsp;เพื่อนำมาจัดทำแนวทางการปฏิบัติในการเก็บภาษีจากสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับรูปแบบการลงทุนและบริบทในปัจจุบัน&nbsp;โดยยึดถือประโยชน์สูงสุดกับประชาชน&nbsp;และทุกฝ่ายเป็นสำคัญ&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ช่วงที่ผ่านมา&nbsp;การลงทุนและการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล&nbsp;หรือ&nbsp;คริปโตเคอเรนซี&nbsp;ของประเทศไทย&nbsp;</strong>มีการเติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด&nbsp;ถือได้ว่าเป็นเรื่องใหม่ทั้งสำหรับผู้เสียภาษีและกรมสรรพากร&nbsp;ซึ่งกรมสรรพากรไม่ได้นิ่งนอนใจ&nbsp;ได้มีการศึกษาและประมวลผลต่างๆ&nbsp;มาโดยตลอด&nbsp;พร้อมยอมรับว่า&nbsp;เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย&nbsp;ซึ่งกำลังเร่งดำเนินการเพื่อหาความชัดเจนต่อไป&nbsp;</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;กรมสรรพากรยังคงยึดแนวทางของการถือเอาผู้เสียภาษีเป็นศูนย์กลาง</strong>&nbsp;จึงพร้อมที่จะหาแนวทางปฏิบัติเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่นักลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องจากการถือครองหรือได้รับผลประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการลงทุน&nbsp;และสร้างแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจจากนวัตกรรมทางการเงินดังกล่าวของประเทศต่อไป</p>10/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110160247446 เรือโดยสารคลองแสนแสบ ปรับอัตราค่าโดยสารขึ้นอีก 1 บาท เริ่ม 14 มกราคมนี้<p><strong>นายอธิรัฐ&nbsp;รัตนเศรษฐ&nbsp;รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม</strong>&nbsp;เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าเรือด่วนคลองแสนแสบเตรียมปรับขึ้นราคาค่าโดยสารอีก&nbsp;1&nbsp;บาท&nbsp;จาก&nbsp;8&nbsp;&nbsp;บาท&nbsp;เป็น&nbsp;9&nbsp;บาท&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;ว่า&nbsp;ปัจจุบัน&nbsp;ราคาน้ำมัน&nbsp;ปรับสูงขึ้น&nbsp;&nbsp;เกินกว่า&nbsp;25&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;และที่ผ่านมา&nbsp;บริษัท&nbsp;ครอบครัวขนส่ง&nbsp;ซึ่งให้บริการเดินเรือโดยสารคลองแสนแสบ&nbsp;ได้จัดเก็บอัตราค่าโดยสารเริ่มต้นเพียง&nbsp;8&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งต่ำกว่าราคาที่กรมเจ้าท่าประกาศไว้เมื่อปี&nbsp;2563&nbsp;เดิมในสถานการณ์ปกติจะมีประกาศ&nbsp;คกก.&nbsp;เรือประจำทาง&nbsp;ปี&nbsp;2559&nbsp;&nbsp;กำหนดให้ค่าโดยสาร&nbsp;สามารถปรับขึ้นลงตามอัตราราคาน้ำมัน&nbsp;ซึ่งในเดือนมีนาคม&nbsp;2563&nbsp;&nbsp;ราคาน้ำมันอยู่ที่&nbsp;24&nbsp;บาท&nbsp;และมีอัตราค่าโดยสาร&nbsp;ของเส้นทางคลองแสนแสบ&nbsp;เริ่มต้นที่&nbsp;8&nbsp;&nbsp;บาท&nbsp;แต่ด้วยสถานที่มีจำนวนคนโดยสาร&nbsp;ลดลงมากจากสถานการณ์โควิด-19&nbsp;เหลือ&nbsp;ร้อยละ&nbsp;10&nbsp;ทำให้การเดินเรือประจำทางประสบภาวะขาดทุนหนักมาก&nbsp;และไม่สามารถคงการเดินเรือให้บริการได้ผู้ประกอบการเดินเรือคลองแสนแสบจึงยังคงอัตราค่าโดยสารเริ่มต้นที่&nbsp;8&nbsp;บาท&nbsp;ทั้งที่กรอบในการจัดเก็บเส้นทางแสนแสบจะเริ่มต้นที่&nbsp;9&nbsp;บาท&nbsp;ดังนั้น&nbsp;เพื่อให้ผู้ประกอบการเดินเรือสามารถรักษาการให้บริการได้ต่อไป&nbsp;</p><p><strong>กรมเจ้าท่า&nbsp;จึงอนุมัติให้&nbsp;บริษัท&nbsp;ครอบครัวขนส่ง</strong>&nbsp;ปรับอัตราค่าโดยสารที่ระดับราคาน้ำมันเกิน&nbsp;25&nbsp;บาท&nbsp;สามารถให้ใช้ราคาเริ่มต้นที่&nbsp;9&nbsp;บาทได้&nbsp;เพื่อให้ผู้ให้บริการสามารถเดินเรือประจำทางได้ตามที่กฎหมายกำหนดไว้</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>10/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110150345385 แนะผู้ส่งออกไทยใช้ประโยชน์จาก FTA อาเซียน-เกาหลีใต้ และ RCEP ขยายตลาดส่งออกเกาหลีใต้ หลังเตรียมลดภาษีเพิ่มให้สินค้าไทยหลายรายการ<p><strong>นางอรมน&nbsp;ทรัพย์ทวีธรรม&nbsp;อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;เศรษฐกิจของเกาหลีใต้ในปี&nbsp;2565&nbsp;คาดว่ามีแนวโน้มจะขยายตัวเพิ่มขึ้น&nbsp;</strong>จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศ&nbsp;ส่งผลให้ความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้ากลุ่มวัตถุดิบที่ใช้ในภาคการผลิตของเกาหลีใต้อยู่ในช่วงขาขึ้น&nbsp;จึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะขยายการส่งออกไปตลาดเกาหลีใต้&nbsp;โดยสามารถเลือกใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี&nbsp;(FTA)&nbsp;2&nbsp;ฉบับ&nbsp;ได้แก่&nbsp;อาเซียน-เกาหลีใต้&nbsp;(AKFTA)&nbsp;ซึ่งได้ยกเลิกเก็บภาษีนําเข้าสินค้าให้ไทยกว่าร้อยละ&nbsp;90.9&nbsp;ของรายการสินค้าทั้งหมด&nbsp;และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค&nbsp;(RCEP)&nbsp;ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้กับเกาหลีใต้ในวันที่&nbsp;1&nbsp;ก.พ.&nbsp;2565&nbsp;ทั้งนี้ความตกลง&nbsp;RCEP&nbsp;ไทยประสบความสำเร็จในการผลักดันให้เกาหลีใต้เปิดตลาดเพิ่มเติมจาก&nbsp;AKFTA&nbsp;หลายรายการ&nbsp;อาทิ&nbsp;ทุเรียน&nbsp;มังคุด&nbsp;ฝรั่ง&nbsp;มะละกอ&nbsp;และอินทผาลัม&nbsp;เก็บภาษีที่อัตราร้อยละ&nbsp;24-36&nbsp;โดยจะทยอยลดจนเหลือศูนย์&nbsp;ในปี&nbsp;2574&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ปลาซาร์ดีนกระป๋อง&nbsp;ทูน่าแปรรูป&nbsp;และอาหารทะเลแปรรูป&nbsp;เก็บภาษีที่อัตราร้อยละ&nbsp;20&nbsp;และจะทยอยลดจนเหลือศูนย์&nbsp;ในปี&nbsp;2579&nbsp;เป็นต้น&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ผู้ประกอบการไทยจะได้ประโยชน์จากการเพิ่มโอกาสสะสมถิ่นกำเนิดในเครือข่ายการผลิตสินค้าจากสมาชิก&nbsp;RCEP&nbsp;ทั้ง&nbsp;15&nbsp;ประเทศ&nbsp;ซี่งใช้เกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้าเดียวกัน&nbsp;ทำให้มีความสอดคล้องและยืดหยุ่นมากขึ้น&nbsp;และยังสามารถสะสมวัตถุดิบในการผลิตได้จากหลายแหล่งมากขึ้น</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เกาหลีใต้เป็นตลาดคู่ค้าสำคัญของไทยที่น่าจับตามองในขณะนี้</strong>&nbsp;เนื่องจากไทยมียอดส่งออกสินค้าไปเกาหลีใต้ขยายตัวสูงต่อเนื่อง&nbsp;โดยปีที่ผ่านมา&nbsp;(ม.ค.-พ.ย.&nbsp;2564)&nbsp;มูลค่าการส่งออกไปเกาหลีใต้กว่า&nbsp;5,373&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐ&nbsp;ขยายตัวร้อยละ&nbsp;39&nbsp;เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า&nbsp;สินค้าส่งออกสำคัญ&nbsp;เช่น&nbsp;ยางพารา&nbsp;ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้&nbsp;คอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ&nbsp;เป็นต้น</p>10/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110145910378 ธอส. เปิดขายสลาก “ต่อเงินต่อทอง” ลุ้นรางวัลเป็นสลากมูลค่าสูงสุด 1 ล้านบาท เริ่มจำหน่าย 12 มกราคมนี้<p><strong>นายฉัตรชัย&nbsp;ศิริไล&nbsp;กรรมการผู้จัดการ&nbsp;ธนาคารอาคารสงเคราะห์&nbsp;(ธอส.)</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;&nbsp;ธอส.&nbsp;ได้จัดทำผลิตภัณฑ์&nbsp;“สลากออมทรัพย์&nbsp;ชุดต่อเงินต่อทอง”&nbsp;มูลค่าหน่วยละ&nbsp;&nbsp;10,000&nbsp;บาท&nbsp;กรอบวงเงิน&nbsp;20,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;อายุสลาก&nbsp;3&nbsp;ปี&nbsp;ให้ผลตอบแทนหน้าสลาก&nbsp;ร้อยละ&nbsp;0.50&nbsp;ต่อปี&nbsp;เมื่อฝากครบกำหนดจะได้รับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยรวมหน่วยละ&nbsp;&nbsp;10,150&nbsp;บาท&nbsp;อีกทั้งยังมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลเป็นสลากออมทรัพย์ชุดต่อเงินต่อทองเพื่อเพิ่มโอกาสในการถูกรางวัลมากขึ้น&nbsp;ทุกเดือน&nbsp;รวม&nbsp;36&nbsp;ครั้ง</p><p><strong>และยังเป็นสลากที่มีผลตอบแทนสูง&nbsp;โดยซื้อสลากเพียง&nbsp;10&nbsp;หน่วย</strong>&nbsp;&nbsp;หรือ&nbsp;100,000&nbsp;บาท&nbsp;จะได้รับผลตอบแทนขั้นต่ำคิดเป็นร้อยละ&nbsp;0.86&nbsp;ต่อปี&nbsp;นอกจากนี้ผู้ซื้อยังมีโอกาสถูกรางวัลสูง&nbsp;โดยรางวัลที่&nbsp;1&nbsp;เป็นสลากมูลค่า&nbsp;1&nbsp;ล้านบาท&nbsp;รางวัลที่&nbsp;2&nbsp;สลากมูลค่า&nbsp;100,000&nbsp;บาท&nbsp;รางวัลที่&nbsp;3&nbsp;สลากมูลค่า&nbsp;20,000&nbsp;บาท&nbsp;รางวัลที่&nbsp;4&nbsp;สลากมูลค่า&nbsp;10,000&nbsp;บาท&nbsp;และรางวัลพิเศษ&nbsp;รวมทั้งได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับดอกเบี้ยและเงินรางวัลอีกด้วย&nbsp;เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่&nbsp;12&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จนกว่าจะเต็มกรอบวงเงิน&nbsp;และเริ่มออกรางวัลครั้งแรก&nbsp;วันที่&nbsp;17&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ผู้ที่สนใจสามารถซื้อสลากออมทรัพย์&nbsp;ธอส.&nbsp;ผ่าน&nbsp;Mobile&nbsp;Application&nbsp;:&nbsp;GHB&nbsp;ALL&nbsp;หรือที่สาขาของธนาคาร&nbsp;ธอส.&nbsp;ทุกสาขาทั่วประเทศ&nbsp;</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>10/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110152614406 พาณิชย์จังหวัดปัตตานี ติดตามโครงการหมูพาณิชย์ ลดราคา ช่วยประชาชน<p><strong>วันที่&nbsp;10&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นางสาวจินตะณา&nbsp;ปิ่นสุภา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดปัตตานี&nbsp;</strong>มอบหมายกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดปัตตานี&nbsp;ลงพื้นที่ติดตาม&nbsp;“โครงการหมูพาณิชย์...&nbsp;ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;จังหวัดปัตตานี&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;2)&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;6&nbsp;-&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน&nbsp;จากภาวะราคาเนื้อหมูที่ปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;จังหวัดปัตตานี&nbsp;มีจุดจำหน่าย&nbsp;3&nbsp;จุด&nbsp;ดังนี้</p><p>1.&nbsp;ร้านตั้มหมูซิ่ง&nbsp;ถนนนเกลือ&nbsp;ซอย14</p><p>2.&nbsp;ร้านป้าใจ&nbsp;ตลาดสดเทศวิวัฒน์</p><p>3.&nbsp;ร้านพี่หยอย&nbsp;ถนนมะกรูด&nbsp;ซอย&nbsp;7</p><p>และติดตามร้านจำหน่ายหมูในพื้นที่&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;ร้าน</p><p>1.&nbsp;ร้านสันติฟาร์ม&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;175&nbsp;บาท</p><p>2.&nbsp;บิ๊กซีซุปเปอร์เซ็นเตอร์&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;175&nbsp;บาท</p><p><strong>ทั้ง&nbsp;2&nbsp;ร้านได้มีการปิดป้ายแสดงราคาให้ประชาชนได้เปรียบเทียบ</strong>ก่อนตัดสินใจซื้ออย่างชัดเจนเป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>10/1/2022ภาคใต้ปัตตานีสวท.ปัตตานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110144926362 Sky Walk @ควนเจดีย์ อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยว ชูจุดเด่นทะเลหมอกยามเช้า มนต์เสน่ห์ที่น่าหลงใหล<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Sky&nbsp;Walk&nbsp;@ควนเจดีย์&nbsp;อำเภอเทพา&nbsp;จังหวัดสงขลา&nbsp;พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยว&nbsp;ชูจุดเด่นทะเลหมอกยามเช้า&nbsp;มนต์เสน่ห์ที่น่าหลงใหล</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สกายวอล์ค&nbsp;Sky&nbsp;Walk&nbsp;@ควนเจดีย์</strong>&nbsp;ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลลำไพล&nbsp;อำเภอเทพา&nbsp;จังหวัดสงขลา&nbsp;จุดไฮไลท์ของสถานที่แห่งนี้&nbsp;คือ&nbsp;จุดชมทะเลหมอกยามเช้า&nbsp;พร้อมชื่นชมทิวทัศน์ธรรมชาติแบบ&nbsp;360&nbsp;องศา&nbsp;และที่สำคัญมีองค์เจดีย์อันเป็นที่เคารพสักการะของคนในชุมชนมานานกว่า&nbsp;300&nbsp;ปี</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>จังหวัดสงขลา&nbsp;ได้ร่วมกับเทศบาลตำบลลำไพล&nbsp;และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง</strong>&nbsp;เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยว&nbsp;ปรับปรุงภูมิทัศน์&nbsp;และจัดทำ&nbsp;Sky&nbsp;Walk&nbsp;เป็นจุดชมทะเลหมอกแห่งใหม่&nbsp;เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว&nbsp;ให้เดินทางมาพักผ่อนในช่วงวันหยุด&nbsp;เทศกาล&nbsp;หรือวันสำคัญ&nbsp;มานอนกางเต็นท์ชมหมอกหนายามเช้า&nbsp;รอชมแสงแรกของพระอาทิตย์&nbsp;และชมพระอาทิตย์ตกดินในยามเย็น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายเล็ก&nbsp;ขาวทอง&nbsp;นายกเทศมนตรีตำบลลำไพล</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;จุดเริ่มต้นในการพัฒนาและฟื้นฟูควนเจดีย์&nbsp;เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านที่ต้องการมีแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่&nbsp;ซึ่งได้เล็งเห็นความพร้อมของควนเจดีย์&nbsp;ทั้งในด้านโบราณสถาน&nbsp;ยอดเขาที่มีความสูง&nbsp;มองเห็นทิวทัศน์ได้โดยรอบ&nbsp;และนอกเหนือจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว&nbsp;ยังสามารถพัฒนาเป็นแหล่งสร้างงาน&nbsp;สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>อีกทั้ง&nbsp;ทางเทศบาลตำบลลำไพล</strong>&nbsp;มีความคาดหวังอย่างยิ่งว่าจุดชมวิวยอดควนเจดีย์ของอำเภอเทพา&nbsp;จะเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่จะตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน&nbsp;ให้ได้มาสัมผัสวิถีธรรมชาติอย่างแท้จริง&nbsp;เกิดความรู้สึกประทับใจ&nbsp;และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มายังควนเจดีย์แห่งนี้</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำหรับเส้นทางขึ้นสู่จุดชมวิวยอดควนเจดีย์</strong>&nbsp;ได้พัฒนาเป็นถนนคอนกรีตที่สะดวกต่อการเดินทาง&nbsp;หรือผู้ที่รักสุขภาพก็สามารถจอดรถไว้บริเวณทางขึ้น&nbsp;แล้วเดินเท้าเพื่อออกกำลังกาย&nbsp;แต่ทั้งนี้ประชาชนและนักท่องเที่ยวจะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;เพื่อสร้างความปลอดภัย&nbsp;ความมั่นใจให้กับตนเอง&nbsp;และผู้อื่น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นอกจากนี้&nbsp;ในอนาคตทางเทศบาลตำบลลำไพล</strong>&nbsp;มีแนวคิดที่จะสร้างหอชมวิว&nbsp;เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปสัมผัสอากาศธรรมชาติแบบใกล้ชิด&nbsp;รวมถึงการปรับพื้นที่บางส่วนเปิดเป็นร้านกาแฟ&nbsp;โดยการระดมทุน&nbsp;ด้วยการเข้าหุ้นของชาวบ้านเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน&nbsp;ตลอดจนการพัฒนาปรับปรุงห้องน้ำและลานจอดรถให้สามารถรองรับการบริการได้มากยิ่งขึ้น</p><p&nbsp;class="ql-align-right"><strong>ศิริลักษณ์&nbsp;แคล้วคลาด&nbsp;/&nbsp;ข่าว-ภาพ</strong></p><p&nbsp;class="ql-align-right"><strong>สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา</strong></p>10/1/2022ภาคใต้สงขลาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110153222417 สพจ.ชัยภูมิจัดกิจกรรม “สะออนสตรี ของดีชัยภูมิ” สินค้า OTOP ของกิน ของใช้ ผ้าไหม ผ้าฝ้าย (ครั้งที่ 3)<p><strong>วันที่&nbsp;8&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จังหวัดชัยภูมิ</strong>&nbsp;โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดชัยภูมิ&nbsp;ได้จัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์&nbsp;จำนวน&nbsp;25&nbsp;บูธ&nbsp;ณ&nbsp;ลานกิจกรรมหน้าร้านวัตสัน&nbsp;(Watsons)&nbsp;ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ชัยภูมิ&nbsp;โดยการจัดงานครั้งนี้&nbsp;ถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีภายในจังหวัด&nbsp;ตลอดจนประชาสัมพันธ์ผลสำเร็จของการดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียน&nbsp;ผ่านผลิตภัณฑ์กลุ่มอาชีพ&nbsp;ของสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี&nbsp;และเป็นการตอบสนองการดำเนินงานขับเคลื่อนงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีตามยุทธศาสตร์กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี&nbsp;ในการสร้างอาชีพ&nbsp;สร้างรายได้&nbsp;และเป็นการส่งเสริมช่องทางการตลาดของกลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี</p><p><strong>สรุปยอดขายสินค้า&nbsp;ตามโครงการส่งเสริมช่องทางการตลาดกลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี</strong>&nbsp;“สะออนสตรี&nbsp;ของดีชัยภูมิ”&nbsp;&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;วันที่&nbsp;8&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ยอดรวม&nbsp;87,300&nbsp;บาท</p><p><strong>กลุ่มที่มียอดขายจำหน่ายสินค้าดีสูงสุด&nbsp;3&nbsp;อันดับ</strong>&nbsp;ดังนี้&nbsp;อันดับ&nbsp;1&nbsp;กลุ่มทอผ้าไหมบ้านส้มป่อย&nbsp;อำเภอจัตุรัส&nbsp;จังหวัดชัยภูมิ&nbsp;จำนวนเงิน&nbsp;&nbsp;33,800&nbsp;บาท,&nbsp;อันดับ&nbsp;2&nbsp;กลุ่มแปรรูปผ้าบ้านหนองแก&nbsp;อำเภอแก้งกร้อ&nbsp;จังหวัดชัยภูมิ&nbsp;จำนวนเงิน&nbsp;6,000&nbsp;บาท&nbsp;และอันดับ&nbsp;3&nbsp;กลุ่มสตรีสหกรณ์บ้านโนนแต้&nbsp;หมู่ที่&nbsp;8&nbsp;อำเภอคอนสวรรค์&nbsp;จังหวัดชัยภูมิ&nbsp;จำนวนเงิน&nbsp;5,240&nbsp;บาท</p><p><strong>การจัดกิจกรรมโครงการส่งเสริมช่องทางการตลาดกลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดชัยภูมิ&nbsp;ปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;</strong>ดำเนินการจัดโครงการ&nbsp;จำนวน&nbsp;6&nbsp;ครั้งดังนี้/ครั้งที่&nbsp;1&nbsp;วันที่&nbsp;27&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564/ครั้งที่&nbsp;2&nbsp;วันที่&nbsp;28&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564/ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;วันที่&nbsp;8&nbsp;มกราคม&nbsp;2565/ครั้งที่&nbsp;4&nbsp;วันที่&nbsp;9&nbsp;มกราคม&nbsp;2565/ครั้งที่&nbsp;5&nbsp;วันที่&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;และครั้งที่&nbsp;6&nbsp;วันที่&nbsp;16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งการจัดโครงการฯ&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1-3&nbsp;มียอดการจำหน่ายสินค้ารวมเป็นเงินทั้งสิ้น&nbsp;231,484&nbsp;บาท</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>&nbsp;</p>10/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือชัยภูมิสวท.ชัยภูมิhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110161218454 ปลัดกรุงเทพมหานคร ติดตามการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองบางลำพู ส่งเสริมการท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนริมคลอง<p><strong>นายขจิต&nbsp;ชัชวานิชย์&nbsp;ปลัดกรุงเทพมหานคร&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ตามที่รัฐบาลและกรุงเทพมหานครมีนโยบายจัดระเบียบปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาสภาพแวดล้อมโดยรอบเกาะรัตนโกสินทร์&nbsp;เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงามพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางวัฒนธรรม&nbsp;&nbsp;โดยประชาชนสามารถเข้าใช้ประโยชน์ในที่สาธารณะร่วมกันอย่างสมบูรณ์และยั่งยืน&nbsp;กรุงเทพมหานครจึงได้ดำเนินปรับปรุงภูมิทัศน์คลองบางลำพู&nbsp;เพื่อพัฒนาเป็นเส้นทางส่งเสริมการท่องเที่ยว&nbsp;ระยะทางประมาณ&nbsp;1,500&nbsp;ม.&nbsp;ซึ่งที่ผ่านมาได้ออกแบบการปรับปรุงภูมิทัศน์ตลอดแนวคลองและก่อสร้างทางเดินริมคลองเพิ่มเติม&nbsp;ปรับปรุงและก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็กคลองบางลำพู&nbsp;ซ่อมแซมผนังลายอิฐ&nbsp;และติดตั้งบันไดเหล็ก&nbsp;รวมทั้งพัฒนาระบบระบายน้ำพื้นที่เขตชั้นในออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา&nbsp;ปัจจุบันคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ&nbsp;40&nbsp;คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนกรกฎาคม&nbsp;2565&nbsp;รวมถึงศึกษาแนวทางการเดินเรือไฟฟ้าในคลอง&nbsp;บำรุงรักษาและตัดแต่งต้นไม้ริมคลอง&nbsp;ตรวจสอบทางเท้า&nbsp;ฝาท่อระบายน้ำ&nbsp;สายไฟฟ้าและสายสื่อสาร&nbsp;</p><p><strong>พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจและขอความร่วมมือประชาชน</strong>&nbsp;งดตั้งวางสิ่งของและสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำริมคลอง&nbsp;ไม่ทิ้งน้ำเสียลงคลอง&nbsp;เมื่อการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองบางลำพูแล้วเสร็จ&nbsp;จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่รอบเกาะรัตนโกสินทร์&nbsp;สร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนริมคลอง&nbsp;ตลอดจนเชื่อมต่อการเดินทางและแหล่งท่องเที่ยว&nbsp;อาทิ&nbsp;พิพิธบางลำพูและสวนสันติชัยปราการ&nbsp;เป็นต้น</p><p><br></p><p><br></p>10/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110184202529 รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย ตรวจติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน และประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์<p><strong>วันที่&nbsp;10&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;</strong>และคณะลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย&nbsp;ติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนและตรวจเยี่ยมพื้นที่บริเวณด่านศุลกากรสะพานมิตรภาพไทย-ลาว&nbsp;-รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์จากหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้อง</p><p><strong>โดยมูลค่าการค้าระหว่างประเทศไทย&nbsp;และสปป.ลาว</strong>&nbsp;รวมทั้งการนำเข้า-ส่งออกในปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2564&nbsp;มีมูลค่าสูงถึง&nbsp;70,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ซึ่งประเทศไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้าจากการส่งออกที่มากกว่าการนำเข้าถึง&nbsp;6&nbsp;เท่า&nbsp;แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19&nbsp;จะส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศรวมถึงการเดินทางของประชาชน&nbsp;แต่การค้าชายแดน&nbsp;ณ&nbsp;ด่านศุลกากรหนองคาย&nbsp;พบว่า&nbsp;การส่งออกสินค้ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า&nbsp;23%&nbsp;YOY&nbsp;โดยเพิ่มขึ้นกว่า&nbsp;12,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ในขณะที่การนำเข้าลดลงเพียงเล็กน้อยประมาณ&nbsp;2,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;คิดเป็น&nbsp;-8%&nbsp;YoY&nbsp;และในปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.2564&nbsp;ด่านศุลกากรหนองคายจัดเก็บรายได้เข้ารัฐ&nbsp;จำนวน&nbsp;784,087,573&nbsp;ล้านบาท&nbsp;เพิ่มขึ้น&nbsp;จากปีงบฯ&nbsp;63&nbsp;จำนวน&nbsp;136.19&nbsp;ล้านบาท&nbsp;คิดเป็น&nbsp;21%&nbsp;โดยจัดเก็บรายได้ศุลกากรสูงกว่าประมาณการที่ได้รับจากกรมฯ&nbsp;5.29&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ภายในเวลาเพียง&nbsp;9&nbsp;เดือน&nbsp;เป็นผลจากการจับกุมเงิน&nbsp;38&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ซึ่งผลคดีเป็นที่สิ้นสุดแล้ว&nbsp;ในการประชุมหารือร่วมกับภาครัฐและเอกชน&nbsp;ณ&nbsp;โรงแรมรอยัล&nbsp;นำคารา&nbsp;จังหวัดหนองคาย&nbsp;มีประเด็นหารือที่สำคัญ&nbsp;และภาคเอกชนได้มีข้อเสนอดังนี้</p><p>?&nbsp;การเร่งรัดก่อสร้างสะพานเชื่อมต่อทางรถไฟแห่งใหม่&nbsp;</p><p>?&nbsp;การสร้างศูนย์กระจายสินค้าเพื่อผลักดันการส่งออกผลไม้ผ่านด่านชายแดนจังหวัดหนองคาย&nbsp;</p><p>?&nbsp;การขอให้จีนเปิดตลาดสินค้าเกษตรภายใต้พิธีสารไทย-จีนที่เกี่ยวข้องสำหรับสินค้าเกษตรเพิ่มเติม&nbsp;</p><p>?&nbsp;ขอให้จีนอำนวยความสะดวกสินค้าผ่านด่าน&nbsp;10&nbsp;แห่งภายใต้พิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ไทยผ่านประเทศที่สามเข้าสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน&nbsp;</p><p>?&nbsp;การเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบจากการนำเข้าสินค้าเกษตรจากจีนที่เพิ่มมากขึ้น&nbsp;</p><p>?&nbsp;การใช้ประโยชน์จากการขนส่งสินค้าจากไทยไปจีน&nbsp;ผ่านรถไฟจีน-ลาว&nbsp;ณ&nbsp;ปัจจุบัน&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>10/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหนองคายสวท.หนองคายhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110190207536 กรมการค้าภายใน บุกตรวจร้านจำหน่ายเครื่องไหว้ศาลเจ้าพ่อเสือ พร้อมเอาผิดร้านค้าขายเกินราคา<p><strong>นายวัฒนศักย์&nbsp;เสือเอี่ยม&nbsp;อธิบดีกรมการค้าภายใน&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;กรมฯ&nbsp;ได้รับเรื่องร้องเรียน&nbsp;&nbsp;กรณีที่มีร้านค้าบริเวณศาลเจ้าพ่อเสือ&nbsp;เขตพระนคร&nbsp;เรื่อง&nbsp;จำหน่ายเครื่องไหว้&nbsp;ไม่ปิดป้ายแสดงราคาและจำหน่ายราคาสูงเกินสมควร&nbsp;จึงได้ดำเนินคดีตามกฎหมายฐานฝ่าฝืน&nbsp;ประกาศ&nbsp;กกร.&nbsp;ฉบับที่&nbsp;61&nbsp;พ.ศ.2564&nbsp;ซึ่งมีความผิดตามมาตรา&nbsp;28&nbsp;แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;&nbsp;พ.ศ.2542&nbsp;และกรมฯ&nbsp;อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมว่า&nbsp;มีการจำหน่ายราคาสูงเกินสมควรหรือไม่&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการจำหน่ายราคาสูงเกินสมควรจะมีความผิดตามมาตรา&nbsp;29&nbsp;มีโทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;หรือปรับไม่เกิน&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ</p><p><br></p><p><br></p>10/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110183916527 พมจ.สุรินทร์ เปิดศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบล เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง และประชาชนทุกช่วงวัย<p><strong>วันที่&nbsp;10&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุรินทร์</strong>&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;องค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา&nbsp;อำเภอปราสาท&nbsp;จังหวัดสุรินทร์&nbsp;เปิดศูนย์ช่วยเหลือตำบลตาเบา&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน&nbsp;เพื่อเป็นศูนย์กลางการพัฒนาและการบริการสวัสดิการสังคมสำหรับประชาชนทุกช่วงวัย&nbsp;เสริมสร้างการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น&nbsp;ชุมชน&nbsp;และภาคีเครือข่าย&nbsp;รวมถึงการเสริมพลัง&nbsp;(Empowerment)&nbsp;แก่กลุ่มเป้าหมาย&nbsp;ชุมชน&nbsp;และประชาชน&nbsp;เพื่อให้สามารถพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันได้&nbsp;และเกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน&nbsp;โดยภายในงานมีการจำหน่ายสินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;จากชุมชน&nbsp;กลุ่มแม่บ้าน&nbsp;และโรงเรียนผู้สูงอายุตำบลตาเบา&nbsp;โดยมีนางสาวพัทธิอร&nbsp;กาฬสุวรรณ&nbsp;พัฒนาสังคมแบะความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;เป็นประธานในพิธีเปิด</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>10/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสุรินทร์สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110194816553 ยังไม่อนุญาตให้ไข่ไก่-เนื้อไก่ ปรับขึ้นราคา สั่งกรมการค้าภายในติดตามอย่างใกล้ชิด<p><strong>นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์</strong>&nbsp;เปิดเผยถึงกรณีไข่ไก่และเนื้อไก่ที่ปรับราคาขึ้น&nbsp;ว่า&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;ยังไม่อนุญาตให้มีการขึ้นราคาสินค้าดังกล่าว&nbsp;ซึ่งอาจมีการฉกฉวยขึ้นราคา&nbsp;ก็จะมีการดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด&nbsp;เพื่อไม่ให้เป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค&nbsp;แต่หากมีความจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้าในรายการใด&nbsp;ก็สามารถทำเรื่องมายังกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อพิสูจน์เป็นรายกรณีไปว่ามีความจำเป็น&nbsp;เพื่อไม่ให้กระทบต่อเกษตรกรรายย่อย&nbsp;จากการกดราคาทางนโยบายและเพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าขาดตลาดอีก&nbsp;ทั้งนี้ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายใน&nbsp;ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชน&nbsp;โดยจะต้องสมดุลกันระหว่างผู้บริโภค&nbsp;และเกษตรกรรายย่อย</p><p><strong>ขณะที่การแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนหลังจากเนื้อหมูขึ้นราคาไปแล้วนั้น</strong>&nbsp;ขณะนี้มีโครงการพาณิชย์ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ที่กำหนดราคาหมูเนื้อแดงไว้คงที่ในกิโลกรัม&nbsp;(กก.)&nbsp;ละ&nbsp;150&nbsp;&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งมีกว่า&nbsp;600&nbsp;จุด&nbsp;และได้เตรียมเสนอของบกลาง&nbsp;เพื่อเร่งมาชดเชยราคาในโครงการที่ตรึงไว้&nbsp;รวมทั้งอุดหนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูรายย่อย&nbsp;เพื่อให้มีกำลังใจในการเลี้ยงหมูต่อไป&nbsp;ไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลนในอนาคต&nbsp;โดยในวันพรุ่งนี้&nbsp;(11&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;จะชี้แจงด้วยวาจาให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบก่อนในเบื้องต้น</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>10/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110182906514 กรมการท่องเที่ยว มอบรางวัล Smart Tourism พร้อมดันชุมชนส่งเสริมท่องเที่ยวชุมชนวิถีใหม่<p><strong>นายทวีศักดิ์&nbsp;วาณิชย์เจริญ&nbsp;อธิบดีกรมการท่องเที่ยว&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;กรมการท่องเที่ยวจัดพิธีมอบรางวัลกิจกรรมการส่งเสริมชุมชนท่องเที่ยว&nbsp;รูปแบบ&nbsp;Smart&nbsp;Tourism&nbsp;การประกวดเส้นทางด้วยกิจกรรมท่องเที่ยวมุมมองใหม่&nbsp;2565&nbsp;และการประกวดนวัตกรรมเพื่อการท่องเที่ยวโดยชุมชน&nbsp;เป็นการยกระดับให้เป็นชุมชนท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวครบทุกด้าน&nbsp;ส่งเสริมให้ชุมชนท่องเที่ยวใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย</p><p><strong>สำหรับการจัดกิจกรรมการประกวดครั้งนี้&nbsp;</strong>มีชุมชนและประชาชนที่สนใจทั่วประเทศร่วมส่งผลงานเข้าประกวดทั้ง&nbsp;2&nbsp;กิจกรรม&nbsp;รวม&nbsp;540&nbsp;ผลงาน&nbsp;ซึ่งการประกวดเส้นทางท่องเที่ยวด้วยกิจกรรมท่องเที่ยวมุมมองใหม่&nbsp;2565&nbsp;มีจำนวน&nbsp;415&nbsp;ผลงาน&nbsp;และการประกวดนวัตกรรมเพื่อการท่องเที่ยวโดยชุมชน&nbsp;มีจำนวน&nbsp;125&nbsp;ผลงาน&nbsp;โดยผลงานที่ส่งเข้าประกวดได้ผ่านคัดเลือกเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ&nbsp;จำนวน&nbsp;50&nbsp;ผลงาน&nbsp;และได้มีการนำเสนอผลงานผ่านระบบออนไลน์ให้คณะกรรมการตัดสิน</p><p><strong>ผลการประกวดรางวัลชนะเลิศทั้ง&nbsp;2&nbsp;ประเภท</strong>&nbsp;ได้แก่&nbsp;&nbsp;การประกวดเส้นทางท่องเที่ยวด้วยกิจกรรมท่องเที่ยวมุมมองใหม่&nbsp;2564&nbsp;&nbsp;รางวัลชนะเลิศคือ&nbsp;ผลงาน&nbsp;:&nbsp;เที่ยวอุดร&nbsp;นอนบ้านเชียง&nbsp;&nbsp;ออนซอนอีสาน&nbsp;ตามรอยดินดำอารยธรรมบ้านเชียงจังหวัดอุดรธานี&nbsp;&nbsp;โดย&nbsp;นางสาวบุษราภรณ์&nbsp;&nbsp;&nbsp;กลางพรหม&nbsp;&nbsp;การประกวดนวัตกรรมเพื่อการท่องเที่ยวโดยชุมชน&nbsp;&nbsp;รางวัลชนะเลิศคือ&nbsp;&nbsp;ผลงาน:&nbsp;&nbsp;ซั้ง&nbsp;บ้านปลา&nbsp;ปะการังเทียมแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน&nbsp;โดยกลุ่มการจัดการอ่าวท้องตมและการท่องเที่ยวโดยชุมชนท้องตมใหญ่&nbsp;จังหวัดชุมพร&nbsp;</p><p><strong>ผู้ชนะเลิศแต่ละประเภทจะได้รับเงินรางวัล&nbsp;100,000&nbsp;บาท</strong>&nbsp;พร้อมโล่เกียรติยศและประกาศนียบัตร&nbsp;และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ&nbsp;1&nbsp;อันดับ&nbsp;2&nbsp;รางวัลชมเชย&nbsp;จำนวน&nbsp;27&nbsp;รางวัล&nbsp;และรางวัลดาวรุ่งจำนวน&nbsp;10&nbsp;รางวัล&nbsp;พร้อมประกาศนียบัตรโดยผลงานที่ชนะการประกวดครั้งนี้&nbsp;กรมฯจะนำไปพัฒนาต่อยอดให้เกิดประโยชน์ต่อไป</p><p><br></p><p><br></p>10/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110183713525 ประกาศปรับราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดขึ้น 40 สตางค์ต่อลิตร เว้น E85 ปรับขึ้น 20 สตางค์ต่อลิตร <p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">กลุ่มผู้ค้าน้ำมัน&nbsp;บริษัท&nbsp;ปตท.&nbsp;และบางจาก&nbsp;แจ้งว่า&nbsp;</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">ตั้งแต่เวลา&nbsp;05.00&nbsp;น.&nbsp;ของวันที่&nbsp;11&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;ราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดและกลุ่มดีเซลทุกชนิด&nbsp;จะปรับราคาขึ้น&nbsp;0.40&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;ยกเว้นเว้น&nbsp;E85&nbsp;ปรับขึ้น&nbsp;0.20&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">ส่งผลให้ราคาขายปลีก</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">&nbsp;น้ำมันเบนซินอยู่ที่&nbsp;39.56&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;แก๊สโซฮอล์&nbsp;E85&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;24.34&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;แก๊สโซฮอล์&nbsp;E20&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;30.64&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;แก๊สโซฮอล์&nbsp;91&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;31.88&nbsp;บาทต่อลิตรแก๊สโซฮอล์&nbsp;95&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;32.15&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;&nbsp;ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลไฮพรีเมียม&nbsp;ดีเซล&nbsp;B7&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;35.ค6&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;ไฮดีเซล&nbsp;B7&nbsp;ไฮดีเซล&nbsp;S&nbsp;และไฮดีเซล&nbsp;B20&nbsp;S&nbsp;&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;29.84&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;สำหรับผลิตภัณฑ์อื่นราคาคงเดิม</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>10/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110184525531 พาณิชย์จังหวัดนนทบุรี ลงพื้นที่ตรวจติดตามโครงการหมูพาณิชย์ ลดราคา ช่วยประชาชน<p><strong>วันนี้&nbsp;(&nbsp;10&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนนทบุรี</strong>&nbsp;นางสาวนิพัทธา&nbsp;จันย่อง&nbsp;พาณิชย์จังหวัดนนทบุรี&nbsp;ร่วมได้ประชุมผ่านระบบ&nbsp;Zoom&nbsp;Video&nbsp;Conference&nbsp;กับ&nbsp;นายอุดม&nbsp;ศรีสมทรง&nbsp;รองอธิบดีกรมการค้าภายใน&nbsp;ร่วมแก้ไขปัญหาเร่งด่วนตามภาวะราคาสุกรที่สูง&nbsp;พร้อมกันนี้ได้นำเจ้าหน้าที่ฯ&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินโครงการ&nbsp;หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;</p><p><strong>นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฎ์&nbsp;ในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนตามภาวะราคาสุกร</strong>ที่สูงขึ้นและให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;โดยจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งจังหวัดนนทุบรี&nbsp;จำหน่ายระหว่างวันที่&nbsp;10-15&nbsp;มกราคม&nbsp;ณ&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;2&nbsp;จุด&nbsp;คือ&nbsp;จุดที่&nbsp;1&nbsp;เบทาโกร&nbsp;ช็อป&nbsp;สาขาประชาชื่น&nbsp;จุดที่&nbsp;2&nbsp;ร้านเฮียเตี้ย&nbsp;บริเวณสนามบินน้ำ&nbsp;โดย&nbsp;พาณิชย์จังหวัดนนทบุรี&nbsp;กล่าวเพิ่มเติมว่า&nbsp;ยังเฝ้าระวังติตามสินค้าประเภทอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นอุปโภค&nbsp;บริโภค&nbsp;ที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของประชาชน&nbsp;ในการตรวจสอบราคา&nbsp;ว่าร้านค้าต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ขายเกินราคาที่ได้กำหนดตามกฏหมายหรือไม่ด้วย&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>จึงขอเชิญชวนประชาชนไปจับจ่ายเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูก</strong>ตามที่รัฐบาลกำหนดไว้อย่างเป็นธรรมได้ตามสถานที่แจ้งไว้ข้างต้น&nbsp;รวมทั้ง&nbsp;ประชาชนที่พบเห็นร้านค้าขายสินค้าในราคาเกินกว่าที่รัฐบาลกำหนด&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนนทบุรี&nbsp;โทร&nbsp;0-2591-7880&nbsp;ได้ในเวลาราชการ</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>10/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลนนทบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนนทบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110195516556 เปิดทางกู้วิกฤต “หมูแพง” ธ.ก.ส. พร้อมหนุนการเลี้ยงสุกรและเพิ่มผลผลิตอาหารสัตว์แบบครบวงจร เพื่อเร่งแก้ปัญหาราคาเนื้อสุกรที่เพิ่มสูงขึ้น<p><strong>เปิดทางกู้วิกฤต&nbsp;“หมูแพง”&nbsp;ธ.ก.ส.&nbsp;พร้อมหนุนการเลี้ยงสุกรและเพิ่มผลผลิต</strong>อาหารสัตว์แบบครบวงจร&nbsp;เพื่อเร่งแก้ปัญหาราคาเนื้อสุกรที่เพิ่มสูงขึ้น&nbsp;และเพื่อสร้างระบบการเลี้ยงสุกรที่ส่งผลดีทั้งต่อเกษตรกรผู้ผลิตและผู้บริโภค&nbsp;ผ่านโครงการสินเชื่อพิเศษอัตราดอกเบี้ยต่ำ&nbsp;ดังต่อไปนี้</p><p><strong>สินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ</strong>&nbsp;สำหรับเกษตรกรรายย่อยและบุคคลในครัวเรือนที่ประสงค์จะกู้เงิน&nbsp;เพื่อไปลงทุนเลี้ยงสุกรหรืออื่นๆ&nbsp;เพื่อเป็นการสร้างอาชีพ</p><p>วงเงินกู้ไม่เกิน&nbsp;100,000&nbsp;บาทต่อรายอัตราดอกเบี้ย&nbsp;กรณีเป็นค่าลงทุนปีที่&nbsp;1-3&nbsp;ร้อยละ&nbsp;4&nbsp;ต่อปี&nbsp;ปีที่&nbsp;4-5&nbsp;MRR&nbsp;(ปัจจุบัน&nbsp;MRR&nbsp;เท่ากับร้อยละ&nbsp;6.5&nbsp;ต่อปี)</p><p>&nbsp;สินเชื่อ&nbsp;Food&nbsp;Safety&nbsp;เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนหรือเพื่อเป็นค่าลงทุนในการส่งเสริมการประกอบอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม&nbsp;อัตราดอกเบี้ยกรณีเกษตรกร&nbsp;MRR&nbsp;(ปัจจุบัน&nbsp;MRR&nbsp;เท่ากับ&nbsp;ร้อยละ&nbsp;6.5&nbsp;ต่อปี)</p><p><strong>สินเชื่อเสริมแกร่ง&nbsp;SME&nbsp;เกษตร&nbsp;</strong>เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนหรือค่าลงทุนในการประกอบธุรกิจ&nbsp;โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการลดต้นทุน</p><p>วงเงินกู้ไม่เกิน&nbsp;100&nbsp;ล้านบาทต่อราย&nbsp;อัตราดอกเบี้ยปีที่&nbsp;1&nbsp;–&nbsp;2&nbsp;ร้อยละ&nbsp;4&nbsp;ต่อปี</p><p><strong>เกษตรสามารถติดต่อขอสินเชื่อได้ที่&nbsp;ธ.ก.ส.&nbsp;ทุกสาขาทั่วประเทศ</strong>&nbsp;หรือสอบถามรายละเอียดโทร&nbsp;Call&nbsp;Center&nbsp;02&nbsp;555&nbsp;0555</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>#BAAC&nbsp;#ธกส</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p><p><br></p><p><br></p>10/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110213433581 บรรยากาศการซื้อหมูเนื้อแดง ลดราคากิโลกรัมละ 150 บาทที่โคราชคึกคักทุกวันตลาดภาคเอกชนเผยพร้อมช่วยเหลือประชาชนตามนโยบายของรัฐ<p><strong>ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการซื้อหมูเนื้อแดง</strong>&nbsp;ลดราคาที่ตลาดเทิดไท&nbsp;จังหวัดนครราชสีมา&nbsp;โดยผู้ประกอบการค้าเนื้อสุกรได้เข้าร่วมโครงการขายหมูเนื้อแดงในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งมีประชาชนมาซื้อหมูตามร้านที่เข้าโครงการทั้ง&nbsp;6&nbsp;ร้านอย่างคึกคักทุกวัน&nbsp;โดยจำกัดการซื้อเพื่อให้เกิดการกระจายอย่างทั่วถึง&nbsp;และหลังเปิดแผงขายก็ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงหมูเนื้อแดงก็ขายหมดตามจำนวน&nbsp;50&nbsp;กก.ต่อร้าน</p><p><strong>นายศารุมภ์&nbsp;โหม่งสูงเนิน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;การดำเนินโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดนครราชสีมา&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;2)&nbsp;เป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาหมูที่สูงขึ้นและให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา&nbsp;ร่วมกับตลาดเทิดไทและผู้ประกอบการค้าเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;ลดราคาเพื่อผู้บริโภค&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จนถึงวันที่&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;โดยจะจำหน่ายจนกว่าเนื้อหมูจะหมดทุกวัน&nbsp;หรือหากมีการขยายระยะเวลาก็จะได้ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆให้ประชาชนทราบต่อไป</p><p><strong>น.ส.สุคนธ์ทิพย์&nbsp;พนมเสริฐ&nbsp;ผู้จัดการตลาดเทิดไท&nbsp;(ตาลคู่)&nbsp;จ.นครราชสีมา&nbsp;</strong>เปิดเผยว่า&nbsp;ตลาดเทิดไทได้เข้าร่วมโครงการนี้เป็นการสนับสนุนนโยบายภาครัฐที่พยายามจะช่วยเหลือประชาชนในภาวะวิกฤต&nbsp;เพื่อสามารถที่จะให้ประชาชนลดภาระค่าใช้จ่ายในการครองชีพได้ส่วนหนึ่ง&nbsp;อีกทั้งเป็นการช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าที่มีโอกาสทางการค้าสนับสนุนในการที่จะช่วยภาคครัวเรือน&nbsp;ลดภาระค่าใช้จ่าย&nbsp;เพราะจริงๆแล้วหมูเป็นปัจจัยสำคัญ&nbsp;ที่เป็นอาหารของหลักหลายๆ&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;รับประทานหมูร้อยละ&nbsp;90&nbsp;เป็นหลัก&nbsp;เพราะฉะนั้นจึงเป็นปัจจัยสำคัญถ้าหากประชาชนมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นก็จะทำให้ภาพรวมค่าใช้จ่ายครัวเรือนหนักไป&nbsp;ดังนั้นเมื่อหน่วยราชการมาติดต่อทางตลาดก็รีบดำเนินการประสานกับร้านค้า&nbsp;ซี่งได้รับการตอบรับด้วยดีตั้งแต่วันแรกที่มีการร้องขอ&nbsp;ในเบื้องต้นทางตลาดพยายามช่วยกันลดราคาหมู&nbsp;จาก&nbsp;200&nbsp;หรือ&nbsp;220&nbsp;บาท&nbsp;โดยหลายร้านราคาอยู่ที่&nbsp;180&nbsp;หรือ&nbsp;170&nbsp;บาท&nbsp;ราคาเต็มจริงๆ&nbsp;ก็คือ&nbsp;190&nbsp;เต็มเพดานก็คือ&nbsp;200&nbsp;ตามตารางตลาด&nbsp;แต่&nbsp;ณ&nbsp;ตอนนี้พยายามช่วยกันส่งเสริมเพื่อให้ทั้งคนที่ขายหมูอยู่ได้&nbsp;พ่อค้าแม่ค้าอยู่ได้&nbsp;คนซื้ออยู่ได้&nbsp;โดยภาครัฐก็ดูแลประชาชนได้&nbsp;โดยร้านที่เข้าร่วมโครงการหมูเนื้อแดง&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;มีจำนวน&nbsp;6&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่&nbsp;1.ร้านหมูไอที&nbsp;2.&nbsp;ร้านธนพร&nbsp;3.ร้านสถานีหมูสด&nbsp;4.&nbsp;ร้านเฮียเขียว&nbsp;5.&nbsp;ร้านเจ้บีหมูสด&nbsp;6.&nbsp;ร้านอุ๊บอิ๊บ&nbsp;แต่ละร้านมีโควต้าขายร้านละ&nbsp;50&nbsp;กิโลกรัมต่อวัน&nbsp;และฝากถึงประชาชนในจังหวัดนครราชสีมาหรือจังหวัดใกล้เคียง&nbsp;โดยเฉพาะทางอีสานใต้ที่เข้ามาใช้บริการตลาดเทิดไทขอให้มีความมั่นใจในการควบคุมโรคโควิด-19&nbsp;ของตลาดเทิดไท&nbsp;ที่มีพื้นที่กว่า&nbsp;107&nbsp;ไร่&nbsp;ซึ่งการจัดผัง&nbsp;การจัดร้านค้า&nbsp;การจัดแผง&nbsp;ถูกสุขลักษณะของสาธารณสุขทุกประการ&nbsp;&nbsp;ทางตลาดมีวิธีการป้องกันโรคตั้งแต่ประตูทางเข้า&nbsp;โดยมีการตรวจวัดอุณหภูมิ&nbsp;การให้ผู้ที่เข้ามาในตลาดสวมหน้ากากอนามัย100%&nbsp;ส่วนพื้นที่ในอาคารแต่ละแห่งจะให้มีสแกนคิวอาร์โค๊ดหรือลงชื่อพร้อมสแกนอุณหภูมิก่อนเข้าภายในอาคาร&nbsp;เพราะฉะนั้น&nbsp;โดยรวมแล้วพื้นที่ของตลาดเทิดไทมีความปลอดโปร่ง&nbsp;โล่ง&nbsp;ทำให้ประชาชนที่มาซื้อสินค้ามีความมั่นใจในการบริหารจัดการในทุกๆระบบ&nbsp;นอกจากอาหารสดประเภทเนื้อสัตว์แล้วตลาดเทิดไทยังมีสินค้าผัก&nbsp;ผลไม้&nbsp;และแหล่งจำหน่ายอาหารทะเลที่ใหญ่สุดในย่านนี้ด้วย&nbsp;ขอให้เชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยทุกอย่างสำหรับผู้ใช้บริการในตลาดเทิดไท&nbsp;(ตาลคู่)</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>10/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครราชสีมาสวท.นครราชสีมาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110224033583 จ.หนองคาย รองนายกรัฐมนตรีประชุมร่วมภาครัฐและเอกชน<p><strong>รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;</strong>ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน&nbsp;และร่วมประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์&nbsp;ที่จังหวัดหนองคาย</p><p><strong>บ่ายวันนี้&nbsp;(10&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์</strong>&nbsp;พร้อมคณะ&nbsp;ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน&nbsp;และประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์&nbsp;ที่จังหวัดหนองคาย&nbsp;&nbsp;เริ่มจากติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน&nbsp;และตรวจเยี่ยมพื้นที่บริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว&nbsp;แห่งที่&nbsp;1&nbsp;จังหวัดหนองคาย&nbsp;โดยมีนายมนต์สิทธิ์&nbsp;ไพศาลธนวัฒน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย,&nbsp;นางสาวสิริมา&nbsp;วัฒโน&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย,&nbsp;พ.ต.อ.ณรัชต์พล&nbsp;เลิศรัชตะปภัสร์&nbsp;นายด่านศุลกากรหนองคาย&nbsp;พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปสถานการณ์การค้าชายแดน&nbsp;ซึ่งจากสถิติการค้าชายแดนปีงบประมาณ&nbsp;2564&nbsp;มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับ&nbsp;สปป.ลาว&nbsp;&nbsp;รวมทั้งการนำเข้า-ส่งออก&nbsp;ที่ผ่านด่านศุลกากรหนองคาย&nbsp;มีมูลค่าสูงกว่า&nbsp;&nbsp;70,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;พบว่าการส่งออกสินค้ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า&nbsp;&nbsp;ร้อยละ&nbsp;23&nbsp;โดยเพิ่มขึ้นกว่า&nbsp;12,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ในขณะที่การนำเข้าลดลงเพียงเล็กน้อยประมาณ&nbsp;2,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;คิดเป็นลดลง&nbsp;ร้อยละ&nbsp;8</p><p><strong>จากนั้นนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;</strong>็ได้เป็นประธานในการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมคอนเวนชั่นฮอล์&nbsp;โรงแรมรอยัลนาคาราและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์หนองคาย&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดหนองคาย&nbsp;ในการประชุมร่วมฯ&nbsp;ในครั้งนี้ภาคเอกชนได้มีข้อเสนอสำคัญหลายเรื่อง&nbsp;เช่น&nbsp;การเร่งรัดก่อสร้างสะพานเชื่อมต่อทางรถไฟแห่งใหม่&nbsp;หรือสะพานหนองคาย&nbsp;แห่งที่&nbsp;2&nbsp;การสร้างศูนย์กระจายสินค้าเพื่อผลักดันการส่งออกผลไม้ผ่านด่านชายแดนจังหวัดหนองคาย&nbsp;ขอให้จีนเปิดตลาดสินค้าเกษตรภายใต้พิธีสารไทย-จีนที่เกี่ยวข้องสำหรับสินค้าเกษตรเพิ่มเติม&nbsp;ขอให้จีนอำนวยความสะดวกสินค้าผ่านด่าน&nbsp;10&nbsp;แห่งภายใต้พิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกัดโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ไทยผ่านประเทศที่สามเข้าสู่จีน&nbsp;การเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบจากการนำเข้าสินค้าเกษตรจากจีนที่เพิ่มมากขึ้น&nbsp;การใช้ประโยชน์จากการขนส่งสินค้าจากไทยไปจีน&nbsp;ผ่านรถไฟจีน-ลาว&nbsp;นอกจากนี้ยังได้มีการเสนอขอให้มีการเปิดด่านรถไฟ&nbsp;ด่านท่าเรือหายโศก&nbsp;และจุดผ่อนปรนบ้านหม้อ&nbsp;เพื่อเป็นช่องทางในการขนส่งสินค้า&nbsp;&nbsp;เป็นการลดความแออัดในการขนส่งสินค้าจากด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว&nbsp;แห่งที่&nbsp;1&nbsp;จังหวัดหนองคาย</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p><br></p>10/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหนองคายสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคายhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110222906582 หนองคาย ลงนามบันทึกข้อตกลง นาคีโกโก้หนองคาย<p><strong>จังหวัดหนองคาย&nbsp;โดยสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดหนองคาย</strong>&nbsp;จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง&nbsp;(MOU)&nbsp;การจัดจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์แปรรูปโกโก้&nbsp;ภายใต้แบรนด์&nbsp;“นาคีโกโก้หนองคาย”&nbsp;เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงตลาด&nbsp;และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าเกษตร&nbsp;(โกโก้)&nbsp;เพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน&nbsp;และเกิดผลเป็นรูปธรรม</p><p><strong>วันนี้(10&nbsp;มกราคม&nbsp;65)&nbsp;ที่ห้องประชุมสหกรณ์การเกษตรสังคม&nbsp;จำกัด&nbsp;</strong>ตำบลแก้งไก่&nbsp;อำเภอสังคม&nbsp;จังหวัดหนองคาย&nbsp;จังหวัดหนองคาย&nbsp;โดยสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดหนองคาย&nbsp;ได้จัดให้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง&nbsp;(MOU)&nbsp;การจัดจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์แปรรูปโกโก้&nbsp;ภายใต้แบรนด์&nbsp;“นาคีโกโก้หนองคาย”&nbsp;ระหว่างสหกรณ์การเกษตรสังคม&nbsp;จำกัด&nbsp;,กลุ่มสังคมโกโก้&nbsp;และกลุ่มกาแฟโกโก้ลุ่มน้ำโขง&nbsp;กับร้านอาหารและเครื่องดื่มในพื้นที่อำเภอสังคม&nbsp;จังหวัดหนองคาย&nbsp;จำนวน&nbsp;9&nbsp;ร้าน&nbsp;โดยมีนายมนต์สิทธิ์&nbsp;ไพศาลธนวัฒน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย&nbsp;,&nbsp;นายสมควร&nbsp;ใจซื่อ&nbsp;นายอำเภอสังคม&nbsp;,&nbsp;นายอำไพ&nbsp;ประเสริฐสังข์&nbsp;เกษตรและสหกรณ์จังหวัดหนองคาย&nbsp;พร้อมตัวแทนจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดหนองคาย&nbsp;,&nbsp;ตัวแทนจากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย&nbsp;,&nbsp;ตัวแทนกลุ่มเกษตรกร&nbsp;และจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมเป็นสักขีพยาน</p><p><strong>พิธีลงนามบันทึกข้อตกลง&nbsp;(MOU)&nbsp;ในครั้งนี้&nbsp;เกิดขึ้นเนื่องจาก</strong>&nbsp;การที่จังหวัดหนองคายได้กำหนดให้โกโก้&nbsp;เป็นสินค้าทางเลือกชนิดหนึ่งของจังหวัด&nbsp;และทางจังหวัดก็ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณในการขับเคลื่อนโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;ให้ดำเนินงานโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการตลาดสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมที่สำคัญกิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโกโก้&nbsp;อีกทั้งนายสุพัฒนพงษ์&nbsp;พันธ์มีเชาว์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;ได้สนับสนุนงบประมาณกลาง&nbsp;รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินจำเป็น&nbsp;โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการแปรรูปโกโก้&nbsp;ดังนั้นเพื่อให้การขับเคลื่อนโกโก้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;สามารถเพิ่มช่องทางการตลาดและสร้างรายได้แก่เกษตรกร&nbsp;รวมถึงผู้ประกอบการ&nbsp;สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดหนองคาย&nbsp;ในฐานะผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;จึงได้จัดให้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง&nbsp;(MOU)&nbsp;การจัดจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์แปรรูปโกโก้&nbsp;ภายใต้แบรนด์&nbsp;“นาคีโกโก้หนองคาย”&nbsp;ในครั้งนี้ขึ้น</p><p><strong>นายมนต์สิทธิ์&nbsp;ไพศาลธนวัฒน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย&nbsp;กล่าวว่า</strong>การลงนามบันทึกข้อตกลง&nbsp;(MOU)&nbsp;การจัดจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์แปรรูปโกโก้&nbsp;ภายใต้แบรนด์&nbsp;“นาคีโกโก้หนองคาย”&nbsp;ในครั้งนี้&nbsp;เป็นการร่วมมือกันเพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์โกโก้&nbsp;ให้มีช่องทางจำหน่ายมากขึ้น&nbsp;ซึ่งขอยืนยันว่าทางจังหวัดหนองคาย&nbsp;พร้อมที่จะสนับสนุนให้โกโก้เป็นสินค้าที่ขึ้นชื่อของอำเภอสังคม&nbsp;นอกจากโกโก้แล้วจังหวัดหนองคาย&nbsp;ยังมีการส่งเสริมสนับสนุนสินค้าชนิดอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;เช่นกล้วยตาก&nbsp;และสับปะรด&nbsp;เป็นต้น&nbsp;แต่โกโก้ถือเป็นแบรนด์ของคนรุ่นใหม่&nbsp;เพราะในปัจจุบันนี้คนทั่วไปชอบดื่มกาแฟเพิ่มมากขึ้น&nbsp;โกโก้ถือเป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่จะแทรกอยู่ในร้านกาแฟได้&nbsp;ทำให้เป็นที่สนใจของประชาชน&nbsp;จึงหวังว่าการเพิ่มช่องทางจำหน่ายฯในครั้งนี้&nbsp;จำให้สินค้าแปรรูปจากโกโก้จำหน่ายได้เพิ่มมากขึ้น</p><p><strong>นายอำไพ&nbsp;ประเสริฐสังข์&nbsp;เกษตรและสหกรณ์จังหวัดหนองคาย&nbsp;กล่าวว่า</strong>จากสถานการณ์ที่สินค้าการเกษตรอื่นมีปัญหาในเรื่องของการตลาด&nbsp;ทางรัฐบาลเองก็พยายามให้แต่ละพื้นที่&nbsp;แต่ละจังหวัดได้หาช่องทาง&nbsp;ได้หาสินค้าเกษตรทางเลือกที่จะลดปัญหาในเรื่องของสินค้าล้นตลาด&nbsp;ในส่วนของจังหวัดหนองคายได้มีการพิจารณาให้โกโก้เป็นสินค้าเกษตรที่มีความเหมาะสมในการที่จะปลูกในพื้นที่จังหวัดหนองคาย&nbsp;โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่อำเภอสังคม&nbsp;จากข้อมูลของกรมพัฒนาที่ดินพบว่า&nbsp;มีพื้นที่มีความเหมาะสมในการปลูกโกโก้ประมาณ&nbsp;5&nbsp;หมื่นไร่&nbsp;แต่เป้าหมายที่จังหวัดหนองคายได้กำหนดไว้เพื่อไม่ให้มีสินค้าโกโก้เกินความต้องการของตลาด&nbsp;จึงได้กำหนดพื้นที่ในการปลูกไว้ไม่เกิน&nbsp;1&nbsp;พันไร่&nbsp;โดยเฉพาะในเขตพื้นที่อำเภอสังคม&nbsp;ปัจจุบันนี้มีเกษตรกรได้เริ่มปลูกโกโก้&nbsp;และเริ่มขายผลผลิตไปแล้ว&nbsp;จำนวน&nbsp;53&nbsp;ราย&nbsp;พื้นที่ปลูกประมาณ&nbsp;400&nbsp;กว่าไร่&nbsp;อีก&nbsp;2&nbsp;–&nbsp;3&nbsp;ปีข้างหน้าคาดจะได้ครบตามเป้าหมายที่ตั้งไว้</p><p><strong>เกษตรและสหกรณ์จังหวัดหนองคาย&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ในส่วนของการแปรรูปโกโก้</strong>ก็เป็นเป้าหมาย&nbsp;ที่หน่วยงานราชการและเกษตรกรผู้ปลูกโกโก้&nbsp;จะได้เร่งดำเนินการ&nbsp;ซึ่งในอำเภอสังคม&nbsp;หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดหนองคาย&nbsp;ได้ร่วมกับสหกรณ์การเกษตรสังคม&nbsp;จำกัด&nbsp;ซึ่งเป็นองค์กรที่เป็นนิติบุคคล&nbsp;สามารถที่จะทำธุรกรรมทางด้านการเงินได้&nbsp;และมีความสามารถที่จะขยายในเรื่องของขนาดของการแปรรูปได้ดีกว่าของกลุ่มเกษตรกรทั่ว&nbsp;ๆ&nbsp;ไป&nbsp;โดยให้สหกรณ์การเกษตรสังคม&nbsp;จำกัด&nbsp;เป็นผู้รวบรวมผลผลิตการแปรรูปจากโกโก้&nbsp;ซึ่งกระบวนการทางด้านการผลิตนั้น&nbsp;ก็จะทำให้ได้มาตรฐานอย่างน้อยมาตรฐาน&nbsp;GAP&nbsp;ในส่วนของการแปรรูปก็จะให้ได้มาตรการในส่วนของโรงงาน&nbsp;และมาตรฐานทางด้านอาหารและยาด้วย.</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>จุมพล&nbsp;/&nbsp;หนองคาย</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>10/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหนองคายสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคายhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220110235831598 หมูแพงกระทบผู้ซื้อ-ผู้ขาย ต้องปรับตัว<p><strong>ยะลา-&nbsp;หมูทอด&nbsp;ปรับขึ้นราคาสู้ไม่ไหวหมูแพง&nbsp;ขณะ&nbsp;หมูปิ้ง&nbsp;</strong>ตรึงขายเท่าเดิม<strong>&nbsp;</strong>ผู้บริโภคบางส่วนรับได้&nbsp;บางรายหันไปทานปลาแทน&nbsp;หลังจากเนื้อหมู&nbsp;ได้ปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;โดยล่าสุดตลาดสดยะลา&nbsp;ราคาหมูอยู่ที่&nbsp;กก.ละ&nbsp;230&nbsp;บาท&nbsp;แนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก&nbsp;ทำให้ร้านขายหมูทอด&nbsp;แคบหมู&nbsp;ไก่ทอด&nbsp;ข้าวเหนียว&nbsp;แถวย่านหลังกองร้อยยะลา&nbsp;บริเวณทางเข้าถนนผังเมือง&nbsp;1&nbsp;ซอย&nbsp;2&nbsp;ได้ขึ้นราคาขายแล้ว&nbsp;จากเดิม&nbsp;หมูติดมัน&nbsp;หมูแดง&nbsp;ทอดราคา&nbsp;25-30&nbsp;บาท&nbsp;เพิ่มขึ้น&nbsp;5&nbsp;บาท&nbsp;เป็น&nbsp;35&nbsp;บาท&nbsp;แคบหมู&nbsp;ถุงละ&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนข้าวเหนียวยังคงเดิม&nbsp;ห่อละ&nbsp;10&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;พร้อมกับลดปริมาณการทำขายลง&nbsp;สู้กับหมูแพงไม่ไหว&nbsp;จากเดิมปกติทำหมูทอดขาย&nbsp;วันละ&nbsp;30&nbsp;กิโล&nbsp;ลดลงเหลือ&nbsp;วันละ&nbsp;15-20&nbsp;กก.&nbsp;เนื่องจากขายได้ไม่หมด&nbsp;หลังลูกค้า&nbsp;บอกหมูแพง&nbsp;ซื้อน้อยลง&nbsp;ไม่เหมือนเมื่อก่อนตอนนี้หมูแพง</p><p><strong>ขณะเดียวกัน&nbsp;ที่ร้านขายหมูปิ้งเตาถ่าน&nbsp;หมูย่างนมสด&nbsp;-&nbsp;ไก่ย่างสมุนไพร</strong>&nbsp;&nbsp;ซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกัน&nbsp;ยังคงตรึงราคา&nbsp;ขายไม้ละ&nbsp;10&nbsp;บาท&nbsp;เท่าเดิม&nbsp;ถึงแม้ว่า&nbsp;หมูปิ้งที่รับมาจาก&nbsp;กทม.&nbsp;เป็นแพ็ก&nbsp;เสียบไม้&nbsp;ซึ่งรับมาวันละ&nbsp;100&nbsp;กว่าไม้เพื่อมาปิ้งขาย&nbsp;จากเดิม&nbsp;600&nbsp;กว่าบาทปรับขึ้น&nbsp;10&nbsp;บาท&nbsp;ก็ตาม&nbsp;แม้ค้าบอกว่ายังไหว&nbsp;พออยู่ได้&nbsp;ขายเท่าเดิม&nbsp;ไม้ละ&nbsp;10&nbsp;บาท&nbsp;ข้าวเหนียว&nbsp;ห่อละ&nbsp;5&nbsp;&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;สงสารลูกค้า&nbsp;และไม่ได้ลดปริมาณแต่อย่างใด&nbsp;ถึงแม้นว่าต้นทุนจะเพิ่มก็ตาม&nbsp;แต่หากต่อไป&nbsp;ราคาหมูยังพุ่งไม่หยุด&nbsp;ก็ต้องมาคิดอีกทีว่าจะมีการปรับราคาขึ้นหรือไม่</p><p><strong>นายสมใจ&nbsp;ทันวิมา&nbsp;พ่อค้าขายหมูทอด&nbsp;บอกว่า&nbsp;กว่า&nbsp;2-3&nbsp;เดือนแล้วที่หมูราคาแพง&nbsp;</strong>ตอนนี้&nbsp;กก.ละ&nbsp;230&nbsp;บาท&nbsp;ขายไม่ได้กำไร&nbsp;ไม่ไหวแล้ว&nbsp;ว่าจะหยุดเหมือนกันไม่ได้อะไร&nbsp;ขึ้นได้ไม่เยอะ&nbsp;พอขึ้นทีละบาท&nbsp;ลูกค้าก็บ่น&nbsp;ถ้าเราไม่ขึ้นเราก็อยู่ไม่ได้&nbsp;ต้องบอกว่า&nbsp;ราคาหมูแพง&nbsp;ก็ว่าจะหาวีธีใหม่&nbsp;ซื้อผัก&nbsp;ซื้ออะไรมาขายที่ไม่แพงไปก่อน&nbsp;มีแต่ขึ้นราคาไม่ลง&nbsp;อยากให้รัฐบาลช่วยดูแล</p><p><strong>ขณะที่ทางด้านผู้บริโภค&nbsp;บอกว่า&nbsp;บางร้านซื้อแกงที่มีหมูราคาก็ขึ้นแล้ว&nbsp;</strong>จาก&nbsp;50&nbsp;บาท&nbsp;เป็น&nbsp;60&nbsp;บาท&nbsp;ขึ้นมา&nbsp;10&nbsp;บาท&nbsp;ยังรับได้แต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น&nbsp;ทราบดีว่าตอนนี้ราคาหมูแพงเข้าใจทางร้านที่ต้องปรับขึ้นราคา&nbsp;แต่ถ้ามากกว่านี้ก็คงไม่ไหว&nbsp;ของขึ้นทุกอย่าง&nbsp;ขณะที่ผู้บริโภคบางราย&nbsp;ก็จะรับประทานหมูให้น้อยลงหันไปทานปลาแทนก็มี</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>11/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111082645604 จังหวัดตรังออกเยี่ยมจุดจำหน่ายเนื้อหมู ตามโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน<p><strong>วันนี้&nbsp;นายขจรศักดิ์&nbsp;เจริญโสภา&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง</strong>&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นางสาวสุภากิตติ์&nbsp;เกลี้ยงสงค์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;นายภานุวัฒน์&nbsp;พูลสวัสดิ์&nbsp;ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรัง&nbsp;&nbsp;และ&nbsp;นายสุรจิต&nbsp;วิชชุวรรณ&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดตรัง&nbsp;ลงพื้นที่ร้านน้องดิว&nbsp;หน้าสวนสาธารณะนาหมื่นราษฎร์&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตำบลโคกหล่อ&nbsp;อำเภอเมืองตรัง&nbsp;และ&nbsp;ร้านหมูสด&nbsp;แยกวัดตันตยาภิรมณ์&nbsp;ถนนตรัง-สิเกา&nbsp;เพื่อติดตามการดำเนินโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;(นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฎ์)&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาหมูที่สูงขึ้นและให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด</p><p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;จากสถานการณ์ราคาเนื้อหมู</strong>ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;จากสาเหตุปริมาณการเลี้ยงลดลง&nbsp;ปัญหาโรคระบาด&nbsp;รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาสูงขึ้น&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรังได้ดำเนินโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนจังหวัดตรัง&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาหมูที่สูงขึ้นและให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;เป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภคในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;และราคาเนื้อหมูปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;</p><p><strong>จังหวัดตรัง&nbsp;กำหนดแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหา&nbsp;</strong>เพิ่มช่องทางการจำหน่ายเนื้อหมูในราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;ครั้ง&nbsp;โดยครั้งที่&nbsp;1&nbsp;จำหน่ายมาแล้วเมื่อวันที่&nbsp;24&nbsp;&nbsp;พฤศจิกายน&nbsp;ถึง&nbsp;31&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;และขณะนี้ถือเป็นครั้งที่&nbsp;2&nbsp;ให้บริการจุดจำหน่าย&nbsp;6&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่&nbsp;1.&nbsp;ร้านหมูสด&nbsp;แยกวัดตัน&nbsp;ต.ทับเที่ยง&nbsp;2.&nbsp;ร้านน้องดิว&nbsp;หน้าสวนสาธารณะนาหมื่นราษฎร์&nbsp;ต.โคกหล่อ&nbsp;3.ร้านเจี๊ยบหมูสด&nbsp;(ข้างร้านอาหารโกแป้&nbsp;เจ๊บี)&nbsp;ต.นาตาล่วง&nbsp;4.ร้านชายสี่หมูสด&nbsp;ตลาดคลองมวน&nbsp;ต.หนองปรือ&nbsp;5.ร้านน้องทิพย์ค้าหมู&nbsp;หมู่&nbsp;8&nbsp;&nbsp;ต.เขากอบ&nbsp;และ&nbsp;6.ร้านบ้านหมูตวงตังค์&nbsp;(บริเวณทางเข้าวัดเขาไม้แก้ว)&nbsp;ต.เขาไม้แก้ว&nbsp;โดยดำเนินโครงการฯ&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;7&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;(ระยะเวลาดำเนินการ&nbsp;15&nbsp;วัน)&nbsp;</p><p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง&nbsp;กล่าวเพิ่มเติมว่า&nbsp;จากสถานการณ์ราคาเนื้อหมู</strong>ที่ปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;รัฐบาลมีมาตรการแก้ปัญหาราคาสุกรแพง&nbsp;ได้แก่</p><p>1.&nbsp;ห้ามส่งออกสุกรมีชีวิต&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;6&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ถึง&nbsp;วันที่&nbsp;5&nbsp;เมษายน&nbsp;2565</p><p>2.&nbsp;ช่วยเหลือราคาอาหารสัตว์&nbsp;จัดสินเชื่อพิเศษ&nbsp;เพื่อให้เกษตรกรได้กลับมาเลี้ยงใหม่&nbsp;ตรึงราคาจำหน่ายที่เหมาะสมสอดคล้องต้นทุนที่เกิดขึ้น</p><p>3.&nbsp;ส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์&nbsp;เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ</p><p>4.&nbsp;ผลักดันการยกระดับมาตรฐานฟาร์มของเกษตรกร&nbsp;เพื่อป้องกันโรคระบาดส่งเสริมให้ปรับปรุงเป็นฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม&nbsp;(GFM)&nbsp;มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่ามาตรฐานฟาร์ม&nbsp;GAP</p><p>5.กำหนดให้ผู้เลี้ยงสุกร&nbsp;ผู้จำหน่าย&nbsp;ผู้ส่งออก&nbsp;ซึ่งครอบครองสุกรมีชีวิตที่มีบริมาณตั้งแต่&nbsp;500&nbsp;ตัวขึ้นไป&nbsp;และผู้ครอบครองสุกรชำแหละผ่าซีกเนื้อสุกรชำแหละแยกชิ้นส่วนที่มีบริมาณรวมกันตั้งแต่&nbsp;5,000&nbsp;กิโลกรัมขึ้นไป&nbsp;แจ้งปริมาณ&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;สถานที่เก็บและสถานที่เลี้ยง&nbsp;ทุกวันจันทร์</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;จากการลงพื้นที่ตนเองได้พบปะพ่อค้าแม่ค้าผู้จำหน่ายหมูสด</strong>&nbsp;รวมถึงประชาชนที่มาซื้อเนื้อหมูได้รับทราบปัญหาและสภาพข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น&nbsp;เพื่อนำไปหารือกับหน่วยงานต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาในระดับพื้นที่เพื่อบรรเทาผลกระทบของน้องประชาชนชาวตรังต่อไป&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;ตนเองได้กำชับให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคา&nbsp;ซึ่งส่วนใหญ่ได้ปิดป้ายแสดงราคา&nbsp;ชัดเจน&nbsp;</p><p><strong>หากผู้บริโภคไม่ได้รับเป็นธรรมทางการค้าหรือได้รับความเดือดร้อนจากการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการ&nbsp;โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร&nbsp;สามารถร้องเรียนได้ที่&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;โทร&nbsp;0&nbsp;7522&nbsp;3076&nbsp;สายด่วน&nbsp;1569&nbsp;หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรัง&nbsp;หมายเลขโทรศัพท์&nbsp;0&nbsp;7521&nbsp;7144</strong></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>11/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111085950608 ผู้ว่าฯ ตรัง ตรวจเยี่ยมจุดจำหน่ายเนื้อหมู ตามโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน<p><strong>วันนี้&nbsp;(11&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;เวลา&nbsp;07.00&nbsp;น.&nbsp;นายขจรศักดิ์&nbsp;เจริญโสภา&nbsp;</strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นางสาวสุภากิตติ์&nbsp;เกลี้ยงสงค์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;นายสุรจิต&nbsp;วิชชุวรรณ&nbsp;&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดตรัง&nbsp;และ&nbsp;นายภานุวัฒน์&nbsp;พูลสวัสดิ์&nbsp;ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรัง&nbsp;ลงพื้นที่ร้านน้องดิว&nbsp;หน้าสวนสาธารณะนาหมื่นราษฎร์&nbsp;&nbsp;ตำบลโคกหล่อ&nbsp;อำเภอเมืองตรัง&nbsp;และ&nbsp;ร้านหมูสด&nbsp;แยกวัดตันตยาภิรมณ์&nbsp;ถนน&nbsp;ตรัง-สิเกา&nbsp;เพื่อติดตามการดำเนินโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;(นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฎ์)&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาหมูที่สูงขึ้นและให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;จากสถานการณ์ราคาเนื้อหมูที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น</strong>ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;จากสาเหตุปริมาณการเลี้ยงลดลง&nbsp;ปัญหาโรคระบาด&nbsp;รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาสูงขึ้น&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรังได้ดำเนินโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนจังหวัดตรัง&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาหมูที่สูงขึ้นและให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;เป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภคในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;และราคาเนื้อหมูปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;</p><p><strong>จังหวัดตรัง&nbsp;กำหนดแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหา&nbsp;เพิ่มช่องทางการจำหน่าย</strong>เนื้อหมูในราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;ครั้ง&nbsp;โดยครั้งที่&nbsp;1&nbsp;จำหน่ายมาแล้วเมื่อวันที่&nbsp;24&nbsp;&nbsp;พฤศจิกายน&nbsp;ถึง&nbsp;31&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;และขณะนี้ถือเป็นครั้งที่&nbsp;2&nbsp;ให้บริการจุดจำหน่าย&nbsp;6&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่&nbsp;1.&nbsp;ร้านหมูสด&nbsp;แยกวัดตัน&nbsp;ต.ทับเที่ยง&nbsp;2.&nbsp;ร้านน้องดิว&nbsp;หน้าสวนสาธารณะนาหมื่นราษฎร์&nbsp;ต.โคกหล่อ&nbsp;3.ร้านเจี๊ยบหมูสด&nbsp;(ข้างร้านอาหารโกแป้&nbsp;เจ๊บี)&nbsp;ต.นาตาล่วง&nbsp;4.ร้านชายสี่หมูสด&nbsp;ตลาดคลองมวน&nbsp;ต.หนองปรือ&nbsp;5.ร้านน้องทิพย์ค้าหมู&nbsp;หมู่&nbsp;8&nbsp;&nbsp;ต.เขากอบ&nbsp;และ&nbsp;6.ร้านบ้านหมูตวงตังค์&nbsp;(บริเวณทางเข้าวัดเขาไม้แก้ว)&nbsp;ต.เขาไม้แก้ว&nbsp;โดยดำเนินโครงการฯ&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;7&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;(ระยะเวลาดำเนินการ&nbsp;15&nbsp;วัน)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง&nbsp;กล่าวเพิ่มเติมว่า&nbsp;จากสถานการณ์ราคาเนื้อหมูที่ปรับราคา</strong>เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;รัฐบาลมีมาตรการแก้ปัญหาราคาสุกรแพง&nbsp;ได้แก่</p><p>1.&nbsp;ห้ามส่งออกสุกรมีชีวิต&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;6&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ถึง&nbsp;วันที่&nbsp;5&nbsp;เมษายน&nbsp;2565</p><p>2.&nbsp;ช่วยเหลือราคาอาหารสัตว์&nbsp;จัดสินเชื่อพิเศษ&nbsp;เพื่อให้เกษตรกรได้กลับมาเลี้ยงใหม่&nbsp;ตรึงราคาจำหน่ายที่เหมาะสมสอดคล้องต้นทุนที่เกิดขึ้น</p><p>3.&nbsp;ส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์&nbsp;เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ</p><p>4.&nbsp;ผลักดันการยกระดับมาตรฐานฟาร์มของเกษตรกร&nbsp;เพื่อป้องกันโรคระบาดส่งเสริมให้ปรับปรุงเป็นฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม&nbsp;(GFM)&nbsp;มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่ามาตรฐานฟาร์ม&nbsp;GAP</p><p>5.กำหนดให้ผู้เลี้ยงสุกร&nbsp;ผู้จำหน่าย&nbsp;ผู้ส่งออก&nbsp;ซึ่งครอบครองสุกรมีชีวิตที่มีบริมาณตั้งแต่&nbsp;500&nbsp;ตัวขึ้นไป&nbsp;และผู้ครอบครองสุกรชำแหละผ่าซีกเนื้อสุกรชำแหละแยกชิ้นส่วนที่มีบริมาณรวมกันตั้งแต่&nbsp;5,000&nbsp;กิโลกรัมขึ้นไป&nbsp;แจ้งปริมาณ&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;สถานที่เก็บและสถานที่เลี้ยง&nbsp;ทุกวันจันทร์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;จากการลงพื้นที่ตนเองได้พบปะพ่อค้าแม่ค้าผู้จำหน่ายหมูสด</strong>&nbsp;รวมถึงประชาชนที่มาซื้อเนื้อหมู&nbsp;ได้รับทราบปัญหาและสภาพข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น&nbsp;เพื่อนำไปหารือกับหน่วยงานต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาในระดับพื้นที่เพื่อบรรเทาผลกระทบของน้องประชาชนชาวตรังต่อไป&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;ตนเองได้กำชับให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคา&nbsp;ซึ่งส่วนใหญ่ได้ปิดป้ายแสดงราคา&nbsp;ชัดเจน&nbsp;</p><p><br></p><p><strong>หากผู้บริโภคไม่ได้รับเป็นธรรมทางการค้าหรือได้รับความเดือดร้อนจากการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการ&nbsp;โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร&nbsp;สามารถร้องเรียนได้ที่&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;โทร&nbsp;0&nbsp;7522&nbsp;3076&nbsp;สายด่วน&nbsp;1569&nbsp;หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรัง&nbsp;หมายเลขโทรศัพท์&nbsp;0&nbsp;7521&nbsp;7144</strong></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>11/1/2022ภาคใต้ตรังสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111090525610 นายกรัฐมนตรี ติดตามสถานการณ์ หมู ไก่และไข่ ขึ้นราคา สั่งทุกหน่วยงานบูรณาการแก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพง<p><strong>นายธนกร&nbsp;วังบุญคงชนะ&nbsp;โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;พลเอก&nbsp;&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม&nbsp;ติดตามสถานการณ์และห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าและอาหารปรับตัวสูงขึ้นในหลายประเภทอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด&nbsp;โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันบูรณาการแก้ไขปัญหาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วน&nbsp;</p><p><strong>พร้อมทั้งกำชับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง</strong>&nbsp;โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์&nbsp;กำหนดมาตรการช่วยเหลือประชาชน&nbsp;ทั้งระยะสั้นและระยะยาว&nbsp;โดยไม่ให้กระทบกลไกตลาด&nbsp;รวมทั้งให้คาดการณ์ในอนาคตว่าเมื่อสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาสูงขึ้นหลายชนิด&nbsp;จะส่งผลให้ราคาสินค้าชนิดใดสูงขึ้นตามมาอีกหรือไม่&nbsp;เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน</p><p><strong>โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;กล่าวเพิ่มเติมว่า</strong>&nbsp;การปรับตัวของราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค&nbsp;เป็นไปตามกลไกตลาดอาหารโลก&nbsp;ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีราคาอาหารโลก&nbsp;&nbsp;FAO&nbsp;Food&nbsp;Price&nbsp;Index:&nbsp;FFPI)&nbsp;ที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ&nbsp;&nbsp;(FAO)&nbsp;&nbsp;รายงานของปี&nbsp;2564&nbsp;ไว้&nbsp;โดยค่าเฉลี่ยของราคาสินค้าอยู่ในระดับสูงสุด&nbsp;นับตั้งแต่เมื่อปี&nbsp;2554&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ราคาสินค้ากลุ่มอาหารสดที่สูงขึ้น&nbsp;เช่น&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;เป็นผลกระทบจากต้นทุนการเลี้ยง&nbsp;(อาหารสัตว์&nbsp;ยารักษาโรค)&nbsp;เพิ่มสูงขึ้น&nbsp;รวมทั้งปัญหาโรคระบาดในสุกรในหลายประเทศและมาตรการลดความเสี่ยงโดยการจำกัดจำนวนการเลี้ยงที่ทำให้ปริมาณสุกรในระบบลดลง&nbsp;ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าที่บริโภคทดแทนกันได้&nbsp;เช่น&nbsp;ไข่&nbsp;ไก่&nbsp;ปลา&nbsp;จะมีแนวโน้มปรับราคาสูงขึ้นในอนาคตได้&nbsp;ในการนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกกระทรวงประเมินสถานการณ์&nbsp;วางแนวทางและมาตรการต่างๆ&nbsp;เพื่อดูแลประชาชน&nbsp;</p><p><strong>โดยจะต้องแก้ไขทั้งผลกระทบเฉพาะหน้า</strong>และเร่งหาแนวทางช่วยเหลือในระยะยาวให้ครอบคลุมทั้งกลุ่มผู้ผลิตสินค้าและประชาชนผู้บริโภค&nbsp;รวมทั้งเน้นย้ำให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคุมดูแลให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความต้องการของประชาชนเป็นที่ตั้ง</p><p><strong>กรมการค้าภายใน</strong>&nbsp;จะลงพื้นที่ติดตามและหากพบการฉวยโอกาสขึ้นราคาก็จะมีการดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด&nbsp;เพื่อไม่ให้เป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค&nbsp;แต่หากมีความจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้าในรายการใดก็สามารถทำเรื่องมายังกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อพิสูจน์เป็นรายกรณีไปว่ามีความจำเป็น&nbsp;ไม่ให้กระทบต่อเกษตรกรรายย่อยจากการกดราคาทางนโยบายและเพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าขาดตลาดอีก</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>11/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111093214624 สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดรับฟังความคิดเห็นโครงการศึกษาการจัดทำแผน แม่บท และขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ<p><strong>ผศ.ดร.สุธนา&nbsp;บุญเหลือ</strong>&nbsp;รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์&nbsp;มหาวิทยาลัยมหาสารคาม&nbsp;ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเป็นประธานและดำเนินการจัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นโครงการศึกษาการจัดทำแผนแม่บท&nbsp;และขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจใหม่&nbsp;ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ&nbsp;จัดโดยสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ</p><p><strong>ผศ.ดร.สุธนา&nbsp;บุญเหลือ&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย&nbsp;มาตรา&nbsp;65&nbsp;กำหนดให้รัฐพึงจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติ&nbsp;เป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาล&nbsp;เพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนต่างๆ&nbsp;ให้สอดคล้องและบูรณาการกันเพื่อให้เกิดเป็นพลังผลักดันร่วมกันไปสู่เป้าหมายดังกล่าว</p><p><strong>ดังนั้น&nbsp;เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา&nbsp;10&nbsp;แห่งพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ&nbsp;พ.ศ.2560&nbsp;</strong>เมื่อมีพระบรมราชโองการประกาศใช้ยุทธศาสตร์ชาติแล้ว&nbsp;ให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติแต่ละด้านจัดทำแผนแม่บทเพื่อบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติเสนอต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบและเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบและประกาศในราชกิจจานุเบกษา&nbsp;แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติและบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ&nbsp;ซึ่งมีทั้งสิ้น&nbsp;23&nbsp;แผนแม่บท&nbsp;ซึ่งจะมีผลผูกพันต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้นรวมทั้งการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณต้องสอดคล้องกับแผนแม่บทซึ่งจะนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้ประเทศไทยบรรลุวิสัยทัศน์“ประเทศไทยมีความมั่นคงมั่งคัยั่งยืนเป็นประเทศพัฒนาแล้ว&nbsp;ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”&nbsp;ภายในช่วงเวลาดังกล่าว&nbsp;เพื่อความสุขของคนไทยทุกคน</p><p><strong>ผศ.ดร.สุธนา&nbsp;บุญเหลือ&nbsp;</strong>กล่าวเพิ่มเติมว่า&nbsp;การดำเนินการจัดทำระเบียงเศรษฐกิจได้จัดให้ครอบคลุมในทุกภูมิภาค&nbsp;คือ&nbsp;1)&nbsp;ระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ&nbsp;2)&nbsp;ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ&nbsp;3)&nbsp;ระเบียงเศรษฐกิจภาคกลาง-ตะวันตก&nbsp;และ&nbsp;4)&nbsp;ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เพื่อพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจใหม่&nbsp;ทั้ง&nbsp;4&nbsp;ระเบียงเศรษฐกิจ&nbsp;</strong>ผลักดันเศรษฐกิจมหภาคของประเทศไทย&nbsp;ให้ก้าวสู่การเป็นประเทศพัฒนาเศรษฐกิจในระดับสากล&nbsp;และส่งเสริมการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค&nbsp;ให้มีการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจ&nbsp;เป็นแหล่งนวัตกรรมแห่งใหม่&nbsp;ทั้งด้านเทคโนโลยี&nbsp;&nbsp;วัฒนธรรม&nbsp;โดยใช้ประโยชน์จากศักยภาพและโอกาสของพื้นที่กระจายสู่พื้นพื้นที่โดยรอบ</p><p><strong>สำหรับพื้นที่ที่จะพัฒนาเป็นระเบียงเศรษฐกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ</strong>&nbsp;ประกอบด้วยจังหวัดนครราชสีมา/จังหวัดขอนแก่น/จังหวัดอุดรธานี&nbsp;และจังหวัดหนองคาย&nbsp;เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ&nbsp;และเป็นเส้นทางรถไฟความเร็วสูง&nbsp;ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาในอนาคต&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>11/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขอนแก่นสวท.ขอนแก่นhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111101604642 พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี ติดตามการจำหน่ายเนื้อหมู โครงการพาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน จำหน่ายเนื้อหมูราคา 150 บาทกิโลกรัม แก้ไขปัญหาเร่งด่วนในภาวะที่ราคาเนื้อหมูเพิ่มสูงขึ้น<p><strong>พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ติดตามการจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;โครงการพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จำหน่ายเนื้อหมูราคา&nbsp;150&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;แก้ไขปัญหาเร่งด่วนในภาวะที่ราคาเนื้อหมูเพิ่มสูงขึ้น</strong></p><p><strong>&nbsp;</strong></p><p><strong>(11&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายธีรวุฒิ&nbsp;คล้ายเคลื่อน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี</strong>&nbsp;มอบหมายให้&nbsp;กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบการดำเนินโครงการ&nbsp;“หมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;2)&nbsp;ตามที่&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้จัดให้มีการจำหน่ายเนื้อหมูในราคา&nbsp;150&nbsp;&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;สถานที่จำหน่ายเนื้อหมูจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;โครงการพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;6&nbsp;-&nbsp;15&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;ร้านเอ๋&nbsp;หมูสด&nbsp;ไก่สด&nbsp;ตำบลท่ายาง&nbsp;อำเภอท่ายาง&nbsp;ร้านเสี่ยอ้วน&nbsp;หมูสด&nbsp;ไก่สด&nbsp;ตำบลชะอำ&nbsp;อำเภอชะอำ&nbsp;และตำบลแก่งกระจาน&nbsp;อำเภอแก่งกระจาน&nbsp;และเพิ่มเติมอีก&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านรุ่งเรืองการค้า&nbsp;อำเภอบ้านลาด&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในภาวะที่ราคาเนื้อหมูเพิ่มสูงขึ้น&nbsp;</strong>รวมทั้งเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค&nbsp;รวมทั้งเพิ่มช่องทางการจำหน่ายเนื้อหมูในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป&nbsp;โดยดำเนินกิจกรรมจนถึงวันที่&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;และดำเนินการจำหน่ายหมูให้กับประชาชนโดยจำกัดจำนวน&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัมต่อคน&nbsp;</p><p><br></p><p>สวท.เพชรบุรี</p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>11/1/2022ภาคตะวันตกเพชรบุรีสวท.เพชรบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111110608662 เน้นพัฒนาผู้ประกอบการไทยทั่วประเทศมากกว่า 7,000 ราย พร้อมรับมือทุกสถานการณ์เพิ่มยอดขาย-ขยายตลาดผ่าน อี-คอมเมิร์ซ<p><strong>นายสินิตย์&nbsp;เลิศไกร&nbsp;รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ได้เน้นการสร้างความเข้มแข็ง&nbsp;พัฒนาศักยภาพและเพิ่มทักษะให้พร้อมผู้ประกอบการทั่วประเทศมากกว่า&nbsp;7,000&nbsp;ราย&nbsp;พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น&nbsp;โดยความต้องการของผู้ประกอบการและเทรนด์การตลาดออนไลน์เป็นสำคัญผ่าน&nbsp;3&nbsp;รูปแบบ&nbsp;ประกอบด้วยการพัฒนาองค์ความรู้&nbsp;(Boost&nbsp;Up&nbsp;e-Commerce&nbsp;Skill)&nbsp;เสริมทักษะแก่ผู้ประกอบการชุมชน&nbsp;ต่อยอดขยายโอกาสการค้า&nbsp;สร้างรายได้&nbsp;เสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการตลาดออนไลน์&nbsp;(Digital&nbsp;Marketing)&nbsp;พร้อมฝึกปฏิบัติ&nbsp;Workshop&nbsp;อย่างเข้มข้น&nbsp;</p><p><strong>การจับคู่ธุรกิจ&nbsp;(Business&nbsp;Matching)&nbsp;</strong>ผ่านกิจกรรม&nbsp;Smart&nbsp;Trader&nbsp;Online&nbsp;สร้างผู้ประกอบการให้เป็นนักการค้าออนไลน์มืออาชีพ&nbsp;(Smart&nbsp;Trader&nbsp;Online)&nbsp;ช่วยจำหน่ายสินค้าให้กับชุมชนที่มีสินค้าดีสินค้าเด่น&nbsp;เก่งผลิตแต่ไม่เก่งขาย&nbsp;หรือยังไม่คุ้นชินกับการค้าสมัยใหม่&nbsp;จำหน่ายสินค้าทั้งในและต่างประเทศ&nbsp;เป็นสินค้าเกษตรในรูปแบบB2B&nbsp;ภายใต้นโยบาย&nbsp;“เกษตรผลิต&nbsp;พาณิชย์ตลาด”&nbsp;</p><p><strong>การส่งเสริมการตลาดออนไลน์&nbsp;(e-Commerce&nbsp;Booster&nbsp;Package)</strong>&nbsp;ร่วมกับแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ชั้นนำ&nbsp;กระตุ้นส่งเสริมการขายให้กับผู้ประกอบการและสินค้าชุมชน&nbsp;ซึ่งปัจจุบันมีสินค้าชุมชนกว่า&nbsp;10,000&nbsp;รายการ&nbsp;จาก&nbsp;500&nbsp;ร้านค้า&nbsp;สร้างยอดขายรวมไปแล้วกว่า&nbsp;80&nbsp;ล้านบาท&nbsp;</p><p><strong>สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่</strong>&nbsp;กองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์&nbsp;กรมพัฒนาธุรกิจการค้า&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;โทรสายด่วน&nbsp;1570&nbsp;และ&nbsp;<a&nbsp;href="http://www.dbd.go.th/"&nbsp;rel="noopener&nbsp;noreferrer"&nbsp;target="_blank"&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(17,&nbsp;85,&nbsp;204);">www.dbd.go.th</a></p><p><br></p><p><br></p>11/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111112708677 พาณิชย์ฯ แม่ฮ่องสอน เข้าร่วมประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์การผลิตการตลาดสินค้าสุกร รวมถึงชี้แจงมาตรการแก้ไขปัญหาสุกร ผ่านระบบ VDO Conference<p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน</strong>&nbsp;เข้าร่วมประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์การผลิตการตลาดสินค้าสุกร&nbsp;รวมถึงชี้แจงมาตรการแก้ไขปัญหาสุกร&nbsp;ผ่านระบบ&nbsp;VDO&nbsp;Conference&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมชั้น&nbsp;3&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;โดยมี&nbsp;นายอุดม&nbsp;ศรีสมทรง&nbsp;รองอธิบดีกรมการค้าภายใน&nbsp;เป็นประธาน&nbsp;มีสาระสำคัญ&nbsp;ดังนี้&nbsp;ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;(กกร.)&nbsp;ฉบับที่&nbsp;1&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;เรื่อง&nbsp;ห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักร&nbsp;โดยกำหนดห้ามมิให้ส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักรทุกกรณี&nbsp;เป็นการชั่วคราวเป็นระยะเวลา&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป&nbsp;เว้นแต่จะมีการออกประกาศใหม่,&nbsp;ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ฉบับที่&nbsp;2&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;เรื่อง&nbsp;การแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;โดยกำหนดให้ผู้เลี้ยง&nbsp;ผู้จำหน่าย&nbsp;ผู้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร&nbsp;ซึ่งครอบครองสุกรมีชีวิตที่มีปริมาณตั้งแต่ห้าร้อยตัวขึ้นไป&nbsp;และผู้ครอบครองสุกรชำแหละผ่าซีก&nbsp;เนื้อสุกรชำแหละแยกชิ้นส่วนซึ่งประกอบด้วย&nbsp;เนื้อไหล่&nbsp;เนื้อสะโพก&nbsp;เนื้อสันนอก&nbsp;เนื้อสันใน&nbsp;และเนื้อหมูสามชั้น&nbsp;ที่มีปริมาณรวมกันตั้งแต่ห้าพันกิโลกรัมขึ้นไป&nbsp;ไม่ว่าจะครอบครองในฐานะผู้มีกรรมสิทธิ์&nbsp;หรือครอบครองแทนผู้อื่น&nbsp;แจ้งปริมาณการเลี้ยง&nbsp;ปริมาณการซื้อ&nbsp;ปริมาณการจำหน่าย&nbsp;ปริมาณการใช้&nbsp;ปริมาณการส่งออก&nbsp;ปริมาณการรับฝาก&nbsp;ปริมาณคงเหลือ&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;สถานที่เลี้ยง&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้า&nbsp;เพื่อให้การกำกับดูแลสุกรและเนื้อสุกรมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการของประชาชนในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อผู้บริโภค,โครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชนในส่วนภูมิภาค&nbsp;รอบ&nbsp;2&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;150&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;5&nbsp;–&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ให้ขยายระยะเวลา&nbsp;การจัดทำโครงการฯ&nbsp;สิ้นสุดวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน&nbsp;และขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการโครงการจำหน่ายไก่สด&nbsp;ได้แก่&nbsp;เนื้อสะโพก&nbsp;เนื้ออก&nbsp;ในราคา&nbsp;70-75&nbsp;บาท/กิโลกรัม</p><p>&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;</p>11/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111111304666 พาณิชย์ฯ แม่ฮ่องสอน ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายเนื้อหมู เนื้อไก่ และไข่ไก่ ในพื้นที่ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน กำชับห้ามขายสินค้าในราคาแพงเกินสมควร<p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน</strong>&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายในพื้นที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;(ตลาดสายหยุด)&nbsp;ร้านซีพีเฟรสมาร์ท,&nbsp;เบทาโกร,&nbsp;หมูอินเตอร์&nbsp;และภาคเหนือหมูสด&nbsp;พบว่า&nbsp;ราคาหมูเนื้อแดง&nbsp;(ไหล่และสะโพก)&nbsp;ราคา&nbsp;173-220&nbsp;บาท/กิโลกรัม,&nbsp;ราคาเนื้อไก่&nbsp;(เนื้ออกไก่)&nbsp;80-90&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;(น่องไก่ติดสะโพก)&nbsp;72-80&nbsp;บาท/กิโลกรัม,&nbsp;ราคาไข่ไก่&nbsp;(เบอร์&nbsp;3)&nbsp;95-98&nbsp;บาท/แผง&nbsp;(30&nbsp;ฟอง)&nbsp;ในส่วนของปริมาณสินค้ามีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคในจังหวัดแม่ฮ่องสอน</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ร้านค้าได้ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายชัดเจน</strong>&nbsp;และจำหน่ายตรงตามราคาที่แสดงไว้&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ร้านปฏิบัติตาม&nbsp;พ.ร.บ.&nbsp;ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.2542&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;ให้ติดป้ายแสดงราคาจำหน่ายให้ชัดเจน&nbsp;ห้ามขายสินค้าในราคาแพงเกินสมควร&nbsp;ห้ามกักตุนหรือปฏิเสธการจำหน่ายสินค้า</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p&nbsp;class="ql-align-center"><br></p>11/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111112219673 กระทรวงพาณิชย์ เปิดแผนปี 2565 เน้นพัฒนาผู้ประกอบการไทยทั่วประเทศมากกว่า 7,000 ราย พร้อมรับมือทุกสถานการณ์เพิ่มยอดขาย-ขยายตลาดผ่าน อี-คอมเมิร์ซ<p><strong>นายสินิตย์&nbsp;เลิศไกร&nbsp;รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;กระทรวงพาณิชย์มีแผนการสร้างความเข้มแข็ง&nbsp;พัฒนาศักยภาพ&nbsp;และเพิ่มทักษะให้พร้อมผู้ประกอบการทั่วประเทศมากกว่า&nbsp;7,000&nbsp;ราย</strong>&nbsp;พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น&nbsp;โดยความต้องการของผู้ประกอบการและเทรนด์การตลาดออนไลน์เป็นสำคัญผ่าน&nbsp;3&nbsp;รูปแบบ&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;<strong>1)&nbsp;การพัฒนาองค์ความรู้&nbsp;(Boost&nbsp;Up&nbsp;e-Commerce&nbsp;Skill)&nbsp;</strong>เสริมทักษะแก่ผู้ประกอบการชุมชน&nbsp;ต่อยอดขยายโอกาสการค้า&nbsp;สร้างรายได้&nbsp;เสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการตลาดออนไลน์&nbsp;(Digital&nbsp;Marketing)&nbsp;พร้อมฝึกปฏิบัติ&nbsp;Workshop&nbsp;อย่างเข้มข้น</p><p><strong>2)&nbsp;การจับคู่ธุรกิจ&nbsp;(Business&nbsp;Matching)&nbsp;</strong>ผ่านกิจกรรม&nbsp;Smart&nbsp;Trader&nbsp;Online&nbsp;สร้างผู้ประกอบการให้เป็นนักการค้าออนไลน์มืออาชีพ&nbsp;(Smart&nbsp;Trader&nbsp;Online)&nbsp;ช่วยจำหน่ายสินค้าให้กับชุมชนที่มีสินค้าดีสินค้าเด่น&nbsp;เก่งผลิตแต่ไม่เก่งขาย&nbsp;หรือยังไม่คุ้นชินกับการค้าสมัยใหม่&nbsp;จำหน่ายสินค้าทั้งในและต่างประเทศ&nbsp;เป็นสินค้าเกษตรในรูปแบบB2B&nbsp;ภายใต้นโยบาย&nbsp;“เกษตรผลิต&nbsp;พาณิชย์ตลาด”&nbsp;</p><p><strong>3)&nbsp;การส่งเสริมการตลาดออนไลน์&nbsp;(e-Commerce&nbsp;Booster&nbsp;Package)</strong>&nbsp;ร่วมกับแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ชั้นนำ&nbsp;กระตุ้นส่งเสริมการขายให้กับผู้ประกอบการและสินค้าชุมชน&nbsp;ซึ่งปัจจุบันมีสินค้าชุมชนกว่า&nbsp;10,000&nbsp;รายการ&nbsp;จาก&nbsp;500&nbsp;ร้านค้า&nbsp;สร้างยอดขายรวมไปแล้วกว่า&nbsp;80&nbsp;ล้านบาท&nbsp;</p><p><strong>สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่&nbsp;</strong>กองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์&nbsp;กรมพัฒนาธุรกิจการค้า&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;โทรสายด่วน&nbsp;1570&nbsp;และ&nbsp;www.dbd.go.th</p>11/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111130433742 หมู่บ้านพลังงานสะอาด เกาะจิก อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ผู้ว่าฯชื่นชม นักท่องเที่ยวชื่นชอบ USA สนับสนุนเงินโครงการเครดิตคาร์บอน<p><strong>ที่บ้านเกาะจิก&nbsp;หมู่ที่&nbsp;1&nbsp;ตำบลบางชัน&nbsp;อำเภอขลุง&nbsp;จังหวัดจันทบุรี&nbsp;</strong>มีบ้านเรือนประชาชนชาวประมงพื้นบ้านอาศัยอยู่กว่า&nbsp;100&nbsp;หลังคาเรือน&nbsp;มีประชากรจำนวน&nbsp;392&nbsp;คน&nbsp;เป็นหมู่บ้านในถิ่นทุรกันดารที่การเดินทางต้องอาศัยเรือเป็นพาหนะเดินทางเพียงอย่างเดียว&nbsp;เช่นเดียวกับสาธารณูปโภคต่างๆ&nbsp;ที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ร่วมกันพัฒนาให้ชาวบ้านได้มีสิ่งสาธารณูปโภคอย่างเหมาะสม&nbsp;</p><p><strong>ไฟฟ้าถือเป็นปัจจัยในการดำรงชีวิต</strong>&nbsp;แต่การขยายเขตไฟฟ้าจากผืนดินไปยังหมู่บ้านเกาะจิกมีต้นทุนสูงและต้องใช้เวลาในการดำเนินการ&nbsp;ชาวบ้านรวมทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี&nbsp;อบต.&nbsp;พลังงานจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หาวิธีการให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเกาะได้มีไฟฟ้าในการดำรงชีวิต&nbsp;มีสิ่งอำนวยความสะดวกในเรื่องของสุขภาพ&nbsp;และการศึกษา&nbsp;โดยทั้งหมู่บ้านได้ใช้พลังงานสะอาด&nbsp;โซล่าเซลล์&nbsp;หรือพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานหลักหลังพระอาทิตย์เคลื่อนตัวเข้าสู่กลางคืน&nbsp;แต่การดำรงชีวิตในเวลากลางวันทุกวันนี้ก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ไฟฟ้า&nbsp;ในการดำรงชีวิตทั้งเรื่องของการดูแลรักษาสุขภาพที่สถานีอนามัยต้องดูแลอุปกรณ์ทางการแพทย์และสิ่งจำเป็นด้านครุภัณฑ์ทางการแพทย์&nbsp;วัคซีนป้องกันโควิด&nbsp;</p><p><strong>เช่นเดียวกับโรงเรียนถึงแม้จะมีเด็กนักเรียนน้อยเพียงแค่&nbsp;8&nbsp;คน&nbsp;</strong>มีครู&nbsp;1&nbsp;คน&nbsp;แต่การศึกษาต้องอาศัยไฟฟ้าในการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต&nbsp;ถึงแม้ไม่ได้เรียนออนไลน์แต่ก็มีความจำเป็นที่ต้องอาศัยคอมพิวเตอร์ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเด็ก&nbsp;เยาวชนให้เท่าเทียมกับเด็กนักเรียนคนอื่นๆ&nbsp;ที่ผ่านมาในหมู่บ้านใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดโซล่าเซลล์ทุกหลังคาเรือนรวมทั้งโรงเรียน&nbsp;สถานีอนามัย&nbsp;วัด&nbsp;และรีสอร์ท&nbsp;ที่พักรองรับนักท่องเที่ยวก็จำเป็นต้องติดตั้งแผงโซล่าเซลเพื่อเป็นพลังงานที่จำเป็นต้องใช้ในการดำรงชีวิต</p><p><strong>การใช้พลังงานสะอาดโซล่าเซลล์ของชาวบ้านเกาะจิก&nbsp;</strong>ถือเป็นความเข้มแข็งบนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียงที่หลายฝ่ายชื่นชม&nbsp;โดยนายสุธี&nbsp;ทองแย้ม&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี&nbsp;นำคณะหัวหน้าส่วนราชการและผู้เกี่ยวข้องเยี่ยมชมให้กำลังใจ&nbsp;ชื่นชมความเข้มแข็งของชุมชน&nbsp;รวมทั้งดีใจกับรางวัลของหมู่บ้านที่ได้มาจากความมุ่งมั่น&nbsp;อดทน&nbsp;จนได้รับเงินรางวัลจากกองทุนพลังงานสะอาดเพื่อสิ่งแวดล้อม&nbsp;หรือคาร์บอนเครดิตสหรัฐอเมริกาคิดเป็นมูลค่าเงินสด&nbsp;5&nbsp;หมื่นเหรียญสหรัฐ&nbsp;หรือประมาณ&nbsp;1&nbsp;ล้าน&nbsp;5&nbsp;แสนบาทไทย&nbsp;ที่ชาวบ้านได้หารือและนำเงินที่ได้รางวัลเครดิตคาร์บอนมาเป็นทุนในการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าในหมู่บ้านเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตเพราะที่ผ่านมาการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์&nbsp;</p><p><strong>ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างหลงใหลเสน่ห์ของวิถีชุมชนชาวประมงพื้นบ้าน</strong>&nbsp;บ้านเกาะจิกที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน&nbsp;มีธรรมชาติที่สมบูรณ์จึงเป็นความเข้มแข็งของชุมชนที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>&nbsp;</p><p>&nbsp;</p>11/1/2022ภาคตะวันออกจันทบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111114731707 ไข่ไก่ขึ้นราคา ทำชาวบ้านเดือดร้อน ถึงไข่แพงก็ต้องซื้อทุกบ้านต้องมี<p><strong>หลังจากที่ได้มีการปรับราคาไข่ไก่ขึ้นจากฟองละ&nbsp;2.80&nbsp;เป็น&nbsp;3.00&nbsp;บาท&nbsp;หรือปรับขึ้น&nbsp;6&nbsp;บาทต่อแผง</strong>&nbsp;ตั้งแต่เมื่อวานนี้&nbsp;(10&nbsp;ม.ค&nbsp;65)&nbsp;ในส่วนของบรรยากาศการซื้อไข่ไก่&nbsp;ที่&nbsp;บริเวณข้างตลาดสดยะลา&nbsp;ซึ่งได้มีพ่อค้านำไข่ไก่&nbsp;จาก&nbsp;จ.พัทลุง&nbsp;จ.ตรัง&nbsp;มาตั้งวางขายกับรถโชเล่ย์&nbsp;พบว่า&nbsp;ยังมีประชาชนให้ความสนใจมาซื้อไข่ไก่&nbsp;ยกแผงกันอย่างต่อเนื่อง&nbsp;โดยส่วนใหญ่ก็เกรงว่าไข่ไก่อาจจะมีการปรับขึ้นราคาอีก&nbsp;ซื้อเก็บไว้ก่อนไว้ทานในครอบครัวต้องใช้ทำอาหารทุกวัน</p><p><strong>ซึ่งราคาในวันนี้&nbsp;(11&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ทางพ่อค้า&nbsp;บอกว่า&nbsp;เบอร์&nbsp;1&nbsp;ไข่ใบใหญ่&nbsp;</strong>ปรับขึ้นเป็นแผงละ&nbsp;105&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;แผงละ&nbsp;101&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนเบอร์&nbsp;&nbsp;3&nbsp;ยังราคาแผงละ&nbsp;95&nbsp;บาท&nbsp;คงเดิม&nbsp;สำหรับไข่ในพื้นที่ไม่ค่อยมี&nbsp;ไม่สวยบางครั้งก็ลูกเล็ก&nbsp;ทางเถ้าแก่ก็ได้สั่งไข่ไก่มาจาก&nbsp;จังหวัดอื่น</p><p><strong>ขณะที่ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาซื้อ&nbsp;ก็จะมีคละกันไปทั้ง&nbsp;ซื้อไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;1&nbsp;คนละ&nbsp;แผง&nbsp;2&nbsp;แผง&nbsp;</strong>บางคนก็ซื้อเบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคา&nbsp;95&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;และเบอร์&nbsp;2&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยบอกว่า&nbsp;ถึงไข่ราคาแพงก็ยังต้องซื้อทุกบ้านต้องมี&nbsp;บ้านไหนไม่มีก็แปลก&nbsp;ต้องทานกันทุกวันในครอบครัวอยากให้ภาครัฐ&nbsp;พยุงราคาไว้อย่าให้แพงเกิน&nbsp;ชาวบ้านได้รับผลกระทบกันไปหมด&nbsp;หมูแพง&nbsp;น้ำมันแพง&nbsp;คราวนี้มาถึงไข่แพงอีกค่าครองชีพแต่ละวันใช้จ่ายเยอะหนักมากช่วงนี้</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>11/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111123016730 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตราด จัดกิจกรรม “โครงการชุมชนสัมพันธ์ (ขุนด่าน)” เพื่อสร้างรายได้ในสถานการณ์โควิด-19 ที่บ้านท่าเลื่อน ต.ตะกาง<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>(11&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;นาวาตรี&nbsp;บุญเลิศ&nbsp;อินทร์ผู้พิมล&nbsp;รองหัวหน้าชุดวิทยากรขุนด่าน&nbsp;</strong>นำกำลังพลจัดกิจกรรม&nbsp;“โครงการชุมชนสัมพันธ์&nbsp;(ขุนด่าน)”&nbsp;ที่ศาลาประชาคมบ้านท่าเลื่อน&nbsp;หมู่ที่&nbsp;1&nbsp;ต.ตะกาง&nbsp;อ.เมืองตราด&nbsp;จ.ตราด&nbsp;โดยมีประชาชนในพื้นที่ร่วมเข้ารับการอบรมตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข</p><p><strong>สำหรับการจัดกิจกรรม&nbsp;“โครงการชุมชนสัมพันธ์&nbsp;(ขุนด่าน)”&nbsp;</strong>ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตราด&nbsp;มีวัตถุประสงค์&nbsp;เพื่อให้ประชาชนที่เข้ารับการอบรม&nbsp;มีความรู้&nbsp;ทักษะ&nbsp;และรายได้ในการประกอบอาชีพในช่วงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของการติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;โดยในครั้งนี้มีการสาธิตการทำพุดดิ้งมะพร้าวอ่อนจากวิทยากรผู้มีความรู้&nbsp;โดยการนำมะพร้าวที่มีอยู่ในครัวเรือน&nbsp;มาเพิ่มคุณค่าและยกระดับสินค้าให้มีราคาเพิ่มมากขึ้น&nbsp;เป็นการต่อยอดให้ชุมชนมีความมั่นคงทางด้านอาชีพให้ยั่งยืนต่อไป</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นางลัดดาวัลย์&nbsp;ไชยเพ็ชร&nbsp;ผู้เข้ารับการอบรม&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;“&nbsp;วันนี้รู้สึกดีใจที่&nbsp;กอ.รมน.ลงมาในหมู่ที่&nbsp;1&nbsp;มาให้ความรู้กับชาวบ้านหมู่ที่&nbsp;1&nbsp;ทุกคนได้รับความรู้ใหม่ๆ&nbsp;บางคนเอาไปทำเป็นอาชีพเสริมได้&nbsp;ทำกินในครัวเรือนได้&nbsp;ถ้ามีโครงการอะไรดีๆ&nbsp;อยากให้&nbsp;กอ.รมน.&nbsp;ลงมาให้ความรู้&nbsp;ทำกิจกรรมแบบนี้อย่างต่อเนื่อง”&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p>&nbsp;</p><p>&nbsp;</p>11/1/2022ภาคตะวันออกตราดสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111125626736 ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือนธันวาคม 2564 อยู่ในระดับ 86.8 ปรับตัวดีขึ้น พร้อมยอมรับการแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์มิครอน อาจส่งผลกระทบเศรษฐกิจของไทยในปี 65<p><strong>นายสุพันธุ์&nbsp;มงคลสุธี&nbsp;ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย&nbsp;หรือ&nbsp;ส.อ.ท.&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;มาตรการผ่อนคลายโควิด-19&nbsp;เพิ่มเติม&nbsp;ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการได้มากขึ้น&nbsp;</strong>ทั้งภาคการผลิต&nbsp;การค้า&nbsp;การเดินทางในประเทศ&nbsp;ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐส่งเสริมการใช้จ่ายของประชาชนโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่&nbsp;ภาคการส่งออกเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง&nbsp;ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ปรับตัวอยู่ในระดับ&nbsp;86.8&nbsp;เพิ่มขึ้นจาก&nbsp;85.4&nbsp;เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่&nbsp;4&nbsp;ติดต่อกัน&nbsp;สูงสุดในรอบ&nbsp;9&nbsp;เดือน&nbsp;แต่อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยลบจากความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดโควิด-19&nbsp;ต้นทุนประกอบการที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งจากราคาพลังงาน&nbsp;วัตถุดิบ&nbsp;รวมถึงปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และตู้คอนเทนเนอร์ยังไม่คลี่คลาย&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;คาดการณ์ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม&nbsp;ในอีก&nbsp;3&nbsp;เดือนข้างหน้าจะปรับตัวลดลง&nbsp;</strong>อยู่ที่ระดับ&nbsp;95.2&nbsp;จากระดับ&nbsp;97.3&nbsp;ในเดือนพฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19&nbsp;สายพันธุ์โอมิครอน&nbsp;เริ่มระบาดในประเทศไทยและในหลายประเทศทั่วโลก&nbsp;ผู้ประกอบการมีความกังวลหากมีการแพร่ระบาดรุนแรงภาครัฐอาจพิจารณาใช้มาตรการล๊อกดาวน์อีกครั้งอาจกระทบต่อการประกอบกิจการและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปี&nbsp;2565&nbsp;</p>11/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลนนทบุรีสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111132636750 ร้านจำหน่ายไข่ไก่ในเขตเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ปรับราคาขึ้นแผงละ 5 บาท หลังเกษตรกรผู้เลี้ยงไข่ไก่แบกต้นทุนสูงมานานหลายเดือน สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้มีรายได้น้อยและร้านขายขนมชนิดต่างๆ ที่ต้องใช้ไข่ไก่ ซึ่งอาจปรับราคาขึ้นตาม<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>วันนี้&nbsp;(11&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ที่ร้านฟ้าไก่ไข่&nbsp;ในเขตเทศบาลเมืองเบตง&nbsp;อ.เบตง&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;</strong>ประชาชนยังคงทยอยเลือกซื้อไข่ไก่อย่างต่อเนื่อง&nbsp;หลังทราบข่าวว่าราคาไข่ไก่มีปรับราคาขึ้น&nbsp;แต่จะซื้อเท่าที่จำเป็น&nbsp;โดยทางร้านเองก็มีการจำหน่ายแบบถุง&nbsp;ถุงละ&nbsp;30&nbsp;ฟอง&nbsp;เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจของลูกค้า&nbsp;โดยราคาไข่ไก่&nbsp;&nbsp;มีการปรับขึ้นแผงละ&nbsp;5&nbsp;บาท&nbsp;ทุกเบอร์&nbsp;สาเหตุจากต้นทุนอาหารสัตว์ขึ้นราคา&nbsp;และสถานการณ์&nbsp;COVID-19&nbsp;สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้มีรายได้น้อยและร้านขายขนมชนิดต่างๆ&nbsp;ที่ต้องใช้ไข่ไก่&nbsp;ซึ่งอาจปรับราคาขึ้นตาม</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นายวสันต์&nbsp;ว่องบุรากร&nbsp;เจ้าของร้านฟ้าไก่ไข่&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>สาเหตุของการปรับราคาไข่ไก่ขึ้น&nbsp;มาจากต้นทุนอาหารสัตว์ที่ใช้ในการเลี้ยงไก่ไข่&nbsp;มีการปรับขึ้นในช่วง&nbsp;2-3&nbsp;เดือน&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;ทางร้านพยายามตรึงราคาแล้ว&nbsp;แต่แบกภาระมาหลายเดือน&nbsp;จากต้นทุนที่ขยับสูงขึ้น&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพดเลี้ยงไก่&nbsp;หรือกากถั่ว&nbsp;นอกจากนี้ยังมีต้นทุนจากค่าน้ำมัน&nbsp;ค่าขนส่งในการเดินทางมา&nbsp;อ.เบตง&nbsp;ค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้นเช่นกัน&nbsp;ซึ่งวันนี้&nbsp;เป็นวันแรกที่ราคาไข่ไก่ปรับราคาขึ้นแผงละ&nbsp;5&nbsp;บาท&nbsp;เท่ากันทุกไซส์ทุกเบอร์&nbsp;โดย&nbsp;เบอร์&nbsp;0&nbsp;ราคาแผงละ&nbsp;125&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์&nbsp;1&nbsp;ราคาแผงละ&nbsp;120&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;ราคาแผงละ&nbsp;115&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคาแผงละ&nbsp;110&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์&nbsp;4&nbsp;ราคาแผงละ&nbsp;105&nbsp;บาท&nbsp;และ&nbsp;เบอร์&nbsp;5&nbsp;ราคาแผงละ&nbsp;90&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ด้านนางรอมละ&nbsp;แม่ค้าขายขนมเบเกอรี่&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>ในแต่ละวันทางร้านต้องใช้ไข่ไก่เพื่อทำขนมเป็นจำนวนมาก&nbsp;ตอนนี้ไข่ไก่มีราคาสูงขึ้น&nbsp;ซึ่งถ้าเกิดในระยะสั้นๆ&nbsp;ทางร้านก็ยังคงราคาขนมไว้อย่างเดิม&nbsp;แต่ถ้าราคาไข่ยังคงสูงขึ้น&nbsp;ทางร้านก็ต้องปรับขึ้นราคาขนมตามอย่างแน่นอน</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นางสาวชินณิชา&nbsp;ชาวบ้านในพื้นที่&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;ประชาชนได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจมามากพอแล้ว&nbsp;&nbsp;อยากให้หน่วยงานภาครัฐ&nbsp;ควบคุมราคาสินค้า&nbsp;ลดค่าครองชีพ&nbsp;เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยด่วน&nbsp;สร้างงานสร้างรายได้&nbsp;ขึ้นเงินเดือน&nbsp;พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>11/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.เบตง จ.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111130526744 ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ประจำเดือนธันวาคม 2564 ปรับตัวดีขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน <p><strong&nbsp;style="background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);&nbsp;color:&nbsp;black;">นายสุพันธุ์&nbsp;มงคลสุธี&nbsp;ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย&nbsp;หรือ&nbsp;สอท.</strong><span&nbsp;style="background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);&nbsp;color:&nbsp;black;">&nbsp;เปิดเผยถึง</span><span&nbsp;style="background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);&nbsp;color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);">ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม&nbsp;</span><span&nbsp;style="background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);&nbsp;color:&nbsp;black;">ประจำเดือนธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ว่า&nbsp;หลังจากภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19&nbsp;เพิ่มเติม&nbsp;ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการได้มากขึ้นทั้งภาคการผลิต&nbsp;การค้า&nbsp;การเดินทางในประเทศ&nbsp;ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐส่งเสริมการใช้จ่ายของประชาชนโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่&nbsp;ภาคการส่งออกเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง&nbsp;ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ปรับตัวอยู่ในระดับ&nbsp;86.8&nbsp;เพิ่มขึ้นจาก&nbsp;&nbsp;85.4&nbsp;เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่&nbsp;4&nbsp;ติดต่อกัน&nbsp;สูงสุดในรอบ&nbsp;9&nbsp;เดือน&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);&nbsp;color:&nbsp;black;">แต่อย่างไรก็ตาม&nbsp;ยังมีปัจจัยลบจากความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดโควิด-19</strong><span&nbsp;style="background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);&nbsp;color:&nbsp;black;">&nbsp;ต้นทุนประกอบการที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งจากราคาพลังงาน&nbsp;วัตถุดิบ&nbsp;รวมถึงปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และตู้คอนเทนเนอร์ยังไม่คลี่คลาย</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">นอกจากนี้&nbsp;ทั้งยังคาดการณ์ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">&nbsp;ในอีก&nbsp;3&nbsp;เดือนข้างหน้าจะ&nbsp;ปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ&nbsp;95.2&nbsp;จากระดับ&nbsp;97.3&nbsp;ในเดือนพฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19&nbsp;สายพันธุ์โอมิครอน&nbsp;เริ่มระบาดในประเทศไทยและในหลายประเทศทั่วโลก&nbsp;ผู้ประกอบการมีความกังวลหากมีการแพร่ระบาดรุนแรงภาครัฐอาจพิจารณาใช้มาตรการล๊อกดาวน์อีกครั้งอาจกระทบต่อการประกอบกิจการและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปี&nbsp;2565</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>11/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111203426984 รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ตรวจเยี่ยมแผงขายสินค้า โครงการหมูพาณิชน์ลดราคาช่วยประชาชน<p><strong>วันนี้&nbsp;(11&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;เวลา&nbsp;08.00&nbsp;น.</strong>&nbsp;ที่หน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพังงา&nbsp;นายเถลิงศักดิ์&nbsp;นุชประหาร&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา&nbsp;พร้อมด้วยนายชัยรัตน์&nbsp;ชื่นเจริญ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดพังงา&nbsp;และนายพรภิรมย์&nbsp;ฟุ้งตระกูล&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดพังงา&nbsp;ตรวจเยี่ยมโครงการหมูพาณิชน์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;เพื่อจำหน่ายเนื้อหมูให้กับประชาชนผู้บริโภคในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;11-14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งโครงการดังกล่าวมีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;จุด&nbsp;คือ&nbsp;จุดที่&nbsp;1&nbsp;ร้านหมูโก้ศักดิ์&nbsp;ตำบลถ้ำน้ำผุด&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดพังงา&nbsp;จุดที่&nbsp;2&nbsp;ร้านหมูนายดิน&nbsp;ตลาดสดเทศบาลเมืองพังงา&nbsp;และจุดที่&nbsp;3&nbsp;หน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพังงา&nbsp;</p><p><strong>สำหรับจุดจำหน่ายที่&nbsp;3&nbsp;บริเวณหน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพังงา</strong>&nbsp;ได้รับความร่วมมือจากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดพังงา&nbsp;จัดจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ไข่ไก่เบอร์&nbsp;3&nbsp;แผงละ&nbsp;90&nbsp;บาท&nbsp;ทั้งนี้สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า&nbsp;ธ.ก.ส.พังงา&nbsp;จำกัด&nbsp;ได้นำข้าวหอมมะลิมาจำหน่ายในราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนผู้บริโภคด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>11/1/2022ภาคใต้พังงาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพังงาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111133027752 กรมการค้าภายใน สั่งตรึงราคาไก่สดหน้าฟาร์ม เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน<p><strong>นายวัฒนศักย์&nbsp;เสือเอี่ยม&nbsp;อธิบดีกรมการค้าภายใน&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;จากการหารือร่วมกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่และเนื้อไก่ที่ปรับเพิ่มขึ้น</strong>&nbsp;ซึ่งที่ประชุมมีมติร่วมกันในการกำหนดราคาจำหน่ายไก่สดมีชีวิตหน้าฟาร์ม&nbsp;และราคาจำหน่ายปลีกชิ้นส่วนไก่สด&nbsp;เป็นระยะเวลา&nbsp;6&nbsp;เดือน&nbsp;เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;สิ้นสุดในเดือนมิถุนายน&nbsp;2565&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ส่งผลให้ราคาไก่มีชีวิตหน้าฟาร์ม&nbsp;อยู่ที่&nbsp;33.50&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;,&nbsp;ไก่สดรวมเครื่องใน&nbsp;และไก่สดไม่รวมเครื่องใน&nbsp;ราคา&nbsp;60-65&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;,น่องติดสะโพก&nbsp;ราคา&nbsp;60-65&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;และเนื้ออก&nbsp;ราคา&nbsp;65-70&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ยังได้ประสานกับกรมปศุสัตว์และผู้เลี้ยงเร่งเพิ่มผลผลิตให้เพียงพอภายใน&nbsp;45&nbsp;วัน</p><p><strong>ส่วนไข่ไก่ที่ปรับขึ้นราคาไปแล้วนั้น&nbsp;</strong>กรมการค้าภายในมองว่า&nbsp;ยังไม่เหมาะสมที่จะปรับราคาในช่วงนี้&nbsp;พร้อมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือถึงสถานการณ์และความจำเป็นในการปรับขึ้นราคาไก่ไข่ว่าสมเหตุสมผลหรือไม่&nbsp;ซึ่งต้องหารือพิจารณาอย่างรอบ&nbsp;เพื่อติดตามปริมาณและความต้องการที่เกิดขึ้นจริง&nbsp;ก่อนที่จะพิจารณาหามาตรการช่วยเหลือผู้บริโภคและผู้เลี้ยงต่อไป&nbsp;</p><p><strong>อธิบดีกรมการค้าภายใน&nbsp;ยืนยันปริมาณไข่ไก่ไม่ได้มีปัญหาการขาดแคลน&nbsp;แต่อาจจะมีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น</strong>&nbsp;เนื่องจากอาหารสัตว์เป็นต้นทุนสำคัญในการเลี้ยง&nbsp;โดยต้นทุนการเลี้ยงไก่ไข่ปัจจุบัน&nbsp;อยู่ที่ฟองละ&nbsp;2.85&nbsp;บาท&nbsp;เบื้องต้นได้หารือกับผู้ผลิตอาหารสัตว์แล้ว&nbsp;และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการเชื่อมโยงอาหารสัตว์ให้กับผู้เลี้ยงรายย่อย&nbsp;เพื่อเป็นการช่วยเหลือและลดต้นทุนบางส่วนให้ผู้เลี้ยงรายย่อยต่อไป</p>11/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111141138778 พาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์ ตรวจตลาด ราคาสินค้า กำชับติดป้ายแสดงราคา<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจราคาเนื้อหมู&nbsp;ไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ผักสด&nbsp;ป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า&nbsp;พร้อมกำชับให้พ่อค้าแม่ค้าติดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน&nbsp;และตรวจเครื่องชั่งให้ได้กิโลกรัมตรงมาตรฐาน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(11&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;ที่ตลาดสดทุ่งนาทอง&nbsp;อำเภอเมืองกาฬสินธุ์&nbsp;จังหวัดกาฬสินธุ์</strong>&nbsp;นายศิริพงษ์&nbsp;วิวัฒน์เกษมชัย&nbsp;พาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;ลงพื้นที่สำรวจตลาด&nbsp;ในภาวะที่ราคาเนื้อสัตว์ขยับสูงขึ้น&nbsp;โดยเนื้อหมู&nbsp;ไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;มีการปรับราคาขึ้นตามกลไกตลาด&nbsp;ขณะที่&nbsp;ราคาผักสดไม่ได้มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด&nbsp;โดยได้ส่งผลกระทบต่อทั้งแม่ค้าพ่อค้าและประชาชนผู้บริโภค&nbsp;โดยประชาชนมีการจับจ่ายซื้อน้อยลง&nbsp;ขณะที่&nbsp;พ่อค้าแม่ค้าก็สั่งของมาจำหน่ายลดลงเช่นกัน&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์ได้ขยายเวลาการจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;ที่ร้านวีซีมีท&nbsp;โดยขยายเวลาออกไปจนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p><strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยในการสำรวจตลาดครั้งนี้</strong>&nbsp;ได้กำชับให้ผู้ประกอบการติดป้ายแสดงราคาอย่างชัดเจน&nbsp;เพื่อให้ผู้บริโภคได้ตัดสินใจ&nbsp;และ&nbsp;เครื่องชั่ง&nbsp;ให้ได้มาตรฐานที่กำหนด&nbsp;ซึ่งจะมีสติกเกอร์เครื่องชั่งที่ได้รับการตรวจ&nbsp;จากสำนักงานพาณิชย์จังหวัด&nbsp;ซึ่งร้านใดไม่ติดป้ายแสดงราคาหรือโกงตาชั่ง&nbsp;จะ&nbsp;มีโทษตามกฎหมาย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ในส่วนของเจ้าของร้านขายไข่ไก่มะไล&nbsp;น.ส.จินตหรา&nbsp;สุระภา</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ราคาไข่ไก่&nbsp;ก็ได้ทยอยปรับราคาขึ้นมาเช่นกัน&nbsp;หากแต่ในส่วนของทางร้านพยายามที่จะไม่ปรับราคาให้สูงมาก&nbsp;เนื่องจากเป็นการช่วยเหลือ&nbsp;และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้มากที่สุด&nbsp;โดยจะมีปรับเพิ่มราคาในบางไซส์&nbsp;อย่างไข่ไก่เบอร์&nbsp;1&nbsp;โดยขณะนี้ประชาชนจะนิยมบริโภคไข่ขนาดเล็กเบอร์&nbsp;4-5&nbsp;เนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่า&nbsp;ซึ่งไข่ไก่เบอร์&nbsp;1&nbsp;จำหน่ายที่แผงละ&nbsp;105&nbsp;บาท&nbsp;จากเดิมราคา&nbsp;100&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;แผงละ&nbsp;95&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;แผงละ&nbsp;90&nbsp;ไม่ได้มีการปรับขึ้นราคา&nbsp;และเบอร์&nbsp;4&nbsp;แผงละ&nbsp;85&nbsp;จากเดิมแผงละ&nbsp;80&nbsp;และเบอร์&nbsp;5&nbsp;แผงละ&nbsp;75</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับราคาเนื้อหมู&nbsp;หมูสามชั้น&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;230&nbsp;บาท&nbsp;เนื้อสะโพก&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;220&nbsp;บาท&nbsp;เนื้อสันใน&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;230&nbsp;บาท&nbsp;หมูบด&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนราคาไก่ชิ้น&nbsp;มีการปรับขึ้นราคา&nbsp;น่องติดสะโพก&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;75&nbsp;จากเดิม&nbsp;70&nbsp;บาท&nbsp;ตับไก่&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;100&nbsp;จาก&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;เศษเนื้อ&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;70&nbsp;บาทจาก&nbsp;55&nbsp;บาท&nbsp;ปีกไก่สับ&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;115&nbsp;บาท&nbsp;จาก&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;ขณะที่&nbsp;ปีกไก่&nbsp;ปีกไก่บน&nbsp;ไม่มีการปรับขึ้นราคา</p>11/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกาฬสินธุ์สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111140008772 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำปาง เปิดขายหมูราคาถูก "150 บาท/กก." บรรเทาภาระค่าครองชีพประชาชน ถึงสิ้นเดือน ม.ค. 65<p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำปาง&nbsp;</strong>เปิดเผยว่า&nbsp;ตามที่กระทรวงพาณิชย์จัดโครงการ&nbsp;"พาณิชย์ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;เปิดจุด&nbsp;“ขายหมูเนื้อแดง”&nbsp;&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2&nbsp;ในราคา&nbsp;150&nbsp;บาท/กก.&nbsp;เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพ&nbsp;รวม&nbsp;667&nbsp;แห่งทั่วประเทศ&nbsp;สำหรับในพื้นที่จังหวัดลำปาง&nbsp;มี&nbsp;2&nbsp;แห่ง&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านหมูอนามัย&nbsp;เอส&nbsp;เค&nbsp;อินเตอร์ฟู้ด&nbsp;สาขาลําปาง&nbsp;และร้านหมูอนามัย&nbsp;เอส&nbsp;เค&nbsp;อินเตอร์ฟู้ด&nbsp;สาขาเถิน&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดได้ประสานกับตลาดหรือสถานที่จัดจุดจำหน่ายให้แก่ประชาชน&nbsp;ตั้งแต่วันนี้&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;ม.ค.65&nbsp;โดยผู้สนใจตรวจสอบสถานที่จำหน่ายในแต่ละจังหวัดได้ที่&nbsp;https://www.dit.go.th/Content.aspx?m=8&amp;c=36749</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ล่าสุดนายประภัตร&nbsp;โพธสุธน</strong>&nbsp;รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;&nbsp;และคณะ&nbsp;เดินทางตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;ณ&nbsp;หอประชุมอาคารโดมแผ่พืชน์&nbsp;มหาวิทยาลัยแม่โจ้&nbsp;จ.เชียงใหม่&nbsp;โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน&nbsp;ปศุสัตว์เขต&nbsp;5&nbsp;ปศุสัตว์เขต&nbsp;6&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดในพื้นที่เขต&nbsp;5&nbsp;และเขต&nbsp;6&nbsp;ทีมงาน&nbsp;ธกส.&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เกี่ยวข้อง&nbsp;และเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน&nbsp;โดยมีการหารือแนวทางการส่งเสริมการเลี้ยงสุกร&nbsp;เพื่อแก้ไขปัญหาราคาสุกร&nbsp;และโครงการสานฝันสร้างอาชีพ&nbsp;ยกระดับรายได้เกษตรกร&nbsp;ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางให้แก่เกษตรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อย&nbsp;ได้แก่&nbsp;จัดทำโครงการให้การสนับสนุนสุกรแม่พันธุ์&nbsp;2&nbsp;ตัวต่อราย&nbsp;หรือลูกสุกรขุน&nbsp;20&nbsp;ตัวต่อราย&nbsp;พร้อมอาหาร&nbsp;การสนับสนุนเงินทุนผ่านโครงการของ&nbsp;ธกส.&nbsp;และการควบคุมการเลี้ยงให้ได้มาตรฐาน</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>11/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111142043786 เปิดตัวเพจ “ชี้ช่องการค้า” บน Blockdit (บล็อกดิต) เพิ่มช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลด้านการค้าเชิงลึก กฎระเบียบการค้า แนวโน้มตลาดให้กับผู้ประกอบการ<p><strong>นายภูสิต&nbsp;รัตนกุล&nbsp;เสรีเริงฤทธิ์&nbsp;อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเริ่มจัดทำเพจชี้ช่องการค้า&nbsp;(Think&nbsp;Trade&nbsp;Think&nbsp;DITP)&nbsp;บนแพลตฟอร์ม&nbsp;Blockdit&nbsp;(บล็อกดิต)&nbsp;</strong>ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม&nbsp;Social&nbsp;Network&nbsp;ของไทยที่เป็นที่นิยมและเติบโตอย่างรวดเร็ว&nbsp;เพื่อให้ข้อมูลกับผู้ประกอบการ&nbsp;ที่จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการทำการค้าได้ดีขึ้น&nbsp;ซึ่งกรมฯ&nbsp;มีข้อมูลการค้า&nbsp;การลงทุน&nbsp;กฎระเบียบการค้า&nbsp;แนวโน้มตลาด&nbsp;ที่ได้รับรายงานจากผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ&nbsp;หรือทูตพาณิชย์จากทั่วโลก&nbsp;เข้ามาเป็นประจำอยู่แล้ว&nbsp;การเพิ่มช่องทางเผยแพร่บนแพลตฟอร์ม&nbsp;Blockdit&nbsp;ที่เป็นสื่อออนไลน์สมัยใหม่&nbsp;และกำลังได้รับความนิยม&nbsp;จะเป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงข้อมูลการค้าให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่&nbsp;ๆ&nbsp;และตอบโจทย์การทำธุรกิจในยุคดิจิทัล</p><p><strong>ปัจจุบัน&nbsp;Blockdit&nbsp;มีผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มมากกว่า&nbsp;2,000,000&nbsp;บัญชี&nbsp;และมีเพจที่ร่วมสร้างสรรค์คอนเทนต์มากกว่า&nbsp;100,000&nbsp;เพจ</strong>&nbsp;ประโยชน์&nbsp;เป้าหมายคือกลุ่มคนที่สนใจในการอ่าน&nbsp;เขียน&nbsp;เรื่องราวที่มีสาระน่าสนใจและเป็นประโยชน์สู่สังคม&nbsp;ผ่านบทความ&nbsp;วิดีโอ&nbsp;และพอดแคสต์&nbsp;มีฟีเจอร์สำหรับนักทำคอนเทนต์โดยเฉพาะ&nbsp;เช่น&nbsp;การร่างไอเดีย&nbsp;การตั้งเวลาลงบทความ&nbsp;การดูข้อมูลเชิงลึก&nbsp;และมีจุดเด่น&nbsp;คือ&nbsp;มีระบบคัดกรองข่าวปลอม&nbsp;(fake&nbsp;news)&nbsp;เนื้อหาผิดลิขสิทธิ์&nbsp;ผิดกฎหมาย&nbsp;รุนแรงและหยาบคาย&nbsp;โดยจะมีระบบ&nbsp;Algorithm&nbsp;ในการตรวจจับการรายงาน&nbsp;ทำให้ผู้อ่านมั่นใจได้ว่าจะได้รับข่าวสารที่มีสาระน่าสนใจ</p>11/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111144637811 ครม.เห็นชอบร่าง MOU ไทย-ญี่ปุ่น พัฒนาความร่วมมือด้านพลังงานทุกมิติให้ชัดเจนและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมให้มากยิ่งขึ้น<p><strong>นางสาวรัชดา&nbsp;ธนาดิเรก&nbsp;รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนด้านพลังงาน&nbsp;</strong>ระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทย&nbsp;และกระทรวงเศรษฐกิจ&nbsp;การค้าและอุตสาหกรรม&nbsp;ประเทศญี่ปุ่น&nbsp;ซึ่งจะมีการลงนามในวันที่&nbsp;13&nbsp;ม.ค.&nbsp;2565&nbsp;ที่ทำเนียบรัฐบาล&nbsp;โดยมีนายกรัฐมนตรี&nbsp;เป็นสักขีพยาน&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;วัตถุประสงค์ของร่างบันทึกความร่วมมือฯ&nbsp;เพื่อเป็นการกำหนดทิศทางและกรอบการดำเนินความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างสองประเทศ</strong>ในมิติต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ให้ชัดเจนและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมให้มากยิ่งขึ้น&nbsp;ขอบเขตความร่วมมือ&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;น้ำมันและก๊าซ&nbsp;,&nbsp;ไฟฟ้า&nbsp;,&nbsp;พลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน&nbsp;,&nbsp;พลังงานนิวเคลียร์&nbsp;,&nbsp;นวัตกรรม&nbsp;เทคโนโลยีและพลังงานอัจฉริยะ&nbsp;,&nbsp;เทคโนโลยีการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์&nbsp;และความร่วมมือด้านพลังงานอื่นๆ&nbsp;ตามที่ทั้งสองประเทศจะกำหนดร่วมกัน&nbsp;ซึ่งจะมีการดำเนินการในหลายรูปแบบ&nbsp;เช่น&nbsp;การแลกเปลี่ยนข้อมูล&nbsp;การฝึกอบรม&nbsp;การถ่ายทอดองค์ความรู้&nbsp;การส่งเสริมการลงทุนร่วมกัน&nbsp;การจัดแผนที่นำทางด้านการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเพื่อมุ่งไปสู่การบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์&nbsp;ในปี&nbsp;ค.ศ.&nbsp;2050</p><p><br></p>11/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111143719799 ขอนแก่น ร้านจำหน่ายไข่ไก่ปลีก-ส่ง หลายร้านเริ่มปรับราคาขึ้นต่อแผง แผงละ 5-6 บาท<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>บรรยากาศซื้อขายไข่ไก่ในตัวเมืองขอนแก่น</strong>&nbsp;หลังจากสมาคม-สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่&nbsp;มีการประกาศปรับราคาขึ้นฟองละ&nbsp;20&nbsp;สตางค์&nbsp;ทำให้ราคาไข่คละหน้าฟาร์มสูงถึงฟองละ&nbsp;3&nbsp;บาท&nbsp;ตกแผงละ&nbsp;6&nbsp;บาท&nbsp;ทำให้หลายร้านต้องปรับราคาตาม&nbsp;โดยเฉพาะที่ตลาดสดบางลำภู&nbsp;ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น&nbsp;การซื้อขายไข่ไก่มีประชาชนมาเลือกซื้อตามปกติ&nbsp;แต่จะลดจำนวนการซื้อลง&nbsp;โดยส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ค้าบอกว่า&nbsp;ลูกค้าจะซื้อเท่าที่จำเป็น&nbsp;โดยทางร้านเองก็มีการจำหน่ายแบบถุงละ&nbsp;10&nbsp;ฟอง&nbsp;เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า&nbsp;โดยราคาไข่ไก่แต่ละร้านพบว่า&nbsp;มีการปรับขึ้นแผงละ&nbsp;5-6&nbsp;บาททุกเบอร์&nbsp;และมีบางร้านยังไม่มีการปรับราคาขึ้นเนื่องจากเพิ่งจะทราบประกาศ&nbsp;ซึ่งราคาไข่ไก่เช้าวันนี้อยู่ที่&nbsp;80-120&nbsp;บาท&nbsp;โดยไข่ไก่เบอร์&nbsp;0&nbsp;อยู่ที่ราคาแผงละ&nbsp;120&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์&nbsp;1&nbsp;อยู่ที่ราคาแผงละ&nbsp;105&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;อยู่ที่ราคาแผงละ&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;อยู่ที่ราคาแผงละ&nbsp;95&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์&nbsp;4&nbsp;อยู่ที่ราคาแผงละ&nbsp;90&nbsp;บาท&nbsp;และไข่ไก่เบอร์&nbsp;5&nbsp;อยู่ที่ราคาแผงละ&nbsp;80&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายเจษฎา&nbsp;จำปานุ้ย&nbsp;อายุ&nbsp;39&nbsp;ปี&nbsp;เจ้าของร้านพรสวาท&nbsp;ไข่สด</strong>&nbsp;ซึ่งจำหน่ายทั้งปลีกและส่ง&nbsp;บอกว่า&nbsp;หลังจากที่มีการประกาศปรับราคาขึ้น&nbsp;ตนเองก็จำเป็นจะต้องปรับขึ้นตาม&nbsp;โดยทางร้านปรับขึ้นแผงละ&nbsp;5&nbsp;บาททุกเบอร์&nbsp;ซึ่งสาเหตุที่มีการปรับขึ้นนั้น&nbsp;ทราบจากทางสมาคมว่า&nbsp;ต้นทุนหัวอาหารที่สูงขึ้นและปัจจัยการส่งออกมีมูลค่าเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะน้ำมัน&nbsp;ทำให้มีการปรับขึ้น&nbsp;ซึ่งปกติจากที่ลูกค้าน้อยอยู่แล้วตั้งแต่ช่วงโควิด-19&nbsp;ระบาดอีกระลอกเมื่อประมาณ&nbsp;2&nbsp;ปีก่อน&nbsp;ลูกค้าลดลงอย่างเห็นได้ชัดจนลามมาถึงปัจจุบัน&nbsp;ซึ่งส่วนใหญ่จะเลือกซื้อแบบ&nbsp;10&nbsp;ฟอง&nbsp;ไม่ยกแผงเหมือนเดิม&nbsp;เพราะต้องประหยัดและซื้อเท่าที่จำเป็น&nbsp;โดยการปรับราคาไข่ไก่ขึ้นนั้น&nbsp;ในส่วนพ่อค้าแม่ค้าเองก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก&nbsp;เพราะราคาต้องอิงตามประกาศ&nbsp;แต่ผลกระทบจะตกไปอยู่กับผู้บริโภคแทน&nbsp;ที่ต้องซื้อไข่ไก่ในราคาที่แพงขึ้นจากเดิมท่ามกลางสถานการณ์ที่เนื้อหมูแพงถึง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;220-240&nbsp;บาท&nbsp;แต่ราคาที่ปรับขึ้นนั้นเชื่อว่ายังสามารถปรับขึ้นได้อีก&nbsp;เพราะราคาเคยพุ่งสูงกว่านี้อีกแผงละ&nbsp;10&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งก็อยากให้ทางรัฐบาลเองช่วยตรึงราคาไม่เกิน&nbsp;ฟองละ&nbsp;3&nbsp;บาทเท่าปัจจุบันนี้ก็ยังดี</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ด้าน&nbsp;นางบรรจง&nbsp;ทองอุทัยศิริ&nbsp;อายุ&nbsp;59&nbsp;ปี&nbsp;ลูกค้าที่มาซื้อไข่ไก่</strong>&nbsp;บอกว่า&nbsp;การปรับราคาขึ้นของไข่ไก่นั้น&nbsp;ในฐานะผู้บริโภคเองก็ไม่สามารถไปแก้ไขอะไรได้&nbsp;ก็ต้องซื้อในราคาที่ร้านขาย&nbsp;แต่จะซื้อในจำนวนที่เหมาะสมไม่ซื้อเยอะเหมือนก่อน&nbsp;และที่บ้านเองก็จะมีแต่ลูกหลานที่ทานไข่เป็นอาหารในแต่ละวัน&nbsp;ถามว่ากระทบไหมก็เล็กน้อยเพราะยังไงก็จำเป็นที่ต้องซื้อ&nbsp;แต่ถ้ารัฐบาลช่วยเรื่องราคาให้ถูกลงได้อีกก็จะดีเพราะทั้งหมู&nbsp;ทั้งผักต่างปรับราคาขึ้นด้วยกันทั้งหมด</p>11/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขอนแก่นสวท.ขอนแก่นhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111143426797 พาณิชย์ชัยภูมิ จัด “โครงการรถ Mobile พาณิชย์... ลดราคา ! ช่วยประชาชนผู้ประสบภัย” จังหวัดชัยภูมิ<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วานนี้&nbsp;(10&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดชัยภูมิ&nbsp;ดำเนิน&nbsp;“โครงการรถ&nbsp;Mobile&nbsp;พาณิชย์...&nbsp;ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชนผู้ประสบอุทกภัย”</strong>&nbsp;ตามนโยบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;โดยจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ&nbsp;ในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด&nbsp;ร้อยละ&nbsp;15-30%&nbsp;อาทิ&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;น้ำมันพืช&nbsp;น้ำตาลทราย&nbsp;ข้าวสาร&nbsp;บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป&nbsp;ปลากระป๋อง&nbsp;ผงซักฟอก&nbsp;น้ำยาล้างจาน&nbsp;ซีอิ๊วขาว&nbsp;น้ำปลา&nbsp;น้ำยาปรับผ้านุ่ม&nbsp;เพื่อช่วยเหลือประชาชนในการลดค่าครองชีพ&nbsp;ในช่วงประสบอุทกภัยในพื้นที่&nbsp;ระยะเวลาดำเนินโครงการ&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;10-14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;50&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวได้ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชัยภูมิอย่างเคร่งครัด&nbsp;โดยวันที่&nbsp;10&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;(วันที่&nbsp;1)&nbsp;ดำเนินการจำนวน&nbsp;10&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;สินค้าที่ขายดี&nbsp;3&nbsp;ลำดับ&nbsp;ได้แก่&nbsp;1.ไข่&nbsp;2.น้ำมัน&nbsp;3.น้ำตาลทราย&nbsp;รวมมูลค่าที่นำสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ณ&nbsp;จุดจำหน่ายทั้งสิ้น&nbsp;315,356&nbsp;บาท&nbsp;ลดค่าครองชีพให้กับประชาชน&nbsp;รวมเป็นจำนวนเงิน&nbsp;143,727&nbsp;บาท&nbsp;มีประชาชนให้ความสนใจซื้อสินค้ารวมทั้งสิ้น&nbsp;1,195&nbsp;คน&nbsp;</p>11/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือชัยภูมิสวท.ชัยภูมิhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111145743821 พาณิชย์ชัยภูมิ จัด“โครงการรถ Mobile พาณิชย์...ลดราคา ! ช่วยประชาชนผู้ประสบภัย”จังหวัดชัยภูมิ<p><strong>วันที่&nbsp;10&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดชัยภูมิ</strong>&nbsp;ดำเนิน&nbsp;“โครงการรถ&nbsp;Mobile&nbsp;พาณิชย์...ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชนผู้ประสบอุทกภัย”&nbsp;ตามนโยบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;โดยจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ&nbsp;ในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด&nbsp;ร้อยละ&nbsp;15-30%&nbsp;อาทิ&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;น้ำมันพืช&nbsp;น้ำตาลทราย&nbsp;ข้าวสาร&nbsp;บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป&nbsp;ปลากระป๋อง&nbsp;ผงซักฟอก&nbsp;น้ำยาล้างจาน&nbsp;ซีอิ๊วขาว&nbsp;น้ำปลา&nbsp;น้ำยาปรับผ้านุ่ม&nbsp;เพื่อช่วยเหลือประชาชนในการลดค่าครองชีพ&nbsp;ในช่วงประสบอุทกภัยในพื้นที่&nbsp;ระยะเวลาดำเนินโครงการ&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;10-14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;50&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวได้ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชัยภูมิ&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;โดยวันที่&nbsp;10&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;(วันที่&nbsp;1)&nbsp;ดำเนินการจำนวน&nbsp;10&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;สินค้าที่ขายดี&nbsp;3&nbsp;ลำได้แก่&nbsp;1.ไข่&nbsp;2.น้ำมัน&nbsp;3.น้ำตาลทราย&nbsp;รวมมูลค่าที่นำสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ณ&nbsp;จุดจำหน่ายทั้งสิ้น&nbsp;315,356&nbsp;บาท&nbsp;ลดค่าครองชีพให้กับประชาชน&nbsp;รวมเป็นจำนวนเงิน&nbsp;143,727&nbsp;บาท&nbsp;มีประชาชนให้ความสนใจซื้อสินค้ารวมทั้งสิ้น&nbsp;1,195&nbsp;คน&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>11/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือชัยภูมิสวท.ชัยภูมิhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111150303826 จังหวัดนครพนม เชิญชวนซื้อสินค้าเกษตรผ่านช่องทางออนไลน์ช่วงโควิด<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นางสาวกัญณฐา?&nbsp;อภินันท์ธนา&nbsp;เกษตรจังหวัดนครพนม</strong>&nbsp;เปิดเผย?ว่า?&nbsp;สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนมดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาแนวทาง&nbsp;ในการจำหน่ายสินค้าเกษตรแบบออนไลน์&nbsp;เพื่อเป็นการยกระดับและพัฒนากลุ่มเกษตรกรให้มีความรู้ความสามารถในการพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์แปรรูปต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ไปสู่การจำหน่ายออนไลน์เพิ่มมากขึ้น&nbsp;เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19&nbsp;ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบด้านการขนส่งสินค้า&nbsp;เกิดการชะลอตัว&nbsp;และได้รับความเสียหายไม่สามารถกระจายผลผลิตออกสู่ตลาดได้&nbsp;การจำหน่ายสินค้าออนไลน์จึงมีความจำเป็นและทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าเกษตรได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม</strong>&nbsp;จึงขอประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและช่องทางการจำหน่ายสินค้าเกษตรออนไลน์ของกลุ่มเกษตรกร&nbsp;เพื่อเผยแพร่ให้ผู้สนใจได้รับทราบช่องทางการจำหน่ายและสินค้าเกษตรมากยิ่งขึ้น&nbsp;ดังนี้&nbsp;เฟซบุ๊กเพจ&nbsp;สินค้าเกษตรออนไลน์&nbsp;จังหวัดนครพนม&nbsp;ที่&nbsp;https://bit.ly/3qcb28M&nbsp;และเว็บไซต์ตลาดเกษตรกรออนไลน์&nbsp;ที่&nbsp;https://bit.ly/3K1v25K</p>11/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครพนมสวท.นครพนมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111151132828 พาณิชย์จังหวัดภูเก็ตจับมือห้างไลม์ไลท์อเวนิวภูเก็ต จัดเมนูธงฟ้า เป็นเมนูทางเลือก จานละ 30 บาท ตรึงราคา...ช่วยประชาชน<p><strong>วันนี้&nbsp;(11&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นางสาววรนิษฐ์&nbsp;อภิรัฐจิรวงษ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดภูเก็ต&nbsp;</strong>ได้แนะนำร้านอาหารธงฟ้าในศูนย์อาหารห้างไลม์ไลท์อเวนิวภูเก็ต&nbsp;จำนวน&nbsp;12&nbsp;ร้าน&nbsp;โดยแต่ละร้านจะจัดเมนูทางเลือกเมนูธงฟ้า&nbsp;ราคา&nbsp;30&nbsp;บาท&nbsp;เพื่อเป็นทางเลือกและลดภาระค่าครองชีพให้กับผู้บริโภคและนักท่องเที่ยว&nbsp;ที่เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต&nbsp;โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้างไลม์ไลท์เป็นห้างที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง&nbsp;ใกล้แหล่งท่องเที่ยวย่านเมืองเก่าภูเก็ต&nbsp;จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย&nbsp;โดยมีเมนูอาหาร&nbsp;30&nbsp;บาท&nbsp;เช่น&nbsp;ข้าวมันไก่ฉีก/ข้าวไข่ข้นไส้กรอก/ข้าวแกงส้มไข่เจียว/ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ/บะหมี่หมูแดง/ผัดไทย/สเต็กไก่/ข้าวกระเพราไก่/ข้าวหน้าไก่คัตสึราดซอส/ก๋วยเตี๋ยวเรือ&nbsp;</p><p><strong>สำหรับ“ร้านอาหารธงฟ้า”</strong>&nbsp;เป็นอีกหนึ่งโครงการของกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับผู้บริโภค&nbsp;โดยร้านอาหารที่จะเข้าร่วมโครงการ&nbsp;จะต้องเป็นร้านอาหารปรุงสำเร็จ&nbsp;“อร่อย&nbsp;คุณภาพดี&nbsp;สะอาด&nbsp;ประหยัด”&nbsp;จำหน่าย&nbsp;จาน/ชามละ&nbsp;35-40&nbsp;บาท&nbsp;ปิดป้ายแสดงราคาชัดเจน</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>11/1/2022ภาคใต้ภูเก็ตสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ตhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111154138851 ข้าวราดแกงเจ้เหมียว อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ขวัญใจมหาชนยุคของแพง ขายข้าวแกง จานละ 20 บาท เปิดมา 10 กว่าปีคงราคาเดิม<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข้าวราดแกงเจ้เหมียว&nbsp;อ.ศรีสงคราม&nbsp;จ.นครพนม&nbsp;ขวัญใจมหาชนยุคของแพง&nbsp;ขายข้าวแกง&nbsp;จานละ&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;เปิดมา&nbsp;10&nbsp;กว่าปีคงราคาเดิม</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(11&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)</strong>&nbsp;ผู้สื่อข่าวรายงานว่า&nbsp;ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19&nbsp;ที่ยืดเยื้อมานานอีกทั้งของแพง&nbsp;ทำให้ผู้คนลำบากกันถ้วนหน้า&nbsp;แต่ยังมีร้านขายข้าวราดแกงที่ยังคงยืนหยัดขายข้าวราดแกงราคาถูกมากว่า&nbsp;10&nbsp;ปี&nbsp;ชื่อร้านแกงเจ้เหมียว&nbsp;ข้าวราดแกง&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;ของนางทรรศนีย์&nbsp;แสงคำมี&nbsp;อายุ&nbsp;53&nbsp;ปี&nbsp;หรือเจ้เหมียว&nbsp;ตั้งอยู่ริมถนนสายศรีสงคราม-อากาศอำนวย&nbsp;ต.ศรีสงคราม&nbsp;อ.ศรีสงคราม&nbsp;จ.นครพนม&nbsp;ซึ่งยังคงเปิดร้านข้าวราดแกงทุกวันเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ลำบาก&nbsp;และขายในราคาเดิม&nbsp;คือข้าวราดแกง&nbsp;1&nbsp;อย่าง&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;พิเศษราดข้าว&nbsp;2&nbsp;อย่าง&nbsp;30&nbsp;บาท&nbsp;ไข่ดาวฟองละ&nbsp;5&nbsp;บาท&nbsp;แกงถุงละ&nbsp;25&nbsp;บาท&nbsp;โดยจะเปิดร้านตั้งแต่เช้า&nbsp;มีลูกค้าหมุนเวียนมาซื้อไปกินที่บ้าน&nbsp;นั่งทานที่ร้านอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ซึ่งทางร้านเปิดขายตั้งแต่&nbsp;เวลา&nbsp;07.00&nbsp;น.&nbsp;ถึง&nbsp;15.00&nbsp;น.&nbsp;หยุดวันอาทิตย์&nbsp;ถือว่าเป็นร้านที่ชาวบ้าน&nbsp;คนใช้แรงงาน&nbsp;ข้าราชการในพื้นที่ฝากท้องในช่วงที่ลำบาก&nbsp;บางคนมานั่งกิน&nbsp;ต้องซื้อกลับบ้านไปฝากหรือไปรับประทานในตอนเที่ยง&nbsp;ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลยทีเดียว&nbsp;อาหารก็มีให้เลือกหลากหลายเมนู&nbsp;เช่น&nbsp;ผัดกะเพรา&nbsp;ผัดขี้เมา&nbsp;ลาบ&nbsp;แกงไตปลา&nbsp;แกงจืด&nbsp;ผัดขิง&nbsp;พะแนง&nbsp;ผัดวุ้นเส้น&nbsp;แกงเขียวหวาน&nbsp;ผัดหน่อไม้&nbsp;ขนมจีน&nbsp;ก๋วยเตี๋ยวหมู&nbsp;ฯลฯ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>เจ้เหมียว&nbsp;บอกว่า</strong>&nbsp;ต้องการช่วยเหลือผู้คนที่ลำบาก&nbsp;โดยเฉพาะในช่วงนี้ชาวบ้านเดือดร้อนจากโควิด&nbsp;19&nbsp;ยังมาเจอของแพง&nbsp;ตนกับครอบครัวเริ่มเปิดร้านขายข้าวแกง&nbsp;มานานกว่า&nbsp;10&nbsp;ปี&nbsp;ในราคาเริ่มต้นจานละ&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;พิเศษ&nbsp;30&nbsp;บาท&nbsp;เพิ่มไข่ดาว&nbsp;5&nbsp;บาท&nbsp;ไม่คิดจะขึ้นราคาเพราะเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านไปด้วย&nbsp;เพียงอาศัยขายเยอะ&nbsp;ๆ&nbsp;ก็พอมีกำไรเลี้ยงครอบครัวได้&nbsp;ซึ่งคนในร้านก็ช่วยขายเป็นลูกหลาน&nbsp;พี่น้อง&nbsp;เริ่มทำตั้งแต่&nbsp;06.00&nbsp;น.&nbsp;เปิดขาย&nbsp;07.00&nbsp;น.&nbsp;ไปจนถึง&nbsp;15.00&nbsp;น.&nbsp;และหยุดวันอาทิตย์&nbsp;ซึ่งจะขายดีในช่วงเช้าก่อนคนไปทำงาน&nbsp;และช่วงเที่ยง&nbsp;คนจะทยอยมาเรื่อย&nbsp;ๆ&nbsp;อาหารที่ร้านจะเน้นทำใหม่สดตลอด&nbsp;ตัวไหนหมดทำเพิ่มเรื่อย&nbsp;ๆ&nbsp;ขายดีจะเป็นผัดกะเพรา&nbsp;ผัดขี้เมา&nbsp;วันหนึ่งผัดทีมากกว่า&nbsp;20&nbsp;กระทะ&nbsp;โดยลูกค้ามีหลากหลายอาชีพ&nbsp;ทั้งนักเรียน&nbsp;ชาวบ้าน&nbsp;คนใช้แรงงาน&nbsp;ข้าราช&nbsp;แวะเวียนเข้ามาซื้อตลอดทั้งวัน&nbsp;โดยเฉลี่ยแล้วกำไรไม่มากพออยู่ได้และก็จะขายต่อไปจนกว่าจะทำไม่ไหว&nbsp;เจ้เหมียว&nbsp;กล่าว</p>11/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครพนมสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111153232845 อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เปิดโครงการเฝ้าระวังและคุ้มครองแรงงานจากการหยุดกิจการชั่วคราวและเลิกจ้าง ป้องกันการละเมิดสิทธิประโยชน์แรงงานตามกฎหมาย เสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับสิทธิและกฎหมายคุ้มครองแรงงาน<p><strong>วันนี้&nbsp;(11&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ที่ห้องประชุมโชควัฒนา&nbsp;สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ลำพูน&nbsp;</strong>อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;นายนิยม&nbsp;สองแก้ว&nbsp;อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน&nbsp;เป็นประธานเปิดโครงการเฝ้าระวังและคุ้มครองแรงงานจากการหยุดกิจการชั่วคราวและเลิกจ้าง&nbsp;เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิประโยชน์แรงงานตามกฎหมาย&nbsp;และโครงการส่งเสริมสวัสดิการแรงงานสูงอายุ&nbsp;เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;โดยมีนายวรยุทธ&nbsp;เนาวรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน&nbsp;นางสาวศิริลักษณ์&nbsp;ตั้งวรปัญญากุล&nbsp;สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดลำพูน&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;เจ้าหน้าที่&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ให้การต้อนรับ</p><p><strong>นายนิยม&nbsp;สองแก้ว&nbsp;อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน&nbsp;เผยว่า</strong>&nbsp;จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(COVID-19)&nbsp;ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกและต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี&nbsp;2562&nbsp;เป็นต้นมา&nbsp;ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า&nbsp;279&nbsp;ล้านราย&nbsp;และมีผู้เสียชีวิตกว่า&nbsp;5&nbsp;ล้าน&nbsp;3&nbsp;แสนราย&nbsp;ส่วนของประเทศไทย&nbsp;ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่&nbsp;2&nbsp;แสนกว่าราย&nbsp;มีผู้เสียชีวิต&nbsp;2&nbsp;หมื่นกว่าคน&nbsp;แม้ในขณะนี้ประเทศไทยได้มีการผ่อนคลายมาตรการ&nbsp;แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวที่มีมาต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่ปี&nbsp;2563&nbsp;จนถึงปัจจุบัน&nbsp;และเชื้อดังกล่าวยังมีการพัฒนาเป็นสายพันธุ์ใหม่เข้ามา&nbsp;ซึ่งไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัดว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด&nbsp;ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศเป็นวงกว้าง&nbsp;สถานประกอบกิจการยังคงเผชิญความเสี่ยงที่จะต้องลดกำลังการผลิต&nbsp;หรือหยุดกิจการ&nbsp;ชั่วคราวหรือเลิกจ้าง&nbsp;มีการใช้เทคนิคหรือกลยุทธ์ต่างๆ&nbsp;ในการบริหารจัดการโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนด้านแรงงานแต่ยังต้องรักษาสภาพการจ้างงานบางส่วนไว้&nbsp;ก่อให้เกิดการจ้างงานรูปแบบใหม่ซึ่งส่งผลกระทบต่อลูกจ้างเป็นจำนวนมาก</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;จังหวัดลำพูนมีนิคมอุตสาหกรรม</strong>&nbsp;ซึ่งถือเป็นแหล่งจ้างงานขนาดใหญ่ที่สำคัญของภาคเหนือ&nbsp;ขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งจ้างงานภาคเกษตรกรรมที่สำคัญของประเทศและพืชเกษตรที่สำคัญ&nbsp;คือ&nbsp;ลำไย&nbsp;เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส&nbsp;COVID-19&nbsp;ย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจภาคอุตสาหกรรม&nbsp;และธุรกิจภาคเกษตรกรรม&nbsp;จากการติดตามข่าวได้ทราบว่าจังหวัดลำพูนได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก&nbsp;มีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเข้มข้น&nbsp;และเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง&nbsp;เพื่อหาแนวทางป้องกันผลกระทบต่อภาคแรงงานในอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของจังหวัด&nbsp;ในส่วนของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้มอบหมายให้สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดลำพูน&nbsp;เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์และตรวจสอบกรณีการหยุดกิจการชั่วคราวและการเลิกจ้างของสถานประกอบกิจการ&nbsp;เพื่อป้องกันมิให้มีการละเมิดสิทธิประโยชน์ของลูกจ้าง&nbsp;สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ตามกฎหมาย&nbsp;รวมถึงส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างให้ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือในการแก้ปัญหาในภาวะวิกฤตนี้&nbsp;เพื่อให้สถานประกอบกิจการสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้โดยไม่มีการเลิกจ้างหรือเลิกจ้างให้น้อยที่สุด&nbsp;ตลอดจนการเสริมสร้างความรู้ให้แก่แรงงานผู้สูงอายุในกรณีที่ต้องเกษียณอายุหรือถูกเลิกจ้างก่อนกำหนดให้มีความรู้ด้านสุขภาพอนามัยมีความพร้อมและวางแผนในการดำรงชีวิตหลังเกษียณ&nbsp;ขอให้ผู้เข้ารับการอบรมทุกท่านตั้งใจ&nbsp;เก็บเกี่ยวความรู้จากวิทยากรเพื่อจะได้นำความรู้&nbsp;และทักษะที่ได้รับไปใช้เป็น&nbsp;แนวทางในการบริหารจัดการแรงงานในสถานประกอบกิจการ&nbsp;ในภาวะวิกฤตเช่นนี้&nbsp;ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน&nbsp;ตลอดจนสามารถวางแผน&nbsp;ใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างมีความสุข&nbsp;และมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป</p><p><strong>ด้าน&nbsp;สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดลำพูน</strong>&nbsp;เผยว่า&nbsp;การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส&nbsp;COVID-19&nbsp;ส่งผลกระทบไม่เพียงด้านสุขภาพที่มีผู้ป่วยและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากเท่านั้น&nbsp;ยังรวมถึงด้านเศรษฐกิจ&nbsp;เมื่อรัฐบาลหลายประเทศมีมาตรการล็อกดาวน์จนถึงขั้นปิดประเทศ&nbsp;ทำให้การติดต่อค้าขายมีการหยุดชะงัก&nbsp;สถานประกอบกิจการได้รับผลกระทบโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคบริการด้านการท่องเที่ยว&nbsp;และอุตสาหกรรมส่งออกไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ต้องหยุดกิจการชั่วคราว&nbsp;ลดชั่วโมงการทำงานลดเงินเดือนพนักงานไปจนถึงการเลิกจ้างหรือปิดกิจการ&nbsp;ผู้ประกอบการหลากหลายสาขาต้องปรับเปลี่ยนแนวทางในการดำเนินธุรกิจการให้บริการ&nbsp;ขณะเดียวกันก็ปรับวิธีการทำงาน&nbsp;การบริหารจัดการสู่บริบทความปกติใหม่&nbsp;(New&nbsp;Normal)&nbsp;เพื่อลดค่าใช้จ่ายและให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป</p><p><strong>จากข้อมูลของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดลำพูนในปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.2563&nbsp;</strong>ถึงปัจจุบัน&nbsp;พบว่า&nbsp;มีสถานประกอบกิจการได้หยุดกิจการชั่วคราวตามมาตรา&nbsp;75&nbsp;แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2541&nbsp;จำนวน&nbsp;19&nbsp;แห่ง&nbsp;ส่งผลกระพบต่อลูกจ้าง&nbsp;จำนวน&nbsp;6,893&nbsp;คน&nbsp;และมีสถานประกอบกิจการจำนวน&nbsp;94&nbsp;แห่ง&nbsp;มีการเลิกจ้างซึ่งส่งผลกระทบต่อลูกจ้าง&nbsp;จำนวน&nbsp;1,962&nbsp;คน&nbsp;ประกอบกับในปี&nbsp;2564&nbsp;จากข้อมูลของสำนักงานสถิติจังหวัดลำพูน&nbsp;พบว่าจังหวัดลำพูนมีประชากรที่เป็นผู้สูงอายุ&nbsp;จำนวน&nbsp;186,264&nbsp;คน&nbsp;โดยในจำนวนนี้เป็นแรงงานผู้สูงอายุที่อยู่ในระบบ&nbsp;จำนวน&nbsp;79,951&nbsp;คน&nbsp;ซึ่งกลุ่มแรงงานเหล่านี้นายจ้างมักจะเลือกกลุ่มเป้าหมายเป็นลำดับต้นในการพิจารณาการเลิกจ้าง</p><p><strong>สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดลำพูน&nbsp;</strong>จึงได้จัดโครงการฯ&nbsp;เพื่อเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ตมกฎหมายคุ้มครองแรงานและป้องกันมิให้แรงงานถูกละเมิดสิทธิจากการหยุดกิจการชั่วคราวและเลิกจ้างตลอดจนสามารถบริหารจัดการแรงงานในภาวะวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพื่อส่งเสริมให้แรงงานผู้สูงอายุมีการเตรียมความพร้อมก่อนการเกษียณอายุสามารถใช้ชีวิตภายหลังการเกษียณอายุได้อย่างมีความสุข&nbsp;และมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป&nbsp;โดยการจัดอบรมในครั้งนี้&nbsp;ได้รับการสนับสนุนวิทยากรจากศาลแรงงานภาค&nbsp;5&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน&nbsp;ผู้เข้ารับการอบรมประกอบด้วย&nbsp;นายจ้าง&nbsp;ลูกจ้าง&nbsp;และผู้ที่เกี่ยวข้อง&nbsp;จำนวนรวม&nbsp;50&nbsp;คน</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p><br></p>11/1/2022ภาคเหนือลำพูนสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111160359864 จังหวัดสงขลา ติดตามความคืบหน้าการขับเคลื่อนเตรียมความพร้อมเปิดพื้นที่การท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(11&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;ที่ห้องประชุมสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสงขลา</strong>&nbsp;นายอำพล&nbsp;พงศ์สุวรรณ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา&nbsp;เป็นประธานการประชุมติดความคืบหน้าการขับเคลื่อนเตรียมความพร้อมเปิดพื้นที่การท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา&nbsp;ร่วมกับตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;อาทิ&nbsp;สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา&nbsp;การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;สำนักงานหาดใหญ่&nbsp;สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสงขลา&nbsp;สำนักงานจังหวัดสงขลา&nbsp;สำนักงานจังหวัดสงขลา&nbsp;สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา&nbsp;ฯลฯ&nbsp;โดยหารือเกี่ยวกับการประเมินพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว&nbsp;การพัฒนาพื้นที่ปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว&nbsp;แนวทางการเปิดด่านชายแดน&nbsp;แนวทางการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยว&nbsp;เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายอำพล&nbsp;พงศ์สุวรรณ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ตามที่&nbsp;รัฐบาลกำหนดให้จังหวัดสงขลา&nbsp;ดำเนินการเปิดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว&nbsp;ในระยะที่&nbsp;2&nbsp;(1-31&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564)&nbsp;เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ&nbsp;จังหวัดสงขลาได้ดำเนินการขับเคลื่อนและเตรียมความพร้อมในด้านมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย&nbsp;ด้านกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว&nbsp;เพื่อรองรับการเปิดพื้นที่การท่องเที่ยว&nbsp;โดยในเบื้องต้นได้กำหนดเปิดพื้นที่การท่องเที่ยว&nbsp;ระยะที่&nbsp;1&nbsp;ในวันที่&nbsp;16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;รูปแบบ&nbsp;Test&nbsp;and&nbsp;G0&nbsp;ช่องทางทางบก&nbsp;ผ่านบริษัทนำเที่ยว&nbsp;ณ&nbsp;ด่านสะเดา&nbsp;ซึ่งการเปิดด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย&nbsp;ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลทั้ง&nbsp;2&nbsp;ประเทศก่อน&nbsp;โดยพลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรี&nbsp;มีกำหนดหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีมาเลเซีย&nbsp;เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบความเป็นไปได้ในการเปิดพรมแดน&nbsp;และการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง&nbsp;ทั้งทางอากาศ&nbsp;ทางบก&nbsp;และทางน้ำ&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;29-30&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>แต่เนื่องจากมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;สายพันธุ์&nbsp;"โอมิครอน"</strong>&nbsp;รวมทั้งทางประเทศมาเลเซียเกิดน้ำท่วมหนัก&nbsp;ทำให้บ้านเรือนประชากรในประเทศมาเลเซียได้รับความเสียหาย&nbsp;นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย&nbsp;จึงเลื่อนกำหนดการเจรจากับทางรัฐบาลไทย&nbsp;และให้มีการเลื่อนการเปิดด่านไปก่อน&nbsp;รวมทั้งปัจจุบันรัฐบาลได้ยกเลิกมาตรการเดินทางเข้าประเทศแบบ&nbsp;Test&nbsp;and&nbsp;Go&nbsp;และ&nbsp;Sandbox&nbsp;ยกเว้น&nbsp;ภูเก็ตแชนด์บ็อกซ์&nbsp;เป็นการชั่วคราว</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;จังหวัดสงขลายังคงขับเคลื่อนและเตรียมความพร้อมเปิดพื้นที่การท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง</strong>&nbsp;โดยเร่งรัดการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น&nbsp;หรือเข็ม&nbsp;3&nbsp;ดำเนินมาตรการ&nbsp;COVID&nbsp;Free&nbsp;Setting&nbsp;เร่งรัดการตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;2%&nbsp;ของประชากรต่อสัปดาห์&nbsp;เตรียมความพร้อมเรื่องการดูแลรักษาพยาบาล&nbsp;โดยเฉพาะความพร้อมของโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ&nbsp;และผลักดันให้สถานประกอบการในพื้นที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยให้ได้มากที่สุด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>11/1/2022ภาคใต้สงขลาสวท.สงขลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111170218903 ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยแผนปี 65-67 “เชื่อมโยงตลาดทุน มุ่งสร้างโอกาสใหม่”<p><strong>นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไท</strong>ย เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ความท้าทายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ขณะที่โลกยุคดิจิทัลเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง <strong>กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ ยึดมั่นวิสัยทัศน์&nbsp;&nbsp;&nbsp;“To Make the Capital Market ‘Work’ for Everyone” </strong>มุ่งพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน พร้อมปรับตัวและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยแผนกลยุทธ์ 3 ปีต่อจากนี้ (2565-2567) จะขยายสู่การเชื่อมโยงการลงทุนโลกปัจจุบันควบคู่ไปกับโลกอนาคต ให้เป็นแหล่งรวมการลงทุนของประเทศ พร้อมส่งเสริมทักษะทางการเงินของคนไทยเพื่อคุณภาพชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจในการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนของประเทศ ผ่านกลยุทธ์ 3 ด้าน </p><p>1) เชื่อมโยงโอกาสทุกภาคส่วน&nbsp;</p><p>2) พัฒนานวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่ทุกคนไว้วางใจ และ 3) ส่งเสริมความยั่งยืนด้านการเงินเพื่อคนไทย</p><p>&nbsp;</p><p>1) เชื่อมโยงโอกาสทุกภาคส่วน ด้วยการส่งเสริมการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นจดทะเบียนใหม่แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) ของบริษัทที่มีศักยภาพและการเติบโตสูง และการจดทะเบียนของบริษัทจากต่างประเทศ มุ่งพัฒนาแหล่งระดมทุนสำหรับธุรกิจเพื่อสังคม เอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพ ด้วยการต่อยอดจาก LiVE Platform ไปสู่ LiVE Exchange โดยคาดว่าจะเปิดซื้อขายภายในไตรมาส 1 ปี 2565 พร้อมยกระดับคุณภาพของบริษัทจดทะเบียนโดยการบ่มเพาะให้เป็น ESG Investment Stars สนับสนุนให้บริษัทขนาดกลางและเล็ก นำแนวคิดด้าน ESG มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเพิ่มจำนวนบริษัทที่อยู่ในดัชนีความยั่งยืนระดับโลก ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรในตลาดทุน เพิ่มการเข้าถึงการลงทุนที่ง่ายขึ้นด้วยกระบวนการเปิดบัญชีที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมผู้ลงทุนบุคคลใช้เทคโนโลยีช่วยในการซื้อขาย ตอบโจทย์ผู้ลงทุนรุ่นใหม่ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ใช้เงินลงทุนขั้นต่ำน้อย รวมทั้งเชื่อมโยงโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ อาทิ ETF DR DW และ Fractional Product ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้ซื้อขายได้ต้นไตรมาส 3 ของปีนี้ </p><p>&nbsp;</p><p>2) พัฒนานวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานที่ทุกคนไว้วางใจ โดยการขยายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีความน่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเพื่อสอดคล้องกับชีวิตวิถีใหม่ ยกระดับการบริหารจัดการผู้ประกอบวิชาชีพในตลาดทุนแบบครบวงจรผ่านรูปแบบดิจิทัล พร้อมพัฒนา ESG Data Platform เพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลสำหรับการลงทุนในหุ้นยั่งยืน รวมถึงเตรียมพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่เพื่อเชื่อมต่อการซื้อขายจากสินทรัพย์ในปัจจุบันไปสู่สินทรัพย์ดิจิทัล โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (TDX) ภายในไตรมาส 3 ปี 2565 </p><p>&nbsp;</p><p>3) ส่งเสริมความยั่งยืนด้านการเงินเพื่อคนไทย ผ่านการส่งเสริมและการศึกษาด้าน ESG โดยการเพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้าน ESG ผ่านการร่วมมือกับสถาบันการศึกษา รวมทั้งองค์กรต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่หลักสูตรที่เป็นมาตรฐานด้าน ESG ส่งเสริมทักษะทางการเงินให้เป็นส่วนหนึ่งในทักษะชีวิตของคนไทยเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ อาทิ โครงการ Happy Money เพิ่มจำนวนพันธมิตรในการขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมและภูมิอากาศผ่านโครงการ&nbsp;Climate Care Platforms รวมถึงเพิ่มศักยภาพธุรกิจเพื่อสังคม และสนับสนุนธรรมาภิบาลด้านความปลอดภัย</p><p>ไซเบอร์ของตลาดทุนไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>&nbsp;</p><p>“เพื่อให้การพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตมีความยืดหยุ่น สนับสนุนการแข่งขันในโลกการลงทุนยุคดิจิทัล </p><p>ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ขยายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างคล่องตัว และเปิดโอกาสให้มีการทำงานร่วมกับพันธมิตรได้อย่างเต็มที่ เชื่อว่าจะสามารถสร้างโลกการลงทุนปัจจุบันควบคู่ไปกับโลกอนาคตได้อย่างไร้รอยต่อ ตอบโจทย์ทั้งผู้ออกหลักทรัพย์ ผู้ลงทุน และผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วน พร้อมเดินหน้าดูแลคนไทยผ่านความเปลี่ยนแปลงและเติบโตไปพร้อมกัน” นายภากรกล่าว </p><p>&nbsp;</p><p><strong>สรุปพัฒนาการสำคัญและความสำเร็จปี 2564</strong>&nbsp;</p><p>สร้างการเติบโตให้กับตลาดทุน</p><p>•&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของหลักทรัพย์ IPO ที่ 4.54 แสนล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับ 7 ในเอเชีย และอันดับ 18 ของโลก</p><p>•&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สภาพคล่องสูงสุดในอาเซียน ตั้งแต่ปี 2555 โดยปัจจุบันมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 9.39 หมื่นล้านบาท</p><p>•&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จำนวนบัญชีหุ้นเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบัญชี หรือเพิ่มขึ้น 40% จากสิ้นปีก่อนหน้า ปัจจุบันมีบัญชีซื้อขายหุ้นกว่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5 ล้านบัญชี</p><p>•&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มีเกณฑ์รองรับ IPO สำหรับ New Economy ตอบโจทย์การระดมทุนของรัฐในอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายรัฐ</p><p>•&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ได้รางวัล “ตลาดหลักทรัพย์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำปี 2564” (Best Stock Exchange Southeast Asia 2021) จากGlobal Banking and Finance Review และรางวัล “ESQR’s Quality Achievements Award 2021” จากสถาบัน European Society for Quality Research (ESQR) สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นที่ยอมรับในระดับสากลในฐานะตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย</p><p>&nbsp;</p><p>ส่งเสริมความคล่องตัวให้กับภาคธุรกิจ</p><p>•&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พัฒนาระบบซื้อขาย LiVE Exchange เพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนของเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพ</p><p>•&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เชื่อมโยงสินค้าและบริการในตลาดโลก เช่น DR Linkage ไทย-สิงคโปร์, DW on DJSI, NASDAQ-100 Index และ Hang Seng Tech Index และอ้างอิงหุ้นในตลาดฮ่องกง </p><p>•&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พัฒนาบริการ Streaming Fund+ ซื้อขายกองทุนรวมและสร้างแผนการลงทุน</p><p>&nbsp;</p><p>•&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;FundConnext มีธุรกรรมซื้อขายกองทุนรวมมากกว่า 33,000 รายการต่อวัน เพิ่มขึ้นกว่า 1.6 เท่า จากปี 2563</p><p>•&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พัฒนาบริการ Digital Access Platform (DAP) โดยเป็น “NDID Proxy” ของตลาดทุน พร้อมเดินหน้าเชื่อมโยงฐานข้อมูลกับหน่วยงานทางการ </p><p>&nbsp;</p><p>สนับสนุนความยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสีย&nbsp;</p><p>•&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;24 บริษัทจดทะเบียนไทยได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) สูงสุดในอาเซียนเป็นปีที่ 8 และ 11 บริษัทไทย ติดอันดับ Gold class ของ S&amp;P Global สูงสุดของโลก</p><p>•&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขยายพันธมิตรพัฒนาหลักสูตรผู้ประกอบการ เช่น NIA ปัญญาภิวัฒน์ และ Expara Thailand</p><p>•&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สร้างการเรียนรู้ทางการเงินสำหรับคนไทยผ่านโครงการ Happy Money, AOM YOUNG และ INVESTORY Mobile Exhibition on Schools </p><p>•&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เดินหน้าลดโลกร้อน Climate Care Platforms โดยมีบริษัทเข้าร่วมมากกว่า 300 บริษัท และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอาคารให้เป็นศูนย์ (carbon neutral) </p><p>•&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ออกมาตรการลดผลกระทบจาก COVID-19 ให้กับผู้มีส่วนได้เสีย </p><p>&nbsp;</p><p>&nbsp;</p>11/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครหน่วยงานสำนักข่าวhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111165820899 พาณิชย์บึงกาฬ ให้ข้อมูลสาเหตุที่ราคาเนื้อหมูแพงในช่วงนี้ พร้อมชี้มาตรการของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเร่งแก้ปัญหานี้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นางสาวเอื้อนจิตร&nbsp;ช่วยนก&nbsp;พาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ</strong>&nbsp;ให้ข้อมูลว่า&nbsp;จากสถานการณ์เนื้อหมูราคาแพงและเนื้อหมูขาดตลาด&nbsp;ตั้งแต่เดือนธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;จนถึงปัจจุบันก็ทำให้ร้านค้า&nbsp;ร้านอาหารต้องปรับราคาค่าอาหารที่มีเนื้อหมูเป็นส่วนประกอบซึ่งมีราคาสูงขึ้น&nbsp;ซึ่งมีสาเหตุมาจาก</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.ผู้เลี้ยงสุกรแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นไม่ไหว&nbsp;บางรายจึงต้องตัดสินใจเลิกเลี้ยงหมูไปก่อนในช่วงนี้&nbsp;ส่งผลให้ฟาร์มร้าง&nbsp;หมูขาดตลาด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.เกิดโรคระบาดในสุกร&nbsp;ผู้เลี้ยงสุกรจึงต้องใช้เงินลงทุนในระบบป้องกันที่เรียกว่า&nbsp;Biosecurity&nbsp;(ระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ)&nbsp;ที่สูงขึ้น&nbsp;ทำให้มีต้นทุนการเลี้ยงสุกรที่เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ในการแก้ปัญหานี้</strong>&nbsp;กรมการค้าภายในก็ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศจัดรายการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;2)&nbsp;ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;(นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์)&nbsp;เพื่อลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;ซึ่งเป็นโครงการเร่งด่วนในภาวะที่ราคาหมูแพงขึ้น&nbsp;เพื่อให้ประชาชนได้มีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูที่ถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งจัดกันทั้งหมด&nbsp;15&nbsp;วัน&nbsp;ในส่วนของ&nbsp;จ.บึงกาฬ&nbsp;ก็จัดมาแล้วตั้งแต่วันที่&nbsp;6&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;และจะจัดไปจนถึงวันที่&nbsp;22&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;และหยุดขายในวันพระ&nbsp;โดยหมูที่นำมาขายนี้เป็นหมูเนื้อแดง&nbsp;ขายในราคาถูก&nbsp;150&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านเขียงหมูเจ๊กบ&nbsp;ร้านเขียงหมูเจ๊เหล๋ย&nbsp;ในตลาดสดเทศบาลเมืองบึงกาฬ&nbsp;โดยกำหนดขาย&nbsp;จุดละ&nbsp;100&nbsp;กิโลกรัม</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ส่วนการแก้ปัญหาในระยะยาว</strong>&nbsp;มีการพิจารณาในประเด็นเรื่องจำนวน&nbsp;ปริมาณตัวเลขการผลิตหมูที่ป้อนเข้าสู่ตลาด&nbsp;และมีประกาศจากคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ว่าด้วยเรื่องการห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักรทุกกรณีเป็นระยะเวลา&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;จนถึงวันที่&nbsp;5&nbsp;เม.ย.&nbsp;65&nbsp;เป็นการชั่วคราวก่อน&nbsp;แล้วหลังจากนั้นจะพิจารณาต่อไปตามสถานการณ์ว่าจะต้องมีการต่ออายุหรือไม่&nbsp;และยังได้มีการออกประกาศเรื่องการแจ้งปริมาณราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และการจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื่องจากว่าสินค้าสุกรเป็นสินค้าควบคุมตาม&nbsp;พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ&nbsp;โดยให้ผู้เลี้ยงที่มีปริมาณการเลี้ยงเกิน&nbsp;500&nbsp;ตัว&nbsp;,&nbsp;ผู้ค้าส่งที่มีปริมาณการส่งเกิน&nbsp;500&nbsp;ตัว&nbsp;และห้องเย็นที่มีการเก็บสต๊อกเกิน&nbsp;5,000&nbsp;กิโลกรัมขึ้นไป&nbsp;ให้แจ้งสต๊อกราคาและจำนวนสินค้าให้กรมการค้าภายในทราบในทุก&nbsp;7&nbsp;วัน&nbsp;เริ่มตั้งแต่วันที่&nbsp;10&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;เพื่อให้ทราบปริมาณหมูเป็น&nbsp;หมูแช่แข็งแช่เย็นที่อยู่ในระบบทั่วประเทศมีปริมาณทั้งหมดเท่าไร&nbsp;และในที่ประชุมได้มอบหมายให้กรมปศุสัตว์&nbsp;เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงในเรื่องนี้&nbsp;ผลิตสุกรเข้าระบบ&nbsp;และเร่งส่งเสริมการเลี้ยงสุกรให้เพิ่มมากขึ้น&nbsp;เพื่อให้สุกรมีเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศโดยเร็วที่สุด</p>11/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบึงกาฬสวท.บึงกาฬhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111172848912 กระบี่ นำร่องบูรณาการ 4 ตลาดกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์โควิด-19<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(11&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)</strong>&nbsp;นายพุฒิพงศ์&nbsp;ศิริมาตย์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่&nbsp;เป็นประธานประชุมหารือเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;ช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์โควิด-19&nbsp;มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;นายสาโรจน์&nbsp;ไชยมาตร&nbsp;ท้องถิ่นจังหวัดกระบี่&nbsp;นายสุภาพ&nbsp;จีนเมือง&nbsp;พาณิชย์จังหวัดกระบี่&nbsp;นายสงัด&nbsp;พืชพันธุ์&nbsp;พัฒนาการจังหวัดกระบี่&nbsp;นายชำนาญ&nbsp;นุ่นดำ&nbsp;เกษตรจังหวัดกระบี่&nbsp;พันตำรวจเอก&nbsp;สมเด็จ&nbsp;สุขการ&nbsp;นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่&nbsp;นายกิตติ&nbsp;ณัฏฐวุฒิสิทธิ์&nbsp;รองประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่&nbsp;ณ&nbsp;ห้องปฏิบัติงานผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่&nbsp;ชั้น&nbsp;4&nbsp;ศาลากลางจังหวัดกระบี่</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>โดยผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่</strong>&nbsp;ได้มอบแนวทางในการขับเคลื่อนในการบูรณาการตลาด&nbsp;เพื่อช่วยเหลือประชาชนได้มีแหล่งขายสินค้าเพิ่มมากขึ้น&nbsp;และประชาชนได้มีทางเลือกตลาดซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นด้วยเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่&nbsp;ในเบื้องต้นให้มีการนำร่องบูรณาการ&nbsp;4&nbsp;ตลาด&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ตลาดถนนคนเดิน&nbsp;เปิดให้บริการ&nbsp;ทุกวันศุกร์&nbsp;เสาร์&nbsp;และอาทิตย์&nbsp;บริหารจัดการโดยหอการค้าจังหวัดกระบี่&nbsp;,&nbsp;ตลาดประชารัฐคนไทยยิ้มได้&nbsp;หลังศาลากลางจังหวัดกระบี่&nbsp;เปิดให้บริการทุกวันพฤหัสบดี&nbsp;บริหารจัดการโดยเทศบาลเมืองกระบี่&nbsp;และสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกระบี่&nbsp;,&nbsp;ตลาดเกษตรกรจังหวัดกระบี่&nbsp;เปิดให้บริการวันจันทร์&nbsp;บริหารจัดการโดยสำนักงานเกษตรจังหวัดกระบี่&nbsp;และตลาดโต้รุ่งสะพานเจ้าฟ้า&nbsp;เปิดให้บริการทุกวัน&nbsp;บริหารจัดการโดยเทศบาลเมืองกระบี่</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;การบูรณาการ&nbsp;4&nbsp;ตลาดดังกล่าว&nbsp;</strong>จะช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับพ่อค้าแม่ค้าและเกษตรกร&nbsp;ได้รับผลกระทบรายได้ที่ลดลงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19&nbsp;จึงได้เพิ่มช่องทางการตลาดขึ้นเพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าและเกษตรกร&nbsp;ได้มีตลาดเป็นช่องทางจำหน่ายผลผลิตเพิ่มมากขึ้น&nbsp;และประชาชนผู้ซื้อได้มีทางเลือกซื้อสินค้าได้สะดวกมากขึ้นด้วย&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;สร้างความเข็มแข็ง&nbsp;มั่นคง&nbsp;กระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืน</p>11/1/2022ภาคใต้กระบี่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111173204914 เปิดพื้นที่แซนด์บ๊อกซ์ 3 จังหวัดภาคใต้วันนี้วันแรก กำชับเจ้าหน้าที่ทุกราย คุมเข้มตามมาตรการสาธารณสุข<p><strong>นายยุทธศักดิ์&nbsp;สุภสร&nbsp;ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;(ททท.)</strong>&nbsp;เปิดเผยถึงภาพรวมการเปิด&nbsp;sandbox&nbsp;3&nbsp;จังหวัดภาคใต้&nbsp;วันนี้วันแรก&nbsp;หลังมีมติจาก&nbsp;ศบค.&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;7&nbsp;มกราคมที่ผ่านมา&nbsp;ว่า&nbsp;ได้อนุมัติการเปิดพื้นที่&nbsp;sandbox&nbsp;เพิ่มเติมใน&nbsp;3&nbsp;จังหวัดภาคใต้&nbsp;ได้แก่&nbsp;จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;จังหวัดพังงาและจังหวัดกระบี่&nbsp;ซึ่งดูจากสถิติใน<span&nbsp;style="background-color:&nbsp;rgba(0,&nbsp;0,&nbsp;0,&nbsp;0);">การ</span>ยื่นขอ&nbsp;Thailand&nbsp;Pass&nbsp;มีประชาชนเข้าร่วมประมาณ&nbsp;3,800&nbsp;คน&nbsp;ส่วนใหญ่จะเป็นประชาชนที่เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตรองลงมากระบี่&nbsp;และสมุย&nbsp;ตามลำดับ</p><p><strong>การท่องเที่ยว&nbsp;มีมาตรการและแนวทางความพร้อม&nbsp;</strong>ของ&nbsp;sandbox&nbsp;ในพื้นที่ใหม่&nbsp;ยังคงเป็นไปตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดและกำชับเจ้าหน้าที่ทุกรายตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวด&nbsp;&nbsp;ประกอบไปด้วย&nbsp;ติดตั้ง&nbsp;แอปพลิเคชันหมอชนะ&nbsp;เพื่อการติดตามและกำกับที่อยู่ในพื้นที่และมีการตรวจ&nbsp;RT-PCR&nbsp;2&nbsp;ครั้ง&nbsp;เนื่องจากการตรวจพบเชื้อครั้งที่สองจะมีสถิติที่สูงกว่าการตรวจหาเชื้อในครั้งแรก&nbsp;ซึ่งจะเน้นการตรวจคัดกรองในพื้นที่&nbsp;phuket&nbsp;sandbox&nbsp;เดิม&nbsp;และ&nbsp;3&nbsp;พื้นที่&nbsp;sandbox&nbsp;ใหม่</p><p><br></p><p><br></p>11/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111192435943 พาณิชย์นครพนม ร่วมกับสำนักงานสาขาชั่งตวงวัดเขต 2-3 สกลนคร ตรวจสอบเรื่องร้องเรียน<p><strong>วันที่&nbsp;11&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</strong>นายจิรวุฒิ&nbsp;สุวรรณอาจ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดนครพนม&nbsp;มอบหมายให้นายธิติศักดิ์&nbsp;ผาสุขนิตย์ชญากุล&nbsp;ผอ.กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนงาน&nbsp;พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานฯ&nbsp;ออกตรวจสอบเรื่องร้องเรียนร่วมกับสำนักงาน&nbsp;สาขาชั่งตวงวัดเขต&nbsp;2-3&nbsp;สกลนคร&nbsp;ตามคำร้องที่&nbsp;กท&nbsp;0020/&nbsp;65&nbsp;กรณีร้องเรียนว่าราคาจำหน่ายปลีกน้ำมันดีเซล&nbsp;B7&nbsp;ไม่ตรงกับป้ายแสดงราคาหน้าสถานีบริการน้ำมัน&nbsp;ผลการตรวจสอบพบว่า&nbsp;ณ&nbsp;วันเวลาทำการตรวจสอบ&nbsp;พบว่าราคาจำหน่ายปลีกหัวจ่ายน้ำมันดีเซล&nbsp;B7&nbsp;จำนวน&nbsp;6&nbsp;หัวจ่าย&nbsp;ราคา&nbsp;30.66&nbsp;บาท/ลิตร&nbsp;ราคาที่แสดงไว้หน้าสถานีบริการน้ำมัน&nbsp;ราคา&nbsp;30.66&nbsp;บาท/ลิตร&nbsp;โดยจำกัดโควต้าไม่เกิน&nbsp;100&nbsp;ลิตร&nbsp;ส่วนราคาส่งมี&nbsp;2&nbsp;หัวจ่าย&nbsp;ราคา&nbsp;30.35&nbsp;บาท/ลิตร&nbsp;ไม่จำกัดโควต้าการซื้อ&nbsp;และจากการติดต่อสอบถามผู้ร้องและผู้ประกอบการทราบว่า&nbsp;เรื่องร้องเรียนดังกล่าวเป็นเรื่องจริง&nbsp;โดยจำหน่ายน้ำมันดีเซล&nbsp;B7&nbsp;ในวันที่&nbsp;4&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ราคาจำหน่ายปลีก&nbsp;29.26&nbsp;บาท/ลิตร&nbsp;ราคาที่แสดงไว้หน้าสถานี&nbsp;29.26&nbsp;บาท/ลิตร&nbsp;ราคาส่ง&nbsp;29.55&nbsp;บาท/ลิตร&nbsp;เหตุที่ราคาส่งสูงกว่าราคาปลีกในช่วงวันเวลาดังกล่าว&nbsp;เนื่องจากล็อตน้ำมันขายส่งยังเป็นโควต้าเดิม&nbsp;ยังไม่ปรับราคา&nbsp;แต่ทางสถานีได้แจ้งให้ผู้ร้องไปเติมที่หัวจ่ายขายปลีกแล้วในราคา&nbsp;29.26&nbsp;บาท/ลิตร&nbsp;ในปริมาณ&nbsp;100&nbsp;ลิตร&nbsp;แต่ผู้ร้องพอใจที่จะเติมหัวจ่าย&nbsp;ในราคาส่ง&nbsp;200&nbsp;ลิตร&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้ผู้ร้องรับทราบเหตุผลและไม่ติดใจเรื่องราคา</strong>&nbsp;แต่ไม่พอใจการให้บริการของพนักงานที่พูดจาเสียงดังไม่สุภาพ&nbsp;ซึ่งอยากให้ทางสถานีขอโทษ&nbsp;ทางสถานีได้ให้พนักงานดังกล่าวขอโทษผู้ร้อง&nbsp;และมีโปรโมชั่นส่วนลด&nbsp;10&nbsp;สต./1,000&nbsp;ลิตร&nbsp;หากนำบิลจำนวน&nbsp;1,000&nbsp;ลิตรมายืนยัน&nbsp;ซึ่งทางผู้ร้องพึงพอใจกับการดำเนินการ&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;สำนักงานสาขาชั่งตวงวัดเขต&nbsp;2-3&nbsp;สกลนคร&nbsp;ได้ตรวจสอบหัวจ่ายน้ำมัน&nbsp;จำนวน&nbsp;24&nbsp;หัวจ่าย&nbsp;พบว่า&nbsp;ถูกต้อง&nbsp;ครบถ้วน</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;</p>11/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครพนมสวท.นครพนมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111190945940 พาณิชย์จังหวัดมุกดาหารกำหนดจุดจำหน่ายสุกรและตึงราคา ก.ก.ละ 150 บาทจนถึงวันที่ 31 มกราคมนี้<p><strong>วันนี้&nbsp;(11&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นางลักขณา&nbsp;บุญนำพาณิชย์&nbsp;จังหวัดมุกดาหาร</strong>&nbsp;กล่าวภายหลังการประชุมชี้แจ้งมาตรการแก้ไขปัญหาสุกร&nbsp;ผ่านระบบ&nbsp;Zoom&nbsp;Meeting&nbsp;ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อชี้แจ้งมาตรการแก้ไขปัญหาสุกร&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมสำนักงานพาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;โดยกำหนดให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดดำเนินการจัดจุดจำหน่ายสุกรและตึงราคาหมูชำแหละเนื้อแดง&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;6&nbsp;จุด&nbsp;จากเดิมกำหนดสิ้นสุดวันที่&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับราคาสุกรสูงขึ้น&nbsp;รวมทั้งเพื่อเพิ่มช่องทางในการซื้อเนื้อสุกรชำแหละในราคาถูกกว่าท้องตลาด</p><p><strong>สำหรับจังหวัดมุกดาหารปัจจุบันมีเขียงหมูที่เข้าร่วมโครงการ</strong>&nbsp;จำหน่ายหมูพาณิชย์ลดราคาเพื่อประชาชน&nbsp;ราคา&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;เพียง&nbsp;2&nbsp;จุดคือ.1.เขียงหมูแจ๋วแหว๋ว&nbsp;2&nbsp;เชียงหมูเจ๊น้อย&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดศิริพร&nbsp;เวลา&nbsp;07.00&nbsp;น.เป็นต้นไป&nbsp;สำหรับจุดที่เพิ่มเติม&nbsp;สนง.พาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;จะแจ้งให้ทราบต่อไป</p><p><strong>ในส่วนของเรื่องไก่เนื้อ</strong>&nbsp;ทางกรมการค้าภายใน&nbsp;แจ้งว่าได้ประสานขอความร่วมมือสมาคมผู้เลี้ยงไก่&nbsp;ผู้ประกอบการรายใหญ่ให้ตรึงราคาสินค้าเป็นเวลา&nbsp;6&nbsp;เดือน&nbsp;ได้แก่</p><p>-&nbsp;ไก่เป็น&nbsp;ราคา&nbsp;35.50&nbsp;บาท/กก.</p><p>-&nbsp;ไก่สดทั้งตัวไม่รวมเครื่องใน&nbsp;ราคา&nbsp;60-65&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;น่องติดสะโพก/น่อง/สะโพก&nbsp;ราคา&nbsp;60-65&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;เนื้ออก&nbsp;ราคา&nbsp;65-70&nbsp;บาท/กก.</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;</p><p>&nbsp;</p><p>&nbsp;</p>11/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมุกดาหารสวท.มุกดาหารhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111191214941 จังหวัดชลบุรี นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่ฯ แนะรัฐลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ หวังดึงราคาเนื้อหมู-ไก่ไม่ให้พุ่งไกลกว่าที่เป็นอยู่<p><strong>นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่ฯ</strong>&nbsp;แนะรัฐลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์&nbsp;หวังดึงราคาเนื้อหมู-ไก่ไม่ให้พุ่งไกลกว่าที่เป็นอยู่</p><p><strong>ดร.ฉวีวรรณ&nbsp;คำพา&nbsp;นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์</strong>&nbsp;และประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือฉวีวรรณ&nbsp;ผู้ส่งออกเนื้อไก่รายใหญ่ของไทย&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;หนึ่งปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลจะต้องแก้ให้ได้คือ&nbsp;ราคาวัตถุดิบในการประกอบอาหารสัตว์ที่พุ่งสูงถึง&nbsp;40%&nbsp;จนกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาเนื้อหมูและเนื้อไก่พุ่งสูงจนทำให้ผู้เลี้ยงหมูและไก่หลายรายที่ไม่มีสายป่านทางการเงินต้องหยุดระบบการผลิตจนเป็นที่มาของการขาดแคลนเนื้อหมูและไก่&nbsp;ยิ่งตอนนี้เจอปัญหาโควิดสายพันธุ์โอมิครอนที่ทำให้ภาคธุรกิจเกรงว่าหากเกิดการระบาดใหญ่รัฐบาลอาจประกาศล็อกดาวน์อีกครั้ง&nbsp;ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจที่เริ่มขยับหยุดชะงัก&nbsp;สิ่งนี้ขอยืนยันว่าการล็อกดาวน์ไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไร&nbsp;แต่ประชาชนจะต้องมีสติในการดำเนินชีวิตและดูแลตัวเองให้ดี&nbsp;รวมทั้งผู้ประกอบธุรกิจต้องทำงานอย่างรอบคอบ&nbsp;เพียงเท่านี้เราก็จะผ่านวิกฤตการระบาดครั้งใหญ่ได้”</p><p><strong>ดร.ฉวีวรรณ&nbsp;ยังแนะแนวทางในการแก้ปัญหาราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์พุ่งสูงว่า</strong>&nbsp;รัฐบาลควรลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบที่ใช้เลี้ยงสัตว์&nbsp;ทั้งกากถั่ว&nbsp;ข้าวโพด&nbsp;และวัตถุดิบอื่นๆ&nbsp;เพื่อลดต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการ&nbsp;ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีกำลังในการเลี้ยงหมูและไก่อีกครั้ง&nbsp;หลังในช่วง&nbsp;2&nbsp;ปีที่ผ่านมาวิกฤตโควิด-19&nbsp;ได้ก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างหนักจนทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กจำนวนมากต้องหยุดกระบวนการผลิตหลังเกิดปัญหาราคาเนื้อสัตว์ตกต่ำในช่วงก่อนหน้า&nbsp;แต่เมื่อโรงงานหลายแห่งเริ่มกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตอีกครั้งกลับต้องเจอกับปัญหาราคาอาหารสัตว์แพง&nbsp;โดยเชื่อราคาเนื้อหมูและเนื้อไก่ที่พุ่งสูงขึ้นจะเป็นเช่นนี้ไปจนถึงช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;เพราะในช่วง&nbsp;2&nbsp;เดือนก่อนหน้านี้ราคาไก่ตกต่ำอย่างหนัก&nbsp;ซึ่งสินค้าเกษตรหากผู้ประกอบการขาดทุนมากราคาก็ตกต่ำ&nbsp;เมื่อสินค้าขาดตลาดราคาจะพุ่งขึ้น&nbsp;ดังนั้น&nbsp;ในปีนี้สิ่งที่ขอฝากไปยังรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์คือ&nbsp;การแก้ไขปัญหาเรื่องต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันกัน</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>11/1/2022ภาคตะวันออกชลบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111203616985 จ.อำนาจเจริญ จัดงานผลิตภัณฑ์ คักขนาด ดีเกินคาด อํานาจเจริญ คุมเข้มตามมาตรการป้องกันโควิด-19<p><strong>วันนี้&nbsp;(11&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;</strong>ที่บริเวณสนามหน้าสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดอํานาจเจริญ&nbsp;ตําบลบุ่ง&nbsp;อําเภอเมือง&nbsp;จังหวัดอํานาจเจริญ&nbsp;นายธนูสินธ์&nbsp;ไชยสิริ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;เป็นประธานเปิดงาน&nbsp;“ผลิตภัณฑ์&nbsp;คักขนาด&nbsp;ดีเกินคาด&nbsp;อํานาจเจริญ”&nbsp;พร้อมทั้งเป็นสักขีพยานในการลงนามจับคู่ธุรกิจระหว่างนักธุรกิจกับเกษตรกร&nbsp;ผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;พร้อมทั้งเดินเยี่ยมชมบูธแสดงและจำหน่ายสินค้าโอทอป&nbsp;ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(โควิด-19)&nbsp;โดยผู้จําหน่ายสินค้าทุกรายต้องได้รับวัคซีนมาแล้วอย่างน้อย&nbsp;2&nbsp;เข็มและต้องผ่านการตรวจ&nbsp;Antigen&nbsp;Test&nbsp;Kit&nbsp;(ATK)&nbsp;ไม่เกิน&nbsp;24&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;ก่อนเข้าจําหน่ายสินค้า&nbsp;ตลอดผู้เข้าร่วมงานต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย&nbsp;2&nbsp;และผ่านการตรวจคัดกรองก่อนเข้าร่วมงานและยังได้ดําเนินการตามมาตรการควบคุมโรค&nbsp;D-M-&nbsp;H-T-&nbsp;T-&nbsp;A&nbsp;อย่างเคร่งครัด</p><p><strong>นายวิรัตน์&nbsp;นามวงษา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดอํานาจเจริญ&nbsp;</strong>ได้กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า&nbsp;จังหวัดอํานาจเจริญได้กําหนดประเด็นการพัฒนาด้านการส่งเสริมการค้า&nbsp;การลงทุน&nbsp;การท่องเที่ยว&nbsp;และบริการ&nbsp;และสินค้าชุมชนให้สามารถแข่งขันได้&nbsp;โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจการค้าของจังหวัดให้เติบโตอย่างต่อเนื่องจากฐานการเกษตร&nbsp;การสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ชุมชนและเป็นปัจจัยสําคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชนให้เติบโตมากขึ้น&nbsp;และสามารถแข่งขันได้&nbsp;โดยผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นเกษตรกร&nbsp;กลุ่มเกษตรกร&nbsp;เครือข่ายสินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;สมาชิกบิสคลับอํานาจเจริญ&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;SMEs&nbsp;วิสาหกิจชุมชน&nbsp;ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจําหน่ายสินค้าชุมชน&nbsp;สินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;ยังคงต้องได้รับการส่งเสริมและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน&nbsp;และให้สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้เข้มแข็ง&nbsp;มีช่องทางการตลาด&nbsp;และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้และพัฒนาขีดความสามารถทางการตลาดของตนเอง&nbsp;เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น&nbsp;ประกอบกับสถานการณ์ในห้วงที่ผ่านมา&nbsp;และในสถานการณ์ปัจจุบันเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(โควิด-19)&nbsp;ส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจ&nbsp;การค้าขายสินค้าได้น้อยลง&nbsp;ทําให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจลดลงด้วย&nbsp;ดังนั้น&nbsp;เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการรายย่อยจังหวัดอํานาจเจริญ&nbsp;สํานักงานพาณิชย์จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;จึงได้จัดงาน&nbsp;“ผลิตภัณฑ์&nbsp;คักขนาด&nbsp;ดีเกินคาด&nbsp;อํานาจเจริญ”&nbsp;ขึ้น&nbsp;โดยมีกิจกรรมประกอบด้วย&nbsp;การแสดงและจําหน่ายสินค้าชุมชน&nbsp;สินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;ของผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นเกษตรกร&nbsp;กลุ่มเกษตรกร&nbsp;เครือข่ายสินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;สมาชิกบิสคลับอํานาจเจริญ&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;SMEs&nbsp;วิสาหกิจชุมชน&nbsp;ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจําหน่ายสินค้าดังกล่าว&nbsp;จํานวน&nbsp;80&nbsp;คูหา&nbsp;โดยเป็นผู้ประกอบการในจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;จํานวน&nbsp;52&nbsp;คูหา&nbsp;ต่างจังหวัด&nbsp;จํานวน&nbsp;28&nbsp;คูหา&nbsp;และมีกิจกรรมบันเทิงเพื่อสร้างความสนใจให้มีผู้มาจับจ่ายใช้สอยตลอดการจัดงานระยะเวลา&nbsp;5&nbsp;วัน&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;10-14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;และยังมีการเจรจาจับคู่ธุรกิจ&nbsp;โดยเชิญนักธุรกิจ/ผู้ซื้อ(Buyer)&nbsp;ร่วมเจรจาธุรกิจกับเกษตรกร&nbsp;ผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการภายในงาน&nbsp;เพื่อเชื่อมโยงและสร้างเครือข่ายธุรกิจการค้า&nbsp;สํานักงานพาณิชย์จังหวัดอํานาจเจริญได้ให้ความสําคัญกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(โควิด-19)&nbsp;โดยผู้จําหน่ายสินค้าทุกรายต้องได้รับวัคซีนมาแล้วอย่างน้อย&nbsp;2&nbsp;เข็ม&nbsp;และผู้จําหน่ายสินค้าที่เดินทางมาจากจังหวัดอื่นต้องได้รับวัคซีนมาแล้วอย่างน้อย&nbsp;2&nbsp;เข็ม&nbsp;และต้องผ่านการตรวจ&nbsp;Antigen&nbsp;Test&nbsp;Kit&nbsp;(ATK)&nbsp;ไม่เกิน&nbsp;24&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;ก่อนเข้าจําหน่ายสินค้า&nbsp;และยังได้ดําเนินการตามมาตรการควบคุมโรค&nbsp;D&nbsp;-M&nbsp;-&nbsp;H-&nbsp;T&nbsp;-&nbsp;T-&nbsp;A&nbsp;อย่างเคร่งครัด</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>11/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111232312026 พาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ตรวจราคา เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ ผักสด ป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า พร้อมกำชับให้พ่อค้า แม่ค้า ติดป้ายแสดงราคา ให้ชัดเจน และตรวจเครื่องชั่งให้ได้กิโลกรัมตรงมาตรฐาน<p><strong>พาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจราคา&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ผักสด&nbsp;ป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า&nbsp;พร้อมกำชับให้พ่อค้า&nbsp;แม่ค้า&nbsp;ติดป้ายแสดงราคา&nbsp;ให้ชัดเจน&nbsp;และตรวจเครื่องชั่งให้ได้กิโลกรัมตรงมาตรฐาน</strong></p><p>วันนี้&nbsp;(11&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ที่ตลาดสดทุ่งนาทอง&nbsp;เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;นายศิริพงษ์&nbsp;วิวัฒน์เกษมชัย&nbsp;พาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;ลงพื้นที่สำรวจตลาด&nbsp;ในภาวะที่ราคาเนื้อสัตว์ขยับสูงขึ้น&nbsp;โดยเนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;มีการปรับราคาขึ้นตามกลไกตลาด&nbsp;ขณะที่ราคาผักสดไม่ได้มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด&nbsp;จึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อทั้งแม่ค้า&nbsp;พ่อค้า&nbsp;และประชาชนผู้บริโภค&nbsp;สำหรับประชาชนช่วงนี้มีการจับจ่ายซื้อน้อยลง&nbsp;ขณะที่พ่อค้าแม่ค้า&nbsp;ก็สั่งของมาจำหน่ายลดลงเช่นกัน&nbsp;ซึ่งทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;ได้ขยายเวลาการจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;ที่ร้านวีซีมีท&nbsp;โดยขยายเวลาออกไปจนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p><strong>นายศิริพงษ์&nbsp;วิวัฒน์เกษมชัย&nbsp;พาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>ในการสำรวจตลาดในครั้งนี้ได้กำชับให้ผู้ประกอบการ&nbsp;ติดป้ายแสดงราคาอย่างชัดเจน&nbsp;เพื่อให้ผู้บริโภคได้ตัดสินใจ&nbsp;และเครื่องชั่ง&nbsp;ให้ได้มาตรฐานที่กำหนด&nbsp;ซึ่งจะมีสติกเกอร์เครื่องชั่งที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว&nbsp;จากสำนักงานพาณิชย์จังหวัด&nbsp;ซึ่งร้านใดไม่ติดป้ายแสดงราคาหรือโกงตาชั่ง&nbsp;จะมีโทษตามกฎหมาย&nbsp;สำหรับประชาชนที่พบเห็นร้านค้าฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า&nbsp;หรือไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าที่ชัดเจน&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;โทร&nbsp;043-815656</p><p><strong>ด้านเจ้าของร้านขายไข่ไก่มะไล&nbsp;น.ส.จินตหรา&nbsp;สุระภา&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>ราคาไข่ไก่&nbsp;ด้ทยอยปรับราคาขึ้นมาเช่นกัน&nbsp;แต่ในส่วนของทางร้านพยายามที่จะไม่ปรับราคาให้สูงมาก&nbsp;เนื่องจากเป็นการช่วยเหลือ&nbsp;และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้มากที่สุด&nbsp;โดยจะมีการปรับเพิ่มราคาในบางไซส์&nbsp;อย่างไข่ไก่เบอร์&nbsp;1&nbsp;โดยขณะนี้ประชาชนจะนิยมบริโภคไข่ขนาดเล็กเบอร์&nbsp;4&nbsp;–&nbsp;5&nbsp;เนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่า&nbsp;ซึ่งไข่ไก่เบอร์&nbsp;1&nbsp;จำหน่ายที่แผงละ&nbsp;105&nbsp;บาท&nbsp;จากเดิมราคา&nbsp;100&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;แผงละ&nbsp;95&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;แผงละ&nbsp;90&nbsp;ไม่ได้มีการปรับขึ้นราคา&nbsp;และเบอร์&nbsp;4&nbsp;แผงละ&nbsp;85&nbsp;จากเดิมแผงละ&nbsp;80&nbsp;และเบอร์&nbsp;5&nbsp;แผงละ&nbsp;75</p><p><strong>สำหรับราคาเนื้อหมู&nbsp;หมูสามชั้นกิโลกรัมละ&nbsp;230&nbsp;บาท</strong>&nbsp;เนื้อสะโพก&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;220&nbsp;บาท&nbsp;เนื้อสันใน&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;230&nbsp;บาท&nbsp;หมูบดกิโลกรัมละ&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนราคาไก่ชิ้น&nbsp;มีการปรับขึ้นราคา&nbsp;น่องติดสะโพก&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;75&nbsp;จากเดิม&nbsp;70&nbsp;บาท&nbsp;ตับไก่&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;100&nbsp;จาก&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;เศษเนื้อกิโลกรัมละ&nbsp;70&nbsp;บาทจาก&nbsp;55&nbsp;บาท&nbsp;ปีกไก่สับ&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;115&nbsp;บาท&nbsp;จาก&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;ขณะที่ปีกไก่&nbsp;ปีกไก่บน&nbsp;ไม่มีการปรับขึ้นราคา</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>11/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกาฬสินธุ์สวท.กาฬสินธุ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220111233140028 ”ผลิตภัณฑ์ คักขนาด ดีเกินคาด อำนาจเจริญ”<p><strong>วันที่&nbsp;11&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;16.30&nbsp;น.&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณสนามหน้าสถานีขนส่ง</strong>ผู้โดยสารจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;ตำบลบุ่ง&nbsp;อำเภอเมืองอำนาจเจริญ&nbsp;จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;(นายธนูสินธ์&nbsp;ไชยสิริ)&nbsp;เป็นประธานเปิดงาน&nbsp;“ผลิตภัณฑ์&nbsp;คักขนาด&nbsp;ดีเกินคาด&nbsp;อำนาจเจริญ”&nbsp;ซึ่งเป็นการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าตามโครงการเสริมสร้างศักยภาพและขีดความสามารถผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการด้านผลิตภัณฑ์&nbsp;การตลาด&nbsp;การค้า&nbsp;การลงทุน&nbsp;กิจกรรมการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันด้านการตลาด&nbsp;โดยการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า&nbsp;กระตุ้นการค้าและส่งเสริมช่องทางการตลาด&nbsp;ตามแผนปฏิบัติราชการจังหวัดอำนาเจริญประจำปี&nbsp;งบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2564&nbsp;โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจการค้าของจังหวัดให้เติบโตอย่างต่อเนื่องจากฐานการเกษตร&nbsp;การสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ชุมชนและเป็นปัจจัยสำคัญ&nbsp;ในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชนให้เติบโตมากขึ้น&nbsp;และสามารถแข่งขันได้&nbsp;</p><p><strong>โดยผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นเกษตรกรกร&nbsp;กลุ่มเกษตรกร&nbsp;</strong>เครือข่ายสินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;สมาชิกบิสคลับอำนาจเจริญ&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;SMEs&nbsp;วิสาหกิจชุมชน&nbsp;ซึ่งเป็นผู้ผลิต</p><p>และจำหน่ายสินค้าชุมชน&nbsp;สินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;ยังคงต้องได้รับการส่งเสริมและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน&nbsp;และ&nbsp;ให้สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้เข้มแข็ง&nbsp;มีช่องทางการตลาด&nbsp;และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้และพัฒนาขีดความสามารถทางการตลาดของตนเอง&nbsp;เพื่อให้&nbsp;มีรายได้เพิ่มขึ้น&nbsp;ประกอบกับสถานการณ์ในห้วงที่ผ่านมา&nbsp;และในสถานการณ์ปัจจุบันเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(โควิด&nbsp;-&nbsp;19)&nbsp;ส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจ&nbsp;การค้าขายสินค้าได้น้อยลง&nbsp;ทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจลดลงด้วย&nbsp;</p><p><strong>ดังนั้น&nbsp;เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ผลิต</strong>&nbsp;ผู้ประกอบการรายย่อย&nbsp;จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัด&nbsp;จึงได้งาน&nbsp;“ผลิตภัณฑ์&nbsp;คักขนาด&nbsp;&nbsp;ดีเกินคาด&nbsp;&nbsp;อำนาจเจริญ”&nbsp;ขึ้น&nbsp;โดยมีกิจกรรม&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;การแสดงและจำหน่ายสินค้าสินค้าชุมชน&nbsp;สินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;ของผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นเกษตรกรกร&nbsp;กลุ่มเกษตรกร&nbsp;เครือข่ายสินค้า&nbsp;&nbsp;OTOP&nbsp;&nbsp;สมาชิกบิสคลับอำนาจเจริญ&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;SMEs&nbsp;วิสาหกิจชุมชน&nbsp;ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าดังกล่าว&nbsp;จำนวน&nbsp;80&nbsp;คูหา&nbsp;โดยเป็นผู้ประกอบการในจังหวัดจำนวน&nbsp;&nbsp;52&nbsp;คูหา&nbsp;และต่างจังหวัดจำนวน&nbsp;28&nbsp;คูหา&nbsp;และกิจกรรมบันเทิงเพื่อสร้างความสนใจให้มีผู้มาจับจ่ายใช้สอยตลอดการจัดงาน&nbsp;ระยะเวลา&nbsp;5&nbsp;วัน&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;10&nbsp;–&nbsp;14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p>และผู้จำหน่ายสินค้าที่เดินทางมาจากจังหวัดอื่นต้องได้รับวัคซีนมาแล้วอย่างน้อย&nbsp;2&nbsp;เข็ม&nbsp;และต้องผ่านการตรวจ&nbsp;Antigen&nbsp;Test&nbsp;Kit&nbsp;(ATK)&nbsp;ไม่เกิน&nbsp;24&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;ก่อนเข้าจำหน่ายสินค้า&nbsp;และยังได้ดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรค&nbsp;D&nbsp;–&nbsp;M&nbsp;-&nbsp;H&nbsp;–&nbsp;T&nbsp;–&nbsp;T&nbsp;–&nbsp;A&nbsp;อย่างเคร่งครัด</p><p><strong>การจัดงานครั้งนี้&nbsp;ได้รับความร่วมมือ&nbsp;และสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ</strong>&nbsp;&nbsp;และเอกชนในจังหวัดเป็นอย่างดี&nbsp;โดยเฉพาะอย่างยิ่ง&nbsp;บริษัท&nbsp;อำนาจศูนย์การค้าเมืองใหม่&nbsp;จำกัด&nbsp;ที่ได้กรุณาอำนวยความสะดวกสถานที่แห่งนี้ใช้จัดงาน&nbsp;จนทำให้การจัดงานครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p>12/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112093148045 เปิดงานยิ่งใหญ่ “ผลิตภัณฑ์ คักขนาด ดีเกินคาด อำนาจเจริญ” การเจรจาจับคู่ธุรกิจ<p><strong>วานนี้&nbsp;(11&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;เวลา&nbsp;16.30&nbsp;น.&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณสนามหน้าสถานีขนส่ง</strong>ผู้โดยสารจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;ตำบลบุ่ง&nbsp;อำเภอเมืองอำนาจเจริญ&nbsp;จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;(นายธนูสินธ์&nbsp;ไชยสิริ)&nbsp;เป็นประธานเปิดงาน&nbsp;“ผลิตภัณฑ์&nbsp;คักขนาด&nbsp;ดีเกินคาด&nbsp;อำนาจเจริญ”&nbsp;และหัวหน้าราชการร่วมงานในครั้งนี้&nbsp;ผู้อำนวยการประชาสัมพันธ์จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;และผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;ตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;</p><p><strong>ซึ่งเป็นการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าตามโครงการเสริมสร้างศักยภาพ</strong>และขีดความสามารถผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการด้านผลิตภัณฑ์&nbsp;การตลาด&nbsp;การค้า&nbsp;การลงทุน&nbsp;กิจกรรมการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันด้านการตลาด&nbsp;โดยการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า&nbsp;กระตุ้นการค้าและส่งเสริมช่องทางการตลาด&nbsp;ตามแผนปฏิบัติราชการจังหวัดอำนาเจริญประจำปี&nbsp;งบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2564&nbsp;โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจการค้าของจังหวัดให้เติบโตอย่างต่อเนื่องจากฐานการเกษตร&nbsp;การสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ชุมชนและเป็นปัจจัยสำคัญ&nbsp;ในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชนให้เติบโตมากขึ้น&nbsp;และสามารถแข่งขันได้&nbsp;</p><p><strong>โดยผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นเกษตรกรกร&nbsp;กลุ่มเกษตรกร</strong>&nbsp;เครือข่ายสินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;สมาชิกบิสคลับอำนาจเจริญ&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;SMEs&nbsp;วิสาหกิจชุมชน&nbsp;ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าชุมชน&nbsp;สินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;ยังคงต้องได้รับการส่งเสริมและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน&nbsp;และ&nbsp;ให้สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้เข้มแข็ง&nbsp;มีช่องทางการตลาด&nbsp;และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้และพัฒนาขีดความสามารถทางการตลาดของตนเอง&nbsp;เพื่อให้&nbsp;มีรายได้เพิ่มขึ้น&nbsp;ประกอบกับสถานการณ์ในห้วงที่ผ่านมา&nbsp;และในสถานการณ์ปัจจุบันเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(โควิด&nbsp;-&nbsp;19)&nbsp;ส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจ&nbsp;การค้าขายสินค้าได้น้อยลง&nbsp;ทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจลดลงด้วย&nbsp;</p><p>ดังนั้น&nbsp;เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;รายย่อยจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัด&nbsp;จึงได้งาน“ผลิตภัณฑ์&nbsp;คักขนาด&nbsp;ดีเกินคาด&nbsp;อำนาจเจริญ”&nbsp;ขึ้น&nbsp;โดยมีกิจกรรม&nbsp;ประกอบด้วย</p><p><strong>1.&nbsp;การแสดงและจำหน่ายสินค้าสินค้าชุมชน&nbsp;สินค้า&nbsp;OTOP</strong>&nbsp;ของผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นเกษตรกรกร&nbsp;กลุ่มเกษตรกร&nbsp;เครือข่ายสินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;สมาชิกบิสคลับอำนาจเจริญ&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;SMEs&nbsp;วิสาหกิจชุมชน&nbsp;ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าดังกล่าว&nbsp;จำนวน&nbsp;80&nbsp;คูหา&nbsp;โดยเป็นผู้ประกอบการในจังหวัดจำนวน&nbsp;52&nbsp;คูหา&nbsp;และต่างจังหวัดจำนวน&nbsp;28&nbsp;คูหา&nbsp;และกิจกรรมบันเทิงเพื่อสร้างความสนใจให้มีผู้มาจับจ่ายใช้สอยตลอดการจัดงาน&nbsp;ระยะเวลา&nbsp;5&nbsp;วัน&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;10&nbsp;–&nbsp;14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p><strong>&nbsp;2.&nbsp;การเจรจาจับคู่ธุรกิจ&nbsp;ในวันอังคารที่&nbsp;11&nbsp;มกรามคม&nbsp;2565&nbsp;</strong>เวลา&nbsp;16.30&nbsp;น.&nbsp;ในบริเวณพื้นที่การจัดงานแห่งนี้&nbsp;โดยเชิญนักธุรกิจ/ผู้ซื้อ(Buyer)&nbsp;ร่วมเจรจาธุรกิจกับเกษตรกร&nbsp;ผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการภายในงาน&nbsp;เพื่อเชื่อมโยงและสร้างเครือข่ายธุรกิจการค้า</p><p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;ได้ให้ความสำคัญกับมาตรการ</strong>ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(โควิด&nbsp;-&nbsp;19)&nbsp;โดยผู้จำหน่ายสินค้าทุกรายต้องได้รับวัคซีนมาแล้วอย่างน้อย&nbsp;2&nbsp;เข็ม&nbsp;และผู้จำหน่ายสินค้าที่เดินทางมาจากจังหวัดอื่นต้องได้รับวัคซีนมาแล้วอย่างน้อย&nbsp;2&nbsp;เข็ม&nbsp;และต้องผ่านการตรวจ&nbsp;Antigen&nbsp;Test&nbsp;Kit&nbsp;(ATK)&nbsp;ไม่เกิน&nbsp;24&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;ก่อนเข้าจำหน่ายสินค้า&nbsp;และยังได้ดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรค&nbsp;D&nbsp;–&nbsp;M&nbsp;-&nbsp;H&nbsp;–&nbsp;T&nbsp;–&nbsp;T&nbsp;–&nbsp;A&nbsp;อย่างเคร่งครัด</p><p><strong>การจัดงานครั้งนี้&nbsp;ได้รับความร่วมมือ&nbsp;และสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ&nbsp;</strong>&nbsp;และเอกชนในจังหวัดเป็นอย่างดี&nbsp;อย่าลืม!!&nbsp;สวมหน้ากากอนามัย&nbsp;เว้นระยะห่างระหว่าง&nbsp;หมั่นล้างมือ&nbsp;และปฎิบัติตามมาตราการป้องกันโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p>12/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112093502049 พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี แจ้งกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ เพิ่มจุดจำหน่ายและระยะเวลาจำหน่ายหมูเนื้อแดง ถึงสิ้นเดือนนี้ พร้อมขอความร่วมมือ สมาคมผู้เลี้ยงไก่ ผู้ประกอบการรายใหญ่ ชะลอการขึ้นราคา และให้อยู่ในช่วงราคา ที่กำหนด เป็นระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งคาดการณ์ว่า 1-3 วันนี้ เนื้อไก่ จะปรับราคาลดลง<p><strong>พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;แจ้งกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์</strong>&nbsp;เพิ่มจุดจำหน่ายและระยะเวลาจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ถึงสิ้นเดือนนี้&nbsp;พร้อมขอความร่วมมือ&nbsp;สมาคมผู้เลี้ยงไก่&nbsp;ผู้ประกอบการรายใหญ่&nbsp;ชะลอการขึ้นราคา&nbsp;และให้อยู่ในช่วงราคา&nbsp;ที่กำหนด&nbsp;เป็นระยะเวลา&nbsp;6&nbsp;เดือน&nbsp;ซึ่งคาดการณ์ว่า&nbsp;1-3&nbsp;วันนี้&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;จะปรับราคาลดลง&nbsp;นายธีรวุฒิ&nbsp;คล้ายเคลื่อน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;และกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;เข้าร่วมประชุมชี้แจงการเพิ่มจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ตามโครงการ&nbsp;หมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ผ่านระบบออนไลน์&nbsp;ZOOM&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมชั้น&nbsp;3&nbsp;ห้องประชุมดอกเกลือ&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;</p><p><strong>โดยมี&nbsp;นายอุดม&nbsp;ศรีสมทรง&nbsp;รองอธิบดีกรมการค้าภายใน&nbsp;เป็นประธานการประชุม&nbsp;</strong>เพื่อประเมินสถานการณ์การผลิตการตลาดสินค้าสุกร&nbsp;รวมถึงชี้แจงมาตรการแก้ไขปัญหาสุกร&nbsp;โดยกรมการค้าภายใน&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้มาตรการเพิ่มจำนวนจุดจำหน่ายหมู&nbsp;เนื้อแดงเพิ่มเติม&nbsp;ซึ่งจะขยายระยะเวลาจำหน่ายหมูเนื้อแดงจนถึง&nbsp;สิ้นเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชนเป็นการเร่งด่วน&nbsp;ในด้านสถานการณ์เนื้อไก่ที่ปรับราคาขึ้นนั้น&nbsp;ทางกรมการค้าภายใน&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้ขอความร่วมมือ&nbsp;สมาคมผู้เลี้ยงไก่&nbsp;ผู้ประกอบการรายใหญ่&nbsp;ชะลอการขึ้นราคา&nbsp;และให้อยู่ในช่วงราคา&nbsp;ที่กำหนด&nbsp;เป็นระยะเวลา&nbsp;6&nbsp;เดือน&nbsp;ซึ่งคาดการณ์ว่า&nbsp;1-3&nbsp;วันนี้&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;จะปรับราคาลดลงมา</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>สวท.เพชรบุรี/12&nbsp;ม.ค.65</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>12/1/2022ภาคตะวันตกเพชรบุรีสวท.เพชรบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112095513068 พาณิชย์จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ตรวจการจำหน่ายชุดตรวจ ATK ตามร้านจำหน่าย พบว่ามีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน <p><strong>พาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจการจำหน่ายชุดตรวจ&nbsp;ATK</strong>&nbsp;ตามร้านจำหน่าย&nbsp;พบว่ามีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน&nbsp;ในขณะที่ผู้ประกอบการแจ้งว่าช่วงเทศกาลปีใหม่มีประชาชนมาซื้อจำนวนมาก&nbsp;ทำให้สินค้ามีไม่พอประกอบกับ&nbsp;เป็นช่วงวันหยุดทำให้ชุดตรวจไม่สามารถส่งมาได้ทัน&nbsp;แต่ในขณะนี้สามารถส่งมาจำหน่ายได้ตามปกติแล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ที่ร้านไทยสวัสดิ์เภสัช&nbsp;2&nbsp;ตำบลทับเที่ยง&nbsp;อำเภอเมืองตรัง&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;</strong>นางสาวสุภากิตติ์&nbsp;เกลี้ยงสงค์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจการจำหน่ายชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;และจากการสอบถามเจ้าของร้านทราบว่าช่วงเทศกาลปีใหม่นั้นประชาชนเดินทางกลับมาบ้านและมาท่องเที่ยวจำนวนมาก&nbsp;และมาหาซื้อชุดตรวจชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ในการนำไปตรวจหาเชื้อโควิด&nbsp;-19&nbsp;เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับตนเองและบุคคลในครอบครัวหรือบุคคลรอบข้าง&nbsp;หากพบเชื้อก็จะได้ติดต่อเจ้าหน้าที่นำตัวไปรักษา&nbsp;ชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเป็นอย่างมาก&nbsp;</p><p><strong>ทางด้านนางสาวสุภากิตติ์&nbsp;เกลี้ยงสงค์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ได้ให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบปริมาณและราคาของชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;อย่างต่อเนื่อง&nbsp;พบว่าชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;มีเพียงพอต่อความต้องการประชาชน&nbsp;ในขณะที่ราคาจำหน่ายก็ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของแต่ละบริษัท&nbsp;ที่ตรวจสอบนั้นราคาชุดละ&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;ชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;นั้นไม่เป็นสินค้าควบคุม&nbsp;ประชาชนสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อในราคาเท่าไหร่หรือยี่ห้อไหนก็ได้&nbsp;ยืนยันว่าชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;มีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนอย่างแน่นอน</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>12/1/2022ภาคใต้ตรังสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112094843063 พาณิชย์ลำปาง ออกตรวจสอบและติดตามการปิดป้ายแสดงราคาการจำหน่ายเนื้อสุกร ไก่เนื้อ และไข่ไก่ ในพื้นที่<p><strong>นางสาวเยาวเรศ&nbsp;แซ่โค้ว&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำปาง&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบและติดตามการปิดป้ายแสดงราคาการจำหน่ายเนื้อสุกร&nbsp;ไก่เนื้อ&nbsp;และไข่ไก่&nbsp;ในพื้นที่จังหวัดลำปาง&nbsp;ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่าสถานการณ์การจำหน่ายเนื้อสุกร&nbsp;ไก่เนื้อ&nbsp;และไข่ไก่&nbsp;ปริมาณมีเพียงพอกับความต้องการของประชาชน</p><p><strong>สำหรับราคาจำหน่ายสินค้าอาหารสดที่สำคัญ</strong>&nbsp;อาทิ&nbsp;สุกรชำแหละราคาตลาดทั่วไป&nbsp;เนื้อแดง&nbsp;สะโพก-ไหล่&nbsp;ราคา&nbsp;220&nbsp;-&nbsp;230&nbsp;บาท/กก.&nbsp;ในช็อป&nbsp;เนื้อแดง&nbsp;สะโพก-ไหล่&nbsp;ราคา&nbsp;145&nbsp;-&nbsp;200&nbsp;บาท/กก.&nbsp;สำหรับไก่เนื้อทั้งตัวรวมเครื่องใน&nbsp;และไม่รวมเครื่องใน&nbsp;ราคา&nbsp;60-65&nbsp;บาท,&nbsp;ไก่เนื้อ&nbsp;อก&nbsp;สะโพก&nbsp;น่อง&nbsp;ราคา&nbsp;70-73&nbsp;บาท,&nbsp;ไข่ไก่เบอร์&nbsp;0&nbsp;ราคา&nbsp;4.20-4.50&nbsp;บาท&nbsp;ไข่ไก่เบอร์&nbsp;1&nbsp;ราคา&nbsp;3.50-3.80&nbsp;บาท&nbsp;ไข่ไก่เบอร์&nbsp;2&nbsp;ราคา&nbsp;3.30-&nbsp;3.50&nbsp;บาท&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคา&nbsp;3.20-3.30&nbsp;บาท&nbsp;ไข่ไก่เบอร์&nbsp;4&nbsp;ราคา&nbsp;3.0-3.20&nbsp;บาท&nbsp;และไข่ไก่เบอร์&nbsp;5&nbsp;ราคา&nbsp;2.70-2.80&nbsp;บาท</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;จากการตรวจสอบไม่พบพฤติกรรมในการกักตุนสินค้า</strong>หรือขายเกินราคาที่กำหนดทางร้านได้มีการปิดป้ายแสดงสินค้าที่จำหน่าย&nbsp;ถูกต้อง&nbsp;ชัดเจน&nbsp;โดยเจ้าหน้าที่ได้ให้คำแนะนำการปิดป้ายแสดงราคาสินค้า&nbsp;และไม่ให้มีการฉวยโอกาสกักตุนสินค้าและขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุผลอันควร</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>12/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112102532079 รัฐบาลเดินหน้าฟื้นประเทศ "ท่องเที่ยวไทย...อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ นิว แชปเตอร์" ภายใต้การรักษาสมดุลทางเศรษฐกิจและมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด<p><strong>พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม&nbsp;เดินหน้าแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวในปีนี้</strong>&nbsp;ซึ่งเป็นปีท่องเที่ยวไทย&nbsp;โดยกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา&nbsp;และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;กำหนดโปรโมทการท่องเที่ยวไทยภายใต้แนวคิด&nbsp;“อะเมซิ่ง&nbsp;ไทยแลนด์&nbsp;นิว&nbsp;แชปเตอร์”&nbsp;(Amazing&nbsp;Thailand&nbsp;New&nbsp;Chapter)&nbsp;จุดขายใหม่ด้านการท่องเที่ยวของไทย&nbsp;ภายในเดือนมกราคมนี้&nbsp;รวมถึงเดินหน้าจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวสีขาว&nbsp;สอดคล้องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน&nbsp;(BCG)&nbsp;ในภาคการท่องเที่ยว&nbsp;ที่จะช่วยให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและปลอดภัยขึ้น&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส&nbsp;2&nbsp;ช่วงเดือนเมษายน&nbsp;วางแผนจะเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าไทย&nbsp;300&nbsp;บาทต่อคน</strong>&nbsp;หรือเรียกกันว่าค่าเหยียบแผ่นดิน&nbsp;เพื่อนำเงินที่ได้รับไปพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในไทย&nbsp;และทำประกันให้แก่นักท่องเที่ยว&nbsp;กรณีประสบอุบัติเหตุ&nbsp;หรือเสียชีวิต&nbsp;ก็จะได้รับวงเงินสูงสุด&nbsp;1&nbsp;ล้านบาท&nbsp;หรือ&nbsp;ค่ารักษาพยาบาล&nbsp;ได้รับสูงสุด&nbsp;5&nbsp;แสนบาท&nbsp;เป็นต้น&nbsp;โดยวางแผนเก็บรวมกับค่าตั๋วเครื่องบินกรณีเดินทางทางอากาศ&nbsp;และอยู่ระหว่างการพิจารณาวิธีการเรียกเก็บจากการเดินทางทางบก</p><p><strong>ปี&nbsp;2565&nbsp;กระทรวงการท่องเที่ยวฯ&nbsp;คาดว่าไทยจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวอยู่ที่ราว&nbsp;1.3-1.8&nbsp;ล้านล้านบาท&nbsp;</strong>คาดว่าจะมีต่างชาติเที่ยวไทย&nbsp;อยู่ที่ระหว่าง&nbsp;5-15&nbsp;ล้านคน&nbsp;สร้างรายได้ราว&nbsp;8&nbsp;แสนล้านบาท&nbsp;โดยประเมินว่าหากสถานการณ์ยังเป็นเหมือนปกติทั่วไป&nbsp;หากมีนักท่องเที่ยวจากยุโรปและสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก&nbsp;ทั้งนี้แม้จะมีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน&nbsp;แต่ล่าสุดหลายประเทศในแถบยุโรป&nbsp;และสหรัฐอเมริกา&nbsp;ก็ได้เลิกล็อกดาวน์แล้ว&nbsp;เพราะได้รับการฉีดวัคซีน&nbsp;และแม้โอมิครอนจะแพร่กระจายเชื้อเร็ว&nbsp;แต่ความรุนแรงของอาการน้อยกว่าเดลต้า&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานติดตามประเมินสถานการณ์ทั้งภายในประเทศ&nbsp;และศึกษากรณีของต่างประเทศอย่างใกล้ชิด&nbsp;</strong>เพื่อวางแผนเดินหน้าฟื้นประเทศ&nbsp;ภายใต้การรักษาสมดุลทางเศรษฐกิจและสาธารณสุขต่อไป&nbsp;ในส่วนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย&nbsp;ได้มีการเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์&nbsp;ซึ่งทุกโครงการจะดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด</p>12/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112150313247 พาณิชย์จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ตรวจการจำหน่ายชุดตรวจ ATK ตามร้านจำหน่าย พบว่ามีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน<p><strong>ที่ร้านไทยสวัสดิ์เภสัช&nbsp;2&nbsp;ตำบลทับเที่ยง&nbsp;อำเภอเมืองตรัง&nbsp;จังหวัดตรัง</strong>&nbsp;นางสาวสุภากิตติ์&nbsp;เกลี้ยงสงค์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจการจำหน่ายชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;และจากการสอบถามเจ้าของร้านทราบว่าช่วงเทศกาลปีใหม่นั้นประชาชนเดินทางกลับมาบ้านและมาท่องเที่ยวจำนวนมาก&nbsp;และมาหาซื้อชุดตรวจชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ในการนำไปตรวจหาเชื้อโควิด&nbsp;-19&nbsp;เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับตนเองและบุคคลในครอบครัวหรือบุคคลรอบข้าง&nbsp;หากพบเชื้อก็จะได้ติดต่อเจ้าหน้าที่นำตัวไปรักษา&nbsp;ชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเป็นอย่างมาก</p><p><strong>ทางด้านนางสาวสุภากิตติ์&nbsp;เกลี้ยงสงค์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ได้ให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบปริมาณและราคาของชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;อย่างต่อเนื่อง&nbsp;พบว่าชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;มีเพียงพอต่อความต้องการประชาชน&nbsp;ในขณะที่ราคาจำหน่ายก็ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของแต่ละบริษัท&nbsp;ที่ตรวจสอบนั้นราคาชุดละ&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;ชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;นั้นไม่เป็นสินค้าควบคุม&nbsp;ประชาชนสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อในราคาเท่าไหร่หรือยี่ห้อไหนก็ได้&nbsp;ยืนยันว่าชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;มีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนอย่างแน่นอน</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>12/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112094947064 นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมากเชื่อมั่นการท่องเที่ยวของไทย ส่งผลให้ เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต คาดเศรษฐกิจดีขึ้นกว่าเดิม<p><strong>นายวิชวุทย์&nbsp;จินโต&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี</strong>&nbsp;เผยถึง&nbsp;การท่องเที่ยวในพื้นที่&nbsp;จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;ขณะนี้เป็นที่ยอมรับในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ&nbsp;ที่มีความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขไทย&nbsp;และกระบวนการคัดกรองโรคโควิด-19&nbsp;ในการเดินทางเข้ามาเที่ยวยังแหล่งท่องเที่ยวเศรษฐกิจของจังหวัด&nbsp;อย่าง&nbsp;3&nbsp;เกาะ&nbsp;สมุย&nbsp;พะงัน&nbsp;เต่า&nbsp;ภายใต้โครงการ&nbsp;Samui&nbsp;Plus&nbsp;Sandbox&nbsp;ที่เดินหน้าสู้กับโควิด&nbsp;สายพันธุ์โอไมครอน&nbsp;โดยกระบวนการคัดกรองที่ได้มาตรฐาน&nbsp;รวมไปถึงสถานที่พักในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับมาตรฐานSHA&nbsp;PLUS&nbsp;ที่สามารถการันตีถึงความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยว</p><p><strong>สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ</strong>ส่วนใหญ่ที่เลือกมาเที่ยวที่เกาะเต่านั้น&nbsp;มักจะเดินทางมาทำกิจกรรมทางทะเล&nbsp;อย่างการดำน้ำชมแนวปะการังรอบเกาะเต่า&nbsp;รวมถึงสัตว์ทะเลจำนวนมาก&nbsp;ที่ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์</p><p><strong>ด้านนางรำลึก&nbsp;อัศวชิน&nbsp;นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่า</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ถึงขณะนี้ทั่วโลกจะมีการแพร่ระบาดโรคโควิด-19&nbsp;สายพันธ์โอไมครอน&nbsp;อย่างต่อเนื่อง&nbsp;แต่ด้วยกระบวนการการคัดกรอง&nbsp;ในการรองรับนักท่องของประเทศไทย&nbsp;ได้สร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างดี&nbsp;</p><p>ทั้งนี้&nbsp;เกาะเต่าถือได้ว่าเป็นเป้าหมายแรกๆของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ชื่นชอบในการดำน้ำเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม&nbsp;ทำให้ปัจจุบันยอดจองที่พักตามที่ต่างๆหนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยว&nbsp;และคาดว่าเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวจะดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>12/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112094046055 กรมการท่องเที่ยว จัดพิธีมอบรางวัลกิจกรรมส่งเสริมชุมชนท่องเที่ยวรูปแบบ Smart Tourism<p><strong>กรมการท่องเที่ยว&nbsp;จัดพิธีมอบรางวัลกิจกรรมส่งเสริมชุมชนท่องเที่ยว</strong>รูปแบบ&nbsp;Smart&nbsp;Tourism&nbsp;ใน&nbsp;“การประกวดเส้นทางด้วยกิจกรรมท่องเที่ยวมุมมองใหม่&nbsp;2564&nbsp;และการประกวดนวัตกรรมเพื่อการท่องเที่ยวในชุมชน”&nbsp;ณ&nbsp;ห้องออดิทอเรียม&nbsp;ชั้น&nbsp;2&nbsp;โรงแรมเซ็นทรา&nbsp;บาย&nbsp;เซ็นทารา&nbsp;ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์&nbsp;กรุงเทพฯ</p><p><strong>ภายในงานประกอบด้วยการเสวนาร่วมกับผู้ที่ได้รับรางวัล&nbsp;</strong>โดยมีนายบุญเสริม&nbsp;ขันแก้ว&nbsp;รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว&nbsp;กล่าวต้อนรับ&nbsp;นายทวีศักดิ์&nbsp;วาณิชย์เจริญ&nbsp;อธิบดีกรมการท่องเที่ยว&nbsp;ประธานในพิธี&nbsp;และมอบรางวัลให้แก่ผู้ได้รับรางวัลชนะการประกวดในแต่ละประเภท</p><p><strong>นายทวีศักดิ์&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;การจัดกิจกรรมการประกวดครั้งนี้&nbsp;</strong>มีชุมชนและประชาชนที่สนใจทั่วประเทศ&nbsp;ร่วมส่งผลงานเข้าประกวดทั้ง&nbsp;2&nbsp;กิจกรรมรวง&nbsp;540&nbsp;ผลงาน&nbsp;และการประกวดนวัตกรรมเดื่อการท่องเที่ยวโดยชุมชน&nbsp;มีจำนวน&nbsp;125&nbsp;ผลงาน&nbsp;การประกวดเส้นทางท่องเที่ยวด้วยกิจการรมท่องเที่ยวมุมมองใหม่&nbsp;2564&nbsp;รางวัลชนะเลิศ&nbsp;ได้แก่ผลงาน&nbsp;เที่ยวอุดร&nbsp;นอนบ้านเชียง&nbsp;ออนซอนอีสาน&nbsp;ตามรอยด้นดำ&nbsp;อารยธรรมบ้านเชียง&nbsp;จังหวัดอุดรธานี&nbsp;โดยนางสาวบุษราภรณ์&nbsp;กลางพรหม&nbsp;และการประกวดนวัตกรรมเพื่อการท่องเที่ยวโดยชุมชน&nbsp;รางวัลชนะเลิศได้แก่ผลงาน&nbsp;ซั้ง&nbsp;บ้านปลา&nbsp;ปะการังเทียมและภูมิปัญญาชาวบ้าน&nbsp;โดยกลุ่มการจัดการอ่าวท้องตมและการท่องเที่ยวโดยชุมชนท้องตมใหญ่&nbsp;จังหวัดชุมพร&nbsp;ผู้ชนะเสิศแต่ละประเภทจะได้รับเงินรางวัล&nbsp;100,000&nbsp;บาท&nbsp;พร้อมโล่เกียรติยศและประกาศนียบัตร</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังมีรางวัลรองชนะเลิศอันดับ&nbsp;1,2&nbsp;รางวัลชมเชย&nbsp;จำนวน&nbsp;27&nbsp;รางวัล</strong>&nbsp;และรางวัลดาวรุ่ง&nbsp;จำนวน&nbsp;10&nbsp;รางวัล&nbsp;พร้อมประกาศนียบัตร&nbsp;โดยผลงานที่ชนะการประกวดในครั้งนี้&nbsp;กรมการท่องเที่ยว&nbsp;จะนำไปพัฒนาต่อยอด&nbsp;ให้เกิดประโยชน์ต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>12/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลนนทบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนนทบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112104832088 กรมการค้าภายในจับมือห้างท้องถิ่นดูแลค่าครองชีพประชาชน ลดราคาสูงสุดถึงร้อยละ86 ไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2565 <p><strong>กระทรวงพาณิชย์ดำเนินโครงการ&nbsp;“พาณิชย์ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;LOT&nbsp;16&nbsp;New&nbsp;Year&nbsp;Grand&nbsp;Sale&nbsp;2022”</strong>&nbsp;&nbsp;มาตั้งแต่วันที่&nbsp;20&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;–&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์&nbsp;โดยกรมการค้าภายใน&nbsp;กับภาคเอกชน&nbsp;ผู้ผลิต&nbsp;ผู้จำหน่าย&nbsp;ผู้ให้บริการและแพลตฟอร์ม&nbsp;รวม&nbsp;230&nbsp;ราย&nbsp;รวมกว่า&nbsp;32,000&nbsp;สาขาทั่วประเทศ&nbsp;ในการลดราคาสินค้าและบริการ&nbsp;3&nbsp;กลุ่ม&nbsp;ทั้งกลุ่มสินค้า&nbsp;กลุ่มบริการ&nbsp;และกลุ่ม&nbsp;Platform&nbsp;&amp;&nbsp;Logistic&nbsp;ลดสูงสุดถึง&nbsp;86%&nbsp;</p><p><strong>ร.ต.จักรา&nbsp;ยอดมณี&nbsp;รองอธิบดีกรมการค้าภายใน&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;จากการลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคและติดตามการจำหน่ายสินค้าในโครงการ</strong>&nbsp;ที่ห้างเซฟมาร์ท&nbsp;ห้างท้องถิ่นรายใหญ่ในจังหวัดอุดรธานีนั้น&nbsp;มีสินค้าอุปโภคบริโภคเข้าร่วมโครงการหลากหลายรายการ&nbsp;ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม&nbsp;ข้าวสาร&nbsp;ครีมอาบน้ำ&nbsp;แชมพู&nbsp;น้ำยาล้างจาน&nbsp;น้ำยาล้างห้องน้ำ&nbsp;ลดสูงสุดถึง&nbsp;80%&nbsp;ซึ่งประชาชนให้ความสนใจซื้อหาเป็นจำนวนมาก&nbsp;สามารถลดค่าครองชีพให้ประชาชนในจังหวัดอุดรธานีและพื้นที่ใกล้เคียง&nbsp;และช่วยผลักดันเศรษฐกิจระดับจังหวัดและระดับภูมิภาค&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ประชาชนสามารถตรวจสอบรายละเอียดโครงการ&nbsp;"พาณิชย์ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;LOT&nbsp;16&nbsp;New&nbsp;Year&nbsp;Grand&nbsp;Sale&nbsp;2022”&nbsp;ได้ที่เว็บไซต์กรมการค้าภายใน&nbsp;(www.dit.go.th)&nbsp;ซึ่งเลือกซื้อสินค้าและบริการ&nbsp;ได้จนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้มีการหารือถึงแนวทางในการดำเนินกิจกรรมอื่น&nbsp;ๆ</strong>&nbsp;ในการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนและการเพิ่มช่องทางการระบายสินค้าเกษตร&nbsp;โดยเฉพาะผลไม้&nbsp;ในช่วงที่ผลผลิตออกมากอีกด้วย</p><p><br></p>12/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112122631131 ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ตรวจติดตามการปฏิบัติราชการของสำนักงานพาณิชจังหวัดพะเยา<p><strong>นางลลิดา&nbsp;จิวะนันทประวัติ&nbsp;ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์</strong>&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจติดตามการปฏิบัติราชการของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพะเยา&nbsp;รอบที่&nbsp;1&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;11-12&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ในพื้นที่จังหวัดพะเยา&nbsp;ซึ่งวานนี้&nbsp;(11&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ลงพื้นที่&nbsp;อ.เชียงคำ&nbsp;และ&nbsp;อ.ภูซาง&nbsp;เพื่อไปติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน&nbsp;ณ&nbsp;จุดผ่านแดนถาวรบ้านฮวก&nbsp;อ.ภูซาง&nbsp;โดยมีมูลค่าการค้าเดือน&nbsp;ธ.ค.64&nbsp;รวม&nbsp;77.04&nbsp;ล้านบาท&nbsp;มูลค่าการส่งออก&nbsp;58.52&nbsp;ล้านบาท&nbsp;มูลค่าการนำเข้า&nbsp;18.52&nbsp;ล้านบาท&nbsp;สินค้าส่งออก&nbsp;ได้แก่&nbsp;น้ำมันเบนซิน/น้ำมันดีเซล&nbsp;เครื่องอุปโภค&nbsp;และวัสดุก่อสร้าง&nbsp;และสินค้านำเข้า&nbsp;ได้แก่&nbsp;หินปูนบด&nbsp;ลูกเดือย&nbsp;และสินแร่ที่ยังไม่ได้คัดแยก&nbsp;อีกทั้งตรวจเยี่ยมกลุ่มดอยอ้อยบ้านสบบง&nbsp;อ.ภูซาง&nbsp;ที่&nbsp;แปรรูปผลิตภัณฑ์จากน้ำอ้อย&nbsp;เช่น&nbsp;น้ำตาลอ้อยก้อน&nbsp;น้ำอ้อยผง&nbsp;และน้ำอ้อยผสมมะพร้าวและงา</p><p><strong>จากนั้นผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์และคณะ</strong>&nbsp;ได้ไปตรวจเยี่ยมที่บริษัท&nbsp;แฟคทอรี่&nbsp;234&nbsp;จำกัด&nbsp;อ.เชียงคำ&nbsp;ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรที่ได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์จากกระทรวงสาธารณสุขแห่งแรกของจังหวัดพะเยา&nbsp;ปัจจุบันผลิตยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ&nbsp;เช่น&nbsp;ยาหม่อง&nbsp;ยาดมสมุนไพร&nbsp;น้ำมันไพล&nbsp;พิมเสนน้ำ&nbsp;และลงพื้นที่ไปยังกลุ่มผ้าปักชาวเขาแปรรูป&nbsp;อ.เชียงคำ&nbsp;ที่ผลิตเสื้อผ้าและของใช้จากผ้าปักชาวเขา&nbsp;จากเดิมผ้าปักจะใช้กับเสื้อของชาวเขาเท่านั้น&nbsp;ปัจจุบันได้ประยุกต์นำลายผ้าปักมาปักประดับเป็นกระเป๋ารูปแบบต่างๆ&nbsp;หรือของใช้ที่เป็นผ้าและที่สามารถปักดอกได้&nbsp;เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า&nbsp;ขณะที่กลุ่มผ้าทอสันปูเลย&nbsp;อ.เชียงคำ&nbsp;ทอผ้าที่เน้นเอกลักษณ์ไทลื้อ&nbsp;จากเส้นไหมประดิษฐ์และผ้าฝ้ายย้อมสีธรรมชาติ&nbsp;เช่น&nbsp;ผ้าซิ่นลายน้ำไหล&nbsp;และลายหางปลา&nbsp;โดยมี&nbsp;นายวิรุฬห์&nbsp;สิทธิวงศ์&nbsp;นายอำเภอเชียงคำ&nbsp;ให้การต้อนรับและนำคณะเยี่ยมชมกลุ่มฯ</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>12/1/2022ภาคเหนือพะเยาสวท.พะเยาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112105404093 กาฬสินธุ์ส่งเสริม บ้านศิลปินโอทอป ขุนพลผ้ากาฬสินธุ์<p><strong>สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;</strong>ส่งเสริมบุคลากรทรงคุณค่า&nbsp;อนุรักษ์&nbsp;สืบทอด&nbsp;ภูมิปัญญาท้องถิ่น&nbsp;สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่สานต่อมรดกล้ำค่า&nbsp;ผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;จัดกิจกรรมเปิดบ้านศิลปิน&nbsp;OTOP&nbsp;Artist&nbsp;Rally&nbsp;Praewa&nbsp;Kalasin&nbsp;2022&nbsp;ที่จังหวัดกาฬสินธุ์<strong>&nbsp;</strong>สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;จัดกิจกรรมเปิดบ้านศิลปิน&nbsp;OTOP&nbsp;Artist&nbsp;Rally&nbsp;Praewa&nbsp;Kalasin&nbsp;2022&nbsp;โดยมีนายศุภศิษย์&nbsp;กอเจริญยศ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;เป็นประธานเปิดงานและร่วมเยี่ยมชม&nbsp;บ้านศิลปิน&nbsp;OTOP&nbsp;ทั้ง&nbsp;3&nbsp;ราย&nbsp;โดย&nbsp;นายอุทัย&nbsp;สิงห์ทอง&nbsp;พัฒนาการจังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;ได้กล่าวถึงความเป็นมาของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้&nbsp;ว่าเพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินในฐานะเป็นผู้อนุรักษ์และสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรม&nbsp;ส่งเสริมสนับสนุนให้เป็นแหล่งเรียนรู้และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเส้นทางบ้านศิลปิน&nbsp;OTOP&nbsp;ขุนพลผ้ากาฬสินธุ์&nbsp;ต่อยอด&nbsp;ถ่ายทอด&nbsp;ภูมิปัญญาศิลปินสู่คนรุ่นใหม่&nbsp;และผู้สนใจ&nbsp;อันเป็นการสร้างคุณค่า&nbsp;และมูลค่าของผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;ก่อให้เกิดการสร้างงาน&nbsp;สร้างอาชีพ&nbsp;สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน&nbsp;กิจกรรมในครั้งนี้ได้นำหัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;บุคลากรภาคการศึกษา&nbsp;ภาครัฐ&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;และสื่อมวลชนลงพื้นที่เยี่ยมชมบ้านศิลปิน&nbsp;OTOP&nbsp;3&nbsp;ราย&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;การเรียนรู้ย้อมผ้าแต่งแพรวาโบราณ&nbsp;ที่บ้านศิลปิน&nbsp;OTOP&nbsp;ของนายวิทวัส&nbsp;โสภารักษ์&nbsp;เลขที่&nbsp;90&nbsp;หมู่&nbsp;2&nbsp;ตำบลโนนศิลา&nbsp;อำเภอสหัสขันธ์&nbsp;จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;ซึ่งที่นี่มีเอกลักษณ์ของกลุ่มที่โดดเด่นคือ&nbsp;เป็นการอนุรักษ์ลายผ้าไหมแพรวาแบบโบราณดั้งเดิม&nbsp;ใช้เทคนิคการเก็บกอดแบบโบราณ&nbsp;รวมไปถึงการจก&nbsp;ขิด&nbsp;และ&nbsp;ยก&nbsp;นอกจากจะอนุรักษ์ลายแพรวาโบราณดั้งเดิมแล้ว&nbsp;ยังเป็นการปรับใช้ให้ดูทันสมัยด้วย&nbsp;</p><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>------เสียง------</strong></p><p><strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วิทวัส&nbsp;โสภารักษ์&nbsp;</strong></p><p><strong>ศิลปิน&nbsp;OTOP&nbsp;อ.สหัสขันธ์&nbsp;จ.กาฬสินธุ์</strong></p><p><br></p><p><strong>จากนั้นได้เยี่ยมบ้านศิลปินรายที่&nbsp;2</strong>&nbsp;ร่วมจิบชาแลภู&nbsp;ดูไหมสมเด็จ&nbsp;ของนายอดุลย์&nbsp;มูลละชาติ&nbsp;เลขที่&nbsp;144&nbsp;หมู่&nbsp;11&nbsp;ตำบลดินจี่&nbsp;อำเภอคำม่วง&nbsp;จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;ซึ่งมีเอกลักษณ์เป็นเทคนิคการออกแบบลวดลายขึ้นมาใหม่&nbsp;ให้มีความสวยงาม&nbsp;บวกกับความหมายที่ดี&nbsp;รวมไปถึงการวางลวดลายให้เหมาะสมกับผู้ที่สวมใส่&nbsp;ให้มีสรีระที่ดูดี&nbsp;สวยงาม&nbsp;โดยเฉพาะการเลือกใช้ไหมบ้าน&nbsp;&nbsp;เดือน&nbsp;11&nbsp;ซึ่งจะให้ความเงางามที่สุด&nbsp;โดยได้ปรับประยุกต์การทอผ้าให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น&nbsp;</p><p><strong>และปิดท้ายที่บ้านศิลปินรายที่&nbsp;3&nbsp;</strong>ชมไหมแพรวาประยุกต์ลุคใหม่&nbsp;ภูมิปัญญาไทย&nbsp;ของนายพงษ์ชยุตน์&nbsp;โพนะทา&nbsp;เลขที่&nbsp;6&nbsp;หมู่ที่&nbsp;3&nbsp;ตำบลโพน&nbsp;อำเภอคำม่วง&nbsp;จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;มีเอกลักษณ์ของกลุ่มในการนำลายโบราณมาปรับสี&nbsp;ปรับลาย&nbsp;ให้ดูงดงามมากยิ่งขึ้น&nbsp;ควบคู่กับการอนุรักษ์ลายโบราณดั้งเดิม&nbsp;ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่สามารถต่อยอดการออกแบบลายแพรวาขึ้นใหม่&nbsp;100%&nbsp;โดยทำการคิดลายขึ้นมาใหม่ทั้งหมด&nbsp;20&nbsp;ลาย&nbsp;และจดลิขสิทธิ์ไปแล้ว&nbsp;15&nbsp;ลาย&nbsp;&nbsp;อาทิ&nbsp;ลายช่อหยาด&nbsp;ลายกนกแทงช่อ&nbsp;ลายน้ำหยด&nbsp;ลายดาวหว่าน&nbsp;ลายคั่นไม้เป็นต้น</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>12/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกาฬสินธุ์สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112112239103 พาณิชย์สมุทรปราการ จัดโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน ครั้งที่ 2 เพื่อลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน<p><strong>นายสาธิต&nbsp;กล่อมสวัสดิ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสมุทรปราการ&nbsp;</strong>ได้มอบหมายให้นางจุฑารัตน์&nbsp;ศรีโมรา&nbsp;ผู้อำนวยการกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;ตรวจติดตามโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2&nbsp;ตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาสุกรที่สูงขึ้น&nbsp;และให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;โดยจำหน่ายหมูเนื้อแดงราคา&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;5-15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;ร้านหมูสด&nbsp;(C38)&nbsp;และร้านเจ๊นางหมูสด&nbsp;(C170)&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดทิพย์นิมิตร&nbsp;ตำบลบางพลีใหญ่&nbsp;อำเภอบางพลี&nbsp;จังหวัดสมุทรปราการ</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>12/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสมุทรปราการสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรปราการhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112114235111 กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับโรงไฟฟ้าชุมชน พร้อมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชน ให้มีรายได้มั่นคงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น<p><strong>วันนี้(12&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายอดิศักดิ์&nbsp;ชูสุข&nbsp;ผู้อำนวยการกองวิจัย&nbsp;ค้นคว้าพลังงาน</strong>&nbsp;กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน&nbsp;เป็นประธานเปิดโครงการสื่อสารสร้างการรับรู้ตามนโยบายส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก”&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากแนวนโยบายการส่งเสริมความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ&nbsp;(กพช.)&nbsp;ซึ่งมี&nbsp;พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรี&nbsp;เป็นประธานฯ&nbsp;มีมติเห็นชอบกรอบหลักการ&nbsp;โครงการนำร่องโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;16&nbsp;พฤศจิกายน&nbsp;2563&nbsp;</p><p><strong>“โรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก”&nbsp;ถือเป็นหนึ่งในนโยบายด้านพลังงาน&nbsp;</strong>&nbsp;&nbsp;เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนให้กลุ่มเกษตรกรมีรายได้จากการร่วมเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;และการจำหน่ายวัสดุทางการเกษตรเป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้า&nbsp;รวมไปถึงชุมชนในพื้นที่ได้รับผลตอบแทนในรูปของการพัฒนาและบริการให้กับชุมชน&nbsp;เช่น&nbsp;ด้านการรักษาพยาบาล&nbsp;ด้านสาธารณูปโภค&nbsp;ด้านการศึกษา&nbsp;ส่งผลให้ชุมชนมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน</p><p><strong>โครงการนำร่อง&nbsp;โรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก</strong>&nbsp;มีเป้าหมายในการรับซื้อไฟฟ้ารวม&nbsp;150&nbsp;เมกะวัตต์&nbsp;โดยใช้เชื้อเพลิงชีวมวลที่ได้จากการปลูกไม้โตเร็ว&nbsp;และก๊าซชีวภาพจาก&nbsp;พืชพลังงาน&nbsp;โดยมีการลงทุนโดยภาคเอกชน&nbsp;และจะเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน&nbsp;ร้อยละ&nbsp;90&nbsp;และให้วิสาหกิจชุมชน&nbsp;ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ&nbsp;10&nbsp;โดยเป็นหุ้นบุริมสิทธิ&nbsp;โดยโรงไฟฟ้าฯ&nbsp;จะมีการทำสัญญารับซื้อเชื้อเพลิงในรูปแบบ&nbsp;Contract&nbsp;Farming&nbsp;กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน&nbsp;เพื่อเป็นข้อตกลงในปริมาณ&nbsp;และราคารับซื้อเชื้อเพลิงอย่างยุติธรรม&nbsp;</p><p><strong>ปัจจุบัน&nbsp;สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน</strong>&nbsp;ได้ประกาศผลการคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;(โครงการนำร่อง)&nbsp;แล้ว&nbsp;จำนวนทั้งสิ้น&nbsp;43&nbsp;โครงการ&nbsp;แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล&nbsp;16&nbsp;โครงการ&nbsp;และโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ&nbsp;27&nbsp;โครงการ&nbsp;โดยในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;มีผู้ผ่านการคัดเลือก&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;โครงการ&nbsp;ปริมาณไฟฟ้าเสนอขายรวม&nbsp;5.85&nbsp;MW</p><p><strong>โรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากจะเป็นมิติหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ</strong>ภายในชุมชน&nbsp;ทั้งการส่งเสริมพลังงานทดแทนตามเหมาะสมของพื้นที่&nbsp;ซึ่งจะเป็นการต่อยอดการทำเกษตรรูปแบบใหม่ที่เกษตรกรเองสามารถเป็นส่วนหนึ่งของโรงไฟฟ้าระดับชุมชน&nbsp;เป้าหมายสำคัญของโครงการ&nbsp;คือ&nbsp;การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชน&nbsp;มีรายได้มั่นคง&nbsp;และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น&nbsp;ครับ</p><p><strong>สำหรับ&nbsp;“โครงการสื่อสารสร้างการรับรู้ตามนโยบายส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชน</strong>เพื่อเศรษฐกิจฐานราก”&nbsp;พพ.&nbsp;จัดทำขึ้นเพื่อสื่อสารสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง&nbsp;เกี่ยวกับโรงไฟฟ้าชุมชน&nbsp;พร้อมทั้งสร้างการมีส่วนร่วม&nbsp;ในการเข้าถึงข้อมูลโครงการได้ครอบคลุมทุกมิติให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นชุมชน&nbsp;วิสาหกิจชุมชน&nbsp;ซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ&nbsp;&nbsp;ฐานราก&nbsp;โดยมีการจัดกิจกรรม&nbsp;จำนวน&nbsp;5&nbsp;ครั้ง&nbsp;ครอบคลุม&nbsp;5&nbsp;ภูมิภาคทั่วประเทศ</p><p><strong>การจัดงานในวันนี้&nbsp;เป็นการดำเนินการเผยแพร่องค์ความรู้ของโครงการ</strong>&nbsp;ในรูปแบบเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้&nbsp;ครั้งที่&nbsp;5&nbsp;จังหวัดราชบุรี&nbsp;โดยมีผู้เข้าร่วมเสวนาจากภาครัฐและภาคเอกชน&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;คน&nbsp;และผู้เข้าร่วมกิจกรรม&nbsp;ประมาณ&nbsp;200&nbsp;คน&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>12/1/2022ภาคตะวันตกราชบุรีสวท.ราชบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112122101126 จังหวดัตรังจัดประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะจังหวัดตรัง (Sri-Trang City) ครั้งที่ 1/2565<p><strong>ที่ห้องพระยารัษฎา&nbsp;ชั้น&nbsp;5&nbsp;ศาลากลางจังหวัดตรังนายขจรศักดิ์&nbsp;เจริญโสภา&nbsp;</strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง&nbsp;เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะจังหวัดตรัง&nbsp;(Sri-Trang&nbsp;City)&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1/2565&nbsp;เพื่อขอรับการพิจารณาอนุมัติการเป็นเมืองอัจฉริยะของประเทศไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>สำหรับจังหวัดตรัง&nbsp;ได้ขับเคลื่อนโครงการภายใต้แผนงานพัฒนา</strong>เมืองอัจฉริยะจังหวัดตรัง&nbsp;(Trang&nbsp;Smart&nbsp;City)&nbsp;ใน&nbsp;3&nbsp;ด้าน&nbsp;(สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ&nbsp;,&nbsp;เศรษฐกิจอัจฉริยะ&nbsp;และการดำรงชีพอัจฉริยะ)&nbsp;โดยมี&nbsp;3&nbsp;พื้นที่นำร่อง&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;เทศบาลนครตรัง&nbsp;เทศบาลเมืองกันตัง&nbsp;และเทศบาลตำบลโคกหล่อ&nbsp;ก่อนขยายผลไปสู่พื้นที่อื่น&nbsp;ๆ&nbsp;ในอนาคตต่อไป&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม&nbsp;ขนบธรรมเนียมประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์&nbsp;และประวัติศาสตร์อันยาวนาน&nbsp;</p><p><strong>ดังนั้น&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;จึงได้นำต้นทุนที่ดีเหล่านี้มาต่อยอด</strong>&nbsp;ขยายผลสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ&nbsp;เป็นเมืองที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยและชาญฉลาด&nbsp;เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการและการบริหารจัดการเมืองที่ดี&nbsp;เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี&nbsp;มีความสุข&nbsp;อย่างยั่งยืน&nbsp;ซึ่งการพัฒนาจังหวัดตรังสู่เมืองอัจฉริยะ&nbsp;จะเป็นการหลอมรวมเทคโนโลยีสมัยใหม่กับเทคนิควิธีทางดิจิตอล&nbsp;และนวัตกรรมอื่นๆ&nbsp;เพื่อเป็นแนวทางในการช่วยแก้ปัญหา&nbsp;พัฒนาคุณภาพประชากร&nbsp;และสร้างโอกาสใหม่ๆ&nbsp;ให้จังหวัดตรัง&nbsp;เป็น&nbsp;"เมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืน"&nbsp;ต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>12/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112122457129 พลังงานจัดกิจกรรมสื่อสารสร้างความรู้ความเข้าใจโรงฟ้าชุมชน เพื่อเศรษฐกิจฐานราก ที่ จ.ราชบุรี<p><strong>วันที่&nbsp;12&nbsp;ม.ค.&nbsp;2565&nbsp;กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน</strong>&nbsp;กระทรวงพลังงาน&nbsp;(พพ.)&nbsp;จัดเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้&nbsp;กิจกรรมสื่อสารสร้างความรู้ความเข้าใจโรงฟ้าชุมชน&nbsp;เพื่อเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;ภายใต้&nbsp;“โครงการสื่อสารสร้างการรับรู้ตามนโยบายส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก”&nbsp;ที่&nbsp;จ.ราชบุรี&nbsp;เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าชุมชน&nbsp;พร้อมทั้งสร้างการมีส่วนร่วม&nbsp;ในการเข้าถึงข้อมูลโครงการได้ครอบคลุมทุกมิติให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นชุมชน&nbsp;วิสาหกิจชุมชน&nbsp;ซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;</p><p><strong>โดยมี&nbsp;นายอดิศักดิ์&nbsp;ชูสุข&nbsp;ผู้อำนวยการกองวิจัย&nbsp;ค้นคว้าพลังงาน&nbsp;พพ.</strong>&nbsp;เป็นประธานกล่าวเปิดงาน&nbsp;และร่วมเสวนาบนเวที&nbsp;กับผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน&nbsp;และตัวแทนโรงไฟฟ้าชุมชน&nbsp;มีผู้เข้าร่วมเสวนาจากภาครัฐและภาคเอกชน&nbsp;และประชาชนที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมกว่า&nbsp;100&nbsp;คน&nbsp;ที่ห้องประชุมโรงแรมราชาบุระ&nbsp;อ.เมืองราชบุรี&nbsp;จ.ราชบุรี</p><p><strong>นายอดิศักดิ์&nbsp;ชูสุข&nbsp;ผู้อำนวยการกองวิจัย&nbsp;ค้นคว้าพลังงาน&nbsp;พพ.&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>จากแนวนโยบายการส่งเสริมความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ&nbsp;(กพช.)&nbsp;ซึ่งมี&nbsp;พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรี&nbsp;เป็นประธานฯ&nbsp;มีมติเห็นชอบกรอบหลักการ&nbsp;โครงการนำร่องโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;16&nbsp;พฤศจิกายน&nbsp;2563</p><p><strong>“โรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก”&nbsp;ถือเป็นหนึ่งในนโยบายด้านพลังงาน</strong>&nbsp;เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนให้กลุ่มเกษตรกรมีรายได้จากการร่วมเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้า&nbsp;และการจำหน่ายวัสดุทางการเกษตรเป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้า&nbsp;รวมไปถึงชุมชนในพื้นที่ได้รับผลตอบแทนในรูปของการพัฒนาและบริการให้กับชุมชน&nbsp;เช่น&nbsp;ด้านการรักษาพยาบาล&nbsp;ด้านสาธารณูปโภค&nbsp;ด้านการศึกษา&nbsp;ส่งผลให้ชุมชนมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน</p><p><strong>โครงการนำร่อง&nbsp;โรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;</strong>มีเป้าหมายในการรับซื้อไฟฟ้ารวม&nbsp;150&nbsp;เมกะวัตต์&nbsp;โดยใช้เชื้อเพลิงชีวมวลที่ได้จากการปลูกไม้โตเร็ว&nbsp;และก๊าซชีวภาพจาก&nbsp;พืชพลังงาน&nbsp;โดยมีการลงทุนโดยภาคเอกชน&nbsp;และจะเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน&nbsp;ร้อยละ&nbsp;90&nbsp;และให้วิสาหกิจชุมชน&nbsp;ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ&nbsp;10&nbsp;โดยเป็นหุ้นบุริมสิทธิ&nbsp;โดยโรงไฟฟ้าฯ&nbsp;จะมีการทำสัญญารับซื้อเชื้อเพลิงในรูปแบบ&nbsp;เกษตรพันธสัญญา&nbsp;หรือ&nbsp;คอนแทรคฟาร์มมิ่ง&nbsp;กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน&nbsp;เพื่อเป็นข้อตกลงในปริมาณ&nbsp;และราคารับซื้อเชื้อเพลิงอย่างยุติธรรม</p><p>ปัจจุบัน&nbsp;สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน&nbsp;ได้ประกาศผลการคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;(โครงการนำร่อง)&nbsp;แล้ว&nbsp;จำนวนทั้งสิ้น&nbsp;43&nbsp;โครงการ&nbsp;แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล&nbsp;16&nbsp;โครงการ&nbsp;และโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ&nbsp;27&nbsp;โครงการ&nbsp;โดยในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;มีผู้ผ่านการคัดเลือก&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;โครงการ&nbsp;ปริมาณไฟฟ้าเสนอขายรวม&nbsp;5.85&nbsp;MW</p><p><strong>โรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากจะเป็นมิติหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ</strong>ภายในชุมชน&nbsp;ทั้งการส่งเสริมพลังงานทดแทนตามเหมาะสมของพื้นที่&nbsp;ซึ่งจะเป็นการต่อยอดการทำเกษตรรูปแบบใหม่ที่เกษตรกรเองสามารถเป็นส่วนหนึ่งของโรงไฟฟ้าระดับชุมชน&nbsp;เป้าหมายสำคัญของโครงการ&nbsp;คือ&nbsp;การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชน&nbsp;มีรายได้มั่นคง&nbsp;และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>12/1/2022ภาคตะวันตกราชบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดราชบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112122237127 GISTDA เปิดผลติดตามการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออก EEC<p><strong>GISTDA&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;มูลนิธิเสนาะ&nbsp;อูนากูล&nbsp;และ&nbsp;TDRI&nbsp;ถอดบทเรียน&nbsp;ESB&nbsp;ถึง&nbsp;EEC&nbsp;</strong>เปิดผลติดตามการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออก&nbsp;ด้วย&nbsp;AIP&nbsp;Platform&nbsp;ชู&nbsp;4&nbsp;ข้อเสนอ&nbsp;พัฒนาพื้นที่&nbsp;ศก.พิเศษ&nbsp;อย่างยั่งยืน</p><p><strong>ดร.ปกรณ์&nbsp;อาภาพันธุ์&nbsp;ผู้อํานวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ</strong>&nbsp;(องค์การมหาชน)&nbsp;หรือ&nbsp;GISTDA&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;การพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออก&nbsp;ESB&nbsp;และนำมาสู่ผลการติดตามโครงการ&nbsp;EEC&nbsp;การติดตามสถานะโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก&nbsp;(EEC)&nbsp;และบริบทของพื้นที่ในภาคตะวันออก&nbsp;ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน&nbsp;(ปี&nbsp;2564)&nbsp;พร้อมขับเคลื่อนแนวคิดและหลักการใช้ข้อมูล&nbsp;การใช้เทคโนโลยีมาแก้ปัญหาในพื้นที่&nbsp;สำหรับการตัดสินใจเชิงนโยบาย&nbsp;อีกทั้งต้องการส่งเสริมการนําวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปสนับสนุนการตัดสินใจการพัฒนาพื้นที่ของผู้กําหนดนโยบายในพื้นที่&nbsp;EEC&nbsp;และภูมิภาคอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต</p><p><strong>โดย&nbsp;GISTDA&nbsp;มีบทบาทสำคัญในการนําเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศและเทคโนโลยี</strong>ที่เกี่ยวข้องสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่&nbsp;(Big&nbsp;Geo-Spatial&nbsp;data)&nbsp;และพัฒนา&nbsp;Platform&nbsp;เรียกว่า&nbsp;Actionable&nbsp;Intelligence&nbsp;Policy&nbsp;หรือ&nbsp;AIP&nbsp;สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล&nbsp;โดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็น&nbsp;Platformแสดงผลบน&nbsp;Dashboard&nbsp;ที่ให้ข้อเสนอแนะ&nbsp;เพื่อแก้ปัญหาและสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายในการพัฒนาพื้นที่&nbsp;ให้สอดคล้องกับศักยภาพ&nbsp;ความสามารถที่รองรับได้&nbsp;ซึ่งผลการศึกษาได้นำมาสู่&nbsp;4&nbsp;แนวทางในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ยั่งยืนทั้งสำหรับ&nbsp;EEC&nbsp;และพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;ในภูมิภาคต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ได้แก่&nbsp;</p><p>1.&nbsp;การจัดทำและบังคับใช้แผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน&nbsp;ดังที่&nbsp;EEC&nbsp;ได้ดำเนินการแล้ว&nbsp;เพื่อให้สามารถกำหนดพื้นที่เพื่อกิจกรรมต่างๆ&nbsp;ได้สอดคล้องกับภูมิศาสตร์และการอยู่ร่วมกันในสังคม&nbsp;</p><p>2.&nbsp;การกำหนดจำนวนผู้ประกอบการหรือจำนวนโรงงานแต่ละประเภท&nbsp;โดยคำนึงถึงขีดความสามารถในการรองรับของธรรมชาติ&nbsp;มีการจำกัดจำนวนใบอนุญาต&nbsp;จัดระบบซื้อขายใบอนุญาต&nbsp;ดังที่&nbsp;สกพอ.&nbsp;ใช้ควบคู่กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม&nbsp;และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย&nbsp;</p><p>3.&nbsp;การพัฒนาระบบขนส่งขยะ&nbsp;ของเสีย&nbsp;การคัดแยก&nbsp;และกำจัดขยะ&nbsp;ของเสียในรูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน&nbsp;เพราะการพัฒนาเขตเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมตามมาด้วยของเสียหรือขยะอันตราย&nbsp;ขยะติดเชื้อ&nbsp;และขยะมูลฝอยจากชุมชน&nbsp;จึงต้องมีการกำหนดพื้นที่และมีนวัตกรรมสำหรับการกำจัดขยะทุกประเภทอย่างเหมาะสม&nbsp;</p><p>4.&nbsp;ผลักดันให้นำธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม&nbsp;(Environmental&nbsp;Governance)&nbsp;มาปฏิบัติเป็นแนวทางปกติในการประกอบกิจการหรืออุตสาหกรรม&nbsp;เพื่อให้เกิดความตระหนักถึงความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม&nbsp;มีการให้ความรู้และเปิดเผยข้อมูลต่อชุมชนให้ทราบ&nbsp;</p><p><strong>รวมทั้งพัฒนาให้มีระบบการติดตามการดำเนินงานของเขตเศรษฐกิจพิเศษต่อเนื่อง&nbsp;</strong>ดังเช่นที่รายงานฉบับนี้ได้นำเสนอเทคโนโลยี&nbsp;AIP&nbsp;ของ&nbsp;GISTDA&nbsp;ให้เกิดประโยชน์สูงสุด&nbsp;และให้มีระบบเฝ้าระวังทุกมิติด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาวะของประชาชน&nbsp;ระบบจัดเก็บและใช้ข้อมูลต่อไป</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">ปริญญา/ข่าว</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>12/1/2022ภาคตะวันออกชลบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113062902444 จังหวัดตราด ขับเคลื่อนการจัดทำตราสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์จังหวัดตราด (Trat Brand) ผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวและบริการจังหวัดตราด<p><strong>วันนี้&nbsp;(12&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;นายชำนาญวิทย์&nbsp;เตรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด</strong>&nbsp;มอบหมายให้&nbsp;นายณัฐพงษ์&nbsp;สงวนจิตร&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด&nbsp;&nbsp;เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการจัดทำและบริหารตราสัญลักษณ์&nbsp;ผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวและบริการจังหวัดตราด&nbsp;ผ่านระบบออนไลน์&nbsp;&nbsp;ซึ่งสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตราด&nbsp;โดยมีคณะอนุกรรมการฯ&nbsp;จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมที่ห้องประชุมตราดสีทอง&nbsp;ศาลากลางจังหวัดตราด</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;จากการประชุมคณะกรรมการ่วมภาครัฐและเอกชนภาคตะวันออก</strong>&nbsp;(วาระพิเศษ)&nbsp;เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม&nbsp;2564&nbsp;รวมทั้งการประชุมการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของจังหวัดตราด&nbsp;ได้มีมติสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตราด&nbsp;รับผิดชอบในการจัดทำแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของจังหวัด&nbsp;(Trat&nbsp;Brand)&nbsp;โดยได้มีการตั้งคณะกรรมการ&nbsp;และคณะอนุกรรมการจัดทำและบริหารตราสัญลักษณ์&nbsp;รวม&nbsp;3&nbsp;กลุ่มผลิตภัณฑ์&nbsp;(Cluster)&nbsp;คือ&nbsp;ผลิตภัณฑ์ผลไม้จังหวัดตราด&nbsp;&nbsp;ผลิตภัณฑ์ชุมชนจังหวัดตราด&nbsp;และผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวและบริการจังหวัดตราด&nbsp;</p><p><strong>โดยคณะอนุกรรมการจัดทำและบริหารตราสัญลักษณ์</strong>&nbsp;ผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวและบริการจังหวัดตราด&nbsp;ที่ประชุมในวันนี้ได้ร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินการจัดทำและบริหารตราสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยวและการบริการจังหวัดตราด&nbsp;เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับคุณภาพด้านการท่องเที่ยวและการให้บริการของจังหวัดตราด&nbsp;โดยเฉพาะเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดตราดให้สามารถทำตลาดในระดับสากลได้&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;การประชุมคณะอนุกรรมการฯ&nbsp;ครั้งนี้&nbsp;</strong>ได้ร่วมกันพิจารณากำหนดสัญลักษณ์&nbsp;และพิจารณากำหนดระเบียบ&nbsp;/&nbsp;หลักเกณฑ์การอนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์&nbsp;รวมทั้งควบคุมและป้องกันความเสื่อมเสียต่อการใช้ตราสัญลักษณ์&nbsp;อีกด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>12/1/2022ภาคตะวันออกตราดสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112141458190 นักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี บูรณาการศาสตร์นำความรู้สร้างเศรษฐกิจชุมชนเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ปลากะตักตากแห้ง กลุ่มประมงพื้นบ้านปะนาเระ จังหวัดปัตตานี สร้างแบรนด์ PLA NARE นำร่องขยายตลาดออนไลน์เพื่อส่งออกประเทศจีน<p><strong>การขจัดความยากจนทุกรูปแบบในทุกพื้นที่&nbsp;เป็นเป้าหมายที่ว่าด้วยการลดความยากจน</strong>ทั้งทางเศรษฐกิจ&nbsp;และความยากจนในมิติอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;ซึ่งเป็นเป้าหมายลำดับที่&nbsp;1&nbsp;ของการพัฒนาที่ยั่งยืน&nbsp;(SDG1)&nbsp;จากรายงานของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ&nbsp;&nbsp;พบว่าปี&nbsp;2563&nbsp;คนจนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น&nbsp;5&nbsp;แสนคน&nbsp;เส้นความยากจนขยับลงมาอยู่ที่&nbsp;2,762&nbsp;&nbsp;บาทต่อคนต่อเดือน&nbsp;โดยปัญหาความยากจนในภาคใต้&nbsp;พบว่า&nbsp;มีปัญหารุนแรงขึ้นจากพื้นที่&nbsp;3&nbsp;จังหวัดชายแดน&nbsp;โดยปี&nbsp;2563&nbsp;คนจนใน&nbsp;3&nbsp;จังหวัดมีสัดส่วนประมาณ&nbsp;48.8%&nbsp;ของคนยากจนในภาคใต้&nbsp;และเพิ่มขึ้นถึง&nbsp;23.5%&nbsp;&nbsp;ขณะที่จังหวัดที่เหลือในภาคใต้มีจำนวนคนจนลดลง&nbsp;10.12%&nbsp;&nbsp;โดยเฉพาะจังหวัดปัตตานี&nbsp;มีสัดส่วนคนจนติดอันดับสูงสุด&nbsp;10&nbsp;อันดับแรกมาตั้งแต่ปี&nbsp;2547&nbsp;ต่อเนื่องถึงปี&nbsp;2563&nbsp;หรือตลอดเวลา&nbsp;17&nbsp;ปี&nbsp;นอกจากนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของชุมชนเพิ่มขึ้นอีก&nbsp;โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ผศ.ดร.ซัมซู&nbsp;สาอุ&nbsp;อาจารย์คณะวิทยาการอิสลาม&nbsp;มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์&nbsp;</strong>ที่ปรึกษาโครงการ&nbsp;Fish&nbsp;Win&nbsp;:&nbsp;การพัฒนาเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ปลากะตักตากแห้งเพื่อส่งออกประเทศจีน&nbsp;&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;จากปัญหาดังกล่าวทำให้จัดตั้งกลุ่มเพื่อจัดทำโครงการเรียนรู้เพื่อแก้ปัญหาความยากจนดังกล่าวโดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นและเป็นต้นทุนทางเศรษฐกิจและสังคม&nbsp;ภายใต้โครงการ&nbsp;Fish&nbsp;Win&nbsp;:&nbsp;การพัฒนาเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ปลากะตักตากแห้งเพื่อส่งออกประเทศจีน&nbsp;&nbsp;เป็นหนึ่งใน&nbsp;2&nbsp;ของโครงการ&nbsp;Reinventing&nbsp;University&nbsp;วิทยาเขตปัตตานี&nbsp;&nbsp;โดยมีกลุ่มนักศึกษาของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์&nbsp;วิทยาเขตปัตตานี&nbsp;ในหลากหลายสาขาวิชา&nbsp;อาทิ&nbsp;นางสาวมาณาล&nbsp;บาสอสิดิก&nbsp;คณะศึกษาศาสตร์&nbsp;&nbsp;นางสาวทรายนับ&nbsp;มาหิเละ&nbsp;นายอามีรุณ&nbsp;ขาเดร์&nbsp;รัฐศาสตร์&nbsp;&nbsp;นางสาวนูรุลมุมีนะห์&nbsp;มะแซ&nbsp;&nbsp;นายมูฮัมหมัดอิรฟัน&nbsp;บินเจ๊ะมะ&nbsp;&nbsp;นางสาวซูฮัยร์ลา&nbsp;มะเซ็ง&nbsp;Mr.Ma&nbsp;Sitong&nbsp;Mr.Wu&nbsp;Lei&nbsp;คณะวิทยาการอิสลาม&nbsp;นายซอฟรอน&nbsp;เกงเลอมะ&nbsp;นายซอฟรอน&nbsp;แวดาโอะ&nbsp;นางสาวฟาตีฮะห์&nbsp;ดือราแม&nbsp;&nbsp;นางสาวซัลวา&nbsp;ดอเล๊าะ&nbsp;นางสาวนูซีลา&nbsp;ติยี&nbsp;&nbsp;คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี&nbsp;เป็นต้น&nbsp;</p><p><strong>โดยมี&nbsp;ผศ.ดร.ซัมซู&nbsp;สาอุ&nbsp;คณะวิทยาการอิสลาม&nbsp;และ&nbsp;ดร.รุสลี&nbsp;นุห์&nbsp;</strong>ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายยุทธศาสตร์&nbsp;คณะวิทยาการอิสลาม&nbsp;เป็นที่ปรึกษาโครงการ&nbsp;มีการเลือกชุมชนประมง&nbsp;ตำบลปะนะเระ&nbsp;&nbsp;อำเภอปะนะเระ&nbsp;จังหวัดปัตตานี&nbsp;เป็นพื้นที่นำร่องในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นคือปลากะตักตากแห้ง&nbsp;เพื่อการส่งออกไปยังประเทศจีน&nbsp;&nbsp;ได้ร่วมออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ภายใต้แนวคิดการบูรณาการศาสตร์&nbsp;การบูรณาการกับสาขาวิชาเพื่อการทำงาน&nbsp;และการสร้างเครือข่ายกับต่างประเทศเพื่อพัฒนาภาษาและการรอบรู้การเป็นพลเมืองโลก&nbsp;และจัดตั้งกลุ่มลงพื้นที่สำรวจข้อมูลจากกลุ่มแม่บ้านผลิตภัณฑ์ปลากะตักตากแห้ง&nbsp;พบว่า&nbsp;ทางกลุ่มมีความต้องการจะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพี่อเพิ่มมูลค่า&nbsp;และขยายตลาดการส่งออก&nbsp;เนื่องจากตลาดปัจจุบันมีข้อจำกัดเรื่องการส่งออก&nbsp;และปัญหาเรื่องของราคา&nbsp;อีกครั้งในช่วงวิกฤติจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด&nbsp;19&nbsp;ทำให้มีการเลิกจ้างแรงงาน&nbsp;ทำให้แรงงานจากหมู่บ้านประสบปัญหาการว่างงาน&nbsp;ไม่มีการงานทำ&nbsp;ส่งผลต่อรายได้ที่ลดลงและค่าใช้ในครอบครัวที่เพิ่มขึ้นจึงได้ออกแบบกิจกรรมที่เน้นทักษะการสร้างผู้ประกอบการตั้งแต่ต้นน้ำ&nbsp;กลางน้ำ&nbsp;และปลายน้ำ&nbsp;</p><p><strong>โดยใช้&nbsp;ทักษะการเป็นผู้ประกอบการเป็นทักษะที่สำคัญและเป็นอัตลักษณ์</strong>ของนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์&nbsp;อาทิ&nbsp;ศึกษาปัญหาและความต้องการในการเพิ่มมูลค่าของปลากะตักตากแห้ง&nbsp;&nbsp;วิเคราะห์ปัญหาและนำเสนอแนวทางการผลิตและบรรจุภัณฑ์ปลากะตักตากแห้งด้วยกระบวนการ&nbsp;Lean&nbsp;Canvas&nbsp;นำเสนอแนวทางการผลิตและบรรจุภัณฑ์ปลากะตักตากแห้ง&nbsp;&nbsp;พัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปปลากะตักตากแห้งและสร้างบรรจุภัณฑ์&nbsp;&nbsp;&nbsp;อบรมการตลาดออนไลน์&nbsp;การทดลองการขายออนไลน์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>MR.Ma&nbsp;Sitong&nbsp;นักศึกษาสาขาวิชาอิสลามศึกษา&nbsp;หลักสูตรนานาชาติ</strong>&nbsp;คณะวิทยาการอิสลาม&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ตนได้นำเสนอแนวคิดการส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีน&nbsp;ซึ่งมีประชากรมุสลิมอยู่จำนวนมาก&nbsp;โดยได้จัดแนะนำความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาวจีนแผ่นดินใหญ่&nbsp;การพัฒนาสูตรอาหารที่สอดคล้องกับรสนิยมของชาวจีน&nbsp;รวมทั้งการใช้ภาษาจีนในการสื่อสารและประชาสัมพันธ์สินค้า&nbsp;สินค้าฮาลาลจากปะนาเระสามารถส่งออกไปยังตลาดมุสลิมจีนได้&nbsp;โดยประเทศจีนมีความต้องการผลิตภัณฑ์ปลากะตัก&nbsp;แต่ต้องปรับปรุงส่วนผสมและรสชาติให้เข้ากับรสนิยมของคนจีนได้</p><p><strong>นางสาวทรายนับ&nbsp;มาหิเละ&nbsp;&nbsp;คณะรัฐศาสตร์&nbsp;&nbsp;ได้สะท้อนการเรียนรู้จากโครงการว่า</strong>&nbsp;ได้ลงชุมชนจริง&nbsp;ได้พูดคุยกับกลุ่มแม่บ้าน&nbsp;ทำให้ได้เรียนรู้ปัญหาของชุมชน&nbsp;และแนวทางแก้ปัญหาแบบมีส่วนร่วม&nbsp;ซึ่งเป็นสายงานในสาขาวิชาที่เรียนอยู่แล้ว&nbsp;นอกจากนี้โครงการได้เชิญวิทยากรที่ทำเกี่ยวกับการขายของออนไลน์ซึ่งได้ทำอยู่แล้ว&nbsp;ทำให้ได้รู้กระบวนการและเทคนิคของผู้ประกอบการออนไลน์ได้มากขึ้น&nbsp;โดยเฉพาะตลาดฮาลาลและตลาดในต่างประเทศ</p><p><strong>นายซอฟรอน&nbsp;เกงเลอมะ&nbsp;คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี&nbsp;ได้กล่าวถึง</strong>การเรียนรู้ที่ได้จากโครงการว่า&nbsp;ภูมิใจมากที่ได้เอาความรู้จากที่ได้เรียนมาแลกเปลี่ยนกับกลุ่มแม่บ้าน&nbsp;และได้ช่วยคิดค้นสูตรน้ำพริกปลากะตักร่วมกับวิทยากร&nbsp;อีกทั้งโครงการได้ทำการอบรมเรื่องมาตรฐานฮาลาล&nbsp;อย.&nbsp;และ&nbsp;GMP&nbsp;เพื่อการส่งออก&nbsp;ซึ่งเป็นความรู้เพิ่มเติมที่สามารถใช้ในการประกอบอาชีพในอนาคตได้</p><p><strong>นางสาวมาณาล&nbsp;บาสอสิดิก&nbsp;สาขาวิชาภาษาอังกฤษ&nbsp;จากคณะศึกษาศาสตร์</strong>&nbsp;ได้เล่าถึงประสบการณ์การพัฒนาทักษะด้านภาษาของตนเองว่า&nbsp;ได้เข้าร่วมอบรมกับวิทยากรต่างประเทศ&nbsp;ซึ่งทำให้เห็นถึงมุมมองใหม่&nbsp;ๆ&nbsp;และตัวอย่างของการทำนวัตกรรมในยุตดิจิทัล&nbsp;นอกจากจะเปิดโลกทัศน์แล้ว&nbsp;ยังได้ฝึกการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกับทั้งวิทยากรและเพื่อนนักศึกษาต่างชาติ&nbsp;ซึ่งช่วยพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษซึ่งเป็นสาขาวิชาที่เรียนอยู่ด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ความพยายามที่จะพัฒนาโครงการเพื่อแก้ปัญหาความยากจน</strong>&nbsp;โดยการทำโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลากะตักตากแห้ง&nbsp;เพี่อการส่งออกประเทศจีนของนักศึกษาในโครงการ&nbsp;Fish&nbsp;Win&nbsp;เป็นโครงการทางเลือกหนึ่งที่จะพัฒนาเกษตรกรกลุ่มปลากะตักตากแห้งในจังหวัดปัตตานีให้อยู่รอดได้ในระยะสั้น&nbsp;และลดผลกระทบต่อการพัฒนาในระยะยาว&nbsp;และการเปิดตลาดออนไลน์เพื่อการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ&nbsp;เช่น&nbsp;ประเทศจีนซึ่งมีกำลังซื้อมาก&nbsp;</p><p><strong>ผศ.ดร.ซัมซู&nbsp;สาอุ&nbsp;อาจารย์คณะวิทยาการอิสลาม&nbsp;มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์&nbsp;</strong>ที่ปรึกษาโครงการ&nbsp;Fish&nbsp;Win&nbsp;:&nbsp;การพัฒนาเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ปลากะตักตากแห้งเพื่อส่งออกประเทศจีน&nbsp;ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า&nbsp;โครงการดังกล่าวนอกจะช่วยสร้างรายได้ให้กับกลุ่มชาวประมงแล้ว&nbsp;ยังช่วยพัฒนาทักษะของกลุ่มผลิตภัณฑ์ประมงให้เรียนรู้และใช้เทคโนโลยีดิจิทัล&nbsp;ซึ่งสามารถเพิ่มผลผลิต&nbsp;สร้างคุณค่าและขยายการเข้าถึงทางการตลาดของเกษตรกรได้&nbsp;ซึ่งจะเป็นการสร้างอาชีพที่ยั่งยืนต่อไปซึ่งเป็นผลกระทบ&nbsp;(impact)&nbsp;ที่เกิดขึ้นโดยตรงกับชุมชน&nbsp;&nbsp;การเรียนรู้ของนักศึกษาเองก็สะท้อนถึงจุดเปลี่ยนของการจัดการเรียนรู้ในระดับอุดมศึกษาที่ใช้ประเด็นปัญหาจริงในท้องถิ่นเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้&nbsp;ใช้การแก้ปัญหาจากความชำนาญในสาขาวิชาของตนเองร่วมกันทำงานเป็นทีม&nbsp;และสร้างเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ&nbsp;เพื่อสร้างการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงปัญหาในท้องถิ่น&nbsp;ผู้คนที่หลากหลาย&nbsp;ใช้สหวิทยาการต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;เพื่อนำทฤษฎีในห้องเรียนไปปรับใช้และพัฒนาชุมชนต่อไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังมีการสร้างเครือข่ายกับต่างประเทศ&nbsp;สร้างความร่วมมือกับ</strong>&nbsp;Faculty&nbsp;of&nbsp;Business&nbsp;and&nbsp;Management&nbsp;จาก&nbsp;Universiti&nbsp;Teknologi&nbsp;Mara&nbsp;(UiTM)&nbsp;ประเทศมาเลเซีย&nbsp;โดยมี&nbsp;Assoc.Prof.Dr&nbsp;Jati&nbsp;Kasuma&nbsp;Ali&nbsp;ผู้เชี่ยวชาญด้านผู้ประกอบการ&nbsp;และผู้ทรงคุณวุฒิในการแข่งขันการประกวดนวัตกรรมนานาชาติได้มาเป็นพี่เลี้ยงให้กับนักศึกษาในการทำคลิปเพื่อส่งเข้าประกวดการแข่งขัน&nbsp;EDUCATIONAL&nbsp;DESIGN,&nbsp;GAMES,&nbsp;INVENTION&nbsp;&amp;&nbsp;INNOVATION&nbsp;COMPETITION&nbsp;2022&nbsp;ซึ่งเป็นการยกระดับศักยภาพของนักศึกษาในการเข้าร่วมกิจกรรมในระดับนานาชาติ&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>12/1/2022ภาคใต้ปัตตานีสวท.ปัตตานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112144644232 สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกาญจนบุรี ขอเชิญชวนผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ลงทะเบียนสมัครรับมาตรฐาน SHA และ SHA Plus<p><strong>สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;</strong>ขอเชิญชวนผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว&nbsp;ลงทะเบียนสมัครรับมาตรฐาน&nbsp;SHA&nbsp;และ&nbsp;SHA&nbsp;Plus&nbsp;เพื่อยกระดับมาตรฐานด้านความสะอาดและสุขอนามัย&nbsp;ตามมาตรการจังหวัดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว&nbsp;พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้เข้ารับบริการ</p><p><strong>ดร.กิรดา&nbsp;ลำโครัตน์&nbsp;ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;ขอเชิญชวนผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว&nbsp;ลงทะเบียนสมัครรับมาตรฐาน&nbsp;SHA&nbsp;(Amazing&nbsp;Thailand&nbsp;Safety&nbsp;&amp;&nbsp;Health&nbsp;Administration)&nbsp;และ&nbsp;SHA&nbsp;Plus&nbsp;เพื่อยกระดับมาตรฐานด้านความสะอาดและสุขอนามัย&nbsp;ตามมาตรการจังหวัดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว&nbsp;(Blue&nbsp;Zone)&nbsp;พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้เข้ารับบริการ</p><p><strong>สำหรับ&nbsp;มาตรฐาน&nbsp;SHA&nbsp;(Amazing&nbsp;Thailand&nbsp;Safety&nbsp;&amp;&nbsp;Health&nbsp;Administration)</strong>&nbsp;เป็นโครงการที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา&nbsp;โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;(ททท.)&nbsp;ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข&nbsp;หน่วยงานจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการยกระดับมาตรการความสะอาดหรือความปลอดภัยด้านสุขอนามัย&nbsp;เป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนให้สถานที่ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนั้นเพิ่มความรัดกุมกับสินค้าและบริการ&nbsp;โดยคำนึงถึงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19&nbsp;ให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นไปอย่างปลอดภัยและถูกต้องตามหลักสุขอนามัย&nbsp;โดยเครื่องหมาย&nbsp;SHA&nbsp;นั้น&nbsp;เป็นตราที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคด้วย&nbsp;กิจการที่สามารถขอตรา&nbsp;SHA&nbsp;ได้มีทั้งหมด&nbsp;10&nbsp;รูปแบบ&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านอาหาร&nbsp;&nbsp;โรงแรมหรือที่พักสถานที่ท่องเที่ยว&nbsp;ยานพาหนะ&nbsp;บริษัทนำเที่ยว&nbsp;กิจการเกี่ยวกับสุขภาพและความงาม&nbsp;ห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์การค้า&nbsp;กีฬาเพื่อการท่องเที่ยว&nbsp;การจัดกิจกรรม/จัดประชุม/โรงละคร/โรงมหรสพ&nbsp;และ&nbsp;ร้านของที่ระลึก&nbsp;และร้านค้าต่าง&nbsp;ๆ</p><p><strong>ส่วน&nbsp;SHA&nbsp;Plus&nbsp;คือ&nbsp;ผู้ประกอบการที่ได้รับมาตรฐาน&nbsp;SHA&nbsp;แล้ว&nbsp;</strong>และบุคลากรได้รับวัคซีน&nbsp;COVID-19&nbsp;ครบโดสอย่างน้อย&nbsp;70%&nbsp;ของพนักงานทั้งหมดในองค์กร&nbsp;จะได้รับสัญลักษณ์&nbsp;&nbsp;"SHA&nbsp;Plus"&nbsp;หรือ&nbsp;"SHA+"&nbsp;โดยคุณสมบัติของกิจการที่จะได้รับ&nbsp;SHA&nbsp;Plus&nbsp;ต้องจะเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน&nbsp;SHA&nbsp;ก่อน&nbsp;จากนั้นเตรียมข้อมูลและหลักฐานการฉีดวัคซีนจำนวนตั้งแต่&nbsp;70%&nbsp;ขึ้นไปของพนักงานในสถานประกอบการ&nbsp;สำหรับใช้ในการลงทะเบียนรับ&nbsp;SHA&nbsp;Plus&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;หากผู้ประกอบการท่านใดสนใจสมัครรับมาตรฐาน&nbsp;&nbsp;</strong>SHA&nbsp;และ&nbsp;&nbsp;SHA&nbsp;&nbsp;Plus&nbsp;สามารถสมัครด้วยตนเองได้ที่&nbsp;https://web.thailandsha.com/index&nbsp;หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่&nbsp;:&nbsp;085&nbsp;-&nbsp;2925551&nbsp;(คุณพิณ)&nbsp;080&nbsp;-&nbsp;6513838&nbsp;(คุณอุ้ม)&nbsp;คณะทำงานฟื้นฟูเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี)&nbsp;หรือ&nbsp;034&nbsp;-&nbsp;520335&nbsp;ต่อ&nbsp;202&nbsp;สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกาญจนบุรี</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>12/1/2022ภาคตะวันตกกาญจนบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112145646242 ธ.ก.ส. โอนเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 256465 งวดที่ 1-12 (เพิ่มเติม) และงวดที่ 13 ให้เกษตรกรอีกกว่า 25,000 ครัวเรือน วงเงิน 275 ล้านบาท<p>นายกษาปณ์&nbsp;เงินรวง&nbsp;รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร&nbsp;(ธ.ก.ส.)&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ในวันนี้&nbsp;(12&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;ธ.ก.ส.&nbsp;ได้โอนเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว&nbsp;ปีการผลิต&nbsp;2564/65&nbsp;งวดที่&nbsp;1-12&nbsp;(เพิ่มเติม)&nbsp;พร้อมงวดที่&nbsp;13&nbsp;อีกจำนวน&nbsp;275&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ให้กับเกษตรกรจำนวน&nbsp;25,132&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;ส่งผลให้ภาพรวมการโอนเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว&nbsp;ปีการผลิต&nbsp;2564/65&nbsp;โอนเงินไปแล้วจำนวน&nbsp;85,388.26&nbsp;ล้านบาท&nbsp;มีเกษตรกรได้รับประโยชน์กว่า&nbsp;4,582,172&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;</p><p><br></p><p>ทั้งนี้&nbsp;โครงการประกันรายได้&nbsp;เป็นช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้ได้รับผลตอบแทนจากการผลิตที่เหมาะสม&nbsp;เป็นการป้องกันความเสี่ยงด้านราคาไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน&nbsp;และช่วยแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก&nbsp;การแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;และอุทกภัย&nbsp;โดยที่กลไกตลาดยังคงทำงานเป็นปกติ&nbsp;โดยเกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชัน&nbsp;ธ.ก.ส.&nbsp;A-Mobile&nbsp;ตลอด&nbsp;24&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;และจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่าน&nbsp;LINE&nbsp;BAAC&nbsp;Family&nbsp;กรณีที่ลูกค้าสมัครใช้บริการ&nbsp;BAAC&nbsp;Connect&nbsp;รวมถึงสามารถเบิกถอนเงินสดผ่านตู้&nbsp;ATM&nbsp;ของ&nbsp;ธ.ก.ส.&nbsp;ทั่วประเทศ</p>12/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112164922305 พาณิชย์ จ.ประจวบฯ คุมเข้มราคาจำหน่ายสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพ พร้อมจัดโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน จำหน่ายหมูเนื้อแดง กก.ละ 150 บาท รวม 6 จุด<p><strong>วันนี้&nbsp;(12&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;)น.ส.ภัสศรัณย์&nbsp;ชำนาญกิจ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์&nbsp;</strong>เปิดเผยว่า&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดฯ&nbsp;ได้ตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าในท้องตลาดอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนและไม่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค&nbsp;หลังพบว่าปัจจุบันราคาสินค้าหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;โดยจากการลงพื้นที่ติดตามการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพต่างๆ&nbsp;เช่น&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;น้ำมันพืช&nbsp;พบว่าขณะนี้ราคาจำหน่ายยังเป็นปกติ&nbsp;แต่ได้ขอความร่วมมือผู้ค้าผู้ประกอบการให้ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน</p><p><strong>ส่วนประชาชนผู้บริโภคหากพบเห็นการฉวยปรับขึ้นราคาโดยไม่เป็นธรรมสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน&nbsp;1569</strong>&nbsp;หรือที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดฯ&nbsp;ส่วนสถานการณ์การจำหน่ายหมูเนื้อแดงในตลาด&nbsp;พบว่ายังคงมีการปรับราคาสูงขึ้น&nbsp;ล่าสุด&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดฯ&nbsp;ได้ประสานผู้ประกอบการจัดทำโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;รวม&nbsp;6&nbsp;จุด&nbsp;ปริมาณ&nbsp;60&nbsp;กก./จุด/วัน&nbsp;ได้แก่&nbsp;อ.เมือง&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;ที่ร้านเจ้ยิ้น&nbsp;ร้านหมูวราชัย&nbsp;ร้านหมูเจ้จี๋&nbsp;และร้านนพรัตน์ฟาร์ม&nbsp;/&nbsp;อ.บางสะพาน&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;ที่ร้านหมูสายใจ&nbsp;&nbsp;และ&nbsp;อ.หัวหิน&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;ที่ร้านหัวหินหมูสด-ไก่สด&nbsp;สาขา&nbsp;1&nbsp;แยกพุทธไชโย&nbsp;โดยเปิดจุดจำหน่ายตั้งแต่วันที่&nbsp;13&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;ม.ค.นี้&nbsp;จากนั้นจะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้ง&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>12/1/2022ภาคตะวันตกประจวบคีรีขันธ์สวท.ประจวบคีรีขันธ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112180738352 รัฐบาลบูรณาการทุกหน่วยแก้ไขปัญหาค่าครองชีพสูง<p><strong>พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรี&nbsp;มีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงาน</strong>บูรณาการแก้ปัญหาสินค้าโภคภัณฑ์อาหารปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วน&nbsp;โดยเฉพาะ&nbsp;อาหารสด&nbsp;ไม่ว่าจะเป็น&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;และ&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เป็นต้น</p><p><strong>กรมการค้าภายในได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;</strong>โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบร่วมกันกำหนดราคาจำหน่ายไก่มีชีวิตหน้าฟาร์ม&nbsp;และราคาจำหน่ายปลีกชิ้นส่วนไก่สด&nbsp;เป็นระยะเวลา&nbsp;6&nbsp;เดือนนับตั้งแต่เดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;โดยสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน&nbsp;2565</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ราคาไก่</strong></p><p>•ราคาจำหน่ายไก่สดมีชีวิต&nbsp;จำหน่ายในราคา&nbsp;33.50&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม</p><p>•ไก่สด&nbsp;รวมเครื่องในและไม่รวมเครื่องใน&nbsp;จำหน่าย&nbsp;60-65&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม</p><p>•น่องติดสะโพก&nbsp;น่อง&nbsp;สะโพก&nbsp;จำหน่าย&nbsp;60-65&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม</p><p>•เนื้ออก&nbsp;จำหน่าย&nbsp;65-70&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ราคาไข่ไก่</strong>&nbsp;&nbsp;หารือสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่และกรมปศุสัตว์&nbsp;เพื่อหารือโครงสร้างต้นทุนการเลี้ยง&nbsp;ผลผลิต&nbsp;และการประกาศปรับราคาไข่คละเป็น&nbsp;3&nbsp;บาทต่อฟองนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่&nbsp;ซึ่งจากข้อมูลต้นทุนเลี้ยงไข่ไก่อยู่ที่&nbsp;2.85&nbsp;บาทต่อฟอง&nbsp;ทั้งนี้จะขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาเพื่อลดผลกระทบต่อผู้บริโภค&nbsp;โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในวันที่&nbsp;13&nbsp;มกราคม&nbsp;2564</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ราคาเนื้อหมู&nbsp;</strong>ในส่วนของราคาเนื้อหมู&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;ได้จำหน่ายหมูราคาถูกผ่าน&nbsp;“โครงการพาณิชย์ลดราคาหมู”&nbsp;ออกไปถึงสิ้นเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;นี้</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;•กรุงเทพฯ&nbsp;มีจุดขายหมู&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ทั้งหมด&nbsp;116&nbsp;จุด&nbsp;แยกเป็นรถโมบายตระเวนตามพื้นที่ต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;50&nbsp;คัน&nbsp;และตั้งจุดจำหน่ายอีก&nbsp;50&nbsp;จุด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;•ส่วนต่างจังหวัดมี&nbsp;551&nbsp;จุด&nbsp;รวมเป็นทั้งหมด&nbsp;667&nbsp;จุด&nbsp;เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนสามารถซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาดได้</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p><p>&nbsp;</p>12/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสมุทรปราการสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรปราการhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113061419438 สำนักงานพาณิชย์จ.สงขลา เร่งแก้ปัญหาราคาสุกรที่ขยับตัวสูงขึ้น โดยจะเพิ่มจุดจำหน่ายเนื้อสุกรเพิ่มอีก 2 แห่ง พร้อมขอให้ร้านค้าติดป้ายแสดงราคา และส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบตลาดอย่างต่อเนื่อง เกรงแผงหมูจะฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าช่วงเทศกาลตรุษจีน<p>จากราคาเนื้อสุกรที่ขยับขึ้นราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;จนทะลุกิโลกรัมละ&nbsp;200&nbsp;-210&nbsp;บาท&nbsp;นางสาวฉัตร์สุดา&nbsp;ชุมแสง&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสงขลา&nbsp;กล่าวถึงสาเหตุที่เนื้อสุกรปรับราคาจำหน่ายสูงขึ้น&nbsp;เนื่องจากเกษตรกรมีการเลี้ยงสุกรที่ลดน้อยลง&nbsp;เพราะต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาสูง&nbsp;และเกิดโรคระบาดในสุกรมาตั้งแต่ช่วงกลางปี&nbsp;2564&nbsp;จึงทำให้เกษตรกรรายย่อยไม่ได้เลี้ยงสุกร&nbsp;ซึ่งส่งผลต่อปริมาณเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดลดน้อยลง&nbsp;และมีการขยับระดับราคาสูงขึ้น&nbsp;ขณะนี้นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้สั่งการให้ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2&nbsp;</p><p><br></p><p>สำหรับในจังหวัดสงขลา&nbsp;ราคาเนื้อสุกรหน้าฟาร์ม&nbsp;อยู่ที่กิโลกรัมละ&nbsp;112-114&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนราคาขายปลีก&nbsp;หมูสามชั้น&nbsp;อยู่ที่กิโลกรัมละ&nbsp;200&nbsp;-&nbsp;210&nbsp;บาท&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;190&nbsp;–&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;เนื้อสัน&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;190&nbsp;–&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;ทั้งนี้จังหวัดสงขลาได้ดำเนินโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;6&nbsp;–&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;มีจุดจำหน่ายทั้งหมด&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่&nbsp;จุดที่&nbsp;1&nbsp;บริเวณริมถนนสงขลา-นาทวี&nbsp;ตรงข้ามสำนักงานควบคุมโรค&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จุดที่&nbsp;2&nbsp;ร้านเตชินทร์อาหารแช่แข็ง&nbsp;ตรงข้ามกับโรงเรียนเทศบาล&nbsp;1&nbsp;ถนนนครนอก&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จุดที่&nbsp;3&nbsp;บริเวณริมถนนรัตนอุทิศ&nbsp;เขต&nbsp;8&nbsp;อำเภอหาดใหญ่&nbsp;และ&nbsp;จุดที่&nbsp;4&nbsp;บริเวณริมถนนใกล้ป้อมตำรวจสี่แยกนาหม่อม&nbsp;อำเภอนาหม่อม&nbsp;จำหน่ายเนื้อแดงและเนื้อติดมันในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;โดยแต่ละจุดจะจำหน่ายวันละประมาณไม่ต่ำกว่า&nbsp;100&nbsp;กิโลกรัมต่อวัน&nbsp;ตามที่กรมการค้าภายในกำหนด&nbsp;และหลังจากวันที่&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสงขลา&nbsp;จะดำเนินการหาจุดจำหน่ายเพิ่มอีก&nbsp;2&nbsp;จุด&nbsp;รวมทั้งหมด&nbsp;6&nbsp;จุด&nbsp;</p><p><br></p><p>นอกจากนี้ราคา&nbsp;ไก่&nbsp;และไข่ไก่&nbsp;โดยขยับราคาสูงตามมาเช่นกัน&nbsp;เนื่องจากเนื้อหมูมีราคาแพง&nbsp;ประชาชนก็หันมาบริโภคไก่&nbsp;และไข่ไก่เพิ่มมากขึ้น&nbsp;จากการที่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสงขลา&nbsp;ก็ได้ลงไปตรวจสอบ&nbsp;พบว่าระดับราคาไก่เนื้อปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย&nbsp;ขณะที่ไก่สดชำแหละ&nbsp;(ไม่รวมเครื่องใน)&nbsp;ราคาอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ&nbsp;70&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนเนื้ออกไก่อยู่ที่กิโลกรัมละ&nbsp;70-75&nbsp;บาท&nbsp;และสะโพกกิโลกรัมละ&nbsp;70-75&nbsp;บาท&nbsp;ไข่ไก่ขึ้นราคาแผงละ&nbsp;6&nbsp;บาท</p><p><br></p><p>ทางด้านกรมการค้าภายใน&nbsp;ได้ขอความร่วมมือไปยังเกษตรกรรายใหญ่&nbsp;ให้คงราคาไว้เป็นระยะเวลา&nbsp;6&nbsp;เดือน&nbsp;นับตั้งแต่เดือนมกราคม&nbsp;ไปจนถึง&nbsp;เดือนมิถุนายน&nbsp;2565&nbsp;และกำหนดให้ขายไก่เป็นหน้าฟาร์ม&nbsp;อยู่ที่กิโลกรัมละ&nbsp;33.50&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนไก่สด&nbsp;(ไม่รวมเครื่องใน)&nbsp;อยู่กิโลกรัมละ&nbsp;60-65&nbsp;บาท,&nbsp;น่องไก่&nbsp;สะโพกไก่&nbsp;ให้จำหน่ายปลีก&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;60&nbsp;-65&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนเนื้อหน้าอกไก่&nbsp;ให้จำหน่ายปลีกอยู่ที่กิโลกรัมละ&nbsp;65-70&nbsp;บาท&nbsp;พร้อมได้ขอความร่วมมือแก่ผู้ประกอบการ&nbsp;พ่อค้าแม่ค้า&nbsp;ทำการติดป้ายแสดงราคาจำหน่ายให้ชัดเจน&nbsp;และสั่งห้ามขายสินค้าดังกล่าว&nbsp;แพงเกินกว่าราคาที่ได้ติดป้ายไว้&nbsp;หากขายเกินกว่าราคาป้ายที่กำหนด&nbsp;จะมีโทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับไม่เกิน&nbsp;40,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ&nbsp;</p><p><br></p><p>พาณิชย์จังหวัดสงขลา&nbsp;กล่าวเพิ่มเติมว่า&nbsp;มาตรการดังกล่าวสามารถจะเป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยชะลอการขึ้นราคาสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ก่อนถึงช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;เป็นมาตรการหนึ่งที่จะช่วยพ่อแม่พี่น้องประชาชนได้ซื้อสินค้าในราคาที่เป็นธรรม</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p>12/1/2022ภาคใต้สงขลาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112185025373 รัฐบาลเก็บค่าเดินทางเข้าไทย จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ คนละ 300 บาท เริ่ม 1 เมษายน นี้<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รัฐบาลเก็บค่าเดินทางเข้าไทย&nbsp;จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ คนละ&nbsp;300&nbsp;บาท&nbsp;เริ่ม&nbsp;1&nbsp;เมษายน&nbsp;นี้</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายพิพัฒน์&nbsp;รัชกิจประการ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ในวันที่&nbsp;1&nbsp;เม.ย.&nbsp;ปีนี้&nbsp;จะเริ่มเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยคนละ&nbsp;300&nbsp;บาท&nbsp;เบื้องต้นคาดการณ์ว่าหากปีนี้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามา&nbsp;5&nbsp;ล้านคน&nbsp;จะสามารถจัดเก็บเงินได้ประมาณ&nbsp;1,500&nbsp;ล้านบาท&nbsp;เพื่อนำไปพัฒนาภารกิจเร่งด่วนที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว&nbsp;โดยเฉพาะการสร้างทางขึ้นลงสำหรับคนพิการ&nbsp;และการสร้างห้องน้ำ&nbsp;ซึ่งเงินก้อนนี้จะเก็บไว้เป็นกองทุน&nbsp;เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติ&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;จะต้องให้ท้องถิ่นเข้ามาร่วมลงทุนด้วย&nbsp;ทั้งนี้จำนวนเงินที่เก็บจากนักท่องเที่ยวจะดึงออกมา&nbsp;50&nbsp;บาท&nbsp;เพื่อนำไปซื้อประกันภัยสำหรับนักท่องเที่ยว&nbsp;ซึ่งในปีแรกอาจเหลือเงินใส่เข้าไปในกองทุน&nbsp;1,250&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และจะมีการประสานให้สายการบินต่างๆ&nbsp;จัดเก็บเงินดังกล่าวรวมกับราคาตั๋วเครื่องบินพร้อมพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้นักท่องเที่ยว&nbsp;และมีการแสดงหลักฐานก่อนเข้าประเทศว่าได้ชำระเงินเรียบร้อยแล้ว</p>12/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112194946383 จังหวัดบุรีรัมย์ เตรียมจัดงาน "แสง สี เสียง ตำนานรักภูเขาไฟกระโดง" ประจำปี 2565 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และกระตุ้นรายได้ให้ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว<p><strong>ที่ห้องประชุมนารายณ์บรรทมสินธุ์&nbsp;นายดำรงชัย&nbsp;เนรมิตตกพงศ์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์&nbsp;</strong>ประชุมคณะกรรมการจัดการแสดง&nbsp;"แสง&nbsp;สี&nbsp;เสียง&nbsp;ตำนานรักภูเขาไฟกระโดง"&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงงานเทศกาล&nbsp;รวมถึงประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดที่มีอยู่แล้วให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น&nbsp;รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีไทย&nbsp;ตามนโยบายของรัฐบาลในด้านการท่องเที่ยว&nbsp;และกระตุ้นรายได้ด้านการท่องเที่ยว&nbsp;พร้อมทั้งกระจายรายได้&nbsp;ให้ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว&nbsp;เพื่อให้การจัดงานเทศกาลภูเขาไฟบุรีรัมย์&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;ยิ่งใหญ่&nbsp;และเป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น&nbsp;</p><p><strong>โดยธีมของการจัดงานปีนี้คือ&nbsp;“ปฐมบทแห่งภูเขาไฟ”</strong>&nbsp;ซึ่งจะนำเรื่องราวเล่าขาน&nbsp;เรื่องเล่าทางภูมิศาสตร์&nbsp;วิทยาศาสตร์&nbsp;ประวัติศาสตร์รวมไปถึงตำนานความเชื่อของจังหวัดบุรีรัมย์ในฐานะเป็นเมืองที่มีภูเขาไฟที่ดับแล้ว&nbsp;มากที่สุดในประเทศไทย&nbsp;มาบอกเล่าให้กับผู้เข้ามาเยี่ยมชมงานได้ชมผ่านรูปแบบของนิทรรศการและการแสดงแสงสีเสียง&nbsp;ในชื่อชุด&nbsp;“อัปสราโชว์”&nbsp;จากนั้นจะเป็นการโชว์การการระเบิดของภูเขาไฟกระโดง&nbsp;ซึ่งจะมีการระเบิดทุก&nbsp;ๆ&nbsp;ชั่วโมง</p><p><strong>นอกจากนั้นยังมีการจัดซุ้มไฟประดับตลอดทางเดินขึ้นปากปล่องภูเขาไฟ&nbsp;700&nbsp;เมตร&nbsp;</strong>ให้ประชาชนได้ถ่ายภาพ&nbsp;มีการจัดลานวัฒนธรรมนำร้านค้าผลิตภัณฑ์และอาหารพื้นเมือง&nbsp;มีร้านค้าจำนวนกว่า&nbsp;70&nbsp;ร้าน&nbsp;ให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม&nbsp;นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;อีก&nbsp;เช่น&nbsp;กิจกรรมบวงสรวงศักดิ์สิทธิ์&nbsp;บริเวณหน้าพระสุภัทรบพิตร&nbsp;กิจกรรมสวดมนต์&nbsp;ปฏิบัติธรรม&nbsp;น้อมนำจิตใจ&nbsp;บริเวณลานด้านหน้าองค์พระสุภัทรบพิตร&nbsp;ในช่วงเย็นของทุกวัน&nbsp;</p><p><strong>สำหรับงาน&nbsp;"แสง&nbsp;สี&nbsp;เสียง&nbsp;ตำนานรักภูเขาไฟกระโดง"&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;</strong>จะจัดขึ้น&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;14-16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณวนอุทยาน&nbsp;ภูเขาไฟกระโดง&nbsp;ตำบลเสม็ด&nbsp;อำเภอเมืองบุรีรัมย์&nbsp;ประชาชนที่เดินทางเข้ารับชมภายในงานจะต้องผ่านการฉีดวัคซีนครบโดส&nbsp;และปฏิบัติตามมาตรการอย่างเข้มงวด</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>12/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบุรีรัมย์สวท.บุรีรัมย์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112201239387 ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานีเยี่ยมจุดจำหน่ายเนื้อหมูธงฟ้าราคาถูก ห่วงในประชาชนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19<p><strong>วันนี้&nbsp;(12&nbsp;ม.ค.65&nbsp;)&nbsp;นายวิชวุทย์&nbsp;จินโต&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี</strong>&nbsp;พร้อมด้วยนางสุนิสา&nbsp;รามแก้ว&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;และนายกัมปนาท&nbsp;กลิ่นเสาวคนธ์&nbsp;นายอำเภอบ้านนาสาร&nbsp;&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดจำหน่ายเนื้อหมูและสินค้าธงฟ้าราคาถูก&nbsp;ในเขตเทศบาลเมืองนาสาร&nbsp;อำเภอบ้านนาสาร&nbsp;จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;ซึ่งเป็นนโยบายหนึ่งของกระทรวงพาณิชย์ที่จับมือกับภาครัฐ&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;และผู้เกี่ยวข้อง&nbsp;&nbsp;จัดจำหน่ายเนื้อหมูและสินค้าอื่นๆ&nbsp;ที่สด&nbsp;สะอาด&nbsp;จากฟาร์มมาตรฐาน&nbsp;ราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป&nbsp;เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน&nbsp;ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19&nbsp;และประสบกับปัญหาราคาเนื้อหมูในท้องตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น</p><p><strong>สำหรับจุดจำหน่ายสินค้าธงฟ้าแห่งนี้&nbsp;มีจำหน่ายทั้งเนื้อหมูสามชั้น&nbsp;</strong>กิโลกรัมละ&nbsp;160&nbsp;บาท&nbsp;สะโพก&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;สันใน&nbsp;160&nbsp;บาท&nbsp;นอกจากนี้ยังมีไข่ไก่ราคาถูก&nbsp;เบอร์ศูนย์จำหน่าย&nbsp;แผงละ&nbsp;110&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์หนึ่งแผงละ&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์สองแผงละ&nbsp;95&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์สามแผงละ&nbsp;90&nbsp;บาท&nbsp;ตลอดจนสินค้าอื่นๆ&nbsp;ทั้งสดและแห้งอีกมากมายให้ได้เลือกซื้อ&nbsp;โดยได้รับความสนใจจากประชาชนเลือกซื้อกลับไปบริโภคเป็นจำนวนมาก&nbsp;พร้อมกับขอบคุณรัฐบาลที่ห่วงใย&nbsp;และให้ความช่วยเหลือลดค่าครองชีพของประชาชน</p><p><strong>นายวิชวุทย์&nbsp;จินโต&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;รัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องประชาชน&nbsp;ที่ได้รับผลกระทบสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;โดยกระทรวงกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับผู้ประกอบการ&nbsp;จัดจำหน่ายเนื้อหมูและสินค้าธงฟ้าราคาถูก&nbsp;กระจายไปในแต่ละอำเภอ&nbsp;เริ่มมาตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน&nbsp;ลดค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน&nbsp;ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด&nbsp;19&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>12/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112200107385 จังหวัดเพชรบุรี เร่งพัฒนาเมืองด้านอุตสาหกรรม ภายใต้ระบบเชิงนิเวศ ไม่เพียงการสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ สร้างเศรษฐกิจในพื้นที่เท่านั้น แต่ประชาชนต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความภาคภูมิใจในเมืองน่าอยู่คู่อุตสาหกรรม<p><strong>จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;เร่งพัฒนาเมืองด้านอุตสาหกรรม</strong>&nbsp;ภายใต้ระบบเชิงนิเวศ&nbsp;ไม่เพียงการสร้างงาน&nbsp;สร้างอาชีพ&nbsp;เพิ่มรายได้&nbsp;สร้างเศรษฐกิจในพื้นที่เท่านั้น&nbsp;แต่ประชาชนต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี&nbsp;มีความภาคภูมิใจในเมืองน่าอยู่คู่อุตสาหกรรม&nbsp;เมื่อเวลา&nbsp;13.30&nbsp;น.&nbsp;วันนี้(วันที่&nbsp;12&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;นายณัฐวุฒิ&nbsp;เพ็ชรพรหมศร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;นางอทิตา&nbsp;กลิ่นสุวรรณ&nbsp;&nbsp;อุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;นายอำนาจ&nbsp;เถาเล็ก&nbsp;ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์&nbsp;การพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่&nbsp;ร่วมประชุมหารือ&nbsp;การพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุม&nbsp;ศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;</p><p><strong>นายณัฐวุฒิ&nbsp;เพ็ชรพรหมศร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;</strong>เปิดเผยถึงแนวทางการพัฒนาเมืองเพชรบุรีว่าจังหวัดเพชรบุรีมีความพร้อมในศักยภาพทุกด้าน&nbsp;ที่จะพัฒนาให้เป็นเมืองน่าอยู่&nbsp;น่ากิน&nbsp;น่าเที่ยว&nbsp;พร้อมทั้งการขับเคลื่อนวิถีเศรษฐกิจด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้ระบบเชิงนิเวศ&nbsp;ซึ่งภาคอุตสาหกรรมไม่เพียงเป็นแหล่งการสร้างงาน&nbsp;สร้างอาชีพ&nbsp;ที่จะช่วยเพิ่มรายได้&nbsp;สร้างเศรษฐกิจในพื้นที่เท่านั้น&nbsp;แต่ประชาชนต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี&nbsp;มีความภาคภูมิใจในเมืองน่าอยู่คู่อุตสาหกรรม&nbsp;สานนโยบาย&nbsp;ยุทธศาสตร์ชาติ&nbsp;ที่ให้การพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ&nbsp;เป็นเมืองที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง&nbsp;โรงงานอุตสาหกรรมสามารถอยู่ร่วมกับคนในชุมชน&nbsp;โดยไม่ส่งผลกระทบไม่เป็นปัญหาการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ&nbsp;ซึ่งต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาดูแลสิ่งแวดล้อม&nbsp;อันจะนำไปสู่เมืองน่าอยู่คู่อุตสาหกรรม&nbsp;</p><p><strong>จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;พร้อมที่จะเข้าร่วมโครงการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ</strong>&nbsp;โดยจะมีการพิจารณาเลือกพื้นที่นำร่อง&nbsp;เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมให้สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน&nbsp;ไม่ให้เกิดผลกระทบซึ่งกันและกันภายใต้สภาวะแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดี&nbsp;พร้อมทั้งช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโตไปด้วยกัน&nbsp;</p><p><strong>ทางด้านนางอทิตา&nbsp;กลิ่นสุวรรณ&nbsp;&nbsp;อุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรีกล่าวว่า</strong>&nbsp;เพชรบุรีมีโรงงานอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลาย&nbsp;จะทำอย่างไรให้อุตสาหกรรมสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน&nbsp;โดยจะทำเมืองเพชรบุรีให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ&nbsp;โดยให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อคัดเลือก&nbsp;พื้นที่ที่มีความเหมาะสม&nbsp;ถือเป็นโอกาสอันดีของจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ที่ทางกรมโรงงาน&nbsp;กระทรวงอุตสาหกรรมได้มองเห็นถึงศักยภาพ&nbsp;ว่ามีเพียงพอที่จะทำ&nbsp;เป็นอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ&nbsp;ที่ไม่เพียงช่วยสร้างเศรษฐกิจ&nbsp;สร้างรายได้แล้ว&nbsp;แต่สามารถอยู่ร่วมกับประชาชนได้อย่างมีความสุข&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>จามรี&nbsp;อนุรัตน์&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรีรายงาน</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>12/1/2022ภาคตะวันตกเพชรบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112204112395 พาณิชย์โคราชเตือนใช้เครื่องชั่งดัดแปลงขายสินค้ามีโทษทั้งจำและปรับขณะที่ประชาชนยังซื้อหมูราคาประหยัดอย่างต่อเนื่อง<p><strong>นายศารุมภ์&nbsp;โหม่งสูงเนิน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;โครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดนครราชสีมา&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;2)&nbsp;ยังมีไปจนถึงวันที่&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา&nbsp;ร่วมกับตลาดเทิดไทและผู้ประกอบการค้าเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;ได้ลดราคาเพื่อผู้บริโภค&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาหมูที่สูงขึ้นและให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค</p><p><strong>บรรยากาศการซื้อหมูเนื้อแดง&nbsp;</strong>ลดราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ที่ตลาดเทิดไท&nbsp;จังหวัดนครราชสีมา&nbsp;มีประชาชนมาซื้อหมูตามร้านที่เข้าโครงการทั้ง&nbsp;6&nbsp;ร้านอย่างต่อเนื่องทุกวัน&nbsp;มีหมูจำหน่ายร้านละ&nbsp;50&nbsp;กก.และจำกัดการซื้อเพื่อให้เกิดการกระจายอย่างทั่วถึง</p><p><strong>พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา</strong>&nbsp;ฝากถึงประชาชนและร้านค้าในการตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องชั่งน้ำหนักเวลาซื้อขายสินค้าให้ถูกต้องตามจริง&nbsp;ซึ่งหากมีการแจ้งหรือตรวจพบการใช้เครื่องชั่งที่มีการดัดแปลงเพื่อขายสินค้าให้กับประชาชน&nbsp;จะมีความผิดตาม&nbsp;พ.ร.บ.มาตราชั่งตวงวัด&nbsp;พ.ศ.2542&nbsp;ม.75/1&nbsp;มีโทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;และปรับไม่เกิน&nbsp;280,000&nbsp;บาท&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;หากประชาชนพบเห็นการซื้อขายสินค้าหรือบริการที่ไม่เป็นธรรม&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>12/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครราชสีมาสวท.นครราชสีมาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112233951421 งาน “ผลิตภัณฑ์ คักขนาด ดีเกินคาด อำนาจเจริญ" มีศิลปินสาวสวยมากร่วมงานนี้<p><strong>วันที่&nbsp;12&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</strong>ในงาน&nbsp;“ผลิตภัณฑ์&nbsp;คักขนาด&nbsp;ดีเกินคาด&nbsp;อำนาจเจริญ"&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;10-14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;สนามหน้าสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;มีศิลปินสาวสวยมากความสามารถ&nbsp;“น้องนุช&nbsp;ประทุมทอง”&nbsp;มาโชว์พลังเสียงเพราะ&nbsp;ๆ&nbsp;ให้ได้ฟังภายในงาน&nbsp;ภายในงานมีสินค้าให้เลือกมากมาย&nbsp;พร้อมกับเดินช้อป&nbsp;ชิล&nbsp;ชม&nbsp;สินค้าชุมชน&nbsp;สินค้าOTOP&nbsp;และอาหารอร่อย&nbsp;และมีกิจกรรมลุ้มโชค&nbsp;ช้อปครบทุก&nbsp;500&nbsp;บาท&nbsp;รับคูปองลุ้นเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกวัน&nbsp;กิจกรรมภายใต้มาตรการควบคุมโรค&nbsp;D-M-H-T-T-A&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>12/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220112235144432 หมูพาณิชย์..ลดราคา ช่วยประชาชน บรรยากาศซื้อขายเป็นไปอย่างคึกคัก<p><strong>นายธีรวุฒิ&nbsp;คล้ายเคลื่อน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;</strong>มอบหมายให้กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้าและเจ้าหน้าที่ดัชนี&nbsp;ตรวจติดตามการจำหน่ายหมูเนื้อแดงตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ณ&nbsp;จุดจำหน่ายบริเวณตลาดสดเทศบาลเมืองเพชรบุรี&nbsp;ตลาดสดเทศบาลท่ายาง&nbsp;ร้านเอ๋หมูสดท่ายางและร้านรุ่งเรืองการค้า&nbsp;อำเภอบ้านลาด&nbsp;</p><p><strong>บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างคึกคัก&nbsp;</strong>ประชาชนให้ความสนใจ&nbsp;เนื่องจากราคาถูกกว่าปกติ&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในภาวะที่ราคาเนื้อหมูเพิ่มสูงขึ้น&nbsp;เพิ่มช่องทางการจำหน่ายเนื้อหมูในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป&nbsp;จำหน่ายหมูให้กับประชาชนโดยจำกัดจำนวน&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัมต่อคน&nbsp;ถึงวันที่&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;รวมถึงติดตามราคาไข่ไก่&nbsp;ไก่สด&nbsp;ซึ่งเป็นนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;(นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์)&nbsp;เพื่อลดภาระ&nbsp;ค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค</p><p><br></p><p><br></p>13/1/2022ภาคตะวันตกเพชรบุรีสวท.เพชรบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113083530453 จังหวัดยะลา ขยายขายหมูพาณิชย์ 150 บาท ถึง 31 ม.ค บรรเทาหมูแพง<p><strong>จังหวัดยะลา&nbsp;ขยายขายหมูพาณิชย์&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ถึง&nbsp;31&nbsp;ม.ค&nbsp;</strong>บรรเทาหมูแพง&nbsp;พาณิชย์ยะลา&nbsp;ย้ำ&nbsp;ผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้า&nbsp;เป็นไปตามต้นทุน&nbsp;ไม่เอาเปรียบผู้บริโภค&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>สถานการณ์ราคาหมูที่ยังขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง</strong>&nbsp;ซึ่งเกิดจากปัญหา&nbsp;ทั้งต้นทุนการเลี้ยงหมูที่สูงขึ้นเกษตรกรเลิกเลี้ยง&nbsp;&nbsp;รวมถึงหมูเป็นโรค&nbsp;ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;</p><p>ขณะที่&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้เร่งแก้ปัญหา&nbsp;จัดโครงการ&nbsp;“หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าครองชีพ&nbsp;ให้กับประชาชน&nbsp;ในช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19&nbsp;มาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน&nbsp;&nbsp;ล่าสุดทางกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้ขยายเวลาโครงการออกไปจนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;ม.ค&nbsp;65&nbsp;แล้ว&nbsp;หลังราคาหมูยังพุ่งไม่หยุด</p><p><strong>นางผุสสดี&nbsp;จ๋ายเจริญ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดยะลา&nbsp;เผยว่า</strong>&nbsp;&nbsp;หลังจากที่พาณิชย์ยะลา&nbsp;ได้รับนโยบายให้จัดโครงการ“หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน”ในรอบแรกปลายเดือน&nbsp;พ.ย&nbsp;ถึง&nbsp;ธ.ค&nbsp;64&nbsp;&nbsp;ซึ่งมีการนำหมูเนื้อแดง&nbsp;มาจำหน่ายในราคา&nbsp;130&nbsp;บาท&nbsp;ต่อกิโลกรัม&nbsp;และขยายต่อมาในวันที่&nbsp;8&nbsp;ม.ค&nbsp;65-15&nbsp;ม.ค&nbsp;65&nbsp;ปรับราคาจำหน่ายขึ้น&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;ตามราคาของหมูที่เพิ่มขึ้น&nbsp;เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;แต่เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันราคาหมูยังไม่คลี่คลาย&nbsp;ทั้งปริมาณที่เข้าสู่ตลาดน้อย&nbsp;ต้นทุนสูงขึ้น&nbsp;แนวโน้มราคาหมูยังคงปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;ซึ่งทางพาณิชย์ยะลา&nbsp;ได้รับนโยบายให้ขยายเวลา&nbsp;ขายหมูลดราคา&nbsp;ในกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม&nbsp;&nbsp;เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการที่สูงขึ้น&nbsp;ในช่วงโควิด-19&nbsp;ที่มีการเปิดเมือง&nbsp;เป็นการช่วยลดค่าครองชีพ&nbsp;ให้กับประชาชน&nbsp;โดยจะเพิ่มขึ้นอีก&nbsp;2&nbsp;จุด&nbsp;จากเดิม&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;เป็น&nbsp;6&nbsp;จุด&nbsp;จำหน่ายจุดละ&nbsp;100&nbsp;กก.&nbsp;แบ่งเป็น&nbsp;อ.เมืองยะลา&nbsp;2&nbsp;จุด&nbsp;</p><p>ซึ่งจะมีจุดจำหน่าย&nbsp;ที่&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดยะลา&nbsp;&nbsp;และ&nbsp;ร้านเก๋&nbsp;พอร์คชอป&nbsp;ถนนผังเมือง&nbsp;5&nbsp;&nbsp;สำหรับ&nbsp;อ.เบตง&nbsp;ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว&nbsp;นักท่องเที่ยวจะเข้ามามากมีความต้องการบริโภคสูง&nbsp;ก็จะมี&nbsp;อยู่&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;คือ&nbsp;แผงหมูป้ารัตน์&nbsp;แผงคุณชินกร&nbsp;แผงคุณวงค์คณา&nbsp;และ&nbsp;แผงคุณอภิชาต&nbsp;โดยจะจำหน่ายตั้งแต่วันที่&nbsp;16&nbsp;ม.ค&nbsp;65&nbsp;ไปจนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;ม.ค&nbsp;65</p><p><strong>ขณะที่&nbsp;ในส่วนของสินค้าอย่างอื่น&nbsp;ที่เกี่ยวข้องกับปศุสัตว์&nbsp;</strong>ซึ่งต้นทุนได้ปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;ทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้น&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นไก่สด&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ทางพาณิชย์ยะลา&nbsp;ก็ได้เข้าไปดูแล&nbsp;แล้ว&nbsp;ทั้งในส่วนของผู้บริโภคและ&nbsp;เกษตรกร&nbsp;&nbsp;ฝากผู้ประกอบการ&nbsp;การจำหน่ายสินค้า&nbsp;ก็ให้เหมาะสม&nbsp;เป็นไปตามต้นทุน&nbsp;ไม่เอาเปรียบผู้บริโภค&nbsp;&nbsp;ซึ่งทางพาณิชย์&nbsp;มีกฎหมายอยู่&nbsp;ถ้ามีการร้องเรียนเข้ามา&nbsp;ก็จะต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย&nbsp;โดยเฉพาะในส่วนของสุกรในขณะนี้ก็ได้มีประกาศ&nbsp;ห้ามส่งออกสุกรมีชีวิต&nbsp;ต้องแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>ทั้งนี้&nbsp;หากผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรม&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่&nbsp;1569&nbsp;ทางพาณิชย์ยะลา&nbsp;ก็จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>13/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113083751454 รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ย้ำ ยังไม่อนุญาตให้ไข่ไก่เนื้อไก่ ปรับขึ้นราคา<p><strong>นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์</strong>&nbsp;เปิดเผยถึงกรณ๊ไข่ไก่และเนื้อไก่ที่ปรับราคาขึ้น&nbsp;ว่า&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;ยังไม่อนุญาตให้มีการขึ้นราคาสินค้าดังกล่าว&nbsp;ซึ่งอาจมีการแฏฉวยขึ้นราคา&nbsp;ก็จะมีการดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด&nbsp;เพื่อไม่ให้เป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค&nbsp;แต่หากมีความจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้าในรายการใด&nbsp;ก็สามารถ&nbsp;ทำเรื่องมายังกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อพิสูจน์เป็นรายกรณีไปว่ามีความจำเป็น&nbsp;เพื่อไม่ให้กระทบต่อเกษตรกรรายย่อย&nbsp;จากการกดราคาทางนโยบายและเพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าขาดตลาดอีก&nbsp;ทั้งนี้ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายใน&nbsp;ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชน&nbsp;โดยจะต้องสมดุลกันระหว่างผู้บริโภค&nbsp;และเกษตรกรรายย่อย</p><p><strong>ขณะที่การแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนหลังจากเนื้อหมูขึ้นราคาไปแล้วนั้น</strong>&nbsp;ขณะนี้มีโครงการพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ที่กำหนดราคาหมูเนื้อแดงไว้ที่คงที่ในกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งมีกว่า&nbsp;600&nbsp;จุด&nbsp;และได้เตรียมเสนอของบกลาง&nbsp;เพื่อเร่งมาชดเชยราคาในโครงการที่ตรึงไว้&nbsp;รวมทั้งอุดหนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูรายย่อย&nbsp;เพื่อให้มีกำลังใจในการเลี้ยงหมูต่อไป&nbsp;ไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลนในอนาคต</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>13/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสวท.มุกดาหารhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113085900469 นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงสินค้าราคาแพง กำชับกระทรวงพาณิชย์เร่งแก้ปัญหาไม่ให้กระทบประชาชน<p><strong>นายธนกร&nbsp;วังบุญคงชนะ&nbsp;โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;</strong>แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี&nbsp;ว่านายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วง&nbsp;กรณีราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้น&nbsp;โดยเฉพาะหมวดอาหารสด&nbsp;ซึ่งส่วนหนึ่งปัจจัยมาจากภาวะเงินเฟ้อ&nbsp;จึงกำชับ&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;เร่งแก้ปัญหาหมูแพง&nbsp;รวมถึงสินค้าทุกชนิดอย่างเป็นระบบครบวงจร&nbsp;</p><p><strong>โดยให้มีการวางแนวทางแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว&nbsp;</strong>เพื่อดูแลไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน&nbsp;ขณะเดียวกัน&nbsp;ขออย่าให้มีการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค&nbsp;ส่วนกรณีที่มีการวิเคราะห์ว่า&nbsp;หากรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาราคาหมูแพงได้&nbsp;อาจกระทบต่อรัฐบาลนั้น&nbsp;นายธนกร&nbsp;ระบุว่า&nbsp;ขณะนี้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;กำลังวิเคราะห์หาทางแก้ปัญหาจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>13/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสวท.มุกดาหารhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113090037470 โครงการพัฒนาระบบบำเหน็จบำนาญและสวัสดิการรักษาพยาบาล (ระบบ Digital Pension) ผ่านระบบ Zoom meeting อำนาจเจริญ<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วานนี้&nbsp;(12&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;เวลา&nbsp;13.30&nbsp;น.&nbsp;</strong>ที่ห้องประชุมสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;ศาลากลาง&nbsp;ชั้น&nbsp;3&nbsp;นายชาญวิทย์&nbsp;ธานี&nbsp;เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;มอบหมายนายวราพล&nbsp;นามภิไชย&nbsp;เจ้าพนักงานธุรการ&nbsp;ชำนาญงาน&nbsp;พร้อมด้วยนางสาวอุมาภรณ์&nbsp;มงคลนำ&nbsp;เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี&nbsp;ปฏิบัติงาน&nbsp;และนางสาวพรนิภา&nbsp;การินทอง&nbsp;เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน&nbsp;เข้าร่วมรับฟังการประชาสัมพันธ์&nbsp;ขี้แจงโครงการพัฒนาระบบบำเหน็จบำนาญและสวัสดิการรักษาพยาบาล&nbsp;(ระบบ&nbsp;Digital&nbsp;Pension)&nbsp;ผ่านระบบ&nbsp;Zoom&nbsp;meeting</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ด้วยกรมบัญชีกลาง&nbsp;ได้จัดทำโครงการพัฒนาระบบบำเหน็จบำนาญและสวัสดิการรักษาพยาบาล&nbsp;(ระบบ&nbsp;Digital&nbsp;Pension)&nbsp;ขึ้น</strong>&nbsp;เพื่อใช้งานทดแทนระบบบำเหน็จบำนาญ&nbsp;(e-Pension)&nbsp;ในการพิจารณาอนุมัติสั่งจ่าย&nbsp;และการเบิกจ่ายเงินเบี้ยหวัด&nbsp;บำเหน็จบำนาญ&nbsp;และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน&nbsp;ซึ่งคาดว่าระบบ&nbsp;Digital&nbsp;Pension&nbsp;จะเปิดใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ในเดือนกุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการใช้งานระบบ&nbsp;</strong>กำหนดให้หน่วยงานแจ้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน&nbsp;ดำเนินการลงทะเบียนเพื่อขอกำหนดสิทธิเข้าใช้งานในระบบ&nbsp;Digital&nbsp;Pension&nbsp;ให้แล้วเสร็จ&nbsp;ภายใน&nbsp;20&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p>13/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113085255465 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ตรวจติดตามการจำหน่ายเนื้อสุกร ไก่เนื้อ และไข่ไก่ณ ตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์</strong>&nbsp;โดยนางพิรุณวรรณน์&nbsp;จงใจภักดิ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;ตรวจติดตามการจำหน่ายเนื้อสุกร&nbsp;ไก่เนื้อ&nbsp;และไข่ไก่&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์&nbsp;พบว่า&nbsp;สถานการณ์การจำหน่ายสินค้า&nbsp;โดยเฉพาะการจำหน่ายเนื้อสุกร&nbsp;ราคาทรงตัว&nbsp;(เมื่อเปรียบเทียบกับปลายสัปดาห์ก่อน)&nbsp;กำลังซื้อของผู้บริโภคมีน้อย&nbsp;ผู้บริโภคหันไปบริโภคเนื้อไก่ทดแทน&nbsp;ส่งผลให้ภาวะการค้าไก่สดชำแหละคึกคักกว่าปกติ&nbsp;ผู้ค้าเนื้อไก่สดแหละแจ้งว่าแม้ราคาไก่มีชีวิตมีการปรับสูงขึ้นไปแล้วก็ตาม&nbsp;แต่ก็ยังจำหน่ายในราคาเดิมอยู่เท่ากับสัปดาห์ก่อน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ส่วนราคาไข่ไก่สัปดาห์นี้ได้ปรับราคาสูงขึ้นทุกเบอร์</strong>&nbsp;แผงละ&nbsp;5-6&nbsp;บาท&nbsp;เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ออกสู่ตลาดน้อย&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;ปริมาณสินค้าทุกชนิดมีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนผู้บริโภค</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>โดยราคาจำหน่ายปลีกเนื้อสุกร&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์&nbsp;</strong>เนื้อแดง&nbsp;ราคากก.ละ&nbsp;200&nbsp;-220&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;สันนอก/สันใน&nbsp;ราคากก.ละ&nbsp;200&nbsp;-220&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;สามชั้น&nbsp;ราคากก.ละ&nbsp;220-240&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;มันหมูแข็ง&nbsp;ราคากก.ละ&nbsp;70-80&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ราคาจำหน่ายปลีกไก่สดชำแหละ&nbsp;</strong>ไก่สดทั้งตัวไม่รวมเครื่องใน&nbsp;กก.ละ&nbsp;75-80&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;ไก่เนื้อไก่สดชำแหละอก&nbsp;กก.ละ&nbsp;90-100&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;ไก่เนื้อไก่สดชำแหละสะโพก&nbsp;กก.ละ&nbsp;90-100&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;ไก่เนื้อสดชำแหละน่อง&nbsp;กก.ละ&nbsp;85-90&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ราคาจำหน่ายปลีกไข่ไก่คัดเบอร์&nbsp;</strong>ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;0&nbsp;ราคา&nbsp;108-115&nbsp;บาท/แผง&nbsp;,&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;1&nbsp;ราคา&nbsp;96-105&nbsp;บาท/แผง&nbsp;,&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;ราคา&nbsp;93-99&nbsp;บาท/แผง&nbsp;,&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคา&nbsp;81-95&nbsp;บาท/แผง&nbsp;,&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;4&nbsp;ราคา&nbsp;75-87&nbsp;บาท/แผง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ผู้ประกอบการค้า</strong>&nbsp;ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าให้ชัดเจน&nbsp;เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า&nbsp;และป้องกันการร้องเรียน&nbsp;หากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้า&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569</p>13/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสุรินทร์สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113091504473 พาณิชย์ลำปาง ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ด้านปริมาณและราคาจำหน่ายสุกรชำแหละ ไก่สด ไข่ไก่ และสินค้าอุปโภค-บริโภค<p><strong>นางสาวเยาวเรศ&nbsp;แซ่โค้ว&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ด้านปริมาณ&nbsp;และราคาจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;และสินค้าอุปโภคบริโภคในตลาดสด&nbsp;และช็อป&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดลำปาง&nbsp;จากการตรวจสอบ&nbsp;พบว่า&nbsp;จังหวัดลำปางมีปริมาณสุกรเพียงพอต่อการบริโภค&nbsp;โดยมีราคาจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;ณ&nbsp;จุดจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;(เขียงในตลาด)&nbsp;ดังนี้&nbsp;เนื้อแดง/หัวไหล่&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;177-220&nbsp;บาท,&nbsp;สันนอก&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;183-220&nbsp;บาท&nbsp;และสันคอ/สามชั้น/สันใน&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;209&nbsp;-&nbsp;220&nbsp;บาท</p><p><strong>ไก่สด&nbsp;</strong>มีปริมาณมีเพียงพอกับการบริโภค&nbsp;โดยมีราคาจำหน่าย&nbsp;ดังนี้&nbsp;ไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;80&nbsp;บาท,&nbsp;ไก่สดไม่รวมเครื่องใน&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;70&nbsp;บาท,&nbsp;สะโพก&nbsp;น่อง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;62-70&nbsp;บาท&nbsp;และอก&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;70-72&nbsp;บาท</p><p><strong>ไข่ไก่&nbsp;</strong>ปริมาณมีเพียงพอกับการบริโภค&nbsp;โดยมีราคาจำหน่าย&nbsp;ดังนี้&nbsp;เบอร์&nbsp;0&nbsp;บรรจุถุง&nbsp;10&nbsp;ฟอง&nbsp;ราคา&nbsp;42-45&nbsp;บาท,&nbsp;เบอร์&nbsp;1&nbsp;บรรจุถุง&nbsp;10&nbsp;ฟอง&nbsp;ราคา&nbsp;38-40&nbsp;บาท,&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;บรรจุถุง&nbsp;10&nbsp;ฟอง&nbsp;ราคา&nbsp;37-38&nbsp;บาท,&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;บรรจุถุง&nbsp;10&nbsp;ฟอง&nbsp;ราคา&nbsp;32&nbsp;-&nbsp;35&nbsp;บาท&nbsp;และเบอร์&nbsp;4&nbsp;บรรจุถุง&nbsp;10&nbsp;ฟอง&nbsp;ราคา&nbsp;30-30&nbsp;บาท</p><p><strong>ผักสด</strong>&nbsp;มีเพียงพอต่อการบริโภค&nbsp;โดยมีราคาจำหน่าย&nbsp;ดังนี้&nbsp;กะหล่ำดอก&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;ผักกาดขาวปลี&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;กะหล่ำปลี&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;ผักชี/&nbsp;ต้นหอม&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;60&nbsp;บาท&nbsp;ผักบุ้ง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;25&nbsp;บาท&nbsp;และมะเขือเทศ&nbsp;ผลเล็ก/ผลใหญ่&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;50&nbsp;บาท</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;</strong>เจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ทางผู้ประกอบการทำการติดป้ายแสดงราคาที่ชัดเจน&nbsp;รวมถึงเน้นย้ำมิให้ผู้ประกอบการกักตุนและฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>13/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113110503510 จังหวัดสระบุรี กำหนดจุดหน่ายหมูเนื้อแดงตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา ช่วยประชาชน<p><strong>นายแมนรัตน์&nbsp;รัตนสุคนธ์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี</strong>&nbsp;<strong>มอบหมายให้</strong>&nbsp;นายนิพนธ์&nbsp;วรรณภักดี&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสระบุรี&nbsp;เร่งแก้ไขปัญหาหมูราคาแพง&nbsp;ตามนโยบายเร่งด่วนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;ซึ่งขณะนี้พาณิชย์จังหวัดสระบุรี&nbsp;ได้กำหนดจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดงตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;7&nbsp;จุดในพื้นที่จังหวัดสระบุรี&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;16-31&nbsp;มกราคม&nbsp;นี้&nbsp;อำเภอเมืองสระบุรี&nbsp;ร้านหมูใจถึงและร้านเจ๊ตน&nbsp;ตลาดสืบศิริ&nbsp;ร้านเบทาโกรสาขาเมืองสระบุรี&nbsp;ตลาดเกษตรหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองสระบุรี&nbsp;ตลาดมณฑลทหารบกที่&nbsp;18&nbsp;อำเภอหนองแค&nbsp;ร้านเจ๊ไรตลาดหินกอง&nbsp;อำเภอวังม่วง&nbsp;ร้านหมูเอ็มที</p><p><strong>สำหรับราคาหมูเนื้อแดงในตลาดพื้นที่จังหวัดสระบุรี&nbsp;ขณะนี้&nbsp;</strong>มีการจำหน่ายในราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ&nbsp;210&nbsp;บาท&nbsp;และมีจำนวนการจำหน่ายลดลง&nbsp;บางร้านต้องหยุดจำหน่ายเนื่องจากราคาต้นทางราคาสูง&nbsp;อย่างไรก็ตามเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน&nbsp;ในวันพรุ่งนี้(14&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;08.00&nbsp;น.&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสระบุรี&nbsp;จะเริ่มทำการจำหน่ายหมูเนื้อแดงตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;เป็นวันแรก&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองสระบุรี&nbsp;และจะเริ่มเปิดจำหน่ายอีกครั้งตั้งแต่วันที่&nbsp;16&nbsp;–&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ในทุกจุดที่จัดไว้บริการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ได้ติดตามราคาไข่ไก่&nbsp;ไก่สด&nbsp;ตลอดจนสินค้าควบคุมอื่น&nbsp;ๆ</strong>&nbsp;ที่ขณะนี้ได้เริ่มปรับราคาสูงขึ้นทุกประเภททั้งสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;รวมถึงการบริการต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ซึ่งรัฐบาลได้มีนโยบายให้เข้าไปดูแล&nbsp;เพื่อลดภาระ&nbsp;ค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค&nbsp;ต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>13/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสระบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสระบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113113849532 พาณิชย์จังหวัดสกลนคร เร่งเพิ่มจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดง กิโลกรัมละ 150 บาท รองรับขยายเวลาจำหน่ายลดค่าครองชีพประชาชน ถึงสิ้นเดือนมกราคมนี้<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นางเกศินี&nbsp;พวงประดิษฐ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสกลนคร</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;สถานการณ์ราคาจำหน่ายหมูเนื้อแดงในพื้นที่จังหวัดสกลนคร&nbsp;ปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสกลนคร&nbsp;ร่วมกับผู้ประกอบการค้าหมู&nbsp;ได้จัดตั้งจุดจำหน่าย&nbsp;“หมูพาณิชย์ลดราคา”&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงราคา&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ล่าสุด&nbsp;มีผู้ประกอบการเข้าร่วม&nbsp;“หมูพาณิชย์ลดราคา”</strong>&nbsp;จำนวน&nbsp;6&nbsp;แห่ง&nbsp;ในพื้นที่&nbsp;3&nbsp;อำเภอ&nbsp;เร่งเพิ่มจุดจำหน่ายให้ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดสกลนคร&nbsp;พร้อมขยายเวลาจำหน่ายออกไปถึง&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>พาณิชย์จังหวัดสกลนคร</strong>&nbsp;กล่าวเพิ่มเติมว่า&nbsp;สำหรับมาตรการกำกับดูแล&nbsp;ผู้เลี้ยง&nbsp;ผู้จำหน่าย&nbsp;ผู้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร&nbsp;ซึ่งครอบครองสุกรมีชีวิตที่มีปริมาณตั้งแต่ห้าร้อยตัวขึ้นไป&nbsp;และผู้ครอบครองสุกรชำแหละผ่าซีกเนื้อ&nbsp;แยกชิ้นส่วน&nbsp;มีปริมาณรวมกันตั้งแต่ห้าพันกิโลกรัมขึ้นไป&nbsp;ต้องแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;สถานที่เก็บและสถานที่เลี้ยง&nbsp;ต่อสำนักงานพาณิชย์จังหวัดท้องที่เป็นประจำทุกสัปดาห์&nbsp;</p>13/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสกลนครสวท.สกลนครhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113115340537 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ ตรวจติดตามการจำหน่ายเนื้อสุกร ไก่เนื้อ และไข่ไก่ ณ ตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์ พบเนื้อสุกรราคาทรงตัว<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;ตรวจติดตามการจำหน่ายเนื้อสุกร&nbsp;ไก่เนื้อ&nbsp;และไข่ไก่&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์&nbsp;พบเนื้อสุกรราคาทรงตัว</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นางพิรุณวรรณน์&nbsp;จงใจภักดิ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์</strong>&nbsp;มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;ตรวจติดตามการจำหน่ายเนื้อสุกร&nbsp;ไก่เนื้อ&nbsp;และไข่ไก่&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์&nbsp;พบว่าสถานการณ์การจำหน่ายสินค้า&nbsp;โดยเฉพาะการจำหน่ายเนื้อสุกร&nbsp;ราคาทรงตัว&nbsp;เมื่อเปรียบเทียบกับปลายสัปดาห์ก่อน&nbsp;กำลังซื้อของผู้บริโภคมีน้อย&nbsp;ผู้บริโภคหันไปบริโภคเนื้อไก่ทดแทน&nbsp;ซึ่งส่งผลให้ภาวะการค้าไก่สดชำแหละคึกคักกว่าปกติ&nbsp;ผู้ค้าเนื้อไก่สดชำแหละแจ้งว่าแม้ราคาไก่มีชีวิตมีการปรับสูงขึ้นไปแล้วก็ตาม&nbsp;แต่ก็ยังจำหน่ายในราคาเดิมอยู่เท่ากับสัปดาห์ก่อน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ส่วนราคาไข่ไก่สัปดาห์นี้ได้ปรับราคาสูงขึ้นทุกเบอร์&nbsp;</strong>แผงละ&nbsp;5-6&nbsp;บาท&nbsp;เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ออกสู่ตลาดน้อย&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;ปริมาณสินค้าทุกชนิดมีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนผู้บริโภค</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำหรับราคาจำหน่ายปลีกเนื้อสุกร&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์</strong>&nbsp;เนื้อแดง&nbsp;ราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;200-220&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;สันนอก/สันใน&nbsp;ราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;200&nbsp;-220&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;สามชั้น&nbsp;ราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;220-240&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;มันหมูแข็ง&nbsp;ราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;70-80&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ราคาจำหน่ายปลีกไก่สดชำแหละ&nbsp;</strong>ไก่สดทั้งตัวไม่รวมเครื่องใน&nbsp;กก.ละ&nbsp;75-80&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;ไก่เนื้อไก่สดชำแหละอก&nbsp;กก.ละ&nbsp;90-100&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;ไก่เนื้อไก่สดชำแหละสะโพก&nbsp;กก.ละ&nbsp;90-100&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;ไก่เนื้อสดชำแหละน่อง&nbsp;กก.ละ&nbsp;85-90&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ราคาจำหน่ายปลีกไข่ไก่คัดเบอร์&nbsp;</strong>ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;0&nbsp;ราคา&nbsp;108-115&nbsp;บาท/แผง&nbsp;,&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;1&nbsp;ราคา&nbsp;96-105&nbsp;บาท/แผง&nbsp;,&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;ราคา&nbsp;93-99&nbsp;บาท/แผง&nbsp;,&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคา&nbsp;81-95&nbsp;บาท/แผง&nbsp;,&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;4&nbsp;ราคา&nbsp;75-87&nbsp;บาท/แผง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ผู้ประกอบการค้า</strong>&nbsp;ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าให้ชัดเจน&nbsp;เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า&nbsp;และป้องกันการร้องเรียน&nbsp;หากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้า&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569</p>13/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสวท.สุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113120539549 มรย.ยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ บนฐานภูมิปัญญาอาหารพื้นถิ่น เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนโกตาบารู<p><strong>โครงการวิจัย&nbsp;“การยกระดับศักยภาพการท่องเที่ยวชุมชนเชิงสร้างสรรค์บนฐานภูมิปัญญาอาหารพื้นถิ่น</strong>&nbsp;เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนโกตาบารู&nbsp;อำเภอรามัน&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;โดยคณะนักวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา&nbsp;จัดกิจกรรม&nbsp;Fam&nbsp;Trip&nbsp;:&nbsp;แนะนำและเปิดเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนโกตาบารู&nbsp;ภายใต้แผนงานการยกระดับศักยภาพการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาพื้นที่บนฐานอัตลักษณ์ท้องถิ่น&nbsp;ปีที่2&nbsp;โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.)&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;2564&nbsp;ดำเนินงานวิจัยภายใต้เครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏกลุ่มภาคใต้</p><p><strong>ผู้ช่วยศาสตราจารย์&nbsp;ดร.นิชาวดี&nbsp;ตานีเห็ง&nbsp;หัวหน้าโครงการวิจัย&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ปัจจุบันการท่องเที่ยวชุมชนเชิงสร้างสรรค์ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว&nbsp;คนไทยนิยมท่องเที่ยวเมืองรอง&nbsp;มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาคลังปัญญาแห่งชายแดนใต้เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น&nbsp;จึงมีแนวคิดในการทำโครงการวิจัย&nbsp;“การยกระดับศักยภาพการท่องเที่ยวชุมชนเชิงสร้างสรรค์บนฐานภูมิปัญญาอาหารพื้นถิ่น&nbsp;เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนโกตาบารู&nbsp;อำเภอรามัน&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;มุ่งเน้นให้ชุมชนได้นำความหลากหลายทางชีวภาพและทุนทางวัฒนธรรม&nbsp;สร้างความสมดุลของชุมชนในการพัฒนาและยกระดับเศรษฐกิจ&nbsp;สังคม&nbsp;และสิ่งแวดล้อม&nbsp;โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยว&nbsp;พัฒนาช่องทางการตลาดการท่องเที่ยว&nbsp;และพัฒนาศักยภาพชุมชนต้นแบบการบริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเชื่องโยงกับเส้นทางท่องเที่ยวอ่าวไทย&nbsp;อันดามัน&nbsp;และพหุวัฒนธรรมชายแดนใต้</p><p><strong>สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้&nbsp;ทีมคณะวิจัยได้ออกแบบและพัฒนาโปรแกรมการท่องเที่ยว</strong>&nbsp;Half&nbsp;Day&nbsp;Trip&nbsp;(ทริปเที่ยวครึ่งวัน&nbsp;:&nbsp;ชุมชนพหุวัฒนธรรมโกตาบารู&nbsp;อำเภอรามัน&nbsp;จังหวัดยะลา)&nbsp;โดยการนำนักท่องเที่ยวสัมผัสเส้นทางชุมชนโกตาบารู&nbsp;เริ่มจากการสัมผัสทะเลหมอก&nbsp;เช็คอิน&nbsp;และเก็บภาพประทับใจ&nbsp;ณ&nbsp;จุดชมวิวบนภูเขาธารทองที่โอบล้อมด้วยผืนป่าเขียวขจี&nbsp;จากนั้นเดินทางไปรับประทานอาหารเช้า&nbsp;ภูมิปัญญาอาหารพื้นถิ่น&nbsp;“ซุปไก่บ้านซิกเนอเจอร์”&nbsp;ชุมชนโกตาบารู&nbsp;ต้นตำรับสืบทอดจากประเทศบังคลาเทศและปากีสถานกว่า&nbsp;100&nbsp;ปี&nbsp;แวะช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์จากผ้ามัดย้อม&nbsp;โดยการใช้สีย้อมผ้าจากพืชพื้นถิ่นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม&nbsp;ต่อด้วยการเยี่ยมชมศาสนสถาน&nbsp;สุสานโต๊ะนิ&nbsp;วัดวชิรปราการและมัสยิดปากีสถาน&nbsp;พร้อมกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์&nbsp;วิถีชีวิต&nbsp;อาหาร&nbsp;ศิลปะ&nbsp;ประเพณี&nbsp;การปกครอง&nbsp;เศรษฐกิจ&nbsp;สายสัมพันธ์ชุมชนพหุวัฒนธรรมหัวเมืองโกตาบารู&nbsp;ณ&nbsp;พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมโกตาบารู&nbsp;และร่วมกิจกรรม&nbsp;DIY&nbsp;ทำขนมพื้นบ้าน&nbsp;“ขนมซามัง”&nbsp;ก่อนออกเดินทางกลับ&nbsp;โดยนำข้อเสนอแนะจากนักท่องเที่ยวมาพัฒนาโปรแกรมการท่องเที่ยวชุมชนพหุวัฒนธรรมโกตาบารู&nbsp;อ.รามัน&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;ตอบสนองพฤติกรรมการท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย&nbsp;สร้างความประทับใจ&nbsp;เกิดภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างช่องทางการตลาดแก่นักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศในอนาคต</p><p><strong>ผู้ช่วยศาสตราจารย์&nbsp;ดร.นิชาวดี&nbsp;ตานีเห็ง&nbsp;ยังกล่าวอีกว่า</strong>&nbsp;ทีมคณะนักวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาเน้นการทำงานมีส่วนร่วมและบูรณาการกับเครือข่ายและภาคีในพื้นที่ทั้งภาครัฐ&nbsp;ภาคธุรกิจ&nbsp;และภาคประชาสังคม&nbsp;โดยมุ่งเน้นการยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์บนฐานภูมิปัญญาอาหารพื้นถิ่นที่สร้างความน่าสนใจต่อนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย&nbsp;พัฒนาผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวบนฐานอัตลักษณ์ที่มีคุณค่าและเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ&nbsp;สร้างอาชีพ&nbsp;กระจายรายได้แก่ชุมชน&nbsp;ผ่านช่องทางการตลาดออนไลน์และออฟไลน์และชุมชนสามารถบริหารจัดการรองรับการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างยั่งยืนภายใต้การท่องเที่ยววิถีใหม่(New&nbsp;Normal)&nbsp;และมีบริการที่ดีได้มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย&nbsp;SHA&nbsp;(Amazing&nbsp;Thailand&nbsp;Safety&nbsp;&amp;&nbsp;Health&nbsp;Administration)</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>13/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113120246543 พาณิชย์แม่ฮ่องสอน คุมเข้ม ลงพื้นที่ติดตามราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคา<p><strong>วันที่&nbsp;12&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;</strong>ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ณ&nbsp;ร้านค้า&nbsp;อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;2&nbsp;ร้าน&nbsp;ผลการตรวจสอบพบว่าผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าชัดเจน&nbsp;สินค้ายังมีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;ราคาสินค้าอยู่ในภาวะทรงตัว&nbsp;อาทิ&nbsp;น้ำมันปาล์ม&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;ราคา&nbsp;56-57&nbsp;บาท,&nbsp;น้ำมันถั่วเหลือง&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;ราคา&nbsp;57-58&nbsp;บาท,&nbsp;น้ำตาลทราย&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ราคา&nbsp;25-26&nbsp;บาท,&nbsp;น้ำปลา&nbsp;ขนาด&nbsp;700&nbsp;มล.&nbsp;ราคา&nbsp;28-35&nbsp;บาท,&nbsp;ผงซักฟอก&nbsp;ขนาด&nbsp;900&nbsp;กรัม&nbsp;ราคา&nbsp;42-45&nbsp;บาท,&nbsp;ซอสปรุงรสฝาเขียว&nbsp;ขนาด&nbsp;600&nbsp;มล.&nbsp;ราคา&nbsp;35&nbsp;บาท&nbsp;ปลากระป๋อง&nbsp;ขนาด&nbsp;155&nbsp;กรัม&nbsp;ราคา&nbsp;17-18&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ร้านค้าปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542&nbsp;อย่างเคร่งครัด</strong>&nbsp;ห้ามกักตุนสินค้า&nbsp;และห้ามฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าในราคาที่สูงเกินสมควร</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>13/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113115811540 มรภ.ยะลา ยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ บนฐานภูมิปัญญาอาหารพื้นถิ่น เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนโกตาบารู<p><strong>โครงการวิจัย&nbsp;“การยกระดับศักยภาพการท่องเที่ยวชุมชนเชิงสร้างสรรค์</strong>บนฐานภูมิปัญญาอาหารพื้นถิ่น&nbsp;เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนโกตาบารู&nbsp;อำเภอรามัน&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;โดยคณะนักวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา&nbsp;จัดกิจกรรม&nbsp;Fam&nbsp;Trip&nbsp;:&nbsp;แนะนำและเปิดเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนโกตาบารู&nbsp;ภายใต้แผนงานการยกระดับศักยภาพการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาพื้นที่บนฐานอัตลักษณ์ท้องถิ่น&nbsp;ปีที่2&nbsp;โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.)&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;2564&nbsp;ดำเนินงานวิจัยภายใต้เครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏกลุ่มภาคใต้</p><p><strong>ผู้ช่วยศาสตราจารย์&nbsp;ดร.นิชาวดี&nbsp;ตานีเห็ง&nbsp;หัวหน้าโครงการวิจัย&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ปัจจุบันการท่องเที่ยวชุมชนเชิงสร้างสรรค์ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว&nbsp;คนไทยนิยมท่องเที่ยวเมืองรอง&nbsp;มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาคลังปัญญาแห่งชายแดนใต้เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น&nbsp;จึงมีแนวคิดในการทำโครงการวิจัย&nbsp;“การยกระดับศักยภาพการท่องเที่ยวชุมชนเชิงสร้างสรรค์บนฐานภูมิปัญญาอาหารพื้นถิ่น&nbsp;เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนโกตาบารู&nbsp;อำเภอรามัน&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;มุ่งเน้นให้ชุมชนได้นำความหลากหลายทางชีวภาพและทุนทางวัฒนธรรม&nbsp;สร้างความสมดุลของชุมชนในการพัฒนาและยกระดับเศรษฐกิจ&nbsp;สังคม&nbsp;และสิ่งแวดล้อม&nbsp;โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยว&nbsp;พัฒนาช่องทางการตลาดการท่องเที่ยว&nbsp;และพัฒนาศักยภาพชุมชนต้นแบบการบริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเชื่องโยงกับเส้นทางท่องเที่ยวอ่าวไทย&nbsp;อันดามัน&nbsp;และพหุวัฒนธรรมชายแดนใต้</p><p><strong>สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้&nbsp;ทีมคณะวิจัยได้ออกแบบและพัฒนาโปรแกรมการท่องเที่ยว</strong>&nbsp;Half&nbsp;Day&nbsp;Trip&nbsp;(ทริปเที่ยวครึ่งวัน&nbsp;:&nbsp;ชุมชนพหุวัฒนธรรมโกตาบารู&nbsp;อำเภอรามัน&nbsp;จังหวัดยะลา)&nbsp;โดยการนำนักท่องเที่ยวสัมผัสเส้นทางชุมชนโกตาบารู&nbsp;เริ่มจากการสัมผัสทะเลหมอก&nbsp;เช็คอิน&nbsp;และเก็บภาพประทับใจ&nbsp;ณ&nbsp;จุดชมวิวบนภูเขาธารทองที่โอบล้อมด้วยผืนป่าเขียวขจี&nbsp;จากนั้นเดินทางไปรับประทานอาหารเช้า&nbsp;ภูมิปัญญาอาหารพื้นถิ่น&nbsp;“ซุปไก่บ้านซิกเนอเจอร์”&nbsp;ชุมชนโกตาบารู&nbsp;ต้นตำรับสืบทอดจากประเทศบังคลาเทศและปากีสถานกว่า&nbsp;100&nbsp;ปี&nbsp;แวะช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์จากผ้ามัดย้อม&nbsp;โดยการใช้สีย้อมผ้าจากพืชพื้นถิ่นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม&nbsp;ต่อด้วยการเยี่ยมชมศาสนสถาน&nbsp;สุสานโต๊ะนิ&nbsp;วัดวชิรปราการและมัสยิดปากีสถาน&nbsp;พร้อมกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์&nbsp;วิถีชีวิต&nbsp;อาหาร&nbsp;ศิลปะ&nbsp;ประเพณี&nbsp;การปกครอง&nbsp;เศรษฐกิจ&nbsp;สายสัมพันธ์ชุมชนพหุวัฒนธรรมหัวเมืองโกตาบารู&nbsp;ณ&nbsp;พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมโกตาบารู&nbsp;และร่วมกิจกรรม&nbsp;DIY&nbsp;ทำขนมพื้นบ้าน&nbsp;“ขนมซามัง”&nbsp;ก่อนออกเดินทางกลับ&nbsp;โดยนำข้อเสนอแนะจากนักท่องเที่ยวมาพัฒนาโปรแกรมการท่องเที่ยวชุมชนพหุวัฒนธรรมโกตาบารู&nbsp;อ.รามัน&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;ตอบสนองพฤติกรรมการท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย&nbsp;สร้างความประทับใจ&nbsp;เกิดภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างช่องทางการตลาดแก่นักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศในอนาคต</p><p><strong>ผู้ช่วยศาสตราจารย์&nbsp;ดร.นิชาวดี&nbsp;ตานีเห็ง&nbsp;ยังกล่าวอีกว่า</strong>&nbsp;ทีมคณะนักวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาเน้นการทำงานมีส่วนร่วมและบูรณาการกับเครือข่ายและภาคีในพื้นที่ทั้งภาครัฐ&nbsp;ภาคธุรกิจ&nbsp;และภาคประชาสังคม&nbsp;โดยมุ่งเน้นการยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์บนฐานภูมิปัญญาอาหารพื้นถิ่นที่สร้างความน่าสนใจต่อนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย&nbsp;พัฒนาผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวบนฐานอัตลักษณ์ที่มีคุณค่าและเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ&nbsp;สร้างอาชีพ&nbsp;กระจายรายได้แก่ชุมชน&nbsp;ผ่านช่องทางการตลาดออนไลน์และออฟไลน์และชุมชนสามารถบริหารจัดการรองรับการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างยั่งยืนภายใต้การท่องเที่ยววิถีใหม่(New&nbsp;Normal)&nbsp;และมีบริการที่ดีได้มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย&nbsp;SHA&nbsp;(Amazing&nbsp;Thailand&nbsp;Safety&nbsp;&amp;&nbsp;Health&nbsp;Administration)</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>13/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113120507547 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรังจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร “การสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้า ด้วยสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทยและเทรนตลาด NEXT Normal”<p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรังจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ&nbsp;หลักสูตร</strong>&nbsp;“การสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้า&nbsp;ด้วยสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทยและเทรนตลาด&nbsp;NEXT&nbsp;Normal”&nbsp;&nbsp;ที่โรงแรมธรรมรินทร์&nbsp;ธนา&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;</p><p><strong>นายขจรศักดิ์&nbsp;เจริญโสภา&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง&nbsp;เป็นประธานเปิดการอบรม</strong>เชิงปฏิบัติการหลักสูตรการสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าด้วยสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทยและเทรนด์ตลาด&nbsp;Next&nbsp;Normal&nbsp;กิจกรรมที่&nbsp;1&nbsp;การบริหารจัดการและการทำการตลาดสินค้า&nbsp;สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์โครงการสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ประจำปีงบประมาณพุทธศักราช&nbsp;2565&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรังจัดขึ้น&nbsp;</p><p><strong>สำหรับการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรการสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้า</strong>ด้วยสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทยและเทรนด์ตลาด&nbsp;Next&nbsp;Normal&nbsp;ในครั้งนี้ดำเนินการภายใต้กิจกรรมที่&nbsp;1&nbsp;การบริหารจัดการและการทำการตลาดสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์กิจกรรมจัดขึ้นระหว่างวันที่&nbsp;13-14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;โดยมีกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย&nbsp;กลุ่มเกษตรกร&nbsp;ผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการด้านสินค้า&nbsp;GI&nbsp;และสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง&nbsp;ผู้สนใจทั่วไป&nbsp;ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้านสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จากกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน&nbsp;ได้แก่&nbsp;ตรัง&nbsp;สตูล&nbsp;กระบี่&nbsp;พังงา&nbsp;ภูเก็ต&nbsp;ระนองและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจำนวนทั้งสิ้น&nbsp;120&nbsp;คน&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือ&nbsp;GI&nbsp;เปรียบเสมือนแบรนด์ของท้องถิ่น&nbsp;</strong>ที่บ่งบอกถึงคุณภาพและแหล่งที่มาของสินค้าเชื่อมโยงกับแหล่งภูมิศาสตร์ยกระดับคุณภาพของสินค้าและสร้างมูลค่าเพิ่มในห่วงโซ่สินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่นและภูมิปัญญาท้องถิ่นของจังหวัด&nbsp;ปัจจุบันประเทศไทยมีสินค้าที่ขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือ&nbsp;GI&nbsp;แล้วจำนวน&nbsp;152&nbsp;สินค้าโดยสินค้าของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน&nbsp;6&nbsp;จังหวัดประกอบด้วย&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;กระบี่&nbsp;พังงา&nbsp;ภูเก็ต&nbsp;ระนองและสตูลที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า&nbsp;GI&nbsp;มีแล้วจำนวน&nbsp;10&nbsp;สินค้า&nbsp;เมื่อเทียบกับศักยภาพของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันยังมีสินค้าอีกหลากหลาย&nbsp;ที่มีโอกาสขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ได้</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>13/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113120956558 มุกดาหาร ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ ย้ำ พ่อค้าปิดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มุกดาหาร&nbsp;ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;ย้ำ&nbsp;พ่อค้าปิดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นางลักขณา&nbsp;บุญนำ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;ร่วมกับสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมุกดาหาร&nbsp;สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดมุกดาหาร&nbsp;และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดมุกดาหาร&nbsp;ได้ลงพื้นที่&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดวัฒนธรรม</p><p>พรเพชร&nbsp;,&nbsp;ตลาดเทศบาล&nbsp;1&nbsp;มุกดาหาร&nbsp;และห้างสรรพสินค้า&nbsp;แม็คโคร&nbsp;สาขามุกดาหาร&nbsp;เพื่อสำรวจ&nbsp;ตรวจสอบ&nbsp;และรณรงค์ให้ผู้ประกอบการร้านค้ามีการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าที่จำหน่ายให้ชัดเจน&nbsp;เนื่องจากผลผลิตสุกรในประเทศมีปริมาณลดลง&nbsp;ส่งผลให้ราคาเนื้อสุกรชำแหละมีการปรับราคาขึ้นลงตามราคาสุกรมีชีวิต&nbsp;รวมถึงโรคระบาดและถึงต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มีราคาสูงขึ้น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ผลจากการสำรวจพบว่า</strong>&nbsp;ราคาจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละในตลาดสด&nbsp;และห้างสรรพสินค้าในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;ดังนี้&nbsp;1.หมูเนื้อแดง&nbsp;ราคา&nbsp;160-185&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;2.หมูบด&nbsp;ราคา&nbsp;140-200&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;3.หมูสามชั้น&nbsp;ราคา&nbsp;180-189&nbsp;บาท&nbsp;/กิโลกรัม&nbsp;ส่วนราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม&nbsp;ราคา&nbsp;110-115&nbsp;บาท/กิโลกรัม</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ดังนั้น&nbsp;เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้ผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าและบริการ</strong>&nbsp;ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาและไม่แสดงราคาจำหน่ายสินค้า&nbsp;ซึ่งเป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค&nbsp;หากพบเห็นการฝ่าฝืนไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า&nbsp;หรือค่าบริการ&nbsp;สามารถแจ้งข้อมูล&nbsp;เบาะแส&nbsp;หรือหลักฐานได้ที่&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;ถนนวิวิธสุรการ&nbsp;โทรศัพท์&nbsp;0-4263-3375&nbsp;หรือสายด่วน&nbsp;1569&nbsp;หรือทาง&nbsp;E-Mail&nbsp;:&nbsp;Mukdahan@dit.go.th</p>13/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมุกดาหารสวท.มุกดาหารhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113121937566 สุพรรณบุรี จำหน่ายหมูพาณิชย์... ลดราคา ช่วยประชาชน บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นายวินิจ&nbsp;เฮ่าบุญ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;เดิมประเทศไทยผลิตและส่งออกหมู/เนื้อหมูมาโดยตลอด&nbsp;แต่เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยประสพปัญหาโรคระบาดระบาดในหมูเป็นจำนวนมากจึงจำเป็นต้องทำลายหมูที่ติดเชื้อเพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาด&nbsp;ทำให้หมูขาดแคลน&nbsp;ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มีมาตรการงดการส่งออกหมูไปต่างประเทศเป็นเวลา&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;ส่วนการแก้ไขปัญหาเนื้อหมูแพงกระทรวงพาณิชย์&nbsp;จัดโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;เป็นหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ณ&nbsp;จุดจำหน่ายบริเวณ&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในภาวะที่ราคาเนื้อหมูเพิ่มสูงขึ้น&nbsp;เพิ่มช่องทางการจำหน่ายเนื้อหมูในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป&nbsp;จำหน่ายหมูให้กับประชาชนโดยจำกัดจำนวน&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัมต่อคน&nbsp;ถึงวันที่&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;รวมถึงติดตามราคาไข่ไก่&nbsp;ไก่สด&nbsp;และสินค้าอื่นๆ&nbsp;ด้วย&nbsp;ซึ่งเป็นนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;(นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์)&nbsp;เพื่อลดภาระ&nbsp;ค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>สำหรับร้านจำหน่ายเนื้อสุกรที่เข้าร่วมโครงการ&nbsp;ได้แก่&nbsp;</strong>ร้านหมูแฮปปี้ฟาร์ม&nbsp;สาขาสุพรรณบุรี&nbsp;ถ.เณรแก้ว&nbsp;/สาขา&nbsp;โพธิ์พระยา&nbsp;/สาขา&nbsp;ตลาดเทศบาล&nbsp;3&nbsp;อ.เมืองสุพรรณบุรี/สาขาดอนเจดีย์&nbsp;/สาขาด่านช้าง&nbsp;1/&nbsp;สาขาด่านช้าง2&nbsp;/&nbsp;/สาขา&nbsp;อู่ทอง/&nbsp;และ&nbsp;สาขาบางลี่&nbsp;อ.สองพี่น้อง</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังขอความร่วมมือ&nbsp;จาก&nbsp;บริษัท&nbsp;เบทาโกร&nbsp;จำกัด</strong>&nbsp;/บริษัท&nbsp;เอ็มที&nbsp;อู่ทอง&nbsp;จำกัด&nbsp;ตลาดสดเทศบาลสองพี่น้อง&nbsp;/ห้างสรรพสินค้าแม็คโคร&nbsp;สุพรรณบุรี/ห้างสรรพสินค้าเทสโก้&nbsp;โลตัส&nbsp;สาขาสุพรรณบุรี/ตลาดสดเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี&nbsp;/ร้านเจ้ยุ&nbsp;หมูอินเตอร์&nbsp;ตลาดริมน้ำสุพรรณบุรี&nbsp;จำหน่ายเนื้อหมูชนิดต่างๆในราคาย่อมเยาถูกว่าท้องตลาดไปจนถึง&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;ยังร่วมบูรณาการกับหลายหน่วยงานตรวจสอบการผลิต</strong>เนื้อหมูแปรรูป/การติดป้ายราคา/ชั่งตวงวัด/หากตรวจพบและพิสูจน์ว่ากระทำความผิดจริงต้องดำเนินคดีตามกฎหมายอาญาทันที&nbsp;หากประชาชนพบเห็นการกระทำความผิดแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน&nbsp;1569</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>13/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสุพรรณบุรีสวท.สุพรรณบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113123441577 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดระยอง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภค บริโภค ไข่ไก่และหมูเนื้อแดง ราคาจำหน่ายยังอยู่ในภาวะปกติ<p><strong>นางสาวสุวีรยา&nbsp;ปั้นปาน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดระยอง&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดระยอง&nbsp;ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอุปโภค&nbsp;บริโภค&nbsp;ประเภท&nbsp;หน้ากากอนามัย&nbsp;เจลล์ล้างมือ&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;(เนื้อแดง)&nbsp;ได้อำเภอต่างของจังหวัดระยอง&nbsp;ล่าสุดเมื่อ&nbsp;ได้ลงพื้นที่&nbsp;อ.บ้านฉาง&nbsp;จ.ระยอง&nbsp;ติดตามการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพของประชาชน&nbsp;พบว่า&nbsp;ราคาจำหน่ายหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ&nbsp;ที่วางจำหน่ายในร้านค้า&nbsp;2&nbsp;แห่ง&nbsp;ยังมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;โดยหน้ากากอนามัยขนาด&nbsp;50&nbsp;ชิ้น&nbsp;จำหน่ายราคากล่องละ&nbsp;110&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนเจลล้างมือขนด&nbsp;60&nbsp;-105&nbsp;มิลลิลิตร&nbsp;ราคาประมาณ&nbsp;49-&nbsp;50&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งราคาสินค้ายังอยู่ในภาวะปกติ&nbsp;ทางร้านฯ&nbsp;มีการปิดป้ายแสดงราคาอย่างชัดเจน&nbsp;และไม่พบการกักตุนสินค้าแต่อย่างใด</p><p><strong>ส่วนสถานการณ์ไข่ไก่ในพื้นที่&nbsp;อ.บ้านฉาง&nbsp;พบว่า&nbsp;มีการปรับขึ้นราคาเล็กน้อย&nbsp;</strong>ประมาณ&nbsp;4-6&nbsp;บาทต่อแผง&nbsp;โดยราคาไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;0&nbsp;ราคา&nbsp;107&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;1&nbsp;ราคา&nbsp;95&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;ราคา&nbsp;89&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคา&nbsp;86&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;4&nbsp;ราคา&nbsp;83&nbsp;บาท</p><p><strong>เนื่องจากจังหวัดระยองไม่มีฟาร์มไก่ไข่ในพื้นที่&nbsp;ผู้ประกอบการจะสั่งสินค้าจากฟาร์มไข่ไก่ในจังหวัดชลบุรี</strong>&nbsp;และฉะเชิงเทรา&nbsp;ผ่านบริษัท&nbsp;ซีพี&nbsp;(มหาชน)&nbsp;จำกัด&nbsp;และบริษัทเบทาโกรเกษตรอุตสาหกรรม&nbsp;&nbsp;ส่วนสถานการณ์ราคาจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ(เนื้อแดง)&nbsp;ที่&nbsp;ร้านคุณหน่อยเฟรช&nbsp;มาร์ท&nbsp;อำเภอบ้านฉาง&nbsp;ราคา&nbsp;180&nbsp;บาท&nbsp;ต่อกิโลกรัม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้แจกประกาศ&nbsp;กกร.&nbsp;ฉบับที่&nbsp;61&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2564&nbsp;เรื่องการแสดงสินค้าและค่าบริการ&nbsp;และ&nbsp;พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542&nbsp;พร้อมทั้งกำชับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>13/1/2022ภาคตะวันออกระยองสวท.ระยองhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113133141592 ศอ.บต. จัดอบรมการเพิ่มประสิทธิภาพด้านบริหารงานพัสดุ และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ เพื่อให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบงานพัสดุ ได้ปฏิบัติงานตามหลัก ธรรมาภิบาล<p><strong>ศอ.บต.&nbsp;จัดอบรมการเพิ่มประสิทธิภาพด้านบริหารงานพัสดุ</strong>&nbsp;และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ&nbsp;เพื่อให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบงานพัสดุ&nbsp;ได้ปฏิบัติงานตามหลักธรรมาภิบาล</p><p><strong>วันนี้&nbsp;(13&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้</strong>&nbsp;(ศอ.บต.)&nbsp;จัดอบรม&nbsp;เรื่อง&nbsp;“การเพิ่มประสิทธิภาพด้านบริหารงานพัสดุ&nbsp;ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2560&nbsp;และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2560”&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;แก่เจ้าหน้าที่ในสังกัด&nbsp;ศอ.บต.&nbsp;ประกอบด้วยข้าราชการ&nbsp;พนักงานราชการ&nbsp;ตลอดจนเจ้าหน้าที่&nbsp;ที่รับผิดชอบงานด้านพัสดุ&nbsp;ศอ.บต.&nbsp;เพื่อให้มีความรู้&nbsp;ความเข้าใจด้านกฎหมาย&nbsp;ระเบียบ&nbsp;ข้อบังคับ&nbsp;และแนวทางปฏิบัติงานในระบบอิเล็กทรอนิกส์&nbsp;และสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพต่อไป&nbsp;โดยมีนายกฤษฎา&nbsp;เคลือบมณี&nbsp;ผู้ช่วยเลขาธิการ&nbsp;ศอ.บต.&nbsp;เป็นประธานเปิดอบรม&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุม&nbsp;ชั้น&nbsp;2&nbsp;ศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;</p><p><strong>ในการนี้&nbsp;นายกฤษฎา&nbsp;เคลือบมณี&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;การบริหารงานขององค์กรให้ประสบความสำเร็จ</strong>&nbsp;การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้&nbsp;และสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;เป็นเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญขององค์กรโดยเฉพาะด้านการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุที่เป็นปัจจัยสำคัญของการบริหารงานขององค์กรให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้&nbsp;การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารงานพัสดุจะต้องโปร่งใสและถูกต้องตามกฎหมาย&nbsp;ระเบียบต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา&nbsp;รวมทั้งกระบวนการต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;จำเป็นต้องมีการบริหารงานอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ&nbsp;ซึ่งการบริหารงานพัสดุนั้น&nbsp;ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรู้ความเข้าใจในหลาย&nbsp;ๆ&nbsp;ด้าน&nbsp;เช่น&nbsp;พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ&nbsp;ฉบับปัจจุบัน&nbsp;ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย&nbsp;ระเบียบ&nbsp;ข้อบังคับ&nbsp;และสภาวการณ์ในปัจจุบัน&nbsp;เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างถูกต้องโปร่งใส&nbsp;</p><p><strong>สำหรับ&nbsp;การอบรมในครั้งนี้&nbsp;จัดขึ้นระหว่างวันที่&nbsp;13&nbsp;–&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</strong>&nbsp;เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้เพิ่มเติม&nbsp;ในเรื่องการบริหารการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ&nbsp;การวางแผนจัดซื้อจัดจ้าง&nbsp;และกระบวนการทางพัสดุที่ควรรู้&nbsp;เพื่อให้การปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>13/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113131624587 กรมการค้าภายใน ร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ ตรึงราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม ฟองละ 2.90 บาท จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย<p><strong>นายวัฒนศักย์&nbsp;เสือเอี่ยม&nbsp;อธิบดีกรมการค้าภายใน&nbsp;เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;</strong>ว่า&nbsp;ที่ประชุมได้หารือร่วมกันและรับทราบถึงสถานการณ์ปัญหาด้านต้นทุนของผู้เลี้ยงไก่ไข่&nbsp;ที่มีการปรับตัวสูงขึ้นจริง&nbsp;โดยเฉพาะวัตถุดิบอาหารสัตว์&nbsp;ซึ่งกรมฯ&nbsp;จะหารือกับผู้ผลิตอาหารสัตว์&nbsp;และหาทางช่วยเหลือในการเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตกับผู้เลี้ยงต่อไป&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน&nbsp;ผู้เลี้ยงไก่ไข่จะให้ความร่วมมือในการตรึงราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม&nbsp;ที่ฟองละ&nbsp;2.90&nbsp;บาท&nbsp;ไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย&nbsp;โดยจะมีการหารือร่วมกันเป็นระยะ&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เมื่อผู้เลี้ยงไก่ไข่ได้ปรับราคาลงมาแล้ว&nbsp;ผู้จำหน่ายส่งและปลีก&nbsp;จะต้องปรับลดราคาไข่ไก่ลงมาด้วย</strong>&nbsp;หากประชาชนพบเห็นการกักตุนหรือฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ&nbsp;และหากตรวจสอบพบการกระทำผิดจะมีโทษตามมาตรา&nbsp;29&nbsp;แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;มีโทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับไม่เกิน&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำและปรับ&nbsp;&nbsp;</p>13/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113135914616 ผวจ.จันทบุรีตรวจเยี่ยมความพร้อมจุดคัดกรองนักแสวงบุญ ประชาชน และนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง บนยอดเขาคิชฌกูฏ เน้นจองคิวขึ้นเขาผ่านแอป QueQ เท่านั้นไม่รับ Wolkin<p><strong>วันนี้&nbsp;(&nbsp;13&nbsp;ม.ค.65&nbsp;)&nbsp;ที่วัดกระทิง&nbsp;อ.เขาคิชฌกูฏ&nbsp;จ.จันทบุรี</strong>&nbsp;และที่วัดพลวง&nbsp;นายสุธี&nbsp;ทองแย้ม&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;พระครูพุทธบทบริบาล&nbsp;เจ้าคณะอำเภอเขาคิชฌกูฏ&nbsp;เจ้าอาวาสวัดพลวง&nbsp;ประธานมูลนิธิพระพุทธบาทพลวง&nbsp;/&nbsp;นายอำเภอเขาคิชฌกูฏ&nbsp;/&nbsp;สาธารณสุขอำเภอ&nbsp;/&nbsp;หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ&nbsp;เขาคิชฌกูฏ&nbsp;ผู้นำท้องที่&nbsp;และผู้ที่เกี่ยวข้องได้เดินทางเข้าเยี่ยมชมความพร้อมของจุดคัดกรองตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด&nbsp;-19&nbsp;ตามแผนเผชิญเหตุและมาตรการป้องกันของคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดจันทบุรี&nbsp;</p><p><strong>รวมทั้งศูนย์&nbsp;CI&nbsp;จุดให้บริการรถคิวที่จะรับนักแสวงบุญขึ้นไปบนยอดเขา</strong>ที่ต้องแยกออกจากจุดคัดกรอง&nbsp;และให้คำแนะนำว่าไม่ควรมีการตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ที่บริเวณหน้างานเนื่องจากเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด&nbsp;-19&nbsp;ได้&nbsp;ดังนั้นนักแสวงบุญ&nbsp;ประชาชน&nbsp;นักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทในปีนี้&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;2&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;–&nbsp;2&nbsp;เมษายน&nbsp;&nbsp;2565&nbsp;จะต้องตรวจคัดกรองมาก่อนหน้า&nbsp;และต้องจองคิวการขึ้นเขาผ่านแอป&nbsp;QueQ&nbsp;ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเท่านั้นไม่รับ&nbsp;Wolkin&nbsp;หน้างาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>สำหรับงานประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง(เขาคิชฌกูฏ)&nbsp;ปีนี้&nbsp;</strong>กำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่&nbsp;2&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;–&nbsp;2&nbsp;เมษายน&nbsp;2565&nbsp;ตามประเพณีคือขึ้น&nbsp;1&nbsp;ค่ำเดือน&nbsp;3&nbsp;ถึง&nbsp;ขึ้น&nbsp;&nbsp;1&nbsp;ค่ำ&nbsp;เดือน&nbsp;5&nbsp;ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด&nbsp;–&nbsp;19&nbsp;อย่างเข้มข้น&nbsp;และจะมีพิธี&nbsp;บวงสรวง&nbsp;ปิดป่า&nbsp;เปิดเขาในวันจันทร์ที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;โดยนักแสวงบุญ&nbsp;ประชาชน&nbsp;นักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง&nbsp;บนยอดเขาคิชฌกูฏต้องปฏิบัติตามนี้&nbsp;ต้องเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ&nbsp;2&nbsp;เข็มโดยแสดงเอกสารรับรองการรับวัคซีนหรือการยืนยันจากแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม&nbsp;/&nbsp;แสดงเอกสารรายงานผลการตรวจโควิด&nbsp;-19&nbsp;ด้วยวิธี&nbsp;RT-PCR&nbsp;หรือ&nbsp;Rapid&nbsp;Antigan&nbsp;test&nbsp;ไม่เกิน&nbsp;3&nbsp;วัน&nbsp;จากสถานพยาบาลของรัฐ&nbsp;หรือ&nbsp;สถานพยาบาลเอกชนที่กระทรวงสาธารณสุขรับรองแสดงผลทดสอบว่าไม่พบเชื้อ&nbsp;/&nbsp;กรณีผู้ที่เคยป่วยโควิด&nbsp;-19&nbsp;ที่ได้รับการรักษาหายแล้วต้องมีเอกสารรับรองผลการตรวจรักษาว่าหายป่วยมาแล้วไม่เกิน&nbsp;90&nbsp;วัน&nbsp;</p><p><strong>ผู้ที่จะขึ้นไปบนเขาต้องปฏิบัติตามมาตรการและระเบียบของกรมอุทยานแห่งชาติฯ</strong>&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;การจองคิวรถเพื่อขึ้นไปบนยอดเขาสามารถจองได้&nbsp;2&nbsp;คิว&nbsp;ผ่านแอปพลิเคชั่น&nbsp;QueQ&nbsp;โดยมีขั้นตอนรวม&nbsp;4&nbsp;ขั้นตอนทั้งนี้คิวรถที่จะให้บริการขึ้นไปบนเขามี&nbsp;2&nbsp;คิว&nbsp;คือคิววัดพลวง&nbsp;มีรถบริการจำนวน&nbsp;111&nbsp;คิว&nbsp;และคิววัดกระทิงมีรถบริการ&nbsp;31&nbsp;คิว&nbsp;ผู้ที่จะขึ้นไปบนเขาโดยรถบริการต้องจองผ่านแอปพลิเคชั่น&nbsp;QueQ&nbsp;เท่านั้นไม่รับ&nbsp;Walk&nbsp;in</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>13/1/2022ภาคตะวันออกจันทบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113135230606 คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐจังหวัดตราด (E3) ลงพื้นที่ติดตามสนับสนุนกลุ่มเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ จังหวัดตราด (เน้นหนัก) ปี 2565 พื้นที่ อ.เกาะช้าง<p><strong>นายมนตรี&nbsp;ฮมแสน&nbsp;พัฒนาการจังหวัดตราด&nbsp;มอบหมายให้&nbsp;</strong>นางสาวอัมพร&nbsp;ธรรมชาติ&nbsp;นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสนับสนุนกลุ่มเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ&nbsp;จังหวัดตราด&nbsp;(เน้นหนัก)&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;คณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ&nbsp;(E3)&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ผู้แทนผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษ&nbsp;3&nbsp;ผู้แทนท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตราด&nbsp;ผู้แทนวิทยาลัยชุมชนตราด&nbsp;ผู้แทนวัฒนธรรมจังหวัดตราด&nbsp;ผู้แทนเกษตรและสหกรณ์จังหวัดตราด&nbsp;ผู้แทนเกษตรจังหวัดตราด&nbsp;ผู้แทนบริษัทประชารัฐรักสามัคคีตราด&nbsp;(วิสาหกิจเพื่อสังคม)&nbsp;จำกัด&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;กลุ่ม&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;</p><p>1.&nbsp;ด้านการเกษตร&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;กลุ่ม&nbsp;ได้แก่&nbsp;กลุ่มทุเรียนเกาะช้าง&nbsp;สวนวิโรจน์</p><p>2.&nbsp;ด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชน&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;กลุ่ม&nbsp;ได้แก่&nbsp;กลุ่มชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก</p><p>3.&nbsp;ด้านแปรรูป&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;กลุ่ม&nbsp;ได้แก่&nbsp;3.1&nbsp;กลุ่มอาชีพสตรีเจ๊กแบ๊&nbsp;3.2&nbsp;กลุ่มวิสาหกิจชุมชนคลังมะพร้าวเกาะช้าง&nbsp;</p><p><strong>สำหรับการลงพื้นที่ติดตามสนับสนุนกลุ่มเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจ</strong>ฐานรากและประชารัฐ&nbsp;จังหวัดตราด&nbsp;(เน้นหนัก)&nbsp;ปี&nbsp;2565ในครั้งนี้&nbsp;เป็นการสำรวจข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย&nbsp;ร่วมรับฟังปัญหา/ความต้องการกลุ่มเป้าหมาย&nbsp;เพื่อนำไปพัฒนาและต่อยอดแนวทางบูรณาการส่งเสริมสนับสนุนกลุ่มเป้าหมายตามแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ&nbsp;ให้มีประสิทธิภาพต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>13/1/2022ภาคตะวันออกตราดสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113135513609 พาณิชย์ตาก ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ด้านปริมาณและราคาจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ เนื้อไก่ชำแหละ และไข่ไก่<p><strong>นางสาวปาริชาติ&nbsp;พงค์พันเทา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตาก</strong>&nbsp;พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ด้านปริมาณและราคาจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;เนื้อไก่ชำแหละ&nbsp;และไข่ไก่&nbsp;ณ&nbsp;จุดจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;(Outlet)&nbsp;และตลาดสด&nbsp;ในพื้นที่อำเภอเมืองตาก&nbsp;อำเภอบ้านตาก&nbsp;และอำเภอสามเงา&nbsp;โดยมีผลการตรวจสอบดังนี้</p><p><strong>1.&nbsp;ราคาจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละในตลาดสด&nbsp;(เขียงหมู)</strong>&nbsp;ยังคงตัวเมื่อเปรียบเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าโดยราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;115&nbsp;บาท&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;ดังนี้</p><p>เนื้อแดง/เนื้อสะโพก/เนื้อหัวไหล่&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;180&nbsp;-&nbsp;230&nbsp;บาท/?สันนอก&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;180-220&nbsp;บาท/สามชั้น&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;200-230&nbsp;บาท</p><p><strong>2.&nbsp;ราคาจำหน่ายเนื้อไก่ชำแหละในตลาดสด&nbsp;และจุดจำหน่ายเนื้อไก่ชำแหละ&nbsp;(Outlet)</strong>&nbsp;<strong>ดังนี้&nbsp;</strong></p><p>ไก่ทั้งตัวไม่รวมเครื่อง&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;70-80&nbsp;บาท/เนื้อส่วนอกไก่&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;75-80&nbsp;บาท/เนื้อส่วนสะโพก&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;65-75&nbsp;บาท</p><p><strong>3.&nbsp;ราคาจำหน่ายไข่ไก่ต่อแผง&nbsp;30&nbsp;ฟอง&nbsp;ในตลาดสด&nbsp;และจุดจำหน่ายไข่ไก่&nbsp;(Outlet)&nbsp;ดังนี้</strong></p><p>เบอร์&nbsp;0&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;แผงละ&nbsp;118-125&nbsp;บาท/?เบอร์&nbsp;1&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;แผงละ&nbsp;106-115&nbsp;บาท/เบอร์&nbsp;2&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;แผงละ&nbsp;100-110&nbsp;บาท/?เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;แผงละ&nbsp;94-100&nbsp;บาท/เบอร์&nbsp;4&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;แผงละ&nbsp;88-&nbsp;95&nbsp;บาท</p><p><strong>จังหวัดตากมีปริมาณสุกร&nbsp;ไก่เนื้อ&nbsp;และไข่ไก่&nbsp;เพียงพอต่อการบริโภคในจังหวัด&nbsp;</strong>ทั้งนี้&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ทางผู้ประกอบการทำการติดป้ายแสดงราคาที่ชัดเจน&nbsp;รวมถึงเน้นย้ำมิให้ผู้ประกอบการกักตุนและฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าอีกด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;</p>13/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลตากสวท.ตากhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113140841629 ผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์ ตรวจเยี่ยมโครงการหมูพาณิชย์ ลดราคา ช่วยประชาชน พร้อมกำชับผู้ประกอบการติดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน<p><strong>วันนี้&nbsp;(13&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;นายเสถียร&nbsp;เจริญเหรียญ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์</strong>&nbsp;พร้อมด้วยว่าที่พันตรีอดิศักดิ์&nbsp;น้อยสุวรรณ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์&nbsp;น.ส.ภัสศรัณย์&nbsp;&nbsp;ชำนาญกิจ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบราคาและคุณภาพการจำหน่ายเนื้อหมูที่ตลาดสดเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์&nbsp;พร้อมตรวจเยี่ยมโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;</p><p><strong>ซึ่งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดฯ&nbsp;ได้ประสานผู้ประกอบการจำหน่ายหมูเนื้อแดงราคาประหยัด</strong>&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;รวม&nbsp;6&nbsp;จุด&nbsp;ปริมาณ&nbsp;60&nbsp;กก./จุด/วัน&nbsp;ได้แก่&nbsp;อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;ที่ร้านเจ้ยิ้น&nbsp;ร้านหมูวราชัย&nbsp;ร้านหมูเจ้จี๋&nbsp;และร้านนพรัตน์ฟาร์ม&nbsp;/&nbsp;อำเภอหัวหิน&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;ที่ร้านหัวหินหมูสด-ไก่สด&nbsp;สาขา&nbsp;1&nbsp;แยกพุทธไชโย&nbsp;และอำเภอบางสะพาน&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;ที่ร้านหมูสายใจ&nbsp;โดยทั้ง&nbsp;6&nbsp;จุดจะเปิดจำหน่ายหมูเนื้อแดงตามโครงการดังกล่าวจนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์&nbsp;ได้กำชับให้ผู้ค้าผู้ประกอบการ</strong>&nbsp;ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจนและตรวจสอบเครื่องชั่งให้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนด&nbsp;หากพบการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคจะดำเนินการตามกฎหมาย&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>13/1/2022ภาคตะวันตกประจวบคีรีขันธ์สวท.ประจวบคีรีขันธ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113140201623 ย้ำมาตรการการเดินทางเข้าไทย เพิ่ม Sandbox อีก 3 จังหวัด <p><strong>นายธานี&nbsp;แสงรัตน์&nbsp;อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ</strong>&nbsp;ย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงมาตรการการเดินทางเข้าประเทศไทย&nbsp;ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;ซึ่งที่ประชุม&nbsp;ศบค.&nbsp;มีมติให้คงการระงับการรับลงทะเบียน&nbsp;Thailand&nbsp;Pass&nbsp;เพิ่มเติมสำหรับผู้เดินทางเข้าแบบ&nbsp;Test&nbsp;and&nbsp;Go&nbsp;ไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง&nbsp;</p><p><strong>โดยยังสามารถเข้าไทยด้วยวิธี&nbsp;Sandbox&nbsp;</strong>หรือเข้ารับการกักตัวแบบ&nbsp;Alternative&nbsp;Quarantine&nbsp;หรือ&nbsp;AQ&nbsp;ซึ่งตั้งแต่วันที่&nbsp;11&nbsp;มกราคมที่ผ่านมา&nbsp;มีการเปิดรับลงทะเบียนใหม่สำหรับผู้เดินทางแบบ&nbsp;Sandbox&nbsp;เพิ่มเติมอีก3&nbsp;แห่ง&nbsp;ได้แก่&nbsp;จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;&nbsp;(เกาะสมุย&nbsp;เกาะพะงัน&nbsp;เกาะเต่า)&nbsp;จังหวัดกระบี่&nbsp;และจังหวัดพังงา&nbsp;ซึ่งมีความพร้อมด้านการบริหารจัดการและด้านสาธารณสุข&nbsp;เพื่อให้เกิดการกระจายตัวของผู้เดินทางจากจังหวัดภูเก็ต&nbsp;และส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบกลุ่มจังหวัด&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังอนุญาตให้ผู้เดินทางจากประเทศต้นทางแอฟริกา</strong>&nbsp;สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้แล้วเช่นกัน&nbsp;หากเข้ามาในรูปแบบ&nbsp;AQ&nbsp;ปรับลดระยะเวลาการกักตัวจาก&nbsp;14&nbsp;วัน&nbsp;เป็น&nbsp;7&nbsp;วัน&nbsp;สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบตามข้อกำหนดของไทย&nbsp;และ&nbsp;10&nbsp;วันสำหรับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน&nbsp;หรือได้รับวัคซีนไม่ครบตามข้อกำหนด</p><p><strong>ส่วนสถานะล่าสุดของผู้ลงทะเบียนขอเดินทางเข้าประเทศไทย&nbsp;</strong>ผ่านระบบ&nbsp;Thailand&nbsp;Pass&nbsp;มีผู้ลงทะเบียนแล้ว&nbsp;876,957&nbsp;คน&nbsp;ได้รับอนุมัติแล้ว&nbsp;696,941คน<strong>&nbsp;</strong>ในจำนวนผู้ได้รับอนุมัติแล้ว&nbsp;เป็นผู้ลงทะเบียนเดินทางเข้าแบบ&nbsp;Test&nbsp;and&nbsp;go&nbsp;528,608&nbsp;คน&nbsp;แบบ&nbsp;Sandbox&nbsp;128,274&nbsp;และแบบ&nbsp;AQ&nbsp;40,059&nbsp;คน&nbsp;(สถานะ&nbsp;ณ&nbsp;วันที่&nbsp;12&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;14.00&nbsp;น.)</p><p><br></p><p><br></p>13/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสวท.จันทบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113152138669 แม่ค้าหมูปิ้งชัยนาทยังไม่ขึ้นราคา วอนรัฐบาลตรึงราคาเนื้อหมูกิโลกรัมละ 150 บาท บรรเทาความเดือดร้อน<p><strong>บรรยากาศการค้าขายอาหารจานด่วนบริเวณหน้าโรงเรียน</strong>เทศบาลบ้านกล้วย&nbsp;และข้างโรงเรียนชัยนาทพิทยาคม&nbsp;ในเขตเทศบาลเมืองชัยนาท&nbsp;ค่อนข้างเงียบเหงา&nbsp;เนื่องจากโรงเรียนถูกสั่งหยุดการเรียนการสอนแบบ&nbsp;ONSITE&nbsp;ลูกค้าหมูปิ้งยามเช้าจึงมีเพียงคนทำงานทั่วไปในเขตเมืองชัยนาท</p><p><strong>น.ส.ดวงใจ&nbsp;แม่ค้าหมูปิ้ง&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;จากสถานการณ์โควิด-19&nbsp;</strong>ส่งผลให้ปริมาณการขายลดน้อยลง&nbsp;ประกอบกับสถานการณ์เนื้อหมูแพง&nbsp;จึงจำเป็นต้องลดปริมาณลงนิดหน่อย&nbsp;และพยายามขายให้ได้มากขึ้น&nbsp;ถ้าจะขึ้นราคาก็ทำไม่ได้เพราะลูกค้าไม่มีกำลังซื้อ&nbsp;ประกอบกับหลายๆ&nbsp;ร้านยังไม่ปรับราคาขึ้น&nbsp;จึงใช้วิธีลดปริมาณลงเล็กน้อยแล้วขายราคาเดิม&nbsp;คือไม้ละ&nbsp;&nbsp;5&nbsp;บาท&nbsp;แต่หากหมูที่สต็อกไว้หมดลง&nbsp;อีกไม่นานคงต้องปรับราคาขึ้น&nbsp;&nbsp;อยากให้รัฐบาลช่วยพิจารณาตรึงราคาเนื้อหมูให้อยู่ที่ประมาร&nbsp;150&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;หรือต่ำกว่านี้&nbsp;เพราะตอนนี้ส่งผลกระทบไปหมดทั้งคนขายและคนกิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>13/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลชัยนาทสวท.ชัยนาทhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113150323649 กรมท่าอากาศยาน ชี้แจงกรณีท่าอากาศยานเพชรบูรณ์ยังไม่สามารถเปิดให้บริการผู้โดยสารได้เนื่องจากสายการบินที่จะมาให้บริการเลื่อนแผนการบิน<p><strong>กรมท่าอากาศยาน</strong>&nbsp;ชี้แจงกรณีที่มีข่าวการก่อสร้างอาคารใหม่ท่าอากาศยานท่าอากาศยานเพชรบูรณ์&nbsp;ขณะที่มีอาคารเดิมอยู่แล้วนั้น&nbsp;ว่า&nbsp;จังหวัดเพชรบูรณ์ถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพในด้านการท่องเที่ยว&nbsp;จึงได้มีการเปิดใช้บริการท่าอากาศยานเพชรบูรณ์&nbsp;ในปี&nbsp;2543&nbsp;เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ผู้โดยสาร&nbsp;นักท่องเที่ยว&nbsp;และนักธุรกิจที่เดินทางมาในพื้นที่&nbsp;ซึ่งมีสายการบินพาณิชย์ให้บริการมาเป็นระยะ&nbsp;ซึ่งที่ผ่านมากรมท่าอากาศยานมีแผนที่จะดำเนินการปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสารหลังเดิมให้สามารถใช้งานอย่างต่อเนื่อง&nbsp;แต่เมื่อมีการคำนวณงบประมาณสำหรับการปรับปรุงอาคารเก่าปรากฎว่าค่อนข้างสูง&nbsp;ประกอบกับในปี&nbsp;2561&nbsp;ได้รับแจ้งจากสายการบินว่ามีแผนที่จะใช้อากาศยานขนาด&nbsp;70-80&nbsp;ที่นั่ง&nbsp;มาให้บริการที่ท่าอากาศยานเพชรบูรณ์ด้วย&nbsp;ดังนั้น&nbsp;เพื่อเป็นการรองรับการให้บริการดังกล่าว&nbsp;กรมท่าอากาศยานจึงขอรับงบประมาณและได้รับการจัดสรรในปี&nbsp;2562&nbsp;-&nbsp;2563&nbsp;ในการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่&nbsp;สามารถรองรับผู้โดยสารได้&nbsp;150&nbsp;คนต่อชั่วโมง&nbsp;ใช้วงเงินงบประมาณ&nbsp;40&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ออกแบบลักษณะอาคารเป็นแบบเปิดโล่ง&nbsp;เพื่อลดการใช้ระบบปรับอากาศที่มีค่าบำรุงรักษาสูง&nbsp;มีระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐาน&nbsp;เริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนสิงหาคม&nbsp;2562&nbsp;ก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนกันยายน&nbsp;2563&nbsp;เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ&nbsp;ได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19&nbsp;ทำให้สายการบินที่มีแผนจะทำการบิน&nbsp;ต้องทบทวนการลงทุนและเลื่อนการดำเนินการออกไปก่อน</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;ปัจจุบันท่าอากาศยานเพชรบูรณ์&nbsp;</strong>ได้มีการเปิดให้บริการเที่ยวบินทางราชการ&nbsp;เที่ยวบินฝึกบินของโรงเรียนการบินและเที่ยวบินส่วนบุคคล&nbsp;โดยกรมท่าอากาศยานมีความพร้อมจะเปิดให้บริการผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานเพชรบูรณ์เมื่อสถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติ</p><p><br></p><p><br></p>13/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113184222842 จังหวัดพิจิตร ส่งเสริมผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ชุมชน สินค้า OTOP พิจิตร กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากกระจายรายได้สู่ชุมชน<p>วันนี้&nbsp;(13&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ที่ห้างสรรพสินค้าท็อปพลาซ่า&nbsp;สาขาพิจิตร&nbsp;สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพิจิตร&nbsp;ร่วมกับสำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี&nbsp;จัดกิจกรรมเสริมส่งผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น&nbsp;เพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน&nbsp;ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง&nbsp;และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น&nbsp;ในงานมีผู้ประกอบการร้านค้า&nbsp;OTOP&nbsp;ออกร้านจำหน่ายสินค้าผ้าทอ&nbsp;เครื่องแต่งกายพื้นบ้าน&nbsp;สิ่งของเครื่องใช้&nbsp;และของประดับตกแต่งบ้าน&nbsp;รวมทั้งร้านอาหารจากผู้ประกอบการโดยตรง&nbsp;รวม&nbsp;25&nbsp;ร้านค้า&nbsp;เปิดจำหน่ายไปจนถึงวันที่&nbsp;18&nbsp;มกราคมนี้&nbsp;ที่ห้างท๊อปพลาซ่าพิจิตร&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>13/1/2022ภาคเหนือพิจิตรสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิจิตรhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113154155698 ศอ.บต. อบรมการเพิ่มประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่ด้านบริหารงานพัสดุ และระเบียบกระทรวงการคลัง<p><strong>ศอ.บต.&nbsp;อบรมการเพิ่มประสิทธิภาพด้านบริหารงานพัสดุ&nbsp;และระเบียบกระทรวงการคลัง</strong>ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ&nbsp;เพื่อให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบงานพัสดุ&nbsp;ได้ปฏิบัติงานตามหลักธรรมาภิบาล</p><p><strong>วันนี้&nbsp;(13&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;(ศอ.บต.)</strong>&nbsp;จัดอบรม&nbsp;เรื่อง&nbsp;“การเพิ่มประสิทธิภาพด้านบริหารงานพัสดุ&nbsp;ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2560&nbsp;และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2560”&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;แก่เจ้าหน้าที่ในสังกัด&nbsp;ศอ.บต.&nbsp;ประกอบด้วยข้าราชการ&nbsp;พนักงานราชการ&nbsp;ตลอดจนเจ้าหน้าที่&nbsp;ที่รับผิดชอบงานด้านพัสดุ&nbsp;ศอ.บต.&nbsp;เพื่อให้มีความรู้&nbsp;ความเข้าใจด้านกฎหมาย&nbsp;ระเบียบ&nbsp;ข้อบังคับ&nbsp;และแนวทางปฏิบัติงานในระบบอิเล็กทรอนิกส์&nbsp;และสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพต่อไป&nbsp;โดยมีนายกฤษฎา&nbsp;เคลือบมณี&nbsp;ผู้ช่วยเลขาธิการ&nbsp;ศอ.บต.&nbsp;เป็นประธานเปิดอบรม&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุม&nbsp;ชั้น&nbsp;2&nbsp;ศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;</p><p><strong>นายกฤษฎา&nbsp;เคลือบมณี&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;การบริหารงานขององค์กรให้ประสบความสำเร็จ</strong>&nbsp;การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้&nbsp;และสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;เป็นเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญขององค์กรโดยเฉพาะด้านการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุที่เป็นปัจจัยสำคัญของการบริหารงานขององค์กรให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้&nbsp;การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารงานพัสดุจะต้องโปร่งใสและถูกต้องตามกฎหมาย&nbsp;ระเบียบต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา&nbsp;รวมทั้งกระบวนการต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;จำเป็นต้องมีการบริหารงานอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ&nbsp;ซึ่งการบริหารงานพัสดุนั้น&nbsp;ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรู้ความเข้าใจในหลาย&nbsp;ๆ&nbsp;ด้าน&nbsp;เช่น&nbsp;พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ&nbsp;ฉบับปัจจุบัน&nbsp;ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย&nbsp;ระเบียบ&nbsp;ข้อบังคับ&nbsp;และสภาวการณ์ในปัจจุบัน&nbsp;เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างถูกต้องโปร่งใส&nbsp;</p><p><strong>สำหรับ&nbsp;การอบรมในครั้งนี้&nbsp;จัดขึ้นระหว่างวันที่&nbsp;13&nbsp;–&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</strong>&nbsp;เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้เพิ่มเติม&nbsp;ในเรื่องการบริหารการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ&nbsp;การวางแผนจัดซื้อจัดจ้าง&nbsp;และกระบวนการทางพัสดุที่ควรรู้&nbsp;เพื่อให้การปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>13/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113151407659 ไทย-ญี่ปุ่น เดินหน้าการร่วมสร้างสรรค์ รองรับเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนของทั้งสองประเทศ<p><strong>พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม</strong>&nbsp;ให้การต้อนรับนายฮากิอูดะ&nbsp;โคอิจิ&nbsp;(Mr.&nbsp;HAGIUDA&nbsp;Koichi)&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ&nbsp;การค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น&nbsp;ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ&nbsp;โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับ&nbsp;ยินดีที่รัฐมนตรีฮากิอูดะฯ&nbsp;ได้เลือกไทยเป็นประเทศแรกๆ&nbsp;ในการเยือนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้&nbsp;ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะช่วยกระชับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในด้านเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น&nbsp;</p><p><strong>ไทยในฐานะประธานเอเปคปี&nbsp;2565</strong>&nbsp;พร้อมร่วมมือกับญี่ปุ่นในประเด็นต่างๆ&nbsp;ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันภายใต้กรอบเอเปค&nbsp;โดยเฉพาะโมเดลเศรษฐกิจ&nbsp;BCG&nbsp;ของไทย&nbsp;กับยุทธศาสตร์การเติบโตสีเขียวของญี่ปุ่น&nbsp;ทั้งในระดับทวิภาคีและระดับพหุภาคีให้เกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรม&nbsp;</p><p><strong>รัฐมนตรีฮากิอูดะฯ&nbsp;กล่าวยินดีที่ได้เข้าพบในวันนี้</strong>&nbsp;พร้อมแสดงความมุ่งมั่นของญี่ปุ่นที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับไทย&nbsp;โดยเฉพาะความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับโมเดล&nbsp;BCG&nbsp;การลงทุนและการพัฒนาอุตสาหกรรม&nbsp;พร้อมยืนยันว่า&nbsp;ญี่ปุ่นพร้อมสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคของไทยด้วย</p><p><strong>ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ</strong>&nbsp;อาทิ&nbsp;ด้านการลงทุนและการพัฒนาอุตสาหกรรม&nbsp;โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณภาคเอกชนญี่ปุ่นที่เชื่อมั่นในศักยภาพของเศรษฐกิจไทยมาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ขณะที่ญี่ปุ่นได้จัดให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายสำคัญของข้อริเริ่ม&nbsp;Asia-Japan&nbsp;Investing&nbsp;for&nbsp;the&nbsp;Future&nbsp;(AJIF)&nbsp;ของญี่ปุ่น&nbsp;การร่วมสร้างสรรค์&nbsp;(co-creation)&nbsp;ระหว่างภาคเอกชนไทยกับญี่ปุ่นจะนำไปสู่การลงทุนสำหรับอนาคต&nbsp;อันจะเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนของทั้งสองประเทศและภูมิภาคเอเชียโดยรวม</p><p><strong>โอกาสนี้&nbsp;นายกรัฐมนตรีได้ร่วมเป็นประธานในการลงนาม&nbsp;</strong>บันทึกความร่วมมือว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางพลังงาน&nbsp;โดยมีนายสุพัฒนพงษ์&nbsp;พันธ์มีเชาว์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน&nbsp;เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย&nbsp;และนายฮากิอูดะ&nbsp;โคอิจิ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ&nbsp;การค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น&nbsp;เป็นผู้ลงนามฝ่ายญี่ปุ่น&nbsp;ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างกัน&nbsp;โดยให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของโลก&nbsp;จากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นการใช้พลังงานสะอาด&nbsp;ซึ่งจะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม&nbsp;เสริมสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุน&nbsp;รวมทั้งจะเกิดความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้าน&nbsp;Smart&nbsp;Energy&nbsp;แห่งอนาคตในรูปแบบต่างๆ&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p>13/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113181953823 ส.ปชส.ตราด ประชาสัมพันธ์ นายกฯ ห่วง “ของแพง” สั่งตรึงราคาสินค้าจำเป็นเร่งด่วน<p><strong>วันนี้&nbsp;(13&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด&nbsp;รายงานว่า&nbsp;</strong>พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม&nbsp;สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;อาทิ&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;กระทรวงพลังงาน&nbsp;ติดตามหารือกับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น&nbsp;เพื่อตรึงราคาสินค้า&nbsp;ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน&nbsp;โดยกระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับบริษัท&nbsp;ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)&nbsp;ซึ่งเป็นผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป&nbsp;ตรา&nbsp;“มาม่า”&nbsp;เพื่อไม่ให้มีการปรับขึ้นราคามาม่าซอง&nbsp;เป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในสถานการณ์ปัจจุบัน&nbsp;</p><p><strong>กระทรวงพลังงาน&nbsp;โดยคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน&nbsp;(กบง.)&nbsp;</strong>มีมติตรึงราคาก๊าซหุงต้ม&nbsp;(LPG)&nbsp;ต่ออีก&nbsp;2&nbsp;เดือนที่ราคา&nbsp;318&nbsp;บาทต่อถัง&nbsp;ขนาด&nbsp;15&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;จากเดิมสิ้นสุดวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เป็นวันที่&nbsp;31&nbsp;มีนาคม&nbsp;2565&nbsp;พร้อมทั้งขอความร่วมมือ&nbsp;บมจ.ปตท.&nbsp;(PTT)&nbsp;พิจารณาช่วยเหลือส่วนลดราคาก๊าซ&nbsp;LPG&nbsp;แก่ผู้มีรายได้น้อยที่เป็นร้านค้า&nbsp;หาบเร่&nbsp;แผงลอยอาหาร&nbsp;ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่&nbsp;ปตท.&nbsp;ดำเนินการต่อไปจนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มีนาคม&nbsp;2565&nbsp;รวมทั้ง&nbsp;ให้คงราคาขายปลีกก๊าซ&nbsp;NGV&nbsp;ที่&nbsp;15.59&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;และคงราคาขายปลีกก๊าซ&nbsp;NGV&nbsp;โครงการ&nbsp;“เอ็นจีวี&nbsp;เพื่อลมหายใจเดียวกัน”&nbsp;ให้กับผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถแท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯ&nbsp;และปริมณฑล&nbsp;ที่&nbsp;13.62&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา&nbsp;1&nbsp;เดือน&nbsp;โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่&nbsp;16&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;-&nbsp;15&nbsp;มีนาคม&nbsp;2565</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>13/1/2022ภาคตะวันออกตราดสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113153501689 จังหวัดตราด ผลกระทบสินค้าอุปโภคบริโภคปรับราคาสูงขึ้น พ่อค้าขายลูกชิ้นทอดโอดหลังแก๊สปรับขึ้นราคา<p><strong>วันนี้&nbsp;(13&nbsp;ม.ค.65)</strong>&nbsp;&nbsp;จากผลกระทบสินค้าอุปโภคบริโภคปรับราคาสูงขึ้น&nbsp;ทั้งเนื้อหมู&nbsp;ไก่&nbsp;เป็ด&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และสินค้าอีกหลายๆ&nbsp;อย่าง&nbsp;ที่คนต้องใช้อุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันต่างปรับราคาขึ้น&nbsp;กระทบค่าครองชีพของประชาชน&nbsp;แม้แต่ราคาน้ำมัน&nbsp;ปรับราคาขึ้นวันต่อวัน&nbsp;ทำให้หลายอาชีพต้องรับผลกระทบไปตามๆกัน&nbsp;ไหนจะต้องเจอกับพิษโควิด-19&nbsp;ล่าสุดแก๊สหุงต้มก็ปรับราคาขึ้นตามสิ้นค้าอื่นๆ&nbsp;ด้วยเช่นกัน&nbsp;ทำให้พ่อค้าแม่ค้าที่มีอาชีพค้าขาย&nbsp;ที่ต้องใช้แก๊ส&nbsp;อย่างเช่น&nbsp;ของทอด&nbsp;แม้แต่การทำอาหารในครัวเรือนต่างได้รับผลกระทบไปตามๆกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้</p><p><strong>นายพงษ์ปิยะ&nbsp;โพธิวรรณ&nbsp;</strong>พ่อค้าขายไส้กรอกลูกชิ้นทอดในพื้นที่อำเภอคลองใหญ่&nbsp;จังหวัดตราด&nbsp;เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน&nbsp;โดยนายพงษ์ปิยะ&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ตนเองมีอาชีพขายไส้กรอกลูกชิ้นทอดมานานกว่า&nbsp;7&nbsp;ปีแล้ว&nbsp;ใช้รถสามล้อพ่วงข้างตระเวนวิ่งขายตามหมู่บ้านต่างๆ&nbsp;ในพื้นที่ของ&nbsp;อำเภอคลองใหญ่&nbsp;มาปีนี้ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก&nbsp;ไม่ว่าจะเรื่องไส้กรอกหมู&nbsp;ไก่&nbsp;ปรับราคาขึ้นจากเดิม&nbsp;แต่ตนเองต้องขายราคาเดิม&nbsp;และล่าสุดแก๊สหุงต้มที่ตนเองได้ใช้ทอดไส้กรอก/ลูกชิ้น&nbsp;เดิมทีถังละ&nbsp;308.41&nbsp;บาท&nbsp;ปรับขึ้นเป็นถังละ&nbsp;330&nbsp;บาท&nbsp;ไหนจะยังค่าน้ำมันที่ต้องวิ่งตระเวนขายอีก&nbsp;แทบจะไม่มีกำไรเหลือเลยในแต่ละวัน&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p>13/1/2022ภาคตะวันออกตราดสวท.ตราดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113154641701 คณะกรรมการการบินพลเรือน มีมติขยายมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ให้กับสายการบิน<p><strong>นายศักดิ์สยาม&nbsp;ชิดชอบ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม&nbsp;</strong>กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน&nbsp;หรือ&nbsp;กบร.ว่า&nbsp;ที่ประชุมมีมติขยายระยะเวลามาตรการลดค่าใช้จ่ายและมาตรการทางการเงิน&nbsp;ในไตรมาสที่&nbsp;1/2565&nbsp;เพื่อบรรเทาผลกระทบกับสายการบินจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;กบร.&nbsp;มีมติเห็นชอบให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย&nbsp;หรือ&nbsp;CAAT&nbsp;&nbsp;&nbsp;กรมท่าอากาศยาน&nbsp;และบริษัท&nbsp;ท่าอากาศยานไทย&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)&nbsp;หรือ&nbsp;ทอท.&nbsp;ขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาผลกระทบของสายการบิน&nbsp;ที่ได้ดำเนินการมาจนถึงสิ้นปี&nbsp;2564&nbsp;ต่อเนื่องไปอีก&nbsp;1&nbsp;ไตรมาส&nbsp;เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นหลังโควิด-19&nbsp;สายพันธุ์โอมิครอนระบาดหนักจนคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้จำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นถึง&nbsp;6&nbsp;เท่าในช่วงปลายปีกลับชะลอตัวลงอีกเป็นระลอกที่&nbsp;5&nbsp;จึงจำเป็นต้องเร่งระดมมาตรการด้านปฏิบัติการให้เกิดประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายสายการบินอีกทาง&nbsp;</p><p><strong>พร้อมทั้งนำผลการศึกษาแนวทางของประเทศต่างๆ</strong>&nbsp;มาปรับปรุงมาตรการให้สามารถช่วยพยุงการดำเนินงานของสายการบินได้เต็มที่ทุกรูปแบบ&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นมาตรการด้านการลดค่าใช้จ่ายของสายการบิน&nbsp;ทอท.&nbsp;เป็นผู้ดำเนินมาตรการลดค่าใช้จ่ายของสายการบินที่ใช้บริการสนามบินของ&nbsp;ทอท.&nbsp;โดยขยายระยะเวลาปรับลดค่าบริการในการขึ้นลงของอากาศยาน&nbsp;(Landing&nbsp;Charge)&nbsp;และค่าบริการที่เก็บอากาศยาน&nbsp;(Parking&nbsp;Charge)&nbsp;ลงอัตราร้อยละ&nbsp;50&nbsp;ทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศ&nbsp;สำหรับสายการบินที่ยังทำการบินอยู่&nbsp;และยกเว้นการจัดเก็บค่าบริการที่เก็บอากาศยาน&nbsp;&nbsp;(Parking&nbsp;Charge)&nbsp;สำหรับสายการบินที่หยุดให้บริการชั่วคราวจนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มีนาคม&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">สำหรับมาตรการทางการเงิน&nbsp;CAAT&nbsp;</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">ได้ขยายระยะเวลาชำระหนี้&nbsp;(Credit&nbsp;Terms)&nbsp;&nbsp;ค่าธรรมเนียมการเข้าหรือออกนอกประเทศ&nbsp;จาก&nbsp;15&nbsp;วันเป็น&nbsp;90&nbsp;วัน&nbsp;จนถึงรอบชำระวันที่&nbsp;31&nbsp;มีนาคม&nbsp;2565&nbsp;ด้านกรมท่าอากาศยาน&nbsp;ขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราค่าเช่าสำหรับทุกกิจกรรมในอัตราค่าเช่า&nbsp;ไม่ต่ำกว่าที่กรมธนารักษ์กำหนดเป็นระยะเวลา&nbsp;6&nbsp;เดือน&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;ตุลาคม&nbsp;2564&nbsp;ถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มีนาคม2565&nbsp;&nbsp;ส่วน&nbsp;ทอท.&nbsp;เลื่อนชำระค่าบริการสนามบิน&nbsp;(Landing&nbsp;and&nbsp;Parking&nbsp;Charges)&nbsp;และค่าเครื่องอำนวยความสะดวก&nbsp;(Aircraft&nbsp;Service&nbsp;Charge)&nbsp;สำหรับงวดชำระเดือนเมษายน&nbsp;2564&nbsp;ถึงเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;ออกไปงวดละ&nbsp;&nbsp;9&nbsp;เดือน&nbsp;และให้ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน&nbsp;12&nbsp;งวดชำระ</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>13/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113183934840 ย้ำตรึงราคาสินค้าบางส่วนไม่ให้แพง พร้อมเร่งออกมาตรการคนละครึ่งเฟส 4 ก่อนมีนาคม กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก<p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">นายสุพัฒนพงษ์&nbsp;พันธ์มีเชาว์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและ</strong><strong>รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน</strong><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">กล่าวถึงราคาสินค้าแพงในขณะนี้&nbsp;ว่า&nbsp;ส่วนหนึ่งรัฐบาลได้พยายามที่จะบริหารจัดการดูแลอยู่แล้ว&nbsp;หากสินค้าตัวไหนที่สามารถตรึงราคาได้&nbsp;รัฐบาลก็พยายามจะดำเนินการ&nbsp;แต่บางส่วนก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกลตลาด&nbsp;โดยจะเพิ่มการผลิตให้มากขึ้น&nbsp;กรณีที่สินค้าขาดแคลน&nbsp;ส่วนหนึ่งอย่ามองเฉพาะราคาสินค้าเพียงอย่างเดียว&nbsp;ต้องดูวิธีบริหารจัดการอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมด้วย&nbsp;โดยจากการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย&nbsp;การควบคุมอัตราเงินเฟ้อก็ยังอยู่ในเป้าหมาย&nbsp;จึงเชื่อว่า&nbsp;อัตราเงินเฟ้อในประเทศไทย&nbsp;จะอยู่ในกรอบร้อยละ&nbsp;1-3&nbsp;แต่หากเงินเฟ้อขยับใกล้เคียง&nbsp;ร้อยละ&nbsp;3&nbsp;ก็จะมีการประเมินและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล&nbsp;</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อยู่แล้ว&nbsp;และย้ำว่า&nbsp;การตรึงราคาสินค้าบางส่วน&nbsp;เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบในวงกว้าง&nbsp;ประชาชนอย่าได้วิตกมากจนเกินไป&nbsp;ยืนยันรัฐบาลเตรียมรับมือไว้แล้ว&nbsp;ส่วนสาเหตุของการเกิดอัตราเงินเฟ้อ&nbsp;ที่ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น&nbsp;เนื่องจากมีความต้องการของผู้บริโภคที่มีมากขึ้น&nbsp;ทำให้มีความต้องการสูงขึ้น&nbsp;ขณะที่ในช่วงโควิดที่ผ่านมาการผลิตมีการชะลอตัว&nbsp;มีการชะลอการลงทุนจากภาวะล็อกดาวน์&nbsp;ทำให้ผู้ประกอบการไม่กล้าที่จะขยายกำลังการผลิต&nbsp;และการผลิตสินค้าบางส่วนยังคงชะงักงั้น&nbsp;จากการแพร่ระบาดโควิด&nbsp;สายพันธุ์โอมิครอน&nbsp;ซึ่งมองว่า&nbsp;เป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราวและเชื่อว่ากำลังการผลิตจะมากขึ้น&nbsp;หากควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">สำหรับมาตรการคนละครึ่งเฟส&nbsp;4&nbsp;</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">จะออกมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อใด&nbsp;นายสุพัฒนพงษ์&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ก็จะเร่งหารือกับกับกระทรวงการคลัง&nbsp;โดยต้องดูสถานการณ์เศรษฐกิจในไทยและในโลกด้วย&nbsp;ว่ามีผลกระทบอย่างไร&nbsp;ส่วนจะเร่งมาตรการนี้ให้เร็วขึ้นก่อนเดือมมีนาคมหรือไม่&nbsp;ก็มีความเป็นไปได้&nbsp;แต่ต้องหารืออีกทีและอาจจะมีมาตรการอื่นๆ&nbsp;ด้วย&nbsp;รวมถึงการนำเม็ดเงินของรัฐบาล&nbsp;ลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;โดยสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ&nbsp;กำลังดูรายละเอียดโครงการของทุกกระทรวงอยู่&nbsp;เพื่อนำไปสร้างเศรษฐกิจพื้นฐานสู่ท้องถิ่น</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">ด้านมาตรการจูงใจซื้อรถไฟฟ้า(อีวี)&nbsp;นายสุพัฒนพงษ์&nbsp;ย้ำว่า</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;จะมีการนำเสนอมาตรการนี้&nbsp;ต่อที่ประชุม&nbsp;ครม.&nbsp;ในต้นปีนี้&nbsp;โดยนักลงทุนญี่ปุ่นก็พร้อมที่มาลงทุนในไทย&nbsp;ซึ่งเตรียมประกาศเจตนารมย์ที่เป็นทางการในเร็วๆ&nbsp;และตนเองพร้อมที่จะเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่น&nbsp;ราวเดือนเมษายนนี้&nbsp;ซึ่งจะไปนำเสนอเรื่องของความพร้อมและความคืบหน้าในการเดินหน้าพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก&nbsp;หรือ&nbsp;EEC&nbsp;ซึ่งมีการพัฒนาในหลายๆด้าน&nbsp;รวมถึงไทยก็จะนำเสนอแผนส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมและนวัตกรรมใหม่ๆ&nbsp;อีกทั้งมีแผนที่จะดึงดูดนักลงทุนญี่ปุ่นที่มีศักยภาพสูงเข้ามาพำนักระยะยาวในประเทศไทย&nbsp;</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>13/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113182123829 การเปิดด่านชายแดนจีน-เวียดนาม บริเวณจังหวัด Lao Cai ช่วยให้สินค้าไทยที่ตกค้างสามารถผ่านแดนได้รวดเร็วขึ้น<p><strong>นายธานี&nbsp;แสงรัตน์&nbsp;อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>&nbsp;จากรายงานของศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในเวียดนาม&nbsp;สถานเอกอัครราชทูต&nbsp;ณ&nbsp;กรุงฮานอย&nbsp;เมี่อวันที่&nbsp;12&nbsp;มกราคมที่ผ่านมา&nbsp;จีนได้เปิดด่าน&nbsp;Hekou&nbsp;ซึ่งเป็นด่านคู่กับด่าน&nbsp;Kim&nbsp;Thanh&nbsp;II&nbsp;บริเวณจังหวัด&nbsp;Lao&nbsp;Cai&nbsp;ของเวียดนาม&nbsp;ทำให้สินค้าประเภทผลไม้และอาหารแช่แข็งที่อยู่ในเวียดนามผ่านแดนได้อีกครั้ง&nbsp;หลังจากสั่งห้ามการผ่านแดนของสินค้าดังกล่าวชั่วคราวตั้งแต่เดือนกรกฎาคม&nbsp;2564&nbsp;เนื่องจากตรวจพบเชื้อโควิด-19&nbsp;ปนเปื้อนมากับสินค้าของเวียดนาม&nbsp;โดยในช่วงเช้าของวันแรกที่ทำการเปิดด่าน&nbsp;มีรถขนส่งแก้วมังกร&nbsp;มะม่วงและขนุน&nbsp;ลงทะเบียนผ่านแดนประมาณ&nbsp;50&nbsp;คัน&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม&nbsp;ระบุว่า&nbsp;แก้วมังกรของเวียดนามประมาณร้อยละ&nbsp;35&nbsp;ส่งออกไปจีนผ่านทางด่านต่างๆ&nbsp;ในจังหวัด&nbsp;Lao&nbsp;Cai&nbsp;</p><p><strong>การที่จีนเปิดด่าน&nbsp;Hekou</strong>&nbsp;จะมีส่วนช่วยลดการแออัดของสินค้าที่ตกค้างอยู่ที่ด่าน&nbsp;Huu&nbsp;Nghi&nbsp;&nbsp;และด่าน&nbsp;Tan&nbsp;Thanh&nbsp;จังหวัด&nbsp;Lang&nbsp;Son&nbsp;และด่าน&nbsp;Mong&nbsp;Cai&nbsp;จังหวัด&nbsp;Quang&nbsp;Ninh&nbsp;และจะทำให้สินค้าส่งออกของไทยที่ตกค้างอยู่&nbsp;สามารถผ่านแดนออกไปสู่จีนได้เร็วขึ้น</p><p><br></p><p><br></p>13/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสวท.จันทบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113183717838 ปชส.สุราษฎร์ธานี เผย รัฐบาลบูรณาการทุกหน่วยแก้ไขปัญหาค่าครองชีพสูง<p><strong>นางสุนิสา&nbsp;รามแก้ว&nbsp;ประขาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;นายกรัฐมนตรี&nbsp;มีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานบูรณาการแก้ปัญหาสินค้าโภคภัณฑ์อาหารปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วน&nbsp;โดยเฉพาะ&nbsp;อาหารสด&nbsp;ไม่ว่าจะเป็น&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;และ&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เป็นต้น</p><p><strong>ในส่วนของราคาเนื้อหมู&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;ได้จำหน่ายหมูราคาถูกผ่าน</strong>&nbsp;“โครงการพาณิชย์ลดราคาหมู”&nbsp;ออกไปถึงสิ้นเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;นี้&nbsp;กรุงเทพฯ&nbsp;มีจุดขายหมู&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ทั้งหมด&nbsp;116&nbsp;จุด&nbsp;แยกเป็นรถโมบายตระเวนตามพื้นที่ต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;50&nbsp;คัน&nbsp;และตั้งจุดจำหน่ายอีก&nbsp;50&nbsp;จุด&nbsp;ส่วนต่างจังหวัดมี&nbsp;551&nbsp;จุด&nbsp;รวมเป็นทั้งหมด&nbsp;667&nbsp;จุด&nbsp;เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนสามารถซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาดได้&nbsp;ซึ่งสถานการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา&nbsp;ทำให้เกษตรกรในหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบ&nbsp;ฟาร์มเสียหาย&nbsp;มีการปิดปรับปรุง&nbsp;สัตว์เลี้ยงเสียชีวิตจมน้ำ&nbsp;นอกจากนี้สถานการณ์โควิด&nbsp;-&nbsp;19&nbsp;ทำให้การบริโภคลดลงผู้เลี้ยงจึงลดจำนวนหมูที่เลี้ยง&nbsp;เมื่อกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจความต้องการกลับมา&nbsp;แต่กำลังผลิตไม่สามารถตอบสนองได้ทัน</p><p><strong>ขณะที่&nbsp;ครม.&nbsp;เห็นชอบอนุมัติงบกลางปี&nbsp;65&nbsp;จำนวน&nbsp;574.11&nbsp;ล้านบาท&nbsp;&nbsp;</strong>เพื่อป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร&nbsp;(African&nbsp;Swine&nbsp;Fever&nbsp;:&nbsp;ASF)&nbsp;และโรคระบาดร้ายแรงในสุกร&nbsp;หรือหมูป่า&nbsp;ซึ่งเป็นโรคติดต่อในสุกรที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่รุนแรง&nbsp;โดยจะจ่ายเป็นค่าชดใช้ราคาสุกรที่ถูกทำลายตั้งแต่&nbsp;วันที่23&nbsp;มีนาคม&nbsp;-&nbsp;15&nbsp;ตุลาคม&nbsp;2564&nbsp;ในพื้นที่&nbsp;56&nbsp;จังหวัด&nbsp;ภาคกลาง&nbsp;&nbsp;10&nbsp;&nbsp;จังหวัด<strong>&nbsp;</strong>ได้แก่&nbsp;ปทุมธานี&nbsp;อ่างทอง&nbsp;ชัยนาท&nbsp;สิงห์บุรี&nbsp;ลพบุรี&nbsp;อยุธยา&nbsp;สระบุรี&nbsp;อุทัยธานี&nbsp;นครสวรรค์&nbsp;และสุพรรณบุรี&nbsp;,&nbsp;ภาคตะวันออก&nbsp;1&nbsp;จังหวัด&nbsp;คือ<strong>&nbsp;</strong>สระแก้ว&nbsp;,&nbsp;ภาคตะวันตก&nbsp;3&nbsp;&nbsp;จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;&nbsp;กาญจนบุรี&nbsp;และประจวบคีรีขันธ์&nbsp;,&nbsp;ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ&nbsp;20&nbsp;จังหวัด&nbsp;&nbsp;ได้แก่&nbsp;นครราชสีมา&nbsp;บุรีรัมย์&nbsp;สุรินทร์&nbsp;&nbsp;ชัยภูมิ&nbsp;ศรีสะเกษ&nbsp;&nbsp;อุบลราชธานี&nbsp;เลย&nbsp;หนองบัวลำภู&nbsp;&nbsp;มหาสารคาม&nbsp;กาฬสินธุ์&nbsp;&nbsp;ขอนแก่น&nbsp;อำนาจเจริญ&nbsp;หนองคาย&nbsp;บึงกาฬ&nbsp;ร้อยเอ็ด&nbsp;นครพนม&nbsp;อุดรธานี&nbsp;มุกดาหาร&nbsp;สกลนคร&nbsp;และยโสธร&nbsp;,&nbsp;ภาคเหนือ&nbsp;12&nbsp;จังหวัด&nbsp;ได้แก่&nbsp;&nbsp;เชียงใหม่&nbsp;ลำปาง&nbsp;แม่ฮ่องสอน&nbsp;&nbsp;น่าน&nbsp;พะเยา&nbsp;แพร่&nbsp;&nbsp;อุตรดิตถ์&nbsp;&nbsp;สุโขทัย&nbsp;พิษณุโลก&nbsp;ตาก&nbsp;กำแพงเพชร&nbsp;และเพชรบูรณ์&nbsp;และภาคใต้&nbsp;10&nbsp;จังหวัด&nbsp;ได้แก่&nbsp;สุราษฎร์ธานี&nbsp;ภูเก็ต&nbsp;ตรัง&nbsp;กระบี่&nbsp;ระนอง&nbsp;นครศรีธรรมราช&nbsp;ชุมพร&nbsp;พัทลุง&nbsp;พังงา&nbsp;และสงขลา</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;ราคาสินค้าที่มีการปรับตัวสูงขึ้นนั้น&nbsp;ไม่เพียงแต่ประเทศไทย</strong>แต่ยังรวมไปถึงอีกหลายประเทศทั่วโลก&nbsp;เพราะราคาสินค้าจะปรับตามกลไกของตลาดอาหารโลก&nbsp;ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีราคาอาหารโลก&nbsp;FAO&nbsp;Food&nbsp;Price&nbsp;Index:&nbsp;FFPI)&nbsp;ที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ&nbsp;(FAO)&nbsp;รายงานของปี&nbsp;2564&nbsp;ไว้&nbsp;ซึ่งราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสด&nbsp;เช่น&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น&nbsp;เป็นผลกระทบมาจากต้นทุนในการเลี้ยง&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือยารักษาโรคต่างๆ&nbsp;เพิ่มสูงขึ้น.</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>13/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113163113752 พาณิชย์ตรวจติดตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน จังหวัดตรัง (ครั้งที่ 2)<p><strong>นางสาวสุภากิตติ์&nbsp;เกลี้ยงสงค์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;มอบหมายเจ้าหน้าที่</strong>กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;ติดตามการดำเนินโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;2)&nbsp;ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;(นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์)&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาหมูที่สูงขึ้นและให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภคในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;และราคาเนื้อหมูปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;ซึ่งพื้นที่จังหวัดตรัง&nbsp;มีจุดจำหน่ายจำนวน&nbsp;6&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่&nbsp;</p><p>1.&nbsp;ร้านหมูสด&nbsp;แยกวัดตัน&nbsp;ต.ทับเที่ยง&nbsp;</p><p>2.&nbsp;ร้านน้องดิว&nbsp;หน้าสวนสาธารณะนาหมื่นราษฎร์&nbsp;ต.โคกหล่อ&nbsp;</p><p>3.ร้านเจี๊ยบหมูสด&nbsp;(ข้างร้านอาหารโกแป้&nbsp;เจ๊บี)&nbsp;ต.นาตาล่วง&nbsp;</p><p>4.ร้านชายสี่หมูสด&nbsp;ตลาดคลองมวน&nbsp;ต.หนองปรือ&nbsp;</p><p>5.ร้านน้องทิพย์ค้าหมู&nbsp;หมู่&nbsp;8&nbsp;ต.เขากอบ&nbsp;6.ร้านบ้านหมูตวงตังค์&nbsp;(บริเวณทางเข้าวัดเขาไม้แก้ว)&nbsp;ต.เขาไม้แก้ว&nbsp;</p><p><strong>โดยเริ่มดำเนินโครงการฯ&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;7&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป</strong>&nbsp;(ระยะเวลาดำเนินการ&nbsp;15&nbsp;วัน)&nbsp;</p><p>จากสถานการณ์หมูปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;รัฐบาลมีมาตรการแก้ปัญหาราคาหมูแพง&nbsp;ดังนี้</p><p>-ห้ามส่งออกหมูมีชีวิต&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;6&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ถึง&nbsp;วันที่&nbsp;5&nbsp;เมษายน&nbsp;2565</p><p>-ช่วยเหลือราคาอาหารสัตว์&nbsp;จัดสินเชื่อพิเศษ&nbsp;เพื่อให้เกษตรกรได้กลับมาเลี้ยงใหม่&nbsp;ตรึงราคาจำหน่ายที่เหมาะสมสอดคล้องต้นทุนที่เกิดขึ้น</p><p>-ส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์&nbsp;เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ</p><p>-ผลักดันการยกระดับมาตรฐานฟาร์มของเกษตรกร&nbsp;เพื่อป้องกันโรคระบาด&nbsp;ส่งเสริมให้ปรับปรุงเป็นฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม&nbsp;(GFM)&nbsp;มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่ามาตรฐานฟาร์ม&nbsp;GAP</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;สำนักงานฯ&nbsp;ได้กำชับให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคา</strong>&nbsp;ซึ่งส่วนใหญ่ได้ปิดป้ายแสดงราคา&nbsp;ชัดเจน&nbsp;หากผู้บริโภคไม่ได้รับเป็นธรรมทางการค้าหรือได้รับความเดือดร้อนจากการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการ&nbsp;โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร&nbsp;สามารถร้องเรียนได้ที่&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;โทร&nbsp;0&nbsp;7522&nbsp;3076&nbsp;หรือสายด่วน&nbsp;1569</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>13/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113163824761 จังหวัดสมุทรสงครามจัดจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดงช่วยประชาชน จำนวน 7 จุด<p>นายขจร&nbsp;ศรีชวโนทัย&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม&nbsp;&nbsp;ชี้แจงถึงภาวะราคาสุกรมีการปรับราคาจำหน่ายสูงขึ้น&nbsp;เนื่องจากการลดปริมาณการเลี้ยงและโรคระบาด&nbsp;รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาสูงขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาราคาเนื้อหมูที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;และลดค่าครองชีพให้ประชาชนน&nbsp;รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้ดำเนินโครงการ&nbsp;“หมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน”&nbsp;ด้วยการเปิดจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ</p><p><br></p><p>&nbsp;ซึ่งจังหวัดสมุทรสงคราม&nbsp;มีจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดงลดราคาตามโครงการ&nbsp;“หมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน”&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;7&nbsp;จุด&nbsp;ครอบคลุม&nbsp;ทั้ง&nbsp;3&nbsp;อำเภอ&nbsp;โดยเริ่มจำหน่ายตั้งแต่บัดนี้จนถึง&nbsp;วันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ได้แก่&nbsp;&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;1.&nbsp;ร้านหมูวรรณา&nbsp;2.ร้านหมูเอกชัย3.&nbsp;ร้านเบทาโกร&nbsp;4.&nbsp;ร้านเจ้แบงค์&nbsp;&nbsp;5.&nbsp;ร้านไพโรจน์&nbsp;&nbsp;(ตลาดร่มหุบ)อำเภออัมพวา&nbsp;ร้านหมูธารา&nbsp;&nbsp;ส่วนอำเภอบางคนที&nbsp;ร้านเจ้แมว&nbsp;9&nbsp;ตลาดสดเทศบาล&nbsp;ตำบลกระดังงา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p>จึงขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องชาวสมุทรสงครามได้รับทราบ&nbsp;และสามารถหาซื้อ&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ที่จุดจำหน่ายทั้ง&nbsp;7&nbsp;จุดดังกล่าว&nbsp;ตั้งแต่วันนี้&nbsp;ไปจนถึง&nbsp;วันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</p>13/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสมุทรสงครามสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงครามhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113170103793 จังหวัดสตูล ประชุมศูนย์ขับเคลื่อนการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดสตูล ครั้งที่ 1 เพื่อยกระดับศักยภาพประเทศในหลายมิติ<p><strong>วันนี้&nbsp;(13&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;80&nbsp;พรรษา&nbsp;ศาลากลางจังหวัดสตูล</strong>&nbsp;นายเอกรัฐ&nbsp;หลีเส็น&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล&nbsp;เป็นประธานการประชุมศูนย์ขับเคลื่อนการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน&nbsp;ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดสตูล&nbsp;(ศจพ.จ.)&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1/2565&nbsp;โดยมี&nbsp;นางศุภมาส&nbsp;เหล็นเรือง&nbsp;พัฒนาการจังหวัดสตูล&nbsp;พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;เข้าร่วมประชุม</p><p><strong>สำหรับการประชุมเพื่อรับทราบการจัดตั้งศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคน</strong>ทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดสตูล&nbsp;(ศจพ.จ.)&nbsp;&nbsp;นโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ความเป็นมา&nbsp;แนวทางการดำเนินงานการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;สำหรับการปฏิบัติงานในระดับพื้นที่&nbsp;รวมถึงกำหนดแผนการขับเคลื่อนการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;</p><p><strong>พร้อมพิจารณาการตรวจสอบข้อมูลบุคคล/ครัวเรือน&nbsp;ในระบบ&nbsp;TPMAP&nbsp;</strong>และตรวจสอบพบครัวเรือนใหม่/ตกหล่น&nbsp;ที่ไม่มีในระบบ&nbsp;TPMAP&nbsp;ที่มีปัญหาความยากจนใน&nbsp;5&nbsp;มิติ&nbsp;ได้แก่&nbsp;มิติสุขภาพ&nbsp;มิติความเป็นอยู่&nbsp;มิติการศึกษา&nbsp;มิติรายได้&nbsp;และมิติการเข้าถึงบริการภาครัฐ&nbsp;,&nbsp;ร่วมแก้ไขปัญหาและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน&nbsp;รายละเอียด&nbsp;ดังนี้&nbsp;ข้อมูลครัวเรือน&nbsp;มีอยู่ในระบบ&nbsp;TPMAP&nbsp;จำนวน&nbsp;12,200&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;,&nbsp;ไม่พบสภาพปัญหาตามระบุในระบบ&nbsp;TPMAP&nbsp;จำนวน&nbsp;&nbsp;10,027&nbsp;&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;,&nbsp;จำนวนครัวเรือนใหม่/ตกหล่น&nbsp;ที่ไม่มีในระบบ&nbsp;TPMAP&nbsp;เป็นการค้นพบโดยทีมปฏิบัติการฯ&nbsp;ระดับพื้นที่&nbsp;จำนวน&nbsp;829&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;เป็นต้น</p><p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;การจัดตั้งศูนย์&nbsp;ศจพ.จ.สตูล&nbsp;</strong>ตามนโยบายของรัฐบาลได้ให้แต่ละจังหวัดแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนอย่างแท้จริง&nbsp;เน้นย้ำว่า&nbsp;ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง&nbsp;ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานของจังหวัด&nbsp;คือการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน&nbsp;และการยกระดับรายได้ทางเศรษฐกิจ&nbsp;ในภาคอุตสาหกรรมและแรงงาน&nbsp;อาทิ&nbsp;ด้านเศรษฐกิจ&nbsp;สังคม&nbsp;ท่องเที่ยว&nbsp;อุตสาหกรรม&nbsp;และการศึกษา&nbsp;อีกด้วย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูล</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>13/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูลhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113165007777 สายการบินไทยเวียตเจ็ท เชื่อมระบบ “หมอพร้อม” บนระบบเช็คอินออนไลน์ อำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร ลดการสัมผัสขณะเดินทาง <p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">สายการบินไทยเวียตเจ็ท&nbsp;แจ้งว่า</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">&nbsp;เพื่อเป็นการยกระดับการให้บริการผู้โดยสารในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19&nbsp;สายพันธุ์โอมิครอน&nbsp;ลดการสัมผัสขณะเดินทาง&nbsp;สายการบินได้อำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารด้วยการเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน&nbsp;“หมอพร้อม”&nbsp;บนระบบเช็คอินออนไลน์ของไทยเวียตเจ็ท&nbsp;ผู้โดยสารสามารถเช็คอินออนไลน์ล่วงหน้า&nbsp;พร้อมรับตรารับรองการฉีดวัคซีน&nbsp;รวมถึงผลตรวจหาเชื้อโควิด-19&nbsp;ด้วยชุดตรวจด้วยตนเอง&nbsp;หรือ&nbsp;ATK&nbsp;(Antigen&nbsp;Test&nbsp;Kit&nbsp;)&nbsp;และการตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสแบบ&nbsp;RT-PCR&nbsp;บนบัตรที่นั่งอิเล็กทรอนิกส์&nbsp;ผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อม&nbsp;เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร&nbsp;เพิ่มความมั่นใจด้วยการลดการสัมผัสบริเวณเคาน์เตอร์เช็คอิน&nbsp;มอบประสบการณ์การเดินทางวิถีใหม่&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">ผู้โดยสารสามารถรับตรารับรองการฉีดวัคซีน</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">โดยการเปิดใช้งานเอกสารรับรองสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์&nbsp;(Digital&nbsp;Health&nbsp;Pass)&nbsp;ผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อม&nbsp;โดยสามารถดาวน์โหลดผ่าน&nbsp;App&nbsp;Store&nbsp;(สำหรับระบบ&nbsp;iOS)&nbsp;หรือ&nbsp;Play&nbsp;Store&nbsp;(สำหรับระบบ&nbsp;Android)&nbsp;จากนั้นลงทะเบียนหรือเข้าสู่ระบบหมอพร้อม&nbsp;เมื่อเข้าสู่ระบบสำเร็จ&nbsp;เลือกเมนู&nbsp;“เอกสารรับรองสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์”&nbsp;เพื่อเปิดใช้งานเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน&nbsp;เมื่อเสร็จสิ้น&nbsp;ข้อมูลเอกสารรับรองสุขภาพของผู้โดยสารจะเชื่อมต่อกับระบบเช็คอินออนไลน์ของสายการบินโดยอัติโนมัติ&nbsp;เมื่อทำการเช็คอินออนไลน์&nbsp;ผู้โดยสารสามารถระบุหมายเลขประจำตัวประชาชนและรับตราประทับจากแอปพลิเคชันหมอพร้อมบนบัตรที่นั่งอิเล็กทรอนิกส์ทันที&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">สายการบินไทยเวียตเจ็ทพร้อมให้บริการเช็คอินออนไลน์&nbsp;</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">สำหรับทุกเส้นทางบินภายในประเทศจากกรุงเทพฯ&nbsp;(สุวรรณภูมิ)&nbsp;และเส้นทางบินข้ามภูมิภาค&nbsp;ผู้โดยสารสามารถเช็คอินออนไลน์ล่วงหน้าได้ภายใน&nbsp;24&nbsp;–&nbsp;1&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;ก่อนเวลาเดินทางได้ที่เว็บไซต์&nbsp;&nbsp;</span><a&nbsp;href="http://vzcheckin.vietjetair.com/"&nbsp;rel="noopener&nbsp;noreferrer"&nbsp;target="_blank"&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(17,&nbsp;85,&nbsp;204);">vzcheckin.vietjetair.com</a><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน&nbsp;สายการบินไทยเวียตเจ็ทให้บริการครอบคลุม&nbsp;14&nbsp;เส้นทางบินภายในประเทศ</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>13/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113173623808 ปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 50 สตางค์ต่อลิตร เว้น E85 ปรับขึ้น 30 สตางค์ต่อลิตร <p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">กลุ่มผู้ค้าน้ำมัน&nbsp;บริษัท&nbsp;ปตท.&nbsp;และบางจาก</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">&nbsp;แจ้งว้าตั้งแต่เวลา&nbsp;05.00&nbsp;น.&nbsp;ของวันที่&nbsp;14&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;ราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้นจะปรับราคาขึ้น&nbsp;0.50&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;เว้น&nbsp;E85&nbsp;ปรับขึ้น&nbsp;0.30&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">ส่งผลให้ราคาขายปลีก&nbsp;</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">น้ำมันเบนซินอยู่ที่&nbsp;40.06&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;แก๊สโซฮอล์&nbsp;E85&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;24.64&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;แก๊สโซฮอล์&nbsp;E20&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;31.14&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;แก๊สโซฮอล์&nbsp;91&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;32.38&nbsp;บาทต่อลิตรแก๊สโซฮอล์&nbsp;95&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;32.65&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;สำหรับกลุ่มดีเซลทุกชนิดราคาคงเดิม&nbsp;โดยน้ำมันดีเซลไฮพรีเมียม&nbsp;ดีเซล&nbsp;B7&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;35.86&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;ไฮดีเซล&nbsp;B7&nbsp;ไฮดีเซล&nbsp;S&nbsp;และไฮดีเซล&nbsp;B20&nbsp;S&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;29.84&nbsp;บาทต่อลิตร</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>13/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113173736810 พาณิชย์แพร่ ดูแลการจำหน่ายเนื้อหมูและเนื้อสัตว์อื่นอย่างใกล้ชิด บรรเทาความเดือดร้อนประชาชน พร้อมติดตามการครอบครองของผู้ประกอบการ<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นางอารีย์&nbsp;เหลืองหิรัญ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดแพร่</strong>&nbsp;มอบหมายให้ผู้อำนวยการกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแพร่&nbsp;ติดตามการดำเนินโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนอย่างใกล้ชิด&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดแพร่ชมภูมิ่ง&nbsp;เพื่อให้เป็นทางเลือกให้กับประชาชนสามารถซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ขณะเดียวกัน&nbsp;ได้ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าไก่เนื้อ&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และติดตามฟาร์มไข่ไก่&nbsp;ซึ่งในช่วงที่ราคาหมูแพงประชาชนได้หันมาบริโภคเนื้อสัตว์อื่นที่ราคาถูกกว่าเป็นการทดแทน&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแพร่จึงได้กำชับให้ผู้ค้าห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคาหรือขายสินค้าราคาสูงเกินสมควร&nbsp;ห้ามกักตุนสินค้า&nbsp;และแนะนำให้ปิดป้ายแสดงราคา</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ส่วนการแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;สำหรับผู้เลี้ยง&nbsp;ผู้จำหน่าย&nbsp;ผู้ส่งออก</strong>&nbsp;ซึ่งครอบครองสุกรมีชีวิตตั้งแต่&nbsp;500&nbsp;ตัวขึ้นไป&nbsp;และผู้ครอบครองสุกรชำแหละผ่าซีก&nbsp;เนื้อสุกรชำแหละแยกชิ้นส่วนปริมาณรวมกันตั้งแต่&nbsp;5,000&nbsp;กิโลกรัมขึ้นไป&nbsp;ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยสินค้าและบริการในพื้นที่จังหวัดแพร่นั้น&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแพร่ได้รับแจ้งจากผู้ประกอบการที่ครอบครองสุกรมีชีวิต&nbsp;สุกรชำแหละผ่าซีก&nbsp;และเนื้อสุกรชำแหละแยกชิ้นส่วน&nbsp;ซึ่งมีปริมาณครอบครองตามประกาศฯ&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;ราย&nbsp;แจ้งครั้งแรกในวันที่&nbsp;10&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;และจะดำเนินการแจ้งครั้งต่อไปเป็นประจำในวันจันทร์ของทุกสัปดาห์&nbsp;โดยผู้ประกอบการได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี</p>13/1/2022ภาคเหนือแพร่สวท.แพร่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113172356801 รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายกระทรวงเศรษฐกิจจัดทำแผนการดำเนินการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว จีน<p><strong&nbsp;style="background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);&nbsp;color:&nbsp;black;">นายศักดิ์สยาม&nbsp;ชิดชอบ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม</strong><span&nbsp;style="background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);&nbsp;color:&nbsp;black;">&nbsp;เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย&nbsp;ลาวและจีน&nbsp;โดยมีนายอนุทิน&nbsp;ชาญวีรกูล&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข&nbsp;เป็นประธานการประชุม&nbsp;ว่า&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากกระทรวงการคลัง&nbsp;กระทรวงการต่างประเทศ&nbsp;กระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;กระทรวงอุตสาหกรรม&nbsp;สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ&nbsp;พร้อมด้วยกระทรวงคมนาคม&nbsp;ร่วมกันพิจารณาแผนการดำเนินการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย&nbsp;ลาว&nbsp;จีน&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);&nbsp;color:&nbsp;black;">นอกจากนี้&nbsp;ที่ประชุมยังได้เห็นชอบแผนการดำเนินงาน</strong><span&nbsp;style="background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);&nbsp;color:&nbsp;black;">&nbsp;และเห็นชอบให้แต่งตั้นคณะอนุกรรมการเพื่อติดตามความก้าวหน้าสถานะการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;และเห็นชอบการจัดทำ&nbsp;Framework&nbsp;Agreement&nbsp;การขนส่งทางรถไฟระหว่างไทย&nbsp;ลาว&nbsp;และจีน&nbsp;โดยการเชื่อมต่อการเดินทางข้ามแดนผ่านทางรถไฟช่วงหนองคาย&nbsp;–&nbsp;เวียงจันทน์&nbsp;ซึ่งในการเจรจาระหว่างประเทศนั้น&nbsp;ให้ดำเนินการเจรจาบนพื้นฐานที่ไทย&nbsp;ลาว&nbsp;และจีนมีความเกี่ยวข้องและผลประโยชน์ร่วมกัน&nbsp;โดยอาจยกระดับให้เป็นบันทึกข้อตกลงที่มีความผูกพันเพิ่มเติม&nbsp;และให้การรถไฟแห่งประเทศไทย&nbsp;หรือ&nbsp;รฟท.&nbsp;ดำเนินการของบกลางเพื่อออกแบบสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่&nbsp;2&nbsp;และเร่งดำเนินการก่อสร้าง&nbsp;ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศต่อไป</span></p><p><strong&nbsp;style="background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);&nbsp;color:&nbsp;black;">นอกจากนี้&nbsp;ยังได้แต่งตั้งองค์ประกอบของคณะกรรมการเพิ่มเติม</strong><span&nbsp;style="background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);&nbsp;color:&nbsp;black;">&nbsp;ได้แก่&nbsp;กระทรวงสาธารณสุข&nbsp;และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา&nbsp;เพื่อพิจารณาแนวทางการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟไทย&nbsp;–&nbsp;ลาว&nbsp;และจีนต่อไปเมื่อสภาวะการณ์ของประเทศผ่านช่วงสถานการณ์โควิด-19&nbsp;แล้ว&nbsp;คาดการณ์ว่ามูลค่าทางการค้าที่บริเวณด่านหนองคาย&nbsp;ผ่านโครงข่ายรถไฟไทย-ลาว-จีน&nbsp;จะสร้างมูลค่าทางการค้าเพิ่มขึ้น&nbsp;โดยสถานะการค้าและการขนส่งในปัจจุบัน&nbsp;นับตั้งแต่โครงการรถไฟจีน&nbsp;–&nbsp;ลาว&nbsp;ได้เปิดให้บริการเมื่อวันที่&nbsp;2&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;จากสถิติการส่งออกสินค้าผ่านชายแดนหนองคายในช่วงเดือนธันวาคมปี&nbsp;2563&nbsp;กับช่วงเดือนธันวาคมปี&nbsp;2564&nbsp;(ช่วงที่มีการเปิดการให้บริการรถไฟลาว-จีน)&nbsp;พบว่ามีปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้นจาก&nbsp;116,552&nbsp;ตัน&nbsp;เป็น&nbsp;304,119&nbsp;ตัน&nbsp;ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้น&nbsp;4.64&nbsp;พันล้านบาท&nbsp;เป็น&nbsp;6.91&nbsp;พันล้านบาท&nbsp;มูลค่านำเข้าส่งออกที่ด่านหนองคายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญหลังจากมีรถไฟลาว&nbsp;–&nbsp;จีนเกิดขึ้น&nbsp;ซึ่งเร็วกว่าช่องทางอื่น&nbsp;1&nbsp;วัน&nbsp;และมีค่าขนส่งถูกกว่าประมาณร้อยละ&nbsp;25&nbsp;โดยมีการขนส่งสินค้าหลายชนิดผ่านทางรถไฟจีน-ลาว&nbsp;มายังไทย&nbsp;ได้แก่&nbsp;ผักผลไม้สดแช่เย็น&nbsp;สิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน&nbsp;ผลิตภัณฑ์เครื่องจักร&nbsp;เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ&nbsp;เครื่องใช้ไฟฟ้า&nbsp;ตลอดจนรถยนต์&nbsp;ยางพาราและไม้แปรรูป&nbsp;การเตรียมความพร้อมและการส่งเสริมของภาครัฐ&nbsp;ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนผู้ประกอบการจะช่วยให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศพร้อมขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกันต่อไป</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);&nbsp;color:&nbsp;black;"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>13/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113183315834 ตลาดสดเงียบเหงา พ่อค้าแม่ค้าแผงหมูเดือดร้อน เหตุคนไม่กล้าบริโภคเนื้อหมู เนื่องจากหมูแพงและเกรงว่าหมูเป็นโรค วอนภาครัฐปรับราคาหมูคงที่ เพื่อให้ผู้บริโภครับราคาได้<p><strong>จากราคาสุกรที่ขยับตัวสูงขึ้น&nbsp;</strong>ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคเพียงอย่างเดียว&nbsp;อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่อย&nbsp;รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าแผงหมู&nbsp;หลายคนอาจเลิกกิจการ&nbsp;เพราะขายของไม่ได้&nbsp;เนื่องจากผู้บริโภคทานเนื้อหมูน้อยลง&nbsp;เหตุราคาแพงและกลัวโรคระบาดที่เกิดขึ้นในหมู&nbsp;ที่ตลาดสดสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.สงขลา&nbsp;บรรยากาศการจำหน่ายเนื้อหมูค่อนข้างเงียบเหงา&nbsp;เนื่องจากลูกค้าน้อยลง</p><p><strong>นางกมลวรรณ&nbsp;ชูสาย&nbsp;แม่ค้าแผงหมู&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ตั้งแต่หมูปรับราคาขึ้นสูง&nbsp;ส่งผลกระทบต่อพ่อค้าแม่ค้าในตลาดอย่างมาก&nbsp;เนื่องจากขายของไม่ได้&nbsp;เพราะไม่มีคนมาซื้อ&nbsp;วอนขอให้สื่อช่วยออกข่าวสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน&nbsp;เพราะประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจผิด&nbsp;คิดว่าหมูเป็นโรค&nbsp;อีกทั้งรับประกันหมูในตลาด&nbsp;มีความสะอาด&nbsp;ปลอดโรค&nbsp;เนื่องจากทางตลาดมีการทำความสะอาดคัดกรองโรคทุกสัปดาห์&nbsp;และขอเชิญชวนผู้บริโภคหันมาซื้อหมูด้วยความมั่นใจ&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;อยากให้รัฐบาลหรือภาครัฐให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการ&nbsp;เนื่องจากพ่อค้าแม่ค้ามีความเดือดร้อนมาก&nbsp;อาจเลิกประกอบอาชีพนี้&nbsp;เนื่องจากขายของไม่ได้&nbsp;จากที่ขายวันละ&nbsp;200&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ปัจจุบันเหลือเพียง&nbsp;50&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;อยากให้ฟาร์มหมูปรับราคาลงหน่อย&nbsp;เพื่อราคาหน้าแผงจะได้ไม่แพงมาก</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>13/1/2022ภาคใต้สงขลาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113192318859 ข้าวหมูแดง-หมูกรอบ ร้านดังขอนแก่น ปรับราคาขาย จานละ 50 บาท แต่ยังตรึงราคาข้าวมันไก่ จานละ 40 วอนรัฐบาลแก้ไขปัญหาด่วน<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>&nbsp;การจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าในช่วงภาวะวัตถุดิบมีราคาแพง</strong>&nbsp;และปรับขึ้นสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู&nbsp;,&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;,&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;และอาหารทะเล&nbsp;ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างมากในขณะนี้&nbsp;โดยจากการสำรวจที่ตลาดสดโต้รุ่งร่วมจิตร&nbsp;ตรงข้ามโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน&nbsp;เขตเทศบาลนครขอนแก่น&nbsp;พบว่ายังคงมีลูกค้ามาเลือกซื้อสินค้าโดยเฉพาะอาหารปรุงสุกอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน&nbsp;โดยเฉพาะที่ร้านเจ๊อู๊ดข้าวหมูแดง-หมูกรอบ&nbsp;ร้านอาหารชื่อดังของจังหวัดขอนแก่น&nbsp;ที่ยังคงมีลูกค้าทยอยกันมาเลือกซื้อเมนูอาหารต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ทั้งแบบนั่งรับประทานที่ร้านแบบวิถีใหม่นิวนอร์มอล&nbsp;หรือซื้อสั่งกลับบ้านอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ซึ่งทางร้านได้ติดป้ายประกาศขอปรับขึ้นราคาอาหารประเภทเนื้อหมู&nbsp;เพิ่มขึ้นจานละ&nbsp;10&nbsp;บาท&nbsp;ทำให้ราคาจำหน่ายจากเดิมเริ่มต้น&nbsp;จานละ&nbsp;40&nbsp;บาท&nbsp;ปรับขึ้นเป็น&nbsp;50&nbsp;บาท&nbsp;ในกลุ่มข้าวหมูแดง&nbsp;,&nbsp;ข้าวขาหมู&nbsp;,&nbsp;ข้าวหมูกรอบ&nbsp;และข้าวหมูแดงผสมหมูกรอบ&nbsp;โดยเป็นการปรับราคาการจำหน่ายมาตั้งแต่วันที่&nbsp;6&nbsp;ม.ค.&nbsp;ที่ผ่านมา</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>น.ส.จุฑารัตน์&nbsp;อยู่มั่นคง&nbsp;เจ้าของร้านเจ๊อู๊ด&nbsp;ข้าวหมูแดง-หมูกรอบ&nbsp;ขอนแก่น</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ตั้งแต่เปิดร้านขายข้าวหมูแดง-หมูกรอบ&nbsp;คู่เมืองขอนแก่นมาหลายสิบปี&nbsp;ไม่เคยที่จะประสบพบเจอกับราคาเนื้อหมูที่แพงขนาดนี้&nbsp;เดิมเคยพบว่าช่วงที่แพงสุดที่ร้านรับได้คือหมูสามชั้นกิโลกรัมละ&nbsp;170&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งก็เกิดขึ้นมานานหลายปีมากแล้ว&nbsp;แต่วันนี้ราคาเนื้อหมูและวัตถุดิบจากหมูที่ร้านต้องใช้ประจำไม่ว่าจะเป็นขาหมู,สันนอก,หมูสามชั้น&nbsp;แต่ละประเภทใช้ประมาณวันละ&nbsp;15&nbsp;กก.&nbsp;ที่มีการปรับราคาจำหน่ายขึ้น&nbsp;กก.ละ&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;ขณะที่ไก่&nbsp;ที่ร้านใช้เป็นวัตถุดิบประเภทไก่ทั้งตัวและน่องติดสะโพก&nbsp;ก็มีการปรับราคาขึ้น&nbsp;กก.ละ&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;เช่นกัน&nbsp;ส่วนไข่ไก่&nbsp;ปรับขึ้นแผงละ&nbsp;6&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;"...เมื่อวัตดุดิบทุกประเภท&nbsp;ปรับราคาขึ้น&nbsp;กก.ละ&nbsp;15-20&nbsp;บาท&nbsp;และราคาแต่ละวันไม่เท่ากัน&nbsp;โชคดีที่ข้าวสารหรือก๊าซหุงต้ม&nbsp;หรือผักชนิดต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ที่ยังไม่มีการปรับราคาขึ้นในช่วงนี้&nbsp;ทำให้ร้านมีความจำเป็นต้องปรับราคาจำหน่ายข้าวประเภทหมู&nbsp;เพิ่มขึ้นจานละ&nbsp;10&nbsp;บาท&nbsp;เดิมขายในราคาจานละ&nbsp;40&nbsp;บาทก็ขอปรับเป็นจานละ&nbsp;50&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งลูกค้าทุกท่านที่มาใช้บริการต่างเข้าใจ&nbsp;และพร้อมยินดีที่จะจ่ายในราคาจำหน่ายใหม่&nbsp;ที่ร้านขอประกาศปรับราคาจำหน่ายขึ้นมาตั้งแต่วันที่&nbsp;6&nbsp;ม.ค.&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;ซึ่งหากในอนาคตราคาหมูลดต่ำลงร้านก็พร้อมที่จะปรับราคาจำหน่ายลงเช่นกัน..."</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>น.ส.จุฑารัตน์ฯ</strong>&nbsp;กล่าวต่ออีกว่า&nbsp;แม้ราคาไก่จะปรับสูงขึ้นไม่แตกต่างจากหมู&nbsp;แต่ร้านก็ยังคงสามารถตรึงราคาและแบกรับต้นทุนได้&nbsp;เพราะหากจะต้องปรับราคาจำหน่ายสินค้าทุกประเภทร้านก็เห็นใจลูกค้าเช่นกัน&nbsp;ในยุคที่ทุกอย่างแพงหมด&nbsp;การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน&nbsp;ซึ่งร้านยังคงตรึงราคาและแบกรับต้นทุนในจุดนี้ได้&nbsp;จึงขอประกาศปรับขึ้นราคาเฉพาะอาหารประเภทหมูไปก่อน&nbsp;อย่างไรก็ตามรัฐบาล&nbsp;หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีความชัดเจนในการแก้ไขปัญหา&nbsp;ซึ่งเรื่องหมูแพง&nbsp;ไข่แพง&nbsp;ปลาแพง&nbsp;น้่ำมันแพง&nbsp;ไก่แพง&nbsp;เป็นเริื่องใกล้ตัวของทุกคนซึ่งรัฐบาลจะต้องรีบทำทันทีโดยไม่ต้องรอ</p>13/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขอนแก่นสวท.ขอนแก่นhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113201747879 งาน "ผลิตภัณฑ์ คักขนาด ดีเกินคาด อำนาจเจริญ" พบกับ เบียร์ พร้อมพงษ์ มาโชว์พลังเสียง<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>เชิญชวนทุกท่านเลือกซื้อสินสินค้าในงาน&nbsp;“ผลิตภัณฑ์&nbsp;คักขนาด&nbsp;ดีเกินคาด&nbsp;อำนาจเจริญ"</strong>&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;13-14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;สนามหน้าสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;ภายในงานมีสินค้าให้เลือกมากมาย&nbsp;พร้อมกับเดินช้อป&nbsp;ชิล&nbsp;ชม&nbsp;สินค้าชุมชน&nbsp;สินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;อาหารอร่อย&nbsp;และมีกิจกรรมลุ้มโชค&nbsp;ช้อปครบทุก&nbsp;500&nbsp;บาท&nbsp;รับคูปองลุ้นเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกวัน&nbsp;วันที่&nbsp;13&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;17.00&nbsp;น.&nbsp;พบกับ&nbsp;เบียร์&nbsp;พร้อมพงษ์&nbsp;มาโชว์พลังเสียงเพราะ&nbsp;ๆ&nbsp;ให้ได้ฟัง&nbsp;เชิญมาเที่ยว&nbsp;มาช้อป&nbsp;มาชิลล์&nbsp;มาให้กำลังใจกันได้</p>13/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113202640884 ผวจ.ระนอง เยี่ยมชมงานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP “โอทอปแฟร์ เมืองแร่นอง”<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(13&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;เวลา&nbsp;17.00&nbsp;น.</strong>&nbsp;นายสมเกียรติ&nbsp;ศรีษะเนตร&nbsp;ผวจ.ระนอง&nbsp;พร้อมด้วยนายปลิ้ม&nbsp;นับถือบุญ&nbsp;พัฒนาการจังหวัดระนอง&nbsp;การค้าภายในจังหวัดระนอง&nbsp;พาณิชย์จังหวัดระนอง&nbsp;และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมกันเยี่ยมชม&nbsp;อุดหนุนสินค้าและให้กำลังใจผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ของจังหวัดระนอง&nbsp;ที่มาจำหน่ายสินค้าภายในงานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;“โอทอปแฟร์&nbsp;เมืองแร่นอง”</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายปลื้ม&nbsp;นับถือบุญ&nbsp;พัฒนาการจังหวัดระนอง</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;การจัดงานแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์&nbsp;“โอทอปแฟร์&nbsp;เมืองแร่นอง”&nbsp;จัดขึ้นระหว่างวันที่&nbsp;12-20&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;สนามกีฬากลางจังหวัดระนอง&nbsp;โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในจังหวัด&nbsp;เพิ่มช่องทางการตลาดให้แก่สมาชิกผู้ประกอบการเครือข่าย&nbsp;OTOP&nbsp;และผู้ค้าในจังหวัดระนองที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>และในโอกาสที่จังหวัดระนองเป็นเจ้าภาพจัดงานกีฬาแห่งชาติ&nbsp;ครั้งที่&nbsp;47</strong>&nbsp;คัดเลือกภาค&nbsp;4&nbsp;ระนองเกมส์&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;10-30&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อส่งเสริมสนับสนุน&nbsp;ผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ให้มีช่องทางการตลาด&nbsp;มีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนเพิ่มขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล&nbsp;เป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนฐานรากให้มีความเข้มแข็ง&nbsp;เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี&nbsp;และสนับสนุนการสร้างงาน&nbsp;สร้างอาชีพ&nbsp;สร้างรายได้&nbsp;และการจัดงานครั้งนี้&nbsp;ได้ดำเนินการจัดงานภายใต้มาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า&nbsp;2019&nbsp;อย่างเคร่งครัด</p>13/1/2022ภาคใต้ระนองสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระนองhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113202109881 จ.หนองคาย รมช.เกษตรและสหกรณ์ติดตามการค้าชายแดน<p><strong>นายประภัตร&nbsp;โพธสุธร&nbsp;รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์</strong>&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน&nbsp;ที่จังหวัดหนองคาย&nbsp;หลังพบมีผักและผลไม้จากจีน&nbsp;ขนส่งโดยทางรถไฟจีน-ลาว&nbsp;ผ่านเข้ามาทางด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว&nbsp;แห่งที่&nbsp;1&nbsp;จังหวัดหนองคาย&nbsp;ในขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย&nbsp;และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดหนองคาย&nbsp;ขอให้ผลักดันให้มีการเปิดด่านฯ&nbsp;ให้ประชาชนข้ามแบบไปเช้าเย็นกลับ&nbsp;ได้</p><p><strong>บ่ายวันนี้&nbsp;(13&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายประภัตร&nbsp;โพธสุธร&nbsp;รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์</strong>&nbsp;พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน&nbsp;ที่จังหวัดหนองคาย&nbsp;โดยมีนายมนต์สิทธิ์&nbsp;ไพศาลธนวัฒน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย/นางสาวสิริมา&nbsp;วัฒโน&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย/นายเอกธนัช&nbsp;อินทร์รอด&nbsp;ส.ส.หนองคาย&nbsp;เขต&nbsp;3&nbsp;พรรคเพื่อไทย/นางชนก&nbsp;จันทาทอง&nbsp;ส.ส.หนองคาย&nbsp;เขต&nbsp;2&nbsp;พรรคเพื่อไทย&nbsp;พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปสถานการณ์การค้าชายแดน&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมด่านศุลกากรหนองคาย</p><p><strong>ภายหลังรับฟังการบรรยายสรุป&nbsp;นายประภัตร&nbsp;โพธสุธร&nbsp;รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์</strong>&nbsp;พร้อมคณะได้เดินทางไปติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนและตรวจเยี่ยมพื้นที่บริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว&nbsp;แห่งที่&nbsp;1&nbsp;จังหวัดหนองคาย</p><p><strong>นายประภัตร&nbsp;โพธสุธร&nbsp;รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;วันนี้&nbsp;(13&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;หลังจากที่มีการประชุมเพื่อแก้ปัญหาราคาหมูแพงที่จังหวัดอุดรธานีได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมด่านศุลกากรหนองคาย&nbsp;รวมทั้งด่านพรมแดนอื่นๆ&nbsp;ด้วย&nbsp;โดยได้รับฟังการบรรยายสรุปจากผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย&nbsp;และจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;หลังจากมีการเดินรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว&nbsp;(คุนหมิง-เวียงจันทน์)&nbsp;แล้ว&nbsp;มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง&nbsp;ซึ่งศุลกากรหนองคายได้ชี้แจงว่ามีการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น&nbsp;ทั้งนำเข้า-ส่งออก&nbsp;ล่าสุดมีการส่งสินค้าที่ขนส่งโดยรถไฟจีน-ลาว&nbsp;มาจากจีนแล้วส่งต่อเข้ามายังไทยแล้วกว่า&nbsp;700&nbsp;ตู้คอนเทนเนอร์&nbsp;จึงทำให้เป็นห่วงว่ามีสินค้าอะไรบ้างที่ส่งเข้ามา&nbsp;และมีสินค้าอะไรบ้างที่ไทยจะส่งออกไปได้และนำเข้ามาได้&nbsp;พบว่าสินค้าไทยที่จะส่งทางรถไฟจีน-ลาว&nbsp;ไปจีนได้มี&nbsp;3&nbsp;ชนิดคือ&nbsp;สินแร่&nbsp;ยางพารา&nbsp;และมันสำปะหลัง&nbsp;แต่วันนี้ได้เห็นมีการส่งออกข้าวเหนียวเป็นชุดแรกวันแรก&nbsp;ในขณะเดียวกันก็มีสินค้าจากจีนเข้ามา&nbsp;ได้ให้ข้อคิดเห็นว่าสินค้าใดที่เข้ามาโดยถูกต้อง&nbsp;&nbsp;ปราศจากสิ่งเจือปน&nbsp;และไม่มีสิ่งใดที่เป็นพิษก็ให้เข้ามาได้&nbsp;แต่ถ้าหากมีอะไรที่อาจจะกระทบกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;ก็ต้องดูให้ละเอียด&nbsp;ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าใจในเรื่องนี้หมดแล้ว</p><p><strong>รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์</strong>&nbsp;<strong>กล่าวว่า&nbsp;</strong>ส.ส.หนองคาย&nbsp;และผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย&nbsp;ได้เสนอให้มีการเปิดด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว&nbsp;ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถผ่านเข้า-ออก&nbsp;ได้&nbsp;แบบไปกลับในวันเดียว&nbsp;ซึ่งทาง&nbsp;สปป.ลาวได้พร้อมแล้ว&nbsp;อยากให้ประชาชนข้ามมารักษาพยาบาล&nbsp;และข้ามมาจับจ่ายซื้อสินค้าได้&nbsp;ซึ่งเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี</p><p><strong>นายมนต์สิทธิ์&nbsp;ไพศาลธนวัฒน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>ในเรื่องของการค้าชายแดนระหว่างจังหวัดหนองคาย&nbsp;กับนครหลวงเวียงจันทน์&nbsp;มีมาช้านาน&nbsp;เป็นการได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย&nbsp;ในการข้ามแดนซื้อขายซึ่งกันและกัน&nbsp;ซึ่งตั้งแต่ปิดด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว&nbsp;แห่งที่&nbsp;1&nbsp;จังหวัดหนองคาย&nbsp;มาเป็นเวลา&nbsp;2&nbsp;ปี&nbsp;ทำให้การค้าชายแดนระหว่างหนองคาย&nbsp;กับนครหลวงเวียงจันทน์ลดลง&nbsp;ทุกภาคส่วนในจังหวัดหนองคาย&nbsp;จึงได้มีความคิดเห็นเช่นเดียวกันว่า&nbsp;อยากให้ทาง&nbsp;ศบค.&nbsp;โดยผ่านทางรัฐมนตรี&nbsp;ให้เปิดข้ามด่านฯ&nbsp;ได้แบบไปเช้าเย็นกลับ&nbsp;ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มข้นได้</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>13/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหนองคายสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคายhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113234737908 การประชุมหารือระหว่างภาครัฐและผู้ประกอบการค้าเนื้อสุกร "โครงการหมูพาณิชย์ ลดราคาช่วยเหลือประชาชน" จ.อำนาจเจริญ<p><strong>วันที่&nbsp;13&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;15.00&nbsp;น.&nbsp;</strong>นายธานินทร์&nbsp;จุฑาทิพย์ชาติกุล&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;ให้เป็นประธานในการประชุมหารือระหว่างภาครัฐและผู้ประกอบการค้าเนื้อสุกรจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;เพื่อดำเนินโครงการ&nbsp;“หมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;ร่วมกับสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;มีผู้ประกอบการค้าเนื้อสุกร&nbsp;จำนวน&nbsp;6&nbsp;ราย&nbsp;เข้าร่วมโครงการฯ&nbsp;ในการจำหน่ายเนื้อสุกรราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;17-31มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ในเขตพื้นที่อำเภอ&nbsp;เมือง/ลืออำนาจ/ปทุมราชวงศา/หัวตะพาน</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>13/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220113232308893 พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี ติดตามการจำหน่ายเนื้อหมูมีราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เชิญชวนร้านขายเนื้อหมู เข้าร่วมโครงการ พาณิชย์ลดราคา.. ช่วยประชาชน ครอบคลุมทุกอำเภอในจังหวัดเพชรบุรี บรรเทาความเดือนร้อน<p><strong>พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ติดตามการจำหน่ายเนื้อหมูมีราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง</strong>&nbsp;เชิญชวนร้านขายเนื้อหมู&nbsp;เข้าร่วมโครงการ&nbsp;พาณิชย์ลดราคา..&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ครอบคลุมทุกอำเภอในจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;บรรเทาความเดือนร้อน&nbsp;(14&nbsp;ม.ค.65)นายธีรวุฒิ&nbsp;คล้ายเคลื่อน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;จากการติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าเนื้อหมูในจังหวัดเพชรบุรีมีการปรับราคาสูงขึ้นทุกวันพระอย่างต่อเนื่อง&nbsp;กระทรวงพาณิชย์เร่งช่วยเหลือประชาชน&nbsp;มอบหมายให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชิญชวนร้านขายเนื้อหมูในพื้นที่&nbsp;เข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคา..ช่วยประชาชน&nbsp;จำหน่ายเนื้อหมูในราคา&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;มีผู้ประกอบการให้ความร่วมมือ&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;ราย&nbsp;ในพื้นที่อำเภอชะอำ&nbsp;อำเภอแก่งกระจาน&nbsp;อำเภอท่ายาง&nbsp;และอำเภอบ้านลาด&nbsp;ผู้ค้าจะนำเนื้อหมูมาจำหน่ายวันละ&nbsp;30-50&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;</p><p><strong>จากการสอบถามปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ช่วงนี้ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีผู้เลี้ยงหมู</strong>อยู่ในช่วงพักคอก&nbsp;เหลือฟาร์มใหญ่&nbsp;ที่เลี้ยงหมู&nbsp;500&nbsp;ตัวขึ้นมีมีเพียง&nbsp;2&nbsp;ฟาร์มเท่านั้น&nbsp;จึงเป็นช่วงเวลาที่เนื้อหมูขาดตลาด&nbsp;ผู้ค้าที่รับมาจากแหล่งผลิตมีต้นทุนปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ขณะนี้ราคาการจำหน่ายเนื้อหมูสดในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;เริ่มตั้งแต่ราคา&nbsp;185-&nbsp;200&nbsp;กว่าบาท&nbsp;พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรีเร่งหาผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการให้ครอบคลุมทุกอำเภอ&nbsp;เพื่อให้มีจุดจำหน่ายเนื้อหมูในราคา&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;และได้เจรจากับผู้ผลิต&nbsp;ผู้ค้า&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;รายใหญ่ให้ตรึงราคา&nbsp;ลดความเดือดร้อนช่วยเหลือประชาชน&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;กลุ่มส่งเสริมการประกอบธุรกิจการค้าและการตลาด&nbsp;ลงพื้นที่รับสมัครร้านอาหารธงฟ้า&nbsp;และแจกอุปกรณ์ประชาสัมพันธ์ร้านอาหารธงฟ้า&nbsp;ราคาประหยัด&nbsp;เพื่อให้เป็นที่รู้จักของประชาชนผู้บริโภคในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีอย่างทั่วถึง&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>สวท.เพชรบุรี/14&nbsp;ม.ค.65</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>14/1/2022ภาคตะวันตกเพชรบุรีสวท.เพชรบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114094645952 นายกรัฐมนตรี ชื่นชมทุกหน่วยงานที่มีส่วนผลักดันความตกลง FTA ขยายตัวดีขึ้น มูลค่าส่งออกกว่า 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ<p><strong>นายธนกร&nbsp;วังบุญคงชนะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;พลเอก&nbsp;&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม&nbsp;รับทราบตัวเลขการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลง&nbsp;FTA&nbsp;เดือนมกราคม&nbsp;–&nbsp;ตุลาคม&nbsp;2564&nbsp;ขยายตัวเพิ่มขึ้น&nbsp;ร้อยละ&nbsp;31.67&nbsp;เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน&nbsp;โดยทำให้มีมูลค่าการส่งออกถึง&nbsp;63,104.43&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐ&nbsp;และมีสัดส่วนการใช้สิทธิสูงถึงร้อยละ&nbsp;78.51&nbsp;โดยนายกรัฐมนตรีชื่นชมการทำงานและขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่ร่วมมีส่วนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจนสามารถทำให้ตัวเลขการส่งออกสูงถึงกว่า&nbsp;6&nbsp;หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ&nbsp;เชื่อมั่นว่าการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการของรัฐบาลจะส่งผลสำคัญต่อสำเร็จในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน</p><p><strong>นายกรัฐมนตรี&nbsp;ได้วางนโยบายและกำกับดูแล</strong>&nbsp;เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศ&nbsp;ผลักดันการส่งออกในเวทีระหว่างประเทศและเพื่อเป็นโอกาสในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงก้าวข้ามผ่านความท้าทายที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ</p><p><strong>สำหรับการใช้สิทธิประโยชน์จาก&nbsp;FTA&nbsp;นั้น</strong>&nbsp;มีการใช้สิทธิเพิ่มขึ้นทุกตลาดและตลาดที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ&nbsp;FTA&nbsp;สูงสุด&nbsp;5&nbsp;อันดับแรก&nbsp;ได้แก่&nbsp;อันดับ&nbsp;1&nbsp;อาเซียน&nbsp;(มูลค่า&nbsp;21,539.08&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐ)&nbsp;โดยตลาดส่งออกสำคัญของอาเซียนคือ&nbsp;เวียดนาม&nbsp;อินโดนีเซีย&nbsp;มาเลเซียและฟิลิปปินส์&nbsp;อันดับ&nbsp;2&nbsp;จีน&nbsp;อันดับ&nbsp;3&nbsp;ออสเตรเลีย&nbsp;อันดับ&nbsp;4&nbsp;ญี่ปุ่น&nbsp;และอันดับ&nbsp;5&nbsp;อินเดีย&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ยังไม่รวมถึงความตกลง&nbsp;Regional&nbsp;Comprehensive&nbsp;Economic&nbsp;Partnership&nbsp;:&nbsp;RCEP&nbsp;ซึ่งเป็นความตกลงใหม่ที่รัฐบาลไทยโดยนายกรัฐมนตรีผลักดันการเจรจาในวาระที่ไทยเป็นประธานการประชุมสุดยอดอาเซียน&nbsp;เมื่อปี&nbsp;2562&nbsp;และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่&nbsp;1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;ซึ่งรวมทั้งสิ้นแล้ว&nbsp;ประเทศไทยมี&nbsp;FTA&nbsp;ที่มีผลบังคบใช้แล้วรวมทั้งสิ้น&nbsp;14&nbsp;ฉบับ</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>14/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลNULLRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114094317945 พช.ยโสธร ประชุมโครงการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและบริการ กิจกรรมหลัก ยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและการค้าสู่สากล<p><strong>วันที่&nbsp;13&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;13.30&nbsp;น&nbsp;นายสุรชัย&nbsp;แดนพิบูลย์</strong>&nbsp;นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการพิเศษ&nbsp;รักษาราชการแทนพัฒนาการจังหวัดยโสธร&nbsp;ประธานประชุมโครงการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและบริการ&nbsp;กิจกรรมหลัก&nbsp;ยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและการค้าสู่สากล&nbsp;โดยมี&nbsp;ผู้อำนวยการกลุ่มงานฯ&nbsp;นักวิชาการชำนาญการ&nbsp;นักพัฒนาชุมชน&nbsp;นักการตลาดรุ่นใหม่และกลุ่มผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ร่วมประชุม&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมหมอนขิด&nbsp;ชั้น2&nbsp;ศาลากลางจังหวัดยโสธร</p><p><strong>สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดยโสธร</strong>ได้กำหนดดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;ประกอบด้วย</p><p>1.การดำเนินงานโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;โครงการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและบริการ&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;2&nbsp;กิจกรรมย่อย&nbsp;ดังนี้</p><p>1.1พัฒนาผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP</p><p>1.2.พัฒนาบรรจุภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;และ&nbsp;Banner</p><p>2.&nbsp;การดำเนินงานตามโครงการ&nbsp;ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ&nbsp;2565&nbsp;โครงการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยว</p><p>3.การดำเนินงานตามโครงการส่งเสริมกระบวนการเครือข่ายองค์ความรู้&nbsp;KBC</p><p>4.การดำเนินงานตามโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่าย&nbsp;OTOP&nbsp;ประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพเครือข่าย&nbsp;OTOP</p><p>5.การแต่งตั้งคณะกรรมการเครือข่าย&nbsp;OTOP&nbsp;ระดับจังหวัด</p><p>เป้าหมายการพัฒนาจังหวัดยโสธร&nbsp;"ยโสธรเมืองเกษตรอินทรีย์&nbsp;เมืองแห่งวิถีอีสาน@&nbsp;สะออน&nbsp;50&nbsp;ปี&nbsp;ศรียโสธร&nbsp;"เศรษฐกิจฐานรากมั่นคงและชุมชนพึ่งตนเองได้&nbsp;ภายในปี&nbsp;2565"</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>14/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยโสธรสวท.ยโสธรhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114092621934 พิษณุโลก เปิดจุดลดราคาสินค้าช่วยเหลือประชาชน จุดที่ 8 มีประชาชนต่อแถวเลือกซื้อสินค้าอย่างคึกคัก<p><strong>หลังจากที่มีการเปิด&nbsp;7&nbsp;จุด&nbsp;จำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก&nbsp;วันนี้&nbsp;(14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;</strong>เริ่มต้นตั้งแต่เวลา&nbsp;07.30&nbsp;น.&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดประชารัฐ&nbsp;บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก&nbsp;นับเป็นจุดที่&nbsp;8&nbsp;ของการจำหน่ายสินค้าราคาถูก&nbsp;เพื่อบรรเทาค่าครองชีพให้ประชาชน&nbsp;โดยมีประชาชนให้ความสนใจเข้าแถวซื้อสินค้าในโครงการฯ&nbsp;อย่างคึกคัก</p><p><strong>จังหวัดพิษณุโลก&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพิษณุโลก&nbsp;</strong>ร่วมกับ&nbsp;สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดพิษณุโลก&nbsp;สำนักงานประมงจังหวัดพิษณุโลก&nbsp;และผู้ประกอบการภาคเอกชน&nbsp;ได้แก่&nbsp;&nbsp;ซีพี&nbsp;เบทาโกร&nbsp;โรงงานน้ำตาลทรายพิษณุโลก&nbsp;เกษตรกรผู้เลี้ยงปลา&nbsp;นำสิ้นค้ามาวางจำหน่ายในกิจกรรม&nbsp;“ลดราคาช่วยประชาชน”&nbsp;ครั้งนี้</p><p><strong>สำหรับจุดจำหน่ายที่&nbsp;8&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดประชารัฐ&nbsp;บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองพิษณุโลก</strong>&nbsp;แห่งนี้&nbsp;จะเปิดจำหน่ายในทุกวันศุกร์&nbsp;ซึ่งสินค้าที่นำมาวางจำหน่ายนั้น&nbsp;จะเป็นสินค้าที่จำเป็นในการบริโภค&nbsp;อาทิ&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;ชิ้นส่วนไก่ชำแหละ&nbsp;อกไก่&nbsp;ราคา&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;65&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;น่องไก่ติดสะโพก&nbsp;ราคากิโลกรัมล่ะ&nbsp;59&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;ปลาหมอ&nbsp;ขนาดไซส์&nbsp;&nbsp;4&nbsp;ตัว&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;ไข่ไก่เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคาแผงละ&nbsp;87&nbsp;บาท&nbsp;และ&nbsp;น้ำตาลทรายลิน&nbsp;บรรจุถุง&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ราคาถุงละ&nbsp;20&nbsp;บาท</p><p><strong>โดยวันนี้เป็นครั้งแรกที่เปิดจุดจำหน่ายจุดที่&nbsp;8&nbsp;</strong>ทั้งนี้&nbsp;นายรณรงค์&nbsp;นครจินดา&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก&nbsp;เดินทางมาร่วมจำหน่ายสินค้าให้ประชาชนด้วยตนเอง&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นางอุบลรัตน์&nbsp;ศิลตระกูล&nbsp;พาณิชย์จังหวัดพิษณุโลก&nbsp;ก็เดินทางมาจำหน่าย&nbsp;และ&nbsp;สังเกตการณ์&nbsp;สอบถามความต้องการของประชาชนอีกด้วย.</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>14/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลพิษณุโลกสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิษณุโลกhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114094040944 ผู้ว่าฯ ตาก ตรวจเยี่ยมจุดจำหน่ายเนื้อหมูชำแหละ ที่เข้าร่วมโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนเหลือกิโลกรัมละ 150 บาท<p><strong>วันนี้&nbsp;(14&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.</strong>&nbsp;ที่ร้าน&nbsp;SKF&nbsp;อินเตอร์ฟู๊ด&nbsp;ร้านจำหน่ายเนื้อหมูชำแหละ&nbsp;สาขาเมืองตาก&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดตาก&nbsp;นายสมชัย&nbsp;กิจเจริญรุ่งโรจน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นางสาวปาริชาติ&nbsp;พงค์พันเทา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตาก&nbsp;ตรวจเยี่ยมจุดจำหน่ายเนื้อหมูชำแหละ&nbsp;ที่เข้าร่วมโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;เหลือกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท</p><p><strong>สืบเนื่องจากปัจจุบันราคาเนื้อหมูมีราคาสูงขึ้น</strong>&nbsp;สาเหตุหนึ่งเกิดจากการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกา&nbsp;หรือ&nbsp;ASF&nbsp;ตามที่กรมปศุสัตว์ได้เปิดเผยไปก่อนหน้านี้&nbsp;ซึ่งกรมปศุสัตว์ได้ให้ข้อมูลว่า&nbsp;ASF&nbsp;เป็นโรคติดต่อเฉพาะในสุกรเท่านั้น&nbsp;ไม่ติดต่อสู่คนหรือสัตว์ชนิดอื่น&nbsp;ผู้บริโภคยังสามารถรับประทานเนื้อสุกรได้อย่างปลอดภัย&nbsp;โดยจะต้องให้ความร้อนปรุงสุกที่อุณหภูมิสูงกว่า&nbsp;70&nbsp;องศาเซลเซียส</p><p><strong>ด้านกระทรวงพาณิชย์&nbsp;โดยกรมการค้าภายใน</strong>&nbsp;ได้ออกมาตรการด้านการตลาดและกฎหมาย&nbsp;ควบคุมราคาสินค้า&nbsp;โดยเฉพาะเนื้อหมู&nbsp;รวมทั้งกรมปศุสัตว์ได้แก้ไขปัญหาโดยการเพิ่มแม่สุกรและลูกสุกร&nbsp;คาดว่าอีกระยะสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ&nbsp;และมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการในประเทศ</p><p><strong>สำหรับจังหวัดตาก&nbsp;ได้มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;</strong>ได้แก่ร้าน&nbsp;SKF&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;สาขา&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;สาขาเมืองตาก&nbsp;สาขาตำบลไม้งาม&nbsp;อำเภอเมืองตาก&nbsp;และสาขาแม่สอด&nbsp;ซึ่งได้เริ่มจำหน่ายเนื้อหมูในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;1-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p><strong>ขณะเดียวกัน&nbsp;ร้านหมูอนามัยเบทาโกร&nbsp;สาขาวังเจ้า</strong>/ร้านหมูอนามัยเบทาโกร&nbsp;สาขาวังเจ้า/ร้านหมูอนามัยเบทาโกร&nbsp;สาขาสามเงาและร้านโกดัง&nbsp;ฟู๊ดมาร์เก็ต&nbsp;อำเภอเมืองตาก&nbsp;เริ่มจำหน่ายเนื้อหมูในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;14-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ส่วนร้านหมูอนามัยเบทาโกร&nbsp;สาขาวังประจบ&nbsp;จะเริ่มจำหน่ายเนื้อหมูในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;18-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;</p>14/1/2022ภาคตะวันตกตากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตากhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114103625963 ยอดขายสินค้า 8 สหกรณ์นำร่องผ่าน ThaiTrad.com มียอดเจรจา 1 ปี กว่า 80 ล้านบาท<p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">นายอัชฌา&nbsp;สุวรรณนิตย์&nbsp;รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์&nbsp;เปิดเผยว่า</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;ผลการจำหน่ายสินค้าเกษตรของสถาบันเกษตรกรผ่านแพลตฟอร์มกลาง&nbsp;ThaiTrade.com&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งเชื่อมโยงกับหลายประเทศทั่วโลก&nbsp;ในนามของคณะทำงานการสร้างแพลตฟอร์มกลางในโครงการเกษตรผลิต&nbsp;พาณิชย์ตลาด&nbsp;ตลอดปี&nbsp;2564&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;เพื่อส่งเสริมให้สถาบันเกษตรกรมีการค้าขาย&nbsp;ผ่านระบบออนไลน์ให้มากขึ้น&nbsp;เป็นการยกระดับรายได้และขยายตลาดสินค้าเกษตรในขบวนการสหกรณ์&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">กรมพัฒนาธุรกิจการค้า&nbsp;แจ้งว่า</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;ผลการเจรจาธุรกิจเกิดมูลค่าการซื้อขายคาดการณ์&nbsp;1&nbsp;ปี&nbsp;ประมาณ&nbsp;80&nbsp;&nbsp;ล้านบาท&nbsp;จากสหกรณ์ที่เข้าโครงการนำร่องโครงการจำหน่ายสินค้าบนแพลตฟอร์ม&nbsp;8&nbsp;แห่ง&nbsp;สินค้าจำนวน&nbsp;42&nbsp;รายการ&nbsp;ได้แก่&nbsp;สินค้ากลุ่มข้าว&nbsp;โคนมและโคเนื้อ&nbsp;ซึ่งสหกรณ์ทั้ง&nbsp;8&nbsp;&nbsp;แห่ง&nbsp;ได้เข้าร่วมเจรจาธุรกิจกับผู้นำเข้าจำนวน&nbsp;&nbsp;22&nbsp;&nbsp;บริษัท&nbsp;จาก&nbsp;9&nbsp;&nbsp;ประเทศคือ&nbsp;ลาว&nbsp;เวียดนาม&nbsp;สิงคโปร์&nbsp;พม่า&nbsp;ฟิลิปปินส์&nbsp;จีน&nbsp;ไต้หวัน&nbsp;ญี่ปุ่นและอินเดีย&nbsp;&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">จากความสำเร็จเบื้องต้นนี้จะเป็นการทำให้สหกรณ์อื่นๆ</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;เห็นช่องทางการขยายโอกาสทางการตลาดได้เพิ่มมากขึ้นสร้างโอกาสการสร้างรายได้เพิ่มให้กับเกษตรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ได้เกิดคู่เจรจาการค้า&nbsp;59&nbsp;คู่&nbsp;สินค้าที่ได้รับความสนใจสูงสุดคือ&nbsp;ข้าวหอมมะลิ&nbsp;ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์&nbsp;นมอัดเม็ด&nbsp;สินค้าสหกรณ์ที่เข้าโครงการนำร่อง&nbsp;เป็นสินค้าที่มีมาตรฐานการผลิตที่ดี&nbsp;มีคุณภาพ&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">ในปี&nbsp;2564&nbsp;ที่ผ่านมาเมื่อเข้าร่วมโครงการนั้น</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;กรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า&nbsp;ได้เปิดเวทีอบรมการค้าบนระบบแพลตฟอร์ม&nbsp;เช่น&nbsp;การทำกิจกรรมการค้าออนไลน์แบบจับคู่ธุรกิจ&nbsp;หลักเกณฑ์การขายสินค้าของบนแพลตฟอร์มเป็นต้นให้กับทั้ง&nbsp;8&nbsp;สหกรณ์&nbsp;เนื่องจากผู้ค้าต้องมีความพร้อมด้านสินค้าสำหรับยอดการเจรจาธุรกิจ&nbsp;ทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อตอบโจทย์ผู้ซื้อในระบบ&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">นอกจากนั้น&nbsp;ยังมีความร่วมมือกับภาคเอกชน&nbsp;</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">สนับสนุนช่องทางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม&nbsp;Phenixbox.com&nbsp;ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสในการขยายตลาดของสถาบันเกษตรกรอีกช่องทางหนึ่ง&nbsp;ซึ่งในความร่วมมือนี้มี&nbsp;19&nbsp;สหกรณ์ให้ความสนใจเข้าร่วม&nbsp;และได้มีการเจรจากับผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมในเครือ&nbsp;AWC&nbsp;จำนวน&nbsp;12&nbsp;สหกรณ์&nbsp;เจรจากับผู้ประกอบการ&nbsp;14&nbsp;&nbsp;แห่ง&nbsp;มีคู่เจรจารวม&nbsp;41&nbsp;คู่&nbsp;ผลการเจรจา&nbsp;คาดว่าใน&nbsp;1&nbsp;ปีนี้&nbsp;จะมียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ&nbsp;3&nbsp;ล้านบาท</span></p><p><br></p><p><br></p>14/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114110226974 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสตูล พร้อมบรรเทาภาระค่าครองชีพแก่ประชาชน จัดจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 150 บาท รวม 5 จุดบริการ ตั้งแต่วันที่ 16 - 31 มกราคม 2565<p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสตูล</strong>&nbsp;พร้อมบรรเทาภาระค่าครองชีพแก่ประชาชน&nbsp;จัดจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;รวม&nbsp;5&nbsp;จุดบริการ&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;16-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</p><p><strong>วันนี้&nbsp;(14&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นางสายช่อ&nbsp;อังศุพานิช</strong>&nbsp;พาณชิย์จังหวัดสตูล&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;มาตรการช่วยเหลือประชาชนของกระทรวงพาณิชย์ในสถานการณ์โควิด-19&nbsp;ที่มีสินค้าบางชนิดปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;โดยเฉพาะราคาเนื้อหมู&nbsp;สำหรับแก้ปัญหาสถานการณ์ราคาเนื้อหมูที่เพิ่มสูงขึ้นถึงกิโลกรัมละ&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;ขณะนี้ได้ร่วมกับผู้ประกอบการในพื้นที่จัดจำหน่ายเนื้อหมูราคาพิเศษใน&nbsp;5&nbsp;จุดบริการ&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;16-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ด้วยการจำหน่ายหมูเนื้อแดงชำแหละ&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;อำเภอเมืองสตูล&nbsp;3&nbsp;จุด&nbsp;บริการ&nbsp;คือบริเวณสามแยกทางเข้าเขาจีน,&nbsp;บริเวณตรงข้ามโรงเรียนบ้านคลองขุด,&nbsp;ปากซอยคลองขุด&nbsp;11&nbsp;ตรงข้ามทางเข้าวัดมงคลมิ่งเมือง&nbsp;(วัดป่าช้าจีน)&nbsp;และอำเภอละงู&nbsp;2&nbsp;จุดบริการ&nbsp;คือบริเวณหน้าตลาดสดเทศบาลตำบลกำแพง&nbsp;ทั้งนี้ในส่วนของจังหวัดสตูลมีผู้บริโภคเนื้อหมูประมาณ&nbsp;20%&nbsp;เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีประชาชนนับถือศาสนาอิสลามอยู่รวมกว่า&nbsp;70&nbsp;%&nbsp;จึงได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น&nbsp;</p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(52,&nbsp;58,&nbsp;64);">#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</span></p>14/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลNULLสวท.สตูลhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114105612969 พาณิชย์จังหวัดสระแก้วจำหน่ายหมูพาณิชย์...ลดราคา ช่วยประชาชน<p><strong>วันนี้&nbsp;(14&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;ที่&nbsp;บริเวณตลาดนัดดอกแก้ว&nbsp;บริเวณด้านหลังศาลากลางจังหวัดสระแก้ว</strong>&nbsp;นายธีระชัย&nbsp;ลิ้มประสิทธิศักดิ์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว&nbsp;เยี่ยมชมการจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสระแก้วได้ดำเนินโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ซึ่งทางจังหวัดสระแก้ว&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสระแก้วได้ร่วมกับร้านแก้วลำดวนอินเตอร์ฟู้ด&nbsp;&nbsp;จัดจำหน่ายหมูเนื้อแดงส่วนสะโพกให้กับประชาชนผู้บริโภคในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ปริมาณวันละ&nbsp;360&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;16-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;รวมทั้งสิ้น&nbsp;16&nbsp;วัน&nbsp;โดยจะกระจายไปตามจุดจำหน่ายของร้านแก้วอินเตอร์ฟู้ด&nbsp;ทั้ง&nbsp;6&nbsp;แห่งในจังหวัดสระแก้ว&nbsp;โดยมีที่&nbsp;สาขาสระแก้ว&nbsp;สาขาบ้านแก้ง&nbsp;สาขาศาลาลำดวน&nbsp;สาขาท่าแยก&nbsp;สาขาท่าเกษมและสาขาโคกปี่ฆ้อง&nbsp;เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสซื้อหมูเนื้อแดงได้อย่างทั่วถึง&nbsp;โดยการซื้อดังกล่าวทางสำนักงานพาณิชย์ได้จำกัดการซื้อท่านละไม่เกิน&nbsp;2&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;</p><p><strong>นางสาวนงเยาว์&nbsp;ศรีฉันทะมิตร&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสระแก้ว&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;จากภาวะที่ราคาหมูมีการปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;เนื่องจากการลดปริมาณการเลี้ยงหมูและโรคระบาดรวมถึงต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาสูง&nbsp;ทางด้านกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการแก้ไขโดยมี&nbsp;3&nbsp;มาตรการ&nbsp;โดยมาตรการที่&nbsp;1&nbsp;ห้ามส่งหมูมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักร&nbsp;เพื่อให้ปริมาณหมูเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ&nbsp;มาตรการที่&nbsp;2&nbsp;กำหนดให้ผุ้เลี้ยง&nbsp;ผู้จำหน่าย&nbsp;ผู้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร&nbsp;ที่ครอบครองหมูมีชีวิตที่มีปริมาณตั้งแต่&nbsp;500&nbsp;ตัวขึ้นไป&nbsp;ต้องแจ้งปริมาณการเลี้ยง&nbsp;ปริมาณการซื้อ&nbsp;ปริมาณการจำหน่าย&nbsp;ปริมาณการส่งออก&nbsp;ปริมาณคงเหลือ&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;สถานที่เก็บและสถานที่เลี้ยงซึ่งจะต้องแจ้งทุกวันจันทร์ของสัปดาห์และมาตรการที่&nbsp;3&nbsp;เป็นการดำเนินโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;โดยจัดจำหน่ายหมูเนื้อแดงส่วนยะโพกให้กับประชาชนในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;เพื่อเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้นและหากสถานการณ์ราคาหมูยังอยู่ในระดับสูงอีกกระทรวงพาณิชย์อาจจะมีมาตราการอื่นๆเพื่อแก้ไขราคาหมูเพิ่มเติมอีกต่อไป&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>นางสาวนงเยาว์&nbsp;ศรีฉันทะมิตร&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสระแก้ว</p><p>ประจัก-สุชีวิน&nbsp;/ภาพ/ข่าว</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>14/1/2022ภาคตะวันออกสระแก้วสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสระแก้วhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114111145980 จ.พิษณุโลกเปิดจุดลดราคาสินค้าช่วยเหลือประชาชนจุดที่ 8หลังจากที่มีการเปิด 7 จุด จำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก <p><strong>ประชาชนชาวพิษณุโลกเข้าแถวต่อคิว&nbsp;</strong>ซื้อเนื้อหมู&nbsp;ณ&nbsp;จุดจำหน่ายสินค้าลดราคาช่วยประชาชนคึกคัก&nbsp;หลังจังหวัดร่วมกับภาครัฐและเอกชน&nbsp;เปิดเพิ่มใหม่อีก&nbsp;1&nbsp;จุด</p><p><strong>วันนี้&nbsp;(14&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;เริ่มต้นตั้งแต่เวลา&nbsp;07.30&nbsp;น.&nbsp;</strong>ณ&nbsp;ตลาดประชารัฐ&nbsp;บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก&nbsp;นับเป็นจุดที่&nbsp;8&nbsp;ของการจำหน่ายสินค้าราคาถูก&nbsp;เพื่อบรรเทาค่าครองชีพให้ประชาชน&nbsp;โดยมีประชาชนให้ความสนใจเข้าแถวซื้อสินค้ามในโครงการฯ&nbsp;อย่างคึกคัก</p><p><strong>จังหวัดพิษณุโลก&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพิษณุโลก</strong>&nbsp;ร่วมกับสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดพิษณุโลก&nbsp;สำนักงานประมงจังหวัดพิษณุโลก&nbsp;และผู้ประกอบการภาคเอกชน&nbsp;ได้แก่&nbsp;ซีพี&nbsp;เบทาโกร&nbsp;โรงงานน้ำตาลทรายพิษณุโลก&nbsp;เกษตรกรผู้เลี้ยงปลา&nbsp;นำสิ้นค้ามาวางจำหน่ายในกิจกรรม&nbsp;“ลดราคาช่วยประชาชน”&nbsp;ครั้งนี้</p><p><strong>สำหรับจุดจำหน่ายที่&nbsp;8&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดประชารัฐ</strong>&nbsp;บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองพิษณุโลก&nbsp;แห่งนี้จะเปิดจำหน่ายในทุกวันศุกร์&nbsp;ซึ่งสินค้าที่นำมาวางจำหน่ายนั้น&nbsp;จะเป็นสินค้าที่จำเป็นในการบริโภค&nbsp;อาทิ&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท/ชิ้นส่วนไก่ชำแหละ&nbsp;อกไก่&nbsp;ราคา&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;65&nbsp;บาท/น่องไก่ติดสะโพก&nbsp;ราคากิโลกรัมล่ะ&nbsp;59&nbsp;บาท/ปลาหมอ&nbsp;ขนาดไซส์&nbsp;4&nbsp;ตัว&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;80&nbsp;บาท/ไข่ไก่เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคาแผงละ&nbsp;87&nbsp;บาท/และน้ำตาลทรายลิน&nbsp;บรรจุถุง&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ราคาถุงละ&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>โดยวันนี้เป็นการเปิดครั้งแรกที่เปิดจุดจำหน่ายจุดที่&nbsp;8&nbsp;</strong>ทั้งนี้&nbsp;นายรณรงค์&nbsp;นครจินดา&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก&nbsp;นางอุบลรัตน์&nbsp;ศิลตระกูล&nbsp;พาณิชย์จังหวัดพิษณุโลก&nbsp;เดินทางมาร่วมจำหน่ายให้แก่ประชาชน&nbsp;และสังเกตการณ์&nbsp;สอบถามความต้องการของประชาชนอีกด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p><strong>&nbsp;</strong></p>14/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลพิษณุโลกสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิษณุโลกhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114115241007 ผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี ตรวจเยี่ยมการจำหน่าย หมูพาณิชย์... ลดราคา ช่วยประชาชน<p><strong>วันนี้(14&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;ที่&nbsp;ร้านหมูแฮปปี้ฟาร์ม&nbsp;</strong>สาขา&nbsp;ถ.เณรแก้ว&nbsp;จ.สุพรรณบุรี&nbsp;นายณัฐภัทร&nbsp;สุวรรณประทีป&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายศรีธรรม&nbsp;ราชแก้ว&nbsp;นายอำเภอเมืองสุพรรณบุรี&nbsp;นายวินิจ&nbsp;เฮ่าบุญ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;และคณะ&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการจำหน่าย&nbsp;“หมูพาณิชย์...&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;</p><p><strong>โดยนายณัฐภัทร&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ขณะนี้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค</strong>&nbsp;โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็น&nbsp;คือ&nbsp;หมู&nbsp;ไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;มีราคาสูงขึ้น&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;จึงมีมาตรการช่วยเหลือประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ช่วงนี้เป็นรอบที่&nbsp;3&nbsp;โดยการชดเชยราคาให้ผู้ประกอบการด้วย&nbsp;ซึ่งเป็นหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ณ&nbsp;จุดจำหน่ายบริเวณร้านหมูแฮปปี้ฟาร์ม&nbsp;ทั้ง&nbsp;8&nbsp;สาขา&nbsp;ทั่วทั้งจังหวัด&nbsp;ที่เข้าร่วมโครงการฯ&nbsp;เฉลี่ย&nbsp;สาขาละ&nbsp;70-100&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในภาวะที่ราคาเนื้อหมูเพิ่มสูงขึ้น&nbsp;</p><p><strong>อีกทั้ง&nbsp;ยังเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายเนื้อหมูในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป</strong>&nbsp;โดยจำกัดจำนวน&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัมต่อคน&nbsp;ถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;แม้จะไม่ทั่วถึง&nbsp;แต่สามารถช่วยบรรเทาความเดือนได้ระดับหนึ่ง&nbsp;แต่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะออกนโยบายมาช่วยเหลือประชาชนเป็นระยะๆ</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;พาณิชย์จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;</strong>ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆเพื่อป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า&nbsp;การติดป้ายแสดงราคา&nbsp;โดยเฉพาะชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;จึงขอความร่วมมือร้านค้า&nbsp;ต้องติดป้ายแสดงราคาตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบอย่างชัดเจน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong>&nbsp;&nbsp;</p>14/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสุพรรณบุรีสวท.สุพรรณบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114113904998 จ.พิษณุโลกจัดโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนนำสินค้าจากแหล่งผลิตมาจำหน่ายมาในราคาถูกกว่าท้องตลาด<p><strong>วันนี้&nbsp;(14&nbsp;ม.ค.65)</strong>&nbsp;นายรณรงค์&nbsp;นครจินดา&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก&nbsp;พร้อมด้วยนางอุบลรัตน์&nbsp;ศีลตระกูล&nbsp;พาณิชย์จังหวัดพิษณุโลก&nbsp;ได้ออกติดตามการจัดโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;จุดจำหน่ายที่&nbsp;8&nbsp;&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดประชารัฐ&nbsp;หรือตลาดนักเกษ๖รกร&nbsp;บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองพิษณุโลก&nbsp;ตลาดแห่งนี้ได้เปิดจำหน่ายสินค้าของชุมชนและเกษตรกรในทุกวันศุกร์อยู่แล้ว&nbsp;โดยสินค้าที่นำมาวางจำหน่ายในครั้งนี้&nbsp;เป็นสินค้าจากแหล่งผลิตมาจำหน่ายมาในราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;อาทิ&nbsp;หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;น่องติดสะโพกกิโลกรัมละ&nbsp;59&nbsp;บาท&nbsp;อกไก่กิโลกรัมละ&nbsp;65&nbsp;บาท&nbsp;ไข่ไก่เบอร์&nbsp;3&nbsp;แผงละ&nbsp;87&nbsp;บาท&nbsp;ปลาหมอชุมพรกิโลกรัมละ&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;และน้ำตาลทรายกิโลกรัมละ&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาชน</p><p><strong>จังหวัดพิษณุโลก&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพิษณุโลก</strong>&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดพิษณุโลก&nbsp;สำนักงานประมงจังหวัดพิษณุโลก&nbsp;และผู้ประกอบการภาคเอกชน&nbsp;ได้แก่&nbsp;ซีพี&nbsp;เบทาโกร&nbsp;โรงงานน้ำตาลทรายพิษณุโลก&nbsp;เกษตรกรผู้เลี้ยงปลา&nbsp;นำสิ้นค้ามาวางจำหน่ายในกิจกรรม&nbsp;“ลดราคาช่วยประชาชน”&nbsp;ตามนโยบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฎ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและช่วยให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;ก่อนหน้านี้จังหวัดพิษณุโลกได้มีการเปิดจุดจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูกไปแล้ว&nbsp;7&nbsp;แห่ง&nbsp;ดำเนินการระหว่าง&nbsp;วันที่&nbsp;5-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;โดยประชาชนสามารถเช็กจุดจำหน่ายได้กับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพิษณุโลก</p><p>&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>14/1/2022ภาคเหนือพิษณุโลกสวท.พิษณุโลกhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114141409058 คาดเก็บค่าเหยียบแผ่นดินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท ย้ำไม่เก็บคนไทย <p><strong>นายพิพัฒน์&nbsp;รัชกิจประการ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ค่าเหยียบแผ่นดิน&nbsp;หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า&nbsp;“ค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยว”&nbsp;จะเป็นการจัดเก็บเฉพาะจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยเท่านั้น&nbsp;</p><p><strong>จากการสอบถามความคิดเห็นเชิงลึก</strong>จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านการท่องเที่ยวทั้งภาครัฐและภาคเอกชน&nbsp;พบว่าอัตราการจัดเก็บที่เหมาะสมเป็นรายละ&nbsp;300&nbsp;บาทต่อครั้ง&nbsp;และจะนำเงินจำนวน&nbsp;300&nbsp;บาทดังกล่าวนี้&nbsp;&nbsp;เข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยประมาณร้อยละ&nbsp;50&nbsp;&nbsp;ซื้อประกันภัยสำหรับนักท่องเที่ยวร้อยละ&nbsp;20&nbsp;(ระยะเวลาความคุ้มครอง&nbsp;45&nbsp;วัน)&nbsp;ส่วนเงินที่เหลือประมาณร้อยละ&nbsp;20-&nbsp;ร้อยละ&nbsp;30&nbsp;จะเป็นค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างบริษัท&nbsp;หรือหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพ</p><p><strong>สามารถเริ่มจัดเก็บได้ตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;เมษายน&nbsp;2565</strong>&nbsp;ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งชาติและจะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ&nbsp;และนำเสนอ&nbsp;ครม.&nbsp;ต่อไป&nbsp;หากกระบวนการเสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด&nbsp;คาดว่าปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;(เมษายน-กันยายน&nbsp;2565)&nbsp;จะสามารถจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวได้ประมาณ&nbsp;1,500&nbsp;ล้านบาท&nbsp;จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ&nbsp;5&nbsp;ล้านคน</p><p><br></p><p><br></p>14/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114142953071 จัดหางานชัยนาทเผยมีสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs แล้วกว่าร้อยละ 85 พร้อมแจงเงื่อนไขใหม่<p><strong>นางเบญจวรรณ์&nbsp;จันทร์ภูมิ&nbsp;จัดหางานจังหวัดชัยนาท&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;จังหวัดชัยนาทมีนายจ้าง/สถานประกอบการ&nbsp;ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ&nbsp;SMEs&nbsp;จำนวน&nbsp;642&nbsp;แห่ง&nbsp;คิดเป็นร้อยละ&nbsp;85.60&nbsp;จากเป้าหมายจำนวน&nbsp;750&nbsp;แห่ง&nbsp;มีลูกจ้างสัญชาติไทยเข้าร่วมโครงการ&nbsp;1,522&nbsp;คน&nbsp;คิดเป็นร้อยละ&nbsp;96.14&nbsp;ของเป้าหมายจำนวน&nbsp;6,784&nbsp;คน&nbsp;ถือว่าจังหวัดชัยนาทประสบผลสำเร็จในระดับหนึ่ง&nbsp;</p><p><strong>การจ่ายเงินอุดหนุนเมื่อเดือนพฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;</strong>รัฐจ่ายให้นายจ้างที่อยู่ในฐานทะเบียนข้อมูลของสำนักงานประกันสังคม&nbsp;ณ&nbsp;วันที่&nbsp;16&nbsp;ต.ค.64&nbsp;โดยจ่ายตามจำนวนลูกจ้างสัญชาติไทยไม่เกิน&nbsp;200&nbsp;คน&nbsp;โดยไม่ได้ตรวจสอบการนำส่งข้อมูลสมทบผ่านระบบ&nbsp;E-Service&nbsp;และรักษาระดับการจ้างงานได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ&nbsp;95&nbsp;&nbsp;สำหรับในเดือนธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;–&nbsp;มกราคม&nbsp;&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;จะมีการตรวจสอบการนำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ&nbsp;E-Service&nbsp;และรักษาระดับการจ้างงานให้ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ&nbsp;95&nbsp;ทุกวันที่&nbsp;16&nbsp;ของเดือนนั้นๆก่อนที่จะจ่ายเงินอุดหนุน</p><p>นายจ้างที่ไม่มีประวัติส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ&nbsp;E-Service&nbsp;มาก่อนให้ดำเนินการส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ&nbsp;ภายในวันที่&nbsp;17&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;มิฉะนั้นจะไม่ได้รับเงินอุดหนุนทั้ง&nbsp;2&nbsp;&nbsp;เดือน&nbsp;(ธันวาคม&nbsp;2564-มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;จะมีการตรวจสอบว่ามีการจ่ายเงินค่าจ้างให้กับลูกจ้าง</strong>เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่&nbsp;&nbsp;รวมทั้งนิติสัมพันธ์ของนายจ้างลูกจ้างเป็นไปตามที่กำหนดหรือไม่&nbsp;เนื่องจากบางรายพบว่ามีแต่รายชื่อแต่ไม่มีตัวตนลูกจ้างมาทำงานจริง&nbsp;สำหรับนายจ้างที่ประกอบกิจการผับ&nbsp;บาร์&nbsp;คาราโอเกะ&nbsp;และรัฐมีคำสั่งปิดชั่วคราว&nbsp;นายจ้างจะต้องนำส่งข้อมูลเงินสมทบเช่นเดียวกับกิจการอื่นๆ&nbsp;แต่การนำส่งข้อมูลเงินสมทบของลูกจ้างแต่ละรายจะเป็นเงินจำนวน&nbsp;เท่ากับ&nbsp;ศูนย์บาท&nbsp;</p><p><strong>สำนักงานจัดหางานจังหวัดชัยนาท&nbsp;จึงขอประชาสัมพันธ์</strong>ให้นายจ้างที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวได้ทราบ&nbsp;หากมีข้อสงสัย&nbsp;สามารถสอบถามรายละเอียดได้ทางโทรศัพท์หมายเลข&nbsp;0-5641-3035&nbsp;หรือสายด่วน&nbsp;1506&nbsp;กด&nbsp;2</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>14/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลชัยนาทสวท.ชัยนาทhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114130759030 ผู้ว่าฯสุพรรณบุรี ตรวจการจำหน่ายเนื้อหมู ตามโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน จำหน่ายในกิโลกรัมละ 150 บาท<p><strong>วันนี้&nbsp;(14&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;ที่ร้านแฮปปี้ฟาร์ม&nbsp;อำเภอเมืองสุพรรณบุรี</strong>&nbsp;นายณัฐภัทร&nbsp;สุวรรณประทีป&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายอำเภอเมืองสุพรรณบุรี&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การขายเนื้อหมูที่เข้าร่วมโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;จำหน่ายในกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภค&nbsp;หลังจากราคาหมูมีการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;จนถึงกิโลกรัมละ&nbsp;200-220&nbsp;บาท</p><p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ตอนนี้ราคาเครื่องอุปโภคบริโภคโดยเฉพาะหมู</strong>&nbsp;และสินค้าที่จำเป็นกับพี่น้องประชาชน&nbsp;พวกเนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ราคาก็จะสูงขึ้น&nbsp;ทางกระทรวงพาณิชย์ก็ได้มีมาตรการ&nbsp;ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน&nbsp;ช่วยเหลือต่อเนื่องมาช่วงนี้เป็นระยะที่สามแล้ว&nbsp;การช่วยเหลือแบบชดเชยราคาให้ผู้ประกอบการด้วย&nbsp;แฮปปี้ฟาร์มมีสาขาในสุพรรณบุรี&nbsp;ทั้งหมด&nbsp;8&nbsp;สาขาที่เข้าร่วมโครงการกับทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุพรรณบุรีตามโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยเหลือประชาชน&nbsp;โดยจัดจำหน่ายหมู&nbsp;เนื้อหมูสะโพกที่เข้าร่วมโครงการจำหน่ายจากราคาเดิม&nbsp;185&nbsp;บาทจะลดลงมาเหลือกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ทางแฮปปี้ฟาร์มเข้าร่วมโครงการกับทางจังหวัดสุพรรณบุรีในจำนวนเนื้อหมู&nbsp;10.5&nbsp;ตัน&nbsp;หรือ&nbsp;10,500&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;เริ่มตั้งแต่วันที่&nbsp;13&nbsp;มกราคมจนถึง&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;อันนี้ก็เพื่อแบ่งเบาภาระและเป็นความห่วงใยที่ทางรัฐบาลมองเห็นว่าต้องช่วยเหลือพี่น้องประชาชน&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังได้สั่งการไปประสานกับทางพาณิชย์และทางอำเภอทุกอำเภอ</strong>ให้ตรวจสอบในเรื่องของราคาสินค้าโดยเฉพาะราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงค์ชีพของประชาชน&nbsp;ว่าไม่ให้ปรับราคาเกินสมควร&nbsp;และแต่ละรายการต้องมีการทำป้ายแสดงราคา&nbsp;ถ้าไม่ทำป้ายแสดงราคาก็ถือว่าผิดกฎหมาย&nbsp;ต้องขอความร่วมมือผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆการจำหน่ายสินค้าให้ติดแสดงราคาเพื่อให้พี่น้องประชาชนนั้นได้รับทราบ</p><p><strong>นายวินิจ&nbsp;เฮ่าบุญ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;กล่าวเพิ่มเติมว่า</strong>&nbsp;การจำหน่ายหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;จำหน่ายในกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;เริ่มตั้งแต่วันที่&nbsp;13&nbsp;มกราคมจนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;มีจัดจำหน่ายทุกวัน&nbsp;กำหนดไว้คนละหนึ่งกิโลเท่านั้น&nbsp;ไม่สามารถที่จะซื้อสองกิโลขึ้นไปได้&nbsp;เนื่องจากมีเนื้อหมูปริมาณที่จำกัด&nbsp;เพื่อให้ประชาชนได้ซื้อหมูในราคาถูกอย่างทั่วถึง</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p><p>&nbsp;</p>14/1/2022ภาคตะวันตกกาญจนบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุพรรณบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114131102031 จ.แม่ฮ่องสอน ขับเคลื่อนการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง<p><strong>วันนี้&nbsp;(14&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายเชษฐา&nbsp;โมสิกรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;</strong>เป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจของเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1/2565&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมประดิษฐ์จองคำ&nbsp;ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;เพื่อให้เกิดการพัฒนาและกลไกขับเคลื่อนการดำเนินงานขจัดความยากจนและพัฒนาทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดแม่ฮ่องสอนให้มีประสิทธิภาพครอบคลุมในทุกรายมิติและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้การตรวจสอบข้อมูลบุคคลในครัวเรือนเป้าหมายในพื้นที่ทั้ง&nbsp;7&nbsp;อำเภอ&nbsp;</strong>และการตรวจสอบข้อมูลบุคคลครัวเรือนเป้าหมายในระดับอำเภอ&nbsp;ซึ่งได้ตรวจสอบข้อมูลครัวเรือนเป้าหมายครบถ้วน&nbsp;100%&nbsp;โดยได้ดำเนินการจัดประชุมรับรองข้อมูลบุคคลครัวเรือนเป้าหมายที่ผ่านการตรวจสอบ&nbsp;ในระหว่างวันที่&nbsp;5-10&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ครบทุกอำเภอรวมแล้ว&nbsp;10,917&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;โดยมีครัวเรือนที่ไม่ผ่านเกณฑ์&nbsp;5&nbsp;มิติ&nbsp;จำนวน&nbsp;2,538&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;สำหรับผู้ไม่ผ่านเกณฑ์&nbsp;5&nbsp;มิติ&nbsp;สามารถแจ้งได้ทุกส่วนราชการ&nbsp;หรือพัฒนาการอำเภอทุกอำเภอ&nbsp;โดยจังหวัดแม่ฮ่องสอนจะมีการประกาศ&nbsp;กำหนดเป้าหมายการแก้ไขปัญหาความยากจนและการพัฒนาคนทุกช่วงวัย&nbsp;“วาระจังหวัด”&nbsp;ให้มีการบรรจุไว้ในแผนพัฒนาจังหวัดและแผนปฏิบัติราชการจังหวัดรายปี&nbsp;ในวันที่&nbsp;27&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</p><p><strong>โดยมีการบูรณาการหน่วยงานในระดับพื้นที่&nbsp;</strong>เพื่อให้การแก้ไขปัญหาของบุคคลครัวเรือนเป้าหมายตรงต่อสภาพปัญหาในแต่ละมิติศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในระดับต่างๆ&nbsp;บูรณาการความรับผิดชอบในการดำเนินงานเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาในระดับบุคคลครัวเรือนอีกทั้งร่วมแก้ไขและพัฒนาเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนในการจัดทำนโยบายมาตรการการดำเนินงานที่เหมาะสมและร่วมติดตามตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินการต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>14/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114135148043 สหกรณ์จังหวัดตากพร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานสหกรณ์พัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงพบพระ จำกัด<p><strong>วันนี้?&nbsp;(14?&nbsp;ม.ค.65)?&nbsp;นายนำโชค&nbsp;ศิลกุล&nbsp;สหกรณ์จังหวัดตาก&nbsp;</strong>พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสหกรณ์พัฒนาพื้นที่สูง?แบบโครงการหลวงพบพระ&nbsp;จำกัด&nbsp;ซึ่งตั้ง?อยู่ตำบลคีรีราษฏร์&nbsp;อำเภอพบพระ&nbsp;จังหวัดตาก?&nbsp;ซึ่งที่ผ่านมาสหกรณ์จังหวัดตากได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์&nbsp;ที่รับผิดชอบช่วยเหลือแนะนำและดูแลทั้งตัวองค์กร&nbsp;การบริหารจัดการ&nbsp;ระบบการควบคุมภายใน&nbsp;และการพัฒนาผลผลิตของสมาชิกให้มีคุณภาพ?&nbsp;และแนะนำช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น&nbsp;เพื่อสร้างการยอมรับและขยายตลาดให้เข้าถึงผู้บริโภค&nbsp;ซึ่งเป็นวิธีการที่ช่วยเสริมสร้างรายได้ให้กับสมาชิกได้อย่างมั่นคง&nbsp;และตัวสหกรณ์สามารถเป็นที่พึ่งแก่สมาชิกได้อย่างแท้จริง</p><p><strong>สำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง&nbsp;</strong>พบพระมีพื้นที่รับผิดชอบครอบคลุมพื้นที่?&nbsp;2?&nbsp;ตำบล&nbsp;24&nbsp;หมู่บ้าน&nbsp;มีจำนวนครัวเรือนทั้งหมด&nbsp;7,843&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;และจำนวนประชากรทั้งหมด&nbsp;32,370&nbsp;คน&nbsp;ปัจจุบันได้พัฒนาและส่งเสริมอาชีพแก่ประชาชนโดยการส่งเสริมอาชีพทางเลือกเพื่อสร้างรายได้แก่เกษตรกร&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ส่งเสริมการปลูกพืชผักในโรงเรือน&nbsp;ได้แก่&nbsp;พริกหวาน&nbsp;มะเขือเทศโทมัส&nbsp;ผักนอกโรงเรือนแตงกวาญี่ปุ่น&nbsp;ฟักทองญี่ปุ่น&nbsp;บีทรูท&nbsp;พริกซุปเปอร์ฮอต&nbsp;เพื่อจำหน่ายตลาดชุมชน/ตลาดข้อตกลง&nbsp;สนับสนุนการเพิ่มผลผลิตพืชไร่&nbsp;(เฮมพ์)&nbsp;ส่งเสริมปลูกไม้ผลที่มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่&nbsp;ได้แก่&nbsp;เสาวรสหวานพันธุ์ไทนุง&nbsp;อะโวคาโดพันธุ์แฮสต์&nbsp;บัคคาเนีย&nbsp;ปีเตอร์สัน&nbsp;และปลูกพลับพันธุ์พี&nbsp;2&nbsp;พันธุ์ฟูยู&nbsp;ทดแทนการปลูกพืชไร่&nbsp;ส่งเสริมการเลี้ยงปศุสัตว์&nbsp;สุกร&nbsp;เพื่อสร้างรายได้เสริม&nbsp;และเพื่อการบริโภค</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>14/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลตากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตากhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114141651059 รองผู้ว่าราชการจังหวัดประชุมคณะกรรมการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน พร้อมเห็นชอบออกใบรับรองมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจำนวน 9 ผลิตภัณฑ์<p><strong>วันนี้&nbsp;(14&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;ที่ห้องประชุมสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนายกรกฎ&nbsp;วงษ์สุวรรณ</strong>&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม&nbsp;เป็นประธานประชุมคณะกรรมการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน&nbsp;โดยที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบและลงนามรับรองผล&nbsp;เพื่อออกใบรับรองมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยตรวจสอบจำนวน&nbsp;9&nbsp;ผลิตภัณฑ์&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;</p><p>วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตน้ำตาลมะพร้าวแท้&nbsp;ผลิตภัณฑ์ไซรัปจากพืช,</p><p>วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตน้ำตาลมะพร้าวแท้&nbsp;ผลิตภัณฑ์น้ำตาลมะพร้าว,</p><p>วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตร&nbsp;หมู่&nbsp;3&nbsp;ตำบลบ้านปรก&nbsp;ผลิตภัณฑ์แชมพูอัญชัน,</p><p>วิสาหกิจชุมชนเรือนไม้หอม&nbsp;ผลิตภัณฑ์แชมพู,วิสาหกิจชุมชนเรือนไม้หอม&nbsp;ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว,</p><p>วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแป้งร่ำตำบลบางนางลี่&nbsp;ผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว,</p><p>วิสาหกิจชุมชนจักรสานก้านมะพร้าว&nbsp;น้ำตาลท่าคา&nbsp;ผลิตภัณฑ์จากทางมะพร้าว,</p><p>วิสาหกิจชุมชนบ้านเกื้อกูล&nbsp;ผลิตภัณฑ์ไม้กวาดทางมะพร้าว,</p><p>วิสาหกิจชุมชนบ้านเกื้อกูล&nbsp;ผลิตภัณฑ์ไม้กวาดดอกหญ้า&nbsp;</p><p><br></p><p><strong>ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบ&nbsp;เนื่องจากเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด</strong></p>14/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสมุทรสงครามสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงครามhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114143554081 พาณิชย์จังหวัดตราด จัดโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน จังหวัดตราด<p><strong>วันนี้&nbsp;(14&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;&nbsp;นางวรัญญา&nbsp;ถนอมพันธุ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตราด&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้มอบหมายสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตราด&nbsp;ร่วมกับผู้ประกอบร้านจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;จัดโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดตราด&nbsp;โดยนำหมูโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ในพื้นที่ต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ในระหว่างวันที่&nbsp;16&nbsp;-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;อาทิ&nbsp;ร้านสหกรณ์จังหวัดตราด&nbsp;ตลาดนัดไร่ป่า&nbsp;ตลาดนัดดกิโลศูนย์&nbsp;รวมทั้งร้านสุรีย์หมูสวย&nbsp;ฟาร์มคุณปู่&nbsp;เป็นต้น&nbsp;</p><p><strong>จึงขอเชิญชวนประชาชนผู้สนใจซื้อเนื้อหมูตามโครงการดังกล่าว</strong>ตามตารางการจัดหน่วยออกจำหน่าย&nbsp;ทั้งนี้จำกัดจำนวนการซื้อ&nbsp;1&nbsp;คน/&nbsp;1กิโลกรัม&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>14/1/2022ภาคตะวันออกตราดสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114152458121 จ.จันทบุรีแถลงข่าวจัดงานเทศกาลนานาชาติพลอยและเครื่องประดับจันทบุรี 2021 จันทบุรี“ นครแห่งอัญมณี ” โชว์พลอยสวยงามชนะเลิศการประกวดระดับชาติ กระจายการจัดงาน 3 แห่งในแหล่งธุรกิจอัญมณีกำหนดจัดงาน 3 – 7 กุมภาพันธ์ 2565<p><strong>วันนี้&nbsp;(&nbsp;14&nbsp;ม.ค.65&nbsp;)&nbsp;ที่&nbsp;ศูนย์อัญมณีและเครื่องประดับจังหวัดจันทบุรีนายสุธี&nbsp;ทองแย้ม</strong>&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี&nbsp;พร้อมด้วยนายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับจังหวัดจันทบุรี&nbsp;/&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการและ&nbsp;ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ&nbsp;ได้ร่วมแถลงข่าวการจัดงานเทศกาลนานาชาติพลอยและเครื่องประดับจันทบุรี&nbsp;2021&nbsp;<strong>จันทบุรี“&nbsp;นครแห่งอัญมณี&nbsp;”</strong>ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด&nbsp;–&nbsp;19&nbsp;</p><p><strong>งานครั้งนี้&nbsp;สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ&nbsp;(องค์การมหาชน&nbsp;)&nbsp;ร่วมกับจังหวัดจันทบุรี&nbsp;</strong>องค์การบริหารส่วนจังหวัด&nbsp;เทศบาลเมืองจันทบุรี&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดจัดขึ้น&nbsp;เดิมกำหนดจัดงานในช่วงเดือนธันวาคมแต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด&nbsp;-19&nbsp;จึงเลื่อนมาจัดในช่วงนี้แทนเป็นการจัดงานที่ใช้สถานที่&nbsp;3&nbsp;แห่ง&nbsp;คือ&nbsp;ที่ศูนย์อัญมณีและเครื่องประดับจังหวัดจันทบุรี&nbsp;/&nbsp;เคพีจิวเวอลี่&nbsp;และตลาดพลอยซอยศรีจันท์เป็นจุดจัดกิจกรรม&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;การจัดงานเทศกาลนานาชาติพลอยและเครื่องประดับจันทบุรี&nbsp;2021</strong>&nbsp;INTERNATIONAL&nbsp;&nbsp;CHANTHABURI&nbsp;GEMS&nbsp;AND&nbsp;JEWELRY&nbsp;FESTIVAL&nbsp;2021&nbsp;ถือเป็นงานที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจยกระดับพัฒนาอุตสาหกรรมอัญมณีของจังหวัดจันทบุรีให้เป็นที่ยอมรับของสากลมากยิ่งขึ้นกิจกรรมต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ภายในงานเทศกาลนานาชาติพลอยและเครื่องประดับจันทบุรี&nbsp;2021&nbsp;มีอย่างหลากหลายอาทิ&nbsp;การแสดงผลงานพลอยสวยงามที่ชนะการประกวด&nbsp;/&nbsp;การประชุมวิชาการนานาชาติด้านอัญมณีและเครื่องประดับครั้งที่&nbsp;7&nbsp;/&nbsp;งานประกวดพลอย&nbsp;&nbsp;GIT’s&nbsp;Enchanting&nbsp;Ruby&nbsp;&amp;&nbsp;Sapphire&nbsp;Awards&nbsp;/&nbsp;การสาธิตการเจียระไนพลอย&nbsp;การแกะสลักโลหะด้วยมือ&nbsp;การแกะลายด้วยเครื่องตัดลายการชุบ&nbsp;ขัดล้างเครื่องประดับ&nbsp;การลงยาสีเย็น-ร้อนบนเครื่องประดับ&nbsp;การเลเซอร์ตัวอักษรและสัญลักษณ์&nbsp;การจำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับจากโรงงานผู้ผลิตโดยตรง&nbsp;การจำหน่ายพลอยดิบ&nbsp;พลอยสี&nbsp;จากผู้ค้าที่เข้าร่วมกิจกรรม&nbsp;เป็นต้น&nbsp;กิจกรรม&nbsp;Gems&nbsp;Tour&nbsp;การท่องเที่ยวแหล่งเรียนรู้ด้านอัญมณีเยี่ยมชมเหมืองพลอยและโรงงานแปรรูปในจังหวัดจันทบุรี&nbsp;/&nbsp;เปิดให้บริการตรวจสอบอัญมณีและเครื่องประดับเคลื่อนที่&nbsp;Mobile&nbsp;Lab&nbsp;โดย&nbsp;GIT&nbsp;/&nbsp;การจับคู่ธุรกิจ&nbsp;BWC&nbsp;Business&nbsp;Matching&nbsp;ภายใต้โครงการซื้อด้วยความมั่นใจ&nbsp;Buy&nbsp;with&nbsp;Confidence&nbsp;และกิจกรรมสัมมนา&nbsp;"จากดีไซน์สู่สินค้าเครื่องประดับออนไลน์ยุค&nbsp;New&nbsp;Normal"เป็นต้นกำหนดจัดงานระหว่างวันที่&nbsp;3&nbsp;ถึง&nbsp;7&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>14/1/2022ภาคตะวันออกจันทบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114155851134 ข่าวดี พาณิชย์จังหวัดสกลนคร จัดโครงการหมูพาณิชย์ ลดราคา ช่วยประชาชน จังหวัดสกลนคร ครั้งที่ 3<p><strong>ข่าวดี&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสกลนคร&nbsp;จัดโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3</strong>&nbsp;เปิดจุดจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก&nbsp;กก.&nbsp;ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;7&nbsp;จุด&nbsp;ๆ&nbsp;ละ&nbsp;50&nbsp;กก./วัน&nbsp;&nbsp;บรรเทาความเดือดร้อนประชาชน&nbsp;ลดค่าครองชีพ&nbsp;</p><p><strong>วันนี้&nbsp;(14&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสกลนคร</strong>&nbsp;ได้จัดโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดสกลนคร&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;&nbsp;ที่บริเวณข้างสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสกลนคร&nbsp;&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;โดยมี&nbsp;นางสาวอัจฉรา&nbsp;ธรรมธาตุ&nbsp;รักษาราชการแทนพาณิชย์จังหวัดสกลนคร&nbsp;นางสาวอรวรรณ&nbsp;ทิพม่อม&nbsp;นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการ&nbsp;นำเจ้าหน้าที่ออกให้บริการประชาชน&nbsp;ซึ่งได้เดินทางมาซื้อเนื้อหมูในราคาประหยัดอย่างต่อเนื่อง&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสกลนคร&nbsp;ได้จัดจุดจำหน่ายเนื้อหมูจำนวน&nbsp;7&nbsp;จุดๆ&nbsp;ละประมาณ&nbsp;50&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ต่อวัน&nbsp;&nbsp;จำกัดการซื้อคนละ&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ที่อำเภอเมือง&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;จุด&nbsp;บริเวณด้านข้างสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสกลนคร&nbsp;เขียงหมูเจ๊จุ๋ม&nbsp;(ตลาดประเสริฐศาสตร)&nbsp;และร้านดี๊ดีหมูสวย&nbsp;ที่อำเภออากาศอำนวย&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;จุด&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศบาล&nbsp;1&nbsp;&nbsp;ที่อำเภอวานรนิวาส&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;ร้านเจ๊ดาเขียงหมู&nbsp;และที่อำเภอเจริญศิลป์&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;ณ&nbsp;ร้านป๊อปหมูสด&nbsp;ตลาดสดชุมชนเจริญศิลป์&nbsp;จำหน่ายตั้งแต่วันที่&nbsp;12&nbsp;-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>นางสาวอัจฉรา&nbsp;ธรรมธาตุ&nbsp;รักษาราชการแทนพาณิชย์จังหวัดสกลนคร&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;เนื่องจากภาวะราคาสุกรมีการปรับราคาจำหน่ายสูงขึ้น&nbsp;เกิดจากการลดปริมาณการเลี้ยงลูกหมูและโรคระบาด&nbsp;รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาสูงขึ้น&nbsp;เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน&nbsp;และเป็นการเพิ่มช่องทางในการเลือกซื้อหมูเนื้อแดงในราคาประหยัด&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;จึงได้ดำเนินโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ซึ่งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสกลนคร&nbsp;ได้ดำเนินการครั้งนี้เป็นครั้งที่&nbsp;3&nbsp;&nbsp;</p><p>ขณะที่ประชาชนที่เดินทางมาซื้อเนื้อหมูต่างพึงพอใจกับโครงการ&nbsp;และต้องการให้หน่วยงานภาครัฐจัดกิจกรรมดีๆ&nbsp;เช่นนี้ต่อไป&nbsp;ควบคู่ไปกับการเร่งแก้ไขปัญหาราคาเนื้อหมูที่มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง</p><p>ด้านกระทรวงพาณิชย์&nbsp;โดยสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ได้ดำเนินการดังนี้</p><p>1.&nbsp;ห้ามไม่ให้มีการส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกประเทศเป็นเวลา&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;ตามมติของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;(กกร.&nbsp;ที่ประชุมกันเมื่อวันที่&nbsp;5&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;โดยคาดการณ์ว่าจะทำให้มีหมูเป็น&nbsp;กลับสู่ระบบตลาดภายในประมาณ&nbsp;1&nbsp;ล้านตัว</p><p>2.&nbsp;กกร.ห้ามไม่ให้ผู้เลี้ยงหมูและผู้ค้าส่งที่มีปริมาณเกิน&nbsp;500&nbsp;ตัว&nbsp;(หมูมีชีวิต)&nbsp;ผู้มีห้องเย็นเก็บสต๊อกเกิน&nbsp;5,000&nbsp;กก.ขึ้นไป&nbsp;(หมูชำแหละ)&nbsp;และต้องแจ้งสต๊อกให้กรมการค้าภายในทราบทุก&nbsp;7&nbsp;วัน&nbsp;มาตรการที่ออกมานี้รัฐบาลเชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาหมูราคาแพงที่คนไทยกำลังเผชิญอยู่ได้</p><p>สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม&nbsp;โครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดสกลนคร&nbsp;ได้ที่โทร&nbsp;042-711277&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสกลนคร&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>14/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสกลนครสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสกลนครhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114230836343 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ลงพื้นที่จังหวัดสตูล ติดตามความก้าวหน้าโครงการ U2T ในพื้นที่ 10 ตำบล ครอบคลุม 5 อำเภอ หลังสร้างมูลค่าเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นราว 100 ล้านบาท<p><strong>วันนี้&nbsp;(14&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;ศาสตราจารย์พิเศษ&nbsp;ดร.เอนก&nbsp;เหล่าธรรมทัศน์&nbsp;</strong>รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา&nbsp;วิทยาศาสตร์&nbsp;วิจัยและนวัตกรรม&nbsp;(อว.)&nbsp;พร้อมคณะ&nbsp;เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสตูล&nbsp;เพื่อติดตามการดำเนินงานโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ&nbsp;(1&nbsp;ตำบล&nbsp;1&nbsp;มหาวิทยาลัย)&nbsp;มหาวิทยาลัยสู่ตำบล&nbsp;สร้างรากแก้วให้ประเทศ&nbsp;พื้นที่จังหวัดสตูล&nbsp;(U2T)&nbsp;โดย&nbsp;อว.ส่วนหน้าจังหวัดสตูล&nbsp;(มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา&nbsp;วิทยาเขตสตูล)&nbsp;ณ&nbsp;มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา&nbsp;วิทยาเขตสตูล&nbsp;อำเภอละงู&nbsp;จังหวัดสตูล&nbsp;โดยมีนายเอกรัฐ&nbsp;หลีเส็น&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล&nbsp;นายสัมฤทธิ์&nbsp;เลียงประสิทธิ์&nbsp;นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล&nbsp;และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;จังหวัดสตูลเป็นอีกหนึ่งพื้นที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ&nbsp;</strong>เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย&nbsp;มีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์&nbsp;รวมถึงมีการประกอบอาชีพเกี่ยวเนื่องกับการเกษตรเป็นส่วนใหญ่&nbsp;ทาง&nbsp;อว.ส่วนหน้าจังหวัดสตูล&nbsp;จึงเห็นความสำคัญของการยกระดับเศรษฐกิจในชุมชนด้วยโครงการ&nbsp;U2T&nbsp;เพื่อการยกระดับและพัฒนาชุมชนให้เกิดความก้าวหน้าทั้งด้านสังคม&nbsp;เศรษฐกิจ&nbsp;และสิ่งแวดล้อม&nbsp;พร้อมส่งเสริมรากฐานทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>สำหรับการขับเคลื่อนโครงการ&nbsp;U2T&nbsp;ได้รับความร่วมมือจาก&nbsp;4&nbsp;สถาบันการศึกษา</strong>ร่วมบูรณาการรับผิดชอบพื้นที่&nbsp;10&nbsp;ตำบล&nbsp;ครอบคลุม&nbsp;5&nbsp;อำเภอของจังหวัดสตูล&nbsp;ได้แก่&nbsp;มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา&nbsp;วิทยาเขตสตูล&nbsp;รับผิดชอบพื้นที่ตำบลปาล์มพัฒนา&nbsp;อำเภอมะนัง&nbsp;,&nbsp;มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์&nbsp;รับผิดชอบพื้นที่ตำบลละงู&nbsp;ตำบลน้ำผุด&nbsp;อำเภอละงู&nbsp;,&nbsp;ตำบลย่านซื่อ&nbsp;อำเภอควนโดน&nbsp;และตำบลพิมาน&nbsp;ตำบลบ้านควน&nbsp;อำเภอเมืองสตูล&nbsp;,&nbsp;มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี&nbsp;รับผิดชอบพื้นที่ตำบลทุ่งหว้า&nbsp;อำเภอทุ่งหว้า&nbsp;และวิทยาชัยชุมชนสตูล&nbsp;รับผิดชอบพื้นที่ตำบลนาทอน&nbsp;อำเภอทุ่งหว้า&nbsp;,&nbsp;ตำบลควนสตอ&nbsp;อำเภอควนโดน&nbsp;และตำบลเกตรี&nbsp;อำเภอเมืองสตูล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ที่ผ่านมาการดำเนินงานของโครงการ&nbsp;U2T&nbsp;ในพื้นที่&nbsp;สามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ</strong>เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากราว&nbsp;100&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทรวง&nbsp;อว.&nbsp;ร่วมสนับสนุนกับหน่วยงานในจังหวัดสตูลจนเกิดเป็นความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม&nbsp;ภายใต้พันธกิจของโครงการ&nbsp;คือ&nbsp;การพัฒนาสัมมาชีพและสร้างอาชีพใหม่&nbsp;ยกระดับการท่องเที่ยวนำองค์ความรู้ช่วยบริการชุมชน&nbsp;การส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของคนในชุมชน&nbsp;รวมถึงการยกระดับรากฐานทางเศรษฐกิจสู่ความก้าวหน้าที่ยั่งยืน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>โดยมีตัวอย่างของการขับเคลื่อนโครงการ&nbsp;U2T&nbsp;ในจังหวัดสตูล</strong>&nbsp;เช่น&nbsp;การจัดการขยะในพื้นที่อุทยานธรณีโลกสตูล&nbsp;มีศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยแบบครบวงจร&nbsp;ของเทศบาลตำบลกำแพง&nbsp;อำเภอละงู&nbsp;จังหวัดสตูล&nbsp;รองรับขยะจากอทุยานธรณีโลกสตูล&nbsp;เกาะหลีเป๊ะ&nbsp;และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ใกล้เคียง&nbsp;21&nbsp;แห่ง&nbsp;ด้วยรูปแบบการกำจัดขยะมูลฝอยแบบครบวงจร&nbsp;,&nbsp;หมู่บ้านพริกไทยพันธุ์สุไหงอุเป&nbsp;พืชอัตลักษณ์&nbsp;อำเภอทุ่งหว้า&nbsp;เพื่อขยายพันธุ์พริกไทยสุไหงอุเป&nbsp;ด้วยเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชอย่างง่ายสู่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูก&nbsp;เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>โอกาสนี้&nbsp;ศาสตราจารย์พิเศษ&nbsp;ดร.เอนก&nbsp;เหล่าธรรมทัศน์&nbsp;กล่าวด้วยว่า</strong>&nbsp;ทุกการขับเคลื่อนงานของกระทรวง&nbsp;อว.&nbsp;ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศในระยะยาว&nbsp;ซึ่งเป็นไปตามความตั้งใจของรัฐบาล&nbsp;ที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยเป็นประเทศพัฒนาแล้วในปี&nbsp;2580&nbsp;ให้ได้&nbsp;อีกทั้งในอนาคตข้างหน้าทางกระทรวง&nbsp;อว.&nbsp;ยังมีแนวทางดำเนินการต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;เช่น&nbsp;เศรษฐกิจอวกาศ&nbsp;ในอีก&nbsp;6-7&nbsp;ปีข้างหน้า&nbsp;ประเทศไทยจะมียานอวกาศโคจรรอบดวงจันทร์&nbsp;เพื่อเพิ่มศักยภาพของประเทศนำไปสู่การเป็น“ประเทศวิทยาศาสตร์”&nbsp;ในส่วนของการขับเคลื่อนโครงการ&nbsp;B2T&nbsp;ในจังหวัดสตูลได้เห็นเป็นประจักษ์แล้วว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี&nbsp;หากมีในส่วนใดที่อยากให้ทางกระทรวง&nbsp;อว.&nbsp;เพิ่มเติมขอให้หน่วยงานในจังหวัดได้สะท้อนและร่วมกันขับเคลื่อนโครงการฯ&nbsp;ไปด้วยกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>14/1/2022ภาคใต้สตูลสวท.สตูลhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114160817149 อบจ.แม่ฮ่องสอน เตรียมจัดงานเปิดเมิงไตฯ ครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่ 16-20 ก.พ. 65 ภายใต้มาตรการโควิด-19 อย่างเข้มงวด<p><strong>สืบเนื่องจากการประกาศเลื่อนการจัดงานเปิดเมิงไตฯ&nbsp;ครั้งที่&nbsp;14&nbsp;</strong>ออกไปอย่างไม่มีกำหนด&nbsp;เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19&nbsp;ในขณะนั้น&nbsp;ประกอบกับมีจำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเป็นจำนวนน้อย&nbsp;ซึ่งหากเกิดการระบาดอาจแพร่กระจายเป็นวงกว้าง</p><p><strong>ล่าสุด&nbsp;องค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน</strong>&nbsp;ได้รับการประสานงานจากสำนักงานจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;เชิญชวนร่วมบูรณาการจัดงานเปิดเมิงไตฯ&nbsp;ร่วมกับงานกาชาด&nbsp;เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;องค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;จึงได้กำหนดจัดงานเปิดเมิงไตฯ&nbsp;ครั้งที่&nbsp;14&nbsp;ในระหว่างวันที่&nbsp;16-20&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;ศูนย์ไทใหญ่ศึกษา&nbsp;ตำบลจองคำ&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดแม่ฮ่องสอน</p><p><strong>ภายในงานมีกิจกรรมตามคอนเซ็ปต์&nbsp;“ชิม&nbsp;ชม&nbsp;ช๊อป&nbsp;แชะ&nbsp;แชร์”&nbsp;</strong>ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความเป็นจังหวัดแม่ฮ่องสอนผ่านการแสดงวัฒนธรรมพื้นถิ่น&nbsp;การชิมอาหารไทใหญ่&nbsp;และการเที่ยวชม&nbsp;จับจ่ายซื้อสินค้าท้องถิ่นภายในงาน&nbsp;และเพื่อให้นักท่องเที่ยวและประชาชนเกิดความมั่นใจในการเข้าร่วมงานเปิดเมิงไตฯ&nbsp;ในครั้งนี้&nbsp;องค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้รับความร่วมมือจากทางสาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ร่วมกำหนดมาตรการและแนวทางการจัดงานเพื่อให้เป็นไปตามมติของศูนย์บริหารการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(ศคบ.)&nbsp;อย่างเคร่งครัด</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>14/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114160655147 สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่จับมือกรมการค้าภายใน ตรึงราคาไข่ไก่ ราคาคละหน้าฟาร์มที่ 2.90 บาท<p><strong>นายวัฒนศักย์&nbsp;เสือเอี่ยม&nbsp;อธิบดีกรมการค้าภายใน&nbsp;ชี้แจงว่า</strong>&nbsp;กรมการค้าภายในได้ประชุมหารือร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่&nbsp;สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยภาคกลาง&nbsp;สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้&nbsp;สมาคมผู้ผลิตผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่&nbsp;สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่แปดริ้ว&nbsp;สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี&nbsp;สหกรณ์ผู้ลี้ยงไก่ไข่ลุ่มน้ำน้อย&nbsp;ผู้ผลิตรายใหญ่&nbsp;กรมปศุสัตว์&nbsp;และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร&nbsp;โดยหารือร่วมกันและรับทราบถึงสถานการณ์ปัญหาด้านต้นทุนของผู้เลี้ยง&nbsp;เพื่อช่วยลดค่าครองชีพประชาชน&nbsp;ผู้เลี้ยงไก่ไข่จะให้ความร่วมมือตรึงราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มที่&nbsp;2.90&nbsp;บาท&nbsp;ไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย</p><p><strong>หากพบเห็นว่ามีการกักตุนหรือฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม&nbsp;แจ้งได้ที่&nbsp;</strong>สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ&nbsp;หากตรวจสอบพบการกระทำผิดจะมีโทษตามมาตรา&nbsp;29&nbsp;แห่ง&nbsp;พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;มีโทษจำคุก&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับ&nbsp;140,000&nbsp;บาทหรือทั้งจำและปรับ</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>14/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114204604300 รองผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน มอบพาณิชย์จังหวัดสะท้อนปัญหาหมูแพง ให้กรมการค้าภายในเร่งหามาตรการแก้ไขระยะยาวช่วยเหลือทั้งผู้ค้าและผู้บริโภค เบื้องต้นเปิดจุดจำหน่ายหมูถูก 150 บาท/กก. 5 จุด ใน 4 อำเภอ<p><strong>นายศิริวัฒน์&nbsp;บุปผาเจริญ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน</strong>&nbsp;พร้อมด้วยนางสาวยุพา&nbsp;นาคา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;และเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าบริโภคประเภทของสด&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้พูดคุยกับผู้ค้า&nbsp;และสอบถามปัญหาด้านราคาโดยเฉพาะเนื้อหมู&nbsp;พบว่ามีต้นทุนสูงขึ้นตั้งแต่หน้าฟาร์ม&nbsp;ร้อยละ&nbsp;50-60&nbsp;แต่ในกลุ่มของผู้ค้าได้มีการตกลงที่จะพยุงราคาให้เป็นธรรมต่อทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย&nbsp;คือให้ผู้ค้าพออยู่ได้&nbsp;ส่วนผู้บริโภคก็ยังสามารถซื้อหมูได้</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;ผู้ค้าสะท้อนว่าผู้บริโภคมีพฤติกรรมการซื้อลดลง&nbsp;</strong>จากแต่เดิมในช่วงที่ราคาปกติ&nbsp;จะซื้อ&nbsp;1-2&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ปัจจุบันลดลงเหลือครึ่งกิโลกรัม&nbsp;การที่หมูแพงขึ้นไม่ได้ทำให้พ่อค้าแม่ค้ามีกำไรมากขึ้นมิหนำซ้ำยอดขายยังลดลง&nbsp;จึงต้องการให้ทางจังหวัดรายงานปัญหานี้ไปที่ส่วนกลางหามาตรการทำให้ราคาหมูต้นทุนถูกลง&nbsp;ซึ่งในจุดนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ระบุว่า&nbsp;ได้มอบหมายให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอนนำข้อแนะของผู้ค้าให้กรมการค้าภายในพิจารณาหาแนวทางแก้ปัญหาระยะยาว</p><p><strong>สำหรับการแก้ปัญหาระยะสั้น&nbsp;</strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ได้ร่วมกับร้านภาคเหนือหมูสด&nbsp;ขยายเวลาดำเนิน&nbsp;“โครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชนในส่วนภูมิภาค&nbsp;ไปถึง&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;โดยจัดจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ราคา&nbsp;150&nbsp;บาท/กก.&nbsp;จำนวน&nbsp;5&nbsp;จุดใน&nbsp;4&nbsp;อำเภอ&nbsp;ได้แก่&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;ขุนยวม&nbsp;ปางมะผ้า&nbsp;และอำเภอปาย</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>14/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114180312235 พาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ ลงพื้นที่ตรวจติดตามการจำหน่ายหมูเนื้อแดงตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคาช่วยประชาชน (ครั้งที่ 2)<p><strong>วันที่&nbsp;14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.</strong>&nbsp;นางสาวเอื้อนจิตร&nbsp;ช่วยนก&nbsp;พาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;มอบหมายให้กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;ตรวจติดตามการจำหน่ายหมูเนื้อแดงตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;2)&nbsp;(หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท)&nbsp;ซึ่งเป็นนโยบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;&nbsp;เพื่อลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;ณ&nbsp;จุดจำหน่ายบริเวณตลาดสดเทศบาลเมืองบึงกาฬ&nbsp;ดังนี้</p><p>1.เขียงหมูเจ้เหล่ย&nbsp;</p><p>2.เขียงหมูเจ้กบ</p><p><strong>โดยบรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างคึกคัก</strong>&nbsp;ประชาชนให้ความสนใจ&nbsp;&nbsp;เนื่องจากราคาถูกกว่าปกติ&nbsp;50&nbsp;บาท&nbsp;เริ่มโครงการเมื่อวันที่&nbsp;6&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;โดยโครงการจะสิ้นสุดในวันที่&nbsp;22&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>14/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบึงกาฬสวท.บึงกาฬhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114174937227 พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ตรวจติดตามการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค ในพื้นที่<p><strong>พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ตรวจติดตามการจำหน่ายหน้ากากอนามัย&nbsp;</strong>เจลแอลกอฮอล์&nbsp;ชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;และราคาจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;</p><p><strong>วันที่&nbsp;14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นางพิรุณวรรณน์&nbsp;จงใจภักดิ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;</strong>มอบหมายให้นางสาวภัทรสุดา&nbsp;เกิดเกลี้ยง&nbsp;นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการ&nbsp;และเจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;ออกตรวจติดตามการจำหน่ายหน้ากากอนามัยในเขตอำเภอเมืองสุรินทร์&nbsp;พบว่าสถานการณ์การจำหน่ายยังอยู่ในภาวะปกติ&nbsp;ปริมาณยังคงมีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน&nbsp;ร้านค้าส่วนใหญ่ยังไม่มีการจำกัดปริมาณการซื้อ&nbsp;โดยราคาจำหน่ายหน้ากากอนามัยในท้องตลาดยังคงปกติ&nbsp;อยู่ในราคาที่กำหนด&nbsp;พบว่าขณะนี้ประชาชนให้ความสนใจในการซื้อชุดตรวจโควิด&nbsp;ATK&nbsp;มากขึ้น&nbsp;หน้ากากอนามัย&nbsp;ขนาดกล่องบรรจุ&nbsp;50&nbsp;ชิ้น&nbsp;ราคา&nbsp;80-125&nbsp;บาท/กล่อง&nbsp;เจลแอลกอฮอล์&nbsp;450&nbsp;มล.&nbsp;ราคา&nbsp;99-130&nbsp;บาท/ขวด&nbsp;ชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;แบบน้ำลาย&nbsp;ราคา&nbsp;95-150&nbsp;บาท/ชุด&nbsp;แบบสวอปจมูก&nbsp;ราคา&nbsp;95-120&nbsp;บาท/ชุด&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ได้เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน</strong>&nbsp;และราคาจำหน่ายหน้ากากอนามัยต้องจำหน่ายไม่เกินชิ้นละ&nbsp;2.50&nbsp;บาท&nbsp;กรณีจำหน่ายหน้ากากอนามัยทางการแพทย์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด&nbsp;มีโทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;5&nbsp;ปี&nbsp;ปรับไม่เกิน&nbsp;100,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ&nbsp;หรือกรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคา&nbsp;มีโทษปรับไม่เกิน&nbsp;10,000&nbsp;บาท&nbsp;พร้อมทั้งได้ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอุปโภค&nbsp;สุกรเนื้อแดง&nbsp;และน้ำมันพืช&nbsp;พบว่าขณะนี้ราคาสุกรเนื้อแดงมีการปรับตัวสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อน&nbsp;ส่วนน้ำมันพืชและไข่ไก่ราคายังคงทรงตัว&nbsp;</p><p><strong>ราคาจำหน่ายสุกรเนื้อแดง</strong>&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสด&nbsp;ราคา&nbsp;200-240&nbsp;บาท/กก.&nbsp;ณ&nbsp;ห้างสรรพสินค้า&nbsp;ราคา&nbsp;185-252&nbsp;บาท/กก.&nbsp;</p><p><strong>ราคาจำหน่ายน้ำมันพืชถั่วเหลือง&nbsp;</strong>ราคา&nbsp;54-55&nbsp;บาท/ขวด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;ราคาจำหน่ายน้ำมันพืชปาล์ม&nbsp;ราคา&nbsp;54-55&nbsp;บาท/ขวด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;</p><p><strong>ส่วนราคาไข่ไก่พบว่าราคายังคงทรงตัวอยู่&nbsp;</strong>ดังนี้&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;0&nbsp;ราคา&nbsp;3.8-3.9&nbsp;บาท/ฟอง&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;1&nbsp;ราคา&nbsp;3.6-3.7&nbsp;บาท/ฟอง&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;ราคา&nbsp;3.4-3.5&nbsp;บาท/ฟอง&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคา&nbsp;3.2-3.3&nbsp;บาท/ฟอง&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;4&nbsp;&nbsp;ราคา&nbsp;&nbsp;3.0-3.10&nbsp;บาท/ฟอง&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้พบว่าสินค้ายังมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการ</strong>&nbsp;และหากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรม&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน&nbsp;1569&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>14/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสวท.สุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114172700208 นายกรัฐมนตรีหารือคณะผู้ประกอบการรุ่นใหม่หอการค้าทั่วประเทศ ผลักดันพลังคนรุ่นใหม่ร่วมสร้างสรรค์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ<p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">นายสนั่น&nbsp;อังอุบลกุล&nbsp;ประธานกรรมการหอการค้าไทย</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;ดร.กฤษณะ&nbsp;วจีไกรลาศ&nbsp;กรรมการเลขาธิการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย&nbsp;นางสาวปริม&nbsp;จิตจรุงพร&nbsp;ประธานคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่หอการค้าไทย&nbsp;(YEC&nbsp;:&nbsp;Young&nbsp;Entrepreneur&nbsp;Chamber&nbsp;of&nbsp;Commerce)&nbsp;นำคณะผู้ประกอบการรุ่นใหม่&nbsp;(YEC)&nbsp;ทั่วประเทศ&nbsp;เข้าเยี่ยมคารวะและรับทราบนโยบายจาก&nbsp;พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">นายกรัฐมนตรี&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">หอการค้าไทยและหอการค้าทั่วประเทศมีบทบาทสำคัญในการเป็นภาคีของรัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด&nbsp;และเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการรุ่นใหม่&nbsp;พร้อมกล่าวว่า&nbsp;คนรุ่นใหม่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศ&nbsp;โดยเฉพาะในปัจจุบันที่เทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทต่อการขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจ&nbsp;ขอให้คนรุ่นใหม่มาร่วมสร้างสรรค์และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยยุคใหม่ให้เดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง&nbsp;มุ่งเน้นให้ประชาชนเป็นส่วนขับเคลื่อนสำคัญและให้นำเทคโนโลยีแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ&nbsp;มาประยุกต์ใช้ร่วมกัน&nbsp;ทั้งในด้านของการท่องเที่ยว&nbsp;เศรษฐกิจ&nbsp;ให้เกิดความน่าสนใจกับแต่ละท้องถิ่น</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">โอกาสนี้&nbsp;นายกรัฐมนตรี&nbsp;</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">รับฟังความเห็นจากผู้ประกอบการรุ่นใหม่&nbsp;ทั้ง&nbsp;77&nbsp;จังหวัด&nbsp;ทั่วประเทศ&nbsp;ในมุมมองของคนรุ่นใหม่ถึงแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัด&nbsp;โดยมีเป้าหมายสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน&nbsp;และได้มีการกลั่นกรองนำมาทั้งหมด&nbsp;15&nbsp;จังหวัด&nbsp;โดยได้นำเสนอตามยุทธศาสตร์เน้นการขับเคลื่อน&nbsp;โดยความร่วมมือของภาคเอกชนและการสนับสนุนจากภาครัฐ&nbsp;พร้อมกันนี้ขอชมเชยและให้ข้อเสนอแนะว่าให้มีการเตรียมทำแผนและข้อเสนอในเชิงลึกมากขึ้น&nbsp;เพื่อให้แต่ละจังหวัดนำไปปรับใช้ได้&nbsp;และขอให้คำนึงถึงกลไก&nbsp;ความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน&nbsp;โดยชี้ว่าภาคเอกชนคืออีกหนึ่งกลไกที่สำคัญของประเทศ&nbsp;ตลอดจนตัวชี้วัด&nbsp;ที่จะชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จของแต่ละโครงการด้วย</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>14/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114200812273 โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด คาดเปิดลงทะเบียนได้ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2565<p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">นายพรชัย&nbsp;ฐีระเวช&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ขณะนี้กระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดการดำเนินโครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;4&nbsp;อาทิ&nbsp;จำนวนสิทธิที่จะเข้าร่วมโครงการ&nbsp;วันแรกที่จะเปิดรับลงทะเบียน&nbsp;เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเปิดรับลงทะเบียนได้ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ส่วนวันเริ่มใช้สิทธิโครงการฯ&nbsp;คาดว่าจะอยู่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">อย่างไรก็ตาม&nbsp;ขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้อง</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">กับรายละเอียดของโครงการฯ&nbsp;ผ่านช่องทางการประชาสัมพันธ์ต่างๆ&nbsp;ของกระทรวงการคลังต่อไป&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ตามที่ได้มีกระแสข่าวว่า&nbsp;จะมีการเปิดรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;4&nbsp;ในวันที่&nbsp;16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;โดยให้ประชาชนกลุ่มเก่าที่เคยได้รับสิทธิกดยืนยันสิทธิ&nbsp;และให้ประชาชนกลุ่มใหม่จำนวน&nbsp;5&nbsp;ล้านคน&nbsp;ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการนั้น&nbsp;ไม่เป็นความจริง&nbsp;ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>14/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114202813285 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ ตรวจติดตามสถานการณ์ราคาไก่ ณ ห้างค้าปลีกและร้านค้าจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ<p><strong>วันที่&nbsp;14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นางสาวเอื้อนจิตร&nbsp;ช่วยนก&nbsp;พาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;</strong>มอบหมายให้กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจติดตามการจำหน่ายไก่มีชีวิตและเนื้อไก่สด&nbsp;ณ&nbsp;ห้างค้าปลีก&nbsp;(เทสโก้โลตัส/&nbsp;แม็คโคร/เบทาโกร/ซีพี&nbsp;เฟรชมาร์ท)&nbsp;และร้านค้าจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;ผลการติดตามเป็นดังนี้</p><p><strong>ในส่วนของสถานการณ์ภาวะการค้า</strong>&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;ได้ลงพื้นที่สำรวจติดตามและขอความร่วมมือกับกลุ่มผู้ประกอบการจำหน่ายไก่สด&nbsp;ให้จำหน่ายในราคาที่กำหนด&nbsp;ดังนี้</p><p>-&nbsp;ไก่สดรวม/ไม่รวมเครื่องใน&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;60-65&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;น่องติดสะโพก/น่อง/สะโพก&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;60-65&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;เนื้ออกไก่&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;65-70&nbsp;บาท</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เพื่อเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพแก่ผู้บริโภคในช่วงนี้</strong>&nbsp;เป็นระยะเวลา&nbsp;6&nbsp;เดือน&nbsp;ตามมาตรการของกรมการค้าภายใน&nbsp;กระทรวงพาณิชย์</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>14/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบึงกาฬสวท.บึงกาฬhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114175346230 ผู้ว่าอุบลฯ ลงพื้นที่ติดตามร้านเข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคา จำหน่ายหมูเนื้อแดงราคาถูก ช่วยลดค่าครองชีพประชาชน จากสถานการณ์ค่าครองชีพมีแนวโน้มสูงขึ้น<p><strong>นายพงศ์รัตน์&nbsp;ภิรมย์รัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี</strong>&nbsp;พร้อมด้วยนายทรงพล&nbsp;วิชัยขัทคะ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;และเจ้าหน้าที่สำนักพาณิชย์จังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;ตรวจเยี่ยมราคาหมูเนื้อแดง&nbsp;ที่&nbsp;ร้านวี.ซี.มีท&nbsp;สาขาอุบลราชธานี&nbsp;ซึ่งเป็นร้านที่เข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;โดยนำหมูเนื้อแดง&nbsp;จำหน่ายในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ทั้งนี้เพื่อลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;จากสถานการณ์ค่าครองชีพมีแนวโน้มสูงขึ้น</p><p><strong>สำหรับมาตรการเกี่ยวกับหมูราคาแพงจังหวัดอุบลราชธานีร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุบลราชานี&nbsp;</strong>ได้ดำเนินการหาร้านเข้าร่วมโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ซึ่งจำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;และร้านทูบี&nbsp;พอร์ค&nbsp;มาร์ท&nbsp;(4&nbsp;สาขา)&nbsp;สาขาตลาดดอนกลางสันติสุข&nbsp;สาขาถนนอุปลีสาน&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;สาขาตลาดวาริน&nbsp;และสาขาตลาดเจริญศรี&nbsp;อำเภอวารินชำราบ&nbsp;และขณะนี้กำลังประสานร้านวี.ซี.มีท&nbsp;เพื่อให้ช่วยขยายระยะเวลาร่วมโครงการหมูพาณิชย์ลดราค&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;!&nbsp;โดยจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;ต่อไปอีก&nbsp;จากเดิมถึงวันที่&nbsp;16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;สำนักงานพาณิชย์&nbsp;ส่วนกลางประสาน&nbsp;</strong>ได้ประสานขอความร่วมมือห้างแม็คโคร&nbsp;อุบลราชธานี&nbsp;ตรึงราคาจำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคากิโลกรัมละ&nbsp;185&nbsp;บาท&nbsp;โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่&nbsp;18&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งห้างแม็คโคร&nbsp;สาขาอุบลราชธานี&nbsp;มีปริมาณจำหน่ายวันละ&nbsp;2,000&nbsp;กิโลกรัม</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>14/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุบลราชธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุบลราชธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114174138221 ธ.ก.ส. โอนเงินประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 3 รอบที่ 1-2 เพิ่มเติม และรอบที่ 3 <p><strong>นายกษาปณ์&nbsp;เงินรวง</strong>&nbsp;รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร&nbsp;(ธ.ก.ส.)&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ในวันนี้&nbsp;(14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;ธ.ก.ส.&nbsp;ได้โอนเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง&nbsp;ระยะที่&nbsp;3&nbsp;รอบที่&nbsp;1-2&nbsp;เพิ่มเติม&nbsp;และรอบที่&nbsp;3&nbsp;ให้แก่เกษตรกรจำนวน&nbsp;484,609&nbsp;ราย&nbsp;เป็นเงิน&nbsp;568&nbsp;ล้านบาท&nbsp;โดยเป็นการประกันรายได้ตามการผลิตแต่ละประเภท&nbsp;ได้แก่&nbsp;ยางพาราแผ่นดิบคุณภาพดี&nbsp;ประกันราคา&nbsp;60&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;น้ำยางสด&nbsp;(DRC&nbsp;100%)&nbsp;ประกันราคา&nbsp;57&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;และยางก้อนถ้วย&nbsp;(DRC&nbsp;50%)&nbsp;ประกันราคา&nbsp;23&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;เป้าหมายเกษตรกร&nbsp;1.88&nbsp;ล้านราย&nbsp;พื้นที่สวนยางกว่า&nbsp;19.16&nbsp;ล้านไร่&nbsp;วงเงินงบประมาณ&nbsp;จำนวน&nbsp;9,783.61&nbsp;ล้านบาท</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ธ.ก.ส.&nbsp;ได้โอนเงิน&nbsp;</strong>ตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว&nbsp;ปีการผลิต&nbsp;2564/65&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;แก่เกษตรกร&nbsp;จำนวน&nbsp;62,374&nbsp;ราย&nbsp;เป็นเงิน&nbsp;490&nbsp;ล้านบาท&nbsp;เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรจากภาระต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น&nbsp;รวมถึงเป็นการจูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษาข้าวให้มีคุณภาพดี&nbsp;เพื่อที่จะมีโอกาสขายข้าวในราคาที่สูงและมีรายได้มากขึ้น&nbsp;โดยรัฐบาลสนับสนุนเงินให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าว&nbsp;ปีการผลิต&nbsp;2564/65&nbsp;รอบที่&nbsp;1&nbsp;กับกรมส่งเสริมการเกษตร&nbsp;ในอัตราไร่ละ&nbsp;1,000&nbsp;บาท&nbsp;สูงสุดไม่เกิน&nbsp;20&nbsp;ไร่&nbsp;หรือไม่เกิน&nbsp;20,000&nbsp;บาทต่อครัวเรือน&nbsp;เป้าหมายเกษตรกร&nbsp;จำนวน&nbsp;4.69&nbsp;ล้านครัวเรือน&nbsp;&nbsp;วงเงินงบประมาณ&nbsp;จำนวน&nbsp;53,871.84&nbsp;ล้านบาท</p><p><strong>เกษตรกรสามารถตรวจสอบ&nbsp;</strong>ผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชัน&nbsp;ธ.ก.ส.&nbsp;A-Mobile&nbsp;ตลอด&nbsp;24&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;และจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่าน&nbsp;LINE&nbsp;Official&nbsp;BAAC&nbsp;Family&nbsp;กรณีที่ลูกค้าสมัครใช้บริการ&nbsp;BAAC&nbsp;Connect&nbsp;รวมถึงสามารถเบิกถอนเงินสดผ่านตู้&nbsp;ATM&nbsp;ของ&nbsp;ธ.ก.ส.&nbsp;ทั่วประเทศ</p><p><br></p><p><br></p>14/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114202715284 เกษตรกรปรับสวนส้มสร้างรายได้ช่วงสถานการณ์โควิด-19<p><strong>เกษตรกรสวนส้ม&nbsp;ปรับสวนส้มเป็นการแนวท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม&nbsp;สร้างรายได้&nbsp;ในช่วงสถานการณ์โควิด-19</strong></p><p><strong>นายจันดี&nbsp;ทวีอภิรดีสถิตย์&nbsp;เจ้าของสวนส้มจันทร์ทวี&nbsp;อ.สะเมิง&nbsp;จ.เชียงใหม่</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;เดิมก่อนที่จะมาทำสวนส้มสายน้ำผึ้งนี้&nbsp;ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและบริการมีลูกน้องหลายร้อยคน&nbsp;แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19&nbsp;แพร่ระบาด&nbsp;จึงปรับตัวหันมาทำเกษตรกรรม&nbsp;และน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้สู้ฝันฝ่าอุปสรรค&nbsp;ซึ่งเมื่อก่อนตอนทำธุรกิจท่องเที่ยวสามารถสร้างรายได้วันละ&nbsp;300,000&nbsp;บาท&nbsp;ปัจจุบัน&nbsp;ตั้งแต่มาทำอาชีพเกษตรกรรม&nbsp;มีรายได้เพียงวันละ&nbsp;3,000&nbsp;บาท&nbsp;ต่อมาเหลือ&nbsp;300&nbsp;บาท&nbsp;ตนและครอบครัวจึงปรับสวนส้มที่มีอายุ&nbsp;15&nbsp;ปี&nbsp;เปิดเป็นท่องเที่ยวเชิงเกษตรกรรม&nbsp;ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมพร้อมเลือกเก็บเกี่ยวผลผลิตเองและนำมาชั่งในกิโลกรัมละ&nbsp;50&nbsp;บาท&nbsp;ในกรณีมาซื้อที่หน้าสวนจะจำหน่ายในกิโลกรัมเฉลี่ย&nbsp;35&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งสามารถประคองให้ผ่านช่วงวิกฤตไปได้ในระดับหนึ่ง&nbsp;ซึ่งนักท่องเที่ยวที่สนใจจะมาเที่ยวชม&nbsp;หรืออุดหนุนผลผลิตทางการเกษตร&nbsp;สามารถติดต่อเข้าชมสวนได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอสะเมิง&nbsp;หรือติดต่อมาที่ตนได้เลยที่&nbsp;โทร&nbsp;089-759-3888</p><p>ทั้งนี้&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่ปลูกส้ม&nbsp;จำนวน&nbsp;38,192&nbsp;ไร่&nbsp;อำเภอสะเมิง&nbsp;มีพื้นที่ปลูกส้ม&nbsp;จำนวน&nbsp;345&nbsp;ไร่&nbsp;เริ่มให้ผลผลิตตั้งแต่เดือนธันวาคม-มิถุนายน&nbsp;2565</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>14/1/2022ภาคเหนือเชียงใหม่สวท.เชียงใหม่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114181539243 รองผู้ว่าฯตรัง เปิดงานมหกรรมท่องเที่ยวชุมชนจังหวัดตรัง "วิถีป่า วิถีนา" เพื่อเตรียมความพร้อมของจังหวัดตรัง รองรับนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพตามวิถีใหม่<p><strong>นายภูวนัฐ&nbsp;สมใจ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง&nbsp;เป็นประธานในพิธีเปิดการจัดกิจกรรม</strong>&nbsp;มหกรรมท่องเที่ยวชุมชนจังหวัดตรัง&nbsp;“วิถีป่า-วิถีนา”&nbsp;เพื่อเตรียมความพร้อมของจังหวัดตรัง&nbsp;รองรับการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพตามวิถีใหม่&nbsp;ณ&nbsp;โรงเรียนบ้านเขาหลัก&nbsp;หมู่ที่&nbsp;7&nbsp;ตำบลน้ำผุด&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดตรัง</p><p><strong>ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(Covid&nbsp;-&nbsp;19)&nbsp;</strong>ส่งผลต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจในทุกระดับ&nbsp;ทั่วประเทศ&nbsp;โดยเฉพาะอุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยวและบริการ&nbsp;และการจัดการรูปแบบการท่องเที่ยวจะไม่เหมือนเดิม&nbsp;นักท่องเที่ยวจะให้ความสำคัญกับสุขอนามัย&nbsp;และความปลอดภัย&nbsp;พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจะเปลี่ยนไป&nbsp;โดยเดินทางเป็นกลุ่มขนาดเล็ก</p><p><strong>จังหวัดตรัง&nbsp;ได้เห็นความสำคัญเร่งด่วน&nbsp;จำเป็นต้องดำเนินโครงการยกระดับมาตรฐาน</strong>และเตรียมความพร้อมด้านการท่องเที่ยวแบบ&nbsp;New&nbsp;Normal&nbsp;โดยในหนึ่งกิจกรรมนั้น&nbsp;คือ&nbsp;กิจกรรมมหกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดตรัง&nbsp;เพื่อเตรียมความพร้อมของจังหวัดตรัง&nbsp;เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพตามวิถีใหม่&nbsp;และเพื่อสร้างช่องทางการตลาดเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากจังหวัดตรัง&nbsp;ผ่านกิจกรรมการท่องเที่ยว&nbsp;สำหรับการจัดกิจกรรมครั้งนี้&nbsp;ภายใต้ชื่องาน&nbsp;"&nbsp;วิถีป่า&nbsp;วิถีนา"&nbsp;กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่&nbsp;14-16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;โรงเรียนบ้านเขาหลัก&nbsp;หมู่ที่&nbsp;7&nbsp;ตำบลน้ำผุด&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;โดยความร่วมมือของกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนวิถีป่า&nbsp;วิถีนา&nbsp;อาทิ&nbsp;บ้านเขาหลัก&nbsp;บ้านตะเหมก&nbsp;บ้านเขาโหรง&nbsp;บ้านหน้าเขา&nbsp;-&nbsp;ในวัง&nbsp;บ้านวังผาเมฆ&nbsp;บ้านในเขา&nbsp;บ้านนาหมื่นศรี&nbsp;และ&nbsp;บ้านนาข้าวเสีย&nbsp;ที่ยังคงความเป็นอัตลักษณ์ของอาหารพื้นถิ่น&nbsp;ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ&nbsp;ความมีมิตรไมตรีของผู้คน&nbsp;และโดดเด่นเรื่องประเพณีวัฒนธรรม</p><p><strong>สำหรับภายในงาน&nbsp;จัดให้มีการจำหน่ายอาหารและผลิตภัณฑ์เด่นของแต่ละชุมชน&nbsp;</strong>การสาธิตผลิตภัณฑ์และอาหารของชุมชน&nbsp;รวมถึงการแสดงบนเวที&nbsp;ซึ่งการจัดกิจกรรมครั้งนี้&nbsp;จัดขึ้นภายใต้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาด&nbsp;COVID&nbsp;19&nbsp;โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนต้องแสดงผลการฉีดวัคซีนครบ&nbsp;2&nbsp;เข็ม&nbsp;งดการจัดโต๊ะรับประทานอาหารภายในงาน&nbsp;รวมถึงการชำระเงินสามารถจ่ายผ่านระบบออนไลน์ได้&nbsp;เพื่อลดการสัมผัสระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย&nbsp;การจัดกิจกรรมครั้งนี้&nbsp;ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่ง&nbsp;จากอำเภอเมืองตรัง&nbsp;องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำผุด&nbsp;โรงเรียนบ้านเขาหลัก&nbsp;กลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชนในจังหวัดตรัง&nbsp;และประชาชนบ้านเขาหลัก&nbsp;นำโดย&nbsp;นายสวัสดิ์&nbsp;ขุนนุ้ย&nbsp;ผู้ใหญ่บ้านเขาหลัก&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>14/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114193505263 จังหวัดลำพูน เปิดงาน เที่ยวลำพูน เสพงานศิลป์ ถิ่นวัฒนธรรม<p><strong>จังหวัดลำพูน&nbsp;เปิดงาน&nbsp;</strong>"เที่ยวลำพูน&nbsp;เสพงานศิลป์&nbsp;ถิ่นวัฒนธรรม"&nbsp;แอ่วสนุก&nbsp;สุขเบิกบาน&nbsp;วิถี&nbsp;SLOW&nbsp;LIFE&nbsp;แบบ&nbsp;NEW&nbsp;NORMAL&nbsp;เพื่อส่งเสริม&nbsp;และประชาสัมพันธ์&nbsp;กิจกรรม&nbsp;สถานที่&nbsp;ภูมิปัญญา&nbsp;และประวัติศาสตร์ที่สำคัญของจังหวัดลำพูน&nbsp;ให้เป็นที่รู้จัก&nbsp;</p><p>ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;80&nbsp;พรรษา&nbsp;ตำบลเวียงยอง&nbsp;อำเภอเมืองลำพูน&nbsp;นายวรยุทธ&nbsp;เนาวรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน&nbsp;เป็นประธานเปิดงาน&nbsp;"เที่ยวลำพูน&nbsp;เสพงานศิลป์&nbsp;ถิ่นวัฒนธรรม"&nbsp;กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดลำพูน&nbsp;ในห้วงฤดูท่องเที่ยว&nbsp;โดยมี&nbsp;นายภาษเดช&nbsp;หงส์ลดารมภ์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน&nbsp;นางปนัดดา&nbsp;เนาวรัตน์&nbsp;ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดลำพูน&nbsp;นายจักรกฤษณ์&nbsp;เอ่งฉ้วน&nbsp;ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำพูน&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;เจ้าหน้าที่&nbsp;และประชาชน&nbsp;รวมถึงบรรดานักท่องเที่ยว&nbsp;ร่วมพิธีและร่วมกิจกรรม&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำพูน&nbsp;บูรณาการร่วมกับหน่วยงาน&nbsp;ภาครัฐและเอกชน&nbsp;จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดลำพูนในห้วงฤดูท่องเที่ยว&nbsp;กิจกรรม&nbsp;"เที่ยวลำพูน&nbsp;เสพงานศิลป์&nbsp;ถิ่นวัฒนธรรม"&nbsp;แอ่วสนุก&nbsp;สุขเบิกบาน&nbsp;วิถี&nbsp;SLOW&nbsp;LIFE&nbsp;แบบ&nbsp;NEW&nbsp;NORMAL&nbsp;จัดขึ้นระหว่างวันที่&nbsp;14&nbsp;-18&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ภายใต้โครงการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและบริการ&nbsp;เพื่อส่งเสริม&nbsp;สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับนักท่องเที่ยวให้รู้จักจังหวัดลำพูนในหลากหลายมิติ&nbsp;</p><p>สำหรับภายในงานพบกับ&nbsp;Winter&nbsp;of&nbsp;lights&nbsp;ชมแสงศิลป&nbsp;เสน่ห์แห่งลำพูน&nbsp;ด้วยประติมากรรมไฟยามค่ำคืน&nbsp;Tourism&nbsp;market&nbsp;การแสดงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว&nbsp;พร้อมสินค้าชุมชนท่องเที่ยวราคาสุดพิเศษ&nbsp;กว่า&nbsp;30&nbsp;บูธ&nbsp;Design&nbsp;&amp;&nbsp;crafts&nbsp;สุดยอดผลงานสร้างสรรค์ทางศิลปะและหัตถกรรมพื้นถิ่นโดยศิลปินชุมชน&nbsp;&nbsp;Creative&nbsp;workshop&nbsp;สนุกสนานเรียนรู้ด้วยแรงบันดาลใจกับ&nbsp;DIY&nbsp;workshop&nbsp;สุดชิค,&nbsp;Local&nbsp;food&nbsp;อิ่มอร่อยกับอาหารพื้นถิ่นและเครื่องดื่มที่หลากหลาย&nbsp;เป็นต้น&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>14/1/2022ภาคเหนือลำพูนสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114202827286 รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เปิดการจัดกิจกรรม มหกรรมท่องเที่ยวชุมชนจังหวัดตรัง วิถีป่า วิถีนา เพื่อเตรียมความพร้อมของจังหวัดตรังรองรับการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพตามวิถีใหม่<p><strong>นายภูวนัฐ&nbsp;สมใจ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง&nbsp;เป็นประธานในพิธี</strong>เปิดการจัดกิจกรรม&nbsp;มหกรรมท่องเที่ยวชุมชนจังหวัดตรัง&nbsp;“วิถีป่า-วิถีนา”&nbsp;เพื่อเตรียมความพร้อมของจังหวัดตรัง&nbsp;รองรับการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพตามวิถีใหม่&nbsp;ณ&nbsp;โรงเรียนบ้านเขาหลัก&nbsp;หมู่ที่&nbsp;7&nbsp;ตำบลน้ำผุด&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดตรัง</p><p><strong>ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(Covid&nbsp;-&nbsp;19)</strong>&nbsp;ส่งผลต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจในทุกระดับ&nbsp;ทั่วประเทศ&nbsp;โดยเฉพาะอุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยวและบริการ&nbsp;และการจัดการรูปแบบการท่องเที่ยวจะไม่เหมือนเดิม&nbsp;นักท่องเที่ยวจะให้ความสำคัญกับสุขอนามัย&nbsp;และความปลอดภัย&nbsp;พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจะเปลี่ยนไป&nbsp;โดยเดินทางเป็นกลุ่มขนาดเล็ก</p><p><strong>จังหวัดตรัง&nbsp;ได้เห็นความสำคัญเร่งด่วน&nbsp;จำเป็นต้องดำเนินโครงการยกระดับมาตรฐาน</strong>และเตรียมความพร้อมด้านการท่องเที่ยวแบบ&nbsp;New&nbsp;Normal&nbsp;โดยในหนึ่งกิจกรรมนั้น&nbsp;คือ&nbsp;กิจกรรมมหกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดตรัง&nbsp;เพื่อเตรียมความพร้อมของจังหวัดตรัง&nbsp;เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพตามวิถีใหม่&nbsp;และเพื่อสร้างช่องทางการตลาดเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากจังหวัดตรัง&nbsp;ผ่านกิจกรรมการท่องเที่ยว&nbsp;สำหรับการจัดกิจกรรมครั้งนี้&nbsp;ภายใต้ชื่องาน&nbsp;"&nbsp;วิถีป่า&nbsp;วิถีนา"&nbsp;กำหนดจัดขี้นระหว่างวันที่&nbsp;14-16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;โรงเรียนบ้านเขาหลัก&nbsp;หมู่ที่&nbsp;7&nbsp;ตำบลน้ำผุด&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;โดยความร่วมมือของกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนวิถีป่า&nbsp;วิถีนา&nbsp;อาทิ&nbsp;บ้านเขาหลักบ้านตะเหมก&nbsp;บ้านเขาโหรง&nbsp;บ้านหน้าเขา&nbsp;-&nbsp;ในวัง&nbsp;บ้านวังผาเมฆ&nbsp;บ้านในเขา&nbsp;บ้านนาหมื่นศรี&nbsp;และ&nbsp;บ้านนาข้าวเสีย&nbsp;ที่ยังคงความเป็นอัตลักษณ์ของอาหารพื้นถิ่น&nbsp;ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ&nbsp;ความมีมิตรไมตรีของผู้คน&nbsp;และ&nbsp;โดดเด่นเรื่องประเพณีวัฒนธรรม</p><p><strong>สำหรับภายในงาน&nbsp;จัดให้มี&nbsp;การจำหน่ายอาหารและผลิตภัณฑ์เด่นของแต่ละชุมชน</strong>&nbsp;การสาธิตผลิตภัณฑ์และอาหารของชุมชน&nbsp;รวมถึงการแสดงบนเวที&nbsp;ซึ่งการจัดกิจกรรมครั้งนี้&nbsp;จัดขึ้นภายใต้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาด&nbsp;COVID&nbsp;19&nbsp;โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนต้องแสดงผลการฉีดวัคซีนครบ&nbsp;2&nbsp;เข็ม&nbsp;งดการจัดโต๊ะรับประทานอาหารภายในงาน&nbsp;รวมถึง&nbsp;การชำระเงินสามารถจ่ายผ่านระบบออนไลน์ได้&nbsp;เพื่อลดความการสัมผัสระหว่างผู้ซื้อ&nbsp;และผู้ขาย&nbsp;การจัดกิจกรรมครั้งนี้&nbsp;ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่ง&nbsp;จาก&nbsp;อำเภอเมืองตรัง&nbsp;องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำผุด&nbsp;โรงเรียนบ้านเขาหลัก&nbsp;กลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชนในจังหวัดตรัง&nbsp;และประชาชนบ้านเขาหลัก&nbsp;นำโดย&nbsp;นายสวัสดิ์&nbsp;ขุนนุ้ย&nbsp;ผู้ใหญ่บ้านเขาหลัก&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>ประกวดราคา&nbsp;ใช้ออกอากาศวันจันทร์ที่&nbsp;17&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p>14/1/2022ภาคใต้ตรังสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114205132303 จังหวัดนครพนม หามาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะราคาสุกรที่สูงขึ้น<p><strong>วันที่&nbsp;14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;นายจิรวุฒิ&nbsp;สุวรรณอาจ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดนครพนม</strong>&nbsp;ร่วมประชุมหารือมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะราคาสุกรที่สูงขึ้น&nbsp;กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัด&nbsp;เกษตรและสหกรณ์จังหวัด&nbsp;เกษตรจังหวัด&nbsp;สำนักงานจังหวัด&nbsp;และประชาสัมพันธ์จังหวัด&nbsp;โดยมีนายชาญชัย&nbsp;คงทันรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม&nbsp;เป็นประธานในที่ประชุม&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครพนม&nbsp;ได้รายงานต่อที่ประชุมว่ามีมาตรการในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะราคาสุกรที่สูงขึ้น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.&nbsp;ห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักร&nbsp;ทุกกรณีเป็นระยะเวลา&nbsp;3&nbsp;เดือนนับตั้งแต่วันที่&nbsp;6&nbsp;ม.ค.&nbsp;2565&nbsp;</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.&nbsp;กำหนดให้ผู้เลี้ยง&nbsp;ผู้จำหน่าย&nbsp;ผู้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งครอบคลุมสุกรมีชีวิตที่มีปริมาณตั้งแต่ห้าร้อยตัวขึ้นไป&nbsp;และผู้ครอบครองสุกรชำแหละผ่าซีก&nbsp;เนื้อสุกรชำแหละแยกชิ้นส่วน&nbsp;ที่มีปริมาณรวมกันตั้งแต่ห้าพันกิโลกรัมขึ้นไป&nbsp;แจ้งปริมาณ&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;สถานที่เก็บและสถานที่เลี้ยง&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.&nbsp;จัด&nbsp;“โครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;23&nbsp;พ.ย.&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;ธ.ค.&nbsp;64&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;ไม่เกิน&nbsp;130&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;7&nbsp;จุดจำหน่าย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;5&nbsp;-&nbsp;15&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดง</p><p>ราคากิโลกรัมละ&nbsp;ไม่เกิน&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;จุด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;1)&nbsp;แหลมทองโภคภัณฑ์&nbsp;ข้างธนาคารออมสินสาขานครพนม</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;2)&nbsp;อารีย์เนื้อหมูสด&nbsp;ตำบลหนองสังข์&nbsp;อำเภอนาแก</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;3)&nbsp;ตุ๊ดตู่หมูสด&nbsp;ตำบลพิมาน&nbsp;อำเภอนาแก</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;4)&nbsp;กวินหมูสด&nbsp;ตำบลนาแก&nbsp;อำเภอนาแก</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;16&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดง</p><p>ราคากิโลกรัมละ&nbsp;ไม่เกิน&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;7&nbsp;จุด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;1)&nbsp;แหลมทองโภคภัณฑ์&nbsp;ข้างธนาคารออมสินสาขานครพนม</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;2)&nbsp;อารีย์เนื้อหมูสด&nbsp;ตำบลหนองสังข์&nbsp;อำเภอนาแก</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;3)&nbsp;ตุ๊ดตู่หมูสด&nbsp;ตำบลพิมาน&nbsp;อำเภอนาแก</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;4)&nbsp;กวินหมูสด&nbsp;ตำบลนาแก&nbsp;อำเภอนาแก</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;5)&nbsp;ร้านสกล&nbsp;ตลาดสดเทศบาลปลาปาก&nbsp;ตำบลปลาปาก&nbsp;อ.ปลาปาก</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;6)&nbsp;ร้านครูรักหมูสด&nbsp;ตลาดสดบ้านนาพระชัย&nbsp;ต.หนองแวง&nbsp;อ.บ้านแพง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;7)&nbsp;ร้านปังหอมหมูสด&nbsp;บ้านดอนดู่&nbsp;ตำบลนาทม&nbsp;อำเภอนาทม</p>14/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครพนมสวท.นครพนมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114214534335 สุพรรณบุรี SP-Net เปิดเวทีเสวนา "มุมมองสุพรรณบุรีโมเดลด้านการท่องเที่ยว"<p><strong>อาจารย์กิติ&nbsp;จารุอารยนันท์&nbsp;ประธานสถาบันพัฒนาธุรกิจภูมิภาค</strong>&nbsp;เปิดเผยว่าสถาบันพัฒนาธุรกิจภูมิภาค&nbsp;โดย&nbsp;มูลนิธิองค์กรเครือข่ายบริการธุรกิจภูมิภาค&nbsp;&nbsp;ได้ออกแบบ&nbsp;และจัดทำรายการสื่อออนไลน์เพื่อชุมชนขึ้น&nbsp;ทุกวันศุกร์&nbsp;เวลา&nbsp;18.30&nbsp;-&nbsp;20.00&nbsp;น.&nbsp;เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้รับรู้ข่าวสาร&nbsp;และแนวทางในการรับมือ&nbsp;แก้ปัญหา&nbsp;เพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข&nbsp;และยั่งยืน&nbsp;โดยในวันที่&nbsp;14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ประเด็น&nbsp;เปิดมุมมองการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวสุพรรณบุรี&nbsp;มุ่งสู่&nbsp;mini&nbsp;MICE&nbsp;City&nbsp;ที่ผนวกเข้ากับความเป็น&nbsp;&nbsp;เมืองอาหารปลอดภัย&nbsp;เมืองดนตรี&nbsp;เมืองสมุนไพร&nbsp;เมืองสุขภาพ&nbsp;และเมืองกีฬา</p><p>-&nbsp;การรวมเครือข่ายสร้างชุมชน&nbsp;บริหารโดยชุมชน&nbsp;เพื่อชุมชน</p><p>-&nbsp;สะท้อนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน&nbsp;สมุนไพรและของฝาก</p><p>-&nbsp;กลไกการมีส่วนร่วมภาคประชาชน&nbsp;เปิดใจรับฟัง&nbsp;สื่อสารที่ดี&nbsp;และยอมรับการเปลี่ยนแปลง</p><p>-&nbsp;การมีภาวะผู้นำและต่อยอดองค์ความรู้เป็นเครื่องมือสำคัญของชุมชนเข้มแข็ง</p><p>-&nbsp;หัวใจของคนในชุมชนคือ&nbsp;ความซื่อสัตย์&nbsp;จัดการต้นทุนทางสังคม&nbsp;กำหนดธรรมนูญชุมชน&nbsp;นำไปสู่ผลประชนร่วมกัน</p><p><strong>ดำเนินรายการ&nbsp;โดย&nbsp;นายกิติ&nbsp;จารุอารยนันท์</strong>&nbsp;:&nbsp;ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาธุรกิจภูมิภาค</p><p>และผู้ร่วมสนทนา&nbsp;ประกอบด้วย</p><p>1.&nbsp;นายอนุศักดิ์&nbsp;คงมาลัย&nbsp;:&nbsp;สมาชิกวุฒิสภา</p><p>2.&nbsp;คุณสุวรรณา&nbsp;จิวัฒนไพบูลย์&nbsp;:&nbsp;บริษัท&nbsp;ซองเดอร์&nbsp;ไทยออร์กานิคฟูด&nbsp;จำกัด</p><p>3.&nbsp;คุณอภิรดี&nbsp;อามาตย์ทัศน์&nbsp;:&nbsp;เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี</p><p>4.&nbsp;คุณอธิชา&nbsp;สนสารี&nbsp;:&nbsp;ประธานวิสาหกิจบ้านวังโหรา</p><p>5.&nbsp;นายพิสิฏฐ์&nbsp;ช่างผาสุข&nbsp;:&nbsp;ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี</p><p>6.&nbsp;นายกิจอุดม&nbsp;เสือเจริญ&nbsp;:&nbsp;สมาชิกเทศบาล&nbsp;ต.ศรีษะเกษ&nbsp;อ.นาน้อย&nbsp;จ.น่าน</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;สามารถรับชมรายการสด&nbsp;และร่วมแสดงความคิดเห็น</strong>&nbsp;ระหว่างรายการ&nbsp;ได้ทาง&nbsp;Facebook&nbsp;มูลนิธิเอสพีเน็ต&nbsp;:&nbsp;https://www.facebook.com/SP.Net.Foundation/live/</p><p>https://www.facebook.com/SP.Net.Foundation/posts/4577231038956936</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>เฉลียว&nbsp;อินยิ้ม&nbsp;สวท.สุพรรณบุรี&nbsp;รายงาน</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>14/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสุพรรณบุรีสวท.สุพรรณบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114223021338 เริ่มแล้ว จังหวัดบุรีรัมย์จัดงาน เทศกาลภูเขาไฟกระโดง ครั้งที่ 3 เชิญนักท่องเที่ยวชมแสง สี เสียง ตำนานรักเขากระโดง 14 – 16 มกราคมนี้<p><strong>วันนี้&nbsp;(14&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายธัชกร&nbsp;หัตถาธยากูล&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์&nbsp;</strong>เปิดงานเทศกาลภูเขาไฟกระโดง&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;ที่บริเวณลานปากปล่องภูเขาไฟกระโดง&nbsp;ตำบลเสม็ด&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดบุรีรัมย์&nbsp;ซึ่งจังหวัดบุรีรัมย์&nbsp;ร่วมกับภาคเอกชน&nbsp;เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว&nbsp;และกระตุ้นรายได้ด้านการท่องเที่ยว&nbsp;พร้อมทั้งกระจายรายได้ให้ผู้ประกอบการ&nbsp;พ่อค้าแม่ค้า&nbsp;และประชาชนในพื้นที่&nbsp;ภายใต้มาตรการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19&nbsp;ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเข้มข้น&nbsp;โดยผู้เข้าชมงานต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน&nbsp;สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา&nbsp;ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกคน&nbsp;สำหรับรูปแบบการจัดงานในปีนี้คือ&nbsp;“ปฐมบทแห่งภูเขาไฟ”&nbsp;ซึ่งจะนำเรื่องราวเล่าขาน&nbsp;เรื่องเล่าทางภูมิศาสตร์&nbsp;วิทยาศาสตร์&nbsp;ประวัติศาสตร์&nbsp;รวมไปถึงตำนานความเชื่อของจังหวัดบุรีรัมย์&nbsp;ในฐานะเป็นเมืองที่มีภูเขาไฟที่ดับแล้วมากที่สุดในประเทศไทย&nbsp;จำนวน&nbsp;6&nbsp;ลูก&nbsp;บอกเล่าให้ผู้เข้าชมงานได้ชมผ่านรูปแบบของนิทรรศการและการแสดงแสงสีเสียง&nbsp;ในชื่อชุด&nbsp;“อัปสราโชว์”&nbsp;อย่างยิ่งใหญ่ตระการตา&nbsp;พร้อมทั้งมีการจำลองการระเบิดของภูเขาไฟกระโดง&nbsp;ซึ่งจะมีการระเบิดทุกๆ&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;นอกจากนั้น&nbsp;ทางเดินขึ้นปากปล่องภูเขาไฟระยะทางกว่า&nbsp;700&nbsp;เมตร&nbsp;ได้มีการจัดซุ้มไฟประดับแสงไฟแบล็คไลท์&nbsp;สร้างสีสันให้ประชาชนที่ไปเที่ยวชมงานได้ถ่ายภาพ&nbsp;มีลานวัฒนธรรม&nbsp;ร้านค้าค้าผลิตภัณฑ์และอาหารพื้นเมือง&nbsp;มีร้านค้ามากกว่า&nbsp;70&nbsp;ร้าน&nbsp;ให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ&nbsp;อีก&nbsp;</strong>เช่น&nbsp;กิจกรรมบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์&nbsp;บริเวณหน้าพระสุภัทรบพิตร&nbsp;กิจกรรมสวดมนต์&nbsp;ปฏิบัติธรรมน้อมนำจิตใจ&nbsp;&nbsp;บริเวณลานด้านหน้าองค์พระสุภัทรบพิตรในช่วงเย็นของทุกวัน&nbsp;ซึ่งประชาชนและนักเที่ยวสามารถเดินทางไปร่วมทำกิจกรรม&nbsp;และเที่ยวชมงานได้จนถึงวันที่&nbsp;16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;16.00&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>14/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบุรีรัมย์สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบุรีรัมย์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220114231433345 ตลาด อ.ต.ก. เปิดขายไข่ไก่ราคาพิเศษ เฉลี่ยฟองละ 3 บาท ช่วยภาระค่าครองชีพของประชาชน<p><strong>นายปิยวุฒิ&nbsp;วิหงษ์&nbsp;รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจการเกษตร&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ผู้บริหารองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร&nbsp;(อ.ต.ก.)&nbsp;มีนโยบายในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;โดยร่วมมือกับสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่&nbsp;เปิดจำหน่ายไข่ไก่ราคาพิเศษราคาเดียวกับหน้าฟาร์ม&nbsp;จำนวน&nbsp;400&nbsp;ถาด&nbsp;โดยจำหน่ายแบบคละเบอร์บรรจุถาดละ&nbsp;30&nbsp;ฟอง&nbsp;ถาดละ&nbsp;90&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;ถาดละ&nbsp;96&nbsp;บาท&nbsp;และเบอร์&nbsp;1&nbsp;ถาดละ&nbsp;102&nbsp;บาท&nbsp;จำกัดจำนวนการซื้อคนละ&nbsp;2&nbsp;ถาด&nbsp;โดยเปิดจำหน่ายในวันนี้ตั้งแต่เวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.&nbsp;จนกว่าจะหมด&nbsp;ส่วนการเปิดจำหน่ายไข่ไก่ในครั้งต่อไปทางตลาด&nbsp;อ.ต.ก.&nbsp;จะหารือร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ว่ามีปริมาณไข่ไก่เพียงพอให้นำมาจำหน่ายในราคาพิเศษอีกหรือไม่</p><p><strong>ขณะที่&nbsp;นายมาโนช&nbsp;ชูทับทิม&nbsp;นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่&nbsp;ยืนยันว่า</strong>&nbsp;ไข่ไก่มีเพียงพอ&nbsp;ส่วนสาเหตุที่ราคาไข่ไก่เพิ่มขึ้นในขณะนี้เนื่องจากต้นทุนราคาอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น</p><p><br></p><p><br></p>15/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220115133339428 “หยิบหมอกหยอกตะวัน” ส่องทะเลหมอก เขาโต๊ะนิ จุดชมวิวอันซีนใหม่สุดฟิน<p><strong>ปัจจุบันการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ&nbsp;ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก&nbsp;</strong>ทั้งกลุ่มผู้ใหญ่วัยทำงานรวมไปถึงกลุ่มเด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นภูเขา&nbsp;น้ำตก&nbsp;ทะเลหมอก&nbsp;ส่วนหนึ่งมาจาก&nbsp;สถานการณ์โควิด-19&nbsp;ที่มีการแพร่ระบาดมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากในห้วงสองปีที่ผ่านมา&nbsp;ทำให้ประชาชนงดการเที่ยวห้าง&nbsp;หรือสถานที่&nbsp;ที่มีผู้คนหนาแน่น&nbsp;หาแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติ&nbsp;อากาศที่บริสุทธิ์&nbsp;</p><p><strong>สำหรับ&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;ต.โกตาบารู&nbsp;อ.รามัน&nbsp;</strong>เป็นพื้นที่อีกแห่งหนึ่งที่น่าจับตา&nbsp;ซึ่งที่นี่จะเป็นจุดเด่นหลายอย่าง&nbsp;ตั้งแต่การเป็นเมืองโกตาบารู&nbsp;ที่เก่าแก่มีประวัติมากมาย&nbsp;ชุมชนพหุวัฒนธรรม&nbsp;ภูมิปัญญาอาหารพื้นถิ่น&nbsp;และอีกมากมาย&nbsp;&nbsp;รวมไปถึง&nbsp;สภาพพื้นที่ภูเขาป่าธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์&nbsp;ทำให้การท่องเที่ยวอย่างจุดชมวิวทะเลหมอกเขาโต๊ะนิ&nbsp;กำลังเป็นที่นิยมของผู้ที่ชื่นชอบเป็นอย่างมาก&nbsp;</p><p><strong>โดยจะมีประชาชน&nbsp;แวะเวียนขึ้นไปตั้งแคมป์&nbsp;</strong>เพื่อรอชมหมอกในช่วงเช้าและพระอาทิตย์ตกในช่วงค่ำอยู่บ่อยครั้ง&nbsp;หลายคนที่มาจากทั้งในพื้นที่&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;และพื้นที่ใกล้เคียง&nbsp;ที่ได้ขึ้นมาตั้งเต้นท์พักแรมค้างคืน&nbsp;ต่างก็ได้สัมผัสกับความสวยงามของทะเลหมอก&nbsp;ดูพระอาทิตย์ขึ้น&nbsp;และตก&nbsp;วิวภูเขาที่โอบล้อมด้วยผืนป่า&nbsp;เห็นเมืองแสงระยิบระยับยามค่ำคืน&nbsp;โดยบอกว่า&nbsp;ประทับใจกับความสวยงามของที่นี่มาก&nbsp;และไม่ลืมที่จะเก็บภาพความทรงจำที่ครั้งหนึ่ง&nbsp;ได้มาสัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้&nbsp;ขณะที่&nbsp;เส้นทางการขึ้นสู่จุดชมวิวนั้นในช่วงแรกที่กำลังเริ่มปรับปรุงก็จะต้องเดินทางด้วยรถ<em>โฟวิล</em>&nbsp;ขับเคลื่อน&nbsp;4&nbsp;ล้อขึ้นไป&nbsp;สู่จุดตั้งเต้นท์&nbsp;และ&nbsp;ยอดเขาโต๊ะนิซึ่งจะมีทางเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้</p><p><strong>นายมาหะมะรอยี&nbsp;แวหะมะ&nbsp;นายกเทศมนตรี&nbsp;ต.โกตาบารู&nbsp;</strong>บอกว่า&nbsp;ทางเทศบาล&nbsp;โกตาบารู&nbsp;มีนโยบายในการสนับสนุนการท่องเที่ยว&nbsp;กระตุ้นเศรษฐกิจ&nbsp;ท่องเที่ยวพหุวัฒนธรรม&nbsp;เนื่องจากโกตาเป็นเมืองเก่า&nbsp;มีสตอรี่มากมาย&nbsp;มีธรรมชาติ&nbsp;ภูเขา&nbsp;ที่สามารถพัฒนาสู่การท่องเที่ยวเชิงพหุวัฒนธรรม&nbsp;เป็นเมืองรองท่องเที่ยวธรรมชาติ&nbsp;ซึ่งอนาคตอาจจะเป็นแลนด์มาร์คใหม่&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;&nbsp;และจะทำให้&nbsp;อปท.โกตาบารู&nbsp;เข้มแข็งพึ่งตนเอง&nbsp;ได้เมื่อมีท่องเที่ยวเกิดขึ้นเศรษฐกิจชาวบ้านก็จะดี&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>สำหรับเขาโต๊ะนิจุดเด่นก็จะมีทะเลหมอกเยอะในช่วงเช้า&nbsp;6-7&nbsp;โมง&nbsp;</strong>ยามค่ำคืนจะเห็นดาวบนดิน&nbsp;เมืองยะลาทั้งเมือง&nbsp;พูดได้ว่าเป็นการหยิบหมอกหยอกตะวันได้เลย</p><p><strong>ทางด้าน&nbsp;นายมาหามะรอซาลี&nbsp;บือแน&nbsp;ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์</strong>&nbsp;การปกครองท้องถิ่น&nbsp;ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกร่วมกับเพื่อน&nbsp;ได้เล่าให้ฟังว่า&nbsp;เริ่มแรกเมื่อก่อนตนเอง&nbsp;มาซื้อบ้านพัก&nbsp;ปลูกบ้านอยู่&nbsp;ตอนนั้นยางยังราคา&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;ชาวบ้านก็ไม่ได้ขายที่ให้&nbsp;พอช่วงหลังยางราคาต่ำก็เลยมาขายที่แปลงนี้ให้&nbsp;200&nbsp;ไร่&nbsp;ที่ได้นำมาพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว&nbsp;ช่วงแรกก็เป็นเฉพาะกลุ่มของตนเอง&nbsp;และเพื่อนๆ&nbsp;ที่มาเที่ยว&nbsp;คนนอกก็เข้ามาชมวิว&nbsp;บอกว่าวิวสวยดี&nbsp;เอาอาหาร&nbsp;นำขยะมา&nbsp;เราก็ต้องจ้างเด็ก&nbsp;มาเก็บ&nbsp;ก็เลยได้แนวคิดที่จะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว&nbsp;แต่ก็ต้องเก็บเงิน&nbsp;เพื่อใช้จ่ายเป็นค่าไฟ&nbsp;ค่าน้ำ&nbsp;และค่าอื่นๆ&nbsp;&nbsp;ที่นี่จะมีหมอกให้ดูทั้งปี&nbsp;ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ&nbsp;สภาพอากาศ&nbsp;ธรรมชาติ&nbsp;บางวันน้อย&nbsp;บางวันมาก&nbsp;ดูได้&nbsp;360&nbsp;องศา&nbsp;ตอนแรกจะมาพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเล็ก&nbsp;ๆ&nbsp;อยากสร้างรายได้ให้ท้องถิ่น&nbsp;ขายสินค้าออนไลน์&nbsp;ทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวภูเขา&nbsp;ธรรมชาติ&nbsp;</p><p><strong>ซึ่งบางคนบอกว่า&nbsp;จะทำแหล่งท่องเที่ยวต้องใช้เงิน&nbsp;200-300&nbsp;ล้านบาท</strong>&nbsp;เนื้อที่รวมก็มากประมาณ&nbsp;1,000&nbsp;ไร่&nbsp;เราก็ไม่มี&nbsp;ก็เลยได้ทำเอ็มโอยูร่วมกับชาวบ้านเจ้าของที่&nbsp;จะมาร่วมกันพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบบ้านๆ&nbsp;ไม่ต้องหรูหราอลังการอะไร&nbsp;ช่วงหลัง&nbsp;ก็ได้หน่วยงานภาครัฐ&nbsp;มาร่วมสนับสนุน&nbsp;และได้ทำ&nbsp;เอ็มโอยู&nbsp;ร่วมกัน&nbsp;หน่วยงานภาครัฐ&nbsp;เทศบาลอำนวยความสะดวก&nbsp;ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์&nbsp;ธรรมชาติ&nbsp;ดูแลเรื่องโควิด&nbsp;ด้วย&nbsp;&nbsp;ส่วนค่าใช้จ่ายถ้าเปิดแล้วที่พักก็จะมีหลายระดับ&nbsp;หลายราคา&nbsp;ตั้งแต่เต้นท์&nbsp;ราคา&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;ไปจนถึงผู้ใหญ่&nbsp;นักธุรกิจ&nbsp;ที่พัก&nbsp;ที่จะมีหลายราคาตั้งแต่&nbsp;5,000&nbsp;บาท&nbsp;ไปจนถึง&nbsp;10,000&nbsp;บาท&nbsp;สำหรับผู้ที่สนใจ&nbsp;ก็สามารถติดต่อได้ที่ทางเฟสบุ๊ค&nbsp;ธารทองดิสคัฟเวอรี่&nbsp;081-5417400</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p><p>&nbsp;</p>15/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220115073936353 “ทีพีไอ โพลีน พาวเวอร์” เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียโครงการกําจัดขยะมูลฝอย อบจ.สงขลา รอบที่ 2 สำหรับพื้นที่ ต.เขารูปช้าง ต.ทุ่งหวัง และ ต.พะวง พร้อมนำข้อห่วงใยพิจารณากำหนดมาตรการป้องกัน และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ทีพีไอ&nbsp;โพลีน&nbsp;พาวเวอร์”&nbsp;เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียโครงการกําจัดขยะมูลฝอย<span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(77,&nbsp;81,&nbsp;86);">องค์การบริหารส่วนจังหวัด</span>สงขลา&nbsp;รอบที่&nbsp;2&nbsp;สำหรับพื้นที่ตำบลเขารูปช้าง&nbsp;ตำยบทุ่งหวัง&nbsp;และตำบลพะวง&nbsp;พร้อมนำข้อห่วงใยพิจารณากำหนดมาตรการป้องกัน&nbsp;และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(15&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;ที่โรงแรม&nbsp;บี.พี.&nbsp;สมิหลา&nbsp;บีชฯ&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดสงขลา</strong>&nbsp;นายพนมเทียน&nbsp;เส้งวั่น&nbsp;ท้องถิ่นจังหวัดสงขลา&nbsp;เป็นประธานเปิดเวทีจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย&nbsp;โครงการกําจัดขยะมูลฝอยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา&nbsp;โดยการแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้าของบริษัท&nbsp;ทีพีไอ&nbsp;โพลีน&nbsp;พาวเวอร์&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)&nbsp;รอบที่&nbsp;2&nbsp;สำหรับพื้นที่ตำบลเขารูปช้าง&nbsp;ตำบลทุ่งหวัง&nbsp;และตำบลพะวง&nbsp;ซึ่งอยู่ในรัศมี&nbsp;5&nbsp;กิโลเมตรโดยรอบโครงการฯ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;ได้จัดเวทีรอบที่&nbsp;1&nbsp;ไปแล้ว&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;9&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่ผ่านมา</strong>&nbsp;สำหรับพื้นที่ตำบลเกาะแต้ว&nbsp;และบางส่วนของตำบลนาทับ&nbsp;อำเภอจะนะ&nbsp;ซึ่งในวันนี้มี&nbsp;นายไชยพร&nbsp;นิยมแก้ว&nbsp;นายอำเภอเมืองสงขลา&nbsp;พร้อมด้วยนางสาวปรินดา&nbsp;ปาราเล่&nbsp;รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา&nbsp;ในฐานะผู้แทนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา&nbsp;นายศิริชัย&nbsp;เอกพันธ์&nbsp;รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา&nbsp;นายปรีชัย&nbsp;มาละวรรณโณ&nbsp;ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา&nbsp;นางสาวภพภร&nbsp;ทองคณารักษ์&nbsp;ผู้อำนวยการกองผังเมืององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา&nbsp;นายจักรธร&nbsp;สุริแสง&nbsp;นายกเทศมนตรีเมืองเขารูปช้าง&nbsp;เข้าร่วมรับฟังการดำเนินโครงการฯ&nbsp;และมี&nbsp;นายรอเซ็ง&nbsp;ไหรเจริญ&nbsp;นายกเทศมนตรีตําบลเกาะแต้ว&nbsp;และประธานคณะกรรมการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นฯ&nbsp;กล่าวรายงาน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ผู้บริหารจากบริษัท&nbsp;ทีพีไอ&nbsp;โพลีน&nbsp;เพาเวอร์&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)</strong>&nbsp;นำโดยนายนราดล&nbsp;ตันจารุพันธ์&nbsp;ผู้ช่วยรองผู้จัดการใหญ่&nbsp;พร้อมด้วยนายอนุสรณ์&nbsp;สมัยมาก&nbsp;ผู้จัดการโครงการฯร่วมกับบริษัทที่ปรึกษา&nbsp;บริษัท&nbsp;ซีเอ็มเอส&nbsp;เอ็นจิเนียริ่ง&nbsp;แอนด์&nbsp;แมเนจเม้นท์&nbsp;จำกัด&nbsp;ร่วมกันตอบข้อซักถาม&nbsp;ชี้แจงข้อห่วงกังวลจากที่ประชุม&nbsp;โดยที่ประชุมได้มีการสอบถามถึงผลกระทบของโครงการแปรรูปขยะเป็นพลังงานไฟฟ้าดังกล่าว&nbsp;ทั้งด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม&nbsp;ด้านเส้นทางและปริมาณการขนส่งขยะ&nbsp;ด้านการระบายน้ำ&nbsp;เป็นต้น&nbsp;ทางบริษัท&nbsp;ทีพีไอ&nbsp;โพลีน&nbsp;เพาเวอร์&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)&nbsp;ได้ให้ความมั่นใจถึงมาตรการป้องกันแก้ไข&nbsp;และลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอย่างเคร่งครัด&nbsp;ซึ่งมีหลายส่วนที่จะร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการพัฒนาในด้านต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ที่ชุมชนเป็นห่วงกังวลด้วย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายนราดลฯ&nbsp;ผู้ช่วยรองผู้จัดการใหญ่&nbsp;บริษัท&nbsp;ทีพีไอ&nbsp;โพลีนฯ</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;นอกจากการนำข้อเสนอแนะ&nbsp;และข้อห่วงกังวลทั้งหมดของประชาชนที่ได้รับในวันนี้ไปพิจารณาประกอบการกำหนดมาตรการอย่างเข้มงวดแล้ว&nbsp;กระบวนการติดตามตรวจสอบต้องเป็นไปอย่างเปิดเผย&nbsp;โปร่งใส&nbsp;และมีส่วนร่วมตามหลักธรรมาภิบาล&nbsp;อันเป็นนโยบายการประกอบกิจการอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ&nbsp;ตลอดมาอยู่แล้ว</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p>15/1/2022ภาคใต้สงขลาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220115103413361 รองผู้ว่าฯจ.แม่ฮ่องสอน นำทีม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การจำหน่าย เนื้อหมู ไก่ ไข่ ณ ตลาดสายหยุด<p><strong>วานนี้&nbsp;(14&nbsp;ม.ค&nbsp;65)&nbsp;นายศิริวัฒน์&nbsp;บุปฝาเจริญรองผู้ว่าราชการจังหวัด&nbsp;</strong>และนางสาวยุพา&nbsp;นาคา&nbsp;พาณิชย์จังหวัด&nbsp;สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ผู้แทน&nbsp;สคบ.จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ในจังหวัด&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่สด&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าดังกล่าว&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;(ตลาดสายหยุด)&nbsp;พบว่าสถานการณ์ราคาและการจำหน่าย&nbsp;ราคาหมูเนื้อแดง&nbsp;(ไหล่และสะโพก)&nbsp;ราคา&nbsp;200&nbsp;-&nbsp;220&nbsp;บาท/กิโลกรัมราคาเนื้อไก่&nbsp;(เนื้ออกไก่)&nbsp;90&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;(น่องไก่ติดสะโพก)&nbsp;80&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;ราคาไข่ไก่&nbsp;(เบอร์&nbsp;2)&nbsp;105&nbsp;บาท/แผง&nbsp;(ฟองละ&nbsp;3.50&nbsp;บาท)&nbsp;และไข่ไก่&nbsp;(เบอร์&nbsp;3)&nbsp;95&nbsp;บาท/แผง&nbsp;(ฟองละ&nbsp;3.17&nbsp;บาท)</p><p>ในส่วนของปริมาณสินค้า&nbsp;มีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคในจังหวัดแม่ฮ่องสอน</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ร้านค้าได้ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายชัดเจน&nbsp;และจำหน่ายตรงตามราคาที่แสดงไว้</strong>&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตาม&nbsp;พ.ร.บ.&nbsp;ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;โดยให้ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าให้ชัดเจน&nbsp;ห้ามจำหน่ายสินค้าในราคาแพงเกินสมควร&nbsp;ห้ามกักตุนหรือปฏิเสธการจำหน่ายสินค้า</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>15/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220115104136366 พาณิชย์จังหวัดลำปาง ติดตาม โครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ 2 ราย 7 แห่ง<p><strong>นางสาวเยาวเรศ&nbsp;แซ่โค้ว&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำปาง&nbsp;พร้อมเจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจฯ&nbsp;</strong>ลงพื้นที่ตรวจติดตามการจำหน่ายเนื้อหมูตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ณ&nbsp;ร้านหมูอินเตอร์&nbsp;สาขาตลาดต้นยางอำเภอเมืองลำปาง&nbsp;ซึ่งร้านค้าได้จำหน่ายเนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;โดยจำหน่ายระหว่างวันที่&nbsp;13&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;13.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;จังหวัดลำปางมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!</strong>&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จำหน่าย&nbsp;เนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;ราย&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;7&nbsp;แห่ง&nbsp;&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;บริษัท&nbsp;เอสเค&nbsp;อินเตอร์ฟู้ด&nbsp;จำกัด&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;สาขาได้แก่&nbsp;ร้านหมูอนามัย&nbsp;เอสเคอินเตอร์ฟู๊ด&nbsp;สาขาลำปาง&nbsp;และร้านหมูอนามัย&nbsp;เอสเคอินเตอร์ฟู๊ด&nbsp;สาขาเถิน&nbsp;โดยจุดจำหน่ายทั้ง&nbsp;2&nbsp;จุด&nbsp;จะจำหน่ายหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;จำกัดคนละไม่เกิน&nbsp;2&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;และบริษัท&nbsp;หมูอินเตอร์กรุ๊ป&nbsp;จำกัด&nbsp;จำนวน&nbsp;5&nbsp;สาขา&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านหมูอินเตอร์&nbsp;สาขาตลาดต้นยาง,&nbsp;ร้านหมูอินเตอร์&nbsp;สาขาน้ำโท้ง,&nbsp;ร้านหมูอินเตอร์&nbsp;สาขาเกาะคา,&nbsp;ร้านหมูอินเตอร์&nbsp;สาขาแม่เมาะ&nbsp;และร้านหมูอินเตอร์&nbsp;สาขาล้อมแรด&nbsp;โดยจุดจำหน่ายทั้ง&nbsp;5&nbsp;จุด&nbsp;จะจำหน่ายตั้งแต่เวลา&nbsp;13.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;ซึ่งผู้ซื้อจะได้รับคูปองเพื่อนำไปเป็นส่วนลดในการซื้อหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ150บาท&nbsp;คูปอง&nbsp;1&nbsp;ท่านต่อ1&nbsp;สิทธิ์ต่อวัน</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>15/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220115105032372 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพะเยา จัดโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา ช่วยประชาชน (ครั้งที่ 3) “หมูเนื้อแดง กิโลกรัมละ 150บาท” รวมจำนวน 9 จุด ใน 3 อำเภอ<p><strong>นางศุภมิตร&nbsp;เต็งเผ่&nbsp;พาณิชย์จังหวัดพะเยา&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;จากสถานการณ์ราคาหมูที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ราคา&nbsp;ณ&nbsp;ปัจจุบัน&nbsp;หมูเนื้อแดงในหลายพื้นที่&nbsp;ราคาพุ่งสูงกว่า&nbsp;200&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;ทั้งนี้เกิดจากปัจจัยต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูง&nbsp;โดยบางพื้นที่ราคาหน้าเขียงขายอยู่ที่กิโลกรัมละ&nbsp;200-220&nbsp;บาท&nbsp;รวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;ส่งผลให้กระทรวงพาณิชย์&nbsp;ต้องหามาตรการแก้ไขปัญหาราคาเนื้อหมู&nbsp;พร้อมทั้งให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ&nbsp;ได้มีการประสานกับร้านค้า&nbsp;นำเนื้อหมูมาจำหน่ายในราคาประหยัด&nbsp;เพื่อลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;ตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน</p><p><br></p><p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพะเยา&nbsp;โดยกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า</strong>&nbsp;ดำเนินโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;3)&nbsp;หมูเนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่&nbsp;16&nbsp;–&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;ร้านหมูอินเตอร์&nbsp;อำเภอเมืองพะเยา&nbsp;,&nbsp;ร้านอร่อยดี&nbsp;By&nbsp;KK&nbsp;อำเภอเมืองพะเยา&nbsp;,&nbsp;ร้านอำนวยหมูสด&nbsp;อำเภอเมืองพะเยา&nbsp;,&nbsp;ร้านลุงเปลี่ยน&nbsp;อำเภอเมืองพะเยา&nbsp;,&nbsp;ร้านป้าน้อง&nbsp;อำเภอเมืองพะเยา&nbsp;,&nbsp;ร้านหมูสยามฟาร์ม&nbsp;อำเภอแม่ใจ&nbsp;,&nbsp;ร้านหมูอนามัยพรพิมล&nbsp;อำเภอแม่ใจ&nbsp;,&nbsp;หมูอนามัยบ้านบัว&nbsp;อำเภอดอกคำใต้&nbsp;,&nbsp;และหมูอนามัยพัชรภรณ์&nbsp;อำเภอดอกคำใต้&nbsp;รวมจำนวน&nbsp;9&nbsp;จุด&nbsp;(จำกัดคนละไม่เกิน&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม)&nbsp;เพื่อให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;เป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>15/1/2022ภาคเหนือพะเยาสวท.พะเยาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220115112124387 FTA ส่งผลให้ตัวเลขการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA 10 เดือนแรก ปี 2564 ขยายตัว 31.67% มูลค่าส่งออกกว่า 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ<p><strong>นายกฯ&nbsp;ชื่นชมทุกหน่วยงานที่มีส่วนผลักดันความตกลง&nbsp;FTA</strong>&nbsp;ส่งผลให้ตัวเลขการใช้สิทธิประโยชน์จาก&nbsp;FTA&nbsp;10&nbsp;เดือนแรก&nbsp;ปี&nbsp;2564&nbsp;ขยายตัว&nbsp;31.67%&nbsp;มูลค่าส่งออกกว่า&nbsp;6&nbsp;หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ</p><p><strong>นายธนกร&nbsp;วังบุญคงชนะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม&nbsp;&nbsp;รับทราบตัวเลขการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลง&nbsp;FTA&nbsp;เดือนมกราคม–ตุลาคม&nbsp;2564&nbsp;ขยายตัวเพิ่มขึ้น&nbsp;31.67%&nbsp;เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน&nbsp;โดยทำให้มีมูลค่าการส่งออกถึง&nbsp;63,104.43&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐ&nbsp;และมีสัดส่วนการใช้สิทธิ&nbsp;สูงถึง&nbsp;78.51%&nbsp;นายกรัฐมนตรีชื่นชมการทำงาน&nbsp;และขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่ร่วมมีส่วนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจนสามารถทำให้ตัวเลขการส่งออกสูงถึงกว่า&nbsp;6&nbsp;หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ&nbsp;เชื่อมั่นว่าการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการของรัฐบาลจะส่งผลสำคัญต่อสำเร็จในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน</p><p><strong>สำหรับการใช้สิทธิประโยชน์จาก&nbsp;FTA&nbsp;นั้น&nbsp;มีการใช้สิทธิเพิ่มขึ้นทุกตลาด</strong>&nbsp;และตลาดที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ&nbsp;FTA&nbsp;สูงสุด&nbsp;5&nbsp;อันดับแรก&nbsp;ได้แก่&nbsp;</p><p>อันดับ&nbsp;1&nbsp;&nbsp;อาเซียน&nbsp;(มูลค่า&nbsp;21,539.08&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐ)&nbsp;โดยตลาดส่งออกสำคัญของอาเซียนคือ&nbsp;เวียดนาม&nbsp;อินโดนีเซีย&nbsp;มาเลเซีย&nbsp;และฟิลิปปินส์&nbsp;</p><p>อันดับ&nbsp;2&nbsp;จีน&nbsp;(มูลค่า&nbsp;&nbsp;21,372.57&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐ)&nbsp;</p><p>อันดับ&nbsp;3&nbsp;ออสเตรเลีย&nbsp;(มูลค่า&nbsp;6,891.79&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐ)&nbsp;</p><p>อันดับ&nbsp;4&nbsp;ญี่ปุ่น&nbsp;(มูลค่า&nbsp;5,784.20&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐ)&nbsp;และอันดับ&nbsp;</p><p>5&nbsp;&nbsp;อินเดีย&nbsp;(มูลค่า&nbsp;3,990.80&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐ)&nbsp;</p><p><br></p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ยังไม่รวมถึงความตกลง&nbsp;Regional&nbsp;Comprehensive&nbsp;Economic&nbsp;Partnership&nbsp;:&nbsp;RCEP&nbsp;</strong>ซึ่งเป็นความตกลงใหม่ที่รัฐบาลไทยโดยนายกรัฐมนตรีผลักดันการเจรจาในวาระที่ไทยเป็นประธานการประชุมสุดยอดอาเซียน&nbsp;เมื่อปี&nbsp;2562&nbsp;และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่&nbsp;1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;ซึ่งรวมทั้งสิ้นแล้ว&nbsp;ประเทศไทยมี&nbsp;FTA&nbsp;ที่มีผลบังคบใช้แล้วรวมทั้งสิ้น&nbsp;14&nbsp;ฉบับ</p><p><br></p><p><strong>“&nbsp;ผลสำเร็จจากการเติบโตทางการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ&nbsp;เกิดจากการทำงานอย่างจริงจัง&nbsp;ตั้งใจของรัฐบาล&nbsp;ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้วางนโยบาย&nbsp;และกำกับดูแลเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศ&nbsp;ผลักดันการส่งออกในเวทีระหว่างประเทศ&nbsp;และเพื่อเป็นโอกาสในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงก้าวข้ามผ่านความท้าทายที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ”</strong></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>Cr#สำนักประชาสัมพันธ์&nbsp;เขต&nbsp;2</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>15/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220115112724392 พาณิชย์ลำพูน จัดต่อเนื่อง! ถ่ายทอดสดออนไลน์ Taobao Live ขายผลิตภัณฑ์จังหวัดลำพูน ให้ชาวจีน ขยายช่องทางการตลาดสู่สากล<p><strong>ว่นนี้&nbsp;(14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;นางสาวปทุม&nbsp;กาวิละ</strong>&nbsp;นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการ&nbsp;พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำพูน&nbsp;ติดตามการประชาสัมพันธ์การตลาดบนช่องทางออนไลน์&nbsp;Taobao&nbsp;Live&nbsp;โดย&nbsp;influencer&nbsp;ชาวจีน&nbsp;ให้กับสินค้าของผู้ประกอบการหัตถอุตสหกรรมของจังหวัดลำพูน&nbsp;และผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์จังหวัดลำพูน&nbsp;(Lamphun&nbsp;Brabd)&nbsp;ภายใต้โครงการพัฒนาหัตถอุตสาหกรรมหริภุญชัยสู่นวัตกรรมสร้างสรรค์&nbsp;ปี&nbsp;2564&nbsp;ณ&nbsp;ถนนคนเดินลำพูน&nbsp;ตำบลในเมือง&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดลำพูน</p><p><strong>โดยการประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้&nbsp;มีชาวจีนให้ความสนใจสินค้าจังหวัดลำพูน</strong>&nbsp;กว่า&nbsp;1,000&nbsp;คน&nbsp;ผ่านไลฟ์สด&nbsp;Taobao&nbsp;Live&nbsp;ซึ่งสินค้าเด่นที่ชาวจีนให้ความสนใจสั่งซื้อ&nbsp;ลำดับ&nbsp;1&nbsp;รองเท้าจากผ้าฝ้าย&nbsp;ลำดับ&nbsp;2&nbsp;ยาหม่อง&nbsp;ยาสมุนไพร&nbsp;ลำดับ&nbsp;3&nbsp;กาแฟสด&nbsp;และยังให้ความสนใจสอบถามรายละเอียดสินค้าอื่นๆ&nbsp;อีกหลายรายการ&nbsp;ซึ่งการประชาสัมพันธ์ครั้งนี้&nbsp;ได้สร้างการรับรู้&nbsp;เผยแพร่ผลิตภัณฑ์จังหวัดลำพูนได้อย่างกว้างขวางให้ชาวจีนได้รู้จักยิ่งขึ้นแล้ว&nbsp;ยังสร้างโอกาสทางการค้าสู่สากลให้ผู้ประกอบการจังหวัดลำพูน&nbsp;ซึ่งครั้งที่เป็นครั้งที่&nbsp;2&nbsp;และครั้งต่อไป&nbsp;จะมีการไลฟ์สดในวันเสาร์-อาทิตย์ที่&nbsp;15-16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดต้องชมบ้านดอนหลวง&nbsp;อำเภอป่าซาง&nbsp;จังหวัดลำพูน</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>15/1/2022ภาคเหนือลำพูนสวท.ลำพูนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220115133927440 อำเภอน้ำหนาว จัดจำหน่ายสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์ชุมชน เพิ่มช่องทางการตลาด<p><strong>วันที่&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;หน้าที่ว่าการอำเภอน้ำหนาว</strong>&nbsp;นายวีระวัฒน์&nbsp;วัฒนวงศ์พฤกษ์&nbsp;นายอำเภอน้ำหนาว&nbsp;มอบหมายให้&nbsp;นายทองจันทร์&nbsp;เเล้วเพิ่ม&nbsp;พัฒนาการอำเภอน้ำหนาว&nbsp;ร่วมกับส่วนราชการ&nbsp;ผู้นำท้องที่&nbsp;ผู้นำท้องถิ่น&nbsp;จัดจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน&nbsp;ผลผลิตทางการเกษตรและของดีอำเภอน้ำหนาว&nbsp;ณ&nbsp;หน้าที่ว่าการอำเภอน้ำหนาว&nbsp;</p><p><strong>สำหรับกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาด</strong>&nbsp;รองรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน&nbsp;และประชาสัมพันธ์ของดีอำเภอน้ำหนาว&nbsp;กระจายรายได้สู่ชุมชน&nbsp;ในระยะแรกกำหนดจัดร้าน&nbsp;จำหน่ายของดีอำเภอน้ำหนาวในวันเสาร์ถึงวันอาทิตย์&nbsp;ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ผู้ประกอบการร้านค้า&nbsp;และนักท่องเที่ยว</strong>&nbsp;ได้ปฏิบัติตามมาตรการ&nbsp;DMHTTA&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;และการดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>15/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลเพชรบูรณ์สวท.เพชรบูรณ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220115134736442 รัฐบาลบูรณาการทุกหน่วยงานเร่งแก้ไขปัญหาค่าครองชีพสูง<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงาน&nbsp;ว่า&nbsp;พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรี&nbsp;</strong>และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม&nbsp;มีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานบูรณาการแก้ปัญหาสินค้าโภคภัณฑ์อาหารปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วน&nbsp;โดยเฉพาะ&nbsp;อาหารสด&nbsp;ไม่ว่าจะเป็น&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;และ&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เป็นต้น&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ด้านกรมการค้าภายในได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;</strong>โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบร่วมกัน&nbsp;กำหนดราคาจำหน่ายไก่มีชีวิตหน้าฟาร์ม&nbsp;และราคาจำหน่ายปลีกชิ้นส่วนไก่สด&nbsp;เป็นระยะเวลา&nbsp;6&nbsp;เดือนนับตั้งแต่เดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;โดยสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน&nbsp;2565</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>สำหรับราคาไก่&nbsp;:&nbsp;ราคาจำหน่ายไก่สดมีชีวิต&nbsp;จำหน่ายในราคา&nbsp;33.50&nbsp;บาทต่อกิโลกรั</strong>ม&nbsp;,&nbsp;ไก่สด&nbsp;รวมเครื่องในและไม่รวมเครื่องใน&nbsp;จำหน่าย&nbsp;60-65&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;,&nbsp;น่องติดสะโพก&nbsp;น่อง&nbsp;สะโพก&nbsp;จำหน่าย&nbsp;60-65&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;,&nbsp;เนื้ออก&nbsp;จำหน่าย&nbsp;65-70&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ราคาไข่ไก่&nbsp;:&nbsp;จะมีการหารือสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่และกรมปศุสัตว์</strong>&nbsp;เพื่อหารือโครงสร้างต้นทุนการเลี้ยง&nbsp;ผลผลิต&nbsp;และการประกาศปรับราคาไข่คละเป็น&nbsp;3&nbsp;บาทต่อฟองนั้น&nbsp;สมเหตุสมผลหรือไม่&nbsp;ซึ่งจากข้อมูลต้นทุนเลี้ยงไข่ไก่อยู่ที่&nbsp;2.85&nbsp;บาทต่อฟอง&nbsp;ทั้งนี้จะขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาเพื่อลดผลกระทบต่อผู้บริโภค&nbsp;&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ราคาเนื้อหมู&nbsp;:&nbsp;</strong>ในส่วนของราคาเนื้อหมู&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;ได้จำหน่ายหมูราคาถูกผ่าน&nbsp;“โครงการพาณิชย์ลดราคาหมู”&nbsp;ออกไปถึงสิ้นเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;นี้&nbsp;โดย&nbsp;กรุงเทพฯ&nbsp;มีจุดขายหมู&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ทั้งหมด&nbsp;116&nbsp;จุด&nbsp;แยกเป็นรถโมบายตระเวนตามพื้นที่ต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;50&nbsp;คัน&nbsp;และตั้งจุดจำหน่ายอีก&nbsp;50&nbsp;จุด&nbsp;,&nbsp;ส่วนต่างจังหวัดมี&nbsp;551&nbsp;จุด&nbsp;รวมเป็นทั้งหมด&nbsp;667&nbsp;จุด&nbsp;เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนสามารถซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาดได้</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ปัจจัยที่ทำให้หมูมีราคาแพง</strong>&nbsp;คือ&nbsp;การเกิดการระบาดของโรคในสุกร&nbsp;โรคพีอาร์อาร์เอส&nbsp;(PRRS)&nbsp;โรคระบบสืบพันธุ์ทางเดินหายใจ&nbsp;ในสุกร&nbsp;(โรคติดต่อ)&nbsp;โรคท้องร่วงติดต่อในสุกร&nbsp;(PED)&nbsp;โรคอหิวาต์ในสุกร&nbsp;(Classical&nbsp;Swine&nbsp;Fever&nbsp;:&nbsp;CSF)&nbsp;และโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร&nbsp;(&nbsp;African&nbsp;Swine&nbsp;Fever&nbsp;:&nbsp;ASF)&nbsp;การเกิดโรคระบาดต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ทำให้สุกรแม่พันธุ์เสียหายมากถึง&nbsp;40%&nbsp;จากจำนวน&nbsp;1.1&nbsp;ล้านตัว&nbsp;เหลือเพียง&nbsp;6.6&nbsp;แสนตัว&nbsp;ส่งผลต่อเนื่องถึงปริมาณผลผลิตสุกรขุนปรับลดลงถึง&nbsp;30%&nbsp;จากปี&nbsp;2563&nbsp;จากที่เคยมีจำนวนสุกรประมาณ&nbsp;18-19&nbsp;ล้านตัว/ปี&nbsp;เหลือเพียง&nbsp;14.7&nbsp;ล้านตัว/ปีเท่านั้น&nbsp;อีกทั้งยังทำให้ต้นทุนการเลี้ยงต่อตัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>แนวทางการแก้ปัญหาของภาครัฐ&nbsp;จัดเตรียมมาตรการ&nbsp;3&nbsp;ระยะ</strong>เพื่อแก้ไขปัญหา&nbsp;มาตรการเร่งด่วน&nbsp;:&nbsp;การห้ามส่งออกหมูมีชีวิตเป็นเวลา&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;6&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ถึง&nbsp;วันที่&nbsp;5&nbsp;เมษายน&nbsp;2565&nbsp;เพื่อเพิ่มปริมาณเนื้อหมูภายในประเทศ&nbsp;,&nbsp;การช่วยเหลือด้านราคาอาหารสัตว์&nbsp;โดยเฉพาะส่วนที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ&nbsp;เช่น&nbsp;การงดเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมหรือภาษี&nbsp;,&nbsp;การเร่งสำรวจภาพรวมสถานการณ์การผลิตสุกร&nbsp;เพื่อกำหนดพื้นที่เป้าหมายและมาตรการที่เหมาะสม&nbsp;พร้อมเพิ่มกำลังการผลิตแม่สุกรทดแทน&nbsp;เร่งกระจายแม่พันธุ์และลูกสุกรขุนให้กับรายย่อยที่ต้องการกลับเข้ามาสู่ระบบใหม่&nbsp;กำหนดโซนเลี้ยงและออกมาตรการบังคับใช้อย่างเหมาะสมเพื่อควบคุมโรค&nbsp;และเร่งรัดการวิจัยพัฒนาวัคซีนป้องกันโรค</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>มาตรการระยะสั้น&nbsp;:</strong>&nbsp;การส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ&nbsp;การขยายกำลังผลิตแม่สุกร&nbsp;สนับสนุนศูนย์วิจัยและบำรุงสัตว์&nbsp;ในสังกัดกรมปศุสัตว์และเครือข่ายคู่ขนานกับฟาร์มเกษตรกรและภาคเอกชน&nbsp;เร่งเดินหน้าการศึกษาวิจัยยาและสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อลดความสูญเสียจากโรคระบาด</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>มาตรการระยะยาว&nbsp;:</strong>&nbsp;กระทรวงเกษตรฯ&nbsp;จะผลักดันการยกระดับมาตรฐานฟาร์มของเกษตรกรเพื่อป้องกันโรคระบาด&nbsp;ส่งเสริมให้ปรับปรุงเป็นฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม&nbsp;(GFM)&nbsp;มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่ามาตรฐานฟาร์ม&nbsp;GAP&nbsp;ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรกลับมาเลี้ยงสุกรใหม่และเพิ่มปริมาณการผลิตหมูให้เพียงพอต่อความต้องการบริโภค&nbsp;,&nbsp;สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กู้ยืมจาก&nbsp;ธ.ก.ส.&nbsp;ในโครงการสานฝันสร้างอาชีพ&nbsp;ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์&nbsp;เร่งขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยเพื่อช่วยเหลือให้เข้าถึงแหล่งสินเชื่อได้ง่ายและสะดวกรวดเร็ว&nbsp;รวมทั้งการรวมกลุ่ม&nbsp;สนับสนุน&nbsp;และหาตลาดในราคาที่เกษตรกรอยู่ได้อย่างดี</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ราคาก๊าซ&nbsp;:&nbsp;</strong>ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน&nbsp;(กบง.)&nbsp;มีมติเห็นชอบการทบทวนการกำหนดราคาก๊าซ&nbsp;LPG&nbsp;โดยให้คงราคาไว้ที่&nbsp;318&nbsp;บาทต่อถัง&nbsp;15&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ไปถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มีนาคม&nbsp;2565&nbsp;แม้ว่าราคาก๊าซหุงต้ม&nbsp;หรือก๊าซ&nbsp;LPG&nbsp;ตลาดโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูง&nbsp;โดย&nbsp;ณ&nbsp;วันที่&nbsp;5&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;อยู่ที่&nbsp;682.90&nbsp;เหรียญสหรัฐต่อตัน&nbsp;เทียบได้กับราคาขายปลีกก๊าซ&nbsp;LPG&nbsp;ที่&nbsp;412&nbsp;บาทต่อถัง&nbsp;15&nbsp;กิโลกรัม</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(51,&nbsp;51,&nbsp;51);">#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</span></p>15/1/2022ภาคเหนือแพร่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220115143851472 อุบลฯ เปิดตลาดนัด สินค้า-อุปโภค บริโภค ราคาประหยัด ทุกวันเสาร์ ณ ลานขวัญเมือง เพื่อบรรเทาค่าครองชีพของประชาชน<p><strong>(&nbsp;15&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายพงศ์รัตน์&nbsp;ภิรมย์รัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;ตรวจติดตาม&nbsp;เยี่ยมให้กำลใจ&nbsp;ผู้ประกอบการ</strong>&nbsp;ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี&nbsp;&nbsp;เกษตรกร&nbsp;&nbsp;และเครือข่ายโคก&nbsp;หนอง&nbsp;นา&nbsp;&nbsp;ที่เข้าร่วมโครงการตลาดนัดเพื่อจำหน่ายสินค้า&nbsp;อุปโภค&nbsp;บริโภค&nbsp;ราคาประหยัด&nbsp;นำสินค้า&nbsp;อุปโภค-บริโภค&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ผักสด&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;และอาหาร&nbsp;&nbsp;จำหน่ายให้กับประชาชน&nbsp;ราคาถูก&nbsp;โดยเปิดจำหน่าย&nbsp;ทุกวันเสาร์&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;10.00&nbsp;-&nbsp;14.00&nbsp;น.&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณลานขวัญเมือง&nbsp;ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานีหลังเก่า&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;ทั้งนี้เพื่อบรรเทาค่าครองชีพของประชาชน&nbsp;ในสถานการณ์ปัจจุบัน&nbsp;และยังเป็นการเปิดโอกาสให้เกษตรกร&nbsp;กลุ่มเครือข่ายเกษตรอินทรีย์&nbsp;ได้จำหน่าย&nbsp;พืช&nbsp;ผัก&nbsp;สร้างรายได้ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;อีกด้วย&nbsp;</p><p><strong>สำหรับมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาเนื้อหมูราคาแพง&nbsp;</strong>ปัจจุบันนี้&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;ได้ประสานห้างแม็คโคร&nbsp;จำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;ราคากิโลกรัม&nbsp;ละ&nbsp;185&nbsp;บาท&nbsp;ต่ำกว่าราคาทั่วไป&nbsp;โดยจำหน่าย&nbsp;&nbsp;2,000&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ต่อวัน&nbsp;&nbsp;โดยเบื้องต้นจำหน่ายไปจนถึงวันที่&nbsp;18&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นี้</p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>15/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุบลราชธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุบลราชธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220115153143479 “เอนก”เปิดตัว 4 เสือ อว. “สำนักปลัด - วช. - วศ. - ปส.” รวมพลังสร้างโมเดลใหม่ในการปฏิรูปหน่วยงานราชการ นำร่อง “สตูล” ร่วมพัฒนา “สตูลจีโอพาร์ค” อุทยานธรณีโลกแห่งแรกแห่งเดียวของประเทศไทยให้เป็นแหล่งรายได้สำคัญของจังหวัด<p><strong>วันนี้&nbsp;(15&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;ศ.(พิเศษ)&nbsp;ดร.เอนก&nbsp;เหล่าธรรมทัศน์</strong>&nbsp;รมว.การอุดมศึกษา&nbsp;วิทยาศาสตร์&nbsp;วิจัยและนวัตกรรม&nbsp;(อว.)&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์&nbsp;ทรงศิวิไล&nbsp;ปลัด&nbsp;อว.&nbsp;ดร.วิภารัตน์&nbsp;ดีอ่อง&nbsp;ผอ.สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ&nbsp;(วช.)&nbsp;นพ.ปฐม&nbsp;สวรรค์ปัญญาเลิศ&nbsp;อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ&nbsp;(วศ.)&nbsp;และนายเพิ่มสุข&nbsp;สัจจาภิวัฒน์&nbsp;เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ&nbsp;(ปส.)&nbsp;&nbsp;ลงพื้นที่&nbsp;“เปิดตัวสี่เสือกับเครือข่าย&nbsp;ณ&nbsp;สตูล”&nbsp;โดยเป็นครั้งแรกในการรวมพลังของ&nbsp;4&nbsp;หน่วยงานราชการของ&nbsp;อว.&nbsp;มาร่วมพัฒนา&nbsp;จ.สตูล&nbsp;ณ&nbsp;มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา&nbsp;วิทยาเขตสตูล</p><p><br></p><p><strong>ศ.(พิเศษ)&nbsp;ดร.เอนก&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;การเปิดตัว&nbsp;4&nbsp;เสือที่&nbsp;จ.สตูล</strong>&nbsp;ถือเป็นครั้งแรกในการนำ&nbsp;4&nbsp;หน่วยงานราชการของ&nbsp;อว.&nbsp;ได้แก่&nbsp;สำนักงานปลัด&nbsp;อว.&nbsp;-&nbsp;วช.&nbsp;-&nbsp;วศ.&nbsp;-&nbsp;ปส.&nbsp;มาร่วมกันพัฒนาพื้นที่&nbsp;จ.สตูล&nbsp;ซึ่งถือเป็นจังหวัดนำร่องในการนำ&nbsp;4&nbsp;เสือมาสร้างโมเดลใหม่ในการปฏิรูปหน่วยงานราชการให้คิดใหม่&nbsp;ทำใหม่&nbsp;ก้าวสู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด&nbsp;เพื่อพาชาวสตูลทะยานสู่การเป็นอีกจังหวัดเศรษฐกิจสำคัญของพื้นที่ภาคใต้&nbsp;โดยหลังจากนี้&nbsp;ตนได้มอบหมายให้ปลัด&nbsp;อว.&nbsp;หารือในรายละเอียดกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล&nbsp;และให้ดำเนินการทันที&nbsp;พร้อมกับบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวทั้งหมด&nbsp;โดยเฉพาะการเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา&nbsp;“สตูลจีโอพาร์ค”&nbsp;อุทยานธรณีโลกแห่งแรกแห่งเดียวของประเทศไทย&nbsp;ให้เติบโตอย่างยั่งยืน&nbsp;โดยใช้องค์ความรู้&nbsp;เทคโนโลยีและนวัตกรรมของ&nbsp;อว.&nbsp;เพื่อให้เป็นความภาคภูมิใจของประเทศ&nbsp;และเป็นแหล่งรายได้สำคัญของจังหวัดและชุมชน</p><p><br></p><p><strong>ด้าน&nbsp;ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์&nbsp;กล่าวเพิ่มเติมว่า&nbsp;อว.&nbsp;มี&nbsp;3&nbsp;ภารกิจหลัก</strong>&nbsp;คือ&nbsp;การสร้างคน&nbsp;สร้างองค์ความรู้&nbsp;และสร้างนวัตกรรม&nbsp;ล่าสุดที่เพิ่มเติมเข้ามา&nbsp;คือ&nbsp;มิติของการพัฒนา&nbsp;เช่น&nbsp;&nbsp;โครงการ&nbsp;&nbsp;“อว.ส่วนหน้า”&nbsp;ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของ&nbsp;อว.&nbsp;ประจำแต่ละจังหวัด&nbsp;ซึ่งจะต้องทำงานร่วมกับทางจังหวัด&nbsp;โดยเฉพาะในเรื่องของการพัฒนา&nbsp;เป็นหน่วยงานที่รับประเด็นปัญหาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนของจังหวัด&nbsp;เพื่อประสานงานกับ&nbsp;อว.&nbsp;และนำศักยภาพและสิ่งที่&nbsp;อว.&nbsp;มีมาช่วยแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่&nbsp;โดยยึดนโยบายของท่านรัฐมนตรีที่ให้เอาผลสำเร็จเป็นตัวตั้งและกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน&nbsp;เช่น&nbsp;โจทย์ในวันนี้&nbsp;คือ&nbsp;สตูลจีโอพาร์ค&nbsp;ที่อว.จะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนากับทางจังหวัด&nbsp;กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม&nbsp;รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;โดยมีเป้าหมายคือการสร้างการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน&nbsp;ทำให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาของประเทศ&nbsp;และเป็นแหล่งรายได้ของคนในพื้นที่</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>15/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูลhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220115160115486 จังหวัดเชียงใหม่ ขยายระยะเวลาโครงการหมูพาณิชย์ ลดราคาช่วยประชาชน ระยะที่ 2 เริ่ม 16 – 31 มกราคม 2565<p><strong>พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;เผย&nbsp;ขยายระยะเวลาโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;ระยะที่&nbsp;2&nbsp;</strong>เริ่ม&nbsp;16&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จัดหมูแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;วันละ&nbsp;600&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;จำหน่ายในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่&nbsp;สันกำแพง&nbsp;และอำเภอสันทราย&nbsp;รวม&nbsp;10&nbsp;จุด&nbsp;</p><p><strong>นางพนิดา&nbsp;วานิชรัตน์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;ขยายระยะเวลาโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่เริ่มโครงการนี้มาตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;-&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;โดยเปิดจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ให้แก่ประชาชน&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;และทำการขยายระยะเวลาโครงการระยะที่&nbsp;2&nbsp;โดยเริ่มตั้งแต่วันที่&nbsp;16&nbsp;ถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;จัดหมูเนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;วันละ&nbsp;600&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;กระจายไปตามจุดจำหน่ายในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่&nbsp;อำเภอสันกำแพง&nbsp;และ&nbsp;อำเภอสันทราย&nbsp;รวม&nbsp;10&nbsp;จุด&nbsp;เพื่อลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;ที่ได้รับผลกระทบจากราคาเนื้อสุกรปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;ได้กำหนดจัดตลาดนัด&nbsp;ไทยช่วยไทย&nbsp;คนไทย&nbsp;ยิ้มได้</strong>&nbsp;ในระหว่างวันที่&nbsp;17&nbsp;-&nbsp;19&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;08.00&nbsp;-15.00&nbsp;น.&nbsp;ที่บริเวณตลาดประชารัฐ&nbsp;ด้านหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่&nbsp;โดยจะมีสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด&nbsp;ข้าวสาร&nbsp;อาหารแห้ง&nbsp;พืชผัก&nbsp;เนื้อสัตว์&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;มาจำหน่ายในราคายุติธรรม&nbsp;และในวันที่&nbsp;17&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;11.00&nbsp;-&nbsp;11.30&nbsp;น.&nbsp;เต็นท์ของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;จะมีช่วงโปรโมชั่นจำหน่ายไข่ไก่&nbsp;จำนวน&nbsp;5,000&nbsp;ฟอง&nbsp;ฟองละ&nbsp;1&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><br></p><p>พิมลกัลย์&nbsp;เดชะชัย&nbsp;สวท.&nbsp;เชียงใหม่&nbsp;</p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(51,&nbsp;51,&nbsp;51);">#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</span></p>15/1/2022ภาคเหนือเชียงใหม่สวท.เชียงใหม่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220115173426500 ผักสดขอนแก่น ราคาลดลงแล้ว ลูกค้าแห่ซื้อคึกคักรับวันสุดสัปดาห์ ขณะที่พ่อค้า-แม่ค้า วอนรัฐแก้ไขปัญหาหมู-ไก่-ไข่ แพง โดยด่วน<p><strong>การเลือกซื้อสินค้าในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ตลาดสดบางลำภู</strong>&nbsp;เขตเทศบาลนครขอนแก่น&nbsp;โดยพบว่าวันนี้ร้านจำหน่ายผักสดแทบทุกแผงมีการปรับชนิดราคาลงเมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา&nbsp;ท่ามกลางการเลือกซื้อของลูกค้าทุกเพศ&nbsp;ทุกวัย&nbsp;ที่ต่างทยอยกันมาใช้บริการเลือกซื้อสินค้าต่างๆกันอย่างคึกคัก&nbsp;ซึ่งทางตลาดยังคงกำหนดมาตรการควบคุมและป้องกันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19&nbsp;อย่างเข้มงวด&nbsp;โดยไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยเข้ามาภายในพื้นที่ตลาดอย่างเด็ดขาดและการให้พ่อค้า&nbsp;แม่ค้าและลูกค้านั้นสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา&nbsp;รวมทั้งการเว้นระยะห่างและการล้างมือด้วยแอลกอฮอล์&nbsp;หรือจุดล้างมือที่ตลาดนั้นได้ตั้งจุดบริการไว้โดยรอบพื้นที่</p><p><strong>นางพรรณี&nbsp;สีภา&nbsp;เจ้าของร้านแม่เพ็ญผักสด&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ราคาจำหน่ายผักสดขณะนี้นั้นถูกลงเกินครึ่ง&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นมะเขือเทศกิโลกรัม&nbsp;50&nbsp;บาท&nbsp;จากเดิม&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;,พริกแดงจินดากิโลกรัมละ&nbsp;60&nbsp;บาท&nbsp;จากเดิม&nbsp;170&nbsp;บาท&nbsp;,กะหล่ำกิโลกรัมละ&nbsp;25&nbsp;บาท&nbsp;จากเดิม&nbsp;50&nbsp;บาท,โหระพา&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;50&nbsp;บาท&nbsp;จากเดิม&nbsp;90&nbsp;บาท&nbsp;,ผักชีฝรั่ง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;60&nbsp;บาท&nbsp;จากเดิม&nbsp;90&nbsp;บาท&nbsp;,ผักกาดขาวกิโลกรัมละ&nbsp;25&nbsp;บาท&nbsp;จากเดิม&nbsp;60&nbsp;บาท&nbsp;,คะน้า&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;จากเดิม&nbsp;60&nbsp;บาท&nbsp;และผักชี&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;50&nbsp;บาท&nbsp;จากเดิม&nbsp;80&nbsp;บาทง</p><p><br></p><p><strong>"แม้ว่าขณะนี้ราคาผักจะลดลงแล้ว&nbsp;แต่ราคาเนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงแพงอยู่จึงอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาโดยด่วน&nbsp;เนื่องจากขณะนี้ยอมรับว่า&nbsp;ผู้บริโภคแย่แล้ว&nbsp;จึงอยากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาดูแลให้ราคาลดลงเหมือนผัก&nbsp;ไม่ใช่ขึ้นแล้วไม่ลงเลย&nbsp;กลไกของตลาดจึงอยากให้เกิดราคาที่สมดุลกัน&nbsp;เพื่อให้ผู้บริโภคจะได้ไม่ต้องซื้อของในราคาแพงแบบที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้"</strong></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>15/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขอนแก่นสวท.ขอนแก่นhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220115181411503 จังหวัดตาก จัดงาน “Tak Me More ตากมีอะไรมากกว่าที่คิด” ชม ชิม ช้อป แชะ เชื่อมโยงการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมระหว่างอำเภอทั้ง 9 อำเภอ<p><strong>เย็นวันนี้&nbsp;(15&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;เวลา&nbsp;17.30&nbsp;น.&nbsp;ที่บริเวณอาคารศูนย์แสดงสินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;หนองน้ำมณีบรรพต&nbsp;(เกาะลอย)</strong>&nbsp;อำเภอเมืองตาก&nbsp;จังหวัดตาก&nbsp;นายสุรพล&nbsp;วงศ์สุขพิศาล&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก&nbsp;เป็นประธานในพิธีเปิดงาน&nbsp;“Tak&nbsp;Me&nbsp;More&nbsp;ตากมีอะไรมากกว่าที่คิด”&nbsp;ชม&nbsp;ชิม&nbsp;ช้อป&nbsp;แชะ&nbsp;เชื่อมโยงการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมระหว่างอำเภอทั้ง&nbsp;9&nbsp;อำเภอ&nbsp;โดยมี&nbsp;นางแสงดาว&nbsp;เรื่อศรีจันทร์&nbsp;รักษาราชการแทนหัวหน้าสำนักงานจังหวัดตาก&nbsp;ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตาก&nbsp;&nbsp;นายกเทศมนตรีเมืองตาก&nbsp;ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;สำนักงานตาก&nbsp;ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;และประชาชน&nbsp;เข้าร่วมงานในครั้งนี้</p><p><strong>ด้วยสำนักงานจังหวัดตาก&nbsp;ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว</strong>ตามประเพณีของจังหวัดตาก&nbsp;9&nbsp;อำเภอ&nbsp;เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม&nbsp;ประเพณี&nbsp;และวิถีชุมชนของจังหวัดตาก&nbsp;ให้เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยว&nbsp;รวมทั้งสร้างรายได้ให้กับชุมชนและประชาชนในพื้นที่&nbsp;ด้วยคอนเซ็ปต์&nbsp;"Tak&nbsp;Me&nbsp;More&nbsp;ตากมีอะไรมากกว่าที่คิด"&nbsp;ที่เชื่อมโยงด้วยคำว่า&nbsp;“Tak”&nbsp;หมายถึง&nbsp;จังหวัดตาก&nbsp;“Me”&nbsp;หมายถึง&nbsp;ผู้คนในจังหวัด&nbsp;และ&nbsp;“More”&nbsp;หมายถึง&nbsp;มากกว่า&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ต้องการสื่อถึงการเชิญชวนให้เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดตาก&nbsp;ซึ่งมีอะไรมากกว่าที่คุณคิด&nbsp;โดยการจัดกิจกรรมดังกล่าว&nbsp;จะถูกจัดขึ้นในพื้นที่&nbsp;9&nbsp;อำเภอของจังหวัดตาก&nbsp;และดำเนินงานภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;เริ่มต้นที่อำเภอเมืองตาก&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;15-16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นี้</p><p><strong>สำหรับกิจกรรมครั้งแรกในวันนี้&nbsp;ได้มีการนำของดีของเด็ดจากร้านค้าชุมชนมากมาย&nbsp;มาให้ชิม&nbsp;ช้อป&nbsp;</strong>แบบจุใจ&nbsp;อาทิ&nbsp;ไส้อั่วสมุนไพร&nbsp;บาร์บีคิว&nbsp;ขนมไทย&nbsp;อโวคาโด้&nbsp;น้ำทับทิมสด&nbsp;สินค้าหัตถกรรมต่างๆ&nbsp;และงานเพ้นท์มือ&nbsp;เป็นต้น&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุก&nbsp;พร้อมแจกของรางวัลมากมาย&nbsp;ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาร่วมงานได้ที่บริเวณกาดเกาะลอย&nbsp;อำเภอเมืองตาก&nbsp;ในวันนี้&nbsp;(15&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;ถึงวันอาทิตย์ที่&nbsp;16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;16.00&nbsp;-&nbsp;21.00&nbsp;น.&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;สามารถติดตามข้อมูลการจัดกิจกรรมครั้งต่อไป&nbsp;และข้อมูลข่าวสารจังหวัดตากเพิ่มเติมได้ทาง&nbsp;Facebook&nbsp;Fanpage&nbsp;สำนักงานจังหวัดตาก&nbsp;:&nbsp;Tak&nbsp;Provincial&nbsp;Governor’s&nbsp;Office</p><p><br></p><p>ภาพ/ข่าว&nbsp;:&nbsp;สนง.ประชาสัมพันธ์&nbsp;จ.ตาก</p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(51,&nbsp;51,&nbsp;51);">#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</span></p>15/1/2022ภาคตะวันตกตากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตากhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220115202444555 ผู้ว่าฯลำพูน พร้อมนายกเหล่ากาชาดจังหวัดลำพูน เยี่ยมชมความงดงามของสวนดอกไม้ ไอรักบ้านธิ I Love Banthi ซึ่งเปิดให้ บรรดานักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไปเข้าเยี่ยมชมแล้ว<p><strong>นายวรยุทธ&nbsp;เนาวรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นางปนัดดา&nbsp;เนาวรัตน์&nbsp;</strong>ประธานชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดลำพูน&nbsp;เยี่ยมชมการสถานที่จัดงาน&nbsp;และชมความงดงามของ&nbsp;พื้นที่สวนดอกไม้&nbsp;ไอรักบ้านธิ&nbsp;(I&nbsp;Love&nbsp;Banthi&nbsp;)&nbsp;ที่มีพื้นที่มากถึง&nbsp;10&nbsp;ไร่&nbsp;ณ&nbsp;อุโบสถต้นมื่น&nbsp;บ้านแพะต้นยางงาม&nbsp;ต.บ้านธิ&nbsp;อ.บ้านธิ&nbsp;จ.ลำพูน&nbsp;โดยเปิดให้&nbsp;บรรดานักท่องเที่ยว&nbsp;และประชาชนทั่วไปเข้าเยี่ยมชม&nbsp;และถ่ายภาพความประทับใจเก็บเป็นที่ระลึก&nbsp;เริ่มตั้งแต่&nbsp;มกราคม&nbsp;-&nbsp;มีนาคม&nbsp;2565&nbsp;มีนายชลิต&nbsp;ทิพย์คำ&nbsp;นายอำเภอบ้านธิ&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นางกิรณา&nbsp;ทิพย์คำ&nbsp;นายกกิ่งกาชาดอำเภอบ้านธิ&nbsp;นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านธิ&nbsp;และเจ้าหน้าที่&nbsp;ให้การต้อนรับ&nbsp;สำหรับพื้นที่&nbsp;สวนดอกไม้&nbsp;ไอรักบ้านธิ&nbsp;(I&nbsp;Love&nbsp;Banthi&nbsp;)&nbsp;มีพื้นที่&nbsp;จำนวนกว่า&nbsp;10&nbsp;ไร่&nbsp;เปิดให้ประชาชนทั่วไป&nbsp;รวมถึงนักท่องเที่ยว&nbsp;เข้าชมความงดงาม&nbsp;และเก็บภาพความประทับใจ&nbsp;ของสวนดอกไม้&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังมีกิจกรรมต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;อาทิ&nbsp;งานต๋ามประทีปส่องไฟวิถี&nbsp;3&nbsp;ไต&nbsp;</strong>การแสดงหุ่นตุ๊กตามือผ้าทอไทลื้อ&nbsp;กิจกรรมงานวิ่งเทรลพิชิตดอยงุ้ม&nbsp;(โครงการไอรักบ้านธิ)"&nbsp;การปั่นจักรยานเมือง&nbsp;3&nbsp;ไต&nbsp;(โครงการไอรักบ้านธิ)"&nbsp;วันที่&nbsp;27&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;และประกวดภาพถ่าย&nbsp;(ไอรักบ้านธิ&nbsp;I&nbsp;Love&nbsp;Banthi)&nbsp;เป็นต้น&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;14&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มีนาคม&nbsp;2565&nbsp;นี้&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;ประธานชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดลำพูน&nbsp;ร่วมให้เกียรติถ่ายภาพโปรโมทงานในเดือน&nbsp;แห่งความรัก&nbsp;งานกิจกรรม&nbsp;สัญญารัก&nbsp;ณ&nbsp;บ้านธิ&nbsp;เป็นการจดทะเบียนสมรสกลางสวนไอรักบ้านธิ&nbsp;ซึ่งจัดขึ้น&nbsp;ในวันแห่งความรัก&nbsp;วันที่&nbsp;14&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;นี้&nbsp;โดย&nbsp;อำเภอบ้านธิ&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;</p><p><strong>ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน&nbsp;รวมถึงนักท่องเที่ยว&nbsp;</strong>มาร่วมสัมผัสความสวยงาม&nbsp;ของสวนดอกไม้&nbsp;ไอรักบ้านธิ&nbsp;กว่า&nbsp;10&nbsp;ชนิด&nbsp;พร้อมชวนคู่&nbsp;รักมาร่วมจดทะเบียนสมรสท่ามกลางสวนดอกไม้&nbsp;สอบถามเพิ่มเติม&nbsp;ได้ที่&nbsp;สำนักงานทะเบียนอำเภอบ้านธิ&nbsp;โทร&nbsp;053-985983&nbsp;สามารถยื่นคำร้องได้ตั้งแต่บัดนี้&nbsp;จนถึงวันที่&nbsp;10&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;นายคมศักดิ์&nbsp;หล่อเถิน....ข่าว/ภาพ&nbsp;15&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>15/1/2022ภาคเหนือลำพูนสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220115203629564 กบง. มีมติตรึงราคาแก๊สหุงต้ม 318 บาทต่อถัง ถึง 31 มี.ค. นี้<p><strong>พ่อค้า-แม่ค้า&nbsp;ต้องแบกรับภาระต้นทุนหนักขึ้นอีก&nbsp;</strong>หลังมีรายงานข่าวว่าราคาแก๊สหุงต้มเตรียมขยับขึ้นราคา&nbsp;เดือน&nbsp;ก.พ.2565&nbsp;วอนภาครัฐฯ&nbsp;หาแนวทางช่วยเหลือ&nbsp;เศรษฐกิจยังไม่ดี&nbsp;ข้าวของขยับขึ้นเกือบหมด&nbsp;ปรับราคาขายได้ไม่มาก&nbsp;หวั่นลูกค้าหาย</p><p><strong>ล่าสุด&nbsp;เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมปัญหาและดูแลประชาชน</strong>ไม่ให้รับความเดือนร้อนในเรื่องก๊าซ&nbsp;LPG&nbsp;ที่ประชุม&nbsp;กบง.&nbsp;มีมติเห็นชอบการทบทวนการกำหนดราคาก๊าซ&nbsp;LPG&nbsp;โดยให้คงราคาไว้ที่&nbsp;318&nbsp;บาทต่อถัง&nbsp;15&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ไปถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มีนาคม&nbsp;2565</p><p><strong>โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ&nbsp;</strong>ประสานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง&nbsp;(กบน.)&nbsp;เพื่อพิจารณาบริหารจัดการเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้สอดคล้องกับแนวทางการทบทวนการกำหนดราคาก๊าซ&nbsp;LPG&nbsp;ต่อไป&nbsp;และขอความร่วมมือ&nbsp;บริษัท&nbsp;ปตท.&nbsp;จำกัด&nbsp;พิจารณาช่วยเหลือส่วนลดราคาก๊าซ&nbsp;LPG&nbsp;แก่ผู้มีรายได้น้อยที่เป็นร้านค้า&nbsp;หาบเร่&nbsp;แผงลอยอาหารผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่&nbsp;ปตท.&nbsp;ดำเนินการต่อไปจนถึง&nbsp;วันที่&nbsp;31&nbsp;มีนาคม&nbsp;2565&nbsp;(เมื่อวันที่&nbsp;11&nbsp;ม.ค.&nbsp;2565)</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>15/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220116072641581 พาณิชย์ยะลา เริ่มแล้วขายหมูลดราคา กก.ละ 150 บาท ช่วยประชาชน จนถึง 31 ม.ค 65<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>จากสถานการณ์เนื้อหมู&nbsp;ที่ยังมีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง</strong>&nbsp;เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน&nbsp;ในช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19&nbsp;&nbsp;ทางด้านกระทรวงพาณิชย์&nbsp;จึงได้ขยายโครงการ&nbsp;หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;เพิ่มอีก&nbsp;16&nbsp;วัน&nbsp;ยืนราคาหมูในกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้&nbsp;16&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;เป็นวันแรกไปจนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ขณะที่ในส่วนของจังหวัดยะลา&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดยะลา</strong>&nbsp;ได้จัดโครงการ&nbsp;หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ขึ้น&nbsp;โดยครั้งนี้&nbsp;นับเป็นครั้งที่&nbsp;3&nbsp;ตั้งแต่ราคาหมูขยับสูงขึ้น</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>โดยนำหมูเนื้อแดง&nbsp;มาจำหน่าย&nbsp;ในราคาไม่เกินกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท</strong>&nbsp;เพื่อลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน&nbsp;เพิ่มกำลังซื้อของประชาชนในชุมชนได้ซื้อเนื้อหมูในราคาประหยัด&nbsp;รวมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นซึ่งมีประชาชนให้ความสนใจมาเลือกซื้อกันอย่างคึกคักโดยทางคนขายบอกว่า&nbsp;บางวัน&nbsp;ขายไม่ถึง&nbsp;10&nbsp;นาที&nbsp;ช้าสุดก็&nbsp;1&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;คนรู้จักที่ซื้อแล้ว</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ส่วนบรรยากาศ&nbsp;ที่แผงคุณสินธร&nbsp;ตลาดพิมลชัย&nbsp;3&nbsp;</strong>ซึ่งเป็น&nbsp;1&nbsp;จุดจำหน่ายหมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ได้มีประชาชนเดินทางไปเลือกซื้อหมูกันตั้งแต่ช่วงเช้า&nbsp;โดยทางเจ้าของแผง&nbsp;บอกว่า&nbsp;ได้หมูพาณิชย์&nbsp;จำหน่ายวันละ&nbsp;100&nbsp;กก.&nbsp;ขายในราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;หมดแล้วหมดเลย&nbsp;หากประชาชนสนใจก็สามารถมาเลือกซื้อได้นอกจากนี้ทางแผงก็ได้นำเนื้อหมูส่วนอื่นๆ&nbsp;ลดราคาลง&nbsp;10&nbsp;บาท&nbsp;เพื่อช่วยเหลือประชาชน&nbsp;อีกทางหนึ่งด้วย&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ทั้งนี้&nbsp;ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดยะลา</strong>&nbsp;ได้ขยายจุดจำหน่ายหมูพาณิชย์&nbsp;เพิ่มเป็น&nbsp;7&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;จุดละ&nbsp;100&nbsp;กก.&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;อำเภอเมืองยะลา&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;จุด&nbsp;จุดที่&nbsp;1&nbsp;บริเวณด้านข้างสำนักงานพาณิชย์จังหวัดยะลา&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;08.00&nbsp;น.&nbsp;จุดที่&nbsp;2&nbsp;ร้านเก๋&nbsp;พอร์คชอป&nbsp;ถนนผังเมือง&nbsp;5&nbsp;(เยื้อง&nbsp;7-11&nbsp;สาขาหลังกองร้อย)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;08.00&nbsp;น.&nbsp;จุดที่&nbsp;3&nbsp;แผงคุณสินธร&nbsp;ตลาดพิมลชัย&nbsp;3&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;06.00&nbsp;น.&nbsp;และอำเภอเบตง&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จุดที่&nbsp;4&nbsp;แผงหมูป้ารัตน์&nbsp;ตำบลเบตง&nbsp;(หลังโรงแรมไทยโมเดิร์น&nbsp;เบตง)&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;06.00&nbsp;น.&nbsp;จุดที่&nbsp;5&nbsp;แผงวงค์ทนา&nbsp;ตำบลเบตง&nbsp;(หลังโรงแรมไทยโมเดิร์น&nbsp;เบตง)&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;06.00&nbsp;น.&nbsp;จุดที่&nbsp;6&nbsp;แผงคุณชินกร&nbsp;ตลาดเทศบาลเบตง&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;06.00&nbsp;น.&nbsp;จุดที่&nbsp;7&nbsp;แผงคุณประสาน&nbsp;ตลาดเทศบาลเบตง&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;06.00&nbsp;น.</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(51,&nbsp;51,&nbsp;51);">#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</span></p><p>&nbsp;</p>16/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220116094357596 ลำปาง เปิด 7 จุด โครงการหมูพาณิชย์ ลดราคา ช่วยประชาชน<p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำปาง&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>ในพื้นที่จังหวัดลำปาง&nbsp;มีผู้ประกอบการเข้าร่วม&nbsp;"โครงการหมูพาณิชย์&nbsp;&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;จำหน่าย&nbsp;เนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;ราย&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;7&nbsp;แห่ง&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;13&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ดังนี้</p><p><strong>บริษัท&nbsp;เอสเค&nbsp;อินเตอร์ฟู้ด&nbsp;จำกัด&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;สาขา&nbsp;</strong>ได้แก่&nbsp;ร้านหมูอนามัย&nbsp;เอสเคอินเตอร์ฟู๊ด&nbsp;สาขาลำปาง&nbsp;และร้านหมูอนามัย&nbsp;เอสเคอินเตอร์ฟู๊ด&nbsp;สาขาเถิน&nbsp;โดยจุดจำหน่ายทั้ง&nbsp;2&nbsp;จุด&nbsp;จะจำหน่ายหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;จำกัดคนละไม่เกิน&nbsp;2&nbsp;กิโลกรัม</p><p><strong>บริษัท&nbsp;หมูอินเตอร์กรุ๊ป&nbsp;จำกัด&nbsp;จำนวน&nbsp;5&nbsp;สาขา</strong>&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านหมูอินเตอร์&nbsp;สาขาตลาดต้นยาง,&nbsp;ร้านหมูอินเตอร์&nbsp;สาขาน้ำโท้ง,&nbsp;ร้านหมูอินเตอร์&nbsp;สาขาเกาะคา,&nbsp;ร้านหมูอินเตอร์&nbsp;สาขาแม่เมาะ&nbsp;และร้านหมูอินเตอร์&nbsp;สาขาล้อมแรด&nbsp;โดยจุดจำหน่ายทั้ง&nbsp;5&nbsp;จุด&nbsp;จะจำหน่ายตั้งแต่เวลา&nbsp;13.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ผู้ซื้อจะได้รับคูปอง</strong>เพื่อนำไปเป็นส่วนลดในการซื้อหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;คูปอง&nbsp;1&nbsp;ท่านต่อ&nbsp;1&nbsp;สิทธิ์ต่อวัน</p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(51,&nbsp;51,&nbsp;51);">#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</span></p>16/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220116102633607 พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์จำหน่ายเนื้อสุกรราคาถูก<p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;กำหนดดำเนินการจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;เนื้อแดง&nbsp;ในราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;</strong>&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;17&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;หน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้บริโภค&nbsp;โดยจำหน่ายตั้งแต่&nbsp;เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;จนกว่าสินค้าจะหมด&nbsp;โดยเนื้อสุกรที่นำมาจำหน่ายมีจำนวนจำกัด&nbsp;จำกัดคนละ&nbsp;ไม่เกิน&nbsp;1&nbsp;กก.</p><p>นอกจากเนื้อสุกรแล้ว&nbsp;ยังมีพืชผักปลอดสารพิษ&nbsp;ข้าวสารปลอดสารพิษนำมาจำหน่ายด้วย&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>จึงขอประชาสัมพันธ์&nbsp;เชิญชวนประชาชน&nbsp;ผู้บริโภค&nbsp;มาร่วมซื้อสินค้า</strong>ได้ตั้งแต่วันที่&nbsp;17&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป</p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(51,&nbsp;51,&nbsp;51);">#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</span></p>16/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสวท.สุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220116103540608 สนับสนุนงบประมาณกว่า 400 ล้านบาท เร่งช่วยเหลือ SME 5,000 กว่าราย พัฒนา ยกระดับมาตรฐาน ผ่านมาตรการเอสเอ็มอีคนละครึ่ง<p><strong>นายวีระพงศ์&nbsp;มาลัย</strong>&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม&nbsp;หรือ&nbsp;สสว.&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ในปี&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;สสว.&nbsp;ดำเนินมาตรการช่วยเหลือ&nbsp;อุดหนุน&nbsp;วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม&nbsp;ผ่านโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ&nbsp;BDS&nbsp;(&nbsp;Business&nbsp;Development&nbsp;Service&nbsp;)&nbsp;หรือโครงการเอสเอ็มอี&nbsp;คนละครึ่ง&nbsp;เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ&nbsp;ประมาณ&nbsp;5,000&nbsp;ราย&nbsp;ให้ได้รับโอกาสในการเข้าถึงการบริการสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่&nbsp;ที่เอสเอ็มอี&nbsp;จะสามารถเลือกรับการบริการ&nbsp;หรือรับการพัฒนากับผู้ให้บริการทางธุรกิจ&nbsp;(Business&nbsp;Development&nbsp;Service&nbsp;Provider&nbsp;:&nbsp;BDSP)&nbsp;ที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจของตนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์&nbsp;</p><p><strong>สสว.&nbsp;เตรียมงบประมาณเพื่อช่วยอุดหนุนผู้ประกอบการกว่า&nbsp;400&nbsp;ล้านบาท</strong>&nbsp;อุดหนุนค่าใช้จ่าย&nbsp;ในการพัฒนาให้แก่เอสเอ็มอีแบบร่วมจ่าย&nbsp;(co-payment)&nbsp;ในสัดส่วนร้อยละ&nbsp;50&nbsp;-&nbsp;80&nbsp;ตามขนาดของธุรกิจ&nbsp;สูงสุดรายละ&nbsp;200,000&nbsp;บาท</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;ภายในเดือนมกราคมนี้&nbsp;สสว.&nbsp;</strong>จะเปิดระบบ&nbsp;BDS&nbsp;อย่างเป็นทางการเพื่อให้ผู้ให้บริการทางธุรกิจ&nbsp;หรือ&nbsp;BDSP&nbsp;ขึ้นทะเบียนและนำเสนอบริการลงบนระบบ&nbsp;BDS&nbsp;และในส่วนการขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับการช่วยเหลือ&nbsp;อุดหนุนของผู้ประกอบการ&nbsp;จะเปิดให้ผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนในเดือนกุมภาพันธ์นี้&nbsp;โดยคาดว่าจะเป็นวันที่&nbsp;14&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ส่วนบริการที่อยู่ในเกณฑ์ที่&nbsp;สสว.&nbsp;จะช่วยเหลือ&nbsp;อุดหนุนให้แก่&nbsp;SME&nbsp;ที่ยื่นข้อเสนอผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์&nbsp;BDS&nbsp;ใน&nbsp;6&nbsp;หมวด&nbsp;เช่น&nbsp;การเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพธุรกิจ&nbsp;&nbsp;/การพัฒนาและบริหารจัดการธุรกิจ&nbsp;&nbsp;การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าและบริการ&nbsp;เป็นต้น&nbsp;</p><p><strong>กลุ่มเป้าหมายเอสเอ็มอีที่&nbsp;สสว.จะช่วยเหลือ&nbsp;อุดหนุน</strong>&nbsp;ได้แก่&nbsp;ผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคล&nbsp;หรือผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดาที่จดทะเบียนกับหน่วยงานภาครัฐ&nbsp;เน้นกลุ่มท่องเที่ยว&nbsp;อาหาร&nbsp;เครื่องดื่ม&nbsp;ยา&nbsp;&nbsp;สมุนไพร&nbsp;&nbsp;New&nbsp;S-Curve&nbsp;BCG&nbsp;Bio&nbsp;Circular&nbsp;Economy&nbsp;หรือเศรษฐกิจชีวภาพและเกษตรแปรรูป&nbsp;คาดว่า&nbsp;เมื่อสิ้นสุดมาตรการในปีนี้&nbsp;จะสามารถสร้างกลไกสนับสนุนให้ผู้ให้บริการทางธุรกิจทั้งภาครัฐ&nbsp;หรือภาคเอกชน&nbsp;มีบทบาทในการส่งเสริมเอสเอ็มอีได้มากขึ้น&nbsp;</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>16/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220116135525675 ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านพื้นที่ตรวจสอบราคาและคุณภาพเนื้อหมู ในโครงการพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน<p><strong>นายวิบูรณ์&nbsp;แววบัณฑิต&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน&nbsp;</strong>พาณิชย์จังหวัดน่าน&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดน่าน&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบราคาและคุณภาพเนื้อหมู&nbsp;ภายตลาดสด&nbsp;ตั้งจิตนุสรณ์&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดน่าน&nbsp;เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานสินค้าให้แก่ผู้บริโภคได้บริโภคเนื้อหมูที่ปลอดภัยและเป็นธรรมในภาวะที่ราคาเนื้อสัตว์ขยับสูงขึ้น&nbsp;ใน&nbsp;โครงการพาณิชย์ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน&nbsp;ในช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19&nbsp;โดยกระทรวงพาณิชย์&nbsp;จัดโครงการ&nbsp;หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ยืนราคาหมูในกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้&nbsp;16&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;เป็นวันแรกไปจนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</p><p><strong>นายวิบูรณ์&nbsp;แววบัณฑิต&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;การสำรวจตลาดครั้งนี้</strong>&nbsp;เพื่อดูความสะอาดภาพรวมของสถานที่&nbsp;ความสะอาดของอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้&nbsp;สุขภาพอนามัยของผู้ประกอบการ&nbsp;สถานประกอบการ&nbsp;และการป้องกันแมลงที่เป็นพาหะนำเชื้อโรค&nbsp;พร้อมทั้งได้กำชับให้ผู้ประกอบการ&nbsp;ติดป้ายแสดงราคาอย่างชัดเจน&nbsp;เพื่อให้ผู้บริโภคได้ตัดสินใจรวมถึงเครื่องชั่งให้ได้มาตรฐานที่กำหนด&nbsp;และ&nbsp;เชิญชวนประชาชน&nbsp;น่าน&nbsp;ร่วมโครงการ&nbsp;พาณิชย์ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2&nbsp;เริ่มตั้งแต่วันนี้&nbsp;ถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าครองชีพ</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>16/1/2022ภาคเหนือน่านสวท.น่านhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220116105822616 พาณิชย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขานรับนโยบายรัฐบาล จับมือร้านขายหมู จำหน่ายหมูเนื้อแดงราคาถูก เริ่มตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มกราคม นี้<p><strong>พาณิชย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;&nbsp;ขานรับนโยบายรัฐบาล&nbsp;จับมือร้านขายหมู&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงราคาถูก&nbsp;เริ่มตั้งแต่วันนี้ถึง&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;นี้</strong></p><p>นางกาญจนา&nbsp;ชมมี&nbsp;พาณิชย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมแก้ไขปัญหาเรื่องหมูราคาแพง&nbsp;เป็นมาตรการเสริมและเป็นทางเลือกให้กับประชาชนผู้บริโภค&nbsp;โดยนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้มอบหมายให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดฯ&nbsp;ดำเนินการโครงการ&nbsp;"พาณิชย์ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;หมูพาณิชย์&nbsp;ราคาถูก"&nbsp;ขึ้น&nbsp;โดยภายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;ได้กำหนดเปิดจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;เพื่อเป็นการบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดเจ้าพรหม&nbsp;กำหนดจำหน่ายตั้งแต่วันที่&nbsp;17&nbsp;มกราคมนี้เป็นประจำทุกวันจันทร์&nbsp;พุธ&nbsp;และศุกร์&nbsp;จนถึงสิ้นเดือนมกราคม&nbsp;2556&nbsp;รวมถึงร้านแฮปปี้&nbsp;ฟาร์ม&nbsp;และร้านบัดดี้&nbsp;เซฟ&nbsp;อำเภอเสนา&nbsp;ตั้งแต่บัดนี้จนถึงสิ้นเดือนมกราคมนี้เช่นกัน&nbsp;ประชาชนที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;035&nbsp;345661</p>16/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220116105329614 สวนกระแสหมูแพง ขายให้ชาวสุรินทร์ในราคา กิโลกรัมละ 150 บาท<p><strong>จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019</strong>&nbsp;ที่สะสมมาตลอดตั้งแต่ปี&nbsp;2561&nbsp;และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ&nbsp;ส่งผลกระทบในการดำรงชีวิตทั้งทางอาชีพ&nbsp;การคมนาคม&nbsp;หรือแม้กระทั่งเศรษฐกิจ&nbsp;ที่เห็นได้ชัดในปัจจุบันในเรื่องของราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคที่ปรับสูงขึ้น&nbsp;ทั้งราคาพลังงานและอาหารสด&nbsp;โดยเฉพาะราคาเนื้อสุกรที่ปรับตัวสูงสุดในรอบ&nbsp;10&nbsp;ปี&nbsp;โดยราคาเนื้อสุกร&nbsp;เนื้อแดง&nbsp;</p><p>ล่าสุดขยับมาอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;และคาดว่าราคาอาจจะขยับสูงขึ้นอีก&nbsp;ส่งผลให้ผู้ประกอบการขายปลีกเนื้อสุกร&nbsp;โดยเฉพาะรายย่อย&nbsp;และผู้ประกอบร้านอาหารหลายรายเริ่มแบกรับต้นทุนไม่ไหว&nbsp;จนต้องทยอยปรับขึ้นราคา</p><p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;จึงมีโครงการจำหน่ายเนื้อสุกร</strong>&nbsp;ให้แก่ประชาชนในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;17&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;หน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้บริโภค&nbsp;โดยจำหน่ายตั้งแต่เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;หรือจนกว่าสินค้าจะหมด&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>16/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสุรินทร์สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220116120007629 การเบิกจ่ายงบประมาณ ปี 2565 ไตรมาสแรก ภาพรวมเบิกจ่ายแล้วกว่า 980,000 ล้านบาท<p><strong>นางสาวกุลยา&nbsp;ตันติเตมิท&nbsp;อธิบดีกรมบัญชีกลาง&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;ไตรมาสที่&nbsp;1&nbsp;(1&nbsp;ตุลาคม&nbsp;2564&nbsp;–&nbsp;31&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564)&nbsp;ภาพรวมมีการเบิกจ่ายแล้ว&nbsp;จำนวน&nbsp;983,614&nbsp;ล้านบาท&nbsp;คิดเป็นร้อยละ&nbsp;31.73&nbsp;ของวงเงินงบประมาณ&nbsp;3,100,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;จำแนกเป็น&nbsp;รายจ่ายลงทุน&nbsp;จำนวน&nbsp;97,003&nbsp;ล้านบาท&nbsp;,&nbsp;รายจ่ายประจำ&nbsp;จำนวน&nbsp;886,611&nbsp;ล้านบาท&nbsp;สำหรับเงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี&nbsp;มีการเบิกจ่าย&nbsp;จำนวน&nbsp;75,530&nbsp;ล้านบาท</p><p><strong>การเบิกจ่ายงบประมาณในภาพรวมสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า</strong>&nbsp;หรือคิดเป็นร้อยละ&nbsp;3.17&nbsp;โดยกรมบัญชีกลางได้แต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ&nbsp;ในการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย&nbsp;รวมทั้งให้คลังเขต&nbsp;และคลังจังหวัด&nbsp;กำกับดูแลหน่วยงานในพื้นที่รับผิดชอบ&nbsp;เร่งรัดการก่อหนี้&nbsp;การดำเนินการและการเบิกจ่าย&nbsp;เพื่อให้เม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว</p><p><strong>คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ</strong>&nbsp;ได้กำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายในภาพรวม&nbsp;ไม่น้อยกว่าร้อยละ&nbsp;93&nbsp;การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำ&nbsp;ไม่น้อยกว่าร้อยละ&nbsp;98&nbsp;การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ&nbsp;75&nbsp;และการใช้จ่ายงบประมาณ&nbsp;ร้อยละ&nbsp;100&nbsp;โดยกำหนดให้หน่วยรับงบประมาณที่มีรายการปีเดียวเร่งก่อหนี้ผูกพันให้เสร็จสิ้นทุกรายการภายในไตรมาสที่&nbsp;2&nbsp;หากหน่วยงานมีเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี&nbsp;ให้เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีโดยเร็ว&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ได้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ</strong>&nbsp;โดยกำหนดให้ปรับแผนการลงทุนให้สามารถเบิกจ่ายได้เร็วขึ้นในช่วงไตรมาส&nbsp;1&nbsp;และ&nbsp;2&nbsp;ของปี&nbsp;(Front-&nbsp;Loaded)&nbsp;รวมทั้งเร่งเบิกจ่ายเงินกู้ตาม&nbsp;พ.ร.ก.&nbsp;ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ&nbsp;เพิ่มเติม&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2564&nbsp;(กรอบวงเงิน&nbsp;5&nbsp;แสนล้านบาท)&nbsp;ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้&nbsp;เร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>16/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220116134849665 นักท่องเที่ยวทั่วสารทิศแห่เที่ยวอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ชมสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สมบูรณ์ ลิ้มลองรสชาดอาหารเด่น ไก่สับเบตง ส้มโชกุนเบตง ทำบรรยากาศเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์คึกคัก ท่ามกลางมาตรการทางด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด<p><strong>วันนี้&nbsp;16&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;บรรยากาศท่องเที่ยวในอำเภอเบตง&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;</strong>ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์พบว่า&nbsp;มีนักท่องเที่ยวทั่วสารทิศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่กันอย่างคึกคักทำให้สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเขตเทศบาลและนอกเมือง&nbsp;ต่างรับนักท่องเที่ยววันละนับพันคน&nbsp;และได้มีจองโปรแกรมท่องเที่ยวกับผู้ประกอบการอย่างคึกคัก&nbsp;ทั้งรถนำเที่ยวท้องถิ่น&nbsp;ทั้งแบบเช้าไปเย็นกลับ&nbsp;และพักค้างคืนตามรีสอร์ทต่างๆ&nbsp;เพื่อสัมผัสธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์&nbsp;ทำให้บรรยากาศในตัวเมืองเบตงโดยเฉพาะจุดเช็คอิน&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นตู้ไปรษณีย์ยักษ์&nbsp;สัญลักษณ์ประจำเมืองเบตง&nbsp;และตู้ไปรษณีย์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ใหญ่กว่าเดิม&nbsp;ที่ตั้งอยู่ที่ด้านหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;80&nbsp;พรรษา&nbsp;(ศาลาประชาคมหลังเก่า&nbsp;เทศบาลเบตง)&nbsp;ถนนสุขยางค์&nbsp;มีความสูง&nbsp;9&nbsp;เมตร&nbsp;จึงเป็นอีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะไปถ่ายรูปตู้ไปรษณีย์&nbsp;และไม่พลาดที่ต้องไปชมสวรรค์บนดิน&nbsp;สนามบินเบตง&nbsp;ที่ท่าอากาศยานนานาชาติเบตงที่ได้รับความนิยมทั้งจากชาวเบตงและนักท่องเที่ยวจากต่างพื้นที่&nbsp;เพื่อไปชมสถาปัตยกรรมของอาคารที่พักผู้โดยสาร&nbsp;รวมถึงถ่ายรูปเป็นที่ระลึก&nbsp;บริเวณด้านหน้า&nbsp;เพราะที่นี่ตกแต่งด้วยไม้ไผ่สุดอลังการ&nbsp;สะท้อนเอกลักษณ์ท้องถิ่น&nbsp;</p><p><strong>โดยคำว่า&nbsp;เบตง&nbsp;หรือ&nbsp;บือตง&nbsp;เป็นภาษามลายู&nbsp;แปลว่า&nbsp;ไม้ไผ่&nbsp;</strong>ซึ่งหากเปิดบริการสนามบินเบตงจะอำนวยความสะดวกในการเดินทาง&nbsp;รวมถึงการท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอเบตง&nbsp;ของผู้คนทั้งไทยและต่างชาติเพิ่มขึ้น&nbsp;และไม่พลาดที่ต้องลิ้มลอง&nbsp;รสชาติ&nbsp;ส้มโชกุนเบตงแท้&nbsp;เพราะอำเภอเบตง&nbsp;เป็นแหล่งปลูกส้มโชกุนที่มีคุณภาพดีที่สุดเพราะที่นี่มีลักษณะพิเศษ&nbsp;เป็นพื้นที่เป็นที่ราบสูง&nbsp;ภูเขาสลับซับซ้อน&nbsp;มีดินเป็นดินร่วน&nbsp;อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ&nbsp;20-27&nbsp;องศาทำให้อากาศเย็นสบาย&nbsp;ยิ่งช่วงนี้ส้มโชกุนกำลังออกผลผลิตใกล้ตรุษจีน&nbsp;นักท่องเที่ยวแห่ชิมเลือกซื้อกันอย่างคึกคักสร้างรายได้เข้าพื้นที่&nbsp;ทั้ง&nbsp;โรงแรม&nbsp;รีสอร์ท&nbsp;ห้องพัก&nbsp;และร้านอาหาร&nbsp;เที่ยวชมสวนส้มโชกุน&nbsp;คาดเงินสะพัดจำนวนมาก</p><p><strong>นักท่องเที่ยวจากจังหวัดลพบุรี&nbsp;บอกว่า&nbsp;อากาศ&nbsp;ที่เบตงเยี่ยมยอดมาก</strong>&nbsp;เพราะอยากมาสัมผัสเมืองเบตง&nbsp;เพราะเป็นอีกอำเภอหนึ่งของจังหวัดยะลา&nbsp;ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;และเป็นอำเภอที่ตั้งอยู่ใต้สุดของประเทศไทย&nbsp;เมื่อมาได้สัมผัส&nbsp;ที่นี่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย&nbsp;ทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรม&nbsp;มีอาหารการกินอร่อย&nbsp;อย่าง&nbsp;ไก่เบตง&nbsp;ที่ใครก็บอกว่าเด็ด&nbsp;ผู้คนหลายอยู่กันหลายเชื้อชาติน่ารักใจดี&nbsp;เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีเสน่ห์น่าไปสัมผัสขอเชิญชวนมาเที่ยว</p><p><strong>ขณะที่&nbsp;ศปก.อำเภอเบตง&nbsp;ก็ได้มีการวางมาตรการทางด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด</strong>&nbsp;เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส&nbsp;โควิด-19&nbsp;เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวโดย&nbsp;ประชาชน&nbsp;และผู้ประกอบการในพื้นที่อำเภอเบตง&nbsp;ขณะนี้เกือบครบ&nbsp;100&nbsp;%&nbsp;แล้ว&nbsp;ที่ได้รับวัคซีน&nbsp;เพราะทางอำเภอเบตงได้เปิดบริการฉีดวัคซีนให้ทุกคนที่มาเที่ยวในพื้นที่&nbsp;รวมทั้งผู้ที่เดินทางเข้าสู่จังหวัดยะลาต้องฉีดวัคซีนทุกคน&nbsp;ผ่านมาตรการคัดกรองอย่างเข้มงวด&nbsp;หากรู้สึกไม่สบาย&nbsp;ทางเจ้าหน้าที่&nbsp;พร้อมตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ให้ฟรี&nbsp;และหากพบว่ามีเชื้อเป็นบวก&nbsp;เจ้าหน้าที่พร้อมจัดยาฟาวิพิราเวียร์ให้ทานทันที</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>16/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.เบตง จ.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220116131450650 ขนส่งจังหวัดเพชรบุรี ประมูลทะเบียนรถเลขสวย หมวดอักษร กน “ก้าวหน้าร่ำรวย เลขสวยหนุนนำ” ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มรูปแบบ New normal วิถีใหม่แห่งการประมูล<p><strong>ขนส่งจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ประมูลทะเบียนรถเลขสวย&nbsp;หมวดอักษร&nbsp;กน&nbsp;“ก้าวหน้าร่ำรวย&nbsp;เลขสวยหนุนนำ”&nbsp;</strong>ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มรูปแบบ&nbsp;New&nbsp;normal&nbsp;วิถีใหม่แห่งการประมูล&nbsp;เมื่อเวลา&nbsp;08.30&nbsp;น.วันนี้&nbsp;(วันที่&nbsp;16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;นายชนะ&nbsp;ลิขิตเดชาโรจน์&nbsp;ขนส่งจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;เป็นประธานเปิดการประมูลเลขทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;คน&nbsp;จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ครั้งที่&nbsp;8&nbsp;หมวดอักษร&nbsp;กน&nbsp;“ก้าวหน้าร่ำรวย&nbsp;เลขสวยหนุนนำ”&nbsp;ในการปิดประมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ต&nbsp;ณ&nbsp;วิทยาลัยอาชีวศึกษาเพชรบุรี&nbsp;</p><p><strong>นายชนะ&nbsp;ลิขิตเดชาโรจน์&nbsp;ขนส่งจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;สำนักงานขนส่งจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ได้เปิดการประมูลหมายเลขทะเบียนรถ&nbsp;ซึ่งเป็นที่ต้องการหรือเป็นที่นิยมของประชาชน&nbsp;เลขสวย&nbsp;(Super&nbsp;Number)&nbsp;ประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;คน&nbsp;หมวดอักษร&nbsp;กน&nbsp;ซึ่งมีความหมายว่า&nbsp;ก้าวหน้าร่ำรวย&nbsp;เลขสวยหนุนนำ&nbsp;จำนวน&nbsp;301&nbsp;หมายเลข&nbsp;</p><p><strong>โดยประมูลผ่านอินเทอร์เน็ตเต็มรูปแบบครั้งแรกของจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;</strong>ผ่านทางเว็บไซต์&nbsp;www.tabienrod.com&nbsp;เปิดให้ลงทะเบียนและเข้าเสนอราคามาตั้งแต่วันที่&nbsp;5&nbsp;พฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;และปิดประมูลวันที่&nbsp;16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ในวันนี้&nbsp;ตามลำดับหมายเลขที่แจ้งไว้ในโบรชัวร์&nbsp;เริ่มตั้งแต่เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ขนส่งจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;กล่าวเพิ่มเติมว่า&nbsp;ผู้ที่ประมูลได้&nbsp;จะได้รับแผ่นป้ายทะเบียนกราฟิก&nbsp;เป็นภาพทิวทัศน์และภาพเอกลักษณ์ของจังหวัดเพชรบุรีที่สวยงาม&nbsp;ถือเป็นกรรมสิทธิ์&nbsp;สามารถเป็นมรดกตกทอดถึงทายาท&nbsp;หรือซื้อขาย&nbsp;โอน&nbsp;เปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ได้&nbsp;และรายได้ในการประมูลจะนำเข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน&nbsp;(กปถ.)&nbsp;โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ&nbsp;ทั้งสิ้น&nbsp;เพื่อเป็นทุนสนับสนุนและส่งเสริมด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน&nbsp;และจัดสรรเป็นค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการที่ประสบภัยจากการใช้รถใช้ถนน&nbsp;ถือเป็นการสร้างบุญสร้างกุศลอีกทางหนึ่งด้วย&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>รวยริน&nbsp;ทองชู&nbsp;นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ&nbsp;</p><p>ข่าว&nbsp;ภาพ/ข่าว&nbsp;สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรี</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>16/1/2022ภาคตะวันตกเพชรบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220116131713651 พาณิชย์จังหวัดนนทบุรีดำเนินโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคาช่วยประชาชน กระจายไปตามจุดจำหน่ายของร้าน ลดราคาช่วยประชาชนหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 150 บาท มีจำหน่าย 7 จุดที่จังหวัดนนทบุรีระหว่างวันที่ 16-31 มกราคม 2565<p><strong>(16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;จากภาวะราคาเนื้อหมูที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง</strong>ซึ่งเป็นผลจากการลดปริมาณการเลี้ยงหมูของผู้ประกอบการ&nbsp;และปัญหาโรคระบาดรวมถึงต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มีราคาสูง&nbsp;จนทำให้กระทรวงพาณิชย์&nbsp;ต้องกำหนดแนวทางแก้ไขใน&nbsp;3&nbsp;มาตรการ&nbsp;คือ&nbsp;1.ห้ามส่งหมูมีชีวิตออกนอกราชอาณาจักร&nbsp;เพื่อให้ปริมาณหมูเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ&nbsp;2.กำหนดให้ผู้เลี้ยง&nbsp;ผู้จำหน่ายและผู้ส่งออกนอกราชอาณาจักรที่ครอบครองหมูมีชีวิตตั้งแต่&nbsp;500&nbsp;ตัวขึ้นไป&nbsp;ต้องแจ้งปริมาณการเลี้ยง&nbsp;ปริมาณการซื้อ&nbsp;ปริมาณการจำหน่าย&nbsp;ปริมาณการส่งออก&nbsp;ปริมาณคงเหลือ&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;และสถานที่เก็บ&nbsp;รวมถึงสถานที่เลี้ยงซึ่งจะต้องแจ้งทุกวันจันทร์ของสัปดาห์&nbsp;และ&nbsp;3.การดำเนินโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;โดยจัดจำหน่ายหมูเนื้อแดงส่วนสะโพกให้ประชาชนในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;เพื่อลดความเดือดร้อนในเบื้องต้น&nbsp;และหากสถานการณ์ราคาหมูยังอยู่ในระดับสูงอีก&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ซึ่งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนนทบุรีได้ดำเนินโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคาช่วยประชาชน</strong>&nbsp;กระจายไปตามจุดจำหน่ายของร้าน&nbsp;ทั้งหมด&nbsp;7&nbsp;แห่งในพื้นที่จังหวัด&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;16-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ดังนี้&nbsp;ร้านเปรมตลาดสดเทศบาลเมืองบางบัวทอง&nbsp;ริมคลองโสนลอย&nbsp;ร้านเจ๊จงตลาดสดเทศบาลปากเกร็ด&nbsp;ถนนแจ้งวัฒนะ&nbsp;ตำบลปากเกร็ด&nbsp;ร้านหมูลงเตี้ยสนามบินน้ำตลาดสดจิตรวรรณ&nbsp;ซอยนนทบุรี&nbsp;ตำบท่าทราย&nbsp;ร้านหมูดีฟาร์ม&nbsp;ซอยสามัคคี&nbsp;ตำบลท่าทราย&nbsp;ร้านโฟกัสตลาดครอบครัว&nbsp;ถนนบางกรวย-ไทรน้อย&nbsp;ร้านพรชัย&nbsp;ตลาดฤทธิ์สุขทางหลวงชนบทนนทบุรี&nbsp;1009&nbsp;เจ๊อรหมูสดตลาดบางใหญ่&nbsp;ตำบลเสาธรหินอำเภอบางใหญ่&nbsp;จังหวัดนนทบุรี&nbsp;</p><p><strong>สำหรับโครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งที่รัฐบาล&nbsp;ที่กระทรวงพาณิชย์จัดขึ้น</strong>เพื่อลดความเดือดร้อนในเบื้องต้น&nbsp;แบ่งเบาภาระให้ประชาชน&nbsp;โดยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทา?ความเดือดร้อน?ได้ในระดับหนึ่ง&nbsp;สอบถามรายละเอียดได้ที่&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนนทบุรี&nbsp;ต.บางกระสอ&nbsp;อ.เมืองนนทบุรี&nbsp;จ.นนทบุรี&nbsp;11000.&nbsp;โทรศัพท์&nbsp;:&nbsp;0&nbsp;2591&nbsp;7883.&nbsp;โทรสาร&nbsp;:&nbsp;0&nbsp;2591&nbsp;6927.&nbsp;อีเมล&nbsp;:&nbsp;nonthaburi@dit.go.th.</p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(51,&nbsp;51,&nbsp;51);">#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</span></p>16/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลนนทบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนนทบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220116133454664 วันแรก โครงการหมูพาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน จังหวัดตราด มีผู้สนใจจับจ่ายซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(28,&nbsp;30,&nbsp;33);">(16&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;&nbsp;ที่บริเวณร้านจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;ฟาร์มคุณปู่&nbsp;ปากทางเข้าวัดหนองเสม็ด&nbsp;</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(28,&nbsp;30,&nbsp;33);">อำเภอเมืองตราด&nbsp;นางวรัญญา&nbsp;ถนอมพันธุ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตราด&nbsp;</span>มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตราด&nbsp;ตั้งโต๊ะแจกคูปองสำหรับประชาชนที่สนใจเลือกจับจ่ายซื้อเนื้อหมูในราคาต่ำกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตราด&nbsp;ร่วมกับผู้ประกอบการแผงจำหน่ายเนื้อหมูจัดขึ้นภายใต้<span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(28,&nbsp;30,&nbsp;33);">โครงการหมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดตราด&nbsp;</span>เพื่อเป็นการลดค่าครองชีพ&nbsp;และเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนได้ซื้อเนื้อหมูราคาที่เป็นธรรมบริโภคในครัวเรือน</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(28,&nbsp;30,&nbsp;33);">สำหรับการจัดโครงการดังกล่าวมีการนำเนื้อหมูจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(28,&nbsp;30,&nbsp;33);">&nbsp;ในพื้นที่ต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ในระหว่างวันที่&nbsp;16&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;โดยในวันแรกของการจำหน่ายเนื้อหมูตามโครงการนี้มีการตั้งจุดจำหน่ายที่&nbsp;ร้านฟาร์มคุณปู่&nbsp;ปากทางเข้าวัดหนองเสม็ด&nbsp;อำเภอเมืองตราด&nbsp;&nbsp;&nbsp;ร้านสุรีย์หมูสวย&nbsp;บริเวณ</span>ข้างตลาดศูนย์การค้าเทศบาลเมืองตราด<span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(28,&nbsp;30,&nbsp;33);">&nbsp;และบริเวณตลาดนัดสี่แยกนนทรี&nbsp;อำเภอบ่อไร่&nbsp;&nbsp;ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการจำหน่ายที่ร้านสหกรณ์จังหวัดตราด&nbsp;สาขา&nbsp;1&nbsp;&nbsp;ร้านฟาร์มคุณปู่&nbsp;&nbsp;ร้านสุรีย์หมูสวย&nbsp;&nbsp;และบริเวณตลาดนัดไร่ป่า&nbsp;หน้าวัดไร่ป่า&nbsp;ตำบลเนินทราย&nbsp;อำเภอเมืองตราด&nbsp;ทั้งนี้จำกัดจำนวนการซื้อ&nbsp;1&nbsp;คน&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม</span></p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(51,&nbsp;51,&nbsp;51);">#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</span></p>16/1/2022ภาคตะวันออกตราดสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220116135533679 อีอีซี โกลบอล คลาวด์ จำกัด ขยายฐานธุรกิจ Data Center ของคนไทย ปักเสาเข็มลงทุน 800 ล้านบาท นับเป็นการลงทุนก้าวแรกในพื้นที่ “ซิลิคอน เทค พาร์ค” บ้านฉาง จ.ระยอง คาดการก่อสร้างแล้วเสร็จ กรกฎาคม 2565 พร้อมเริ่มธุรกิจทันที<p><strong>วันที่&nbsp;16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;?เวลา&nbsp;11.09&nbsp;น.&nbsp;&nbsp;ดร.คณิศ&nbsp;แสงสุพรรณ</strong>&nbsp;เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก&nbsp;ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ&nbsp;(MOU)&nbsp;กับบริษัท&nbsp;อีอีซี&nbsp;โกลบอล&nbsp;คลาวด์&nbsp;จำกัด&nbsp;ที่ห้องประชุมบริษัทฯ&nbsp;เลขที่&nbsp;95&nbsp;หมู่ที่&nbsp;6&nbsp;ตำบลบ้านฉาง&nbsp;อำเภอบ้านฉาง&nbsp;จังหวัดระยอง&nbsp;ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีชั้นสูงบ้านฉาง&nbsp;จังหวัดระยอง</p><p><strong>บริษัท&nbsp;อีอีซี&nbsp;โกลบอล&nbsp;คลาวด์&nbsp;จำกัด&nbsp;เป็นบริษัทประกอบธุรกิจ</strong>&nbsp;Data&nbsp;Center&nbsp;ของคนไทย&nbsp;มีวัตถุประสงค์หลักในการให้บริการ&nbsp;Hybrid&nbsp;Cloud&nbsp;โดยรองรับผู้มาใช้งานทั้งภาครัฐและเอกชน&nbsp;เช่น&nbsp;Manufacturing,&nbsp;Healthcare,&nbsp;Education,&nbsp;e-Commerce&nbsp;การให้บริการของบริษัทเป็นการเพิ่มช่องทางการแข่งขันและโอกาสในการสร้างมูลค่าต่อยอด&nbsp;รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้า&nbsp;มีบริการหลายรูปแบบ&nbsp;เช่น&nbsp;Infrastructure&nbsp;as&nbsp;a&nbsp;Service&nbsp;ที่สามารถเชื่อมต่อให้กับผู้ให้บริการอื่นทั้งในและต่างประเทศ&nbsp;การให้บริการแบบ&nbsp;platform&nbsp;as&nbsp;a&nbsp;Service&nbsp;ที่ทางบริษัทมีความพร้อมสำหรับลูกค้าที่ต้องการใช้งาน&nbsp;รวมถึงการนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อสร้าง&nbsp;Predictive&nbsp;Model&nbsp;สำหรับการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจให้กับผู้ใช้บริการ&nbsp;โดยบริษัทจะเริ่มให้บริการในเดือนกรกฎาคม&nbsp;2565&nbsp;นี้</p><p><strong>ทั้ง?นี้?&nbsp;บริษัท&nbsp;อีอีซี&nbsp;โกลบอล&nbsp;คลาวด์&nbsp;จำกัด&nbsp;จัดตั้งขึ้นโดยได้รับการแนะนำ</strong>และสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก&nbsp;(สกพอ.)&nbsp;ที่ประสงค์จะเห็นการมี&nbsp;DATA&nbsp;CENTER&nbsp;ของคนไทย&nbsp;ลงทุนและดำเนินการโดยคนไทย&nbsp;ที่มีมาตรฐานระดับสากล&nbsp;ปลอดภัย&nbsp;มั่นคง&nbsp;เพื่อให้นักลงทุนไทยและต่างชาติสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก&nbsp;&nbsp;แสดงศักยภาพการพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูงของประเทศไทย&nbsp;สกพอ.&nbsp;จึงได้ดำริให้มีการลงนาม&nbsp;MOU&nbsp;เพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก&nbsp;(EEC)&nbsp;ได้เข้าถึงและสามารถใช้ประโยชน์จากงานบริการบริษัท&nbsp;อีอีซี&nbsp;โกลบอล&nbsp;คลาวด์&nbsp;จำกัด</p><p><strong>พลตำรวจโท&nbsp;ปรีดี&nbsp;พงศ์เศรษฐสันต์&nbsp;ประธานกรรมการบริษัทกล่าวว่า</strong>&nbsp;DATA&nbsp;CENTER&nbsp;ของบริษัท&nbsp;อีอีซี&nbsp;โกลบอล&nbsp;คลาวด์&nbsp;จำกัด&nbsp;มีมาตรฐานสากลในระดับ&nbsp;TIER&nbsp;3&nbsp;,&nbsp;&nbsp;ISO&nbsp;&nbsp;9001:2015&nbsp;&nbsp;และ&nbsp;ISO&nbsp;27001&nbsp;การดำเนินการเน้นหลักสำคัญ&nbsp;3&nbsp;ประการ&nbsp;คือการรักษาความปลอดภัยข้อมูลให้กับลูกค้า&nbsp;การให้พื้นที่เก็บข้อมูลที่มีมากกว่าและที่สำคัญที่สุดคือการคิดค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า&nbsp;กล่าวคือ&nbsp;High&nbsp;Security,&nbsp;More&nbsp;Space,&nbsp;Less&nbsp;Price&nbsp;บริษัท&nbsp;อีอีซี&nbsp;โกลบอล&nbsp;คลาวด์&nbsp;จำกัด&nbsp;มีความพร้อมและยินดีที่จะร่วมมือ&nbsp;สนับสนุนและให้บริการกับทุกภาคส่วน&nbsp;โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศ&nbsp;ประชาชน&nbsp;สังคม&nbsp;ชุมชนและท้องถิ่นเป็นสำคัญ&nbsp;คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงเดือน&nbsp;กรกฎาคม&nbsp;2565&nbsp;และเริ่มดำเนินธุรกิจได้ทันที&nbsp;และพร้อมจะร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ.</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>16/1/2022ภาคตะวันออกระยองสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยองhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220116174502727 จีนเปิด 4 ด่านหลักนำเข้าผลไม้ไทยแล้ว เตรียมพร้อมล่วงหน้ารับมือการส่งออกผลไม้ฤดูการผลิตปี 2565<p><strong>นายอลงกรณ์&nbsp;พลบุตร&nbsp;ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;จากรายงานสถานการณ์ล่าสุดเมื่อวานนี้&nbsp;จีนได้เปิด&nbsp;4&nbsp;ด่านหลักทั้งหมดแล้ว&nbsp;ได้แก่&nbsp;&nbsp;ด่านโม่ฮาน&nbsp;บนเส้นทาง&nbsp;R2A&nbsp;(เชียงของ-บ่อเตน-โมฮ่าน)&nbsp;เปิดให้บริการทุกวัน&nbsp;โดยกำหนดเปิดด่านตั้งแต่เวลา&nbsp;07.30&nbsp;น.-&nbsp;16.30&nbsp;น.&nbsp;สำหรับรถขนส่งผลไม้&nbsp;และ&nbsp;16.30&nbsp;น.-&nbsp;20.00&nbsp;น.&nbsp;สำหรับรถเปล่า&nbsp;ถือเป็นความก้าวหน้าในความร่วมมือระหว่างไทย&nbsp;-&nbsp;สปป.ลาว&nbsp;และจีน&nbsp;</p><p><strong>ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>จากการประชุมและตรวจความพร้อมที่ด่านเชียงของปรากฎว่ามีรถบรรทุกผลไม้ห้องเย็นเข้าออกที่ด่านเชียงของคึกคักมากขึ้น&nbsp;หลังจากด่านโมฮ่านเปิดไม่จำกัดจำนวนรถ&nbsp;โดยเป็นรถบรรทุกส่งออกจากไทยมากกว่ารถที่นำเข้าสินค้าจากจีนเข้าไทย&nbsp;ได้กำชับให้มีการพ่นฆ่าเชื้อทั้งรถขาเข้าและขาออกตามมาตรการ&nbsp;Covid&nbsp;free&nbsp;และ&nbsp;SPS</p><p><strong>ด่านโหย่วอี้กวน&nbsp;เปิดให้บริการปกติ</strong>&nbsp;แต่ยังจำกัดรถบรรทุกสินค้าเข้าด่านไม่เกิน&nbsp;100&nbsp;คัน&nbsp;เนื่องจากมาตรการโควิดที่เข้มงวด&nbsp;ซึ่งทางการไทยและเวียดนามได้ประสานงานกับจีนเพื่อให้เพิ่มปริมาณการปล่อยรถสินค้า&nbsp;ซึ่งได้ให้ทูตเกษตรไทยในปักกิ่งและกวางโจว&nbsp;เสนอจีนให้ใช้ในแนวทางเดียวกับด่านโมฮ่าน&nbsp;</p><p><strong>ด่านรถไฟผิงเสียง&nbsp;เปิดนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารที่ขนส่งผ่านห่วงโซ่ความเย็น</strong>&nbsp;(รวมผลไม้ไทย)&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;4&nbsp;–&nbsp;17&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;(ตามมาตรการ&nbsp;เปิด&nbsp;14&nbsp;วัน&nbsp;ปิด&nbsp;14&nbsp;วัน)&nbsp;</p><p><strong>ด่านตงซิง&nbsp;กลับมาเปิดให้บริการเมื่อวันที่&nbsp;10&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</strong>&nbsp;หลังจากปิดด่านเนื่องจากพบผู้ติดเชื้อโควิด-19&nbsp;ในเมืองตงซิง&nbsp;โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา&nbsp;ตนได้ไปตรวจเยี่ยมล้งใหญ่เป็นบริษัทไทยกำลังขึ้นตู้คอนเทนเนอร์เป็นทุเรียนทวาย&nbsp;(นอกฤดู)&nbsp;จากชุมพรและภาคใต้แจ้งว่าส่งออกไปที่ด่านตงชิง</p><p><strong>ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;เปิดเผยด้วยว่า</strong>&nbsp;ได้เสนอรายงานเบื้องต้นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;โดยปลายเดือนนี้ทางการไทยและจีนได้หารือก่อนหน้านี้จนได้ข้อสรุป&nbsp;ในการที่กระทรวงเกษตรฯ&nbsp;ของไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกระทรวงเกษตรของจีน&nbsp;และเดือนหน้าจะมีการประชุมว่าด้วยมาตรการ&nbsp;SPS&nbsp;ระหว่าง&nbsp;2&nbsp;ประเทศ&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;ปี&nbsp;2564&nbsp;แม้จะเผชิญปัญหาด่านติดจัดและตู้ขนส่งสินค้าขาดแคลน&nbsp;รวมทั้งค่าระวางเรือขึ้นสูงมาก&nbsp;แต่เราสามารถส่งออกผลไม้ไปจีนสูงสุดเป็นประวัติการณ์เพียง&nbsp;11&nbsp;เดือน&nbsp;ในปี&nbsp;2564&nbsp;มีมูลค่ากว่า&nbsp;1.5&nbsp;แสนล้านบาท&nbsp;และครองส่วนแบ่งในตลาดจีนเป็นอันดับหนึ่ง&nbsp;มีมาร์เก็ตแชร์ถึง&nbsp;45%&nbsp;ขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันในการขยายการส่งออกผลไม้ให้เพิ่มขึ้นจากปี&nbsp;2564</p><p><br></p><p><br></p>16/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220116213640772 บรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ยังคงมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาชมสกายวอร์คเชียงคาน จ.เลย อย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดการกระจายรายแก่ผู้ประกอบการในท้องถิ่นชุมชน สร้างงานสร้างอาชีพ<p><strong>บรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์</strong>&nbsp;ยังคงมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาชมความงดงามของสกายวอร์คเชียงคาน&nbsp;ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านท่าดีหมี&nbsp;ตำบลปากตม&nbsp;อำเภอเชียงคาน&nbsp;จังหวัดเลย&nbsp;อย่างต่อเนื่อง&nbsp;</p><p><strong>นางวาราภรณ์&nbsp;ครองศรี&nbsp;ผู้ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์บริเวณสกายวอร์คเชียงคาน</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;ทางเจ้าหน้าที่จะทำการคัดกรองประชาชนและนักท่องเที่ยว&nbsp;ตรวจสอบหลักฐานการได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19&nbsp;ก่อนเข้าชมสกายวอร์ค&nbsp;พร้อมทั้งแนะนำให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;เช่น&nbsp;สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาขณะชมสกายวอร์ค&nbsp;เว้นระยะห่าง&nbsp;และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์&nbsp;เป็นต้น</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ทุกวันจะมีนักท่องเที่ยว</strong>&nbsp;เข้าเที่ยวชมสกายวอร์คเชียงคานอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ก่อให้เกิดการกระจายรายแก่ผู้ประกอบการรายย่อยในท้องถิ่นชุมชน&nbsp;สร้างงานสร้างอาชีพให้กับประชาชนในท้องถิ่นด้วย</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>17/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเลยสวท.เลยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117101840818 กระทรวงอุตสาหกรรม เร่งช่วยเหลือผู้ส่งออกเครื่องปรับอากาศของไทย เหตุอินเดียห้ามนำเข้าเครื่องปรับอากาศที่มีสารทำความเย็น พร้อมเตรียมนำเข้าสู่ที่ประชุมองค์การการค้าโลกในเดือนมีนาคมนี้<p><strong>กรณีประเทศอินเดีย&nbsp;กำหนดมาตรการห้ามนำเข้าเครื่องปรับอากาศที่บรรจุสารทำความเย็น</strong>&nbsp;พร้อมออกกฎระเบียบการนำเข้าเคมีภัณฑ์และปิโตรเคมี&nbsp;และระงับการตรวจประเมินโรงงานผลิตสินค้าในต่างประเทศ&nbsp;ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์&nbsp;โดยเฉพาะผู้ส่งออกเครื่องปรับอากาศของไทย</p><p><strong>นายสุริยะ&nbsp;จึงรุ่งเรืองกิจ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;สำหรับการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย&nbsp;</strong>ได้สั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม&nbsp;หรือ&nbsp;สมอ.&nbsp;ในฐานะผู้แทนประเทศไทยในคณะกรรมการว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า&nbsp;(Committee&nbsp;on&nbsp;Technical&nbsp;Barriers&nbsp;to&nbsp;Trade&nbsp;:&nbsp;TBT)&nbsp;ภายใต้องค์การการค้าโลก&nbsp;หรือ&nbsp;WTO&nbsp;นำประเด็นดังกล่าวหารือในที่ประชุม&nbsp;Committee&nbsp;on&nbsp;TBT&nbsp;ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่&nbsp;8-11&nbsp;มีนาคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;นครเจนีวา&nbsp;สมาพันธรัฐสวิส&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ด้านนายบรรจง&nbsp;สุกรีฑา&nbsp;เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม&nbsp;</strong>กล่าวว่า&nbsp;ก่อนหน้านี้&nbsp;สมอ.&nbsp;ได้เจรจาทวิภาคีกับอินเดียเพื่อหารือร่วมกันในการลดปัญหาอุปสรรคทางการค้าแล้ว&nbsp;แต่อินเดียยังไม่ยกเลิกมาตรการดังกล่าว&nbsp;จึงจำเป็นต้องยกระดับการเจรจา&nbsp;ในที่ประชุม&nbsp;Committee&nbsp;on&nbsp;TBT&nbsp;โดยจะเรียกร้องให้อินเดียยกเลิกมาตรการห้ามนำเข้าเครื่องปรับอากาศที่บรรจุสารทำความเย็น&nbsp;เนื่องจากขาดเหตุผลทางวิทยาศาสตร์และเป็นการปฏิบัติไม่เท่าเทียมกัน&nbsp;ระหว่างสินค้าที่ผลิตในประเทศกับสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ&nbsp;รวมทั้งขอให้ขยายเวลาการบังคับใช้กฎระเบียบควบคุมคุณภาพเกี่ยวกับการนำเข้าเคมีภัณฑ์และปิโตรเคมี&nbsp;จาก&nbsp;180&nbsp;วัน&nbsp;เป็น&nbsp;360&nbsp;วัน&nbsp;เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีเวลาในการเตรียมความพร้อม&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;ขอให้อินเดียพิจารณาการตรวจประเมินโรงงานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์&nbsp;(remote&nbsp;audit)</strong>&nbsp;เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกทางการค้า&nbsp;และนอกจากประเด็นมาตรการของอินเดียแล้ว&nbsp;ยังมีประเด็นเสนอให้อินโดนีเซียพิจารณาการรับรองผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศที่ส่งออกไปยังอินโดนีเซีย&nbsp;เพื่อไม่ต้องมีการตรวจสอบซ้ำ&nbsp;ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่าย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>&nbsp;&nbsp;</p>17/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117140710939 เทศบาลเมืองศรีสะเกษ กระตุ้นการท่องเที่ยวเกาะกลางน้ำ ให้บริการฟรี เรือคายัค และจักรยานน้ำ ตลอดเดือนมกราคม 2565<p><strong>เทศบาลเมืองศรีสะเกษ&nbsp;เปิดให้บริการฟรี</strong>&nbsp;สำหรับบริการเรือคายัคและจักรยานน้ำ&nbsp;เหมาะแก่การแวะไปพักผ่อนหย่อนใจโดยเฉพาะเดือนมกราคมนี้ใช้บริการฟรีได้ตลอดทั้งเดือนสำหรับคนที่ชื่นชอบการพายเรือชมธรรมชาติ&nbsp;ในบรรยากาศสุดชิลบ้านเรา&nbsp;พร้อมให้บริการแล้วนะคะเปิดให้บริการทุกวัน&nbsp;ที่&nbsp;เกาะกลางน้ำ</p><p>จันทร์-ศุกร์&nbsp;&nbsp;&nbsp;:&nbsp;10:00-18:00&nbsp;น.</p><p>เสาร์-อาทิตย์&nbsp;:&nbsp;09:00-18:00&nbsp;น.</p><p>คืนเรือภายในเวลา&nbsp;:&nbsp;18:30&nbsp;น.</p><p>-&nbsp;รบกวนแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนก่อนเข้าใช้บริการ</p><p>-&nbsp;ตรวจวัดอุณหภูมิ&nbsp;และลงทะเบียนก่อนเข้าใช้บริการ</p><p>-&nbsp;เว้นระยะ&nbsp;และสวมหน้ากาก&nbsp;ตลอดเวลา</p><p>-&nbsp;ที่จุดบริการ&nbsp;ต้องล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>17/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือศรีสะเกษสวท.ศรีสะเกษhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117101347814 โครงการหมูพาณิชย์… ลดราคา ช่วยประชาชน จังหวัดปัตตานี ครั้งที่ 3<p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดปัตตานี&nbsp;โดย&nbsp;นางสาวจินตะณา&nbsp;ปิ่นสุภา</strong>&nbsp;พาณิชย์จังหวัดปัตตานี&nbsp;ดำเนิน&nbsp;“โครงการหมูพาณิชย์...&nbsp;ลดราคา&nbsp;&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;จังหวัดปัตตานี&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;3)&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;16&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน&nbsp;จากภาวะราคาเนื้อหมูที่ปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;จังหวัดปัตตานี&nbsp;มีจุดจำหน่าย&nbsp;6?&nbsp;จุด&nbsp;ในเขตอำเภอเมืองปัตตานี&nbsp;ดังนี้</p><p>1.ร้านตั้มหมูซิ่ง&nbsp;ถนนนาเกลือ&nbsp;ซอย14</p><p>2.ร้านป้าใจ&nbsp;ตลาดสดเทศวิวัฒน์</p><p>3.ร้านพี่หยอย&nbsp;ถนนมะกรูด&nbsp;ซอย&nbsp;7</p><p>4.ร้านลุงเนียร&nbsp;ถนนนาเกลือ&nbsp;ซอย&nbsp;23</p><p>5.ร้านพี่แหม่ม&nbsp;ถนนสามัคคี&nbsp;สาย&nbsp;ข</p><p>6.ร้านมณีวรรณ&nbsp;หมูสด&nbsp;หน้าโรงเรียนเมืองปัตตานี</p><p><br></p><p><strong>ทั้ง&nbsp;6&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;ได้มีการปิดป้ายแสดงราคาให้ประชาชนได้เปรียบเทียบ</strong>ก่อนตัดสินใจซื้ออย่างชัดเจนเป็นไปตาม&nbsp;พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>17/1/2022ภาคใต้ปัตตานีสวท.ปัตตานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117104348847 จังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่งเสริมช่องทางการตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ประจำปีงบประมาณ 2565 ยอดจำหน่าย 3 วัน เป็นทะลุ 6 หมื่น<p><strong>วันที่&nbsp;16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</strong>นายจิรศักดิ์&nbsp;สีหามาตย์&nbsp;ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน&nbsp;เขตตรวจที่&nbsp;16&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;ปฐมพงษ์&nbsp;จันทร์สว่าง&nbsp;พัฒนาการจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ได้เยี่ยมชมและให้กำลังใจแก่กลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี&nbsp;ณ&nbsp;ถนนคนเดินเทศบาลตำบลปาย&nbsp;อำเภอปาย&nbsp;จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ตามโครงการส่งเสริมช่องทางการตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;โดยมีวัตถุประสงค์&nbsp;เพื่อส่งเสริมช่องทางการตลาดของกลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี&nbsp;และการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานกองทุนฯ&nbsp;การรับสมัครสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี&nbsp;</p><p><strong>ซึ่งกลุ่มเป้าหมาย&nbsp;ได้แก่</strong>&nbsp;กลุ่มอาชีพกองทุนพัฒนาบทบาทตรีที่กู้เงินประเภทเงินทุนหมุนเวียน&nbsp;จำนวน&nbsp;20&nbsp;กลุ่ม&nbsp;ดำเนินการระหว่างวันที่&nbsp;14-16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;ถนนคนเดินเทศบาลตำบลปาย&nbsp;อำเภอปาย&nbsp;จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ภายในงานมีการจัดแสดง&nbsp;จำหน่ายผลิตภัณฑ์&nbsp;ของที่ระลึก&nbsp;เช่นผ้าทอกะเหรี่ยงประยุกต์&nbsp;ผ้ามูเซอ&nbsp;ผ้าไทยใหญ่&nbsp;ผลไม้ตามฤดูกาล&nbsp;กระเทียม&nbsp;อาหารพื้นบ้าน&nbsp;และอาหารแปรรูปจากผลผลิตทางการเกษตร&nbsp;อีกมากมาย</p><p><strong>ยอดจำหน่ายวันที่&nbsp;14-16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</strong>รวมทั้งสิ้น&nbsp;68,570&nbsp;บาท&nbsp;สินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ได้ความสนใจสูงสุด&nbsp;3&nbsp;อันดับแรก&nbsp;ได้แก่&nbsp;กลุ่มปากาญอ@ปายบ้านแม่ปิง,&nbsp;กลุ่มเสื้อพื้นเมืองประยุกต์,&nbsp;กลุ่มผ้าปักลายมูเซอแดง</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p><br></p>17/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117111840868 อุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน จัดสัมมนาชี้แจงและคัดเลือกผู้ประกอบการ โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างรายได้เพิ่มขึ้น<p><strong>วันนี้&nbsp;(17&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ที่เดอะแกรนด์จามจุรี&nbsp;รีสอร์ท</strong>&nbsp;นายวรยุทธ&nbsp;เนาวรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน&nbsp;เป็นประธานเปิดการสัมมนาชี้แจงและคัดเลือกผู้ประกอบการ&nbsp;โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;โดยมีผู้ประกอบการ&nbsp;SME&nbsp;และวิสาหกิจชุมชน&nbsp;เข้าร่วมสัมมนา&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>นางจันทนา&nbsp;ไวยาวัจมัย&nbsp;อุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;การจัดโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;จัดขึ้นเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม&nbsp;SME&nbsp;และวิสาหกิจชุมชน&nbsp;ให้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน&nbsp;เพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตทางการเกษตร&nbsp;สร้างรายได้เพิ่ม&nbsp;ประกอบการการใช้นวัตกรรมเพิ่มคุณค่าและมูลค่าทางธุรกิจของผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์&nbsp;พร้อมทั้งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ได้ตรงตามความต้องการของตลาด&nbsp;โดยได้วิทยากรจากอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี&nbsp;มหาวิทยาลัยเชียงใหม่&nbsp;มาให้ความรู้&nbsp;ด้าน&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน&nbsp;กล่าวให้กำลังใจและให้ผู้ประกอบการ&nbsp;SME&nbsp;และวิสาหกิจชุมชน&nbsp;นำความรู้ที่ได้จากการสัมมนาในครั้งนี้&nbsp;นำไปต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์&nbsp;เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตทางการเกษตร&nbsp;สร้างรายได้เพิ่ม&nbsp;และสร้างผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ได้ตรงตามความต้องการของตลาดต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>17/1/2022ภาคเหนือลำพูนสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117114800885 พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี เพิ่มจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดงในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี โครงการ พาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน ระหว่างวันที่ 16-31 มกราคม 2565 บรรเทาความเดือดร้อนช่วยเหลือประชาชน<p><strong>(17&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายธีรวุฒิ&nbsp;คล้ายเคลื่อน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>จากการติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าเนื้อหมูในจังหวัดเพชรบุรีมีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;กระทรวงพาณิชย์เร่งช่วยเหลือประชาชน&nbsp;มอบหมายให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชิญชวนร้านขายเนื้อหมูในพื้นที่&nbsp;เข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จำหน่ายเนื้อหมูในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;มีผู้ประกอบการให้ความร่วมมือ&nbsp;จำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;จำนวน&nbsp;8&nbsp;จุด&nbsp;ในพื้นที่อำเภอชะอำ&nbsp;ร้านเสี่ยอ้วน&nbsp;อำเภอแก่งกระจาน&nbsp;ร้านเสี่ยอ้วน&nbsp;อำเภอท่ายาง&nbsp;ร้านเอ๋&nbsp;หมูสด&nbsp;ไก่สด&nbsp;ร้านแดงฟาร์ม&nbsp;อำเภอบ้านลาด&nbsp;ร้านรุ่งเรืองการค้า&nbsp;และอำเภอเมือง&nbsp;ร้านเพชรบุรีหมูสด&nbsp;ไก่สด&nbsp;ร้านหมูอนามัยบันไดอิฐ&nbsp;และร้านแดงฟาร์ม&nbsp;โดยผู้ค้าจะนำเนื้อหมูมาจำหน่ายวันละ&nbsp;40-50&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.&nbsp;จนกว่าสินค้าจะหมด&nbsp;จำกัดจำนวนซื้อ&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม/คน&nbsp;จำหน่ายตั้งแต่วันที่&nbsp;16-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</p><p>ทั้งนี้&nbsp;พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรีเร่งหาผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการให้ครอบคลุมทุกอำเภอ&nbsp;เพื่อให้มีจุดจำหน่ายเนื้อหมูในราคา&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;และได้เจรจากับผู้ผลิต&nbsp;ผู้ค้า&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;รายใหญ่ให้ตรึงราคา&nbsp;ลดความเดือดร้อนช่วยเหลือประชาชน</p><p><br></p><p>สวท.เพชรบุรี</p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>17/1/2022ภาคตะวันตกเพชรบุรีสวท.เพชรบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117115658888 วัฒนธรรมฯ แม่ฮ่องสอน ยกสินค้าทางวัฒนาธรรม จำหน่ายสร้างรายได้ กวาดเงินกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท<p><strong>นางสาวทัศนีย์&nbsp;ดอนเนตร์&nbsp;วัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน</strong>&nbsp;มอบหมายให้&nbsp;นายอนุศักดิ์&nbsp;บัวลา&nbsp;นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ&nbsp;ร่วมงาน&nbsp;“ช่วงฟื้นผญา&nbsp;ศิลปวัฒนธรรมล้านนา”&nbsp;นำคุณค่าสู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม&nbsp;ภายใต้โครงการจัดแสดงนวัตกรรม&nbsp;และจำหน่ายสินค้า&nbsp;Lanna&nbsp;Expo&nbsp;2021&nbsp;&nbsp;“กินดี&nbsp;อยู่ดี&nbsp;ชีวิตวิถีใหม่”&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;7-16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งดำเนินการจัดงานโดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณโถงท่าแพ&nbsp;ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;7&nbsp;รอบ&nbsp;พระชนมพรรษา&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่</p><p><strong>ในการนี้&nbsp;</strong>สำนักงานวัฒนธรรม?จังหวัดแม่ฮ่องสอน?ได้สนับสนุนเครือข่ายทางวัฒนธรรมในการร่วมจำหน่ายสินค้าทางวัฒนธรรม?&nbsp;ตลอดถึงการสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่นของจังหวัดแม่ฮ่องสอน?&nbsp;เพื่อสร้างรายได้ให้กับเครือข่าย?&nbsp;ดังนี้&nbsp;ข้าวปุกงา/ถั่วลายเสือคั่วสายฟ้า/ชุดไตแม่ฮ่องสอน/แปรรูปถั่วเหลือง/ภูมิปัญญาการทำกาแฟลั๊วะ/การอีดน้ำมันงาแบบโบราณ/และการทำขนมงา&nbsp;(ไทใหญ่)</p><p><strong>กิจกรรมภายในงานมีการจำหน่ายสินค้าทางวัฒนธรรมทั้งในรูปแบบการออกบูธและรูปแบบออนไลน์</strong>&nbsp;ไลฟ์สดผ่านเพจ&nbsp;"ช่วงฟื้นผญา&nbsp;ศิลปวัฒนธรรมล้านนา"&nbsp;Lanna&nbsp;Expo&nbsp;2021&nbsp;นอกจากนี้มีการแสดงศิลปะวัฒนธรรมล้านนาของจังหวัดต่างๆ?&nbsp;โดยสามารถสรุปยอดการจำหน่ายสินค้าการสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่น?&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;7&nbsp;มกราคม&nbsp;-16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวนทั้งสิ้น?152,170&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;กิจกรรมดังกล่าว&nbsp;</strong>ได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(COVID-19)&nbsp;ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>17/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117120832889 จังหวัดลำพูน มุ่งส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP 3 - 5 ดาว เพิ่มความทันสมัย ให้เป็นที่นิยมของผู้บริโภคตรงตามความต้องการของตลาดในยุคปัจจุบัน<p><strong>วันนี้&nbsp;(17&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดลำพูน</strong>&nbsp;จัดโครงการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;3&nbsp;-&nbsp;5&nbsp;ดาว&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;กิจกรรมย่อย&nbsp;พัฒนาศักยภาพผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;3-5&nbsp;ดาว&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;17-19&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;โรงแรมแกรนด์&nbsp;ปา&nbsp;โอเทล&nbsp;แอน&nbsp;&nbsp;รีสอร์ท&nbsp;ลำพูน&nbsp;โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ&nbsp;ได้แก่&nbsp;ผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;รวมทั้งสิ้น&nbsp;40&nbsp;คน&nbsp;โดย&nbsp;นายวรยุทธ&nbsp;เนาวรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน&nbsp;เป็นประธานเปิดโครงการ&nbsp;สำหรับการจัดโครงการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;3&nbsp;-&nbsp;5&nbsp;ดาว&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ส่งเสริมและพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์&nbsp;ออกแบบผลิตภัณฑ์&nbsp;บรรจุภัณฑ์&nbsp;ผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;และพัฒนาช่องทางการตลาดของผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;โดยผู้เข้าร่วมโครงการฯ&nbsp;จะได้รับการถ่ายทอดความรู้และทักษะจากวิทยากรผู้มีความรู้&nbsp;ความเชี่ยวชาญด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์&nbsp;การออกแบบตัดเย็บเบื้องต้น&nbsp;เทคนิคการปักผ้าและการแปรรูปผลิตภัณฑ์&nbsp;ให้มีความทันสมัย&nbsp;เป็นที่นิยมของผู้บริโภครวมถึงแนวโน้มการตลาดในยุคปัจจุบัน&nbsp;ได้รับความอนุเคราะห์วิทยากร&nbsp;จากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำพูน&nbsp;และทีมวิทยากรเอกชนผู้มีความเชี่ยวชาญ&nbsp;ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์&nbsp;</p><p><strong>ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;รัฐบาลได้กำหนดนโยบายการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ&nbsp;โดยการเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เข้มแข็ง&nbsp;สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;โดยการเพิ่มองค์ความรู้ในด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;เป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงเรื่องการทอผ้าที่เป็นเอกลักษณ์&nbsp;โดดเด่น&nbsp;มีความสวยงาม&nbsp;ทั้งผ้าไหม&nbsp;ผ้าฝ้าย&nbsp;ผ้าชนเผ่า&nbsp;และการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผ้า&nbsp;นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ชุมชนอื่นๆ&nbsp;ที่มีความน่าสนใจและเป็นที่นิยมของผู้บริโภค&nbsp;จังหวัดลำพูนได้เล็งเห็นความสำคัญของผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน&nbsp;จึงได้สนับสนุนงบประมาณโครงการฯ&nbsp;สำหรับผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ที่มีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการฯ&nbsp;ในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัย&nbsp;เป็นเอกลักษณ์สื่อถึงความเป็นตัวตนของเจ้าของผลิตภัณฑ์&nbsp;อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของกลุ่มผู้ผลิตชุมชน&nbsp;ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น&nbsp;โครงการฯ&nbsp;นี้&nbsp;จึงเป็นประโยชน์และก่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>17/1/2022ภาคเหนือลำพูนสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117122813903 ภาครัฐและเอกชน จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ไมซ์ใหม่ “Thailand 7 MICE Magnificent Themes 2021”<p><strong>วันนี้&nbsp;(17&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;นายสุทธิพงษ์&nbsp;คล้ายอุดม&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี</strong>&nbsp;ได้รับมอบหมายจากนายวิชวุทย์&nbsp;จินโต&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;เป็นประธานเปิดงานการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ไมซ์ใหม่&nbsp;จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;“Thailand&nbsp;7&nbsp;MICE&nbsp;Magnificent&nbsp;Themes&nbsp;2021”&nbsp;ที่จัดขึ้น&nbsp;ณ&nbsp;The&nbsp;Nature&nbsp;samui&nbsp;อำเภอเกาะสมุย&nbsp;จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;โดยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ&nbsp;(องค์การมหาชน)&nbsp;หรือ&nbsp;สสปน.&nbsp;กำหนดจัดประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไมซ์ใหม่&nbsp;พื้นที่ไมซ์ชิตี้&nbsp;และเมืองที่มีศักยภาพ&nbsp;(7&nbsp;Themes)&nbsp;เพื่อสำรวจและพัฒนาพื้นที่เมืองไมซ์ซิตี้และเมืองที่มีศักยภาพ&nbsp;ให้มีความพร้อมในการรองรับกิจกรรมไมซ์&nbsp;และเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ประกอบการหรือผู้จัดกิจกรรมไมซ์&nbsp;เพื่อก่อให้เกิดรายได้และพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์&nbsp;ในอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้&nbsp;มีการบรรยายเพื่อพัฒนาทักษะและเรียนรู้ตลาดไมซ์&nbsp;</strong>พร้อมเปิดโอกาสให้ผลิตภัณฑ์ที่เข้าร่วมได้ซักถามและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น&nbsp;มีการแบ่งกลุ่มทำกิจกรรม&nbsp;Workshop&nbsp;ระดมสมองเพื่อสร้างสรรค์กิจกรรมตามโจทย์ที่ได้รับมอบหมาย&nbsp;และนำเสนอกิจกรรมกลุ่มและรับฟังความคิดเห็นจากวิทยากรและผู้บริหารของ&nbsp;TCEB</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>17/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117140444933 พาณิชย์จังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดงราคาถูก ช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>วันนี้&nbsp;(17&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;นายพสิษฐ์&nbsp;พรหมภักดี&nbsp;พาณิชย์จังหวัดฉะเชิงเทรา&nbsp;</strong>ประชาสัมพันธ์เปิดจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา&nbsp;ตามโครงการ&nbsp;“หมูพาณิชย์..ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;(ส่วนภูมิภาค)”&nbsp;ตามนโยบายของ&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนาตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาหมูที่สูงขึ้นและให้ประชาชน&nbsp;มีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค&nbsp;โดยจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;16&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;7&nbsp;จุด&nbsp;ในพื้นที่&nbsp;3&nbsp;อำเภอ&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;บริเวณหน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดฉะเชิงเทรา&nbsp;อ.เมือง&nbsp;(ขายทุกวันจันทร์&nbsp;พุธ&nbsp;ศุกร์)&nbsp;&nbsp;ร้านเบทาโกร&nbsp;สาขาฉะเชิงเทรา&nbsp;อ.เมือง&nbsp;&nbsp;ร้านดีฟาร์ม&nbsp;สาขาฉะเชิงเทรา&nbsp;อ.เมือง&nbsp;&nbsp;ร้านหมูถูก&nbsp;สาขาฉะเชิงเทรา&nbsp;&nbsp;อ.เมือง&nbsp;ร้านหมูดีนะ&nbsp;(หน้าตลาดทรงชัย)&nbsp;อ.เมือง&nbsp;&nbsp;ร้านมาโนช&nbsp;(ตลาดโรงสี)&nbsp;อ.บางปะกง&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">ร้านหมูดีนะ&nbsp;(ตลาดเก่าพนม)&nbsp;อ.พนมสาราคาม</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ทั้งนี้&nbsp;ประชาชนผู้สนใจสามารถหาซื้อได้ตามจุดจำหน่ายต่างๆ&nbsp;เบื้องต้น</strong>&nbsp;และหากมีการเพิ่มจุดจำหน่าย&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดฉะเชิงเทรา&nbsp;จะประชาสัมพันธ์แจ้งให้ทราบทาง&nbsp;Facebook&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดฉะเชิงเทรา&nbsp;และสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดฉะเชิงเทรา&nbsp;ต่อไป&nbsp;หรือสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่&nbsp;โทรศัพท์&nbsp;038-511400</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p>17/1/2022ภาคตะวันออกฉะเชิงเทราสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดฉะเชิงเทราhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117141623951 รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ย้ำห้ามขึ้นราคาน้ำอัดลมโดยเด็ดขาด สั่งตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าทุกจังหวัดอย่างใกล้ชิด<p><strong>นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์&nbsp;</strong>ได้เรียกประชุมกระทรวงพาณิชย์เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง&nbsp;และมีข้อสั่งการให้ตั้งวอร์รูมติดตามราคาสินค้า&nbsp;แก้ปัญหาและดำเนินคดีกับผู้ที่ฉวยโอกาสอย่างเต็มที่&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ&nbsp;ในฐานะประธานกรรมการตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;หรือ&nbsp;พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542&nbsp;ระดับจังหวัด&nbsp;เป็นประธานวอร์รูมในระดับจังหวัด&nbsp;</p><p><strong>ส่วนกรณีที่น้ำอัดลมจะมีการปรับขึ้นราคานั้น&nbsp;</strong>รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเรียกผู้ประกอบการมาพบ&nbsp;พร้อมได้สั่งการผ่านกรมการค้าภายในห้ามขึ้นราคาโดยเด็ดขาด&nbsp;ขณะเดียวกันยังได้สั่งการให้ทุกฝ่ายช่วยกันดูแลประชาชนอย่างเต็มที่</p>17/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117142756959 พาณิชย์ชัยนาทเปิดจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดงตามโครงการพาณิชย์ ลดราคาช่วยประชาชน จำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคากิโลกรัมละ 150 บาท<p><strong>วันที่&nbsp;17&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นายประมวล&nbsp;นิลนาค&nbsp;พาณิชย์จังหวัดชัยนาท</strong>&nbsp;พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดชัยนาท&nbsp;ลงพื้นที่เปิดจุดจำหน่ายโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชนครั้งที่&nbsp;3&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดภาษีซุง&nbsp;และตลาดสดเทศบาลเมืองชัยนาท&nbsp;อ.&nbsp;เมืองชัยนาท&nbsp;ตามนโยบายของ&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;ที่ได้รับผลกระทบจากราคาเนื้อสุกรปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายเนื้อสุกรในราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;โดยจำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;จังหวัดชัยนาทได้ดำเนินโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคาช่วยประชาชน</strong>&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;3)&nbsp;ในวันที่&nbsp;17&nbsp;–&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;รวมทั้งสิ้น&nbsp;15&nbsp;วัน&nbsp;จำนวน&nbsp;10&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่&nbsp;ตลาดสดภาษีซุง&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;อาทิ&nbsp;เจ๊หมึกหมูสด,&nbsp;จำนงขายหมู,&nbsp;เจ๊หมวยหมูสด,&nbsp;โกดังหมูสด,&nbsp;กดตังหมูสด,&nbsp;ทรงพลหมูสด,&nbsp;หมูสดแม่บุญเรือน,&nbsp;ยืนขายหมู,&nbsp;&nbsp;เฮียปักขายหมู,&nbsp;ในส่วนของตลาดสดเทศบาลเมืองชัยนาท&nbsp;อาทิ&nbsp;เขียงหมูลุงชิน&nbsp;และกิตติชนม์หมูดี</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>17/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลชัยนาทสวท.ชัยนาทhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117152127030 กระทรวงพาณิชย์ สั่งห้ามขึ้นราคาน้ำอัดลม ตั้งวอร์รูมแก้ปัญหาทุกจังหวัด<p><strong>นายบุณยฤทธิ์&nbsp;กัลยาณมิตร&nbsp;ปลัดกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ประชุมติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างต่อเนื่องและมีข้อคำสั่งการให้ตั้งวอร์รูมติดตามราคาสินค้า&nbsp;แก้ปัญหาและถ้าหากพบเห็นคนกระทำผิดให้ดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;หรือพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542</p><p><strong>ในเรื่องของราคาน้ำอัดลม</strong>&nbsp;ทางกระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในคอยดูแลผู้ประกอบการร้านค้าห้ามขึ้นราคาเด็ดขาดและยังได้สั่งการให้ทุกฝ่ายจะต้องช่วยดูแลประชาชนอย่างเต็มที่&nbsp;ซึ่งจะมีการประชุมหารือกันอีกครั้งในครั้งต่อไป</p><p><br></p><p><br></p>17/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117145417995 จังหวัดยโสธร ประกาศวาระจังหวัด “ขจัดความยากจน” ภายใต้แนวทางของ ศจพ.จ.ยส<p><strong>นายชัยวัฒน์&nbsp;แสงศรี&nbsp;รองผู้ว่าราชการ&nbsp;จังหวัดยโสธร</strong>&nbsp;เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหาร&nbsp;ศูนย์อำนวย&nbsp;การขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดยโสธร&nbsp;(คจพ.จ.ยส)&nbsp;โดยมีคณะกรรมการฯ&nbsp;เจ้าหน้าที่&nbsp;สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด,อำเภอ&nbsp;เข้าร่วมประชุม</p><p><strong>โดยที่ประชุมรับทราบการประกาศ&nbsp;“วาระจังหวัดยโสธร</strong>&nbsp;ขจัดความยาก&nbsp;จนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน”&nbsp;และเห็นชอบผลการตรวจสอบ&nbsp;ข้อมูลครัวเรือนเป้าหมาย&nbsp;TPMAP&nbsp;จังหวัดยโสธร&nbsp;ทั้ง&nbsp;5&nbsp;มิติ&nbsp;และส่งต่อ&nbsp;ข้อมูลที่รับรองแล้วให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลไปใช้ในการแก้ไข&nbsp;ปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตต่อไป</p><p><strong>พร้อมนี้&nbsp;ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินงาน</strong>ของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดยโสธร&nbsp;(ศจพ.จ.ยส)&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;การขับเคลื่อนการดำเนินงานการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;โดยให้เป็น&nbsp;“วาระจังหวัด”&nbsp;ที่หน่วยงานเกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญ&nbsp;และดำเนินการ&nbsp;ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม,&nbsp;แนวทางการดำเนินงาน&nbsp;ขั้นตอนการขจัด&nbsp;ความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง,&nbsp;ฐานครัวเรือนเป้าหมายในระบบ&nbsp;TPMAP&nbsp;Logbook&nbsp;ที่ตกเกณฑ์&nbsp;5&nbsp;มิติจังหวัดยโสธร&nbsp;จำนวน&nbsp;2,211&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;รวม&nbsp;3,773&nbsp;คน&nbsp;และข้อมูลครัวเรือนเป้าหมาย&nbsp;TPMAP&nbsp;ซึ่งรับรองแล้วจำนวน&nbsp;291&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;ครัวเรือนพบใหม่&nbsp;376&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;รวม&nbsp;667&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;ในอำเภอ&nbsp;ดังนี้&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;214&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;อำเภอทรายมูล&nbsp;4&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;อำเภอกุดชุม&nbsp;145&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;อำเภอคำเขื่อนแก้ว&nbsp;23&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;อำเภอป่าติ้ว&nbsp;181&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;อำเภอมหาชนะชัย&nbsp;35&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;อำเภอค้อวัง&nbsp;8&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;อำเภอเลิงนกทา&nbsp;43&nbsp;ครัวเรือนและอำเภอไทยเจริญ&nbsp;14&nbsp;ครัวเรือน</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดยโสธร</strong>&nbsp;จะส่งข้อมูลที่ผ่านการรับรองแล้วให้คณะทำงานฯ&nbsp;ได้ดำเนินการตามกระบวนการขับเคลื่อนการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนฯ&nbsp;ให้ผู้ตกเกณฑ์ได้รับการแก้ไขปัญหา&nbsp;และมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>17/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยโสธรสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธรhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117161535068 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองการดำเนินการตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ.2547 ครั้งที่ 1/2565<p><strong>วันนี้(17ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;ที่ห้องประชุมนางยวนชั้น&nbsp;5&nbsp;ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี</strong>&nbsp;(หลังใหม่)&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;นายประเวศ&nbsp;ไทยประยูร&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองการดำเนินการ&nbsp;ตามพระราชบัญญัติโรงแรม&nbsp;พ.ศ.2547&nbsp;จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1/2565&nbsp;พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมเพื่อพิจารณากรณีขอใหม่&nbsp;ขอเพิ่มห้องและขอใบต่ออนุญาต&nbsp;จำนวน&nbsp;86&nbsp;ราย&nbsp;ในพื้นที่&nbsp;6&nbsp;อำเภอ&nbsp;</p><p><strong>จากอำเภอต่างๆ&nbsp;ในเขตพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี</strong>ได้ส่งเอกสารหลักฐานการขออนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมเพื่อเสนอให้นายทะเบียนโรงแรมพิจารณาออกใบอนุญาต&nbsp;ซึ่งในรอบเดือนพฤศจิกายน&nbsp;ถึง&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ที่ผ่านมาได้มีผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมยื่นคำขออนุญาตตามพระราชบัญญัติโรงแรม&nbsp;จาก&nbsp;6&nbsp;อำเภอ&nbsp;รวมจำนวน&nbsp;86&nbsp;ราย&nbsp;(ขอใหม่&nbsp;ขอเพิ่มห้อง&nbsp;ขอต่ออายุ)</p><p><strong>สำหรับกรณีที่ขอใหม่&nbsp;ขอเพิ่มห้องและขอใบต่ออนุญาต&nbsp;จำนวน&nbsp;86&nbsp;ราย</strong>&nbsp;ในพื้นที่&nbsp;6&nbsp;อำเภอ&nbsp;ประกอบด้วยอำเภอบ้านนาเดิม&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;แห่ง&nbsp;(ขอต่อ)&nbsp;อำเภอเวียงสระ&nbsp;&nbsp;จำนวน&nbsp;&nbsp;5&nbsp;แห่ง&nbsp;(เพิ่ม&nbsp;1&nbsp;ห้อง&nbsp;ขอต่อ&nbsp;4&nbsp;ห้อง)&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จำนวน&nbsp;9&nbsp;แห่ง&nbsp;(ขอใหม่1&nbsp;ขอต่อ&nbsp;8)&nbsp;อำเภอดอนสัก&nbsp;จำนวน&nbsp;6&nbsp;แห่ง&nbsp;(ขอใหม่)&nbsp;อำเภอเกาะพะงัน&nbsp;จำนวน&nbsp;7&nbsp;แห่ง&nbsp;(ขอใหม่&nbsp;3&nbsp;ขอต่อ&nbsp;4)&nbsp;และนายอำเภอเกาะสมุย&nbsp;จำนวน&nbsp;55&nbsp;แห่ง&nbsp;(ขอใหม่&nbsp;5&nbsp;เพิ่มห้อง&nbsp;1&nbsp;ขอต่อ&nbsp;49)&nbsp;ซึ่งมติที่ประชุมทางคณะกรรมการเห็นชอบให้ผ่านการพิจารณา81&nbsp;ราย&nbsp;และไม่ผ่านการเกณฑ์จำนวน&nbsp;5&nbsp;ราย&nbsp;ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาให้ไปปรับปรุงและแก้ไขให้เรียบร้อยเพื่อพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป.</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>17/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117160140052 ปตท. คงราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติช่วยเหลือประชาชนตรึงราคา LPG และ NGV ไปจนถึงเดือนมีนาคมนี้<p><strong>นายอรรถพล&nbsp;ฤกษ์พิบูลย์&nbsp;</strong>ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่&nbsp;บริษัท&nbsp;ปตท.&nbsp;&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานที่ผันผวนของตลาดโลกและการแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;&nbsp;ประกอบกับที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน&nbsp;หรือ&nbsp;กบง.&nbsp;ได้ขอความร่วมมือ&nbsp;ปตท.&nbsp;ช่วยเหลือด้านราคาพลังงานให้แก่ประชาชน&nbsp;จึงได้ขยายเวลาการคงราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติ&nbsp;สำหรับยานยนต์&nbsp;NGV&nbsp;ที่&nbsp;15.59&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;&nbsp;และราคาขายปลีก&nbsp;NGV&nbsp;ในโครงการ&nbsp;“เอ็นจีวี&nbsp;เพื่อลมหายใจเดียวกัน”&nbsp;สำหรับผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถแท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล&nbsp;ที่เคยรับสิทธิ์ผ่าน&nbsp;www.เอ็นจีวีเพื่อลมหายใจเดียวกัน.com&nbsp;ที่&nbsp;13.62&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;จนถึงวันที่&nbsp;15&nbsp;มีนาคม&nbsp;2565</p><p><strong>นอกจากนั้น&nbsp;ปตท.&nbsp;จะยังคงสนับสนุนส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม</strong>&nbsp;หรือ&nbsp;LPG&nbsp;แก่ผู้มีรายได้น้อย&nbsp;กลุ่มร้านค้า&nbsp;หาบเร่&nbsp;แผงลอยอาหาร&nbsp;ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ&nbsp;โดยขยายระยะเวลาไปจนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มีนาคม&nbsp;2565&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ปตท.&nbsp;ให้การสนับสนุนส่วนลดดังกล่าวตั้งแต่เดือนตุลาคม&nbsp;2562&nbsp;&nbsp;&nbsp;เป็นต้นมา&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p>17/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117182409159 จังหวัดยโสธร นำกองทุนแม่ของแผ่นดิน ร่วมขับเคลื่อนตามแผนปฏิบัติการ 50 ตำบลมั่งคง : พื้นที่ปลอดภัยยาเสพติด<p><strong>นายชัยวัฒน์&nbsp;ชัยเวชพิสิษฐ&nbsp;ปลัดจังหวัดยโสธร</strong>&nbsp;เป็นประธานการประชุมคณะทำงาน&nbsp;ฝ่ายอำนวย&nbsp;การตามแผนปฏิบัติการ&nbsp;50&nbsp;ตำบลมั่งคง&nbsp;:&nbsp;พื้นที่ปลอดภัยบาเสพติด&nbsp;จังหวัดยโสธร&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;ที่ห้องประชุมข้าวหอม&nbsp;มะลิอินทรีย์&nbsp;ชั้น&nbsp;3&nbsp;ศาลากลางจังหวัดยโสธร</p><p><strong>โดยที่ประชุมรับทราบแนวทางการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ</strong>&nbsp;โดยเฉพาะการขับเคลื่อนด้านการส่งเสริมหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินพื้นที่ปลอดภัยยาเสพติด&nbsp;ภายใต้การขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการ&nbsp;50&nbsp;ตำบลมั่นคง&nbsp;:&nbsp;พื้นที่ปลอดภัยยาเสพติดจังหวัดยโสธร&nbsp;ประจำปี&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งมีแนวทางดำเนินการในแต่ละด้านเช่น&nbsp;กลไกและหน้าที่ในการขับเคลื่อน&nbsp;หมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดยโสธรระดับต่างๆ&nbsp;ข้อมูลหมู่บ้าน&nbsp;กองทุนแม่ของแผ่นดินที่มีพื้นเป้าหมาย&nbsp;50&nbsp;ตำบลมั่นคง&nbsp;จำนวน&nbsp;261&nbsp;หมู่บ้าน&nbsp;และนอกพื้นที่&nbsp;จำนวน&nbsp;140&nbsp;หมู่บ้าน&nbsp;แนวทางการขับเคลื่อน&nbsp;กองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดยโสธร&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;โดยแบ่งเป็น&nbsp;4&nbsp;ระยะได้แก่</p><p>ระยะที่&nbsp;1&nbsp;กระบวนการสร้างการรับรู้&nbsp;ซึ่งดำเนินการระหว่างเดือนธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;-&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565</p><p>ระยะที่&nbsp;2&nbsp;กระบวนการป้องกันปัญหายาเสพติด&nbsp;ดำเนินการระหว่างเดือนกุมภาพันธ์&nbsp;-&nbsp;เมษายน&nbsp;2565&nbsp;โดยการขับเคลื่อนตามกระบวนงาน&nbsp;10&nbsp;ขั้นตอนกองทุนแม่ของแผ่นดิน</p><p>ระยะที่&nbsp;3&nbsp;กระบวนการแก้ไขปัญหายาเสพติด&nbsp;ดำเนินการระหว่างเดือนเมษายน&nbsp;-&nbsp;มิถุนายน&nbsp;2565&nbsp;เป็นการตรวจสุขภาพกองทุนแม่ของแผ่นดิน&nbsp;4&nbsp;ด้าน&nbsp;19&nbsp;ตัวชี้วัด</p><p>ระยะที่&nbsp;4&nbsp;กระบวนการติดตามและรายงานผล&nbsp;มีการติดตามและรายงานทุกเดือน&nbsp;และมีการประเมินผลทุก&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;เพื่อสรุปผลการทำงานให้กับคณะทำงานฯ&nbsp;ทุกระดับทราบต่อไป</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>17/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยโสธรสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธรhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117161431067 พาณิชย์สมุทรสาครตรวจเยี่ยมร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 150 บาท<p><strong>วันนี้&nbsp;(17&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;เวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.&nbsp;</strong>นางสาวสุนันทา&nbsp;น้อยพิทักษ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสมุทรสาคร&nbsp;พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสมุทรสาคร&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมร้านขายหมูที่เข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งจากการลงพื้นที่พบว่า&nbsp;ร้านที่เข้าร่วมโครงการฯ&nbsp;มีการขายหมูกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาทจริง&nbsp;ในจำนวนจำกัดในแต่ละวัน&nbsp;สามารถซื้อได้ไม่เกินคนละ&nbsp;2&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;มีป้ายแสดงเข้าร่วมโครงการฯ&nbsp;และป้ายแสดงราคาสินค้าชัดเจน&nbsp;นอกจากนี้เพื่อสามารถตรวจสอบได้&nbsp;ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ&nbsp;ได้มีการให้คนซื้อผู้ชื่อ&nbsp;เบอร์โทร&nbsp;และจำนวนกิโลที่ซื้อ&nbsp;ลงในสมุด&nbsp;บ้างร้านมีการใช้&nbsp;QR&nbsp;CODE&nbsp;เพื่อสแกนจ่ายเงิน&nbsp;สำหรับ&nbsp;จังหวัดสมุทรสาคร&nbsp;มีร้าขายหมูที่เข้าร่วมโครงการพาณิชย์&nbsp;...ลดราคา..ช่วยประชาชน&nbsp;หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;ซึ่งจะเริ่มขายตั้งแต่วันที่&nbsp;17&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ทั้ง&nbsp;3&nbsp;อำเภอมีร้านขายหมู&nbsp;&nbsp;จำนวน&nbsp;10&nbsp;ร้านค้า&nbsp;ได้แก่&nbsp;อำเภอเมืองสมุทรสาคร&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;ร้าน&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านเจ๊เพียร&nbsp;(ป้าหมู)&nbsp;ตลาดปั้มเอสโซ่ท่าจีน/ร้านอินเทคค์&nbsp;มาร์ท&nbsp;สาขามหาชัย/ร้านอินเทคค์&nbsp;มาร็ท&nbsp;สาขาพันท้ายนรสิงห์/ร้านหมูโสรญา&nbsp;(เจ๊อ้อ)&nbsp;ตำบลบางโทรัด&nbsp;อำเภอกระทุ่มแบน&nbsp;จำนวน&nbsp;5&nbsp;ร้าน&nbsp;ได้แก่/ร้านหมูปูอ้วน/ร้านเจ๊รัตน์/ร้านเจ๊ตา-เฮียเล็ก/ร้านเจ๊เปิ้ล-เฮียตี๋/ร้านเจ๊หมวย-เฮียจี๊ด&nbsp;และอำเภอบ้านแพ้ว&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;ร้าน&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านราตรี&nbsp;หมูสด&nbsp;ตำบลหลักสาม&nbsp;ซึ่งแต่ละร้านมีปริมาณสินค้าจำนวนจำกัดต่อวัน&nbsp;สำนักงานพาณิชย์สมุทรสาคร&nbsp;โทร&nbsp;&nbsp;0-3441-3566</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>17/1/2022ภาคตะวันตกสมุทรสาครสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาครhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117164742093 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์จัดโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน ครั้งที่ 3<p><strong>นางพิรุณวรรณน์&nbsp;จงใจภักดิ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์กำหนดจัดโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;ตามนโยบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;&nbsp;เพื่อจำหน่ายหมูเนื้อแดงให้กับประชาชนผู้บริโภค&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;17-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;โดยมีจุดจำหน่าย&nbsp;จำนวน&nbsp;9&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่&nbsp;</p><p><strong>1.&nbsp;หน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;</strong>ถ.เทศบาล&nbsp;4&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p><strong>2.&nbsp;ร้านเจ๊กานต์หมูสด</strong>&nbsp;ถ.สุรินทร์-ปราสาท&nbsp;ต.เฉนียง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p><strong>3.&nbsp;ร้านเฮียตี้&nbsp;</strong>ถ.สุรินทร์-ศีขรภูมิ&nbsp;ต.สลักได&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p><strong>4.&nbsp;ร้านแรมโบ้หมูสด</strong>&nbsp;ถ.เลี่ยงเมืองสุรินทร์-ปราสาท&nbsp;ต.นอกเมือง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p><strong>5.&nbsp;เขียงเอ&nbsp;แอนด์&nbsp;พี&nbsp;โปรช็อป</strong>&nbsp;ถ.สุรินทร์-ปราสาท&nbsp;ต.นอกเมือง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;08.30&nbsp;น.</p><p><strong>6.&nbsp;ร้านพงษ์หมูสด&nbsp;สาขา&nbsp;1&nbsp;</strong>ตรงกันข้ามทางเข้าบ้านบุณเยิง&nbsp;ต.แสลงพันธ์&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p><strong>7.&nbsp;ร้านพงษ์หมูสด&nbsp;สาขา&nbsp;2&nbsp;(เยื้องร้านทะเลเผา)&nbsp;</strong>ต.สลักได&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;15.00&nbsp;น.</p><p><strong>8.&nbsp;ร้านวีซีมีท&nbsp;(VC&nbsp;meat)&nbsp;สาขาสุรินทร์&nbsp;</strong>ถ.เทศบาล&nbsp;3&nbsp;ต.ในเมือง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p><strong>9.&nbsp;ร้านเจ้จิ้งหรีด&nbsp;ถ.เทศบาล&nbsp;3&nbsp;</strong>ต.ในเมือง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาสุกรที่สูงขึ้น&nbsp;</strong>และให้ประชาชนมีทางเลือกในการซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพ&nbsp;และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงสถานการณ์ดังกล่าว&nbsp;โดยมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>17/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสวท.สุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117165021097 คณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เร่งรัด ทอท. เพิ่มขีดความสามารถอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสารถึง 65ล้านคนต่อปีภายในปี 2568<p><strong>นายศักดิ์สยาม&nbsp;ชิดชอบ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม&nbsp;เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ</strong>&nbsp;โดยมีนายอนุทิน&nbsp;ชาญวีรกูล&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข&nbsp;เป็นประธานการประชุม&nbsp;ว่า&nbsp;ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานเพื่อจ้าง&nbsp;ICAO&nbsp;ซึ่ง&nbsp;ทอท.&nbsp;อยู่ระหว่างการประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาร่างข้อตกลง&nbsp;(Agreement)&nbsp;เพื่อให้&nbsp;ICAO&nbsp;ดำเนินการศึกษาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ&nbsp;คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนตุลาคมนี้&nbsp;</p><p><strong>สำหรับแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ&nbsp;</strong>คาดการณ์ว่า&nbsp;ปริมาณผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ&nbsp;จะกลับมาฟื้นตัวในระดับเดียวกันกับช่วงก่อนเกิดการระบาดโควิด-19&nbsp;หรือประมาณปี&nbsp;2562&nbsp;อีกครั้ง&nbsp;ในช่วงปี&nbsp;2567&nbsp;-&nbsp;2568&nbsp;มีผู้โดยสารประมาณ&nbsp;65&nbsp;ล้านคนต่อปี&nbsp;ส่วนความก้าวหน้าการดำเนินงานเพื่อก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก&nbsp;(East&nbsp;Expansion)&nbsp;คาดว่าจะดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างปรับแบบในเดือนกรกฎาคม&nbsp;2565&nbsp;และเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนพฤศจิกายน&nbsp;2565&nbsp;ใช้ระยะเวลา&nbsp;29&nbsp;เดือน&nbsp;แล้วเสร็จเปิดให้บริการได้ประมาณเดือนมีนาคม&nbsp;2568&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ที่ประชุมยังมีมติมอบหมายให้&nbsp;ทอท.&nbsp;เร่งรัดการดำเนินการจ้าง&nbsp;ICAO&nbsp;ตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง</strong>&nbsp;เพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ&nbsp;ได้มีข้อมูลมาประกอบการพิจารณาร่วมกับผลการศึกษาของ&nbsp;IATA&nbsp;เพื่อพิจารณาแนวทางการทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ&nbsp;รวมถึงเห็นชอบให้&nbsp;ทอท.&nbsp;ดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก&nbsp;(East&nbsp;Expansion)&nbsp;ซึ่งมีความพร้อมและ&nbsp;ครม.&nbsp;อนุมัติโครงการไว้แล้ว&nbsp;ให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงาน&nbsp;(Action&nbsp;Plan)&nbsp;ที่กำหนดไว้&nbsp;ซึ่งจะทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ&nbsp;มีความพร้อมรองรับผู้โดยสารที่คาดว่าจะกลับมาในระดับประมาณ&nbsp;65&nbsp;ล้านคนต่อปี&nbsp;ในปี&nbsp;2568&nbsp;และให้ทอท.ประสานการทำงานกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ&nbsp;หรือ&nbsp;สศช.&nbsp;ศึกษาแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ&nbsp;ในการเตรียมพร้อมรองรับปริมาณผู้โดยสารที่&nbsp;IATA&nbsp;คาดการณ์ไว้ว่าในอีก&nbsp;10&nbsp;ปีข้างหน้า&nbsp;ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการเดินทางอันดับ&nbsp;9&nbsp;ของโลก&nbsp;โดยจะมีผู้โดยสารเข้ามาในไทยถึง&nbsp;200&nbsp;ล้านคน&nbsp;รวมถึงให้ศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับการขนส่งทางอากาศในกรณีที่มีการพัฒนารถไฟทางคู่&nbsp;และรถไฟความเร็วสูงด้วย</p>17/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117203449222 ผู้ว่าฯสมุทรสงคราม ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจได้รับทราบการสนับสนุนเพื่อฟื้นฟูผู้ประกอบการเนื่องจากการแพร่ระบาดโรคโควิด -19<p><strong>วันนี้(17&nbsp;ม.ค.65)ที่ห้องประชุมชั้น&nbsp;5&nbsp;ศาลากลางจังหวัดฯ</strong>&nbsp;นายขจร&nbsp;ศรีชวโนทัย&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม&nbsp;เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจหรือ&nbsp;กรอ.จังหวัดสมุทรสงคราม&nbsp;โดยมีนายศิริศักดิ์&nbsp;&nbsp;ศิริมังคะลา&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ&nbsp;และหัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;ภาคประชาชน&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;เข้าร่วมประชุมรับทราบผลการพิจารณาข้อเสนอขอรับการสนับสนุนเพื่อฟื้นฟูผู้ประกอบการเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด&nbsp;19&nbsp;ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง&nbsp;2&nbsp;กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล&nbsp;และกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน&nbsp;1&nbsp;ให้จังหวัดสมุทรสงครามและคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแกก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดสมุทรสงคราม&nbsp;เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง</p><p><strong>จากนั้น&nbsp;ร่วมกันพิจารณา&nbsp;การจัดการบริหารน้ำ</strong>&nbsp;คลองแม่กลาง&nbsp;–&nbsp;คลองสุนัขหอน&nbsp;เพื่อฟื้นฟูท่องเที่ยวคลองประวัติศาสตร์&nbsp;,จังหวัดสมุทรสงครามเมืองผู้สูงอายุ,เส้นทางท่องเที่ยว&nbsp;Thailand&nbsp;Riviera&nbsp;กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง&nbsp;2,&nbsp;การจัดการบริหารขยะชุมชน&nbsp;ขนะในลำน้ำ&nbsp;และปัญหาน้ำเสียแขตติดจังหวัดใกล้เคียง</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;</p>17/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสมุทรสงครามสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงครามhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117173515129 พาณิชย์สตูล ขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาไข่ไก่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน<p><strong>บ่ายวันที่&nbsp;17&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นายเอกรัฐ&nbsp;หลีเส็น&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล</strong>&nbsp;เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรับทราบกาดำเนินงานการแก้ปัญหาเรื่องค่าครองชีพสูง&nbsp;ที่ส่งผลกระทบต่อเรื่องปากท้อง&nbsp;และการดำรงชีพของพี่น้องประชาชนจังหวัดสตูล</p><p><strong>โดยนางสายช่อ&nbsp;อังศุพานิช&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสตูล</strong>&nbsp;รายงานการให้ความช่วยเหลือในเรื่องการควบคุมและตรึงราคาสินค้า&nbsp;ว่า&nbsp;ที่ผ่านมาทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสตูล&nbsp;ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้าในท้องตลาด&nbsp;เพื่อเข้มงวดในการควบคุมราคาสินค้าต่างๆ&nbsp;โดยเฉพาะเรื่องราคาไข่ไก่&nbsp;โดยราคาขายปลีกไข่ไก่ในจังหวัดสตูล&nbsp;ยังคงอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าราคากลางที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังได้มีการช่วยเหลือประชาชนโดยจัดโครงการ&nbsp;</strong>"หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;ให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ตั้งแต่ปลายปี&nbsp;2564&nbsp;จนถึงปัจจุบัน&nbsp;อย่างต่อเนื่อง&nbsp;สำหรับรอบที่&nbsp;3&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;16-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;จัดให้มีการจำหน่ายหมูราคาถูกอีกรอบ&nbsp;วันละ&nbsp;6&nbsp;จุดๆ&nbsp;ละ&nbsp;1&nbsp;ตัว&nbsp;ในราคา&nbsp;ก.ก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ในขณะที่ราคาหมูในตลาด&nbsp;ราคา&nbsp;ก.ก.ละ&nbsp;180-220&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>ผู้ว่าฯ&nbsp;สตูล&nbsp;เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง</strong>&nbsp;ทั้งหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัด&nbsp;พัฒนาชุมชนจังหวัด&nbsp;ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนเป็นการเร่งด่วน&nbsp;ถึงแม้จังหวัดสตูลจะได้รับผลกระทบไม่มากก็ตาม&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>17/1/2022ภาคใต้สตูลสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูลhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117175031140 ตรึงราคาจำหน่ายเนื้อไก่ ในห้างค้าปลีกค้าส่ง บรรเทาภาระค่าครองชีพประชาชน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย<p><strong>นายวัฒนศักย์&nbsp;เสือเอี่ยม&nbsp;อธิบดีกรมการค้าภายใน&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ในวันนี้&nbsp;(17&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ได้หารือร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อ&nbsp;สมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย&nbsp;สมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์&nbsp;รวมทั้งผู้ผลิตรายใหญ่&nbsp;ห้างค้าปลีกค้าส่ง&nbsp;สมาคมตลาดสดแห่งประเทศไทยและกรมปศุสัตว์&nbsp;ซึ่งได้เห็นตรงกันที่จะช่วยเหลือประชาชนผู้บริโภคในภาวะวิกฤติ&nbsp;&nbsp;<strong>โดยจะให้ความร่วมมือตรึงราคาจำหน่ายปลีก</strong>&nbsp;ณ&nbsp;ห้างค้าปลีกค้างส่ง&nbsp;(บิ๊กซี&nbsp;แม็คโคร&nbsp;โลตัส)&nbsp;&nbsp;โดยไก่สดรวมเครื่องใน&nbsp;,ไก่สดไม่รวมเครื่องใน&nbsp;ราคา&nbsp;60-65&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;น่องติดสะโพก&nbsp;ราคา&nbsp;60-65&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;น่อง,&nbsp;สะโพก&nbsp;ราคา&nbsp;65-70&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;เนื้ออก&nbsp;ราคา&nbsp;70-75&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้&nbsp;(18&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;ไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ราคาขายปลีกในตลาดต่างๆ&nbsp;จะต้องสอดคล้องกับราคาดังกล่าวด้วย</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;สำหรับการดูแลค่าครองชีพให้กับประชาชน&nbsp;</strong>กระทรวงพาณิชย์&nbsp;จะเสนอของบกลางจากรัฐบาล&nbsp;ในที่ประชุม&nbsp;ครม.&nbsp;วันพรุ่งนี้&nbsp;(18&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;วงเงิน&nbsp;1,400&nbsp;ล้านบาท&nbsp;เพื่อเปิดจุดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;จำนวน&nbsp;3,050&nbsp;จุดทั่วประเทศ&nbsp;โดยจะดำเนินการเป็นระยะเวลา&nbsp;90&nbsp;วัน&nbsp;หรือ&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;ส่วนหมูเนื้อแดง&nbsp;ปัจจุบันยังคงเปิดจุดจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก&nbsp;&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;667&nbsp;จุดทั่วประเทศ&nbsp;ไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อช่วยแทรกแซงราคาเนื้อหมูและลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน</p><p><strong>อธิบดีกรมการค้าภายใน&nbsp;กล่าวเพิ่มเติมว่า&nbsp;</strong>ขณะนี้ยังไม่มีนโยบายให้สินค้ารายใดปรับขึ้นราคา&nbsp;และได้ขอความร่วมมือผู้ผลิตให้ตรึงราคาจำหน่ายไปก่อน&nbsp;แต่หากมีความจำเป็นต้องปรับขึ้น&nbsp;ต้องชี้แจงรายละเอียดต้นทุน&nbsp;โดยจะพิจารณาตามความเหมาะสม&nbsp;</p><p><strong>หากประชาชนพบเห็นการกักตุน&nbsp;หรือฉวยโอกาส</strong>&nbsp;จำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม&nbsp;&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศและหากตรวจสอบพบการกระทำผิดจะมีโทษจำคุก&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับ&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำและปรับ</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>17/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117181136145 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ<p><strong>พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;(นางพิรุณวรรณน์&nbsp;จงใจภักดิ์)</strong>&nbsp;พร้อมด้วยหัวหน้ากลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;(นางวิยะดา&nbsp;เฮ่ประโคน)&nbsp;นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการ&nbsp;(นางกรรณชนันจ์&nbsp;คชสีห์)&nbsp;กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์การจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ในพื้นที่อำเภอเมืองสุรินทร์&nbsp;และพื้นที่ใกล้เคียง&nbsp;ดังนี้</p><p>1.&nbsp;สุกรชำแหละ&nbsp;ราคาขายปลีก</p><p>-ราคาในพื้นที่เมืองสุรินทร์&nbsp;และพื้นที่ใกล้เคียง</p><p>-&nbsp;เนื้อแดง&nbsp;ราคากก.ละ&nbsp;200&nbsp;-220&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>-&nbsp;สันนอก/สันใน&nbsp;ราคากก.ละ&nbsp;200&nbsp;-220&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>-&nbsp;สามชั้น&nbsp;ราคากก.ละ&nbsp;220-240&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;มันหมูแข็ง&nbsp;ราคากก.ละ&nbsp;70-80&nbsp;บาท</p><p>ราคาสุกรชำแหละเมื่อเปรียบเทียบกับสัปดาห์ก่อนราคาทรงตัว&nbsp;ปริมาณการซื้อขายมีน้อย&nbsp;ภาวะการค้าค่อนข้างซบเซา&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>&nbsp;-ราคา&nbsp;ณ&nbsp;ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี&nbsp;แม็คโคร&nbsp;เทสโก้โลตัส</p><p>-&nbsp;เนื้อแดง&nbsp;ราคากก.ละ&nbsp;185&nbsp;-190&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>-&nbsp;สามชั้น&nbsp;ราคากก.ละ&nbsp;230-259&nbsp;บาท</p><p>ราคาสุกรชำแหละปรับสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อน&nbsp;เนื้อแดงราคาสูงขึ้น&nbsp;กก.ละ&nbsp;18&nbsp;บาท&nbsp;และหมูสามชั้น&nbsp;ปรับสูงขึ้น&nbsp;กก.ละ&nbsp;5&nbsp;บาท</p><p>2.&nbsp;ราคาจำหน่ายปลีกไก่สดชำแหละ</p><p>-ไก่สดทั้งตัวไม่รวมเครื่องใน&nbsp;กก.ละ&nbsp;75-80&nbsp;บาท</p><p>-ไก่เนื้อไก่สดชำแหละอก&nbsp;กก.ละ&nbsp;90-100&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;-ไก่เนื้อไก่สดชำแหละสะโพก&nbsp;กก.ละ&nbsp;90-100&nbsp;บท</p><p>&nbsp;-&nbsp;ไก่เนื้อสดชำแหละน่อง&nbsp;กก.ละ&nbsp;85-90&nbsp;บาท</p><p>3.&nbsp;ราคาจำหน่ายปลีกไข่ไก่คัดเบอร์&nbsp;ราคายังทรงตัว</p><p>-&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;0&nbsp;ราคา&nbsp;108-115&nbsp;บาท/แผง</p><p>-&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;1&nbsp;ราคา&nbsp;96-105&nbsp;บาท/แผง</p><p>-&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;ราคา&nbsp;93-99&nbsp;บาท/แผง</p><p>-&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคา&nbsp;81-95&nbsp;บาท/แผง</p><p>-&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;4&nbsp;ราคา&nbsp;75-87&nbsp;บาท/แผง</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ผู้ประกอบการค้า</strong>ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าให้ชัดเจน&nbsp;เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า&nbsp;และป้องกันการร้องเรียน&nbsp;หากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้า&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569</p><p>4.&nbsp;จุดจำหน่ายโครงการ&nbsp;“หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;จังหวัดสุรินทร์&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;9&nbsp;จุด&nbsp;ดังนี้&nbsp;</p><p>1.&nbsp;หน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;ถ.เทศบาล&nbsp;4&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>2.&nbsp;ร้านเจ๊กานต์หมูสด&nbsp;ถ.สุรินทร์-ปราสาท&nbsp;ต.เฉนียง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>3.&nbsp;ร้านเฮียตี้&nbsp;ถ.สุรินทร์-ศีขรภูมิ&nbsp;ต.สลักได&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>4.&nbsp;ร้านแรมโบ้หมูสด&nbsp;ถ.เลี่ยงเมืองสุรินทร์-ปราสาท&nbsp;ต.นอกเมือง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>5.&nbsp;เขียงเอ&nbsp;แอนด์&nbsp;พี&nbsp;โปรช็อป&nbsp;(หน้ามหาวิทยาลัยราชมงคลสุรินทร์)&nbsp;ถ.สุรินทร์-ปราสาท&nbsp;ต.นอกเมือง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;08.30&nbsp;น.</p><p>6.&nbsp;ร้านพงษ์หมูสด&nbsp;สาขา&nbsp;1&nbsp;(ตรงกันข้ามทางเข้าบ้านบุณเยิง)&nbsp;ต.แสลงพันธ์&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>7.&nbsp;ร้านพงษ์หมูสด&nbsp;สาขา&nbsp;2&nbsp;(เยื้องร้านทะเลเผา)&nbsp;ต.สลักได&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;15.00&nbsp;น.</p><p>8.&nbsp;ร้านวีซีมีท&nbsp;(VC&nbsp;meat)&nbsp;สาขาสุรินทร์&nbsp;ถ.เทศบาล&nbsp;3&nbsp;ต.ในเมือง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>9.&nbsp;ร้านเจ้จิ้งหรีด&nbsp;ถ.เทศบาล&nbsp;3&nbsp;ต.ในเมือง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p><strong>เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาสุกรที่สูงขึ้น</strong>&nbsp;และให้ประชาชนมีทางเลือกในการซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพ&nbsp;และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงสถานการณ์ดังกล่าว&nbsp;โดยมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>17/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุบลราชธานีสวท.สุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117190407196 กรมการพัฒนาชุมชน ส่งสุขต่อเนื่องเดินหน้าจัดงาน “โอทอปไทย รวมใจ ส่งความสุขปีใหม่ 2565” กระตุ้นเศรษฐกิจสู่ชุมชน<p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">นายวรงค์&nbsp;แสงเมือง</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน&nbsp;เปิดงาน&nbsp;“โอทอปไทย&nbsp;รวมใจ&nbsp;ส่งความสุขปีใหม่&nbsp;2565”ณ&nbsp;บริเวณ&nbsp;Main&nbsp;Hall&nbsp;และหน้าร้านแว่นท้อปเจริญ&nbsp;ศูนย์การค้าไอทีสแควร์&nbsp;เขตหลักสี่&nbsp;กรุงเทพมหานคร&nbsp;ซึ่งการจัดงานครั้งนี้&nbsp;เพื่อจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล&nbsp;หนึ่งผลิตภัณฑ์&nbsp;เพิ่มช่องทางการตลาดและสร้างรายได้ให้กับชุมชน&nbsp;รวมถึงประชาสัมพันธ์การดำเนินงานโครงการหนึ่งตำบล&nbsp;หนึ่งผลิตภัณฑ์&nbsp;สร้างการเรียนรู้แนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;ให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">งานจัดขึ้นระหว่างวันที่&nbsp;15&nbsp;-23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;รวม&nbsp;9&nbsp;วัน&nbsp;มีผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;สนใจเข้าร่วมจำหน่าย&nbsp;จำนวน&nbsp;58&nbsp;ราย&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ประเภทอาหารชวนชิม&nbsp;อาหาร&nbsp;เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย&nbsp;ของใช้&nbsp;ของตกแต่ง&nbsp;ของที่ระลึกและประเภทสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร&nbsp;คาดว่าจะมียอดจากการจำหน่ายสินค้าในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า&nbsp;1,500,000&nbsp;บาท&nbsp;จะทำให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชน&nbsp;อันจะเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งต่อไป</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>17/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117191852203 จ.พังงา ภาครัฐร่วมเอกชนเตรียมเดินหน้าให้จังหวัดพังงาเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ<p><strong>วันนี้&nbsp;(17&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายจำเริญ&nbsp;ทิพญพงศ์ธาดา&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา</strong>&nbsp;พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน&nbsp;ร่วมประชุมหารือการระดมความคิดเห็นการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสอันดามันฯ&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมภูผา&nbsp;ศาลากลางจังหวัดพังงา&nbsp;</p><p><strong>จังหวัดพังงาภาคการท่องเที่ยวเป็นฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ&nbsp;</strong>โดยให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวระดับโลก&nbsp;เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ&nbsp;สร้างความหลากหลายด้านการท่องเที่ยวทั้งระบบให้สอดรับกับนักท่องเที่ยว&nbsp;มุ่งเน้นที่สาขาทีมีศักยภาพเพื่อตอบสนองนโยบายและการยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ&nbsp;ทั้งสินค้า&nbsp;บริการ&nbsp;บุคลากร&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยว&nbsp;</p><p><strong>จังหวัดพังงามีสถานประกอบการเพื่อสุขภาพที่สามารถรองรับชีวภาพของพืชสมุนไพรพื้นบ้านและผักพื้นถิ่น</strong>ที่สามารถต่อยอดทางด้านเศรษฐกิจส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ&nbsp;เพิ่มมูลค่านวัตกรรมผลิตภัณฑ์&nbsp;และบริการทางสุขภาพ&nbsp;มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ&nbsp;ดังนั้นโครงการพังงาเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจะเป็นโครงการที่สำคัญที่จะดำเนินกิจกรรมด้านต่างๆ&nbsp;ให้เกิดผล&nbsp;ทั้งในด้านสังคม&nbsp;คุณภาพชีวิต&nbsp;เศรษฐกิจ&nbsp;และ&nbsp;สิ่งแวดล้อม&nbsp;โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดพังงา&nbsp;(Wellnes&nbsp;tourism)&nbsp;ให้โดดเด่นโดยใช้พืชสมุนไพรและพืชผักอาหารท้องถิ่นมาใช้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ&nbsp;เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้เพาะปลูก&nbsp;แปรรูปผลิตภัณฑ์พืชสมุนไพร&nbsp;"เมืองสมุนไพร&nbsp;(Herbal&nbsp;City)"&nbsp;และเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจสุขภาพ&nbsp;คุณภาพชีวิต&nbsp;และสิ่งแวดล้อม&nbsp;จังหวัดพังงา</p><p><strong>สำหรับการประชุมครั้งนี้</strong>เพื่อวางแนวทางการบริหารจัดการตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ&nbsp;กลางน้ำ&nbsp;และปลายน้ำ&nbsp;โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะเป็นหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบไปพร้อมกับภาคเอกชน&nbsp;เพื่อร่วมผลักดันให้จังหวัดพังงาเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>17/1/2022ภาคใต้พังงาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพังงาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117205521230 จ.หนองคาย ตรวจสต็อกป้องกันการกักตุนเนื้อหมู<p><strong>รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย&nbsp;</strong>พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ออกตรวจสต็อกเนื้อหมูตามร้านค้าขนาดใหญ่และห้างสรรพสินค้า&nbsp;ในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุนเนื้อหมู</p><p><strong>เวลา&nbsp;16.00&nbsp;น.&nbsp;วันนี้&nbsp;(17&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;</strong>นายมนต์สิทธิ์&nbsp;ไพศาลธนวัฒน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย&nbsp;ได้มอบหมายให้&nbsp;นางสาวสิริมา&nbsp;วัฒโน&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย,&nbsp;นายกิตติคุณ&nbsp;บุตรคุณ&nbsp;ปลัดจังหวัดหนองคาย,&nbsp;นายณัฐพงศ์&nbsp;คำวงศ์ปิน&nbsp;หัวหน้าสำนักงานจังหวัดหนองคาย,&nbsp;นายวิโรจน์&nbsp;พิเภก&nbsp;พาณิชย์จังหวัดหนองคาย,&nbsp;นายสมเกียรติ&nbsp;ตู้จินดา&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดหนองคาย,&nbsp;นายยรรยง&nbsp;พรมศร&nbsp;ป้องกันจังหวัดหนองคาย&nbsp;พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ได้ร่วมกันออกตรวจสต็อกเนื้อหมูตามร้านค้าขนาดใหญ่และห้างสรรพสินค้า&nbsp;ในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย</p><p><strong>การออกตรวจสต็อกเนื้อหมูตามร้านค้าขนาดใหญ่และห้างสรรพสินค้า&nbsp;</strong>ในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุนเนื้อหมู&nbsp;โดยได้มีการตรวจทั้งภายในร้านว่ามีปริมาณเนื้อหมูที่จำหน่ายเพียงพอหรือไม่&nbsp;ตรวจราคาที่จำหน่าย&nbsp;และได้ตรวจสต็อกในห้องเย็น&nbsp;ซึ่งภาพรวมพบว่า&nbsp;ตามร้านค้าขนาดใหญ่และห้างสรรพสินค้า&nbsp;มีปริมาณเพียงพอกับความต้องการของประชาชน&nbsp;ส่วนภายในห้องเย็นที่มีการเก็บเนื้อหมูนั้นก็ไม่พบว่ามีการสต็อกเกินกว่าที่กำหนด&nbsp;อีกทั้งยังได้ขอความร่วมมือไม่ให้มีการกักตุนเนื้อหมู.</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p&nbsp;class="ql-align-center"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-center"><br></p>17/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหนองคายสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคายhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117210230234 พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการค้าส่งร้านธงฟ้าพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมและเชื่อมโยงช่องทางการจำหน่ายสินค้าของร้านธงฟ้า<p><strong>วันที่&nbsp;17&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นางพิรุณวรรณน์&nbsp;จงใจภักดิ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;</strong>พร้อมด้วยนายเกรียงศักดิ์&nbsp;ประทีปวิศรุต&nbsp;ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า&nbsp;พร้อมคณะ&nbsp;ตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการค้าส่ง&nbsp;ซึ่งเป็นร้านธงฟ้าพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น&nbsp;จังหวัดสุรินทร์&nbsp;&nbsp;จำนวน&nbsp;&nbsp;2&nbsp;ร้าน&nbsp;ได้แก่&nbsp;บริษัท&nbsp;เมย์&nbsp;(เล้าม่งเส็ง)&nbsp;จำกัด&nbsp;ที่ตั้งเลขที่&nbsp;216/1-3&nbsp;ถ.เทศบาล&nbsp;3&nbsp;ต.ในเมือง&nbsp;อ.เมืองจ.สุรินทร์&nbsp;และบริษัท&nbsp;เดอะวัน&nbsp;ซุปเปอร์เซ็นเตอร์&nbsp;จำกัด&nbsp;ที่ตั้งเลขที่&nbsp;269&nbsp;ม.4&nbsp;ต.กังแอน&nbsp;อ.ปราสาท&nbsp;จ.สุรินทร์&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมและเชื่อมโยงช่องทางการจำหน่ายสินค้าของร้านค้าธงฟ้าฯ</strong>&nbsp;กับสินค้าขององค์การคลังสินค้า&nbsp;เช่น&nbsp;ข้าวสาร&nbsp;น้ำมันพืช&nbsp;กะทิ&nbsp;ฯลฯ&nbsp;และได้รับฟังปัญหาข้อเสนอเแนะวิธีการด้านการตลาดในช่องทางอื่นๆ&nbsp;อีกด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p><br></p>17/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสวท.สุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117230843240 พาณิชย์สตูล จัดโครงการหมูพาณิชย์ ลดราคา ช่วยประชาชน ต่อเนื่องเป็นรอบที่ 3<p><strong>นางสายช่อ&nbsp;อังศุพานิช&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสตูล&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;จากปัญหาราคาสินค้าปรับสูงขึ้น&nbsp;ส่งผลให้เกิดปัญหาค่าครองชีพแก่ประชาชน&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้จัดสรรงบประมาณให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสตูล&nbsp;จัดจำหน่ายเนื้อหมูราคาประหยัด&nbsp;ตามโครงการ&nbsp;"หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;ซึ่งรอบนี้เป็นรอบที่&nbsp;3&nbsp;แล้ว&nbsp;โดยรอบแรก&nbsp;และรอบที่สอง&nbsp;จัดไปแล้วเมื่อช่วยปลายปี&nbsp;2564&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอีกรอบ&nbsp;โดยจัดจำหน่าย&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;16&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;08.00&nbsp;-&nbsp;10.00&nbsp;น.&nbsp;จำนวน&nbsp;6&nbsp;จุด&nbsp;ๆละ&nbsp;1&nbsp;ตัว&nbsp;ในราคา&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ในขณะที่ปัจจุบัย&nbsp;ราคาเนื้อหมูในท้องตลาดมีราคาสูงถึง&nbsp;180-220&nbsp;บาท&nbsp;โดยเน้นพื้นที่ที่มีผู้นิยมบริโภคเนื้อหมู&nbsp;คือ</p><p>จุดที่&nbsp;1&nbsp;สามแยกทางเข้าเขาจีน&nbsp;ต.คลองขุด&nbsp;อ.เมืองสตูล</p><p>จุดที่&nbsp;2&nbsp;ตรงข้ามโรงเรียนบ้านคลองขุด&nbsp;อ.เมืองสตูล</p><p>จุดที่&nbsp;3&nbsp;ปากซอยคลองขุด&nbsp;11&nbsp;ตรงข้ามทางเข้าวัดป่าช้าจีน&nbsp;อ.เมืองสตูล</p><p>จุดที่&nbsp;4&nbsp;มณเทียรฟาร์มช็อป&nbsp;ทางออกตลาดสดเทศบาลเมืองสตูล</p><p>จุดที่&nbsp;5&nbsp;บริเวณตลาดสดเทศบาลตำบลกำแพง&nbsp;อ.ละงู</p><p>จุดที่&nbsp;6&nbsp;หน้าตลาดสดเทศบาลตำบลกำแพง&nbsp;อ.ละงู</p><p>ซึ่งคาดว่า&nbsp;จะสามารถบรรดทาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนได้ในระดับหนึ่ง</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p><br></p>17/1/2022ภาคใต้สตูลสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูลhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220117233832242 พาณิชย์เพชรบุรีช่วยประชาชน ตามโครงการ “หมูพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน (ครั้งที่ 3)"เพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อหมูเนื้อแดงในราคาประหยัด ประชาชนมีความพึงพอใจและต้องการให้เพิ่มปริมาณการจำหน่ายต่อวันให้มากขึ้น บรรยากาศมีการซื้อขายคึกคัก<p><strong>นายธีรวุฒิ&nbsp;คล้ายเคลื่อน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;</strong>กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;3)&nbsp;เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค&nbsp;และเพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อหมูเนื้อแดงในราคาประหยัด&nbsp;ตามนโยบายของ&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;&nbsp;&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ได้ดำเนินการจำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;16&nbsp;–&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;8&nbsp;จุด&nbsp;ดังนี้&nbsp;&nbsp;จุดที่&nbsp;1&nbsp;ร้านหมูอนามัยบันไดอิฐ&nbsp;อำเภอเมืองเพชรบุรี&nbsp;จุดที่&nbsp;2&nbsp;ร้านแดงฟาร์ม&nbsp;อำเภอเมืองเพชรบุรี&nbsp;จุดที่&nbsp;3&nbsp;ร้านเพชรบุรีหมูสดไก่สด&nbsp;อำเภอเมืองเพชรบุรี&nbsp;จุดที่&nbsp;4&nbsp;ร้านแดงฟาร์ม&nbsp;อำเภอท่ายาง&nbsp;จุดที่&nbsp;5&nbsp;ร้านเอ๋หมูสดไก่สด&nbsp;อำเภอท่ายาง&nbsp;จุดที่&nbsp;6&nbsp;ร้านอ้วนผักสด&nbsp;อำเภอชะอำ&nbsp;จุดที่&nbsp;7&nbsp;ร้านอ้วนหมูสดไก่สด&nbsp;อำเภอแก่งกระจาน&nbsp;จุดที่&nbsp;8&nbsp;ร้านรุ่งเรืองการค้า&nbsp;อำเภอบ้านลาด&nbsp;โดยเริ่มจำหน่ายตั้งแต่เวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.เป็นต้นไป&nbsp;หรือจนกว่าสินค้าจะหมด&nbsp;(สินค้ามีจำนวนจำกัด)&nbsp;และเพื่อเป็นการกระจายสินค้าได้ทั่วถึง&nbsp;ได้กำหนดให้มีการจำกัดจำนวนการซื้อคนละ&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;8&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;มีการปิดป้ายแสดงราคาอย่างชัดเจน</strong>เป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542&nbsp;สถานการณ์การซื้อขายคึกคัก&nbsp;มีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก&nbsp;จากการสอบถามประชาชนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นอย่างมาก&nbsp;และต้องการให้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องรวมถึงต้องการให้เพิ่มปริมาณการจำหน่ายต่อวันให้มากขึ้น&nbsp;ในการนี้สำนักงานฯ&nbsp;ได้กำชับให้การดำเนินการเป็นไปภายใต้มาตรการเฝ้าระวัง&nbsp;ป้องกันและการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p><br></p><p>สวท.เพชรบุรี</p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>18/1/2022ภาคตะวันตกเพชรบุรีสวท.เพชรบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118101947300 พาณิชย์แม่ฮ่องสอน ร่วมกับ ศคบ. และตัวแทนอำเภอ ตรวจสอบติดตามสถานการณ์สินค้าอุปโภคบริโภค พื้นที่ อ.ปางมะผ้า และ อ.ปาย<p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;</strong>ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.)&nbsp;จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ที่ทำการปกครองอำเภอปางมะผ้า&nbsp;และที่ทำการปกครองอำเภอปาย&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ดังนี้&nbsp;พื้นที่อำเภอปางมะผ้า&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านฮอมสุขซุปเปอร์มาร์เก็ต/ร้านอำภาม/ร้านภาคเหนือหมูสด/ตลาดสดปางมะผ้า/ร้านหมูอินเตอร์&nbsp;ตำบลสบป่อง</p><p><strong>พื้นที่อำเภอปาย&nbsp;ได้แก่</strong>&nbsp;ตลาดแสงทองอร่าม/ร้านเบญจมาศ/ร้านภาคเหนือหมูสด/ร้านเบทาโกร&nbsp;และร้านเอ็มพีหมูสด&nbsp;ตำบลเวียงใต้</p><p><strong>ผลการตรวจสอบพบว่าผู้ประกอบการ</strong>ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าชัดเจน&nbsp;สินค้ามีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;อาทิ&nbsp;น้ำมันปาล์ม&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;ราคา&nbsp;58-65&nbsp;บาท/น้ำมันถั่วเหลือง&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;ราคา&nbsp;58-65&nbsp;บาท/หมูเนื้อแดง&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ราคา&nbsp;190-230&nbsp;บาท/ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;ราคาแผงละ&nbsp;96-105&nbsp;บาท/ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคาแผงละ&nbsp;90-105&nbsp;บาท/เนื้ออกไก่&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ราคา&nbsp;75-70&nbsp;บาท/น่องไก่ติดสะโพก&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ราคา&nbsp;71-80&nbsp;บาท</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ร้านค้าปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.2542</strong>&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;ห้ามกักตุนสินค้า&nbsp;และห้ามฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าในราคาที่สูงเกินสมควร</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>18/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118103517321 นายกรัฐมนตรี กำชับในที่ประชุม ครม. เร่งแก้ปัญหาสินค้าแพงและหมูแพง ผลักดันร้านธงฟ้าเปิดทางเลือกสำหรับประชาชน<p><strong>นายธนกร&nbsp;วังบุญคงชนะ&nbsp;โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้&nbsp;พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม&nbsp;สั่งการให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องติดตามและเร่งแก้ไขราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;ทั้งเนื้อสัตว์&nbsp;หมู&nbsp;ไก่&nbsp;และสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อประชาชนโดยเร่งด่วน&nbsp;พร้อมสั่งการให้ร้านค้าธงฟ้าเปิดจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตประจำวัน&nbsp;เพื่อเป็นทางเลือกของพี่น้องประชาชนและผู้ใช้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในการจับจ่ายสินค้าราคาประหยัด&nbsp;ซึ่งจะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;จะมีการเร่งหารือกับผู้ประกอบการในการตรึงราคาสินค้าที่จำเป็นอื่นๆ&nbsp;อีกด้วย</p><p><strong>สำหรับน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์</strong>&nbsp;&nbsp;ได้ดำเนินการเพื่อช่วยเหลือประชาชนในการแก้ไขราคาสินค้าแพง&nbsp;โดยเฉพาะเนื้อหมูอย่างเร่งด่วนแล้ว&nbsp;ซึ่งการดำเนินการของกรมปศุสัตว์ทำให้มีการเลี้ยงหมูที่ปลอดโรคและมีการพิจารณาทั้ง&nbsp;Demand-Supply&nbsp;ในตลาด&nbsp;ส่วนพาณิชย์ได้เร่งให้ร้านธงฟ้านำสินค้าจำเป็นมาจำหน่ายแก่พี่น้องประชานโดยเร่งด่วน</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>18/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118102118303 ต่อยอดแพลตฟอร์มกลาง เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด เฟส 2 ตั้งเป้ายอดขายทะลุ 500 ล้านบาท<p><strong>นางรวีพรรณ&nbsp;ช้างเย็นฉ่ำ&nbsp;รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า</strong>&nbsp;เปิดเผยในฐานะผู้แทนประธานอนุกรรมการร่วมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการสร้างแพลตฟอร์มกลาง&nbsp;ว่า&nbsp;ได้จัดให้มีแพลตฟอร์มกลางเป็นหน้าเฉพาะ&nbsp;“เกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด”&nbsp;บนแพลตฟอร์ม&nbsp;&nbsp;Thaitrade.com&nbsp;ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและแพลตฟอร์ม&nbsp;Phenixbox.com&nbsp;ของบริษัท&nbsp;แอสเสท&nbsp;เวิรด์&nbsp;คอร์ป&nbsp;จำกัด(มหาชน)&nbsp;ซึ่งมีการคัดเลือกสินค้าจากสหกรณ์การเกษตรคุณภาพ&nbsp;26&nbsp;สหกรณ์&nbsp;ขึ้นเพื่อจำหน่ายในรูปแบบ&nbsp;B2B&nbsp;(Business&nbsp;to&nbsp;Business)&nbsp;ไปยังผู้ซื้อรายใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ&nbsp;ซึ่งปีที่ผ่านมามีการจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ&nbsp;(Online&nbsp;Business&nbsp;Matching)&nbsp;ระหว่างสหกรณ์การเกษตรและผู้ซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศ&nbsp;เกิดคู่เจรจาธุรกิจรวม&nbsp;100&nbsp;คู่เจรจา&nbsp;รวมมูลค่าการซื้อขายกว่า&nbsp;82,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;</p><p><strong>สำหรับในปี&nbsp;2565&nbsp;นี้</strong>&nbsp;มีการต่อยอดให้แพลตฟอร์มกลาง&nbsp;“เกษตรผลิต&nbsp;พาณิชย์ตลาด”&nbsp;เป็นศูนย์กลางการค้าสินค้าเกษตรไทยที่ครอบคลุมสินค้าเกษตรหลากหลายประเภทมากขึ้น&nbsp;&nbsp;โดยเตรียมขยายกลุ่มเป้าหมายเกษตรกรและสินค้าเกษตรไปยังกลุ่มอื่นๆ&nbsp;อาทิ&nbsp;กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่&nbsp;กลุ่มวิสาหกิจชุมชน&nbsp;กลุ่มประมงและกลุ่มปศุสัตว์&nbsp;มากกว่า&nbsp;100&nbsp;กลุ่มเกษตรกร&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้จะทำให้มีสินค้าที่หลากหลายที่มีคุณภาพและมาตรฐาน&nbsp;คาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายทะลุ&nbsp;500&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และให้เป็นที่รู้จักอย่างแน่นอน</p><p><br></p><p><br></p>18/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118102433308 พาณิชย์จังหวัดสุราษฎร์ธานีเปิดขายหมู 6 จุด ช่วยเหลือชาวบ้านซื้อหมูราคาถูก อนาคตจ่อเปิดขายตลาดนัดเพิ่มรับตรุษจีน<p><strong>พาณิชย์จังหวัดสุราษฎร์ธานีเปิดตลาดจำหน่ายหมู&nbsp;6&nbsp;จุด</strong>ตามโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;เพื่อให้ผู้บริโภคได้หมูเนื้อแดงในราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;อนาคตจะนำผู้เลี้ยงหมูกว่า&nbsp;3,500&nbsp;รายในจังหวัดมาเปิดตลาดนัดอีกครั้งรับช่วงเทศกาลตรุษจีน</p><p><strong>ที่ห้องประชุมวายุภักดิ์&nbsp;สำนักงานคลังจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;นายศักดาพร&nbsp;รัตนสุภา</strong>&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;ได้เรียกพาณิชย์จังหวัด&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัด&nbsp;คลังจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;หอการค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;และประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;เพื่อหารือในการช่วยเหลือผู้บริโภคหลังราคาหมูชำแหละ&nbsp;ไก่ไข่&nbsp;มีราคาที่พุ่งขึ้น&nbsp;โดยในเบื้องต้นทางพาณิชย์จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้เปิดจุดจำหน่ายราคาหมูเนื้อแดง&nbsp;จำนวน&nbsp;6&nbsp;จุด&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ร้านจำหน่ายหมูวิทยา&nbsp;ร้านวัฒนาฟาร์มฟู๊ด&nbsp;ร้าน&nbsp;เอ-วัน&nbsp;หมูสด&nbsp;ร้าน&nbsp;ร้านข้าวหอม&nbsp;ข้าวฟ่าง&nbsp;หมูสด&nbsp;ร้านณีหมูคุณภาพ&nbsp;และร้านยกครัว&nbsp;ให้กับผู้บริโภคเพื่อลดภาระค่าครองชีพ&nbsp;และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภคในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;และได้รับผลกระทบจากราคาเนื้อหมูที่ปรับสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์&nbsp;โดยจำหน่ายเนื้อแดงตามโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชนในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จากราคาตลาด&nbsp;กก.ละ&nbsp;180-200&nbsp;บาท&nbsp;จุดละ&nbsp;100&nbsp;กก.ต่อวัน&nbsp;จนวันที่&nbsp;31&nbsp;ม.ค.นี้&nbsp;และอาจจะนำมาขายในตลาดนัดเพิ่มในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ประชาชนมีความต้องการหมูจำนวนมากกว่าปกติโดยเฉพาะคนไทยเชื้อสายจีนที่จำเป็นต้องใช้ในพิธีไหว้เจ้าไหว้บรรพบุรุษ</p><p><strong>นายศักดาพร&nbsp;รัตนสุภา&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;วันนี้ได้เรียกหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสินค้าบริโภคในจังหวัดมาปรึกษาเพื่อหาแนวทางในการลดค่าครองชีพให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้นในขณะนี้&nbsp;โดยเฉพาะราคาหมูแพง&nbsp;ซึ่งสุราษฎร์ธานีมีบริษัทหรือกลุ่มผู้เลี้ยงหมูจำนวน&nbsp;3,500&nbsp;ราย&nbsp;ทั้งจังหวัดหากเป็นไปได้จะนำกลุ่มผู้เลี้ยงหมูนำหมูมาจำหน่ายให้กับผู้บริโภคในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีในราคาที่ผู้บริโภคสามารถที่จะซื้อไปรับประทานได้</p><p><strong>ด้านนางเพ็ญลดา&nbsp;&nbsp;สายสวัสดิ์&nbsp;คลังจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ขณะนี้ผู้ประกอบการต่างๆ&nbsp;เริ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-&nbsp;19&nbsp;ทางคลังจังหวัดได้ประสานกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร&nbsp;เพื่อให้เป็นแหล่งเงินทุนในการกู้ยืมเพื่อนำเงินไปลงทุนดอกเบี้ยต่ำร้อยละ&nbsp;4&nbsp;ต่อปี&nbsp;ในวงเงิน&nbsp;1&nbsp;แสนบาท&nbsp;เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ในวันที่&nbsp;21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ทางพาณิชย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี</strong>&nbsp;จะเปิดตลาดนัดธงฟ้าราคาประหยัดให้กับผู้บริโภค&nbsp;โดยจะมี&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;/ไข่ไก่&nbsp;และผักสด&nbsp;มาจำหน่ายให้กับผู้บริโภคบริเวณศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี.</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>18/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118101920299 สนง.พาณิชย์จังหวัดตรัง ตรวจติดตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน จังหวัดตรัง (ครั้งที่ 3) กำชับต้องปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน<p><strong>นางสาวสุภากิตติ์&nbsp;เกลี้ยงสงค์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;</strong>มอบหมายเจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;ติดตามการดำเนินโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;3)&nbsp;ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;(นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์)&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาสุกรที่สูงขึ้นและให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;โดยจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค&nbsp;ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;และราคาเนื้อสุกรปรับตัวสูงขึ้น</p><p><strong>ซึ่งพื้นที่จังหวัดตรัง&nbsp;มีจุดจำหน่ายจำนวนรวม&nbsp;12&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่</strong>&nbsp;1.&nbsp;ร้านหมูสด&nbsp;แยกวัดตัน&nbsp;ต.ทับเที่ยง&nbsp;2.&nbsp;ร้านน้องดิว&nbsp;หน้าสวนสาธารณะนาหมื่นราษฎร์&nbsp;ต.โคกหล่อ&nbsp;3.ร้านเจี๊ยบหมูสด&nbsp;&nbsp;(ข้างร้านอาหารโกแป้&nbsp;เจ๊บี)&nbsp;ต.นาตาล่วง&nbsp;4.ร้านชายสี่หมูสด&nbsp;ตลาดคลองมวน&nbsp;ต.หนองปรือ&nbsp;5.ร้านน้องทิพย์ค้าหมู&nbsp;หมู่&nbsp;8&nbsp;ต.เขากอบ&nbsp;6.ร้านบ้านหมูตวงตังค์&nbsp;(บริเวณทางเข้าวัดเขาไม้แก้ว)&nbsp;ต.เขาไม้แก้ว&nbsp;7.&nbsp;ร้านหมูสด&nbsp;สด&nbsp;(ตรงข้ามโรงเรียนบ้านวังลำ)&nbsp;ต.วังคีรี&nbsp;8.&nbsp;ช้อปเบทาโกร&nbsp;สาขาเมืองตรัง&nbsp;9.&nbsp;ช้อปเบทาโกร&nbsp;สาขาห้วยยอด&nbsp;10.ร้านเจ๊อ้อยป่ายาง&nbsp;(ตรงข้ามร้านรับซื้อของเก่ายอดเพชร)&nbsp;ต.นาโยงเหนือ&nbsp;11.&nbsp;ร้านสุนิษา&nbsp;(ข้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก&nbsp;อบต.นาโยงเหนือ)&nbsp;ต.นาโยงเหนือ&nbsp;และ&nbsp;12.&nbsp;ร้านสาวหมูสด&nbsp;(ตรงข้ามโรงเรียนวังวิเศษ)&nbsp;ต.เขาวิเศษ&nbsp;โดยดำเนินโครงการฯ&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;14&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ได้กำชับให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคา</strong>&nbsp;ซึ่งส่วนใหญ่ได้ปิดป้ายแสดงราคา&nbsp;ชัดเจน&nbsp;หากผู้บริโภคไม่ได้รับเป็นธรรมทางการค้าหรือได้รับความเดือดร้อนจากการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการ&nbsp;โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร&nbsp;สามารถร้องเรียนได้ที่&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;โทร&nbsp;0&nbsp;7522&nbsp;3076&nbsp;หรือสายด่วน&nbsp;1569</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>18/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118104921332 พาณิชย์สุราษฎร์ฯเปิดขายหมู 6 จุดช่วยเหลือชาวบ้านซื้อหมูถูกอนาคตจ่อเปิดขายตลาดนัดเพิ่มรับตรุษจีน สุราษฎร์ธานี-พาณิชย์สุราษฎร์ธานีเปิดตลาดจำหน่ายหมู 6 จุดตามโครงการหมูพาณิชย์ ลดราคา!ช่วยประชาชน เพื่อให้ผู้บริโภคได้หมูเนื้อแดงในราคาถูกกว่าท้องตลาด อนาคตจะนำผู้เลี้ยงหมูกว่า 3,500 รายในจังหวัดมาเปิดตลาดนัดอีกครั้งรับช่วงเทศกาลตรุษจีน<p><strong>ที่ห้องประชุมวายุภักดิ์&nbsp;สำนักงานคลังจังหวัดสุราษฎร์ธานี</strong>&nbsp;นายศักดาพร&nbsp;รัตนสุภา&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้เรียก&nbsp;พาณิชย์จังหวัด/&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัด&nbsp;/คลังจังหวัดสุราษฎร์ธานี/&nbsp;หอการค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;/ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานีเพื่อหารือในการช่วยเหลือผู้บริโภคหลังราคาหมูชำแหละ&nbsp;ไก่ไข่&nbsp;มีราคาที่พุ่งขึ้น&nbsp;โดยในเบื้องต้นทางพาณิชย์จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้เปิดจุดจำหน่ายราคาหมูเนื้อแดง&nbsp;จำนวน&nbsp;6&nbsp;จุด&nbsp;ประกอบด้วยร้านจำหน่ายหมูวิทยา&nbsp;/ร้านวัฒนาฟาร์มฟู๊ด/&nbsp;ร้าน&nbsp;เอ-วัน&nbsp;หมูสด/&nbsp;ร้าน&nbsp;ร้านข้าวหอม&nbsp;ข้าวฟ่าง&nbsp;หมูสด/&nbsp;ร้านณีหมูคุณภาพ&nbsp;และร้านยกครัว&nbsp;ให้กับผู้บริโภคเพื่อลดภาระค่าครองชีพ&nbsp;และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภคในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;และได้รับผลกระทบจากราคาเนื้อหมูที่ปรับสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์&nbsp;</p><p>โดยจำหน่ายเนื้อแดงตามโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาทจากราคาตลาด&nbsp;กก.ละ&nbsp;180-200&nbsp;บาทจุดละ&nbsp;100&nbsp;กก.ต่อวัน&nbsp;จนวันที่&nbsp;31&nbsp;ม.ค.นี้และอาจจะนำมาขายในตลาดนัดเพิ่มในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ประชาชนมีความต้องการหมูจำนวนมากกว่าปกติโดยเฉพาะคนไทยเชื้อสายจีนที่จำเป็นต้องใช้ในพิธีไหว้เจ้าไหว้บรรพบุรุษ</p><p><strong>นายศักดาพร&nbsp;รัตนสุภา&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;วันนี้ได้เรียกหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสินค้าบริโภคในจังหวัดมาปรึกษาเพื่อหาแนวทางในการลดค่าครองชีพให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้นในขณะนี้&nbsp;โดยเฉพาะราคาหมูแพง&nbsp;ซึ่งสุราษฎร์ธานีมีบริษัทหรือกลุ่มผู้เลี้ยงหมูจำนวน&nbsp;3,500&nbsp;รายทั้งจังหวัดหากเป็นไปได้จะนำกลุ่มผู้เลี้ยงหมูนำหมูมาจำหน่ายให้กับผู้บริโภคในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีในราคาที่ผู้บริโภคสามารถที่จะซื้อไปรับประทานได้</p><p><strong>ด้านนางเพ็ญลดา&nbsp;&nbsp;สายสวัสดิ์&nbsp;คลังจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ขณะนี้ผู้ประกอบการต่างๆเริ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-&nbsp;19&nbsp;ทางคลังจังหวัดได้ประสานกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเพื่อให้เป็นแหล่งเงินทุนในการกู้ยืมเพื่อนำเงินไปลงทุนดอกเบี้ยต่ำร้อยละ&nbsp;4&nbsp;ต่อปี&nbsp;ในวงเงิน&nbsp;1&nbsp;แสนบาทเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย</p><p>และในวันที่&nbsp;21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ทางพาณิชย์จังหวัดสุราษฎร์ธานีจะเปิดตลาดนัดธงฟ้าราคาประหยัดให้กับผู้บริโภค&nbsp;โดยจะมี&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;/ไข่ไก่&nbsp;และผักสด&nbsp;มาจำหน่ายให้กับผู้บริโภคบริเวณศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี.</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>18/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118105242337 พิซซ่าหน้าหมา<p><strong>PIZZA&nbsp;NAH&nbsp;MA’S&nbsp;หรือพิซซ่าหน้าหมา&nbsp;</strong>คือร้านพิซซ่าสไตล์โฮมเมด&nbsp;ที่ใช้กระบวนการอบพิซซ่าด้วยเตาถ่านที่มีรูปใบหน้าของสุนัข&nbsp;และเป็นคำพ้องเสียงมาจากภาษาอินโดนีเซีย&nbsp;ที่อ่านว่าหน้ามาร์&nbsp;ซึ่งแปลว่า&nbsp;แม่ที่ดี&nbsp;ตั้งอยู่ที่บริเวณศูนย์นิเวศเกษตรศิลป์&nbsp;บ้านโชคใต้&nbsp;หมู่ที่&nbsp;4&nbsp;ตำบลอู่โลก&nbsp;อำเภอลำดวน&nbsp;จังหวัดสุรินทร์&nbsp;โดยลักษณะเด่นของพิซซ่าหน้าหมาที่นี่คือการนำวัตถุดิบพื้นถิ่นอย่างข้าวหอมมะลิอินทรีย์มาเป็นหนึ่งในส่วนผสมของแป้ง&nbsp;เป็นการนำอัตลักษณ์ของจังหวัดสุรินทร์&nbsp;ที่โดดเด่นในเรื่องของเกษตรอินทรีย์&nbsp;ตามนโยบาย&nbsp;”สุรินทร์รุ่งเรือง&nbsp;เมืองเกษตรอินทรีย์”&nbsp;ของ&nbsp;นายสุวพงศ์&nbsp;กิติภัทย์ภิบูลย์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์&nbsp;&nbsp;มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์</p><p><strong>คุณสัญญา&nbsp;ทิพบำรุง&nbsp;หรือคุณหยา&nbsp;เล่าว่า</strong>&nbsp;จุดเริ่มต้นของการทำพิซซ่า&nbsp;คือการได้ชวนเด็กๆในชุมชนทำกิจกรรมที่หลากหลายในพื้นที่ศูนย์นิเวศเกษตรศิลป์&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะ&nbsp;งานดนตรี&nbsp;รวมถึงกิจกรรมแลกเปลี่ยนความรู้กับชาวต่างชาติ&nbsp;แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;ทำให้กิจกรรมกับเด็กและชาวต่างชาติต้องหยุดชะงักลง&nbsp;</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;การทำงานร่วมกันกับเด็กและชุมชน&nbsp;</strong>เป็นสิ่งที่คุณหยายังคงทำมาโดยตลอด&nbsp;เพื่อต้องการสร้างกระบวนการการเรียนรู้&nbsp;การสร้างคิดสร้างสรรค์&nbsp;เช่น&nbsp;พิซซ่าหน้าผักจากริมรั้ว&nbsp;พิซซ่าหน้าดักแด้จากการสาวไหมของคุณยาย&nbsp;หรือแม้กระทั่งพิซซ่าหน้าแมลง&nbsp;ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าให้กับวัตถุดิบที่มีอยู่รอบตัวได้ดีอีกด้วย</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>18/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสุรินทร์สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118113330364 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ตรวจติดตามราคาไข่ไก่ พบปรับราคาเพิ่มขึ้นแต่ยังเพียงพอต่อความต้องการ<p><strong>นางสาวสุภากิตติ์&nbsp;เกลี้ยงสงค์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตรัง</strong>&nbsp;มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ราคาไข่ไก่&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศบาลนครตรัง&nbsp;ตลาดนาโยง&nbsp;ตลาดย่านตาขาว&nbsp;และห้างแม็คโคร&nbsp;สาขาตรัง&nbsp;พบว่า&nbsp;ราคาขายปลีกไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;ตลาดสดเทศบาลนครตรัง&nbsp;แผงละ&nbsp;108&nbsp;บาท&nbsp;ตลาดนาโยง&nbsp;แผงละ&nbsp;102&nbsp;บาท&nbsp;ตลาดย่านตาขาว&nbsp;แผงละ&nbsp;102&nbsp;บาท&nbsp;และห้างแม็คโคร&nbsp;สาขาตรัง&nbsp;แผงละ&nbsp;99&nbsp;บาท&nbsp;ไม่จำกัดจำนวน&nbsp;ในภาพรวมปรับราคาขึ้น&nbsp;3-6&nbsp;บาทต่อแผง&nbsp;แต่ยังอยู่ในราคาที่กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือให้ไม่เกินฟองละ&nbsp;3.50&nbsp;บาท&nbsp;โดยยังมีเพียงพอต่อความต้องการ</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่เพจสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง</strong>&nbsp;และหากผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการค้าหรือได้รับความเดือดร้อนจากการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการ&nbsp;โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร&nbsp;สามารถร้องเรียนได้ที่&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;โทร&nbsp;0&nbsp;7522&nbsp;3076&nbsp;หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรัง&nbsp;โทร&nbsp;0&nbsp;7521&nbsp;7144</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>18/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118111628354 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครปฐม จัดโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน เปิดจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดง กิโลกรัมละ 150 บาท ในพื้นที่อำเภอต่างๆ รวม 9 จุด ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2565<p><strong>นายพงศ์สุธี&nbsp;สุขศิริ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดนครปฐม&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>จากกรณีเนื้อหมูมีราคาเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา&nbsp;จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครปฐม&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจติดตามโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;3)&nbsp;เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน&nbsp;และเพิ่มช่องทางในการเลือกซื้อหมูในราคาประหยัด&nbsp;ตามนโยบายของ&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์</p><p><strong>สำหรับจังหวัดนครปฐม&nbsp;ได้เปิดจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท</strong>&nbsp;ในพื้นที่อำเภอต่างๆ&nbsp;รวม&nbsp;9&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่&nbsp;อำเภอเมืองนครปฐม&nbsp;ที่ร้านลัคกี้ฟาร์ม&nbsp;ตำบลวังตะกู&nbsp;หน้าตลาดโอเดียน&nbsp;และถนนเทศา&nbsp;ซอย&nbsp;3&nbsp;ตำบลพระปฐมเจดีย์,&nbsp;อำเภอสามพราน&nbsp;ที่อ้อมใหญ่ปาร์ค&nbsp;ตำบลอ้อมใหญ่,&nbsp;อำเภอนครชัยศรี&nbsp;ที่&nbsp;บจก.&nbsp;เฟรชมีท&nbsp;ฟู้ด&nbsp;โปรดักส์&nbsp;91&nbsp;ตำบลงิ้วราย,&nbsp;อำเภอบางเลน&nbsp;ที่ตลาดปลาบางเลนธานี&nbsp;ตำบลบางเลน&nbsp;และตลาดสดโรงยาง&nbsp;ตำบลบางปลา,&nbsp;อำเภอดอนตูม&nbsp;ที่ร้านอมรเทพญ์&nbsp;ตำบลห้วยพระ&nbsp;และอำเภอกำแพงแสน&nbsp;ที่เบทาโกร&nbsp;ตำบลกำแพงแสน&nbsp;โดยเปิดจำหน่ายตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป&nbsp;จนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;ทั้ง&nbsp;9&nbsp;จุด&nbsp;มีป้ายแสดงราคาอย่างชัดเจน</strong>เป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542&nbsp;ซึ่งมีประชาชนให้ความสนใจต่อการจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นอย่างมาก&nbsp;เนื่องจากราคาจำหน่ายถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป&nbsp;จึงจำกัดจำนวนการซื้อคนละ&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสซื้อสินค้าอย่างทั่วถึง&nbsp;พร้อมกำชับให้ทุกร้าน&nbsp;ดำเนินการภายใต้มาตรการป้องกันและการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด&nbsp;19&nbsp;อย่างเคร่งครัด</p><p><br></p><p>สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม&nbsp;-&nbsp;ข่าว</p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p><br></p>18/1/2022ภาคตะวันตกนครปฐมสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118114523372 จังหวัดพะเยา เปิดจุดจำหน่ายหมูถูก ลดค่าครองชีพให้ประชาชน<p><strong>นางศุภมิตร&nbsp;เต็งเผ่&nbsp;พาณิชย์จังหวัดพะเยา&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินโครงการพาณิชย์ลดราคาหมูช่วยประชาชนอย่างต่อเนื่อง&nbsp;เพื่อลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;และได้ขยายต่อในต้นปี&nbsp;2565&nbsp;โดยประชาชนสามารถเลือกซื้อหมูเนื้อแดงได้ในราคา&nbsp;150&nbsp;บาทต่อกิโลกรัมได้&nbsp;โดยประชาชนสามารถตรวจสอบจุดจำหน่ายกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดในเขตพื้นที่อาศัยอยู่ได้&nbsp;</p><p><strong>ด้านสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพะเยา</strong>&nbsp;ได้ดำเนินการโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;3)&nbsp;โดยจัดจำหน่ายหมูเนื้อแดงราคา&nbsp;150&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;เพื่อลดภาระค่าครองชีพ&nbsp;และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่จังหวัดพะเยา&nbsp;ให้เลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;โดยจำหน่ายห้วงวันที่&nbsp;16-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวนทิ้งสิ้น&nbsp;9&nbsp;จุดบริการ&nbsp;ในพื้นที่&nbsp;3&nbsp;อำเภอ&nbsp;ดังนี้&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จำหน่าย&nbsp;5&nbsp;จุดบริการ&nbsp;ได้แก่/ร้านหมูอินเตอร์&nbsp;สาขาพะเยา/ร้านอร่อยดี&nbsp;by&nbsp;KK/&nbsp;ร้านอำนวยหมูสด/ร้านลุงเปลี่ยนหมูสด&nbsp;และร้านธนพฤทธ์&nbsp;(ร้านป้าน้อง)&nbsp;อำเภอดอกคำใต้&nbsp;จำหน่าย&nbsp;2&nbsp;จุดบริการ&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านหมูอนามัยบัวบาน&nbsp;และร้านหมูอนามัยพัชรพร&nbsp;อำเภอแม่ใจ&nbsp;จำหน่าย&nbsp;2&nbsp;จุดบริการ&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านหมูสยามฟาร์ม&nbsp;และร้านโชคดีหมูอนามัย</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพะเยา&nbsp;</strong>ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ออกติดตามดูแล&nbsp;ผู้ประกอบการที่เข้าโครงการพาณิชย์ลดราคาหมู&nbsp;และแนะนำให้มีการปิดป้ายแสดงสินค้าจำหน่ายให้ครบถ้วนถูกต้องและชัดเจนเพื่อให้ประชาชนได้เปรียบเทียบก่อนตัดสินใจซื้อประชาชนที่สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพะเยา&nbsp;โทร.054-431636</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>18/1/2022ภาคเหนือพะเยาสวท.พะเยาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118115110374 ยะลา เปิดการซ้อมแผนรักษาความปลอดภัยเมืองเศรษฐกิจ เพื่อป้องกันระงับเหตุครบทุกมิติ<p><strong>วันนี้&nbsp;(18&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;เวลา&nbsp;10.00น.&nbsp;ที่&nbsp;สภ.เมืองยะลา&nbsp;พันเอก&nbsp;ขจิต&nbsp;มกราภิรมย์</strong>&nbsp;รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา&nbsp;เป็นประธานเปิดการซ้อมแผนรักษาความปลอดภัยเมืองเศรษฐกิจอำเภอเมืองยะลา&nbsp;เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางของ&nbsp;กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค&nbsp;4&nbsp;ส่วนหน้า&nbsp;ที่ได้กำหนดให้มีการซ้อมแผนรักษาความปลอดภัยเมืองเศรษฐกิจ&nbsp;8&nbsp;เมืองหลักโดยอำเภอเมืองยะลา&nbsp;เป็น&nbsp;1&nbsp;ในอำเภอที่อยู่ในกรอบการปฏิบัติของ&nbsp;กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค&nbsp;4&nbsp;ส่วนหน้า</p><p><strong>โดยมีมิติการซ้อมได้แก่&nbsp;มิติก่อนเกิดเหตุ&nbsp;มุ่งเน้นการรับข่าวสารแจ้งเตือน</strong>&nbsp;และเพิ่มความเข้มในการปฏิบัติ&nbsp;ตรวจสอบบุคคลและยานพาหนะของจุดตรวจ&nbsp;ด่านตรวจรอบเขตเมืองยะลา&nbsp;มิติระหว่างเกิดเหตุ&nbsp;เน้นการปฏิบัติตามขั้นตอนหลักยุทธวิธีของหน่วยในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง&nbsp;สามารถระงับเหตุ&nbsp;หรือป้องกันการเกิดเหตุได้&nbsp;และมิติหลังเกิดเหตุ&nbsp;สามารถติดตาม&nbsp;จับกุม&nbsp;สืบสวนสอบสวนจนทราบตัวผู้ก่อเหตุนำมาซึ่งการบังคับใช้กฎหมายได้&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;หน่วยเฉพาะกิจตำรวจยะลา&nbsp;91&nbsp;จึงกำหนดรูปแบบการซ้อมในครั้งนี้</strong>แบบข้าศึกสมมติ&nbsp;แทรกซึมเข้าก่อเหตุร้ายในเขตเมืองยะลา&nbsp;เพื่อให้หน่วยกำลังและหน่วยที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ได้ดำเนินการป้องกันเหตุ&nbsp;ระงับเหตุ&nbsp;และติดตามจับกุม&nbsp;ครบทุกมิติการปฏิบัติ&nbsp;โดยได้รับความร่วมมือจาก&nbsp;ตำรวจภูธรจังหวัดยะลา&nbsp;ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอเมืองยะลา&nbsp;เทศบาลนครยะลา&nbsp;ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน&nbsp;10&nbsp;หน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด&nbsp;ชุดปฏิบัติการสุนัขทหาร&nbsp;สมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติ&nbsp;และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ชีพกู้ภัยในเขตเทศบาลนครยะลา&nbsp;ร่วมดำเนินการซ้อมเป็นอย่างดี&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong>&nbsp;</p>18/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118122102399 จังหวัดลำพูน เปิดจำหน่ายหมูเนื้อแดง กก.ละ 150 บาท จำนวน 9 จุด ตามนโยบาย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงพาณิชย์ “เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน”<p><strong>วันนี้&nbsp;(18&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำพูน&nbsp;</strong>นางกนกรัตน์&nbsp;ยุกติรัตน์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำพูน&nbsp;เผยว่า&nbsp;จังหวัดลำพูนจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;เปิดจำหน่ายแล้วจำนวน&nbsp;9&nbsp;จุดทั่วจังหวัดลำพูน&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;17-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ตามนโยบายของ&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;“เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน”&nbsp;โดยสามารถไปเลือกซื้อตามจุดจำหน่ายได้&nbsp;ประกอบด้วย/ร้าน&nbsp;CP&nbsp;ป่ารกฟ้า&nbsp;150&nbsp;ม.9&nbsp;ต.น้ำดิบ&nbsp;อ.ป่าซาง&nbsp;จ.ลำพูน/ร้านยิ่งเจริญฟาร์ม&nbsp;(สาขาตลาดโต้รุ่ง)&nbsp;175&nbsp;ถ.รอบเมืองใน&nbsp;ต.ในเมือง&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.ลำพูน/ร้านยิ่งเจริญฟาร์ม&nbsp;(สาขาตลาดป่าเห็ว)&nbsp;161&nbsp;บ้านป่าเห็ว&nbsp;ต.อุโมงค์&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.ลำพูน/ร้านพาเจริญฟาร์ม&nbsp;(สาขาอำเภอบ้านโฮ่ง)&nbsp;27/6&nbsp;บ้านห้วยกานต์&nbsp;ต.บ้านโฮ่ง&nbsp;อ.บ้านโฮ่ง&nbsp;จ.ลำพูน/ร้านดีเจริญฟาร์ม&nbsp;(สาขาฮ่องกอม่วง)&nbsp;114&nbsp;ต.มะเขือแจ้&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.ลำพูน/ร้านยิ่งเจริญฟาร์ม&nbsp;(สาขานิคมหนองเป็ด)&nbsp;ต.บ้านกลาง&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.ลำพูน/ร้านยิ่งเจริญฟาร์ม&nbsp;(สาขาตลาดจตุจักร)&nbsp;ต.ป่าสัก&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.ลำพูน/ร้าน&nbsp;ยิ่งเจริญฟาร์ม&nbsp;(สาขาอินทร)&nbsp;57/2&nbsp;หมู่11&nbsp;ต.บ้านกลาง&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.ลำพูน&nbsp;และร้าน&nbsp;บี.เอ็มอินเตอร์ฟู๊ดส์&nbsp;(สาขาบ้านธิ)&nbsp;อ.บ้านธิ&nbsp;จ.ลำพูน.</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>18/1/2022ภาคเหนือลำพูนสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118133413416 โครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา ช่วยประชาชน(กิโลกรัมละ ๑๕๐._บาท) จังหวัดอำนาจเจริญ<p><strong>วันอังคารที่&nbsp;18&nbsp;มกราคม&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;06.00&nbsp;น.&nbsp;นายธานินทร์&nbsp;จุฑาทิพย์ชาติกุล</strong>&nbsp;&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;ดำเนินโครงการ&nbsp;“หมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;</p><p><strong>โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;นายทวีป&nbsp;บุตรโพธิ์</strong>&nbsp;ลงพื้นที่เพื่อประชาสัมพันธ์&nbsp;&nbsp;ตรวจเยี่ยมโครงการฯ&nbsp;ดังกล่าว&nbsp;และขอบคุณสถานที่จำหน่ายเนื้อสุกร&nbsp;ที่เข้าร่วมโครงการฯ&nbsp;โดยมีผู้ประกอบการค้าเนื้อสุกร&nbsp;จำนวน&nbsp;6&nbsp;ราย&nbsp;เข้าร่วมโครงการฯ&nbsp;ในการจำหน่ายเนื้อสุกรราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;17&nbsp;–&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ในพื้นที่&nbsp;อ.เมืองฯ&nbsp;,&nbsp;อ.ลืออำนาจ&nbsp;,&nbsp;&nbsp;อ.หัวตะพาน&nbsp;,&nbsp;อ.ปทุมราชวงศา</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>Cr#ปศุสัตว์จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดอำนาจเจริญ</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>18/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118134825428 พาณิชย์จังหวัดระยอง จัดโครงการพาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน จำหน่ายหมูเนื้อแดงราคา 150 ต่อกิโลกรัม จำนวน 9 จุด เริ่ม 17-31 มกราคมนี้<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ตามที่&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้ดำเนินโครงการพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน</strong>&nbsp;โดยการจำหน่ายหมูเนื้อแดงราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;667&nbsp;จุดทั่วประเทศ&nbsp;ไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;เพื่อช่วยแทรกแซงราคาเนื้อหมูและลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน&nbsp;&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นางสาวสุวีรยา&nbsp;ปั้นปาน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดระยอง&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดระยอง&nbsp;ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการร้านค้าปลีกในพื้นที่จังหวัดระยอง&nbsp;ได้เปิดจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่&nbsp;17&nbsp;–&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;มีจุดจำหน่ายทั้งหมด&nbsp;9&nbsp;จุด&nbsp;คือ</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">-&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ร้านเอ๋หมูสด&nbsp;อ.เมืองระยอง&nbsp;จำหน่ายวันที่&nbsp;22-24&nbsp;มกราคม</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">-&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ร้านไนท์&nbsp;ตลาดใหม่หนองแฟบ&nbsp;ต.มาบตาพุด&nbsp;จำน่ายตั้งแต่วันที่&nbsp;17-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">-&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ร้านเฮงเฮง&nbsp;ตลาดลาวมาบตาพุด&nbsp;อ.เมืองระยอง&nbsp;จำหน่ายวันที่&nbsp;18&nbsp;–&nbsp;24&nbsp;มกราคม</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">-&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ร้านเทพกิติ&nbsp;จักรกฤต&nbsp;อินเตอร์ฟู้ด&nbsp;ข้างวัดสะพานสี่&nbsp;อ.ปลวกแดง&nbsp;จำหน่ายวันที่&nbsp;17-31&nbsp;มกราคม</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">-&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ร้านจองหมูสะอาด&nbsp;ต.มาบยางพร&nbsp;ซอย&nbsp;22&nbsp;อ.ปลวกแดง&nbsp;จำหน่ายวันที่&nbsp;19&nbsp;มกราคม</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">-&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ร้านไนท์&nbsp;ชอย&nbsp;5&nbsp;อ.นิคมพัฒนา&nbsp;จำหน่ายวันที่&nbsp;18-31&nbsp;มกราคม</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">-&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ร้านเบทาโกร&nbsp;ช้อป&nbsp;สาขาแกลง&nbsp;จำหน่ายระหว่างวันที่&nbsp;17&nbsp;-24&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">-&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ร้านหมูดี&nbsp;อ.เขาชะเมา&nbsp;จำหน่ายวันที่&nbsp;26-31&nbsp;มกราคม</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">-&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ร้านสามเกลอ&nbsp;อ.แกลง&nbsp;จำหน่ายวันที่&nbsp;26-31&nbsp;มกราคม&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>สำหรับปริมาณการจำหน่ายหมูเนื้อแดงแต่ละแห่ง&nbsp;จะมีปริมาณค่อนข้างจำกัด</strong>&nbsp;เนื่องจากปริมาณหมูในตลาดขาดแคลน&nbsp;แต่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน&nbsp;จำเป็นต้องกระจายจุดจำหน่ายให้ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;ยังได้ขอความร่วมมือห้างค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่&nbsp;เช่น&nbsp;แม็คโคร&nbsp;โลตัส&nbsp;บิ๊กซี&nbsp;จำหน่ายเนื้อหมูในราคาต่ำกว่าท้องตลาด&nbsp;โดยเนื้อหมูทั่วไป&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;185-210&nbsp;บาท&nbsp;ขึ้นอยู่กับชนิดของเนื้อหมู&nbsp;ขณะที่ราคาเนื้อหมูตามตลาดสดในชุมชน&nbsp;ราคาประมาณ&nbsp;210-250&nbsp;บาท&nbsp;ต่อกิโลกรัม</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ทั้งนี้&nbsp;ปัจุจุบัน&nbsp;จ.ระยองมีฟาร์มเลี้ยงหมูอยู่ประมาณ&nbsp;88&nbsp;แห่ง</strong>&nbsp;ให้ผลผลิตประมาณ&nbsp;10,000&nbsp;ตัวต่อเดือน&nbsp;ยังไม่เพียงพอสำหรับการอุปโภค&nbsp;จำเป็นต้องนำเข้าจากจังหวัดใกล้เคียง&nbsp;คาดว่าภายในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้&nbsp;ราคาจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;น่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>18/1/2022ภาคตะวันออกระยองสวท.ระยองhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118140353434 ครม.อนุมัติงบกลาง 1,480 ล้านบาท ดันโครงการ พาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน<p><strong>นายธนกร&nbsp;วังบุญคงชนะ&nbsp;โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี</strong>&nbsp;แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี&nbsp;เห็นชอบอนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายงบกลาง&nbsp;รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน&nbsp;หรือจำเป็น&nbsp;วงเงินรวมทั้งสิ้น&nbsp;1,480&nbsp;ล้านบาท&nbsp;เพื่อดำเนินโครงการพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19&nbsp;เพิ่มช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในราคาประหยัดให้แก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึง&nbsp;รวมทั้งเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและการบริโภค&nbsp;ซึ่งจะก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น&nbsp;ระยะเวลาดำเนินการ&nbsp;90&nbsp;วัน&nbsp;</p><p><strong>โดยกิจกรรมบริหารจัดการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางจำหน่าย</strong>&nbsp;โดยจัดหา&nbsp;สถานที่จำหน่ายและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ&nbsp;รวมจำนวนไม่น้อยกว่า&nbsp;3,000&nbsp;จุด&nbsp;ตามแหล่งชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและภูมิภาค&nbsp;76&nbsp;จังหวัด&nbsp;และการจำหน่ายผ่านรถ&nbsp;Mobile&nbsp;&nbsp;จำนวนไม่น้อยกว่า&nbsp;50&nbsp;คัน&nbsp;ตามแหล่ง&nbsp;ชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล</p><p>โครงการ&nbsp;พาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;จะช่วยลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;ในช่วงการระบาดของโควิด-19&nbsp;และภาวะการปรับราคาสินค้าขึ้นอย่างต่อเนื่องจากโรคระบาดในสัตว์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน&nbsp;อีกทั้งจะเป็นการเพิ่มช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันในราคาประหยัด&nbsp;ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ในขณะนี้</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>18/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118144044458 จังหวัดเพชรบูรณ์ ตรวจติดตามสถานการณ์สินค้าอุปโภค บริโภคอ่อนไหวอย่างต่อเนื่อง<p><strong>จังหวัดเพชรบูรณ์&nbsp;ตรวจติดตามสถานการณ์สินค้าอุปโภค</strong>&nbsp;บริโภคอ่อนไหวอย่างต่อเนื่อง&nbsp;วันที่&nbsp;18&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จังหวัดเพชรบูรณ์&nbsp;นายสุพล&nbsp;ศรีทับทิม&nbsp;พาณิชย์จังหวัดเพชรบูรณ์&nbsp;&nbsp;แจ้งว่า&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัด&nbsp;นางสาวจรรยวรรธน์&nbsp;อ้วนตา&nbsp;ผู้อำนวยการกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าที่อ่อนไหว&nbsp;ในช่วงนี้&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศบาล&nbsp;2&nbsp;อำเภอเมืองเพชรบูรณ์&nbsp;พบว่า&nbsp;</p><p>1.)&nbsp;มะละกอ&nbsp;มีการปรับราคาสูงขึ้นเล็กน้อย&nbsp;โดยผู้ประกอบการแจ้งว่ารับมะละกอดิบพันธุ์ดำเนิน&nbsp;จากตลาดค้าส่งพืชผักตลาดเสียงอดิศร&nbsp;อำเภอหล่มสัก&nbsp;ถุง&nbsp;(10&nbsp;กก.)&nbsp;ถุงละ&nbsp;140&nbsp;บาท&nbsp;นำจำหน่ายในตลาด&nbsp;ถุงละ&nbsp;150-170&nbsp;บาท&nbsp;ให้เหตุผลว่ามะละกอจากแหล่งผลิตสำคัญจังหวัดใกล้เคียง&nbsp;ช่วงนี้ขาดตลาด&nbsp;จึงทำให้ให้ราคาปรับสูงขึ้นจากเดือนก่อน&nbsp;10-20&nbsp;บาท/ถุง&nbsp;</p><p>2)&nbsp;สินค้าเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;กก.ละ&nbsp;190-200&nbsp;บาท&nbsp;หมูสามชั้นกิโลกรัมละ&nbsp;200-220&nbsp;บาท&nbsp;หมูเนื้อสัน&nbsp;200-210&nbsp;บาท&nbsp;</p><p>3)&nbsp;สินค้าไก่สด&nbsp;ไก่ทั้งตัวไม่รวมเครื่องใน&nbsp;กก.ละ&nbsp;65-75&nbsp;บาท&nbsp;อกไก่&nbsp;กก.ละ&nbsp;75&nbsp;บาท&nbsp;น่องไก่&nbsp;กก.ละ&nbsp;68-70&nbsp;บาท&nbsp;สะโพก&nbsp;กก.ละ&nbsp;68-70&nbsp;บาท&nbsp;</p><p>4)&nbsp;สินค้าไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;0&nbsp;แผงละ&nbsp;115&nbsp;บาท&nbsp;ฟองละ&nbsp;3.80&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์&nbsp;1&nbsp;แผงละ&nbsp;105&nbsp;บาท&nbsp;ฟองละ&nbsp;3.50&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;แผงละ&nbsp;95&nbsp;บาท&nbsp;ฟองละ&nbsp;3.16&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;แผงละ&nbsp;93&nbsp;บาท&nbsp;ฟองละ&nbsp;3.10&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์&nbsp;4&nbsp;แผงละ&nbsp;88&nbsp;บาท&nbsp;ฟองละ&nbsp;2.93&nbsp;บาท&nbsp;</p><p>ทั้งนี้&nbsp;ผู้ประกอบการมีการติดป้ายแสดงราคาชัดเจน&nbsp;และปรับเป็นราคาปัจจุบัน</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>18/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลเพชรบูรณ์สวท.เพชรบูรณ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118134555427 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลพบุรี จัดโครงการ "หมูพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน จังหวัดลพบุรี"เพื่อช่วยเหลือประชาชนลดภาระค่าครองชีพ และแก้ไขปัญหาภาวะราคาสุกรปรับสูงขึ้น<p><strong>วันที่&nbsp;18&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;11.00&nbsp;น.&nbsp;จังหวัดลพบุรี</strong>&nbsp;นายนิวัฒน์&nbsp;รุ่งสาคร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี&nbsp;พร้อมด้วยพาณิชย์จังหวัดลพบุรี&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ณ&nbsp;ร้านหมูสมบูรณ์&nbsp;สาขาสี่แยกท่าแค&nbsp;อำเภอเมืองลพบุรี&nbsp;ในโครงการ&nbsp;"หมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดลพบุรี"&nbsp;เป็นโครงการฯที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลพบุรี&nbsp;จัดหาหมูมาจำหน่ายให้ประชาชนในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;เพื่อช่วยเหลือประชาชนลดภาระค่าครองชีพและแก้ไขปัญหาภาวะราคาสุกรปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;โดยนำเนื้อหมูและชิ้นส่วนต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;มาจำหน่ายในราคาที่ภูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งจำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาทและจำหน่ายให้ประชาชนรายละ&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;</p><p><strong>สำหรับบรรยากาศในวันนี้ที่ร้านหมูสมบูรณ์&nbsp;พบว่ามีประชาชนเดินทางมาซื้อเนื้อหมู</strong>&nbsp;ไข่ไก่เป็นจำนวนมาก&nbsp;นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายเนื้อไก่และชิ้นส่วนของไก่มาจำหน่าย&nbsp;รวมทั้งไข่ไก่ขนาดต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ที่ราคาถูกกว่าท้องตลาดด้วย&nbsp;โดยจังหวัดลพบุรี&nbsp;ได้กำหนดจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ในพื้นที่ต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;จำนวน&nbsp;6&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่&nbsp;ในเขตอำเภอเมือง&nbsp;2&nbsp;จุด&nbsp;&nbsp;อำเภอสระโบสถ์&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;อำเภอหนองม่วง&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;และ&nbsp;อำเภอโคกเจริญ&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;และอำเภอพัฒนานิคม&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;</p><p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลพบุรี&nbsp;ได้ออกตรวจสอบติดตามสถานการณ์</strong>ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างต่อเนื่องและได้กำชับให้ผู้ประกอบการติดป้ายแสดงราคาจำหน่ายให้ถูกต้องชัดเจน&nbsp;มิฉะนั้นจะมีโทษปรับ&nbsp;10,000&nbsp;บาท&nbsp;และหากจำหน่ายราคาสูงเกินสมควรหรือกักตุนสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;จะมีโทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;หรือปรับไม่เกิน&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าวสามารถแจ้งได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลพบุรี&nbsp;โทรศัพท์&nbsp;036-413150&nbsp;หรือสายด่วน&nbsp;1569</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>18/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลลพบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118152431501 พาณชย์จังหวัดสุรินทร์ ติดตามการดำเนินโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(18&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)</strong>&nbsp;นางพิรุณวรรณน์&nbsp;จงใจภักดิ์&nbsp;พาณชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;ตรวจติดตามการดำเนินโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ตามนโยบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อจำหน่ายหมูเนื้อแดงให้กับประชาชนผู้บริโภค&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;17-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;9&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.หน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;ถ.เทศบาล&nbsp;4&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.ร้านเจ๊กานต์หมูสด&nbsp;ถ.สุรินทร์-ปราสาท&nbsp;ต.เฉนียง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.ร้านเฮียตี้&nbsp;ถ.สุรินทร์-ศีขรภูมิ&nbsp;ต.สลักได&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4.ร้านแรมโบ้หมูสด&nbsp;ถ.เลี่ยงเมืองสุรินทร์-ปราสาท&nbsp;ต.นอกเมือง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5.เขียงเอ&nbsp;แอนด์&nbsp;พี&nbsp;โปรช็อป&nbsp;(หน้ามหาวิทยาลัยราชมงคลสุรินทร์)&nbsp;ถ.สุรินทร์-ปราสาท&nbsp;ต.นอกเมือง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;08.30&nbsp;น.</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;6.ร้านพงษ์หมูสด&nbsp;สาขา&nbsp;1&nbsp;(ตรงกันข้ามทางเข้าบ้านบุณเยิง)&nbsp;ต.แสลงพันธ์&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;7.ร้านพงษ์หมูสด&nbsp;สาขา&nbsp;2&nbsp;(เยื้องร้านทะเลเผา)&nbsp;ต.สลักได&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;15.00&nbsp;น.</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;8.ร้านวีซีมีท&nbsp;(VC&nbsp;meat)&nbsp;สาขาสุรินทร์&nbsp;ถ.เทศบาล&nbsp;3&nbsp;ต.ในเมือง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;9.ร้านเจ้จิ้งหรีด&nbsp;ถ.เทศบาล&nbsp;3&nbsp;ต.ในเมือง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มขาย&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาสุกรที่สูงขึ้น&nbsp;</strong>และให้ประชาชนมีทางเลือกในการซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพ&nbsp;และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงสถานการณ์ดังกล่าว&nbsp;โดยมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก</p>18/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสวท.สุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118141536444 โครงการ หมูพาณิชย์...ลดราคา ช่วยประชาชน จังหวัดอำนาจเจริญ<p><strong>วันที่&nbsp;18&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นายทวีป&nbsp;บุตรโพธิ์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;</strong>พร้อมด้วยนายวิรัตน์&nbsp;นามวงษา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;และนายธานินทร์&nbsp;จุฑาทิพย์ชาติกุล&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;ออกตรวจเขียงหมูที่เข้าร่วม&nbsp;“โครงการ&nbsp;หมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;ตามนโยบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค&nbsp;อีกทั้งเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;และที่ได้รับผลกระทบจากราคาเนื้อสุกรปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;โดยจังหวัดอำนาจเจริญจัดให้มีจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;17-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;รวม&nbsp;6&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;ดังนี้</p><p>1.&nbsp;เขียงหมูบุญงาม&nbsp;126&nbsp;หมู่&nbsp;8&nbsp;ตำบลบุ่ง&nbsp;อำเภอเมืองอำนาจเจริญ</p><p>2.&nbsp;เขียงหมูสันติสุข&nbsp;97&nbsp;หมู่&nbsp;5&nbsp;ตำบลนาจิก&nbsp;อำเภอเมืองอำนาจเจริญ</p><p>3.&nbsp;เขียงหมูสดสายันต์ฟาร์ม&nbsp;ถนนชยางกูร&nbsp;หมู่&nbsp;10&nbsp;ตำบลโคกกลาง&nbsp;อำเภอลืออำนาจ</p><p>4.&nbsp;ร้านสองเขียงหมู&nbsp;158&nbsp;หมู่&nbsp;6&nbsp;ตำบลอำนาจ&nbsp;อำเภอลืออำนาจ</p><p>5.&nbsp;เขียงหมูเฮียกิ&nbsp;80/2&nbsp;หมู่&nbsp;2&nbsp;ตำบลนาหว้า&nbsp;อำเภอปทุมราชวงศา</p><p>6.&nbsp;เขียงหมูสดวงศ์ก่อเจริญฟาร์ม&nbsp;71&nbsp;หมู่&nbsp;3&nbsp;ตำบลหนองแก้ว&nbsp;อำเภอหัวตะพาน</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p><br></p><p><br></p>18/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118141915448 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ เปิดจุดจำหน่ายเนื้อกิโลกรัมละ 150 บาท จำนวน 8 จุด เพื่อช่วยประชาชน<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายชัยรัตน์&nbsp;บุญส่ง&nbsp;พาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;พาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษได้ดำเนินการตามนโยบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ที่ได้สั่งการให้จัดโครงการพาณิชย์ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;(หมูเนื้อแดง)&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;โดยได้ประสานงานผู้ประกอบการจำหน่ายเนื้อหมูในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;จัดโปรโมชั่นหมูเนื้อแดง&nbsp;ลดราคาเพื่อผู้บริโภค&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;8&nbsp;จุด&nbsp;เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน&nbsp;โดยมีสถานที่จำหน่าย&nbsp;จำนวน&nbsp;8&nbsp;จุดที่จำหน่ายหมูเนื้อแดงราคา&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;5&nbsp;อำเภอ&nbsp;ได้แก่</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.อำเภอเมืองศรีสะเกษ&nbsp;ร้าน&nbsp;TJ&nbsp;Fresh&nbsp;Food&nbsp;สาขาอำเภอเมืองศรีสะเกษ/ร้านเจ้แตหมูสด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.อำเภอกันทรารมย์&nbsp;ได้แก่&nbsp;หจก.เฮง&nbsp;เฮง&nbsp;เจริญพร/เขียงหมู&nbsp;หนิงหมูสด&nbsp;และเขียงหมูแม่โจ้หมูสด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.อำเภอกันทรลักษ์&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านหมูซีพี</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4.อำเภอขุนหาญ&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านแสนดี&nbsp;เฟรชมาร์ท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5.อำเภออุทุมพรพิสัย&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านมนปรียา&nbsp;หมูสด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>โดยเริ่มจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;</strong>ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ระยะเวลาดำเนินโครงการระหว่างวันที่&nbsp;13-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p>18/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือศรีสะเกษสวท.ศรีสะเกษhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118152247499 มั่นใจการส่งออกปีนี้ยังขยายตัวต่อเนื่อง พร้อมเร่งเดินหน้าจัดกิจกรรมกระตุ้นการส่งออกทุกรูปแบบ<p><strong>นายภูสิต&nbsp;รัตนกุล&nbsp;เสรีเริงฤทธิ์&nbsp;อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;จากการประเมินทิศทางการส่งออกของไทยในปี&nbsp;2565&nbsp;แม้อัตราการขยายตัวจะชะลอตัวลงจากผลกระทบของโควิด-19&nbsp;สายพันธุ์โอมิครอน&nbsp;แต่ในภาพรวมจะยังขยายตัว&nbsp;โดยอยู่ในระดับที่ร้อยละ&nbsp;3-4&nbsp;มูลค่าประมาณ&nbsp;8.98–9.07&nbsp;ล้านล้านบาท&nbsp;ซึ่งสอดคล้องกับหลายหน่วยงานที่ได้ประเมินไว้&nbsp;<strong>สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนการส่งออกในปี&nbsp;2565</strong>&nbsp;มาจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้ามีทิศทางขยายตัว&nbsp;ค่าเงินบาทอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการส่งออก&nbsp;รวมทั้งราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง&nbsp;ส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน&nbsp;นอกจากนี้การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล&nbsp;ยังช่วยให้การเจรจาออนไลน์มีประสิทธิภาพมากขึ้น&nbsp;รวมถึงการมีผลบังคับใช้ของ&nbsp;RCEP&nbsp;ที่ช่วยสนับสนุนการส่งออก&nbsp;</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;กรมฯ&nbsp;ยังมีแผนขับเคลื่อนการส่งออกให้เป็นไปตามเป้าหมาย</strong>&nbsp;โดยได้เตรียมกิจกรรมทั้งตลาดหลัก&nbsp;ตลาดรองและตลาดใหม่&nbsp;ในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์กว่า&nbsp;152&nbsp;&nbsp;กิจกรรม&nbsp;เช่น&nbsp;การจัดเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ในทุกภูมิภาค&nbsp;การจัดงานแสดงสินค้าและส่งเสริมการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์&nbsp;อาทิ&nbsp;<a&nbsp;href="http://amazon.com/"&nbsp;rel="noopener&nbsp;noreferrer"&nbsp;target="_blank"&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(17,&nbsp;85,&nbsp;204);">amazon.com</a>&nbsp;เป็นต้น&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังมีแผนผลักดันสินค้าและบริการไทยเข้าสู่ธุรกิจโรงแรม</strong>&nbsp;ร้านอาหารและจัดเลี้ยง&nbsp;รวมทั้งประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สินค้าไทยและเน้นส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตร&nbsp;อาหาร&nbsp;เครื่องดื่มและธุรกิจบริการอาหาร&nbsp;เป็นการเฉพาะ&nbsp;พร้อมให้ความสำคัญกับ&nbsp;BCG&nbsp;Model&nbsp;โดยมีเป้าหมายช่วยผู้ประกอบการทำตลาด&nbsp;2,056&nbsp;ราย&nbsp;สร้างมูลค่าการค้าไม่ต่ำกว่า&nbsp;500&nbsp;ล้านบาท</p><p><strong>ขณะที่การประเมินผลกระทบจากโอมิครอน</strong>&nbsp;ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ในต่างประเทศ&nbsp;ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด&nbsp;หากมีปัญหาและอุปสรรคเกิดขึ้นให้รายงานเข้ามาทันที&nbsp;เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไข&nbsp;พร้อมทั้งเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้นำเข้าสินค้าไทย&nbsp;ในคุณภาพและมาตรฐานสินค้าที่มีระบบป้องกันโควิด-19&nbsp;อย่างเข้มงวด</p><p><br></p><p><br></p>18/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118193013671 เช็คเงื่อนไข ลงทะเบียน "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" รอบใหม่<p><strong>&nbsp;เช็คเงื่อนไข&nbsp;ล่าสุด&nbsp;"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ"&nbsp;เตรียมนำเทคโนโลยี&nbsp;</strong>AI&nbsp;ตรวจสอบคุณสมบัติในการลงทะเบียน&nbsp;รอบใหม่&nbsp;คัดกรองคนที่ไม่จนจริงออกจากระบบ&nbsp;คาดประชาชนได้รับสิทธิ&nbsp;15&nbsp;ล้านคน</p><p><strong>ล่าสุด&nbsp;นายสันติ&nbsp;พร้อมพัฒน์&nbsp;รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>กระทรวงการคลังจะนำเทคโนโลยี&nbsp;AI&nbsp;มาใช้ในการตรวจสอบการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ&nbsp;เพื่อคัดกรองคนที่ไม่จนจริงออกจากระบบ&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;กระทรวงการคลัง&nbsp;อยู่ในระหว่างการเตรียมการเพื่อลงทะเบียนผู้มีสิทธิ์ได้รับ&nbsp;"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ"&nbsp;รอบใหม่ภายในปีนี้&nbsp;</p><p><strong>การลงทะเบียน&nbsp;&nbsp;"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ"&nbsp;หรือ&nbsp;"บัตรคนจน"</strong>&nbsp;<strong>ในรอบนี้</strong>&nbsp;จะนำเทคโนโลยี&nbsp;AI&nbsp;มาใช้ในการคัดกรองคนที่สมควรได้รับสิทธิ์&nbsp;&nbsp;โดยระบบจะสามารถเชื่อมโยงกับหน่วยงานต่างๆ&nbsp;เพื่อตรวจสอบข้อมูลของผู้ลงทะเบียน&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบัญชีเงินฝากในธนาคาร&nbsp;ซึ่งตามเกณฑ์แล้วจะต้องมีไม่เกิน&nbsp;1&nbsp;แสนบาท,ที่ดิน,ที่อยู่อาศัย&nbsp;และอื่นๆ&nbsp;แบบเรียลไทม์</p><p><strong>ซึ่งการลงทะเบียน&nbsp;"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ"&nbsp;ในรอบใหม่นี้&nbsp;</strong>จะมีคนได้รับสิทธิ์&nbsp;ราว&nbsp;14-15&nbsp;ล้านคน&nbsp;คาดว่า&nbsp;จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีอยู่&nbsp;14.6&nbsp;ล้านคน&nbsp;โดยผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19&nbsp;ที่กระทบต่อรายได้ต่อคนในระดับรากหญ้า</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>18/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118155227528 ประชาชนชาวกาฬสินธุ์ร่วมซื้อหมูในโครงการ "หมูพาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน"<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ในสถานการณ์เนื้อหมูราคาแพง</strong>&nbsp;ประชาชนชาวกาฬสินธุ์ต่างเข้าคิวซื้อเนื้อหมูราคาถูกในโครงการ&nbsp;"หมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;ที่ตลาดสดทุ่งนาทอง&nbsp;อำเภอเมืองกาฬสินธุ์&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;ได้จัดโครงการ&nbsp;"หมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;ขึ้น&nbsp;เพื่อจำหน่ายเนื้อหมูราคาให้แก่ประชาชน&nbsp;เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในเบื้องต้น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายศิริพงษ์&nbsp;วิวัฒน์เกษมชัย&nbsp;พาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;จากสถานการณ์เนื้อหมูปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น&nbsp;ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง&nbsp;ซึ่งนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้มอบหมายให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ&nbsp;เร่งบรรเทาความเดือดร้องของประชาชน&nbsp;ในส่วนของจังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;ได้กำหนดมาตรการเพื่อลดผลกระทบตามแนวทางของกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ด้วยการเปิดจุดจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูกตามโครงการ&nbsp;"หมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;โดยจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ในระหว่างวันที่&nbsp;17-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เริ่มจำหน่ายตั้งแต่&nbsp;เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;จนกว่าสินค้าจะหมด&nbsp;โดยมีผู้ประกอบการเช้าร่วม&nbsp;7&nbsp;ราย&nbsp;และจำหน่ายใน&nbsp;7&nbsp;จุด&nbsp;ประกอบด้วย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จุดที่&nbsp;1&nbsp;หจก.เจทีพี&nbsp;ฟู๊ด&nbsp;สาขากาฬสินธุ์&nbsp;ถนนถีนานนท์&nbsp;อำเภอเมืองกาฬสินธุ์</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จุดที่&nbsp;2&nbsp;เขียงหมูอารยาหมูสด&nbsp;(ตลาดสดทุ่งนาทอง)&nbsp;อำเภอเมืองกาฬสินธุ์</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จุดที่&nbsp;3&nbsp;เขียงหมูแม่บุญร่วม&nbsp;บริเวณหน้าสำนักงานพาณิชย์&nbsp;จังหวัดกาฬสินธุ์</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จุดที่&nbsp;4&nbsp;ห้องเย็นนุชไก่สด&nbsp;(ตลาดสดร่วมใจ)</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จุดที่&nbsp;5&nbsp;ห้องเย็นนุชไก่สด&nbsp;สาขา&nbsp;1&nbsp;อำเภอเมืองกาฬสินธุ์</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จุดที่&nbsp;6&nbsp;ร้าน&nbsp;Meat&nbsp;U&nbsp;หมูสด&nbsp;อำเภอยางตลาด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จุดที่&nbsp;7&nbsp;ร้านเจ๊ตุ่มหมูสด&nbsp;อำภอยางตลาด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>โดยบรรยากาศการจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก&nbsp;ที่ตลาดสดทุ่งนาทอง&nbsp;อำเภอเมืองกาฬสินธุ์</strong>&nbsp;มีประชาชนต่างมาเข้าแถวเพื่อรอซื้อเนื้อหมูกันตั้งแต่ช่วงเช้า&nbsp;ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นางสมหมาย&nbsp;ปรีดี&nbsp;ชาวกาฬสินธุ์</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ตนเองตั้งใจจะมาซื้อเนื้อหมูในราคาถูกของโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ซึ่งเป็นลดภาระค่าใช้จ่ายได้อย่างตรงตัว&nbsp;ในช่วงสถานการณ์โควิด-19&nbsp;ที่รายได้ก็ลดน้อยลง&nbsp;ซึ่งหากมีโครงการเช่นนี้ต่อไปจะช่วยเหลือประชาชนได้เป็นอย่างดี</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;จังหวัดกาฬสินธุ์ได้มีการลงพื้นที่สำรวจตลาด</strong>&nbsp;ติดตามดูราคาเนื้อสัตว์&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ผักสด&nbsp;โดยบางส่วนมีการปรับขึ้นราคา&nbsp;ขณะที่ผักสดไม่ได้มีการปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด&nbsp;ในการนี้&nbsp;ได้กำชับให้พ่อค้า&nbsp;แม่ค้า&nbsp;ติดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน&nbsp;เพื่อการประกอบการตัดสินใจของประชาชน&nbsp;ให้สามารถเปรียบเทียบราคาคุณภาพก่อนตัดสินใจซื้อ&nbsp;หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน&nbsp;10,000&nbsp;บาท&nbsp;รวมทั้งตรวจสอบเครื่องชั่ง&nbsp;ให้ตรงตามมาตรฐานและได้คำรับรองจากกรมการค้าภายใน&nbsp;ไม่ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาหรือขายแพงเกินสมควร&nbsp;หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือจำคุกไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ&nbsp;หากประชาชนพบเห็นผู้กระทำผิดสามารถร้องเรียนได้ที่&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;โทร.0-4381-5656&nbsp;หรือ&nbsp;สายด่วน&nbsp;1569&nbsp;กรมการค้าภายใน</p>18/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกาฬสินธุ์สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118160831548 มุกดาหาร เดินหน้าโครงการ "หมูพาณิชย์ลดราคา ช่วยประขาชน" หมูเนื้อแดง กิโลกรัมละ 150 บาท<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มุกดาหาร&nbsp;เดินหน้าโครงการ&nbsp;"หมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประขาชน"&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>&nbsp;นางลักขณา&nbsp;บุญนำ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ได้เปิดจุดดำเนินโครงการ&nbsp;"หมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประขาชน"&nbsp;จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;2)&nbsp;ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรี&nbsp;และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;(นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์)&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาหมูราคาสูงขึ้น&nbsp;และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน&nbsp;ลดค่าครองชีพ&nbsp;ให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ผู้บริโภค&nbsp;โดยร่วมผู้ประกอบการค้าเนื้อสุกรชำแหละจัดกิจกรรมจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ลดราคาเพื่อผู้บริโภค&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;7&nbsp;จุด&nbsp;เริ่มในวันที่&nbsp;17-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สาเหตุสุกรชำแหละปรับราคาสูงขึ้น</strong>&nbsp;เนื่องจากปัญหาสุกรมีชีวิตที่ราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;จากผลกระทบของโรคระบาดร้ายแรงในสุกร&nbsp;ทำให้จำนวนสุกรออกสู่ตลาดลดลง&nbsp;ประกอบกับราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สำคัญ&nbsp;ๆ&nbsp;อาทิ&nbsp;ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์&nbsp;กากถั่วเหลือง&nbsp;เป็นต้น&nbsp;มีราคาสูงขึ้น&nbsp;ทำให้เกษตรกรต้องรับภาระต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น&nbsp;จึงส่งผลต่อเนื่องมายังผู้บริโภค&nbsp;กระทรวงพาณิชย์เองไม่ได้นิ่งนอนใจและออกมาตรการเร่งด่วน&nbsp;ดังนี้</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.ห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตเป็นเวลา&nbsp;3&nbsp;เดือน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.กำหนดให้ให้ผู้เลี้ยงหมูรายใหญ่ตั้งแต่&nbsp;500&nbsp;ตัวขึ้นไป/ผู้ค้าส่ง&nbsp;ที่มีหมูเกิน&nbsp;500&nbsp;ตัวขึ้นไป&nbsp;และห้องเย็นที่มีสต็อกหมู&nbsp;ตั้งแต่&nbsp;5,000&nbsp;กิโลกรัมขึ้นไป&nbsp;แจ้งปริมาณ&nbsp;และราคาทุก&nbsp;7&nbsp;วัน&nbsp;เริ่มตั้งแต่วันที่&nbsp;10&nbsp;มกราคมนี้&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;เพื่อดูแลปริมาณหมู&nbsp;และสต็อกหมูที่มีอยู่ทั้งประเทศ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.จัดกิจกรรมพาณิชย์...&nbsp;ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;โดยจัดจำหน่ายหมูเนื้อแดงเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม&nbsp;2565</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>พาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร</strong>&nbsp;กล่าวเพิ่มเติมว่า&nbsp;สำหรับกิจกรรมพาณิชย์...&nbsp;ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ที่จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;ดำเนินการครั้งนี้เป็นครั้งที่&nbsp;3&nbsp;แล้ว&nbsp;มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มขึ้นเป็น&nbsp;จำนวน&nbsp;7จุด&nbsp;ดังนี้</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ตลาดเทศบาล1&nbsp;มุกดาหาร&nbsp;</strong>1.ร้านบุญมีหมูสด&nbsp;2.ร้านเจ้มายหมูสด&nbsp;ข้างแม็คโครมุกดาหาร&nbsp;3.ร้านแจ๋วแหว๋วหมูสด&nbsp;ตลาดประชารัฐคำอาฮวน&nbsp;4.ร้านเขียงหมูลุงหมอก&nbsp;ตลาดสดราตรี&nbsp;อำเภอหว้านใหญ่&nbsp;5.ร้านวาสนา&nbsp;ตลาดสดเทศบาลนิคมคำสร้อย&nbsp;6.ร้านแม่ติ่งหมูสด&nbsp;ฟาร์มโชคชัย&nbsp;ม.5&nbsp;ตำบลตอนตาล&nbsp;7.เชิดชัยฟาร์ม&nbsp;รวมจำหน่ายจำนวน&nbsp;วันละ&nbsp;350&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;(จุดละ&nbsp;50&nbsp;กิโลกรัม)</p>18/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมุกดาหารสวท.มุกดาหารhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118161334549 สินค้าโปรตีนจากพืชกำลังได้รับความนิยม แนะผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จาก FTA และ RCEP เพิ่มโอกาสส่งออก <p><strong>นางอรมน&nbsp;ทรัพย์ทวีธรรม&nbsp;อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ปัจจุบันสินค้าอาหารกลุ่มโปรตีนจากพืช&nbsp;(plant-based&nbsp;products)&nbsp;กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น&nbsp;จากกระแสการดูแลสุขภาพของผู้บริโภค&nbsp;โดยคาดการณ์ว่า&nbsp;ในปี&nbsp;2565&nbsp;ตลาดสินค้าโปรตีนจากพืชจะขยายตัวสูงกว่า&nbsp;1&nbsp;หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ&nbsp;ซึ่งประเทศไทยส่งออกสินค้าอาหารกลุ่มโปรตีนจากพืช&nbsp;เป็นอันดับที่&nbsp;25&nbsp;ของโลก&nbsp;และอันดับที่&nbsp;3&nbsp;ของอาเซียน&nbsp;รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย&nbsp;</p><p><strong>ผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี&nbsp;(FTA)</strong>&nbsp;ที่ไทยมีกับคู่ค้าเพื่อขยายการส่งออก&nbsp;โดยปัจจุบันคู่ค้า&nbsp;FTA&nbsp;16&nbsp;ประเทศ&nbsp;ได้แก่&nbsp;อาเซียน&nbsp;จีน&nbsp;ฮ่องกง&nbsp;ออสเตรเลีย&nbsp;นิวซีแลนด์&nbsp;อินเดีย&nbsp;ชิลี&nbsp;และเปรู&nbsp;ไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าโปรตีนจากพืชของไทยแล้ว&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค&nbsp;(RCEP)&nbsp;จะมีผลบังคับให้เกาหลีใต้ทยอยลดภาษีนำเข้าสินค้าเต้าหู้ไทยจนเหลือศูนย์ภายในปี&nbsp;2579&nbsp;อีกด้วย&nbsp;จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการและเกษตรกรไทยในการเพิ่มช่องทางและขยายตลาด&nbsp;โดยจะต้องติดตามและปรับตัวให้เท่าทันกับพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป&nbsp;เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค</p><p><strong>ไทยส่งออกสินค้าโปรตีนจากพืช&nbsp;ในปี&nbsp;2564</strong>&nbsp;(ม.ค.-พ.ย.)&nbsp;&nbsp;มูลค่า&nbsp;2.57&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐ&nbsp;เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า&nbsp;โดยส่งออกไปอาเซียนมากที่สุด&nbsp;รองลงมา&nbsp;ได้แก่&nbsp;จีน&nbsp;และออสเตรเลีย&nbsp;ขณะที่การส่งออกไปตลาดคู่&nbsp;FTA&nbsp;มีมูลค่า&nbsp;1.65&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐ&nbsp;หรือคิดเป็นร้อยละ&nbsp;64&nbsp;ของการส่งออกสินค้าโปรตีนจากพืชทั้งหมด</p><p><br></p><p><br></p>18/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118194005689 การรถไฟแห่งประเทศไทย ประสานผู้รับเหมาเร่งเข้าซ่อมแซมปรับปรุงปัญหาลูกคลื่นบนถนนกำแพงเพชร 6 เลียบทางรถไฟ ช่วงดอนเมือง-หลักสี่ ตั้งแต่ 25 มกราคมนี้ พร้อมประสานจัดการจราจรไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน คาดใช้เวลาดำเนินการเสร็จภายใน 2 เดือน<p><strong>การรถไฟแห่งประเทศไทย&nbsp;ประสานผู้รับเหมาเร่งเข้าซ่อมแซมปรับปรุงปัญหาลูกคลื่นบนถนนกำแพงเพชร</strong>&nbsp;6&nbsp;<strong>เลียบทางรถไฟ</strong></p><p><strong>ช่วงดอนเมือง</strong>-<strong>หลักสี่</strong>&nbsp;<strong>ตั้งแต่</strong>&nbsp;25&nbsp;<strong>มกราคมนี้</strong>&nbsp;<strong>พร้อมประสานจัดการจราจรไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน</strong>&nbsp;<strong>คาดใช้เวลาดำเนินการเสร็จภายใน</strong>&nbsp;2&nbsp;<strong>เดือน</strong></p><p><br></p><p><strong>นายเอกรัช</strong>&nbsp;<strong>ศรีอาระยันพงษ์</strong>&nbsp;<strong>ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์</strong>&nbsp;<strong>การรถไฟแห่งประเทศไทย</strong>&nbsp;หรือ&nbsp;รฟท.&nbsp;<strong>ชี้แจงกรณีมีข้อร้องเรียนจากประชาชน</strong>&nbsp;<strong>ได้รับความเดือดร้อนจากถนนกำแพงเพชร</strong>&nbsp;6&nbsp;<strong>หรือถนนเลียบทางรถไฟช่วงดอนเมือง</strong>-<strong>หลักสี่</strong>&nbsp;<strong>ใต้แนวรถไฟฟ้าสายสีแดง</strong>&nbsp;<strong>มีปัญหาลูกคลื่น</strong>&nbsp;<strong>ทำให้ประชาชนที่สัญจรบนถนนเส้นดังกล่าวเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ</strong>&nbsp;ว่า&nbsp;<strong>การรถไฟฯ</strong>&nbsp;<strong>ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น</strong>&nbsp;<strong>และที่ผ่านมาได้มีการติดตามดูแลการซ่อมแซมพื้นผิวถนนเลียบทางรถไฟต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี</strong>&nbsp;2563&nbsp;<strong>ในส่วนถนนเลียบทางรถไฟ</strong>&nbsp;(<strong>กำแพงเพชร</strong>&nbsp;6)&nbsp;<strong>ที่มีปัญหาร้องเรียนนั้น</strong>&nbsp;<strong>การรถไฟฯ</strong>&nbsp;<strong>ได้สั่งการให้</strong>&nbsp;<strong>บมจ</strong>.&nbsp;<strong>อิตาเลียนไทย</strong>&nbsp;<strong>ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง</strong>&nbsp;(<strong>ช่วงบางซื่อ</strong>-<strong>รังสิต</strong>)<strong>สัญญาที่</strong>&nbsp;2&nbsp;<strong>เร่งดำเนินการซ่อมแซมแล้ว</strong>&nbsp;<strong>โดยอยู่ในช่วงการประกันความชำรุดบกพร่องของการก่อสร้าง</strong>&nbsp;<strong>จึงไม่ต้องใช้งบประมาณในการซ่อมแซมเพิ่มแต่อย่างใด</strong></p><p><br></p><p><strong>ทั้งนี้</strong>&nbsp;<strong>แนวทางการซ่อมแซมปัญหาลูกคลื่นบนพื้นผิวถนนกำแพงเพชร</strong>&nbsp;6&nbsp;<strong>การรถไฟฯ</strong>&nbsp;<strong>ได้กำหนดแผนเข้าซ่อมแซม</strong>&nbsp;<strong>เป็น</strong>&nbsp;2&nbsp;<strong>ระยะ</strong>&nbsp;<strong>ระยะเร่งด่วน</strong>&nbsp;<strong>ได้ให้</strong>&nbsp;<strong>บมจ</strong>.<strong>อิตาเลียนไทย</strong>&nbsp;<strong>เร่งเข้าซ่อมแซมผิวจราจรที่ปูดนูนและลักษณะเป็นลูกคลื่นในจุดที่</strong>&nbsp;1&nbsp;<strong>เริ่มวันที่</strong>&nbsp;25&nbsp;<strong>มกราคม</strong>&nbsp;2565&nbsp;<strong>เป็นต้นไป</strong>&nbsp;<strong>โดยจะมีการขอปิดการจราจรบริเวณดังกล่าวทั้งหมด</strong>&nbsp;<strong>ซึ่งการรถไฟฯ</strong>&nbsp;<strong>ได้มีหนังสือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประชาสัมพันธ์ให้หลีกเลี่ยงเส้นทางในระหว่างการดำเนินการ</strong>&nbsp;<strong>และเมื่อแล้วเสร็จในจุดที่</strong>&nbsp;1&nbsp;<strong>จะทยอยซ่อมแซมในจุดที่</strong>&nbsp;2-4&nbsp;<strong>โดยคาดจะใช้เวลาดำเนินการได้ครบทุกจุดประมาณ</strong>&nbsp;2&nbsp;<strong>เดือน</strong></p><p><br></p><p><strong>อย่างไรก็ตาม</strong>&nbsp;<strong>เพื่อเป็นการแก้ไขในระยะยาว</strong>&nbsp;<strong>การรถไฟฯ</strong>&nbsp;<strong>จะมีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในการบำรุงรักษาและปรับปรุงถนน</strong>&nbsp;<strong>รวมทั้งมีนโยบายที่จะส่งมอบถนนให้หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ</strong>&nbsp;<strong>เป็นผู้ดูแลรับมอบจากการรถไฟฯ</strong>&nbsp;<strong>นำไปปรับปรุงแก้ไขตามแนวทางหลักเทคนิควิศวกรรรม</strong>&nbsp;<strong>เนื่องจากการรถไฟไม่มีภารกิจและความเชี่ยวชาญด้านถนน</strong>&nbsp;<strong>จึงจำเป็นต้องดำเนินการส่งมอบให้หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเป็นผู้ดูแลให้แทนต่อไป</strong></p>18/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118170319590 จังหวัดอ่างทอง จัดโครงการ "พาณิชย์...ลดราคา ! ช่วยประชาชน" (ครั้งที่ 3) เพื่อลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค<p><strong>วันนี้&nbsp;(18&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;เวลา&nbsp;11.30&nbsp;น.&nbsp;ที่ร้านหมูแฮปปี้&nbsp;สาขาอำเภอเมืองอ่างทอง&nbsp;</strong>นายศักดิ์ดา&nbsp;บรรดาศักดิ์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นางสาวสิการย์&nbsp;เฟื่องฟุ้ง&nbsp;พาณิชย์จังหวัดอ่างทอง&nbsp;และ&nbsp;นายชัยยุทธ&nbsp;เหลืองบุศราคัม&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดอ่างทอง&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการ&nbsp;"พาณิชย์...ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;3)&nbsp;ตามนโยบายของ&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;&nbsp;&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค&nbsp;และเพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อหมูเนื้อแดงในราคาประหยัด</p><p><strong>โดยพาณิชย์จังหวัดอ่างทอง&nbsp;ได้กำหนดจัดจำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคา&nbsp;150&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;</strong>ระหว่างวันที่&nbsp;16&nbsp;–&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;9&nbsp;จุด&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ร้านซีพี&nbsp;เฟรชมาร์ท&nbsp;ที่ตั้งตลาดทรัพย์ทวี&nbsp;อ.เมืองอ่างทอง&nbsp;,&nbsp;ร้านปาหนัน&nbsp;ที่ตั้งข้างสำนักงานพาณิชย์จังหวัดอ่างทอง&nbsp;อ.เมืองอ่างทอง,&nbsp;ร้านหมูแฮปปี้&nbsp;สาขาอำเภอเมืองอ่างทอง&nbsp;ที่ตั้งเยื้องธนาคารออมสิน&nbsp;53&nbsp;อ.เมืองอ่างทอง,&nbsp;ร้านหมูสุภา&nbsp;สาขาโพธิ์ทอง&nbsp;ที่ตั้ง&nbsp;52/2&nbsp;ต.อ่างแก้ว&nbsp;อ.โพธิ์ทอง,&nbsp;ร้านหมูอินเทรนด์&nbsp;ที่ตั้งตลาดไซโย&nbsp;อ.ไชโย,&nbsp;ร้านหมูสุภา&nbsp;สาขาวิเศษชัยชาญ&nbsp;ที่ตั้ง&nbsp;163/7&nbsp;ม.7&nbsp;ต.ศาลเจ้าโรงทอง,&nbsp;ร้านหมูแฮปปี้&nbsp;สาขาวิเศษชัยชาญ&nbsp;ที่ตั้ง&nbsp;ต.ศาลเจ้าโรงทอง&nbsp;อ.วิเศษชัยชาญ,&nbsp;ร้าน&nbsp;100&nbsp;ซีพี&nbsp;ที่ตั้งตลาดศาลเจ้าโรงทอง&nbsp;อ.วิเศษชัยชาญ&nbsp;และร้านหมื่นแสนอาหารสด&nbsp;ที่ตั้งตรงข้าม&nbsp;CJ&nbsp;สามโก้&nbsp;247/1&nbsp;ม.6&nbsp;ต.สามโก้&nbsp;อ.สามโก้</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เนื่องจากสินค้ามีจำนวนจำกัด&nbsp;จุดจำหน่ายละไม่เกิน&nbsp;50&nbsp;กิโลกรัมต่อวัน&nbsp;</strong>ดังนั้น&nbsp;เพื่อเป็นการกระจายสินค้ากันให้ได้ทั่วถึง&nbsp;จึงได้จำกัดการซื้อคนละ&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>18/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลอ่างทองสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอ่างทองhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118181748633 พาณิชย์จันทบุรี เปิดจำหน่ายเนื้อหมูชำแหละในร้านที่เข้าร่วมโครงการในราคาควบคุมแก้ปัญหาหมูแพงลดผลกระทบค่าครองชีพประชาชน หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 150 บาท<p><strong>วันนี้&nbsp;(18&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;นายนคร&nbsp;บุตรดีวงศ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดจันทบุรี&nbsp;</strong>ได้นำเจ้าหน้าที่ออกไปอำนวยความสะดวกร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ&nbsp;"แก้หมูแพง"&nbsp;เปิดจำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคาควบคุม&nbsp;ลดผลกระทบค่าครองชีพประชาชนในจังหวัดจันทบุรีตามนโยบายของรัฐบาล&nbsp;โดยเบื้องต้นได้เปิดจำหน่ายหมูที่เข้าร่วมโครงการที่&nbsp;ร้านเจ๊ม้อย&nbsp;ตลาดพลิ้ว&nbsp;อ.แหลมสิงห์&nbsp;โดยเปิดจำหน่ายทุกวันในเวลา&nbsp;07.00&nbsp;น.&nbsp;ถึง&nbsp;20.00&nbsp;น.</p><p><strong>โดยจำหน่ายวันละ&nbsp;80&nbsp;กก.&nbsp;จำกัดครอบครัวละ&nbsp;2&nbsp;กก.&nbsp;และยังจะมีร้านที่เข้าร่วมโครงการอีก&nbsp;4&nbsp;ร้าน</strong>&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านสุรีย์หมูสวย&nbsp;ตลาดสวนมะม่วง&nbsp;ต.วัดใหม่&nbsp;อ.เมืองจันทบุรี&nbsp;จ.จันทบุรี&nbsp;จำหน่ายเวลา&nbsp;00.00-08.30&nbsp;น.&nbsp;วันละ&nbsp;100&nbsp;กก.&nbsp;จำกัดครอบครัวละ&nbsp;2&nbsp;กก.&nbsp;/&nbsp;ร้านเบทาโกรช็อป&nbsp;สาขาจันทบุรี&nbsp;ถ.มหาราช&nbsp;อ.เมืองจันทบุรี&nbsp;จ.จันทบุรี&nbsp;เวลาจำหน่าย&nbsp;07.30-17.30&nbsp;น.&nbsp;วันละ&nbsp;20&nbsp;กก.&nbsp;จำกัดครอบครัวละ&nbsp;1&nbsp;กก.&nbsp;/&nbsp;ร้านจุฑามาศ&nbsp;มีท&nbsp;ช็อป&nbsp;ต.วังแซ้ม&nbsp;อ.มะขาม&nbsp;จ.จันทบุรี&nbsp;เวลาจำหน่าย&nbsp;07.00-20.00&nbsp;น.&nbsp;วันละ&nbsp;50&nbsp;กก.&nbsp;จำกัดครอบครัวละ&nbsp;2&nbsp;กก.&nbsp;และร้านล้านหมูกัปตันหมูอนามัย&nbsp;ต.จันทเขลม&nbsp;อ.เขาคิชฌกูฎ&nbsp;จ.จันทบุรี&nbsp;เวลาจำหน่าย&nbsp;07.00-20.00&nbsp;น.&nbsp;วันละ&nbsp;20&nbsp;กก.&nbsp;จำกัดครอบครัวละ&nbsp;1&nbsp;กก.&nbsp;ทั้งนี้โครงการ&nbsp;แก้หมูแพง&nbsp;เป็นการลดผลกระทบของประชาชนจากราคาเนื้อหมูแพง&nbsp;ซึ่งจะจำหน่ายราคาควบคุมประกอบด้วย&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;/&nbsp;ไหล่หมู&nbsp;และสะโพกหมูราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนหมูชนิดอื่นจะขายในราคาควบคุมตามราคาตลาด&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ทางจังหวัดจันทบุรียังได้มีมาตรการแก้ปัญหาราคาหมูแพง</strong>โดยการห้ามส่งออกหมูมีชีวิต&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;รวมทั้งมาตรการอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;ตามนโยบายของรัฐบาล&nbsp;อาทิช่วยเหลือราคาอาหารสัตว์&nbsp;จัดสินเชื่อพิเศษ/&nbsp;สำรวจภาพรวมการผลิตสุกรเพื่อกำหนดพื้นที่เป้าหมายและมาตรการ&nbsp;พร้อมเพิ่มกำลังการผลิตแม่สุกรทดแทน&nbsp;/&nbsp;ส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์&nbsp;เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ&nbsp;ขยายกำลังผลิตแม่สุกร&nbsp;ยกระดับมาตรฐานฟาร์มเกษตรกร&nbsp;เพื่อป้องกันโรคระบาด&nbsp;รวมทั้งจัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กู้ยืมจาก&nbsp;ธ.ก.ส.&nbsp;โครงการสานฟันสร้างอาชีพเป็นต้น&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;หากร้านจำหน่ายเนื้อหมูชำแหละในจังหวัดจันทบุรีประสงค์จะเข้าร่วมโครงการ</strong>สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดจันทบุรี&nbsp;หมายเลขโทรศัพท์&nbsp;039&nbsp;–&nbsp;311357&nbsp;หรือ&nbsp;039&nbsp;–&nbsp;313323&nbsp;ในวัน&nbsp;และเวลาราชการ</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>18/1/2022ภาคตะวันออกจันทบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118170055589 จังหวัดเพชรบุรี แก้ปัญหา หมูแพง เปิดร้าน หมูถูก ช่วยชาวบ้าน สานนโยบายรัฐบาล ชวนร้านค้าร่วมโครงการจำหน่ายหมูกิโลกรัมละ 150 บาท เท่านั้น ชาวบ้านพอใจช่วยแบ่งเบาภาระในเรื่องค่าใช้จ่าย<p><strong>เมื่อเวลา&nbsp;11.30&nbsp;น.&nbsp;วันนี้&nbsp;(&nbsp;18&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;นายธีรวุฒิ&nbsp;คล้ายเคลื่อน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี</strong>&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;และเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจการจัดจำหน่ายเนื้อสุกร&nbsp;ร้านค้าร่วมโครงการฯ&nbsp;ในพื้นที่&nbsp;อำเภอชะอำ&nbsp;อำเภอท่ายาง&nbsp;จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;</p><p><strong>นายธีรวุฒิ&nbsp;คล้ายเคลื่อน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;เปิดเผยถึงสถานการณ์หมู&nbsp;</strong>ว่า&nbsp;ราคาหมูปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;จากผลพวงโรคระบาด&nbsp;ทำให้หมูมีชีวิตมีจำนวนลดน้อยลง&nbsp;รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ&nbsp;ให้จัดทำโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนจำหน่ายหมูเนื้อแดงราคาประหยัดที่กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;โดยเชิญชวนร้านค้าเข้าร่วมโครงการขายหมูถูกโดยเฉพาะ&nbsp;สำหรับจังหวัดเพชรบุรีสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเพชรบุรีเปิดร้าน&nbsp;หมูถูก&nbsp;ช่วยชาวบ้าน&nbsp;8&nbsp;แห่ง&nbsp;ครอบคลุมพื้นที่&nbsp;อำเภอชะอำ,&nbsp;ท่ายาง,&nbsp;แก่งกระจาน,&nbsp;อำเภอเมือง,อำเภอบ้านลาดให้ประชาชนสามารถเลือกซื้อได้ในแหล่งใกล้บ้าน&nbsp;ซึ่งจะมีป้ายแสดงเข้าร่วมโครงการจำหน่ายหมูราคาพิเศษให้กับประชาชนได้ซื้อไปบริโภค&nbsp;ในราคาประหยัด&nbsp;ซึ่งทุกร้านมีความสะดวกและถูกสุขอนามัย&nbsp;อยู่ในตู้เย็น&nbsp;ตู้แช่อย่างดี&nbsp;ตามมาตรฐาน&nbsp;</p><p><strong>ทางด้านนางลักขณา&nbsp;แสงทอง&nbsp;เจ้าของร้านขายหมูอำเภอชะอำ&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>เข้าร่วมโครงการเพื่อช่วยประชาชน&nbsp;อยากให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่ราคาถูก&nbsp;ช่วยชาวบ้านในชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียงได้ซื้อสินค้าราคาถูก&nbsp;ซึ่งทำให้ลูกค้าก็รู้สึกดีด้วย&nbsp;ที่ได้ขายสินค้าที่ไม่แพง&nbsp;ราคาถูกกว่าท้องตลาดที่เขาซื้อกัน&nbsp;นับเป็นการช่วยสังคม&nbsp;ตอบแทนสังคมเพื่อชุมชนเข้มแข็ง&nbsp;ชาวบ้านซื้อสินค้าได้ราคาถูกขึ้น&nbsp;ไม่ผลักภาระให้กับชุมชนด้วย&nbsp;</p><p><strong>นายประจิน&nbsp;เข็มกลัด&nbsp;ผู้ประกอบการเขียงหมู&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ยินดีที่ได้เข้าร่วมโครงการเพื่อทำประโยชน์ลดความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่เพชรบุรี&nbsp;ซึ่งที่ผ่านมาทางร้านมีฟาร์มเอง&nbsp;ส่วนหนึ่งก็ช่วยในด้านแรงงานการจ้างงานให้คนพื้นที่&nbsp;ผลิตสินค้ามีคุณภาพ&nbsp;ใหม่สด&nbsp;ขายในราคาที่ไม่แพง&nbsp;ถูกกว่าคนอื่น&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนั้น&nbsp;นางจันจิรา&nbsp;เข็มกลัด&nbsp;ได้กล่าวเสริมว่า</strong>จากปัญหาค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น&nbsp;การมีนโยบายแบบนี้นับเป็นการได้ช่วยเหลือ&nbsp;ซึ่งช่วงหมูแพงการซื้อขายไม่สะพัดเหมือนเดิม&nbsp;แต่พอมีโครงการเข้ามาก็มีการตอบรับที่สะพัดมากขึ้นขายได้มากขึ้น&nbsp;</p><p><strong>นายอมรเทพ&nbsp;กลิ่นพุดตาน&nbsp;เจ้าของร้านค้าอำเภอท่ายาง&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>ชาวบ้านต้องเดือดร้อน&nbsp;เพราะหมูราคาขึ้น&nbsp;ชาวบ้านก็ไม่มีกำลังจะซื้อรวมทั้งสินค้าอื่นๆ&nbsp;ด้วย&nbsp;การได้เข้าร่วมโครงการก็ทำให้ชาวบ้านเข้ามาในร้านช่วยกระตุ้นยอดขายด้วยและได้ช่วยชาวบ้านซื้อของในราคาถูกลงด้วย&nbsp;</p><p><strong>ทางด้าน&nbsp;นายณรงค์&nbsp;สุขศรี&nbsp;ชาวบ้านผู้มาซื้อหมูถูก&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>ได้ซื้อหมูราคาถูกไม่แพง&nbsp;อยากให้ภาครัฐ&nbsp;ช่วยเหลือประชาชนแบบนี้ไปนานๆ&nbsp;</p><p><strong>นางกิตติยา&nbsp;ส่งกลิ่น&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>รู้สึกดีที่รัฐบาลเข้ามาช่วยในเรื่องของราคาหมูเพราะมันจะช่วยแบ่งเบาภาระในเรื่องค่าใช้จ่าย&nbsp;ภายในครอบครัวลงไปได้ด้วย&nbsp;</p><p><br></p><p>จามรี&nbsp;อนุรัตน์&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;รายงาน</p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>18/1/2022ภาคตะวันตกเพชรบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118180939631 หอการค้าภาคเหนือร่วมกับอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ เตรียมพัฒนาเศรษฐกิจเชื่อมโยงงานวิจัย ..<p><strong>หอการค้า&nbsp;17&nbsp;จังหวัดภาคเหนือลงนามความร่วมมือกับอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ&nbsp;</strong>เตรียมพัฒนาเศรษฐกิจ&nbsp;เชื่อมโยงงานวิจัย&nbsp;เทคโนโลยีและนวัตกรรม&nbsp;ผ่านการบ่มเพาะผู้ประกอบการในภาคเหนือ..//</p><p><strong>อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ&nbsp;(จ.เชียงใหม่)&nbsp;จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ</strong>&nbsp;ระหว่าง&nbsp;หอการค้า&nbsp;17&nbsp;จังหวัดภาคเหนือ&nbsp;กับ&nbsp;14&nbsp;มหาวิทยาลัยเครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ&nbsp;เพื่อเตรียมสร้างโครงการความร่วมมือต่างๆ&nbsp;โดยเชื่อมโยงงานวิจัย&nbsp;เทคโนโลยีและนวัตกรรม&nbsp;ผ่านการบ่มเพาะผู้ประกอบการในภาคเหนือโดยมีประธานกรรมการหอการค้า&nbsp;17&nbsp;จังหวัด&nbsp;และคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยเครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ&nbsp;ร่วมพิธี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>นายสมบัติ&nbsp;ชินสุขเสริม&nbsp;ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ</strong>&nbsp;หอการค้าไทย&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ&nbsp;หอการค้าไทย&nbsp;และหอการค้า&nbsp;17&nbsp;จังหวัดภาคเหนือ&nbsp;ได้เล็งเห็นบทบาทและความสำคัญของอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม&nbsp;โดยเชื่อมโยงองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยเครือข่ายในภาคการศึกษาด้วยการนำองค์ความรู้&nbsp;การวิจัยและพัฒนา&nbsp;ตลอดจนเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ&nbsp;มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับภาคธุรกิจอย่างแท้จริง</p><p><strong>ด้าน&nbsp;ศ.ดร.นายแพทย์พงษ์รักษ์&nbsp;ศรีบัณฑิตมงคล&nbsp;</strong>รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่&nbsp;กล่าวในฐานะมหาวิทยาลัย&nbsp;แม่ข่ายดำเนินงานอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือว่า&nbsp;มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีความยินดีในการร่วมมือกับหอการค้าไทย&nbsp;และอีก&nbsp;13&nbsp;มหาวิทยาลัยเครือข่ายในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศจากทรัพยากรที่มีอยู่&nbsp;เพื่อให้เกิดนวัตกรรมที่สามารถต่อยอดไปสู่การสร้างธุรกิจและผู้ประกอบการใหม่&nbsp;รวมถึงสนับสนุนศักยภาพของ&nbsp;SMEs&nbsp;สู่การพัฒนายกระดับประเทศตามนโยบาย&nbsp;Thailand&nbsp;4.0&nbsp;ต่อไป</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;โครงการสร้างเครือข่ายทางการค้าและจับคู่เจรจาธุรกิจสู่ตลาดสากล</strong>&nbsp;จะเป็นโครงการที่จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสแรกนี้&nbsp;โดยความร่วมมือขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่&nbsp;หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่&nbsp;และอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี&nbsp;มหาวิทยาลัยเชียงใหม่&nbsp;(STeP)&nbsp;ในการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการธุรกิจด้านอาหารและเกษตรแปรรูปให้มีศักยภาพสูง&nbsp;พร้อมมุ่งสู่ตลาดต่างประเทศ&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังได้ร่วมกับจังหวัดลำปางและหอการค้าจังหวัดลำปาง</strong>ในการพัฒนาสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ&nbsp;(Smart&nbsp;City&nbsp;Lampang)&nbsp;รวมถึงโครงการนิคมอุตสาหกรรมนวัตกรรมและเทคโนโลยีภาคเหนือ&nbsp;ภายใต้กรอบแนวคิดการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจภาคเหนือ&nbsp;ซึ่งร่วมกับหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ในการผลักดันให้เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางดิจิทัล&nbsp;(Digital&nbsp;Hub)&nbsp;เกิดอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน&nbsp;และอุตสาหกรรมการบริการสุขภาพและเครื่องสำอาง&nbsp;เป็นต้น</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>18/1/2022ภาคเหนือเชียงใหม่สวท.เชียงใหม่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118172900608 นักท่องเที่ยวแห่ชมความงามของพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า 2แผ่นดิน จุดชมวิวบริเวณถนนเลียบแนวชายแดนไทย - มาเลเซีย แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ อ.เบตง จ.ยะลา<p><strong>วันนี้(18&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ที่จุดชมวิว&nbsp;ถนนเลียบแนวชายแดนไทย&nbsp;-&nbsp;มาเลเซีย&nbsp;ชุมชนบ้านกาแป๊ะฮูลู</strong>&nbsp;&nbsp;กลายแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ&nbsp;อ.เบตง&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;โดยเฉพาะในช่วงยามเย็น&nbsp;มีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก&nbsp;เดินทางมาชมทัศนียภาพทิวทัศน์&nbsp;จากมุมสูงของเมืองเบตงที่สามารถมองเห็นเทือกเขาอันสลับซับซ้อน&nbsp;เหมือนภาพวาดที่สวยงาม&nbsp;และยังมองเห็นไปยังอีกฝั่งของประเทศมาเลเซีย&nbsp;โดยไฮไลท์สำคัญของที่นี่คือการได้ชมความงามของพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า&nbsp;จากฝั่งของ&nbsp;อ.บาลิง&nbsp;รัฐเคดาห์&nbsp;ประเทศมาเลเซีย&nbsp;ที่บางวันพระอาทิตย์เป็นสีทองสวยงาม&nbsp;สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มารอชมเป็นอย่างมาก&nbsp;ต่างถ่ายรูป&nbsp;เช็คอิน&nbsp;อวดลงสื่อโซเชียล&nbsp;&nbsp;บางคนพร้อมไลฟ์ผ่านเฟสบุ๊ค&nbsp;ถ่ายทอดบรรยากาศ&nbsp;ให้ผู้ติดตามได้ชมเสน่ห์ของอาทิตย์ยามอัสดง&nbsp;ที่&nbsp;ชายแดน&nbsp;ไทย-&nbsp;มาเลเซีย&nbsp;โดยบรรยากาศแต่ละวันเป็นไปอย่างคึกคักมีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างพื้นที่มาเที่ยวชมอย่างเนืองแน่น&nbsp;สอดรับกับการเปิดเมืองสู่การท่องเที่ยว&nbsp;สร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน&nbsp;และชุมชนใกล้เคียงหลังประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ&nbsp;จากวิกฤตโควิด&nbsp;–&nbsp;19&nbsp;มานาน&nbsp;</p><p><strong>นายถนอม&nbsp;คงเพชร&nbsp;นักท่องเที่ยว&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;เป็นครั้งแรกที่มาเที่ยวแลนด์มาร์ค</strong>แห่งใหม่นี้&nbsp;เห็นทัศนียภาพของทั้ง&nbsp;2&nbsp;ประเทศ&nbsp;ทั้งไทย&nbsp;และมาเลเซีย&nbsp;ทิวทัศน์สวยงามมาก&nbsp;มีลมพัดยามเย็น&nbsp;อากาศดี&nbsp;ได้เห็นพระอาทิตย์ตกติดเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนในฝั่งมาเลเซีย&nbsp;ส่วนช่วงเช้าจะเห็นทะเลหมอกในฝั่งของอำเภอเบตงด้วย</p><p><strong>ด้าน&nbsp;นายสาธิต&nbsp;ดาเด๊ะ&nbsp;ประธานชุมชนบ้านกาแป๊ะฮูลู&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ชุมชนบ้านกาแป๊ะฮูลู</strong>&nbsp;อยู่ใกล้พรมแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย&nbsp;ทางกรมทางหลวงได้สร้างถนนเลียบแนวชายแดนไทย&nbsp;–&nbsp;มาเลเซีย&nbsp;และสร้างดาดคอนกรีต&nbsp;ซึ่งเป็นหน้าผาปูนซีเมนต์&nbsp;เพื่อป้องกันน้ำกัดเซาะหน้าดิน&nbsp;ป้องกันดินสไลด์ที่อาจเกิดขึ้น&nbsp;นอกจากประโยชน์ของการก่อสร้างแล้วยังเกิดความสวยงามด้วย&nbsp;กลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ&nbsp;อ.เบตง&nbsp;&nbsp;แต่ข้อควรระวังของการมาเที่ยวที่นี่คือต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย&nbsp;&nbsp;เพราะหน้าผาปูนซีเมนต์มีความสูงหลายเมตร&nbsp;หากตกลงมาอาจทำให้เสียชีวิตได้&nbsp;ผู้ที่พาบุตรหลานมาเที่ยวต้องดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด&nbsp;&nbsp;เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการก่อสร้าง&nbsp;ไม่ได้รองรับการท่องเที่ยว&nbsp;&nbsp;แต่พอมีชาวบ้านในพื้นที่&nbsp;ขึ้นมาถ่ายรูปความสวยงามของพระอาทิตย์ลงสื่อโซเชียล&nbsp;ทำให้ผู้คนเดินทางมากเที่ยวกันมากขึ้น</p><p><strong>สำหรับที่จุดชมวิว&nbsp;ถนนเลียบแนวชายแดนไทย&nbsp;-&nbsp;มาเลเซีย&nbsp;ชุมชนบ้านกาแป๊ะฮูลู</strong>&nbsp;&nbsp;เดินทางจากตัวเมืองเบตงไปทางด่านพรมแดน&nbsp;6&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;จากนั้นเลี้ยวซ้ายขึ้นภูเขา&nbsp;จะมีป้ายบอกทาง&nbsp;บ้านซาโห่&nbsp;เดินทางต่อไปอีกไม่ถึง&nbsp;3&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;ก็ถึงจุดชมวิวดังกล่าว</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>18/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.เบตง จ.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118175904627 พาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร เดินหน้าจัด "โครงการหมูพาณิชย์ลดราคา ช่วยประขาชน" หมูเนื้อแดง กก.ละ 150 บาท<p><strong>นางลักขณา&nbsp;บุญนำ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>ได้เปิดจุดดำเนินโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;2)&nbsp;ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;(นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์)&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาหมูราคาสูงขึ้นและเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน&nbsp;ลดค่าครองชีพให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;โดยร่วมผู้ประกอบการค้าเนื้อสุกรชำแหละจัดกิจกรรมจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ลดราคาเพื่อผู้บริโภค&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;7&nbsp;จุด&nbsp;เริ่มในวันที่&nbsp;17-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ดังนี้</p><p>1.ร้านเขียงหมูลุงหมอก&nbsp;ตลาดประชารัฐคำอาฮวน&nbsp;</p><p>2.ร้านบุญมีหมูสด&nbsp;ตลาดเทศบาล&nbsp;1&nbsp;มุกดาหาร&nbsp;</p><p>3.ร้านเจ้มายหมูสด&nbsp;ตลาดสดเทศบาล&nbsp;2&nbsp;มุกดาหาร&nbsp;</p><p>4.ร้านคุณแจ๋วแหววหมูสด&nbsp;สาขา&nbsp;2&nbsp;ข้าง&nbsp;แมคโคร&nbsp;มุกดาหาร&nbsp;</p><p>5.ร้านวาสนา&nbsp;ตลาดสดราตรี&nbsp;อำเภอหว้านใหญ่&nbsp;</p><p>6.ร้านแม่ติ่งหมูสด&nbsp;ตลาดสดเทศบาลนิคมคำสร้อย&nbsp;</p><p>7.ร้านเชิดชัยฟาร์ม&nbsp;จำหน่ายจุดละ&nbsp;50&nbsp;กก.&nbsp;รวมวันละ&nbsp;350&nbsp;กิโลกรัม</p><p>วันนี้&nbsp;(&nbsp;18&nbsp;ม.ค.65&nbsp;)&nbsp;นางลักขณา&nbsp;บุญนำ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;กล่าวเพิ่มเติมว่า&nbsp;สาเหตุสุกรชำแหละปรับราคาสูงขึ้นเนื่องจาก&nbsp;ปัญหาสุกรมีชีวิตที่ราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;จากผลกระทบของโรคระบาดร้ายแรงในสุกรทำให้จำนวนสุกรออกสู่ตลาดลดลง&nbsp;ประกอบกับราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สำคัญ&nbsp;ๆ&nbsp;อาทิ&nbsp;ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์&nbsp;กากถั่วเหลือง&nbsp;เป็นต้น&nbsp;มีราคาสูงขึ้น&nbsp;ทำให้เกษตรกรต้องรับภาระต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น&nbsp;จึงส่งผลต่อเนื่องมายังผู้บริโภค&nbsp;ซึ่งแนวทางแก้ไข&nbsp;กระทรวงพาณิชย์ได้ออกมาตรการเร่งด่วน&nbsp;ดังนี้</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.&nbsp;ห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตเป็นเวลา&nbsp;3&nbsp;เดือน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.&nbsp;กำหนดให้ให้ผู้เลี้ยงหมูรายใหญ่ตั้งแต่&nbsp;500&nbsp;ตัวขึ้นไป&nbsp;/&nbsp;ผู้ค้าส่ง&nbsp;ที่มีหมูเกิน&nbsp;500&nbsp;ตัวขึ้นไป&nbsp;และห้องเย็นที่มีสต็อกหมู&nbsp;ตั้งแต่&nbsp;5,000&nbsp;กิโลกรัมขึ้นไป&nbsp;แจ้งปริมาณ&nbsp;และราคาทุก&nbsp;7&nbsp;วัน&nbsp;เริ่มตั้งแต่วันที่&nbsp;10&nbsp;ม.ค.เป็นต้นไป&nbsp;เพื่อดูแลปริมาณหมู&nbsp;และสต็อกหมูที่มีอยู่ทั้งประเทศ</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p><p>&nbsp;</p><p>&nbsp;</p><p>&nbsp;</p><p>&nbsp;</p>18/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมุกดาหารสวท.มุกดาหารhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118173325613 พาณิชย์จังหวัดมหาสารคาม ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีปรากฏข่าวมะละกอปรับขึ้นราคา ร้านขายส้มตำยืนยันยังไม่เพิ่มราคา<p><strong>วันนี้&nbsp;(18&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;)&nbsp;นายเจนณรงค์&nbsp;ศรีอินทร์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดมหาสารคาม</strong>&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;เจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดมหาสารคาม&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง&nbsp;กรณีร้านอู๋แซ่บเวอร์&nbsp;ใกล้มหาวิทยาลัยมหาสารคาม&nbsp;อำเภอกันทรวิชัย&nbsp;จังหวัดมหาสารคาม&nbsp;จากที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชน&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;16&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;โดยจากการตรวจสอบพบว่า&nbsp;ร้านค้ายังคงจำหน่ายอาหารเมนูส้มตำในราคาจาน&nbsp;ละ&nbsp;35&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งยังคงราคาเดิม&nbsp;รวมทั้งอาหารอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;ยังคงราคาเดิมเช่นกัน&nbsp;สำหรับเมนูอาหารที่ปรุงจากเนื้อหมูวางจำหน่ายปกติ&nbsp;โดยได้ปรับรูปแบบการจัดจานอาหาร&nbsp;และราคาสอดคล้องกับต้นทุน&nbsp;ซึ่งร้านค้ายังคงรักษาฐานลูกค้าไว้&nbsp;เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;การตรวจติดตามราคาสินค้าซึ่งเป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหาร</strong>&nbsp;ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองมหาสารคาม&nbsp;ดังนี้</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.&nbsp;มะละกอดิบพันธุ์ดำเนิน&nbsp;ขายส่ง&nbsp;ถุงละ&nbsp;140-180&nbsp;บาท&nbsp;น้ำหนักประมาณ&nbsp;10&nbsp;กิโลกรัม</p><p>ขายปลีกกิโลกรัมละ&nbsp;25&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.&nbsp;มะนาว&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคา&nbsp;2.50&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์&nbsp;5&nbsp;ลูกละ&nbsp;2&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์&nbsp;6&nbsp;ลูกละ&nbsp;1.60&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.&nbsp;พริกชี้ฟ้าจินดาแดง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;37-40&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4.&nbsp;มะเขือเทศ&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;30&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5.&nbsp;ถั่วฝักยาว&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;30&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดมหาสารคาม</strong>&nbsp;ได้มีมาตรการกำกับดูแล&nbsp;ประกอบด้วย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.&nbsp;ได้จัดเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบติดตามราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและข้อปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิด&nbsp;ซึ่งเมื่อวันที่&nbsp;12&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ได้ออกติดตามราคาสินค้าบริเวณตลาดสดเทศบาลเมืองมหาสารคาม&nbsp;โดยมี&nbsp;นายเกียรติศักดิ์&nbsp;ตรงศิริ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม&nbsp;และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมบูรณาการ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.&nbsp;มาตรการเสริมสร้างกลไกทางการตลาด&nbsp;ได้ดำเนินการโครงการหมูธงฟ้า&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งได้ดำเนินการตลอดมาและได้ดำเนินโครงการธงฟ้าลดค้าครองชีพ&nbsp;ปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;ครั้ง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.&nbsp;มาตรการการมีส่วนร่วมประชาชน&nbsp;เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการติดตามราคาสินค้า&nbsp;โดยช่องทางสายด่วน&nbsp;1569&nbsp;ซึ่ง&nbsp;ณ&nbsp;วันที่&nbsp;17&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ยังไม่ปรากฏข้อร้องเรียนเกี่ยวกับราคาอาหารสำเร็จรูปแต่ประการใด</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>18/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมหาสารคามสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมหาสารคามhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118174448618 พาณิชย์ชัยภูมิ เดินหน้า ลดค่าครองชีพ จำหน่ายหมูราคา 150 บาท<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>วันที่&nbsp;17&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นางศศิพิมล&nbsp;มงคล&nbsp;พาณิชย์จังหวัดชัยภูมิ</strong>&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดจำหน่าย&nbsp;“โครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;3)&nbsp;ตามนโยบายของ&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;&nbsp;เพื่อจำหน่ายหมูเนื้อแดงให้กับประชาชนผู้บริโภค&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;17&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.&nbsp;ร้านเจ้เกมส์&nbsp;หน้าสหกรณ์จังหวัดชัยภูมิ</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.&nbsp;ร้านหมูทอง&nbsp;พ่อไสว&nbsp;บ้านนาฝาย&nbsp;อำเมือง</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.&nbsp;ร้านแม่วันเพ็ญหมูสด&nbsp;ตลาดเย็นในตลาดสด&nbsp;อำเภอเมือง</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ทั้งนี้&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาสุกรที่สูงขึ้น</strong>&nbsp;และให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;โดยมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>18/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือชัยภูมิสวท.ชัยภูมิhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118184848645 ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยแผนการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัด<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นายธัชกร&nbsp;หัตถาธยากูล&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์&nbsp;เปิดเผยกรณีการส่งเสริมการท่องเที่ยว</strong>ภายในจังหวัดบุรีรัมย์&nbsp;ว่า&nbsp;ขณะนี้ทางจังหวัดได้จัดกิจกรรมต่างๆ&nbsp;ขึ้นโดยมุ่งเน้นการกระจายรายได้สู่ชุมชน&nbsp;และเผยแพร่วัฒนธรรมออกสู่สายตานักท่องเที่ยว&nbsp;โดยให้คนในชุมชนนำของดีของเด่น&nbsp;รวมถึงวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่มาขายและจัดแสดงที่งาน&nbsp;ยกตัวอย่างเช่น&nbsp;ตลาดถนนคนเดินเมืองต่ำและงานแสง&nbsp;สี&nbsp;เสียงภูเขาไฟกระโดงที่เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่&nbsp;14&nbsp;มกราคมที่ผ่านมา&nbsp;ก็ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก&nbsp;โดยใน&nbsp;2&nbsp;วันแรกมียอดจำหน่ายมากกว่า&nbsp;1&nbsp;ล้านบาท&nbsp;สร้างรายได้ให้แก่พ่อค้าแม่ค้าอย่างล้นหลาม&nbsp;ซึ่งการจัดกิจกรรมของทั้ง&nbsp;2&nbsp;แห่งได้มีการนำมาตรการด้านสาธารณสุขมาใช้อย่างเข้มงวด&nbsp;ช่วยลดโอกาสการแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;และเป็นแนวทางจัดกิจกรรมต่างๆในรูปแบบวิถีใหม่</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>สำหรับกิจกรรมวิ่งมาราธอนที่จะจัดในวันที่&nbsp;22&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นี้&nbsp;</strong>ทางจังหวัด&nbsp;ผู้จัดงานและส่วนที่เกี่ยวข้องต่างก็ให้ความสำคัญ&nbsp;กับมาตรการด้านสาธารณสุข&nbsp;พร้อมปรับกิจกรรมต่างๆ&nbsp;ให้เข้ากับมาตรการที่จังหวัดได้วางไว้&nbsp;ไม่ว่าจะเป็น&nbsp;กรณีของผู้จัดงานผู้ร่วมงานต้องได้รับวัคซีนครบโดส&nbsp;และตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ทางน้ำลาย&nbsp;ก่อนเข้าร่วมวิ่ง&nbsp;อนุญาตให้ถอดหน้ากากอนามัยหลังปล่อยตัวจากจุดสตาร์ทเท่านั้น&nbsp;และใส่หน้ากากอนามัยหลังแข่งขันเสร็จ&nbsp;การปล่อยตัวนักวิ่งทีละบล็อก&nbsp;เพื่อลดความแออัด&nbsp;ซึ่งในแต่ละบล็อกนักวิ่งต้องเว้นระยะห่าง&nbsp;และกำหนดให้นักวิ่งแยกรับประทานอาหารตามจุดที่กำหนด&nbsp;เป็นต้น&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;ขอให้ประชาชนผู้ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงช่วยกันรักษาความสะอาด&nbsp;และเป็นเจ้าภาพที่ดีในการจัดงานครั้งนี้</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>18/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบุรีรัมย์สวท.บุรีรัมย์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118195903702 อุทยานหมู่เกาะอ่างทอง พบวาฬบรูด้าใหญ่ 8 เมตร โผล่เล่นน้ำ เสริมยืนยันเกาะสมุย ติดอันดับ 7 เกาะท่องเที่ยวยอดเยี่ยมโลก อันดับ 2 เอเชีย<p><strong>เมื่อวันที่&nbsp;18&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นายวิชวุทย์&nbsp;จินโต&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ได้รับรายงานจาก&nbsp;นายณัฐวัฒน์&nbsp;นุ้ยศรีราม&nbsp;หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง&nbsp;อ.เกาะสมุย&nbsp;ได้พบวาฬบรูด้า&nbsp;ซึ่งเป็นสัตว์หายาก&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;ตัว&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;17&nbsp;ม.ค.65&nbsp;ว่ายเล่นน้ำบริเวณเกาะหนุมานและใกล้เคียงเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง&nbsp;ล่าสุดวันนี้ได้นำเจ้าหน้าที่สายตรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการ&nbsp;ออกลาดตระเวนสำรวจสามารถบันทึกภาพวาฬ&nbsp;มีขนาดความยาวลำตัวประมาณ&nbsp;6-8&nbsp;เมตร&nbsp;ขณะหากินอาหารอยู่ระหว่างเกาะรอก&nbsp;เกาะแปยัค&nbsp;เกาะแหล&nbsp;เกาะหินแตก&nbsp;ทางด้านทิศตะวันตกของอุทยานฯ&nbsp;ซึ่งจะนำภาพไปเปรียบเทียบอัตลักษณ์กับฐานข้อมูลของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง&nbsp;เพื่อระบุชื่อเป็นข้อมูลติดตามต่อไป</p><p><strong>นายวิชวุทย์&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ในเบื้องต้น&nbsp;นายณัฐวัฒน์&nbsp;ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ให้เฝ้าระวัง&nbsp;ติดตาม&nbsp;เก็บข้อมูล&nbsp;พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ประกอบการท่องเที่ยว&nbsp;นักท่องเที่ยว&nbsp;และประมงพื้นบ้าน&nbsp;ขอให้ใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือ&nbsp;หรือกระทำการใดๆ&nbsp;ที่อาจเป็นอันตรายต่อสัตว์ดังกล่าวแล้ว&nbsp;โดยก่อนนี้เมื่อเดือน&nbsp;ก.พ.64และ&nbsp;มี.ค.64&nbsp;ได้พบวาฬบูรด้า&nbsp;2&nbsp;แม่ลูก&nbsp;“แม่วันดี”&nbsp;กับ”เจ้าวันหยุด”&nbsp;เข้ามาหากินบริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง&nbsp;และมีวาฬบูรด้าอีก&nbsp;2&nbsp;ตัวตามมา&nbsp;เนื่องจากทะเลบริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทองมีความอุดมสมบูรณ์มาก</p><p><strong>“&nbsp;นิตยสารเทรเวล&nbsp;แอนด์&nbsp;เลเซอร์&nbsp;(Travel&nbsp;and&nbsp;Leisure)</strong>&nbsp;ซึ่งเป็นนิตยสารด้านการท่องเที่ยวทั่วโลกชื่อดังของอเมริกาได้ประกาศผลจากการร่วมโหวตของนักท่องเที่ยว&nbsp;ให้เกาะสมุย&nbsp;ติดอันดับ&nbsp;7&nbsp;เกาะท่องเที่ยวยอดเยี่ยมของโลกปี&nbsp;2564&nbsp;และอันดับ&nbsp;2&nbsp;ของเอเชีย&nbsp;โดยใช้หลักเกณฑ์สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ&nbsp;ชายหาด&nbsp;อาหาร&nbsp;ความเป็นมิตรและมูลค่าโดยรวม&nbsp;ซึ่งเกาะสมุย&nbsp;ถูกประกาศเป็นเกาะที่มีชายฝั่งทะเลที่สวยงาม&nbsp;น้ำทะเลใสราวคริสตัลจุดนี้เองจึงทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติต่างหลงใหลและอยากมาเยือนเกาะสมุยให้ได้สักครั้งในชีวิต&nbsp;”&nbsp;นายวิชวุทย์&nbsp;กล่าวว่า</p><p><br></p><p>เครดิตภาพ&nbsp;อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง</p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>18/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118192656665 มทส. ร่วมมือ เมกาเชฟ ต่อยอดการวิจัยสู่เชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืน<p><strong>วันนี้&nbsp;(18&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;รองศาสตราจารย์&nbsp;ดร.อนันต์&nbsp;ทองระอา&nbsp;อธิการบดี</strong>&nbsp;มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี&nbsp;(มทส.)&nbsp;ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือวิจัยและพัฒนา&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;นายภาส&nbsp;นิธิปิติกาญจน์&nbsp;กรรมการผู้จัดการ&nbsp;บริษัท&nbsp;สินวารีพัฒนา&nbsp;จำกัด&nbsp;โดยมี&nbsp;รองศาสตราจารย์&nbsp;ดร.จิรวัฒน์&nbsp;ยงสวัสดิกุล&nbsp;รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี&nbsp;ศาสตราจารย์&nbsp;ดร.สันติ&nbsp;แม้นศิริ&nbsp;คณบดีสำนักวิชาวิทยาศาสตร์&nbsp;รองศาสตราจารย์&nbsp;ดร.ระพี&nbsp;อูทเคอ&nbsp;ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา&nbsp;พร้อมด้วยคณาจารย์&nbsp;มทส.&nbsp;และคณะผู้บริหาร&nbsp;บริษัท&nbsp;สินวารีพัฒนา&nbsp;จำกัด&nbsp;ร่วมเป็นเกียรติในพิธี&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมสารนิเทศ&nbsp;อาคารบริหาร&nbsp;มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี&nbsp;จังหวัดนครราชสีมา</p><p><strong>ผู้ช่วยศาสตราจารย์&nbsp;ดร.สุรีลักษณ์&nbsp;รอดทอง&nbsp;หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญ</strong>เฉพาะทางด้านเทคโนโลยีจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรมเกษตร&nbsp;มทส.&nbsp;เผยว่า&nbsp;ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรมเกษตร&nbsp;มีความร่วมมือในการดำเนินการวิจัยและพัฒนาร่วมกับ&nbsp;บริษัท&nbsp;สินวารีพัฒนา&nbsp;จำกัด&nbsp;ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำปลาพรีเมียมและซอสปรุงรส&nbsp;ตราเมกาเชฟ&nbsp;(Megachef)&nbsp;ในฐานะผู้ประกอบการจากภาคอุตสาหกรรม&nbsp;มาตั้งแต่ปี&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2559&nbsp;โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา&nbsp;มีการต่อยอดและพัฒนางานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์&nbsp;รวมทั้งถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่ใช้ประโยชน์จากจุลินทรีย์อย่างต่อเนื่อง&nbsp;มีโครงการวิจัยที่ได้เสนอขอและได้รับทุนสนับสนุนจากแหล่งทุนภายนอกจนถึงปัจจุบัน&nbsp;รวมทั้งสิ้น&nbsp;7&nbsp;โครงการ&nbsp;มีมูลค่ารวมกว่า&nbsp;28.6&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ภายใต้การดำเนินการวิจัยของโครงการเหล่านี้&nbsp;คณะนักวิจัยและบริษัทฯ&nbsp;มีผลสำเร็จที่ภาคภูมิใจที่สามารถเสนอขอรับทุนจากแผนงานการวิจัยร่วมกับภาคเอกชน&nbsp;(Collaboration&nbsp;Research&nbsp;Platform)&nbsp;ได้ถึง&nbsp;2&nbsp;โครงการ&nbsp;ด้วยระยะเวลาดำเนินการโครงการละ&nbsp;1&nbsp;ปี&nbsp;ที่มูลค่า&nbsp;6.5&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และ&nbsp;14.6&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ตามลำดับ&nbsp;นับได้ว่าเป็นความร่วมมือที่สร้างแรงบันดาลใจให้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง</p><p><strong>สำหรับการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้&nbsp;</strong>มีเป้าหมายเพื่อร่วมมือในการศึกษาวิจัย&nbsp;พัฒนางานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์&nbsp;พัฒนาเครื่องมือและวัสดุอุปกรณ์ต้นแบบเพื่อการศึกษาวิจัย&nbsp;รวมถึงรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่ใช้ประโยชน์จากจุลินทรีย์&nbsp;และผลิตผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร&nbsp;ตลอดจนแลกเปลี่ยนและเสริมสร้างความรู้&nbsp;ประสบการณ์&nbsp;ข้อมูลทางวิชาการ&nbsp;จัดฝึกอบรมและสัมมนาเพื่อพัฒนาบุคลากรของทั้งสองฝ่าย&nbsp;มีกำหนดระยะเวลา&nbsp;5&nbsp;ปี&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;เพื่อเป็นกรอบในการดำเนินงานวิจัยและพัฒนาอย่างยั่งยืน&nbsp;นำไปสู่การบริการวิชาการ&nbsp;และเป็นไปตามยุทธศาสตร์การวิจัยและพัฒนาเพื่อความยั่งยืนของมหาวิทยาลัย&nbsp;รวมถึงเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งในความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนากับผู้ประกอบการ&nbsp;จากภาคอุตสาหกรรมให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>18/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครราชสีมาสวท.นครราชสีมาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118202701711 พาณิชย์ฯ ขอนแก่น ออกตรวจติดตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา ช่วยประชาชน จ.ขอนแก่น (ครั้งที่ 3)<p><strong>นายชาญยุทธ&nbsp;วันดี&nbsp;พาณิชย์จังหวัดขอนแก่น&nbsp;</strong>นายสุระชัย&nbsp;วิชาชัย&nbsp;หัวหน้ากลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;นายนิยุทธ์&nbsp;สืบสาย&nbsp;หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมการประกอบธุรกิจการค้าและการตลาด&nbsp;พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่น&nbsp;ได้ออกตรวจติดตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดขอนแก่น&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;3)&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดบางลำภู&nbsp;และได้ออกสำรวจสถานการณ์ภาวะราคาสินค้า&nbsp;ในตลาดสดเทศบาลนครขอนแก่น&nbsp;ซึ่งประชาชนได้ให้ความสนใจและตอบรับโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดขอนแก่น&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;3)&nbsp;เป็นอย่างมาก&nbsp;ที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชน</p><p><strong>จากการสำรวจราคาสินค้าในเขตเทศบาลนครขอนแก่น&nbsp;สินค้าบางรายการราคายังปกติ&nbsp;</strong>เช่น&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;ราคา&nbsp;200บาท/กก.&nbsp;หมูสามชั้น&nbsp;ราคา&nbsp;220&nbsp;บาท/กก.&nbsp;ไก่สดทั้งตัว&nbsp;(ทั้งรวมเครื่องในและไม่รวมเครื่องใน)&nbsp;ราคา&nbsp;65&nbsp;บาท/กก.&nbsp;น่องไก่(ติดสะโพก)&nbsp;ราคา&nbsp;70&nbsp;บาท/กก.&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;ราคา&nbsp;100&nbsp;บาท/แผง&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคา&nbsp;95&nbsp;บาท/แผง&nbsp;ปลานิลสด&nbsp;ราคา&nbsp;70-80&nbsp;บาท/กก.&nbsp;ปลาดุกสด&nbsp;ราคา&nbsp;60-65&nbsp;บาท/กก.&nbsp;ส่วนอาหารทะเล&nbsp;และผักสด&nbsp;อาจจะมีบางรายการมีการปรับเพิ่มขึ้นและลดลงเล็กน้อย&nbsp;เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่น&nbsp;จะได้ออกตรวจสอบติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด&nbsp;พร้อมทั้งกำกับดูแลในการปิดป้ายแสดงราคาในการจำหน่ายสินค้าต่อไป</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>18/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขอนแก่นสวท.ขอนแก่นhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118205911714 เสนอรัฐบาลเร่งพิจารณาเปิดรับนักท่องเที่ยวลงทะเบียนท่องเที่ยวแบบ Test & Go โดยเร็ว เพื่อไม่ให้ไทยเสียโอกาส<p><strong>นายสนั่น&nbsp;อังอุบลกุล&nbsp;</strong>ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด&nbsp;-19&nbsp;สายพันธุ์โอมิครอนในช่วงที่ผ่านมา&nbsp;ทำให้รัฐบาลต้องหยุดรับลงทะเบียนนักท่องเที่ยวแบบ&nbsp;Test&nbsp;&amp;&nbsp;Go&nbsp;ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวลดลงอย่างมาก&nbsp;เงินรายได้จากการท่องเที่ยวหายไปเฉลี่ยเดือน&nbsp;5,000-9,000&nbsp;ล้านบาท</p><p><strong>ขณะนี้เห็นว่าสถานการณ์ของโรคโควิด&nbsp;-19&nbsp;สายพันธุ์โอมิครอนมีแนวโน้มดีขึ้นแล้ว</strong>&nbsp;ดังนั้นเห็นว่ารัฐบาลควรเร่งพิจารณาดำเนินมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบ&nbsp;&nbsp;Test&nbsp;&amp;&nbsp;Go&nbsp;โดยเร็ว&nbsp;ให้เริ่มดำเนินการได้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป&nbsp;เพื่อไม่ให้ไทยเสียโอกาสด้านการท่องเที่ยวกับประเทศอื่น&nbsp;ซึ่งหากไม่เร่งดำเนินการจะทำให้เสียตลาดนักท่องเที่ยวและเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของไทยในระยะยาว&nbsp;</p><p><strong>พร้อมกันนี้&nbsp;ยังมีข้อเสนอให้รัฐบาล&nbsp;</strong>ปรับปรุงกระบวนการให้เหมาะสมกับสถานการณ์เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว&nbsp;รวมถึงเสนอให้มีการตรวจ&nbsp;RT-PCR&nbsp;ก่อนการเดินทางเพิ่มอีกเป็น&nbsp;5&nbsp;วัน&nbsp;และ&nbsp;3&nbsp;วัน&nbsp;ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย&nbsp;จากเดิมกำหนดให้ต้องตรวจ&nbsp;RT-PCR&nbsp;ก่อนเดินทางไม่กิน&nbsp;72&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;(3&nbsp;วัน)</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังเห็นว่าการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด&nbsp;-19</strong>&nbsp;ถือเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วนที่จะต้องร่วมมือกันปฏิบัติมาตรการป้องกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด&nbsp;ก็จะช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคได้เป็นอย่างดี</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>19/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119125528876 ยุคโควิดของแพง กระทบคนขาย คนซื้อ ต้องทำใจ<p><strong>หลังจากราคาหมูได้ขยับสูงขึ้นทำให้ราคาสินค้า&nbsp;อาหาร&nbsp;ต่างพากันปรับ</strong>สูงขึ้นตาม&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่&nbsp;ไก่สด&nbsp;อาหารทะเล&nbsp;อย่าง&nbsp;กุ้ง&nbsp;หอย&nbsp;ปู&nbsp;ปลา&nbsp;ปลาหมึก&nbsp;ปลาเค็ม&nbsp;ไก่สด&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยทั้งคนขาย&nbsp;ผู้บริโภค&nbsp;ก็ต้องทำใจไปตามๆ&nbsp;กัน&nbsp;ในช่วงภาวะของแพง&nbsp;ต้องลดปริมาณขาย&nbsp;ส่วนคนซื้อก็ต้องลดปริมาณการซื้อลง</p><p><strong>แม่ค้าขายอาหารทะเลในตลาดเมืองใหม่เขตเทศบาลนครยะลา</strong>&nbsp;บอกว่า&nbsp;หลังราคาหมูแพง&nbsp;อาหารทะเล&nbsp;ก็เริ่มปรับขึ้นราคาทุกอย่าง&nbsp;10-20&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งเป็นมาตั้งก่อนปีใหม่&nbsp;โดยกุ้งสด&nbsp;จากเดิมเคยขาย&nbsp;กก.ละ&nbsp;180&nbsp;บาท&nbsp;ตอนนี้&nbsp;ก็ขึ้นมาเป็น&nbsp;กก.ละ&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนปลาต่างๆ&nbsp;ก็ปรับขึ้นเช่นกัน&nbsp;ปกติที่ร้านจะรับปลามาขายจาก&nbsp;จ.ปัตตานี&nbsp;ขายได้น้อยลง&nbsp;บางวันก็หมด&nbsp;บางวันก็ไม่หมด&nbsp;ลูกค้าลดลง&nbsp;ทางร้านก็ต้องทำใจ&nbsp;จากเดิมลูกค้าเอา&nbsp;5&nbsp;กก.ก็ลดเหลือ&nbsp;4&nbsp;กก.&nbsp;จาก&nbsp;4&nbsp;กก.ก็ลดเหลือ&nbsp;3&nbsp;ก.ก&nbsp;</p><p>นอกจากนี้&nbsp;ก็ยังทำให้ปลาเค็ม&nbsp;ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกันเนื่องจากปลาสดมีราคาแพง&nbsp;ในส่วนของ&nbsp;ไก่สด&nbsp;ก็ได้ปรับขึ้นราคา&nbsp;จากเดิม&nbsp;กก.ละ&nbsp;65&nbsp;บาท&nbsp;ก็ปรับขึ้นมา&nbsp;10&nbsp;บาท&nbsp;เป็น&nbsp;75&nbsp;บาท&nbsp;ต่อกิโล&nbsp;ชาวบ้านก็ซื้อน้อยลงไม่มากเหมือนเมื่อก่อน&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ขณะที่&nbsp;ทางด้าน&nbsp;ผักสดกลับสวนกระแสราคาลง&nbsp;โดยแม่ค้าผักสด&nbsp;บอกว่า</strong>&nbsp;ก่อนหน้านี้ผักสดได้ปรับขึ้นราคาไปแล้ว&nbsp;ตอนนี้ได้ลดลง&nbsp;เป็นปกติแล้ว&nbsp;มีบางชนิดปรับสูงขึ้น&nbsp;เช่น&nbsp;บร็อคโคลี่&nbsp;ที่จากเดิม&nbsp;กก.ละ&nbsp;70&nbsp;บาท&nbsp;ปรับขึ้น&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;เป็น&nbsp;90&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งก่อนหน้านี้&nbsp;ผักสดขึ้นราคาเยอะมาก&nbsp;เกือบทุกชนิด</p><p><strong>ในส่วนของผู้บริโภค&nbsp;คนซื้อ&nbsp;ซึ่งจ่ายตลาดอยู่เป็นประจำ&nbsp;ต่างบอกว่า</strong>&nbsp;ของแพงทุกอย่าง&nbsp;เป็นมาตั้งแต่ช่วงโควิดแล้ว&nbsp;ภาวะค่าครองชีพสูงมากใช่วงของแพง&nbsp;&nbsp;ก็ต้องทำใจ&nbsp;ลดจำนวนซื้อลง</p><p>&nbsp;</p><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>&nbsp;</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>19/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119085257747 พาณิชย์จังหวัดภูเก็ต เดินหน้าโครงการ พาณิชย์ ลดราคา ช่วยประชาชน พร้อมเตรียมเปิดตลาดนัดพาณิชย์ ลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน<p><strong>นางสาววรนิษย์&nbsp;อภิรัฐจิรวงษ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดภูเก็ต&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดภูเก็ต&nbsp;เดินหน้าโครงการพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;อย่างต่อเนื่อง&nbsp;โดยมีจุดบริการประชาชนทั้งหมด&nbsp;10&nbsp;จุด&nbsp;ครอบคลุมทั้ง&nbsp;3&nbsp;อำเภอ&nbsp;ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต&nbsp;ไปจนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;และกำลังเตรียมดำเนินการเปิดตลาดนัดพาณิชย์&nbsp;ด้วยการนำสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด&nbsp;ออกจำหน่ายให้กับประชาชน&nbsp;ซึ่งจะมีทั้งสินค้าอุปโภค&nbsp;บริโภค&nbsp;ที่มีความจำเป็นกับประชาชน&nbsp;เช่น&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ข้าวสาร&nbsp;น้ำมันพืช&nbsp;ผงซักฟอก&nbsp;เพื่อลดภาระค่าครองชีพและเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;ในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ตลาดนัดพาณิชย์จะเป็นการเพิ่มช่องทางในการเลือกซื้อสินค้า</strong>ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในราคาประหยัดให้แก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึง&nbsp;และเป็นการเปิดพื้นที่การตลาดให้กับประชาชน&nbsp;เกษตรกร&nbsp;ในการนำสินค้า&nbsp;ผลผลิตทางการเกษตรมาวางจำหน่ายเพิ่มตัวเลือกให้กับประชาชนผู้บริโภคอีกทางหนึ่งด้วย</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดภูเก็ต&nbsp;สานต่อนโยบายของรัฐบาล</strong>&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;และจังหวัดภูเก็ต&nbsp;ในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;ช่วยลดภาระค่าครองชีพ&nbsp;และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;และภาวะการปรับราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ภายใต้การดูแล&nbsp;ห่วงใย&nbsp;คุ้มครองผู้บริโภค&nbsp;ซึ่งหากประชาชนพบเห็นการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า&nbsp;หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการค้า&nbsp;สามารถแจ้งหรือร้องเรียนได้ที่&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดภูเก็ต&nbsp;โทรศัพท์หมายเลข&nbsp;0&nbsp;7621&nbsp;9586&nbsp;หรือ&nbsp;สายด่วน&nbsp;1569&nbsp;ตลอด&nbsp;24&nbsp;ชั่วโมง</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>19/1/2022NULLภูเก็ตสวท.ภูเก็ตhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119085706749 ผวจ.ยโสธร เยี่ยมจุดจำหน่าย หมูพาณิชย์ ลดราคาช่วยประชาชน พร้อมเชิญชวนชาวยโสธร ซื้อเนื้อหมู กก.ละ 150.-บาท ใน 7 จุดขายพื้นที่ อ.เมือง,กุดชุม,เลิงนกทาและป่าติ้ว<p><strong>วันนี้&nbsp;(18&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายชลธี&nbsp;ยังตรง&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร</strong>&nbsp;พร้อมด้วยนางพัทธานันท์&nbsp;ยังตรง&nbsp;ประธานชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดยโสธร&nbsp;พร้อมสมาชิกชมรมฯ&nbsp;ร่วมเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประกอบการร้านจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;ตามโครงการ&nbsp;หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;โดยมีพาณิชย์จังหวัดยโสธร&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดยโสธร&nbsp;เจ้าหน้าที่สำนักงานสาขาช่างตวงวัด&nbsp;เขต&nbsp;2-3&nbsp;ร้อยเอ็ด&nbsp;ร่วมเยี่ยมชมและให้กำลังใจ&nbsp;ผู้ประกอบการจำหน่าย&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;ที่ร้านแฮปปีมาร์ท&nbsp;ซึ่งเปิดดำเนินการที่เลขที่&nbsp;32&nbsp;ถนนวิทยะธำรงค์&nbsp;ตำบลในเมือง&nbsp;อำเภอเมืองยโสธร&nbsp;</p><p><strong>พร้อมนี้&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร</strong>&nbsp;ได้เชิญชวนประชาชนซื้อเนื้อหมู&nbsp;ราคาประหยัด&nbsp;ซึ่งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดยโสธร&nbsp;จัดโครงการ&nbsp;หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน&nbsp;และลดภาระค่าครองชีพ&nbsp;โดยเปิดจำหน่ายเนื้อหมูใน&nbsp;7&nbsp;จุด&nbsp;จำหน่ายจุดละ&nbsp;50-100&nbsp;กิโลกรัมต่อวัน&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150.-บาท&nbsp;ตามร้านค้าใน&nbsp;4&nbsp;อำเภอดังนี้</p><p><strong>อำเภอเมืองยโสธร&nbsp;จำหน่าย&nbsp;4&nbsp;จุด</strong>&nbsp;ที่ร้านยายเปลื้อง&nbsp;ภายในตลาดสดเทศบาล&nbsp;1&nbsp;ตำบลในเมือง,ร้านแฮปปีมาร์ท&nbsp;สาขา&nbsp;2&nbsp;เลขที่&nbsp;32&nbsp;ถนนวิทยะธำรงค์&nbsp;ตำบลในเมือง&nbsp;,&nbsp;ร้านเขียงหมูแม่อ้อน&nbsp;ตลาดน้ำโผ่&nbsp;ตำบลเดิดและร้านมิตรแท้&nbsp;ฟาร์ม&nbsp;เลขที่&nbsp;12/13&nbsp;ถนนสหพัฒนา&nbsp;ตำบลในเมือง</p><p><strong>อำเภอกุดชุม&nbsp;ที่ร้านหนูนิสัยดี</strong>&nbsp;ภายในตลาดสดเทศบาลตำบลกุดชุมพัฒนา/อำเภอเลิงนกทา&nbsp;ที่ร้าน&nbsp;อาร์&nbsp;พี&nbsp;ฟาร์ม&nbsp;ตรงข้ามปั๊มน้ำมัน&nbsp;ปตท.เลิงนกทาและอำภอป่าติ้ว&nbsp;ที่ร้านแม่สอน&nbsp;หมูสด&nbsp;ตลาดสดเทศบาลตำบลโพธิ์ไทร&nbsp;ถนนอรุณประเสริฐ&nbsp;อำเภอป่าติ้ว&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>19/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยโสธรสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธรhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119112029820 รัฐบาลจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ รุ่นส่งความสุข 3 หมื่นล้านบาท หมดภายในสองวัน<p><strong>นางสาวรัชดา&nbsp;ธนาดิเรก&nbsp;รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ตามที่กระทรวงการคลังได้ทำการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์&nbsp;รุ่นส่งความสุข&nbsp;วงเงิน&nbsp;&nbsp;30,000&nbsp;&nbsp;ล้านบาท&nbsp;อายุ&nbsp;3&nbsp;ปี&nbsp;อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดเฉลี่ยร้อยละ&nbsp;1.90&nbsp;ต่อปี&nbsp;เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน&nbsp;ซึ่งเริ่มจำหน่ายวันแรก&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;17&nbsp;มกราคมที่ผ่านมา&nbsp;เป็นการจำหน่ายให้กับประชาชนที่มีอายุ&nbsp;60&nbsp;ปีขึ้นไป&nbsp;รายละไม่เกิน&nbsp;5&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก&nbsp;สามารถจำหน่ายได้หมดในสองวัน&nbsp;โดยวันแรกจำหน่าย&nbsp;27,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และวันที่สอง&nbsp;3,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;สะท้อนให้เห็นคนไทยให้ความสนใจในการเข้ามาลงทุนในพันธบัตรของรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น&nbsp;</p><p><strong>ขณะเดียวกัน&nbsp;ก็ทำให้รัฐบาลใช้ช่องทางในการระดมทุน</strong>&nbsp;หรือกู้เงินในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;โดยดอกเบี้ยก็จะไหลกลับเข้าสู่ประชาชนคนไทยภายในประเทศทั้งนี้&nbsp;กระทรวงการคลัง&nbsp;โดยสำนักบริหารหนี้สาธารณะ&nbsp;ได้รายงานด้วยว่า&nbsp;ในการจำหน่ายพันธบัตรครั้งนี้มีการลงทุนผ่าน&nbsp;Internet&nbsp;และ&nbsp;Mobile&nbsp;Banking&nbsp;เพิ่มขึ้น&nbsp;ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดและวิถีการทำธุรกรรมทางการเงินที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง</p><p><strong>ส่วนข้อกังวลเรื่องระดับหนี้สาธารณะนั้น</strong>&nbsp;กระทรวงการคลังให้ความเชื่อมั่นว่า&nbsp;รัฐบาลมีความสามารถในการบริหารจัดการหนี้สาธารณะ&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;หนี้สาธารณะคงค้าง&nbsp;ณ&nbsp;สิ้นเดือนพฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;มีจำนวน&nbsp;9.62&nbsp;ล้านล้านบาท&nbsp;หรือคิดเป็น&nbsp;ร้อยละ&nbsp;59.58&nbsp;ต่อ&nbsp;GDP&nbsp;ซึ่งอยู่ในระดับที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาการคลังแต่อย่างใด&nbsp;เนื่องจากรัฐบาลยังคงมีความสามารถในการชำระหนี้&nbsp;โดยติดตามสัดส่วนภาระดอกเบี้ยต่อประมาณการรายได้ประจำปีอย่างใกล้ชิด&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากล</strong>&nbsp;ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่&nbsp;BBB+&nbsp;Stable&nbsp;Outlook&nbsp;ซึ่งเป็นระดับที่น่าพอใจค่อนข้างมากภายใต้สถานการณ์วิกฤติ&nbsp;COVID-19&nbsp;ขณะที่หลายประเทศถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือและมุมมองความน่าเชื่อถือ&nbsp;ยกตัวอย่าง&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;20&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;Fitch&nbsp;Ratings&nbsp;รายงานว่าภาคการคลังของประเทศไทยมีความแข็งแกร่ง&nbsp;ความเสี่ยงภาคการคลังสาธารณะจากการเพิ่มขึ้นของหนี้ภาครัฐบาลได้รับการบริหารจัดการ&nbsp;โดยกลยุทธ์การบริหารหนี้สาธารณะที่เข้มแข็ง</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>19/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119102504773 นายกรัฐมนตรี ชื่นชม “พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน” ได้รับบรรจุบัญชีรายชื่อเบื้องต้น ขึ้นทะเบียนมรดกโลก<p><strong>นายธนกร&nbsp;วังบุญคงชนะ&nbsp;โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;เว็บไซต์ของศูนย์มรดกโลก&nbsp;องค์การยูเนสโก&nbsp;ได้บรรจุ&nbsp;“พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน”&nbsp;ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น&nbsp;เพื่อเสนอขอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว&nbsp;&nbsp;โดยภายหลังทราบข่าว&nbsp;พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม&nbsp;กล่าวยินดีและชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ได้เดินหน้าผลักดันจนประสบความสำเร็จไปขั้นหนึ่ง&nbsp;</p><p><strong>พร้อมย้ำว่า&nbsp;ขอให้ทุกหน่วยงานคำนึงถึงทรัพยากรธรรมชาติ</strong>&nbsp;และประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่และประเทศเป็นหลัก&nbsp;เพราะการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติจะนำมาซึ่งความภาคภูมิใจให้คนไทย&nbsp;รวมทั้งเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างยั่งยืนอีกทางหนึ่ง&nbsp;ตลอดจนเมื่อได้เป็นมรดกโลกแล้ว&nbsp;จะยังต้องมีการบูรณาการการทำงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันดูแล&nbsp;รักษาพื้นที่ตามมาตรฐาน&nbsp;รวมทั้งตรวจสอบพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ&nbsp;เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสถานที่แหล่งอนุรักษ์&nbsp;ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของไทยและของโลก&nbsp;ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในพื้นที่&nbsp;สร้างอาชีพให้ประชาชนต่อไป</p><p><strong>สำหรับพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน</strong>&nbsp;ที่นำเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก&nbsp;เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลตลอดชายฝั่งทะเลอันดามันที่อยู่ตอนบนของคาบสมุทรไทย&nbsp;ในเขตจังหวัดระนอง&nbsp;พังงา&nbsp;และจังหวัดภูเก็ต&nbsp;รวมทั้งสิ้น&nbsp;6&nbsp;อุทยานแห่งชาติ&nbsp;ได้แก่&nbsp;อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระนอง&nbsp;อุทยานแห่งชาติแหลมสน&nbsp;อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์&nbsp;&nbsp;อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน&nbsp;อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง&nbsp;อุทยานแห่งชาติสิรินาถ&nbsp;รวมไปถึงพื้นที่ป่าชายเลนจังหวัดระนอง&nbsp;และพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนอง</p><p><strong>เว็บไซต์&nbsp;UNESCO&nbsp;ระบุว่า&nbsp;โดยรวมแล้ว</strong>&nbsp;“พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน”&nbsp;ของประเทศไทยก่อให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่น่าประทับใจที่สุดแห่งหนึ่งของโลก&nbsp;&nbsp;แต่ละพื้นที่เป็นตัวอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ของความงามตามธรรมชาติ&nbsp;และเมื่อรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้วยังสร้างห้องเรียนประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ&nbsp;เป็นหนังสืออ้างอิงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่รวมอยู่ในประเทศเดียว</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>19/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119102835780 จังหวัดสุราษฎร์ธานีเปิด 6 จุดจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก บรรเทาความเดือดร้อนประชาชน<p><strong>นายวิชวุทย์&nbsp;จินโต&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ตามที่กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายดำเนินโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;เพื่อลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค&nbsp;ในช่วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;และที่ได้รับผลกระทบจากราคาเนื้อหมูปรับสูงขึ้น&nbsp;โดยจัดให้มีการจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ตามโครงการดังกล่าว&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>สำหรับจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;มีจุดจำหน่าย&nbsp;จำนวน&nbsp;6&nbsp;จุด&nbsp;</strong>ระหว่างวันที่&nbsp;16&nbsp;–&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ได้แก่&nbsp;1.ร้านหมูวิทยา&nbsp;คงหวาน&nbsp;เลขที่&nbsp;92/3&nbsp;ถนนตลาดใหม่&nbsp;ตำบลตลาด&nbsp;อำเภอเมืองฯ&nbsp;2.ร้านวัฒนาฟาร์มฟู๊ด&nbsp;เลขที่&nbsp;95&nbsp;ถนนศรีเวียง&nbsp;ตำบลนาสาร&nbsp;อำเภอบ้านนาสาร&nbsp;3.ร้านเอ-วิน&nbsp;หมูสด&nbsp;ถนนตลาดล่าง&nbsp;ตำบลบางกุ้ง&nbsp;อำเภอเมืองฯ&nbsp;4.ร้านข้าวหอม-ข้าวฟ่าง&nbsp;หมูสด&nbsp;เลขที่&nbsp;84-12&nbsp;ถนนตลาดล่าง&nbsp;ตำบลบางกุ้ง&nbsp;อำเภอเมืองฯ&nbsp;5.ร้านณีหมูคุณภาพ&nbsp;เลขที่&nbsp;103/627&nbsp;หมู่ที่&nbsp;3&nbsp;ตำบลมะขามเตี้ย&nbsp;อำเภอเมืองฯ&nbsp;และ&nbsp;6.ร้านยกครัว&nbsp;เลขที่&nbsp;30-6&nbsp;หมู่ที่&nbsp;6&nbsp;ตำบลคลองน้อย&nbsp;อำเภอเมืองฯ&nbsp;นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากร้านวัฒนา&nbsp;ฟาล์มฟู๊ด&nbsp;จัดจำหน่ายไข่ไก่และไก่สดชำแหละในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดอีกด้วย</p><p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;&nbsp;กล่าวด้วยว่า</strong>&nbsp;รัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องประชาชน&nbsp;ที่ได้รับผลกระทบสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;และได้รับผลกระทบจากราคาเนื้อหมูที่ปรับสูงขึ้น&nbsp;โดยกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับผู้ประกอบการ&nbsp;จัดจำหน่ายเนื้อหมูและสินค้าธงฟ้าราคาถูก&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน&nbsp;ช่วยลดค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน</p><p><br></p><p><br></p>19/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119093636766 พาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับปศุสัตว์จังหวัดบึงกาฬ ลงพื้นที่ตรวจติดตามราคาเนื้อหมูและสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญ พบว่ามีการปรับราคาสูงขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้มีประชาชนมาซื้อสินค้าบางตา และพ่อค้าแม่ค้าหมูบางรายต้องปิดร้านชั่วคราวก่อนในระยะนี้<p><strong>สถานการณ์การจำหน่ายเนื้อหมูสด&nbsp;วานนี้มีราคาปรับตัวพุ่งสูงขึ้น</strong>&nbsp;จากเดิมกิโลกรัมละ&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;ขยับขึ้นอีกกิโลกรัมละ&nbsp;20&nbsp;บาทเป็นกิโลกรัมละ&nbsp;220&nbsp;บาท&nbsp;ส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้าเขียงหมู&nbsp;ที่อยู่ในตลาดสดเทศบาลเมืองบึงกาฬ&nbsp;จ.บึงกาฬ&nbsp;มียอดจำหน่ายลดลงกว่าเดิมอีก&nbsp;ถึงแม้จะแบ่งขายเป็นจาน/ละ&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;แล้วก็ตาม&nbsp;ซึ่งทั้งวันบรรยากาศการจำหน่ายเนื้อหมูเงียบเหงาบางตา&nbsp;นอกจากนี้ยังกระทบกับพ่อค้าแม่ค้ารายเล็กรายย่อย&nbsp;ที่จำหน่ายอะไหล่หมู&nbsp;ประเภท&nbsp;หัวหมู&nbsp;ขาหมู&nbsp;ต่างได้รับผลกระทบปิดร้านเป็นการชั่วคราว&nbsp;หยุดขายจนกว่าราคาหมูจะต่ำลงกว่านี้&nbsp;และเหลือเขียงหมูที่ยังจำหน่ายอยู่ในตลาดสด&nbsp;เพียง&nbsp;2&nbsp;ร้าน&nbsp;คือ&nbsp;ร้านเขียงหมูเจ๊เหล่ย&nbsp;และร้านเขียงหมูเจ๊กบ&nbsp;เท่านั้น</p><p><strong>ส่วนราคาหมูเนื้อแดงวันนี้&nbsp;220&nbsp;บาท/กก.,&nbsp;สันคอ&nbsp;220&nbsp;บาท/กก.,&nbsp;</strong>หมูบด&nbsp;220&nbsp;บาท/กก.,&nbsp;สามชั้น&nbsp;220&nbsp;บาท/กก.,&nbsp;ซี่โครง&nbsp;220&nbsp;บาท/กก.,&nbsp;ใส้กรอก-กุนเซียง&nbsp;220&nbsp;บาท/กก.,&nbsp;เครื่องในดี&nbsp;200&nbsp;บาท/กก.&nbsp;ส่วนราคาหมูหน้าฟาร์มกิโลกรัมละ&nbsp;115&nbsp;บาท</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ</strong>&nbsp;โดย&nbsp;นางสาวเอื้อนจิตร&nbsp;ช่วยนก&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัด&nbsp;ได้ร่วมกับผู้ประกอบการเขียงหมู&nbsp;ร้านเขียงหมูเจ๊เหล่ย&nbsp;และร้านเขียงหมูเจ๊กบ&nbsp;ในตลาดสดเทศบาลเมืองบึงกาฬ&nbsp;เปิดจำหน่าย&nbsp;หมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ราคาถูก&nbsp;150&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;ทั้ง&nbsp;2&nbsp;ร้าน&nbsp;ร้านละ&nbsp;40&nbsp;กิโลกรัมต่อวัน&nbsp;กำหนด&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัมต่อคนเท่านั้น&nbsp;ในเวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.&nbsp;ของทุกวันจนกว่าหมูจะหมดตามกำหนด&nbsp;ซึ่งก็มีประชาชนทยอยมาซื้อแบบบางตาเช่นกัน</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ</strong>&nbsp;ได้ร่วมกับ&nbsp;สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่&nbsp;ออกตรวจติดตามจุดจำหน่ายที่เข้าร่วมโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;โดยจำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคา&nbsp;150&nbsp;บาท/ก.ก.&nbsp;ซึ่งเริ่มจำหน่ายมาตั้งแต่วันที่&nbsp;6&nbsp;มกราคม&nbsp;และจะจำหน่ายไปจนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;และตรวจสอบสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญ&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศบาลเมืองบึงกาฬ/ห้างค้าปลีก-ค้าส่ง&nbsp;(แม็คโคร,เทสโก้โลตัส)/ร้านค้าทั่วไป&nbsp;พบว่า&nbsp;ราคาสินค้าบางชนิดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย&nbsp;เช่น&nbsp;หมูสด&nbsp;ไก่สด&nbsp;และไข่ไก่&nbsp;ทั้งนี้สำนักงานฯ&nbsp;ได้ขอให้ผู้ประกอบการช่วยตรึงราคาสินค้าไม่ให้สูงเกินไป&nbsp;เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคได้มีทางเลือกในการซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพต่อไป&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;หากพบเห็นความไม่เป็นธรรมทางการค้า&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;042&nbsp;492&nbsp;528&nbsp;หรือสายด่วน&nbsp;1569</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>19/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบึงกาฬสวท.บึงกาฬhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119110347807 พาณิชย์ลำพูน ร่วมหารือผู้ประกอบการรับซื้อลำไยนอกฤดู ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา และช่วยเหลือด้านผลผลิตลำไย<p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำพูน</strong>&nbsp;ออกติดตามสถานการณ์การผลิต&nbsp;การตลาดลำไย&nbsp;(นอกฤดู)&nbsp;ในช่วงเทศกาลตรุษจีนในพื้นที่จังหวัดลำพูนอย่างใกล้ชิด&nbsp;พบสถานการณ์การผลิตลำไยจังหวัดลำพูน&nbsp;มีเนื้อที่ยืนต้น&nbsp;351,167&nbsp;ไร่&nbsp;เนื้อที่ให้ผล&nbsp;325,972&nbsp;ไร่&nbsp;คาดการณ์ปริมาณผลผลิตรวม&nbsp;335,948&nbsp;ตัน&nbsp;ลำไยนอกฤดูผลผลิต&nbsp;107,926&nbsp;ตัน&nbsp;ลดลง&nbsp;3,755&nbsp;ตัน&nbsp;(-3.48%)&nbsp;สถานการณ์การตลาด&nbsp;ผู้ประกอบการในพื้นที่มีการรับซื้อผลผลิตลำไยตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม&nbsp;2564&nbsp;เป็นต้นมา&nbsp;ผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากในช่วงปลายเดือนมกราคม&nbsp;เนื่องจากเกษตรมีเป้าหมายที่จะจำหน่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;(1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565)&nbsp;ผู้ประกอบการในพื้นที่ยังมีการเปิดรับซื้อผลผลิตลำไยไม่จำกัดปริมาณ&nbsp;แต่ปริมาณลำไยที่ออกสู่ตลาดในช่วงนี้ยังไม่มากนัก&nbsp;โดยราคาลำไยจังหวัดลำพูน&nbsp;ณ&nbsp;วันที่&nbsp;17&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;มีดังนี้&nbsp;</p><p><strong>1)&nbsp;ลำไยสดช่อ&nbsp;(มัดปุ๊ก)&nbsp;เกรด&nbsp;AA+A</strong>&nbsp;ราคา&nbsp;20-25&nbsp;บาท&nbsp;เกรด&nbsp;A+B&nbsp;ราคา&nbsp;13-20&nbsp;บาท&nbsp;เกรด&nbsp;B+C&nbsp;ราคา&nbsp;7-13&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>2)&nbsp;ลำไยสดช่อ&nbsp;(ตะกร้าขาว)&nbsp;เกรดจีน&nbsp;</strong>ทอง&nbsp;35&nbsp;บาท&nbsp;แดง&nbsp;30&nbsp;บาท&nbsp;น้ำเงิน&nbsp;25&nbsp;บาท&nbsp;เขียว&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>3)&nbsp;ลำไยสดรูดร่วง&nbsp;เกรด&nbsp;AA&nbsp;</strong>ราคา&nbsp;9-10&nbsp;บาท&nbsp;เกรด&nbsp;A&nbsp;ราคา&nbsp;5-6&nbsp;บาท&nbsp;เกรด&nbsp;B&nbsp;ราคา&nbsp;2-3&nbsp;บาท&nbsp;และเกรด&nbsp;C&nbsp;ราคา&nbsp;0.50-1&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>4)&nbsp;ลำไยอบแห้งเนื้อสีทอง&nbsp;เกรด&nbsp;AAA</strong>&nbsp;220&nbsp;บาท&nbsp;เกรด&nbsp;AA&nbsp;180&nbsp;บาท&nbsp;เกรด&nbsp;A&nbsp;150&nbsp;บาท</p><p><strong>ทั้งนี้ได้เข้าหารือกับนายกฤษฎา&nbsp;ปูแดง&nbsp;</strong>นายกสมาคมการค้าผู้ประกอบการผลไม้ไทยภาคเหนือ&nbsp;นายทวีศักดิ์&nbsp;ไชยเสน/นายมาโนช&nbsp;ไชสุวรรณ&nbsp;ผู้ประกอบการส่งออก&nbsp;และตัวแทนเกษตรกร&nbsp;เพื่อติดตามสถานการณ์การรับซื้อลำไยนอกฤดูในพื้นที่จังหวัดลำพูน&nbsp;พบว่าราคาลำไยสดเพื่อส่งออกปรับตัวลดลงจากต้นมกราคม&nbsp;(เกรด&nbsp;AA+A)5&nbsp;บาท/กก.&nbsp;(เดิม&nbsp;33-36&nbsp;บาท/กก.&nbsp;เหลือ&nbsp;28&nbsp;-30&nbsp;บาท/กก.)&nbsp;เนื่องจากผู้ประกอบการไม่มั่นใจในสถานการณ์การส่งออกและด่านประเทศจีนจะปิดในช่วงวันที่&nbsp;1-6&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งระยะเวลาการขนส่งทางบกไปยังประเทศจีนประมาณ&nbsp;3-6&nbsp;วัน&nbsp;หากการขนส่งตู้สินค้าล่าช้าจะทำให้สินค้าไม่สามารถผ่านแดนได้ทันในช่วงเวลาดังกล่าว&nbsp;ในเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;อีกทั้งปริมาณความต้องการบริโภคลำไยสดภายในประเทศลดลง&nbsp;ประมาณร้อยละ&nbsp;30&nbsp;ด้านราคาลำไยรูดร่วงปรับตัวลดลง&nbsp;เนื่องจากผู้ประกอบการยังมีปริมาณสต๊อกลำไยอบแห้ง(ลำไยในฤดู)&nbsp;และยังไม่มีคำสั่งซื้อจากประเทศปลายทางทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถรับภาระความเสี่ยงในการจัดเก็บสต๊อกเพิ่มจึงลดปริมาณการอบแห้งลง&nbsp;อีกทั้งปัญหาที่ได้พบของผู้ประกอบการรับซื้อ&nbsp;คือ&nbsp;ปัญหาคุณภาพลำไยนอกฤดู&nbsp;ผิวไม่สวย&nbsp;ผิวแตก&nbsp;เนื่องจากผลกระทบจากสภาพอากาศ&nbsp;ประสบปัญหาขาดตู้ขนส่งสินค้า&nbsp;เรือขนส่ง&nbsp;และการเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าโดยเฉพาะเชื้อโควิด-19&nbsp;ของประเทศปลายทาง&nbsp;</p><p><strong>ด้านสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำพูน&nbsp;</strong>ได้หารือและมีแนวทางการแก้ไข&nbsp;และช่วยเหลือผลผลิตลำไยนอกฤดู&nbsp;ดังนี้</p><p><strong>1.วันที่&nbsp;12&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</strong>&nbsp;นายอลงกรณ์&nbsp;พลบุตร&nbsp;ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;ติดตามความคืบหน้าด้านต่างๆ&nbsp;ได้แก่&nbsp;การบริหารจัดการผลไม้ของภาคเหนือ&nbsp;ฤดูกาลผลิตปี&nbsp;2565&nbsp;(ลำไย)&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมสำนักงานเกษตรจังหวัดลำพูน&nbsp;“แนวทางการบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือ&nbsp;โดยภาคีเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชน”&nbsp;โดยได้รับทราบและหารือประเด็นปัญหาที่เกิดในสถานการณ์การค้าลำไยในจังหวัดพูน&nbsp;ได้แก่&nbsp;ราคาตกต่ำ&nbsp;ปัญหาการขนส่ง&nbsp;และการเข้มงวดในการขนส่งสินค้าประเทศปลายทาง&nbsp;โดยมอบหมายให้จังหวัดจัดตั้งคณะกรรมการบริหารลำไยแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ&nbsp;ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดตั้งคณะกรรมการและประชุมกำหนดแนวทางการดำเนินการบริหารจัดการต่อไป</p><p><strong>2.&nbsp;เซลล์แมนจังหวัดดำเนินการส่งเสริมสนับสนุนการจำหน่ายลำไยเข้าสู่ตลาดเพื่อบริโภคสด</strong>&nbsp;<strong>ได้แก่</strong>&nbsp;กิจกรรมเพิ่มช่องทางการจำหน่ายลำไย&nbsp;ผ่านช่องทางออนไลน์&nbsp;เชื่อมโยงกระจายลำไยผ่านเครือข่ายสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ&nbsp;โดยได้เชื่อมโยงให้กับกลุ่มเกษตรกรส่งลำไยไปจำหน่ายในตลาดปลายทาง&nbsp;และประสานจังหวัดที่ไม่ใช่แหล่งผลิตลำไยในพื้นที่จังหวัดภาคกลาง&nbsp;เพื่อเชื่อมโยงการจำหน่ายผลผลิต&nbsp;เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้แก่เกษตรกร&nbsp;เช่น&nbsp;ห้างสรรพสินค้า&nbsp;ห้างท้องถิ่น&nbsp;นิคมอุตสาหกรรม&nbsp;ฯลฯ&nbsp;เช่น&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;15&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;จัดส่งลำไยนอกฤดูไปจำหน่ายจังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;และจังหวัดนครปฐม&nbsp;ปริมาณ&nbsp;3&nbsp;ตัน&nbsp;</p><p><strong>3.&nbsp;เกษตรกรในพื้นที่ต้องการให้ภาครัฐประกันรายได้ไม้ผล&nbsp;(ลำไย)&nbsp;</strong>และเงินเยียวยาผลผลิตลำไย</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p><br></p>19/1/2022ภาคเหนือลำพูนสวท.ลำพูนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119112212824 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสงขลา ขอความร่วมมือโมเดิร์นเทรด พ่อค้า แม่ค้าตรึงราคาไก่ 6 เดือน ลดภาระค่าครองชีพประชาชน<p><strong>นางสาวฉัตร์สุดา&nbsp;ชุมแสง&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสงขลา&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;ขอความร่วมมือห้างค้าปลีกค้าส่ง&nbsp;โมเดิร์นเทรดและร้านค้าปลีกค้าส่ง&nbsp;ผู้ค้า&nbsp;ทุกจังหวัดร่วมกันจำหน่ายไก่มีชีวิตและเนื้อไก่สดเพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพแก่ผู้บริโภค&nbsp;เป็นระยะเวลา&nbsp;6&nbsp;เดือนโดยกำหนดราคา&nbsp;ดังนี้</p><p>-ไก่มีชีวิตหน้าฟาร์ม&nbsp;กก.ละ&nbsp;33.50&nbsp;บาท</p><p>-ไก่สดรวม/ไม่รวมเครื่องใน&nbsp;(ปลีก)&nbsp;กก.ละ&nbsp;60-65&nbsp;บาท</p><p>-น่องติดสะโพก/น่อง/สะโพก&nbsp;(ปลีก)&nbsp;กก.ละ&nbsp;60-65&nbsp;บาท</p><p>-เนื้ออกไก่&nbsp;(ปลีก)&nbsp;กก.ละ&nbsp;65-70&nbsp;บาท</p><p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสงขลา&nbsp;จึงขอความร่วมมือฟาร์มไก่&nbsp;โมเดิร์นเทรด&nbsp;</strong>พ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่จังหวัดสงขลา&nbsp;ขายปลีกไก่มีชีวิต&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ตามราคาแนะนำและขอให้ปิดป้ายแสดงราคาให้เห็นชัดเจนและห้ามกักตุนหรือฉวยโอกาสจำหน่ายในราคาที่ไม่เป็นธรรม&nbsp;หากผู้ประกอบการรายใดฝ่าฝืน&nbsp;จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;&nbsp;พ.ศ.&nbsp;&nbsp;2542&nbsp;&nbsp;ไม่ปิดป้ายแสดงราคา&nbsp;(มาตรา&nbsp;28)&nbsp;ประกอบกับมาตรา&nbsp;40&nbsp;ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน&nbsp;10,000&nbsp;บาท&nbsp;ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุอันสมควร&nbsp;(มาตรา&nbsp;29)&nbsp;ประกอบกับ&nbsp;&nbsp;มาตรา&nbsp;41&nbsp;ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;หรือปรับไม่เกิน&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับหากพบเห็นพฤติกรรมเอาเปรียบผู้บริโภคด้านราคา&nbsp;แจ้งสายด่วน&nbsp;1569&nbsp;หรือ&nbsp;074312077</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p><p>&nbsp;</p>19/1/2022ภาคใต้สงขลาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119110355808 สุพรรณบุรี ยังไม่พบการปรับขึ้นราคาน้ำอัดลม ตามที่ปรากฏเป็นข่าว ว่าจะมีการปรับราคาในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้<p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;กอ.รมน.สุพรรณบุรี</strong>&nbsp;และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบ&nbsp;กรณีตามที่มีข่าวนำเสนอว่า&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;พ่อค้า&nbsp;แม่ค้า&nbsp;ร้านขายปลีก&nbsp;แจ้งว่าผู้แทนจำหน่ายหรือตัวแทนค้าส่ง&nbsp;จะมีการปรับราคาจำหน่ายน้ำอัดลมประมาณ&nbsp;2&nbsp;บาทต่อขวดในขนาด&nbsp;300&nbsp;ซีซี&nbsp;ในช่วงปลายเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;โดยได้ตรวจสอบ&nbsp;ต้นทางการค้าส่ง&nbsp;ตัวแทนค้าส่งจำหน่ายสาขาของบริษัทผู้ผลิตค้าส่ง&nbsp;ดังนี้&nbsp;&nbsp;</p><p>1.&nbsp;บริษัท&nbsp;เสริมสุข&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน&nbsp;)&nbsp;อำเภออู่ทอง&nbsp;จังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;ได้รับการยืนยันจากผู้จัดการฝ่ายการขายว่าในช่วงนี้ยังไม่มีการปรับราคาแต่อย่างใด&nbsp;&nbsp;</p><p>2.&nbsp;บริษัท&nbsp;ไทยน้ำทิพย์&nbsp;จำกัด&nbsp;อำเภออู่ทอง&nbsp;จังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;ได้รับคำชี้แจงจากพนักงานว่าผู้จัดการฝ่ายการขายยังไม่มีนโยบายปรับราคาน้ำอัดลมในห้วงนี้&nbsp;และทางบริษัทมิได้ผลิตน้ำอัดลมขนาด&nbsp;300&nbsp;มิลลิลิตร&nbsp;มีเพียงขนาด&nbsp;422&nbsp;มิลลิลิตรเท่านั้น&nbsp;ซึ่งมีการปรับราคาไปเมื่อเมื่อเดือนมีนาคม&nbsp;2563&nbsp;</p><p>3.&nbsp;ร้านตั้งฮั้วไรซ์&nbsp;อำเภอเมืองสุพรรณบุรี&nbsp;จังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;จากการตรวจสอบพบว่า&nbsp;ราคาน้ำอัดลม&nbsp;ยี่ห้อต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ในขนาด&nbsp;300&nbsp;ซีซี&nbsp;และใกล้เคียง&nbsp;ยังคงมีราคาขายปลีกที่ขวดละ&nbsp;10&nbsp;บาท&nbsp;โดยทางร้านตั้งฮั้วไรซ์&nbsp;แจ้งว่าตั้งแต่ต้นปี&nbsp;2564&nbsp;จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการปรับราคาขายสินค้าดังกล่าวแต่อย่างใดและทางบริษัทผู้ผลิตและผู้ส่งยังไม่ได้แจ้งการปรับขึ้นราคาในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ดังที่ปรากฏเป็นข่าว&nbsp;มีเพียงการปรับราคาโค้กขวดแก้ว&nbsp;422&nbsp;ซีซีจากราคา&nbsp;179&nbsp;บาทต่อลัง&nbsp;(24&nbsp;ขวด)&nbsp;ปรับเพิ่มเป็น&nbsp;200&nbsp;บาทต่อลัง&nbsp;(24&nbsp;ขวด)</p><p><strong>สรุปได้ว่า&nbsp;จากการตรวจสอบบริษัทผู้ผลิตและผู้ส่ง&nbsp;ซึ่งเป็นต้นทางของราคาสินค้า</strong>&nbsp;และจากการตรวจสอบร้านค้าขายส่งยังมิได้มีการปรับราคาขายส่งในช่วงปลายเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;กอ.รมน.สุพรรณบุรี&nbsp;และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุพรรณบุรีจะได้ร่วมกันตรวจสอบผู้ประกอบการรายอื่นๆ&nbsp;ต่อไป</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>19/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสุพรรณบุรีสวท.สุพรรณบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119105716806 ผวจ.ยโสธร เยี่ยมจุดจำหน่าย หมูพาณิชย์ ลดราคาช่วยประชาชน พร้อมเชิญชวนชาวยโสธร ซื้อเนื้อหมู กก.ละ 150.-บาท ใน 7 จุดขายพื้นที่ อ.เมือง,กุดชุม,เลิงนกทาและป่าติ้ว<p><strong>วันที่&nbsp;(18&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายชลธี&nbsp;ยังตรง&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร</strong>&nbsp;พร้อมด้วยนางพัทธานันท์&nbsp;ยังตรง&nbsp;ประธานชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดยโสธร&nbsp;พร้อมสมาชิกชมรมฯ&nbsp;ร่วมเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประกอบการร้านจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;ตามโครงการ&nbsp;หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;โดยมีพาณิชย์จังหวัดยโสธร&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดยโสธร&nbsp;เจ้าหน้าที่สำนักงานสาขาช่างตวงวัด&nbsp;เขต&nbsp;2-3&nbsp;ร้อยเอ็ด&nbsp;ร่วมเยี่ยมชมและให้กำลังใจผู้ประกอบการจำหน่ายเนื้อหมูที่ร้านแฮปปีมาร์ท&nbsp;ซึ่งเปิดดำเนินการที่เลขที่&nbsp;32&nbsp;ถนนวิทยะธำรงค์&nbsp;ตำบลในเมือง&nbsp;อำเภอเมืองยโสธร</p><p><strong>พร้อมนี้&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร</strong>&nbsp;ได้เชิญชวนประชาชนซื้อเนื้อหมูราคาประหยัด&nbsp;ซึ่งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดยโสธร&nbsp;จัดโครงการ&nbsp;หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าครองชีพ&nbsp;โดยเปิดจำหน่ายเนื้อหมูใน&nbsp;7&nbsp;จุด&nbsp;จำหน่ายจุดละ&nbsp;50-100&nbsp;กิโลกรัมต่อวัน&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150.-บาท&nbsp;ตามร้านค้าใน&nbsp;4&nbsp;อำเภอ&nbsp;โดยอำเภอเมืองยโสธร&nbsp;จำหน่าย&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;ส่วนอำเภอกุดชุม&nbsp;/อำเภอเลิงนกทา&nbsp;และอำภอป่าติ้ว&nbsp;อำเภอละ&nbsp;1&nbsp;จุด</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>19/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยโสธรสวท.ยโสธรhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119111651815 จังหวัดสุราษฎร์ธานีจัดตลาดนัดชุมชนสินค้าราคาย่อมเยา ช่วยลดค่าครองชีพประชาชนช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จำหน่ายหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 150 บาท<p><strong>นายวิชวุทย์&nbsp;จินโต&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;ประสานความร่วมมือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ได้แก่&nbsp;พาณิชย์จังหวัด&nbsp;อุตสาหกรรมจังหวัด&nbsp;สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด&nbsp;เกษตรและสหกรณ์จังหวัด&nbsp;องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น&nbsp;และภาคเอกชน&nbsp;กำหนดจัดตลาดนัดชุมชนสินค้าราคาถูกลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชน&nbsp;ในช่วงเช้าของวันศุกร์ที่&nbsp;21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค&nbsp;ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;และผลกระทบจากราคาเนื้อหมูปรับสูงขึ้น&nbsp;โดยจัดให้มีการจำหน่ายหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ผัก&nbsp;ผลไม้&nbsp;รวมทั้งสินค้าอื่นๆ&nbsp;ในราคาย่อมเยา&nbsp;เช่น&nbsp;น้ำมันพืช&nbsp;ซอสปรุงรส&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ไข่เค็ม&nbsp;กุนเชียง&nbsp;สินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;และอาหารสดแช่แข็ง&nbsp;เป็นต้น&nbsp;</p><p><strong>นายวิชวุทย์&nbsp;จินโต&nbsp;กล่าวด้วยว่า</strong>&nbsp;จังหวัดสุราษฎร์ธานียังมีจุดจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก&nbsp;จำนวน&nbsp;6&nbsp;จุด&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;16-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ได้แก่&nbsp;1.ร้านหมูวิทยา&nbsp;คงหวาน&nbsp;เลขที่&nbsp;92/3&nbsp;ถนนตลาดใหม่&nbsp;2.ร้านวัฒนาฟาร์มฟู๊ด&nbsp;เลขที่&nbsp;95&nbsp;ถนนศรีเวียง&nbsp;อำเภอบ้านนาสาร&nbsp;3.ร้านเอ-วิน&nbsp;หมูสด&nbsp;ถนนตลาดล่าง&nbsp;ตำบลบางกุ้ง&nbsp;4.ร้านข้าวหอม-ข้าวฟ่าง&nbsp;หมูสด&nbsp;เลขที่&nbsp;84-12&nbsp;ถนนตลาดล่าง&nbsp;ตำบลบางกุ้ง&nbsp;5.ร้านณีหมูคุณภาพ&nbsp;เลขที่&nbsp;103/627&nbsp;หมู่ที่&nbsp;3&nbsp;ตำบลมะขามเตี้ย&nbsp;และ&nbsp;6.ร้านยกครัว&nbsp;เลขที่&nbsp;30-6&nbsp;หมู่ที่&nbsp;6&nbsp;ตำบลคลองน้อย&nbsp;&nbsp;อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค&nbsp;ที่ได้รับผลกระทบจากราคาเนื้อหมูในท้องตลาดปรับสูงขึ้น</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>19/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119115945856 ผวจ.สุโขทัย ตรวจติดตามราคาสินค้า และมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี<p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย&nbsp;</strong>ลงพื้นที่ตรวจติดตามราคาสินค้า&nbsp;และมาตรการป้องกันโควิด-19&nbsp;ที่ตลาดสดในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี&nbsp;พร้อมแนะพ่อค้าแม่ค้าจำหน่ายสินค้าในราคายุติธรรม&nbsp;ติดป้ายราคาสินค้าอย่างชัดเจน&nbsp;และส่งเสริมการท่องเที่ยว&nbsp;เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น&nbsp;</p><p><strong>นายวิรุฬ&nbsp;พรรณเทวี&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย</strong>&nbsp;นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุโขทัย&nbsp;สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย&nbsp;สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุโขทัย&nbsp;และสำนักงานเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี&nbsp;ลงพื้นตลาดสดภายในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี&nbsp;เพื่อตรวจติดตามราคาสินค้า&nbsp;โดยเฉพาะเนื้อสุกรชำแหละที่มีราคาสูงขึ้น&nbsp;เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภค&nbsp;ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ในช่วงนี้ราคาจำหน่ายสุกรชำแหละมีราคาสูงขึ้น&nbsp;พ่อค้าแม่ค้าได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน&nbsp;เนื่องจากจำนวนคนซื้อลดลง&nbsp;ส่งผลให้รายได้จากจำหน่ายลดลงจากเดิมประมาณร้อยละ&nbsp;50&nbsp;จึงจำเป็นต้องลดปริมาณการจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละลงจากเดิม&nbsp;</p><p><strong>นายวิรุฬ&nbsp;พรรณเทวี&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย</strong>&nbsp;กล่าวขอความร่วมมือพ่อค้าแม่ค้าให้จำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละในราคาราคายุติธรรม&nbsp;และติดป้ายราคาสินค้าอย่างชัดเจน&nbsp;พร้อมเน้นย้ำให้พ่อค้าแม่ค้า&nbsp;และผู้บริโภค&nbsp;ต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกันโควิด-19&nbsp;อย่างจริงจังและต่อเนื่อง&nbsp;เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;ในพื้นที่&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;จะส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยว&nbsp;เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยให้มากขึ้น&nbsp;เพื่อให้เกิดการสร้างงาน&nbsp;สร้างรายได้&nbsp;ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดสุโขทัยให้ดีขึ้น</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>19/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสุโขทัยสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุโขทัยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119115134850 ประชาชน จ.ลำปาง จำนวนมาก ให้ความสนใจซื้อหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 150 บาท ด้านพาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่ติดตามโครงการฯ พร้อมตรวจสอบราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค<p>นางสาวเยาวเรศ&nbsp;แซ่โค้ว&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำปาง&nbsp;มอบหมายให้นางรัชดาวัลย์&nbsp;ขันเฉียง&nbsp;หัวหน้ากลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;พร้อมเจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับฯ&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจติดตามการจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จำหน่ายเนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ณ&nbsp;ร้านหมูอนามัย&nbsp;เอส&nbsp;เค&nbsp;เอฟ&nbsp;สาขาลำปาง&nbsp;และร้านหมูอินเตอร์&nbsp;สาขาน้ำโท้ง&nbsp;อ.เมืองลำปาง&nbsp;พบว่าประชาชนให้ความสนใจซื้อเป็นจำนวนมาก&nbsp;เนื่องจากราคาถูกกว่าราคาตลาดทั่วไป&nbsp;และช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี</p><p><br></p><p>จังหวัดลำปาง&nbsp;มีผู้ประกอบการเข้าร่วม&nbsp;"โครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;จำหน่าย&nbsp;เนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;ราย&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;7&nbsp;แห่ง&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;13&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;บริษัท&nbsp;เอสเค&nbsp;อินเตอร์ฟู้ด&nbsp;จำกัด&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;สาขาได้แก่&nbsp;ร้านหมูอนามัย&nbsp;เอสเคอินเตอร์ฟู๊ด&nbsp;สาขาลำปาง&nbsp;และร้านหมูอนามัย&nbsp;เอสเคอินเตอร์ฟู๊ด&nbsp;สาขาเถิน&nbsp;โดยจุดจำหน่ายทั้ง&nbsp;2&nbsp;จุด&nbsp;จะจำหน่ายหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ150บาท&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;จำกัดคนละไม่เกิน&nbsp;2&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;และบริษัท&nbsp;หมูอินเตอร์กรุ๊ป&nbsp;จำกัด&nbsp;จำนวน&nbsp;5&nbsp;สาขา&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านหมูอินเตอร์&nbsp;สาขาตลาดต้นยาง,&nbsp;ร้านหมูอินเตอร์&nbsp;สาขาน้ำโท้ง,&nbsp;ร้านหมูอินเตอร์&nbsp;สาขาเกาะคา,&nbsp;ร้านหมูอินเตอร์&nbsp;สาขาแม่เมาะ&nbsp;และร้านหมูอินเตอร์&nbsp;สาขาล้อมแรด&nbsp;</p><p><br></p><p>โดยจุดจำหน่ายทั้ง&nbsp;5&nbsp;จุด&nbsp;จำหน่ายตั้งแต่เวลา&nbsp;13.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;โดยผู้ซื้อจะได้รับคูปองเพื่อนำไปเป็นส่วนลดในการซื้อหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;คูปอง&nbsp;1&nbsp;ท่านต่อ&nbsp;1&nbsp;สิทธิ์ต่อวันนอกจากนี้&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำปาง&nbsp;ได้ตรวจสอบราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;ที่ตลาดหนองกระทิง&nbsp;อาทิ&nbsp;ข้าวสารเหนียว&nbsp;กข.6&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;30&nbsp;บาท,&nbsp;ข้าวเหนียวสันป่าตอง&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;25&nbsp;บาท,&nbsp;ข้าวหอมมะลิ&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;30-40&nbsp;บาท&nbsp;ผู้ประกอบการแจ้งว่ามีการปรับราคาข้าวขึ้นกระสอบละ&nbsp;100&nbsp;–&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;(กระสอบ&nbsp;45&nbsp;กก.)&nbsp;ส่วนผักสดราคาเปลี่ยนแปลงตามปริมาณผักที่เข้าสู่ตลาด&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;จากการตรวจสอบพบว่าสินค้ามีปริมาณเพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ผู้ประกอบการติดป้ายแสดงราคาให้ผู้บริโภคเห็นชัดเจน&nbsp;รวมถึงเน้นย้ำมิให้ผู้ประกอบการกักตุนและฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า</p>19/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119120358858 พาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช ลงพื้นที่ติดตามการดำเนิน “โครงการหมูพาณิชย์... ลดราคา ช่วยประชาชน” (ครั้งที่ 3) จุดจำหน่าย 7 จุด จนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2565<p><strong>นางเอกอนงค์&nbsp;บัวมาศ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช</strong>&nbsp;พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามการดำเนิน&nbsp;“โครงการหมูพาณิชย์...&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;3)&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;16&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน&nbsp;จากภาวะราคาเนื้อหมูที่ปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;จังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;มีจุดจำหน่าย&nbsp;7&nbsp;จุด&nbsp;ดังนี้</p><p>1.&nbsp;เขียงหมูดีเวอร์&nbsp;สาขาท่าโพธิ์&nbsp;บริเวณข้างกำแพงวัดท่าโพธิ์&nbsp;อำเภอเมือง</p><p>2.&nbsp;เขียงหมูดีเวอร์&nbsp;สาขาถนนนครศรี-ปากพนัง&nbsp;ตรงข้ามไทวัสดุ&nbsp;อำเภอเมือง</p><p>3.&nbsp;เขียงหมูดีเวอร์&nbsp;สาขาหน้า&nbsp;องค์การบริหารส่วนตำบลปากนคร&nbsp;อำเภอเมือง</p><p>4.&nbsp;ร้านมงคลฟาร์ม&nbsp;ตลาดจันดี&nbsp;อำเภอฉวาง</p><p>5.&nbsp;เขียงหมูดีเวอร์&nbsp;สาขาโรงเรียนพานิชย์ทุ่งสง&nbsp;อำเภอทุ่งสง</p><p>6.&nbsp;ร้านโกเอฟ&nbsp;หมูสด&nbsp;ตลาดนาโพธิ์&nbsp;อำเภอทุ่งสง</p><p>7.&nbsp;เขียงหมูดีเวอร์&nbsp;สาขาดอนตรอ&nbsp;อำเภอเฉลิมพระเกียรติ</p><p>ทั้ง&nbsp;7&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;ได้มีการปิดป้ายแสดงราคาให้ประชาชนได้เปรียบเทียบก่อนตัดสินใจซื้ออย่างชัดเจนเป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.2542</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>19/1/2022ภาคใต้นครศรีธรรมราชสวท.นครศรีธรรมราชhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119120134857 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เดินหน้ารักษามาตรฐานร้านอาหารไทย "Thai SELECT" สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคชาวไทยและต่างชาติ และเตรียมเปิดรับสมัครร้านอาหารไทยเข้ารับการประเมินเพื่อรับตราสัญลักษณ์Thai SELECT ประมาณต้นเดือนมีนาคม 2565<p><strong>นายสินิตย์&nbsp;เลิศไกร&nbsp;รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;</strong>เปิดเผยช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;ว่า&nbsp;ร้านอาหารเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดฯ&nbsp;ทั้งการปิดร้าน&nbsp;การเปิด-ปิดร้านตามช่วงเวลาที่กำหนด&nbsp;และการจำกัดผู้เข้ารับการบริการ&nbsp;ซึ่งผู้ประกอบการต้องมีการปรับแผนธุรกิจเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น&nbsp;ถึงแม้ว่า&nbsp;รูปแบบธุรกิจร้านอาหารจะมีการปรับตัวขนานใหญ่&nbsp;ธุรกิจร้านอาหารไทยยังคงเดินหน้าสร้างและรักษามาตรฐานร้านอาหารไทยภายใต้ตราสัญลักษณ์&nbsp;Thai&nbsp;SELECT&nbsp;อย่างต่อเนื่อง</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังมีการสร้างมาตรฐาน&nbsp;การพัฒนาองค์ความรู้ด้านต่างๆ&nbsp;ที่มีความจำเป็นแก่ผู้ประกอบการร้านอาหาร&nbsp;</strong>อาทิ&nbsp;การยกระดับคุณภาพงานบริการ&nbsp;การบริหารจัดการธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม&nbsp;การขยายตลาดผ่านช่องทางออนไลน์&nbsp;/&nbsp;การจัดทำเคมเปญส่งเสริมการขายและประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร&nbsp;Thai&nbsp;SELECT&nbsp;ผ่านสื่อประเภทต่างๆ&nbsp;ผ่านช่องทางแพลตฟอร์มออนไลน์&nbsp;/&nbsp;&nbsp;จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายการทำโปรโมชั่นส่วนลดสนับสนุนร้านอาหาร&nbsp;เป็นต้น</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ในปี&nbsp;2565&nbsp;กระทรวงพาณิชย์เตรียมเปิดรับสมัครร้านอาหารไทยทั่วประเทศเข้ารับการประเมินเพื่อรับตราสัญลักษณ์&nbsp;Thai&nbsp;SELECT&nbsp;ประมาณเดือนมีนาคม</strong>&nbsp;โดยมีคุณสมบัติเบื้องต้นอาทิ&nbsp;เปิดให้บริการมาแล้วไม่น้อยกว่า&nbsp;6&nbsp;เดือน&nbsp;รองรับลูกค้าพร้อมกันได้ไม่ต่ำกว่า&nbsp;30&nbsp;ที่นั่ง&nbsp;และมีรายการอาหารไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ80&nbsp;โดยร้านอาหารไทยในประเทศที่ได้รับตราสัญลักษณ์&nbsp;Thai&nbsp;SELECT&nbsp;แล้ว&nbsp;จะมีอายุการใช้ตราสัญลักษณ์เป็นเวลา&nbsp;3&nbsp;ปี&nbsp;และสามารถสมัครต่ออายุตราสัญลักษณ์ได้อีกคราวละ&nbsp;3&nbsp;ปี&nbsp;โดยหากร้านอาหารมีมากกว่า&nbsp;1&nbsp;สาขา&nbsp;แต่ละสาขาต้องแยกยื่นขอเข้ารับการประเมินเพื่อรับตราสัญลักษณ์ฯ&nbsp;</p>19/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119131754885 รองผู้ว่าฯ อยุธยา ตรวจเยี่ยมจุดบริการ “พาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน” ประชาชนยิ้มได้รับคูปองซื้อหมู ลด 35 บาทกิโลกรัม<p><strong>ช่วงเช้าวันนี้&nbsp;(19&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;ที่ตลาดเจ้าพรหม&nbsp;ต.หอรัตนไตย&nbsp;อ.พระนครศรีอยุธยา&nbsp;</strong>จ.พระนครศรีอยุธยา&nbsp;นางสรัลพัชร&nbsp;ประโมทะกะ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นางกาญจนา&nbsp;ชมมี&nbsp;พาณิชย์จังหวัด&nbsp;นางพิศมัย&nbsp;เลิศอิทธิบาท&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัด&nbsp;และผู้เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดบริการ&nbsp;“พาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;ตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์&nbsp;โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;รวมทั้งตรวจสอบราคาการจำหน่ายสินค้าควบคุมภายในตลาดเจ้าพรหม</p><p><strong>นางสรัลพัชร&nbsp;ประโมทะกะ&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>ปัจจุบันราคาเนื้อหมูสูงขึ้น&nbsp;ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน&nbsp;เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพแก้ปัญหาหมูราคาแพง&nbsp;จังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย&nbsp;นายวีระชัย&nbsp;นาคมาศ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;จึงร่วมกับพาณิชย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;จัดจุดให้บริการ&nbsp;“พาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;เพื่อเป็นมาตรการเสริมและเป็นทางเลือกให้กับประชาชนผู้บริโภค&nbsp;ในเบื้องต้นได้จัดจุดบริการไว้&nbsp;2&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่&nbsp;อำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา&nbsp;ที่บริเวณตลาดเจ้าพรหม&nbsp;โดยมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการ&nbsp;จำนวน&nbsp;5&nbsp;ร้าน&nbsp;และที่อำเภอเสนา&nbsp;บริเวณตลาดบ้านแพน&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;ร้าน&nbsp;ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนสามารถมาแลกคูปอง&nbsp;1&nbsp;สิทธิ์ต่อ&nbsp;1&nbsp;คน&nbsp;เพื่อเป็นการชดเชยค่าราคาหมู&nbsp;ก่อนนำไปซื้อหมูที่ร้านเข้าโครงการสังเกตได้จากป้ายธงฟ้า&nbsp;และ&nbsp;"พาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ยังได้สั่งการให้ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ให้ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า&nbsp;สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน</p><p><strong>นางกาญจนา&nbsp;ชมมี&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;ได้จัดกิจกรรมโครงการ&nbsp;"พาณิชย์ลดราคา...ช่ายประชาชน"&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงราคาถูกกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;&nbsp;โดยตั้งจุดลงทะเบียนเพื่อรับคูปองส่วนลด&nbsp;คูปองละ&nbsp;35&nbsp;บาท&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;08.00-10.00&nbsp;น.&nbsp;โดยให้ประชาชนเตรียมเลขบัตรประชาชนมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่&nbsp;จะได้รับคูปองส่วนลด&nbsp;(1&nbsp;คน&nbsp;ต่อ&nbsp;1&nbsp;สิทธิ&nbsp;ต่อ&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม)&nbsp;จากนั้นให้นำคูปองไปซื้อสินค้ากับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ&nbsp;"หมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;ซึ่งร้านที่ร่วมโครงการจะติดป้ายธงฟ้าช่วยประชาชน&nbsp;&nbsp;และได้กำหนดจุดจำหน่าย&nbsp;2&nbsp;อำเภอ&nbsp;รวม&nbsp;7&nbsp;ร้าน&nbsp;ได้แก่&nbsp;(1)&nbsp;ร้านเจ๊เอ๋หมูสด&nbsp;สาขาตลาดเจ้าพรหม&nbsp;(2)&nbsp;ร้านเจ๊แนนหมูสด&nbsp;สาขาตลาดเจ้าพรหม&nbsp;(3)&nbsp;ร้านเจ๊นุ้ยหมูสด&nbsp;สาขาตลาดเจ้าพรหม&nbsp;(4)&nbsp;ร้านสุรินทร์&nbsp;(5)&nbsp;ร้านเจ๊แหวงหมูสด&nbsp;สาขาตลาดเจ้าพรหม&nbsp;(6)&nbsp;ร้านบัดดี้เชพ&nbsp;สาขาอำเภอเสนา&nbsp;(7)&nbsp;ร้านแฮปปี้&nbsp;ฟาร์ม&nbsp;สาขาอำเภอเสนา&nbsp;โดยตลาดเจ้าพรหม&nbsp;เปิดให้บริการในวันจันทร์-พุธ-ศุกร์&nbsp;และตลาดบ้านแพน&nbsp;จะเปิดให้บริการทุกวัน&nbsp;ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;</p><p><br></p><p>ข่าว&nbsp;:&nbsp;สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา</p><p>เว็บไซต์&nbsp;:&nbsp;<a&nbsp;href="https://ayutthaya.prd.go.th/"&nbsp;rel="noopener&nbsp;noreferrer"&nbsp;target="_blank">https://ayutthaya.prd.go.th/</a></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>19/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลพระนครศรีอยุธยาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119125422875 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง คุมเข้มตรวจสอบติดตามสถานการณ์สินค้าในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่อำเภอเมืองตรัง<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นางสาวสุภากิตติ์&nbsp;เกลี้ยงสงค์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ออกตรวจสอบติดตามสถานการณ์จำหน่ายหน้ากากอนามัย&nbsp;เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ&nbsp;ยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร&nbsp;ชุดตรวจโควิด-19&nbsp;และสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าในช่วงสถานการณ์โควิด-19&nbsp;ในพื้นที่อำเภอเมืองตรัง&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;พบว่าสถานการณ์การค้า&nbsp;จังหวัดตรังมีสมุนไพรฟ้าทะลายโจรและหน้ากากทางการแพทย์วางจำหน่ายทุกร้าน&nbsp;ส่วนหน้ากากทางเลือก&nbsp;อาทิ&nbsp;หน้ากากกันฝุ่นทั่วไป&nbsp;หน้ากากเพื่อสุขภาพ&nbsp;หน้ากากผ้า&nbsp;เจลแอลกอฮอล์&nbsp;ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์&nbsp;และถุงมือ&nbsp;สินค้ามีปริมาณเพียงพอกับความต้องการ&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>สำหรับสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าในช่วงสถานการณ์โควิด-19</strong>&nbsp;ราคาจำหน่ายสินค้าที่สำคัญ&nbsp;อาทิ&nbsp;น้ำมัน&nbsp;น้ำตาล&nbsp;น้ำปลา&nbsp;ซอสหอยนางรม&nbsp;ปลากระป๋อง&nbsp;ข้าวหอมมะลิ&nbsp;สถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพที่สำคัญ&nbsp;ๆ&nbsp;มีการจำหน่ายเป็นไปตามภาวะปกติ&nbsp;ปริมาณมีความเพียงพอกับความต้องการของประชาชน</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ทั้งนี้&nbsp;&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย&nbsp;ให้ครบถ้วน&nbsp;ชัดเจน</strong>&nbsp;และหากพบเห็นการกระทำผิด&nbsp;จำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร&nbsp;หรือจำหน่ายในราคาไม่ตรงกับที่แจ้งไว้&nbsp;สามารถร้องเรียนได้ที่&nbsp;สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;โทร.&nbsp;0&nbsp;75-223076&nbsp;หากพบการกระทำความผิดจะดำเนินการ&nbsp;ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด&nbsp;กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคามีโทษปรับไม่เกิน&nbsp;10,000&nbsp;บาท&nbsp;กรณีจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร&nbsp;กักตุนสินค้าและปฏิเสธการจำหน่ายต้องโทษจำคุก&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับไม่เกิน&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>19/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119125852878 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง ตรวจติดตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา ช่วยประชาชน จังหวัดตรัง (ครั้งที่ 3)<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นางสาวสุภากิตติ์&nbsp;เกลี้ยงสงค์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตรัง</strong>&nbsp;มอบหมายเจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ติดตามการดำเนินโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;3)&nbsp;ตามนโยบายของ&nbsp;&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาสุกรที่สูงขึ้นและให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;โดยจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค&nbsp;ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;และราคาเนื้อสุกรปรับตัวสูงขึ้น</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>สำหรับพื้นที่จังหวัดตรัง&nbsp;มีจุดจำหน่ายจำนวนรวม&nbsp;12&nbsp;จุด</strong>&nbsp;ได้แก่&nbsp;1.&nbsp;ร้านหมูสด&nbsp;แยกวัดตัน&nbsp;ต.ทับเที่ยง&nbsp;2.&nbsp;ร้านน้องดิว&nbsp;หน้าสวนสาธารณะนาหมื่นราษฎร์&nbsp;ต.โคกหล่อ&nbsp;3.ร้านเจี๊ยบหมูสด&nbsp;(ข้างร้านอาหารโกแป้&nbsp;เจ๊บี)&nbsp;ต.นาตาล่วง&nbsp;4.ร้านชายสี่หมูสด&nbsp;ตลาดคลองมวน&nbsp;ต.หนองปรือ&nbsp;5.ร้านน้องทิพย์ค้าหมู&nbsp;หมู่&nbsp;8&nbsp;ต.เขากอบ&nbsp;6.ร้านบ้านหมูตวงตังค์&nbsp;(บริเวณทางเข้าวัดเขาไม้แก้ว)&nbsp;ต.เขาไม้แก้ว&nbsp;7.&nbsp;ร้านหมูสด&nbsp;สด&nbsp;(ตรงข้ามโรงเรียนบ้านวังลำ)&nbsp;ต.วังคีรี&nbsp;&nbsp;&nbsp;8.&nbsp;ช้อปเบทาโกร&nbsp;สาขาเมืองตรัง&nbsp;9.&nbsp;ช้อปเบทาโกร&nbsp;สาขาห้วยยอด&nbsp;10.ร้านเจ๊อ้อยป่ายาง&nbsp;(ตรงข้ามร้านรับซื้อของเก่ายอดเพชร)&nbsp;ต.นาโยงเหนือ&nbsp;11.&nbsp;ร้านสุนิษา&nbsp;(ข้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก&nbsp;อบต.นาโยงเหนือ)&nbsp;ต.นาโยงเหนือ&nbsp;12.&nbsp;ร้านสาวหมูสด&nbsp;(ตรงข้ามโรงเรียนวังวิเศษ)&nbsp;ต.เขาวิเศษ&nbsp;โดยดำเนินโครงการฯ&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;14&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ผู้ประกอบการได้ปิดป้ายแสดงราคาอย่างชัดเจน&nbsp;หากผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการค้าหรือได้รับความเดือดร้อนจากการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการ&nbsp;โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร&nbsp;สามารถร้องเรียนได้ที่&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;โทร&nbsp;075-223076&nbsp;หรือสายด่วน&nbsp;1569</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">&nbsp;</p>19/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119130826880 สำนักงานพาณิชย์จังหวัด ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ราคาไข่ไก่ ณ ตลาดสดเทศบาลนครตรัง ตลาดนาโยง ตลาดย่านตาขาว และห้างแม็คโคร สาขาตรัง<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นางสาวสุภากิตติ์&nbsp;เกลี้ยงสงค์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;</strong>มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจ&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ราคาไข่ไก่&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศบาลนครตรัง&nbsp;ตลาดนาโยง&nbsp;ตลาดย่านตาขาว&nbsp;และห้างแม็คโคร&nbsp;สาขาตรัง&nbsp;พบว่า&nbsp;ราคาขายปลีกไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;ตลาดสดเทศบาลนครตรัง&nbsp;แผงละ&nbsp;108&nbsp;บาท&nbsp;ตลาดนาโยง&nbsp;แผงละ&nbsp;102&nbsp;บาท&nbsp;ตลาดย่านตาขาว&nbsp;แผงละ&nbsp;102&nbsp;บาท&nbsp;และห้างแม็คโคร&nbsp;สาขาตรัง&nbsp;แผงละ&nbsp;99&nbsp;บาท&nbsp;ไม่จำกัดจำนวน&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ทั้งนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;หากผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการค้า</strong>หรือได้รับความเดือดร้อนจากการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการ&nbsp;โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร&nbsp;สามารถร้องเรียนได้ที่&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;โทร&nbsp;075-223076&nbsp;หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรัง&nbsp;หมายเลขโทรศัพท์&nbsp;075-217144</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>19/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119131835886 จังหวัดแพร่มอบให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแพร่ นำโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน ลงพื้นที่ช่วยประชาชน พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาจำหน่ายสุกรเนื้อไก่และไข่ไก่<p><strong>นายสมหวัง&nbsp;พ่วงบางโพ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;จากสถานการณ์ราคาสุกรที่เพิ่มสูงขึ้น&nbsp;และมีการคาดการณ์ว่าจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ซึ่งเกิดจากการลดปริมาณการเลี้ยงหมูในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;ปัญหาโรคระบาดในสุกรที่กระจายเป็นวงกว้าง&nbsp;ทำให้จำเป็นต้องกำจัดสุกรที่มีความเสี่ยงจำนวนมากเพื่อควบคุมโรคและทำให้ปริมาณสุกรขาดตลาดมากยิ่งขึ้น</p><p><strong>ทางกรมการค้าภายใน&nbsp;กระทรวงพาณิชย์</strong>&nbsp;ได้จัดทำโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;โดยให้จำหน่ายสุกรเนื้อแดง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;และได้ประชุมหารือร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่&nbsp;สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยภาคกลาง&nbsp;สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้&nbsp;สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ลุ่มน้ำน้อย&nbsp;ผู้ผลิตรายใหญ่&nbsp;กรมปศุสัตว์&nbsp;และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร&nbsp;เพื่อตรึงราคาไข่ไก่&nbsp;ไก่มีชีวิต&nbsp;และเนื้อไก่สด&nbsp;เพื่อลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภคในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;และที่ได้รับผลกระทบจากราคาเนื้อสุกรปรับตัวสูงขึ้น</p><p><strong>โดยได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัด</strong>ตรวจสอบและติดตามการจำหน่ายอย่างใกล้ชิด&nbsp;ซึ่งการจัดจำหน่ายสุกรเนื้อแดง&nbsp;ภายใต้โครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;ครั้ง&nbsp;ดำเนินการไปแล้ว&nbsp;2&nbsp;ครั้ง&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;16-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ขอความร่วมมือร้านค้า&nbsp;จัดจำหน่ายหมูเนื้อแดงในพื้นที่จังหวัดแพร่ในราคาไม่เกินกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ครอบคลุม&nbsp;8&nbsp;อำเภอ&nbsp;จำนวน&nbsp;9&nbsp;จุด&nbsp;จุดละไม่เกิน&nbsp;50&nbsp;กิโลกรัม/วัน</p><p>โดยจุดที่&nbsp;1&nbsp;ร้านเขียงหมูน้ำทองฟาร์ม&nbsp;ถนนเหมืองหิต&nbsp;ตำบลในเวียง&nbsp;อำเภอเมืองแพร่</p><p>จุดที่&nbsp;2&nbsp;หมูอินเตอร์สาขาชมภูมิ่ง&nbsp;ถนนช่อแฮ&nbsp;ตำบลในเวียง&nbsp;อำเภอเมืองแพร่</p><p>จุดที่&nbsp;3&nbsp;หมูอินเตอร์สาขาลอง&nbsp;ตำบลห้วยอ้อ&nbsp;อำเภอลอง</p><p>จุดที่&nbsp;4&nbsp;หมูอินเตอร์สาขาร้องกวาง&nbsp;ตำบลร้องกวาง&nbsp;อำเภอร้องกวาง</p><p>จุดที่&nbsp;5&nbsp;อินเตอร์สาขาวังชิ้น&nbsp;ตำบลวังชิ้น&nbsp;อำเภอวังชิ้น</p><p>จุดที่&nbsp;6&nbsp;ร้านทอฝันหมูสดแพร่สาขาสูงเม่น&nbsp;ตำบลพระหลวง&nbsp;อำเภอสูงเม่น</p><p>จุดที่&nbsp;7&nbsp;ร้านทอฝันหมูสดแพร่สาขาหนองม่วงไข่&nbsp;ตำบลหนองม่วงไข่&nbsp;อำเภอหนองม่วงไข</p><p>จุดที่&nbsp;8&nbsp;ร้านทอฝันหมูสดแพร่สาขาเด่นชัย&nbsp;ตำบลเด่นชัย&nbsp;อำเภอเด่นชัย</p><p>จุดที่&nbsp;9&nbsp;ร้านทอฝันหมูสดสอง&nbsp;ตำบลบ้านกลาง&nbsp;อำเภอสอง</p><p><strong>นอกจากนี้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแพร่</strong>ยังได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายและขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาจำหน่ายสุกรเนื้อไก่และไข่ไก่อย่างใกล้ชิดเป็นประจำทุกวัน</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>19/1/2022ภาคเหนือแพร่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119141049913 พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี ร่วมกับภาคเอกชน ประชุมคณะทำงานด้านการตลาดระดับจังหวัด (เซลล์แมนจังหวัด) จังหวัดเพชรบุรี ขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจการค้าการตลาด<p><strong>พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ร่วมกับภาคเอกชน&nbsp;ประชุมคณะทำงานด้านการตลาดระดับจังหวัด&nbsp;</strong>(เซลล์แมนจังหวัด)&nbsp;จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจการค้าการตลาด&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมตรีวัง&nbsp;ชั้น&nbsp;1&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;<strong>นายธีรวุฒิ&nbsp;คล้ายเคลื่อน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;</strong>เป็นประธานการประชุมคณะทำงานด้านการตลาดระดับจังหวัด&nbsp;(เซลล์แมนจังหวัด)&nbsp;จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3/2565&nbsp;ร่วมกับภาคเอกชนจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;เพื่อหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น&nbsp;รวมถึงแนวทางการขับเคลื่อนและแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจการค้าการตลาดจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;โดยที่ประชุมได้หารือประเด็นต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ที่สำคัญ&nbsp;การดำเนินการทางด้านการตลาด&nbsp;เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์&nbsp;พระนครคีรี&nbsp;-&nbsp;เมืองเพชรบุรี&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;(การจัดทำขนมไทย)&nbsp;ทิศทางและแนวทางการดำเนินงานของคณะทำงานด้านการตลาด&nbsp;ระดับจังหวัด&nbsp;(เซลล์แมนจังหวัด)&nbsp;จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;ในการฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;การประชาสัมพันธ์&nbsp;สร้างการรับรู้&nbsp;และขยายโอกาสทางการค้า&nbsp;โดยการประชาสัมพันธ์สินค้า&nbsp;GI&nbsp;จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;(ชมพู่เพชรสายรุ้ง)&nbsp;ตลอดจนการส่งเสริมการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์&nbsp;GI&nbsp;อื่น&nbsp;ๆ&nbsp;ของจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าชุมชนและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;และการนำเสนอประเด็นสำคัญของคณะทางานด้านการตลาดระดับจังหวัด&nbsp;(เซลล์แมนจังหวัด)&nbsp;จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ต่อคณะกรรมการร่วมภาครัฐและภาคเอกชนจังหวัด&nbsp;(กรอ.จังหวัด)</p><p><br></p><p>สวท.เพชรบุรี</p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>19/1/2022ภาคตะวันตกเพชรบุรีสวท.เพชรบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119133944902 อำเภอดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ทดสอบระบบกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรชุมชนบ้านช่องแก้ว “ชม ชิม ช็อป แชร์ ไปแลชุมชน”<p><strong>นายจักรกฤษณ์&nbsp;ฝั่งชลจิตร์&nbsp;นายอำเภอดอนสัก&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ได้นำส่วนราชการและภาคีเครือข่าย&nbsp;ร่วมเปิดทดสอบระบบกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรชุมชนบ้านช่องแก้ว&nbsp;“ชม&nbsp;ชิม&nbsp;ช็อป&nbsp;แชร์&nbsp;ไปแลชุมชน”&nbsp;เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวและจุดเรียนรู้ด้านการเกษตรให้แก่เกษตรกร&nbsp;นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจ&nbsp;ซึ่งภายในงานมีการจัดบูธจำหน่ายผลิตภัณฑ์&nbsp;และผลิตผลทางการเกษตร&nbsp;รวมทั้งฐานการเรียนรู้ต่างๆ&nbsp;โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(โควิด-19)&nbsp;อย่างเคร่งครัด</p><p><strong>ในการนี้มีส่วนราชการ&nbsp;ผู้นำท้องที่&nbsp;ท้องถิ่น&nbsp;และประชาชน&nbsp;</strong>เข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียงกัน&nbsp;ณ&nbsp;ชุมชนช่องแก้วท่องเที่ยวเชิงเกษตร&nbsp;หมู่ที่&nbsp;15&nbsp;ตำบลปากแพรก&nbsp;อำเภอดอนสัก&nbsp;&nbsp;จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;ซึ่งผลการทดสอบระบบดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย&nbsp;ทั้งนี้จะกำหนดให้มีกิจกรรมทุกวันเสาร์&nbsp;อาทิตย์&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป.</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>19/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119144337935 คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) มีมติให้ไก่และเนื้อไก่ เป็นสินค้าควบคุม ผู้เลี้ยง 1 แสนตัวขึ้นไป ต้องแจ้งปริมาณ สต๊อก และต้นทุนจำหน่ายทุกเดือน เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาในสัปดาห์หน้า<p>คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) มีมติให้ไก่และเนื้อไก่ เป็นสินค้าควบคุม ผู้เลี้ยง 1 แสนตัวขึ้นไป ต้องแจ้งปริมาณ สต๊อก และต้นทุนจำหน่ายทุกเดือน เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาในสัปดาห์หน้า</p><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ครั้งที่ 2/2565 ผ่านระบบทางไกล ว่า ที่ประชุมมีมติให้ไก่และเนื้อไก่เป็นสินค้าควบคุม และให้ความเห็นชอบ กำหนดมาตรการให้ผู้เลี้ยงไก่ที่มีปริมาณการเลี้ยงตั้งแต่ 100,000 ตัวขึ้นไป และโรงชำแหละไก่ที่มีกำลังการผลิตมากกว่า 4,000 ตัวต่อวัน แจ้งปริมาณ สต๊อก และต้นทุนราคาจำหน่ายทุกเดือน และกำหนดให้โรงงานผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 55 โรง แจ้งต้นทุนราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต และสต๊อก รวมทั้งกำหนดมาตรการให้ การปรับราคาต้องได้รับอนุญาตจากกรมการค้าภายในก่อน ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์จะนำเสนอผลการประชุมดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในสัปดาห์หน้าต่อไป อย่างไรก็ตาม แนวทางกำกับราคาไก่ถือว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเกษตรกรและผู้ประกอบการ ที่ได้มีการประชุมร่วมกันมา 2 ครั้ง และกำหนดราคาหน้าฟาร์มและราคาจำหน่ายไก่ในราคาที่เป็นธรรมกับผู้บริโภค ภาพรวมสามารถตรึงราคาไก่ไว้ได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน และยังได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในประชุมร่วมกับเกษตรกรและผู้ประกอบการด้านไก่อย่างต่อเนื่องและใกล้ชิดต่อไป เพื่อไม่ให้มีการซ้ำเติมอาหารทางเลือกกับผู้บริโภค</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับกรณีมีข่าวว่าเครื่องใช้ไฟฟ้ากำลังจะขึ้นราคาด้วยนั้น กรมการค้าภายในได้เชิญผู้ประกอบการเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ รวมทั้งสมาคมอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มาประชุมหารือกันและได้ข้อยุติแล้วว่าจะไม่มีการขึ้นราคาเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่อย่างใด ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าหรือกักตุนสินค้า สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1569 โดยกระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานพาณิชย์ทุกจังหวัด จะใช้เป็นข้อมูลในการลงไปตรวจสอบและดำเนินคดีต่อไป&nbsp;</p>19/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119165151067 จังหวัดตรัง สนับสนุนงบประมาณให้กับทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง จัดโครงการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูก สู้ภัยโควิด-19 จังหวัดตรัง ครั้งที่ 3 บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน<p><strong>นายขจรศักดิ์&nbsp;เจริญโสภา&nbsp;&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;&nbsp;</strong>จังหวัดตรัง&nbsp;&nbsp;ได้ติดตามและเร่งแก้ไขปัญหาราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;ทั้งเนื้อสัตว์&nbsp;หมู&nbsp;ไก่&nbsp;และสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อประชาชนอย่างเร่งด่วน&nbsp;โดยสนับสนุนงบประมาณ&nbsp;&nbsp;จำนวน&nbsp;353,600&nbsp;&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;ให้กับทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;&nbsp;จัดโครงการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูก&nbsp;&nbsp;สู้ภัยโควิด-19&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;&nbsp;จำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตประจำวัน&nbsp;เพื่อเป็นทางเลือกของพี่น้องประชาชนในการจับจ่ายสินค้าราคาประหยัด&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;&nbsp;กำหนดจัดกิจกรรมใน&nbsp;10&nbsp;อำเภอ&nbsp;&nbsp;อำเภอละ&nbsp;2&nbsp;วัน</strong>&nbsp;ดังนี้&nbsp;&nbsp;</p><p>วันที่&nbsp;20-21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;09.00&nbsp;-&nbsp;15.00&nbsp;น.&nbsp;ณ&nbsp;&nbsp;เทศบาลตำบลนาโยงเหนือ&nbsp;อำเภอนาโยง&nbsp;&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;&nbsp;,&nbsp;</p><p>วันที่&nbsp;26&nbsp;และ&nbsp;27&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;ที่โรงเรียนบ้านเกาะปราง&nbsp;&nbsp;ตำบลนาท่ามเหนือ&nbsp;อำเภอเมืองตรัง&nbsp;,&nbsp;</p><p>วันที่&nbsp;28&nbsp;และ&nbsp;29&nbsp;มกราคม&nbsp;&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;ที่ลานเฉลิมพระเกียรติท่าแพขนานยนต์&nbsp;อำเภอกันตัง&nbsp;,&nbsp;&nbsp;</p><p>วันที่&nbsp;2&nbsp;และ&nbsp;3&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;บริเวณที่ว่าการอำเภอหาดสำราญ&nbsp;,&nbsp;</p><p>วันที่&nbsp;4&nbsp;และ&nbsp;5&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;บริเวณที่ว่าการอำเภอห้วยยอด&nbsp;,&nbsp;</p><p>วันที่&nbsp;&nbsp;7&nbsp;และ&nbsp;8&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;บริเวณที่ว่าการอำเภอย่านตาขาว&nbsp;,&nbsp;</p><p>วันที่&nbsp;10&nbsp;และ&nbsp;11&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;บริเวณอาคารบรรเทาสาธารณภัย&nbsp;&nbsp;เทศบาลตำบลสิเกา&nbsp;&nbsp;อำเภอสิเกา,&nbsp;</p><p>วันที่&nbsp;&nbsp;14&nbsp;และ&nbsp;15&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;&nbsp;2565&nbsp;บริเวณศาลาประชาคมที่ว่าการอำเภอรัษฎา&nbsp;,&nbsp;</p><p>วันที่&nbsp;17&nbsp;และ&nbsp;18&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;ที่เทศบาลตำบลท่าพญา&nbsp;&nbsp;อำเภอปะเหลียน&nbsp;,&nbsp;</p><p>วันที่&nbsp;21&nbsp;และ&nbsp;22&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;บริเวณวัดเขาพระวิเศษ&nbsp;&nbsp;อำเภอวังวิเศษ&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong>&nbsp;&nbsp;</p>19/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119151414957 พาณิชย์จังหวัดตรัง เผยโครงการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูก สู้ภัยโควิด-19 จังหวัดตรัง ครั้งที่ 3 นำไข่ไก่ราคาถูก 300 แผงต่อวัน พร้อมเนื้อหมูชำแหละจำหน่ายในราคาถูกกว่าท้องตลาด<p><strong>นางสาวสุภากิตติ์&nbsp;เกลี้ยงสงค์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;&nbsp;ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ&nbsp;จำนวน&nbsp;&nbsp;353,600&nbsp;&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;จัดโครงการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูก&nbsp;&nbsp;สู้ภัยโควิด-19&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;&nbsp;โดยจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตประจำวัน&nbsp;เพื่อเป็นทางเลือกของพี่น้องประชาชนในการจับจ่ายสินค้าราคาประหยัด&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;กำหนดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่&nbsp;20-21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;09.00&nbsp;-&nbsp;15.00&nbsp;น.&nbsp;ณ&nbsp;&nbsp;เทศบาลตำบลนาโยงเหนือ&nbsp;อำเภอนาโยง&nbsp;&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>สำหรับสินค้าที่นำมาจำหน่ายประกอบด้วยไข่ไก่เบอร์&nbsp;2&nbsp;แผงละ&nbsp;30&nbsp;ฟอง&nbsp;</strong>จำนวน&nbsp;300&nbsp;แผงต่อวัน&nbsp;&nbsp;จากราคาปกติ&nbsp;108-110&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;65&nbsp;บาทเท่านั้น&nbsp;&nbsp;,&nbsp;น้ำมันพืชปาล์ม&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;จากราคาปกติ&nbsp;51&nbsp;-&nbsp;60&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;45&nbsp;บาทเท่านั้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยจำกัดการซื้อคนละ&nbsp;1&nbsp;แผงสำหรับไข่ไก่และน้ำมันพืช&nbsp;คนละ&nbsp;1&nbsp;ขวด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยังมีเนื้อหมูชำแหละจำหน่าย&nbsp;</strong>&nbsp;</p><p>โดยหมูเนื้อแดง(ไหล่-สะโพก-ขาหน้าและคอ)&nbsp;จากราคาตลาด&nbsp;180-200&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;</p><p>หมูสามชั้นจากราคาปกติ&nbsp;180-220&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;170&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;</p><p>เนื้อสันใน&nbsp;จากราคาปกติ&nbsp;180-200&nbsp;บาทจำหน่ายเพียง&nbsp;170&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;</p><p>ซี่โครง&nbsp;จากราคาปกติ&nbsp;170-&nbsp;180&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;160&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;</p><p>เครื่องใน(ตับและหัวใจ)&nbsp;จากราคาปกติ&nbsp;130-140&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;,&nbsp;</p><p>ขาและหัวหมู&nbsp;ปกติกิโลกรัมละ&nbsp;120-130&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;,</p><p>&nbsp;กระดูกสัน&nbsp;จากราคาปกติ&nbsp;110-120&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;&nbsp;จำหน่ายเพียงกิโลกรัมละ&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;</p><p>เครื่องในรวม&nbsp;&nbsp;จากราคาปกติ&nbsp;50&nbsp;-&nbsp;70&nbsp;บาทจำหน่ายเพียง&nbsp;50&nbsp;บาทเท่านั้น&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>โดยจำกัดการซื้อหมูเนื้อแดงและหมูสามชั้นคนละ&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัมเท่านั้น</strong></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>19/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119154843993 พาณิชย์ลำพูน จับตาราคาสินค้า "เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ น้ำมันปาล์ม ชุดตรวจ ATK" กำชับ ปิดป้ายราคาให้ชัดเจน ห้ามฉวยโอกาสเอาเปรียบประชาชน<p><strong>วันที่&nbsp;19&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นางกนกรัตน์&nbsp;ยุกติรัตน์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำพูน&nbsp;</strong>เปิดเผยว่า&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำพูน&nbsp;ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้า&nbsp;อาทิ&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;น้ำมันปาล์ม&nbsp;ข้าวสาร&nbsp;ชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;และหน้ากากอนามัยทางการแพทย์&nbsp;ของผู้ประกอบการ&nbsp;ห้างสรรพสินค้า&nbsp;และร้านค้าขายปลีกในพื้นที่อำเภอเมืองลำพูน&nbsp;ตามข้อสั่งการของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ที่กำชับให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดติดตามสถานการณ์ราคาจำหน่ายสินค้า&nbsp;และการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและบริการอย่างเข้มงวด&nbsp;เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสเอาเปรียบประชาชนช่วงการแพร่ระบาดสถานการณ์โรคไวรัสโควิด-19&nbsp;และป้องกันการร้องเรียน&nbsp;หลังกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการรายใหญ่&nbsp;และรายเล็ก&nbsp;ชะลอการขึ้นราคาสินค้าหลายรายการ&nbsp;และหารือกำหนดราคาสินค้าให้เหมาะสม&nbsp;เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชนในช่วงนี้&nbsp;และได้เน้นย้ำให้พาณิชย์จังหวัด&nbsp;ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด&nbsp;และให้ความเป็นธรรมทางการค้าของผู้บริโภค</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;หากประชาชนพบเห็นว่ามีการกักตุนหรือฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม&nbsp;</strong>สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ&nbsp;และหากตรวจสอบพบการกระทำผิดจะมีโทษตามมาตรา&nbsp;29&nbsp;แห่ง&nbsp;พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ซึ่งมีโทษจำคุก&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับ&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำและปรับ</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>19/1/2022ภาคเหนือลำพูนสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119154543990 ตราด หมูตราดไม่ขาดส่งออกต่างจังหวัด บริษัทจ้างชาวบ้านเลี้ยงตัวละ 800 บาท<p><strong>วันที่&nbsp;19&nbsp;ม.ค.65&nbsp;นางสายหยุด&nbsp;นันทพงษ์ไพศาล&nbsp;เจ้าของฟาร์มสายหยุด&nbsp;บ้านทางควาย&nbsp;</strong>ต.แสนตุ้ง&nbsp;อ.เขาสมิง&nbsp;จ.ตราด&nbsp;เปิดเผยถึงสถานการณ์การเลี้ยงสุกรในฟาร์มของตนเองว่ายึดอาชีพเลี้ยงสุกรมาได้ประมาณ&nbsp;8&nbsp;ปีแล้ว&nbsp;จากการรับจ้างเลี้ยงสุกรให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง&nbsp;โดยตนเองต้องเตรียมโรงเรือนเลี้ยงสุกร&nbsp;และอาคารประกอบอื่นๆ&nbsp;ไว้ให้พร้อม&nbsp;บริษัทจะนำลูกสุกรมาให้เลี้ยง&nbsp;พร้อมอาหารสุกร&nbsp;เวชภัณฑ์ดูแลรักษาสุกร&nbsp;ตลอดจนเตรียมสัตว์แพทย์มาคอยตรวจดูแลการเลี้ยงสุกรให้เป็นระยะๆ&nbsp;ส่วนทางฟาร์มจะต้องจ่ายค่าน้ำ&nbsp;ค่าไฟ&nbsp;และค่าพนักงานเอง&nbsp;โดยให้ค่าเลี้ยงสุกรจนโตจับขายได้ตัวละ&nbsp;800&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>นางสายหยุดบอกว่า&nbsp;ฟาร์มของตนเองเลี้ยงสุกรได้รุ่นละ&nbsp;1,500&nbsp;ตัว&nbsp;</strong>ใช้เวลาเลี้ยงรุ่นละ&nbsp;4&nbsp;เดือนครึ่ง&nbsp;ใน&nbsp;1&nbsp;ปีจะเลี้ยงสุกรได้&nbsp;2&nbsp;รุ่น&nbsp;และใช้เวลาพักทำความสะอาดฟาร์ม&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;มีรายได้จากการเลี้ยงปีละประมาณ&nbsp;2&nbsp;ล้าน&nbsp;4&nbsp;แสนบาท</p><p><strong>นางสายหยุด&nbsp;เปิดเผยต่อว่า&nbsp;การบริหารจัดการฟาร์มเลี้ยงสุกร</strong>&nbsp;จะใช้คนงานเลี้ยงประมาณ&nbsp;2-3&nbsp;คน&nbsp;ใช้เครื่องผสมอาหารระบบอัตโนมัติ&nbsp;เป็นฟาร์มแบบปิด&nbsp;ห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปในฟาร์มโดยเด็ดขาด&nbsp;เพื่อป้องกันโรคระบาดสู่สุกร&nbsp;เพราะโรคสุกรจะมีคนเป็นพาหะด้วย&nbsp;แม้แต่พนักงานทำงานในฟาร์ม&nbsp;ยังต้องห้ามกินเนื้อสุกรโดยเด็ดขาด&nbsp;เพราะไม่มั่นใจกับเนื้อสุกรที่นำมาปรุงอาหารจากท้องที่ต่างๆ&nbsp;มีเชื้อโรคระบาดหรือไม่&nbsp;หากมีการแพร่ระบาดของเชื้อโรค&nbsp;จะทำให้เกิดความเดือดร้อนกับทางฟาร์ม&nbsp;ฟาร์มจะต้องถูกสั่งปิด&nbsp;เสียเวลา&nbsp;เสียรายได้&nbsp;ดังนั้นคนเลี้ยงได้&nbsp;แต่กินเนื้อสุกรไม่ได้โดยเด็ดขาด&nbsp;เรื่องราคาสุกรเป็น&nbsp;ถูก&nbsp;แพง&nbsp;ตนเองไม่ทราบเพราะรับจ้างเลี้ยงสุกรอย่างเดียวเท่านั้น</p><p><strong>ขณะนายจังหวัด&nbsp;สมทิพย์&nbsp;อยู่บ้านเลขที่&nbsp;176&nbsp;ม.6&nbsp;ต.เทพนิมิต&nbsp;อ.เขาสมิง&nbsp;จ.ตราด&nbsp;เปิดเผยถึง</strong>รายละเอียดสุกรแพง&nbsp;และขาดตลาดว่า&nbsp;เป็นสถานการณ์ในจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ&nbsp;จังหวัดตราดไม่ขาด&nbsp;เพราะมีฟาร์มเลี้ยงสุกรจากบริษัทหลายแห่ง&nbsp;และยังมีชาวบ้านที่ลงทุนเลี้ยงสุกรเองเป็นรายได้เสริมอีกไม่ถึง&nbsp;10&nbsp;ราย&nbsp;เป็นการเลียงครั้งละ&nbsp;10-20&nbsp;ตัวเท่านั้น&nbsp;ทำให้สุกรในจังหวัดตราดไม่ขาด&nbsp;แถมยังมีพ่อค้าจากต่างจังหวัดมารับซื้อสุกรจากฟาร์มต่างๆ&nbsp;กันเป็นจำนวนมาก&nbsp;</p><p><strong>นายจังหวัดบอกว่า&nbsp;ตนเองมีอาชีพซื้อสุกรเป็นมาชำแหละขาย&nbsp;</strong>โดยซื้อสุกรได้ขนาดประมาณ&nbsp;100&nbsp;กก.ขึ้นไป&nbsp;ในราคาสุกรเป็น&nbsp;กก.ละ&nbsp;110&nbsp;บาท&nbsp;จากเดิมที่เคยซื้อกก.ละ&nbsp;60-70&nbsp;และขึ้นสูงสุด&nbsp;กก.ละ&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;แต่หลังจากมีสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคสุกร&nbsp;ทำให้บริษัทถือโอกาสปรับราคาสุกรเป็นขึ้นไปเป็น&nbsp;กก.ละ&nbsp;110&nbsp;-117&nbsp;บาทเลยทีเดียว&nbsp;</p><p><strong>นายจังหวัดบอกว่า&nbsp;ตนเองซื้อสุกรมาชำแหละขายวันละ1&nbsp;ตัว</strong>&nbsp;และออกขายตามชุมชนต่างๆ&nbsp;ในราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;170&nbsp;บาท&nbsp;สำหรับสุกรเนื้อแดง&nbsp;สุกรบด&nbsp;และเนื้อประเภทอื่นๆ&nbsp;ส่วนเนื้อสามชั้น&nbsp;จะขายปลีก&nbsp;กก.ละ&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;และขานส่ง&nbsp;กก.ละ&nbsp;190&nbsp;บาท&nbsp;แต่ราคาขายของตนเองก็ยังถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;กก.ละ&nbsp;40&nbsp;บาท&nbsp;ทำให้ตนขายเนื้อสุกรชำแหละหมดทุกวัน&nbsp;มีกำไรจากการขายวันละ&nbsp;800&nbsp;บาท&nbsp;ก็พออยู่ได้</p><p><br></p><p>สุนิสา&nbsp;สังข์ทอง&nbsp;สวท.ตราด</p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;</p>19/1/2022ภาคตะวันออกตราดสวท.ตราดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119161914024 จังหวัดตรัง สนับสนุนงบประมาณให้กับทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง จัดโครงการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูก สู้ภัยโควิด-19 จังหวัดตรัง ครั้งที่ 3 บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน<p><strong>นายขจรศักดิ์&nbsp;เจริญโสภา&nbsp;&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;&nbsp;ได้ติดตามและเร่งแก้ไขปัญหาราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;ทั้งเนื้อสัตว์&nbsp;หมู&nbsp;ไก่&nbsp;และสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อประชาชนอย่างเร่งด่วน&nbsp;โดยสนับสนุนงบประมาณ&nbsp;&nbsp;จำนวน&nbsp;353,600&nbsp;&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;ให้กับทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;&nbsp;จัดโครงการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูก&nbsp;&nbsp;สู้ภัยโควิด-19&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;&nbsp;จำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตประจำวัน&nbsp;เพื่อเป็นทางเลือกของพี่น้องประชาชนในการจับจ่ายสินค้าราคาประหยัด&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;&nbsp;กำหนดจัดกิจกรรมใน&nbsp;10&nbsp;อำเภอ&nbsp;&nbsp;อำเภอละ&nbsp;2&nbsp;วัน&nbsp;</strong>ดังนี้&nbsp;&nbsp;</p><p>วันที่&nbsp;20-21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;09.00&nbsp;-&nbsp;15.00&nbsp;น.&nbsp;ณ&nbsp;&nbsp;เทศบาลตำบลนาโยงเหนือ&nbsp;อำเภอนาโยง&nbsp;&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;&nbsp;,&nbsp;</p><p>วันที่&nbsp;26&nbsp;และ&nbsp;27&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;ที่โรงเรียนบ้านเกาะปราง&nbsp;&nbsp;ตำบลนาท่ามเหนือ&nbsp;อำเภอเมืองตรัง&nbsp;,&nbsp;</p><p>วันที่&nbsp;28&nbsp;และ&nbsp;29&nbsp;มกราคม&nbsp;&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;ที่ลานเฉลิมพระเกียรติท่าแพขนานยนต์&nbsp;อำเภอกันตัง&nbsp;,&nbsp;</p><p>วันที่&nbsp;2&nbsp;และ&nbsp;3&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;บริเวณที่ว่าการอำเภอหาดสำราญ&nbsp;,&nbsp;</p><p>วันที่&nbsp;4&nbsp;และ&nbsp;5&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;บริเวณที่ว่าการอำเภอห้วยยอด&nbsp;,&nbsp;</p><p>วันที่&nbsp;&nbsp;7&nbsp;และ&nbsp;8&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;บริเวณที่ว่าการอำเภอย่านตาขาว&nbsp;,&nbsp;</p><p>วันที่&nbsp;10&nbsp;และ&nbsp;11&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;บริเวณอาคารบรรเทาสาธารณภัย&nbsp;&nbsp;เทศบาลตำบลสิเกา&nbsp;&nbsp;อำเภอสิเกา,&nbsp;</p><p>วันที่&nbsp;&nbsp;14&nbsp;และ&nbsp;15&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;&nbsp;2565&nbsp;บริเวณศาลาประชาคมที่ว่าการอำเภอรัษฎา&nbsp;,&nbsp;</p><p>วันที่&nbsp;17&nbsp;และ&nbsp;18&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;ที่เทศบาลตำบลท่าพญา&nbsp;&nbsp;อำเภอปะเหลียน&nbsp;,&nbsp;</p><p>วันที่&nbsp;21&nbsp;และ&nbsp;22&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;บริเวณวัดเขาพระวิเศษ&nbsp;&nbsp;อำเภอวังวิเศษ</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>19/1/2022ภาคใต้ตรังสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119161729022 องค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล จัดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนอนาคตสตูลด้านการท่องเที่ยว ในปีงบประมาณ 2565<p><strong>วันนี้&nbsp;(19&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล</strong>&nbsp;นายสัมฤทธิ์&nbsp;เลียงประสิทธิ์&nbsp;นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล&nbsp;เป็นประธานการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนอนาคตสตูลด้านการท่องเที่ยว&nbsp;ในปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;โดยมีนายเจตกร&nbsp;หวันสู&nbsp;ประธานสภาการท่องเที่ยว&nbsp;อบจ.สตูล&nbsp;พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;สมาชิกสภาการท่องเที่ยว&nbsp;และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม</p><p><strong>สำหรับการประชุมเพื่อรับทราบผลการดำเนินงานของสภาท่องเที่ยว</strong>&nbsp;ปีงบประมาณ&nbsp;2564&nbsp;พร้อมพิจารณาเรื่องการวางแผนการดำเนินงานของสภาการท่องเที่ยว&nbsp;อบจ.สตูล&nbsp;&nbsp;ปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;การแสดงผลงานของสภาฯ&nbsp;ในการประชุม&nbsp;APGN&nbsp;(Asia&nbsp;Pacific&nbsp;Geoparks&nbsp;Network)&nbsp;และพิจารณาการทำความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับอุทยานแห่งชาติตะรุเตา&nbsp;อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา&nbsp;และอุทยานแห่งชาติทะเลบัน&nbsp;รวมถึงได้มีหารือถึงประเด็นข้อสอบถามการเปิดให้บริการของถ้ำภูผาเพชร&nbsp;และถ้ำเลสเตโกดอน&nbsp;อีกด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>19/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูลhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119164223050 ปรับราคาขายปลีกกลุ่มน้ำมันแก๊สโซฮอล์และน้ำมันเบนซิน 50 สตางค์ต่อลิตร เว้น E85 ปรับขึ้น 30 สตางค์ต่อลิตร <p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">กลุ่มผู้ค้าน้ำมัน&nbsp;บริษัท&nbsp;ปตท.&nbsp;และบางจาก</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">&nbsp;แจ้งว่าตั้งแต่เวลา&nbsp;05.00&nbsp;น.&nbsp;ของวันที่&nbsp;20&nbsp;&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;ราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์และเบนซิน&nbsp;ปรับขึ้นราคา&nbsp;&nbsp;0.50&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;เว้น&nbsp;E85&nbsp;ปรับขึ้น&nbsp;0.30&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;และกลุ่มดีเซลทุกชนิดปรับขึ้น&nbsp;0.10&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">ส่งผลให้ราคาขายปลีก</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">&nbsp;น้ำมันเบนซินอยู่ที่&nbsp;40.56&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;แก๊สโซฮอล์&nbsp;E85&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;24.94&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;แก๊สโซฮอล์&nbsp;E20&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;31.64&nbsp;&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;แก๊สโซฮอล์&nbsp;91&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;32.88&nbsp;บาทต่อลิตรแก๊สโซฮอล์&nbsp;95&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;33.15&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลไฮพรีเมียม&nbsp;ดีเซล&nbsp;B7&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;35.96&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;ไฮดีเซล&nbsp;B7&nbsp;ไฮดีเซล&nbsp;S&nbsp;และไฮดีเซล&nbsp;B20&nbsp;S&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;29.94&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;สำหรับผลิตภัณฑ์อื่นราคาคงเดิม</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>19/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119185129129 บริษัทเอกชน มอบเงินสนับสนุน กองทุนประทีป–รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงยุวดี เลี่ยวไพรัตน์ พ.ศ. 2559 ให้ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเพาะช่าง เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาศิลปะและวัฒนธรรมของชาติ รวมถึงเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนวิทยาลัยเพาะช่าง ต่อไป<p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;บริษัทเอกชน&nbsp;มอบเงินสนับสนุน&nbsp;กองทุนประทีป–รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงยุวดี&nbsp;เลี่ยวไพรัตน์&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2559&nbsp;ให้&nbsp;ผู้อำนวยการวิทยาลัยเพาะช่าง&nbsp;เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาศิลปะและวัฒนธรรมของชาติ&nbsp;รวมถึงเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนวิทยาลัยเพาะช่าง&nbsp;ต่อไป</strong></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผศ.บรรลุ&nbsp;วิริยาภรณ์ประภาส&nbsp;ผู้อำนวยการวิทยาลัยเพาะช่าง&nbsp;นำคณะผู้บริหาร&nbsp;วิทยาลัยเพาะช่าง&nbsp;เข้าพบ&nbsp;นายประทีป&nbsp;เลี่ยวไพรัตน์&nbsp;และ&nbsp;รศ.พญ.ยุวดี&nbsp;เลี่ยวไพรัตน์&nbsp;เพื่อสวัสดีและมอบของขวัญปีใหม่&nbsp;ณ&nbsp;บริษัท&nbsp;ทีพีไอ&nbsp;โพลีน&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)&nbsp;ในโอกาสนี้&nbsp;นายประทีป&nbsp;เลี่ยวไพรัตน์&nbsp;และรศ.พญ.ยุวดี&nbsp;เลี่ยวไพรัตน์&nbsp;ได้มอบเงินสนับสนุน&nbsp;กองทุนประทีป–รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงยุวดี&nbsp;เลี่ยวไพรัตน์&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2559&nbsp;จำนวน&nbsp;1,500,000&nbsp;บาท&nbsp;เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาศิลปะและวัฒนธรรมของชาติ&nbsp;รวมถึงเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนวิทยาลัยเพาะช่าง&nbsp;โดยวิทยาลัยเพาะช่างจะดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของเจ้าของทุนต่อไป</span></p>19/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119202121166 จ.หนองคาย ร้านอาหารตามสั่งให้ตำส้มตำฟรี<p><strong>ร้านอาหารตามสั่งข้างศูนย์ราชการจังหวัดหนองคาย</strong>&nbsp;ให้ลูกค้าตำส้มตำรับประทานฟรี&nbsp;มาเป็นระยะเวลากว่า&nbsp;5&nbsp;ปี&nbsp;และยืนยันจะทำต่อเนื่องต่อไป&nbsp;แม้ราคามะละกอและเครื่องปรุงในการตำส้มตำจะแพงขึ้น&nbsp;เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าในสภาวะสินค้าหลากหลายชนิดปรับขึ้นราคา</p><p><strong>ร้านอาหารตามสั่งไม่มีชื่อแต่ลูกค้าส่วนใหญ่จะเรียกว่าร้านแม่ใหญ่หนา</strong>&nbsp;หรือร้านใต้ต้นหูกวาง&nbsp;ข้างศูนย์ราชการจังหวัดหนองคาย&nbsp;ที่มีนายวีรพล&nbsp;สีหานาม&nbsp;อายุ&nbsp;72&nbsp;ปี&nbsp;อดีตลูกจ้างประจำ&nbsp;วิทยาลัยเทคนิคหนองคาย&nbsp;พร้อมญาติ&nbsp;ๆ&nbsp;ช่วยกันทำ&nbsp;โดยมีการปรับปรุงบ้านของตนเองให้เป็นร้านอาหารตามสั่งหลังเกษียณอายุราชการ&nbsp;ขายมาแล้วเป็นเวลากว่า&nbsp;12&nbsp;ปี&nbsp;อาหารขึ้นชื่อของร้านก็จะเป็นกะเพาหมูกรอบ&nbsp;ที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะต้องสั่งรับประทานกัน&nbsp;นอกจากนี้ก็มีเมนูอาหารตามสั่งที่ไม่แตกต่างจากร้านอาหารตามสั่งทั่วไป&nbsp;แต่สิ่งที่ร้านแห่งนี้แตกต่างจากร้านอาหารตามสั่งร้านอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;คือให้ลูกค้าตำส้มตำรับประทานได้ฟรี&nbsp;มาตั้งแต่ปี&nbsp;2559&nbsp;เป็นระยะเวลากว่า&nbsp;5&nbsp;ปี&nbsp;ย่างเข้าปีที่&nbsp;6&nbsp;แล้ว</p><p>โดยทางร้านจะเตรียมวัตถุดิบและเครื่องครัวในการตำส้มตำให้&nbsp;พร้อมน้ำปลาร้านัวๆ&nbsp;ลูกค้าอยากได้รสชาติแบบไหนก็ปรุงตามใจชอบ&nbsp;อยากตำกี่จานก็ไม่ว่า&nbsp;แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ตำแค่พอรับประทาน&nbsp;ซึ่งในแต่ละวันจะเตรียมมะละกอไว้วันละ&nbsp;5-6&nbsp;กก.และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ&nbsp;ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นบุคลากรของส่วนราชการที่อยู่ภายในศูนย์ราชการจังหวัดหนองคาย&nbsp;โดยเฉพาะอยู่ภายในศาลากลางจังหวัดหนองคาย&nbsp;ถือเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการซื้อส้มตำให้กับลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหารภายในร้านได้เป็นอย่างดี&nbsp;ยิ่งขณะนี้อยู่ในช่วงที่สินค้าหลากหลายชนิดมีการปรับขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;รวมไปถึงมะละกอที่ใช้ในการตำส้มตำด้วย&nbsp;ที่มีการปรับราคาจากเดิมเกือบ&nbsp;4&nbsp;เท่าตัว&nbsp;แต่ทางร้านก็ไม่ได้มีการปรับราคาอาหารที่ขายอยู่&nbsp;คือยังคงขายราคาจานละ&nbsp;45&nbsp;บาท&nbsp;ถ้ามีไข่ดาวก็เพิ่มอีก&nbsp;5&nbsp;บาทเท่านั้น&nbsp;ส่วนส้มตำฟรีก็ยังคงให้ลูกค้าได้ตำรับประทานฟรีเหมือนเดิม&nbsp;อีกทั้งยังมีบริหารอาหารตามสั่งส่งให้กับลูกค้าที่อยู่ภายในศาลากลางจังหวัด&nbsp;อีกด้วย&nbsp;ทำให้มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง</p><p><strong>นายวีรพล&nbsp;สีหานาม&nbsp;เจ้าของร้าน</strong>&nbsp;บอกว่าส้มตำฟรีได้ทำมาตั้งแต่พ่อหลวง&nbsp;(ร.9)&nbsp;เสด็จสวรรคต&nbsp;ในปี&nbsp;2559&nbsp;ซึ่งก่อนหน้านั้นนำมะละกอ&nbsp;พร้อมเครื่องตำส้มตำมาให้ลูกค้าตำเอง&nbsp;โดยคิดราคาจานละ&nbsp;10&nbsp;บาท&nbsp;แต่ไม่ประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งไว้&nbsp;เลยปรับเป็นให้ตำเองฟรี&nbsp;และได้ทำต่อเนื่องตั้งแต่นั้นมา&nbsp;ถือเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการซื้อส้มตำให้กับลูกค้าได้มากพอสมควร&nbsp;และยืนยันจะทำแต่เนื่องต่อไปมีราคามะละกอจะแพงขึ้นหลายเท่าตัว&nbsp;ส่วนราคาอาหารตามสั่งก็ยังคงตรึงราคาเดิม&nbsp;ดูว่าจะรับภาระที่เพิ่มขึ้นไหวไหม&nbsp;ถ้ารับไม่ไหวจึงจะปรับราคาขึ้น&nbsp;ขณะนี้ขายในราคาจานละ&nbsp;45&nbsp;บาท&nbsp;ถ้ามีไข่ดาวก็จะขายราคาจานละ&nbsp;50&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งตนขายอาหารตามสั่งมาแล้วมากกว่า&nbsp;10&nbsp;ปี&nbsp;หลังจากที่เกษียณอายุราชการ</p><p><strong>ลูกค้าที่มารับประทานอาหารที่ร้านประจำ&nbsp;บอกว่า&nbsp;</strong>การมีส้มตำฟรีเป็นสิ่งที่ดี&nbsp;ทำให้ประหยัดเงินไปได้หลายบาท&nbsp;เพราะหากเราซื้ออาหารแล้ว&nbsp;ถ้าต้องซื้อส้มตำเพิ่มอีก&nbsp;ก็จะต้องเพิ่มเงินอีกอย่างน้อยครึ่งหนึ่งหรือเท่าหนึ่งทีเดียว</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p&nbsp;class="ql-align-center"><br></p><p>&nbsp;</p>19/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหนองคายสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคายhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220119202346167 พาณิชย์ลำปาง พร้อมขานรับโครงการพาณิชย์ลดราคา ฯ Lot 17 หลัง ครม. อนุมัติงบ 1,480 ล้าน<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำปาง&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ที่ประชุม&nbsp;ครม.&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;18&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่ผ่านมา</strong>&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้เสนอโครงการพาณิชย์ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งเป็นโครงการลดราคาของกระทรวงพาณิชย์&nbsp;Lot&nbsp;17&nbsp;วงเงินงบประมาณ&nbsp;1,480&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ซึ่ง&nbsp;ครม.&nbsp;ได้ให้ความเห็นชอบ&nbsp;เพื่อเปิดจุดจำหน่ายสินค้าราคาถูกที่จำเป็นต่อการอุปโภคบริโภคโดยเฉพาะเนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ไข่&nbsp;น้ำมันพืช&nbsp;ข้าวสารและสินค้าอื่นที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน&nbsp;ในราคาพิเศษ&nbsp;เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนรวม&nbsp;3,050&nbsp;จุด&nbsp;ครอบคลุมทั้ง&nbsp;76&nbsp;จังหวัด&nbsp;ผ่านห้างท้องถิ่น&nbsp;ห้างโมเดิร์นเทรด&nbsp;ร้านสะดวกซื้อ&nbsp;ตลาดสด&nbsp;พื้นที่สาธารณะ&nbsp;ลานอเนกประสงค์&nbsp;สถานีบริการน้ำมัน&nbsp;1,500&nbsp;สถานี&nbsp;และรถโมบาย</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ทั้งนี้&nbsp;จุดจำหน่ายสินค้าราคาถูกนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นจุดจำหน่ายสินค้าราคาถูกที่จำเป็นต่อการอุปโภคบริโภค</strong>&nbsp;เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนอีกทางหนึ่ง&nbsp;ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาล&nbsp;เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชนในสถานการณ์ปัจจุบันเป็นเวลาอย่างน้อย&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;โดยคาดว่าจะเริ่มต้นได้เร็วที่สุดไม่เกินสัปดาห์หน้า</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>20/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120094958230 ส่งเสริม GI ครบวงจร ดันสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่นขึ้นทะเบียน ควบคุมคุณภาพ เพิ่มช่องทางการตลาด<p><strong>นายสินิตย์&nbsp;เลิศไกร&nbsp;รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;กระทรวงพาณิชย์จัดทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้าสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ&nbsp;และการส่งเสริมการตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์&nbsp;โดยในปี&nbsp;2564&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;ได้มีการจดทะเบียนสินค้า&nbsp;GI&nbsp;ไทยเพิ่มอีก&nbsp;18&nbsp;รายการ&nbsp;รวมเป็น&nbsp;152&nbsp;รายการ&nbsp;สร้างมูลค่าเพิ่มรวมกว่า&nbsp;39,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ช่วยยกระดับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าชุมชนและช่วยผู้ประกอบการและเกษตรกรรายย่อยไม่ถูกกดราคา&nbsp;สร้างกระบวนการผลิตสินค้าอัตลักษณ์พื้นที่ของไทย</p><p><strong>สำหรับแผนการทำงานในปี&nbsp;2565</strong>&nbsp;ยังเดินหน้าตามมาตรการเชิงรุกเพื่อส่งเสริมสินค้า&nbsp;GI&nbsp;&nbsp;ไทยอย่างต่อเนื่อง&nbsp;โดยกำหนดลงพื้นที่ให้ความรู้การขอรับความคุ้มครองสินค้า&nbsp;GI&nbsp;ให้กับชุมชนกว่า&nbsp;20&nbsp;แห่งทั่วประเทศ&nbsp;พร้อมส่งเสริมผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายกว่า&nbsp;800&nbsp;ราย&nbsp;&nbsp;และมีการโปรโมตสินค้า&nbsp;GI&nbsp;ไทย&nbsp;ให้เป็นที่รู้จักผ่านทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์&nbsp;การจัดพื้นที่จำหน่ายสินค้าในห้างสรรพสินค้าชั้นนำใจกลางเมือง&nbsp;จัดแสดงสินค้าในงานระดับนานาชาติ&nbsp;อาทิ&nbsp;ThaiFex&nbsp;2022,&nbsp;STYLE&nbsp;2022,&nbsp;Rice&nbsp;Matching&nbsp;2022&nbsp;ฯลฯ&nbsp;รวมทั้งการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้กับสินค้า&nbsp;GI&nbsp;เพื่อสร้างความโดดเด่นตรงความต้องการของตลาด</p><p><br></p><p><br></p>20/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120104146258 หอการค้าไทย ร่วมกับ ททท. และ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รับฟังเสียงผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวภาคเหนือ เร่งเดินหน้า เปิด test & go ดึงดูกนักท่องเที่ยวช่วง Hi-season<p><strong>นายสนั่น&nbsp;อังอุบลกุล&nbsp;ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ได้ประชุมหารือกับ&nbsp;นายยุทธศักดิ์&nbsp;สุภสร&nbsp;ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;(ททท.)&nbsp;และ&nbsp;นายประจญ&nbsp;ปรัชญ์สกุล&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่&nbsp;พร้อมด้วยผู้ประกอบการ&nbsp;สมาคม&nbsp;และเครือข่ายธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ&nbsp;เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะและแนวทางการฟื้นฟูภาคท่องเที่ยว&nbsp;รวมถึงความพร้อมในพื้นที่ภาคเหนือ&nbsp;ซึ่งที่ผ่านมาต่างได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิด-19&nbsp;</p><p><strong>หอการค้าไทย&nbsp;เห็นว่า&nbsp;ควรนำมาตรการ&nbsp;test&nbsp;&amp;&nbsp;go&nbsp;กลับมาใช้&nbsp;และปรับให้เหมาะสมกับการสถานการณ์&nbsp;ณ&nbsp;เวลานี้&nbsp;</strong>ซึ่งควรเร่งดำเนินการ&nbsp;เพื่อช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวและบริการ&nbsp;มีเงินหมุนเวียนในระบบ&nbsp;รักษาการจ้างงานของแรงงานไว้ได้&nbsp;และพร้อมที่จะกลับมาเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย&nbsp;คาดว่า&nbsp;หากมีการนำระบบ&nbsp;test&nbsp;&amp;&nbsp;go&nbsp;มาใช้ได้&nbsp;นักท่องเที่ยวในปีนี้&nbsp;น่าจะสูงถึง&nbsp;5-6&nbsp;ล้านคน&nbsp;อย่างแน่นอน</p><p><strong>ขณะที่&nbsp;ผู้ว่าฯ&nbsp;ททท.&nbsp;ได้นำเสนอและชี้แจงแผนการตลาดด้านการท่องเที่ยว&nbsp;ทั้งระยะสั้นและระยะยาว</strong>&nbsp;หลังการเปิดประเทศ&nbsp;โดยให้ความเห็นว่าการประชุม&nbsp;ศบค.&nbsp;ชุดใหญ่&nbsp;ในวันนี้&nbsp;(20&nbsp;มค&nbsp;65)&nbsp;มีแนวโน้มที่ดีที่จะมีการพิจารณาข้อเสนอในการปรับมาตรการระดับสีของจังหวัดต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;รวมถึงพิจารณานำมาตรการ&nbsp;test&nbsp;&amp;&nbsp;go&nbsp;กลับมาใช้อีกครั้ง&nbsp;ตามข้อเสนอของผู้ประกอบการ&nbsp;และในอนาคตจะต้องเน้นการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ&nbsp;โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริม&nbsp;เน้นสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับนักท่องเที่ยว</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ที่ประชุมยังได้มีการหารือในประเด็นการกำกับดูแลธุรกิจท่องเที่ยวของชาวต่างด้าวในพื้นที่&nbsp;ที่มีการดำเนินธุรกิจในลักษณะผิดกฎหมาย&nbsp;</strong>เช่น&nbsp;ไกด์นำเที่ยว&nbsp;และ&nbsp;Platform&nbsp;ท่องเที่ยวที่ไม่ได้เสียภาษีอย่างถูกต้อง&nbsp;และยังเสนอให้ช่วยกันผลักดัน&nbsp;การเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการรายย่อยในธุรกิจท่องเที่ยว&nbsp;เพื่อช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวให้กลับมาประคองกิจการต่ออีกครั้ง&nbsp;ขณะที่&nbsp;ผู้ประกอบการท่องเที่ยวใน&nbsp;จ.เชียงใหม่&nbsp;ได้มีการนำเสนอยกระดับพื้นที่สีฟ้าทุกอำเภอ&nbsp;เพื่อให้สามารถรองรับนักเดินทางต่างประเทศที่จะเข้ามาท่องเที่ยว&nbsp;ซึ่งจากเดิมมีการประกาศพื้นที่สีฟ้าเพียง&nbsp;5&nbsp;อำเภอในจังหวัดเท่านั้น&nbsp;แม้จะมีการระบาดในพื้นที่อยู่บ้าง&nbsp;แต่จากข้อมูลพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อยังอยู่ในระดับที่สามารถรองรับได้&nbsp;</p>20/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120142234422 บางกอกแอร์เวย์ส พร้อมเปิดให้บริการเที่ยวบินพิเศษเส้นทางกรุงเทพฯ – ภูเก็ต ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์นี้ หนุนโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ <p><strong>บริษัท&nbsp;การบินกรุงเทพ&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)&nbsp;หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส&nbsp;แจ้งว่า&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส&nbsp;เตรียมเปิดให้บริการเที่ยวบินพิเศษเส้นทางกรุงเทพฯ&nbsp;–&nbsp;ภูเก็ต</strong>&nbsp;เพื่อสนับสนุนโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์&nbsp;วันละ&nbsp;2&nbsp;เที่ยวบิน&nbsp;เฉพาะผู้โดยสารซีลรูท&nbsp;(Sealed&nbsp;Route)&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ผู้โดยสารที่เดินทางโดยเที่ยวบินพิเศษ&nbsp;เป็นผู้โดยสารที่เดินทางมาจากต่างประเทศ&nbsp;และต้องปฏิบัติตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(โควิด-19)&nbsp;ซึ่งกำหนดมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร&nbsp;อาทิ&nbsp;มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบตามข้อกำหนด,&nbsp;หลักฐานการสำรองห้องพักที่ได้มาตรฐาน&nbsp;SHA&nbsp;Extra&nbsp;Plus,&nbsp;ใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด-19&nbsp;โดยวิธี&nbsp;RT-PCR&nbsp;ระยะเวลาไม่เกิน&nbsp;72&nbsp;ชั่วโมงก่อนการเดินทาง,&nbsp;เอกสารประกันที่มีวงเงินคุ้มครองขั้นต่ำ&nbsp;50,000&nbsp;ดอลลาร์สหรัฐ&nbsp;และผ่านการคัดกรอง&nbsp;ตรวจวัดอุณหภูมิ&nbsp;ตั้งแต่การเดินทางเข้าประเทศ&nbsp;รวมถึงระหว่างการพำนักอยู่ในประเทศไทย&nbsp;ตามระยะเวลาที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด&nbsp;เป็นต้น&nbsp;</p><p><strong>สำหรับเที่ยวบินพิเศษเส้นทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต&nbsp;ให้บริการโดยเครื่องบินแบบเอทีอาร์&nbsp;72-600&nbsp;</strong>โดยเที่ยวบินที่&nbsp;PG5275&nbsp;ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิเวลา&nbsp;12.00&nbsp;น.&nbsp;ถึงสนามบินภูเก็ต&nbsp;เวลา&nbsp;14.05&nbsp;น.&nbsp;และเที่ยวบินที่&nbsp;PG5279&nbsp;ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิเวลา&nbsp;17.10&nbsp;น.&nbsp;ถึงสนามบินภูเก็ตเวลา&nbsp;19.15&nbsp;น.&nbsp;ผู้โดยสารสามารถตรวจสอบรายละเอียดเที่ยวบินเพิ่มเติมได้ที่&nbsp;<a&nbsp;href="https://www.bangkokair.com/flight/flightSchedule&nbsp;"&nbsp;rel="noopener&nbsp;noreferrer"&nbsp;target="_blank">https://www.bangkokair.com/flight/flightSchedule&nbsp;</a>&nbsp;&nbsp;โดยยืนยันว่า&nbsp;สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส&nbsp;ยังคงยึดมั่นในการให้บริการโดยคำนึงถึงความปลอดภัย&nbsp;และสุขอนามัยของผู้โดยสาร&nbsp;และพนักงานผู้ปฏิบัติงานเป็นสำคัญ&nbsp;และดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19&nbsp;อย่างต่อเนื่องโดยเคร่งครัด</p>20/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120105340273 เจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ไข่ไก่ <p><strong>พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;ร่วมกับศูนย์ชั่งตวงวัดภาคเหนือ&nbsp;เชียงใหม่&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ปริมาณการผลิต&nbsp;การจำหน่าย&nbsp;และราคาไข่ไก่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;</strong></p><p><strong>นางพนิดา&nbsp;วานิชรัตน์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;</strong>เปิดเผยว่า&nbsp;ในช่วงสัปดาห์นี้&nbsp;เจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;ร่วมกับศูนย์ชั่งตวงวัดภาคเหนือ&nbsp;(เชียงใหม่)&nbsp;นำโดยนายคมเพชร&nbsp;สำลีเติมสิริ&nbsp;ผู้อำนวยการศูนย์ชั่งตวงวัดภาคเหนือ(เชียงใหม่)&nbsp;ร่วมกันติดตามสถานการณ์ปริมาณการผลิตการจำหน่ายและราคาไข่ไก่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;หลังจากที่กรมการค้าภายในประกาศตรึงราคาไข่ไก่แบบคละ&nbsp;หน้าฟาร์มที่ฟองละ&nbsp;2.90&nbsp;บาท&nbsp;และจัดทำราคาจำหน่ายปลีกไข่ไก่ที่เหมาะสม&nbsp;ไม่รวมถึงไข่ไก่คัดคุณภาพหรือบรรจุภัณฑ์พิเศษ&nbsp;ไม่ให้ปรับราคาสูงขึ้น&nbsp;โดยติดตามสถานการณ์การผลิตของฟาร์มไก่ไข่และร้านจำหน่ายไข่ไก่ในพื้นที่อำเภอสันทราย&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;พบว่า&nbsp;ฟาร์มไก่ไข่เป็นฟาร์มขนาดเล็ก&nbsp;ยังคงได้รับผลกระทบจากราคาอาหารสัตว์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น&nbsp;โดยไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดวันละไม่ต่ำกว่า&nbsp;20,000&nbsp;ฟอง&nbsp;แต่ยังสามารถจำหน่ายได้แม้ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มสูงตาม&nbsp;และมีการขายส่งในพื้นที่จังหวัดและขายปลีกหน้าฟาร์ม&nbsp;พบว่า&nbsp;ปริมาณไข่ไก่ในพื้นที่เพียงพอกับความต้องการบริโภคไม่มีปัญหาขาดแคลน&nbsp;</p><p><strong>สำหรับผู้ประกอบการร้านจำหน่ายไข่ไก่แบบปลีก</strong>&nbsp;มีการปรับราคาขึ้นจากสัปดห์ที่ผ่านมาฟองละ&nbsp;0.10&nbsp;บาท&nbsp;ทุกเบอร์&nbsp;หรือมีการปรับขึ้นราคาไข่ไก่แผงละ&nbsp;3&nbsp;บาท&nbsp;จากการตรวจสอบราคาไข่ไก่ในสัปดาห์นี้พบว่าผู้ประกอบการร้านยังจำหน่ายไข่ไก่ในราคาปกติตามเดิมอยู่&nbsp;เนื่องจากมีการปรับราคาจากที่ผ่านมา&nbsp;โดยมีราคาขายปลีกอยู่ในระดับราคาที่เหมาะสม&nbsp;คือเบอร์&nbsp;0&nbsp;=3.80&nbsp;-&nbsp;4.30&nbsp;บาท/ฟอง&nbsp;(115&nbsp;-&nbsp;129&nbsp;บาท/แผง)&nbsp;เบอร์&nbsp;1=3.60&nbsp;-&nbsp;3.70&nbsp;บาท/ฟอง&nbsp;(108-111&nbsp;บาท/แผง)&nbsp;เบอร์&nbsp;2=3.30&nbsp;-&nbsp;3.40&nbsp;บาท/ฟอง&nbsp;(99-102&nbsp;บาท/แผง)&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;=&nbsp;3.00-3.20&nbsp;บาท/ฟอง&nbsp;(90&nbsp;-&nbsp;96&nbsp;บาท/แผง)&nbsp;เบอร์&nbsp;4=&nbsp;2.80&nbsp;-&nbsp;2.90&nbsp;บาท/ฟอง&nbsp;(84-87&nbsp;บาท/แผง)</p><p><strong>อย่างไรก็ตามสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่</strong>จะได้ออกตรวจติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการกักตุนหรือการฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรมแก่ผู้บริโภค&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>20/1/2022ภาคเหนือเชียงใหม่สวท.เชียงใหม่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120111128282 เกาะสมุย อันดับ 7 ของโลก อันดับ 2 ของเอเชีย เกาะท่องเที่ยวยอดเยี่ยมปี 2564 <p><strong>นายธานี&nbsp;แสงรัตน์&nbsp;อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>เกาะสมุย&nbsp;จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;ได้รับการจัดอันดับ&nbsp;7&nbsp;ของโลก&nbsp;และอันดับ&nbsp;2&nbsp;ของเอเชีย&nbsp;ในฐานะเกาะท่องเที่ยวยอดเยี่ยม&nbsp;ปี&nbsp;2564&nbsp;จากการจัดอันดับของนิตยสารแทรเวล&nbsp;แอนด์&nbsp;เลเชอร์&nbsp;(Travel&nbsp;and&nbsp;Leisure)&nbsp;นิตยสารด้านการท่องเที่ยวทั่วโลกชื่อดังของสหรัฐอเมริกา&nbsp;ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวร่วมโหวต&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;11&nbsp;มกราคมถึง&nbsp;10&nbsp;พฤษภาคม&nbsp;2564&nbsp;</p><p><strong>โดยใช้หลักเกณฑ์&nbsp;สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ</strong>&nbsp;ชายหาด&nbsp;อาหาร&nbsp;ความเป็นมิตร&nbsp;และมูลค่าโดยรวม&nbsp;ซึ่งเกาะสมุย&nbsp;มีความโดดเด่น&nbsp;เป็นเกาะที่มีชายฝั่งทะเลสวยงามและน้ำทะเลใสราวคริสตัลและปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างประเทศ&nbsp;ยังสามารถเดินทางเข้ามาที่เกาะสมุยในรูปแบบแซนด์บ็อกซ์&nbsp;ได้ด้วย</p><p><strong>ส่วนผลคะแนนสำรวจเกาะท่องเที่ยวโลกอันดับ&nbsp;1&nbsp;และ&nbsp;2</strong>&nbsp;ได้แก่&nbsp;เกาะมิลอสและเกาะโฟเลกันดรอส&nbsp;(Milos&nbsp;and&nbsp;Folegandros)&nbsp;ประเทศกรีซ&nbsp;ส่วนอันดับ&nbsp;3&nbsp;ได้แก่&nbsp;เกาะเซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์&nbsp;(St.&nbsp;Vincent&nbsp;and&nbsp;the&nbsp;Grenadines)&nbsp;ในทะเลแคริบเบียน</p><p><br></p><p><br></p>20/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสวท.จันทบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120135523392 นายกเมืองพัทยาลุย 7 โครงการพัฒนาพื้นที่ชุมชนสู่ตลาดโลก<p><strong>นายกเมืองพัทยาลุย&nbsp;7&nbsp;โครงการ&nbsp;เดินหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่ชุมชนโบราณ‘ลานโพธิ์และนาเกลือ’&nbsp;สู่ตลาดอาหารทะเลระดับโลก&nbsp;</strong></p><p><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นายสนธยา&nbsp;คุณปลื้ม&nbsp;นายกเมืองพัทยา&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;การปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในพื้นที่พัทยาเป็นนโยบายสำคัญในการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ&nbsp;โดยล่าสุด&nbsp;เมืองพัทยาได้ขับเคลื่อน&nbsp;“โครงการพัฒนาพื้นที่ลานโพธิ์และนาเกลือ”&nbsp;หรือ&nbsp;“Old&nbsp;Town&nbsp;นาเกลือ”&nbsp;ให้สอดรับกับยุทธศาสตร์การนำพัทยาไปสู่ความยั่งยืนตามแนว&nbsp;นีโอพัทยา&nbsp;และรองรับการขยายตัวของเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก&nbsp;(EEC)&nbsp;ตอบโจทย์การเป็นศูนย์กลางธุรกิจ&nbsp;ที่พักอาศัย&nbsp;การขนส่งคมนาคม&nbsp;และท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน&nbsp;ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมพื้นที่สีเขียวริมชายหาดและวัฒนธรรมในท้องถิ่น</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>สำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่ลานโพธิ์และนาเกลือ&nbsp;ที่ได้รับงบประมาณแล้ว&nbsp;จะมีทั้งสิ้น&nbsp;7&nbsp;โครงการหลัก&nbsp;</strong>ครอบคลุมตั้งแต่การยกระดับตลาดอาหารทะเลสดที่มีคุณภาพ&nbsp;การซื้อของฝาก&nbsp;การสร้างรายได้ให้วิสาหกิจชุมชน&nbsp;พัฒนาจุดชมทัศนียภาพเส้นทางแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ&nbsp;ป่าชายเลน&nbsp;และศึกษาวิถีวัฒนธรรมท้องถิ่นยาวนานนับ&nbsp;100&nbsp;ปี&nbsp;มีสวนสาธารณะให้พักผ่อนหย่อนใจ&nbsp;สร้างคุณภาพชีวิตให้ชุมชนและเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ&nbsp;โดยเฉพาะหลังโควิด-19&nbsp;จะมีนักท่องเที่ยวทั่วโลกซึ่งคิดถึงและกลับมาสู่พัทยาจำนวนมาก</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>“โครงการพัฒนาพื้นที่ลานโพธิ์และนาเกลือ&nbsp;หรือ&nbsp;Old&nbsp;Town&nbsp;นาเกลือ&nbsp;</strong>ถือเป็นมิติใหม่ด้านการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาอย่างแท้จริง&nbsp;เพราะพื้นที่ตรงนี้มีจุดขายสำคัญของการเป็นศูนย์กลางการค้าเก่าแก่ของชาวเมืองพัทยามาแต่ดั้งเดิม&nbsp;โดยเฉพาะตลาดอาหารทะเลสดๆ&nbsp;และเส้นทางศิลปะวัฒนธรรมที่มีมนต์เสน่ห์&nbsp;เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน&nbsp;มีทรัพยากรธรรมชาติชายฝั่งอุดมสมบูรณ์&nbsp;ดังนั้น&nbsp;โครงการทั้งหมดจึงออกแบบอย่างผสมผสานกันอย่างกลมกลืนและสอดคล้องกับความรู้สึกภาคภูมิใจของคนพัทยาว่ามีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นแลนด์มาร์คสำคัญเทียบเท่าต่างประเทศ”</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ทั้งนี้&nbsp;โครงการสร้างมิติใหม่พื้นที่ลานโพธิ์และนาเกลือ&nbsp;จะใช้งบประมาณทั้งสิ้น&nbsp;198&nbsp;ล้านบาท</strong>&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;1.&nbsp;โครงการก่อสร้างอาคารจอดรถสำหรับตลาดจำหน่ายสินค้าของฝาก&nbsp;เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว&nbsp;รองรับรถยนต์ได้&nbsp;239&nbsp;คัน&nbsp;โดยชั้นดาดฟ้าเป็นสวนสามารถชมวิวอ่าวนาเกลือในมุมสูงได้&nbsp;2.&nbsp;โครงการก่อสร้างตลาดขายอาหารทะเลบริเวณตลาดลานโพธิ์&nbsp;เมืองพัทยา&nbsp;ปรับปรุงตลาดขายอาหารทะเลสด&nbsp;สะอาด&nbsp;มีคุณภาพราคาไม่แพงจากชาวประมงชุมชนนาเกลือ&nbsp;พร้อมบริการปรุงอาหารทะเลและที่นั่งสำหรับรับประทาน&nbsp;3.โครงการปรับปรุงสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติพื้นที่&nbsp;6,432&nbsp;ตารางเมตร&nbsp;พัฒนาให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจริมชายทะเล&nbsp;ออกกำลังกายและอีเวนต์ต่างๆ&nbsp;เพิ่มพื้นที่สีเขียวสนามเด็กเล่นและสิ่งอำนายความสะดวกครบครัน&nbsp;4.โครงการก่อสร้างเส้นทางเดินชมธรรมชาติตลาดลานโพธิ์-จุดชมวิวทัศนียภาพปากคลองนาเกลือและคลองนกยาง&nbsp;(สะพานยาว)&nbsp;5.โครงการปรับปรุงจุดชมทัศนียภาพปากคลองนาเกลือ&nbsp;และคลองนกยาง&nbsp;(สะพานยาว)&nbsp;ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาแวะดูนกในท้องถิ่นหลากหลายสายพันธุ์&nbsp;อาทิ&nbsp;นกยาง&nbsp;นกนางนวล&nbsp;นกนางนวลแกลบ&nbsp;และนกชายฝั่ง&nbsp;6.โครงการก่อสร้างเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าโกงกางคลองนกยาง&nbsp;สำหรับนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมป่าชายเลนผืนสุดท้ายของเมืองพัทยา&nbsp;ตั้งแต่สวนสาธารณะศาลเจ้าศรีนิล&nbsp;ถึงสะพานขาว&nbsp;และ&nbsp;7.โครงการก่อสร้างทางเท้าโซนนาเกลือ&nbsp;ได้แก่&nbsp;ถนนสว่างฟ้า&nbsp;ถนนพัทยา-นาเกลือ&nbsp;และถนนทางเดินในชุมชน&nbsp;เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะดวกปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวและประชาชนที่สัญจรไปมา</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ในส่วนของงบประมาณที่ใช้ในทั้ง&nbsp;7&nbsp;โครงการ&nbsp;ระยะ&nbsp;4&nbsp;ปีข้างหน้า</strong>จะมาจากงบประมาณของเมืองพัทยา&nbsp;,เงินอุดหนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี&nbsp;2565&nbsp;,งบแผนบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกปี&nbsp;2565&nbsp;และเงินอุดหนุนงบประมาณรายจ่ายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;(พ.ศ.2563-2566)&nbsp;โดยการดำเนินงานทั้ง&nbsp;7&nbsp;โครงการจะเป็นระยะที่หนึ่งซึ่งเป็นการพัฒนาเชิงพื้นที่&nbsp;เชื่อมโยงจุดเด่นต่าง&nbsp;ๆของลานโพธิ์นาเกลือ&nbsp;และในระยะที่สองจะเป็นการพัฒนาร่วมกับ&nbsp;อีอีซี.&nbsp;ที่จะมุ่งยกระดับตลาดอาหารทะเล&nbsp;ซึ่งจะทำให้การพัฒนา&nbsp;นีโอนาเกลือ&nbsp;มีความสมบูรณ์ต่อไป</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">ปริญญา&nbsp;&nbsp;ข่าว/ภาพ</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>20/1/2022ภาคตะวันออกชลบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120135542396 ถั่วลายเสือ 88 รายการ และกระเทียม 144 รายการ ได้รับการรับรองเป็นสินค้า GI ของแม่ฮ่องสอน<p><strong>พาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน</strong>&nbsp;นางสาวยุพา&nbsp;นาคา&nbsp;และนางสาวจันทร์จิรา&nbsp;อังธนาณุกุล&nbsp;นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการพิเศษ&nbsp;รักษาการในตำแหน่งวิชาการพาณิชย์ชำนาญการพิเศษ&nbsp;เข้าร่วมประชุมคณะทำงานเพื่อพิจารณาคำขอ&nbsp;ตรวจกระบวนการผลิต&nbsp;ควบคุมคุณภาพสินค้าและแหล่งที่มาของสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์&nbsp;“ถั่วลายเสือแม่ฮ่องสอน”&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1/2565&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศภูมิศาสตร์&nbsp;องค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ที่ประชุมมีมติรับรองผลการตรวจประเมินเกษตรกรที่สมัครขอใช้ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์&nbsp;“ถั่วลายเสือแม่ฮ่องสอน”&nbsp;จำนวน&nbsp;88&nbsp;ราย&nbsp;และมีมติรับรองผลการตรวจประเมินเกษตรกรที่สมัครขอใช้ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์&nbsp;“กระเทียมแม่ฮ่องสอน”&nbsp;จำนวน&nbsp;144&nbsp;ราย&nbsp;และมอบหมายทีมตรวจประเมินมาตรฐานการผลิตจัดทำสรุปรายละเอียดเกษตรกรเพิ่มเติม</p><p><strong>ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์&nbsp;(Geographical&nbsp;Indications&nbsp;หรือ&nbsp;GI)&nbsp;</strong>เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่ง&nbsp;ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีความเชื่อมโยง&nbsp;(Links)&nbsp;ระหว่างปัจจัยสำคัญสองประการ&nbsp;คือ&nbsp;ธรรมชาติและมนุษย์&nbsp;กล่าวคือ&nbsp;ชุมชนได้อาศัยลักษณะเฉพาะที่มีอยู่ในแหล่งภูมิศาสตร์ตามธรรมชาติ&nbsp;เช่น&nbsp;สภาพดินฟ้าอากาศ&nbsp;หรือวัตถุดิบเฉพาะในพื้นที่&nbsp;มาใช้ประโยชน์ในการผลิตสินค้าในท้องถิ่นของตนขึ้นมา&nbsp;ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณลักษณะพิเศษที่มาจากพื้นที่ดังกล่าว&nbsp;คุณลักษณะพิเศษนี้อาจหมายถึง&nbsp;คุณภาพ&nbsp;ชื่อเสียงหรือคุณลักษณะเฉพาะอื่นๆ&nbsp;ที่มาจากแหล่งภูมิศาสตร์นั้นๆ</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>20/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120134200371 เกษตรฯ แม่ฮ่องสอน ถ่ายทอดความรู้และพัฒนาศักยภาพเกษตรกร ลดพื้นที่การปลูกพืชที่เสี่ยงจะเกิดการเผา<p><strong>นายวรากร&nbsp;ฟองกระจาย&nbsp;เกษตรอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน</strong>&nbsp;มอบหมายให้นางสาวยุพาพร&nbsp;อุณหนันท์&nbsp;นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ&nbsp;พร้อมด้วยนายวรวุฒิ&nbsp;ณภาทรัพย์&nbsp;เจ้าพนักงานการเกษตร&nbsp;และนางสาวธัญจิรา&nbsp;ไชยวรรณ์&nbsp;นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร&nbsp;จัดกิจกรรมถ่ายทอดความรู้และพัฒนาศักยภาพเกษตรกรให้เป็นวิทยากรด้านการเกษตรปลอดการเผา&nbsp;โดยวิทยากรจากศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;(เกษตรที่สูง)&nbsp;อบรมให้ความรู้และสาธิตการขยายพันธุ์ไม้ผลในรูปแบบต่างๆ&nbsp;เพื่อลดพื้นที่การปลูกพืช&nbsp;ที่เสี่ยงจะเกิดการเผา&nbsp;ณ&nbsp;บ้านไม้สะเป่&nbsp;ตำบลางหมู&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;</p><p><strong>การขยายพันธุ์พืชเป็นการเพิ่มจำนวนต้นพืชให้ได้จำนวนมากพอกับปริมาณความต้องการ</strong>&nbsp;โดยพืชต้นใหม่ที่ได้ยังคงลักษณะและสมบัติของพันธุ์ที่ดีไว้&nbsp;หรืออาจได้พันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะผิดไปจากเดิม</p><p><strong>การขยายพันธุ์พืชแบ่งได้&nbsp;2&nbsp;แบบ&nbsp;คือ&nbsp;</strong>การขยายพันธุ์พืชแบบอาศัยเพศ&nbsp;ได้แก่&nbsp;การขยายพันธุ์&nbsp;โดยการใช้เมล็ด&nbsp;ซึ่งเกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียของพืชดอก&nbsp;จนเกิดการปฏิสนธิ&nbsp;รังไข่ของดอกจะเจริญเป็นผล&nbsp;ไข่หรือออวุลที่อยู่ในรังไข่จะเจริญเป็นเมล็ด&nbsp;และภายในของเมล็ดก็จะมีต้นอ่อนหรือเอมบริโอ&nbsp;เมื่อนำเมล็ดพืชมาเพาะต้นอ่อนก็จะงอกและเจริญเติบโต&nbsp;ได้พืชต้นใหม่ที่มีลักษณะเหมือนเดิมและมีจำนวนมากขึ้น&nbsp;และการขยายพันธุ์พืชแบบไม่อาศัยเพศ&nbsp;ได้แก่&nbsp;การขยายพันธุ์โดยใช้ส่วนต่างๆ&nbsp;ของต้นพืช&nbsp;เช่น&nbsp;ใช้การปักชำ&nbsp;การตอนกิ่ง&nbsp;การต่อกิ่ง&nbsp;การติดตา&nbsp;การทาบกิ่ง&nbsp;การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ&nbsp;เป็นต้น</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;</p>20/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120135115383 กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 พร้อมจัดกิจกรรม ปั่นจักรยานเพื่อการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ บนเส้นทาง 3 เส้นทาง 3 จังหวัด ตลอดเดือน กุมภาพันธ์นี้<p><strong>นายอังกูร&nbsp;สีลาเทวากูล&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี</strong>&nbsp;เป็นประธานงานแถลงข่าว&nbsp;กิจกรรม&nbsp;"ปั่นทางไกลตามรอยอารยธรรมทวารวตี"&nbsp;พร้อมตัวย&nbsp;นายชูชีพ&nbsp;พงษ์ไชย&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;นายศศิน&nbsp;ติศวนนท์&nbsp;ผู้ช่วยท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;และ&nbsp;นายสมจินต์&nbsp;ชาญกระบี่&nbsp;ผู้จัดการสำนักงานพื้นที่พิเศษ&nbsp;7&nbsp;ณ&nbsp;กาดวิถีชุมชนคูบัว&nbsp;อ.เมืองราชบุรีจังหวัดราชบุรี&nbsp;ซึ่งกิจกรรมปั่นวิถีใหม่&nbsp;ตามรอยทวารวดี"&nbsp;จัดขึ้นเพื่อให้เกิดการบูรณา&nbsp;การท่องเที่ยว&nbsp;เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน&nbsp;และเกิดการกระจายรายได้ให้แก่ชุมชนและผู้ประกอบการท่องเที่ยว&nbsp;โดยกิจกรรมการปั่น&nbsp;ทั้ง&nbsp;3&nbsp;เส้นทาง&nbsp;จะมีศิลปิน&nbsp;นักปั่น&nbsp;ที่มีชื่อเสียงเข้าร่วม&nbsp;ได้แก่&nbsp;คุณมนัสวิน&nbsp;นันทเสน&nbsp;(ติ๊ก&nbsp;ชิโร่)&nbsp;คุณอรุณณภา&nbsp;พาณิชจรูญ&nbsp;(หวานหวาน&nbsp;นางฟ้าสายปั่น)&nbsp;และ&nbsp;คุณจิรศักดิ์&nbsp;ปานทุ่ม&nbsp;(แมว)</p><p><strong>นายอังกูร&nbsp;ศีลาเทวากูล&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ในปัจจุบัน&nbsp;แนวโน้มเรื่องการท่องเที่ยว&nbsp;สุขภาพ&nbsp;และสิ่งแวดล้อมเป็นกระแสหลักที่สนใจและถูกพูดถึงเป็นจำนวนมาก&nbsp;กิจกรรมการปั่นจักรยานเป็นกิจกรรมหนึ่งที่สามารถตอบโจทย์&nbsp;เรื่องการท่องเที่ยว&nbsp;สุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี&nbsp;รวมไปถึงการท่องเที่ยวทางเลือก&nbsp;ซึ่งสามารถสร้างการรับรู้และประสบการณ์ใหม่ให้แก่นักท่องเที่ยวในปัจจุบัน&nbsp;ทั้งนี้พื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง&nbsp;1&nbsp;มีความโดดเด่นด้านวัฒนธรรมทางประวัติศาสตร์&nbsp;เช่น&nbsp;ประวัติศาสตร์ยุคทวารวดี&nbsp;รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลาย&nbsp;อาทิ&nbsp;ไททรงดำไทยวน&nbsp;ลาวครั่ง&nbsp;ซึ่งนับเป็นจุดแข็งของทรัพยากรการท่องเที่ยวที่มีร่วมกันสามารถตึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในพื้นที่โดยจังหวัตราชบุรีจะเป็นการปั่นจักรยาน&nbsp;จ.ราชบุรี&nbsp;-&nbsp;จ.สุพรรณบุรี&nbsp;ในวันอาทิตย์&nbsp;ที่&nbsp;13&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;โดยผ่านแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในสมัยทวารวดี&nbsp;อาทิ&nbsp;ชุมชนโบราณสถานบ้านคู่บัว&nbsp;พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่&nbsp;(วัดขนอน)&nbsp;มหรสพการละเล่นชั้นสูงที่เก่าแก่&nbsp;ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น&nbsp;จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมจากยูเนสโก&nbsp;ในปี&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2550&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ทางด้าน&nbsp;นายชูชีพ&nbsp;พงษ์ใชย&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;ได้กล่าวแนะนำ</strong>สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ตามอารยธรรมทวารวดี&nbsp;เพื่อให้รู้จักและสามารถมาตามรอยประวัติศาสตร์อารยธรรมทวารวดี&nbsp;ที่จังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;โดยเส้นทางของจังหวัด&nbsp;สุพรรณบุรี&nbsp;-&nbsp;จังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;ในวันอาทิตย์&nbsp;ที่&nbsp;27&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;จะเริ่มจากวัดเขา&nbsp;พระศรีสรรเพชญาราม&nbsp;ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยทวารวตี&nbsp;ผ่านพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ&nbsp;หรือที่รู้จักกันว่า&nbsp;"หลวงพ่ออู่ทอง"&nbsp;ผ่านพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง&nbsp;สถานที่จัดแสดงลูกปัดอู่ทอง&nbsp;อันเป็นโบราณวัตถุที่ทรงคุณค่าในอดีต&nbsp;และมีการต่อยอดส่งเสริมให้ชาวบ้านในเขตอำเภออู่ทอง&nbsp;ได้ใช้องค์ความรู้ในอดีตมาประยุกต์&nbsp;ผลิตลูกปัด&nbsp;เพื่อเป็นสินค้าของที่ระลึกแก่ผู้สนใจและนักท่องเที่ยว&nbsp;และนำภูมิปัญญาไปสร้างสรรค์เป็น&nbsp;ขนมลูกปัดสลัดงา&nbsp;ที่มีรสชาติเอร็ตอร่อย</p><p><strong>ด้าน&nbsp;นายศศิน&nbsp;ดิศวนนท์&nbsp;ผู้ช่วยท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;นับเป็นการดีที่จังหวัดกาญจนบุรีได้รับการปรับเป็นพื้นที่สีฟ้า&nbsp;พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว&nbsp;โดยเส้นทางการปั่นจักรยานจาก&nbsp;จังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;-&nbsp;จังหวัดราชบุรี&nbsp;วันอาทิตย์ที่&nbsp;20&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;โดยเริ่มจากอุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์&nbsp;พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเก่า&nbsp;โบราณสถานพงตึก"&nbsp;ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง&nbsp;ในเขตอำเภอ&nbsp;ท่ามะกา&nbsp;จังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;อดีตเป็นชุมชนทางด้านการค้าในสมัยทวารวดี</p><p><strong>สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม&nbsp;</strong>สามารถดูรายละเอียดทาง&nbsp;Facebook&nbsp;Fan&nbsp;Page&nbsp;:&nbsp;ปั่นวิถีใหม่&nbsp;ตามรอยทวารวดี&nbsp;และ&nbsp;<a&nbsp;href="www.dvaravatinewnormal.com"&nbsp;rel="noopener&nbsp;noreferrer"&nbsp;target="_blank">www.dvaravatinewnormal.com</a></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;</p>20/1/2022ภาคตะวันตกราชบุรีสวท.ราชบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120143522430 พาณิชย์จังหวัดระยอง ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาเนื้อไก่และไข่ไก่ พบราคาจำหน่ายมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>สถานการณ์ราคาไก่และไข่ไก่&nbsp;จ.ระยอง&nbsp;ยังอยู่ในราคาที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด</strong>&nbsp;ล่าสุด&nbsp;กกร.&nbsp;มีมติให้ไก่และเนื้อไก่&nbsp;เป็นสินค้าควบคุม&nbsp;ผู้เลี้ยง&nbsp;1&nbsp;แสนตัวขึ้นไป&nbsp;ต้องแจ้งปริมาณ&nbsp;สต๊อก&nbsp;และต้นทุนจำหน่ายทุกเดือน&nbsp;เตรียมเสนอ&nbsp;ครม.พิจารณาในสัปดาห์หน้า&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;(กกร.)&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2/2565&nbsp;</strong>เมื่อวานนี้&nbsp;(19&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ที่ประชุมมีมติให้ไก่และเนื้อไก่เป็นสินค้าควบคุม&nbsp;และให้ความเห็นชอบกำหนดมาตรการ&nbsp;ให้ผู้เลี้ยงไก่ที่มีปริมาณการเลี้ยงตั้งแต่&nbsp;100,000&nbsp;ตัวขึ้นไป&nbsp;และโรงชำแหละไก่ที่มีกำลังการผลิตมากกว่า&nbsp;4,000&nbsp;ตัวต่อวัน&nbsp;แจ้งปริมาณ&nbsp;สต๊อก&nbsp;และต้นทุนราคาจำหน่ายทุกเดือน&nbsp;กำหนดให้โรงงานผลิตอาหารสัตว์&nbsp;ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด&nbsp;55&nbsp;โรง&nbsp;ต้องแจ้งต้นทุนราคาจำหน่าย&nbsp;ปริมาณการผลิตและสต๊อก&nbsp;กำหนดมาตรการให้การปรับราคา&nbsp;ต้องได้รับอนุญาตจากกรมการค้าภายในก่อน&nbsp;โดยกระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอผลการประชุม&nbsp;ต่อที่ประชุม&nbsp;ครม.&nbsp;เห็นชอบในสัปดาห์หน้า&nbsp;นั้น</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นางสาวสุวีรยา&nbsp;ปั้นปาน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดระยอง&nbsp;กล่าว&nbsp;</strong>จากการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์จำหน่ายเนื้อไก่และไข่ไก่ในสัปดาห์นี้&nbsp;ราคาไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก&nbsp;โดยมีราคาไม่แตกต่างจากราคาที่กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาไว้&nbsp;โดยกำหนดราคาหน้าฟาร์มและราคาจำหน่ายไก่&nbsp;ในราคาที่เป็นธรรมกับผู้บริโภค&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;&nbsp;หากพบเห็นการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าหรือกักตุนสินค้า&nbsp;แจ้งได้ที่สายด่วน&nbsp;1569&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดระยอง&nbsp;โทร.0-3869-4053-5&nbsp;เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการลงไปตรวจสอบต่อไป</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>20/1/2022ภาคตะวันออกระยองสวท.ระยองhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120135906403 จ.ประจวบฯ จับมือ มทร.รัตนโกสินทร์ แปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์จากมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ และป้องกันแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ<p><strong>(20&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์&nbsp;วิทยาเขตวังไกลกังวล&nbsp;</strong>ตำบลหนองแก&nbsp;อำเภอหัวหิน&nbsp;จังหวัดประจวบคีรีขันธ์&nbsp;นายเสถียร&nbsp;เจริญเหรียญ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์&nbsp;เป็นประธานเปิดโครงการสร้างการรับรู้การพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าใหม่ของการยกระดับผลิตภัณฑ์จากมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง&nbsp;จังหวัดประจวบคีรีขันธ์&nbsp;เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหามะม่วงน้ำดอกไม้สีทองล้นตลาด&nbsp;ราคาตกต่ำ&nbsp;ด้วยการนำมาแปรรูปเพิ่มมูลค่า&nbsp;รวมถึงการบริหารจัดการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ปลูก&nbsp;ผู้แปรรูป&nbsp;และผู้จำหน่าย&nbsp;เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์จากมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองสู่มาตรฐานการส่งออก&nbsp;โดยอาศัยการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการด้วยวิทยาศาสตร์&nbsp;เทคโนโลยี&nbsp;และนวัตกรรม&nbsp;บูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างนักวิจัยและผู้ประกอบการ&nbsp;ทำให้เกิดนวัตกรรมผลิตภัณฑ์จากมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองที่มีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด&nbsp;</p><p><strong>โดยในวันนี้&nbsp;มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์&nbsp;</strong>ได้จัดสัมมนาในหัวข้อการพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าการใช้ประโยชน์และวิธีการสกัดสารสำคัญจากมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง&nbsp;เพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์&nbsp;หรือ&nbsp;OTOP&nbsp;ที่มีมูลค่าสูงสำหรับวิสาหกิจชุมชน&nbsp;ตั้งเป้านำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้ในการพัฒนายกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนจากมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>20/1/2022ภาคตะวันตกประจวบคีรีขันธ์สวท.ประจวบคีรีขันธ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120140315408 ปศุสัตว์จังหวัดยโสธร บูรณาการพาณิชย์จังหวัด เกษตรและสหกรณ์ ตำรวจ ด่านกักกันสัตว์ และสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดออกตรวจสต๊อกเนื้อหมูในพื้นที่จังหวัดยโสธร เพื่อป้องกันการกักตุน<p><strong>วันที่&nbsp;20&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่จังหวัดยโสธร</strong>&nbsp;หน่วยงานสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดยโสธร&nbsp;บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสต๊อกเนื้อหมู&nbsp;นำโดย&nbsp;นายปรีดา&nbsp;ถาวรประดิษฐ์&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดยโสธร&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นางสาวอลเวง&nbsp;ศรีหิรัญ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดยโสธร&nbsp;นางสาวเสาวนิต&nbsp;ทับทิมจรูญ&nbsp;เกษตรและสหกรณ์จังหวัดยโสธร&nbsp;พ.ตท.นิติพัฒน์&nbsp;สิริปิติวัฒน์&nbsp;รองผู้กำกับการสืบสวน&nbsp;สถานีตำรวจภูธรจังหวัดยโสธร&nbsp;ร.ต.อ.พิสูจน์&nbsp;นันทศักดิ์ภิญโญ&nbsp;สารวัตรป้องกันและปรามปราม&nbsp;สถานีตำรวจภูธรเมืองยโสธร&nbsp;นายทรงศักดิ์&nbsp;วงศ์สุพรรณ&nbsp;หัวหน้าด่านกักกันสัตว์&nbsp;นางสาวนรีรัตน์&nbsp;เจริญศิริรัตนา&nbsp;นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ&nbsp;สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธร&nbsp;และเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ห้างสรรพสินค้าแมคโคร&nbsp;สาขายโสธร&nbsp;และร้านจำหน่ายหมูสด&nbsp;วี.ซี.มีท&nbsp;สาขายโสธร&nbsp;อ.เมืองยโสธร&nbsp;จ.ยโสธร&nbsp;ตรวจสต๊อกเนื้อหมู&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุนเนื้อหมู&nbsp;โดยมีการตรวจทั้งภายในห้างร้าน&nbsp;ว่ามีปริมาณเนื้อหมูที่จำหน่ายเพียงพอหรือไม่&nbsp;ตรวจราคาที่จำหน่าย&nbsp;และได้ตรวจสต็อกในห้องเย็น</p><p><strong>&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;การลงตรวจสอบภาพรวม&nbsp;</strong>พบว่าภายในห้างและร้านค้า&nbsp;มีปริมาณเนื้อหมูเพียงพอกับความต้องการของประชาชน&nbsp;และมีการติดป้ายราคาสินค้าอย่างชัดเจน&nbsp;ส่วนภายในห้องเย็นที่มีการเก็บเนื้อหมูนั้นก็ไม่พบว่ามีการสต็อกเกินกว่าที่กำหนด&nbsp;อีกทั้งยังได้ขอความร่วมมือไม่ให้มีการกักตุนเนื้อหมู&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนั้น&nbsp;ทางห้างแมคโคร&nbsp;สาขายโสธร&nbsp;</strong>ยังได้นำเนื้อเป็ด&nbsp;ไก่&nbsp;ปลา&nbsp;และอาหารทะเล&nbsp;มาจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น&nbsp;เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชน&nbsp;ในช่วงเทศกาลตรุษจีนด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>20/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยโสธรสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธรhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120143731433 กระทรวงคมนาคม ทุ่มงบกว่า 1.4 ล้านล้านบาท ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในปี 2565 <p><strong>นายศักดิ์สยาม&nbsp;ชิดชอบ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;แม้ในช่วง&nbsp;2&nbsp;ปีที่ผ่านมา&nbsp;ประเทศไทย&nbsp;และทั่วโลกจะประสบปัญหาวิกฤติโควิด-19&nbsp;แต่งานกระทรวงคมนาคมยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงข่ายคมนาคมของประเทศ&nbsp;ในการดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานซึ่งเป็นเป็นครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ&nbsp;ทั้งการท่องเที่ยว&nbsp;และการลงทุนของภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบและชะลอตัว</p><p><strong>ในปี&nbsp;2565&nbsp;กระทรวงคมนาคมมีเม็ดเงินลงทุนโครงข่ายคมนาคมทั้งหมด&nbsp;1.4&nbsp;ล้านล้านบาท</strong>&nbsp;ประกอบด้วยโครงการที่ลงนามสัญญาแล้ววงเงิน&nbsp;516,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และโครงการลงทุนใหม่&nbsp;974,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ซึ่งจะช่วยจ้างงานได้มากถึง&nbsp;154,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;สร้างมูลค่าเพิ่มในส่วนของการใช้จ่ายด้านวัสดุก่อสร้าง&nbsp;อุปกรณ์&nbsp;1.24&nbsp;ล้านล้านบาท&nbsp;เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร้อยละ&nbsp;2.35&nbsp;ของจีดีพี&nbsp;หรือประมาณ&nbsp;400,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>สำหรับแผนลงทุนของกระทรวงทั้งราง&nbsp;น้ำ&nbsp;บก&nbsp;อากาศ&nbsp;จะช่วยเพิ่มความเร็วในการเดินทาง&nbsp;</strong>โดยรถไฟฟ้า&nbsp;เพิ่มความเร็วในการเดินทางช่วงรถติดได้&nbsp;35&nbsp;กิโลเมตรต่อชั่วโมง&nbsp;เส้นทางมอเตอร์เวย์&nbsp;เพิ่มความเร็วได้&nbsp;จาก&nbsp;80&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;เป็น&nbsp;120&nbsp;กิโลเมตรต่อชั่วโมง&nbsp;&nbsp;รถไฟทางคู่&nbsp;เพิ่มความเร็วจาก&nbsp;60&nbsp;กิโลเมตรเป็น&nbsp;100&nbsp;กิโลเมตรต่อชั่วโมง&nbsp;ลดต้นทุนค่าขนส่งได้&nbsp;4&nbsp;เท่า,&nbsp;รถไฟความเร็วสูง&nbsp;เพิ่มความเร็วการเดินทางจาก&nbsp;80&nbsp;กิโลเมตรเป็น&nbsp;160&nbsp;กิโลเมตรต่อชั่วโมง&nbsp;สนามบินดอนเมือง&nbsp;สุวรรณภูมิ&nbsp;อู่ตะเภา&nbsp;เชื่อต่อกรเดินางภูมิภาคและต่างประเทศเร็วรองรับผู้โดยสารจาก&nbsp;80&nbsp;ล้านคนต่อปี&nbsp;เป็น&nbsp;120&nbsp;ล้านคนต่อปี&nbsp;</p><p><strong>รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม&nbsp;กล่าวอีกว่า</strong>&nbsp;กระทรวงคมนาคมดำเนินการพัฒนารถไฟฟ้าในกรุงเทพ&nbsp;และปริมณฑล&nbsp;ทั้งหมด&nbsp;14&nbsp;สายทางระยะทาง&nbsp;554&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว&nbsp;6&nbsp;สาย&nbsp;11&nbsp;เส้นทาง&nbsp;อยู่ระหว่างการก่อสร้าง&nbsp;4&nbsp;สายทาง&nbsp;และในปี&nbsp;2565&nbsp;จะเปิดใช้บริการสายสีเหลือง&nbsp;ช่วง&nbsp;ลาดพร้าว-สำโรง&nbsp;และแยกรัชดา-ลาดพร้าว-แยกรัชโยธิน&nbsp;เปิดให้บริการเดือนมิถุนายนนี้&nbsp;ส่วนสายสีชมพู&nbsp;ช่วงแคราย–มีนบุรี&nbsp;และช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี&nbsp;เปิดบริการเดือนกรกฎาคม&nbsp;2566&nbsp;สายสีส้ม&nbsp;ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี&nbsp;คาดว่าจะเสร็จเดือนธันวาคม&nbsp;2568&nbsp;และแอร์พอร์ต&nbsp;เรล&nbsp;ลิงค์&nbsp;ช่วงพญาไท–บางซื่อ–ดอนเมือง&nbsp;จะเปิดให้บริการ&nbsp;ปี&nbsp;70&nbsp;อีกทั้งยังมีอีก&nbsp;4&nbsp;สายที่อยู่ระหว่างศึกษารูปแบบลงทุน&nbsp;และเปิดประมูล&nbsp;ซึ่งจะเปิดให้บริการปี&nbsp;70&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังมีแผนสร้างรถไฟทางคู่&nbsp;</strong>โดยเชื่อมโยงฝั่งตะวันออกสู่ตะวันตก&nbsp;เหนือสู่ใต้&nbsp;รองรับการเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน&nbsp;ซึ่งปี&nbsp;2565&nbsp;ก่อสร้างรถไฟทางคู่&nbsp;ระยะแรก&nbsp;จะแล้วเสร็จ&nbsp;1,111&nbsp;กิโลเมตร</p>20/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120150341446 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ตรวจสอบการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันของผู้ประกอบการลานเทในพื้นที่อำเภอห้วยยอด<p><strong>นางสาวสุภากิตติ์&nbsp;เกลี้ยงสงค์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตรัง</strong>&nbsp;มอบหมายกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;ร่วมกับผู้แทนเกษตรและสหกรณ์จังหวัด&nbsp;ผู้แทนเกษตรจังหวัดตรัง&nbsp;และผู้แทนอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันของผู้ประกอบการลานเทในพื้นที่อำเภอห้วยยอด&nbsp;จำนวน&nbsp;6&nbsp;แห่ง&nbsp;เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับเกษตรกรในการจำหน่ายผลปาล์มน้ำมันและยกระดับมาตรฐานการผลิตปาล์มน้ำมันจังหวัดตรังให้สามารถแข่งขันในตลาดได้&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้ให้คำแนะนำการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมัน</strong>&nbsp;ตามประกาศ&nbsp;กกร.&nbsp;ฉบับที่&nbsp;58&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2564&nbsp;เรื่อง&nbsp;การกำหนดหลักเกณฑ์&nbsp;เงื่อนไขการรับซื้อ&nbsp;และการแสดงราคารับซื้อสินค้าผลปาล์มน้ำมันตามอัตราน้ำมันฯ&nbsp;และฉบับที่&nbsp;21&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2564&nbsp;เรื่อง&nbsp;การแจ้งปริมาณ&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าน้ำมันปาล์มและผลปาล์มน้ำมัน&nbsp;รวมทั้งแนะนำให้ลานเททำบัญชีลูกค้าที่นำผลผลิตมาจำหน่ายเพื่อป้องปรามการลักขโมยผลปาล์มน้ำมัน&nbsp;สำหรับ&nbsp;สถานการณ์โดยทั่วไป&nbsp;ปริมาณผลปาล์มน้ำมันเข้าสู่ตลาดลดลงจากเดือนก่อน&nbsp;ราคารับซื้อกิโลกรัมละ&nbsp;11.20&nbsp;–&nbsp;12.20&nbsp;บาท&nbsp;ผู้ประกอบการลานเทจะรวบรวมผลปาล์มน้ำมันไปจำหน่ายให้กับโรงงานสกัดในพื้นที่จังหวัดตรังและจังหวัดกระบี่&nbsp;</p><p><strong>ในส่วนของการป้องปรามการลักขโมยผลปาล์มน้ำมัน</strong>&nbsp;หน่วยงานระดับอำเภอได้ประชุมหารือร่วมกับผู้ประกอบการลานเทในพื้นที่และขอความร่วมมือไม่รับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากผู้ที่นำมาขายในลักษณะผิดปกติ&nbsp;เช่น&nbsp;มีปริมาณน้อย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>20/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120153945479 ธนาคารแห่งประเทศไทย เตรียมออกใช้ธนบัตรพอลิเมอร์ ชนิดราคา 20 บาท ในวันที่ 24 มีนาคมนี้<p><strong>นายเศรษฐพุฒิ&nbsp;สุทธิวาทนฤพุฒิ&nbsp;ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย&nbsp;(ธปท.)&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;&nbsp;ธปท.&nbsp;จะออกใช้ธนบัตรชนิดราคา&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;ที่เปลี่ยนวัสดุการพิมพ์เป็นพอลิเมอร์&nbsp;เพื่อพัฒนาคุณภาพให้ประชาชนได้ใช้ธนบัตรที่มีสภาพใหม่&nbsp;สะอาดและใช้งานได้นานขึ้น&nbsp;เนื่องจากธนบัตรชนิดราคา&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;เป็นธนบัตรที่ประชาชนใช้จ่ายมากที่สุด&nbsp;มีการหมุนเวียนเปลี่ยนมือบ่อย&nbsp;จึงทำให้ธนบัตรมีสภาพเก่ากว่าธนบัตรชนิดราคาอื่น&nbsp;</p><p><strong>ธนบัตรพอลิเมอร์ผลิตจากพลาสติกแบบพิเศษ</strong>&nbsp;ซึ่งไม่ดูดซับความชื้นและสิ่งสกปรก&nbsp;และมีความทนทานในการใช้งานมากกว่าธนบัตรกระดาษ&nbsp;จึงช่วยลดปริมาณการผลิตธนบัตรใหม่เพื่อทดแทนธนบัตรที่ชำรุดและเอื้อต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น&nbsp;สอดคล้องกับธนาคารกลางในหลายประเทศที่ได้ออกใช้ธนบัตรพอลิเมอร์&nbsp;เช่น&nbsp;อังกฤษ&nbsp;แคนาดา&nbsp;ออสเตรเลีย&nbsp;มาเลเซีย&nbsp;&nbsp;สิงคโปร์&nbsp;และเวียดนาม&nbsp;เป็นต้น&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ธนบัตรพอลิเมอร์&nbsp;ชนิดราคา&nbsp;20&nbsp;บาท</strong>&nbsp;มีภาพและลักษณะโดยรวมเหมือนกับธนบัตรกระดาษชนิดราคา&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;ที่หมุนเวียนในปัจจุบัน&nbsp;โดยมีการใช้เทคโนโลยีต่อต้านการปลอมแปลงที่ทันสมัยและมีมาตรฐานขั้นสูง&nbsp;</p><p><strong>ธนบัตรพอลิเมอร์&nbsp;ชนิดราคา&nbsp;20&nbsp;บาท</strong>&nbsp;จะเริ่มออกใช้หมุนเวียน&nbsp;ในวันที่&nbsp;24&nbsp;มีนาคม&nbsp;2565&nbsp;นี้&nbsp;โดยประชาชนสามารถเบิกถอนผ่านสาขาธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจทุกแห่ง&nbsp;ขณะเดียวกัน&nbsp;ธนบัตรกระดาษ&nbsp;ชนิดราคา&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;ที่ใช้หมุนเวียนอยู่ในปัจจุบัน&nbsp;ยังคงสามารถใช้จ่ายได้ตามปกติต่อไป</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>20/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120190658593 เปิดตลาดนัดชุมชนช่วยค่าครองชีพจังหวัดชัยนาท ชาวบ้านแห่ต่อคิวซื้อเนื้อหมูยาวเหยียด<p><strong>ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดชัยนาท&nbsp;</strong>หลายหน่วยงานบูรณาการร่วมกับผู้ประกอบการเอกชน&nbsp;และเกษตรกร&nbsp;จัดกิจกรรมจำหน่ายสินค้าราคาถูก&nbsp;ราคาประหยัด&nbsp;“ตลาดนัดชุมชนช่วยค่าครองชีพจังหวัดชัยนาท”&nbsp;จัดพื้นที่จำหน่ายสินค้าจำเป็นในครัวเรือน&nbsp;น้ำมันพืช&nbsp;น้ำตาล&nbsp;ซอสปรุงรส&nbsp;เนื้อสัตว์&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ผัก&nbsp;และผลไม้&nbsp;ประชาชนให้ความสนใจซื้อเนื้อหมู&nbsp;เป็นจำนวนมาก&nbsp;ซึ่งจำหน่ายในราคาถูก&nbsp;หมูเนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ไข่ไก่แผงละ&nbsp;85&nbsp;บาท</p><p><strong>นายรังสรรค์&nbsp;ตันเจริญ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>ตลาดนัดชุมชนที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดชัยนาท&nbsp;ได้มีการจัดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว&nbsp;แต่วันนี้มีความพิเศษคือ&nbsp;ส่วนราชการ&nbsp;เช่น&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;กระทรวงเกษตร&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;และเกษตรกร&nbsp;พร้อมใจนำสินค้ามาจำหน่ายในราคาต้นทุน&nbsp;โดยเฉพาะเนื้อหมูราคาถูก&nbsp;เป็นการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนลดภาระค่าครองชีพ&nbsp;ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่บริโภคในครัวเรือน&nbsp;&nbsp;โดยมีเนื้อสัตว์ทางเลือก&nbsp;ได้แก่&nbsp;เนื้อจระเข้&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;มาจำหน่ายด้วย&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังมีสินค้าประเภทน้ำมันพืช&nbsp;น้ำปลา&nbsp;น้ำตาล&nbsp;จำหน่ายในราคาต้นทุน&nbsp;ช่วยประชาชนลดค่าใช้จ่าย&nbsp;</p><p><strong>การจัดกิจกรรมในครั้งนี้&nbsp;</strong>พบว่ามีการตอบรับเป็นอย่างดี&nbsp;จึงได้วางแผนในการดำเนินกิจกรรม&nbsp;“ตลาดนัดชุมชนช่วยค่าครองชีพจังหวัดชัยนาท”&nbsp;เวียนไปในทุกอำเภอ&nbsp;เพื่อช่วยประชาชนลดค่าครองชีพได้อย่างทั่วถึง</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>20/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลชัยนาทสวท.ชัยนาทhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120154412484 พ่อเมืองกรุงเก่า เยี่ยมชมและอุดหนุนผู้ประกอบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP เปิดโถงศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ช่วยบรรเทาปัญหาค่าครองชีพแก่ผู้ผลิตและผู้ประกอบการ<p><strong>เช้าวันนี้&nbsp;(20&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;เวลา&nbsp;08.30&nbsp;น.&nbsp;นายวีระชัย&nbsp;นาคมาศ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;</strong>ได้เยี่ยมชมและอุดหนุนผู้ประกอบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;ซึ่งทำการจัดแสดงและจำหน่าย&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณห้องโถง&nbsp;ชั้น&nbsp;1&nbsp;อาคาร&nbsp;4&nbsp;ชั้น&nbsp;ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;เพื่อส่งเสริมช่องทางการตลาด&nbsp;และบรรเทาปัญหาค่าครองชีพแก่ผู้ผลิตและผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;จัดโดยสำนักงานพัฒนาชุมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา</p><p><strong>สำหรับการจัดบูธจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในวันนี้&nbsp;เป็นผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;จากอำเภอพระนครศรีอยุธยา&nbsp;</strong>ได้จัดจำหน่ายขนมบ้าบิ่น&nbsp;เผือกอบ&nbsp;มันอบ&nbsp;กล้วยอบ&nbsp;และขนมหม้อแกง&nbsp;(ไส้ถั่ว,&nbsp;ไส้เผือก&nbsp;และไส้ไข่)&nbsp;โดยปกติช่วงเช้า-บ่าย&nbsp;จะจำหน่ายบริเวณวิหารพระมงคลบพิตร&nbsp;และช่วงเย็น&nbsp;บริเวณตลาดนัดองค์การโทรศัพท์&nbsp;อ.พระนครศรีอยุธยา</p><p>ท่านที่สนใจร่วมอุดหนุนสินค้า&nbsp;สามารถติดต่อได้ที่&nbsp;035&nbsp;336542</p><p><br></p><p><a&nbsp;href="https://www.facebook.com/hashtag/%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%98%E0%B8%A2%E0%B8%B2?__eep__=6&amp;__cft__[0]=AZX20mHYEUO9xuDEx9zO5IXxRMTAGiTHE_G5QI_xENtfpxYEQenqpdjL1oajwNd9pEIci3j1VvEytJbTKVpHTdKdKE-bkq7yw7Fl1f_6QmsdB5puKSyO4aP2KEURwMwZT9_-jnOKQpAJFeHN_y6VZnyzR8BvHB2Bz9vWjoBMRVAERio5p64GMpR36L-am0Jvvrs&amp;__tn__=*NK-R"&nbsp;rel="noopener&nbsp;noreferrer"&nbsp;target="_blank"&nbsp;style="color:&nbsp;var(--accent);&nbsp;background-color:&nbsp;transparent;">#สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศีอยุธยา</a></p><p><a&nbsp;href="https://www.facebook.com/hashtag/%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%98%E0%B8%A2%E0%B8%B2?__eep__=6&amp;__cft__[0]=AZX20mHYEUO9xuDEx9zO5IXxRMTAGiTHE_G5QI_xENtfpxYEQenqpdjL1oajwNd9pEIci3j1VvEytJbTKVpHTdKdKE-bkq7yw7Fl1f_6QmsdB5puKSyO4aP2KEURwMwZT9_-jnOKQpAJFeHN_y6VZnyzR8BvHB2Bz9vWjoBMRVAERio5p64GMpR36L-am0Jvvrs&amp;__tn__=*NK-R"&nbsp;rel="noopener&nbsp;noreferrer"&nbsp;target="_blank"&nbsp;style="color:&nbsp;var(--accent);&nbsp;background-color:&nbsp;transparent;">#สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา</a></p><p><a&nbsp;href="https://www.facebook.com/hashtag/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2otop?__eep__=6&amp;__cft__[0]=AZX20mHYEUO9xuDEx9zO5IXxRMTAGiTHE_G5QI_xENtfpxYEQenqpdjL1oajwNd9pEIci3j1VvEytJbTKVpHTdKdKE-bkq7yw7Fl1f_6QmsdB5puKSyO4aP2KEURwMwZT9_-jnOKQpAJFeHN_y6VZnyzR8BvHB2Bz9vWjoBMRVAERio5p64GMpR36L-am0Jvvrs&amp;__tn__=*NK-R"&nbsp;rel="noopener&nbsp;noreferrer"&nbsp;target="_blank"&nbsp;style="color:&nbsp;var(--accent);&nbsp;background-color:&nbsp;transparent;">#สินค้าOTOP</a></p><p><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p><br></p>20/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลพระนครศรีอยุธยาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120161313499 เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี<p><strong>วันนี้&nbsp;(20&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ที่ห้องปฏิบัติการผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;ศาลากลางจังหวัดสุพรรณบุรี</strong>&nbsp;นายระห์หมัด&nbsp;บูดีมัน&nbsp;(Mr.&nbsp;Rachmat&nbsp;Budiman)&nbsp;เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย&nbsp;พร้อมคณะ&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;กงสุลสาธารณรัฐอินโดนีเซีย&nbsp;ณ&nbsp;สงขลา&nbsp;ผู้ช่วยทูตทหาร&nbsp;ผู้ช่วยทูตตำรวจ&nbsp;เดินทางเข้าเยี่ยมคารวะ&nbsp;นายณัฐภัทร&nbsp;สุวรรณประทีป&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;เพื่อสร้างสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างกัน&nbsp;พร้อมหารือข้อราชการในประเด็นต่างๆ&nbsp;ที่เกี่ยวข้อง&nbsp;โดยให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยและอินโดนีเซียในระดับจังหวัด&nbsp;และขยายความสัมพันธ์ด้านต่างๆ&nbsp;เช่น&nbsp;ด้านการค้า&nbsp;การท่องเที่ยว&nbsp;การลงทุน&nbsp;วัฒนธรรม&nbsp;และด้านการศึกษา&nbsp;รวมทั้งปัญหาสำคัญในขณะนี้คือการแพร่ระบาดของโควิด-19</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>20/1/2022ภาคตะวันตกกาญจนบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุพรรณบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120163748519 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตราด ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การผลิตและการตลาด สินค้าอุปโภคบริโภค ในพื้นที่อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด<p><strong>วันที่&nbsp;20&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นางวรัญญา&nbsp;ถนอมพันธุ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตราด&nbsp;</strong>พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;และผู้บริหารสำนักงานเทศบาลเมืองตราด&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การผลิต&nbsp;และการตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;อาทิ&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;เนื้อไก่สด&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;อาหารทะเล&nbsp;ผักผลไม้&nbsp;และวัตถุดิบในการปรุงอาหาร&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดซอยไร่รั้ง&nbsp;และตลาดศูนย์การค้าเทศบาลเมืองตราด&nbsp;ตำบลบางพระ&nbsp;&nbsp;&nbsp;อำเภอเมืองตราด&nbsp;ผลการติดตามพบว่า&nbsp;ปริมาณสินค้ามีเพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;ผู้ประกอบการฯ&nbsp;ได้มีการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายตามที่กฎหมายกำหนด&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ผู้ประกอบการบางรายมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย&nbsp;</strong>โดยจัดช่วงเวลาจำหน่ายสินค้าในราคาต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไป&nbsp;เช่น&nbsp;เนื้อไก่สด&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;55&nbsp;บาท&nbsp;เพื่อลดค่าครองชีพให้ประชาชนผู้บริโภคด้วยอีกทางเลือกหนึ่ง&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;เจ้าหน้าที่ฯ&nbsp;ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์แนวทางในการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ตามประกาศ&nbsp;กกร.&nbsp;ฉบับที่&nbsp;61&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2564&nbsp;ลงวันที่&nbsp;1&nbsp;กรกฎาคม&nbsp;2564&nbsp;และแจกวัสดุประชาสัมพันธ์การปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้า&nbsp;พร้อมทั้งกำชับให้มีการปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน&nbsp;ครบถ้วน&nbsp;ถูกต้อง&nbsp;เพื่อให้เป็นข้อมูลสำหรับผู้บริโภคในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า&nbsp;ซึ่งผู้ประกอบการฯ&nbsp;ยินดีให้ความร่วมมือปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด&nbsp;ต่อไป</p><p><br></p><p>พาณิชย์ตราด/ข่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สนธยา/รายงาน</p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>20/1/2022ภาคตะวันออกสระแก้วสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสระแก้วhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120163229513 กระทรวงพาณิชย์ สั่งติดตามสถานการณ์สินค้า 6 ชนิดอย่างใกล้ชิด หลังพบราคาเคลื่อนไหวผิดปกติ <p><strong>นายบุญยฤทธิ์&nbsp;กัลยาณมิตร&nbsp;ปลัดกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ที่ประชุมคณะทำงานกำกับติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าแก้ไขปัญหาและดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนและกระทำความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ได้รับทราบสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าจากกรมการค้าภายในและมีติให้ความสำคัญในการจับตาสินค้าบริโภค&nbsp;6&nbsp;รายการ&nbsp;ได้แก่&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;เนื้อวัว&nbsp;เป็ด&nbsp;ปลา&nbsp;และมะละกอ&nbsp;เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีความเคลื่อนไหวด้านราคาและมีข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาออกมาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภครายการอื่นๆ&nbsp;ก็จะมีการติดตามสถานการณ์เป็นปกติ&nbsp;</p><p><strong>สำหรับสถานการณ์ราคาเนื้อหมูในปัจจุบัน</strong>&nbsp;พบว่า&nbsp;ราคาได้ปรับตัวสูงขึ้นไปมาก&nbsp;เนื่องจากปริมาณหมูเข้าสู่ตลาดลดลง&nbsp;ส่วนเนื้อไก่&nbsp;ราคาปรับขึ้นเล็กน้อย&nbsp;โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ&nbsp;4&nbsp;เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา&nbsp;เนื้อวัว&nbsp;ยังไม่เปลี่ยนแปลงด้านราคา&nbsp;ปลา&nbsp;ส่วนใหญ่มีราคาลดลง&nbsp;ขณะที่มะละกอ&nbsp;ซึ่งเป็นสินค้าที่มีข่าวว่าราคาปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา&nbsp;จากการตรวจสอบ&nbsp;ไม่พบว่ามีราคาสูงขึ้นตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;คณะทำงานฯ&nbsp;ยังได้มีมติให้มีการบูรณาการร่วมกัน</strong>&nbsp;ระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ทั้งหมด&nbsp;โดยใช้ทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่&nbsp;ร่วมกันจัดชุดตรวจลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ&nbsp;หากพบการกระทำผิดกฎหมาย&nbsp;เช่น&nbsp;ไม่ปิดป้ายแสดงราคา&nbsp;หรือขายแพงเกินสมควร&nbsp;ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย&nbsp;ส่วนในต่างจังหวัด&nbsp;ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดติดตามข่าวสารใกล้ชิด&nbsp;และรายงานวอร์รูมให้ทราบทันที&nbsp;</p><p><strong>หากประชาชนพบเห็นจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม</strong>&nbsp;จำหน่ายสินค้าในราคาสูงเกินสมควร&nbsp;สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน&nbsp;1569&nbsp;โดยแจ้งสถานที่เกิดเหตุ&nbsp;จุดเกิดเหตุ&nbsp;รวมถึงพฤติกรรมผู้ขายซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเก็บรายละเอียดของผู้แจ้งไว้เป็นความลับ</p><p><br></p><p><br></p>20/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120191352596 ปศุสัตว์จังหวัดยโสธร บูรณาการพาณิชย์จังหวัด เกษตรและสหกรณ์ ตำรวจ ด่านกักกันสัตว์ และสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัด ออกตรวจสต๊อกเนื้อหมูในพื้นที่จังหวัดยโสธร เพื่อป้องกันการกักตุน<p><strong>วันที่&nbsp;20&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่จังหวัดยโสธร&nbsp;หน่วยงานสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดยโสธร&nbsp;</strong>บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสต๊อกเนื้อหมู&nbsp;นำโดย&nbsp;นายปรีดา&nbsp;ถาวรประดิษฐ์&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดยโสธร&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นางสาวอลเวง&nbsp;ศรีหิรัญ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดยโสธร&nbsp;นางสาวเสาวนิต&nbsp;ทับทิมจรูญ&nbsp;เกษตรและสหกรณ์จังหวัดยโสธร&nbsp;พ.ตท.นิติพัฒน์&nbsp;สิริปิติวัฒน์&nbsp;รองผู้กำกับการสืบสวน&nbsp;สถานีตำรวจภูธรจังหวัดยโสธร&nbsp;ร.ต.อ.พิสูจน์&nbsp;นันทศักดิ์ภิญโญ&nbsp;สารวัตรป้องกันและปรามปราม&nbsp;สถานีตำรวจภูธรเมืองยโสธร&nbsp;นายทรงศักดิ์&nbsp;วงศ์สุพรรณ&nbsp;หัวหน้าด่านกักกันสัตว์&nbsp;นางสาวนรีรัตน์&nbsp;เจริญศิริรัตนา&nbsp;นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ&nbsp;สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธร&nbsp;และเจ้าหน้าที่&nbsp;ลงพื้นที่ห้างสรรพสินค้าแมคโคร&nbsp;สาขายโสธร&nbsp;และร้านจำหน่ายหมูสด&nbsp;วี.ซี.มีท&nbsp;สาขายโสธร&nbsp;อ.เมืองยโสธร&nbsp;จ.ยโสธร&nbsp;ตรวจสต๊อกเนื้อหมู&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุนเนื้อหมู&nbsp;โดยมีการตรวจทั้งภายในห้างร้าน&nbsp;ว่ามีปริมาณเนื้อหมูที่จำหน่ายเพียงพอหรือไม่&nbsp;ตรวจราคาที่จำหน่าย&nbsp;และได้ตรวจสต็อกในห้องเย็น</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;การลงตรวจสอบภาพรวม&nbsp;พบว่า&nbsp;ภายในห้างและร้านค้า</strong>&nbsp;มีปริมาณเนื้อหมูเพียงพอกับความต้องการของประชาชน&nbsp;และมีการติดป้ายราคาสินค้าอย่างชัดเจน&nbsp;ส่วนภายในห้องเย็นที่มีการเก็บเนื้อหมูนั้นก็ไม่พบว่ามีการสต็อกเกินกว่าที่กำหนด&nbsp;อีกทั้งยังได้ขอความร่วมมือไม่ให้มีการกักตุนเนื้อหมู&nbsp;นอกจากนั้น&nbsp;ทางห้างแมคโคร&nbsp;สาขายโสธร&nbsp;ยังได้นำเนื้อเป็ด&nbsp;ไก่&nbsp;ปลา&nbsp;และอาหารทะเล&nbsp;มาจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น&nbsp;เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชน&nbsp;ในช่วงเทศกาลตรุษจีนด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>20/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยโสธรสวท.ยโสธรhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120173118556 จังหวัดเพชรบูรณ์ โครงการส่งเสริมกระบวนการเครือข่ายองค์ความรู้ เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์<p><strong>จังหวัดเพชรบูรณ์&nbsp;โครงการส่งเสริมกระบวนการเครือข่ายองค์ความรู้&nbsp;</strong>เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์&nbsp;วันที่&nbsp;20&nbsp;มกราคม&nbsp;2560&nbsp;5&nbsp;เวลา&nbsp;8.30&nbsp;น&nbsp;นายสุเมธ&nbsp;ธีรนิติ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมกระบวนการเครือข่ายองค์ความรู้&nbsp;KBO&nbsp;(Knowledge-&nbsp;OTOP&nbsp;)&nbsp;ณ&nbsp;ห้องบุษราคัมชั้น&nbsp;3&nbsp;โรงแรมบูรพาอำเภอเมืองจังหวัดเพชรบูรณ์&nbsp;โดยนางสาวมนทิราเข็มทองพัฒนาการจังหวัดเพชรบูรณ์&nbsp;กล่าวรายงาน&nbsp;สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเพชรบูรณ์&nbsp;ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากกรมการพัฒนาชุมชนประจำปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;ในการดำเนินโครงการเพื่อส่งเสริมให้เครือข่ายองค์ความรู้จังหวัด&nbsp;เป็นศูนย์กลางในการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนพัฒนาขีดความสามารถของผู้ผลิตผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น&nbsp;และยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ&nbsp;ได้มาตรฐานมีบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม&nbsp;สามารถเพิ่มมูลค่าสร้างนวัตกรรมได้&nbsp;มีกิจกรรมทั้งหมด&nbsp;2&nbsp;กิจกรรม&nbsp;&nbsp;ได้แก่กิจกรรมการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายองค์ความรู้&nbsp;KBO&nbsp;จังหวัด&nbsp;</p><p><strong>ซึ่ง&nbsp;คณะกรรมการเครือข่ายเคมีโอจังหวัด&nbsp;พิจารณาคัดเลือกผลิตภัณฑ์จำนวน&nbsp;20&nbsp;ผลิตภัณฑ์</strong>&nbsp;เข้าร่วมโครงการและร่วมวางแผนกำหนดแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์&nbsp;และการประชุมสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ผลิตผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;จำนวน&nbsp;20&nbsp;กลุ่มๆละ&nbsp;2&nbsp;คน&nbsp;และคณะกรรมการเครือข่ายองค์ความรู้&nbsp;KBO&nbsp;จำนวน&nbsp;10&nbsp;คน&nbsp;รวม&nbsp;50&nbsp;คน&nbsp;ดำเนินการใน&nbsp;2&nbsp;วันคือวันที่&nbsp;20-21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</p><p><strong>โดยได้รับการสนับสนุนวิทยากรจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์&nbsp;</strong>นำโดยอาจารย์&nbsp;ปุณฑริกา&nbsp;สุคนธสิงห์&nbsp;สาขาวิทยาการจัดการ&nbsp;คณะวิทยาการจัดการ&nbsp;โดยมีหลักสูตรที่มุ่งเน้นส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์&nbsp;การเพิ่มมูลค่าสร้างสรรค์นวัตกรรม&nbsp;พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพการออกแบบดีไซน์ที่ทันสมัย&nbsp;สร้างแบรนด์&nbsp;สร้าง&nbsp;Story&nbsp;ดาวนมทำการตลาด&nbsp;Digital&nbsp;&nbsp;Marketing&nbsp;&nbsp;และ&nbsp;การวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์เพื่อจัดทำแผนการพัฒนาทั้ง&nbsp;21&nbsp;ผลิตภัณฑ์&nbsp;</p><p><strong>โอกาสนี้&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์&nbsp;นายสุเมธ&nbsp;ธีรนิติ&nbsp;ได้กล่าว</strong>กับผู้เข้ารับการอบรมถึงการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาเครือข่ายองค์ความรู้ว่า&nbsp;ได้รับความร่วมมือจากสถาบันการศึกษาในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น&nbsp;หน่วยงานภาครัฐ&nbsp;เอกชน&nbsp;ปราชญ์ชาวบ้าน&nbsp;เครือข่าย&nbsp;OTOP&nbsp;ร่วมมือผนึกองค์ความรู้ช่วยเหลือผู้ผลิตผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ในจังหวัดเพชรบูรณ์&nbsp;โดยการส่งเสริมสร้างทักษะความรู้&nbsp;เพื่อพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพมาตรฐานพร้อมออกสู่ตลาดภายในประเทศและตลาดระดับสากล&nbsp;</p><p><strong>โดยได้อาศัยความร่วมมือของคณะกรรมการเครือข่ายองค์ความรู้เคมีระดับจังหวัด&nbsp;</strong>เพื่อให้เป็นกลไกในการพัฒนาศักยภาพกลุ่มผู้ผลิตชุมชนและพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์&nbsp;&nbsp;OTOP&nbsp;ยกระดับสินค้าในกลุ่มปรับตัวสู่การพัฒนาและผลิตภัณฑ์ระดับ&nbsp;1&nbsp;ถึง&nbsp;3&nbsp;ดาวของจังหวัดเพชรบูรณ์&nbsp;ให้มีคุณภาพมาตรฐานและเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้นสามารถ&nbsp;เพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่&nbsp;เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของจังหวัดเพชรบูรณ์ให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้นต่อไป.</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>20/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลเพชรบูรณ์สวท.เพชรบูรณ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120180435580 การค้าชายแดนไทย – กัมพูชา บริเวณชายแดน ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ มูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.99<p><strong>นางพิรุณวรรณน์&nbsp;จงใจภักดิ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;</strong>รายงานข้อมูลภาวะการค้าชายแดนไทย&nbsp;–&nbsp;กัมพูชา&nbsp;บริเวณชายแดน&nbsp;ณ&nbsp;จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม&nbsp;อำเภอกาบเชิง&nbsp;จังหวัดสุรินทร์&nbsp;ว่า&nbsp;ภาวะการค้าชายแดนมีมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้น&nbsp;588.81&nbsp;ล้านบาท&nbsp;เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;มูลค่าการค้า&nbsp;55.55&nbsp;ล้านบาท&nbsp;การค้าเพิ่มขึ้น&nbsp;&nbsp;33.26&nbsp;ล้านบาท&nbsp;หรือร้อยละ&nbsp;5.99</p><p><strong>มูลค่าการส่งออกและสินค้าส่งออกรวมทั้งสิ้น&nbsp;461.41&nbsp;ล้านบาท</strong>&nbsp;เมื่อเทียบกับเดือนก่อน&nbsp;470.90&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ลดลง&nbsp;9.49&nbsp;ล้านบาท&nbsp;หรือร้อยละ&nbsp;2.02&nbsp;เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนลดลง&nbsp;596.30&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ลดลง&nbsp;134.89&nbsp;ล้านบาท&nbsp;หรือลดลง&nbsp;22.62</p><p><strong>มูลค่าการนำเข้าและสินค้านำเข้า&nbsp;รวมทั้งสิ้น&nbsp;127.40&nbsp;ล้านบาท</strong>&nbsp;เมื่อเทียบกับเดือนก่อน&nbsp;84.65&nbsp;เพิ่มขึ้น&nbsp;42.75&nbsp;ล้านบาท&nbsp;หรือร้อยละ&nbsp;50.50&nbsp;เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน&nbsp;143.08&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ลดลง&nbsp;15.68&nbsp;ล้านบาท&nbsp;หรือร้อยละ&nbsp;10.96</p><p><strong>ดุลการค้า&nbsp;ไทยเกินดุลการค้าบริการรวมทั้งสิ้น&nbsp;334.01&nbsp;ล้านบาท</strong>&nbsp;เมื่อเทียบกับเดือนก่อนเกินดุลการค้า&nbsp;386.25&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ดุลการค้าลดลง&nbsp;52.24&nbsp;ล้านบาท&nbsp;หรือร้อยละ&nbsp;13.52&nbsp;เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันกับปีก่อน&nbsp;453.22&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ดุลการค้าลดลง&nbsp;119.21&nbsp;ล้านบาท&nbsp;หรือร้อยละ&nbsp;26.30</p><p><strong>สถิติการเดินทางเข้า&nbsp;–&nbsp;ออก&nbsp;ชายแดนไทย&nbsp;–&nbsp;กัมพูชา&nbsp;เดือนธันวาคม&nbsp;256</strong>4&nbsp;&nbsp;สถิติการเดินทางเข้ามารวมทั้งสิ้น&nbsp;498&nbsp;คน&nbsp;เป็นชาวไทยทั้งหมด&nbsp;&nbsp;เมื่อเทียบกับเดือนก่อน&nbsp;&nbsp;488&nbsp;คน&nbsp;สถิติการเดินทางเข้าเพิ่มขึ้น&nbsp;10&nbsp;คน&nbsp;หรือร้อยละ&nbsp;2.05&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>สถิติการเดินทางออกรวมทั้งสิ้น&nbsp;493&nbsp;คน&nbsp;เป็นคนไทย&nbsp;490&nbsp;คน</strong>&nbsp;คนกัมพูชา&nbsp;1&nbsp;คน&nbsp;และคนต่างชาติ&nbsp;2&nbsp;คน&nbsp;เมื่อเทียบกับเดือนก่อน&nbsp;475&nbsp;คน&nbsp;สถิติการเดินทางออกเพิ่มขึ้น&nbsp;18&nbsp;คน&nbsp;หรือร้อยละ&nbsp;3.79&nbsp;</p><p><strong>สถิติยานพาหนะเข้า&nbsp;–&nbsp;ออก&nbsp;รวมทั้งสิ้น&nbsp;926&nbsp;คัน&nbsp;</strong>เป็นรถยนต์นั่ง&nbsp;268&nbsp;คัน&nbsp;รถบรรทุก&nbsp;658&nbsp;คัน&nbsp;เมื่อเทียบกับเดือนก่อน&nbsp;900&nbsp;คัน&nbsp;สถิติยานพาหนะเข้าออกราชอาณาจักรไทย&nbsp;–&nbsp;กัมพูชา&nbsp;เพิ่มขึ้น&nbsp;26&nbsp;คัน&nbsp;หรือคิดเป็นร้อยละ&nbsp;2.89&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>20/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสวท.สุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120194446611 วธ.ศรีสะเกษ จัดพิธีมอบเกียรติบัตรแก่ผู้ผ่านการอบรม และปิดการอบรมทบทวนและพัฒนาบทบาทมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ภายใต้โครงการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวตามอารยะธรรมอีสานใต้<p><strong>จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;โดย&nbsp;สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ</strong>&nbsp;จัดพิธีมอบเกียรติบัตรแก่ผู้ผ่านการอบรม&nbsp;พร้อมกับปิดการอบรมการจัดการชุมชนท่องเที่ยวทางศาสนาและวัฒนธรรม&nbsp;การอบรมมัคคุเทศก์ท้องถิ่น&nbsp;รุ่นที่&nbsp;1/2565&nbsp;ตามโครงการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวตามอารยะธรรมอีสานใต้&nbsp;กิจกรรมตามรอยอารยธรรมอีสาน&nbsp;</p><p><strong>เมื่อเวลา&nbsp;14.30&nbsp;น.(20&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ</strong>&nbsp;นายประหยัด&nbsp;ถิลา&nbsp;วัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;เป็นประธานมอบเกียรติบัตรแก่ผู้ผ่านการอบรม&nbsp;พร้อมกับปิดการอบรมการจัดการชุมชนท่องเที่ยวทางศาสนาและวัฒนธรรม&nbsp;การอบรมมัคคุเทศก์ท้องถิ่น&nbsp;รุ่นที่&nbsp;1/2565&nbsp;ตามโครงการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวตามอารยะธรรมอีสานใต้&nbsp;กิจกรรมตามรอยอารยธรรมอีสาน&nbsp;โดยมี&nbsp;ผู้อำนวยการกลุ่มกิจการพิเศษ&nbsp;ข้าราชการ&nbsp;สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;และเครือข่ายทางวัฒนธรรม&nbsp;ตลอดจนผู้แทนชุมชน&nbsp;เข้าร่วมกิจกรรม&nbsp;จำนวน&nbsp;50&nbsp;คน</p><p><strong>สืบเนื่องจาก&nbsp;จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;เป็นจังหวัดที่มีความโดดเด่นในเรื่องศิลปะ</strong>&nbsp;วัฒนธรรมของอารยะธรรมขอม&nbsp;เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าซึ่งเป็นทุนทางวัฒนธรรมที่&nbsp;ท่องเที่ยวในชุมชน&nbsp;ซึ่งเป็นกระแสการท่องเที่ยวในปัจจุบัน&nbsp;และอนาคตอันใกล้&nbsp;สร้างความเข้มแข็งแก่ระบบเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน&nbsp;โดยการจัดการอบรมการจัดการชุมชนท่องเที่ยวทางศาสนาและวัฒนธรรมการ&nbsp;อบรมมัคคุเทศก์ท้องถิ่น&nbsp;เป็นโครงการตามแผนปฏิบัติราชการ&nbsp;จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ประจำปี&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;จัดขึ้นเพื่อพัฒนาสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก&nbsp;ปฏิรูปกระบวนการการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของคนไทยในทุกช่วงวัย&nbsp;สร้างโอกาส&nbsp;และความเสมอภาคทางสังคม&nbsp;</p><p><strong>โดยส่งเสริมการเรียนรู้และรักษาภูมิปัญญาทางศาสนา&nbsp;ศิลปะ&nbsp;&nbsp;และวัฒนธรรม</strong>ตนเองที่เป็นมรดกของชุมชน&nbsp;ตลอดจนนำทุนทางวัฒนธรรมของชุมชนมาพัฒนาตอยอดทางเศรษฐกิจ&nbsp;ร้างโอกาสทางสังคมแลเศรษฐกิจให้แก่ชุมชน&nbsp;เพื่อสร้างงาน&nbsp;สร้างรายได้&nbsp;รวมถึงส่งเสริมการ&nbsp;ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมในชุมชน&nbsp;อันจะนำมาซึ่งการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่&nbsp;ซึ่งแบ่งการดำเนินการออกเป็น&nbsp;2&nbsp;รุ่น&nbsp;ๆละ&nbsp;50&nbsp;คน&nbsp;รวทั้งสิ้น&nbsp;100&nbsp;คน</p><p><strong>สำหรับรุ่นนี้เป็นรุ่นที่&nbsp;1&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;19&nbsp;–&nbsp;20&nbsp;มกราคม&nbsp;256</strong>5&nbsp;กลุ่มเป้าหมายจำนวน&nbsp;50&nbsp;คน&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ตัวแทนชุมชนคุณธรรมวัดพระธาตุสุพรรณหงส์,&nbsp;ชุมชนคุณธรรมวัดโพธิ์ศรี,&nbsp;ชุมชนคุณธรรมวัดป่าพิมลมังคลาราม,&nbsp;ชุมชนคุณธรรมวัดสระกำแพงใหญ่,&nbsp;ชุมชนคุณธรรมวัดสำโรงเกียรติ&nbsp;และนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎ&nbsp;ศรีสะเกษ</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>20/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือศรีสะเกษสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120201350644 พาณิชย์จังหวัดตราด ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายผักสด และวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหาร<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>(20&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;นางวรัญญา&nbsp;ถนอมพันธุ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตราด</strong>&nbsp;พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับฯ&nbsp;ติดตามการจำหน่ายผักสด&nbsp;และวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหาร&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณตลาดสดซอยไร่รั้ง&nbsp;และตลาดสดศูนย์การค้าเทศบาลเมืองตราด&nbsp;ผลการตรวจสอบปรากฏ&nbsp;ดังนี้&nbsp;ปริมาณสินค้าผักสดและวัตถุดิบที่ใช้สำหรับประกอบอาหาร&nbsp;มีเพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;สินค้าส่วนใหญ่ผู้ประกอบการรับมาจากจังหวัดจันทบุรี&nbsp;ราคาจำหน่ายดังนี้</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">1.&nbsp;มะละกอดิบ&nbsp;พันธุ์ดำเนินสะดวก&nbsp;ชนิดผลยาว&nbsp;ราคาขายส่ง&nbsp;บรรจุ&nbsp;10&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ราคา&nbsp;180&nbsp;บาท&nbsp;ราคาขายปลีก&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;25&nbsp;บาท</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">2.&nbsp;พริกขี้หนู&nbsp;ราคาขายปลีก&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;160&nbsp;-&nbsp;170&nbsp;บาท</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">3.&nbsp;พริกจินดาแดง&nbsp;ราคาขายปลีก&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;70&nbsp;บาท</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">4.&nbsp;มะนาว&nbsp;ราคาขายปลีก&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;40&nbsp;-&nbsp;60&nbsp;บาท&nbsp;ราคาปลีกลูกละ&nbsp;4&nbsp;-&nbsp;5&nbsp;บาท</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">5.&nbsp;กะหล่ำปลี&nbsp;ราคาขายปลีก&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;35&nbsp;บาท</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ฯ&nbsp;ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์แนวทางในการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ตามประกาศ&nbsp;กกร.</strong>&nbsp;ฉบับที่&nbsp;61&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2564&nbsp;ลงวันที่&nbsp;1&nbsp;กรกฎาคม&nbsp;2564&nbsp;และแจกวัสดุประชาสัมพันธ์การปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้า&nbsp;พร้อมทั้งกำชับให้มีการปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน&nbsp;ครบถ้วน&nbsp;ถูกต้อง&nbsp;เพื่อให้เป็นข้อมูลสำหรับผู้บริโภคในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า&nbsp;ซึ่งผู้ประกอบการฯ&nbsp;ยินดีให้ความร่วมมือปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด&nbsp;ต่อไป&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>20/1/2022ภาคตะวันออกตราดสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120201822648 พาณิชย์จังหวัดแพร่ จำหน่ายหมูเนื้อแดง โครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน ครั้งที่ 3<p><strong>วันนี้&nbsp;(20&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแพร่</strong>&nbsp;ร่วมกับร้านหมูอินเตอร์&nbsp;ร้านทอฝันหมูสด&nbsp;และเขียงหมูน้ำทองฟาร์ม&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ครอบคลุมทั้ง&nbsp;8&nbsp;อำเภอ&nbsp;จำนวน&nbsp;9&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;พาณิชย์จังหวัดแพร่&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;โครงการหมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;</p><p><strong>ตามนโยบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี</strong>&nbsp;และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อลดภาระค่าครองชีพบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน&nbsp;เป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาสุกรที่สูงขึ้น&nbsp;ช่วยให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด</p><p><strong>สำหรับ&nbsp;ยอดจำหน่าย&nbsp;ณ&nbsp;วันที่&nbsp;19&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</strong>รวมทั้งสิ้น&nbsp;259.45&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;เป็นเงิน&nbsp;38,917.50&nbsp;บาท&nbsp;ผู้ซื้อจำนวน&nbsp;151&nbsp;ราย&nbsp;สามารถลดค่าครองชีพประชาชนจำนวน&nbsp;9,859.10&nbsp;บาท</p><p><strong>ยอดจำหน่ายสะสม&nbsp;(18-19&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;รวมทั้งสิ้น</strong>&nbsp;553.27&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;เป็นเงิน&nbsp;82,269.75&nbsp;บาท&nbsp;ผู้ซื้อจำนวน&nbsp;325&nbsp;ราย&nbsp;สามารถลดค่าครองชีพประชาชนจำนวน&nbsp;21,024.07&nbsp;บาท</p><p><strong>จังหวัดแพร่เนื้อสุกร&nbsp;ไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และสินค้าอุปโภค&nbsp;</strong>มีปริมาณเพียงพอตามความต้องการของประชาชน&nbsp;และมีการปิดป้ายแสดงราคาที่ชัดเจน</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>20/1/2022ภาคเหนือแพร่สวท.แพร่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120195644621 ขอเชิญผู้ประกอบกิจการ SME กลุ่ม OTOP กลุ่มวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ ผู้นำชุมชน และผู้นำกลุ่มอาชีพ สมัครฝึกอบรมโครงการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน<p><strong>สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานอำนาจเจริญ&nbsp;ขอเชิญผู้ประกอบกิจการ&nbsp;SME&nbsp;กลุ่ม&nbsp;OTOP</strong>&nbsp;กลุ่มวิสาหกิจชุมชน&nbsp;สหกรณ์&nbsp;ผู้นำชุมชน&nbsp;และผู้นำกลุ่มอาชีพ&nbsp;สมัครฝึกอบรมโครงการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน&nbsp;(กิจกรรมที่&nbsp;1)&nbsp;หลักสูตร&nbsp;"การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบกิจการ"&nbsp;(6&nbsp;ชม.)&nbsp;</p><p><strong>ผู้สนใจสามารถสมัครตามรายละเอียดในเอกสาร</strong>ประชาสัมพันธ์ชุดนี้ได้&nbsp;หลังจากฝึกอบรมสามารถเพิ่มผลิตภาพแรงงาน&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>20/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120205830675 ชาวบ้านใน อ.เบตง จ.ยะลา แห่จับแมลงจั๊กจั่นลงกินน้ำ ทำเมนูเด็ดทอดกรอบ ลาบจักจั่น เผ็ดเปรี้ยวหวานมัน แหล่งโปรตีนชั้นดีและสร้างรายได้เสริมในยุคโควิด<p><strong>วันนี้&nbsp;20&nbsp;ม.ค.&nbsp;63&nbsp;ชาวบ้านใน&nbsp;อ.เบตง&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;จำนวนมาก&nbsp;</strong>ทั้งเด็กและผู้ใหญ่&nbsp;ต่างนำไฟฉายส่องสว่าง&nbsp;ถุงพลาสติก&nbsp;ขวดน้ำเปล่า&nbsp;แห่ออกมาจับจั๊กจั่นที่เกาะตามเสาไฟฟ้าตามพุ่มไม้ที่มีแสงไฟตกแต่งยามค่ำคืน&nbsp;ตามอาคารต่างๆ&nbsp;ในเขตเทศบาลเมืองเบตงเป็นจำนวนมาก&nbsp;ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เสริมในช่วงราคายางตกต่ำและการระบาดของโควิด-19&nbsp;อยู่ในขณะนี้&nbsp;ซึ่ง&nbsp;2&nbsp;ปี&nbsp;จะมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่จั๊กจั่น&nbsp;ออกมาจากป่า</p><p><strong>ชาวบ้านในพื้นที่&nbsp;เล่าว่า&nbsp;ก่อนที่ฤดูร้อนจะมามาถึง</strong>&nbsp;จะเป็นช่วงที่จะพบจักจั่นมากที่สุด&nbsp;โดยจั๊กจั่นจะคลานต้วมเตี้ยม&nbsp;ขึ้นมาเหนือพื้นดินและไต่ขึ้นไปเกาะอยู่ตามกิ่งต้นไม้ต่างๆ&nbsp;ก่อนลอกคราบกลายเป็นจั๊กจั่นอย่างสมบูรณ์โดยจะเกาะอยู่ตามต้นไม้&nbsp;และกินน้ำเลี้ยงของต้นไม้เป็นอาหาร&nbsp;ซึ่งช่วงที่โตเต็มวัยจะมีระยะเวลาประมาณ&nbsp;4&nbsp;เดือน&nbsp;ซึ่งจะได้ยินเสียงร้องของจั๊กจั่นดังระงมไปทั่วเมืองเบตง&nbsp;</p><p>โดยชาวบ้านจะใช้แสงไฟนีออนสีม่วงมาล่อจักจั่นให้มาเล่นไฟ&nbsp;และเลือกจับเฉพาะจั๊กจั่นที่มีตัวสีดำ&nbsp;ท้องสีส้ม&nbsp;ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีเนื้อมีความมัน&nbsp;กว่าจั๊กจั่นสายพันธุ์อื่นๆ&nbsp;โดยทำการจับตัวที่บินตกมาตามจุดต่างๆ&nbsp;ใกล้ตัวด้วยมือเปล่า&nbsp;และขายจักจั่นตัวเป็นๆ&nbsp;ตัวละ&nbsp;2&nbsp;-&nbsp;3&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งบางคนจะโพสต์ขายในเฟซบุ๊ก&nbsp;หรือส่งขายตามร้านอาหารต่างๆ&nbsp;ในพื้นที่&nbsp;และต่างพื้นที่&nbsp;ซึ่งมีร้านอาหารสั่งออเดอร์เข้ามาบ้างแล้ว&nbsp;เนื่องจากเป็นเมนูชื่นชอบของนักท่องเที่ยว&nbsp;โดยเมื่อมาถึงเบตงหากมาพบการขายจั๊กจั่นก็จะเหมาซื้อหมดในราคาตังละ&nbsp;3&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนตัวจักจั่น&nbsp;ที่ผ่านการทอดกรอบมาแล้วก็จะคิด&nbsp;ตัวละ&nbsp;5&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>ซึ่งในแต่ละคืนสามารถจับจั๊กจั่นขายได้&nbsp;500-1,000&nbsp;ตัว</strong>&nbsp;มีรายได้ประมาณ&nbsp;1,500&nbsp;–&nbsp;2,500&nbsp;บาทต่อคืนซึ่งหากเป็นคืนที่มีอากาศเย็นพอดี&nbsp;จักจั่น&nbsp;จะออกมาเป็นจำนวนมาก&nbsp;ซึ่ง&nbsp;เป็นการหารายได้เสริมในช่วงราคายางตกต่ำอยู่ในขณะนี้และประกอบกับสถานการณ์โควิด-19&nbsp;ระบาดทำให้มีรายได้มาเสริม</p><p><strong>สำหรับจักจั่น&nbsp;มีหลายชนิด&nbsp;แต่สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด</strong>&nbsp;เช่น&nbsp;ทอด&nbsp;คั่ว&nbsp;หมก&nbsp;ยำ&nbsp;แกง&nbsp;และนำมาทำเมี่ยง&nbsp;กินกับข้าว&nbsp;และกับแกล้ม&nbsp;และยังจัดเป็นอาหารยาอีกด้วย</p><p><strong>โดยขั้นตอนการนำไปปรุงอาหาร&nbsp;ก่อนอื่นต้องเด็ดปีกออกแล้วนำไปล้างน้ำสะอาด</strong>&nbsp;ประมาณ&nbsp;2&nbsp;-3&nbsp;รอบ&nbsp;แล้วสามารถนำไปทำเมนูจั๊กจั่นได้ตามความชอบ&nbsp;แต่ที่เมนูชาวบ้านในพื้นที่อำเภอเบตงชื่นชอบมากที่สุด&nbsp;คือ&nbsp;จักจั่นทอดกรอบหยอดซอสแม็กกี้&nbsp;โรยพริกไทย&nbsp;ถือเป็นเมนูเด็ดหายากเนื่องจากจะมีในพื้นที่อ.เบตง&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;ที่เดียวเท่านั้น</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>20/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.เบตง จ.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120205540673 พาณิชย์ตรัง เชื่อมโยงและเผยแพร่ผลิตภัณฑ์จากพืชพื้นถิ่น สู่ช่องทางการตลาดออนไลน์ ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก จังหวัดตรัง<p><strong>วันที่&nbsp;20&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;จัดกิจกรรมเชื่อมโยงและเผยแพร่ผลิตภัณฑ์&nbsp;&nbsp;</strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;สู่ช่องทางการตลาดออนไลน์&nbsp;ครั้งนี้&nbsp;2&nbsp;ตามโครงการยกระดับสินค้าและบริการด้วยช่องทางการตลาดวิถีใหม่&nbsp;(New&nbsp;Normal)&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.2564&nbsp;เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้จากการพัฒนาและออกแบบจากเตยปาหนันและก้านจาก&nbsp;ผ่านการไลฟ์สดทางเพจเฟซบุ๊กเพื่อให้เกิดการซื้อขายจริง&nbsp;โดย&nbsp;“หนูเล็ก&nbsp;ก่อนบ่าย”&nbsp;มีผู้ติดตามกว่า&nbsp;1.4&nbsp;ล้าน&nbsp;follows&nbsp;และเจ้าของเพจ&nbsp;“กระเป๋ากระจูด&nbsp;ร้านธรรมมือ&nbsp;ทะเลน้อย”&nbsp;มีผู้ติดตามกว่า&nbsp;92,000&nbsp;follows&nbsp;ณ&nbsp;กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรดุหุนสามัคคี&nbsp;อำเภอสิเกา&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;</p><p><strong>การจัดกิจกรรมไลฟ์สดครั้งนี้&nbsp;</strong>เป็นการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์จักสานเตยปาหนัน&nbsp;ของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรดุหุนสามัคคี&nbsp;อำเภอสิเกา&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;และผลิตภัณฑ์จักสานก้านจากของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนจักสานก้านจากโต๊ะเมือง&nbsp;รวมทั้งกลุ่มจักสานก้านจากบ้านนายอดทอง&nbsp;อำเภอกันตัง&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น&nbsp;รวมถึงได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการในการใช้โอกาสจากช่องทางการตลาดออนไลน์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทันที&nbsp;เกิดมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้นกว่า&nbsp;130,000&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งสินค้าที่ได้รับความสนใจ&nbsp;ได้แก่&nbsp;กระเป๋าเตยปาหนันรูปแบบต่างๆ&nbsp;กระเป๋าสตางค์&nbsp;กระเป๋าเอกสาร&nbsp;กระเป๋าจากก้านจาก&nbsp;ตะกร้าใส่ผลไม้&nbsp;ถาดผลไม้ขนาดต่างๆ&nbsp;หลากหลายรูปทรง&nbsp;เป็นต้น</p><p><strong>&nbsp;การจัดกิจกรรมในครั้งนี้&nbsp;</strong>สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในยุคปัจจุบัน&nbsp;สร้างภาพลักษณ์สินค้าที่มีศักยภาพของจังหวัดตรังให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น&nbsp;สร้างรายได้ให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์จากพืชพื้นถิ่น&nbsp;รวมทั้งช่วยยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของจังหวัดตรังได้เป็นอย่างดี</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p>20/1/2022ภาคใต้ตรังสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120213149686 พาณิชย์ฯ ขอนแก่น ออกติดตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน<p><strong>นายสุระชัย&nbsp;วิชาชัย&nbsp;หัวหน้ากลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;</strong>พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่น&nbsp;ได้ลงพื้นที่ออกติดตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ที่ตลาดบางลำภู&nbsp;และร้าน&nbsp;97&nbsp;เฟรชมาร์ท&nbsp;ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองขอนแก่น&nbsp;จังหวัดขอนแก่น&nbsp;โดยประชาชนได้ให้ความสนใจและตอบรับโครงการฯ&nbsp;เป็นอย่างมาก&nbsp;อีกทั้งยังได้ตรวจสอบภาวะราคาสินค้า&nbsp;ที่ตลาดบางลำภู&nbsp;และตลาดศรีเมืองทอง&nbsp;อำเภอเมืองขอนแก่น&nbsp;จังหวัดขอนแก่น</p><p><strong>ซึ่งพบว่า&nbsp;ราคาสินค้าทั่วไป&nbsp;เช่น&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;ผักสด&nbsp;ฯลฯ</strong>&nbsp;ราคายังทรงตัวปกติ&nbsp;ส่วนมะละกอ&nbsp;พันธุ์ดำเนิน&nbsp;จำหน่ายอยู่ที่ราคา&nbsp;80-180&nbsp;บาท&nbsp;(ถุงละ&nbsp;10&nbsp;กก.)&nbsp;ขึ้นอยู่กับขนาดของมะละกอ&nbsp;ซึ่งได้ปรับตัวลงจากสัปดาห์ที่แล้ว&nbsp;10-20&nbsp;บาท&nbsp;/ถุง</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>20/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขอนแก่นสวท.ขอนแก่นhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120215835689 จ.สมุทรสาคร ยกทะเลมาไว้ที่ขอนแก่น ในงานเทศกาลอาหารทะเลและของดี จ.สมุทรสาคร<p><strong>นางสาวสุนันทา&nbsp;น้อยพิทักษ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสมุทรสาคร</strong>&nbsp;เป็นประธานเปิดงาน&nbsp;“เทศกาลอาหารทะเลและของดีจังหวัดสมุทรสาคร&nbsp;”&nbsp;ที่ตลาดต้นตาลขอนแก่น&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;19&nbsp;-&nbsp;23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;17.00&nbsp;น.&nbsp;–&nbsp;23.00&nbsp;น.&nbsp;ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19&nbsp;อย่างเข้มงวด&nbsp;สร้างโอกาส&nbsp;เพิ่มช่องทางการตลาดที่ขอนแก่น&nbsp;โดยมี&nbsp;ภาครัฐ&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;และประชาชนทั่วไปร่วมงานภายในงานมีการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าอาหารทะเลและสินค้าดีเมืองสมุทรสาคร</p><p><strong>นางสาวสุนันทา&nbsp;น้อยพิทักษ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสมุทรสาคร&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;จากมาตรการดำเนินการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(COVID&nbsp;19)&nbsp;เชิงรุกกันมาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;จนกระทั่งประชาชนทุกภาคส่วนสามารถกลับมาประกอบอาชีพได้อย่างเป็นปกติ&nbsp;ซึ่งจังหวัดสมุทรสาคร&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสมุทรสาคร&nbsp;ร่วมกับหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร&nbsp;ได้ร่วมจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า&nbsp;“เทศกาลอาหารทะเลและของดีจังหวัดสมุทรสาคร”&nbsp;เพื่อสร้างโอกาส&nbsp;เพิ่มช่องทางการตลาดและประชาสัมพันธ์สินค้าให้แก่เกษตรกร/ผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการของจังหวัดสมุทรสาครให้มีรายได้เพิ่มขึ้น&nbsp;เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ&nbsp;สร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน&nbsp;และความเข้มแข็งของชุมชนระหว่างจังหวัดสมุทรสาคร&nbsp;และจังหวัดขอนแก่นรวมถึงพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง&nbsp;(ร้อยแก่นสารสินธุ์)&nbsp;อย่างยั่งยืน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>การจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า&nbsp;เทศกาลอาหารทะเลและของดีจังหวัดสมุทรสาคร</strong>&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสมุทรสาคร&nbsp;ภายใต้กระทรวงพาณิชย์ที่มีบทบาทและภารกิจในการส่งเสริมและสนับสนุนการค้า&nbsp;ได้บูรณาการกับ&nbsp;หอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร&nbsp;เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดสมุทรสาครหลังผ่านวิกฤติจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(COVID&nbsp;-19)&nbsp;โดยจัดกิจกรรมแสดงและจำหน่ายสินค้า&nbsp;เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าอาหารทะเลทั้งสดและแปรรูปของจังหวัดสมุทรสาคร&nbsp;รวมถึงสินค้าที่มีชื่อเสียงอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;อีกมากมายของจังหวัดสมุทรสาคร&nbsp;เพื่อเป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการของจังหวัดสมุทรสาคร&nbsp;และผลักดันเศรษฐกิจในจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียง</p><p><strong>“ภายในงานมีการแสดงและจำหน่ายสินค้าอาหารทะเลและของดีจังหวัดสมุทรสาคร&nbsp;</strong>อาทิเช่น&nbsp;อาหารทะเลสด&nbsp;และอาหารทะเลแปรรูป&nbsp;สินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;รวมทั้งเครื่องเบญจรงค์ที่มีคุณค่า&nbsp;และอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;อีกมากมาย&nbsp;โดยด้านหน้าและบริเวณการจัดกิจกรรมมีจุดนิทรรศการถ่ายทอดความรู้&nbsp;และจุดถ่ายรูปที่สวยงามแก่ผู้มาเยือน&nbsp;และกิจกรรมนาทีทองนาทีถูก&nbsp;กิจกรรมแจกนักช้อป&nbsp;และพบกับการลุ้นรางวัลภายในงานอีกมากมาย&nbsp;มีการแสดงดนตรีสดทุกวัน&nbsp;2&nbsp;ช่วง&nbsp;โดยช่วงแรกระหว่างเวลา&nbsp;เวลา&nbsp;17.30&nbsp;น.&nbsp;-&nbsp;19.00&nbsp;น.&nbsp;และช่วงที่สองเวลา&nbsp;21.45&nbsp;น.&nbsp;-23.00&nbsp;น.&nbsp;และการจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจระหว่างจังหวัดสมุทรสาครกับกลุ่มจังหวัด&nbsp;“ร้อยแก่นสารสินธุ์”</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>20/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขอนแก่นสวท.ขอนแก่นhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120221000690 พังงา เตรียมเปิด “หลาดริมคลองงา” เพิ่มช่องทางการขายให้เกษตรกรและประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้ในชุมชน<p><strong>วันนี้&nbsp;(20&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;นายจำเริญ&nbsp;ทิพญพงศ์ธาดา&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา&nbsp;</strong>ประชุมคณะทำงานเตรียมความพร้อมในการจัดงาน&nbsp;“เกษตรแฟร์”&nbsp;ซึ่งประกอบด้วย&nbsp;ส่วนราชการหน่วยงานต่างๆ&nbsp;รัฐวิสาหกิจ&nbsp;องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น&nbsp;และภาคเอกชน&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมภูผา&nbsp;ศาลากลางจังหวัดพังงา&nbsp;โดยจังหวัดพังงาได้รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทยให้สำรวจสถานที่เพื่อใช้จัดกิจกรรมในลักษณะที่ให้เกษตรกรได้พบปะกับผู้ซื้อโดยตรงซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร&nbsp;ผู้ผลิต&nbsp;และแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร&nbsp;ให้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้า&nbsp;ฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;กระตุ้นการค้าขายและสร้างรายได้ให้กับชุมชน&nbsp;ดังนั้นจึงได้กำหนดจัดงาน&nbsp;“เกษตรแฟร์”&nbsp;ขึ้นที่บริเวณลานเอนกประสงค์&nbsp;ข้างริมคลองพังงา&nbsp;ศูนย์ราชการจังหวัดพังงา&nbsp;ภายในงานมีการจำหน่ายสินค้าเกษตร&nbsp;สินค้าอุปโภค&nbsp;บริโภค&nbsp;ของกลุ่มเกษตรกร&nbsp;ชุมชน&nbsp;และประชาชน&nbsp;เปิดจำหน่ายครั้งแรกวันที่&nbsp;14&nbsp;-16&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;และเปิดขายครั้งถัดไปทุกวันศุกร์&nbsp;เวลา&nbsp;15.00&nbsp;ถึง&nbsp;19.00&nbsp;น.&nbsp;ภายในบริเวณจะมีการแสดงของเด็กนักเรียน&nbsp;ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน&nbsp;และการละเล่นต่างๆ&nbsp;เพื่อสร้างความสุขให้กับผู้ซื้อและผู้ขาย&nbsp;และยังได้กราบไหว้พระทิพยมงคลพุทธปฏิมากร&nbsp;ที่ประดิษฐานอยู่ภายในหอพระด้วย&nbsp;อีกทั้งพ่อค้า&nbsp;แม่ค้า&nbsp;หรือประชาชน&nbsp;ที่ต้องการนำสินค้ามาจำหน่ายไม่ว่าจะเป็นของกิน&nbsp;ของใช้&nbsp;เสื้อผ้า&nbsp;สินค้าเบ็ดเตล็ด&nbsp;สินค้ามือสอง&nbsp;ก็สามารถทำได้&nbsp;เพื่อให้ตลาดมีสินค้าที่หลายหลายและเป็นที่สนใจของผู้คนให้เข้ามายังตลาดแห่งนี้มากขึ้น&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้มีการตรวจคัดกรองตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ</strong>&nbsp;มีการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและความปลอดภัยให้กับประชาชนโดยหน่วยงานต่างๆ</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p>20/1/2022ภาคใต้พังงาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพังงาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120225353699 พ่อเมืองร้อยเอ็ด เยี่ยมชมของดีเมืองร้อยเอ็ด ผ้าไทยใส่ให้สนุก และจำหน่ายเนื้อหมูธงฟ้าราคาถูก<p><strong>วันที่&nbsp;20&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;13.30&nbsp;น.&nbsp;นายภูสิต&nbsp;สมจิตต์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด</strong>&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นางดนิตา&nbsp;สมจิตต์&nbsp;นายกเหล่ากาชาดจังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;,นายพิศ&nbsp;นันทพูนพิพัฒน์&nbsp;พัฒนาการจังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;,นายพงษ์ศักดิ์&nbsp;วรวงศ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;,หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;เยี่ยมชมตลาดผ้าไหม&nbsp;ผ้าฝ้ายของดีเมืองร้อยเอ็ด&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;"ผ้าไทยใส่ให้สนุก"&nbsp;และเนื้อหมูธงฟ้าราคาถูก&nbsp;ที่บริเวณศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;จังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;(หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด)&nbsp;ซึ่งมีประชาชนให้ความสนใจอย่างล้นหลาม</p><p><strong>โดยจังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;ได้ดำเนินกิจกรรมตลาดผ้าไหม&nbsp;ผ้าฝ้ายเมืองร้อยเอ็ด&nbsp;</strong>และผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;เด่นของจังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;เป็นประจำทุกเดือน&nbsp;ในสัปดาห์แรกของเดือน&nbsp;หรือสัปดาห์ที่เหมาะสม&nbsp;กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย&nbsp;การออกร้านแสดงและจำหน่ายสินค้าของผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ประเภทผ้าไหม&nbsp;ผ้าฝ้ายจังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;และผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;เด่นของจังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;ทั้ง&nbsp;20&nbsp;อำเภอ&nbsp;รวมทั้งสิ้น&nbsp;35&nbsp;บูท&nbsp;รวมถึงการแสดงดนตรี&nbsp;จากวงดนตรีคลาสสิคแบนด์&nbsp;หมวดดุริยางค์&nbsp;มณฑลทหารบกที่&nbsp;27&nbsp;จังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;สร้างความสนุกสนาน&nbsp;ให้แก่ผู้ที่มาร่วมงาน&nbsp;และการจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;และเนื้อวัวราคาถูก&nbsp;เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพประชาชน</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;นายภูสิต&nbsp;สมจิตต์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;กล่าวประชาสัมพันธ์เชิญชวน</strong>ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;และจังหวัดใกล้เคียงร่วม&nbsp;“ชม&nbsp;ช้อป&nbsp;แชะ”&nbsp;สินค้าภายในงานตลาดผ้าไหม&nbsp;ผ้าฝ้ายของดีเมืองร้อยเอ็ด&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;19&nbsp;-&nbsp;20&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;09.00-18.00&nbsp;น.&nbsp;ที่&nbsp;บริเวณศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;จังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;(หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด)&nbsp;เพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ให้มีรายได้&nbsp;กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;และกระจายรายได้สู่ชุมชน</p><p><br></p><p>สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด</p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>20/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยเอ็ดสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120231049701 จังหวัดชัยนาท จัด “ตลาดนัดชุมชน ช่วยค่าครองชีพจังหวัดชัยนาท” เพื่อบรรเทาปัญหาค่าครองชีพของครัวเรือนประชาชน<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>เช้าวันนี้&nbsp;(20&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดชัยนาท&nbsp;(หลังใหม่)&nbsp;</strong>ถนนพรหมประเสริฐ&nbsp;อำเภอเมืองชัยนาท&nbsp;จังหวัดชัยนาท&nbsp;นายรังสรรค์&nbsp;ตันเจริญ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท&nbsp;เป็นประธานเปิดงาน&nbsp;“ตลาดนัดชุมชน&nbsp;ช่วยค่าครองชีพจังหวัดชัยนาท”&nbsp;เพื่อบรรเทาปัญหาค่าครองชีพของครัวเรือนประชาชน&nbsp;โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท&nbsp;และหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดชัยนาท&nbsp;ร่วมเปิดงาน</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;การจัด&nbsp;“ตลาดนัดชุมชน&nbsp;ช่วยค่าครองชีพจังหวัดชัยนาท”&nbsp;วันนี้&nbsp;มีความพิเศษที่มีหน่วยงานราชการจังหวัดชัยนาท&nbsp;โดยส่วนราชการของกระทรวงพาณิชย์และส่วนราชการของกระทรวงเกษตร&nbsp;รวมถึงผู้ประกอบการและเกษตรกร&nbsp;ร่วมกันนำสินค้าในราคาต้นทุนมาจำหน่าย&nbsp;เช่น&nbsp;เนื้อหมูในราคาที่ถูกมาก&nbsp;รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดชัยนาท&nbsp;เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชน&nbsp;ลดภาระเรื่องค่าครองชีพ&nbsp;ช่วยให้ประชาชนได้มีโอกาสเลือกซื้อสินค้าในราคาถูก&nbsp;และราคาประหยัด&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ได้มีการวางแผนว่าจะหมุนเวียนไปจัด&nbsp;“ตลาดนัดชุมชน&nbsp;ช่วยค่าครองชีพจังหวัดชัยนาท”&nbsp;ในทุกอำเภอ&nbsp;แต่วันนี้&nbsp;เริ่มที่อำเภอเมืองฯ&nbsp;ก่อนเพื่อดูผลการตอบรับจากประชาชน&nbsp;ซึ่งก็เป็นที่น่าพอใจและได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนมาร่วมซื้อสินค้ากันจำนวนมาก&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">ส.ปชส.ชัยนาท</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>20/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชัยนาทhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220120221419691 ตม.ภูเก็ต ปฏิบัติการเชิงรุกต่อวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวที่กักตัวถึงโรงแรมที่พัก เป็นการอำนวยความสะดวก สร้างความเชื่อมั่นและดูแลนักท่องเที่ยว<p><strong>พ.ต.อ.ธเนศ&nbsp;สุขชัย&nbsp;ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ภาพรวมใน&nbsp;ขณะนี้เชื้อโอมิครอนยังมีการแพร่ระบาดในต่างประเทศค่อนข้างสูง&nbsp;ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย&nbsp;โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต&nbsp;บางส่วนอาจเป็นพาหะนำเชื้อเข้ามา&nbsp;แต่จังหวัดภูเก็ตมีระบบการคัดกรองตั้งแต่&nbsp;Day&nbsp;0&nbsp;คือที่สนามบิน&nbsp;ซึ่งเมื่อผ่านการตรวจแล้วไม่พบเชื้อ&nbsp;นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยวไปตามปกติ&nbsp;และด้วยระบบแซนด์บ็อกซ์&nbsp;ที่มีการตรวจหาเชื้อครั้งที่&nbsp;2&nbsp;ในระยะ&nbsp;Day&nbsp;5&nbsp;หรือ&nbsp;Day&nbsp;6&nbsp;และส่วนใหญ่จะมีผลการตรวจที่ออกมาว่า&nbsp;นักท่องเที่ยวมีเชื้อเป็นบวก&nbsp;จึงต้องถูกส่งตัวเข้าสู่กระบวนรักษาตามมาตรการสาธารณสุข&nbsp;ด้วยการกักตัวในระบบ&nbsp;HQ&nbsp;หรือ&nbsp;HRC&nbsp;แต่ระหว่างการกักตัวระยะเวลาวีซ่าของนักท่องเที่ยวอาจใกล้หมดอายุ&nbsp;และไม่สามารถเดินทางไปต่อวีซ่าได้ด้วยตัวเอง&nbsp;</p><p><br></p><p><strong>ดังนั้น&nbsp;ตม.ภูเก็ต&nbsp;จึงออกปฏิบัติการเชิงรุกบริการต่อวีซ่า</strong>&nbsp;ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว&nbsp;โดยการประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการที่พักที่นักท่องเที่ยวเข้ากักตัว&nbsp;โดยระยะเวลา&nbsp;1&nbsp;สัปดาห์ที่ผ่านมา&nbsp;ได้ดำเนินการดูแลนักท่องเที่ยวที่ติดเชื้อและเข้าพักตามระบบสาธารณสุขยังโรงแรมต่างๆ&nbsp;กว่า&nbsp;200&nbsp;ราย&nbsp;รวมทั้งเจรจาชี้แจงนักท่องเที่ยวที่ไม่เข้าใจภาพรวมว่า&nbsp;เมื่อติดเชื้อแล้วจะต้องปฏิบัติอย่างไร&nbsp;มากกว่า&nbsp;30&nbsp;ราย&nbsp;ถือเป็นการดูแล&nbsp;อำนวยความสะดวกและเป็นการสร้างความเชื่อมั่น&nbsp;สร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตและประเทศไทย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>21/1/2022ภาคใต้ภูเก็ตสวท.ภูเก็ตhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121083006717 จ.ประจวบฯ ระดมเจ้าหน้าที่ตรวจสอบป้องกันการกักตุนสินค้าและเนื้อสุกรช่วงเทศกาลตรุษจีน หากพบการกระทำผิดมีโทษทั้งจำและปรับ<p><strong>(21&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายเสถียร&nbsp;เจริญเหรียญ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์&nbsp;</strong>เป็นประธานปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ออกจากที่ว่าการอำเภอเมืองประจวบฯ&nbsp;ไปยังสถานประกอบการต่างๆ&nbsp;เพื่อตรวจสอบป้องกันการกักตุนสินค้าและเนื้อสุกรช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;สำรวจการกักตุนเนื้อสุกร&nbsp;และกำกับดูแลร้านจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;ตามมาตรการกำกับดูแลสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;ไม่ให้มีการฉวยโอกาสจำหน่ายในราคาสูง&nbsp;และกำชับให้ผู้ค้า&nbsp;ผู้ประกอบการติดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน&nbsp;พร้อมตรวจสอบสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพอื่นๆ&nbsp;ไม่ให้ปรับขึ้นราคา&nbsp;หากประชาชนพบเห็นการกักตุนหรือฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดฯ&nbsp;และหากตรวจสอบพบการกระทำผิดจะมีโทษตามมาตรา&nbsp;29&nbsp;แห่ง&nbsp;พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;มีโทษจำคุก&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับ&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำและปรับ&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดฯ</strong>&nbsp;ได้จัดจุดจำหน่ายเนื้อสุกร&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;6&nbsp;จุดใน&nbsp;อ.เมือง&nbsp;อ.หัวหิน&nbsp;และ&nbsp;อ.บางสะพาน&nbsp;เพื่อบรรเทาค่าครองชีพให้กับประชาชน</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคตะวันตกประจวบคีรีขันธ์สวท.ประจวบคีรีขันธ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121085713723 ผู้ว่าฯสมุทรสงคราม เปิดงานเทศกาลส้มโอขาวใหญ่และของดีสมุทรสงครามต้อนรับเทศกาลตรุษจีนปี2565<p><strong>วันนี้(21&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ที่บริเวณวดปากน้ำ&nbsp;ตำบลแควอ้อม</strong>&nbsp;อำเภออัมพวา&nbsp;นายขจร&nbsp;ศรีชวโนทัย&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม&nbsp;เป็นประธานเปิดงานเทศกาลส้มโอขาวใหญ่และของดีสมุทรสงคราม&nbsp;โดยมีนางกฤษาพร&nbsp;สุนทรพจน์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสมุทรสงคราม&nbsp;&nbsp;กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดเทศกาล&nbsp;พร้อมด้วยนายศิริศักดิ์&nbsp;ศิริมังคะลา&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภาคเอกชน&nbsp;เกษตรกร&nbsp;พ่อค้า&nbsp;ประชาชน&nbsp;ร่วมเปิดงานอย่างคึกคัก&nbsp;พร้อมมอบรางวัลและประกาศนียบัตรแก่เกษตรกรผู้ชนะการประกวดส้มโอชาวใหญ่&nbsp;ขนาดน้ำหนัก&nbsp;1.4&nbsp;–&nbsp;1.6&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;และขนาดนำหนักมากกว่า&nbsp;1.6&nbsp;–&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;การจำหน่ายส้มโอขาวใหญ่ภายในงาน&nbsp;จะแบ่งออกเป็นหลายประเภท&nbsp;เล็ก&nbsp;ใหญ่&nbsp;กลาง&nbsp;ราคาไม่เกินกิโลกรัมละ&nbsp;60&nbsp;บาท&nbsp;3&nbsp;ลูกร้อยบาท&nbsp;4&nbsp;ลูกร้อยบาท&nbsp;และแล้วแต่ตกลงราคากันเองระหว่างชาวสวนกับผู้ซื้อ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ส้มโอขาวใหญ่นับว่าเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่เป็นผลไม้ไหว้บรรพบุรุษและเป็นสิริมงคล&nbsp;ทางจังหวัดสมุทรสงครามจึงได้กำหนดให้ชาวสวนนำส้มโอออกมาจำหน่ายในช่วงนี้&nbsp;และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกสบาย&nbsp;ให้แก่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวแล้วต้องการที่จะซื้อกลับไปเป็นของฝากหรือเตรียมไว้ไหว้บรรพบุรุษในช่วงตรุษจีน&nbsp;และยังมีสินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;อีกหลายอย่างมาวางจำหน่ายให้ซื้ออีกด้วย&nbsp;งานเริ่มตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่&nbsp;23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำหน่ายตั้งแต่เวลา&nbsp;08.30&nbsp;–&nbsp;19.00&nbsp;น.&nbsp;สถานที่จอดรถสะดวกสบาย</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสมุทรสงครามสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงครามhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121103633745 ผู้ว่าฯ ตรัง ตรวจเยี่ยมการจัดจำหน่ายสินค้า ตามโครงการจำหน่ายสินค้าอุปโภค- บริโภค ราคาถูกสู้ภัยโควิด-19 จังหวัดตรัง ระยะที่ 3<p><strong>วันนี้&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.2565)&nbsp;นายขจรศักดิ์&nbsp;เจริญโสภา&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง&nbsp;</strong>ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการจัดจำหน่ายสินค้า&nbsp;ตามโครงการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค&nbsp;ราคาถูกสู้ภัยโควิด-19&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;ระยะที่&nbsp;3&nbsp;ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;ทั้งนี้จังหวัดตรังและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ได้กำหนดจัดกิจกรรมระหว่างวันที่&nbsp;20-21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;เทศบาลตำบลนาโยงเหนือ&nbsp;อำเภอนาโยง&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;<strong>ตามที่&nbsp;จังหวัดตรังได้อนุมัติงบประมาณให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ดำเนินการจัดกิจกรรม</strong>ในพื้นที่&nbsp;10&nbsp;อำเภอๆ&nbsp;ละ&nbsp;2&nbsp;วัน&nbsp;เพื่อบรรเทาภาวะค่าครองชีพของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;รวมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น&nbsp;โดยดำเนินการภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด</p><p><strong>โดยในวันนี้&nbsp;ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;</strong>ได้นำสินค้ามาจำหน่าย&nbsp;อาทิ&nbsp;ไข่ไก่เบอร์&nbsp;2&nbsp;จำนวน&nbsp;300&nbsp;แผงต่อวัน&nbsp;ปกติราคา&nbsp;108&nbsp;-&nbsp;110&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;65&nbsp;บาทเท่านั้น&nbsp;&nbsp;น้ำมันพืชปาล์มขนาด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;วันละ&nbsp;180&nbsp;ขวด&nbsp;ปกติราคา&nbsp;57&nbsp;-&nbsp;60&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;45&nbsp;บาท&nbsp;ทั้งนี้ให้สิทธิ์ผู้ซื้อไข่ไก่คนละ&nbsp;1&nbsp;แผง&nbsp;น้ำมันพืชคนละ&nbsp;1&nbsp;ขวด&nbsp;นอกจากนี้ยังจำหน่ายเนื้อหมูชำแหละ&nbsp;อาทิ&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;(ไหล่/สะโพก/ขาหน้า/คอ)&nbsp;ราคาตลาด&nbsp;180-200&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;สามชั้น&nbsp;180-220&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่าย&nbsp;170&nbsp;บาท&nbsp;เนื้อสันใน&nbsp;ราคา&nbsp;180-200&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;170&nbsp;บาท&nbsp;ซี่โครง&nbsp;ราคา&nbsp;170-180&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่าย&nbsp;160&nbsp;บาท&nbsp;เครื่องใน&nbsp;(ตับ/หัวใจ)&nbsp;ราคา&nbsp;130-140&nbsp;บาทจำหน่าย&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;ขา-หัว&nbsp;ราคา&nbsp;120-130&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่าย&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;กระดูกสัน&nbsp;ราคา&nbsp;110-120&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่าย&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;เครื่องในรวม&nbsp;จำหน่าย&nbsp;50-70&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่าย&nbsp;50&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;นายขจรศักดิ์&nbsp;เจริญโสภา&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง&nbsp;ได้กล่าวว่า</strong>&nbsp;ปัญหาราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;ทั้งเนื้อสัตว์&nbsp;หมู&nbsp;ไก่&nbsp;และสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อประชาชนอย่างเร่งด่วน&nbsp;โดยสนับสนุนงบประมาณ&nbsp;&nbsp;จำนวน&nbsp;353,600&nbsp;&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;ให้กับทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;&nbsp;จัดโครงการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูก&nbsp;&nbsp;สู้ภัยโควิด-19&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;&nbsp;จำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตประจำวัน&nbsp;เพื่อเป็นทางเลือกของพี่น้องประชาชนในการจับจ่ายสินค้าราคาประหยัด&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;</p>21/1/2022ภาคใต้ตรังสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121114216784 ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ตรวจเยี่ยมการจัดจำหน่ายสินค้า ตามโครงการจำหน่ายสินค้าอุปโภค- บริโภค ราคาถูกสู้ภัยโควิด-19 จังหวัดตรัง ระยะที่ 3 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>วันนี้&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.2565)&nbsp;นายขจรศักดิ์&nbsp;เจริญโสภา&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง</strong>&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการจัดจำหน่ายสินค้า&nbsp;ตามโครงการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค&nbsp;ราคาถูกสู้ภัยโควิด-19&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;ระยะที่&nbsp;3&nbsp;ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;ทั้งนี้จังหวัดตรังและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ได้กำหนดจัดกิจกรรมระหว่างวันที่&nbsp;20-21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;เทศบาลตำบลนาโยงเหนือ&nbsp;อำเภอนาโยง&nbsp;จังหวัดตรัง</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ตามที่จังหวัดตรังได้อนุมัติงบประมาณให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง</strong>&nbsp;ดำเนินการจัดกิจกรรมในพื้นที่&nbsp;10&nbsp;อำเภอๆ&nbsp;ละ&nbsp;2&nbsp;วัน&nbsp;เพื่อบรรเทาภาวะค่าครองชีพของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;รวมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น&nbsp;โดยดำเนินการภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>โดยในวันนี้&nbsp;ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง</strong>&nbsp;ได้นำสินค้ามาจำหน่าย&nbsp;อาทิ&nbsp;ไข่ไก่เบอร์&nbsp;2&nbsp;จำนวน&nbsp;300&nbsp;แผงต่อวัน&nbsp;ปกติราคา&nbsp;108-110&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;65&nbsp;บาทเท่านั้น&nbsp;น้ำมันพืชปาล์มขนาด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;วันละ&nbsp;180&nbsp;ขวด&nbsp;ปกติราคา&nbsp;57-60&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;45&nbsp;บาท&nbsp;ทั้งนี้ให้สิทธิ์ผู้ซื้อไข่ไก่คนละ&nbsp;1&nbsp;แผง&nbsp;น้ำมันพืชคนละ&nbsp;1&nbsp;ขวด&nbsp;นอกจากนี้ยังจำหน่ายเนื้อหมูชำแหละ&nbsp;อาทิ&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;(ไล่/สะโพก/ขาหน้า/คอ)&nbsp;ราคาตลาด&nbsp;180-200&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;สามชั้น&nbsp;180-220&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่าย&nbsp;170&nbsp;บาท&nbsp;เนื้อสันใน&nbsp;ราคา&nbsp;180-200&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;170&nbsp;บาท&nbsp;ซี่โครง&nbsp;ราคา&nbsp;170-180&nbsp;บาทจำหน่าย&nbsp;160&nbsp;บาท&nbsp;เครื่องใน&nbsp;(ตับ/หัวใจ)&nbsp;ราคา&nbsp;130-140&nbsp;บาทจำหน่าย&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;ขา-หัว&nbsp;ราคา&nbsp;120-130&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่าย&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;กระดูกสัน&nbsp;ราคา&nbsp;110-120&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่าย&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;เครื่องในรวม&nbsp;จำหน่าย&nbsp;50-70&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่าย&nbsp;50&nbsp;บาท</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ปัญหาราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;ทั้งเนื้อสัตว์&nbsp;หมู&nbsp;ไก่&nbsp;และสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อประชาชนอย่างเร่งด่วน&nbsp;โดยสนับสนุนงบประมาณ&nbsp;&nbsp;จำนวน&nbsp;353,600&nbsp;&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;ให้กับทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;&nbsp;จัดโครงการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูกสู้ภัยโควิด-19&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;&nbsp;จำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตประจำวัน&nbsp;เพื่อเป็นทางเลือกของพี่น้องประชาชนในการจับจ่ายสินค้าราคาประหยัด&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121114906792 จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดตลาดสินค้าราคาถูก พาณิชย์ร่วมปศุสัตว์จังหวัด จัดหมูสด 5 ตัว กก.150 บาท จำหน่ายหน้าศาลากลางหมดเกลี้ยงไม่ถึงชั่วโมง ด้านผู้ว่าฯเผย ตั้งใจให้ตลาดนัดแห่งนี้เป็นการลดค่าครองชีพให้กับประชาชน<p><strong>วันนี้&nbsp;&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;&nbsp;ที่ลานจอดรถหน้าศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี</strong>&nbsp;จังหวัดสราษฎร์ธานี&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัด&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด&nbsp;หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;อาทิ&nbsp;สำนักงานประมง&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดสุราษฎร์ธานีเกษตรจังหวัด&nbsp;สำนักงานพัฒนาชุมชน&nbsp;จังหวัด&nbsp;ร่วมกันเปิดตลาดนัดชุมชน&nbsp;ลดค่าครองชีพ&nbsp;ช่วยเหลือประชาชน&nbsp;โดยการ&nbsp;จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆให้กับประชาชน&nbsp;เพื่อลดค่าครองชีพในช่วงสินค้าราคาแพง&nbsp;โดยเฉพาะเปิดขายหมูชำแหละ&nbsp;5&nbsp;ตัว&nbsp;500&nbsp;กก.&nbsp;หมูเนื้อแดงราคา&nbsp;กก.ละ150บาท&nbsp;/กระดูกซี่โครงหมู/&nbsp;เครื่องในหมู&nbsp;ราคาลดหลั่นกันไปและถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;และ&nbsp;ยังมีหมูแช่แข็ง&nbsp;แพ็คละ89บาท&nbsp;ไข่ไก่เบอร์&nbsp;2&nbsp;แผงละ&nbsp;99&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;200&nbsp;แผง&nbsp;&nbsp;โดยมีนายวิชวุทย์&nbsp;จินโต&nbsp;ผวจ.สุราษฎร์ธานี&nbsp;รอง&nbsp;ผวจ.สุราษฎร์ธานีและหัวหน้าส่วนราชการมาให้กำลังใจทั้งผู้ซื้อและผู้ขายอีกด้วย&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังมีสินค้าต่างๆเช่น&nbsp;น้ำมันพืช&nbsp;ปลากระป๋อง&nbsp;อีซิ๊ว&nbsp;ลูกชิ้นต่างๆ</strong>&nbsp;โดยได้รับความร่วมมือจากห้างร้านต่างๆมาเปิดบูธจำหน่ายสินค้าราคาถูกให้ประชาชน&nbsp;จำนวนกว่า15&nbsp;ร้านค้า&nbsp;ซึ่งภายในตลาดมีประชาชนแห่กันมาจับจ่ายใช้สอยเป็นจำนวนมากทำให้ของบางอย่างหมดอย่างรวดเร็วไม่ถึง&nbsp;1&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;นอกจากนั้นยังมีผักสด&nbsp;ผลไม้และของใช้อื่น&nbsp;ๆอีกจำนวนมาก</p><p>นายวิชวุทย์&nbsp;จินโต&nbsp;ผวจ.สุราษฎร์ธานี&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ตลาดนัดแห่งนี้เป็นการลดค่าครองชีพให้กับประชาชนมีทั้งอาหารสดและอาหารแห้ง&nbsp;ทั้งหมู&nbsp;/น้ำมันพืช&nbsp;ในลักษณะผู้ประกอบการพบกับพี่น้องประชาชนและประชาชนดีใจที่ได้ซื้อหมูในราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาทและวันนี้ขายหมูหมดเกลี้ยงจำนวน&nbsp;5&nbsp;ตัว&nbsp;โดยในวันศุกร์ต่อไปจะจัดในลักษณะนี้อีก&nbsp;มอบหมายให้ปศุสัตว์นำหมูมาขายให้เพิ่มมากขึ้น</p><p><strong>ด้านนางขนิษฐา&nbsp;มุนีแนม&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>ทางกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับทางจังหวัดตั้งจุดจำหน่ายหมูราคาถูกให้กับประชาชน&nbsp;โดยนอกจากตลาดชุมชนแห่งนี้ยังมีจุดจำหน่ายในอ.เมือง&nbsp;4จุด&nbsp;อำเภอบ้านนาสาร2จุดและตอนนี้ได้เพิ่มที่&nbsp;อ.ชัยบุรีอีก2จุด&nbsp;เพื่อลดค่าครองชีพให้กับประชาชน&nbsp;โดยประชาชนสามารถติดตามข่าวสารได้ผ่านช่องทางหน้าเพจของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุราษฎร์ธานีประชาชนที่มาจับจ่ายสินค้ารายหนึ่งบอกว่า&nbsp;อยากให้ทางจังหวัดเปิดตลาดแบบนี้บ่อยขึ้น&nbsp;อย่างน้อยสัปดาห์ละ2-3ครั้ง&nbsp;โดยการมาจำหน่ายสินค้าราคาถูกช่วยลดค่าครองชีพได้มากส่วนตัวตนจะเลือกซื้อของสดและผักเป็นหลัก.</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>21/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121131948834 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตาก ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ด้านปริมาณ และราคาจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภคที่สำคัญในพื้นที่ อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก<p><strong>วันที่&nbsp;21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</strong>เจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตาก&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ด้านปริมาณและราคาจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศบาลบ้านตาก&nbsp;ตำบลบ้านตาก&nbsp;อำเภอบ้านตาก&nbsp;จังหวัดตาก&nbsp;มีผลการตรวจสอบดังนี้</p><p><strong>1.สินค้ากลุ่มผักสดและเนื้อสัตว์</strong></p><p><strong>ผักสด&nbsp;มีราคาปรับตัวลดลง&nbsp;15-30&nbsp;บาท&nbsp;ดังนี้</strong></p><p>-&nbsp;กระหล่ำปลี&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;จากเดิม&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;35&nbsp;บาท&nbsp;เป็น&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;20&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;ผักกาดขาว&nbsp;ราคาจำหน่ายจากเดิม&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;50&nbsp;บาท&nbsp;เป็น&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;20&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;พริกจินดา&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;จากเดิม&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;120&nbsp;บาท&nbsp;เป็น&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;80&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;มะเขือเทศ&nbsp;ราคาจำหน่ายจากเดิม&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;50&nbsp;บาท&nbsp;เป็น&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;30&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;มะละกอพันธุ์แขกนวล&nbsp;ราคาจำหน่ายอยู่ที่&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;8&nbsp;บาท&nbsp;มีราคาทรงตัวไม่ขาดตลาด&nbsp;โดยเกษตรกรปลูกและจำหน่ายเอง</p><p><strong>เนื้อสัตว์&nbsp;เนื้อสัตว์บางชนิดมีราคาปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;10&nbsp;-&nbsp;50&nbsp;บาท&nbsp;ดังนี้</strong></p><p>สุกรชำแหละ</p><p>-&nbsp;เนื้อแดง/เนื้อสะโพก/หัวไหล่&nbsp;จากเดิมราคากิโลกรัมละ&nbsp;180&nbsp;บาท&nbsp;ปรับขึ้นเป็น&nbsp;200-&nbsp;210&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;สามชั้น&nbsp;จากเดิมกิโลกรัมละ&nbsp;190&nbsp;ปรับขึ้นเป็น&nbsp;220-230&nbsp;บาท</p><p>เนื้อไก่ชำแหละ</p><p>-&nbsp;เนื้อส่วนน่องติดสะโพก&nbsp;จากเดิมราคากิโลกรัมละ&nbsp;73&nbsp;-&nbsp;75&nbsp;บาท&nbsp;ปรับขึ้นเป็น&nbsp;75-&nbsp;77&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;เนื้อส่วนอกไก่&nbsp;จากเดิมราคากิโลกรัมละ&nbsp;78&nbsp;-&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;ปรับขึ้นเป็น&nbsp;80&nbsp;-&nbsp;82&nbsp;บาท</p><p><strong>ปลาสด</strong></p><p>-&nbsp;ปลานิลสด&nbsp;จากเดิมราคากิโลกรัมละ&nbsp;60&nbsp;บาท&nbsp;ปรับขึ้นเป็น&nbsp;70&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;ปลาทับทิม&nbsp;มีราคาทรงตัวจำหน่ายกิโลกรัมละ&nbsp;100&nbsp;บาท</p><p><strong>ไข่ไก่&nbsp;แผง&nbsp;30&nbsp;ฟอง&nbsp;ราคาจำหน่ายทรงตัว&nbsp;ดังนี้</strong></p><p>-&nbsp;เบอร์&nbsp;0&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;แผงละ&nbsp;125&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;เบอร์&nbsp;1&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;แผงละ&nbsp;115&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;แผงละ&nbsp;110&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;แผงละ&nbsp;105&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;เบอร์&nbsp;4&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;แผงละ&nbsp;95&nbsp;บาท</p><p><strong>2.&nbsp;ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าชัดเจน&nbsp;ถูกต้อง&nbsp;ครบถ้วน</strong></p><p>จังหวัดตากมีปริมาณสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค</p><p><strong>ทั้งนี้</strong>&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้มีการเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด&nbsp;และมิให้กักตุนสินค้าหรือฉวยโอกาส&nbsp;ขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุอันควร</p><p>&nbsp;</p><p>#สำนักข่าว&nbsp;กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลตากสวท.ตากhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121133035842 จังหวัดตราด จับมือ depa ชูโมเดล Durian Road at Trad ยกระดับมาตรฐาน GAP สู่ GAP Plus+ สร้างความมั่นใจให้ผู้ส่งออกทุเรียน ด้วยแอปพลิเคชัน KASETTRACK<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>(21&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;นายชำนาญวิทย์&nbsp;เตรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด</strong>&nbsp;เป็นประธานการประชุมหารือการนำเทคโนโลยีไปช่วยแก้ไขปัญหาการสวมสิทธิ์&nbsp;GAP&nbsp;ให้กับเกษตรกรจังหวัดตราด&nbsp;&nbsp;โดยมีสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล&nbsp;(depa)&nbsp;โดย&nbsp;ฝ่ายส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่&nbsp;และสำนักงานฯ&nbsp;สาขาภาคตะวันออก&nbsp;เข้าร่วมประชุมหารือการยกระดับการผลิตและการส่งออกทุเรียนคุณภาพ&nbsp;ตลอดทั้งห่วงโซ่&nbsp;ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล&nbsp;ผ่านระบบออนไลน์&nbsp;มีนายชยุทกฤดิ&nbsp;นนทแก้ว&nbsp;เกษตรจังหวัดตราด&nbsp;ผู้บริหารราชการส่วนจังหวัด&nbsp;และสมาคมผู้ประกอบการส่งออกทุเรียน&nbsp;มังคุด&nbsp;(DMA)&nbsp;และสมาคมการค้าผลไม้ยุคใหม่&nbsp;(MAFTA)&nbsp;และผู้แทน&nbsp;บริษัท&nbsp;วีเดฟซอฟท์&nbsp;จำกัด&nbsp;ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน&nbsp;“KASETTRACK”&nbsp;ดิจิทัลสตาร์ทอัพสัญชาติไทย&nbsp;หนึ่งในผู้บริการดิจิทัล&nbsp;(Digital&nbsp;Provider)&nbsp;ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับ&nbsp;depa&nbsp;เข้าร่วมที่ห้องประชุมสำนักงานเกษตรจังหวัดตราด</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ทั้งนี้&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด&nbsp;ได้มอบหมายให้สำนักงานเกษตรจังหวัดตราด&nbsp;</strong>ยกระดับเตรียมความพร้อม&nbsp;รองรับเทคโนโลยีดิจิทัล&nbsp;แอปพลิเคชัน&nbsp;KASETTRACK&nbsp;ชูโมเดล&nbsp;Durian&nbsp;Road&nbsp;at&nbsp;Trad&nbsp;“จากสวนสู่ล้ง&nbsp;ออกก่อน&nbsp;อ่อนไม่มี&nbsp;ที่ตลาด&nbsp;เชิญชิมทุเรียนลูกแรกของปี&nbsp;2565”&nbsp;พร้อมยกระดับมาตรฐาน&nbsp;GAP&nbsp;สู่&nbsp;GAP&nbsp;Plus+&nbsp;เพิ่มมาตรการป้องกันโควิด-19&nbsp;ในสวนทุเรียน&nbsp;สร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนคุณภาพไปจีน&nbsp;ผ่านโครงการส่งเสริมและสนับสนุนคูปองดิจิทัล&nbsp;(mini&nbsp;Transformation&nbsp;Voucher)&nbsp;ของ&nbsp;depa&nbsp;ตั้งเป้าหมาย&nbsp;เกษตรกรกว่า&nbsp;150&nbsp;ราย&nbsp;คาดการณ์&nbsp;สวนทุเรียน&nbsp;3,000&nbsp;ไร่&nbsp;จำนวน&nbsp;1,700&nbsp;ตัน&nbsp;96&nbsp;ตู้คอนเทนเนอร์&nbsp;ภายใต้&nbsp;แพลตฟอร์ม&nbsp;แอปพลิเคชัน&nbsp;KASETTRACK&nbsp;ผู้ช่วยเกษตรกรในการวางแผนการผลิตให้ได้ตามข้อกำหนดมาตรฐาน&nbsp;GAP&nbsp;ที่ช่วยให้เกษตรกรจดบันทึกผ่านแอปพลิเคชันได้อย่างเป็นระบบ&nbsp;สนับสนุนการตรวจประเมินแบบเสมือนจริงแทนการเดินทางไปตรวจที่แปลงเกษตร&nbsp;ทำให้สามารถประเมิน&nbsp;ให้คำปรึกษาวิชาการในการปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง&nbsp;และออกใบรับรองมาตรฐาน&nbsp;GAP&nbsp;แก่เกษตรกรได้รวดเร็วขึ้น&nbsp;ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อตรวจประเมิน&nbsp;อีกทั้งช่วยป้องกันการนำเลขทะเบียน&nbsp;GAP&nbsp;ของเกษตรกรคุณภาพไปใช้&nbsp;และลดการสวมสิทธิ์ใบรับรองมาตรฐาน&nbsp;GAP</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ด้านสมาคมผู้ประกอบการส่งออกทุเรียน&nbsp;มังคุด&nbsp;(DMA)</strong>&nbsp;และสมาคมการค้าผลไม้ยุคใหม่&nbsp;(MAFTA)&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;โครงการนำร่องการประยุกต์ใช้แอปพลิเคชัน&nbsp;KASETTRACK&nbsp;ของจังหวัดตราด&nbsp;ถือเป็นมิติใหม่&nbsp;ของการผลิตทุเรียนคุณภาพของประเทศไทย&nbsp;ที่จะสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนคุณภาพไปจีน&nbsp;ทางสมาคมฯ&nbsp;มีความยินดีเข้าร่วมโครงการ&nbsp;และรับซื้อผลผลิตทุเรียน&nbsp;ของเกษตกรที่อยู่ในแพลตฟอร์ม&nbsp;แอปพลิเคชัน&nbsp;KASETTRACK&nbsp;คาดการณ์มูลค่าการซื้อทุเรียนกว่า&nbsp;325&nbsp;ล้านบาท&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคตะวันออกตราดสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121124547827 ผู้ว่าฯ สมุทรปราการติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าในตลาดปากน้ำ<p><strong>นายวันชัย&nbsp;คงเกษม&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ</strong>&nbsp;พร้อมด้วยหน่วยที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่&nbsp;ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภค&nbsp;บริโภค&nbsp;และโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;จำหน่ายราคาหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;บริเวณตลาดปากน้ำ(วิบูลย์ศรี)&nbsp;และตลาดบางฆ้อง&nbsp;อำเภอเมืองฯ&nbsp;จังหวัดสมุทรปราการ&nbsp;โดยภายในตลาดทั้ง&nbsp;2&nbsp;แห่ง&nbsp;ยังคงมีประชาชนออกมาซื้อสินค้าอุปโภคอย่างต่อเนื่อง&nbsp;แม้จำนวนจะลดลงจากก่อนหน้านี้ก็ตาม</p><p><strong>ด้าน&nbsp;นายสาธิต&nbsp;กล่อมสวัสดิ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสมุทรปราการ&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ภาพรวมของราคาสินค้าทั้งพืชผักและอาหารสดต่างๆ&nbsp;ทั้งไก่&nbsp;ไข่&nbsp;อาหารทะเล&nbsp;มีการปรับขึ้นราคาบ้าง&nbsp;แต่ก็ยังคงเป็นไปตามกลไกตลาด&nbsp;ในส่วนของหมูที่มีการปรับราคาสูงขึ้น&nbsp;ทางรัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำโครงการโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;จำหน่ายราคาหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ในส่วนจังหวัดสมุทรปราการ&nbsp;มีจุดจำหน่าย&nbsp;8&nbsp;จุด&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;อำเภอเมืองฯ&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;อำเภอพระสมุทรเจดีย์&nbsp;3&nbsp;และอำเภอบางเสาธง&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน&nbsp;นอกจากนี้ได้ทำความเข้าใจแก่พ่อค้าแม่ค้าภายในตลาด&nbsp;ให้ติดตั้งป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน&nbsp;เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบ&nbsp;และฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม&nbsp;เป็นการซ้ำเติมประชาชน&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสมุทรปราการสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรปราการhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121155645945 สระบุรีเปิดจุดจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก กิโลกรัมละ 150 บาท เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน ไม่ถึง 20 นาทีหมดเกลี้ยง<p><strong>บรรยากาศเช้าวันนี้&nbsp;นางอังคณา&nbsp;ชิตะติดติ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี&nbsp;</strong>ตรวจเยี่ยมจุดจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูกให้กับพี่น้องประชาชน&nbsp;บริเวณตลาดชุมชนหน้าสำนักงานที่ดินจังหวัดสระบุรี&nbsp;ซึ่งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสระบุรี&nbsp;เปิดจุดจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก&nbsp;โครงการ&nbsp;"หมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;เพื่อลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนมาในการแก้ปัญหาเร่งด่วน&nbsp;ช่วยให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;โดยประชาชนสามารถเลือกซื้อหมูเนื้อแดงราคากิโลกรัม&nbsp;(กก.)&nbsp;ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;โดยเริ่มเปิดจำหน่ายตั้งแต่เวลา&nbsp;08.30&nbsp;น.&nbsp;ปรากฏว่าไม่ถึง&nbsp;20&nbsp;นาทีหมูที่นำมาจำหน่ายจำนวน&nbsp;100&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;นั้นหมดเกลี้ยง&nbsp;ซึ่งจำกัดเพียงคนละ&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัมเท่านั้น&nbsp;มีประชาชนสนใจมาลงชื่อจองคิวตั้งแต่ยังไม่เริ่มจำหน่าย&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้แก้ปัญหาเนื้อหมูราคาแพง&nbsp;</strong>โดยเปิดจุดบริการทั่วประเทศขายหมูราคาถูก&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตั้งแต่วันนี้ถึง&nbsp;31&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;โดยมอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดในแต่ละจังหวัด&nbsp;ประสานงานกับตลาดหรือสถานที่&nbsp;จัดโครงการขึ้นจนถึงสิ้นเดือน&nbsp;ม.ค.2565&nbsp;เพื่อเป็นมาตรการเสริม&nbsp;เป็นทางเลือกให้กับประชาชน&nbsp;โดย&nbsp;จ&nbsp;.สระบุรีสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสระบุรีมีเปิดจุดบริการ&nbsp;คือ&nbsp;อำเภอเมืองสระบุรี&nbsp;บริเวณร้านเบทาโกร&nbsp;สาขาเมืองสระบุรี&nbsp;ร้านหมูข้าง&nbsp;บขส.สระบุรี&nbsp;ร้านหมูอ้วนฟาร์ม&nbsp;ร้านเจ๊ตูน&nbsp;ตลาดสืบศิริ&nbsp;อำเภอวังม่วง&nbsp;ร้านหมูเอ็มที&nbsp;อำเภอบ้านหมอ&nbsp;ร้านกิตติอินเตอร์ฟู๊ด&nbsp;อำเภอเสาไห้ร้านอ๋อมบูมหมูสด&nbsp;&nbsp;และจุดหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองสระบุรีบริเวณตลาดชุมชนหน้าสำนักงานที่ดินจังหวัดสระบุรี&nbsp;จุดนี้จะจัดจำหน่ายให้กับพี่น้องประชานในวันจันทร์และวันศุกร์&nbsp;</p><p><strong>โดยภาพรวม&nbsp;จ.สระบุรี&nbsp;พบว่าประชาชนที่เข้ามาเลือกซื้อเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;</strong>ส่วนใหญ่นำไปปรุงอาหารสำเร็จรูปเพื่อจัดจำหน่ายและบริโภคตามปกติ&nbsp;ซึ่งผู้ประกอบการการค้าบางรายยังไม่ได้ปรับราคาอาหารปรุงสำเร็จขึ้น&nbsp;แต่หันมาใช้วัตถุดิบจากเนื้อสัตว์ประเภทอื่น&nbsp;อาทิ&nbsp;เนื้อปลา&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ทดแทนเนื้อสุกรเพิ่มมากขึ้นเป็นทางเลือกอีกทั้งยังอยากให้นำสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ&nbsp;นำมาขายในราคาถูกด้วย</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสระบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสระบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121133020841 จ.อุตรดิตถ์ตรวจติดตามสถานการณ์หมูแพง<p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์</strong>&nbsp;ตรวจติดตามสถานการณ์หมูแพงในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์&nbsp;</p><p><strong>วันที่&nbsp;21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</strong>นายผล&nbsp;ดำธรรม&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์&nbsp;ร่วมกับนางพิสมนต์&nbsp;มงคลเทพ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดอุตรดิตถ์&nbsp;นายสัตวแพทย์&nbsp;ชัยนาท&nbsp;แสนยศ&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดอุตรดิตถ์&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์หมูแพงในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์&nbsp;โดยนายสัตวแพทย์&nbsp;ชัยนาท&nbsp;แสนยศ&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดอุตรดิตถ์&nbsp;ได้ให้ข้อมูลว่าจากการตรวจสอบห้องเย็น&nbsp;จำนวน&nbsp;20แห่ง&nbsp;ปรากฏว่ายังไม่พบการกักตุนเนื้อหมูตามห้องเย็นต่างๆ&nbsp;ทั้งนี้จังหวัดอุตรดิตถ์ได้ขอความร่วมมือภาคธุรกิจ&nbsp;ฟาร์ม&nbsp;โรงฆ่าสัตว์ให้จำหน่ายเนื้อหมูแก่ประชาชน&nbsp;ในราคาที่ยุติ&nbsp;ในขณะนี้ปริมาณเนื้อหมูที่มีในจังหวัดเพียงพอต่อความต้องการการบริโภคของพี่น้องประชาชนจังหวัดอุตรดิตถ์&nbsp;ทั้งนี้ยังได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหน้าร้านที่เข้าร่วมโครงการ&nbsp;พาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;หมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคเหนืออุตรดิตถ์สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุตรดิตถ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121134035854 ผู้ว่าฯ ชลบุรี ตรวจแผงชำแหละหมู และร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน ป้องกันและแก้ไขปัญหาเนื้อหมูมีราคาสูง<p><strong>วันที่&nbsp;21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;08.00&nbsp;น.&nbsp;นายภัครธรณ์&nbsp;เทียนไชย&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี&nbsp;</strong>พร้อมด้วย&nbsp;ว่าที่&nbsp;ร.ท.สุธรรม&nbsp;ลครรำ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดชลบุรี&nbsp;นายพจน์&nbsp;สิชฌนุกฤษณ์&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดชลบุรี&nbsp;และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาครัฐ&nbsp;ลงพื้นที่ตลาดใหม่ชลบุรี&nbsp;สำรวจการกักตุนเนื้อหมู&nbsp;ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์&nbsp;พ.ศ.2497&nbsp;รวมทั้งราคาหมูชนิดต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;จากสถานการณ์ที่เนื้อหมูมีราคาสูงขึ้น&nbsp;โดยได้สอบถามและพูดคุยกับทางร้านค้าและประชาชน&nbsp;ถึงราคาหมูในปัจจุบัน&nbsp;พบว่ามีราคาสูงขึ้นจริง&nbsp;ส่งผลให้ร้านค้าและประชาชนได้รับผลกระทบ&nbsp;โดยผู้ว่าฯ&nbsp;ชลบุรี&nbsp;ได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้น&nbsp;และกำชับให้ร้านค้าแสดงราคาอย่างชัดเจน&nbsp;พร้อมป้องกันการกักตุนเนื้อหมูในช่วงสถานการณ์นี้ด้วย&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ยังได้ลงพื้นที่ไปยังร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน</strong>&nbsp;ซึ่งจำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตามที่พาณิชย์จังหวัดชลบุรี&nbsp;ได้ร่วมมือกับร้านค้า&nbsp;ตรึงราคาเนื้อหมู&nbsp;ช่วยเหลือประชาชน&nbsp;พบว่ามีปริมาณเนื้อหมูที่เพียงพอในการขายแต่ละวัน&nbsp;โดยในจังหวัดชลบุรี&nbsp;มี&nbsp;6&nbsp;ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ&nbsp;จำหน่ายตั้งแต่วันที่&nbsp;19&nbsp;&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;นายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาให้กระทรวงมหาดไทย&nbsp;ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง</strong>&nbsp;ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;โดยจังหวัดชลบุรีได้ดำเนินการ&nbsp;ดังนี้</p><p>1.&nbsp;ตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังและควบคุมโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร&nbsp;(ASF)&nbsp;โดยมอยหมายปศสัตว์&nbsp;จังหวัดเป็นเลขานุการ</p><p>2.&nbsp;เร่งสำรวจข้อมูลฟาร์มสุกร&nbsp;&nbsp;จำนวนสุกร&nbsp;&nbsp;ผู้เลี้ยงสุกร&nbsp;ทั้งรายย่อยและรายใหญ่&nbsp;ที่ได้รับความเสียหายจากการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร&nbsp;(ASF)&nbsp;ให้ถูกต้องครบถ้วนเป็นปัจจุบัน&nbsp;รวมทั้งเตรียมการเยียวยาตามระเบียบของทางราชการที่เกี่ยวข้อง</p><p>3.&nbsp;กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่&nbsp;เฝ้าระวังควบคุม&nbsp;กำกับ&nbsp;การเคลื่อนย้ายสุกรและซาก&nbsp;ให้เป็นไปตามมาตรการที่กรมปศุสัตว์จังหวัดกำหนดอย่างเคร่งครัด</p><p>4.&nbsp;มอบหมายสำนักงานพาณิชย์จังหวัด&nbsp;ตำรวจ&nbsp;และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง&nbsp;สำรวจ&nbsp;ตรวจตราการกักตุนเนื้อสุกร&nbsp;กำกับดูแลร้านจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;โดยติดป้ายราคาสินค้าให้ชัดเจน</p><p>5.&nbsp;แจ้งนายอำเภอทุกอำเภอ&nbsp;กำชับ&nbsp;กำนัน&nbsp;ผู้ใหญ่บ้าน&nbsp;เจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเครือข่ายประชาชนในพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด&nbsp;หากพบสุกรป่วยหรือตายผิดปกติให้แจ้งอาสาปศุสัตว์ประจำหมู่บ้านหรือปศุสัตว์อำเภอทันที</p><p>6.&nbsp;ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลข่าวสารรวมทั้งเฝ้าระวังและแจ้งเหตุผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชลบุรี&nbsp;หมายเลขโทรศัพท์&nbsp;1567</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคตะวันออกชลบุรีสวท.ชลบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121182750060 คุมเข้มต้องแจ้งสต็อกหมู หากพบไม่แจ้งให้ดำเนินคดีตามกฎหมายได้ทันที<p><strong>นายอุดม&nbsp;ศรีสมทรง&nbsp;รองอธิบดีกรมการค้าภายใน&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;(กกร.)&nbsp;กำหนดให้ผู้เลี้ยงสุกรตั้งแต่&nbsp;500&nbsp;ตัวขึ้นไป&nbsp;และผู้ครอบครอง&nbsp;หรือห้องเย็นที่มีสต็อกตั้งแต่&nbsp;5,000&nbsp;กิโลกรัมขึ้นไป&nbsp;จะต้องแจ้งปริมาณและราคาทุก&nbsp;7&nbsp;วัน&nbsp;เริ่มตั้งแต่วันที่&nbsp;10&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นมา&nbsp;เพื่อดูแลปริมาณสุกรและสต็อกเนื้อสุกรที่มีอยู่ทั้งประเทศ&nbsp;โดยสั่งให้พาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดได้บูรณาการกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกตรวจสอบติดตามผู้ประกอบการครอบครองสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บและการจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ตามประกาศ&nbsp;กกร.</p><p><strong>หากตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ประกอบการรายใดไม่แจ้งปริมาณ</strong>&nbsp;จะมีโทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;1&nbsp;ปี&nbsp;ปรับไม่เกิน&nbsp;20,000&nbsp;บาท&nbsp;และปรับอีกวันละ&nbsp;2,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ&nbsp;และหากพบเห็นว่ามีการกักตุนจะมีโทษตามมาตรา&nbsp;30&nbsp;แห่ง&nbsp;พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;มีโทษจำคุก&nbsp;7&nbsp;ปีและปรับ&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ</p><p><strong>หากประชาชนพบเห็นการกักตุน</strong>&nbsp;หรือจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>21/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121150039886 จังหวัดพิษณุโลกลงพื้นที่ตรวจสถานที่เก็บเนื้อสุกร ตามประกาศ กกร.ฉ.2<p><strong>วันนี้&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายรณชัย&nbsp;จิตรวิเศษ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก</strong>&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นางอุบลรัตน์&nbsp;ศิลตระกูล&nbsp;พาณิชย์จังหวัดพิษณุโลก&nbsp;และนายสุริพล&nbsp;มาบุญช่วย&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดพิษณุโลก&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การเก็บเนื้อสุกร&nbsp;ณ&nbsp;ห้องเย็น&nbsp;บริษัท&nbsp;ที่พี&nbsp;แปซิฟิกจำกัด&nbsp;ตามประกาศ&nbsp;กกร.ฉ.2&nbsp;เรื่องการแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บและจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ลงวันที่&nbsp;5&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p><strong>สาระสำคัญของประกาศนี้คือ</strong>&nbsp;การกำหนดให้ผู้เลี้ยงสุกร&nbsp;ผู้จำหน่าย&nbsp;ผู้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร&nbsp;ซึ่งครอบครองสุกรมีชีวิตที่มีปริมาณตั้งแต่&nbsp;500&nbsp;ตัวขึ้นไป&nbsp;และครอบครองสุกรชำแหละผ่าซีก&nbsp;เนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;แยกชิ้นส่วนที่มีปริมาณรวมกันตั้งแต่&nbsp;5,000&nbsp;กิโลกรัมขึ้นไปแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;สถานที่เก็บและสถานที่เลี้ยง</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;สามารถแจ้ง&nbsp;ณ&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัด</strong>&nbsp;หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;1&nbsp;ปี&nbsp;หรือปรับไม่เกิน&nbsp;20,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับโดยที่กำหนดให้แจ้ง&nbsp;ครั้งแรกวันที่&nbsp;10&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;และทุกวันจันทร์ของสัปดาห์ถัดไป</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>#สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิษณุโลก</p>21/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลพิษณุโลกสทท.พิษณุโลกhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121134343858 กตป.ลงพื้นที่ภาคใต้ ติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานด้านกิจการโทรคมนาคม พร้อมรับฟังความคิดเห็นและประเมินผลระบบส่งสัญญาณ 5 G ของไทย<p><strong>วันนี้&nbsp;(21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;ที่&nbsp;ห้องประชุม&nbsp;ไม้ขาว&nbsp;บอลลูม&nbsp;โรงแรมเจดับบลิว&nbsp;แมริออท&nbsp;ภูเก็ต</strong>&nbsp;รีสอร์ต&nbsp;แอนด์&nbsp;สปา&nbsp;จังหวัดภูเก็ต&nbsp;พันเอก&nbsp;ดร.พีรวัส&nbsp;พรหมกลัดพะเนาว์&nbsp;คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน&nbsp;ด้านกิจการโทรคมนาคม&nbsp;(กตป.)&nbsp;พร้อมด้วยคณะ&nbsp;ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต&nbsp;เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน&nbsp;ในการติดตามและประเมินผลตามนโยบาย&nbsp;กสทช.&nbsp;ที่สำคัญในด้านกิจการโทรคมนาคม&nbsp;โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีส่วนได้เสียในด้านกิจการโทรคมนาคม&nbsp;แสดงความคิดเห็นในเรื่องต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ที่มีความสำคัญ&nbsp;เช่น&nbsp;การเร่งรัดการนำสายสื่อสารลงใต้ดินและการจัดระเบียบสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้า&nbsp;มาตรการช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการของ&nbsp;กสทช.&nbsp;เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19&nbsp;การจัดสรรและการประมูลคลื่นความถี่ย่าน&nbsp;700&nbsp;MHZ,&nbsp;2600&nbsp;MHZ&nbsp;และ&nbsp;26&nbsp;GHz&nbsp;การจัดตั้งศูนย์ทดลองทดสอบ&nbsp;5G&nbsp;การทดลองทดสอบ&nbsp;5G&nbsp;(Sand&nbsp;Box)&nbsp;รวมถึงมาตรการแก้ไขปัญหา&nbsp;SMS&nbsp;หลอกลวงประชาชน&nbsp;โดยมีตัวแทนจากภาครัฐ&nbsp;เอกชน&nbsp;และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็น&nbsp;เป็นจำนวนมากภายใต้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19</p><p><strong>พันเอก&nbsp;ดร.พีรวัส&nbsp;พรหมกลัดพะเนาว์&nbsp;กรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน</strong>&nbsp;ด้านกิจการโทรคมนาคม&nbsp;(กตป.)&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;การลงพื้นที่ทั้ง&nbsp;3&nbsp;ภูมิภาคทั่วประเทศ&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;พบว่า&nbsp;ภาพรวมของสัญญาณ&nbsp;5G&nbsp;ตามจังหวัดที่เป็นหัวเมืองใหญ่ไม่มีปัญหา&nbsp;โดยส่วนใหญ่ผู้ให้บริการสัญญาณมือถือเกือบทุกเครือข่ายสามารถใช้บริการได้&nbsp;แต่อาจจะมีปัญหาบ้างในจังหวัดที่เป็นเมืองรองในแต่ละภูมิภาค&nbsp;ทั้งในตัวอำเภอ&nbsp;ตำบล&nbsp;สัญญาณอาจจะหายไปบ้าง&nbsp;อาจจะเกิดจากผู้ให้บริการสัญญาณมือถือที่ประมูลไปเกือบ&nbsp;2&nbsp;ปี&nbsp;นี้&nbsp;เจอพิษโควิด-19&nbsp;อาจส่งผลให้เกิดปัญหาในเรื่องของการจะนำอุปกรณ์ระบบ&nbsp;5G&nbsp;เข้ามาติดตั้ง&nbsp;ซึ่งหลังจากนี้ไปพื้นที่ที่สัญญาณ&nbsp;5G&nbsp;เข้าไม่ถึง&nbsp;กสทช.&nbsp;จะเร่งให้ผู้ประกอบการขยายสัญญาณให้ครอบคลุมทุกโครงข่ายตามสัญญาและเงื่อนไขที่กำหนด&nbsp;</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;สำหรับในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต&nbsp;สัญญาณ&nbsp;5G&nbsp;จากการตรวจตรวจสอบพบว่า</strong>มีสัญญาณครอบคลุมประมาณ&nbsp;80&nbsp;–&nbsp;90&nbsp;%&nbsp;แต่อาจมีบางพื้นที่ที่มีลักษณะภูเขาบังสัญญาณอาจจะเข้าไม่ถึงได้&nbsp;และอีกปัญหาหนึ่งที่พบในจังหวัดภูเก็ต&nbsp;คือเรื่องของปัญหาด้านสายโทรคมนาคมการสื่อสาร&nbsp;ที่ขณะนี้รัฐบาลโดยกระทรวงมหาดไทย&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;กสทช.&nbsp;และผู้ประกอบการค่ายมือถือทุกค่าย&nbsp;เร่งรัดจัดระเบียบสายสื่อสารให้เป็นระเบียบไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน&nbsp;ซึ่งหลายพื้นที่หลายจังหวัดรวมทั้งจังหวัดภูเก็ต&nbsp;ได้ดำเนินการนำสายสื่อสารลงใต้ดินบ้างแล้ว&nbsp;</p><p><strong>ส่วนการรวบรวมข้อมูลจากการรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้</strong>&nbsp;ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์&nbsp;จะรวบรวมสรุปผลการศึกษาและวิเคราะห์&nbsp;เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงผลการปฏิบัติงานของ&nbsp;คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง&nbsp;กิจการโทรทัศน์&nbsp;และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ&nbsp;(กสทช.)&nbsp;สำนักงาน&nbsp;กสทช.&nbsp;และเลขาธิการ&nbsp;กสทช.&nbsp;เสนอต่อส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ในปีที่ผ่านมา&nbsp;เพื่อนำไปปรับปรุงการทำงานในปีต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>21/1/2022ภาคใต้ภูเก็ตสวท.ภูเก็ตhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121173544035 จังหวัดกาญจนบุรีเร่งติดตามปัญหาสินค้าราคาแพง ควบคุมไม่ให้มีการกักตุนและฉวยโอกาส หากพบจะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด<p><strong>จังหวัดกาญจนบุรีเร่งติดตามปัญหาสินค้าราคาแพง&nbsp;ควบคุมไม่ให้มีการกักตุนและฉวยโอกาส&nbsp;หากพบจะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด&nbsp;ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี&nbsp;โดยในภาพรวมของจังหวัดกาญจนบุรียังไม่พบปัญหา&nbsp;สามารถควบคุมราคาไว้ได้&nbsp;โดยจะมีการออกตรวจควบคุมราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน&nbsp;</strong></p><p><br></p><p><strong>ตามที่&nbsp;พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม&nbsp;</strong>ติดตามการแก้ปัญหาราคาหมูแพง&nbsp;และสินค้าอื่นๆ&nbsp;ที่มีการปรับขึ้นราคา&nbsp;โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามไม่ให้มีการจำหน่ายสินค้าเกินราคา&nbsp;กักตุนและปฏิเสธการจำหน่ายสินค้า&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;หากพบเห็นว่ามีการฉวยโอกาสหรือฝ่าฝืนกฎหมาย&nbsp;ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการขั้นเด็ดขาด&nbsp;</p><p><strong>วันนี้&nbsp;(&nbsp;21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;)&nbsp;เวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.&nbsp;นายสมหวัง&nbsp;บุญระยอง&nbsp;</strong>รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายผกายเนติ์&nbsp;เล่งอี้&nbsp;พาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;เทศบาลเมืองกาญจนบุรี&nbsp;ตำรวจ&nbsp;ฝ่ายปกครอง&nbsp;ร่วมออกตรวจติดตามราคาจำหน่ายสินค้า&nbsp;ไม่ให้มีการจำหน่ายเกินราคา&nbsp;กักตุนสินค้า&nbsp;และปฏิเสธการจำหน่ายสินค้า&nbsp;ในตลาดสดและห้างสรรพสินค้าในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;พร้อมทั้งกำกับการติดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจนเพื่อให้ผู้บริโภคได้ประกอบการตัดสินใจในการซื้ออีกด้วย&nbsp;จากการตรวจสอบราคาสินค้าในตลาดสดและห้างสรรพสินค้า&nbsp;ภาพรวมของจังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;ราคาจำหน่ายยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม&nbsp;ทางหน่วยงานได้มีการออกตรวจกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง&nbsp;พร้อมทั้งได้ตรวจสอบและแนะนำให้มีการติดป้ายแสดงราคา&nbsp;พร้อมเน้นย้ำไม่ให้มีการจำหน่ายเกินราคา&nbsp;กักตุนสินค้า&nbsp;ทำให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบ&nbsp;หากพบจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรียังได้มีการจัดโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยเหลือประชาชนหมูเนื้อแดง<strong>&nbsp;</strong>จำหน่ายในตลาดและซุปเปอร์มาเก็ต&nbsp;ให้กับประชาชน&nbsp;และจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายโดยนำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นมาจำหน่ายให้ประชาชนเพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือนอีกด้วย&nbsp;ซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ให้การสนับสนุนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;</p><p><strong>นายสมหวัง&nbsp;บุญระยอง&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ตามที่นายกรัฐมนตรี&nbsp;พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;ได้สั่งการให้มีการออกตรวจสอบและสำรวจราคาจำหน่ายสินค้า&nbsp;โดยเฉพาะเนื้อหมูสด&nbsp;ตามที่ทราบข่าวว่ามีราคาที่สูงขึ้น&nbsp;จากการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;พบว่ามีการจำหน่ายในราคาที่เหมาะสมตามกลไกของตลาด&nbsp;ไม่ได้มีการจำหน่ายเกินราคาแต่อย่างใด&nbsp;ในภาพรวมของจังหวัดกาญจนบุรีจากการตรวจสอบในตลาดสดและห้างสรรพสินค้า&nbsp;ราคาจำหน่ายยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม&nbsp;ซึ่งทางหน่วยงานได้มีการออกตรวจกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ในส่วนราคาสินค้าอื่นๆ&nbsp;ก็มีการปรับขึ้นเล็กน้อยตามสภาวะเศรษฐกิจแต่ยังอยู่ในระดับที่เหมาะสมและอยู่ภายใต้ราคาควบคุมที่ภาครัฐได้ขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการ&nbsp;สำหรับราคาของอาหารทางพาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรีได้มีการออกตรวจกำกับดูแลในราคาร้านอาหาร&nbsp;ปัจจุบันยังไม่ได้รับการร้องเรียนมีการปรับราคาสูงเกินควรแต่อย่างใด&nbsp;แต่อย่างไรก็ตาม&nbsp;ขอเน้นย้ำผู้ประกอบการไม่ให้มีการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้า&nbsp;ทางหน่วยงานราชการได้มีการออกตรวจสต๊อกสินค้า&nbsp;การจำหน่ายสินค้าอย่างต่อเนื่อง&nbsp;หากพบว่ามีการฉวยโอกาสขึ้นราคาเกินควรและกักตุนสินค้าจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเข้มงวด&nbsp;</p><p><strong>นายผกายเนติ์&nbsp;เล่งอี้&nbsp;พาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;ได้สนองนโยบายของ&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;และ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ในการช่วยเหลือประชาชน&nbsp;ในโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยเหลือประชาชนหมูเนื้อแดง&nbsp;โดยขณะนี้ได้มีจุดจำหน่าย&nbsp;จำนวน&nbsp;7&nbsp;จุด&nbsp;ทั้งในอำเภอเมืองและอำเภอใกล้เคียง&nbsp;ในตลาดที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายรวมถึงห้างสรรพสินค้าบางแห่งก็ได้เข้าร่วมโครงการ&nbsp;ซึ่งตอบโจทย์กับผู้ประกอบการและผู้บริโภคเป็นอย่างมาก&nbsp;จากที่ประชาชนมีความวิตกกังวลในเรื่องโรคระบาดในหมูและในเรื่องราคาสินค้าก็มีความมั่นใจในการเลือกซื้อ&nbsp;ซึ่งก็จะดำเนินการโครงการดังกล่าวต่อไป&nbsp;ตามนโยบายระยะสั้นในการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพของประชาชน&nbsp;ส่วนในระยะกลางและระยะยาว&nbsp;รัฐบาลก็ได้ดำเนินการ&nbsp;การรวบรวมสต๊อกสินค้าต่างๆจากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดและสำนักงานพาณิชย์จังหวัด&nbsp;เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายคณะกรรมการกลางว่าด้วยสินค้าและบริการ&nbsp;ในจังหวัดกาญจนบุรีขณะนี้ยังไม่พบการร้องเรียนหมูแพง&nbsp;ราคาจำหน่ายก็เป็นไปตามกลไกของตลาด&nbsp;และการดำเนินการอยู่ระหว่างการตรวจสอบห้องเย็นและสต๊อกต่างๆ&nbsp;ของผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีที่ได้แจ้งข้อมูลมาตามประกาศ&nbsp;คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการที่ให้แจ้งปริมาณการเลี้ยง&nbsp;ปริมาณการซื้อ&nbsp;ปริมาณการจำหน่าย&nbsp;ปริมาณคงเหลือ&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;สถานที่เลี้ยงสุกร&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;ส่วนผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้แจ้งก็ขอให้แจ้งมายังสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;เพื่อดำเนินการตรวจสอบอย่างถูกต้องต่อไป&nbsp;ส่วนราคาสินค้าอื่นๆ&nbsp;ได้มีแผนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายโดยจะนำสินค้ามาจำหน่ายที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรีให้ประชาชนได้มาเลือกซื้อเพื่อบรรเทาปัญหาค่าครองชีพอีกด้วย&nbsp;และในส่วนของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากราคาต้นทุนสินค้าเพิ่มสูงขึ้นก็ได้มีการช่วยเหลือ&nbsp;ด้วยการตรวจสอบเส้นทางกลไกของตลาดในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการเพื่อที่จะได้ทราบว่าเกิดขึ้นในส่วนใด&nbsp;นำมาหาแนวทางและปรับสมดุลให้เกิดขึ้นระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย&nbsp;ให้ได้ราคาที่เหมาะสมต่อไป&nbsp;พร้อมทั้งยังขอย้ำเตือนผู้ประกอบการในการจำหน่ายสินค้า&nbsp;เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงที่ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;ขอให้อย่าฉกฉวยการขึ้นราคาจำหน่ายสินค้า&nbsp;หากชุดตรวจออกตรวจพบหรือได้รับการร้องเรียนจะมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง&nbsp;</p><p><br></p><p>ภัสร์ภรณ์&nbsp;เหลืองทอง&nbsp;&nbsp;ข่าว</p><p>ทีมข่าวสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี</p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคตะวันตกกาญจนบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121190848103 ผู้ว่าฯ แพร่ พร้อมผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ป้องกันการกักตุนเนื้อหมู กำกับดูแลร้านจำหน่ายทั้งหมู ไก่ ไข่ไก่ และการปิดป้ายราคาสินค้า<p><strong>สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่&nbsp;รายงานว่า</strong>&nbsp;วันนี้&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;เวลา&nbsp;10.30&nbsp;น.&nbsp;นายสมหวัง&nbsp;พ่วงบางโพ&nbsp;&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่พร้อมด้วย&nbsp;นางอารีย์&nbsp;เหลืองหิรัญ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดแพร่&nbsp;พ.ต.อ.&nbsp;สิทธิชัย&nbsp;ไกรแสง&nbsp;รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแพร่&nbsp;นางรติพร&nbsp;บุญคง&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่&nbsp;ตัวแทนจากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดแพร่&nbsp;ตัวแทนจาก&nbsp;กอ.รมน.แพร่&nbsp;และป้องกันจังหวัดแพร่&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ป้องกันการกักตุนเนื้อหมู&nbsp;กำกับดูแลร้านจำหน่ายเนื้อหมูชำแหละ&nbsp;ภาวะราคาสุกร&nbsp;ไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และการปิดป้ายราคาสินค้า</p><p><strong>โดยลงพื้นที่ไปยังร้านเขียงหมูน้ำทองฟาร์ม</strong>&nbsp;ถนนเหมืองหิต&nbsp;ตำบลในเวียง&nbsp;อำเภอเมืองแพร่&nbsp;ซึ่งจำหน่ายหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;,&nbsp;ลงพื้นที่ตลาดสดแพร่ชมภูมิ่ง&nbsp;เพื่อติดตามภาวะราคาจำหน่ายและการปิดป้ายแสดงราคา&nbsp;หมู&nbsp;ไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และพืชผลอื่นๆ/ลงพื้นที่บริษัทอุดมฟาร์มแพร่&nbsp;จำกัด&nbsp;หมู่&nbsp;4&nbsp;ตำบลทุ่งโฮ้ง&nbsp;อำเภอเมืองแพร่&nbsp;เพื่อติดตามปริมาณและการกระจายไข่ไก่/ลงพื้นที่โรงชำแหละและตัดแต่งหมูของซีพี&nbsp;สาขาจังหวัดแพร่&nbsp;ตำบลแม่หล่าย&nbsp;อำเภอเมืองแพร่&nbsp;เพื่อติดตามกำกับดูแลการครอบครองหมูมีชีวิต/หมูซำแหละผ่าซีก&nbsp;เนื้อหมูชำแหละ&nbsp;แยกชิ้นส่วน&nbsp;และติดตามการจำหน่ายหมูชำแหละ&nbsp;ไก่&nbsp;ไขไก่&nbsp;และสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ที่ห้างสรรพสินค้าแม็คโคร&nbsp;สาขาแพร่</p><p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;รัฐบาลได้มีนโยบายผ่านทางกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ในเรื่องของการจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;โดยจัดจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูกจำนวน&nbsp;9&nbsp;จุด&nbsp;กระจายไปทั้ง&nbsp;8&nbsp;อำเภอ&nbsp;ส่วนการบริโภคหมูไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากยกเว้นช่วงเทศกาล&nbsp;ถ้าจะให้ราคาถูกลงกว่านี้ก็ต้องผลิตหมูให้มากขึ้น&nbsp;หรือลดการส่งออกหมูไปยังต่างประเทศ&nbsp;หรือให้เกิดความพอดีกันระหว่างผู้บริโภคกับผู้ผลิต</p><p><strong>ด้านนายรณชัย&nbsp;ปัญญามูลวงษา</strong>&nbsp;ผู้จัดการโรงชำแหละและตัดแต่งสุกร&nbsp;จังหวัดแพร่&nbsp;บริษัท&nbsp;ซีพีเอฟ&nbsp;(ประเทศไทย)&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;พยายามจัดสรรหาสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการ&nbsp;ซึ่งตอนนี้หมูขาดแคลนก็มีการเลี้ยงหมูอยู่หลายจังหวัด&nbsp;โดยนำหมูมีชีวิตจากจังหวัดข้างเคียงมาชำแหละ&nbsp;เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด&nbsp;ในส่วนของจังหวัดแพร่นั้นปริมาณเนื้อหมูมีเพียงพอต่อการบริโภคแน่นอน</p><p><strong>สำหรับมาตรการกำกับดูแลหมูหรือเนื้อหมูปี&nbsp;2565&nbsp;นั้น</strong>&nbsp;กำหนดให้หมูหรือเนื้อหมูเป็นสินค้าควบคุม&nbsp;โดยมีมาตรการ&nbsp;คือ&nbsp;ห้ามไม่ให้ส่งออกหมูมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักรทุกกรณีเป็นระยะเวลา&nbsp;3&nbsp;ปี&nbsp;ฝ่าฝืนมีโทษจำคุก&nbsp;หรือปรับ&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ,&nbsp;กำหนดให้ผู้เลี้ยง&nbsp;ผู้จำหน่าย&nbsp;ผู้ส่งออก&nbsp;ซึ่งครอบครองหมูมีชีวิตตั้งแต่&nbsp;500&nbsp;ตัวขึ้นไป&nbsp;ผู้ครอบครองหมูชำแหละ&nbsp;ผ่าซีก&nbsp;เนื้อหมูชำแหละแยกชิ้นส่วน&nbsp;ที่มีปริมาณรวมกันตั้งแต่&nbsp;5,000&nbsp;กิโลขึ้นไป&nbsp;ต้องแจ้งปริมาณการเลี้ยง&nbsp;การซื้อ&nbsp;การจำหน่าย&nbsp;การใช้&nbsp;การส่งออก&nbsp;การรับฝาก&nbsp;คงเหลือ&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;สถานที่เลี้ยง&nbsp;ซึ่งหากไม่ดำเนินการตามถือว่ามีโทษ&nbsp;จำคุก&nbsp;ปรับ&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ,&nbsp;กำหนดให้ผู้จำหน่ายเนื้อหมูชำแหละ&nbsp;และส่วนที่บริโภคได้&nbsp;ต้องแสดงราคาจำหน่ายปลีกไว้ที่สินค้าหรือบริเวณใกล้เคียง&nbsp;โดยให้แสดงราคาต่อหน่วยในลักษณะที่ชัดเจน&nbsp;และเปิดเผย&nbsp;สามารถอ่านได้ง่าย&nbsp;กรณีมีค่าใช้จ่ายอื่นๆให้แสดงควบคู่ด้วย&nbsp;และต้องแสดงให้ตรงกับราคาที่จำหน่าย&nbsp;นอกจากนี้ยังห้ามจำหน่ายหมู&nbsp;เนื้อหมูในราคาสุงเกินสมควร&nbsp;และห้ามกักตุนหมู&nbsp;เนื้อหมูโดยสถานที่เก็บ&nbsp;สถานที่เลี้ยงไม่ตรงตามที่แจ้ง&nbsp;ไม่จำหน่าย&nbsp;หรือปฏิเสธการจำหน่าย&nbsp;โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร&nbsp;ก็จะมีโทษจำคุก&nbsp;หรือปรับ&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคเหนือแพร่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121162529978 ผู้ว่าฯ ตาก พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบสต็อคหมูชำแหละ ของห้างหุ้นส่วนจำกัด เสริมกสิกิจ ผลการตรวจสอบไม่พบการกักตุนสินค้าแต่อย่างใด และคาดว่าเนื้อหมูมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค<p><strong>วันนี้&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;เวลา&nbsp;11.00&nbsp;น.&nbsp;</strong>ที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด&nbsp;เสริมกสิกิจ&nbsp;ตำบลไม้งาม&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดตาก&nbsp;นายสมชัย&nbsp;กิจเจริญรุ่งโรจน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นางสาวปาริชาติ&nbsp;พงค์พันเทา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตาก&nbsp;นายชัชวาลย์&nbsp;ปัญญา&nbsp;ปลัดจังหวัดตาก&nbsp;และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบฟาร์มหมูและสถานที่พักเนื้อหมูชะแหละ</p><p><strong>จากการตรวจสอบปริมาณเนื้อหมูที่ครอบครอง</strong>&nbsp;สถานประกอบการมีปริมาณชิ้นส่วนหมูชำแหละ&nbsp;ข้อมูล&nbsp;ณ&nbsp;วันที่&nbsp;21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;3,618&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;และมีปริมาณชิ้นส่วนหมูชำแหละที่รับฝากของบริษัทเบทาโกร&nbsp;เกษตรอุตสาหกรรมจำกัด&nbsp;จำนวน&nbsp;122,000&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;สำหรับจำหน่ายในพื้นที่ภาคเหนือ&nbsp;17&nbsp;จังหวัด&nbsp;รวม&nbsp;34&nbsp;สาขา&nbsp;ซึ่งปริมาณดังกล่าวเป็นการเก็บสต็อกปกติ&nbsp;เพื่อจำหน่ายในพื้นที่ภาคเหนือ&nbsp;ในส่วนของปริมาณหมูมีชีวิตและหมูชำแหละพบว่า&nbsp;มีปริมาณที่สมดุลกัน&nbsp;ซึ่งมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;และผู้ประกอบการไม่มีการกักตุนสินค้าแต่อย่างใด&nbsp;ซึ่งมีการนำสินค้าออกจำหน่ายในทางการค้าปกติ</p><p><strong>ทั้งนี้</strong>&nbsp;<strong>เจ้าหน้าที่พาณิชย์ได้กำชับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมาย</strong>&nbsp;ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ฉบับที่&nbsp;1&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;ลงวันที่&nbsp;5&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เรื่อง&nbsp;ห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักร&nbsp;และประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ฉบับที่&nbsp;2&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;ลงวันที่&nbsp;5&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เรื่อง&nbsp;การแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;โดยกำหนดให้ผู้เลี้ยง&nbsp;ผู้จำหน่าย&nbsp;ผู้ส่งอออกไปนอกราชอาณาจักร&nbsp;ซึ่งครอบครองสุกรมีชีวิตที่มีปริมาณตั้งแต่&nbsp;500&nbsp;ตัวขึ้นไป&nbsp;ไม่ว่าจะครอบครองในฐานะผู้มีสิทธิ์หรือครอบครองแทนผู้อื่น&nbsp;แจ้งปริมาณการเลี้ยง&nbsp;ปริมาณการซื้อ&nbsp;ปริมาณการจำหน่าย&nbsp;ปริมาณการส่งออก&nbsp;ปริมาณคงเหลือ&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และสถานที่เลี้ยง&nbsp;ตามแบบแจ้ง&nbsp;สก.01&nbsp;ภายในวันที่&nbsp;10&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;และให้แจ้งครั้งต่อไปเป็นประจำทุกสัปดาห์ในวันจันทร์ของสัปดาห์ถัดไป</p><p><strong>ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดตาก&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ในภาพรวมของจังหวัดตาก&nbsp;มีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกอำเภอ&nbsp;ดูแลเรื่องการจำหน่าย&nbsp;การกักตุนเนื้อหมูในตลาด&nbsp;และสั่งการให้กำนัน&nbsp;ผู้ใหญ่บ้าน&nbsp;และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง&nbsp;เฝ้าดูอาการของเกษตรกรหรือผู้ประกอบการเลี้ยงหมูมีชีวิต&nbsp;หากพบว่ามีการตายที่ผิดปกติ&nbsp;ให้รีบแจ้งปศุสัตว์เข้าตรวจสอบในทันที&nbsp;ในเบื้องต้น&nbsp;จังหวัดตากได้ดำเนินการควบคุมดูแลปัญหาเนื้อหมูมีราคาแพง&nbsp;ตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคตะวันตกตากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตากhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121165200006 จังหวัดพิษณุโลก ออกตรวจสอบห้องเย็นป้องกันกักตุนเนื้อสุกรไม่ให้เกิดความเสียหายต่อภาพรวมของระบบเศรษฐกิจ<p><strong>นายรณชัย&nbsp;จิตรวิเศษ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก</strong>&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นางอุบลรัตน์&nbsp;ศิลตระกูล&nbsp;พาณิชย์จังหวัดพิษณุโลก&nbsp;นายสุริพล&nbsp;มาบุญช่วย&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดพิษณุโลก&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การเก็บเนื้อสุกร&nbsp;ตามประกาศประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคา&nbsp;สินค้าและบริการ&nbsp;ฉบับที่&nbsp;2&nbsp;เรื่องการแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;หาที่เก็บและจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ลงวันที่&nbsp;5&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;กำหนดให้ผู้เลี้ยงสุกร&nbsp;ผู้จำหน่าย&nbsp;ผู้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร&nbsp;ซึ่งครอบครองสุกรมีชีวิตที่มีปริมาณตั้งแต่&nbsp;500&nbsp;ตัวขึ้นไป&nbsp;และครอบครัวสุกรชำแหละผ่าซีก&nbsp;เนื้อสุกรชำแหละแยกชิ้นส่วน&nbsp;ที่มีปริมาณรวมกันตั้งแต่&nbsp;5&nbsp;ตัน&nbsp;ขึ้นไปแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;สถานที่เก็บและ&nbsp;สถานที่เลี้ยง&nbsp;โดยให้แจ้งที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด&nbsp;หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;1&nbsp;ปี&nbsp;หรือปรับไม่เกิน&nbsp;20,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ&nbsp;โดยกำหนดให้พี่แจงครั้งแรกในวันที่&nbsp;10&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;และทุกวันจันทร์ของสัปดาห์ถัดไป</p><p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;การติดตามสถานการณ์การเก็บเนื้อสุกรในวันนี้&nbsp;ไม่พบว่ามีการกักตุนเนื้อสุกรแต่อย่างใด&nbsp;ซึ่งส่วนใหญ่หมูที่ตรวจพบผู้ประกอบการจะรับมาฝากแช่ไว้ในพื้นที่รอการจัดจำหน่วย&nbsp;และการนำเข้ามาในพื้นที่ก็มีใบอนุญาตถูกต้องยังไม่พบอะไรที่ผิดกฎหมาย&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและคณะกรรมการกักตุนสินค้าจังหวัดพิษณุโลก&nbsp;จะยังคงมีการเข้าตรวจสอบห้องเย็นทั้งหมด&nbsp;ซึ่งพบว่ามีหลายบริษัทที่เปิดให้บริการห้องเย็นในลักษณะเดียวกันนี้&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุนเนื้อสุกรไม่ให้เกิดความเสียหายต่อภาพรวมของระบบเศรษฐกิจและเกิดผลกระทบกับประชาชน&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;</p>21/1/2022ภาคเหนือพิษณุโลกสวท.พิษณุโลกhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121165331008 พ่อเมืองแพร่ห่วงใยประชาชนภาวะสินค้าราคาแพง ลงพื้นที่ติดตามสภาวการณ์ราคาสินค้าในตลาด<p><strong>นายสมหวัง&nbsp;พ่วงบางโพ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่</strong>&nbsp;ลงพื้นที่ร้านจำหน่ายเนื้อหมูน้ำทองฟาร์ม&nbsp;และตลาดสดแพร่ชมภูมิ่ง&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดแพร่&nbsp;เพื่อติดตามสภาวการณ์ราคาสินค้าตามท้องตลาด&nbsp;และร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;รวมทั้งสินค้าอื่นๆ&nbsp;ที่มีการบริโภคทดแทนเนื้อหมู&nbsp;อาทิ&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เนื้อปลา&nbsp;ทั้งนี้เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า&nbsp;กำกับดูแลร้านจำหน่ายสินค้าไม่ให้เกิดการเอาเปรียบผู้บริโภค&nbsp;โดยได้ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดแพร่&nbsp;สำนักงานสาขาชั่งตวงวัดแพร่&nbsp;ในการควบคุมราคาสินค้าและการชั่งตวงวัดปริมาณสินค้าให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภค</p><p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;เป็นการลงมาติดตามสถานการณ์ตลาดภายในจังหวัดแพร่ให้มีการควบคุมราคาและการซื้อขายที่เป็นธรรมต่อประชาชน&nbsp;รวมถึงติดตามการดำเนินมาตรการของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชนทั้งโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;และการเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;จังหวัดแพร่ได้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนโดยเพิ่มช่องทางการตลาดให้สามารถเข้าถึงสินค้าราคาถูกของผู้ซื้อผู้บริโภค&nbsp;และให้ผู้ประกอบการสามารถจำหน่ายสินค้าได้</p><p><strong>นอกจากนี้</strong>&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ยังได้ติดตามแหล่งกระจายไข่ไก่&nbsp;ณ&nbsp;บริษัทอุดมฟาร์มแพร่&nbsp;จำกัด&nbsp;ตำบลทุ่งโฮ้ง&nbsp;อำเภอเมืองแพร่&nbsp;เพื่อตรวจสอบปริมาณและการกระจายไข่ไก่ในพื้นที่จังหวัดแพร่&nbsp;ติดตามกำกับดูแลการครอบครองสุกรชำแหละผ่าซีก&nbsp;สุกรชำแหละแยกชิ้นส่วน&nbsp;ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;เรื่อง&nbsp;การแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ณ&nbsp;โรงชำแหละและตัดแต่งสุกรของซีพี&nbsp;สาขาจังหวัดแพร่&nbsp;ตำบลแม่หล่าย&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;และติดตามการจำหน่ายหมูชำแหละ&nbsp;ไก่&nbsp;และสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ในห้างโมเดิร์นเทรด&nbsp;ที่ห้างสรรพสินค้าแม็คโคร&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดแพร่</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคเหนือแพร่สวท.แพร่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121162808982 ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ตรวจแผงชำแหละหมู<p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี&nbsp;เข้าตรวจแผงชำแหละหมู&nbsp;แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;กรณีเนื้อสุกรชำแหละมีราคาสูง&nbsp;พร้อมตรึงราคาก่อนไหว้ตรุษจีน&nbsp;ไม่ให้แพงเกินความเป็นจริง</strong></p><p><strong>วันที่&nbsp;21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</strong>&nbsp;นายภัครธรณ์&nbsp;เทียนไขย&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;พาณิชย์จังหวัดชลบุรี&nbsp;ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดชลบุรี&nbsp;ปลัดจังหวัดชลบุรี&nbsp;นายอำเภอเมืองชลบุรี&nbsp;และผู้เกี่ยวข้อง&nbsp;ได้ออกปฏิบัติหน้าที่ในการสำรวจการกักตุนเนื้อสุกรในพื้นที่อำเภอเมืองชลบุรี&nbsp;เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์&nbsp;พ.ศ.2497&nbsp;ที่ตลาดใหม่ชลบุรี&nbsp;และร้านจำหน่ายหมูเนื้อแดงโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน</p><p><strong>นายภัครธร์&nbsp;เทียนไชย&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>ตามที่เกิดสถานการณ์ราคาเนื้อสุกร&nbsp;ปรับตัวสูงขึ้นอย่างผิดปกติ&nbsp;ส่งผลกระทบให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาดังกล่าว&nbsp;เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการฉวยโอกาสของผู้ประกอบการหรือผู้ค้าเนื้อสุกรในการกักตุนเนื้อสุกร&nbsp;โดยประสงค์ให้&nbsp;เนื้อสุกรขาดแคลนในท้องตลาด&nbsp;เพื่อที่จะได้นำเนื้อสุกรออกจำหน่ายในราคาที่สูง&nbsp;ในการนี้&nbsp;นายกรัฐมนตรี&nbsp;ได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย&nbsp;ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;สำหรับจังหวัดชลบุรีได้ดำเนินการตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังและควบคุมโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร&nbsp;(ASF)&nbsp;พร้อมเร่งสำรวจข้อมูลฟาร์มสุกร&nbsp;จำนวนสุกร&nbsp;ผู้เลี้ยงสุกร&nbsp;ทั้งรายย่อยและรายใหญ่&nbsp;ที่ได้รับความเสียหายจากการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร&nbsp;(ASF)&nbsp;ให้ถูกต้องครบถ้วนเป็นปัจจุบัน&nbsp;รวมทั้งเตรียมการเยียวยาตามระเบียบของทางราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่&nbsp;เฝ้าระวังควบคุม&nbsp;กำกับการเคลื่อนย้ายสุกรและซากให้เป็นไปตามมาตรการที่กรมปศุสัตว์จังหวัดกำหนดอย่างเคร่งครัด&nbsp;มอบหมายสำนักงานพาณิชย์จังหวัด&nbsp;ตำรวจ&nbsp;และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง&nbsp;สำรวจ&nbsp;ตรวจตราการ&nbsp;กักตุนเนื้อสุกร&nbsp;กำกับดูแลร้านจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;โดยติดป้ายราคาสินค้าให้ชัดเจน&nbsp;แจ้งนายอำเภอทุกอำเภอ&nbsp;กำชับ&nbsp;กำนัน&nbsp;ผู้ใหญ่บ้าน&nbsp;เจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น&nbsp;เครือข่ายประชาชนในพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด&nbsp;หากพบสุกรป่วยหรือตายผิดปกติให้&nbsp;แจ้งอาสาปศุสัตว์ประจำหมู่บ้านหรือปศุสัตว์อำเภอทันที&nbsp;ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลข่าวสารรวมทั้งเฝ้าระวัง&nbsp;หากประชาชนพบราคาหมูแพงกว่าความเป็น&nbsp;โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนสามารถแจ้งเหตุผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชลบุรี&nbsp;โทร1567&nbsp;ที่ทำการปกครองจังหวัดชลบุรี</p><p><strong>ด้านว่าที่ร้อยโทสุธรรม&nbsp;ลครรำ</strong>&nbsp;พาณิชย์จังหวัดชลบุรี&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดชลบุรี&nbsp;ได้จัดโครงการพาณิชย์ลดราคา!ช่วยประชาชน&nbsp;(หมูเนื้อแดง)&nbsp;โดยมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการ&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;อำเภอเมืองชลบุรี&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านเบทาโกร&nbsp;ช๊อป&nbsp;สาขาชลบุรี&nbsp;ตั้งอยู่ที่ถนนพระยาสัจจา&nbsp;ตำบลเสม็ด&nbsp;ร้านหมูสดใส&nbsp;อยู่ที่หมู่&nbsp;3&nbsp;ตำบลห้วยกะปิ&nbsp;ร้านศิริไลฟาร์ม&nbsp;ฟู๊ด&nbsp;อยู่ที่หมู่&nbsp;4&nbsp;ตำบลบ้านสวน&nbsp;อำเภอเมืองชลบุรี&nbsp;และร้านเจ้คิ้ม&nbsp;หมูบางทราย&nbsp;ตำบลบางทราย&nbsp;ส่วนอำเภอศรีราชา&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านเบทาโกร&nbsp;ช็อป&nbsp;สาขาบ่อวิน&nbsp;อยู่ที่ตำบลบ่อวิน&nbsp;อำเภอศรีราชา&nbsp;ส่วนอำเภอเกาะจันทร์&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้าน&nbsp;K&amp;N&nbsp;meat&nbsp;อยู่ที่&nbsp;ตำบลเกาะจันทร์&nbsp;อำเภอเกาะจันทร์&nbsp;ส่วนอำเภอบ่อทอง&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านคุณนุ&nbsp;หมูสด&nbsp;อยู่ตรงข้ามเทศบาลตำบลบ่อกวางทอง&nbsp;ตำบลบ่อทอง&nbsp;และอำเภอบ้านบึง&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านคูณทรัพย์&nbsp;หมูอนามัย&nbsp;อยู่ที่ชอยเชิดน้อย&nbsp;ตำบลบ้านบึง&nbsp;อำเภอบ้านบึง&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ในราคากิโลกรัม&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำกัด&nbsp;คนละไม่เกิน&nbsp;2&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ตั้งแต่วันนี้จนถึง&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดชลบุรี&nbsp;โทร&nbsp;038&nbsp;-277217</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคตะวันออกชลบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121193752132 จ.ประจวบฯ ปล่อยแถวออกตรวจห้องเย็น เพื่อป้องกันการกักตุนเนื้อหมู ในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง<p><strong>เช้าวันนี้&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;</strong>นายเสถียร&nbsp;เจริญเหรียญ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์&nbsp;เป็นประธานการปล่อยแถวตรวจสอบห้องเย็น&nbsp;ห้องเก็บสินค้า&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง&nbsp;โดยได้มอบหมายให้ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์&nbsp;น้อยสุวรรณ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ&nbsp;พ.ต.อ.ภาคภูมิ&nbsp;โห้ใย&nbsp;รอง.ผบก.ภ.ประจวบฯ&nbsp;ปลัดจังหวัดประจวบฯ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดประจวบฯ&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดประจวบฯ&nbsp;ประมงจังหวัดประจวบฯ&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดประจวบฯ&nbsp;นายกเทศมนตรีเมืองประจวบฯ&nbsp;และผู้แทนสาธารณสุขจังหวัดประจวบฯ&nbsp;บูรณาการร่วมกันนำกำลังเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบร้านจำหน่ายสินค้า&nbsp;เขียงหมู&nbsp;ห้องเย็น&nbsp;และฟาร์มเลี้ยงหมู&nbsp;เพื่อตรวจสอบป้องกันการกักตุนเนื้อหมูเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด&nbsp;หลังจากที่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;โดยเฉพาะเนื้อหมูมีการขยับราคาสูงขึ้น&nbsp;ซึ่งผลการสุ่มตรวจภายในห้องเย็นและสถานประกอบการในพื้นที่อำเภอเมือง&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;แห่ง&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านอุงมุ้ยเฮียง&nbsp;หมูนพรัตน์&nbsp;ห้องเย็นโรงงานเล็กปลาจิ้งจั้ง&nbsp;คลองวาฬ&nbsp;และหนองยาวฟาร์ม&nbsp;ต.ห้วยทราย&nbsp;ไม่พบว่ามีการกักตุนเนื้อหมูแต่อย่างใด&nbsp;</p><p><strong>ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์&nbsp;น้อยสุวรรณ&nbsp;</strong>รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ในส่วนของจังหวัดประจวบฯ&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชจังหวัดประจวบฯ&nbsp;ได้มีการประกันราคาหมูเนื้อแดง&nbsp;ในราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ปริมาณ&nbsp;60&nbsp;กก./จุด/วัน&nbsp;จำนวน&nbsp;7&nbsp;จุด&nbsp;ซึ่งเป็นที่พึงพอใจของประชาชน&nbsp;พร้อมทั้งยังมีมาตรการในการควบคุมการกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;โดยมีการสุ่มตรวจโกดังสินค้า&nbsp;เขียงหมู&nbsp;ซึ่งจากการออกตรวจในวันนี้ไม่พบผู้ประกอบการที่กักตุนสินค้าเกินเกณฑ์ที่กำหนด&nbsp;และฟาร์มสุกรที่แจ้งยอดก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด&nbsp;ทั้งนี้ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการ&nbsp;ติดป้ายแสดงราคาอย่างชัดเจน&nbsp;เพื่อให้ผู้บริโภคใช้เป็นข้อมูลประกอบในการพิจารณาเลือกซื้อหรือใช้สินค้าได้เป็นธรรม</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคตะวันตกประจวบคีรีขันธ์สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121185645090 จังหวัดตรังจัดชุดพาณิชย์-ปศุสัตว์ นำทีมลงพื้นที่ลุยตรวจสอบติดตามโกดังหมูไก่ เฝ้าระวังหวั่นผู้ประกอบการกักตุนสินค้า หมู ไก่ เบื้องต้น ไม่พบการกักตุนสินค้า<p><strong>จังหวัดตรังจัดชุดพาณิชย์-ปศุสัตว์&nbsp;นำทีมลงพื้นที่ลุยตรวจสอบติดตามโกดังหมูไก่&nbsp;</strong>เฝ้าระวังหวั่นผู้ประกอบการกักตุนสินค้า&nbsp;หมู&nbsp;ไก่&nbsp;เบื้องต้น&nbsp;ไม่พบการกักตุนสินค้า&nbsp;มีเพียงพอกับความต้องการบริโภค&nbsp;ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายชัดเจน&nbsp;และได้แจ้งเตือนให้ผู้ประกอบการห้ามกักตุนสินค้าให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.2542&nbsp;มาตรา&nbsp;30&nbsp;หากฝ่าฝืนอัตราโทษ&nbsp;จำคุกไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;หรือปรับไม่เกิน&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งจำปรับ&nbsp;ตามมาตรา&nbsp;41</p><p><strong>วันนี้&nbsp;&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.2565)&nbsp;ที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดตรัง&nbsp;นายภูวนัฐ&nbsp;สมใจ&nbsp;</strong>รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;พล.ต.ต.สันทัด&nbsp;วินสน&nbsp;ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง&nbsp;นางสาวสุภากิตติ์&nbsp;เกลี้ยงสงค์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;นางสาวณัฐธยาน์&nbsp;ทวีวงศ์&nbsp;หัวหน้าสำนักงานจังหวัดตรัง&nbsp;นายภานุวัฒน์&nbsp;พูลสวัสดิ์ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรัง&nbsp;หัวหน้าด่านกักกันสัตว์ตรัง&nbsp;และนายจุลชาติ&nbsp;จุลเพชร&nbsp;หัวหน้ากลุ่มพัฒนาคุณภาพสินค้าปศุสัตว์&nbsp;สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดตรัง&nbsp;ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์ราคาหมู&nbsp;ไก่&nbsp;ไขไก่&nbsp;ที่มีราคาปรับสูงอย่างต่อเนื่อง&nbsp;จากนั้นได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสต็อกสินค้าเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;เนื้อไก่สด&nbsp;ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการฉบับที่&nbsp;2&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;เรื่อง&nbsp;การแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ณ&nbsp;วันที่&nbsp;5&nbsp;มกราคม&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;และตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์&nbsp;พศ.2497&nbsp;ได้ลงพื้นที่ทั้งหมด&nbsp;3&nbsp;แห่ง&nbsp;คือ&nbsp;บริษัทเพิ่มพูน&nbsp;ผลิตภัณฑ์อาหาร&nbsp;จำกัด&nbsp;เบทาโกรช็อป&nbsp;สาขาตรัง&nbsp;และห้างแม็คโคร&nbsp;สาขาตรัง</p><p><strong>เบื้องต้นจากการตรวจสอบ&nbsp;ไม่พบการกักตุนสินค้า&nbsp;และสินค้ามีเพียงพอกับความต้องการบริโภค</strong>&nbsp;ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายชัดเจน&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ได้&nbsp;แจ้งเตือนให้ผู้ประกอบการห้ามกักตุนสินค้า&nbsp;ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.2542&nbsp;มาตรา&nbsp;30&nbsp;หากฝ่าฝืนอัตราโทษ&nbsp;จำคุกไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;หรือปรับไม่เกิน&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งจำปรับ&nbsp;ตามมาตรา&nbsp;41</p><p><strong>นางสาวสุภากิตติ์&nbsp;เกลี้ยงสงค์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;วันนี้ทีมจังหวัดตรังหลายภาคส่วนร่วมกันลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์&nbsp;ปริมาณ&nbsp;และราคา&nbsp;ทั้งหมู&nbsp;และ&nbsp;ไก่&nbsp;ที่เป็นสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพของพี่น้องประชาชน&nbsp;พบว่ามีสินค้าเพียงพอ&nbsp;ไม่มีการกักตุน&nbsp;ราคาก็อยู่ในเกณฑ์ที่ทางรัฐบาลขอความร่วมมือ&nbsp;ได้ลงพื้นที่บริษัทจำหน่าย&nbsp;ไก่&nbsp;หมู&nbsp;ที่บริษัทเพิ่มพูน&nbsp;ผลิตภัณฑ์อาหาร&nbsp;จำกัด,&nbsp;เบทาโกรช็อป&nbsp;สาขาตรัง&nbsp;และห้างแม็คโคร&nbsp;สาขาตรัง&nbsp;ทั้งหมด&nbsp;3&nbsp;จุด&nbsp;และในสัปดาห์ต่อไปจะมีแผนออกตรวจเพิ่มเติมอีก&nbsp;</p><p><strong>ในส่วนของเรื่องอาหารสัตว์แพงจะต้องระดับนโยบายจะต้องเข้ามาดูแล</strong>&nbsp;ตัววัตถุดิบที่มาผลิตเป็นอาหารสัตว์&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ&nbsp;ถั่วเหลือง&nbsp;ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์&nbsp;ได้มีการปรับราคาสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;เพราะฉะนั้นต้องดูที่ต้นทาง&nbsp;และในช่วงเทศกาลตรุษจีนทางพาณิชย์จังหวัดตรังได้ติดตามสถานการณ์ในเรื่องของราคา&nbsp;ต้องการให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาอย่างชัดเจน&nbsp;เพื่อที่จะให้ผู้บริโภคสามารถที่จะเลือกซื้อ&nbsp;ตัดสินใจซื้อได้&nbsp;ในส่วนของหมูมีการจัดจุดจำหน่ายทั้งหมด&nbsp;จำนวน&nbsp;12&nbsp;จุด&nbsp;โดยจำหน่ายเนื้อหมูแดง&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จะดำเนินการไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคมนี้&nbsp;เพื่อที่จะให้พี่น้องประชาชนมีทางเลือกในการซื้อหมูในราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;</p><p><strong>ซึ่งทาง&nbsp;บริษัท&nbsp;เบทาโกรช็อป&nbsp;สาขาตรังก็ได้ให้ความร่วมมือกับทางราชการ</strong>ในการเปิดจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาทเช่นกัน&nbsp;และในส่วนของพืชผักที่จ่อขึ้นราคาในช่วงตรุษจีน&nbsp;ตอนนี้ทางพาณิชย์จังหวัดตรังเองก็ได้ติดตามราคาพืชผักผลไม้&nbsp;ในตลาด&nbsp;ก็ได้ดูราคาอยู่&nbsp;ส่วนใหญ่ราคายังไม่มีการปรับ&nbsp;ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ&nbsp;ซึ่งการบริโภคอาจจะเพิ่มขึ้น&nbsp;โดยสถานการณ์ผู้ประกอบการเองก็ต้องดูว่าสามารถขึ้นราคาได้หรือไม่&nbsp;ทางพาณิชย์เองได้ลงไปกำชับไม่ให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า&nbsp;และหากจะขึ้นราคาจริง&nbsp;ๆ&nbsp;ขอให้มีเหตุผลว่า&nbsp;ขึ้นเพราะอะไร&nbsp;หากผู้ประกอบการมีการฝ่าฝืนไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า&nbsp;มีโทษปรับ&nbsp;ไม่เกิน&nbsp;10,000&nbsp;บาท&nbsp;แต่หากมีการฉวยโอกาสและมีการกักตุนสินค้า&nbsp;จะมีอัตราโทษ&nbsp;จำคุกไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;หรือปรับไม่เกิน&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งจำปรับ&nbsp;ตามมาตรา&nbsp;41</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>21/1/2022ภาคใต้ตรังสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121163211989 ผู้ว่าฯนราธิวาสพร้อมด้วยผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้า ประเภทอาหารสด ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองนราธิวาส<p><strong>วันนี้&nbsp;21&nbsp;ม.ค.65&nbsp;เวลา&nbsp;07.30&nbsp;น.นายสนั่น&nbsp;พงษ์อักษร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส</strong>&nbsp;พร้อมด้วยนางวรรณภรณ์&nbsp;เกตุทัต&nbsp;ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจตลาดสดเทศบาลเมืองนราธิวาส(ตลาดสดหัวลำโพง)&nbsp;เป็นตลาดสดขนาดใหญ่ในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส&nbsp;เพื่อตรวจติดตามราคาสินค้าต่างๆ&nbsp;ประเภท&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;พืชผักและผลิตผลทางการเกษตร&nbsp;โดยมีนายไพซอล&nbsp;อาแว&nbsp;นายกเทศมนตรีนราธิวาส&nbsp;นางนฤมล&nbsp;แก้วมุกดากุล&nbsp;พาณิชย์จังหวัดนราธิวาส&nbsp;นายบัญชา&nbsp;กันหาสินธุ์&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส&nbsp;ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่ฯ</p><p><strong>ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสและคณะ&nbsp;ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับพ่อค้า-แม่ค้า</strong>ในตลาดเกี่ยวกับการค้าขายสินค้า&nbsp;ขอให้มีการค้าขายในราคาตามความเป็นจริง&nbsp;และขอให้จำหน่ายสินค้าด้วยความเป็นธรรมกับผู้บริโภค&nbsp;พร้อมทั้งขอความร่วมมือไม่ให้มีการกักตุนสินค้า&nbsp;หรือฉกฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า&nbsp;&nbsp;โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ&nbsp;เช่น&nbsp;ข้าวสาร&nbsp;&nbsp;เนื้อสัตว์&nbsp;หรือไข่ไก่&nbsp;จะต้องมีป้ายบอกราคาสินค้าที่ชัดเจน&nbsp;เพื่อไม่ให้เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;แล้วนายสนั่น&nbsp;พงษ์อักษร&nbsp;ผวจ.นราธิวาส&nbsp;ได้ถือโอกาสทำการประชาสัมพันธ์</strong>ให้ชาวบ้านได้รับรู้&nbsp;ถึงมาตรการในการช่วยเหลือผู้บริโภค&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์&nbsp;&nbsp;จ.นราธิวาส&nbsp;&nbsp;ได้เปิดพื้นที่&nbsp;10&nbsp;จุด&nbsp;ใน&nbsp;6&nbsp;อำเภอ&nbsp;คือ&nbsp;อ.เมืองนราธิวาส&nbsp;สุไหงโก-ลก&nbsp;ตากใบ&nbsp;สุไหงปาดี&nbsp;รือเสาะ&nbsp;และอำเภอศรีสาคร&nbsp;ซึ่งจำหน่ายหมู่เนื้อแดงราคาถูกเพียงกิโลกรัม&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;16&nbsp;ถึง&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p><strong>ทางด้านนายสนั่น&nbsp;พงษ์อักษร&nbsp;ผวจ.นราธิวาส&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>จากการเดินตรวจเยี่ยมติดตามที่ตลาดสดเทศบาลเมืองนราธิวาส&nbsp;พบว่าโดยรวมทีการการติดป้ายกำกับราคาสินค้าบอกราคา&nbsp;ซึ่งได้เน้นย้ำในเรื่องของราคา&nbsp;และกลไกของตลาด&nbsp;โดยเฉพาะในเรื่องของเนื้อหมูให้พยายามคงราคานี้ไว้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เราได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาด</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>21/1/2022ภาคใต้นราธิวาสสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาสhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121164626999 รองผู้ว่าฯนครพนม นำท่มออกตรวจเยี่ยมโครงการ หมูพาณิชย์ ลดราคา ช่วยประชาชน จังหวัดนครพนม<p><strong>นายชาญชัย&nbsp;คงทัน&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม</strong>&nbsp;พร้อมด้วยนายจิรวุฒิ&nbsp;สุวรรณอาจ&nbsp;พาณิชย์&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ตามนโนบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฎ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพลและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค&nbsp;อีกทั้งเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;และที่ได้รับผลกระทบจากราคาเนื้อสุกรปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;</p><p><strong>โดยจังหวัดนครพนม</strong>&nbsp;จัดให้มีจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคาที่ตำกว่าท้องตลาด&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;16-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;รวม&nbsp;7&nbsp;จุดจำหน่าย</p><p>1.แหลมทองโภคภัณฑ์&nbsp;ข้างธนาคารออมสินสาขานครพนม&nbsp;จังหวัดนครพนม</p><p>2.อารีย์เนื้อหมูสด&nbsp;ตำบลหนองสังข์&nbsp;อำเภอนาแก</p><p>3.ตุ๊ดตู่หมูสด&nbsp;ตำบลพิมาน&nbsp;อำเภอนาแก</p><p>4.กวินหมูสด&nbsp;ตำบลนาแก&nbsp;อำเภอนาแก&nbsp;</p><p>5.&nbsp;ร้านสกล&nbsp;ตลาดสดเทศบาลปลาปาก&nbsp;ตำบลปลาปาก&nbsp;อำเภอปลาปาก</p><p>6.&nbsp;ครูรักหมูสด&nbsp;ตลาดสดบ้านนาพระชัย&nbsp;ตำบลหนองแวง&nbsp;อำเภอบ้านแพง</p><p>7.ปังหอมหมูสด&nbsp;129&nbsp;หมู่ที่&nbsp;5&nbsp;บ้านดอนดู่&nbsp;ตำบลนาทม&nbsp;อำเภอนาทม&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครพนมสวท.นครพนมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121153430909 มรย.เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก สู่ เบตง 10,000 ล้าน<p><strong>ทีมผู้บริหาร&nbsp;มรย.และคณะ&nbsp;ลงพื้นที่เบตง&nbsp;ติดตามโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก</strong>และอุตสาหกรรมบริการเพื่อสร้างโอกาสการท่องเที่ยวสู่&nbsp;เบตง&nbsp;10,000&nbsp;ล้าน&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>วันนี้&nbsp;(21&nbsp;</strong><strong&nbsp;style="background-color:&nbsp;initial;">ม.ค.65)&nbsp;ที่&nbsp;ห้องรับรองมูลนิธิ&nbsp;80&nbsp;ปี&nbsp;ชั้น&nbsp;2&nbsp;อาคารเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;50&nbsp;พรรษา</strong><span&nbsp;style="background-color:&nbsp;initial;">&nbsp;มหาวชิราลงกรณ&nbsp;มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา&nbsp;ผู้ช่วยศาสตราจารย์&nbsp;ดร.สมบัติ&nbsp;โยธาทิพย์&nbsp;อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา&nbsp;ให้การต้อนรับ&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="background-color:&nbsp;initial;">ดร.ณพพงศ์&nbsp;ธีระวร&nbsp;กรรมการสภามหาวิทยาลัยฯผู้ทรงคุณวุฒิ&nbsp;</strong><span&nbsp;style="background-color:&nbsp;initial;">พร้อมด้วยคณะ&nbsp;และ&nbsp;ผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา&nbsp;หารือแนวทางการดำเนินโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและอุตสาหกรรมบริการเพื่อสร้างโอกาสการท่องเที่ยวสู่&nbsp;เบตง&nbsp;10,000&nbsp;ล้าน&nbsp;โดยร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย&nbsp;ในการพัฒนาพื้นที่อำเภอเบตงเป็นพื้นที่ต้นแบบ&nbsp;เพื่อพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนและงานวิจัยของทุกคณะ&nbsp;และทุกสถาบันในมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาให้สนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและอุตสาหกรรมบริการในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้</span>&nbsp;ก่อนนำคณะลงพื้นที่ศึกษาดูงาน&nbsp;ณ&nbsp;อำเภอเบตง&nbsp;จังหวัดยะลา</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>21/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121165522010 จังหวัดศรีสะเกษ เตรียมการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากจังหวัดศรีสะเกษ<p><strong>วันนี้(21&nbsp;ม.ค.&nbsp;2565)&nbsp;ที่ห้องประชุมสำนักงานวัฒนธรรม</strong>&nbsp;จังหวัดศรีสะเกษ</p><p>นายวัฒนา&nbsp;พุฒิชาติ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;มอบหมายให้นายอนุรัตน์&nbsp;ธรรมประจำจิต&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;เป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ประจำเดือนกุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;</p><p><strong>รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;กำหนดจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;13-15&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;สวนสาธารณะกุดหวาย&nbsp;"อนุสรณ์&nbsp;239&nbsp;ปี&nbsp;จังหวัดศรีสะเกษ"</p><p><strong>โดยมีวัตถุประสงค์</strong>&nbsp;เพื่อพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ตามกรอบทิศทางยุทธศาสตร์&nbsp;ระยะ&nbsp;20&nbsp;ปี&nbsp;เพื่อปรับปรุงพัฒนาการท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และด้านมรดกศิลปวัฒนธรรมให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น&nbsp;และสร้างรายได้เพิ่มทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น&nbsp;เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด&nbsp;และสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(COVID-19)&nbsp;รวมทั้งสนับสนุนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการดำเนินงานด้านศิลปวัฒนธรรมให้เกิดการพัฒนาพื้นที่&nbsp;แหล่งเรียนรู้&nbsp;และแหล่งท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรม&nbsp;โดยมี&nbsp;วัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;พัฒนาการจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ผู้แทน&nbsp;ผอ.สนง.ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ผู้แทน&nbsp;พมจ.ศรีสะเกษ&nbsp;และผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;</p>21/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือศรีสะเกษสวท.ศรีสะเกษhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121154643926 กรณีห้องเย็นสงขลา พบมีความผิดฐานไม่แจ้งสต็อก ย้ำ มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่น และปรับรายวันอีก 2,000 บาทจนกว่าจะดำเนินการให้ถูกต้อง<p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เปิดเผยถึงกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา&nbsp;นำทีมเข้าตรวจห้องเย็น&nbsp;หลังพบมีเนื้อหมูฝากเก็บไว้กว่า&nbsp;2&nbsp;แสนกิโลกรัม&nbsp;โดยกล่าวว่า&nbsp;ยังตอบไม่ได้ว่าเข้าข่ายการกักตุนสินค้าหรือไม่&nbsp;แต่ได้คุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา&nbsp;ในฐานะประธานวอร์รูมติดตามสถานการณ์สินค้าระดับจังหวัดแล้ว&nbsp;เบื้องต้นพบความผิด&nbsp;ฐานไม่แจ้งสต็อกตามคำสั่งของกรมการค้าภายใน&nbsp;ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;1&nbsp;ปี&nbsp;ปรับไม่เกิน&nbsp;20,000&nbsp;บาท&nbsp;และจะดำเนินการปรับต่อเนื่องอีกวันละ&nbsp;2,000&nbsp;บาท&nbsp;จนกว่าจะมีการดำเนินการให้ถูกต้อง&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">ส่วนจะเข้าข่ายการกักตุนสินค้าหรือไม่นั้น</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;จะต้องรอทางผู้ว่าราชการจังหวัดตรวจสอบข้อมูล&nbsp;และดำเนินการในรายละเอียดก่อน&nbsp;และจะมีการแถลงให้ทราบต่อไป&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทุกพื้นที่&nbsp;เร่งบูรณาการกับผู้ว่าราชการจังหวัดออกตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง&nbsp;หากพบมีการกักตุน&nbsp;ก็จะมีความผิดตามมาตรา&nbsp;29&nbsp;แห่ง&nbsp;พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ซึ่งมีโทษจำคุก&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับ&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำและปรับ&nbsp;&nbsp;</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>21/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121200043145 เปิดแปลงสาธิตแปลงสาธิต สระแก้วโมเดล ปลูกกระท่อมแปรรูป เพื่อการส่งออก<p><strong>วันนี้&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายปริญญา&nbsp;โพธิสัตย์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว</strong>&nbsp;เยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้บ้านสวนรักเพื่อน&nbsp;(สวนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน)&nbsp;ณ&nbsp;ศูนย์เรียนรู้บ้านสวนรักเพื่อน&nbsp;เลขที่&nbsp;322&nbsp;หมู่ที่&nbsp;13&nbsp;บ้านหนองโสน&nbsp;ตำบลหนองหว้า&nbsp;อำเภอเขาฉกรรจ์&nbsp;จังหวัดสระแก้ว&nbsp;บนพื้นที่ของ&nbsp;นายบุญตา&nbsp;รักเพื่อน&nbsp;ซึ่งเป็นแปลงสาธิต&nbsp;สระแก้วโมเดล&nbsp;ปลูกกระท่อมแปรรูปเพื่อการส่งออก&nbsp;โดยบริษัท&nbsp;พีบี&nbsp;ออแกนิค&nbsp;ฟาร์ม&nbsp;จำกัด&nbsp;ร่วมกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรไทยก้าว&nbsp;อำเภอเขาฉกรรจ์&nbsp;จังหวัดสระแก้ว&nbsp;จัดโครงการดังกล่าวขึ้น&nbsp;</p><p><strong>สำหรับโครงการนี้เป็นช่องทางส่งเสริมให้เกษตรมีอาชีพ&nbsp;</strong>มีรายได้จากการปลูกพืชกระท่อม&nbsp;ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่&nbsp;และเพื่อให้เกษตรกรได้ศึกษาเรียนรู้แปลงสาธิตต้นแบบสำหรับการปลูกพืชกระท่อม&nbsp;ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน&nbsp;สร้างรายได้และเพิ่มอาชีพให้แก่ชาวบ้าน&nbsp;รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตยาจากสมุนไพรและพืชท้องถิ่น</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคตะวันออกสระแก้วสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสระแก้วhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121165824013 ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ร่วมกับ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเย็นเนื้อสุกรในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีเพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า<p><strong>วันนี้&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายสุธี&nbsp;ทองแย้ม&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี</strong>&nbsp;พร้อมด้วยปศุสัตว์จังหวัด&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตำรวจ&nbsp;และฝ่ายปกครอง&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจร้านจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;และห้องเย็นในพื้นที่&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุนเนื้อสุกร&nbsp;กำกับดูแลร้านค้าเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;ให้ติดป้ายราคาสินค้าอย่างชัดเจน&nbsp;โดยคณะได้ลงพื้นที่จุดแรก&nbsp;คือ&nbsp;ที่ร้าน&nbsp;วีทีมีท&nbsp;ดีสทริบิวชั่น&nbsp;จำกัด&nbsp;สาขาจันทบุรี&nbsp;จังหวัดจันทนิมิต&nbsp;อำเภอเมืองจังหวัดจันทบุรี&nbsp;ซึ่งเป็นสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์&nbsp;จากการตรวจสอบ&nbsp;พบว่ามีเอกสารใบอนุญาตทำการค้า&nbsp;ใบอนุญาตให้นำและเคลื่อนย้ายซากสัตว์&nbsp;และทำการค้าอย่างถูกต้องตามสุขอนามัย&nbsp;และมีการติดป้ายราคาอย่างชัดเจน&nbsp;ส่วนห้องแช่เย็น&nbsp;และห้องเย็น&nbsp;ที่เก็บสต๊อกสินค้า&nbsp;มีการแจ้งรายละเอียดการนำเข้าและออก&nbsp;ไม่พบปัญหาการกักตุนเนื้อหมูแต่อย่างใด&nbsp;จากนั้นเดินทางต่อไปที่&nbsp;บริษัท&nbsp;เบทาโกรเกษตรอุตสาหกรรม&nbsp;จำกัด&nbsp;สาขาจันทบุรี&nbsp;ตั้งอยู่ที่&nbsp;81/69-73&nbsp;ถนนมหาราช&nbsp;ตำบลตลาด&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดจันทบุรี&nbsp;ไม่พบการกักตุนเนื้อสุกรเกินกำหนด&nbsp;จากการตรวจสอบเอกสารถูกต้องตามข้อกำหนด&nbsp;ซึ่งบริษัทฯ&nbsp;ทำการจำหน่ายเนื้อสัตว์และสินค้าแปรรูปเนื้อสัตว์หลากชนิด&nbsp;โดยมีห้องแช่เย็นสินค้าเพื่อรอจำหน่ายที่สามารถจัดเก็บสินค้าทั้งหมด&nbsp;6&nbsp;ตัน&nbsp;ขณะนี้มีเนื้อหมูประมาณ&nbsp;1&nbsp;ตัน&nbsp;ที่อยู่ระหว่างการกระจายสินค้าไปในพื้นที่รับผิดชอบ&nbsp;</p><p><strong>หลังจากนั้นคณะได้เดินทางไปที่บริษัทเทพมณีโคลด์&nbsp;สตอเรจ&nbsp;จันทบุรี&nbsp;</strong>เลขที่&nbsp;121&nbsp;หมู่ที่&nbsp;11&nbsp;ตำบลนายายอาม&nbsp;อำเภอนายายอาม&nbsp;จังหวัดจันทบุรี&nbsp;ซึ่งเป็นห้องเย็นขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัด&nbsp;มีพื้นที่จัดเก็บสินค้าได้สูงถึง&nbsp;1,500&nbsp;ตัน&nbsp;ปัจจุบันมีเนื้อสุกร&nbsp;อยู่&nbsp;303&nbsp;ตัน&nbsp;สัตว์ปีก&nbsp;66&nbsp;ตัน&nbsp;และสินค้าประมง&nbsp;8&nbsp;ตัน&nbsp;โดยมีสินค้าของบริษัทรายใหญ่&nbsp;นำสินค้าเข้ามาแช่แข็งประมาณ&nbsp;267,000&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;และในจำนวนนี้มีเนื้อสุกร&nbsp;จำนวน&nbsp;110,000&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;เพื่อรอกระจายสินค้าไปยังสาขาร้านค้าในพื้นที่ภาคตะวันออก&nbsp;ซึ่งเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดจันทบุรี&nbsp;อยู่ระหว่างการตรวจสอบ&nbsp;เพื่อให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;(กกร.)&nbsp;ที่กำหนดให้ผู้ครอบครองหรือห้องเย็นที่มีสต็อกตั้งแต่&nbsp;5,000&nbsp;กิโลกรัมขึ้นไป&nbsp;แจ้งปริมาณ&nbsp;และราคาทุก&nbsp;7&nbsp;วัน&nbsp;ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่&nbsp;10&nbsp;มกราคมที่ผ่านมา&nbsp;เพื่อดูแลปริมาณสุกรและสต็อกเนื้อสุกรที่มีอยู่ทั้งประเทศ&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้หากพบการกระทำผิด</strong>&nbsp;ผู้ประกอบการรายใดไม่แจ้งปริมาณ&nbsp;จะมีโทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;1&nbsp;ปี&nbsp;ปรับไม่เกิน&nbsp;20,000&nbsp;บาท&nbsp;และปรับอีกวันละ&nbsp;2,000&nbsp;บาท&nbsp;ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะแจ้ง&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ&nbsp;และหากพบเห็นว่ามีการกักตุนจะมีโทษตามมาตรา&nbsp;30&nbsp;แห่ง&nbsp;พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ซึ่งมีโทษจำคุก&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับ&nbsp;140,000&nbsp;บาทหรือทั้งจำและปรับ&nbsp;และหากประชาชนพบเห็นการกักตุนหรือจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดจันทบุรี&nbsp;โทร&nbsp;039311357</p>21/1/2022ภาคตะวันออกจันทบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122012502205 จ.แม่ฮ่องสอน ไม่มีปริมาณการครอบครองสุกร ที่มีปริมาณรวมกันตั้งแต่ห้าพันกิโลกรัมขึ้นไป ตามประกาศ กกร. ฉบับที่ 2 พ.ศ.2565<p><strong>นางสาวยุพา&nbsp;นาคา&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;วันนี้&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัด&nbsp;สคบ.จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ที่ทำการปกครองอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;และ&nbsp;สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;ลงพื้นที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;เพื่อตรวจสอบและติดตามราคา&nbsp;ปริมาณและสถานการณ์จัดเก็บสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ร้าน&nbsp;หจก.กาดคำพลาซ่า,&nbsp;หจก.ไทยเสรี,&nbsp;ตลาดสดเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;(ตลาดสายหยุด),&nbsp;ภาคเหนือหมูสด,&nbsp;โลตัส,&nbsp;ซีพีเฟรชมาร์ท,&nbsp;เบทาโกร,&nbsp;หมูอินเตอร์</p><p><strong>ผลการตรวจสอบพบว่า</strong>&nbsp;จังหวัดแม่ฮ่องสอนไม่มีปริมาณการครอบครองสุกรชำแหละผ่าซีก&nbsp;เนื้อสุกรชำแหละแยกชิ้นส่วนซึ่งประกอบด้วย&nbsp;เนื้อไหล่&nbsp;เนื้อสะโพก&nbsp;เนื้อสันนอก&nbsp;เนื้อสันใน&nbsp;และเนื้อหมูสามชั้น&nbsp;ที่มีปริมาณรวมกันตั้งแต่ห้าพันกิโลกรัมขึ้นไป&nbsp;ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;(กกร.)&nbsp;ฉบับที่&nbsp;2&nbsp;พ.ศ.2565</p><p><strong>ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าชัดเจน</strong>&nbsp;สินค้ามีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;อาทิ&nbsp;น้ำมันปาล์ม&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;ราคา&nbsp;55-60&nbsp;บาท,&nbsp;น้ำมันถั่วเหลือง&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;ราคา&nbsp;57-60&nbsp;บาท,&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ราคา&nbsp;200-220&nbsp;บาท,&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;ราคาแผงละ&nbsp;89-114&nbsp;บาท,ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคาแผงละ&nbsp;85-105&nbsp;บาท,&nbsp;เนื้ออกไก่&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ราคา&nbsp;75-&nbsp;100&nbsp;บาท,&nbsp;น่องไก่ติดสะโพก&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ราคา&nbsp;71-82&nbsp;บาท,&nbsp;น้ำปลา&nbsp;ขนาด&nbsp;700&nbsp;มล.&nbsp;ราคา&nbsp;30-35&nbsp;บาท</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;</strong>และเจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ร้านค้าปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;โดยปิดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน&nbsp;ห้ามกักตุนสินค้า&nbsp;และห้ามฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าในราคาที่สูงเกินสมควร</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121164325996 จ.อุบลฯ ออกตรวจตราร้านค้า เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า หมูสด หมูแช่เย็น พร้อมกับได้แจ้งร้านค้าไม่ติดป้ายแสดงราคาสินค้า และจำหน่ายสินค้าตรงตามป้ายบอกราคา<p><strong>วันที่&nbsp;20&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</strong>&nbsp;นายศิลปชัย&nbsp;ประเสริฐศรี&nbsp;นายอำเภอนาเยีย&nbsp;ได้สั่งการให้ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงเจ้าหน้าที่ปกครอง&nbsp;บูรณาการร่วมกันกับตำรวจสถานีตำรวจภูธรนาเยีย&nbsp;ปศุสัตว์อำเภอนาเยีย&nbsp;กำนัน&nbsp;ผู้ใหญ่บ้าน&nbsp;สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอนาเยียที่&nbsp;22&nbsp;ออกตรวจตราร้านค้า&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า&nbsp;หมูสด&nbsp;หมูแช่เย็น&nbsp;พร้อมกับได้แจ้งร้านค้า&nbsp;ไปติดป้ายแสดงราคาสินค้า&nbsp;และจำหน่ายสินค้าตรงตามป้ายบอกราคา&nbsp;และหากไม่ดำเนินการจะมีโทษตามกฎหมายผู้ประกอบการร้านค้า&nbsp;ให้ความร่วมมือด้วยดี&nbsp;โดยเฉพาะการจำหน่ายไข่ไก่&nbsp;เป็นไปตามที่พาณิชย์จังหวัดแจ้งประชาสัมพันธ์</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุบลราชธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุบลราชธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121191449109 รองผู้ว่าฯศรีสะเกษ ลงพื้นที่ติดตามราคาจำหน่ายสุกรและไก่ชำแหละ รวมทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค<p><strong>&nbsp;วันนี้&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.2565)&nbsp;ที่ตลาดสดเทศบาล&nbsp;1</strong>&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.ศรีสะเกษ&nbsp;ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีสาขาศรีสะเกษ&nbsp;และห้างสรรพสินค้าแมคโครสาขาศรีสะเกษ&nbsp;นายวัฒนา&nbsp;พุฒิชาติ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;มอบหมายให้นายอนุรัตน์&nbsp;ธรรมประจำจิต&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามราคาจำหน่ายสุกรชำแหละ&nbsp;ไก่ชำแหละ&nbsp;และสินค้าอุปโภค&nbsp;บริโภค&nbsp;ดังนี้</p><p><strong>1.&nbsp;ตรวจเยี่ยมแผงตลาดสดเทศบาล&nbsp;1</strong>&nbsp;ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีสาขาศรีสะเกษ&nbsp;และห้างสรรพสินค้าแมคโครสาขาศรีสะเกษ&nbsp;เพื่อติดตามและสอบถามราคาสุกรและไก่&nbsp;ซึ่งผู้ประกอบการได้จำหน่ายสินค้าเป็นไปตามกลไกตลาด&nbsp;มิได้มีราคาสูงกว่าปกติ&nbsp;โดยได้มีการตรึงราคาในส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ&nbsp;เพื่อรักษาฐานลูกค้าไว้ให้คงเดิม&nbsp;</p><p><strong>2.&nbsp;ตรวจเยี่ยมจุดจำหน่ายสุกรชำแหละ</strong>ตามโครงการ&nbsp;"พาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายในราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ดำเนินการระหว่างวันที่&nbsp;16-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษมีจุดจำหน่ายทั้งหมด&nbsp;7&nbsp;จุด</p><p><strong>3.&nbsp;ตรวจสอบการกักตุนเนื้อสุกรชำแหละ</strong>ในห้างสรรพสินค้าและสถานประกอบการห้องเย็นภายในเขตพื้นที่&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.ศรีสะเกษ&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุนซากสุกร&nbsp;ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้สุกรมีราคาที่เพิ่มสูงขึ้น&nbsp;และเป็นแนวทางป้องกันการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร&nbsp;(ASF)&nbsp;รวมถึงตรวจสอบการลักลอบนำเข้าสัตว์ซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2558&nbsp;และพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์&nbsp;พ.ศ.2597&nbsp;จำนวน&nbsp;5&nbsp;แห่ง&nbsp;ได้แก่&nbsp;ห้องเย็นคุณใหม่อาหารไทยฮาลาล&nbsp;ห้องเย็นบุญสมหวังโฟรเซ่นฟูดส์โปรดัก&nbsp;ห้องเย็นแม็คโครสาขาศรีสะเกษ&nbsp;ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีสาขาศรีสะเกษ&nbsp;และห้องเย็นบุญศิริโฟรเซ่นโปรดักส์&nbsp;จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า&nbsp;ไม่พบการกักตุนเนื้อหมู</p><p><strong>4.&nbsp;ประชาสัมพันธ์ให้พ่อค้า&nbsp;แม่ค้า</strong>&nbsp;และประชาชนมารับการฉีดวัคซีนป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(COVID-19)&nbsp;</p><p><strong>โดยมี&nbsp;พาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ</strong>&nbsp;รอง&nbsp;ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ&nbsp;หัวหน้าสำนักงานจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ผอ.กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม&nbsp;เทศบาลเมืองศรีสะเกษ&nbsp;ผู้แทนปศุสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ผู้แทนอุตสาหกรรมจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;รก.นายอำเภอเมืองศรีสะเกษ&nbsp;และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมบูรณาการในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>&nbsp;&nbsp;#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;</p>21/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือศรีสะเกษสวท.ศรีสะเกษhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121163014985 ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสลงพื้นที่ kick off การขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง Narathiwat Model : คนนราธิวาส ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ผู้ว่าฯ ใส่ใจ ห่วงใย คนนรา<p><strong>วันที่&nbsp;21&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;เวลา&nbsp;09.45&nbsp;น.&nbsp;ณ&nbsp;พื้นที่ตำบลโคกเคียนและตำบลกะลุวอเหนือ&nbsp;</strong>อำเภอเมืองนราธิวาส&nbsp;จังหวัดนราธิวาส&nbsp;นายสนั่น&nbsp;พงษ์อักษร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสพร้อมด้วยนางสาวสุนีย์&nbsp;มาหะ&nbsp;ผู้อำนวยการกลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน&nbsp;รักษาราชการแทนพัฒนาการจังหวัดนราธิวาส&nbsp;ผู้บริหารส่วนราชการและผู้เกี่ยวข้อง&nbsp;เปิดเวทีสอบถามสภาพปัญหาในการดำเนินชีวิตของครัวเรือนเพื่อรับทราบข้อมูลปัญหา&nbsp;ความต้องการ&nbsp;และการให้ความช่วยเหลือแก่ครัวเรือนเป้าหมายให้สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาให้ครัวเรือนเป้าหมายสามารถอยู่รอด&nbsp;พอเพียง&nbsp;และยั่งยืน&nbsp;ภายใต้Narathiwat&nbsp;happiness&nbsp;model&nbsp;:&nbsp;คนนราธิวาส&nbsp;ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง&nbsp;ซึ่งเป้าหมายประกอบไปด้วย&nbsp;นางสุรี&nbsp;บินสาและ&nbsp;ชาวบ้านในพื้นที่&nbsp;ต.โคกเคียน&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.นราธิวาสและครัวเรือนยากจนตำบลกะลุวอเหนือ&nbsp;จำนวน&nbsp;20&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;ครัวเรือนยากจนตำบลกะลุวอเหนือจากโครงการ&nbsp;บพท.&nbsp;20&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;ในการนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้มอบถุงยังชีพให้กับครัวเรือนที่ยากจนเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น&nbsp;</p><p><strong>จากนั้น&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้เดินทางไปเยี่ยมกลุ่มกระจูดบ้านทอนฮิเล&nbsp;</strong>ที่ดำเนินการส่งผลิตภัณฑ์เสื่อจูดให้แก่โรงงานของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม&nbsp;ตามโครงการพระราชดำริ&nbsp;โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองจังหวัดนราธิวาส&nbsp;นอกจากนี้ได้เดินทางไปเยี่ยมชมนิทรรศการข้อมูลคนยากจนของพื้นที่เทศบาลตำบลกะลุวอเหนือ&nbsp;และร่วมวิเคราะห์ข้อมูลของตำบลกะลุวอเหนือ&nbsp;รับฟังรายงานความก้าวหน้าโครงการ&nbsp;(พื้นที่อำเภอเมืองนราธิวาส)&nbsp;และลงพื้นที่เยี่ยมครัวเรือนที่ยากจนพร้อมมอบถุงยังชีพ&nbsp;ในพื้นที่ตำบลกะลุวอเหนือ&nbsp;โดยมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;เทศบาลตำบลกะลุวอเหนือและเครือข่ายพัฒนาที่อยู่อาศัยตำบลกะลุวอเหนือ</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>21/1/2022ภาคใต้นราธิวาสสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาสhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121175803047 ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาไข่ไก่ของบริษัทฟาร์มชูสินเตือนใจ 99 จำกัด (ฟาร์มชูสิน) พบจำหน่ายในราคาตามที่กำหนด<p><strong>วันนี้&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;เวลา&nbsp;14.00&nbsp;น.</strong>&nbsp;นายเอกรัฐ&nbsp;หลีเส็น&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล&nbsp;พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ลงพื้นที่บริษัทฟาร์มชูสินเตือนใจ&nbsp;99&nbsp;จำกัด&nbsp;(ฟาร์มชูสิน)&nbsp;ตำบลทุ่งนุ้ย&nbsp;อำเภอควนกาหลง&nbsp;จังหวัดสตูล&nbsp;ซึ่งเป็นฟาร์มไข่ไก่ที่จำหน่ายผลผลิตในจังหวัดสตูลและจังหวัดใกล้เคียง&nbsp;เพื่อตรวจสอบราคา&nbsp;จำหน่ายไข่ไก่หน้าฟาร์มและให้กำลังใจผู้ประกอบการในสถานการณ์โควิด-19&nbsp;ที่ผ่านมาด้วย</p><p><strong>ด้านนายศิวกร&nbsp;โคนันท์&nbsp;เจ้าของฟาร์มชูสิน&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ทางฟาร์มได้จำหน่ายไก่ไข่ในพื้นที่จังหวัดสตูลและจังหวัดใกล้เคียง&nbsp;ซึ่งครองสัดส่วนตลาดในจังหวัดสตูลราว&nbsp;30&nbsp;%&nbsp;ในแต่ละวันสามารถผลิตไข่ได้&nbsp;200,000–&nbsp;300,000&nbsp;ฟองต่อวัน&nbsp;จากจำนวนไก่ทั้งหมดที่เลี้ยงในระบบปิดที่ได้มาตรฐานประมาณ&nbsp;250,000&nbsp;ตัว&nbsp;โดยสถิติกำลังการบริโภคไข่ไก่ของชาวสตูลอยู่ที่&nbsp;280&nbsp;ฟอง/คน/ปี&nbsp;ถือเป็นสถิติที่สูงอันดับต้น&nbsp;ๆ&nbsp;ของประเทศ&nbsp;ขณะนี้ราคาจำหน่ายไข่ไก่&nbsp;(เบอร์&nbsp;3)&nbsp;ของฟาร์มชูสิน&nbsp;ราคาปลีก&nbsp;3.40&nbsp;บาท/ฟอง&nbsp;ราคาส่ง&nbsp;3.20&nbsp;บาท/&nbsp;ฟอง&nbsp;ซึ่งเป็นราคาตามที่กรมการค้าภายในกำหนด</p><p><strong>นอกจากนี้ภายในฟาร์มฯ&nbsp;ยังมีการบริหารจัดการแบบครบวงจร</strong>&nbsp;โดยเฉพาะในส่วนของขี้ไก่ซึ่งนำเข้าสู่&nbsp;กระบวนการตามขั้นตอนเพื่อผลิตและพร้อมนำออกมาจำหน่ายในรูปแบบของปุ๋ยขี้ไก่&nbsp;ซึ่งทำให้ช่วยลดมลภาวะภายในฟาร์มได้เป็นอย่างดี&nbsp;เนื่องจากในแต่ละวันจะมีขี้ไก่สดราว&nbsp;15&nbsp;ตัน&nbsp;เมื่อนำเข้าสู่กระบวนการจะคงเหลือขี้ไก่เพียง&nbsp;4&nbsp;ตันเท่านั้น</p><p><strong>พร้อมกันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อติดตามสถานการณ์ของราคาไข่ไก่ของฟาร์มชูสินว่าจำหน่ายในราคาที่เหมาะสมหรือไม่&nbsp;ซึ่งทางฟาร์มฯ&nbsp;ได้จำหน่ายในราคาที่เหมาะสม&nbsp;อีกทั้งยังได้ให้กำลังใจกับผู้ประกอบการด้วย&nbsp;เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19&nbsp;ทางผู้ประกอบการก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน&nbsp;ส่วนราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีการขึ้นราคาอยู่ในขณะนี้เป็นไปตามกลไกของตลาด</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>21/1/2022ภาคใต้สตูลสวท.สตูลhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121180723050 ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ตรวจทั้งเขียงหมูในตลาด และร้านจำหน่ายเนื้อแช่แข็ง<p><strong>วันที่&nbsp;21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;14.00&nbsp;น.</strong>&nbsp;นายกฤษณ์&nbsp;คงเมือง&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์พร้อมด้วย&nbsp;นายสุเมธ&nbsp;ธีรนิติ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์&nbsp;นายสุพล&nbsp;ศรีทับทิม&nbsp;พาณิชย์จังหวัดเพชรบูรณ์&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การตลาดและการจำหน่ายเนื้อสุกร&nbsp;ณ&nbsp;ร้านตองหนึ่ง&nbsp;111&nbsp;ตั้งอยู่เลขที่&nbsp;25/1&nbsp;ตำบลสะเดียง&nbsp;อำเภอเมืองเพชรบูรณ์&nbsp;ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายหมูสำเร็จรูปที่เข้าร่วมโครงการ&nbsp;ร้านค้าจำหน่ายหมูพาณิชย์… ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;โดยจำหน่ายหมูสำเร็จรูปหลายชนิด&nbsp;ราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;และปริมาณมีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;พร้อมลงพื้นที่ตรวจร้านจำหน่ายหมู&nbsp;ในตลาดสดเทศบาล&nbsp;3&nbsp;พบว่า&nbsp;สถานการณ์ราคา&nbsp;และการจำหน่ายสุกรในตลาดสดเทศบาลบาล&nbsp;ราคาหมูเนื้อแดงอยู่ในราคา&nbsp;220-230&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;เนื่องจากหมูเป็นหน้าฟาร์มมีราคาสูงขึ้น&nbsp;จึงจำเป็นต้องขายในราคาที่สูงขึ้นรวมทั้งป้องกันการฉวยโอกาสของผู้ประกอบการหรือผู้ค้าเนื้อสุกรในการกักตุนเนื้อสุกร&nbsp;โดยประสงค์&nbsp;ที่จะให้เนื้อสุกรขาดแคลนในท้องตลาด&nbsp;เพื่อที่จะได้นำเนื้อสุกรออกจำหน่ายในราคาที่สูง&nbsp;ซึ่งเบื้องต้นยังไม่พบความผิดปกติ&nbsp;</p><p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ทางจังหวัดมีความห่วงใยปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเนื่องจากราคาเนื้อสุกรที่เพิ่มสูงขึ้น&nbsp;ซึ่งจากการสำรวจร้านจำหน่ายเนื้อสุกรทั้งแบบแช่แข็งและเนื้อสุกรสด&nbsp;พบว่าราคาเนื้อสุกรสดยังคงมีราคาที่ค่อนข้างสูง&nbsp;จำหน่ายอยู่ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;200&nbsp;กว่าบาท&nbsp;โดยเฉพาะเนื้อหมูสามชั้น&nbsp;เนื่องจากมีความนิยมในผู้บริโภค&nbsp;ทั้งนี้ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจข้อมูลฟาร์มสุกร/จำนวนสุกร/ผู้เลี้ยงสุกร&nbsp;ทั้งรายย่อยและรายใหญ่&nbsp;พร้อมมอบหมายสำนักงานพาณิชย์จังหวัด&nbsp;ตำรวจ&nbsp;และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง&nbsp;สำรวจ&nbsp;ตรวจตราการกักตุนเนื้อสุกร&nbsp;กำกับดูแลร้านจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;โดยติดป้ายราคาสินค้าให้ชัดเจน&nbsp;</p><p><strong>ด้านแม่ค้าเนื้อสุกรสดในตลาดเทศบาล&nbsp;3&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ทางร้านติดป้ายราคาให้ผู้บริโภคได้ทราบราคาชัดเจน&nbsp;แต่ตอนนี้ที่มีปัญหาคือราคาหมูสามชั้น&nbsp;ที่ราคาค่อนข้างสูงส่งผลให้ราคาอาหารประเภทหมูกรอบมีราคาต้องเพิ่มราคาขึ้น&nbsp;จากเดิม&nbsp;10-20&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>ส่วนร้านตองหนึ่งที่จัดจำหน่ายอาหารแช่แข็งรวมทั้งเนื้อสุกรด้วย&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>อาหารแช่แข็งได้รับความนิยมมากขึ้น&nbsp;เพราะการผลิตอาหารแช่แข็งเป็นการผลิตล่วงหน้า&nbsp;ทำให้ไม่มีผลกระทบต่อราคาจำหน่ายมากนัก&nbsp;อีกทั้งตอนนี้ทางร้านก็เข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;สามารถเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับประชาชนที่ยังบริโภคเนื้อสุกร&nbsp;</p><p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ทางจังหวัดได้แก้ปัญหาเรื่องหมูแพง&nbsp;และได้รับการช่วยเหลือจากกระทรวงพาณิชย์กรมการค้าภายในจัดให้มีการจำหน่ายหมูพาณิชย์&nbsp;ก.ก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;17&nbsp;จุด&nbsp;กระจายอยู่ตามอำเภอต่างๆ&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน&nbsp;และมีการประสานกับผู้จำหน่ายเนื้อสุกรรายใหญ่&nbsp;หลังจากนี้ประมาณ&nbsp;2&nbsp;เดือน&nbsp;จะมีสุกรที่โตสามารถออกสู่ท้องตลาดได้&nbsp;ราคาก็จะปรับลดลง.</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลเพชรบูรณ์สวท.เพชรบูรณ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121173247033 โรบัสต้าสะบ้าย้อย อร่อยจากถิ่นกำเนิด ด้วยรสชาติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่าย สร้างรายได้ให้ชุมชน<p><strong>ประเทศไทยมีกาแฟสองสายพันธุ์หลัก</strong>&nbsp;ที่ได้รับความนิยมจากคอกาแฟ&nbsp;ได้แก่&nbsp;กาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าและสายพันธุ์อราบิก้า&nbsp;โดยสายพันธุ์โรบัสต้าสามารถเจริญเติบโตและให้ผลผลิตได้ดีในเขตพื้นที่ทางภาคใต้และยังมีจุดกำเนิดอยู่ที่ตำบลบ้านโหนด&nbsp;อำเภอสะบ้าย้อย&nbsp;จังหวัดสงขลา</p><p><strong>นายชนะ&nbsp;มณีอ่อน&nbsp;</strong>อายุ&nbsp;59&nbsp;ปี&nbsp;ประธานวิสาหกิจชุมชนแปรรูปกาแฟอำเภอสะบ้าย้อย&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;สมัยแรกเริ่มกาแฟโรบัสต้าได้รับความนิยมและปลูกกันอย่างแพร่หลาย&nbsp;แต่ต่อมาพื้นที่ปลูกเริ่มลดน้อยลงจนเกือบจะหายไป&nbsp;เนื่องจากมียางพาราเข้ามาเป็นพืชเศรษฐกิจทดแทน&nbsp;ทางจังหวัดสงขลา&nbsp;และสำนักงานเกษตรจังหวัด&nbsp;จึงได้เข้ามาส่งเสริมพื้นที่ปลูก&nbsp;สนับสนุนต้นพันธุ์&nbsp;รวมถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์&nbsp;เพื่อคงความเป็นอัตลักษณ์ประจำถิ่นไว้</p><p><strong>โดยในปี&nbsp;พ.ศ.2559</strong>&nbsp;จุดกำเนิดของการรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนได้รับการสนับสนุนจากอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา&nbsp;นายทรงพล&nbsp;สวาสดิ์ธรรม&nbsp;ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญของพืชเศรษฐกิจและเป็นแหล่งกำเนิดของกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า&nbsp;จึงได้เข้ามาสนับสนุนให้ตำบลบ้านโหนดเป็นพื้นที่นำร่องในการปลูกกาแฟขึ้นมาเป็นครั้งแรก&nbsp;จากนั้นในปี&nbsp;2562&nbsp;ได้มีการรวบรวมสมาชิกและจัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปกาแฟอำเภอสะบ้าย้อย&nbsp;โดยทำเป็นเครือข่ายทั้งอำเภอและมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ตำบลบ้านโหนดในการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรและสมาชิกทั้งหมด</p><p><strong>นอกเหนือจากการแปรรูปกาแฟและพัฒนาผลิตภัณฑ์แล้ว</strong>&nbsp;ทางกลุ่ม&nbsp;ฯ&nbsp;ได้ส่งเสริมการสร้างงาน&nbsp;สร้างรายได้&nbsp;ควบคู่กับการจัดตั้งกลุ่มชุมชนการท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่เข้ามามีบทบาทร่วมกับกลุ่มกาแฟโรบัสต้าสะบ้าย้อย&nbsp;เพื่อให้นักท่องเที่ยวหรือประชาชนทั่วไป&nbsp;สามารถมาเที่ยวชมธรรมชาติและสัมผัสรสชาติกาแฟโรบัสต้าแบบ&nbsp;100%&nbsp;ได้ที่นี้ทีเดียว</p><p><strong>ด้านนางเสาวณิต&nbsp;ศรีนุ่น</strong>&nbsp;ฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์วิสาหกิจชุมชนแปรรูปกาแฟสะบ้าย้อย&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;โรงน้ำชาจ่าหวินได้ต่อยอดมาจากโรงคั่วกาแฟ&nbsp;โดยจะรับผลิตภัณฑ์จากโรงคั่วกาแฟมาจำหน่ายอยู่ที่โรงน้ำชาแห่งนี้ซึ่งได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค&nbsp;ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะพื้นที่&nbsp;ตัวผลิตภัณฑ์ทำจากเมล็ดเชอรี่สีแดงทำให้รสชาติมีความเข้มข้น&nbsp;เป็นที่ถูกอกถูกใจคอกาแฟเป็นอย่างมาก&nbsp;นอกจากนี้ยังต่อยอดด้วยการทำผ้ามัดย้อมจากใบกาแฟ&nbsp;เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า&nbsp;โดยวิทยาลัยชุมชนสงขลาได้เข้ามาสนับสนุนองค์ความรู้&nbsp;ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเช่นกัน</p><p><strong>ปัจจุบันทางกลุ่มฯ&nbsp;</strong>ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ในรูปแบบกาแฟคั่วบด&nbsp;กาแฟคั่วเมล็ด&nbsp;และกาแฟดริป&nbsp;โดยจะมีทั้งคั่วอ่อน&nbsp;คั่วกลาง&nbsp;และคั่วเข้ม&nbsp;ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับคอกาแฟทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัด&nbsp;ด้วยขั้นตอนการผลิตได้มาตรฐานและใส่ใจในรายละเอียด&nbsp;ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่เพจ&nbsp;Facebook&nbsp;โรบัสต้าสะบ้าย้อย&nbsp;ต้นกำเนิดกาแฟโรบัสต้าแท้&nbsp;100%&nbsp;หรือโทร&nbsp;083-3699125</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคใต้สงขลาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121183326063 ผู้ว่าฯ อุตรดิตถ์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาเนื้อหมูหน้าฟาร์ม พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการจำหน่ายเนื้อหมูในราคายุติธรรม<p><strong>วันนี้&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;</strong>นายผล&nbsp;ดำธรรม&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์&nbsp;พร้อมด้วยนางพิสมนต์&nbsp;มงคลเทพ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดอุตรดิตถ์&nbsp;นายสัตวแพทย์&nbsp;ชัยนาท&nbsp;แสนยศ&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดอุตรดิตถ์&nbsp;และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจติดตามการจำหน่ายเนื้อหมูหน้าฟาร์ม&nbsp;ที่&nbsp;บริษัท&nbsp;ทริปเปิ้ลอาร์&nbsp;กรุ๊ป&nbsp;(2018)&nbsp;จำกัด&nbsp;ตำบลน้ำพี้&nbsp;อำเภอทองแสนขัน&nbsp;จังหวัดอุตรดิตถ์&nbsp;และร้านจำหน่ายเนื้อสัตว์&nbsp;BMP&nbsp;Fresh&nbsp;Shop&nbsp;สาขางิ้วงาม&nbsp;โดยขณะนี้ราคาเนื้อหมูที่ส่งจำหน่ายกิโลกรัมละ&nbsp;178&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนราคาในท้องตลาดจำหน่ายกิโลกรัมละ&nbsp;200&nbsp;-&nbsp;230&nbsp;บาท</p><p><strong>ปศุสัตว์จังหวัดอุตรดิตถ์&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>สำหรับการตรวจห้องเย็นทั้ง&nbsp;20&nbsp;แห่งในจังหวัดอุตรดิตถ์&nbsp;ไม่พบการสต๊อกหรือกักตุนเนื้อหมูแต่อย่างใด&nbsp;ส่วนการแก้ไขปัญหาราคาเนื้อหมูแพง&nbsp;เบื้องต้นได้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการให้จำหน่ายด้วยราคายุติธรรมไม่เอาเปรียบผู้บริโภค&nbsp;มีการระบายสินค้าอย่างเป็นธรรม&nbsp;และขอให้ช่วยตรึงราคาขายตามราคาที่รัฐบาลประกาศให้นานที่สุดซึ่งคาดว่าจะถึงสิ้นเดือนมกราคมนี้&nbsp;ซึ่งสุกรมีชีวิตในจังหวัดอุตรดิตถ์มีน้อยลงเนื่องจากการบริโภคในพื้นที่และส่งไปยังต่างจังหวัด&nbsp;แต่ขณะนี้ประชาชนเข้าใจในเรื่องราคาหมูแพง&nbsp;จึงหันไปบริโภคเนื้ออย่างอื่นมากขึ้น&nbsp;ทำให้เนื้อสุกรในพื้นที่ยังคงเพียงพอ&nbsp;ส่วนปัญหาเรื่องโรคระบาดในพื้นที่ทางจังหวัดยังควบคุมและป้องกันได้ทำให้ไม่พบเนื้อหมูติดเชื้อ</p><p><strong>ทางด้านพาณิชย์จังหวัดอุตรดิตถ์&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;จังหวัดอุตรดิตถ์ได้มีร้านค้าที่ร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ในพื้นที่&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;3&nbsp;แห่ง&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้าน&nbsp;BMP&nbsp;Fresh&nbsp;Shop&nbsp;สาขางิ้วงาม&nbsp;ร้าน&nbsp;B&nbsp;Fresh&nbsp;Farm&nbsp;ถนนสำราญรื่น&nbsp;และ&nbsp;ร้าน&nbsp;S&nbsp;K&nbsp;F&nbsp;ถนนบรมอาสน์&nbsp;ซึ่งจะมีการจำหน่ายถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;ม.ค.65&nbsp;เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนจากราคาหมูที่แพงขึ้น</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคเหนืออุตรดิตถ์สวท.อุตรดิตถ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121173645036 สัตวแพทย์ มทร.ศรีวิชัย ทุ่งใหญ่ ร่วมมือกับโรงพยาบาลปศุสัตว์จังหวัดนครศรีธรรมราช พัฒนาศักยภาพชุมชน แปรรูปผลิตภัณฑ์จากสัตว์และการตกแต่งชิ้นเนื้อ สร้างความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์<p><strong>คณะสัตวแพทยศาสตร์&nbsp;มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย&nbsp;วิทยาเขตนครศรีธรรมราช</strong>&nbsp;พื้นที่ทุ่งใหญ่&nbsp;นำโดย&nbsp;อ.สพ.ญ.กัตติเนตร&nbsp;สกุลสวัสดิพันธ์&nbsp;รองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษา&nbsp;และ&nbsp;ผศ.น.สพ.สิริศักดิ์&nbsp;ชีช้าง&nbsp;ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปศุสัตว์นครศรีธรรมราช&nbsp;ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ชุมชน&nbsp;ผ่านการจัดกิจกรรมการพัฒนาศักยภาพด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากสัตว์และการตกแต่งชิ้นเนื้อ&nbsp;ให้กับเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนอ่าวพระยาเกษตรอุตสาหกรรม&nbsp;(กลุ่มแปลงใหญ่แพะอ่าวพระยา)&nbsp;ตำบลอ่าวลึกน้อย&nbsp;อำเภออ่าวลึก&nbsp;จังหวัดกระบี่</p><p><strong>มีกิจกรรมการถ่ายทอดองค์ความรู้</strong>และการฝึกปฏิบัติด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากสัตว์&nbsp;การตกแต่งชิ้นเนื้อ&nbsp;เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับสมาชิกเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนและประชาชนทั่วไปที่สนใจ&nbsp;ในด้านการแปรรูปและการตกแต่งชิ้นเนื้อสัตว์&nbsp;เช่น&nbsp;เนื้อแพะ&nbsp;เนื้อวัว&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;และเนื้อเป็ด&nbsp;ซึ่งถือเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญที่คนส่วนใหญ่นิยมบริโภค&nbsp;อีกทั้งสามารถนำไปต่อยอดในการประกอบอาชีพด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์และการตกแต่งชิ้นเนื้อได้</p><p><strong>ด้าน&nbsp;อ.สพ.ญ.กัตติเนตร&nbsp;สกุลสวัสดิพันธ์</strong>&nbsp;รองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษา&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;การแปรรูปผลิตภัณฑ์สัตว์เป็นการทำให้เนื้อสดถูกเปลี่ยนแปลงสภาพไปจากเดิมโดยใช้&nbsp;วิธีการเพียงวิธีใดวิธีหนึ่งหรือหลาย&nbsp;ๆ&nbsp;วิธิีร่วมกัน&nbsp;เช่น&nbsp;การหั่น&nbsp;การสับละเอียด&nbsp;การใช้เครื่องปรุงแต่ง&nbsp;กลิ่นรส&nbsp;การใช้วัตถุเจือปนในอาหารการบด&nbsp;การหมัก&nbsp;การรมควัน&nbsp;การบรรจุกระป๋อง&nbsp;การทำให้สุก&nbsp;และการแช่แข็ง&nbsp;เป็นต้น&nbsp;เพื่อเปลี่ยนเนื้อให้เป็นผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน&nbsp;การแปรรูปเนื้อจึง&nbsp;ประกอบด้วยการถนอมอาหาร&nbsp;ซึ่งหมายถึงการเก็บรักษาอาหารโดยวิธิีต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ให้อาหารมีสภาพ&nbsp;ใกล้เคียงกับของสดที่สุดโดยสูญเสียคุณภาพ&nbsp;และคุณค่าทางโภชนาการน้อยที่สุด&nbsp;นอกจากนั้นยังรวมถึงการแปรรูปอาหารที่เป็นการนา&nbsp;อาหารมาผ่านกระบวนการต่างๆ&nbsp;เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะ&nbsp;ตามต้องการโดยมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคและมีความปลอดภัย&nbsp;และเพิ่มมูลค่าของเนื้อตัวอย่างเนื้อแปรรูป</p><p><strong>ผู้สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้&nbsp;</strong>ที่&nbsp;อ.สพ.ญ.กัตติเนตร&nbsp;สกุลสวัสดิพันธ์&nbsp;รองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษา&nbsp;มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย&nbsp;วิทยาเขตนครศรีธรรมราช&nbsp;พื้นที่ทุ่งใหญ่&nbsp;โทร.075-489614</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคใต้นครศรีธรรมราชสวท.นครศรีธรรมราชhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121175911048 ผู้ว่าฯ มุกดาหารนำคณะออกตรวจตลาดสดเทศบาลเมืองมุกดาหาร ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าไม่ให้เอาเปรียบผู้บริโภค<p><strong>นายเฉลิมพล&nbsp;มั่งคั่งผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร</strong>&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นางลักขณา&nbsp;บุญนำ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;นางวันวิภา&nbsp;แพงแก้ว&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;อาทิ&nbsp;สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;กอ.รมน.จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;สคบ.จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;เทศบาลเมืองมุกดาหาร&nbsp;และคณะสื่อมวลชน&nbsp;ออกตรวจตลาดเทศบาล&nbsp;2&nbsp;ซึ่งเป็นตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดของเทศบาลเมืองมุกดาหาร&nbsp;และ&nbsp;ศูนย์จำหน่ายขายส่งสินค้าอุปโภคและบริโภคแม็คโคร</p><p><strong>เพื่อติดตามสถานการณ์และตรวจสอบภาวะราคาสินค้าอุปโภค</strong>&nbsp;บริโภค&nbsp;ที่อาจส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน&nbsp;ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า&nbsp;2019&nbsp;(COVID-19)&nbsp;และข้อสั่งการของ&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด&nbsp;ในฐานะประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการในระดับจังหวัด&nbsp;ทำหน้าที่กำกับดูแล&nbsp;และติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด&nbsp;โดยเฉพาะสินค้าบริโภค&nbsp;6&nbsp;รายการ&nbsp;คือ&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;เนื้อวัว&nbsp;เป็ด&nbsp;ปลา&nbsp;และมะละกอ&nbsp;เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีความเคลื่อนไหวด้านราคา&nbsp;และมีข่าวเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาอย่างต่อเนื่องและส่งผลกระทบกับความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;</p><p><strong>โดยผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร</strong>&nbsp;ได้ทำความเข้าใจกับพ่อค้า-แม่ค้า&nbsp;ในตลาดเกี่ยวกับการค้าขายสินค้า&nbsp;ขอให้มีการค้าขายในราคาตามความเป็นจริง&nbsp;ไม่ให้มีการกักตุนสินค้า&nbsp;หรือฉกฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า&nbsp;โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพในราคาที่ไม่เป็นธรรม&nbsp;หรือจำหน่ายสินค้าในราคาสูงเกินสมควร</p><p><strong>พร้อมนี้&nbsp;ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการ</strong>ปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด&nbsp;และให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;ประชาสัมพันธ์ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาสสินค้า&nbsp;และมอบหน่วยงานสังกัดกรมการค้าภายในได้มีการตรวจสอบการใช้ตาชั่ง&nbsp;เพื่อป้องกันไม่ให้มีการดัดแปลงแก้ไขเครื่องชั่ง&nbsp;หรือโกงตาชั่ง&nbsp;เพื่อเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค&nbsp;และฝากถึงประชาชนหากพบเห็นการจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม&nbsp;จำหน่ายสินค้าในราคาสูงเกินสมควร&nbsp;ร้องเรียนได้ที่สำนักงานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการจังหวัดมุกดาหาร&nbsp;โทร&nbsp;042&nbsp;633374-5&nbsp;หรือศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสายด่วน&nbsp;1569&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;หรือที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;โทร.0-42&nbsp;611575</p><p>&nbsp;</p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมุกดาหารสวท.มุกดาหารhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121184213069 คลัง เตรียมเรียก คปภ. หารือ หลังผู้เอาประกันภัยร้องเรียนยังไม่ได้รับเงินชดเชย จากกรณีบริษัท เอเชียประกันภัย ถูกสั่งปิดกิจการ<p><strong>นายชื่นชอบ&nbsp;คงอุดม&nbsp;ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง</strong>&nbsp;กล่าวภายหลังรับหนังสือร้องเรียนจากตัวแทนกลุ่มผู้เอาประกันภัย&nbsp;ของ&nbsp;บริษัท&nbsp;เอเชียประกันภัย&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)&nbsp;ว่า&nbsp;ในสัปดาห์หน้ากระทรวงการคลังจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;รวมทั้ง&nbsp;คปภ.&nbsp;มาหารือร่วมกันเพื่อขอความชัดเจนและทางออกให้กับผู้เสียหายจากการเคลมค่าสินไหม&nbsp;กับบริษัท&nbsp;เอเชีย&nbsp;ประกันภัย&nbsp;ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทน&nbsp;โดยจะต้องได้รับความชัดเจนในการจ่ายเงินให้กับผู้เอาประกันภัย&nbsp;ภายใน&nbsp;1&nbsp;เดือนหลังจากนี้&nbsp;</p><p><strong>จากการพูดคุยกับกลุ่มผู้เสียหาย&nbsp;พบว่าเรื่องนี้ไม่ได้ซับซ้อน</strong>&nbsp;เพียงแต่ขณะนี้ผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบได้&nbsp;นอกจากนี้ยังพบว่า&nbsp;ผู้เสียหายได้รวมกลุ่มกันประมาณ&nbsp;&nbsp;4&nbsp;พันกว่าราย&nbsp;มีจำนวนกรมธรรม์ประมาณ&nbsp;1&nbsp;แสนฉบับ&nbsp;ทั้งประกันภัยโควิดแบบเจอ&nbsp;จ่าย&nbsp;จบ&nbsp;รวมทั้งประกันภัยรถยนต์&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;แม้บริษัทเอเชีย&nbsp;ประกันภัย&nbsp;จะปิดตัวลงแล้ว&nbsp;แต่ยังมีเงินจากกองทุนประกันวินาศภัย&nbsp;ที่จะต้องนำมาจ่ายชดเชยให้ผู้เอาประกันต่อ&nbsp;พร้อมย้ำว่ากระทรวงการคลังไม่ได้นิ่งนอนใจและได้มีการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อเนื่อง</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>21/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121192031111 อุทยานแห่งชาติตาดหมอก ทบทวนและฝึกซ้อม หลักสูตรงานกู้ชีพกู้ภัยในอุทยานแห่งชาติ เพื่อเพิ่มทักษะและความชำนาญ พร้อมช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุ<p><strong>นายธงไชย&nbsp;ราชบัวขาว&nbsp;หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตาดหมอก</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;อุทยานแห่งชาติตาดหมอก&nbsp;ได้จัดฝึกทบทวนหลักสูตรกู้ชีพกู้ภัยในอุทยานแห่งชาติ&nbsp;ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานกู้ชีพกู้ภัย&nbsp;โดยมีนายสิทธิยา&nbsp;หลำเพชร&nbsp;หัวหน้าศูนย์กู้ภัยอุทยานแห่งชาติที่&nbsp;2&nbsp;พิษณุโลก&nbsp;และคณะ&nbsp;เป็นผู้ฝึกอบรม&nbsp;โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวันที่&nbsp;19&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;อุทยานแห่งชาติตาดหมอก&nbsp;ต.นาป่า&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.เพชรบูรณ์&nbsp;</p><p><strong>โดยการเข้ารับการฝึกอบรมของบุคลากรครั้งนี้</strong>&nbsp;เพื่อเป็นการทบทวนการช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น&nbsp;อาทิ&nbsp;ฝึกการฟื้นคืนชีพพื้นฐาน&nbsp;(CPR)&nbsp;การใช้เครื่องกระตุ้นคลื่นหัวใจไฟฟ้า&nbsp;(AED)&nbsp;เงื่อนเชือก&nbsp;รวมทั้งฝึกยกเคลื่อนย้ายผู้ป่วย/ผู้บาดเจ็บ&nbsp;ส่งสถานพยาบาล&nbsp;และฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุ&nbsp;เพื่อเพิ่มศักยภาพในภารกิจกู้ชีพกู้ภัยในอุทยานแห่งชาติให้ได้มาตรฐานสากล&nbsp;เพื่อนำไปช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ที่เจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติงาน&nbsp;หรือจากการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ&nbsp;ตามระบบของการแพทย์ฉุกเฉินอย่างถูกวิธี&nbsp;และสามารถเชื่อมโยงกับหน่วยบริการในระดับสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม&nbsp;และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ&nbsp;สัตว์ป่า&nbsp;และพันธุ์พืช</p><p>&nbsp;</p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลเพชรบูรณ์สวท.เพชรบูรณ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121190337097 จังหวัดบึงกาฬ คุมเข้มการขายสินค้าบริโภคที่สำคัญและตรวจติดตามโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชน<p><strong>วันที่&nbsp;21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;10.00&nbsp;พาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ</strong>&nbsp;ร่วม&nbsp;กับปศุสัตว์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบึงกาฬ&nbsp;สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดบึงกาฬ&nbsp;ตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ&nbsp;ฝ่ายปกครอง&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบสินค้าบริโภคที่สำคัญ&nbsp;(เนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;เนื้อวัว&nbsp;เป็ด&nbsp;ปลา&nbsp;และมะละกอ)&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดนัดไทย-ลาว&nbsp;เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีความเคลื่อนไหวด้านราคา&nbsp;และมีข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาออกมาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;จับตาสินค้าในกลุ่มนี้และให้ความสำคัญ&nbsp;จากการตรวจสอบพบว่า&nbsp;ปริมาณสินค้าทั้ง&nbsp;6&nbsp;รายการยังมีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;โดย&nbsp;ราคามะละกอ&nbsp;อยู่ที่กก.ละ&nbsp;20-25&nbsp;ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว&nbsp;10-15&nbsp;บาท&nbsp;ปลากนิล&nbsp;ปลาทับทิม&nbsp;กก.ละ&nbsp;85&nbsp;บาท&nbsp;อกไก่&nbsp;กก.ละ&nbsp;70-75&nbsp;บาท&nbsp;ไข่ไก่เบอร์&nbsp;3&nbsp;แผงละ&nbsp;90-108&nbsp;บาท&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;กก.ละ&nbsp;185-220&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนสินค้าอื่นยังทรงตัวปกติ&nbsp;ไม่พบการจำหน่ายสินค้าแพงเกินสมควร</p><p><strong>จากนั้น&nbsp;ไปตรวจสอบสต๊อกหมูยังห้างแม็คโคร</strong>&nbsp;สาขาบึงกาฬ&nbsp;ร้านจำหน่ายเนื้อหมูสด&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;จังหวัดบึงกาฬมีการนำเข้าเนื้อหมูชำแหละอยู่ที่&nbsp;6-7&nbsp;ตันต่อวัน&nbsp;หมูเป็นตัวละ&nbsp;100&nbsp;กก.&nbsp;ขึ้นไป&nbsp;ประมาณ&nbsp;50&nbsp;ตัว&nbsp;รวมแล้วปริมาณการบริโภคเนื้อหมูในจังหวัดบึงกาฬ&nbsp;อยู่ที่ประมาณวันละ&nbsp;12,000&nbsp;กก.&nbsp;ซึ่งจังหวัดบึงกาฬมีฟาร์มเลี้ยงหมูที่เลี้ยงเกิน&nbsp;500&nbsp;ขึ้นไปจำนวน&nbsp;8&nbsp;ราย&nbsp;มีหมูอยู่ที่ประมาณ&nbsp;3,500&nbsp;ตัว&nbsp;โดยหมูชำแหละส่วนใหญ่นำเข้ามาจากโรงฆ่าสัตว์ในพื้นที่&nbsp;จ.หนองคาย</p><p><strong>นางสาวเอื้อนจิตร&nbsp;ช่วยนก&nbsp;พาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;การตรวจตลาดในครั้งนี้&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ&nbsp;(นายสนิท&nbsp;ขาวสอาด)&nbsp;ในฐานะประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;จังหวัดบึงกาฬกำชับให้คณะกรรมการทำหน้าที่กำกับดูแล&nbsp;และติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด&nbsp;เป็นการตรวจสอบราคาสินค้าในช่วงที่มีการปรับขึ้นราคา&nbsp;เพื่อลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;รวมทั้งเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วน&nbsp;ช่วยให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้้อหมู&nbsp;สินค้าที่มีราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;และป้องปรามการกักตุนสินค้า&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;ในส่วนของสต๊อกเนื้อหมูในช่วงนี้ต้องเป็นไปตามที่กำหนดอย่างเคร่งครัด&nbsp;หากตรวจพบว่าไม่มีการแจ้งปริมาณสต๊อกที่ชัดเจน&nbsp;จะมีโทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;1&nbsp;ปี&nbsp;ปรับไม่เกิน&nbsp;20,000&nbsp;บาท&nbsp;และปรับอีกวันละ&nbsp;2,000&nbsp;บาท&nbsp;ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะมีการแจ้ง&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ&nbsp;และหากพบเห็นว่ามีการกักตุนสินค้า&nbsp;จะมีโทษตามมาตรา&nbsp;29&nbsp;แห่ง&nbsp;พ.ร.บ.&nbsp;ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ซึ่งมีโทษจำคุก&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับ&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำและปรับ&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;หากประชาชนพบเห็นการกักตุนหรือจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;หรือสายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบึงกาฬสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบึงกาฬhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121184313070 ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ปล่อยแถวตรวจตราตามมาตรการป้องกันการกักตุนและควบคุมราคาสินค้าและบริการ จังหวัดลพบุรี<p><strong>วันที่&nbsp;21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</strong>นายนิวัฒน์&nbsp;รุ่งสาคร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีพร้อมด้วย&nbsp;ปลัดจังหวัดลพบุรี&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลพบุรี&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดลพบุรี&nbsp;ผู้แทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี&nbsp;ร่วมปล่อยแถวตามโครงการตรวจตราตามมาตรการป้องกันการกักตุนและควบคุมราคาสินค้าและบริการ&nbsp;จังหวัดลพบุรีและลงพื้นที่&nbsp;บูรณาการตรวจสอบราคาสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;เช่น&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ที่ห้างแมคโคร&nbsp;สาขาลพบุรี&nbsp;เพื่อให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.2542&nbsp;และตรวจเยี่ยมโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;และเข้าตรวจสอบบริษัท&nbsp;ชลสิทธิ์โฟรเซ่นฟู้ดส์&nbsp;จำกัด&nbsp;ถึงการครอบครองสุกรชำแหละให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ฉบับที่&nbsp;2&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;เรื่อง&nbsp;การแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;พร้อมนี้&nbsp;ได้กำชับให้ผู้ประกอบการได้ปฏิบัติ&nbsp;ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด&nbsp;จากสถานการแพร่ระบาดโรคอหิวาในสุกร&nbsp;ส่งผลต่อปริมาณและระดับราคาที่สูงขึ้น&nbsp;ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคโดยตรง&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว&nbsp;รัฐบาล&nbsp;มอบหมาย&nbsp;มท&nbsp;พาณิชย์&nbsp;ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บูรการเข้าไปแก้ไขปัญหาเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาปัญหา&nbsp;ดูแลสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาที่เป็นธรรมตลอดจนเพื่อยกระดับในเรื่องความปลอดภัยและป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าในช่วงนี้&nbsp;จังหวัดลพบุรีจึงได้บูรณาการสนธิกำลังออกตรวจสอบสถานที่จำหน่าย&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;สถานที่เลี้ยง&nbsp;ให้ดำเนินการตามมาตรการของทางราชการอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการโรคระบาด&nbsp;ป้องกันการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค&nbsp;หากพบมีการฝ่าฝืนโดยจะดำเนินการกับผู้กระทำผิดอย่างเฉียบขาด&nbsp;ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการได้ช่วยเหลือผู้บริโภคในช่วงนี้จำหน่ายในราคาที่เป็นธรรมอย่าได้ฉวยโอกาสกักตุนเพื่อหวังผลทางด้านการตลาดหรือราคา&nbsp;ที่สูงกว่าราคาปกติควบคุม&nbsp;ขอความร่วมมือประชาชนหากพบการกระทำผิดแจ้ง&nbsp;1569</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลลพบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121190353098 ผู้ว่าฯ สตูล ลงพื้นที่ บริษัท ฟาร์มชูสินเตือนใจ 99 จำกัด ตำบลทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล เพื่อเยี่ยมเยือนให้กำลังใจผู้ประกอบการ พร้อมทั้งติดตามราคาไข่ไก่ ในช่วงสถานการณ์ค่าครองชีพสูง พบว่าราคาไข่ไก่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน<p><strong>วันที่&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;</strong>นายเอกรัฐ&nbsp;หลีเส็น&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นาวาตรีหญิง&nbsp;โนสมา&nbsp;หลีเส็น&nbsp;นายกเหล่าาชาดจังหวัดสตูล&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ลงพื้นที่บริษัท&nbsp;ฟาร์มชูสินเตือนใจ&nbsp;99&nbsp;จำกัด&nbsp;หมู่ที่&nbsp;10&nbsp;ตำบลทุ่งนุ้ย&nbsp;อำเภอควนกาหลง&nbsp;จังหวัดสตูล&nbsp;เพื่อเยี่ยมเยือนให้กำลังใจผู้ประกอบการ&nbsp;พร้อมทั้งติดตามราคาไข่ไก่&nbsp;ในช่วงสถานการณ์ค่าครองชีพสูงด้วย</p><p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;การลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ของราคาไข่ไก่&nbsp;ของฟาร์มชูสิน&nbsp;ซึ่งพบว่าทางฟาร์มฯ&nbsp;ได้จำหน่ายในราคาตามเกณฑ์มาตรฐานอยู่ในราคาที่เหมาะสม&nbsp;ไม่มีการเอาเปรียบผู้บริโภค&nbsp;ในส่วนการกักตุนสินค้าในพื้นที่จังหวัดสตูลไม่มี&nbsp;พร้อมกันนี้&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล&nbsp;ได้เน้นย้ำหน่วยงานที่กำกับดูแลชายแดน&nbsp;ให้มีการเข้มงวดมากขึ้น&nbsp;ในช่วงที่สินค้าอุปโภค&nbsp;บริโภค&nbsp;มีราคาที่สูงขึ้น&nbsp;เช่น&nbsp;เนื้อวัว&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;พืชผักต่างๆ&nbsp;ในขณะนี้&nbsp;ยืนยันว่าไม่มีการลักลอบขนส่งสินค้าเหล่านี้เข้ามาในพื้นที่ของจังหวัดสตูลแน่นอน</p><p><strong>ด้านนายศิวกร&nbsp;โคนันท์&nbsp;เจ้าของฟาร์มชูสิน&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ทาง&nbsp;บริษัท&nbsp;ฟาร์มชูสินเตือนใจ&nbsp;99&nbsp;จำกัด&nbsp;เป็นฟาร์มขณะใหญ่&nbsp;ซึ่งเลี้ยงไก่ไข่ประมาณ&nbsp;250,000&nbsp;ตัว&nbsp;ด้วยการบริหารจัดการแบบครบวงจร&nbsp;และใช้เทคโนโลยีการเลี้ยงระบบปิด&nbsp;สามารถผลิตไข่ได้วันละประมาณ&nbsp;200,000-300,00&nbsp;ฟอง&nbsp;ขณะนี้ราคาจำหน่ายไข่ไก่(เบอร์&nbsp;3)&nbsp;ของฟาร์มชูสิน&nbsp;ราคาปลีก&nbsp;3.40&nbsp;บาท/ฟอง&nbsp;ราคาส่ง&nbsp;3.20&nbsp;บาท/&nbsp;ฟอง&nbsp;และการจำหน่ายไข่ไก่ในราคานี้&nbsp;ถูกควบคุมโดยสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้&nbsp;ทางฟาร์มฯ&nbsp;ไม่สามารถขึ้นราคาเองได้&nbsp;หากต้องการจะขึ้นราคาต้องขออนุญาตจากกรมการค้าภายในท่านั้น</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคใต้สตูลสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูลhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121184850078 ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำทีมลงพื้นที่ลุยตรวจสอบสต๊อกห้องเย็นเก็บเนื้อสุกรชำแหละเฝ้าระวังหวั่นผู้ประกอบการกักตุนสินค้า เบื้องต้น ไม่พบการกักตุนสินค้าแต่อย่างใด ระบุหากพบมีการประทำผิดกฎหมายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท<p><strong>ที่ศูนย์สต๊อกห้องเย็นเก็บเนื้อสุกรชำแหละของบริษัทเบทาโกร</strong>&nbsp;ตั้งอยู่ที่บริเวณถนนกาญจนวิถี&nbsp;ต.บางกุ้ง&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.สุราษฎร์ธานี&nbsp;นายวิชวุทย์&nbsp;จินโต&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;เกษตรและสหกรณ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;และ&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;ได้ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบสต็อกสินค้าเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;เนื้อไก่สด&nbsp;ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการฉบับที่&nbsp;2&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;เรื่อง&nbsp;การแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และ&nbsp;จัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ณ&nbsp;วันที่&nbsp;5&nbsp;มกราคม&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;และ&nbsp;ตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์&nbsp;พ.ศ.2497&nbsp;โดยมี&nbsp;นายณภัทร&nbsp;ชูสุดรักษ์&nbsp;ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่และเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ</p><p><strong>สำหรับศูนย์&nbsp;สต๊อกห้องเย็นเก็บเนื้อสุกรชำแหละของบริษัทเบทาโกร</strong>&nbsp;ที่ทางคณะ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;เข้าตรวจสอบในครั้งนี้พบว่าเป็นศูนย์หลักของ&nbsp;6&nbsp;จังหวัดภาคใต้ตอนบน&nbsp;คือ&nbsp;ชุมพร&nbsp;ระนอง&nbsp;สุราษฎร์ธานี&nbsp;กระบี่&nbsp;พังงา&nbsp;ภูเก็ต&nbsp;และ&nbsp;&nbsp;อ.ทุ่งสง&nbsp;จ.&nbsp;นครศรีธรรมราชการ&nbsp;รวมทั้งหมด&nbsp;9&nbsp;จุดบริการ&nbsp;21&nbsp;สาขา&nbsp;มีการสต๊อกเนื้อสุกรชำแหละทั้งหมด&nbsp;200&nbsp;ตัน&nbsp;หรือ&nbsp;200,000&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;และ&nbsp;จาการตรวจสอบวันนี้พบว่าที่ศูนย์กระจายสินค้าสุราษฎร์ธานี&nbsp;ณ&nbsp;วันที่&nbsp;21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;มีเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;และ&nbsp;ชิ้นส่วนต่าง&nbsp;ๆรวมทั้งสิ้น&nbsp;17,288&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;หรือ&nbsp;17&nbsp;ตันเศษ&nbsp;ซึ่งทุกวันจันทร์ทางบริษัทจะต้องแจ้งจำนวนสินค้า&nbsp;&nbsp;ที่มีในสต๊อกทั้งหมด&nbsp;ไปยังสำนักงานพานิชจังหวัด&nbsp;ส่วนการขนย้ายทุกครั้งนั้นต้องแจ้งให้สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดทราบก่อนทุกครั้ง</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;จากการสอบถามทราบว่า</strong>&nbsp;การเลี้ยงสุกรของบริษัทเบทาโกร&nbsp;จะดำเนินการในระบบฟาร์มปิดทั้งหมด&nbsp;และใช้ลักษณะการจ้างเกษตรกรเลี้ยง&nbsp;โดยเฉลี่ยค่าจ้างตกตัวละประมาณ&nbsp;600&nbsp;บาท&nbsp;โดยใน&nbsp;1&nbsp;เหล้าที่จ้างเลี้ยงนั้นเกษตรกรจะมีสุกรอยู่ประมาณ&nbsp;750-1,000&nbsp;ตัว&nbsp;แต่เกษตรกรที่รับจ้างเลี้ยงจะต้องมีเหล้าสุกรเป็นของตัวเอง&nbsp;</p><p><strong>&nbsp;นายวิชวุทย์&nbsp;จินโต&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;การตรวจครั้งนี้เพื่อติดตามสถานการณ์โรคระบาดสุกร&nbsp;การเคลื่อนย้ายสัตว์&nbsp;และ&nbsp;การสต๊อกสินค้า&nbsp;จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า&nbsp;ไม่พบสิ่งผิดปกติ&nbsp;ไม่มีการกักตุนเนื้อหมู&nbsp;ซึ่งการตรวจสอบของทางจังหวัดนั้นจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามนโยบายของรัฐบาล&nbsp;และ&nbsp;กระทรวงมหาดไทยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;จึงต้องขอย้ำขอความร่วมมือผู้ประกอบการว่าอย่าได้ฉวยโอกาสขึ้นราคาหมู&nbsp;เพราะจะเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน&nbsp;หากพบว่าผู้ประกอบการรายใดมีการกักตุนหวังผลให้ราคาสูงขึ้น&nbsp;ถือว่าผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์&nbsp;พ.ศ.2597&nbsp;จะต้องถูกดำเนินการอย่างเด็ดขาด&nbsp;พร้อมทั้งนี้&nbsp;ได้&nbsp;แจ้งเตือนให้ผู้ประกอบการห้ามกักตุนสินค้า&nbsp;ขอให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.2542&nbsp;มาตรา&nbsp;30&nbsp;หากฝ่าฝืนอัตราโทษ&nbsp;จำคุกไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;หรือปรับไม่เกิน&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งจำปรับ&nbsp;ตามมาตรา&nbsp;41</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121185524087 พาณิชย์จังหวัดบึงกาฬตรวจเข้มราคาหมูและสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญ ป้องกันการกักตุนสินค้า และเตรียมขยายจุดจำหน่ายหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน<p><strong>วันที่&nbsp;21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;13.00&nbsp;น.&nbsp;</strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;ร่วมกับปศุสัตว์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบึงกาฬ&nbsp;ตำรวจ&nbsp;สภ.เมืองบึงกาฬ&nbsp;สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ&nbsp;และฝ่ายปกครองอำเภอเมืองบึงกาฬ&nbsp;ออกตรวจสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์&nbsp;และไข่สด&nbsp;เพื่อตรวจติดตามราคาจำหน่ายสินค้าด้านปศุสัตว์&nbsp;และตรวจสอบปริมาณการกักตุนเนื้อสัตว์ในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬเพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า&nbsp;รวมถึงการติดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน&nbsp;และการจำหน่ายสินค้าเกินราคา&nbsp;ซึ่งจะซ้ำเติมประชาชนในภาวะที่สินค้าปรับตัวขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;โดยลงพื้นที่ตรวจสอบสินค้าและราคา&nbsp;ที่ห้างสรรพสินค้าแม็คโคร&nbsp;สาขาบึงกาฬ&nbsp;และตลาดสดเทศบาลเมืองบึงกาฬ&nbsp;ซึ่งหลังจากการตรวจสอบ&nbsp;ยังไม่พบการกระทำผิดใดๆ&nbsp;ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี</p><p><strong>โดยนางสาวเอื้อนจิตร&nbsp;ช่วยนก</strong>&nbsp;พาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;การลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อตรวจสอบราคาสินค้าที่ให้บริการรวมทั้งการกักตุนสินค้า&nbsp;ป้องกันการจำหน่ายสินค้าเกินราคา&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;ได้ร่วมกับผู้ประกอบการเขียงหมู&nbsp;เปิดจำหน่ายหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ราคาถูก&nbsp;150&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านเขียงหมูเจ๊กบ&nbsp;ร้านเขียงหมูเจ๊เหล๋ย&nbsp;ในตลาดสดเทศบาลเมืองบึงกาฬ&nbsp;โดยกำหนดขายจุดละ&nbsp;40&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;และตั้งแต่วันที่&nbsp;23-31&nbsp;ม.ค.นี้&nbsp;จะเพิ่มการจำหน่าย&nbsp;หมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ราคาถูก&nbsp;150&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;อีกจำนวน&nbsp;5&nbsp;จุด&nbsp;ในอำเภอเมืองบึงกาฬ&nbsp;ที่ตำบลนาสวรรค์&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;ที่เขียงงหมู&nbsp;ป.เฟรชฮับ&nbsp;สาขา&nbsp;1&nbsp;ช้อปหมูนาสวรรค์&nbsp;และตำบลชัยพร&nbsp;ที่ตลาดสดชัยพร&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;เขียงหมูเบทาโกร&nbsp;เขียงหมูวีระ&nbsp;หมูสด&nbsp;เขียงหมูอธิกา&nbsp;หมูสด&nbsp;เขียงหมูแม่ยอด&nbsp;คาดว่าจะมีประชาชนให้ความสนใจมาซื้อหมูในโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;กันมากขึ้น&nbsp;เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายลดค่าครองชีพให้กับประชาชน</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบึงกาฬสวท.บึงกาฬhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121190940104 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เดินหน้าจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยว ยกระดับเทรนด์อาหารสุขภาพ <p><strong>นายยุทธศักดิ์&nbsp;สุภสร&nbsp;ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;(ททท.)&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ททท.&nbsp;ได้จัดงาน&nbsp;"มากินกัญ"&nbsp;ภายใต้โครงการ&nbsp;Gastronomy&nbsp;Amazing&nbsp;ยิ่งกว่าเดิม&nbsp;เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย&nbsp;และช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19&nbsp;โดยใช้เทรนด์กัญชา-กัญชง&nbsp;ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรที่ได้รับอนุญาตตามข้อบัญญัติของกฎหมาย&nbsp;มานำเสนอในรูปแบบเมนูของคนรักสุขภาพ&nbsp;ผลิตภัณฑ์&nbsp;Health&nbsp;&amp;&nbsp;Wellness&nbsp;และการท่องเที่ยวเส้นทางผลิตภัณฑ์กัญชา-กัญชง&nbsp;รวมถึงพืชผักสมุนไพรท้องถิ่นที่มีความเชื่อมโยงกับชุมชน&nbsp;สะท้อนวิถีชีวิตและภูมิปัญญาไทย&nbsp;สอดคล้องกับแนวคิด&nbsp;BCG&nbsp;Economy&nbsp;Model&nbsp;เป็นการผลักดันและยกระดับสินค้าการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้มีคุณภาพเทียบเท่าระดับมาตรฐานนานาชาติ&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังมีบริการส่งอาหาร&nbsp;50&nbsp;เมนูเด็ด&nbsp;จาก&nbsp;40&nbsp;ร้านอาหารดังภายในงาน</strong>&nbsp;ผ่านแฟลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่&nbsp;การแสดงดนตรีเปิดหมวก&nbsp;และกิจกรรมบนเวทีที่น่าสนใจอีกเป็นจำนวนมาก&nbsp;ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;21-23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;15.00&nbsp;น.-21.00&nbsp;น.&nbsp;ณ&nbsp;อุทยาน&nbsp;100&nbsp;ปี&nbsp;ถนนบรรทัดทอง&nbsp;เขตปทุมวัน&nbsp;กรุงเทพฯ&nbsp;ในรูปแบบ&nbsp;Covid&nbsp;Free-Setting&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;โดยสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่วงหน้าได้ทางแอปพลิเคชั่น&nbsp;QueQ</p><p><br></p><p><br></p>21/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121195001136 เริ่มแล้ว!! งานมหกรรมท่องเที่ยววิถีชุมชน และผลิตภัณฑ์ OTOP ของดีเมืองหละปูน ครั้งที่ 2 "เติมเต็มความสุข ต่อวิถีชุมชนให้ยั่งยืน ท่องเที่ยววิถีใหม่ แบบ New Normal"<p><strong>วันที่&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ณ&nbsp;สวนเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;80&nbsp;พรรษา&nbsp;</strong>ตำบลเวียงยอง&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;นายวรยุทธ&nbsp;เนาวรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน&nbsp;เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมท่องเที่ยววิถีชุมชนและผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;ของดีเมืองหละปูน&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2&nbsp;"&nbsp;เติมเต็มความสุข&nbsp;ต่อวิถีชุมชนให้ยั่งยืน&nbsp;ท่องเที่ยววิถีใหม่&nbsp;แบบ&nbsp;New&nbsp;Normal"&nbsp;ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่&nbsp;21-25&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;โดยมี&nbsp;นางปนัดดา&nbsp;เนาวรัตน์&nbsp;นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลำพูน&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน&nbsp;ปลัดจังหวัดลำพูน&nbsp;นางบำเพ็ญ&nbsp;เมืองมูล&nbsp;พัฒนาการจังหวัดลำพูน&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงาน</p><p><strong>นางบำเพ็ญ&nbsp;เมืองมูล&nbsp;พัฒนาการจังหวัดลำพูน&nbsp;เผยว่า</strong>&nbsp;สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดลำพูน&nbsp;ร่วมบูรณาการทุกภาคส่วนจัด&nbsp;"มหกรรมท่องเที่ยววิถีชุมชนและผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;ของดีเมืองหละปูน"&nbsp;ท่องเที่ยววิถีไทย&nbsp;กับเส้นทางใหม่เชิงวัฒนธรรม&nbsp;วิถีชีวิต&nbsp;และธรรมชาติกับ&nbsp;8&nbsp;หมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชน&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;เพื่อส่งเสริมการขายเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายให้กับผู้ผลิตและผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ชุมชน&nbsp;ในหมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชนจังหวัดลำพูน&nbsp;นำเสนอและทดลองผลิตภัณฑ์/การบริการของหมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชนจังหวัดลำพูน&nbsp;ก่อให้เกิด&nbsp;การสร้างโอกาสเพิ่มช่องทางการตลาด&nbsp;ส่งเสริมรายได้ให้กับผู้ประกอบการในช่วงสถานการณ์ปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด&nbsp;ภายในงานพบกับการจำลองหมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชน&nbsp;8&nbsp;อำเภอ&nbsp;เรียนรู้วิถีชีวิต&nbsp;ภูมิปัญญาและหัตถกรรม&nbsp;บูธจำหน่ายผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;ของดี&nbsp;จังหวัดลำพูนกว่า&nbsp;30&nbsp;ราย&nbsp;กาดหมั้วอาหารพื้นถิ่นกว่า&nbsp;20&nbsp;บูธ&nbsp;การแสดงศิลปะวัฒนธรรมพื้นถิ่นล้านนาของจังหวัดลำพูน&nbsp;การสาธิตการทำอาหารชุมชน&nbsp;ภายในงานสามารถเลือก&nbsp;ช้อปผลิตภัณฑ์สินค้าเด่น&nbsp;OTOP&nbsp;จังหวัดลำพูนเป็นของขวัญส่งความสุขในเทศกาลปีใหม่&nbsp;2565&nbsp;กิจกรรมส่งเสริมการขาย&nbsp;และกิจกรรมอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;อีกมากมาย&nbsp;โดยการจัดกิจกรรม&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;21&nbsp;-&nbsp;25&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;80&nbsp;พรรษา&nbsp;ตำบลเวียงยอง&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดลำพูน</p><p>&nbsp;<strong>สำหรับผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมให้สแกน&nbsp;QR&nbsp;CODE&nbsp;</strong>เพื่อลงทะเบียนล่วงหน้า&nbsp;พร้อมระบุวันและช่วงเวลาทำการจองเข้าร่วมกิจกรรม&nbsp;หลังจากที่ท่านลงทะเบียนสำเร็จ&nbsp;ทางทีมงานจะยืนยันการลงทะเบียนพร้อมรหัสใช้งานตอบกลับภายใน&nbsp;24&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;ผู้เข้าร่วมงานจะต้องลงทะเบียน&nbsp;"ไทยชนะ"&nbsp;ทุกครั้ง&nbsp;ผ่านจุดคัดกรองด้านหน้าทางเข้างาน&nbsp;ตรวจวัดอุณหภูมิ&nbsp;เน้นย้ำเว้นระยะห่าง&nbsp;และสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา&nbsp;ภายในงานแต่ละโชนจะมีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไว้บริการภายใต้มาตรการควบคุมโรค&nbsp;และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เข้าร่วมงาน&nbsp;เชิญชวนท่องเที่ยววิถีชุมชน&nbsp;ส่งเสริมรายได้ให้กับผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ของดีเมืองหละปูน&nbsp;แบบวิถีใหม่&nbsp;New&nbsp;Normal&nbsp;&nbsp;ติดตามละเอียดเพิ่มเติมหรือความเคลื่อนไหวได้ที่&nbsp;เพจ&nbsp;:&nbsp;มหกรรมท่องเที่ยววิถีชุมชน&nbsp;ผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;ของดีเมืองหละปูน&nbsp;OTOP</p><p><strong>ด้าน&nbsp;นายวรยุทธ&nbsp;เนาวรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน&nbsp;เผยว่า</strong>&nbsp;จังหวัดลำพูนเป็นเมืองขนาดเล็กที่สุดในภาคเหนือ&nbsp;ที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่&nbsp;ประชากรมีหลายเชื้อชาติและหลายภาษา&nbsp;มีวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์&nbsp;โดดเด่นแตกต่างกัน&nbsp;ในการพัฒนาการท่องเที่ยว&nbsp;จึงมุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม&nbsp;วิถีชีวิตความเป็นอยู่ในหมู่บ้านชุมชนและการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ&nbsp;เพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวจากจังหวัดใกล้เคียงและกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน&nbsp;1&nbsp;ปัจจุบันการท่องเที่ยวของจังหวัดลำพูน&nbsp;ได้รับโอกาสและความนิยมจากนักท่องเที่ยว&nbsp;ทั้งภายในจังหวัดและต่างจังหวัดมากขึ้น&nbsp;ซึ่งในการจัดงานครั้งนี้&nbsp;ได้นำจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชนทั้ง&nbsp;8&nbsp;อำเภอของจังหวัดลำพูน&nbsp;มาจำลองวิถีชีวิตภายในบริเวณงาน&nbsp;เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของหมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชน&nbsp;อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการขาย&nbsp;เพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;ให้มีรายได้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;หวังว่าในการจัดงานครั้งนี้&nbsp;จะเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์หมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชนให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย&nbsp;ผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;มีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์&nbsp;เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคที่ได้เข้ามาเยี่ยมชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ภายในงานในครั้งนี้</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคเหนือลำพูนสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122010226199 นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น นำคณะลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ค้า และติดตามสภาวะการค้าขายที่ตลาดเขียว ริมบึงแก่นนคร<p><strong>เวลา&nbsp;17.00&nbsp;น.วันที่&nbsp;21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</strong>ที่ตลาดเขียว&nbsp;ริมบึงแก่นนคร&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดขอนแก่น&nbsp;นายธีระศักดิ์&nbsp;ฑีฆายุพันธุ์&nbsp;นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น&nbsp;พร้อมด้วยนายมนตรี&nbsp;สิงหปุณณภัทร&nbsp;รองนายกเทศมนตรี&nbsp;และคณะผู้บริหาร&nbsp;สมาชิกสภาเทศบาลนครขอนแก่น&nbsp;ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจบรรดาพ่อค้า&nbsp;แม่ค้า&nbsp;ที่ค้าขายภายในตลาดสีเขียว&nbsp;ตรวจติดตามสถานการณ์ภาวะการค้าการขาย&nbsp;พร้อมรับฟังปัญหา&nbsp;อุปสรรค&nbsp;เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือแก้ไข</p><p><strong>นายธีระศักดิ์&nbsp;ฑีฆายุพันธุ์&nbsp;</strong>นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ในสถานการณ์ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าค่าครองชีพสูงขึ้น&nbsp;ข้าวของขึ้นราคาในหลายๆ&nbsp;เหตุผลและหลายๆ&nbsp;ปัจจัย&nbsp;เนื่องจากมีพ่อค้าคนกลาง&nbsp;แต่ที่ตลาดเขียวของเทศบาลนครขอนแก่น&nbsp;ซึ่งตั้งอยู่ริมบึงแก่นนครนั้น&nbsp;จะเห็นได้ว่าเป็นการนำสินค้าจากผู้ผลิตโดยตรงมายังผู้ขายโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง&nbsp;และเป็นสินค้าปลอดภัย&nbsp;อาหารปลอดภัย&nbsp;&nbsp;ซึ่งประชาชนผู้บริโภคจะได้สบายใจ&nbsp;และมั่นใจในการมาจับจ่ายใช้สอยที่ตลาดแห่งนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>"นอกจากราคาที่ไม่แพง</strong>&nbsp;เป็นธรรมและปลอดภัยต่อผู้บริโภคและครอบครัว&nbsp;แล้ว&nbsp;ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ&nbsp;เพิ่มรายได้ให้ครัวเรือน&nbsp;และยังมีตลาดอีกหลายแห่ง&nbsp;ที่เทศบาลนครขอนแก่นดูแล&nbsp;ในเบื้องต้นมีแนวคิดที่จะเพิ่มพื้นที่&nbsp;เพิ่มวันเวลา&nbsp;เพิ่มสถานที่จำหน่าย&nbsp;เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ค้าขายมากขึ้น&nbsp;ซึ่งขณะนี้เทศบาลนครขอนแก่น&nbsp;ยังได้เปิดตลาดเขียวจากกองทุนตั้งตัว&nbsp;OTOP&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;ในทุกวันพุธ&nbsp;ที่บริเวณด้านข้างสำนักงานเทศบาลนครขอนแก่น</p><p><strong>นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น</strong>&nbsp;ยังกล่าวอีกว่า&nbsp;ได้เตรียมเปิดพื้นที่&nbsp;ที่&nbsp;บขส.&nbsp;1&nbsp;พื้นที่&nbsp;บขส.ปรับอากาศ&nbsp;และที่ถนนคนเดิน&nbsp;โดยจะเพิ่มพื้นที่&nbsp;เพิ่มวันเวลา&nbsp;เพิ่มสถานที่&nbsp;เช่น&nbsp;ถนนคนเดิน&nbsp;ที่จะเปิดในวันอาทิตย์เพิ่มขึ้น&nbsp;ให้เป็นฟู้ดสตรีทโดยตรง&nbsp;ที่จะมีทั้งอาหารมีททรัคฟู้ด&nbsp;ในส่วน&nbsp;บขส.1&nbsp;ได้มีการพูดคุยกับพี่น้องผู้ประกอบการใน&nbsp;บขส.&nbsp;1&nbsp;ว่า&nbsp;เห็นควรที่จะมีการปรับเป็นตลาดในรูปแบบใด&nbsp;โดยความร่วมมือกับ&nbsp;CEA&nbsp;หรือ&nbsp;TCDC&nbsp;เพื่อที่จะมาออกแบบมาคิดเรื่องตลาดสร้างสรรค์ให้เป็นพื้นที่ที่น่าสนใจ</p><p><strong>หรือแม้กระทั่งที่&nbsp;บขส.ปรับอากาศ&nbsp;</strong>ซึ่งเมื่อไม่มีสภาพเป็น&nbsp;บขส.แล้วจะเตรียมการอย่างไร&nbsp;โดยจะมีการเตรียมจัดงานโปรโมทพื้นที่&nbsp;โปรโมทเมืองเรื่องของเมืองสร้างสรรค์เมืองขอนแก่น&nbsp;โดยใช้พื้นที่&nbsp;บขส.ปรับอากาศ&nbsp;ในงานอีสานครีเอทีฟเฟสติวัล&nbsp;โดยร่วมมือกับเครือข่ายต่างๆ&nbsp;ที่จะเริ่มดพเนินการในช่วงประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์จนถึงต้นเดือนมีนาคม&nbsp;ประมาณ&nbsp;7-8&nbsp;วัน&nbsp;จะมีการฉายภาพอาคารโรงแรมสวัสดี&nbsp;ซึ่งเป็นอาคารเก่าแก่หลายสิบปีให้เห็นภาพเมืองขอนแก่น&nbsp;โดยจะมีกิจกรรมดีๆเกิดขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเสริมสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขอนแก่นสวท.ขอนแก่นhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121200126146 ผู้ว่าฯ สกลนคร นำทีมลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ราคาเนื้อหมู เตรียมขยายจุดจำหน่ายเนื้อหมูราคาประหยัดช่วยประชาชนทุกอำเภอ<p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร</strong>&nbsp;นำทีมลงพื้นที่&nbsp;ตรวจติดตามสถานการณ์ราคาเนื้อหมู&nbsp;รับฟังปัญหาผู้ประกอบการและประชาชนผู้บริโภค&nbsp;เตรียมขยายจุดจำหน่ายเนื้อหมูราคาประหยัดช่วยประชาชน&nbsp;ครอบคลุมทุกอำเภอ&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>วันนี้&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;</strong>นางจุรีรัตน์&nbsp;เทพอาสน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร&nbsp;พร้อมด้วยนายวีระ&nbsp;ฤกษ์วาณิชกุล&nbsp;ปลัดจังหวัดสกลนคร&nbsp;นางเกศินี&nbsp;พวงประดิษฐ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสกลนคร&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมประชุมและลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์การจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;ในพื้นที่จังหวัดสกลนคร&nbsp;ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสกลนคร&nbsp;ห้างแม็คโคร&nbsp;สาขาสกลนคร&nbsp;และตลาดสดเทศบาลนครสกลนคร&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสกลนครได้จัดให้มีจุดจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;ตามโครงการ&nbsp;หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ในราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;7&nbsp;จุดๆ&nbsp;ละ&nbsp;50&nbsp;กก./วัน&nbsp;&nbsp;และกำลังดำเนินการเพิ่มจุดจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูกให้ครอบคลุมทั้ง&nbsp;18&nbsp;อำเภอของจังหวัดสกลนคร&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ปัจจุบันพบว่าราคาเนื้อหมูยังคงผันผวนตามกลไกตลาด</strong>&nbsp;&nbsp;โดยที่จังหวัดสกลนครราคาขายปลีกตามท้องตลาด&nbsp;อยู่ที่&nbsp;กก.ละ&nbsp;220-230&nbsp;บาท&nbsp;และยังคงมีแนวโน้มปรับขึ้นในทิศทางเดียวกันเหมือนกับภูมิภาคอื่น&nbsp;เนื่องจากสุกรมีชีวิตที่จะป้อนโรงฆ่าสัตว์เกิดการขาดแคลน&nbsp;จากปัญหาดังกล่าว&nbsp;จังหวัดสกลนครมีความห่วงใย&nbsp;และเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด&nbsp;เพราะเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าครองชีพของประชาชน&nbsp;</p><p><strong>นางจุรีรัตน์&nbsp;เทพอาสน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>วันนี้เราได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามสถานการณ์ราคาเนื้อหมูที่ปรับสูงขึ้น&nbsp;พร้อมลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากผู้ประกอบการและประชาชนผู้บริโภคในพื้นที่&nbsp;โดยจังหวัดสกลนครกำลังดำเนินขยายจุดจำหน่ายหมูราคาประหยัดให้เพิ่มมากขึ้น&nbsp;ขณะที่ข้อมูลจากโรงฆ่าสัตว์เทศบาลนครสกลนคร&nbsp;ปัจจุบันหมูยังเข้าสู่ระบบปกติ&nbsp;เฉลี่ยวันละ&nbsp;20-30&nbsp;ตัว&nbsp;และจากการสอบถามแม่ค้าในพื้นที่พบว่ายอดจำหน่ายหมูลดลง&nbsp;โดยประชาชนหันไปรับประทานอาหารอย่างอื่นมากขึ้น&nbsp;เช่น&nbsp;ปลา&nbsp;ไก่&nbsp;หรือไข่ไก่&nbsp;ซึ่งราคายังปกติ&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>สำหรับคนอีสานก็จะนิยมรับประทานแมลงทอด</strong>&nbsp;ซึ่งมีจำหน่ายในตลาดหลากหลายชนิด&nbsp;ในส่วนของพืชผักและผลไม้&nbsp;ราคายังทรงตัวปรับขึ้นลงเล็กน้อยตามกลไกตลาด&nbsp;และที่ห้างแม็คโคร&nbsp;สาขาสกลนครมีการจำหน่ายเนื้อหมูวันละประมาณหนึ่งพันกิโลกรัม&nbsp;จากการสำรวจพบว่าทุกแห่งยอดจำหน่ายเนื้อหมูลดลง&nbsp;ขณะที่เนื้อไก่ขายดีขึ้น&nbsp;พร้อมยืนยันว่าจังหวัดสกลนคร&nbsp;ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดกำลังดำเนินการประสานกับผู้ประกอบการเพื่อเพิ่มจุดจำหน่ายเนื้อหมูราคาประหยัดกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาทให้มากขึ้น&nbsp;ในทุกอำเภอ&nbsp;&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้มากขึ้นต่อไป&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสกลนครสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสกลนครhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122001930188 จังหวัดลำพูน ตรวจสอบการเก็บสต็อกเนื้อหมู ของผู้ประกอบการจำหน่ายเนื้อหมู ในพื้นที่<p><strong>ผู้ว่าฯ&nbsp;ลำพูน&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบการเก็บสต็อกเนื้อหมู&nbsp;</strong>ของผู้ประกอบการจำหน่ายเนื้อหมูในพื้นที่&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า&nbsp;และฉวยโอกาสปรับราคา&nbsp;</p><p><strong>นายวรยุทธ&nbsp;เนาวรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน</strong>&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน&nbsp;ปลัดจังหวัดลำพูน&nbsp;หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำพูน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำพูน&nbsp;รองผู้อำนวยการรักษาความมั่งคงภายในจังหวัดลำพูน&nbsp;นายอำเภอเมืองลำพูน&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบการเก็บสต็อกเนื้อสุกรแปรรูป&nbsp;เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาการฉวยโอกาส&nbsp;ของผู้ประกอบการ&nbsp;รวมถึงตรวจสอบการลักลอบนำเข้าซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตตาม&nbsp;พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2558&nbsp;ในพื้นที่อำเภอเมืองลำพูน&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;แห่ง&nbsp;คือ&nbsp;บริษัท&nbsp;เอ็มเอสพี&nbsp;อินเตอร์ฟู้ดส์&nbsp;จำกัด&nbsp;เลขที่&nbsp;92&nbsp;หมู่ที่&nbsp;15&nbsp;ต.ป่าสัก&nbsp;อ.เมืองลำพูน&nbsp;และห้างหุ้นส่วนจำกัด&nbsp;เคเอฟพี&nbsp;เทรดดิ้ง&nbsp;เลขที่&nbsp;92&nbsp;หมู่&nbsp;3&nbsp;ตำบลอุโมงค์&nbsp;อำเภอเมืองลำพูน&nbsp;จากการตรวจสอบพบว่าทั้ง&nbsp;2&nbsp;แห่ง&nbsp;มีปริมาณเนื้อสุกรตามปริมาณในการส่งจำหน่าย&nbsp;ไม่มีการกักตุนสินค้า&nbsp;และไม่พบการกระทำความผิด&nbsp;ตาม&nbsp;พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์&nbsp;พ.ศ.2558&nbsp;แต่อย่างใด&nbsp;ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นว่ามีการกักตุนหรือฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำพูน&nbsp;และหากตรวจสอบพบการกระทำผิดจะมีโทษตามมาตรา&nbsp;29&nbsp;แห่ง&nbsp;พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ซึ่งมีโทษจำคุก&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับ&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคเหนือลำพูนสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122010652200 จังหวัดมุกดาหารตรวจติดตามสถานการณ์หมูแพงและสินค้าอื่นๆ พร้อมกำชับผู้ค้าปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน<p>วันนี้&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;เวลา&nbsp;08:00&nbsp;น&nbsp;นายเฉลิมพล&nbsp;มั่งคั่ง&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร&nbsp;พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;อาทิ&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;กอ.รมน.จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;สคบ.จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;เทศบาลเมืองมุกดาหาร&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหารและคณะสื่อมวลชน&nbsp;ลงพื้นที่ออกตรวจติดตามสถานการณ์สุกร&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ไก่เนื้อ&nbsp;และสินค้าเกษตร&nbsp;ที่ตลาดสดเทศบาล&nbsp;2&nbsp;ตลาดศิริพร&nbsp;ในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร&nbsp;และห้างแม็คโคร&nbsp;สาขามุกดาหาร&nbsp;พร้อมนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารได้พบปะพูดคุยเพื่อรับทราบเสียงสะท้อน&nbsp;จากบรรดาพ่อค้า&nbsp;แม่ค้า&nbsp;ถึงผลกระทบจากสถานการณ์สินค้าอุปโภค&nbsp;-&nbsp;บริโภค&nbsp;ที่มีราคาสูงขึ้น</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;สถานการณ์ด้านราคาจำหน่ายหมูเนื้อแดง</strong>&nbsp;ไก่สด&nbsp;ปลานิล&nbsp;และไข่ไก่ในห้างสรรพสินค้าในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร&nbsp;มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น&nbsp;ในส่วนของราคาหมูเนื้อแดงมีการตรึงราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ&nbsp;185&nbsp;บาท&nbsp;ราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม&nbsp;ราคา&nbsp;110&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;หมูเนื้อแดงราคา&nbsp;185&nbsp;บาทถึง&nbsp;200&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;น่องไก่ราคา&nbsp;75&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;อกไก่ราคา&nbsp;65&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;ปลานิลสดราคา&nbsp;70-75&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;และไข่ไก่เบอร์&nbsp;0&nbsp;ถาดละ128&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์&nbsp;1&nbsp;ถาดละ&nbsp;118&nbsp;บาท&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;ถาดละ&nbsp;105&nbsp;บาท&nbsp;และเบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคาถาดละ&nbsp;102&nbsp;บาท&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดมุกดาหารได้มีการออกติดตามการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและบริการ&nbsp;รวมถึงสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารเป็นประจำทุกสัปดาห์&nbsp;ซึ่งจากการลงพื้นที่พบว่าผู้ประกอบการร้านค้าเขียงหมูมีการปิดป้ายแสดงราคาที่ชัดเจน&nbsp;ปริมาณสุกรมีชีวิตในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารมีเพียงพอสำหรับการบริโภค&nbsp;ไม่พบการกักตุนสินค้า&nbsp;ประชาชนส่วนใหญ่บริโภคเนื้อหมูลดลงและหันไปบริโภคเนื้อสัตว์ชนิดอื่นทดแทน</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมุกดาหารสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหารhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121231813170 พาณิชย์ฯ หนองบัวลำภู ลงพื้นที่สำรวจจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดงราคาประหยัด ตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน<p><strong>วันนี้&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายพิชัย&nbsp;แก้วประเสริฐ&nbsp;ผู้อำนวยการกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;</strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดหนองบัวลำภู&nbsp;พร้อมด้วยบุคลากรในหน่วยงาน&nbsp;ลงพื้นที่&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดชูเดช&nbsp;อำเภอศรีบุญเรือง&nbsp;จังหวัดหนองบัวลำภู&nbsp;เพื่อสำรวจการดำเนินโครงการ&nbsp;“หมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;ในพื้นที่ดังกล่าว</p><p><strong>ด้วยภาวะที่เนื้อหมูมีการปรับราคาจำหน่ายสูงขึ้น</strong>&nbsp;ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดหนองบัวลำภูจึงมีการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน&nbsp;เพื่อให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;เป็นการลดค่าครองชีพ&nbsp;และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;ด้วยการดำเนินโครงการ&nbsp;“หมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;โดยดำเนินการจำหน่ายหมูเนื้อแดงจากผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู&nbsp;ในราคา&nbsp;150&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;17&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;6&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่</p><p><strong>1.&nbsp;อำเภอศรีบุญเรือง&nbsp;ตลาดชูเดช&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;จุด</strong>1)&nbsp;เขียงหมูแม่น้อย&nbsp;2)&nbsp;เขียงหมูแม่อ้อย&nbsp;3)&nbsp;เขียงหมูแม่แต๋ว&nbsp;เริ่มจำหน่าย&nbsp;เวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป<strong>2.&nbsp;อำเภอโนนสัง&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;จุด</strong>-&nbsp;เขียงหมูคู่ฮัก&nbsp;ตลาดเทศบาลตำบลโนนสัง&nbsp;&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;15.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป</p><p><strong>3.&nbsp;อำเภอนากลาง&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;จุด</strong>-&nbsp;เขียงหมูคู่ฮัก&nbsp;(2)&nbsp;หน้าร้านเสรีการไฟฟ้านากลาง&nbsp;&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;15.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป</p><p><strong>4.&nbsp;อำเภอนาวัง&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;</strong></p><p>-&nbsp;เขียงหมูคู่ฮัก&nbsp;(3)&nbsp;หน้าร้านบิ๊กต้อย&nbsp;(ใหม่)&nbsp;นาวัง&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;15.00&nbsp;น.&nbsp;&nbsp;เป็นต้นไป</p><p><strong>5.&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;จุด</strong>&nbsp;เขียงหมูสุริพร&nbsp;บ้านท่าเดื่อ&nbsp;หมู่&nbsp;6&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป</p><p><strong>จากการลงพื้นที่สอบถามทั้งผู้จำหน่ายเนื้อหมู</strong>&nbsp;และประชาชนที่เดินทางมาซื้อสินค้าในตลาดสดชูเดช&nbsp;พบว่าผลตอบรับเป็นไปในทางที่ดี&nbsp;ประชาชนมีความพึงพอใจในโครงการดังกล่าว&nbsp;และสนับสนุนให้มีการดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในลักษณะเช่นนี้อีก</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>21/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหนองบัวลำภูสวท.หนองบัวลำภูhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121224524167 จ.ตราดตรวจสอบการกักตุนเนื้อหมูพื้นที่เกาะช้างไม่พบการกระทำผิด<p><strong>วันนี้&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;เวลา&nbsp;10.30&nbsp;น.&nbsp;</strong>นางโสภิดา&nbsp;ตนะวัฒนา&nbsp;ปลัดอำเภอเกาะช้าง&nbsp;นางสาวจิรวัส&nbsp;สนนิวาส&nbsp;เจ้าหน้าที่ปกครอง&nbsp;และ&nbsp;สสอ.เกาะช้าง&nbsp;ร่วมสำรวจ&nbsp;ตรวจสอบ&nbsp;การกักตุน&nbsp;เนื้อสุกรทั้งเป็น&nbsp;และแช่เย็น&nbsp;โดยเฉพาะโรงงานที่มีห้องเย็น&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;แห่ง&nbsp;ดังนี้</p><p>1.แม็คโคร&nbsp;เกาะช้าง,&nbsp;2.โลตัส&nbsp;3.บิ๊กซี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีการกักตุนแต่อย่างใด</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;</p><p><br></p>21/1/2022ภาคตะวันออกสระแก้วสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสระแก้วhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220121224937168 พัฒนาท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Port) ท่าเรือแหลมฉบัง สู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ Smart City<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายอธิรัฐ&nbsp;รัตนเศรษฐ&nbsp;รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม</strong>&nbsp;กล่าวถึงการพัฒนาท่าเรืออัจฉริยะ&nbsp;(Smart&nbsp;Port)&nbsp;ในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง&nbsp;สู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ&nbsp;Smart&nbsp;City&nbsp;โดยการท่าเรือแห่งประเทศไทย&nbsp;ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล&nbsp;ผลักดันนโยบายการบริหารการจราจร&nbsp;และการบูรณาการด้านข้อมูลเทคโนโลยีดิจิทัลภายในกรอบระยะเวลา&nbsp;3&nbsp;ปี&nbsp;ในการเชื่อมโยงข้อมูลการขนส่งหลากหลายรูปแบบ&nbsp;ทั้งทางถนน&nbsp;ทางเรือ&nbsp;และทางราง&nbsp;ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;อาทิ&nbsp;สายเรือ&nbsp;ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ&nbsp;ผู้ประกอบการรถขนส่งสินค้า&nbsp;ผ่านระบบเทคโนโลยีดิจิทัล&nbsp;ได้แก่&nbsp;Smart&nbsp;Port&nbsp;Traffic&nbsp;(ระบบจัดการข้อมูลการจราจร)&nbsp;Smart&nbsp;Port&nbsp;EDI&nbsp;(ระบบเชื่อมต่อ&nbsp;Big&nbsp;Dataจากระบบต่าง&nbsp;ๆ)&nbsp;Smart&nbsp;Port&nbsp;Payment&nbsp;(ระบบชำระเงินแบบ&nbsp;QR&nbsp;Code)</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>&nbsp;สำหรับโครงการพัฒนา&nbsp;Smart&nbsp;City&nbsp;ในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง</strong>&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;การส่งเสริมด้านการบูรณาการข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;อาทิ&nbsp;สายเรือ&nbsp;ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ&nbsp;กรมศุลกากร&nbsp;ผู้ประกอบการขนส่งสินค้า&nbsp;พัฒนาระบบการบริหารจัดการท่าเรืออัจฉริยะ&nbsp;(Smart&nbsp;Port)&nbsp;และระบบอิเล็กทรอนิกส์&nbsp;เพื่อช่วยบริหารเวลารถบรรทุกสินค้าเข้าออก&nbsp;(Truck&nbsp;Queue)&nbsp;เป็นต้น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;เพื่อมุ่งพัฒนาระบบท่าเรืออัจฉริยะ&nbsp;(Smart&nbsp;Port&nbsp;System)</strong>&nbsp;ส่งเสริมให้เกิดการต่อยอดการใช้ประโยชน์จากข้อมูลท่าเรืออัจฉริยะให้มีศักยภาพ&nbsp;เพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการตู้คอนเทนเนอร์&nbsp;ลดต้นทุนโลจิสติกส์&nbsp;แก้ปัญหาการจราจร&nbsp;ลดมลภาวะและปัญหาสิ่งแวดล้อม&nbsp;เพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับชุมชนโดยรอบท่าเรือฯ</p>22/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122070702214 ปศุสัตว์จังหวัดอุบราชธานี ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เช่น เนื้อหมู ไข่ไก่ ในสถานประกอบการขนาดใหญ่ เพื่อให้ประชาชนไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายสมเพชร&nbsp;สร้อยสระคู&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี</strong>&nbsp;พร้อมด้วยนายกิตติ&nbsp;กุบแก้ว&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;บูรณาการตรวจสอบราคาสินค้าร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;โดยทำการตรวจสอบสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;เช่น&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ผัก&nbsp;ผลไม้&nbsp;น้ำมันพืช&nbsp;และสินค้าอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;ที่บริษัท&nbsp;สยามแม็คโคร&nbsp;จำกัด&nbsp;สาขาอุบลราชธานี</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน</strong>&nbsp;ที่เข้ามาใช้บริการให้ได้รับความเป็นธรรม&nbsp;ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ?&nbsp;ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่า&nbsp;ผู้ประกอบการมีการปฏิบัติตามมาตรการที่กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดไว้?อย่างถูกต้อง?&nbsp;และสินค้ามีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน&nbsp;และมีการติดป้ายราคาสินค้าอย่างชัดเจน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำหรับส่วนภายในห้องเย็นที่มีการเก็บเนื้อสัตว์นั้น</strong>&nbsp;ไม่พบว่ามีการสต็อกเกินกว่าที่กำหนด&nbsp;อีกทั้ง&nbsp;ยังได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการไม่ให้มีการกักตุนสินค้าในช่วงเทศกาลตรุษจีนอีกด้วย</p>22/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุบลราชธานีสวท.อุบลราชธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122070843215 พาณิชย์จังหวัดลำปาง ติดตามสถานการณ์ ราคา ปริมาณ หน้ากากอนามัยและชุดตรวจหาเชื้อโควิค-19<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นางสาวเยาวเรศ&nbsp;แซ่โค้ว&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;มอบหมายให้ผู้อำนวยการกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;และเจ้าหน้าที่&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์&nbsp;ราคา&nbsp;ปริมาณ&nbsp;หน้ากากอนามัยและชุดตรวจโควิค-19&nbsp;ณ&nbsp;ร้าน&nbsp;อ.เภสัช&nbsp;ตำบลบ่อแฮ้ว&nbsp;อำเภอเมืองลำปาง&nbsp;จังหวัดลำปาง&nbsp;โดยพบว่า&nbsp;หน้ากากอนามัย&nbsp;ยี่ห้อ&nbsp;P+CARE&nbsp;(สีฟ้า)&nbsp;,&nbsp;Disposable&nbsp;(สีเขียว&nbsp;สีขาว)&nbsp;บรรจุ&nbsp;50&nbsp;ชิ้น&nbsp;ราคา&nbsp;60&nbsp;บาท&nbsp;(เฉลี่ยชิ้นละ&nbsp;1.20&nbsp;บาท)&nbsp;,&nbsp;หน้ากากอนามัย&nbsp;ยี่ห้อ&nbsp;Disposable&nbsp;(สีฟ้า)&nbsp;บรรจุ&nbsp;50&nbsp;ชิ้น&nbsp;ราคา&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;(เฉลี่ยนชิ้นละ&nbsp;1.60&nbsp;บาท)&nbsp;และชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19&nbsp;แบบ&nbsp;2&nbsp;in&nbsp;1&nbsp;ราคากล่องละ&nbsp;125&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สถานการณ์การจำหน่ายหน้ากากอนามัย&nbsp;และชุดตรวจหาเชื้อโควิค-19</strong>&nbsp;จากการตรวจสอบพบว่ามีการปิดป้ายแสดงราคาชัดเจน&nbsp;จำหน่ายไม่เกินราคาควบคุม&nbsp;มีสินค้าหมุนเวียน&nbsp;ไม่ขาดแคลน</p>22/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122075455220 ผู้ว่าฯ ลำปาง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์สินค้าและโครงการ "หมูพาณิชย์ ลดราคา ช่วยประชาชน" พร้อมบูรณาการหน่วยงานแก้ปัญหาค่าครองชีพ<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายสิธิชัย&nbsp;จินดาหลวง&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;พร้อมด้วยนางสาวเยาวเรศ&nbsp;แซ่โค้ว&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำปาง&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำปาง&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ลงพื้นที่ออกตรวจติดตามสถานการณ์การจำหน่วยสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;และโครงการ&nbsp;"หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดบ้านต้นยาง&nbsp;ตำบลพิชัย&nbsp;อำเภอเมืองลำปาง&nbsp;ตามข้อสั่งการของกระทรวงมหาดไทย&nbsp;เพื่อดำเนินการแก้ไขและบรรเทาปัญหาค่าครองชีพครัวเรือน&nbsp;พร้อมบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกตรวจสินค้า&nbsp;เพื่อไม่ให้มีการจำหน่ายเกินราคา&nbsp;กักตุน&nbsp;และปฏิเสธการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพขอประชาชน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;จากการตรวจสอบพบว่าราคาจำหน่ายเนื้อสุกรเริ่มทรงตัว&nbsp;ปริมาณการบริโภคลดลงจากราคาที่ขยับสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า&nbsp;ผู้บริโภคบางส่วนหันไปบริโภคเนื้อสัตว์อื่น&nbsp;ๆ&nbsp;ทดแทนเนื้อไก่และไข่ไก่&nbsp;กระทรวงพาณิชย์ได้หารือผู้เกี่ยวข้องขอความร่วมมือในการกำหนดราคาไก่มีชีวิต&nbsp;เนื้อไก่สด&nbsp;และไขไก่ที่เหมาะสม&nbsp;เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพแก่ผู้บริโภค&nbsp;ผักสดและผลไม้ราคาเปลี่ยนแปลงตามปริมาณสินค้าที่เข้าสู่ตลาด&nbsp;อาหารทะเลราคาทรงตัว&nbsp;มีบางสินค้าราคาเปลี่ยนแปลงตามปริมาณที่เข้าสู่ตลาด&nbsp;สินค้าอุปโภคบริโภคอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;ราคาสินค้าส่วนใหญ่ทรงตัวจากที่กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตตรีงราคาสินค้า&nbsp;และปริมาณสินค้ามีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;ในส่วนของการบรรเทาปัญหาค่าครองชีพครัวเรือนของประชาชน</strong>&nbsp;จังหวัดลำปางจะดำเนินการจัดตลาดนัด&nbsp;ตลาดชุมชน&nbsp;การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาประหยัดและโครงการคนละครึ่งของรัฐบาล</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;จังหวัดลำปางได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการ</strong>&nbsp;ไม่ให้ฉวยโอกาสกักตุนสินค้า&nbsp;ไม่ให้จำหน่ายในราคาเกินสมควร&nbsp;และปิดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ผู้บริโภคเห็นอย่างชัดเจน&nbsp;หากพบการกระทำความผิดจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย&nbsp;ตามาตรา&nbsp;29&nbsp;และ&nbsp;มาตรา&nbsp;30&nbsp;พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.2542&nbsp;ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับไม่เกิน&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ&nbsp;หากพบเห็นการกระทำความผิดสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลําปาง&nbsp;โทร.0-5426-5087</p>22/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122090929228 จังหวัดสุโขทัย ติดตามการจำหน่ายหมูเนื้อแดงช่วยประชาชน<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>จังหวัดสุโขทัย&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามการจำหน่ายสุกรเนื้อแดง&nbsp;(สะโพก)&nbsp;</strong>ตามโครงการ&nbsp;"พาณิชย์...&nbsp;ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;พร้อมกำชับรายขายหมูต้องติดป้ายราคาให้ชัดเจน&nbsp;นางสาวพัชรอร&nbsp;วงศ์กำแหง&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย&nbsp;พร้อมด้วยนายศุภสัณห์&nbsp;ศิลป์ชูศรี&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุโขทัย&nbsp;ปลัดอำเภอเมืองสุโขทัย&nbsp;และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจติดตามราคาสินค้า&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดวัดตระพังทอง&nbsp;ตำบลเมืองเก่า&nbsp;อำเภอเมืองสุโขทัย&nbsp;จังหวัดสุโขทัย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>จากการลงพื้นที่พบว่าราคาจำหน่ายเนื้อสุกรมีการปรับขึ้นราคา</strong>&nbsp;โดยราคาจำหน่ายเนื้อแดง&nbsp;180-200&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;ซึ่งผู้ประกอบการมีการตรึงราคาจำหน่ายไม่ให้มีราคาจำหน่ายสูงเกินไป&nbsp;เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้บริโภค&nbsp;สำหรับราคาเนื้อไก่และราคาไข่ไก่&nbsp;ยังอยู่ในเกณฑ์ไม่เกินราคาแนะนำที่กรมการค้าภายในกำหนด&nbsp;ส่วนราคาพืชผักและผลไม้เป็นไปตามฤดูกาล&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายปลีกสินค้าอย่างเคร่งครัด&nbsp;และไม่ให้ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าเกินสมควร</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ด้าน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุโขทัย&nbsp;พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่</strong>&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามการจำหน่ายสุกรเนื้อแดง&nbsp;(สะโพก)&nbsp;ตามโครงการ&nbsp;"พาณิชย์...&nbsp;ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;ณ&nbsp;ร้าน&nbsp;N.T.&nbsp;หมูสด-ไก่สด&nbsp;สาขาคีรีมาศ&nbsp;2&nbsp;(ข้างโรงพยาบาลคีรีมาศ)&nbsp;อำเภอคีรีมาศ&nbsp;จังหวัดสุโขทัย&nbsp;ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดจำหน่าย&nbsp;ทั้ง&nbsp;7&nbsp;จุด&nbsp;ของจังหวัดสุโขทัย&nbsp;โดยจำหน่ายเนื้อสุกรเนื้อแดง&nbsp;(สะโพก)&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;และจำกัดปริมาณการซื้อครอบครัว&nbsp;ละไม่เกิน&nbsp;2&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;นอกจากนนี้&nbsp;ทางร้านฯ&nbsp;ได้มีการจัดโปรโมชั่นร่วมกับโครงการฯ&nbsp;ด้วยซึ่งโครงการดังกล่าวจะจัดจำหน่ายเนื้อสุกรเนื้อแดง&nbsp;(สะโพก)&nbsp;จนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p>22/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสุโขทัยสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุโขทัยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122093427233 จัดแผนขนส่งผักผลไม้ รองรับการเปิดเส้นทางรถไฟจีน-ลาว หวังเพิ่มยอดการส่งออกสินค้าเกษตรไทย<p><strong>นายพิศาล&nbsp;พงศาพิชณ์&nbsp;</strong>เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ได้เตรียมแผนการนำเข้าและส่งออกผักผลไม้ของไทยและจีน&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;หลังมีการเปิดให้บริการโครงการทางรถไฟระหว่างจีน-ลาวเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา&nbsp;โดยเป็นการจัดแผนรองรับสำหรับการเปิดเส้นทางรถไฟความเร็วปานกลางระหว่างคุนหมิง-เวียงจันทน์&nbsp;</p><p><strong>เบื้องต้นได้ประสานการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง</strong>&nbsp;ทั้งกรมศุลกากร&nbsp;กรมทางหลวง&nbsp;การรถไฟแห่งประเทศไทย&nbsp;ด่านประมงและปศุสัตว์&nbsp;เพื่อเตรียมความพร้อมด้านการส่งออกและนำเข้าสินค้าทางการเกษตรทุกๆ&nbsp;ด้าน&nbsp;แบ่งเป็นแผนระยะสั้น&nbsp;ระยะกลางและระยะยาว&nbsp;ซึ่งปีที่ผ่านมาไทยสามารถส่งออกผักและผลไม้ของไทยไปจีนในปีที่ผ่านมามีมูลค่ากว่า&nbsp;140,000&nbsp;ล้านบาทผ่านทางถนนมากกว่า&nbsp;2&nbsp;ใน&nbsp;3&nbsp;ซึ่งมีความสะดวกมากกว่าการขนส่งทางเรือที่ประสบปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์จากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19&nbsp;ซึ่งการเปิดเส้นดังกล่าวจะอำนวยความสะดวกลดต้นทุนการขนส่งของไทยได้ถึงร้อยละ&nbsp;30&nbsp;-&nbsp;50&nbsp;โดยเฉพาะเส้นทางผ่านพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือผ่านด่านศุลกากรหนองคาย&nbsp;ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงการขนส่งไทย-ลาว-จีน</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>22/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122140948312 นายกรัฐมนตรีผลักดันตลาดท่องเที่ยวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ททท.คาด ไตรมาส 1 ดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทยไม่ต่ำกว่า 4 แสนคน<p><strong>นายธนกร&nbsp;วังบุญคงชนะ&nbsp;โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม&nbsp;เดินหน้าผลักดันการท่องเที่ยวไทย&nbsp;หลังจากรัฐบาลเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ&nbsp;สามารถเข้ามาเที่ยวในประเทศผ่านรูปแบบ&nbsp;Test&nbsp;&amp;&nbsp;Go&nbsp;ได้&nbsp;โดยเริ่มวันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;</p><p><strong>การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;</strong>คาดการณ์สถานการณ์ด้านตลาดการท่องเที่ยวไตรมาส&nbsp;1/2565&nbsp;(เดือนมกราคม-มีนาคม&nbsp;2565)&nbsp;จะมีนักท่องเที่ยวในประเทศ&nbsp;จำนวน&nbsp;27.1&nbsp;ล้านคน-ครั้ง&nbsp;สร้างรายได้&nbsp;137,712&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ส่วนตลาดต่างประเทศ&nbsp;คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ&nbsp;จำนวน&nbsp;338,645&nbsp;คน&nbsp;สร้างรายได้&nbsp;26,065&nbsp;ล้านบาท&nbsp;</p><p><strong>ภาพรวมการท่องเที่ยวในประเทศมีทิศทางเติบโตขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป</strong>&nbsp;คนไทยพร้อมเดินทางท่องเที่ยวหลังจากได้รับวัคซีน&nbsp;ส่วนตลาดในต่างประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวจากมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง</p><p><strong>โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;กล่าวเพิ่มเติม</strong>&nbsp;ถึงภาพรวมของการท่องเที่ยวในประเทศ&nbsp;มีกระแสที่ดี&nbsp;โดยความคืบหน้าโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส&nbsp;3&nbsp;และทัวร์เที่ยวไทย&nbsp;ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง&nbsp;ในส่วนของความคืบหน้าโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส&nbsp;3&nbsp;มีประชาชนมีจำนวนผู้ใช้สิทธิ์&nbsp;637,171&nbsp;คน&nbsp;ยอดการจอง&nbsp;โรงแรมสะสม&nbsp;2,004,199&nbsp;ห้อง&nbsp;สร้างมูลค่าการใช้จ่ายผ่านโครงการทั้งสิ้น&nbsp;8,888&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และในส่วนของโครงการทัวร์เที่ยวไทย&nbsp;ยอดรวมมูลค่าการเดินทางและค่าใช้จ่ายการสะสม&nbsp;227.83&nbsp;ล้านบาท&nbsp;โดยประชาชนสามารถใช้สิทธิทั้ง&nbsp;2&nbsp;โครงการได้ถึง&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</p><p><strong>รัฐบาลเตรียมเดินหน้าโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส&nbsp;4&nbsp;ในเร็วๆ&nbsp;นี้</strong>&nbsp;เบื้องต้นจะเพิ่มสิทธิจำนวนห้องพัก&nbsp;2&nbsp;ล้านสิทธิหรือห้อง&nbsp;โดย&nbsp;ททท.&nbsp;คาดว่า&nbsp;จะเริ่มให้ประชาชนจองสิทธิได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;และสิ้นสุดการใช้สิทธิภายในเดือนเมษายน&nbsp;2565&nbsp;ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรพิจารณา</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>22/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122135957303 ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน ลงพื้นที่สำรวจราคาเนื้อหมู ไก่สด และไข่ไก่ สั่งทุกอำเภอติดตามจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย<p><strong>นายเชษฐา&nbsp;โมสิกรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน</strong>&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นางสาวยุพา&nbsp;นาคา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;และตำรวจ&nbsp;สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคา&nbsp;ปริมาณ&nbsp;และสถานที่จัดเก็บสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;ไก่สด&nbsp;และไข่ไก่&nbsp;ในอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;ได้แก่&nbsp;ตลาดสดเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;(ตลาดสายหยุด)&nbsp;ร้านซีพี&nbsp;เฟรสมาร์ท&nbsp;ร้านเบทาโกร&nbsp;ร้านหมูอินเตอร์&nbsp;และร้านธัมมาทรัพย์เจริญ</p><p>ผลการตรวจสอบพบว่าไม่มีการครอบครองสุกรชำแหละผาซีก&nbsp;เนื้อสุกรชำแหละแยกชิ้นส่วน&nbsp;ที่มีปริมาณรวมกันตั้งแต่ห้าพันกิโลกรัมขึ้นไปตามประกาศ&nbsp;กกร.&nbsp;ฉบับที่&nbsp;2&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;เรื่อง&nbsp;การแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ส่วนสินค้าประเภทอื่นๆ&nbsp;พบว่ามีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;และผู้ประกอบการมีปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าชัดเจน&nbsp;สินค้า&nbsp;อาทิ&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>-&nbsp;น้ำมันปาล์ม&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;ราคา&nbsp;55-60&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;น้ำมันถั่วเหลือง&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;ราคา&nbsp;57-60&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;หมูเนื้อแดงขนาด&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ราคา&nbsp;200-220&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;ไข่ไก่เบอร์&nbsp;2&nbsp;ราคาแผงละ&nbsp;89-114&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;ไข่ไก่เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคาแผงละ&nbsp;85-105&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;เนื้ออกไก่&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ราคา&nbsp;75-100&nbsp;บาท</p><p>-&nbsp;น่องไก่ติดสะโพก&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ราคา&nbsp;71-82&nbsp;บาท</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้มอบหมายพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน</strong>&nbsp;ร่วมกับปศุสัตว์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ปกครองอำเภอ&nbsp;และเจ้าหน้าที่ตำรวจ&nbsp;ออกตรวจติดตามสถานการณ์สินค้า&nbsp;ณ&nbsp;ร้านขายส่ง/ขายปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ตลาดสดและร้านจำหน่ายเนื้อหมูในพื้นที่ทุกอำเภอจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย&nbsp;ซึ่งในการลงพื้นที่เจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ร้านค้าปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;โดยปิดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน&nbsp;ห้ามกักตุนสินค้า&nbsp;และห้ามฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าในราคาที่สูงเกินควร</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p><br></p>22/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122105303250 ร้านค้ายะลา วางเสื้อผ้าสีแดงขาย “รับตรุษจีน” ปีเสือ<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>บรรดาร้านค้าในเขตเทศบาลนครยะลา&nbsp;ได้นำเสื้อผ้าสีแดงออกมาวางจำหน่ายหน้าร้าน</strong>&nbsp;ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อแล้ว&nbsp;ซึ่งอีกไม่กี่วันข้างหน้า&nbsp;เทศกาล&nbsp;“ตรุษจีน”&nbsp;ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวไทยเชื้อสายจีนก็จะมาถึง&nbsp;โดยปีนี้ตรงกับวันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำหรับเสื้อผ้าที่นำมาวางจำหน่ายจะมีทั้งเสื้อยืด&nbsp;เสื้อคอกลม&nbsp;เสื้อคอวี&nbsp;หลายแบบหลายลาย</strong>&nbsp;ทั้งลายมังกร&nbsp;ลายการ์ตูนเสือ&nbsp;สัญลักษณ์ปี&nbsp;2022&nbsp;ตัวอักษร&nbsp;ร่ำรวย&nbsp;รวมถึงชุดกี่เพ้า&nbsp;ชุดเจ้าสัว&nbsp;ชุดทำงาน&nbsp;เด็ก&nbsp;ผู้ใหญ่&nbsp;เพื่อให้ประชาชนได้มาเลือกซื้อสวมใส่&nbsp;ซึ่งเสื้อสีแดงเป็นสีแห่งความสุขและความเป็นสิริมงคลของชาวจีน&nbsp;ที่จะนิยมสวมใส่ในวันตรุษจีน&nbsp;ซึ่งมีประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนทยอยออกมาเลือกซื้อบ้างแล้ว&nbsp;แต่ยังไม่มาก&nbsp;ส่วนราคาเสื้อตรุษจีนปีนี้&nbsp;ราคาถูกลงกว่าปีที่แล้ว</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ร้านพี่ลี&nbsp;คนใหญ่คนโต</strong>&nbsp;บอกว่า&nbsp;ได้เริ่มสั่งเสื้อจาก&nbsp;กทม.&nbsp;มาขายตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา&nbsp;ตามปกติช่วงนี้คนน่าจะมาเลือกซื้อกันเยอะแล้ว&nbsp;แต่ตอนนี้เงียบมาก&nbsp;คาดว่าในอาทิตย์สุดท้ายตอนใกล้&nbsp;ๆ&nbsp;ตรุษจีน&nbsp;คนน่าจะแห่มาซื้อ&nbsp;ปีนี้ได้สั่งเสื้อมาขายมากกว่าเดิม&nbsp;มีความหวังว่าจะขายดี&nbsp;เพราะทุกปีขายไม่เคยพอ&nbsp;คนจะมาซื้อ&nbsp;3&nbsp;วันสุดท้ายก่อนตรุษจีนกันเยอะไม่เคยเหลือ&nbsp;ปีนี้อาจจะเหลืออีกหลายวัน&nbsp;บางคนถ้าคนจีนจริง&nbsp;ๆ&nbsp;จะมาซื้อเตรียมไว้&nbsp;ถ้าถึงเวลาจะไม่ได้เสื้อเป็นทีม&nbsp;บางคนจะซื้อแบบที่เหมือนกันทั้งครอบครัว&nbsp;มาหลังจะไม่ได้ตามที่ต้องการ&nbsp;มาซื้อก่อนก็จะมีหมด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำหรับราคาปีนี้ถูกกว่าเดิม</strong>&nbsp;ปกติผู้ใหญ่ไซต์&nbsp;S&nbsp;,&nbsp;M&nbsp;ตัวละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ไซต์&nbsp;L&nbsp;ตัวละ&nbsp;170&nbsp;บาท&nbsp;ไซต์&nbsp;XL&nbsp;ตัวละ&nbsp;180&nbsp;บาท&nbsp;ไซต์&nbsp;2XL&nbsp;ตัวละ&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;ไซต์&nbsp;3XL&nbsp;ตัวละ&nbsp;200&nbsp;ขึ้นไป&nbsp;ชุดกี่เพ้า&nbsp;สั้น-ยาว&nbsp;เริ่มต้นที่&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;ในปีนี้เสื้อไซต์&nbsp;S&nbsp;,&nbsp;M&nbsp;,&nbsp;L&nbsp;,&nbsp;XL&nbsp;&nbsp;ที่ร้านจะตัดขายราคา&nbsp;150&nbsp;บาททุกตัว&nbsp;ราคาเสื้อแพงขึ้นแต่ทางร้านขายถูกลง&nbsp;เศรษฐกิจไม่ค่อยดีช่วยประชาชน&nbsp;&nbsp;แต่ดีอย่างอยู่ยะลา&nbsp;3&nbsp;จังหวัด&nbsp;กำลังซื้อของประชาชนยังพอมี&nbsp;ยิ่งเวลาเทศกาลคนก็เข้ามา&nbsp;แต่ทั้งนี้ก็จะต้องรอลุ้นในอาทิตย์สุดท้าย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำหรับเสื้อจะทั้งเสื้อเด็ก</strong>&nbsp;ลายน่ารัก&nbsp;ๆ&nbsp;เสื้อผู้ใหญ่&nbsp;ส่วนใหญ่คนจะเน้นซื้อเป็นเสื้อยืด&nbsp;เสื้อโปโลมากกว่า&nbsp;เสื้อยืดออกมากสุด&nbsp;ถ้าซื้อเยอะ&nbsp;ปกติทางร้านจะขายในราคาตามไซต์&nbsp;แต่ทางร้านก็จะขายในราคา&nbsp;150&nbsp;บาท</p>22/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122111518253 ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน เผยตรุษจีนนี้ เนื้อหมู ไก่ ไข่ไก่ ไม่ขาดตลาด กำชับพาณิชย์คุมราคาไม่ให้กระทบผู้ค้า-ผู้บริโภค<p><strong>นายเชษฐา&nbsp;โมสิกรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ทางจังหวัดได้บูรณาการร่วมมือกันทั้งสำนักงานพาณิชย์จังหวัด&nbsp;สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด&nbsp;อำเภอ&nbsp;และตำรวจ&nbsp;ออกตรวจติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า&nbsp;โดยเฉพาะสินค้าบริโภคอย่างเนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;และไข่ไก่&nbsp;อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;พบว่าในทุกอำเภอ&nbsp;ราคาสินค้าบางชนิดได้มีการปรับขึ้นจริง&nbsp;แต่เป็นไปตามกลไกตลาด&nbsp;และยังมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;ที่ผ่านมาไม่พบการกักตุนหรือทำผิดกฎหมาย</p><p><strong>อย่างไรก็ตามในช่วงตรุษจีน</strong>&nbsp;ที่กำลังจะมาถึงคาดว่าจะมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นกว่าช่วงปกติ&nbsp;ซึ่งในวันนี้&nbsp;(22&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ได้ลงพื้นที่สำรวจปริมาณเนื้อสัตว์&nbsp;และพูดคุยกับผู้ค้า&nbsp;คาดการณ์ว่าปริมาณเนื้อสัตว์จะมีเพียงพอ&nbsp;ขณะเดียวกันในด้านราคากระทรวงพาณิชย์ก็มีกลไกในควบคุมอยู่&nbsp;ดังนั้น&nbsp;จึงเชื่อมั่นว่าประชาชนเชื้อสายจีนจะยังสามารถสืบสานประเพณีการฉลองตรุษจีนได้&nbsp;ส่วนการแก้ปัญหาด้านราคานั้น&nbsp;ทางรัฐบาล&nbsp;โดยกระทรวงพาณิชย์&nbsp;กระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;และภาคเอกชน&nbsp;กำลังเร่งหารือเพื่อตรึงราคา&nbsp;และแก้ไขปัญหาในระยะต่อไป</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์</strong>&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้มีการกำชับให้พาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด&nbsp;ตรวจสอบ&nbsp;และติดตามราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด&nbsp;หากพบมีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า&nbsp;ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด&nbsp;หากประชาชนพบเห็นว่ามีการกักตุนหรือฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ&nbsp;และหากตรวจสอบพบการกระทำผิดจะมีโทษตามมาตรา&nbsp;29&nbsp;แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ซึ่งมีโทษจำคุก&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับ&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำและปรับ</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>22/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122114657265 พ่อเมืองชุมพรลงพื้นที่ตรวจตลาดให้กำลังใจพ่อค้าแม่ค้าติดป้ายแสดงราคาสินค้า<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(22&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;เวลา&nbsp;08.30&nbsp;น.</strong>&nbsp;นายโชตินรินทร์&nbsp;เกิดสม&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร&nbsp;พร้อมด้วยนายกองเอกพุทธ&nbsp;กฤชคงพันธุ์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร&nbsp;,&nbsp;นางสาวเปรมนีย์&nbsp;ทรัพย์โชคชัย&nbsp;พาณิชย์จังหวัดชุมพร&nbsp;,&nbsp;นายศรีชัย&nbsp;วีระนรพานิช&nbsp;นายกเทศมนตรีเมืองชุมพร&nbsp;,&nbsp;นายณรงค์&nbsp;หลักกำจร&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดชุมพร&nbsp;และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ราคาจำหน่ายอาหารสด&nbsp;และการปิดป้ายแสดงราคาสินค้า&nbsp;ที่ตลาดสดชุมพร&nbsp;(หมอพนัส)&nbsp;ตำบลท่าตะเภา&nbsp;อำเภอเมืองชุมพร</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายโชตินรินทร์&nbsp;เกิดสม</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;วันนี้ได้ลงพื้นที่มาพูดคุยตรวจเยี่ยม&nbsp;ทำความเข้าใจกับพ่อค้า-แม่ค้าในตลาด&nbsp;ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย&nbsp;ที่จะดูแลเรื่องราคาสินค้า&nbsp;โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ให้มีราคาที่เป็นธรรม&nbsp;ซึ่งจากการลงพื้นที่พบว่าในตลาดสดชุมพร&nbsp;มีการติดป้ายแสดงราคาสินค้า&nbsp;บางร้านป้ายอาจจะเก่าหรือชำรุด&nbsp;ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดก็ได้แนะนำให้เปลี่ยนป้ายให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ&nbsp;แต่สิ่งที่สำคัญ&nbsp;คือ&nbsp;ต้องขายในราคาที่ยุติธรรมในสถานการณ์ที่ราคาสินค้ามีความผันผวน&nbsp;ไม่ต้องการให้พ่อค้าแม่ค้าฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าในรายการที่ไม่ให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้น&nbsp;ซึ่งจากที่ดูในวันนี้ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ส่วนสินค้าที่ต้องติดตามอยู่ขณะนี้</strong>&nbsp;ทั้งหมู&nbsp;ไก่&nbsp;และไข่ไก่&nbsp;พบว่ามีปริมาณเพียงพอ&nbsp;และไม่มีการกักตุน&nbsp;แต่ในทางกลับกันประชาชนซื้อหมูน้อยลง&nbsp;อาจเป็นเพราะราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น&nbsp;ซึ่งในตลาดสดชุมพร&nbsp;แห่งนี้มีการปรับราคาสูงขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น&nbsp;แต่ละรายการเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ&nbsp;6&nbsp;บาท/กก.&nbsp;ส่วนไข่ไก่ยังมีราคาปกติ&nbsp;เนื่องจากมีฟาร์มอยู่ในจังหวัดชุมพร&nbsp;ทำให้มีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ&nbsp;และขายอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ส่วนเนื้อไก่ก็อยู่ในราคาปกติเช่นกัน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร</strong>&nbsp;กล่าวต่อว่า&nbsp;ภารกิจในวันนี้ก็มาเยี่ยมพี่น้องประชาชนด้วย&nbsp;พร้อมกับดูในเรื่องของมาตรการป้องกันโควิด-19&nbsp;ซึ่งทางตลาดก็ได้มีมาตรการป้องกันโรค&nbsp;มีจุดคัดกรอง&nbsp;ตรวจวัดอุณหภูมิ&nbsp;ให้บริการเจลล้างมือ&nbsp;ส่วนภายในตลาดทุกคนสวนหน้ากากอนามัยตลอดเวลา&nbsp;จากนี้จะรณรงค์เรื่องการลดใช้ถุงพลาสติกโดยใช้เป็นถุงผ้าหรือตะกร้าแทน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นอกจากนี้&nbsp;พ่อเมืองชุมพร</strong>&nbsp;ยังได้เปิดเผยว่า&nbsp;จังหวัดชุมพร&nbsp;ร่วมกับมูลนิธิชุมพรพัฒนา&nbsp;กำหนดจัดจำหน่ายสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพในราคาถูก&nbsp;โดยเฉพาะน้ำมันปาล์มและน้ำปลา&nbsp;ซึ่งมีโรงงานผลิตในพื้นที่จังหวัดชุมพร&nbsp;นำมาจำหน่ายในราคาต้นทุน&nbsp;เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย&nbsp;ลดค่าครองชีพให้แก่ของพี่น้องประชาชน&nbsp;ซึ่งจะเริ่มจัดจำหน่ายในวันที่&nbsp;25-27&nbsp;มกราคมนี้&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณที่ว่าอำเภอเมืองชุมพร&nbsp;และที่ว่าการอำเภอหลังสวน</p>22/1/2022ภาคใต้ชุมพรสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชุมพรhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122120303271 รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ พีที แม็กซ์นิตรอน เรซซิ่งซีรีส์ 2021 ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่ <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา&nbsp;เปิดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ&nbsp;พีที&nbsp;แม็กซ์นิตรอน&nbsp;เรซซิ่งซีรีส์&nbsp;2021&nbsp;ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์&nbsp;ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา&nbsp;ฟื้นฟูเศรษฐกิจ&nbsp;สร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(22&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;นายพิพัฒน์&nbsp;รัชกิจประการ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา</strong>&nbsp;เป็นประธานเปิดการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ&nbsp;พีที&nbsp;แม็กซ์นิตรอน&nbsp;เรซซิ่งซีรีส์&nbsp;2021&nbsp;ที่สนามแข่งขันเฉพาะกิจ&nbsp;พีที&nbsp;ประจวบสตรีท&nbsp;เซอร์กิต&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดประจวบคีรีขันธ์&nbsp;โดยมีนายเสถียร&nbsp;เจริญเหรียญ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;และประชาชน&nbsp;ร่วมพิธี</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สนามแห่งนี้ได้รับการรับรองจากราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย</strong>&nbsp;ในการจัดการแข่งขัน&nbsp;โดยใช้เส้นทางการแข่งขันเลียบเขาช่องกระจกและอ่าวประจวบฯ&nbsp;ระยะทาง&nbsp;2.3&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;ถือเป็นการส่งเสริมกีฬามอเตอร์สปอร์ตให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย&nbsp;สร้างนักกีฬามอเตอร์สปอร์ตของไทยสู่ระดับสากล&nbsp;รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา&nbsp;ฟื้นฟูเศรษฐกิจ&nbsp;สร้างรายได้ให้กับผู้ค้าผู้ประกอบการ&nbsp;โรงแรม&nbsp;จากการจับจ่ายใช้สอยของผู้ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่&nbsp;โดยมีนักแข่งรถรุ่นต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประมาณ&nbsp;3,000&nbsp;คน&nbsp;ทุกคนต้องได้รับวัคซีนโควิดครบโดส&nbsp;และมีผลการตรวจเอทีเคเป็นลบ&nbsp;ส่วนประชาชนงดให้เข้าชม&nbsp;เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความแออัดตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;นักแข่งรถได้มีการลงสนามซ้อมตั้งแต่วันที่&nbsp;19-21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;และแข่งจริงในวันที่&nbsp;22-23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า&nbsp;กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ&nbsp;สยามบรมราชกุมารี&nbsp;พระราชทานถ้วยรางวัลให้แก่ผู้ชนะเลิศการแข่งขัน&nbsp;1&nbsp;รุ่น&nbsp;คือ&nbsp;รุ่นสยาม&nbsp;จีที&nbsp;ซึ่งจะทำการแข่งขันในวันที่&nbsp;23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายพิพัฒน์&nbsp;รัชกิจประการ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา</strong>&nbsp;กล่าวขอบคุณหน่วยงานภาครัฐและเอกชน&nbsp;ที่ร่วมกันสร้างกิจกรรมการกีฬาต่อยอดการท่องเที่ยวในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์&nbsp;ซึ่งจะเป็นการเพิ่มจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงกีฬาระดับโลกให้กับประเทศไทย&nbsp;โดยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์&nbsp;ถือเป็นเมืองที่มีเสน่ห์&nbsp;มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามเหมาะสมกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว&nbsp;สร้างรายได้หมุนเวียน&nbsp;ฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง&nbsp;และสนามแข่งขันเฉพาะกิจ&nbsp;พีที&nbsp;ประจวบสตรีท&nbsp;เซอร์กิต&nbsp;จะเป็นจุดเช็คอินแห่งใหม่ในการดึงดูดนักท่องเที่ยว&nbsp;เป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์&nbsp;และพื้นที่ใกล้เคียง&nbsp;ซึ่งจะมีการส่งเสริมให้กิจกรรมการแข่งขันรถยนต์รายการนี้เป็นกิจกรรมประจำปีของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์&nbsp;ต่อไป</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำหรับประชาชนที่สนใจชมการแข่งขัน&nbsp;</strong>สามารถรับชมได้ผ่านการไลฟ์สตรีมมิ่งทางเพจ<span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(77,&nbsp;81,&nbsp;86);">&nbsp;เฟซบุ๊ก</span>&nbsp;PT&nbsp;Maxnitron&nbsp;Motorsport&nbsp;วันเสาร์ที่&nbsp;22&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ทำการแข่งขันตั้งแต่เวลา&nbsp;08.00-17.00&nbsp;น.&nbsp;วันอาทิตย์ที่&nbsp;23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;แข่งขันตั้งแต่เวลา&nbsp;08.00-17.00&nbsp;น.</p>22/1/2022ภาคตะวันตกประจวบคีรีขันธ์สวท.ประจวบคีรีขันธ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122121802276 ผู้ว่าฯ พาณิชย์ แม่ฮ่องสอน นำทีมหน่วยงานในจังหวัด ติดตามสถานการณ์สินค้า<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(22&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;เวลา&nbsp;09.30&nbsp;น.</strong>&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;นายเชษฐา&nbsp;โมสิกรัตน์&nbsp;พร้อมด้วยพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;(นางสาวยุพา&nbsp;นาคา)&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย&nbsp;จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;และเจ้าหน้าที่ตำรวจ&nbsp;สถานีตำรวจภูธรเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;ไก่สด&nbsp;และไข่ไก่&nbsp;และสถานที่จัดเก็บสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ได้แก่&nbsp;1?.ตลาดสดเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;(ตลาดสายหยุด)&nbsp;2.ซีพีเฟรชมาร์ท&nbsp;3?.เบทาโกร&nbsp;4?.ร้านหมูอินเตอร์&nbsp;5?.ร้านธัมมาทรัพย์เจริญ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ผลการตรวจสอบ&nbsp;พบว่าผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าชัดเจน&nbsp;สินค้ามีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค</strong>&nbsp;อาทิ&nbsp;น้ำมันปาล์ม&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;ราคา&nbsp;55-60&nbsp;บาท&nbsp;น้ำมันถั่วเหลือง&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;ราคา&nbsp;57-60&nbsp;บาท&nbsp;หมูเนื้อแดงขนาด&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ราคา&nbsp;200-220&nbsp;บาท&nbsp;ไข่ไก่เบอร์&nbsp;2&nbsp;ราคาแผงละ&nbsp;89-114&nbsp;บาท&nbsp;ไข่ไก่เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคาแผงละ&nbsp;85-105&nbsp;บาท&nbsp;เนื้ออกไก่&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ราคา&nbsp;75-100&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน</strong>&nbsp;<strong>ร่วมกับร้านภาคเหนือหมูสด&nbsp;</strong>ดำเนินโครงการ&nbsp;"หมูพาณิชย์…&nbsp;ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;ตามนโยบายรองนายกรัฐมนตรี&nbsp;และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;(นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์)&nbsp;เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;เป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;โดยจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;5-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;5&nbsp;จุด&nbsp;ในอำเภอเมือง&nbsp;ขุนยวม&nbsp;ปางมะผ้าและปาย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำหรับจังหวัดแม่ฮ่องสอนไม่มีปริมาณการครอบครองสุกรชำแหละผาซีก</strong>&nbsp;เนื้อสุกรชำแหละแยกชิ้นส่วน&nbsp;ที่มีปริมาณรวมกันตั้งแต่ห้าพันกิโลกรัมขึ้นไปตามประกาศ&nbsp;กกร&nbsp;ฉบับที่&nbsp;2&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;และเจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ร้านค้าปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ&nbsp;และจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้มอบหมายพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ร่วมกับปศุสัตว์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ปกครองอำเภอ&nbsp;และเจ้าหน้าที่ตำรวจ&nbsp;ออกตรวจติดตามสถานการณ์สินค้า&nbsp;ณ&nbsp;ร้านขายส่ง/ขายปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ตลาดสด&nbsp;และร้านจำหน่ายเนื้อหมูในพื้นที่ทุกอำเภอจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย</p>22/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122123545280 จังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับภาครัฐ เอกชน และเครือข่ายกลุ่มเกษตรกร จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ตลาดนัดทุกวันเสาร์ ครั้งที่ 2 ให้ประชาชนได้ซื้อสินค้าในราคาที่ประหยัด<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายพงศ์รัตน์&nbsp;ภิรมย์รัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี</strong>&nbsp;มอบหมายให้นายสมเพชร&nbsp;สร้อยสระคู&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;ร่วมกับรองนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี&nbsp;หัวหน้าสำนักงานจังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;เจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;และเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;ตรวจติดตามและเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า&nbsp;กลุ่มเกษตรสีเขียว&nbsp;เครือข่ายโคก&nbsp;หนอง&nbsp;นา&nbsp;เกษตรกร&nbsp;และประชาชน&nbsp;นำสินค้าอุปโภคบริโภคจำหน่ายให้กับประชาชน&nbsp;ที่บริเวณตลาดนัดราคาประหยัด&nbsp;ลานขวัญเมือง&nbsp;ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;(หลังเก่า)</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>โดยวันนี้&nbsp;(22&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;เป็นการจำหน่ายสินค้าทุกวันเสาร์&nbsp;ซึ่งเป็นครั้งที่&nbsp;2</strong>&nbsp;มีสินค้าที่นำมาจำหน่าย&nbsp;ได้แก่&nbsp;อุปโภคบริโภค&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;พืชผักสวนครัว&nbsp;ผลไม้&nbsp;และอาหารแห้ง&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากสถานการณ์สินค้ามีแนวโน้มสูงขึ้น&nbsp;เพื่อเพิ่มช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในราคาประหยัดให้แก่ประชาชน&nbsp;รวมทั้งเพื่อให้เกิดการ&nbsp;กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและการบริโภค&nbsp;ซึ่งจะก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น</p>22/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุบลราชธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุบลราชธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122124829286 ผู้ว่าฯ ลำปาง นำทีมติดตามสถานการณ์สินค้าอุปโภค-บริโภค แก้ปัญหาค่าครองชีพประชาชน<p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมลงพื้นที่ตลาดชุมชน&nbsp;ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค&nbsp;ป้องกันการเอารัดเอาเปรียบช่วยเหลือประชาชนด้านค่าครองชีพ</p><p><strong>นายสิธิชัย&nbsp;จินดาหลวง&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;น.ส.&nbsp;เยาวเรศ&nbsp;แซ่โค้ว&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำปาง&nbsp;นายศร&nbsp;ธีปฎิมากร&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดลำปาง&nbsp;และเจ้าหน้าที่จากสังกัดหน่วยงานต่างๆ&nbsp;ที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ทั้งจากสำนักงานจังหวัด&nbsp;ฝ่ายปกครองจังหวัด&nbsp;พาณิชย์จังหวัด&nbsp;ตำรวจภูธรเมืองลำปาง&nbsp;เจ้าหน้าที่สำนักงานสาขาชั่งตวงวัดเขต&nbsp;1-2&nbsp;ลำปาง&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัด&nbsp;เจ้าหน้าที่&nbsp;กอ.รมน.&nbsp;และเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน&nbsp;สคบ.จังหวัดลำปาง&nbsp;ในนามคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดลำปาง&nbsp;ร่วมลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์การจำหน่วยสินค้าอุปโภค-บริโภค&nbsp;พร้อมติดตามโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ตามข้อสั่งการของกระทรวงมหาดไทย&nbsp;เพื่อดำเนินการแก้ไขและบรรเทาปัญหาผลกระทบด้านค่าครองชีพแก่ครัวเรือนประชาชน&nbsp;ป้องปรามไม่ให้มีการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นเกินราคา&nbsp;กักตุน&nbsp;หรือปฏิเสธการจำหน่าย</p><p><strong>ทั้งนี้</strong>&nbsp;เนื่องด้วยปัจจุบันเป็นช่วงที่ผลผลิตสินค้าทางการเกษตรได้มีการปรับราคาสูงขึ้น&nbsp;โดยเฉพาะเนื้อหมูที่พบว่ามีปริมาณการผลิตออกสู่ท้องตลาดลดลง&nbsp;และด้วยต้นทุนการเลี้ยงสุกรที่ได้มีการปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;ทำให้เนื้อหมูที่มีจำหน่ายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปมีราคาแพง&nbsp;จากเดิมกิโลกรัมละ&nbsp;170-180&nbsp;บาท&nbsp;พุ่งขึ้นเป็นกิโลกรัมละกว่า&nbsp;230&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งคาดการณ์ว่าเนื้อหมูอาจจะมีราคาแพงขึ้นได้อีก&nbsp;เฉพาะอย่างยิ่งก่อนช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;และช่วงเทศกาลสงกรานต์&nbsp;โดยอาจทำให้เกิดกักตุนสินค้า&nbsp;ซึ่งเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค&nbsp;ทั้งยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายมีโทษทั้งจำและปรับ&nbsp;ดังนั้นเพื่อจะป้องปรามไม่ให้เกิดข้อพิพาทในลักษณะดังกล่าว&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง&nbsp;จึงได้นำทีมเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ออกติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรตามตลาดชุมชนในเขตพื้นที่&nbsp;เพื่อเป็นการย้ำเตือนและประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ป้องกันการกระทำที่ผิดกฎหมาย</p><p><strong>โดยล่าสุด</strong>&nbsp;ได้ทำการลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตร&nbsp;พืชผัก&nbsp;ผลไม้&nbsp;และเนื้อสัตว์&nbsp;ที่วางจำหน่ายภายในบริเวณตลาดชุมชนต้นยาง&nbsp;ตำบลพิชัย&nbsp;อำเภอเมืองลำปาง&nbsp;ซึ่งจากการติดตามตรวจสอบราคาพบว่าสินค้าเกษตรส่วนใหญ่ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ&nbsp;มีเพียงอาหารทะเลบางรายการ&nbsp;และไข่ไก่ที่มีการปรับราคาสูงขึ้นเล็กน้อย&nbsp;ส่วนเนื้อหมูมีการปรับราคาสูงขึ้นโดยเนื้อหมูสดตามเขียงหมูในตลาดพ่อค้าแม่ค้าจะจำหน่ายกันในราคากิโลกรัมละ&nbsp;230&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งจากการสอบถามแม่ค้าขายเนื้อหมูในตลาดต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า&nbsp;ช่วงนี้เนื้อหมูมีราคาแพงมาก&nbsp;ทำให้ผู้บริโภคซื้อหมูไปรับประทานกันน้อยลง&nbsp;และส่วนใหญ่จะซื้อปริมาณครั้งละ&nbsp;50-60&nbsp;บาทเท่านั้น&nbsp;ส่วนกำไรแทบไม่เหลือเพราะหมู&nbsp;1&nbsp;ตัว&nbsp;ต้องใช้เวลาขาย&nbsp;2&nbsp;วัน&nbsp;กว่าจะหมด&nbsp;โดยในส่วนของความช่วยเหลืออยากให้มีการคุมราคาสินค้าลดราคาเนื้อหมูลงตั้งแต่ต้นทาง&nbsp;รวมถึงอยากให้รัฐช่วยเหลือในเรื่องค่าภาษีเพราะทุกวันนี้พ่อค้าแม่ค้าเนื้อหมู&nbsp;ต้องจ่ายภาษีให้รัฐสูงมาก&nbsp;ถึงปีละกว่า&nbsp;37,000&nbsp;บาท</p><p><strong>ด้านนายสิธิชัย&nbsp;จินดาหลวง&nbsp;</strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;จากสถานการณ์เนื้อหมูราคาแพงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้&nbsp;เป็นผลกระทบอันเนื่องมาจากปัญหาเรื่องวัตถุดิบ&nbsp;อาหารสัตว์มีการปรับราคาสูงขึ้นและปัญหาเรื่องโรคระบาดในสุกร&nbsp;เบื้องต้นทางหน่วยงานกระทรวงพาณิชย์ได้มีการดำเนินการช่วยเหลือประชาชนผู้บริโภค&nbsp;โดยร่วมกับผู้ประกอบการจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;“ร้านหมูอินเตอร์”&nbsp;จัดโปรโมชั่นพิเศษลดราคาเนื้อหมู&nbsp;(เนื้อแดง)&nbsp;จำหน่ายกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งกำหนดเงื่อนไขลดราคาให้กับผู้บริโภค&nbsp;1&nbsp;คน/กิโลกรัม&nbsp;และจะจำหน่ายเนื้อหมูในราคานี้เพียง&nbsp;50&nbsp;กิโลกรัม/วัน&nbsp;เพื่อให้การช่วยเหลือกระจายไปอย่างทั่วถึงและไม่กระทบกับผู้ประกอบการรายย่อย&nbsp;ส่วนการแก้ปัญหาในระยะยาวได้เร่งที่จะดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล&nbsp;ทั้งการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร&nbsp;โดยเกษตรกรที่ต้องการอยากเลี้ยงแม่พันธุ์ก็จะมีการจัดหาแม่พันธุ์ให้รายละ&nbsp;2&nbsp;ตัว&nbsp;หรือหากต้องการเลี้ยงสุกรขุน&nbsp;ก็จะจัดหาลูกสุกรขุนให้รายละ&nbsp;20&nbsp;ตัว&nbsp;รวมไปถึงร่วมกับธนาคาร&nbsp;ธกส.&nbsp;เปิดให้สินเชื่อดอกเบี้ยถูก&nbsp;ส่วนปัญหาโรคระบาดจะให้หน่วยงานปศุสัตว์คอยเฝ้าระวังติดตามช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรทุกราย&nbsp;โดยตามแนวทางการช่วยเหลือนี้ในอีก&nbsp;4&nbsp;ข้างหน้า&nbsp;ตามวงรอบของการเลี้ยงสุกร&nbsp;คาดว่าจะมีปริมาณเนื้อสุกรเข้าสู่ตลาดมากขึ้นและราคาก็จะลดลงเป็นปกติ</p><p><strong>อย่างไรก็ตามในการนี้จังหวัดลำปาง&nbsp;</strong>ขอแจ้งเตือนและขอความร่วมมือผู้ประกอบการอย่าได้ฉวยโอกาสกักตุนสินค้า&nbsp;ห้ามจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นในราคาเกินสมควร&nbsp;และให้ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าอย่างชัดเจน&nbsp;โดยหากพบการกระทำความผิดจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย&nbsp;พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542&nbsp;ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับไม่เกิน&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ&nbsp;ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิด&nbsp;สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลําปาง&nbsp;โทร&nbsp;0-5426-5087</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>22/1/2022ภาคเหนือลำปางสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122132453295 ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน บูรณาการร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจติดตาม สถานการณ์ปัญหาราคา การจำหน่ายสินค้าบริโภคและอุปโภค<p><strong>วันนี้&nbsp;(22&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายเชษฐา&nbsp;โมสิกรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;</strong>พร้อมด้วยนายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;ผกก.สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;พาณิชย์จังหวัด&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัด&nbsp;และประชาสัมพันธ์จังหวัด&nbsp;ร่วมลงพื้นที่&nbsp;ตรวจติดตามสถานการณ์ปัญหาราคา&nbsp;การจำหน่ายสินค้าบริโภคและอุปโภค&nbsp;ในตลาดสายหยุด&nbsp;และร้านค้าปลีก-ค้าส่งเนื้อสัตว์&nbsp;ในเขตเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;เพื่อติดตามสถานการณ์ปัญหาราคา&nbsp;สินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน&nbsp;โดยจากการสำรวจพบว่าสินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;โดยเฉพาะเนื้อหมูที่มีราคาสูงขึ้นกว่าเท่าตัว&nbsp;แต่ยอดขายลดลงเนื่องจากราคาเนื้อหมูที่สูง&nbsp;ประชาชนจึงหันไปบริโภคเนื้อสัตว์ชนิดอื่นแทน</p><p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;รัฐบาลมีความห่วงใย&nbsp;ได้สั่งการให้ทุกจังหวัดติดตามสถานการณ์ปัญหาราคาการจำหน่ายสินค้าบริโภคและอุปโภค&nbsp;โดยเฉพาะเนื้อหมู&nbsp;ซึ่งจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ติดตามสถานการณ์ตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา&nbsp;ต่างได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการในการตรวจสอบ&nbsp;พบว่าสินค้ามีการปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;ซึ่งเป็นไปตามกลไกการตลาด&nbsp;และปริมาณสินค้ายังคงมีเพียงพอ&nbsp;ต่อการอุปโภคบริโภค&nbsp;ไม่พบการกักตุนสินค้าแต่อย่างใด&nbsp;โดยได้แนะนำให้ผู้ค้าปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าให้ชัดเจน&nbsp;และขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึง&nbsp;หรือลดราคาสินค้าที่จำเป็น&nbsp;เพื่อช่วยเหลือประชาชน</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ผู้ว่าราชการแม่ฮ่องสอน</strong>&nbsp;ในฐานะประธานคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;(กจร.)&nbsp;ได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมตรวจสอบราคาสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;โดยกำชับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตาม&nbsp;พ.ร.บ.&nbsp;ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;โดยปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าให้ชัดเจน&nbsp;ห้ามจำหน่ายสินค้าในราคาแพงเกินสมควร&nbsp;ห้ามกักตุนหรือปฏิเสธการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพของประชาชน</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>22/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122142435322 สบค.พังงาร่วมพาณิชย์พังงา ลงตรวจสอบร้านจำหน่ายเนื้อหมู<p><strong>สำนักงานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดพังงา&nbsp;</strong>ร่วมกับ&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพังงา&nbsp;อำเภอตะกั่วป่า&nbsp;ตำรวจภูธรจังหวัดพังงา&nbsp;สถานีตำรวจภูธรตะกั่วป่า&nbsp;และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด&nbsp;ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า&nbsp;จำนวน&nbsp;5&nbsp;แห่ง&nbsp;คือ&nbsp;1)&nbsp;ตลาดสด&nbsp;บขส.ตะกั่วป่า&nbsp;2)&nbsp;ห้างบิ๊กซี&nbsp;สาขาตะกั่วป่า&nbsp;3)&nbsp;ซุปเปอร์ชิป&nbsp;สาขาคึกคัก&nbsp;4)&nbsp;ห้องแช่&nbsp;บริษัท&nbsp;ZAINO&nbsp;IF&amp;B&nbsp;จำกัด&nbsp;5)&nbsp;ห้องแช่&nbsp;บริษัท&nbsp;รีฟัลเจิน&nbsp;จำกัด</p><p><strong>ผลการลงพื้นที่สรุปได้ว่า</strong>&nbsp;มีการจำหน่ายสินค้าปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;และไม่พบการกักตุนเนื้อหมูแต่อย่างใด&nbsp;ในส่วนของราคาสินค้ามีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงตามสภาวะและกลไกของตลาด&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;คณะตรวจสอบได้ขอความร่วมมือพ่อค้า-แม่ค้า&nbsp;และผู้ประกอบการไม่ให้มีการกักตุนสินค้าและให้มีการจำหน่ายสินค้าที่เหมาะสม</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>22/1/2022ภาคใต้พังงาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพังงาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122142739323 กรมการขนส่งทางบก เตือนประชาชนที่จะขอรับใบอนุญาตขับขี่ต้องมาดำเนินการด้วยตนเองที่สำนักงานขนส่งเท่านั้น <p><strong&nbsp;style="background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);&nbsp;color:&nbsp;black;">นางพรรณี&nbsp;พุ่มพันธ์&nbsp;รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก&nbsp;กล่าวว่า</strong><span&nbsp;style="background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);&nbsp;color:&nbsp;black;">&nbsp;ขณะนี้กรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับมิจฉาชีพ&nbsp;แอบอ้างเป็นกรมการขนส่งทางบก&nbsp;หรือ&nbsp;Department&nbsp;of&nbsp;Land&nbsp;Transport&nbsp;(DLT)&nbsp;สร้างบัญชีไลน์ปลอม&nbsp;เฟซบุ๊กปลอม&nbsp;รับทำใบอนุญาตขับรถทางออนไลน์&nbsp;โดยมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากประชาชนในการทำใบอนุญาตขับรถในราคา&nbsp;2,000&nbsp;-&nbsp;12,000&nbsp;บาท&nbsp;ตามประเภทของรถ&nbsp;และต้องส่งข้อมูลส่วนบุคคล&nbsp;เพื่อรับทำและจัดหาใบอนุญาตขับรถบนโลกออนไลน์&nbsp;โดยไม่ต้องอบรมหรือทดสอบ&nbsp;เพียงแค่จ่ายเงินก็รอรับใบอนุญาตขับรถได้ที่บ้าน&nbsp;โดยยืนยันว่ากรณีดังกล่าวไม่เป็นความจริง&nbsp;ขั้นตอนการขอรับใบอนุญาตขับรถทุกชนิดมีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ&nbsp;ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถต้องดำเนินการด้วยตนเองทุกขั้นตอนที่สำนักงานขนส่งเท่านั้น</span></p><p><strong&nbsp;style="background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);&nbsp;color:&nbsp;black;">กรมการขนส่งทางบก&nbsp;ได้ย้ำเตือนไปยังประชาชน</strong><span&nbsp;style="background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);&nbsp;color:&nbsp;black;">&nbsp;หากพบเห็นการโฆษณารับทำใบอนุญาตขับรถโดยไม่ต้องมีขั้นตอนการอบรมหรือทดสอบ&nbsp;ขอให้สันนิษฐานว่าเป็นมิจฉาชีพและอย่าหลงเชื่อโอนเงินโดยเด็ดขาด&nbsp;หากผู้ที่หลงเชื่อได้รับใบอนุญาตขับรถปลอม&nbsp;นำไปใช้จะมีความผิดตามกฎหมายอาญา&nbsp;อีกทั้งเสี่ยงต่อการถูกนำข้อมูลส่วนตัวไปแอบอ้างทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย&nbsp;แอบอ้างนำข้อมูลไปกู้เงินออนไลน์&nbsp;รวมไปถึงการนำไปในก่อคดีอาชญากรรมร้ายแรงได้</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);&nbsp;color:&nbsp;black;"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>22/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122203539452 ผู้ว่าฯ สกลนคร เปิดงานมหกรรมโคเนื้อโคขุนจังหวัดสกลนคร ประจำปี 2565 พร้อมจัดประกวดโค-กระบือชิงถ้วยพระราชทานฯ<p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร&nbsp;เปิดงานมหกรรมโคเนื้อโคขุนจังหวัดสกลนคร&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;และจัดประกวดโค-กระบือ&nbsp;ชิงถ้วยพระราชทาน&nbsp;สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า&nbsp;กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ&nbsp;สยามบรมราชกุมารี</strong>&nbsp;</p><p><strong>วันที่&nbsp;22&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</strong>&nbsp;ที่สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว&nbsp;เฉลิมพระชนมพรรษา&nbsp;80&nbsp;พรรษา&nbsp;จังหวัดสกลนคร&nbsp;นางจุรีรัตน์&nbsp;เทพอาสน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร&nbsp;เป็นประธานเปิดงานมหกรรมโคเนื้อโคขุนจังหวัดสกลนคร&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;ภายใต้โครงการ&nbsp;SANOOK&nbsp;Color&nbsp;Food&nbsp;Valley&nbsp;"Diversity&nbsp;of&nbsp;Function&nbsp;Organic"&nbsp;โดยมีนายวีระสันติ&nbsp;ประทุมพล&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดสกลนคร&nbsp;กล่าวรายงาน&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร&nbsp;นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร&nbsp;เทศบาลนครสกลนคร&nbsp;ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;และประชาชนเข้าร่วมงาน&nbsp;โคเนื้อถือเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย&nbsp;ความต้องการบริโภคเนื้อโคภายในประเทศ&nbsp;มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนประชากร&nbsp;รูปแบบการเลี้ยงโคเนื้อในปัจจุบันจึงปรับเปลี่ยนเป็นการเลี้ยงเชิงธุรกิจ&nbsp;เกษตรกรจำเป็นจะต้องมีรูปแบบการเลี้ยงอย่างจริงจัง&nbsp;เลือกใช้พันธุ์ที่เหมาะสมต่อรูปแบบการผลิต&nbsp;และมีการวางแผนการผลิตอย่างเป็นระบบ</p><p><strong>ภายในงานได้จัดการประกวดโคเนื้อพันธุ์อเมริกันบราห์มัน&nbsp;</strong>&nbsp;โคเนื้อลูกผสมชาร์โรเลส์&nbsp;และประกวดกระบือ&nbsp;ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า&nbsp;กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ&nbsp;สยามบรมราชกุมารี&nbsp;พร้อมจัดนิทรรศการการแสดงพันธุ์สัตว์&nbsp;พันธุ์พืชอาหารสัตว์&nbsp;สาธิตการเลี้ยงโคขุน&nbsp;การจำหน่ายเนื้อโคขุน&nbsp;และสินค้าปสุสัตว์&nbsp;รวมถึงการประกวดการทำอาหารประเภทลาบ&nbsp;และส้มวัว&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>นายวีระสันติ&nbsp;ประทุมพล&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดสกลนคร&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;จังหวัดสกลนครมีศักยภาพในการส่งเสริม&nbsp;และพัฒนาการผลิตโคเนื้อโคขุนคุณภาพ&nbsp;ทุกปี&nbsp;จังหวัดสกลนครได้สนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาเกษตรกร&nbsp;ในด้านความรู้&nbsp;ทักษะความชำนาญ&nbsp;การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง&nbsp;รวมทั้งมุ่งเน้นในการประชาสัมพันธ์&nbsp;การเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้มากขึ้น&nbsp;อีกทั้งในจังหวัดสกลนครมีสหกรณ์การเลี้ยงปศุสัตว์&nbsp;กรป.กลาง&nbsp;โพนยางคำ&nbsp;จำกัด&nbsp;ที่ผลิตเนื้อโคขุนโพนยางคำซึ่งเป็นเนื้อโคคุณภาพสูง&nbsp;ให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องและยาวนาน&nbsp;จึงเป็นการสร้างโอกาสในเชิงธุรกิจ&nbsp;ก่อให้เกิดรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกร&nbsp;ในจังหวัดสกลนครได้เป็นอย่างดี&nbsp;ตอบสนองนโยบายจังหวัด&nbsp;ที่มีวิสัยทัศน์&nbsp;"เป็นแหล่งเกษตรปลอดภัย&nbsp;ก้าวไกลการค้าพัฒนาการท่องเที่ยว"</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;</p>22/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสกลนครสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสกลนครhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122144114334 รัฐบาลเดินหน้า “โครงการพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน ปี 2565” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงของแพง<p><strong>สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า</strong>&nbsp;คณะรัฐมนตรี&nbsp;มีมติเห็นชอบอนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายงบกลาง&nbsp;รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น&nbsp;วงเงินรวมทั้งสิ้น&nbsp;1,480&nbsp;ล้านบาท&nbsp;เพื่อดำเนิน&nbsp;“โครงการพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ปี&nbsp;2565”&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19&nbsp;เพิ่มช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในราคาประหยัดให้แก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึง&nbsp;รวมทั้งเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและการบริโภค&nbsp;ซึ่งจะก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น</p><p><strong>สำหรับรูปแบบของโครงการ</strong>จะเป็นการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพให้แก่ประชาชนในราคาประหยัด&nbsp;อาทิ&nbsp;กิจกรรมจัดจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ&nbsp;ในบริเวณต่างๆ&nbsp;อาทิ&nbsp;ร้านสะดวกซื้อ&nbsp;ห้างท้องถิ่น&nbsp;ตลาด&nbsp;ลานอเนกประสงค์&nbsp;และสถานีบริการน้ำมันไม่น้อยกว่า&nbsp;3,000&nbsp;จุด&nbsp;ตามแหล่งชุมชนในพื้นที่กรุงเทพฯ&nbsp;และอีก&nbsp;76&nbsp;จังหวัด&nbsp;กิจกรรมจัดจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นผ่านรถ&nbsp;Mobile&nbsp;ไม่น้อยกว่า&nbsp;50&nbsp;คัน&nbsp;ตามแหล่งชุมชนในพื้นที่กรุงเทพฯ&nbsp;และปริมณฑล&nbsp;โดยมีการจัดหาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพตามชนิด&nbsp;ปริมาณ?และราคาตามที่กรมการค้าภายในกำหนดจากสมาคม&nbsp;ผู้ค้าปลีก-ค้าส่ง&nbsp;และ&nbsp;supplier&nbsp;&nbsp;ในพื้นที่&nbsp;เพื่อนำมาจำหน่ายในจุดจัดจำหน่าย</p><p><strong>โครงการกระทรวงพาณิชย์</strong>&nbsp;“โครงการพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;(หมูเนื้อแดง)&nbsp;เปิดจุดขายหมูเนื้อแดงในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพรวม&nbsp;92&nbsp;แห่งทั่วประเทศ&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดได้ประสานกับตลาดหรือสถานที่จัดจุดจำหน่ายให้แก่ประชาชนตั้งแต่วันนี้-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p><strong>สำหรับจังหวัดแพร่ได้ดำเนินการ&nbsp;</strong>“โครงการพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;ขายเนื้อหมูกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;9&nbsp;แห่งคือ&nbsp;จุดที่&nbsp;1&nbsp;ร้านเขียงหมูน้ำทองฟาร์ม&nbsp;ถนนเหมืองหิต&nbsp;ตำบลในเวียง&nbsp;อำเภอเมืองแพร่&nbsp;จุดที่&nbsp;2&nbsp;หมูอินเตอร์สาขาชมภูมิ่ง&nbsp;ถนนช่อแฮ&nbsp;ตำบลในเวียง&nbsp;อำเภอเมืองแพร่&nbsp;จุดที่&nbsp;3&nbsp;หมูอินเตอร์สาขาลอง&nbsp;ตำบลห้วยอ้อ&nbsp;อำเภอลอง&nbsp;จุดที่&nbsp;4&nbsp;หมูอินเตอร์สาขาร้องกวาง&nbsp;ตำบลร้องกวาง&nbsp;อำเภอร้องกวางจุดที่&nbsp;5&nbsp;อินเตอร์สาขาวังชิ้น&nbsp;ตำบลวังชิ้น&nbsp;อำเภอวังชิ้น&nbsp;จุดที่&nbsp;6&nbsp;ร้านทอฝันหมูสดแพร่&nbsp;สาขาอำเภอสูงเม่น&nbsp;ตำบลพระหลวง&nbsp;อำเภอสูงเม่น&nbsp;จุดที่&nbsp;7&nbsp;ร้านทอฝันหมูสดแพร่&nbsp;สาขาอำเภอหนองม่วงไข่&nbsp;ตำบลหนองม่วงไข่&nbsp;อำเภอหนองม่วงไข่&nbsp;จุดที่&nbsp;8&nbsp;ร้านทอฝันหมูสดแพร่&nbsp;สาขาอำเภอเด่นชัย&nbsp;ตำบลเด่นชัย&nbsp;อำเภอเด่นชัย&nbsp;และจุดที่&nbsp;9&nbsp;ร้านทอฝันหมูสดสอง&nbsp;ตำบลบ้านกลาง&nbsp;อำเภอสอง&nbsp;นอกจากนี้สำหรับโครงการอื่นๆ&nbsp;ที่อยู่ใน“โครงการพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;อยู่ระหว่างดำเนินการและประสานร้านค้า&nbsp;สถานีบริการน้ำมันหรือสถานที่ที่เหมาะสมอีกกว่า&nbsp;3,000&nbsp;แห่ง</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;</strong>โครงการ&nbsp;พาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;จะช่วยลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงการระบาดของโควิด-19&nbsp;และภาวะการปรับราคาสินค้าขึ้นอย่างต่อเนื่องจากโรคระบาดในสัตว์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน&nbsp;อีกทั้งจะเป็นเพิ่มช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันในราคาประหยัด</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>22/1/2022ภาคเหนือแพร่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122141827319 กระทรวงคมนาคม เตรียมความพร้อมเปิดให้บริการท่าอากาศยานเบตง <p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">นายสรพงศ์&nbsp;ไพฑูรย์พงษ์&nbsp;รองปลัดกระทรวงคมนาคม</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">&nbsp;เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการท่าอากาศยานเบตง&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;ว่า&nbsp;เพื่อรองรับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและเพื่อความมั่นคงของ&nbsp;3&nbsp;จังหวัดชายแดนใต้&nbsp;และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอเบตง&nbsp;นายศักดิ์สยาม&nbsp;ชิดชอบ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม&nbsp;มีนโยบายเร่งรัดการเปิดให้บริการท่าอากาศยานเบตงโดยเร็ว&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">ล่าสุดที่ประชุมติดตามการดำเนินการเตรียมความพร้อม</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">ในการเปิดให้บริการท่าอากาศยานเบตง&nbsp;โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย&nbsp;กรมท่อากาศยาน&nbsp;สายการบินนกแอร์&nbsp;ร่วมกับผู้แทนหน่วยงานในพื้นที่&nbsp;อำเภอเบตง&nbsp;โดย&nbsp;สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย&nbsp;รายงานว่าจะสามารถออกใบรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะให้ท่าอากาศยานเบตง&nbsp;ได้ภายในเดือนมกราคมนี้และที่ผ่านมา&nbsp;ได้อนุมัติเส้นทางบินกรุงเทพ-เบตง&nbsp;และหาดใหญ่-เบตง&nbsp;วันละ&nbsp;1&nbsp;เที่ยว&nbsp;ให้แก่สายการบินนกแอร์เรียบร้อยแล้วขณะที่สายการบินนกแอร์ยืนยันความพร้อม&nbsp;ที่จะทำการบินไปยังท่าอากาศยานเบตง&nbsp;ด้วยอากาศยานประเภท&nbsp;&nbsp;Q400&nbsp;จำนวน&nbsp;86&nbsp;ที่นั่ง&nbsp;โดยขอความอนุเคราะห์&nbsp;ทำประกันที่นั่ง&nbsp;ร้อยละ&nbsp;75&nbsp;ที่ประชุมจึงมอบหมายให้จังหวัดยะลา&nbsp;หารือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;หอการค้าจังหวัด&nbsp;สภาอุตสาหกรรมจังหวัด&nbsp;สมาคมธุกิจท่องเที่ยวอำเภอเบตง&nbsp;และสายการบินนกแอร์&nbsp;เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการแก่ประชาชนได้ทันตามกำหนดและให้เกิดความชัดเจน&nbsp;เพื่อหาข้อสรุปโดยเร็วในการเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์อย่างเป็นทางการภายหลังได้ข้อยุติ</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">สำหรับขีดความสามารถท่าอากาศยานเบตง</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">&nbsp;มีความยาวทางวิ่งขนาด&nbsp;30&nbsp;คูณ&nbsp;1,800&nbsp;เมตร&nbsp;รองรับอากาศยานขนาดไม่เกิน&nbsp;80&nbsp;ที่นั่ง&nbsp;ลาดจอดเครื่องบินรองรับได้จำนวน&nbsp;3&nbsp;ลำ&nbsp;อาคารที่พักผู้โดยสารสามารถรองรับปริมาณผู้โดยสาร&nbsp;300&nbsp;คนต่อชั่วโมง&nbsp;หรือประมาณ&nbsp;800,000&nbsp;คนต่อปี&nbsp;อยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งเครื่องตรวจอาวุธและวัตถุระเบิดแบบ&nbsp;EDS&nbsp;และเครื่อง&nbsp;X-Ray&nbsp;4&nbsp;เครื่อง&nbsp;และทางเข้า-ออก&nbsp;Airside&nbsp;4&nbsp;จุดและอุปกรณ์ความปลอดภัยสนามบินตามมาตรฐานสากล</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>22/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122203251450 จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดงานมหกรรมกินปูม้าขยายผลธนาคารปูม้ายกระดับเศรษฐกิจฐานราก ต่อยอดการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวิถีประมงปูม้าตามอัตลักษณ์พื้นที่<p><strong>วันนี้&nbsp;(22&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ที่ลานโปรโมชั่น&nbsp;ชั้น&nbsp;1&nbsp;ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา&nbsp;นครศรีธรรมราช&nbsp;</strong>นายไตรรัตน์&nbsp;ไชยรัตน์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;เป็นประธานเปิดงานมหกรรมกินปูม้า&nbsp;นครศรีธรรมราช&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2&nbsp;Amazing&nbsp;Crab&nbsp;Feeder&nbsp;โดยมี&nbsp;ผศ.ดร.อมรศักดิ์&nbsp;สวัสดี&nbsp;ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการ&nbsp;มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์&nbsp;นายพรศักดิ์&nbsp;ศักดิ์ธานี&nbsp;ประมงจังหวัด&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;ผู้แทนหน่วยงาน&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรม</p><p><strong>สำหรับงานมหกรรมกินปูม้า&nbsp;นครศรีธรรมราช&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2</strong>&nbsp;สืบเนื่องจากโครงการการถ่ายทอดและขยายผลธนาคารปูม้าเพื่อ&nbsp;“คืนปูม้าสู่ทะเลไทย”&nbsp;และต่อยอดงานวิจัยเพื่อยกระดับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนตามแนวทาง&nbsp;BCG&nbsp;Economy&nbsp;ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;ทั้งนี้เพื่อสร้างธนาคารปูม้าในพื้นที่ซึ่งชุมชนมีความต้องการและมีความเหมาะสม&nbsp;รวมทั้งสร้างศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้า&nbsp;เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และทักษะต่างๆ&nbsp;ในการทำธนาคารปูม้าให้กับชุมชนใกล้เคียง&nbsp;สร้างความตระหนักในการฟื้นฟูทรัพยากรปูม้า&nbsp;โดยโครงการในระยะที่&nbsp;2&nbsp;ได้จัดสร้างธนาคาร&nbsp;จำนวน&nbsp;19&nbsp;ธนาคาร&nbsp;และศูนย์เรียนรู้ธนาคารปูม้าจำนวน&nbsp;5&nbsp;แห่ง&nbsp;มีการปล่อยปูม้า&nbsp;ในระยะเวลา&nbsp;10&nbsp;เดือนของการดำเนินโครงการ&nbsp;โดยกลุ่มธนาคารปูม้าได้นำปูไข่นอกกระดองเข้าธนาคารโดยเฉลี่ยจำนวน&nbsp;89&nbsp;ตัวต่อธนาคารต่อเดือน&nbsp;และปล่อยลูกปูม้าคืนสู่ทะเลไทยในระยะที่&nbsp;2&nbsp;จำนวน&nbsp;15,837&nbsp;ตัว</p><p><strong>นอกจากนี้โครงการธนาคารปูม้า&nbsp;</strong>ยังได้ต่อยอดทางด้านส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวิถีประมงปูม้า&nbsp;มีแผนการท่องเที่ยวตามอัตลักษณ์พื้นที่โดยแบ่งออกเป็น&nbsp;3&nbsp;โซน&nbsp;มีการจัดทำเมนูอาหารปูม้าอัตลักษณ์จังหวัดนครศรีธรรมราชกว่า&nbsp;8&nbsp;เมนู&nbsp;รวมทั้งจัดทำช่องทางการขายปูม้าแบบออนไลน์&nbsp;และการสร้างนวัตกรรมเครื่องแยกไข่&nbsp;ปูม้าชุมชน&nbsp;ผลลัพธ์จากโครงการพบว่าชาวประมงมีผลจับมากขึ้น&nbsp;และมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ&nbsp;20&nbsp;ของรายได้เดิม&nbsp;และการจัดงานในครั้งนี้ยังรวมถึงการนำเสนอผลการดำเนินงานของ&nbsp;โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ&nbsp;(1&nbsp;ตำบล&nbsp;1&nbsp;มหาวิทยาลัย)&nbsp;โดยมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์&nbsp;รับผิดชอบให้ดำเนินโครงการฯ&nbsp;ในพื้นที่ดำเนินการ&nbsp;ระยะที่&nbsp;1&nbsp;มีพื้นที่ให้บริการ&nbsp;4&nbsp;จังหวัดภาคใต้&nbsp;จำนวน&nbsp;36&nbsp;มีการจ้างงานในพื้นที่ดำเนินการตำบลละ&nbsp;20&nbsp;อัตรา&nbsp;และเกิดกิจกรรมการดำเนินการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของสถาบันอุดมศึกษารายตำบลในด้านต่างๆ&nbsp;ทั้งการพัฒนาสัมมาชีพและสร้างอาชีพใหม่&nbsp;การสร้างและพัฒนา&nbsp;Creative&nbsp;Economy&nbsp;การนำองค์ความรู้ไปช่วยบริการชุมชน&nbsp;การส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม/Circular&nbsp;Economy&nbsp;และเกิดการจัดกิจกรรม&nbsp;U2T&nbsp;สู้ภัย&nbsp;COVID&nbsp;ซึ่งเป็นการรณรงค์&nbsp;ให้ความรู้แก่ชุมชน&nbsp;ในการป้องกันตนเอง&nbsp;การฉีดวัคซีนป้องกันโรค&nbsp;COVID-19&nbsp;ด้วย&nbsp;ทั้งนี้งานดังกล่าวจะมีขึ้นระหว่างวันที่&nbsp;22-23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ผู้สนใจสามารถเข้าชมและเลือกซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์จากปูม้าได้ในราคาย่อมเยาว์</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p><br></p>22/1/2022ภาคใต้นครศรีธรรมราชสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราชhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122160522348 ปศุสัตว์ศรีสะเกษ ตรวจเข้มสถานประกอบการห้องเย็น 4 แห่ง นำเข้าสัตว์ซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย<p><strong>สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ</strong>&nbsp;ร่วมกับด่านกักกันสัตว์ศรีสะเกษ&nbsp;เข้าดำเนินการตรวจสอบ&nbsp;สถานประกอบการห้องเย็น&nbsp;ภายในเขตพื้นที่อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ป้องกันการกักตุนซากสุกร&nbsp;ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้สุกรมีราคาที่เพิ่มสูงขึ้น&nbsp;และเป็นแนวทางป้องกันการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร&nbsp;(ASF)&nbsp;รวมถึงตรวจสอบการลักลอบนำเข้าสัตว์ซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2558&nbsp;จำนวน&nbsp;</p><p><strong>1.ห้องเย็น&nbsp;คุณใหม่อาหารไทยฮาลาล&nbsp;</strong>156&nbsp;ม.1&nbsp;ต.น้ำคำ&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.ศรีสะเกษ&nbsp;ตรวจพบซากสัตว์ดังต่อไปนี้</p><p>-&nbsp;เครื่องในโค&nbsp;18,800&nbsp;กก.</p><p>-&nbsp;ชิ้นส่วนโค&nbsp;13,850&nbsp;กก.</p><p>-&nbsp;ปากหนาม&nbsp;13,300&nbsp;กก.</p><p>-&nbsp;ไม่พบการกระทำผิด</p><p><strong>2.ห้องเย็น&nbsp;บุญสมหวัง&nbsp;โฟรเซ่น&nbsp;ฟูดส์&nbsp;โปรดัก</strong>&nbsp;259&nbsp;ต.ซำ&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.ศรีสะเกษ&nbsp;ตรวจพบซากสัตว์ดังต่อไปนี้</p><p>-&nbsp;ปากหนาม&nbsp;4,000&nbsp;กก.</p><p>-&nbsp;เนื้อไก่สดแช่แข็ง&nbsp;4,000&nbsp;กก.</p><p>-&nbsp;ไม่พบการกระทำผิด</p><p><strong>3.ห้องเย็น&nbsp;แม็คโครสาขาศรีสะเกษ</strong>&nbsp;112&nbsp;ม.6&nbsp;ต.โพธิ์&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.ศรีสะเกษ</p><p>ตรวจพบซากสัตว์ดังต่อไปนี้</p><p>-&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;จำนวน&nbsp;2,217&nbsp;กก.</p><p>&nbsp;-ซากสัตว์ปีก&nbsp;3026.6&nbsp;กก.</p><p>-&nbsp;ไม่พบการกระทำผิด</p><p><strong>4.ห้องเย็น&nbsp;บุญศิริโฟรเซ่นโปรดักส์</strong>&nbsp;159&nbsp;ต.หนองไผ่&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.ศรีสะเกษ</p><p>ตรวจพบซากสัตว์ดังต่อไปนี้</p><p>-&nbsp;ชิ้นส่วนสุกร&nbsp;9,748&nbsp;กก.</p><p>-&nbsp;เครื่องในโค&nbsp;16,000&nbsp;กก.</p><p>-&nbsp;ไม่พบการกระทำผิด</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>22/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือศรีสะเกษสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122190927420 รองพ่อเมืองศรีสะเกษนำคณะตรวจสต๊อกเนื้อหมูป้องกันขึ้นราคา<p><strong>วันที่&nbsp;21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</strong>&nbsp;นายอนุรัตน์&nbsp;ธรรมประจำจิต&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษเปิดเผยว่าได้รับมอบหมายจากนายวัฒนา&nbsp;พุฒิชาติ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ให้ลงพื้นที่ติดตามราคาจำหน่ายสุกรชำแหละ&nbsp;และตรวจสอบ&nbsp;การเก็บ&nbsp;สต๊อกเพื่อเป็นการเนื้อสุกรแช่แข็งไว้เก็งกำไร&nbsp;และกำกับดูแลร้านจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี&nbsp;ที่มีบัญชาให้กระทรวงมหาดไทย&nbsp;สำนักงานตำรวจแห่งชาติ&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;กรมปศุสัตว์&nbsp;กระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;บูรณาการภาระกิจร่วมกันตรวจสอบการกักตุนเนื้อสุกรในพื้นที่รับผิดชอบ&nbsp;โดยได้ติดตามตรวจเยี่ยมแผงตลาดสดเทศบาล&nbsp;1&nbsp;ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีสาขาศรีสะเกษ&nbsp;และห้างสรรพสินค้าแมคโครสาขาศรีสะเกษ&nbsp;สอบถามราคาสุกรและไก่&nbsp;ซึ่งผู้ประกอบการทุกรายได้จำหน่ายสินค้าตามกลไกราคาตลาด&nbsp;ไม่ได้จำหน่ายในราคาสูงกว่าปกติอบ่างอย่างไร&nbsp;เพราะต้องการรักษาฐานลูกค้าไว้ให้คงเดิม&nbsp;จึงตรึงราคาในส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆด้วย</p><p><strong>นายอนุรัตน์&nbsp;ธรรมประจำจิต&nbsp;</strong>รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษกล่าวว่าได้นำ&nbsp;คณะประกอบด้วย&nbsp;พ.ต.อ.เทพพิทักษ์&nbsp;แสงกล้า&nbsp;รอง&nbsp;ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ&nbsp;นางฐพัชร์รดา&nbsp;ธนินท์จิรานนท&nbsp;หัวหน้าสำนักงานจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ผอ.กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม&nbsp;เทศบาลเมืองศรีสะเกษ&nbsp;ผู้แทนปศุสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ผู้แทนอุตสาหกรรมจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;รก.นายอำเภอเมืองศรีสะเกษ&nbsp;และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมบูรณาการตรวจเยี่ยมจุดจำหน่ายสุกรชำแหละตามโครงการ&nbsp;"พาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน"เพื่อลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนมาในการแก้ปัญหาเร่งด่วน&nbsp;ช่วยให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;โดยประชาชนสามารถเลือกซื้อหมูเนื้อแดงราคากิโลกรัม&nbsp;(กก.)&nbsp;ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;โดยเริ่มเปิดจำหน่ายตั้งแต่วันที่&nbsp;16-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษมีจุดจำหน่ายทั้งหมด&nbsp;7&nbsp;จุด</p><p><strong>ขณะเดียวกันได้ตรวจสอบการกักตุนเนื้อสุกรชำแหละ</strong>ในห้างสรรพสินค้าและสถานประกอบการห้องเย็นภายในเขตพื้นที่&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุนซากสุกร&nbsp;ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้สุกรมีราคาที่เพิ่มสูงขึ้น&nbsp;และเป็นแนวทางป้องกันการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร&nbsp;(ASF)&nbsp;รวมถึงตรวจสอบการลักลอบนำเข้าสัตว์ซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2558&nbsp;และพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์&nbsp;พ.ศ.2597&nbsp;จำนวน&nbsp;5&nbsp;แห่ง&nbsp;ได้แก่&nbsp;ห้องเย็นคุณใหม่อาหารไทยฮาลาล&nbsp;ห้องเย็นบุญสมหวังโฟรเซ่นฟูดส์โปรดัก&nbsp;ห้องเย็นแม็คโครสาขาศรีสะเกษ&nbsp;ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีสาขาศรีสะเกษ&nbsp;และห้องเย็นบุญศิริโฟรเซ่นโปรดักส์&nbsp;จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า&nbsp;ไม่พบการกักตุนเนื้อหมู&nbsp;จากนั้นได้ประชาสัมพันธ์ให้พ่อค้า&nbsp;แม่ค้า&nbsp;และประชาชนมารับการฉีดวัคซีนป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(COVID-19)&nbsp;เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโรค</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>22/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือศรีสะเกษสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122185438411 บรรยากาศวันที่2 ของการจัดงาน Gastronomy Amazing ยิ่งกว่าเดิม Gastronomic Tread มากินกัญ เป็นไปอย่างคึกคัก ทั้งแสงสีเสียง การแสดงดนตรีสด พื้นที่ขายของจากร้านชั้นนำ<p>บรรยากาศวันที่2&nbsp;ของการจัดงาน&nbsp;Gastronomy&nbsp;Amazing&nbsp;ยิ่งกว่าเดิม&nbsp;Gastronomic&nbsp;Tread&nbsp;มากินกัญ&nbsp;เป็นไปอย่างคึกคัก&nbsp;ทั้งแสงสีเสียง&nbsp;การแสดงดนตรีสด&nbsp;พื้นที่ขายของจากร้านชั้นนำ</p><p><br></p><p>บรรยากาศวันที่&nbsp;2&nbsp;ของการจัดงาน&nbsp;Gastronomy&nbsp;Amazing&nbsp;ยิ่งกว่าเดิม&nbsp;Gastronomic&nbsp;Tread&nbsp;มากินกัญ&nbsp;สนับสนุนโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;(ททท.)&nbsp;มีประชาชนเข้ามาร่วมงานกันอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ซึ่งภายในงานมีทั้งอาหารเครื่องดื่ม&nbsp;สิ่งของเครื่องใช้&nbsp;มีการให้คำแนะนำจากกรมสุขภาพจิต&nbsp;อีกทั้งยังมีการแสดงดนตรีเปิดหมวก&nbsp;กิจกรรมบนเวทีที่น่าสนใจอีกเป็นจำนวนมาก&nbsp;และได้รับอนุญาตตามข้อบัญญัติของกฎหมาย&nbsp;มานำเสนอในรูปแบบเมนูของคนรักสุขภาพ&nbsp;ผลิตภัณฑ์&nbsp;Health&nbsp;&amp;&nbsp;Wellness&nbsp;และการท่องเที่ยวเส้นทางผลิตภัณฑ์กัญชา-กัญชง&nbsp;รวมถึงพืชผักสมุนไพรท้องถิ่นเชื่อมโยงกับชุมชน&nbsp;สะท้อนวิถีชีวิตและภูมิปัญญาไทย</p><p><br></p><p>นาย&nbsp;อัครเดช&nbsp;มั่งมี&nbsp;หนึ่งในประชาชนที่มาร่วมงาน&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ปัจจุบันนี้มีการเปิดเสรีกัญชาถือเป็นข้อดีที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้&nbsp;ช่วยรักษาโรคและบรรเทาอาการได้หลากหลาย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>ด้าน&nbsp;นาง&nbsp;วันดี&nbsp;ธิติกรพงศ์&nbsp;หนึ่งในผู้ประกอบการร้านค้าภายในงาน&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ชอบมาตรการการป้องกันโควิด-19&nbsp;ของที่นี่&nbsp;เพราะมีการตรวจคัดกรองโควิด-19&nbsp;โดยผ่านการตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ก่อนเข้างาน&nbsp;ตรวจผลการฉีดวัคซีน&nbsp;2&nbsp;เข็ม&nbsp;และสำหรับผู้ประกอบการร้านค้ามีการตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ทุกวันที่จัดงาน</p><p><br></p><p><br></p><p>ทั้งนี้&nbsp;ภายในงานมีการจัดงานในรูปแบบ&nbsp;Covid&nbsp;Free-Setting&nbsp;ตามมาตรการสาธารณสุข&nbsp;โดยสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่วงหน้าได้ทางแอปพลิเคชั่น&nbsp;QueQ&nbsp;/&nbsp;มีการตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;/&nbsp;แสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบ&nbsp;2&nbsp;เข็ม&nbsp;จำกัดคนเข้างานรอบละ&nbsp;500&nbsp;คน&nbsp;และยังมีบริการส่งอาหาร&nbsp;50&nbsp;เมนูเด็ดจาก&nbsp;40&nbsp;ร้านอาหารดังภายในงานนี้&nbsp;ผ่านแฟลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่&nbsp;/&nbsp;สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานนี้ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่&nbsp;23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;15.00-21.00&nbsp;น.&nbsp;ณอุทยาน&nbsp;100&nbsp;ปี&nbsp;ถนนบรรทัดทอง&nbsp;เขตปทุมวัน&nbsp;กรุงเทพฯ</p><p><br></p>22/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122175927395 ผวจ.อุดรติดตามสถานการณ์การจำหน่ายเนื้อหมูและสต็อกสินค้า<p><strong>นายสยาม&nbsp;ศิริมงคล&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี</strong>&nbsp;นำทีมตรวจสอบราคาสุกร&nbsp;สต็อกสินค้าและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนตรวจติดตามราคาหมูแพง&nbsp;กำชับผู้ประกอบการติดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน&nbsp;ตรวจสอบการครอบครอง&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุ้นและฉวยโอกาสขึ้นราคา&nbsp;ในขณะที่จังหวัดอุดรธานี&nbsp;มีจุดจำหน่ายสินค้าโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;7&nbsp;จุดใน&nbsp;2&nbsp;อำเภอ&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>วันที่&nbsp;22&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</strong>นายสยาม&nbsp;ศิริมงคล&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี&nbsp;&nbsp;พร้อมด้วยนายจำรัส&nbsp;กังน้อย&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี&nbsp;นายประเสริฐ&nbsp;&nbsp;ฝ่ายชาวนา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดอุดรธานี&nbsp;พ.อ.ธนาวีร์&nbsp;วิชาชัย&nbsp;รองผอ.รมน.อุดรธานี&nbsp;นายสามารถ&nbsp;สุวรรณมณี&nbsp;นายอำเภอเมืองอุดรธานี&nbsp;ผู้แทนปศุสัตว์จังหวัดอุดรธานี&nbsp;ตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี&nbsp;ด่านกักกันสัตว์อุดรธานี&nbsp;สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานี&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์การจำหน่ายเนื้อหมูภายในตลาดสดไทยอีสาณ&nbsp;เขตเทศบาลนครอุดรธานี&nbsp;โดยได้เข้าตรวจเยี่ยมพบปะพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้า&nbsp;สอบถามผลกระทบจากภาวะราคาหมูที่แพงขึ้น&nbsp;ซึ่งพบว่าราคาหมูปัจจุบันส่งผลกระทบทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย&nbsp;</p><p><strong>โดยจากการสอบถามผู้ประกอบการอาหารตามสั่ง</strong>&nbsp;และอาหารปรุงสุกใช้วิธีการปรับลดปริมาณสินค้าแทนการขึ้นราคาเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน&nbsp;โดยผู้ว่าราชการจังหวัด&nbsp;และคณะได้ให้กำลังใจ&nbsp;เน้นย้ำขอความร่วมมือประชาชนให้ระมัดระวังและป้องกันเกี่ยวกับการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19&nbsp;ให้ยังคงปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด&nbsp;</p><p><strong>จากนั้น&nbsp;คณะได้เดินทางตรวจสถานที่เก็บเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;</strong>ร้านเบทาโกร&nbsp;สาขาอุดรธานี&nbsp;ถนนอุดร-หนองบัวลำภู&nbsp;ตรวจห้องเก็บและสอบถามการครอบครองตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ฉบับที่&nbsp;2&nbsp;&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;เรื่อง&nbsp;การแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ลงวันที่&nbsp;5&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;และตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการตามโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดอุดรธานี&nbsp;ณ&nbsp;ร้านวีซีมิท&nbsp;สาขาอุดรธานี&nbsp;ซึ่งจำหน่ายหมู่เนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งเป็น&nbsp;1&nbsp;ใน&nbsp;7&nbsp;จุดในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี&nbsp;ที่เข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน&nbsp;</p><p><strong>นายสยาม&nbsp;ศิริมงคล&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี&nbsp;</strong>กล่าวว่า&nbsp;จากราคาเนื้อสุกรที่สูงขึ้นมาก&nbsp;ทางจังหวัดได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบต้นทุนการเลี้ยงสุกร&nbsp;และราคาค้าปลีกเนื้อสุกร&nbsp;จากการตรวจสอบตลาดสดไทยอีสาณ&nbsp;พบว่าพ่อค้าแม่ค้าต่างได้รับผลกระทบจากราคาหมูที่แพงขึ้นเป็นอย่างมาก&nbsp;โดยเฉพาะลูกค้ารายย่อยลดปริมาณการซื้อสุกรลง&nbsp;ในขณะที่พ่อค้าแม่ค้าที่จำหน่ายหมูได้รับผลกระทบค่อนข้างมากและมีการปรับราคาขึ้น&nbsp;สินค้าทั้งหมูสดและแปรรูป&nbsp;จากเดิมในแต่ละรายการมากกว่า&nbsp;10&nbsp;บาท&nbsp;และมีการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายอย่างชัดเจน&nbsp;อาทิ&nbsp;เนื้อสัน&nbsp;หมูบด&nbsp;รวมถึงชิ้นส่วนต่างๆ&nbsp;ของหมู&nbsp;ส่วนการตรวจห้องเย็นที่มีการสต๊อกเนื้อหมูในจังหวัดอุดรธานี&nbsp;เนื่องจากเราไม่มีโรงชำแหละหมูขนาดใหญ่&nbsp;การสต็อกในห้องเย็นมีไม่มาก&nbsp;และได้มีการแจ้งปริมาณตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พร้อมทั้งขอความร่วมมือมิให้ขึ้นราคาสินค้า&nbsp;โดยไม่มีเหตุอันควรและกักตุนสินค้า&nbsp;และเท่าที่ตรวจด้วยตัวเอง&nbsp;มอบหมายให้ทางอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่พบว่ามีการกักตุนเนื้อหมู&nbsp;จะมีแต่สต็อกไว้จำหน่ายมีปริมาณไม่มาก&nbsp;</p><p><strong>สำหรับจุดจำหน่ายที่เข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนแห่งนี้เป็น&nbsp;1&nbsp;ใน&nbsp;7&nbsp;จุด</strong>ของจังหวัดอุดรธานี&nbsp;ที่จำหน่ายหมูเนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;โดยอำเภอเมืองอุดรธานีมี&nbsp;5&nbsp;จุด&nbsp;คือ/เขียงคุณสุภาพร&nbsp;ตลาดสดโพศรี/ร้านวีซีมีท&nbsp;สาขาอุดรธานี/ร้านหมอหมูสด&nbsp;สาขาสามพร้าว/ร้านหมูพอเพียง&nbsp;เขียงหมูอนามัยเบทาโกรบ้านเชียงพิณ/ร้านอิหล่ามาเก็ต&nbsp;และที่อำเภอบ้านดุง&nbsp;มี&nbsp;2&nbsp;จุด&nbsp;คือ&nbsp;ร้าน&nbsp;Meat&nbsp;me&nbsp;Mart&nbsp;และร้านหมูเอ็นที)&nbsp;</p><p><strong>ในขณะที่ตัวแทนปศุสัตว์จังหวัดอุดรธานี</strong>&nbsp;<strong>ยืนยัน</strong>&nbsp;จังหวัดอุดรธานียังไม่พบการแพร่ระบาดของโรคแอฟริกาในสุกร&nbsp;โรคที่พบการระบาดของสุกรขณะนี้มีเพียงโรค&nbsp;PRS&nbsp;ที่มีผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงราย่อยในพื้นที่&nbsp;2&nbsp;อำเภอ&nbsp;พร้อมฝากประชาสัมพันธ์กลุ่มผู้ค้าเนื้อสัตว์ในตลาดให้มาขึ้นทะเบียนการค้าผู้ค้าซากสัตว์&nbsp;ซึ่งเริ่มได้รับความร่วมมือจากผู้ค้าเริ่มทยอยเข้ามาทำกันแล้ว&nbsp;เพื่อที่จะได้มีข้อมูลพื้นฐานที่ถูกต้องเกี่ยวกับผู้ค้าต่างๆในตลาดอย่างครบถ้วน&nbsp;ถ้าไม่ทำจะผิดตามกฎหมาย&nbsp;พรบ.โรคระบาด&nbsp;พ.ศ.2558&nbsp;ปรับตั้งแต่&nbsp;5,000-20,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>22/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุดรธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122180034396 คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ ลงพื้นที่ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดเลย<p><strong>ที่ร้านมะพร้าวแก้วเคียงเลย&nbsp;อำเภอเชียงคาน&nbsp;จังหวัดเลย</strong>&nbsp;นายอิสระ&nbsp;ว่องกุศลกิจ&nbsp;ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ&nbsp;นายกลินทร์&nbsp;สารสิน&nbsp;ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปเศรษฐกิจด้านการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวคุณภาพสูง&nbsp;</p><p><strong>นายชูศักดิ์&nbsp;ชื่นประโยชน์</strong>&nbsp;ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปเศรษฐกิจด้านการสร้างเกษตรมูลค่าสูง&nbsp;และนายสวาท&nbsp;ธีรรัตนกุลชัย&nbsp;ประธานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ&nbsp;ดร.ศุภชัย&nbsp;ปทุมนากุล&nbsp;รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา&nbsp;วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม&nbsp;ลงพื้นที่ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดเลย&nbsp;โดยมี&nbsp;นายชัยธวัช&nbsp;เนียมศิริ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย&nbsp;ว่าที่ร้อยตรี&nbsp;นครชัย&nbsp;แสงมณี&nbsp;นายอำเภอเชียงคาน&nbsp;กลุ่มสตรีและเยาวชนสหกรณ์&nbsp;ผู้ใช้น้ำบ้านน้อย&nbsp;ร่วมให้การต้อนรับ</p><p><strong>สำหรับประวัติความเป็นมาของกลุ่มมะพร้าวแก้วเคียงเลย</strong>&nbsp;ในสมัยปู่ย่า&nbsp;ตายาย&nbsp;ราษฎรบ้านน้อย&nbsp;ตำบลเชียงคาน&nbsp;อำเภอเชียงคาน&nbsp;จังหวัดเลย&nbsp;ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการเกษตร&nbsp;ทำนา&nbsp;ทำไร่&nbsp;ทำสาน&nbsp;ผลผลิตไม่แน่นอน&nbsp;จึงได้แปรรูปผลผลิตทางการเกษตรที่มีมากในพื้นที่&nbsp;เช่น&nbsp;มัน&nbsp;เผือก&nbsp;กล้วย&nbsp;และมะพร้าว&nbsp;แปรรูปเป็น&nbsp;มันทอด&nbsp;เผือกทอด&nbsp;กล้วยทอดและมะพร้าวแก้ว&nbsp;ซึ่งมะพร้าวแก้วเริ่มแรกนั้นจะทำเป็นเส้นๆ&nbsp;เคี่ยวเสร็จจะนำมากองเป็นก้อนๆ&nbsp;ต่อมาได้มีการแปรรูปเป็นมะพร้าวอ่อนแก้วมีลักษณะเป็นแผ่น&nbsp;เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว&nbsp;“แก่งคุดคู้”&nbsp;“กลุ่มสตรีและเยาวชนสหกรณ์ผู้ใช้น้ำบ้านน้อย”&nbsp;หมู่ที่&nbsp;4&nbsp;ตำบลเชียงคาน&nbsp;อำเภอเชียงคาน&nbsp;จังหวัดเลย&nbsp;ได้เข้าสู่ระบบการเป็นผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;กรมการพัฒนาชุมชน&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;17&nbsp;กรกฎาคม&nbsp;2546&nbsp;โดยมี&nbsp;นางอภิสรา&nbsp;ธรรมมาพา&nbsp;เป็นประธานกลุ่ม&nbsp;มีสมาชิกทั้งหมด&nbsp;17&nbsp;คน&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด/สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอ&nbsp;ในการส่งเสริม&nbsp;สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของกลุ่มผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย&nbsp;และการส่งเสริมช่องทางการตลาดทั้งในระบบ&nbsp;Online&nbsp;และระบบ&nbsp;Off&nbsp;line&nbsp;เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการผลิตมะพร้าวแก้วให้กับกลุ่มเยาวชน&nbsp;กลุ่มอาชีพ&nbsp;เป็นต้น&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้ยังได้รับการคัดเลือกเป็นผลิตภัณฑ์</strong>&nbsp;OTOP&nbsp;Singnature&nbsp;ของจังหวัดเลย&nbsp;ในงาน&nbsp;OTOP&nbsp;ศิลปาชีพประทีปไทย&nbsp;OTOP&nbsp;ก้าวไกลด้วยพระบารมี&nbsp;ของกรมการพัฒนาชุมชน&nbsp;ในปี&nbsp;พ.ศ.2561&nbsp;และได้รับการคัดเลือกเป็นผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;Premium&nbsp;ปี&nbsp;พ.ศ.2562&nbsp;และได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานส่งเสริมสหกรณ์จังหวัด&nbsp;เป็นจำนวนเงิน&nbsp;40,000&nbsp;บาท&nbsp;ในการพัฒนาสินค้าตลอดจนบรรจุภัณฑ์พร้อมตราสินค้า&nbsp;ปัจจุบันเป็นกลุ่มผู้ผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;ระดับ&nbsp;5&nbsp;ดาว&nbsp;4&nbsp;ปีซ้อน</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>22/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเลยสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเลยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122180546398 ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจกำกับดูแลมาตรการเกี่ยวกับสินค้าสุกร เนื้อสุกร<p>ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา&nbsp;พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ตรวจกำกับดูแลมาตรการเกี่ยวกับสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;</p><p><br></p><p>วันที่&nbsp;22&nbsp;ม.ค.2565&nbsp;นายศักดิ์ฤทธิ์&nbsp;สลักคำ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา&nbsp;พร้อมด้วยพาณิชย์จังหวัด&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ตรวจกำกับดูแลมาตรการเกี่ยวกับสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ตรวจสอบผู้ครอบครองสุกรชำแหละผ่าซีก&nbsp;เนื้อสุกรชำแหละแยกชิ้นส่วน&nbsp;จังหวัดพะเยา&nbsp;ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ฉบับที่&nbsp;๒&nbsp;พ.ศ.&nbsp;๒๕๖๕&nbsp;เรื่อง&nbsp;การแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ใขเขตพื้นที่เมืองพะเยา&nbsp;อาทิ&nbsp;บริษัท&nbsp;เอ็มพี&nbsp;โฟรเช่น&nbsp;โปรดักส์&nbsp;ใน&nbsp;ต.ท่าวังทอง&nbsp;บริษัท&nbsp;เอก-ชัย&nbsp;ดีสทริบิวชั่น&nbsp;โลตัส&nbsp;สาขา&nbsp;พะเยา&nbsp;บริษัท&nbsp;สยามแม็คโคร&nbsp;จำกัด&nbsp;หจก.&nbsp;มีกินมีใช้&nbsp;และ&nbsp;ห้องเย็นสิทธิพงษ์&nbsp;</p><p><br></p><p>ทั้งนี้&nbsp;เพื่อให้การกำกับดูแลมาตรการเกี่ยวกับสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพะเยา&nbsp;ในฐานะฝ่าย&nbsp;เลขานุการคณะกรรมการส่วนจังหวัดว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;(กจร.)&nbsp;ได้กำหนดตรวจสอบ&nbsp;ผู้ครอบครองสุกรชำแหละผ่าซีก&nbsp;เนื้อสุกรชำแหละแยกชิ้นส่วน&nbsp;ในพื้นที่เมืองพะเยา&nbsp;ซึ่งจากากรตรวจสอบผู้ประกอบการได้ให้ความมือเป็นอย่างดี&nbsp;ส่วนราคาสุกรนั้นพบว่ามีราคาสูงขึ้นตามราคาตลาด&nbsp;</p>22/1/2022ภาคเหนือพะเยาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพะเยาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122180157397 ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นำทีมพาณิชย์ และปศุสัตว์จังหวัดน่านออกตรวจห้องเย็นและห้างสรรพสินค้าทั้ง 4 แห่งในจังหวัดน่าน เพื่อป้องกันการกักตุนเนื้อสุกร<p>นายวิบูรณ์&nbsp;แววบัณฑิต&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน&nbsp;นำทีมพาณิชย์&nbsp;และปศุสัตว์จังหวัดน่านออกตรวจห้องเย็น&nbsp;และห้างสรรพสินค้าทั้ง&nbsp;4&nbsp;แห่ง&nbsp;ในจังหวัดน่าน&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุนเนื้อสุกร&nbsp;ที่บริษัทเอ็มเอสพี&nbsp;อินเตอร์ฟู้ด&nbsp;จำกัด</p><p><strong>นายวิบูรณ์&nbsp;แววบัณฑิต&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน</strong>&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;พลตำรวจตรีดุลเดชา&nbsp;อาชวะสมิตระกูล&nbsp;ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน&nbsp;นางสุเกวรินทร์&nbsp;เหล็กนาพญา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดน่าน&nbsp;นายนพดล&nbsp;พินิจ&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดน่านและนายวรพล&nbsp;รุ่งสิทธิมงคล&nbsp;หัวหน้าด่านกักกันสัตว์น่าน&nbsp;นำคณะเจ้าหน้าที่ร่วมบูรณาการออกตรวจ&nbsp;ที่พักซากสัตว์สถานที่เก็บซากสัตว์และห้องเย็นในจังหวัดน่าน&nbsp;โดยได้เข้าตรวจในสถานที่&nbsp;4&nbsp;แห่ง&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;บริษัทเอ็มเอสพีอินเตอร์ฟู้ดส์จำกัด&nbsp;ตำบลน้ำปั้ว&nbsp;อำเภอเวียงสา&nbsp;ห้างแม็คโครสาขาน่าน&nbsp;ห้างบิ๊กซีซุปเปอร์เซ็นเตอร์&nbsp;สาขาน่าน&nbsp;และห้างโลตัส&nbsp;สาขาน่าน&nbsp;</p><p><strong>บริษัทเอ็มเอสพี&nbsp;อินเตอร์ฟู้ด&nbsp;จำกัด</strong>&nbsp;เป็นห้องเย็นที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดน่าน&nbsp;ขนาดบรรจุ&nbsp;10&nbsp;ตัน&nbsp;ใช้เก็บซากสุกรที่เชือดสดวันต่อวัน&nbsp;เข้าโรงฆ่าสัตว์ที่อำเภอเวียงสา&nbsp;30&nbsp;ตัวต่อวัน&nbsp;ส่งไปยังสาขา&nbsp;5&nbsp;สาขา&nbsp;ใน&nbsp;5&nbsp;อำเภอในจังหวัด&nbsp;ส่วนห้างสรรพสินค้าแม็คโคร&nbsp;เป็นศูนย์ค้าส่ง&nbsp;ซึ่งรับซากสุกรมาจากศูนย์กระจายสินค้า&nbsp;วังน้อย&nbsp;จังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;โดยเฉลี่ยจะสามารถจำหน่ายเนื้อสุกรและชิ้นส่วนประมาณวันละ&nbsp;3-4&nbsp;ตัน&nbsp;ลดลงจากแต่ก่อน&nbsp;ที่จะขายได้ประมาณวันละ&nbsp;5-6&nbsp;ตัน&nbsp;เนื่องจากราคาเนื้อสุกรที่สูงขึ้น&nbsp;จะขายในลักษณะหมุนเวียนไม่กักตุนสินค้า&nbsp;โดยที่ห้างสรรพสินค้าแม็คโครมีทั้งระบบขายปลีกและขายส่ง&nbsp;ส่วนที่ห้างสรรพสินค้าโลตัส&nbsp;และบิ๊กซี&nbsp;สาขาน่าน&nbsp;จะสามารถจำหน่ายเนื้อสุกรและชิ้นส่วนได้ประมาณวันละ&nbsp;100-200&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ลดจากในช่วงเวลาปกติเกือบครึ่ง&nbsp;เนื่องจากราคาสูง&nbsp;และเป็นช่วงหลังเทศกาลปีใหม่&nbsp;จากการตรวจสอบห้องเย็น&nbsp;เก็บสินค้าไม่มีการกักตุนแต่อย่างใด&nbsp;</p><p><strong>นายวิบูรณ์&nbsp;แววบัณฑิต&nbsp;</strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;จากการลงพื้นที่ตรวจสอบไม่พบสิ่งผิดปกติ&nbsp;หรือการกักตุนเนื้อสุกรรวมทั้งเนื้อไก่&nbsp;และไข่ไก่&nbsp;ซึ่งเป็นไปตามอุปสงค์อุปทานตลาด&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามตรวจสอบ&nbsp;ไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคา&nbsp;หรือกักตุนสินค้า&nbsp;โดยทางผู้ประกอบการจะมีการรายงานข้อมูล&nbsp;ปริมาณเนื้อสุกรในท้องตลาด&nbsp;และราคามายังผู้ว่าราชการจังหวัด&nbsp;และกรมปศุสัตว์ทุกวัน&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>22/1/2022ภาคเหนือน่านสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดน่านhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122181236400 คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ ลงพื้นที่จังหวัดเลย เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ&nbsp;ลงพื้นที่จังหวัดเลย&nbsp;เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(22&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.</strong>&nbsp;นายอิสระ&nbsp;ว่องกุศลกิจ&nbsp;ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ&nbsp;ด้านเศรษฐกิจ&nbsp;เป็นประธานการประชุม&nbsp;ความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ&nbsp;คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ&nbsp;BCG&nbsp;MODEL&nbsp;สาขาการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์&nbsp;และคณะกรรมการเพิ่มมูลค่าพืชเกษตรหอการค้าไทย&nbsp;พร้อมคณะประกอบด้วย&nbsp;นายกลินทร์&nbsp;สารสิน&nbsp;ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปเศรษฐกิจด้านการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวคุณภาพสูง&nbsp;,&nbsp;นายชูศักดิ์&nbsp;ชื่นประโยชน์&nbsp;ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปเศรษฐกิจด้านการสร้างเกษตรมูลค่าสูง&nbsp;,&nbsp;นายสวาท&nbsp;ธีรรัตนกุลชัย&nbsp;ประธานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ&nbsp;,&nbsp;ดร.ศุภชัย&nbsp;ปทุมนากุล&nbsp;รองปลัดกระทรวงการ&nbsp;อุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม&nbsp;โดยมีนายชัยธวัช&nbsp;เนียมศิริ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย&nbsp;,&nbsp;นายผดุงศักดิ์&nbsp;หาญปรีชาสวัสดิ์&nbsp;,&nbsp;นายดำรงค์&nbsp;สิริพิชย&nbsp;อิ่มวิเศษ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย&nbsp;,&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;,&nbsp;หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ&nbsp;และภาคเอกชน&nbsp;ร่วมให้การต้อนรับและร่วมประชุมฯ&nbsp;ที่ห้องประชุมศรีสองรัก&nbsp;ชั้น&nbsp;5&nbsp;ศาลากลางจังหวัดเลย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายอิสระ&nbsp;ว่องกุศลกิจ</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;การใช้พื้นที่&nbsp;หรือ&nbsp;Area-Based&nbsp;จะได้ผลมาก&nbsp;โดยเฉพาะในแต่ละจังหวัด&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นประธานและหน่วยงานในสังกัดที่ให้การสนับสนุน&nbsp;โดยทั้งกระทรวงเกษตร&nbsp;กระทรวงท่องเที่ยว&nbsp;และภาคเอกชน&nbsp;ร่วมบูรณาการ&nbsp;โดยไม่มีขีดจำกัด&nbsp;ไม่ยึดกฎเกณฑ์มากจนเกินไป&nbsp;จะช่วยสนับสนุนให้จังหวัด&nbsp;มีความคล่องตัว&nbsp;และมีศักยภาพในแต่ละด้าน&nbsp;ซึ่งทำอย่างไรให้จังหวัดนั้นมีมูลค่าเพิ่มทางด้านเศรษฐกิจที่สูงขึ้น&nbsp;ด้านการเกษตร&nbsp;ก็เป็นเกษตรที่มีคุณภาพสูง&nbsp;ราคาที่ดีขึ้น&nbsp;สามารถจำหน่ายและคุ้มค่ากับการลงทุนและมีกำไรมากขึ้น&nbsp;การท่องเที่ยวก็ต้องเป็นการท่องเที่ยวที่สร้างมูลค่าสูง&nbsp;โดยเฉพาะจังหวัดเลย&nbsp;มีพื้นที่ติดกับชายแดนต่อไปจะมีรถไฟฟ้าความเร็วสูงจากจีน&nbsp;มาเวียงจันทน์&nbsp;ผ่านวังเวียง&nbsp;จะเป็นจุดที่จังหวัดเลย&nbsp;จะได้อานิสงส์และเป็นประโยชน์ด้านการค้า&nbsp;การท่องเที่ยว&nbsp;การลงทุน&nbsp;จะดีขึ้น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>อีกทั้ง&nbsp;มีมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย&nbsp;เป็นศูนย์วิชาการ&nbsp;</strong>ทำการวิจัยอบรมให้ความรู้กับเกษตรกร&nbsp;เรื่องการท่องเที่ยว&nbsp;การบริการต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;เพราะฉะนั้นจังหวัดเลยก็จะมีเป้าหมายที่ชัดเจนอยู่แล้ว&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย&nbsp;ก็จะส่วนผลักดัน&nbsp;โดยตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนขึ้นมาได้&nbsp;เพื่อขับเคลื่อนได้ต่อเนื่องในแต่ละจุด&nbsp;ที่เป็นจุดเน้น&nbsp;ต้องมีเป้าหมายชัดเจนว่าในแต่ละเรื่องจะมีผลลัพธ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ด้านกระเช้าขึ้นภูกระดึง</strong>&nbsp;รับทราบว่าประชาชนในจังหวัดเลยอยากจะได้ก็ต้องทำเรื่องนี้เสนอรัฐบาล&nbsp;ซึ่งอาจจะเป็นการลงทุน&nbsp;2&nbsp;ส่วน&nbsp;โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณส่วนหนึ่งส่วนหนึ่ง&nbsp;ให้ภาคเอกชนร่วมลงทุนเพื่อบรรเทางบประมาณของรัฐบาล&nbsp;หากจังหวัดเลยมีเป้าหมายที่ชัดเจนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมกัน&nbsp;และมีเป้าหมายเดียวกัน&nbsp;น่าจะเดินไปได้ดี&nbsp;ซึ่งจังหวัดเลยเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์ทางด้านสภาพอากาศ&nbsp;แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ&nbsp;ศิลปวัฒนธรรม&nbsp;และมีแม่น้ำโขงกั้นเขตแดนสามารถที่จะเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน&nbsp;และมีจุดชมวิว&nbsp;แหล่งท่องเที่ยวทุกพื้นที่อยู่แล้ว&nbsp;โดยเฉพาะมีแหล่งผลิตไม้ดอกไม้ประดับที่มีคุณภาพ&nbsp;ที่อำเภอภูเรือ&nbsp;ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไม้ดอกเมืองหนาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ&nbsp;เพื่อผลิตและส่งขายไปทั่วประเทศ&nbsp;โดยกระทรวง&nbsp;อว.และมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย&nbsp;จะได้ให้การสนับสนุนต่อไป</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;จังหวัดเลย&nbsp;โดยนายผดุงศักดิ์&nbsp;หาญปรีชาสวัสดิ์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย</strong>&nbsp;ได้นำเสนอผลการดำเนินงานด้านการส่งเสริมและพัฒนาด้านการเกษตรของจังหวัดเลย&nbsp;โดยมีพื้นที่การเกษตร&nbsp;2.61&nbsp;ล้านไร่&nbsp;ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดเลย&nbsp;ปี&nbsp;2652&nbsp;(GPP)&nbsp;มีมูลค่ารวม&nbsp;54,985&nbsp;ล้านบาท&nbsp;มีรายได้ต่อหัวประชากร&nbsp;101,527&nbsp;บาทต่อคนต่อปี&nbsp;คิดเป็นลำดับที่&nbsp;45&nbsp;ของประเทศ&nbsp;และเป็นลำดับที่&nbsp;3&nbsp;ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ&nbsp;รายได้ภาคเกษตรมูลค่า&nbsp;14,682&nbsp;ล้านบาท&nbsp;มีผลการเติบโตของ&nbsp;GPP&nbsp;ที่เพิ่มสูงขึ้น&nbsp;พืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดเลย&nbsp;ได้แก่&nbsp;อ้อยโรงงาน&nbsp;ยางพารา&nbsp;มันสำปะหลัง&nbsp;ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์&nbsp;ไม้ดอกไม้ประดับ&nbsp;แก้วมังกร&nbsp;มะม่วง&nbsp;อะโวคาโด&nbsp;มะคาเดเมีย&nbsp;ดร.จักรกฤษณ์&nbsp;พงษ์อินทร์วงศ์&nbsp;รองอธิการบดี&nbsp;ฝ่ายนโยบายและแผนกิจการพิเศษ&nbsp;มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย&nbsp;นำเสนอบทบาทสถาบันอุดมศึกษาในการขับเคลื่อนพัฒนาศักยภาพคน&nbsp;เพื่อเป็นกำลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพื้นที่จังหวัดเลย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย&nbsp;ถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่&nbsp;3</strong>&nbsp;มหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น&nbsp;หรือชุมชนอื่น&nbsp;มีโครงการที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพื้นที่&nbsp;และการค้าชายแดน&nbsp;ดังนี้&nbsp;1.โครงการยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น&nbsp;2.โครงการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าชายแดนโดยศูนย์การศึกษาโลจิสติกส์และการค้าชายแดน&nbsp;มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย&nbsp;3.โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ&nbsp;(มหาวิทยาลัยสู่ตำบล&nbsp;สร้างรากแก้วให้ประเทศ)&nbsp;มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย&nbsp;4.หน่วยปฏิบัติการส่วนหน้าของกระทรวงอุดมศึกษา&nbsp;วิทยาศาสตร์&nbsp;วิจัย&nbsp;และนวัตกรรม&nbsp;(อว.ส่วนหน้า&nbsp;จ.เลย)&nbsp;นายธรรมนูญ&nbsp;ภาคธูป&nbsp;ผจก.อพท.5&nbsp;นำเสนอการส่งเสริมและพัฒนาด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเลย&nbsp;ทิศทางการพัฒนาจังหวัดเลย&nbsp;การท่องเที่ยวมูลค่าสูงจังหวัดเลย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>จากนั้น&nbsp;เปิดเวทีและเปลี่ยนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัดเลย</strong>&nbsp;และรับคำชี้แนะในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศคณะต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;เสร็จแล้วคณะฯ&nbsp;ลงพื้นที่อำเภอภูเรือ&nbsp;ต่อไป</p>22/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเลยสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเลยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122185524412 เชิญคู่รักร่วมปีนผาจดทะเบียนสมรสในวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์นี้ “ปีน ปั่น ปลูกป่านันทนาการภูผาหินบ้านมุง” จังหวัดพิษณุโลก <p><strong>นายจุติ&nbsp;ไกรฤกษ์</strong>&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์&nbsp;(รมว.พม.)&nbsp;แถลงข่าวกิจกรรมสัปดาห์แห่งความรัก&nbsp;ณ&nbsp;บ้านมุง&nbsp;“โครงการ&nbsp;ปีน&nbsp;ปั่น&nbsp;ปลูก&nbsp;ป่านันทนาการ&nbsp;ภูผาหินบ้านมุง&nbsp;จังหวัดพิษณุโลก”&nbsp;ว่า&nbsp;การจัดกิจกรรมดังกกล่าวจัดขึ้นเนื่องในวันแห่งความรัก&nbsp;ในวันที่&nbsp;14&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งถือเป็นวันที่เปิดโอกาสมิติใหม่สำหรับตำบลบ้านมุง&nbsp;จังหวัดพิษณุโลก&nbsp;ซึ่งจะมีกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพและเป็นการผจญภัยของการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย&nbsp;และจะสร้างเศรษฐกิจฐานรากธุรกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็ง&nbsp;อีกทั้งจะเป็นโรงเรียนฝึกสอนนักกีฬาปีนผาสำหรับในอนาคต&nbsp;เป็นสถานที่ที่ทุกคนในครอบครัวสามารถเข้ามาร่วมกันอย่างมีความสุข&nbsp;ทั้งพ่อ&nbsp;แม่&nbsp;ลูก</p><p><strong>กิจกรรมนี้จะให้ทางท้องถิ่นช่วยในการออกแบบและการบริการ</strong>สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและสามารถอยู่ได้อย่างปลอดภัยและมีความสุข&nbsp;ขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก&nbsp;และอาจารย์ไกรศักดิ์&nbsp;บุญทิพย์&nbsp;ซึ่งทั้งสองมีความมุ่งมั่นที่จะมอบของขวัญชิ้นนี้ให้กับชาวจังหวัดพิษณุโลก&nbsp;และเป็นอีกหนึ่งนโยบายรัฐบาลที่พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรี&nbsp;ต้องการเห็นความร่วมมือของภาคประชาชน&nbsp;ภาครัฐและภาคเอกชน&nbsp;และตนได้เห็นการสนับสนุน&nbsp;ความพยายามจากภาคีทุกภาคส่วน&nbsp;เป็นการสร้างโอกาสให้ทุกคนได้เห็นความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติและความสำคัญของสิ่งแวดล้อมมากขึ้น&nbsp;เพราะมนุษย์ใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง&nbsp;</p><p><strong>สำหรับงานนี้&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก</strong>ไ&nbsp;ด้สร้างโอกาส&nbsp;องค์ความรู้และรายได้&nbsp;จากธุรกิจบริการของพื้นที่ให้กับชาวจังหวัดพิษณุโลก&nbsp;ซึ่งทุกคนเป็นเจ้าของและมีส่วนได้ประโยชน์&nbsp;รวมทั้งอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างทั่วถึง&nbsp;เท่าเทียมและยั่งยืน&nbsp;ขอฝากไว้กับนายกเทศมนตรีตำบลบ้านมุงให้ช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติในพื้นที่แห่งนี้&nbsp;ช่วยกันบริหารประโยชน์&nbsp;จัดสรรปันส่วนให้กับประชาชนทุกกลุ่ม&nbsp;และตกอยู่กับชาวบ้านมุงและทุกคนที่เกี่ยวข้อง&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;กีฬาปีนผาเป็นกีฬาใหม่สำหรับคนไทยและประเทศไทย&nbsp;แต่เป็นกีฬาที่สามารถสร้างความตระหนักในการรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไว้ได้</p><p><strong>สำหรับงาน&nbsp;“ปีน&nbsp;ปั่น&nbsp;ปลูกป่านันทนาการ&nbsp;ภูผาหินบ้านมุง”&nbsp;</strong>ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีภูเขาหินปูนที่สวยงาม&nbsp;ถูกขนานนามว่า&nbsp;“กุ้ยหลิน&nbsp;เมืองไทย”&nbsp;มีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจ&nbsp;ได้แก่&nbsp;1)&nbsp;กิจกรรมปีนผาจดทะเบียนสมรส&nbsp;ณ&nbsp;ภูผาหินบ้านมุง&nbsp;(ผาถ้ำน้ำ)&nbsp;2)&nbsp;กิจกรรมการแข่งขันปั่นจักรยาน&nbsp;และ&nbsp;3)&nbsp;การปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว&nbsp;ขอเชิญชวนคู่รักที่สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมปีนผาจดทะเบียนสมรส&nbsp;ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่&nbsp;27&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;และสามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่&nbsp;<a&nbsp;href="https://drive.google.com/drive/folders/1qfR0NiE49dJPzqFUlkpWubNFfpSjIHJB?usp=sharing"&nbsp;rel="noopener&nbsp;noreferrer"&nbsp;target="_blank"&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(17,&nbsp;85,&nbsp;204);">https://drive.google.com/drive/folders/1qfR0NiE49dJPzqFUlkpWubNFfpSjIHJB?usp=sharing</a>&nbsp;พร้อมส่งใบสมัครมาที่&nbsp;E-mail&nbsp;:&nbsp;<a&nbsp;href="mailto:family_center08@hotmail.com"&nbsp;rel="noopener&nbsp;noreferrer"&nbsp;target="_blank"&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(17,&nbsp;85,&nbsp;204);">family_center08@hotmail.com</a>&nbsp;โดยจะประกาศผลคู่รักที่ได้รับการคัดเลือกในวันที่&nbsp;2&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งจะไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดตลอดการเข้าร่วมกิจกรรม&nbsp;สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม&nbsp;สามารถดูในใบสมัครและสอบถามได้ที่กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว&nbsp;(สค.)&nbsp;โทร.&nbsp;0&nbsp;2659&nbsp;6717&nbsp;-&nbsp;18&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p>22/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122200401434 รองพ่อเมืองศรีสะเกษนำคณะตรวจสต๊อกเนื้อหมูป้องกันขึ้นราคา<p><strong>วันที่&nbsp;21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</strong>นายอนุรัตน์&nbsp;ธรรมประจำจิต&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;เปิดเผยว่าได้รับมอบหมายจากนายวัฒนา&nbsp;พุฒิชาติ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ให้ลงพื้นที่ติดตามราคาจำหน่ายสุกรชำแหละ&nbsp;และตรวจสอบ&nbsp;การเก็บสต๊อกเพื่อเป็นการเนื้อสุกรแช่แข็งไว้เก็งกำไร&nbsp;และกำกับดูแลร้านจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี&nbsp;ที่มีบัญชาให้กระทรวงมหาดไทย&nbsp;สำนักงานตำรวจแห่งชาติ&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;กรมปศุสัตว์&nbsp;กระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;บูรณาการภาระกิจร่วมกันตรวจสอบการกักตุนเนื้อสุกรในพื้นที่รับผิดชอบ&nbsp;โดยได้ติดตามตรวจเยี่ยมแผงตลาดสดเทศบาล&nbsp;1&nbsp;ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีสาขาศรีสะเกษ&nbsp;และห้างสรรพสินค้าแมคโครสาขาศรีสะเกษ&nbsp;สอบถามราคาสุกรและไก่&nbsp;ซึ่งผู้ประกอบการทุกรายได้จำหน่ายสินค้าตามกลไกราคาตลาด&nbsp;ไม่ได้จำหน่ายในราคาสูงกว่าปกติอบ่างอย่างไร&nbsp;เพราะต้องการรักษาฐานลูกค้าไว้ให้คงเดิม&nbsp;จึงตรึงราคาในส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆด้วย</p><p><strong>นายอนุรัตน์&nbsp;ธรรมประจำจิต</strong>&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;กล่าวว่าได้นำ&nbsp;คณะประกอบด้วย&nbsp;พ.ต.อ.เทพพิทักษ์&nbsp;แสงกล้า&nbsp;รอง&nbsp;ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ&nbsp;นางฐพัชร์รดา&nbsp;ธนินท์จิรานนท&nbsp;หัวหน้าสำนักงานจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ผอ.กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม&nbsp;เทศบาลเมืองศรีสะเกษ&nbsp;ผู้แทนปศุสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ผู้แทนอุตสาหกรรมจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;รก.นายอำเภอเมืองศรีสะเกษ&nbsp;และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมบูรณาการตรวจเยี่ยมจุดจำหน่ายสุกรชำแหละตามโครงการ&nbsp;"พาณิชย์...ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน"เพื่อลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนมาในการแก้ปัญหาเร่งด่วน&nbsp;ช่วยให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;โดยประชาชนสามารถเลือกซื้อหมูเนื้อแดงราคากิโลกรัม&nbsp;(กก.)&nbsp;ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;โดยเริ่มเปิดจำหน่ายตั้งแต่วันที่&nbsp;16-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษมีจุดจำหน่ายทั้งหมด&nbsp;7&nbsp;จุด</p><p><strong>ขณะเดียวกัน</strong>ได้ตรวจสอบการกักตุนเนื้อสุกรชำแหละในห้างสรรพสินค้าและสถานประกอบการห้องเย็นภายในเขตพื้นที่&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จงหวัดศรีสะเกษ&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุนซากสุกร&nbsp;ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้สุกรมีราคาที่เพิ่มสูงขึ้น&nbsp;และเป็นแนวทางป้องกันการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร&nbsp;(ASF)&nbsp;รวมถึงตรวจสอบการลักลอบนำเข้าสัตว์ซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2558&nbsp;และพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์&nbsp;พ.ศ.2597&nbsp;จำนวน&nbsp;5&nbsp;แห่ง&nbsp;ได้แก่&nbsp;ห้องเย็นคุณใหม่อาหารไทยฮาลาล&nbsp;ห้องเย็นบุญสมหวังโฟรเซ่นฟูดส์โปรดัก&nbsp;ห้องเย็นแม็คโครสาขาศรีสะเกษ&nbsp;ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีสาขาศรีสะเกษ&nbsp;และห้องเย็นบุญศิริโฟรเซ่นโปรดักส์&nbsp;จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า&nbsp;ไม่พบการกักตุนเนื้อหมู&nbsp;จากนั้นได้ประชาสัมพันธ์ให้พ่อค้า&nbsp;แม่ค้า&nbsp;และประชาชนมารับการฉีดวัคซีนป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(COVID-19)&nbsp;เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโรค</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p><br></p>22/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือศรีสะเกษสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220122213758465 จิบกาแฟ-ทานอาหารบ้านๆ Cafe ท่องยามู บรรยากาศสวนยาง กลางธรรมชาติสุดชิล<p><strong>จิบกาแฟ-ทานอาหารบ้านๆ&nbsp;Cafe&nbsp;ท่องยามู&nbsp;บรรยากาศสวนยาง&nbsp;กลางธรรมชาติสุดชิล&nbsp;</strong>พาชิมกินกาแฟ&nbsp;ท่ามกลางธรรมชาติกลางสวนยางพารา&nbsp;แบบบ้านๆ&nbsp;ในท่องยามู&nbsp;หลังจากทางร้านได้ได้ย้ายร้านจากเดิมที่กลางทุ่งนา&nbsp;มาอยู่ฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นสวนยาง&nbsp;พร้อมกับประดับตกแต่งร้านอย่างสวยงามด้วยไม้ไผ่ซึ่งเป็นวัสดุที่มีอยู่ในพื้นที่ติดโคมไฟ&nbsp;บนต้นยาง&nbsp;ตามสไตล์บ้านๆ&nbsp;&nbsp;เมื่อเดินเข้าไปภายในสวนยางริมถนน&nbsp;ก็จะมีโต๊ะไม้ไผ่&nbsp;ปูด้วยเสื้อ&nbsp;ที่ใต้ต้นยางเรียงราย&nbsp;30&nbsp;โต๊ะ&nbsp;มีสะพานทอดข้ามร่องน้ำ&nbsp;ไปยังที่ขายอาหาร&nbsp;มองไปสุดบริเวณ&nbsp;Cafe&nbsp;ในท่องยามู&nbsp;ก็จะเห็นรถตู้กาแฟสีฟ้า&nbsp;ซึ่งคนขายก็จะอยู่แต่บนรถ&nbsp;ลูกค้าจะซื้อก็จะต้องเดินมาสั่งเอง&nbsp;และรับบัตรคิว&nbsp;เมื่อทำเสร็จคนขายก็จะตะโกนเรียกตามหมายเลขให้มารับ&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ผู้คนที่แวะ&nbsp;มาเที่ยว&nbsp;&nbsp;Cafe&nbsp;ในท่องยามู</strong>&nbsp;ก็จะนั่งชิลๆ&nbsp;กินอาหาร&nbsp;จิบกาแฟ&nbsp;คลอด้วยเสียงเพลง&nbsp;ได้บรรยากาศสุดๆ&nbsp;&nbsp;สำหรับคนในพื้นที่&nbsp;และกลุ่มคนที่มาจากทั้งในเมืองยะลา&nbsp;และพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง&nbsp;เมื่อมาถึงบางคนก็จะมุ่งไปที่ร้านขายอาหารกันก่อน&nbsp;มีให้เลือกมากมาย&nbsp;ทั้งไก่ทอด&nbsp;เฟรนซ์ฟรายส์&nbsp;ข้าวโพดอบเนย&nbsp;ไก่ทอด&nbsp;ลูกชิ้น&nbsp;ส้มตำสารพัด&nbsp;ตำปู&nbsp;ตำปลาร้า&nbsp;ตำผลไม้&nbsp;ตำไข่เค็ม&nbsp;ตำกุ้งสด&nbsp;ตำผลไม้สด&nbsp;ส่วนราคาก็จะเป็นกันเองเป็นราคาทั่วไป&nbsp;คนขายซึ่งเป็นคนในพื้นที่ทุ่งยามู&nbsp;บอกว่า&nbsp;ขายดีมากตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่ใหม่ชาวบ้านในพื้นที่ได้มีรายได้เพิ่ม</p><p><strong>หลังจากที่เลือกสั่งอาหารได้ตามต้องการแล้ว</strong>&nbsp;ก็ถึงเวลา&nbsp;จิบกาแฟสด&nbsp;อร่อยๆ&nbsp;ซึ่งทางร้านมีอยู่หลากหลายเมนู&nbsp;ไม่ว่าจะเป็น&nbsp;เมนูอมริกาโน่&nbsp;ส้ม&nbsp;มะนาว&nbsp;เลม่อน&nbsp;เมนูโซดา&nbsp;ลิ่นจี่&nbsp;สตอเบอรี่&nbsp;นมสด&nbsp;ลาเต้&nbsp;ชาไทย&nbsp;ชาเขียว&nbsp;โกโก้</p><p><strong>นายอรรศพงศ์&nbsp;วงศ์กระจ่าง</strong>&nbsp;เจ้าของร้าน&nbsp;Cafe&nbsp;ในท่องยามู&nbsp;บอกว่า&nbsp;ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่ร้านใหม่หลายเดือนแล้ว&nbsp;ลูกค้าเยอะกว่าเดิม&nbsp;ทั้งลูกค้าเดิม&nbsp;ลูกค้าใหม่&nbsp;และลูกค้าประจำ&nbsp;ชาวบ้านก็มาขายของกันเยอะขึ้นกว่าเดิม&nbsp;เมื่อก่อนมี&nbsp;3&nbsp;ร้าน&nbsp;ตอนนี้มีอยู่&nbsp;12&nbsp;ร้าน&nbsp;ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น&nbsp;อนาคตก็อาจจะมีมากกว่านี้อีก&nbsp;ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้น&nbsp;ชาวบ้านบางคนไม่มีร้านขายของก็เยอะอยู่&nbsp;</p><p><strong>ในส่วนของราคา&nbsp;บางตัวปรับขึ้น&nbsp;5-10&nbsp;บาท&nbsp;</strong>แต่บางตัวก็เหมือนเดิมตามเศรษฐกิจ&nbsp;ที่นิยมสั่งกันมาก&nbsp;ก็จะเป็นโกโก้&nbsp;ชาเขียว&nbsp;ส้มคั้น&nbsp;ผลไม้ตามฤดูกาล&nbsp;บ้านเรามีหวาน&nbsp;มีเปรี้ยว</p><p><strong>ขณะที่ในส่วนของการตกแต่งร้าน</strong>&nbsp;ก็จะเป็นสไตล์บ้านๆ&nbsp;เหมือนเดิม&nbsp;ขายแบบธรรมชาติ&nbsp;บรรยากาศเดิมปูเสื่อ&nbsp;ตั้งโต๊ะ&nbsp;เพิ่มความสะดวกสบายของลูกค้ามากขึ้น&nbsp;การนั่ง&nbsp;การมีไฟ&nbsp;สถานที่เอื้ออำนวยมากกว่าเดิม&nbsp;ไม่แออัด&nbsp;ช่วงโควิด&nbsp;บรรยากาศธรรมชาติ&nbsp;&nbsp;ส่วนผลตอบรับแม่ค้า&nbsp;ลูกค้า&nbsp;เยอะขึ้น</p><p><strong>สำหรับผู้ที่สนใจก็มาสามารถแวะเวียน</strong>&nbsp;มาทานกาแฟสด-อาหาร&nbsp;ในแบบบ้านๆ&nbsp;ที่&nbsp;Cafe&nbsp;ในท่องยามู&nbsp;&nbsp;ตั้งอยู่ที่บ้านทุ่งยามู&nbsp;ต.ยุโป&nbsp;อ.เมืองยะลา&nbsp;&nbsp;หากไปไม่ถูก&nbsp;สามารถเปิด&nbsp;Google&nbsp;Maps&nbsp;Cafe&nbsp;ในท่องยามู&nbsp;ปักหมุด&nbsp;หรือสอบถามโดยตรงได้ที่&nbsp;09-8041-6618&nbsp;ร้านจะเปิดทุกวันปิดเฉพาะวันจันทร์วันเดียว&nbsp;พิเศษวันอาทิตย์&nbsp;จะมีนักดนตรี&nbsp;เป็นเด็กๆ&nbsp;ในหมู่บ้านแสดงดนตรีสดให้ฟังด้วย</p><p><strong>ด้านลูกค้าจากอำเภอเมืองยะลา</strong>&nbsp;ที่ได้แวะเวียนมาเที่ยว&nbsp;บอกว่า&nbsp;ชอบบรรยากาศธรรมชาติ&nbsp;กาแฟ&nbsp;อาหาร&nbsp;ก็อร่อย&nbsp;ถ้ามีโอกาสก็จะแวะเวียนมาอีก&nbsp;ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>23/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220123084233483 พาณิชย์ลำปาง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ห้าง Modern Trade<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นางสาวเยาวเรศ&nbsp;แซ่โค้ว&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;(21&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;ได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้าและเจ้าหน้าที่&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;อาทิ&nbsp;เนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;เนื้อไก่ชำแหละ&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และน้ำมันพืช&nbsp;ณ&nbsp;ห้าง&nbsp;Modern&nbsp;Trade&nbsp;(ห้างโลตัส&nbsp;ห้างบิ๊กซี&nbsp;และห้างแม็คโคร)&nbsp;อำเภอเมืองลำปาง&nbsp;จังหวัดลำปาง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สถานการณ์การจำหน่ายและราคา&nbsp;มีดังนี้&nbsp;</strong>เนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;เนื้อแดง/เนื้อสะโพก/เนื้อหัวไหล่&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150-185&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;สันนอก&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;216-250&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;สามชั้น&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;238-248&nbsp;บาท&nbsp;เนื้อไก่ชำแหละ&nbsp;เนื้อส่วนอกไก่&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;75-77&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;เนื้อส่วนสะโพก&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;65-67&nbsp;บาท&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ต่อแผง&nbsp;30&nbsp;ฟอง&nbsp;เบอร์&nbsp;0&nbsp;ราคาจำหน่ายแผงละ&nbsp;129&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;เบอร์&nbsp;1&nbsp;ราคาจำหน่ายแผงละ&nbsp;116&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;ราคาจำหน่ายแผงละ&nbsp;99&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคาจำหน่ายแผงละ&nbsp;96&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;เบอร์&nbsp;4&nbsp;ราคาจำหน่ายแผงละ&nbsp;94&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;คละ&nbsp;(เบอร์&nbsp;3-4)&nbsp;จำหน่ายแผงละ&nbsp;99&nbsp;บาท&nbsp;น้ำมันปาล์มขนาดบรรจุ&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;มีราคาจำหน่ายขวดละ&nbsp;55-59&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;ทางห้างฯ&nbsp;มีการจำกัดการซื้อ&nbsp;เพื่อเป็นการกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคให้ทั่วถึง</strong>&nbsp;โดยมีประชาชนยังคงออกมาจับจ่ายใช้สอยเป็นปกติ&nbsp;ปริมาณสินค้ายังมีเพียงพอไม่ขาดแคลน&nbsp;ผู้ประกอบการมีการปิดแสดงราคาไว้อย่างชัดเจน</p>23/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220123091501504 คุมเข้มราคาสินค้าใกล้ตรุษจีน ผู้ว่าฯ ยะลา ลุยตลาด ร่วมพาณิชย์ ตรวจสอบราคาหมู ไก่สด ไข่ไก่ สร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภค<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คุมเข้มราคาสินค้าใกล้ตรุษจีน&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา&nbsp;ลุยตลาด&nbsp;ร่วมพาณิชย์&nbsp;ตรวจสอบราคาหมู&nbsp;ไก่สด&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;สร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภค&nbsp;ด้านคนขาย&nbsp;เผย&nbsp;ลูกค้าลดหมูแพง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในขณะที่หมูยังคงมีราคาแพง&nbsp;รวมถึงสินค้าต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ได้ปรับราคาขึ้น&nbsp;ประกอบกับใกล้ถึงเทศกาลตรุษจีนของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน&nbsp;เพื่อเป็นการป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าในช่วงภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(23&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)</strong>&nbsp;นายภิรมย์&nbsp;นิลทยา&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา&nbsp;พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา&nbsp;นายอำเภอเมืองยะลา&nbsp;ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดยะลา&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดยะลา&nbsp;อุตสาหกรรมยะลา&nbsp;เทศบาลนครยะลา&nbsp;รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้า&nbsp;อาหารต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ทั้งไก่สด&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;โดยเฉพาะเนื้อหมูสด&nbsp;ในตลาดสดพิมลชัย&nbsp;เพื่อตรวจสอบการขายที่อาจมีราคาสูงเกินสมควร&nbsp;สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในช่วงที่มีสถานการณ์โควิด-19&nbsp;และวิกฤติหมูแพง&nbsp;จากการลงตรวจสอบพบว่า&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;ไก่สด&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และสินค้าอย่างอื่นยังขายตามราคาที่กำหนด&nbsp;ผู้ประกอบการร้านค้าได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี&nbsp;มีการติดป้ายแสดงราคาสินค้าต่าง&nbsp;ๆ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายภิรมย์&nbsp;นิลทยา&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา</strong>&nbsp;ระบุว่า&nbsp;วันนี้ได้นำคณะมาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจพ่อค้า&nbsp;แม่ค้า&nbsp;และมาดูราคาสินค้าต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค&nbsp;หลังทราบข่าวมาว่าราคาหมูสูงมาก&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;200&nbsp;กว่า&nbsp;จริง&nbsp;ๆ&nbsp;แล้ว&nbsp;ยะลา&nbsp;หมูเนื้อแดงขายที่&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;หมูสามชั้น&nbsp;180&nbsp;บาท&nbsp;หมูปลอดสารพิษ&nbsp;ก็&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;พ่อค้า&nbsp;แม่ค้า&nbsp;ก็พอใจ&nbsp;ส่วนกำลังซื้ออาจจะอ่อนลงบ้าง&nbsp;แต่ปัจจุบันเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ&nbsp;ผู้ค้าหมูมีรายได้เพิ่มขึ้น&nbsp;เริ่มมาจากรัฐบาลได้ดูแลทุกอย่าง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;"...ยะลา&nbsp;เองหมูไม่ขาด&nbsp;หมูถูกกว่าที่อื่นมาก&nbsp;ส่วนราคาไก่สด&nbsp;ไข่ไก่ก็ขึ้นนิดหน่อย&nbsp;เราต้องช่วยกัน&nbsp;ให้พี่น้องประชาชนอยู่ได้&nbsp;เศรษฐกิจดีขึ้นพี่น้องมีความสุข&nbsp;ขอให้ประชาชนอดทน&nbsp;สถานการณ์ต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;จะดีขึ้น..."</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านร้านขายหมู&nbsp;บอกว่า&nbsp;หมูยะลาราคาถูกสุด&nbsp;ถูกกว่าที่อื่นมาก&nbsp;แต่ตอนนี้หมูแพง&nbsp;คนซื้อก็ลดลง&nbsp;จากเดิมที่เคยขายได้หมื่นกว่าบาท&nbsp;เหลือห้าพันหกพันลดลงครึ่งต่อครึ่ง&nbsp;คนซื้อลดลง&nbsp;ดีแล้วที่เจ้าหน้าที่ลงมาดู&nbsp;ผู้บริโภคจะได้รู้ว่าหมูยะลา&nbsp;ไม่แพงเหมือนที่อื่นไม่แพงขนาดนั้น&nbsp;ตอนนี้&nbsp;ก็ขึ้นป้ายราคาให้ลูกค้าได้ดูราคา&nbsp;สงสารคนที่กินด้วย&nbsp;ไม่ค้ากำไรเกินควร&nbsp;บางคนค่าแรงได้&nbsp;300&nbsp;บาท&nbsp;ต่อวัน&nbsp;มาซื้อหมู&nbsp;กิโลเดียวก็หมดแล้ว</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;และสำนักงานพาณิชย์ยะลา</strong>&nbsp;ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.2542&nbsp;โดยปิดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน&nbsp;และห้ามฉวยโอกาสปรับขึ้นราคา&nbsp;หรือจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควรโดยเด็ดขาด&nbsp;หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติจะมีบทลงโทษตามกฎหมาย&nbsp;คือ&nbsp;ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย&nbsp;มีโทษตามมาตรา&nbsp;28&nbsp;ปรับไม่เกิน&nbsp;1&nbsp;หมื่นบาท&nbsp;จำหน่ายสินค้าราคาแพงเกินสมควร&nbsp;มีโทษตามมาตรา&nbsp;29&nbsp;จำคุกไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับไม่เกิน&nbsp;1.4&nbsp;แสนบาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ&nbsp;หากพบเห็นการฉวยโอกาสขึ้นราคา&nbsp;หรือกระทำผิดแจ้ง&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดยะลา&nbsp;โทร.0-7320-3718&nbsp;หรือ&nbsp;0-7321-1259</p>23/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220123094913505 ผวจ.ยะลา ลุยตลาดสด เช็คราคาเนื้อหมู ระบุ ราคายังถูกกว่าที่อื่น<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>เมื่อเวลา&nbsp;07.00&nbsp;น.&nbsp;วันนี้&nbsp;(23&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)</strong>&nbsp;ผู้สื่อข่าวรายงานว่า&nbsp;ที่ตลาดสดพิมลชัย&nbsp;(ตลาดรถไฟ)&nbsp;เขตเทศบาลนครยะลา&nbsp;นายภิรมย์&nbsp;นิลทยา&nbsp;ผวจ.ยะลา&nbsp;พร้อมด้วยนายอำนาจ&nbsp;ชูทอง&nbsp;รอง&nbsp;ผวจ.ยะลา&nbsp;นางผุสสดี&nbsp;จ๋ายเจริญ&nbsp;พาณิชย์&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;นายธราวุธ&nbsp;ช่วยเกิด&nbsp;นายอำเภอเมืองยะลา&nbsp;พ.ต.อ.ทินทร&nbsp;รังมาตรย์&nbsp;ผบก.ภ.จว.ยะลา&nbsp;ปศุสัตว์ยะลา&nbsp;หัวหน้า&nbsp;สนง.จ.ยะลา&nbsp;และคณะส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ได้ออกทำการตรวจสอบสินค้าเนื้อหมูรวมถึงการจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;ไก่&nbsp;ไข่&nbsp;และสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;เนื่องจากว่า&nbsp;ขณะนี้มีสินค้าหลายประเภทมีการปรับราคาสูงขึ้นตามกลไกของตลาด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>โดยคณะของ&nbsp;ผวจ.ยะลา</strong>&nbsp;ได้ตรวจบริเวณเขียงหมูที่ขายเนื้อหมูพบว่า&nbsp;มีพ่อค้าแม่ค้ากำลังขายเนื้อหมูให้กับประชาชนตามปกติ&nbsp;มีการติดป้ายบอกราคาเนื้อหมูไว้ที่ราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;220&nbsp;บาท&nbsp;อย่างชัดเจน&nbsp;ขณะที่ร้านขายเนื้อหมูสดบางแห่งมีราคาเนื้อหมู&nbsp;กก.ละ&nbsp;160&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนร้านขายไก่พบว่า&nbsp;ราคาไก่สดทั้งตัว&nbsp;ราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;70-80&nbsp;บาท&nbsp;ไข่ไก่ก็มีการปรับราคาสูงขึ้น&nbsp;แต่ประชาชนก็ยังมาจับจ่ายซื้อสินค้ากันตามปกติ&nbsp;เนื่องจากว่าเป็นสินค้าจำพวกอาหารที่จำเป็นต้องใช้ในการทำเป็นอาหารเพื่อจำหน่ายและต้องกินเป็นอาหารประจำวัน&nbsp;ซึ่ง&nbsp;ผวจ.ยะลา&nbsp;และคณะ&nbsp;ได้พูดคุยกับพ่อแม่ค้าทุกคนพร้อมทั้งให้กำลังพ่อค้าแม่ค้า&nbsp;เนื่องจากมีลูกค้าที่ลดลง&nbsp;อีกทั้ง&nbsp;ได้ขอความร่วมมือไม่ให้จำหน่ายสินค้าราคาแพงเกินไปเพราะจะทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นางนิด&nbsp;แถมโต&nbsp;แม่ค้าแผงหมูในตลาด</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ยอมรับว่าจำนวนลูกค้าที่มาซื้อมีจำนวนที่ลดลง&nbsp;จากที่ขายได้วันละ&nbsp;2&nbsp;ตัว&nbsp;เหลือเพียงวันละ&nbsp;1&nbsp;ตัว&nbsp;แต่ยืนยันว่าหมูใน&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;ราคาถูกกว่าที่อื่นมากเนื่องจากต้นทุนเราที่ถูกกว่า</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ด้านนายภิรมย์&nbsp;นิลทยา&nbsp;ผวจ.ยะลา</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;จากการพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าหมูในตลาด&nbsp;ทุกคนพอใจ&nbsp;ส่วนกำลังซื้อของประชาชนเมื่อก่อนมีลดลงบ้างแต่ปัจจุบันเริ่มดีขึ้นเนื่องจากรัฐบาลได้ผ่อนคลายในมาตรการต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ทำให้ภาวะเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น&nbsp;ทั้งนี้ขอยืนยันกับประชาชนว่า&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;เนื้อหมูไม่มีการขาดตลาดและราคายังถูกกว่าที่อื่นมาก&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ได้ยังกำชับกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้องให้ดูแลควบคุมราคาอย่างใกล้ชิด&nbsp;เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบและเดือดร้อนกับประชนชน</p>23/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220123110349524 สวนน้ำความสุขของเด็กยะลา<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นับจากเดือนเมษายน&nbsp;ถึงเดือนธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ที่ผ่านมา</strong>&nbsp;สถานการณ์โควิดใน&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;ติดอันดับประเทศ&nbsp;จนทำให้เด็ก&nbsp;ๆ&nbsp;ต้องอยู่บ้าน&nbsp;เรียนออนไลน์&nbsp;ป้องกันตนเองให้ห่างจากโควิด&nbsp;จนกระทั่งช่วงส่งท้ายปีเก่า&nbsp;ต้อนรับปีใหม่&nbsp;สถานการณ์เริ่มดีขึ้นตามลำดับ&nbsp;เทศบาลนครยะลาจึงเริ่มเปิดเมือง&nbsp;จัดงานส่งท้ายปีเก่า&nbsp;ต้อนรับปีใหม่&nbsp;มีงานวันเด็กแบบออนไซต์และออนไลน์&nbsp;เปิดเรียนแบบออนไซต์สำหรับเด็กโต</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ในขณะที่&nbsp;ทางด้านสวนน้ำเทศบาล&nbsp;ภายในสนามช้างเผือก</strong>&nbsp;ก็ได้เริ่มกลับมาเปิดบริการอีกครั้ง&nbsp;ภายใต้มาตรการควบคุม&nbsp;จำกัดจำนวนคน&nbsp;โดยแบ่งเป็นรอบ&nbsp;ให้เด็ก&nbsp;ๆ&nbsp;เว้นระยะห่าง&nbsp;เรียนรู้การป้องกันตนเอง&nbsp;เพื่อจะได้ใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>เจ้าหน้าที่ผู้ดูแล</strong>&nbsp;บอกว่า&nbsp;หลังเปิดสวนน้ำ&nbsp;มาตั้งแต่&nbsp;14&nbsp;ธ.ค.&nbsp;64&nbsp;จนถึงปัจจุบัน&nbsp;จำนวนเด็กใหม่เพิ่มขึ้นมาก&nbsp;สมัครใหม่ทุกวัน&nbsp;40-50&nbsp;คนต่อวัน&nbsp;ซึ่งไม่รวมกับเด็กเก่าที่เป็นสมาชิกอยู่แล้ว&nbsp;ส่วนมาตรการการป้องกันโควิด-19&nbsp;ก็จะเข้มงวดตั้งแต่ก่อนเข้าสวนน้ำเด็ก&nbsp;ๆ&nbsp;จะต้องล้างมือ&nbsp;วัดไข้&nbsp;ลงทะเบียน&nbsp;รับบัตรคิว&nbsp;เข้าต่อรอบ&nbsp;50&nbsp;คน&nbsp;เว้นระยะห่างในการเล่น&nbsp;ซึ่งจะมีวันละ&nbsp;6&nbsp;รอบ&nbsp;เริ่มตั้งแต่&nbsp;10.30&nbsp;น.&nbsp;ไปจนถึงรอบ&nbsp;17.45&nbsp;น.&nbsp;โดยช่วง&nbsp;16.00-17.45&nbsp;น.&nbsp;จะเต็มเร็วมาก&nbsp;รวมไปถึงเด็ก&nbsp;ๆ&nbsp;ต้องสวมใส่ชุดว่ายน้ำมาจากบ้าน&nbsp;เพื่อลดการแออัดในห้องน้ำ&nbsp;เด็กเล็ก&nbsp;1&nbsp;คน&nbsp;ก็จะมีผู้ปกครองเข้ามาได้คนเดียว&nbsp;เพื่อลดการรวมตัวแออัดภายใน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำหรับในช่วงนี้จะเน้นเด็กที่รับใหม่</strong>&nbsp;ก็จะต้องเป็นเด็กที่อยู่ในพื้นที่&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;ก่อนช่วงโควิด-19&nbsp;ต้องลดภาวะเสี่ยง&nbsp;ถ้าโควิดคลี่คลายก็จะเปิดรับทั่วไป&nbsp;ซึ่งตั้งแต่เปิดให้เด็กมาเล่นน้ำเป็นไปด้วยความเรียบร้อย&nbsp;ผู้ปกครองเข้าใจมาตรการลดปริมาณผู้ใช้บริการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ขณะที่&nbsp;บรรยากาศโดยทั่วไป&nbsp;</strong>พบว่าบรรดาผู้ปกครองได้นำเด็ก&nbsp;ๆ&nbsp;มาเล่นน้ำกับเพื่อน&nbsp;ๆ&nbsp;อย่างสนุกสนาน&nbsp;โดยผู้ปกครองบางคนก็เพิ่งจะพาลูกหลานมาเล่นน้ำครั้งแรก&nbsp;บางคนก็มาหลายครั้งแล้ว&nbsp;โดยบอกว่าตั้งแต่โควิดไม่ได้มานานแล้ว&nbsp;พอเริ่มเปิดก็เลยพาลูก&nbsp;ๆ&nbsp;หลาน&nbsp;ๆ&nbsp;มาเล่นน้ำ&nbsp;ก่อนเข้าก็ทำจะทำตามมาตรการทุกอย่าง&nbsp;ล้างมือ&nbsp;ทำความสะอาดตัว&nbsp;เว้นระยะห่าง</p>23/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220123110340521 บุรีรัมย์ มาราธอน 2022 ปิดฉากอย่างน่าประทับใจ บรรยากาศ 2 ข้างทางเป็นไปอย่างอบอุ่นด้วยสีสันไฟประดับสวยงาม มีกองเชียร์ให้กำลังใจตลอด 2 ข้างทาง ส่วนผลการแข่งขัน "สัญชัย" คว้าถ้วยพระราชทานฯ สมัย 3<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;"บุรีรัมย์&nbsp;มาราธอน&nbsp;2022"&nbsp;ปิดฉากอย่างน่าประทับใจ&nbsp;บรรยากาศ&nbsp;2&nbsp;ข้างทางเป็นไปอย่างอบอุ่นด้วยสีสันไฟประดับสวยงาม&nbsp;มีกองเชียร์ให้กำลังใจตลอด&nbsp;2&nbsp;ข้างทาง&nbsp;ส่วนผลการแข่งขัน&nbsp;"สัญชัย"&nbsp;คว้าถ้วยพระราชทานฯ&nbsp;สมัย&nbsp;3</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>เมื่อช่วงเย็นวานนี้&nbsp;(22&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดบุรีรัมย์</strong>&nbsp;นายพิพัฒน์&nbsp;รัชกิจประการ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา&nbsp;พร้อมด้วยนายธัชกร&nbsp;หัตถาธยากูล&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์&nbsp;ผู้บริหารกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์&nbsp;ร่วมปล่อยตัวนักวิ่ง&nbsp;"บุรีรัมย์มาราธอน&nbsp;2022"&nbsp;รูปแบบไนท์รันบนมาตรฐานระดับเหรียญเงินของโลก&nbsp;(ซิลเวอร์&nbsp;เลเบิล)&nbsp;ระยะวิ่งได้แก่&nbsp;มาราธอน&nbsp;ระยะทาง&nbsp;42.195&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;,&nbsp;ฮาล์ฟ&nbsp;มาราธอน&nbsp;ระยะทาง&nbsp;21.1&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;,&nbsp;มินิมาราธอน&nbsp;ระยะทาง&nbsp;10&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;และฟันรัน&nbsp;ระยะทาง&nbsp;4.554&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;ท่ามกลางสายฝนตั้งแต่ปล่อยตัวระยะมาราธอน&nbsp;ซึ่งนักวิ่งและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องแสดงเอกสารการรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19&nbsp;และต้องตรวจคัดกรองหาเชื้อฯ&nbsp;แบบ&nbsp;ATK&nbsp;ทุกคน&nbsp;กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา&nbsp;ร่วมกับจังหวัดบุรรัมย์&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวด้านกีฬาเชื่อโยงการท่องเที่ยวทางอายธรรม&nbsp;และเป็นจุดหมายปลายทางที่นักวิ่งจากทั่วโลก&nbsp;ต้องไปสัมผัสกับบรรยากาศการวิ่งที่บุรีรัมย์สักครั้งหนึ่งในชีวิต&nbsp;ส่วนบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น&nbsp;ปลอดภัย&nbsp;มีความสุข</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ตลอดเส้นทางการวิ่งได้สัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติ&nbsp;และแสงไฟสีสันอย่างสวยงาม&nbsp;</strong>มีประชาชนชาวบุรีรัมย์ไปชมและเชียร์ให้กำลังใจนักวิ่งมาราธอนตลอด&nbsp;2&nbsp;ข้างทาง&nbsp;มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดโดยการปิดจราจร&nbsp;100&nbsp;เปอร์เซ็นด์&nbsp;มีทีมแพทย์ฉุกเฉินช่วยเหลือนักกีฬา&nbsp;มีจุดปฐมพยาบาล&nbsp;ตลอดระยะทาง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ส่วนผลการแข่งขัน&nbsp;ระยะมาราธอน&nbsp;42.195&nbsp;กิโลเมตร</strong>&nbsp;ผู้ที่เข้าเส้นชัยคนแรก&nbsp;ฝ่ายชาย&nbsp;ได้แก่&nbsp;เซอร์เก&nbsp;ซีรียานอฟ&nbsp;ปอดเหล็กจากรัสเซีย&nbsp;ทำเวลาได้&nbsp;2.28.21.80&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;อันดับ&nbsp;2&nbsp;สัญชัย&nbsp;นามเขต&nbsp;เหรียญเงินซีเกมส์&nbsp;ครั้งที่&nbsp;30&nbsp;ที่ฟิลิปปินส์&nbsp;ทำเวลาได้&nbsp;2.35.25.74&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;คว้าแชมป์คนไทย&nbsp;และได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ&nbsp;เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา&nbsp;นเรนทิราเทพยวดี&nbsp;กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร&nbsp;มหาวัชรราชธิดา&nbsp;เป็นสมัยที่&nbsp;3&nbsp;ส่วนอันดับ&nbsp;3&nbsp;บุญถึง&nbsp;ศรีสังข์&nbsp;ทำเวลาได้&nbsp;2.41.01.89&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;ฝ่ายหญิง&nbsp;อันดับ&nbsp;1&nbsp;อเล็กซานดรา&nbsp;โมโรโซวา&nbsp;ชาวรัสเซีย&nbsp;ทำเวลาได้&nbsp;2.52.12.88&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;อันดับ&nbsp;2&nbsp;ลินดา&nbsp;อินทะชิต&nbsp;ทีมชาติ&nbsp;ได้แชมป์คนไทย&nbsp;ทำเวลาได้&nbsp;3.00.08.11&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;อันดับ&nbsp;3&nbsp;อาภัสรา&nbsp;ปราสาทหินพิมาย&nbsp;ทำเวลาได้&nbsp;3.06.21.38&nbsp;ชั่วโมง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ระยะฮาล์ฟมาราธอน&nbsp;21.1&nbsp;กิโลเมตร</strong>&nbsp;ฝ่ายชาย&nbsp;ที่&nbsp;1&nbsp;"บิ๊ก"&nbsp;ณัฐวุฒิ&nbsp;อินนุ่ม&nbsp;คู่แฝดคนพี่&nbsp;ทีมชาติชุดซีเกมส์&nbsp;ทำเวลาได้&nbsp;1.08.35.25&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;คว้าแชมป์&nbsp;2&nbsp;สมัย&nbsp;แต่เป็นแชมป์คนไทยมาโดยตลอด&nbsp;อันดับที่&nbsp;2&nbsp;คริสตอฟ&nbsp;ฮาดาซ&nbsp;(โปแลนด์)&nbsp;ทำเวลาได้&nbsp;1.09.36.78&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;ที่&nbsp;3&nbsp;อีน็อค&nbsp;ไคเกน&nbsp;(เคนยา)&nbsp;ทำเวลาได้&nbsp;1.14.17.53&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;ฝ่ายหญิง&nbsp;ที่&nbsp;1&nbsp;อรอนงค์&nbsp;วงศ์ศร&nbsp;ทำเวลาได้&nbsp;1.26.06.33&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;ที่&nbsp;2&nbsp;"ฝน"&nbsp;ณัฐธยาน์&nbsp;ธนรณวัฒน์&nbsp;อดีตทีมชาติไทย&nbsp;ทำเวลาได้&nbsp;1.28.00.38&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;ที่&nbsp;3&nbsp;อรนุช&nbsp;เอี่ยมเทศ&nbsp;ทำเวลาได้&nbsp;1.29.01.85&nbsp;ชั่วโมง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ระยะมินิมาราธอน&nbsp;10&nbsp;กิโลเมตร</strong>&nbsp;ฝ่ายชาย&nbsp;ที่&nbsp;1&nbsp;อาทิตย์&nbsp;โสดา&nbsp;ทำเวลาได้&nbsp;32.13.99&nbsp;น.&nbsp;ที่&nbsp;2&nbsp;"เบล"&nbsp;ณัฐวัฒน์&nbsp;อินนุ่ม&nbsp;แฝดผู้น้อง&nbsp;ทำเวลาได้&nbsp;32.24.97&nbsp;น.&nbsp;ที่&nbsp;3&nbsp;นิติธรรม&nbsp;มิสาธรรม&nbsp;33.45.05&nbsp;น.&nbsp;ฝ่ายหญิง&nbsp;ที่&nbsp;1&nbsp;"น้องบิ๊กซี"&nbsp;ศรัญญา&nbsp;บัวไพร&nbsp;37.28.12&nbsp;น.&nbsp;ที่&nbsp;2&nbsp;ปารียา&nbsp;สนเส็ม&nbsp;37.54.74&nbsp;น.&nbsp;ที่&nbsp;3&nbsp;กัลยรักษ์&nbsp;เสรีวุฒิชัย&nbsp;38.39.59&nbsp;น.</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายพิพัฒน์&nbsp;รัชกิจประการ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;การจัดการแข่งขัน&nbsp;"บุรีรัมย์&nbsp;มาราธอน&nbsp;2022"&nbsp;ปีนี้มีการบริหารจัดการแข่งขันที่ดีมาก&nbsp;และมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;ที่เข้มแข็ง&nbsp;การปล่อยตัวแบบเว้นระยะห่าง&nbsp;ตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ทุกคน&nbsp;หากบุรีรัมย์&nbsp;มาราธอนจัดงานประสบความสำเร็จได้&nbsp;ภายใต้การจัดการผู้ร่วมงานหลายหมื่นคน&nbsp;ก็จะเป็นตัวอย่างสำหรับการแข่งขันวิ่งรายการอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;ของจังหวัดอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;หากสามารถบริหารจัดการ&nbsp;เราจะสามารถจัดการแข่งขัน&nbsp;หรือจัดอีเวนต์ได้ทุกอย่าง&nbsp;หลังจากนี้&nbsp;ทางกระทรวงฯ&nbsp;จะติดตามผลการจัดงาน&nbsp;1&nbsp;สัปดาห์&nbsp;หากไม่พบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;และในวันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;จะมีการประกาศให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาได้ในระบบ&nbsp;Test&nbsp;and&nbsp;Go&nbsp;หากเราสามารถจัดงานครั้งนี้สำเร็จได้&nbsp;ก็แสดงให้เห็นว่าไทยสามารถจัดการแข่งขันกีฬาได้&nbsp;แม้ว่าจะมีจำนวนคนร่วมกิจกรรมจำนวนมาก&nbsp;ซึ่งการจัดการแข่งขันบุรีรัมย์&nbsp;มาราธอน&nbsp;จะเป็นตัวอย่างและแนวทางสำหรับจังหวัดสปอร์ตซิตี้ที่เรามีอยู่&nbsp;10&nbsp;กว่าจังหวัด&nbsp;ว่าสามารถจัดการแข่งขันกีฬาได้&nbsp;หากทุกคนช่วยกันปฏิบัติตามแนวทางสาธารณสุขอย่างเข้มงวด&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นอีเว้นต์ของท่องเที่ยวต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;การจัดคอนเสิร์ต&nbsp;หรือการจัดกีฬาต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;</p>23/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบุรีรัมย์สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบุรีรัมย์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220123110354526 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ ติดตามการดำเนินโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน<p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;</strong>ติดตามการดำเนินโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;3)&nbsp;ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;8&nbsp;จุด&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงให้กับประชาชนผู้บริโภค&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;17-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ตามนโยบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;โดยมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;จุดจำหน่าย</strong>&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณหน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;มีสินค้าราคาประหยัดมาร่วมจำหน่ายด้วย&nbsp;อาทิ&nbsp;พืชผักสินค้าเกษตรอินทรีย์ข้าวสาร&nbsp;ผลไม้&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาประหยัด</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>23/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสุรินทร์สวท.สุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220123105247515 นายอำเภอรัตนบุรี เยี่ยมกลุ่มโอทอปกลุ่มเกษตรอินทรีย์ เครือข่ายโคกหนองนา งาน "มหกรรมสินค้า OTOP เกษตรอินทรีย์ ของดี รัตนบุรี และคาราวานสินค้าราคาถูก" มุ่งสร้างรายได้ กระจายความสุข เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานราก<p><strong>นายคเณศวร&nbsp;เกษอินทร์&nbsp;นายอำเภอรัตนบุรี</strong>&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายดุษฎี&nbsp;ดวงใจ&nbsp;ปลัดอำเภออาวุโส&nbsp;และนางศรินทราภรณ์&nbsp;ไกรเสือ&nbsp;พัฒนาการอำเภอรัตนบุรี&nbsp;เข้าเยี่ยมติดตามการจำหน่ายผลผลิตของเครือข่ายกลุ่มวิสาหกิจ&nbsp;OTOP&nbsp;สมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี&nbsp;แกนนำขับเคลื่อนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;ในรูปแบบ&nbsp;โคก&nbsp;หนอง&nbsp;นา&nbsp;โมเดล&nbsp;เปิดงาน&nbsp;“มหกรรมสินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;เกษตรอินทรีย์&nbsp;ของดีรัตนบุรี&nbsp;และคาราวานสินค้าราคาถูก”&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1&nbsp;ซึ่งเป็นกิจกรรมจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าของชุมชน&nbsp;จากสัมมาชีพในชุมชน&nbsp;ผลผลิตทางการเกษตรอินทรีย์&nbsp;ผลผลิตจากกลุ่มเครือข่ายโคกหนองนาโมเดล&nbsp;กรมการพัฒนาชุมชน&nbsp;ผลิตภัณฑ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ&nbsp;และเครื่องอุปโภคบริโภคจำเป็นที่มีราคาประหยัด&nbsp;SMEs&nbsp;นำมาจำหน่ายเพิ่อสร้างรายได้&nbsp;ส่งเสริมกระตุ้นเศรษฐกิจ&nbsp;และลดค่าครองชีพของประชาชน&nbsp;ซึ่งงานได้จัดขึ้นระหว่างวันที่&nbsp;17-23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่บริเวณสนามข้างที่ว่าการอำเภอรัตนบุรี&nbsp;จังหวัดสุรินทร์</p><p><strong>สำหรับกิจกรรมมหกรรมจำหน่ายสินค้า</strong>&nbsp;เพื่อให้ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ได้มีโอกาสนำเสนอสินค้าผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;ที่มีคุณภาพ&nbsp;จำหน่ายให้กับผู้บริโภค&nbsp;เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานราก&nbsp;โดยเน้นมาตรการป้องกันโควิด-19&nbsp;อย่างเข้มข้น&nbsp;การจัดงานในครั้งนี้ผู้ประกอบการมีการตรวจวัคซีน&nbsp;และมีการตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ส่วนผู้เข้าร่วมงานก็มีการตรวจคัดกรองวัดอุณหภูมิ&nbsp;สวมใส่หน้ากากผ้า&nbsp;หรือหน้ากากอนามัย&nbsp;และรักษาระยะห่าง&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;นายอำเภอรัตนบุรี&nbsp;ได้มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องติดตามยอดจากการจำหน่ายสินค้า&nbsp;เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการกำหนดแผนการส่งเสริมและพัฒนาการตลาดได้อย่างเหมาะสมต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>23/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสุรินทร์สวท.สุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220123110230518 รัฐบาล มุ่งพัฒนาระบบรางของไทยในการเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาค ไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของอาเซียน<p><strong>นายธนกร&nbsp;วังบุญคงชนะ&nbsp;โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ระหว่างการพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงของไทยและเพื่อให้การเดินทาง&nbsp;การขนส่งสินค้า&nbsp;สามารถเชื่อมต่อรถไฟไทย&nbsp;ลาว&nbsp;และจีน&nbsp;อย่างไร้รอยต่อ&nbsp;พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม&nbsp;ได้แต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย&nbsp;ลาว&nbsp;และจีน&nbsp;ซึ่งมีนายอนุทิน&nbsp;ชาญวีรกูล&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข&nbsp;เป็นประธาน</p><p><strong>นายกรัฐมนตรี&nbsp;มั่นใจว่า</strong>&nbsp;โครงสร้างพื้นฐานของไทยมีความพร้อมรองรับปริมาณสินค้าที่ต้องการขนส่งข้ามแม่น้ำโขง&nbsp;เชื่อมต่อการขนส่งสินค้าไทย&nbsp;ลาว&nbsp;และจีน&nbsp;ในลักษณะทีมประเทศไทย&nbsp;&nbsp;หรือ&nbsp;Team&nbsp;Thailand&nbsp;เพื่อบริหารจัดการสมดุลระหว่างปริมาณสินค้าที่ต้องการขนส่งกับความสามารถรองรับของโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่&nbsp;ระหว่าง&nbsp;demand&nbsp;และ&nbsp;supply&nbsp;เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทย&nbsp;โดยหน่วยงานฝั่ง&nbsp;demand&nbsp;ประกอบด้วยกระทรวงพาณิชย์&nbsp;กระทรวงอุตสาหกรรม&nbsp;กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ&nbsp;</p><p><strong>ขณะที่ฝั่ง&nbsp;supply&nbsp;ประกอบด้วย</strong>&nbsp;กระทรวงคมนาคม&nbsp;กระทรวงสาธารณสุข&nbsp;กระทรวงการคลังและกระทรวงการต่างประเทศ&nbsp;ร่วมวางแผนกำหนดนโยบายการเชื่อมต่อทางรถไฟระหว่างไทย&nbsp;ลาว&nbsp;และจีน&nbsp;พร้อมจัดทำแผนการขนส่งสินค้า&nbsp;เพื่อกำกับ&nbsp;ติดตามเร่งขับเคลื่อนการเชื่อมโยงทางรถไฟ&nbsp;พร้อมขับเคลื่อนสู่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน</p><p><strong>สำหรับผลการประชุมคณะกรรมการบูรณาการการเชื่อมโยง</strong>ทางรถไฟระหว่างไทย&nbsp;ลาว&nbsp;&nbsp;และจีนครั้งที่&nbsp;1/2565&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;13&nbsp;มกราคมที่ผ่านมา&nbsp;เห็นชอบแผนการดำเนินงานและเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อติดตามความก้าวหน้าสถานะการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเห็นชอบการจัดทำ&nbsp;Framework&nbsp;Agreement&nbsp;การขนส่งทางรถไฟระหว่างไทย&nbsp;ลาว&nbsp;และจีน&nbsp;&nbsp;โดยการเชื่อมต่อการเดินทางข้ามแดนผ่านทางรถไฟช่วงหนองคาย&nbsp;–&nbsp;เวียงจันทน์&nbsp;ซึ่งในการเจรจาระหว่างประเทศนั้น&nbsp;ให้ดำเนินการเจรจาบนพื้นฐานที่ไทย&nbsp;ลาว&nbsp;และจีน&nbsp;โดยอาจยกระดับให้เป็นบันทึกข้อตกลงที่มีความผูกพันเพิ่มเติมและให้การรถไฟแห่งประเทศไทย&nbsp;หรือ&nbsp;รฟท.&nbsp;ดำเนินการของบกลางเพื่อออกแบบสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่&nbsp;2&nbsp;และเร่งดำเนินการก่อสร้าง&nbsp;ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศต่อไป&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ยังได้แต่งตั้งองค์ประกอบของคณะกรรมการเพิ่มเติม&nbsp;ได้แก่&nbsp;กระทรวงสาธารณสุข&nbsp;และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา&nbsp;เพื่อพิจารณาแนวทางการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟไทย&nbsp;–&nbsp;ลาว&nbsp;และจีนต่อไป</p><p>&nbsp;</p><p>&nbsp;</p>23/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลนนทบุรีสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220123131016559 รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตรวจเยี่ยมโครงการโมบาย พาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน ย้ำให้กรมการค้าภายตรวจสอบราคาสินค้าพร้อมตรึงราคา ช่วงเทศกาลตรุษจีน<p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ตรวจเยี่ยมโครงการโมบาย&nbsp;พาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ย้ำให้กรมการค้าภายตรวจสอบราคาสินค้าพร้อมตรึงราคา&nbsp;ช่วงเทศกาลตรุษจีน</span></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณะวิศิษฎ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เปิดเผยหลังลงพื้นที่และตรวจเยี่ยมโครงการโมบาย&nbsp;พาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;lot&nbsp;ที่&nbsp;16&nbsp;ที่ชุมชนปิ่นเจริญ&nbsp;2&nbsp;แขวงสีกัน&nbsp;เขตดอนเมือง&nbsp;กรุงเทพมหานคร&nbsp;ว่า&nbsp;โครงการฯนี้จะช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของของประชาชน&nbsp;โดยนำสินค้าบริโภคอุปโภคที่จำเป็นในการดำรงชีวิตมาจำหน่ายในราคาถูกกว่าท้องตลาดกว่าร้อยละ&nbsp;86&nbsp;เช่น&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;//&nbsp;ไข่ไก่เบอร์&nbsp;2&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;แผง&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;//&nbsp;ข้าวหอมมะลิ&nbsp;ถุงละ&nbsp;5&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;120&nbsp;บาท&nbsp;//&nbsp;น้ำมันพืช&nbsp;ขวดละ&nbsp;48&nbsp;บาท&nbsp;และไก่น่องติดสะโพก&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;65&nbsp;บาท&nbsp;</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span>ทั้งนี้&nbsp;จากการลงพื้นที่พบว่า&nbsp;ประชาชนให้การตอบรับซื้อสินค้าเป็นอย่างดี&nbsp;ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบจุดจำหน่ายได้ที่เว็บไซต์ของกระทรวงพาณิชย์&nbsp;พร้อมย้ำว่า&nbsp;สินค้าอื่นที่อาจปรับราคาขึ้นทางกระทรวงได้จัดการแล้วทั้งสินค้าอาหารบริโภค&nbsp;ผงซักฟอง&nbsp;สบู่&nbsp;ยาสีฟัน&nbsp;เครื่องใช้ไฟฟ้า&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ซอสปรุงรสบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป&nbsp;และน้ำอัดลม&nbsp;ยืนยันว่า&nbsp;ได้เจรจากันจนยุติหมดแล้วจะไม่มีการขึ้นราคาเด็ดขาด</span></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ยอมรับว่า&nbsp;ขณะนี้ราคาเนื้อหมูยังคงมีราคาสูง&nbsp;ถือเป็นปัญหาที่กระทรวงพาณิชย์กระทรวงเดียวไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้&nbsp;กระทรวงการคลังต้องไปเร่ง&nbsp;การลดภาษีอาหารสัตว์&nbsp;กระทรวงพลังงานต้องเร่งแก้ไขราคาน้ำมันที่เป็นต้นทุนสำคัญด้วย&nbsp;รวมถึงปัญหาน้ำมันปาล์มที่เริ่มมีราคาแพงขึ้น&nbsp;ซึ่งภายใน&nbsp;1-2&nbsp;วัน&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;จะเชิญทุกฝ่ายเข้ามาหารืออีกครั้ง&nbsp;ขณะที่ช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะถึงนี้&nbsp;ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง&nbsp;เพื่อเตือนไม่ให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าโดยเฉพาะอาหารและของใช้จำเป็น&nbsp;พร้อมทั้งให้หารือกับผู้ประกอบการ&nbsp;บริษัทผู้ผลิตรายใหญ่&nbsp;เกษตรกร&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;หาข้อตกลงร่วมกันในการตรึงราคาจำหน่ายสินค้าให้ถูกลง&nbsp;เพื่อทำให้ทุกภาคส่วนได้ผลประโยชน์ร่วมกัน</span></p><p><br></p>23/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220123130053555 จังหวัดกาฬสินธุ์ วันอาทิตย์พาณิชย์ไม่หยุดขายหมู กิโลกรัมละ 150 บาท<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ที่จุดบริการหน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์</strong>&nbsp;นายศิริพงษ์&nbsp;วิวัฒน์เกษมชัย&nbsp;พาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ตามนโยบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณะวิศิษฏ์&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้มีนโยบายให้เปิดจุดจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก&nbsp;ในโครงการพาณิชย์ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;มีเนื้อสะโพกหมู&nbsp;สันคอ&nbsp;หมูสามชั้น&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;ราคาเดียวกันหมด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>โดยมีจุดบริการ&nbsp;7&nbsp;จุด</strong>&nbsp;ในพื้นที่อำเภอเมือง&nbsp;5&nbsp;จุด&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;1.หน้าบริเวณสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;2.เขียงหมูอารยาหมูสด&nbsp;3.ที่ตลาดสดทุ่งนาทอง&nbsp;4.หจก.เจทีพีฟู๊ด&nbsp;ถนนถีนานนท์&nbsp;5.ห้องเย็นนุชไก่สด&nbsp;6.ตลาดสดร่วมใจการเกษตร&nbsp;7.ห้องเย็นนุชไก่สด&nbsp;สาขา&nbsp;1&nbsp;ถนนถีนานนท์&nbsp;และที่อำเภอยางตลาด&nbsp;2&nbsp;จุด&nbsp;1.ร้าน&nbsp;Meat&nbsp;U&nbsp;หมูสด&nbsp;หน้าตลาดสดยางตลาด&nbsp;และ&nbsp;2.ร้านเจ๊ตุ่มหมู&nbsp;ตำบลยางตลาด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;ได้รับความร่วมมือจากเจ้าของเขียงหมูในพื้นที่&nbsp;</strong>นำหมูมาขายวันละ&nbsp;340&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;โดยบรรดาพ่อบ้านแม่บ้านได้ให้ความสนใจ&nbsp;รอคิวซื้อกันอย่างเนืองแน่น&nbsp;เนื่องจากเป็นหมูที่ชำแหละมาแบบใหม่และสด&nbsp;คุณภาพเนื้อดีและสะอาด&nbsp;ภายใต้มาตรการป้องกัน&nbsp;COVID-19&nbsp;อย่างเข้มข้น&nbsp;ซึ่งจะจำหน่ายไปถึงในวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p>23/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกาฬสินธุ์สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220123115750537 ผู้ว่าฯ ยะลา ลุยตลาด ตรวจสอบการจำหน่ายราคาเนื้อหมู เผยจังหวัดยะลายังจำหน่ายในราคาถูกกว่าที่อื่น ส่วนใหญ่เป็นหมูที่เลี้ยงในพื้นที่<p><strong>วันนี้&nbsp;(23&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;</strong>เวลา&nbsp;07.00&nbsp;น.&nbsp;นายภิรมย์&nbsp;นิลทยา&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายอำนาจ&nbsp;ชูทอง&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา&nbsp;นางผุสสดี&nbsp;จ๋ายเจริญ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดยะลา&nbsp;นายธราวุธ&nbsp;ช่วยเกิด&nbsp;นายอำเภอเมืองยะลา&nbsp;พ.ต.อ.ทินกร&nbsp;รังมาตย์&nbsp;ผบก.ภ.จว.ยะลา&nbsp;ปศุสัตว์ยะลา&nbsp;หัวหน้า&nbsp;สนง.จ.ยะลา&nbsp;และคณะส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ลงพื้นที่ตลาดสดพิมลชัย&nbsp;(ตลาดรถไฟ)&nbsp;ในเขตเทศบาลนครยะลา&nbsp;ตรวจสอบการจำหน่ายเนื้อหมูรวมถึงไก่&nbsp;และไข่&nbsp;สินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ&nbsp;เนื่องจากว่า&nbsp;ขณะนี้มีสินค้าหลายประเภทมีการปรับราคาสูงขึ้นตามกลไกของตลาด&nbsp;จากการตรวจสอบพบว่า&nbsp;ร้านค้า&nbsp;เขียงหมูมีการติดป้ายบอกราคาเนื้อหมูไว้ที่อย่างชัดเจน&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;เนื้อสามชั้น&nbsp;กก.ละ&nbsp;220&nbsp;บาท&nbsp;เนื้อแดง&nbsp;กก.ละ&nbsp;180&nbsp;บาท&nbsp;หมูติดมัน&nbsp;กก.ละ&nbsp;160&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนร้านขายไก่พบว่า&nbsp;ราคาไก่สดทั้งตัว&nbsp;ราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;70-80&nbsp;บาท&nbsp;ไข่ไก่ก็มีการปรับราคาสูงขึ้น&nbsp;แต่ประชาชนก็ยังมาจับจ่ายซื้อสินค้ากันตามปกติ&nbsp;เนื่องจากว่าเป็นสินค้าจำพวกอาหารที่จำเป็นต้องใช้ในการทำเป็นอาหารเพื่อจำหน่ายและต้องกินเป็นอาหารประจำวัน&nbsp;พร้อมทั้งได้พูดคุยกับพ่อแม่ค้า&nbsp;ให้กำลังพ่อค้าแม่ค้า&nbsp;เนื่องจากมีลูกค้าที่ลดลง</p><p><strong>นางนิด&nbsp;แถมโต&nbsp;แม่ค้าแผงหมูในตลาด&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>ยอมรับว่าจำนวนลูกค้าที่มาซื้อมีจำนวนที่ลดลง&nbsp;จากที่ขายได้วันละ&nbsp;2&nbsp;ตัว&nbsp;เหลือเพียงวันละ&nbsp;1&nbsp;ตัว&nbsp;แต่ยืนยันว่าหมูในจังหวัดยะลา&nbsp;ราคาถูกกว่าที่อื่นส่วนใหญ่เป็นหมูที่เลี้ยงอยู่ในพื้นที่</p><p><strong>นายภิรมย์&nbsp;นิลทยา&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;จากการพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าหมูในตลาด&nbsp;ทุกคนพอใจ&nbsp;ส่วนกำลังซื้อของประชาชนเมื่อก่อนมีลดลงบ้างแต่ปัจจุบันเริ่มดีขึ้นเนื่องจากรัฐบาลได้ผ่อนคลายในมาตรการต่างๆ&nbsp;ทำให้ภาวะเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น&nbsp;ทั้งนี้ขอยืนยันกับประชาชนว่าจังหวัดยะลา&nbsp;เนื้อหมูไม่มีการขาดตลาดและราคายังถูกกว่าที่อื่นมาก&nbsp;เนื่องจากเนื้อหมูส่วนใหญ่&nbsp;มีฟาร์มเลี้ยงอยู่ในพื้นที่&nbsp;มีการนำเข้าจากนอกพื้นที่บ้างแต่ไม่มาก&nbsp;ทั้งนี้ได้กำชับกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้องให้ดูแลควบคุมราคาอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบและเดือดร้อนกับประชาชน</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>23/1/2022ภาคใต้ยะลาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220123121740540 จังหวัดหนองคาย จัด "ตลาดนัดช่วยประชาชน บรรเทาปัญหาค่าครองชีพ" ที่อำเภอศรีเชียงใหม่ จำหน่ายหมูพาณิชย์ลดราคา กิโลกรัมละ 150 จำกัดคนละ 2 กิโลกรัม มีประชาชนเข้าคิวแห่ซื้อจนขายหมดอย่างรวดเร็ว<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จังหวัดหนองคาย&nbsp;จัด&nbsp;"ตลาดนัดช่วยประชาชน&nbsp;บรรเทาปัญหาค่าครองชีพ"&nbsp;ที่อำเภอศรีเชียงใหม่&nbsp;จำหน่ายหมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;จำกัดคนละ&nbsp;2&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;มีประชาชนเข้าคิวแห่ซื้อจนขายหมดอย่างรวดเร็ว</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ที่ลานวัฒนธรรมเบิ่งเวียงริมแม่น้ำโขง&nbsp;หมู่ที่&nbsp;2&nbsp;ตำบลพานพร้าว&nbsp;อำเภอศรีเชียงใหม่&nbsp;จังหวัดหนองคาย</strong>&nbsp;นายทศพล&nbsp;สินยบุตร&nbsp;นายอำเภอศรีเชียงใหม่&nbsp;,&nbsp;นายจรัล&nbsp;กลางประดิษฐ&nbsp;ปลัดอาวุโสฯ&nbsp;พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง&nbsp;,&nbsp;สำนักงานปศุสัตว์อำเภอศรีเชียงใหม่&nbsp;,&nbsp;สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอศรีเชียงใหม่&nbsp;,&nbsp;เกษตรกร&nbsp;,&nbsp;กลุ่มอาชีพ&nbsp;และกลุ่มสตรีในพื้นที่&nbsp;ได้ร่วมกันเปิด&nbsp;"ตลาดนัดช่วยประชาชน&nbsp;บรรเทาปัญหาค่าครองชีพ"&nbsp;เพื่อจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ให้กับประชาชนในราคาถูก&nbsp;เพื่อลดค่าครองชีพในช่วงสินค้าราคาแพง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>จังหวัดหนองคาย&nbsp;ประสานความร่วมมือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง</strong>&nbsp;ได้แก่&nbsp;พาณิชย์จังหวัด&nbsp;,&nbsp;อุตสาหกรรมจังหวัด&nbsp;,&nbsp;สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด&nbsp;,&nbsp;เกษตรและสหกรณ์จังหวัด&nbsp;,&nbsp;องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น&nbsp;และภาคเอกชน&nbsp;กำหนดจัดตลาดนัดฯสินค้าราคาถูกในทุกอำเภอของจังหวัด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>โดยแต่ละอำเภอจะได้รับการจัดสรรหมูเนื้อแดงแช่แข็งจากพาณิชย์จังหวัด</strong>&nbsp;อำเภอละจำนวน&nbsp;150&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;โดยเปิดขายราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ท่ามกลางความสนใจจากประชาชนที่มายืนรอต่อคิวลงทะเบียนเลือกซื้อหมูเนื้อแดงกันเป็นจำนวนมาก&nbsp;ภายใต้มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19&nbsp;อย่างเข้มงวด&nbsp;โดยทันทีที่เปิดจำหน่ายพบว่ามีประชาชนมาทำการเลือกซื้อหมูเนื้อแดงแช่แข็งของพาณิชย์จังหวัด&nbsp;นำมาจำหน่ายหมดภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง&nbsp;และเพื่อให้ครอบคลุมการซื้อ&nbsp;ซึ่งประชาชนที่มาซื้อนั้นได้กำหนดไว้เพียงคนละ&nbsp;2&nbsp;กิโลกรัมเท่านั้น&nbsp;เพื่อให้เพียงพอต่อผู้บริโภคนั่นเอง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นอกจากการจำหน่ายหมูเนื้อแดงแช่แข็งราคาถูกแล้ว</strong>&nbsp;ทางสำนักงานปศุสัตว์อำเภอศรีเชียงใหม่&nbsp;ยังได้นำไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม&nbsp;จำนวน&nbsp;40&nbsp;แผง&nbsp;มาจำหน่ายแผงละ&nbsp;85&nbsp;บาท&nbsp;และไก่สด&nbsp;จำนวน&nbsp;60&nbsp;ตัว&nbsp;จำหน่ายตัวละ&nbsp;90&nbsp;บาท&nbsp;และสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอศรีเชีงใหม่&nbsp;ยังได้นำไข่ไก่แบบขัดเบอร์จัมโบ้&nbsp;จำนวน&nbsp;50&nbsp;แผง&nbsp;จำหน่ายแผงละ&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;ปรากฏว่าจำหน่ายหมดภายในเวลาไม่ถึง&nbsp;5&nbsp;นาที&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ยังมีการจำหน่ายสินค้าเกษตรอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;และสินค้าโอทอปมาจำหน่ายในราคาถูกกว่าท้องตลาดอีกด้วย&nbsp;โดยจะเปิด&nbsp;"ตลาดนัดช่วยประชาชน&nbsp;บรรเทาปัญหาค่าครองชีพ"&nbsp;จำหน่ายเนื้อแดงอีกครั้งในวันเสาร์ที่&nbsp;29&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;และจะเพิ่มจำนวนสินค้า&nbsp;เช่น&nbsp;ไก่สด&nbsp;และไข่ไก่มากขึ้น&nbsp;เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่</p>23/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหนองคายสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคายhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220123125035548 จังหวัดสระบุรีส่งเสริมตลาดวัฒนธรรมภูมิปัญญท้องถิ่นเพิ่มคุณค่าทางสังคมและเศรษฐกิจ<p><strong>วันนี้&nbsp;(23&nbsp;ม.ค.65)</strong>&nbsp;ที่ตลาดต้าน้ำโบราณบ้านต้นตาล&nbsp;อำเภอเสาไห้&nbsp;จังหวัดสระบุรี&nbsp;นายเอกพร&nbsp;จุ้ยสำราญ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี&nbsp;&nbsp;เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมตลาดวัฒนธรรม&nbsp;ตลาดต้าน้ำโบราณบ้านต้นตาล&nbsp;อำเภอเสาไห้&nbsp;จังหวัดสระบุรี&nbsp;โดยการจัดงานในครั้งนี้เป็นการส่งเสริมนโยบายในการสืบสาน&nbsp;รักษา&nbsp;และพัฒนาต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม&nbsp;ส่งเสริมอัตลักษณ์&nbsp;และภูมิปัญญาท้องถิ่น&nbsp;รวมทั้งการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม&nbsp;เพื่อสร้างคุณค่าทางสังคม&nbsp;และมูลค่าทางเศรษฐกิจ&nbsp;ทำให้ประชาชน&nbsp;และสังคมอยู่ดี&nbsp;กินดี&nbsp;มีความสุขอย่างยั่งยืน&nbsp;และเป็นการกระตุ้นการจำหน่ายสินค้า&nbsp;ให้กลับมาฟื้นตัวหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในช่วงเดือนตุลาคม&nbsp;2564&nbsp;&nbsp;และยังส่งเสริม&nbsp;สนับสนุน&nbsp;และประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม&nbsp;ตลาดวัฒนธรรมในพื้นที่จังหวัดสระบุรี&nbsp;สร้างโอกาส&nbsp;สร้างอาชีพ&nbsp;และสร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่รวมถึงการเยียวยาเครือข่ายศิลปินพื้นบ้าน&nbsp;และผู้ประกอบการตลาดวัฒนธรรม&nbsp;ภายหลังจากสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลาย&nbsp;เปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้เด็ก&nbsp;เยาวชน&nbsp;และประชาชนได้มีส่วนร่วมดำเนินกิจกรรมทางวัฒนธรรม&nbsp;สร้างความรัก&nbsp;ความสามัคคี&nbsp;ทำให้ชุมชน&nbsp;เกิดความเข้มแข็งและเกิดสำนึกรักท้องถิ่น</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>23/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสระบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสระบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220123133037571 พาณิชย์บึงกาฬ เปิดจุดจำหน่ายโครงการ "หมูพาณิชย์ลดราคา ! ช่วยประชาชน" ครั้งที่ 3 จังหวัดบึงกาฬ ตลาดสดชัยพร ตำบลชัยพร อำเภอเมืองบึงกาฬ<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;เวลา&nbsp;13.00&nbsp;น.&nbsp;</strong>นางสาวเอื้อนจิตร&nbsp;ช่วยนก&nbsp;พาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;เปิดจุดจำหน่ายหมู&nbsp;ตามโครงการ&nbsp;"หมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;(กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท)&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดชัยพร&nbsp;ตำบลชัยพร&nbsp;อำเภอเมืองบึงกาฬ&nbsp;จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;จำหน่ายระหว่าง&nbsp;วันที่&nbsp;23-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;มีประชาชนให้ความสนใจเข้าคิวซื้อหมูหมูพาณิชย์ลดราคาจำนวนมาก</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นางสาวเอื้อนจิตร&nbsp;ช่วยนก&nbsp;พาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;โครงการ&nbsp;"หมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;เป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาสุกรที่สูงขึ้น&nbsp;และให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;ตามนโยบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฎ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ซึ่งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;ได้จัดโครงการมาแล้ว&nbsp;2&nbsp;ครั้ง&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1&nbsp;(23&nbsp;พ.ย.-&nbsp;31&nbsp;ธ.ค.&nbsp;64)&nbsp;จำหน่ายกิโลกรัมละ&nbsp;130&nbsp;บาท&nbsp;(ราคาตลาด&nbsp;160&nbsp;บาท)&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2&nbsp;(6-22&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;จำหน่ายกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;(ราคาตลาด&nbsp;200&nbsp;บาท)&nbsp;รวมปริมาณการจำหน่ายทั้ง&nbsp;2&nbsp;ครั้ง&nbsp;ทั้งสิ้น&nbsp;8,100&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ยอดจำหน่าย&nbsp;1,356,000&nbsp;บาท&nbsp;ลดภาระค่าครองชีพของประชาชนได้จำนวน&nbsp;273,000&nbsp;บาท&nbsp;โดยครั้งนี้จัดเป็นครั้งที่&nbsp;3&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;23-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>และในวันนี้จัดเพิ่มที่ตลาดสดชัยพร&nbsp;ตำบลชัยพร&nbsp;4&nbsp;จุด</strong>&nbsp;(ร้านหมูเบทาโกร/ร้านหมูวีระหมูสด/ร้านหมูอธิกาหมูสด/ร้านหมูแม่ยอดหมูสด)&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;13.00&nbsp;น.&nbsp;และที่ร้านหมู&nbsp;ป.เฟชรฮับ&nbsp;สาขา&nbsp;1&nbsp;ช๊อปหมูนาสวรรค์&nbsp;ตำบลนาสวรรค์&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.&nbsp;รวมจากเดิมมี&nbsp;2&nbsp;ร้าน&nbsp;ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองบึงกาฬ&nbsp;ร้านเจ๋เหล่ย&nbsp;/ร้านเจ้กบ&nbsp;จำหน่ายเวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นทั้งหมด&nbsp;7&nbsp;จุด&nbsp;คาดว่าจะช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชนได้มากยิ่งขึ้น</p>23/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบึงกาฬสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบึงกาฬhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220123155420604 พ่อเมืองอุบลฯ สั่งลุยตรวจสอบห้องเย็นแช่แข็ง ป้องกันกักตุนสินค้า<p><strong>วันที่&nbsp;23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</strong>&nbsp;นายพงศ์รัตน์&nbsp;ภิรมย์รัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;มอบหมายให้/นายสมเพชร&nbsp;สร้อยสระคู&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี/นายปัญญา&nbsp;สัมพะวงศ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;พร้อมเจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;ฝ่ายปกครองอำเภอเมือง&nbsp;สำนักงานชั่งตวงวัด&nbsp;เขต&nbsp;2-4&nbsp;อุบลราชธานี&nbsp;เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบ&nbsp;ห้องเย็นแช่แข็ง&nbsp;ที่บริษัท&nbsp;บุญศิริโฟรเช่น&nbsp;จำกัด&nbsp;ตำบลหนองกินเพล&nbsp;อำเภอวารินชำราบ&nbsp;จังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;เพื่อตรวจสอบสถานที่จัดเก็บอาหารประเภทเนื้อสัตว์&nbsp;(เนื้อหมู)&nbsp;ซึ่งตอนนี้มีราคาสูงขึ้น&nbsp;โดยมีผู้จัดการบริษัทคอยให้ความสะดวกในการตรวจสอบภายในห้องเย็นที่เป็นที่เก็บอาหารประเภทเนื้อสัตว์แช่แข็ง&nbsp;จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีการกักตุนสินค้าประเภทเนื้อหมู&nbsp;แต่อย่างใด</p><p><strong>จากนั้นคณะเดินทางไปที่</strong>&nbsp;บริษัทสยามแม็คโคร&nbsp;จำกัด&nbsp;สาขาวารินชำราบ&nbsp;จังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;ตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้า&nbsp;ราคาเนื้อหมู&nbsp;ที่จำหน่วยในราคา&nbsp;185&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งเข้าร่วมโครงการตรึงราคา&nbsp;เพื่อช่วยบรรเทาความเดือนร้อนให้กับประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19&nbsp;จากนั้นได้เข้าตรวจสอบห้องเย็นแช่แข็งภายในบริษัทสยามแม็คโคร&nbsp;จำกัด&nbsp;สาขาวารินชำราบ&nbsp;ผลตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีการกักเก็บเข้าข่ายลักษณะการกักตุนสินค้าแต่อย่างใด</p><p><strong>เวลา&nbsp;11.00&nbsp;น.</strong>&nbsp;คณะเดินทางไปที่&nbsp;บริษัท&nbsp;โค-ดีซี&nbsp;อีมาร์เก็ต&nbsp;จำกัด&nbsp;ที่ตำบลแจระแม&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;ซึ่งเป็นสถานที่พักและจัดเก็บสินค้าแช่แข็งตามที่ลูกค้าจะนำมาฝากเก็บไว้&nbsp;ผลตรวจสอบแล้วพบว่ามีการเก็บเนื้อสุกรแปรรูปประมาณ&nbsp;2.5&nbsp;ตัน&nbsp;มีการแจ้งพาณิชย์ถูกต้อง&nbsp;ไม่มีการกักเก็บเข้าข่ายลักษณะการกักตุนสินค้าแต่อย่างใด</p><p><strong>จากนั้นคณะเดินทางไปตรวจสอบที่ห้องเย็นโชคมหาชัย&nbsp;นาวี&nbsp;</strong>ตำบลไร่น้อย&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;จากการตรวจสอบพบว่ามีปริมาณ&nbsp;"เนื้อหมู"&nbsp;ตามปริมาณในการส่งจำหน่าย&nbsp;ไม่มีการกักตุนสินค้าและไม่พบการกระทำความผิดตาม&nbsp;พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2558&nbsp;แต่อย่างใด</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;</strong>หากประชาชนพบเห็นว่ามีการกักตุนหรือฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุบลราชธานี&nbsp;และหากตรวจสอบพบการกระทำผิดจะมีโทษตามมาตรา&nbsp;29&nbsp;แห่ง&nbsp;พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ซึ่งมีโทษจำคุก&nbsp;7&nbsp;ปีปรับ&nbsp;140,000&nbsp;บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>23/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุบลราชธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุบลราชธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220123155928609 ภูเก็ต บรรยากาศนักท่องเที่ยวออกมาทำกิจกรรมตามชายหาดต่าง ๆ จำนวนมาก<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>บรรยากาศตามชายหาดต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต</strong>&nbsp;มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต&nbsp;ออกมาทำกิจกรรมต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;จำนวนมาก&nbsp;เช่น&nbsp;ที่หาดป่าตอง&nbsp;ซึ่งถือเป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดภูเก็ต&nbsp;และเป็นที่ใฝ่ฝันของนักท่องเที่ยวจากทั่งทุกมุมโลก&nbsp;ซึ่งหลังจากที่มีการปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตได้ในทุกโครงการต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ก็ส่งผลให้บรรยากาศคึกคักอย่างเห็นได้ชัด&nbsp;มีนักท่องเที่ยวมาทำกิจกรรมชายหาดตลอดทั้งชายหาดป่าตอง&nbsp;ส่งผลต่อประชาชนที่มีธุรกิจและผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นหมอนวดชายหาด&nbsp;หรือรถรับจ้าง&nbsp;ร้านอาหารต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;เป็นต้น&nbsp;แม้จะไม่เหมือนในอดีต&nbsp;แต่ก็ดีกว่าช่วง&nbsp;2&nbsp;ปีที่ผ่านมา</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ในส่วนตามชายหาดอื่น&nbsp;ๆ</strong>&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นหาดในหาน&nbsp;หาดในยาง&nbsp;หาดสุรินทร์&nbsp;หาดบางเทา&nbsp;และเกือบทุกหาด&nbsp;ก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเล่นน้ำทะเล&nbsp;และมานอนอาบแดดตลอดจนทำกิจกรรมต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ที่ชายหาดมากขึ้นเช่นกัน</p>23/1/2022ภาคใต้ภูเก็ตสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ตhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220123160453612 ผวจ.แพร่ เยี่ยมชมสวนผัก ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านปง ตำบลต้าผามอก อำเภอลอง<p><strong>วันอาทิตย์ที่&nbsp;23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;11.30&nbsp;น.&nbsp;</strong>ที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;บ้านปง&nbsp;หมู่ที่&nbsp;3&nbsp;ตำบลต้าผามอก&nbsp;อำเภอลอง&nbsp;จังหวัดแพร่&nbsp;นายสมหวัง&nbsp;พ่วงบางโพ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่&nbsp;ได้เยี่ยมชมสวนผักปลอดสารพิษ&nbsp;ของศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านปง&nbsp;ต้นแบบหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;"อยู่เย็น&nbsp;เป็นสุข"&nbsp;ซึ่งศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้เคยได้รับรางวัลชนะเลิศ&nbsp;ระดับจังหวัด&nbsp;หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;"อยู่เย็น&nbsp;เป็นสุข"&nbsp;และกิจกรรมพัฒนาชุมชนดีเด่นระดับจังหวัด&nbsp;ประจำปี&nbsp;2563&nbsp;มาแล้ว&nbsp;ซึ่งมีพืชผักปลอดสารพิษที่สามารถนำไปจำหน่ายสร้างรายได้แก่ชุมชนอีกด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>23/1/2022ภาคเหนือแพร่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220123164009620 มทร.ศรีวิชัย พื้นที่ขนอม เยี่ยมชม "โคกเหล็กฟาร์ม" ศึกษาเรียนรู้ศาสตร์พระราชา” หลักปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” มุ่งเป้าเผยแพร่ต่อยอดให้เกษตรกร ยกระดับพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและศิลปวัฒนธรรมของชุมชน<p><strong>วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและการจัดการ</strong>&nbsp;มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย&nbsp;วิทยาเขตนครศรีธรรมราชพื้นที่ขนอม&nbsp;นำโดย&nbsp;อาจารย์ทวีศักดิ์&nbsp;ศรีภูงา&nbsp;ผู้อำนวยการ,&nbsp;อาจารย์ชุลี&nbsp;หมีรักษา&nbsp;รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนานักศึกษา&nbsp;อาจารย์&nbsp;บุคลากร&nbsp;และนักศึกษา&nbsp;ลงพื้นที่เยี่ยมชม&nbsp;"โคกเหล็กฟาร์ม"&nbsp;ตำบลไทยบุรี&nbsp;อำเภอท่าศาลา&nbsp;จังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;โดยการบริหารจัดการของนายวีระพรรณ&nbsp;สุขะวัลลิ&nbsp;นายอำเภอท่าศาลา&nbsp;ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้เรื่องการเลี้ยงวัวสายพันธุ์ชาโรเลส์&nbsp;และการทำปุ๋ยหมักโดยใช้ขี้วัวเป็นวัตถุดิบหลักในการจัดการฟาร์ม&nbsp;"โคกเหล็กฟาร์ม"</p><p><strong>อาจารย์ทวีศักดิ์&nbsp;ศรีภูงา&nbsp;</strong>ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและการจัดการ&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและการจัดการ&nbsp;มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย&nbsp;มีจุดมุ่งหมายที่จะนำความรู้ที่ได้รับในครั้งนี้มาบูรณาการให้เกิดกิจกรรมต่างๆ&nbsp;ภายใต้โครงการมหาวิทยาลัยสีเขียว&nbsp;(Green&nbsp;Campus)&nbsp;เช่น&nbsp;กระบวนการจัดการขยะ&nbsp;การคัดแยกขยะ&nbsp;ก่อเกิดนวัตกรรมในรูปแบบต่างๆ&nbsp;อีกทั้งเผยแพร่ให้กับนักศึกษา&nbsp;ภายใต้การจัดการเรียนการสอน&nbsp;“เก้าตามรอยบาท&nbsp;ศาสตร์พระราชา”&nbsp;หลักปรัชญา&nbsp;“เศรษฐกิจพอเพียง”&nbsp;และต่อยอดให้กับเกษตรกรในพื้นที่ตำบลท้องเนียน&nbsp;อำเภอขนอม&nbsp;จังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;ยกระดับพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและศิลปวัฒนธรรมของชุมชนด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี&nbsp;และนวัตกรรมต่อไป</p><p><strong>ด้านนายวีระพรรณ&nbsp;สุขะวัลลิ</strong>&nbsp;นายอำเภอท่าศาลา&nbsp;จังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;นอกเหนือจากภาระหน้าที่การบริหารอำเภอท่าศาลาแล้ว&nbsp;ตนได้ใช้เวลาว่างในการดูแล&nbsp;"โคกเหล็กฟาร์ม"&nbsp;เลี้ยงวัวสายพันธุ์ชาโรเลส์และการทำปุ๋ยหมัก&nbsp;โดยใช้ขี้วัวเป็นวัตถุดิบหลักในการจัดการฟาร์ม&nbsp;ยึดหลักปรัชญา&nbsp;“เศรษฐกิจพอเพียง”&nbsp;เน้นหาข้าวหาปลาก่อนหาเงินหาทอง&nbsp;คือ&nbsp;ทำมาหากินก่อนทำมาค้าขาย&nbsp;การเกษตรผสมผสานเพื่อให้เกษตรกรพัฒนาตนเองแบบเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;การทำปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกและใช้วัสดุเหลือใช้เป็นปัจจัยการผลิต(ปุ๋ย)&nbsp;เพื่อลดค่าใช้จ่ายภายในฟาร์ม&nbsp;และวันนี้เป็นอีกครั้งที่ก้าวสู่ความสำเร็จ&nbsp;คือ&nbsp;โคกเหล็กฟาร์ม&nbsp;ได้ถ่ายทอดเรื่องราวดีๆ&nbsp;ให้กับทาง&nbsp;มทร.ศรีวิชัย&nbsp;พื้นที่ขนอม&nbsp;แลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อจะต่อยอดพัฒนาฟาร์มสู่เยาวชน&nbsp;นักศึกษา&nbsp;ซึ่งเป็นกำลังหลักของประเทศชาติในอนาคต&nbsp;เกษตรกรผู้สนใจต่างพื้นที่</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p><br></p>23/1/2022ภาคใต้นครศรีธรรมราชสวท.นครศรีธรรมราชhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220123175635628 ตรัง -ปลาทับทิม ปลานิล ขายดีหลังราคาหมูแพง แต่ประสบปัญหาเรื่องต้นทุน เนื่องจากราคาค่าอาหารที่ปรับสูงขึ้นเช่นเดียวกับอาหารสัตว์และพืชชนิดอื่น<p><strong>ที่กระชังปลาริมฝั่งแม่น้ำตรัง&nbsp;หัวสะพานจิจิก&nbsp;หมู่&nbsp;1&nbsp;ต.ท่าสะบ้า&nbsp;อ.วังวิเศษ&nbsp;จ.ตรัง</strong>&nbsp;ของลุงอรุณ&nbsp;พงษ์พิพัฒน์&nbsp;อายุ&nbsp;61&nbsp;ปี&nbsp;ซึ่งยึดอาชีพเลี้ยงปลากระชังริมฝั่งแม่น้ำตรังมาร่วม&nbsp;19&nbsp;ปี&nbsp;&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ปลาทับทิม&nbsp;ปลานิล&nbsp;และปลากด&nbsp;พร้อมคนงานเร่งจับตัวใหญ่ที่ได้ขนาดมาพักไว้ในกระชังพักปลา&nbsp;เพื่อเตรียมพร้อมไว้ขายให้กับลูกค้าที่เดินทางมาจอดรถแวะซื้อกันไม่ขาดสาย&nbsp;รวมทั้งส่งพ่อค้าแม่ค้าที่รับซื้อประจำ&nbsp;</p><p><strong>โดยขณะนี้มีปลาในกระชังอยู่ทั้งหมด&nbsp;9&nbsp;กระชังๆละ&nbsp;1,500&nbsp;ตัว&nbsp;รวมประมาณ&nbsp;&nbsp;10,000&nbsp;กว่าตัว&nbsp;จาก&nbsp;18&nbsp;กระชัง</strong>&nbsp;เนื่องจากสภาพอากาศหนาวส่งผลต่อการเพาะขยายพันธุ์ลูกปลา&nbsp;ซึ่งสั่งซื้อมาจากจังหวัดพัทลุง&nbsp;ทำให้เจ้าของพันธุ์ปลาส่งพันธุ์ปลามาให้ล่าช้ากว่ากำหนด&nbsp;โดยขณะนี้หลังจากราคาหมูแพง&nbsp;พบว่าทำให้ยอดขายปลากระชังเพิ่มสูงขึ้น&nbsp;จากเดิมเคยขายอยู่ประมาณวันละ&nbsp;40&nbsp;–&nbsp;50&nbsp;กิโลกรัมต่อวัน&nbsp;แต่ขณะนี้สามารถขายได้ถึงวันละ&nbsp;60&nbsp;–&nbsp;70&nbsp;กิโลกรัมต่อวัน&nbsp;ทั้งลูกค้าประจำและลูกค้าขาจรจะเดินทางมาซื้อกันไม่ขาดสาย&nbsp;มีรายได้เฉลี่ยวันละ&nbsp;7,000&nbsp;บาท&nbsp;สำหรับลูกค้าที่มาซื้อไปทำอาหารจะมีการทำปลาให้พร้อมนำไปปรุง&nbsp;เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า&nbsp;นอกจากนั้นยังได้นำไตปลาสดๆมาทำเป็นไตปลาขายในราคาขวดละ&nbsp;30&nbsp;บาทอีกด้วย&nbsp;เพื่อเพิ่มรายได้&nbsp;ลดภาระต้นทุนการผลิต</p><p><strong>ลุงอรุณ&nbsp;และนางฉลาด&nbsp;พงษ์พิพัฒน์&nbsp;สองสามีภรรยา&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;หมู&nbsp;ไก่</strong>&nbsp;มีราคาแพงทำให้คนหันมากินปลากันมากขึ้น&nbsp;แต่ตนเองยังคงขายราคาเดิมไม่อยากปรับสงสารลูกค้า&nbsp;คือ&nbsp;&nbsp;ปลานิล&nbsp;และปลาทับทิม&nbsp;จำหน่ายในราคากิโลกรัมละ&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนปลากด&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;แต่ก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกับเกษตรกรผู้ปลูกพืช&nbsp;และเลี้ยงสัตว์ชนิดอื่นๆ&nbsp;คือ&nbsp;&nbsp;อาหารปลาที่แพงสูงขึ้น&nbsp;จากเดิมน้ำหนัก&nbsp;50&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ราคากระสอบละ&nbsp;430&nbsp;บาท&nbsp;ขณะนี้ปรับขึ้นมาที่กระสอบละ&nbsp;&nbsp;468&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งตนเองสั่งครั้งละ&nbsp;50&nbsp;กระสอบ&nbsp;</p><p><strong>โดยปลาที่มีในกระชังจำนวน&nbsp;9&nbsp;กระชัง&nbsp;ใช้เวลากินเพียงประมาณ&nbsp;1&nbsp;สัปดาห์เท่านั้น&nbsp;</strong>แต่หากปลาเต็มทั้ง&nbsp;18&nbsp;กระชัง&nbsp;กินเพียง&nbsp;5&nbsp;วันก็หมด&nbsp;แต่ละครั้งทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นเกือบ&nbsp;&nbsp;2,000&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;และเมื่อวันที่&nbsp;22&nbsp;มกราคมที่ผ่านมา&nbsp;ทางบริษัทได้แจ้งปรับราคาอาหารขึ้นอีก&nbsp;3%&nbsp;หรือเฉลี่ยกระสอบละ&nbsp;15&nbsp;บาท&nbsp;ราคา&nbsp;จึงได้ปรับขึ้นไปอีกอยู่ที่กระสอบละ&nbsp;483&nbsp;บาท&nbsp;จะยิ่งทำให้เดือดร้อนมากขึ้น&nbsp;ภาครัฐควรเร่งกำกับดูแลเรื่องของราคาอาหารสัตว์ที่เพิ่มสูงขึ้นให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชน&nbsp;ส่วนปลาคาดว่าในสิ้นเดือนนี้อาจจะต้องมีการปรับราคาขึ้นเป็นกิโลกรัมละ&nbsp;110&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>สำหรับผู้สนใจอยากซื้อปลาทับทิมจากแม่น้ำตรัง</strong>&nbsp;ที่มีน้ำไหลผ่านตลอดเวลา&nbsp;รสชาติหวานมัน&nbsp;เนื้อแน่น&nbsp;ไม่มีกลิ่นคาว&nbsp;ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์&nbsp;086&nbsp;–&nbsp;2670033</p><p>&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>24/1/2022ภาคใต้ตรังสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124093332695 นายกรัฐมนตรี สั่งการตรวจสอบสต๊อกสุกรในห้องเย็นทั่วประเทศ<p><strong>นางสาวรัชดา&nbsp;ธนาดิเรก&nbsp;รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;นายเฉลิมชัย&nbsp;ศรีอ่อน&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ติดตามตรวจสอบปริมาณสุกรในห้องเย็นทั่วประเทศอย่างเข้มงวด&nbsp;โดยเป็นการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ&nbsp;เจ้าหน้าที่ปกครองและเจ้าหน้าที่พาณิชย์&nbsp;</p><p><strong>ตัวเลขล่าสุด&nbsp;ณ&nbsp;วันที่&nbsp;23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</strong>&nbsp;กรมปศุสัตว์รายงานว่า&nbsp;ได้มีการดำเนินการทั้งหมดไปแล้ว&nbsp;539&nbsp;แห่ง&nbsp;ตัวเลขสะสมนับตั้งแต่วันที่&nbsp;20-23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;พบเนื้อสุกรรวม&nbsp;13.41&nbsp;ล้านกิโลกรัม&nbsp;และทางกรมฯจะเดินหน้าตรวจสอบห้องเย็นที่มีสินค้าปศุสัตว์ที่เหลือให้ครบ&nbsp;ซึ่งจะมีอีกประมาณห้าร้อยกว่าแห่ง&nbsp;หากตรวจสอบโดยละเอียดพบมีการกักตุน&nbsp;ผู้กระทำผิดจะถูกดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด&nbsp;และเนื้อสุกรจะถูกสั่งให้จำหน่ายตามราคาที่ทางการกำหนดต่อไป&nbsp;</p><p><strong>ตาม&nbsp;พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542</strong>&nbsp;กำหนดว่า&nbsp;กรณีที่ไม่แจ้งปริมาณสต๊อกถือว่ามีความผิด&nbsp;มีโทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;1&nbsp;ปี&nbsp;ปรับไม่เกิน&nbsp;20,000&nbsp;บาท&nbsp;และปรับอีกวันละ&nbsp;&nbsp;2,000&nbsp;บาท&nbsp;ตลอดระยะเวลาฝ่าฝืน&nbsp;ส่วนในกรณีที่แจ้งแล้วต้องตรวจสอบต่อไปว่าแจ้งด้วยข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่&nbsp;หากแจ้งด้วยข้อมูลที่เป็นเท็จ&nbsp;จะมีความผิดอีกเช่นกัน&nbsp;หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการกักตุน&nbsp;ซึ่งหมายถึงการปฏิเสธการจำหน่าย&nbsp;ทั้งที่มีสินค้าและมีผู้ขอซื้อสินค้าเข้ามาแต่ไม่จำหน่าย&nbsp;มีโทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับไม่เกิน&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ&nbsp;</p><p><strong>หากประชาชนพบการกระทำความผิดหรือสงสัยว่าเป็นการกระทำความผิด</strong>&nbsp;ขอให้แจ้งสายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์&nbsp;063-225-6888&nbsp;เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ลงไปตรวจสอบและดำเนินการได้ทันที</p><p><strong>นอกจากแก้ปัญหาการกักตุนเนื้อสุกรแล้ว</strong>&nbsp;รัฐบาลยังเร่งดำเนินการหลายมาตรการเพื่อแก้ปัญหาเนื้อสุกรราคาแพง&nbsp;เช่น&nbsp;งดส่งออกสุกรมีชีวิตเป็นเวลาสามเดือน&nbsp;ตรึงราคาจำหน่ายที่เหมาะสมสอดคล้องกับต้นทุน&nbsp;เพิ่มกำลังการผลิตแม่สุกรทดแทน&nbsp;ยกระดับมาตรฐานฟาร์มเกษตรกรเพื่อป้องกันโรคระบาดและส่งเสริมให้ปรับปรุงเป็นฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรค</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>24/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124095856706 อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ลงพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอนตรวจเยี่ยมสมาชิกกลุ่มผู้เลี้ยงแพะเนื้อและศูนย์ฯ การผลิตถั่วคั่ว แนะ จนท.ส่งเสริมสมาชิกให้มีอาชีพและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน<p><strong>วันที่&nbsp;23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นายวิศิษฐ์&nbsp;ศรีสุวรรณ์&nbsp;อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์&nbsp;</strong>พร้อมด้วย&nbsp;นายคีตวุฒิ&nbsp;นับแสง&nbsp;สหกรณ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;และคณะ&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสมาชิกกลุ่มผู้เลี้ยงแพะเนื้อ&nbsp;สมาชิกสหกรณ์การเกษตร&nbsp;คทช.แม่ปายฝั่งซ้าย&nbsp;จำกัด&nbsp;บ้านห้วยเดื่อ&nbsp;ตำบลผาบ่อง&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;โดยมีประธานสหกรณ์&nbsp;และสมาชิกให้การต้อนรับ&nbsp;</p><p><strong>โอกาสนี้</strong>&nbsp;อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ให้คำแนะนำในเรื่องการดำเนินงาน&nbsp;ทั้งในเรื่องของการส่งเสริมเกษตรกรสมาชิกให้มีอาชีพ&nbsp;มีรายได้เสริม&nbsp;สามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวให้มีรายได้ที่มั่นคงยั่งยืนต่อไป&nbsp;สำหรับสมาชิกกลุ่มผู้เลี้ยงแพะเนื้อสมาชิกสหกรณ์การเกษตร&nbsp;คทช.แม่ปายฝั่งซ้าย<strong>&nbsp;</strong>จำกัด<strong>&nbsp;</strong>ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน&nbsp;26&nbsp;ราย&nbsp;มีแพะพันธุ์เนื้อ&nbsp;จำนวน&nbsp;24&nbsp;ตัว&nbsp;ซึ่งได้รับการสนับสนุนองค์ความรู้ด้านการดูแลและปัจจัยการผลิตภายใต้คณะทำงานการส่งเสริมอาชีพและการตลาดจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;เพื่อสร้างอาชีพเสริม&nbsp;เพิ่มรายได้&nbsp;ลดรายจ่ายและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่สมาชิกให้มีความกินดีอยู่ดี</p><p><strong>นอกจากนั้น&nbsp;</strong>ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตถั่วคั่วชุมชนบ้านผาบ่อง&nbsp;(วิสาหกิจชุมชนถั่วสายฟ้าบ้านผาบ่อง)&nbsp;ตำบลผาบ่อง&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;โดยมี&nbsp;นายสอง&nbsp;เจ้าของร้านถั่วสายฟ้า&nbsp;นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกถั่วต่างๆ&nbsp;อาทิ&nbsp;ถั่วลายเสือ&nbsp;ถั่วดาวอินคา&nbsp;เป็นต้น&nbsp;ซึ่งทางร้านเน้นการรับซื้อวัตถุดิบที่ปลูกในพื้นที่อำเภอเมือง&nbsp;และอำเภอปางมะผ้า&nbsp;ซึ่งจะนำมาแปรรูปด้วยการคั่วกับเกลือตามสูตรแบบชาวไทยใหญ่โบราณ&nbsp;ทำให้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว&nbsp;และสามารถสร้างรายได้แก่เกษตรกรในพื้นที่ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>24/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124094248704 ออก 3 มาตรการเร่งด่วนควบคุมการปล่อยมลพิษของโรงงาน แก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5<p><strong>นายวันชัย&nbsp;พนมชัย&nbsp;อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม&nbsp;(กรอ.)&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;กระทรวงอุตสาหกรรมไม่นิ่งนอนใจในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก&nbsp;หรือ&nbsp;PM2.5&nbsp;ที่ส่งผลกระทบในชีวิตประจำวันของประชาชนอยู่ตอนนี้&nbsp;โดยมอบนโยบายให้หน่วยงานในกำกับดำเนินการ&nbsp;3&nbsp;มาตรการ&nbsp;ได้แก่&nbsp;</p><p><strong>มาตรการเร่งด่วน</strong>&nbsp;ควบคุมการประกอบกิจการอย่างเข้มงวดกรณีตรวจพบโรงงานปล่อยมลพิษเกินค่ามาตรฐาน&nbsp;จะทำการออกคำสั่งให้ปรับปรุงแก้ไขทันที&nbsp;</p><p><strong>มาตรการระยะกลาง</strong>&nbsp;พัฒนาระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยมลพิษทางอากาศระยะไกล<strong>มาตรการระยะยาว</strong>&nbsp;ปรับปรุงกฎหมายการระบายมลพิษจากโรงไฟฟ้าให้เข้มงวดขึ้น&nbsp;รวมถึงพัฒนากฎหมาย&nbsp;3&nbsp;ฉบับ&nbsp;ได้แก่&nbsp;กฎหมายว่าด้วยการรายงานการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ&nbsp;สำหรับภาคอุตสาหกรรม&nbsp;กฎหมายควบคุมการระบายสารอินทรีย์ระเหย&nbsp;และกฎหมายการระบายฝุ่นละอองขนาดเล็กจากปล่อง&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p>24/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครกรมประชาสัมพันธ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124101745721 ผู้บัญชาการตำรวจภาค 5 พร้อม รองผู้ว่าฯ ลำปาง ลงพื้นที่ติดตามการจำหน่ายเนื้อสุกรในพื้นที่<p><strong>ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค&nbsp;5&nbsp;</strong>ลงพื้นที่จังหวัดลำปาง&nbsp;ตรวจติดตามสถานการณ์การจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;เผยในจังหวัดภาคเหนือเขตรับผิดชอบ&nbsp;ยังไม่พบการกระทำผิดเพราะในพื้นที่ไม่มีฟาร์มหมูขนาดใหญ่&nbsp;เน้นย้ำเจ้าหน้าที่คุมเข้มป้องกันการลักลอบนำหมูข้ามชายแดน&nbsp;และกักตุนเพื่อจำหน่าย</p><p><strong>พล.ต.ท.ปิยะ&nbsp;ต๊ะวิชัย&nbsp;ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค&nbsp;5</strong>&nbsp;ลงพื้นที่ร่วมกับ&nbsp;นายสันติ&nbsp;รังษิรุจิ&nbsp;รองผู้ว่าการราการจังหวัดลำปาง&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;พล.ต.ต.นันทวิทย์&nbsp;เทียมบุญธง&nbsp;ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง&nbsp;นำเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ทั้งสำนักงานพาณิชย์จังหวัด&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัด&nbsp;ปกครองจังหวัด&nbsp;กอ.รมน.&nbsp;และที่ว่าการอำเภอเมืองลำปาง&nbsp;ออกตรวจสถานที่เก็บและจำหน่ายเนื้อสัตว์&nbsp;ตามสถานประกอบการขนาดใหญ่ในพื้นที่จังหวัดลำปาง&nbsp;โดยเฉพาะสถานประกอบการที่มีการจำหน่ายเนื้อสุกร&nbsp;หรือเนื้อหมู&nbsp;ซึ่งกำลังมีปัญหาอยู่ในขณะนี้&nbsp;เนื่องจากเกรงจะมีการกักตุน&nbsp;หรืออาจมีการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศ&nbsp;มาจำหน่าย</p><p><strong>โดยในการลงพื้นที่ครั้งนี้</strong>&nbsp;ทางคณะฯ&nbsp;ได้เข้าร่วมตรวจเยี่ยมดูสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์&nbsp;และห้องเย็นสำหรับใช้ในการเก็บรักษาเนื้อสัตว์&nbsp;ของห้างแม็คโครลำปาง&nbsp;ในเขตท้องที่ตำบลพระบาท&nbsp;อำเภอเมืองลำปาง&nbsp;ซึ่งหลังการตรวจเยี่ยมสถานที่&nbsp;พล.ต.ท.ปิยะ&nbsp;ต๊ะวิชัย&nbsp;ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค&nbsp;5&nbsp;ได้เปิดเผยว่า&nbsp;การลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนี้&nbsp;เป็นออกตรวจสถานที่ของผู้ประกอบการที่มีการจำหน่ายเนื้อสัตว์&nbsp;โดยเฉพาะสถานประกอบการขนาดใหญ่ที่จะต้องมีการเก็บรักษาเนื้อสัตว์ไว้ภายในห้องเย็น&nbsp;ที่เกรงว่าอาจจะมีการกักตุนสินค้า&nbsp;เฉพาะอย่างยิ่งเนื้อสุกร&nbsp;หรือเนื้อหมู&nbsp;ที่กำลังมีปัญหาอยู่ในขณะนี้&nbsp;และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศอย่างผิดกฎหมาย&nbsp;โดยจากการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดลำปาง&nbsp;สถานการณ์การจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;เนื้อสัตว์&nbsp;ยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย</p><p><strong>ส่วนสถานการณ์ภาพรวมในพื้นที่ภาคเหนือ</strong>&nbsp;ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค&nbsp;5&nbsp;ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า&nbsp;ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค&nbsp;5&nbsp;มี&nbsp;8&nbsp;จังหวัดในภาคเหนือที่ผ่านมาได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์การจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;เนื้อสัตว์อย่างต่อเนื่อง&nbsp;ซึ่งยังไม่พบการกระทำผิดในเรื่องการกักตุนเนื้อหมูสด&nbsp;แต่ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้คอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด&nbsp;เพราะอาจจะมีการลักลอบนำหมูข้ามชายแดนเข้ามาเพื่อจำหน่ายอย่างผิดกฎหมาย&nbsp;เนื่องจากคาดการณ์ว่าเนื้อหมูอาจจะมีราคาแพงขึ้นได้อีก&nbsp;โดยเฉพาะในช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน&nbsp;และช่วงเทศกาลสงกรานต์&nbsp;รวมถึงในช่วงที่เนื้อหมูมีราคาแพงอาจทำให้เกิดการกักตุนสินค้า&nbsp;ซึ่งเป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค&nbsp;ทั้งยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายมีโทษทั้งจำและปรับ&nbsp;ดังนั้นเพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดข้อพิพาทในลักษณะดังกล่าว&nbsp;ทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจึงได้ออกติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง&nbsp;เพื่อเป็นการย้ำเตือนและประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ป้องกันการกระทำที่ผิดกฎหมาย</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;จังหวัดลำปางได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการไม่ให้ฉวยโอกาสกักตุนสินค้า</strong>&nbsp;ไม่ให้จำหน่ายในราคาเกินสมควร&nbsp;และปิดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ผู้บริโภคเห็นอย่างชัดเจน&nbsp;หากพบการกระทำความผิดจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย&nbsp;ตามมาตรา&nbsp;29&nbsp;และมาตรา&nbsp;30&nbsp;พรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.2542&nbsp;ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับไม่เกิน&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ&nbsp;หากพบเห็นการกระทำความผิดสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลําปาง&nbsp;โทร&nbsp;0-5426-5087</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>24/1/2022ภาคเหนือลำปางสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124114114759 ททท.เผยเปิดระบบ test & go ปรับมาตรการป้องกันควบคุมโควิด-19 สามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว<p><strong>นายยุทธศักดิ์&nbsp;สุภสร&nbsp;ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย</strong>&nbsp;(ททท.)&nbsp;สรุปข้อชี้แจงแผนการตลาดด้านการท่องเที่ยวหลังการเปิดประเทศ&nbsp;โดยให้ความเห็นว่าการประชุม&nbsp;ศบค.&nbsp;ชุดใหญ่&nbsp;&nbsp;ใน&nbsp;20&nbsp;มกราคมที่ผ่านมา&nbsp;ว่า&nbsp;พิจารณาเปิดรับลงทะเบียน&nbsp;Thailand&nbsp;Pass&nbsp;สำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรในรูปแบบ&nbsp;test&nbsp;&amp;&nbsp;go&nbsp;สำหรับคนไทยและชาวต่างชาติ&nbsp;นำมาตรการ&nbsp;test&nbsp;&amp;&nbsp;go&nbsp;กลับมาใช้อีกครั้ง&nbsp;โดยยกเลิกการระงับการลงทะเบียนเข้าประเทศ&nbsp;63&nbsp;ประเทศ&nbsp;ปรับมาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;ในส่วนของการเดินทางเข้าราชอาณาจักร&nbsp;ระบบไม่กักตัว&nbsp;Test&nbsp;and&nbsp;Go&nbsp;เริ่ม&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;09.00น.&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;อนุญาตให้เข้าไทยได้ทุกประเทศ&nbsp;แต่ยังต้องตรวจหาเชื้อผ่าน&nbsp;RT-PCR&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;ครั้ง&nbsp;/&nbsp;แสดงหลักฐานการจองโรงแรมในวันแรกและวันที่&nbsp;5&nbsp;โดยเป็นโรงแรมที่มีโรงพยาบาลคู่ปฎิบัติการ&nbsp;/&nbsp;มีการจัดระบบการตรวจสอบและกำกับการเข้าที่พัก&nbsp;ตรวจหาเชื้อให้ครบ2ครั้งโดยให้รออยู่ที่พัก&nbsp;หรือสถานที่ที่กำหนดจนกว่าจะได้รับผลการตรวจเป็นลบ&nbsp;/&nbsp;กำหนดระบบประกันให้ชัดเจน&nbsp;กรณีประกันไม่ครอบคลุม&nbsp;ผู้เดินทางจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของ&nbsp;Hospital&nbsp;&nbsp;Hospitel&nbsp;&nbsp;Hotel&nbsp;Isolation&nbsp;และ&nbsp;HRC&nbsp;กรณีสัมผัสผู้มีความเสี่ยงสูงและสุดท้าย&nbsp;หากเกิดการแพร่ระบาดมากขึ้นหรือมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลง&nbsp;พิจารณาการรับผู้เดินทางแล้วปรับมาใช้ระบบนี้ในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว&nbsp;กรณี&nbsp;test&nbsp;&amp;&nbsp;go&nbsp;สามารถเดินทางออกจากพื้นที่ได้เลยถ้าผลเป็นลบในการตรวจวันแรก&nbsp;และวันที่5กลับมาตรวจ&nbsp;ณ&nbsp;โรงแรมที่ท่านทำการจองที่พักไว้&nbsp;ในส่วนของ&nbsp;sandbox&nbsp;อยู่ในพื้นที่เดิม&nbsp;7&nbsp;วัน&nbsp;จึงจะสามารถออกนอกพื้นที่ได้&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังเปิดพื้นที่&nbsp;sandbox</strong>&nbsp;ในกลุ่มจังหวัดภูเก็ต&nbsp;กระบี่&nbsp;พังงา&nbsp;และ&nbsp;3&nbsp;เกาะ&nbsp;ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;ในช่วง&nbsp;7&nbsp;วันที่ต้องพำนักในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;กรณีผลตรวจเป็นบวก&nbsp;ต้องเข้ารับการรักษาในสถานที่ที่กำหนด&nbsp;ขณะทำการรักษาเป็นเวลาอย่างน้อย&nbsp;10&nbsp;วัน&nbsp;ต้องอยู่ในพื้นที่รักษาเท่านั้น&nbsp;ไม่สามารถออกนอกที่พักได้&nbsp;และเมื่อรักษาหายหรือครบกำหนดการรักษาแล้ว&nbsp;จะได้รับใบรับรองแพทย์เพื่อแสดงว่าเคยติดเชื้อและหายดีแล้ว</p><p><br></p><p><br></p>24/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124200839979 ปี 2564 ไทยส่งออกสินค้าอาหาร มูลค่ากว่า 1,100,000 ล้านบาท คงที่อยู่ในอันดับที่ 13 ของโลก <p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">นางอนงค์&nbsp;ไพจิตรประภาภรณ์&nbsp;ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;หน่วยงานเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;3&nbsp;องค์กรเศรษฐกิจด้านธุรกิจเกษตรและอาหาร&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย&nbsp;สถาบันอาหาร&nbsp;และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย&nbsp;ร่วมบูรณาการข้อมูลจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง&nbsp;โดยพบว่าในปี&nbsp;2564&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;การส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์&nbsp;ส่งผลทำให้สินค้าส่งออกที่มีตลาดในกลุ่มธุรกิจบริการร้านอาหารและโรงแรมปรับตัวดีขึ้น&nbsp;ส่งผลดีต่อกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารที่เน้นผลิตเพื่อการส่งออก&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">โดยปี&nbsp;2564&nbsp;การส่งออกสินค้าอาหารไทยมีมูลค่า&nbsp;1,107,450&nbsp;ล้านบาท</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ&nbsp;11.8&nbsp;ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดโลกของไทยลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ&nbsp;2.30&nbsp;จากร้อยละ&nbsp;2.32&nbsp;ในปีก่อนหน้า&nbsp;และอันดับประเทศผู้ส่งออกอาหารของไทยคงที่อยู่ในอันดับที่&nbsp;13&nbsp;ของโลก&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">ตลาดส่งออกอาหารเพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;ยกเว้น&nbsp;สหรัฐอเมริกา&nbsp;แอฟริกา&nbsp;โอเชียเนีย&nbsp;และสหราชอาณาจักร&nbsp;โดยประเทศจีนเป็นตลาดส่งออกอาหารอันดับที่&nbsp;1&nbsp;ของไทย&nbsp;มูลค่าการส่งออกกว่า&nbsp;271,674&nbsp;ล้านบาท&nbsp;จากการส่งออกผลไม้สดและแป้งมันสำปะหลังเป็นหลัก&nbsp;รองลงมาได้แก่&nbsp;CLMV&nbsp;และญี่ปุ่น&nbsp;ส่วนปัจจัยที่ส่งผลทำให้การส่งออกอาหารในภาพรวมขยายตัวดี&nbsp;มาจากราคาสินค้าเกษตรวัตถุดิบอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้น</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">ขณะที่ในปี&nbsp;2565&nbsp;คาดว่าแนวโน้มการส่งออกสินค้าอาหารจะมีมูลค่า&nbsp;1,200,000&nbsp;ล้านบาท</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ&nbsp;8.4&nbsp;ซึ่งหากเป็นไปตามคาด&nbsp;จะเป็นสถิติส่งออกสูงสุดครั้งใหม่&nbsp;(New&nbsp;high)&nbsp;อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายปัจจัยที่จะทำให้การส่งออกไม่เป็นไปตามคาดการณ์&nbsp;เช่น&nbsp;ราคาวัตถุดิบภาคเกษตร&nbsp;บรรจุภัณฑ์และน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น&nbsp;กระทบต่อต้นทุนการผลิตและขนส่ง&nbsp;รวมทั้งการขาดแคลนแรงงานและกำลังซื้อของผู้บริโภคอ่อนตัวลงจากภาวะเงินเฟ้อ</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">สำหรับสินค้าส่งออกหลัก&nbsp;10&nbsp;กลุ่มสินค้า</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกกลุ่ม&nbsp;โดยกลุ่มขยายตัวสูง&nbsp;เช่น&nbsp;ข้าว&nbsp;คาดว่าราคาส่งออกข้าวในปี&nbsp;2565&nbsp;จะทรงตัวอยู่ในระดับที่แข่งขันได้&nbsp;,&nbsp;กลุ่มขยายตัวปานกลาง&nbsp;เช่น&nbsp;แป้งมันสำปะหลัง&nbsp;ผลิตภัณฑ์มะพร้าว&nbsp;(กะทิสำเร็จรูป)&nbsp;และเครื่องปรุงรส&nbsp;และกลุ่มขยายตัวต่ำ&nbsp;ได้แก่&nbsp;การส่งออกไก่&nbsp;ที่ได้รับผลกระทบจากตลาดหลักในญี่ปุ่น&nbsp;ที่ยังคงมีมาตรการเข้มงวดในการเปิดประเทศ&nbsp;ส่งผลทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและร้านอาหารฟื้นตัวช้า&nbsp;กระทบต่อการส่งออกสินค้าไก่ของไทย&nbsp;</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>24/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124194327960 ครม. เห็นชอบให้ปรับช่วงเวลาโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้เร็วขึ้น พร้อมอนุมัติงบประมาณเพื่อช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 4<p><strong>นายธนกร&nbsp;วังบุญคงชนะ&nbsp;โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี&nbsp;&nbsp;มีมติอนุมัติโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่&nbsp;4&nbsp;กรอบวงเงินกว่า&nbsp;&nbsp;8,072&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษระยะที่&nbsp;2&nbsp;กรอบวงเงินกว่า&nbsp;1,351&nbsp;ล้านบาท&nbsp;เพื่อช่วยเหลือเยียวยา&nbsp;และลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนกลุ่มดังกล่าวในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19&nbsp;&nbsp;โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์ถึงวันที่&nbsp;30&nbsp;เมษายน&nbsp;2565&nbsp;และเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย&nbsp;ในสถานการณ์ในปัจจุบันที่ค่าครองชีพ&nbsp;ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น&nbsp;ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี&nbsp;จึงเห็นชอบให้ปรับช่วงเวลาเริ่มต้นของโครงการเร็วขึ้นเป็นวันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่&nbsp;21&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;</p><p><strong>โดยภาครัฐจะให้ความช่วยเหลือเป็นเงินจำนวน&nbsp;600&nbsp;บาทต่อคน</strong>&nbsp;เป็นการเติมเงินจำนวน&nbsp;200&nbsp;บาทต่อเดือนตลอดระยะเวลา&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย&nbsp;สามารถซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้า&nbsp;ร้านค้า&nbsp;หรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง&nbsp;ในสถานการณ์ในปัจจุบันที่ค่าครองชีพ&nbsp;ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น</p><p><strong>สำหรับประชาชนที่อยู่ภายใต้</strong>&nbsp;โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ&nbsp;ระยะที่&nbsp;4&nbsp;&nbsp;ในปัจจุบันมีจำนวนไม่เกิน&nbsp;13.45&nbsp;ล้านคน&nbsp;&nbsp;และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ&nbsp;ระยะที่&nbsp;2&nbsp;จำนวน&nbsp;2.25&nbsp;ล้านคน&nbsp;ซึ่งรัฐบาลได้มีการกำหนดมาตรการเพิ่มเติมในการกำกับและติดตาม&nbsp;การดำเนินโครงการ&nbsp;เพื่อป้องกันการแสวงหา&nbsp;ประโยชน์จากการดำเนินโครงการโดยมิชอบได้&nbsp;อาทิ&nbsp;ร้านค้าที่รับสแกนสิทธิ์แลกเปลี่ยนเป็นเงินสด&nbsp;อีกด้วย</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>24/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124182452867 ครม. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณ 34,800 ล้านบาท โครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ช่วยเหลือค่าครองครองชีพประชาชนคนละ 1,200 บาท<p><strong>นายธนกร&nbsp;วังบุญคงชนะ&nbsp;โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี&nbsp;มีมติอนุมัติโครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;4&nbsp;กรอบวงเงิน&nbsp;34,800&nbsp;ล้านบาท&nbsp;โดยใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม&nbsp;จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;เพิ่มเติม&nbsp;พ.ศ.2564&nbsp;ให้กับประชาชนประมาณ&nbsp;29&nbsp;ล้านสิทธิ์&nbsp;โดยโครงการคนสะครึ่ง&nbsp;เฟซ&nbsp;4&nbsp;มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไข&nbsp;รวมทั้งมีการขยับช่วงเวลา&nbsp;เริ่มต้นของโครงการให้เร็วขึ้น&nbsp;เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และบรรเทาค่าครองชีพที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ&nbsp;โดยคำนึงถึงการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและเหมาะสม&nbsp;</p><p><strong>ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาปรับช่วงเวลาเริ่มต้นของโครงการให้เร็วขึ้น</strong>เป็นวันที่&nbsp;1&nbsp;&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;จากเดิมที่กำหนดไว้&nbsp;ในวันที่&nbsp;21&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2455&nbsp;ครอบคลุมร้านค้ารายย่อยที่เข้าร่วมโครงการ&nbsp;ประมาณ&nbsp;28&nbsp;ล้านคน&nbsp;โดยสามารถยืนยันตัวตนและเริ่มใช้สิทธิตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;ขณะเดียวก็เปิดสิทธิเพิ่มอีก&nbsp;1&nbsp;ล้านสิทธิให้สำหรับผู้สนใจและยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการฯ&nbsp;โดยเปิดลงทะเบียนในวันที่&nbsp;10&nbsp;กุมภาพันธ์นี้&nbsp;จนกว่าจะครบ&nbsp;1&nbsp;ล้านสิทธิ&nbsp;&nbsp;และสามารถใช้สิทธิโครงการฯ&nbsp;ได้ตั้งแต่วันที่&nbsp;17&nbsp;กุมภาพันธ์นี้</p><p><strong>สำหรับรูปแบบการดำเนินโครงการในรอบนี้</strong>&nbsp;รัฐบาลอนุมัติวงเงินไม่เกิน&nbsp;1,200&nbsp;บาทต่อคนตลอดโครงการสามารถนำไปชำระค่าอาหารเครื่องดื่ม&nbsp;รวมถึงสินค้าและบริการทั่วไปที่เข้าร่วมโครงการโดยภาครัฐร่วมชำระอัตราร้อยละ&nbsp;50&nbsp;ไม่เกิน&nbsp;150&nbsp;บาทต่อคนต่อวัน&nbsp;</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>24/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124190542909 กรมอนามัย มอบป้ายประกาศนียบัตร COVID Free Setting ให้อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน วัดพุทธบาทสุทธาวาส จ.ลำปาง<p><strong>นายแพทย์สุวรรณชัย&nbsp;วัฒนายิ่งเจริญชัย&nbsp;อธิบดีกรมอนามัย</strong>&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายแพทย์ประเสริฐ&nbsp;กิจสุวรรณรัตน์&nbsp;นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง&nbsp;และคณะผู้บริหารกรมอนามัย&nbsp;คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง&nbsp;ร่วมตรวจเยี่ยมการดำเนินการตามมาตรการ&nbsp;COVID&nbsp;Free&nbsp;Setting&nbsp;พร้อมมอบป้ายประกาศนียบัตร&nbsp;COVID&nbsp;Free&nbsp;Setting&nbsp;ให้อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน&nbsp;อำเภอเมืองปาน&nbsp;และวัดพุทธบาทสุทธาวาส&nbsp;อำเภอแจ้ห่ม&nbsp;จังหวัดลำปาง&nbsp;พร้อมมอบหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์เพื่อสนับสนุนภารกิจของสถานที่ทั้ง&nbsp;2&nbsp;แห่ง</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน&nbsp;เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติ</strong>ที่สวยงามหลายแห่งโดยเฉพาะอย่างยิ่ง&nbsp;น้ำตกแจ้ซ้อน&nbsp;และน้ำพุร้อน&nbsp;อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน&nbsp;ซึ่งถือได้ว่าเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ&nbsp;ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว&nbsp;ทำให้อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติสนใจเข้ามาเที่ยวในแต่ละปีเป็นจำนวนมากอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน&nbsp;ได้รับเครื่องหมาย&nbsp;SHA&nbsp;Plus&nbsp;(SHA+)&nbsp;หมายเลขตราสัญลักษณ์&nbsp;:&nbsp;C0501&nbsp;เพื่อแสดงว่าเจ้าหน้าที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19&nbsp;แล้วไม่ต่ำกว่า&nbsp;70%&nbsp;ของทั้งองค์กร&nbsp;และ&nbsp;100%&nbsp;กับเจ้าหน้าที่หน้าด่าน&nbsp;(Frontline)&nbsp;ที่ต้องพบเจอนักท่องเที่ยวทุกวัน&nbsp;นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามข้อมูลและติดตามรายละเอียดการท่องเที่ยวเพิ่มเติม&nbsp;โทร.&nbsp;089&nbsp;851&nbsp;3355,&nbsp;FB&nbsp;;&nbsp;อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน&nbsp;-&nbsp;Chae&nbsp;Son&nbsp;National&nbsp;Park</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>24/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124184839890 ครม. อนุมัติยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา - นิติบุคคล ที่ได้รับเงินเยียวยาจาก 12 โครงการช่วยเหลือของรัฐ<p><strong>นายธนกร&nbsp;วังบุญคงชนะ&nbsp;โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี&nbsp;มีมติอนุมัติร่างกฎหมายการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินเยียวยา&nbsp;เงินช่วยเหลือ&nbsp;เงินสนับสนุน&nbsp;เงินอุดหนุน&nbsp;และประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากโครงการภาครัฐ&nbsp;อันเนื่องมาจากการบรรเทาผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19&nbsp;รวม&nbsp;2&nbsp;ฉบับ&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ร่าง&nbsp;พ.ร.ฎ.&nbsp;ออกตามความใน&nbsp;&nbsp;ป.&nbsp;รัษฎากร&nbsp;ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร&nbsp;(ฉบับที่&nbsp;..)&nbsp;พ.ศ.&nbsp;....&nbsp;และ&nbsp;ร่างกฎกระทรวง&nbsp;ฉบับที่&nbsp;..&nbsp;(พ.ศ.&nbsp;....)&nbsp;ออกตามความใน&nbsp;ป.&nbsp;รัษฎากร&nbsp;ว่าด้วย&nbsp;การยกเว้นรัษฎากร&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;เพื่อเป็นการลดภาระภาษีและช่วยเหลือ&nbsp;ประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19&nbsp;และกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ&nbsp;รวมทั้งเพื่อให้เกิดความชัดเจนแก่ประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับเงินเยียวยาจาก&nbsp;12&nbsp;โครงการ&nbsp;ที่ภาครัฐได้จ่ายเงินเยียวยา&nbsp;เงินช่วยเหลือ&nbsp;เงินสนับสนุน&nbsp;เงินอุดหนุน&nbsp;และประโยชน์อื่นใดให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ&nbsp;ในปี&nbsp;2564&nbsp;ที่ผ่านมา</p><p><strong>สำหรับสาระสำคัญของร่าง&nbsp;พ.ร.ฎ.&nbsp;ออกตามความใน</strong>&nbsp;ป.&nbsp;รัษฎากร&nbsp;ว่าด้วยการยกเว้น&nbsp;รัษฎากร&nbsp;(ฉบับที่&nbsp;..)&nbsp;พ.ศ.&nbsp;....&nbsp;ให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วน&nbsp;นิติบุคคล&nbsp;สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากโครงการของภาครัฐ&nbsp;ได้แก่&nbsp;(1)&nbsp;เงินเยียวยาที่ได้รับตามโครงการเยียวยานายจ้างและ&nbsp;ผู้ประกันตนตาม&nbsp;ม.33&nbsp;แห่ง&nbsp;พ.ร.บ.&nbsp;ประกันสังคม&nbsp;พ.ศ.&nbsp;33&nbsp;ในกิจการ&nbsp;ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด&nbsp;(2)&nbsp;เงินอุดหนุนที่ได้รับตามโครงการส่งเสริมและรักษาระดับ&nbsp;การจ้างงานในธุรกิจ&nbsp;SMEs&nbsp;ของกรมการจัดหางาน&nbsp;โดยบริษัท&nbsp;หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นต้องไม่นำรายจ่ายที่จ่ายจากเงินอุดหนุนตาม&nbsp;โครงการดังกล่าวมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ&nbsp;เพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล&nbsp;ทั้งนี้สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้มีการรับเงินตามโครงการ&nbsp;ทั้ง&nbsp;2&nbsp;โครงการดังกล่าว</p><p><strong>ส่วนสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง&nbsp;ฉบับที่&nbsp;..&nbsp;(พ.ศ.&nbsp;....)</strong>&nbsp;ออกตามความใน&nbsp;ป.&nbsp;รัษฎากร&nbsp;ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร&nbsp;ให้เงินได้ที่ผู้มีเงินได้ได้รับเป็นเงินเยียวยา&nbsp;เงินช่วยเหลือ&nbsp;เงินสนับสนุน&nbsp;เงินอุดหนุน&nbsp;หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้รับจากโครงการของภาครัฐเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณ&nbsp;ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับในปีภาษี&nbsp;64&nbsp;ได้แก่&nbsp;เงินได้ที่ได้รับเป็นค่าที่พัก&nbsp;ค่าอาหาร&nbsp;ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว&nbsp;และค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินตามโครงการเราเที่ยวด้วยกัน/เงินได้ที่อาสาสมัครสาธารณสุข&nbsp;อาสาสมัคร&nbsp;กทม.&nbsp;และเจ้าหน้าที่&nbsp;รพ.สต.&nbsp;ได้รับเป็นค่าซื้อแพ็กเกจทัวร์จากผู้ประกอบการนำเที่ยว&nbsp;ตามโครงการกำลังใจ/เงินได้ที่ได้&nbsp;รับเป็นค่าเดินทางและค่าซื้อแพ็กเกจทัวร์&nbsp;จากผู้ประกอบการนำเที่ยวในลักษณะร่วมจ่าย&nbsp;(Co-pay)&nbsp;ตามโครงการ&nbsp;ทัวร์เที่ยวไทย/เงินได้ที่ได้รับสำหรับค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าและค่าซื้อ&nbsp;สินค้าหรือบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;3&nbsp;ตามโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ&nbsp;ระยะที่&nbsp;3/&nbsp;เงินได้ที่ได้รับสำหรับค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าและค่าซื้อสินค้า&nbsp;หรือบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;3&nbsp;เฉพาะผู้ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษตามโครงการ&nbsp;เพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ&nbsp;/&nbsp;เงินได้ที่ได้รับเป็นค่าอาหาร&nbsp;ค่าเครื่องดื่ม&nbsp;และค่าซื้อสินค้าอื่น&nbsp;ที่ได้ใช้จ่ายผ่านระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ&nbsp;ตามโครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;1&nbsp;ระยะที่&nbsp;2&nbsp;และระยะที่&nbsp;3&nbsp;/เงินได้ที่ได้รับในรูปของ&nbsp;e-Voucher&nbsp;เป็นค่าอาหาร&nbsp;ค่าเครื่องดื่ม&nbsp;หรือค่าสินค้าหรือบริการตามโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้/เงินได้ที่ประชาชนทั่วไปที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐและไม่เป็น&nbsp;ผู้ประกันตนตาม&nbsp;ม.33&nbsp;แห่ง&nbsp;พ.ร.บ.&nbsp;ประกันสังคม&nbsp;พ.ศ.&nbsp;33&nbsp;ได้รับ&nbsp;เป็นค่าครองชีพตามโครงการเราชนะ&nbsp;และเงินได้ที่ผู้ประกันตนตาม&nbsp;ม.33&nbsp;แห่ง&nbsp;พ.ร.บ.&nbsp;ประกันสังคม&nbsp;พ.ศ.&nbsp;33&nbsp;ได้รับตามโครงการ&nbsp;ม.33&nbsp;เรารักกัน</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;รายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา</strong>และรายได้ภาษีเงินได้นิติบุคคลจากโครงการดังกล่าวไม่อยู่&nbsp;ในประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ&nbsp;แต่หากไม่ได้กำหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้&nbsp;บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล&nbsp;จะสามารถจัดเก็บภาษีดังกล่าวได้ประมาณ&nbsp;31,979&nbsp;&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจะช่วยเพิ่มการบริโภคภายในประเทศ&nbsp;ช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;รวมถึงภาคธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง&nbsp;</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>24/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124181914862 ครม. เห็นชอบ กรอบวงเงิน 9,000 ล้านบาท ภายใต้โครงการเที่ยวด้วยกัน<p><strong>นางสาวไตรศุลี&nbsp;ไตรสรณกุล&nbsp;รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;เพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวให้ประชาชน&nbsp;เกิดการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประกอบการภายในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;และมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;ของรัฐบาล&nbsp;ในวันนี้&nbsp;(24&nbsp;ม.ค.)&nbsp;ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี&nbsp;จึงมีมติอนุมัติโครงการเราเที่ยวด้วยกัน&nbsp;กรอบวงเงิน&nbsp;9,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;โดยใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม&nbsp;จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;เพิ่มเติม&nbsp;พ.ศ.2564&nbsp;โดยให้มีระยะเวลาดำเนินโครงการจากเดิมตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมิถุนายน&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;เป็นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนกรกฎาคม&nbsp;2565&nbsp;</p><p><strong>โดยภาครัฐยังสนับสนุนค่าโรงแรมที่พัก</strong>&nbsp;คนละไม่เกิน&nbsp;10&nbsp;ห้อง&nbsp;ร้อยละ&nbsp;40&nbsp;ไม่เกิน&nbsp;3,000&nbsp;บาทต่อห้องต่อคืน&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;ล้านสิทธิ&nbsp;แต่ปรับลดสิทธิสำหรับบัตรค่าโดยสารเครื่องบินลงเหลือ&nbsp;600,000&nbsp;สิทธิ&nbsp;เนื่องจากการดำเนินโครงการในระยะที่ผ่านมาในส่วนของบัตรโดยสาร&nbsp;ปรากฏว่า&nbsp;ผู้ร่วมโครงการไม่ได้มีการใช้สิทธิเต็มสิทธิที่ให้อยู่แล้ว&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ที่ประชุมยังได้มอบหมายให้&nbsp;การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย</strong>&nbsp;&nbsp;หรือ&nbsp;ททท.&nbsp;&nbsp;พิจารณากำหนด&nbsp;มาตรการเพิ่มเติมในการกำกับและติดตาม&nbsp;การดำเนินโครงการ&nbsp;เพื่อป้องกันการแสวงหาประโยชน์จากการดำเนินโครงการโดยมิชอบ&nbsp;ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวอย่างเคร่งครัด</p><p><strong>นางสาวไตรศุลี&nbsp;ไตรสรณกุล&nbsp;กล่าวด้วยว่า</strong>&nbsp;ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี&nbsp;เห็นชอบให้&nbsp;ททท.&nbsp;&nbsp;เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการทัวร์เที่ยวไทย&nbsp;โดยปรับลดจำนวนสิทธิโครงการจากเดิม&nbsp;1&nbsp;ล้านสิทธิ&nbsp;เป็น&nbsp;200,000&nbsp;สิทธิ&nbsp;ลดกรอบวงเงินดำเนินโครงการลงจาก&nbsp;5,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;เป็น&nbsp;1,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;ที่ยังไม่เอื้ออำนวยให้มีการเดินทางเป็นหมู่คณะ&nbsp;จึงได้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการ&nbsp;จากเดิมที่สิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์นี้เป็นสิ้นสุดเดือนพฤษภาคม&nbsp;2565&nbsp;พร้อมกับมอบหมายให้&nbsp;ททท.&nbsp;กำหนดแนวทางในการบริหารจัดการเพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดที่อาจเกิดขึ้นจากการเดินทางท่องเที่ยวภายใต้โครงการฯ&nbsp;โดยเคร่งครัด</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>24/1/2022NULLกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124162227830 ครม. มีมติให้เพิ่มสินค้าประเภทไก่และเนื้อไก่เป็นสินค้าควบคุมเพิ่มเติม ป้องกันการโกงราคาและกักตุนสินค้า<p><strong>นางสาวรัชดา&nbsp;ธนาดิเรก&nbsp;รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี&nbsp;มีมติเห็นชอบกำหนดสินค้าควบคุมประจำปี&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;5&nbsp;รายการ&nbsp;ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;หรือ&nbsp;กกร.&nbsp;ซึ่งเป็นมาตรการระยะเร่งด่วน&nbsp;ในการแก้ไขปัญหารการโก่งราคาสินค้าและกักตุนสินค้า&nbsp;ที่มีความจำเป็นในช่วงเวลานี้&nbsp;</p><p><strong>โดยเพิ่มสินค้าควบคุมใหม่ประกอบด้วย&nbsp;ไก่และเนื้อไก่</strong>&nbsp;เนื่องจากเป็นเนื้ออาหารสัตว์ทางเลือกในช่วงที่เนื้อหมูมีราคาแพง&nbsp;ประชาชนจึงหันมาบริโภคเนื้อไก่มากขึ้นจากรายการสินค้าควบคุมเดิมในปี&nbsp;2564&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;รายการ&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;หน้ากากอนามัย&nbsp;ใยสังเคราะห์เพื่อใช้ผลิตหน้ากากอนามัย&nbsp;ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ&nbsp;เศษกระดาษหรือกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้อีก&nbsp;ดังนั้นเกษตรผู้เลี้ยงไก่และผู้ประกอบการต้องมีหน้าที่รายงานปริมาณการเลี้ยงและต้นทุนราคา&nbsp;โดย&nbsp;กกร.กำหนดให้ผู้เลี้ยงไก่มีปริมาณการเลี้ยงไก่ตั้งแต่&nbsp;100,000&nbsp;ตัวขึ้นไป&nbsp;และโรงชำแหละไก่ที่มีกำลังการผลิตมากกว่า&nbsp;4,000&nbsp;ตัวต่อวัน&nbsp;ต้องแจ้งปริมาณการสต๊อกและต้นทุนราคาการเลี้ยงสัตว์&nbsp;ต่อ&nbsp;กกร.รับทราบเป็นประจำทุกเดือน&nbsp;เพื่อป้องกันการโกงราคาและป้องกันการกักตุนสินค้า&nbsp;ทำให้ปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศรายการสินค้าและบริการควบคุมไปแล้วรวมครั้งนี้จะเป็นจำนวนทั้งสิ้น&nbsp;56&nbsp;รายการ&nbsp;(จากเดิม&nbsp;51&nbsp;รายการ)&nbsp;เช่น&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;หมูและเนื้อหมู&nbsp;แชมพู&nbsp;ผงซักฟอก&nbsp;ข้าวสาร&nbsp;กระเทียม&nbsp;อาหารกึ่งสำเร็จรูป&nbsp;เครื่องแบบนักเรียน&nbsp;ค่ารักษาพยาบาล&nbsp;เป็นต้น</p><p><strong>นางสาวรัชดา&nbsp;ธนาดิเรก&nbsp;ยังชี้แจงถึงกระแสที่ออกมาว่า</strong>&nbsp;รัฐบาลชุดนี้ปล่อยให้ราคาสินค้าแพง&nbsp;โดยไม่มีการดำเนินการใดๆ&nbsp;โดยยืนยันว่า&nbsp;สถานการณ์สินค้าบางตัวที่มีการปรับราคาสูงขึ้น&nbsp;รัฐบาลและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการในการรักษาระดับราคาในรูปแบบที่สร้างสมดุลระหว่างการให้สินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้นเพื่อสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นแก่เกษตรกร&nbsp;แต่ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นนั้น&nbsp;จะต้องไม่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน&nbsp;ที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ&nbsp;เพื่อลดผลกระทบ&nbsp;เช่น&nbsp;การตรึงราคาสินค้าใน&nbsp;5&nbsp;หมวดที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน&nbsp;โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ประสานกับผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;ผู้ค้าและสมาคมต่างๆ&nbsp;ตรึงราคาในหลายหมวดสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตประจำวันคือ&nbsp;เครื่องใช้ไฟฟ้า&nbsp;ซอสปรุงรส&nbsp;บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป&nbsp;น้ำอัดลม&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ทางสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ</strong>&nbsp;ประกาศตรึงราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มไว้&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;110&nbsp;บาท&nbsp;ไปจนถึงเสร็จสิ้นเทศกาลตรุษจีนและทางสมาคมผู้เลี้ยงและส่งออกไข่ไก่&nbsp;พร้อมให้ความร่วมมือตรึงราคาไข่ไก่เบอร์&nbsp;3&nbsp;ไว้ที่ฟองละ&nbsp;2.90&nbsp;บาท&nbsp;เป็นต้น&nbsp;ในขณะเดียวกันราคาเนื้อหมู&nbsp;&nbsp;ไข่ไก่และผักชนิดต่างๆ&nbsp;อาทิ&nbsp;ผักคะน้า&nbsp;ผักบุ้งจีน&nbsp;กะหล่ำปลี&nbsp;ถั่วฝักยาว&nbsp;ตามรายงานของสถานการณ์สินค้าเกษตรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว&nbsp;(17&nbsp;-&nbsp;24&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;อยู่ในระดับที่ทรงตัว</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>24/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124190121904 ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีลงพื้นที่ตลาดสดเทศบาลเมืองสุพรรณบุรีตรวจติดตาม ราคาเนื้อสุกร และสินค้าต่างๆ เพื่อป้องกันการขึ้นราคาเอาเปรียบผู้บริโภค<p>เช้าวันนี้&nbsp;(24&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายณัฐภัทร&nbsp;สุวรรณประทีป&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายอำเภอเมืองสุพรรณบุรี&nbsp;พาณิชย์จังหวัด&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัด&nbsp;ทหาร&nbsp;ตำรวจ&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมบูรณาการออกตรวจติดตามสถานการณ์การจำหน่ายเนื้อสุกรในตลาดสดเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี&nbsp;และสินค้าต่างๆ&nbsp;เพื่อเป็นการป้องกันการขึ้นราคาเอาเปรียบผู้บริโภค&nbsp;และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้า&nbsp;พร้อมทั้งได้กำชับให้ผู้ประกอบการ&nbsp;ติดป้ายแสดงราคาอย่างชัดเจน&nbsp;เพื่อให้ผู้บริโภคได้ตัดสินใจรวมถึงเครื่องชั่งให้ได้มาตรฐานที่กำหนด&nbsp;จากการตรวจสอบพบว่า&nbsp;สถานการณ์ราคาและการจำหน่ายเนื้อสุกรในตลาดสดเทศบาล&nbsp;ราคาหมูเนื้อแดงอยู่ในราคา&nbsp;200-250&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;และแต่ละส่วนของหมูราคาลดหลั่นตามลำดับ&nbsp;เนื่องจากหมูเป็นหน้าฟาร์มมีราคาสูง&nbsp;จึงจำเป็นต้องขายในราคาที่สูงขึ้น</p><p><strong>ต่อจากนั้น&nbsp;นายณัฐภัทร&nbsp;สุวรรณประทีป&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;</strong>พร้อมคณะ&nbsp;ลงพื้นที่ออกตรวจสถานที่เก็บเนื้อสุกร&nbsp;ร้านเจ๊ยุหมูอินเตอร์&nbsp;ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายเนื้อสุกรรายใหญ่ของจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;และในช่วงบ่ายที่เก็บเนื้อสุกรห้างสรรพสินค้าแม็คโคร&nbsp;บริษัท&nbsp;สยามแม็คโคร&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)&nbsp;สุพรรณบุรี&nbsp;อำเภอเมืองสุพรรณบุรี&nbsp;จากการลงพื้นที่ตรวจสอบไม่พบสิ่งผิดปกติ&nbsp;หรือการกักตุนเนื้อสุกร&nbsp;รวมทั้งเนื้อไก่&nbsp;และไข่ไก่&nbsp;พร้อมนี้ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามตรวจสอบ&nbsp;ไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคา&nbsp;หรือกักตุนสินค้า&nbsp;โดยทางผู้ประกอบการจะมีการรายงานข้อมูล&nbsp;ปริมาณเนื้อสุกรในท้องตลาด&nbsp;และราคาทุกวัน</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ทางจังหวัดสุพรรณบุรีได้แก้ปัญหาเรื่องราคาเนื้อหมูแพง</strong>โดยได้รับการช่วยเหลือจากกระทรวงพาณิชย์&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;จัดให้มีโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;จำหน่ายในกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;เริ่มตั้งแต่วันที่&nbsp;13&nbsp;มกราคม&nbsp;จนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;สามารถซื้อได้ที่ร้านแฮปปี้ฟาร์มสาขาสุพรรณบุรี&nbsp;ทั้ง&nbsp;8&nbsp;สาขา&nbsp;กระจายอยู่ตามอำเภอต่างๆ&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>24/1/2022ภาคตะวันตกกาญจนบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุพรรณบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124160600829 รองผู้ว่าฯ สมุทรสงคราม ประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสานพลังประชารัฐจังหวัดติดตามผลการดำเนินงานและขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ<p><strong>วันนี้&nbsp;(24&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายศิริศักดิ์&nbsp;ศิริมังคะลา&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม</strong>&nbsp;เป็นประธานประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสานพลังประชารัฐจังหวัดสมุทรสงคราม&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุม&nbsp;ชั้น&nbsp;3&nbsp;ศาลากลางจังหวัด&nbsp;โดยมีคณะทำงานทั้งภาครัฐ&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;ภาคประชาชนเข้าร่วมประชุม&nbsp;ซึ่งประธานได้แจ้งที่ประชุมให้รับทราบเรื่องที่คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมได้ขอความอนุเคราะห์กระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคสนับสนุนข้อมูลและเชิญชวนผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับกิจการเพื่อสังคมหรือสหกรณ์ต่างๆ&nbsp;ได้พิจารณาจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมเพิ่มมากขึ้น&nbsp;และเชิญชวนให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนหรือกลุ่มอาชีพในชุมชนเข้ารับการจดแจ้งเป็นกลุ่มกิจการเพื่อสังคม&nbsp;กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย&nbsp;มูลนิธิ&nbsp;สมาคม&nbsp;กลุ่มอาชีพ&nbsp;กลุ่ม&nbsp;OTOP&nbsp;กลุ่มเกษตรกรและกลุ่มวิสาหกิจ&nbsp;เป็นต้น&nbsp;โดยดาวน์โหลดแบบคำขอจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม&nbsp;ได้ทางเว็บไซต์&nbsp;<a&nbsp;href="www.osep.or.th&nbsp;"&nbsp;rel="noopener&nbsp;noreferrer"&nbsp;target="_blank">www.osep.or.th</a>&nbsp;หรือสอบถามข้อมูลได้ที่&nbsp;สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม&nbsp;โทรศัพท์&nbsp;02-2462345&nbsp;รวมทั้งหารือแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐประจำปี&nbsp;2565&nbsp;ของกรมการพัฒนาชุมชนซึ่งได้ให้แนวทางการ&nbsp;ดำเนินการ&nbsp;เช่น&nbsp;ให้จังหวัดศึกษานโยบาย&nbsp;รูปแบบ&nbsp;ทิศทาง&nbsp;การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากทุกระดับให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาเชิงพื้นที่&nbsp;เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกำหนดทิศทางการดำเนินงาน&nbsp;โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมาย&nbsp;เช่น&nbsp;กลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่&nbsp;กลุ่มอาชีพสัมมาชีพชุมชน&nbsp;กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี&nbsp;และกลุ่มเป้าหมายเน้นหนักส่งผลกระทบต่อสังคมวงกว้าง&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;แนวทางการขับเคลื่อนการสร้างรายได้จากกิจการอาหารปลอดภัยระดับจังหวัด&nbsp;กรมการพัฒนาชุมชนได้ให้จังหวัดสมุทรสงครามขับเคลื่อน&nbsp;โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้&nbsp;พิจารณาเลือกกลุ่มเป้าหมายจากฐานข้อมูลการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ&nbsp;โดยไม่ซ้ำกับที่ผ่านการอบรมปฏิบัติการสร้างรายได้จากกิจการอาหารปลอดภัย&nbsp;โรงพยาบาล&nbsp;โรงเรียน&nbsp;โรงแรม&nbsp;ร้านอาหาร&nbsp;ในปี&nbsp;2563&nbsp;–&nbsp;2564,&nbsp;คัดเลือกกลุ่มเป้าหมายจากกลุ่มสัมมาชีพชุมชนตามโครงการสร้างความมั่นคงด้านอาชีพและรายได้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่ต้องดำเนินการปี&nbsp;2562-2564&nbsp;หรือกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ&nbsp;หรือกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีหรือกลุ่มผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียน&nbsp;OTOP&nbsp;หรือกลุ่มอาชีพที่หน่วยงานภาคีสนับสนุนหรือจัดตั้งขึ้นจังหวัด&nbsp;จัดกิจกรรมให้ความรู้กลุ่มเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการสร้างรายได้จากกิจการอาหารปลอดภัยระดับในไตรมาสที่&nbsp;3&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;และจัดกิจกรรมการเชื่อมโยงช่องทางการตลาดสร้างรายได้จากกิจการอาหารปลอดภัย&nbsp;เช่น&nbsp;การพัฒนาตราสินค้ากิจการอาหารปลอดภัย&nbsp;หรือการสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของสินค้า&nbsp;ผลิตภัณฑ์&nbsp;เป็นต้น&nbsp;สำหรับกลุ่มเป้าหมายเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;มีเพิ่มเติมจำนวน&nbsp;2&nbsp;กลุ่ม&nbsp;ดังนี้&nbsp;กลุ่มแม่บ้านสตรี&nbsp;หมู่ที่&nbsp;2&nbsp;ตำบลลาดใหญ่&nbsp;ขนมโมจิ&nbsp;ขนมเบเกอรี่&nbsp;ประเภทกลุ่มสัมมาชีพชุมชน&nbsp;และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนจันทร์เจริญสุข&nbsp;หมี่กรอบสูตรส้มซ่า&nbsp;และข้าวกร่ำ&nbsp;ประเภทหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>24/1/2022NULLสมุทรสงครามสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงครามhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124175658858 กรมเจ้าท่า เร่งดำเนินการติดตามการกู้เรือ พร้อมขจัดคราบน้ำมันรั่วไหลกรณี เรือบรรทุก ป.อันมัน2อับปางกลางอ่าวไทย<p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">นายภูริพัฒน์&nbsp;ธีระกุลพิศุทธิ์&nbsp;รองอธิบดีกรมเจ้าท่า</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">&nbsp;เปิดเผยถึงความคืบหน้า&nbsp;การกู้เรือหลังเกิดเหตุการณ์เรือบรรทุกน้ำมันดีเซล&nbsp;(น้ำมันเขียว)&nbsp;“ป.อันดามัน&nbsp;2”&nbsp;ซึ่งจอดทอดสมอได้อับปางลงบริเวณอ่าวไทย&nbsp;ห่างจากปากน้ำชุมพรประมาณ&nbsp;24&nbsp;ไมล์ทะเล&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;22&nbsp;มกราคมที่ผ่านมา&nbsp;โดยนายเรือและลูกเรือทั้งหมด5&nbsp;คนได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัยจากเรือวีนัส&nbsp;21&nbsp;ไปแล้ว&nbsp;ว่า&nbsp;ล่าสุด&nbsp;ได้สั่งการให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่&nbsp;4&nbsp;สาขาชุมพรติดตามและประสานบริษัทแหลมทองค้าน้ำมันประมงไทย&nbsp;จำกัด&nbsp;ที่เป็นเจ้าของเรือลำดังกล่าว&nbsp;เร่งกู้เรือพร้อมทำการขจัดคราบน้ำมันเร่งวางทุ่นล้อมน้ำมัน&nbsp;บริเวณเรือที่จม&nbsp;พร้อมประกาศเป็นพื้นที่อันตราย&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่&nbsp;4&nbsp;สาขาชุมพร</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">&nbsp;ออกประกาศสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค&nbsp;ห้ามเดินเรือเข้าพื้นที่ที่ทำการกู้เรือ&nbsp;หรือทำการรื้อ&nbsp;ขนย้าย&nbsp;หรือทำลายซากเรือที่จม&nbsp;ไม่น้อยกว่าระยะ&nbsp;1&nbsp;ไมล์ทะเล&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ถึงจนกว่าจะกู้เรือแล้วเสร็จ&nbsp;พร้อมมีคำสั่งห้ามใช้เรือจนกว่าผู้ครอบครองเรือจะแก้ไขปรับปรุงเรือให้มีสภาพเรียบร้อยปลอดภัยแก่การใช้งาน&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;การดำเนินการกู้เรือและขจัดคราบน้ำมันรั่วไหล&nbsp;ต้องเป็นไปตามมาตรการและแผนการดำเนินการด้านความปลอดภัยที่กรมเจ้าท่ากำหนด</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">จากการตรวจสอบคราบน้ำมันที่กระจายตัว</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">&nbsp;พบว่าลักษณะของน้ำมันเป็นฟิล์มน้ำมันบางๆการปล่อยให้สลายตัวตามธรรมชาติจะมีความเหมาะสม&nbsp;เนื่องจากชนิดของน้ำมันที่รั่วไหลสามารถสลายตัวเองได้ดีในธรรมชาติ&nbsp;แต่ยังต้องมีการติดตามและเฝ้าระวังผลกระทบของคราบน้ำมันว่าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมบริเวณใกล้เคียงในลักษณะใดบ้าง&nbsp;เพื่อหาวิธีแก้ไขที่เหมาะสมต่อไป&nbsp;โดยเบื้องต้นจะใช้วิธีการกักและเก็บโดยทุ่นน้ำมัน&nbsp;(Boom)&nbsp;จำกัดขอบเขตการแพร่กระจายของน้ำมันเอาไว้ขณะกู้เรือ&nbsp;พร้อมใช้สารเคมีขจัดคราบน้ำมันฉีดพ่นไปบนพื้นผิวน้ำ&nbsp;โดยชนิดของน้ำมันที่รั่วไหลในครั้งนี้คือ&nbsp;น้ำมันดีเซล&nbsp;ซึ่งจัดเป็นน้ำมันเบา&nbsp;สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ&nbsp;โดยกรมเจ้าท่าได้ประสานการดำเนินการแบบบูรณาการร่วมกับกองทัพเรือในการปฏิบัติตามแผนการขจัดคราบน้ำมัน&nbsp;พร้อมเร่งตรวจสอบความปลอดภัยของเรือลำอื่นๆที่จอดทอดสมออยู่กลางทะเล&nbsp;</span><strong&nbsp;style="color:&nbsp;black;">กรมเจ้าท่า&nbsp;ได้มีการออกคำสั่งให้กู้เรือโดยเร็วที่สุด&nbsp;</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบโดยเรือตรวจการณ์เจ้าท่า&nbsp;1302&nbsp;บริเวณชายฝั่ง&nbsp;ปัจจุบันในพื้นที่ยังไม่พบคราบน้ำมัน&nbsp;พร้อมกันนี้ได้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวางแผนตามมาตรการการป้องกันเหตุการณ์ฉุกเฉินในกรณีน้ำมันรั่วไหล&nbsp;พร้อมเน้นย้ำให้ผู้ควบคุมเรือ&nbsp;เจ้าของเรือ&nbsp;ตรวจเช็คสภาพความพร้อมของเรือเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำขึ้นอีก</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>24/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124200530976 ผู้ว่าฯ สุรินทร์ ให้กำลังใจผู้จำหน่ายหมู (เนื้อแดง) ลดราคา และประชาชนที่มาเลือกซื้อ<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>จังหวัดสุรินทร์ขับเคลื่อนโครงการพาณิชย์ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;(หมูเนื้อแดง)&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2&nbsp;</strong>จำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน&nbsp;ตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์มาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;17&nbsp;มกราคม&nbsp;จนถึงขณะนี้&nbsp;มีประชาชนให้ความสนใจไปเลือกซื้อหมูตามจุดจำหน่ายต่างๆ&nbsp;ทั้ง&nbsp;8&nbsp;จุด&nbsp;อย่างต่อเนื่อง&nbsp;ล่าสุด&nbsp;นายสุวพงศ์&nbsp;กิติภัทย์พิบูลย์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์&nbsp;ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้จำหน่ายสินค้า&nbsp;และประชาชน&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณจุดจำหน่ายหน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;ได้เดินเลือกซื้อสินค้า&nbsp;พร้อมพูดคุย&nbsp;ทักทาย&nbsp;ให้กำลังใจ&nbsp;อย่างเป็นกันเอง&nbsp;โดยมี&nbsp;นางพิรุณวรรณ์&nbsp;จงใจภักดิ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;ร่วมต้อนรับและให้ข้อมูล</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>สำหรับบริเวณหน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์</strong>&nbsp;นอกจากเนื้อหมูแล้ว&nbsp;ยังมีสินค้าราคาประหยัดมาร่วมจำหน่ายด้วย&nbsp;อาทิ&nbsp;พืชผักสินค้าเกษตรอินทรีย์&nbsp;ข้าวสาร&nbsp;ผลไม้&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาประหยัดด้วย&nbsp;จึงเชิญชวนชาวสุรินทร์&nbsp;หรือผู้สนใจ&nbsp;ไปเลือกซื้อ&nbsp;ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>24/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสุรินทร์สวท.สุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124182919873 พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ เผย สินค้าในโครงการพาณิชย์ลดราคา ! ช่วยประชาชน (หมูเนื้อแดง) ยังมีเพียงพอบริการชาวสุรินทร์ถึงวันที่ 31 มกราคม แน่นอน<p><strong>นางพิรุณวรรณ์&nbsp;จงใจภักดิ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;กล่าวถึง</strong>&nbsp;โครงการพาณิชย์ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;(หมูเนื้อแดง)&nbsp;ว่า&nbsp;จุดจำหน่ายทั้ง&nbsp;8&nbsp;จุด&nbsp;ในจังหวัดสุรินทร์&nbsp;ได้รับการตอบรับจากชาวสุรินทร์อย่างต่อเนื่องจนถึงขณะนี้&nbsp;สังเกตจากการเข้าแถวซื้อ&nbsp;ณ&nbsp;จุดด้านหน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;แถวยาวเหยียดเกือบทุกวัน&nbsp;วันแรกจำหน่ายหมู&nbsp;70&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ไม่พอกับความต้องการ&nbsp;ในวันต่อมาจึงเพิ่มเป็นวันละ&nbsp;100&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ซึ่งชาวสุรินทร์ยังสามารถไปเลือกซื้อได้จนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นี้&nbsp;ยืนยันว่าปริมาณยังมีเพียงพอ&nbsp;และนอกจากเนื้อหมูแล้ว&nbsp;ยังมีไข่ไก่&nbsp;และพืชผักเกษตรอินทรีย์&nbsp;ต่างๆ&nbsp;ที่เกษตรกรนำมาจำหน่ายเองด้วย&nbsp;จึงเชิญชวนทุกท่านอีกครั้ง</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>24/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสุรินทร์สวท.สุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124184818889 การรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งปรับเปลี่ยนการเดินรถและสถานีต้นทาง-ปลายทางเส้นทางไกลสายใต้ <p><strong>นายเอกรัช&nbsp;ศรีอาระยันพงษ์&nbsp;ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์&nbsp;การรถไฟแห่งประเทศไทย</strong>&nbsp;หรือ&nbsp;รฟท.&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;เกิดเหตุโครงสร้างกลางสะพานพระราม&nbsp;6&nbsp;เคลื่อนตัว&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;24&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;10.30&nbsp;น.&nbsp;ส่งผลให้ขบวนรถไฟไม่สามารถผ่านได้จำเป็นต้องปิดทางขึ้น-ล่อง&nbsp;ระหว่างสถานีชุมทางบางซื่อ–บางบำหรุ&nbsp;เป็นการชั่วคราว&nbsp;การรถไฟฯ&nbsp;จึงต้องแจ้งปิดทางขึ้นและล่องระหว่างสถานีบางซ่อน-บางบำหรุ&nbsp;เป็นการชั่วคราวเพื่อให้กิจการร่วมค้าไอทีดี&nbsp;เออาร์ซี&nbsp;ซึ่งเป็นผู้รับเหมาที่รับผิดชอบโครงการงานปรับปรุงสะพานเสริมความมั่นคงสะพานเหล็ก&nbsp;ได้เร่งเข้าไปดำเนินการปรับปรุงให้อยู่ในสภาพปกติโดยด่วน&nbsp;ซึ่งคาดว่าจะสามารถกลับมาเปิดให้บริการเดินรถได้ตามปกติอีกครั้งได้ในวันพุธที่&nbsp;26&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลาประมาณ&nbsp;12.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป</p><p><strong>สำหรับสาเหตุที่เกิดโครงสร้างกลางสะพานเคลื่อนตัว</strong>&nbsp;ทางผู้รับเหมาได้แจ้งว่า&nbsp;เนื่องจากปัจจุบันสะพานพระราม&nbsp;6&nbsp;มีโครงการงานปรับปรุงสะพานเสริมความมั่นคงสะพานเหล็ก&nbsp;เพื่อรับน้ำหนักกดเพลามาตรฐาน&nbsp;20&nbsp;ตันต่อเพลา&nbsp;ซึ่งมีระยะเวลาก่อสร้าง&nbsp;900&nbsp;วัน&nbsp;และจะครบกำหนดเสร็จในวันที่&nbsp;4&nbsp;มีนาคม&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งในระหว่างที่กำลังเสริมความมั่นคงสะพานเหล็ก&nbsp;โดยเปลี่ยนจากรีเวท(หมุดย้ำ)ของเดิมเป็นน๊อตกำลังสูงใส่เข้าแทนที่&nbsp;สะพานเหล็กได้เกิดการเคลื่อนตัวประมาณ&nbsp;10&nbsp;เซนติเมตร&nbsp;บริเวณสะพานเหล็กตัวที่&nbsp;3&nbsp;ฝั่งกรุงเทพฯ&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว&nbsp;</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;ระหว่างที่กำลังมีการปรับปรุงสะพานฯ</strong>&nbsp;การรถไฟฯ&nbsp;ขอแจ้งปรับเปลี่ยนสถานีต้นทาง&nbsp;ปลายทาง&nbsp;และขบวนเดินรถทางไกลสายใต้เป็นการชั่วคราว&nbsp;โดยช่วงวันที่&nbsp;24&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ขบวนรถเที่ยวล่อง&nbsp;การรถไฟฯ&nbsp;ได้ทำการขนถ่ายผู้โดยสารจากสถานีบางบำหรุ&nbsp;โดยผู้โดยสารที่มีความประสงค์ที่จะลงที่สถานีชุมทางบางซื่อ&nbsp;สามารถเดินทางต่อโดยใช้รถไฟฟ้าสายสีแดงไปยังสถานีกลางบางซื่อได้&nbsp;ส่วนสถานีสามเสนและสถานีกรุงเทพ&nbsp;ได้ทำการขนถ่ายผู้โดยสารทางรถยนต์&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;ขบวน&nbsp;ดังนี้</p><p>-&nbsp;ขบวนรถด่วนที่&nbsp;84&nbsp;ตรัง&nbsp;-&nbsp;กรุงเทพ&nbsp;</p><p>-&nbsp;ขบวนรถด่วนพิเศษทักษิณารัถย์ที่&nbsp;32&nbsp;ชุมทางหาดใหญ่&nbsp;–&nbsp;กรุงเทพ</p><p>-&nbsp;ขบวนรถเร็วที่&nbsp;172&nbsp;สุไหงโกลก&nbsp;-&nbsp;กรุงเทพ&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ได้ประกาศปรับเปลี่ยนสถานีต้นทางของขบวนรถในเส้นทางสายใต้&nbsp;4&nbsp;ขบวน</strong>&nbsp;โดยทำการขนถ่ายผู้โดยสารทางรถยนต์จากสถานีกรุงเทพและสถานีสามเสน&nbsp;ไปยังสถานีบางบำหรุ&nbsp;โดยผู้โดยสารที่สถานีชุมทางบางซื่อ&nbsp;สามารถใช้ตั๋วโดยสารรถไฟทางไกล&nbsp;เดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีแดงจากสถานกลางบางซื่อไปยังสถานีบางบำหรุ</p><p>โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม&nbsp;ดังนี้</p><p>-&nbsp;ขบวนรถเร็วที่&nbsp;171&nbsp;กรุงเทพ&nbsp;–&nbsp;สุไหงโกลก&nbsp;ปรับเปลี่ยนเป็น&nbsp;บางบำหรุ&nbsp;-&nbsp;สุไหงโกลก&nbsp;</p><p>-&nbsp;ขบวนรถด่วนพิเศษทักษิณารัถย์ที่&nbsp;31&nbsp;กรุงเทพ&nbsp;-&nbsp;ชุมทางหาดใหญ่&nbsp;ปรับเปลี่ยนเป็น&nbsp;บางบำหรุ&nbsp;-&nbsp;ชุมทางหาดใหญ่&nbsp;</p><p>-&nbsp;ขบวนรถด่วนที่&nbsp;83&nbsp;กรุงเทพ&nbsp;-&nbsp;ตรัง&nbsp;ปรับเปลี่ยนเป็น&nbsp;บางบำหรุ&nbsp;-&nbsp;ตรัง&nbsp;&nbsp;</p><p>-&nbsp;ขบวนรถด่วนพิเศษที่&nbsp;39&nbsp;กรุงเทพ&nbsp;–&nbsp;สุราษฎร์ธานี&nbsp;ปรับเปลี่ยนเป็น&nbsp;บางบำหรุ&nbsp;-&nbsp;สุราษฎร์ธานี</p><p>พร้อมกับแจ้งงดเดินขบวนรถ&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;ขบวน</p><p>-&nbsp;ขบวนรถด่วนที่&nbsp;85&nbsp;กรุงเทพ&nbsp;–&nbsp;นครศรีธรรมราช</p><p>-&nbsp;ขบวนรถชานเมืองที่&nbsp;355&nbsp;กรุงเทพ&nbsp;–&nbsp;ชุมทางหนองปลาดุก</p><p>-&nbsp;ขบวนรถพิเศษขนส่งสินค้าห่อวัตถุด่วนที่&nbsp;985&nbsp;กรุงเทพ&nbsp;-&nbsp;สุไหงโกลก</p><p><strong>ส่วนวันที่&nbsp;25&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;จะมีการปรับเปลี่ยนสถานีต้นทาง-ปลายทาง&nbsp;</strong>ของขบวนรถในเส้นทางสายใต้ทุกขบวน&nbsp;โดยจะขนถ่ายผู้โดยสารทางรถยนต์&nbsp;จากสถานีกรุงเทพและสถานีสามเสน&nbsp;ไปยังสถานีบางบำหรุ&nbsp;สำหรับผู้โดยสารที่สถานีชุมทางบางซื่อ&nbsp;สามารถใช้ตั๋วโดยสารรถไฟทางไกล&nbsp;เดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีแดงจากสถานกลางบางซื่อไปยังสถานีบางบำหรุโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม&nbsp;และงดเดินขบวนรถ&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;ขบวน&nbsp;ได้แก่&nbsp;</p><p>-&nbsp;ขบวนรถชานเมืองที่&nbsp;355&nbsp;กรุงเทพ&nbsp;–&nbsp;ชุมทางหนองปลาดุก</p><p>-&nbsp;ขบวนรถชานเมืองที่&nbsp;356&nbsp;ชุมทางหนองปลาดุก&nbsp;–&nbsp;กรุงเทพ&nbsp;</p><p>-&nbsp;ขบวนรถด่วนที่&nbsp;86&nbsp;นครศรีธรรมราช&nbsp;-&nbsp;กรุงเทพ&nbsp;&nbsp;</p><p>-&nbsp;ขบวนรถพิเศษขนส่งสินค้าห่อวัตถุด่วนที่&nbsp;986&nbsp;สุไหงโกลก-&nbsp;กรุงเทพ&nbsp;</p><p>&nbsp;<strong>สำหรับวันที่&nbsp;26&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</strong>การรถไฟฯ&nbsp;คาดว่าจะสามารถกลับมาเปิดเดินรถได้ตามปกติ&nbsp;ได้ตั้งเวลา&nbsp;12.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;แต่อาจมีขบวนรถในเส้นทางสายใต้บางขบวนเกิดความล่าช้าไปบ้าง&nbsp;ส่วนขบวนรถที่งดเดิน&nbsp;ผู้โดยสารสามารถขอคืนค่าตั๋วโดยสารได้เต็มราคา</p><p><br></p><p><br></p>24/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124200016972 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนราธิวาส จัดโครงการ”พาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน” จัดจำหน่ายควบคุมราคาหมูเนื้อแดง กิโลกรัมละ 150 บาท จำนวน 10 จุดในพื้นที่ จ .นราธิวาส <p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนราธิวาส&nbsp;จัดโครงการ”พาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน”</strong>&nbsp;จัดจำหน่ายควบคุมราคาหมูเนื้อแดง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;10&nbsp;จุดในพื้นที่&nbsp;จ&nbsp;.นราธิวาส&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;16-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p><strong>วันนี้&nbsp;(24&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนราธิวาส</strong>&nbsp;จัดโครงการ”พาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จัดจำหน่าย&nbsp;10&nbsp;จุดในพื้นที่&nbsp;จ&nbsp;.นราธิวาส&nbsp;เพื่อควบคุมราคาหมูเนื้อแดง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ในพื้นที่อำเภอ&nbsp;6&nbsp;อำเภอของจังหวัดนราธิวาส&nbsp;ได้แก่พื้นที่อำเภอเมืองนราธิวาสจัดจำหน่ายที่ร้านเสนแอนด์จิน&nbsp;(ตรงข้ามโรงเรียนศรสมบูรณ์)&nbsp;อำเภอตากใบ&nbsp;ร้านนุ้ยเขียงหมู&nbsp;และร้านเขียงหมูพี่ปราณี&nbsp;(ตลาดสดเทศบาลเมืองตากใบ)&nbsp;,อำเภอสุไหงโกลก,ร้านมีหมูสด&nbsp;(ถนนเจริญเขต&nbsp;ซ.16)&nbsp;ส่วนร้าน-พจน์หมูสด&nbsp;(ข้างโรงเรียนเทศบาล&nbsp;2)&nbsp;และร้านแบนหมูสด&nbsp;(เยื้อง&nbsp;Big&nbsp;C&nbsp;Mini&nbsp;เสมาวิโรจน์)&nbsp;อำเภอสุไหงโกลก&nbsp;(จำหน่ายวันที่&nbsp;18-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;อำเภอสุไหงปาดี&nbsp;ร้านเจ๊ไพหมูสด&nbsp;อำเภอรือเสาะ&nbsp;ร้านเจ๊นางขายหมู&nbsp;และอำเภอศรีสาคร&nbsp;ร้านรัตนาหมูสด</p><p><br></p><p><strong>สำหรับร้านจำหน่ายหมูสด&nbsp;จะต้องมีการติดป้ายกำกับราคาสินค้าที่หน้าร้า</strong>น&nbsp;และในภาพรวมจังหวัดนราธิวาสมีจำนวนหมูทั้งสิ้น&nbsp;4,827&nbsp;ตัว&nbsp;ขณะที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนราธิวาส&nbsp;บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;อาทิ&nbsp;ฝ่ายปกครอง&nbsp;ตำรวจ&nbsp;ก็ได้ร่วมลงพื้นที่การบูรณาการร่วมกันลงไปตรวจสอบห้องเย็นควบคู่กับการที่จะลงไปดูที่ฟาร์มหมู&nbsp;และแผงขายเนื้อหมู&nbsp;พร้อมทั้งให้คำแนะนำในมาตรการต่างๆ</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>24/1/2022ภาคใต้นราธิวาสสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาสhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124183149875 พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ จัดจำหน่ายสินค้าราคาประหยัด พร้อมพิกัดจำหน่ายอีก 8 จุด<p><strong>วันที่&nbsp;24&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;นายสุวพงศ์&nbsp;กิติภัทย์พิบูลย์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์</strong>&nbsp;ลงพื้นที่เยี่ยมตลาดหน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;ในโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;โดยจำหน่ายหมูเนื้อแดงให้กับประชาชนผู้บริโภค&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตามนโยบายของ&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;&nbsp;และเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาสุกรที่สูงขึ้น&nbsp;และให้ประชาชนมีทางเลือกในการซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพ&nbsp;และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;ในช่วงสถานการณ์ดังกล่าว&nbsp;โดยมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก&nbsp;</p><p><strong>นางพิรุณวรรณน์&nbsp;จงใจภักดิ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>นอกจากเนื้อหมูราคาถูกที่จัดจำหน่าย&nbsp;ณ&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์แล้ว&nbsp;นี้ยังมีจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดงอีก&nbsp;8&nbsp;จุดในจังหวัดสุรินทร์&nbsp;ได้แก่</p><p>1.&nbsp;หน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;ถ.เทศบาล&nbsp;4&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>2.&nbsp;โต้งหมูสด&nbsp;ถ.สุรินทร์-ปราสาท&nbsp;ต.เฉนียง&nbsp;อ.เมือง&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;08.00&nbsp;น.&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>3.&nbsp;ร้านแรมโบ้หมูสด&nbsp;ถ.เลี่ยงเมืองสุรินทร์-ปราสาท&nbsp;ต.นอกเมือง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>4.&nbsp;เขียงเอ&nbsp;แอนด์&nbsp;พี&nbsp;โปรช็อป&nbsp;(หน้ามหาวิทยาลัยราชมงคลสุรินทร์)&nbsp;ถ.สุรินทร์-ปราสาท&nbsp;ต.นอกเมือง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;08.00&nbsp;น.</p><p>5.&nbsp;ร้านพงษ์หมูสด&nbsp;สาขา&nbsp;1&nbsp;(ตรงกันข้ามทางเข้าบ้านบุณเยิง)&nbsp;ต.แสลงพันธ์&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>6.&nbsp;ร้านพงษ์หมูสด&nbsp;สาขา&nbsp;2&nbsp;(เยื้องร้านทะเลเผา)&nbsp;ต.สลักได&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>7.&nbsp;ร้านวีซีมีท&nbsp;(VC&nbsp;meat)&nbsp;สาขาสุรินทร์&nbsp;ถ.เทศบาล&nbsp;3&nbsp;ต.ในเมือง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>8.&nbsp;ร้านเจ้จิ้งหรีด&nbsp;ถ.เทศบาล&nbsp;3&nbsp;ต.ในเมือง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณหน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์</strong>&nbsp;&nbsp;มีสินค้าราคาประหยัดมาร่วมจำหน่ายด้วย&nbsp;อาทิ&nbsp;พืชผักสินค้าเกษตรอินทรีย์ข้าวสาร&nbsp;ผลไม้&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาประหยัด</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>24/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสุรินทร์สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124200407974 หน่วยงานทุกภาคส่วนในจังหวัดนครปฐม ร่วมบูรณาการตรวจสอบห้องเย็นเก็บเนื้อสุกร เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า<p><strong>หน่วยงานทุกภาคส่วนในจังหวัดนครปฐม&nbsp;ร่วมบูรณาการตรวจสอบห้องเย็นเก็บเนื้อสุกร&nbsp;</strong>เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า&nbsp;จากกรณีเนื้อสุกรมีราคาสูง&nbsp;จากการตรวจสอบพบผู้กระทำความผิด&nbsp;2&nbsp;ราย&nbsp;ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดจึงได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป</p><p><strong>วันที่&nbsp;24&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นายสุรศักดิ์&nbsp;เจริญศิริโชติ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม</strong>&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;พลตำรวจตรีชมชวิณ&nbsp;ปุระธนานนท์&nbsp;ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม&nbsp;ปลัดจังหวัด&nbsp;นายอำเภอดอนตูม&nbsp;รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัด&nbsp;พาณิชย์จังหวัด&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;ฝ่ายปกครอง&nbsp;และเจ้าที่จากหน่วนงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมบูรณาการตรวจสอบห้องเย็นในพื้นที่จังหวัดนครปฐม&nbsp;เกี่ยวกับการแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และการจัดทำบัญชีคุมสินค้าเนื้อสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ตามที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;(กกร.)&nbsp;</p><p><strong>กำหนดให้ผู้เลี้ยงสุกร&nbsp;ตั้งแต่&nbsp;500&nbsp;ตัวขึ้นไป&nbsp;</strong>และผู้ครอบครองหรือห้องเย็นที่มีสต็อกสุกร&nbsp;ตั้งแต่&nbsp;5,000&nbsp;กิโลกรัมขึ้นไป&nbsp;แจ้งปริมาณและราคาทุก&nbsp;7&nbsp;วัน&nbsp;เริ่มตั้งแต่วันที่&nbsp;10&nbsp;มกราคม&nbsp;2655&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;เพื่อดูแลปริมาณสุกรและสต็อกเนื้อสุกรที่มีอยู่ทั้งประเทศ&nbsp;หากพบมีการกระทำความผิด&nbsp;มีโทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;1&nbsp;ปี&nbsp;ปรับไม่เกิน&nbsp;20,000&nbsp;บาท&nbsp;และปรับอีกวันละ&nbsp;2,000&nbsp;บาท&nbsp;ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะแจ้ง&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ&nbsp;ตามมาตรา&nbsp;25(5)&nbsp;</p><p><strong>กำหนดให้แจ้งปริมาณ&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;ต้นทุน&nbsp;ค่าใช้จ่าย&nbsp;</strong>แผนการผลิต&nbsp;แผนการนำเข้ามาในราชอาณาจักร&nbsp;แผนการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร&nbsp;แผนการซื้อ&nbsp;แผนการจำหน่าย&nbsp;แผนการเปลี่ยนแปลงราคา&nbsp;หรือรายการอื่นใด&nbsp;หรือส่วนลดในการจำหน่าย&nbsp;กระบวนการผลิต&nbsp;และวิธีการจำหน่ายสินค้า&nbsp;และบริการควบคุมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่</p><p><strong>สำหรับในพื้นที่จังหวัดนครปฐม&nbsp;มีสถานที่เก็บเนื้อสุกรทั้งหมด&nbsp;30&nbsp;แห่ง</strong>&nbsp;แบ่งเป็นพื้นที่อำเภอเมืองนครปฐม&nbsp;16&nbsp;แห่ง&nbsp;อำเภอสามพราน&nbsp;5&nbsp;แห่ง&nbsp;อำเภอดอนตูม&nbsp;3&nbsp;แห่ง&nbsp;อำเภอนครชัยศรี&nbsp;2&nbsp;แห่ง&nbsp;อำเภอพุทธมณฑล&nbsp;2&nbsp;แห่ง&nbsp;อำเภอกำแพงแสน&nbsp;1&nbsp;แห่ง&nbsp;และอำเภอบางเลน&nbsp;1&nbsp;แห่ง&nbsp;มีสุกรที่เก็บในห้องเย็นทั้งสิ้น&nbsp;800-900&nbsp;ตัน</p><p><strong>จากการลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเย็น&nbsp;พบว่า&nbsp;มีการกระทำความผิดตามมาตรา&nbsp;25(5)&nbsp;</strong>ตาม&nbsp;พรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.2542&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;ราย&nbsp;&nbsp;เนื่องจาก&nbsp;ไม่ได้แจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และการจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ฉบับที่&nbsp;2&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;เรื่องการแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดจึงได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;หากประชาชนพบเห็นการกักตุนหรือจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม</strong>&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม-ข่าว</strong></p><p><strong><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>24/1/2022ภาคตะวันตกนครปฐมสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124204100990 พาณิชย์บึงกาฬเปิดจุดจำหน่ายเพิ่มเติม ตามโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา ! ช่วยประชาชน ครั้งที่ 3 ที่ตลาดสดชัยพร ต.ชัยพร อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ<p><strong>นางสาวเอื้อนจิตร&nbsp;ช่วยนก&nbsp;พาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;</strong>พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;ได้เปิดจุดจำหน่ายหมูเพิ่มเติม&nbsp;ตามโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;(กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท)&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดชัยพร&nbsp;ต.ชัยพร&nbsp;อ.เมืองบึงกาฬ&nbsp;จ.บึงกาฬ&nbsp;ซึ่งจำหน่ายระหว่าง&nbsp;วันที่&nbsp;23&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;มีประชาชนให้ความสนใจเข้าคิวซื้อหมูพาณิชย์ลดราคากันเป็นจำนวนมาก</p><p><strong>พาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>โครงการหมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;เป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาหมูที่สูงขึ้น&nbsp;และให้ประชาชนได้มีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;ตามนโยบายของ&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ซึ่งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;ได้จัดโครงการนี้มาแล้ว&nbsp;2&nbsp;ครั้ง&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1&nbsp;ในวันที่&nbsp;23&nbsp;พ.ย.-&nbsp;31&nbsp;ธ.ค.&nbsp;2564&nbsp;จำหน่าย&nbsp;กก.ละ&nbsp;130&nbsp;บาท&nbsp;ขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่&nbsp;160&nbsp;บาท&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2&nbsp;ในวันที่&nbsp;6&nbsp;-&nbsp;22&nbsp;มค.&nbsp;2565&nbsp;จำหน่าย&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;รวมปริมาณการจำหน่ายทั้ง&nbsp;2&nbsp;ครั้ง&nbsp;มีหมูทั้งสิ้น&nbsp;8,100&nbsp;กก.&nbsp;ยอดจำหน่ายอยู่ที่&nbsp;1,356,000&nbsp;บาท&nbsp;ลดภาระค่าครองชีพของประชาชนได้จำนวน&nbsp;273,000&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>โดยครั้งนี้จัดเป็นครั้งที่&nbsp;3&nbsp;</strong>ในระหว่างวันที่&nbsp;23&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งจัดจุดจำหน่ายเพิ่มเติมที่ตลาดสดชัยพร&nbsp;ต.ชัยพร&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;คือ&nbsp;ร้านหมูเบทาโกร&nbsp;ร้านหมูวีระหมูสด&nbsp;ร้านหมูอธิกาหมูสด&nbsp;และร้านหมูแม่ยอดหมูสด&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;13.00&nbsp;น.&nbsp;และอีก&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;ที่ร้านหมู&nbsp;ป.เฟชรฮับ&nbsp;สาขา&nbsp;1&nbsp;ช๊อปหมูนาสวรรค์&nbsp;ต.นาสวรรค์&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.&nbsp;รวมแล้วมีจุดจำหน่ายหมูพาณิชย์เพิ่มเติมอีก&nbsp;5&nbsp;จุด&nbsp;ซึ่งจากเดิมมี&nbsp;2&nbsp;ร้าน&nbsp;ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองบึงกาฬ&nbsp;ร้านเจ้เหล่ย&nbsp;และร้านเจ้กบ&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.&nbsp;รวมเป็นทั้งหมด&nbsp;7&nbsp;จุด</p><p><strong>ประชาชนให้ความสนใจมาจับจ่ายซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;</strong>ของโครงการ&nbsp;หมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;กันเป็นจำนวนมาก&nbsp;นอกจากจะเป็นการช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชนได้มากยิ่งขึ้นแล้ว&nbsp;ยังช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าในร้านค้าที่ขายเนื้อหมูมีรายได้อย่างต่อเนื่องในช่วงนี้&nbsp;และลดภาระต้นทุนของผู้ประกอบการร้านอาหารที่มีหมูเป็นส่วนประกอบได้อีกด้วย</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>24/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบึงกาฬสวท.บึงกาฬhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124220007999 อุดรธานีเปิดจุดจำหน่ายเนื้อแดงราคาถูกโครงการพณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน อ.บ้านดุง พร้อมตรวจสต็อกห้องเย็นป้องกันการกักตุนเนื้อสุกร<p><strong>รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี&nbsp;ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์จุดจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;โครงการพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ที่อำเภอบ้านดุง&nbsp;พร้อมตรวจห้องเย็น&nbsp;สต็อกสินค้าป้องกันการกักตุนเนื้อสุกร&nbsp;ฉวยโอกาสขึ้นราคา</strong></p><p><strong>วันที่&nbsp;24&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอบ้านดุง&nbsp;</strong>จังหวัดอุดรธานี&nbsp;นายจำรัส&nbsp;กังน้อย&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายประเสริฐ&nbsp;ฝ่ายชาวนา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดอุดรธานี&nbsp;นายสุมนชาติ&nbsp;แสงปัญญา&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดอุดรธานี&nbsp;,สารวัตรด่านกักกันสัตว์จังหวัดอุดรธานี&nbsp;,กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดอุดรธานี&nbsp;ร่วมลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์จุดจำหน่ายหมูเนื้อแดงเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและมาอุดหนุน&nbsp;โดยมี&nbsp;นายวรุตม์&nbsp;วิศิษฏ์ศิลป์&nbsp;นายอำเภอบ้านดุง&nbsp;ปศุสัตว์อำเภอบ้านดุงให้ข้อมูลร้านจำหน่ายสุกรเนื้อแดงที่เข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ซึ่งมี&nbsp;2&nbsp;ร้าน&nbsp;คือ&nbsp;ร้านมีท&nbsp;มี&nbsp;มาร์ท&nbsp;และร้านหมูเอ็นที&nbsp;โดยในวันนี้คณะรองผู้ว่าฯ&nbsp;ได้ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานที่ร้านมีท&nbsp;มี&nbsp;มาร์ท</p><p><strong>พร้อมกันนี้&nbsp;ได้เดินทางไปตรวจสอบการกักเก็บสุกรที่ร้านศรีจันทร์&nbsp;ห้องเย็น</strong>&nbsp;ซึ่งเป็นสถานที่กักเก็บอาหารแช่แข็งครบวงจรที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงเพื่อตรวจสอบสต็อกสินค้า&nbsp;ซึ่งพบว่าร้านดังกล่าวมีการกักเก็บชิ้นส่วนหมูในปริมาณต่ำกว่าที่แจ้ง&nbsp;เนื่องจากหมูมีราคาสูง&nbsp;ผู้บริโภคหันมาซื้อวัตถุดิบชนิดอื่นทดแทน&nbsp;โดยเฉพาะสถานศึกษาได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก</p><p><strong>จากนั้นคณะได้เดินทางไปตรวจห้องเย็นมิวสิค&nbsp;สาขาใหญ่</strong>&nbsp;ซึ่งเป็นห้องเย็นที่ใหญ่ที่สุดของอำเภอบ้านดุง&nbsp;ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านจันทร์&nbsp;เป็นแหล่งจำหน่ายอาหารแช่แข็งทุกชนิด</p><p><strong>นายจำรัส&nbsp;กังน้อย&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี&nbsp;ได้กำชับให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุดรธานี&nbsp;สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดอุดรธานีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตาม&nbsp;กำกับดูแล&nbsp;และตรวจสอบผู้ประกอบการจำหน่ายเนื้อหมูในจังหวัดอุดรธานี&nbsp;ไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาหรือจำหน่ายราคาสูงเกินสมควร&nbsp;ห้ามกักตุนสินค้าและแนะนำให้มีการปิดป้ายแสดงสินค้าจำหน่ายให้ครบถ้วนถูกต้องและชัดเจน&nbsp;เพื่อให้ประชาชนได้เปรียบเทียบก่อนตัดสินใจซื้อ</p><p><strong>พาณิชย์จังหวัดอุดรธานี&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฎ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้อนุมัติให้ดำเนินโครงการหมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;เพื่อลดภาระค่าครองชีพบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;และเพื่อเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนเรื่องราคาเนื้อหมูปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;ช่วยให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;โดยประชาชนสามารถเลือกซื้อหมูเนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท</p><p><strong>จังหวัดอุดรธานี&nbsp;มีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูหรือจุดจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;จำนวน&nbsp;7&nbsp;จุด&nbsp;</strong>กระจายอยู่ในพื้นที่อำเภอเมืองอุดรธานี&nbsp;5&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านเขียงหมูคุณสุภาพร&nbsp;ตลาดโพศรี&nbsp;ร้านวีซีมีท&nbsp;สาขาอุดรธานี&nbsp;ร้านหมอหมูสด&nbsp;สาขาสามพร้าว&nbsp;ร้านหมูพอเพียง&nbsp;เขียงหมูอนามัยเบทาโกร&nbsp;บ้านเชียงพิณ&nbsp;และร้านอิหล่ามาร์เก็ต&nbsp;และอำเภอบ้านดุง&nbsp;2&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่&nbsp;ร้านมีท&nbsp;มี&nbsp;มาร์ท&nbsp;และ&nbsp;ร้านหมูเอ็นที&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่ายจุดละ&nbsp;50&nbsp;กิโลกรัมต่อวัน&nbsp;เริ่มตั้งแต่วันที่&nbsp;16&nbsp;-&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;โดยสามารถสอบถามจุดจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูกได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุดรธานี</p><p><br></p><p>ทีมข่าว&nbsp;ส.ปชส.อด.&nbsp;ศรีภูมิ&nbsp;ทองใหญ่&nbsp;ณ&nbsp;อยุธยา&nbsp;ข่าว/ภาพ</p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p>24/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุดรธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220124221201000 จ.นราธิวาส แถลงข่าวจัดสร้างแพขนานยนต์ลำใหม่ งบประมาณกว่า 38 ล้านบาท เพื่อให้บริการแก่ประชาชนในการเดินทางระหว่างประเทศ ตลอดจนขนส่งสินค้า ผลผลิตทางการเกษตร เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจและยกระดับการค้าชายแดน<p><strong>วันนี้&nbsp;(25&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายกูเซ็ง&nbsp;&nbsp;ยาวอหะซัน&nbsp;นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส</strong>&nbsp;(อบจ.นราธิวาส)&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายอรรณพ&nbsp;&nbsp;คณานุรักษ์&nbsp;ท้องถิ่นจังหวัดนราธิวาส&nbsp;นายสังคม&nbsp;&nbsp;เกิดก่อ&nbsp;นายอำเภอตากใบ&nbsp;และนางสาวรัตปภา&nbsp;&nbsp;ภูวนาถภัทรสิน&nbsp;กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม&nbsp;บริษัท&nbsp;มิทส์ดิสิชั่น&nbsp;จำกัด&nbsp;ร่วมแถลงข่าวและลงนามสัญญาโครงการจัดสร้างแพขนานยนต์&nbsp;ด่านตากใบ&nbsp;ระหว่าง&nbsp;อบจ.นราธิวาส&nbsp;และบริษัท&nbsp;มิทส์ดิสิชั่น&nbsp;จำกัด&nbsp;ที่บริเวณโถงชั้นล่าง&nbsp;อบจ.นราธิวาส&nbsp;เพื่อให้บริการแก่ประชาชนในการเดินทางระหว่างประเทศ&nbsp;ขนส่งสินค้าและผลผลิตทางการเกษตรข้ามฟากไทย-มาเลเซียบริเวณด่านชายแดนตากใบ&nbsp;ตำบลเจ๊ะเห&nbsp;อำเภอตากใบ&nbsp;จังหวัดนราธิวาส&nbsp;และด่านเป็งกาลันกูโบร์&nbsp;รัฐกลันตัน&nbsp;ประเทศมาเลเซีย&nbsp;เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจังหวัดนราธิวาส&nbsp;</p><p><strong>นายกูเซ็ง&nbsp;&nbsp;ยาวอหะซัน&nbsp;นายก&nbsp;อบจ.นราธิวาส&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>ทาง&nbsp;อบจ.นราธิวาส&nbsp;ได้อนุมัติใช้จ่ายเงินสะสมประจำปีงบประมาณ&nbsp;2564&nbsp;จำนวน&nbsp;38,569,000&nbsp;บาท&nbsp;ในการจัดสร้างแพขนานยนต์ลำใหม่เพื่อทดแทนแพขนานยนต์ลำเดิมที่เปิดใช้บริการมาตั้งแต่ปี&nbsp;2544&nbsp;แพขนานยนต์ลำใหม่ที่จะจัดสร้างมีขนาดกว้าง&nbsp;9&nbsp;เมตร&nbsp;ยาว&nbsp;21&nbsp;เมตร&nbsp;ลึก&nbsp;1.55&nbsp;เมตร&nbsp;สามารถบรรจุผู้โดยสารได้&nbsp;30&nbsp;คน&nbsp;บรรทุกยานพาหนะ&nbsp;รถยนต์&nbsp;ขนาด&nbsp;2,500&nbsp;กิโลกรัมต่อคัน&nbsp;&nbsp;ได้&nbsp;&nbsp;9&nbsp;คัน&nbsp;ทั้งนี้การดำเนินโครงการฯ&nbsp;เพื่อหวังขยายมูลค่าการค้าชายแดนให้มีการเติบโต&nbsp;อีกทั้งเพื่อให้การสัญจรของประชาชนไปมาหาสู่ระหว่างไทย-มาเลเซีย&nbsp;ใช้แพขนานยนต์ลำใหม่ที่มีมาตรฐานและมีความปลอดภัย&nbsp;คาดว่าจะจัดสร้างแล้วเสร็จในช่วงเดือนมกราคม&nbsp;ปี&nbsp;2566</p><p><strong>ด้านนายอรรณพ&nbsp;&nbsp;คณานุรักษ์&nbsp;ท้องถิ่นจังหวัดนราธิวาส&nbsp;&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;จังหวัดนราธิวาส&nbsp;มียุทธศาสตร์การพัฒนาที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการค้า&nbsp;การลงทุน&nbsp;พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ&nbsp;และเมืองการค้าชายแดนทั้ง&nbsp;3&nbsp;ด่าน&nbsp;&nbsp;ได้แก่&nbsp;ด่านชายแดนสุไหงโก-ลก&nbsp;บูเก๊ะตา&nbsp;ตากใบ&nbsp;ซึ่งการจัดสร้างแพขนานยนต์ลำใหม่สิดรับนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์&nbsp;เป็นการขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม&nbsp;อันจะเกิดประโยชน์กับประชาชน&nbsp;เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ&nbsp;ตลอดจนเพื่อยกระดับการค้าชายแดนและความร่วมมือในมิติต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ให้ดีขึ้นอีกด้วย</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>25/1/2022ภาคใต้นราธิวาสสวท.นราธิวาสhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125103127051 คลังลำปาง เผย ครม. มีมติอนุมัติตามมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ปี 2565 ผ่าน 3 โครงการ บรรเทาผลกระทบให้ประชาชน<p><strong>นางสุภาภรณ์&nbsp;จุลละสุภา&nbsp;คลังจังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่&nbsp;24&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้&nbsp;(คณะกรรมการฯ)&nbsp;ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;เพิ่มเติม&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2564&nbsp;ในคราวประชุมครั้งที่&nbsp;3/2565&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ตามที่กระทรวงการคลัง&nbsp;โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเสนอเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบการแพร่ระบาดของ&nbsp;COVID-19&nbsp;ให้แก่กลุ่มที่มีความเปราะบางทางด้านรายได้ทรัพย์สินและหนี้สินและผู้ต้องการความช่วยเหลือตลอดจนเพื่อรักษาแรงกระตุ้นทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นปี&nbsp;2565&nbsp;โดยประชาชนแต่ละคนจะสามารถเข้าร่วมโครงการได้เพียง&nbsp;1&nbsp;โครงการ&nbsp;ดังนี้</p><p>1.&nbsp;โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ&nbsp;ระยะที่&nbsp;4&nbsp;ช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น&nbsp;(ร้านธงฟ้าฯ)&nbsp;และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;4&nbsp;จำนวนไม่เกิน&nbsp;200&nbsp;บาทต่อคนต่อเดือน&nbsp;เป็นระยะเวลา&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์–30&nbsp;เมษายน&nbsp;2565&nbsp;(กรณีมีวงเงินคงเหลือในเดือนใดจะไม่มีการสะสมไปในเดือนถัดไป)&nbsp;รวมทั้งสิ้น&nbsp;600&nbsp;บาทต่อคน&nbsp;ตลอดระยะเวลาโครงการ&nbsp;เป็นวงเงินรวม&nbsp;8,071&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ให้แก่ผู้มีบัตรฯ&nbsp;จำนวนไม่เกิน&nbsp;13.45&nbsp;ล้านคน&nbsp;โดยจะใช้ฐานข้อมูล&nbsp;ณ&nbsp;วันที่&nbsp;25&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p>2.&nbsp;โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ&nbsp;ระยะที่&nbsp;2&nbsp;ช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าฯ&nbsp;และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;4&nbsp;จำนวนไม่เกิน&nbsp;200&nbsp;บาทต่อคนต่อเดือน&nbsp;เป็นระยะเวลา&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์–30&nbsp;เมษายน&nbsp;2565&nbsp;(กรณีมีวงเงินคงเหลือในเดือนใดจะไม่มีการสะสมไปในเดือนถัดไป)&nbsp;รวมทั้งสิ้น&nbsp;600&nbsp;บาทต่อคน&nbsp;ตลอดระยะเวลาโครงการเป็นวงเงินรวม&nbsp;1,352&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือตามโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ&nbsp;เช่น&nbsp;ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต&nbsp;ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนทำให้ไม่สามารถใช้งานแอปพลิเคชัน&nbsp;“เป๋าตัง”&nbsp;ได้&nbsp;ผู้ที่อยูในภาวะพึ่งพิง&nbsp;(ผู้สูงอายุ&nbsp;ผู้พิการ&nbsp;ทุพพลภาพ&nbsp;ผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถเดินทางไปลงทะเบียนหรือเดินทางไปใช้จ่ายวงเงินที่ได้รับผ่านแอปพลิเคชัน&nbsp;“เป๋าตัง”&nbsp;ได้)&nbsp;ผู้ที่ลงทะเบียนด้วยตนเองไม่สำเร็จเนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลไม่ถูกต้อง&nbsp;เป็นต้น&nbsp;ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับสิทธิตามโครงการเราชนะกลุ่ม&nbsp;4&nbsp;จำนวนไม่เกิน&nbsp;2.25&nbsp;ล้านคน</p><p>3.&nbsp;โครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;4&nbsp;สนับสนุนวงเงินค่าอาหาร&nbsp;เครื่องดื่ม&nbsp;สินค้าทั่ว&nbsp;ไป&nbsp;และบริการนวดสปา&nbsp;ทำผม&nbsp;ทำเล็บ&nbsp;และบริการขนส่งสาธารณะ&nbsp;ยกเว้นสลากกินแบ่ง&nbsp;เครื่องดื่มแอลกอฮอล์&nbsp;ยาสูบ&nbsp;และสินค้าหรือบริการ&nbsp;ที่กระทรวงการคลังกำหนดจากภาครัฐ&nbsp;ในอัตราร้อยละ&nbsp;50&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ไม่เกิน&nbsp;150&nbsp;บาทต่อคนต่อวัน&nbsp;และไม่เกิน&nbsp;1,200&nbsp;บาทต่อคน&nbsp;ตลอดระยะเวลาโครงการ&nbsp;ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์–วันที่&nbsp;30&nbsp;เมษายน&nbsp;2565&nbsp;ให้กับประชาชนผู้ได้รับสิทธิที่เข้าร่วมโครงการจำนวนไม่เกิน&nbsp;29&nbsp;ล้านคน&nbsp;ซึ่งการร่วมจ่ายคนละครึ่งนี้จะเป็นการช่วยเติมกำลังซื้อให้แก่ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ</p><p><strong>ในส่วนของการลงทะเบียนและการใช้จ่ายโครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;4&nbsp;มีรายละเอียดและระยะเวลาดำเนินโครงการในเบื้องต้น&nbsp;ดังนี้</strong></p><p>3.1&nbsp;การลงทะเบียนและการใช้จ่าย</p><p>3.1.1&nbsp;ประชาชนผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;3&nbsp;(คนเดิม)&nbsp;จำนวน&nbsp;27.98&nbsp;ล้านคน&nbsp;จะต้องยืนยันสิทธิเพื่อเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;4&nbsp;ผ่านแอปพลิเคชัน&nbsp;“เป๋าตัง”&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;โดยจะต้องเริ่มใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;4&nbsp;ภายในวันที่&nbsp;28&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;22.59&nbsp;น.&nbsp;หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวจะถูกตัดสิทธิ&nbsp;โดยสิทธิที่เหลืออาจจะนำมาพิจารณาเปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้ง&nbsp;ซึ่งหากยังประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ&nbsp;จะต้องลงทะเบียนเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไปในข้อ&nbsp;3.1.2&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;หากยืนยันสิทธิและใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;4&nbsp;ครั้งแรกในระยะที่กำหนดสามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้ตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์ถึงวันที่&nbsp;30&nbsp;เมษายน&nbsp;2565</p><p>3.1.2&nbsp;สำหรับประชาชนทั่วไปที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;3&nbsp;สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่&nbsp;10&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;จนกว่าจะครบจำนวนประมาณ&nbsp;1&nbsp;ล้านสิทธิ&nbsp;โดยสามารถใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;4&nbsp;ตั้งแต่วัน&nbsp;ที่&nbsp;17&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;ถึงวันที่&nbsp;30&nbsp;เมษายน&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งช่องทางการลงทะเบียนแบ่งเป็น&nbsp;2กรณี&nbsp;ดังนี้</p><p>1)&nbsp;กรณีเป็นประชาชนที่เคยได้รับสิทธิมาตรการ/&nbsp;โครงการอื่นของรัฐที่มีการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน&nbsp;“เป๋าตัง”&nbsp;สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชัน&nbsp;“เป๋าตัง”&nbsp;หรือผ่านเว็บไซต์&nbsp;www.คนละครึ่ง.com</p><p>2)&nbsp;กรณีประชาชนที่ไม่มีแอปพลิเคชัน&nbsp;“เป๋าตัง”&nbsp;สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์&nbsp;www.คนละครึ่ง.com</p><p>3.2&nbsp;คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ&nbsp;ประชาชนที่มีสัญชาติไทย&nbsp;มีอายุ&nbsp;18&nbsp;ปี&nbsp;บริบูรณ์ขึ้นไป&nbsp;มีบัตรประจำตัวประชาชน&nbsp;ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามฐานข้อมูลกระทรวงการคลัง&nbsp;ณ&nbsp;วันที่&nbsp;25&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;หรือไม่เป็นผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ&nbsp;ระยะที่&nbsp;2&nbsp;ก่อนการใช้สิทธิครั้งแรกผู้ได้รับสิทธิตามโครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;4&nbsp;จะต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนที่สาขาหรือตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทยจำกัด&nbsp;(มหาชน)&nbsp;(ธนาคารกรุงไทยฯ)&nbsp;ยกเว้นผู้ที่เคยยืนยัน&nbsp;ตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนกับธนาคารกรุงไทยฯ&nbsp;หรือผู้ที่มีแอปพลิเคชัน&nbsp;“Krungthai&nbsp;NEXT”&nbsp;ซึ่งผ่านการยืนยันตัวตนกับธนาคารกรุงไทยฯ&nbsp;แล้ว</p><p>สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;4&nbsp;ได้ตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;เวลา&nbsp;06.00-22.00&nbsp;น.&nbsp;จนกว่ากระทรวงการคลังจะประกาศปิดรับสมัครผ่าน&nbsp;www.คนละครึ่ง.com&nbsp;โดยผู้ประกอบการที่เคยเข้าร่วมมาตรการ/&nbsp;โครงการอื่นของรัฐที่มีแอปพลิเคชัน&nbsp;“ถุงเงิน”&nbsp;แล้ว&nbsp;ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน&nbsp;“ถุงเงิน”&nbsp;ส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการ/&nbsp;โครงการอื่นสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์&nbsp;www.คนละครึ่ง.com&nbsp;หรือสาขาหรือจุดรับลงทะเบียนของธนาคารกรุงไทยฯ</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;</strong>การดำเนินการทั้ง&nbsp;3&nbsp;โครงการจะช่วยรักษากำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ&nbsp;จากการเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในปี&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;79,023&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ซึ่งจะช่วยให้&nbsp;GDP&nbsp;ทั้งปี&nbsp;2565&nbsp;เพิ่มขึ้นร้อยละ&nbsp;0.21&nbsp;ต่อปีจากกรณีฐาน&nbsp;อีกทั้งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน&nbsp;เพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยและผู้ผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน&nbsp;รวมทั้งรักษาระดับและทิศทางของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพื่อให้เป็นไปได้อย่างต่อเนื่องในช่วงสถานการณ์&nbsp;</p><p>COVID-19</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>25/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125102027043 ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ติดตามการจำหน่ายหมูพาณิชย์ พร้อมเตรียมเจรจาฟาร์มผู้ผลิตช่วยผู้บริโภค<p><strong>วันที่&nbsp;25&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่จังหวัดนครพนม&nbsp;</strong>นายชาธิป&nbsp;รุจนเสรี&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;พาณิชย์จังหวัดนครพนม&nbsp;ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดนครพนม&nbsp;ด่านกักกันสัตว์นครพนม&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม&nbsp;ลงพื้นที่เยี่ยมและติดตามการจำหน่ายหมูตามโครงการหมูพาณิชย์ที่ได้ร่วมกับพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่จัดบูธจำหน่ายตามจุดต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;พร้อมเช็คปริมาณความต้องการของประชาชนผู้บริโภคว่ามีความต้องการมากน้อยเพียงใด&nbsp;ควรจัดหาส่วนไหนเพิ่มเติม&nbsp;รวมถึงได้มีการลงพื้นที่ตลาดเทศบาลเมืองนครพนมเพื่อชวนพ่อค้าแม่ค้าในตลาดเข้าร่วมโครงการ&nbsp;เป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับประชาชนในพื้นที่มากยิ่งขึ้น&nbsp;</p><p><strong>นายชาธิป&nbsp;รุจนเสรี&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>ขณะนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า&nbsp;ทั่วประเทศหมูมีราคาที่สูงขึ้น&nbsp;ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ได้พยายามที่จะควบคุมราคาหมูให้อยู่ในราคากิโลกรัมละไม่เกิน&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จึงได้มีโครงการหมู่พาณิชย์มาดูแลในเรื่องนี้&nbsp;โดยในจังหวัดนครพนมมีจุดจำหน่าย&nbsp;7&nbsp;จุดด้วยกัน&nbsp;ประกอบไปด้วย&nbsp;ร้านแหลมทองโภคภัณฑ์ข้างธนาคารออมสินนครพนม&nbsp;อำเภอเมืองนครพนม&nbsp;ซึ่งจะจำหน่าย&nbsp;100&nbsp;กิโลกรัมต่อวัน&nbsp;จุดต่อมาคือร้านอาลีเนื้อหมูสด&nbsp;ตำบลหนองสังข์&nbsp;อำเภอนาแก&nbsp;จำหน่าย&nbsp;100&nbsp;กิโลกรัมต่อวัน&nbsp;ร้านตุ๊ดตู่หมูสด&nbsp;ตำบลพิมาน&nbsp;อำเภอนาแก&nbsp;จำหน่าย&nbsp;50&nbsp;กิโลกรัมต่อวัน&nbsp;ร้านกวินหมูสด&nbsp;ตำบลนาแก&nbsp;จำหน่าย&nbsp;100&nbsp;กิโลกรัมต่อวัน&nbsp;ร้านสกล&nbsp;ตำบลปลาปาก&nbsp;อำเภอปลาปาก&nbsp;จำหน่าย&nbsp;35&nbsp;กิโลกรัมต่อวัน&nbsp;ร้านครูลักษณ์หมูสด&nbsp;อำเภอบ้านแพง&nbsp;จำหน่าย&nbsp;50&nbsp;กิโลกรัมต่อวัน&nbsp;และจุดสุดท้ายร้านปังหอมหมูสด&nbsp;ตำบลนาทม&nbsp;อำเภอนาทม&nbsp;จำหน่าย&nbsp;20&nbsp;กิโลกรัมต่อวัน&nbsp;ซึ่งทุกจุดจะจำหน่ายให้ผู้บริโภคในราคา&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;และจากการลงพื้นที่ในวันนี้จุดจำหน่ายหมูพาณิชย์มีความคึกคักต่อเนื่องโดยประชาชนผู้บริโภคได้ทยอยกันมาซื้อเรื่อย&nbsp;ๆ&nbsp;และในส่วนของพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสดก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี&nbsp;มีการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด&nbsp;ไม่ขายหมูในราคาที่สูงจนเกินไป&nbsp;แต่อย่างไรก็ดีก็อยากให้ประชาชนผู้บริโภคมีช่องทางการเข้าถึงหมูราคาถูกที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม&nbsp;จึงได้มีการชักชวนพ่อค้าแม่ค้าในตลาดมาเข้าร่วมโครงการหมูพาณิชย์ด้วย&nbsp;เพราะนอกจากพ่อค้าแม่ค้าจะจำหน่ายหมูได้ง่ายและมากขึ้นแล้ว&nbsp;ยังจะได้รับค่าชดเชยส่วนต่างจากกระทรวงพาณิชย์ด้วย&nbsp;ซึ่งถือว่าทุกคนได้ประโยชน์ร่วมกัน&nbsp;ในส่วนของสินค้าประเภทอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;ก็ได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดนครพนมไปร่วมหารือกับฟาร์มผู้ผลิตในพื้นที่&nbsp;ว่ามีความเป็นไปได้ไหมที่จะช่วยลดราคากำไรลงอีกสักนิด&nbsp;เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าในราคาที่ถูกลง&nbsp;พ่อค้าแม่ค้าที่เป็นคนกลางสามารถอยู่ได้&nbsp;</p><p><br></p><p>ภาพ/ข่าว&nbsp;&nbsp;ส.ปชส.นครพนม</p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>25/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครพนมสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125104957057 จ.นราธิวาส แถลงข่าวจัดสร้างแพขนานยนต์ลำใหม่ งบประมาณกว่า 38 ล้านบาท เพื่อให้บริการแก่ประชาชนในการเดินทางระหว่างประเทศ ตลอดจนขนส่งสินค้า ผลผลิตทางการเกษตร เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจและยกระดับการค้าชายแดน<p><strong>วันนี้&nbsp;(25&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายกูเซ็ง&nbsp;&nbsp;ยาวอหะซัน&nbsp;</strong>นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส&nbsp;(อบจ.นราธิวาส)&nbsp;พร้อมด้วยนายอรรณพ&nbsp;&nbsp;คณานุรักษ์&nbsp;ท้องถิ่นจังหวัดนราธิวาส&nbsp;นายสังคม&nbsp;เกิดก่อ&nbsp;นายอำเภอตากใบ&nbsp;และนางสาวรัตปภา&nbsp;ภูวนาถภัทรสิน&nbsp;กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม&nbsp;บริษัท&nbsp;มิทส์ดิสิชั่น&nbsp;จำกัด&nbsp;ร่วมแถลงข่าวและลงนามสัญญาโครงการจัดสร้างแพขนานยนต์&nbsp;ด่านตากใบ&nbsp;ระหว่าง&nbsp;อบจ.นราธิวาส&nbsp;และบริษัท&nbsp;มิทส์ดิสิชั่น&nbsp;จำกัด&nbsp;ที่บริเวณโถงชั้นล่าง&nbsp;อบจ.&nbsp;นราธิวาส&nbsp;เพื่อให้บริการแก่ประชาชนในการเดินทางระหว่างประเทศ&nbsp;ขนส่งสินค้าและผลผลิตทางการเกษตรข้ามฟากไทย-มาเลเซียบริเวณด่านชายแดนตากใบ&nbsp;ตำบลเจ๊ะเห&nbsp;อำเภอตากใบ&nbsp;จังหวัดนราธิวาส&nbsp;และด่านเป็งกาลันกูโบร์&nbsp;รัฐกลันตัน&nbsp;ประเทศมาเลเซีย&nbsp;เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจังหวัดนราธิวาส&nbsp;</p><p><strong>นายกูเซ็ง&nbsp;&nbsp;ยาวอหะซัน&nbsp;นายก&nbsp;อบจ.นราธิวาส&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>ทาง&nbsp;อบจ.&nbsp;นราธิวาส&nbsp;ได้อนุมัติใช้จ่ายเงินสะสมประจำปีงบประมาณ&nbsp;2564&nbsp;จำนวน&nbsp;38,569,000&nbsp;บาท&nbsp;ในการจัดสร้างแพขนานยนต์ลำใหม่เพื่อทดแทนแพขนานยนต์ลำเดิมที่เปิดใช้บริการมาตั้งแต่ปี&nbsp;2544&nbsp;แพขนานยนต์ลำใหม่ที่จะจัดสร้างมีขนาดกว้าง&nbsp;9&nbsp;เมตร&nbsp;ยาว&nbsp;21&nbsp;เมตร&nbsp;ลึก&nbsp;1.55&nbsp;เมตร&nbsp;สามารถบรรจุผู้โดยสารได้&nbsp;30&nbsp;คน&nbsp;บรรทุกยานพาหนะ&nbsp;รถยนต์&nbsp;ขนาด&nbsp;2,500&nbsp;กิโลกรัมต่อคัน&nbsp;ได้&nbsp;9&nbsp;คัน&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้การดำเนินโครงการฯ&nbsp;</strong>เพื่อหวังขยายมูลค่าการค้าชายแดนให้มีการเติบโต&nbsp;อีกทั้งเพื่อให้การสัญจรของประชาชนไปมาหาสู่ระหว่างไทย-มาเลเซีย&nbsp;ใช้แพขนานยนต์ลำใหม่ที่มีมตรฐานและมีความปลอดภัย&nbsp;คาดว่าจะจัดสร้างแล้วเสร็จในช่วงเดือนมกราคม&nbsp;ปี&nbsp;2566</p><p><strong>ด้านนายอรรณพ&nbsp;&nbsp;คณานุรักษ์&nbsp;ท้องถิ่นจังหวัดนราธิวาส&nbsp;&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;จังหวัดนราธิวาสมียุทธศาสตร์การพัฒนาที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการค้า&nbsp;การลงทุน&nbsp;พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ&nbsp;และเมืองการค้าชายแดนทั้ง&nbsp;3&nbsp;ด่าน&nbsp;&nbsp;ได้แก่&nbsp;ด่านชายแดนสุไหงโก-ลก&nbsp;บูเก๊ะตา&nbsp;ตากใบ&nbsp;ซึ่งการจัดสร้างแพขนานยนต์ลำใหม่สิดรับนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์&nbsp;เป็นการขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม&nbsp;อันจะเกิดประโยชน์กับประชาชน&nbsp;เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ&nbsp;ตลอดจนเพื่อยกระดับการค้าชายแดนและความร่วมมือในมิติต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ให้ดีขึ้นอีกด้วย&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>25/1/2022ภาคใต้นราธิวาสสวท.นราธิวาสhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125172828352 งานตรุษไทสกล เบิ๊ดฮั่นล่ะ 1-3 กุมภาพันธ์ 2565 เข้มคัดกรอง ฉีดวัคซีน ตรวจ ATK ก่อนเข้างาน<p><strong>จังหวัดสกลนคร&nbsp;</strong>เตรียมจัดงานสานสัมพันธ์ศิลปวัฒนธรรมละประเพณีไทย&nbsp;จีน&nbsp;เวียดนาม&nbsp;(ตรุษไทสกล)&nbsp;จังหวัดสกลนคร&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;ภายใต้ชื่องาน&nbsp;ตรุษไทสกล&nbsp;เบิ๊ดฮั่นล่ะ&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;1-3&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;สานสัมพันธ์ขนบธรรมเนียมประเพณี&nbsp;ศิลปวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชนชาติไทย&nbsp;จีน&nbsp;เวียดนาม&nbsp;ภายใต้มาตรการเข้มผู้ร่วมงานต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อย&nbsp;2&nbsp;เข็ม&nbsp;ตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ผู้ประกอบการ</p><p><strong>ที่ลานคนเมือง&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดสกลนคร&nbsp;</strong>นางจุรีรัตน์&nbsp;เทพอาสน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร&nbsp;เป็นประธานในการแถลงข่าว&nbsp;การจัดงานสานสัมพันธ์ศิลปวัฒนธรรมละประเพณีไทย&nbsp;จีน&nbsp;เวียดนาม&nbsp;(ตรุษไทสกล)&nbsp;จังหวัดสกลนคร&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;1-3&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ภายใต้ชื่องาน&nbsp;ตรุษไทสกล&nbsp;เบิ๊ดฮั่นล่ะ&nbsp;ซึ่งหมายถึง&nbsp;การรวมเชื้อชาติต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ในจังหวัดสกลนคร&nbsp;ที่ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติใด&nbsp;ทั้งหมดก็คือชาวสกลนคร&nbsp;โดยมี&nbsp;นายกเทศมนตรีนครสกลนคร&nbsp;ผู้แทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสกลนคร&nbsp;ผู้แทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร&nbsp;ผู้อำนวยการ&nbsp;ททท.&nbsp;สำนักงานนครพนม&nbsp;ผู้แทนหอการค้าจังหวัดสกลนคร&nbsp;นายกสมาคมชาวไทยเชื้อสายเวียดนามจังหวัดสกลนคร&nbsp;ผู้แทนมูลนิธิเมตตาธรรม&nbsp;และประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดสกลนคร&nbsp;ร่วมแถลงข่าว&nbsp;มี&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;สื่อมวลชน&nbsp;และชาวจังหวัดสกลนคร&nbsp;ร่วมงาน&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;เพื่อเตรียมความพร้อมการจัดงาน&nbsp;ภายใต้มาตรป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19&nbsp;โดยผู้ร่วมงานต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกคน&nbsp;ผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้า&nbsp;อาหาร&nbsp;ต้องผ่านการตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ผู้ร่วมงานแสดงผลการฉีดวัคซีน&nbsp;อย่างน้อย&nbsp;2&nbsp;เข็ม</p><p><strong>งาน&nbsp;ตรุษไทสกล&nbsp;เบิ๊ดฮั่นล่ะ</strong>&nbsp;จัดขึ้นเพื่อเป็นการสานสัมพันธ์ด้านขนบธรรมเนียมประเพณี&nbsp;ศิลปวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชนชาติไทย&nbsp;จีน&nbsp;เวียดนาม&nbsp;อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเผยแพร่วัฒนธรรมในแต่ละเชื้อชาติ&nbsp;ทั้ง&nbsp;8&nbsp;ชนเผ่า&nbsp;ได้แก่&nbsp;ภูไท&nbsp;ไทญ้อ&nbsp;ไทกะเลิง&nbsp;ไทโส้&nbsp;ไทโย้ย&nbsp;ไทลาว&nbsp;ไทบรู&nbsp;โส้ทะวึง&nbsp;และ&nbsp;2&nbsp;เชื้อชาติ&nbsp;คือ&nbsp;จีน&nbsp;และเวียดนาม&nbsp;กิจกรรมวันแรกช่วงเช้า&nbsp;จะมีการทำบุญตักบาตรบริเวณลานคนเมือง&nbsp;ในพิธีเปิดจะมีการแสดงสิงโต&nbsp;มังกรทอง&nbsp;ตลอดการจัดงานจะมีการแสดงศิลปวัฒนธรรม&nbsp;3&nbsp;เชื้อชาติ&nbsp;การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน&nbsp;ถนนอาหารวัฒนธรรมสานสัมพันธ์&nbsp;ไทย&nbsp;จีน&nbsp;เวียดนาม&nbsp;และพิเศษปีนี้&nbsp;ททท.สำนักงานนครพนม&nbsp;ได้นำ&nbsp;“โคมคราม”&nbsp;ที่แสดงอัตลักษณ์ของไทสกล&nbsp;มาจัดแสดง&nbsp;พร้อมนำ&nbsp;“โคมครามจิ๋ว”&nbsp;มอบเป็นที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในโรงแรมภายใต้มาตรฐาน&nbsp;SHA&nbsp;ในจังหวัดสกลนคร&nbsp;ด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>25/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสกลนครสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสกลนครhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125111540075 จังหวัดตรัง ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดตรัง<p><strong>วันนี้&nbsp;(25&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;</strong>นายขจรศักดิ์&nbsp;เจริญโสภา&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง&nbsp;เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดตรัง&nbsp;(กรอ.จังหวัดตรัง)&nbsp;ครั้งที่&nbsp;4/2565&nbsp;ณ&nbsp;ห้องพระยารัษฎา&nbsp;ชั้น&nbsp;5&nbsp;ศาลากลางจังหวัดตรัง</p><p><strong>ตามที่กระทรวงมหาดไทย</strong>ให้จังหวัดนำผลการพิจารณาข้อเสนอขอรับการสนับสนุนเพื่อฟื้นฟูผู้ประกอบการเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;ของธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลัง&nbsp;ตามมติที่ประชุม&nbsp;กรอ.กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง&nbsp;2&nbsp;กรอ.&nbsp;กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล&nbsp;และ&nbsp;กรอ.กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน&nbsp;1&nbsp;ให้คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัด&nbsp;(กรอ.จังหวัดตรัง)&nbsp;ทราบเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;ประเด็น&nbsp;ได้แก่&nbsp;1)การปรับหลักเกณฑ์การกู้เงินจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจ&nbsp;(Specialized&nbsp;Financial&nbsp;Institutions:SFLs)&nbsp;ให้เอื้อต่อผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม&nbsp;(ผู้ประกอบการ&nbsp;SMEs)&nbsp;ให้มากกว่าเดิม&nbsp;2)การพิจารณาให้เงินทุนดอกเบี้ยต่ำสำหรับผู้ประกอบธุรกิจเพื่อฟื้นฟูเยียวยากิจการ&nbsp;และ&nbsp;3)มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(COVID-19)&nbsp;โดยความร่วมมือของธนาคารแห่งประเทศไทย&nbsp;(ธปท.)&nbsp;และกระทรวงการคลังได้ออกมาตรการเพื่อให้สถาบันการเงิน&nbsp;(สง.)&nbsp;ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งการส่งเสริมสภาพคล่องเพิ่มเติมและการผ่อนปรนเกณฑ์การกำกับดูแลสถาบันการเงินเพื่อให้เร่งช่วยเหลือลูกหนี้&nbsp;และผู้ประกอบการผู้ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(COVID-19)&nbsp;โดยมีมาตรการเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการสินเชื่อ&nbsp;(soft&nbsp;loan)&nbsp;และสินเชื่อฟื้นฟูซึ่งมุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ&nbsp;SMEs&nbsp;เช่น&nbsp;1)ขยายวงเงินสินเชื่อการเพิ่มอัตราการค้ำประกันสินเชื่อของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม&nbsp;(บสย.)&nbsp;ให้กับกลุ่ม&nbsp;SMEs&nbsp;2)&nbsp;การชะลอการชำระหนี้สำหรับลูกหนี้&nbsp;SMEs&nbsp;3)&nbsp;การจัดทำโครงการให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ผู้ประกอบการภายใต้&nbsp;พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;พ.ศ.2564&nbsp;เป็นต้น</p><p><strong>&nbsp;โดยการประชุมในวันนี้&nbsp;</strong>ที่ประชุมเสนอขอให้ขุดลอกร่องน้ำกันตัง&nbsp;ฝั่งกันตังใต้&nbsp;เพื่อพิจารณา&nbsp;ซึ่งจากเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นหลายครั้งในจังหวัดตรัง&nbsp;กรมชลประทานจึงมีแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าวโดยจัดทำโครงการระบบระบายแม่น้ำตรัง&nbsp;และโครงการประตูระบายแม่น้ำตรัง&nbsp;มีงานปรับปรุงช่องลัดแม่น้ำตรัง&nbsp;เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของแม่น้ำตรังให้ไหลสู่ทะเลได้อย่างรวดเร็ว&nbsp;จากโครงการดังกล่าว&nbsp;ทำให้น้ำถูกผลักดันให้ไหลไปยังพื้นที่รองรับสุดท้ายคือ&nbsp;อำเภอกันตัง&nbsp;ก่อนที่จะไหลลงสู่ทะเล&nbsp;ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนรวมถึงพื้นที่ทางการเกษตรในอำเภอกันตัง&nbsp;สร้างความเสียหายและทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน&nbsp;เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างรวดเร็ว&nbsp;ไม่ท่วมขังอยู่ในพื้นที่อำเภอกันตัง&nbsp;จึงขอเสนอให้กรมเจ้าท่าได้สำรวจระดับของน้ำ&nbsp;และขุดลอกร่องน้ำกันตัง&nbsp;ฝั่งกันตังใต้&nbsp;เนื่องจากปัจจุบันร่องน้ำดังกล่าวมีความตื้นเขินจากตะกอนทรายที่พัดมาทับถมกันเป็นเวลานาน&nbsp;ทำให้การระบายน้ำเป็นไปได้ช้า&nbsp;หากมีการขุดลอกจะทำให้การระบายน้ำรวดเร็วยิ่งขึ้น&nbsp;เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนชาวกันตังซึ่งเป็นพื้นที่ปลายน้ำด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>25/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125110049062 ASEAN Access MATCH เพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการขยายธุรกิจ SMEs ผ่านช่องทางออนไลน์<p><strong>นายวีระพงศ์&nbsp;มาลัย</strong>&nbsp;สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม&nbsp;(สสว.)&nbsp;เปิดเผยภายหลังพิธีเปิดตัวฟีเจอร์&nbsp;ASEAN&nbsp;Access&nbsp;MATCH&nbsp;ร่วมกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศเยอรมัน&nbsp;(GIZ)&nbsp;ว่า&nbsp;สสว.&nbsp;เปิดตัวเว็บไซต์&nbsp;<a&nbsp;href="http://www.aseanaccess.com/"&nbsp;rel="noopener&nbsp;noreferrer"&nbsp;target="_blank"&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(17,&nbsp;85,&nbsp;204);">www.aseanaccess.com</a>&nbsp;ศูนย์รวมข้อมูลและรายละเอียดของผู้ให้บริการผู้ประกอบการ&nbsp;SME&nbsp;ในอาเซียนไปเมื่อช่วงกลางปี&nbsp;2564&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;ภายใต้สโลแกน&nbsp;&nbsp;"Your&nbsp;Business&nbsp;Information&nbsp;Gateway&nbsp;to&nbsp;ASEAN&nbsp;and&nbsp;Beyond"&nbsp;ช่วยเชื่อมโยงการทำการค้าทั้งในอาเซียนและทั่วโลก&nbsp;ซึ่งปัจจุบันมีผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซค์กว่า&nbsp;22,000&nbsp;ราย&nbsp;และมีผู้ลงทะเบียนเข้าใช้งานกว่า&nbsp;900&nbsp;ราย&nbsp;</p><p><strong>สำหรับแพลตฟอร์ม&nbsp;ASEAN&nbsp;Access&nbsp;MATCH</strong>&nbsp;หรือชื่อย่อ&nbsp;MATCH&nbsp;ถือเป็นฟีเจอร์ที่สามารถเพิ่มอัตราการจ้างงานเพิ่มโอกาสในการแข่งขันของอาเซียนในตลาดโลก&nbsp;ลดอุปสรรคทางด้านการค้าการตลาดไปยังต่างประเทศ&nbsp;ช่วยเหลือเอสเอ็มอีไทยขยายธุรกิจ&nbsp;&nbsp;อาทิ&nbsp;การจัดประชุมในรูปแบบออนไลน์เสมือนจริง&nbsp;หรือจัดสัมมนาออนไลน์&nbsp;ยกระดับการทำธุรกิจให้เติบโต&nbsp;และขยาย&nbsp;SMEs&nbsp;ของอาเซียนให้ดีขึ้นต่อไปในอนาคตทั่วโลก</p><p><br></p><p><br></p>25/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125113640084 กรมพัฒนาธุรกิจการค้าร่วมมือกับอเมซอน ชี้ช่องทางนักขายมือใหม่ ช่วยให้ธุรกิจออนไลน์รู้จักตลาดต่างประเทศก่อนบุกตลาดโลก<p><strong>นายทศพล&nbsp;ทังสุบุตร&nbsp;อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;กรมฯ&nbsp;ได้ร่วมกับ&nbsp;บริษัท&nbsp;อเมซอน&nbsp;โกลบอล&nbsp;เซลลิ่งจำกัด&nbsp;จัดสัมมนา&nbsp;Amazon&nbsp;Global&nbsp;Selling&nbsp;Thailand&nbsp;Conference&nbsp;2022&nbsp;</strong>ส่งเสริมผู้ประกอบการไทย&nbsp;สามารถเข้าถึงตลาดในระดับสากลบนแพลตฟอร์มออนไลน์เต็มรูปแบบ&nbsp;ตามแนวคิด&nbsp;“Go&nbsp;Global,&nbsp;Sell&nbsp;on&nbsp;Amazon”&nbsp;โดยผู้เข้าร่วมสัมมนากว่า&nbsp;5,000&nbsp;คน&nbsp;นอกจากนี้ภายในงานยังมี&nbsp;ผู้ค้าออนไลน์&nbsp;ธุรกิจ&nbsp;SMEs&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบัญชีผู้ขาย&nbsp;ลิสต์รายการสินค้า&nbsp;โฆษณาหาลูกค้า&nbsp;ไปจนถึงการขอความช่วยเหลือจาก&nbsp;Amazon&nbsp;Seller&nbsp;Central&nbsp;พร้อมรับฟังคำแนะนำและประสบการณ์ตรงจากผู้ค้าตัวจริงที่ประสบความสำเร็จ&nbsp;รวมทั้งพาร์ทเนอร์&nbsp;และผู้ให้บริการด้านต่างๆ&nbsp;ที่มาแบ่งปันเทคนิค&nbsp;และเครื่องมือต่างๆ&nbsp;ในการดำเนินธุรกิจการค้าออนไลน์ระหว่างประเทศให้ประสบความสำเร็จ</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;สำหรับผู้ประกอบการ&nbsp;e-Commerce&nbsp;หรือผู้ประกอบการทั่วไปที่สนใจจะขยายตลาดผ่านช่องทางออนไลน์</strong>&nbsp;ขอรับคำปรึกษาได้ที่&nbsp;กองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์&nbsp;กรมพัฒนาธุรกิจการค้า&nbsp;กระทรวงพาณิชย์โทร&nbsp;0&nbsp;2547&nbsp;5960&nbsp;หรือ&nbsp;สายด่วน&nbsp;1570</p>25/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125114153088 จ.แม่ฮ่องสอน รับรองผลคุณภาพสินค้า ผู้ยื่นขออนุญาตถั่วลายเสือ 88 ราย และกระเทียมแม่ฮ่องสอน 144 ราย ในขณะที่บุกแม่ฮ่องสอนเตรียมขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์<p><strong>วันที่&nbsp;24&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</strong>นายเชษฐา&nbsp;โมสิกรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการกำกับดูแลและอนุญาตการใช้สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ถั่วลายเสือแม่ฮ่องสอนและกระเทียมแม่ฮ่องสอน&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1/2565&nbsp;พาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมขุนลุมประพาส&nbsp;ชั้น&nbsp;4&nbsp;ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน</p><p><strong>โดยที่ประชุมมีมติพิจารณาและรับรองผลการตรวจสอบคุณภาพสินค้า</strong>&nbsp;และผลประเมินเกษตรกร&nbsp;ตรวจกระบวนการการผลิต&nbsp;ควบคุมคุณภาพสินค้าและแหล่งที่มา&nbsp;ผู้สมัครขอใช้ตราสัญลักษณ์&nbsp;สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์&nbsp;GI&nbsp;ตามข้อกำหนดของกรมทรัพย์สินทางปัญญา&nbsp;"&nbsp;ถั่วลายเสือแม่ฮ่องสอน"&nbsp;จำนวน&nbsp;88&nbsp;ราย&nbsp;"กระเทียมแม่ฮ่องสอน"&nbsp;144&nbsp;ราย&nbsp;ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบและประเมิน&nbsp;โดยจากนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;จะดำเนินการเตรียมยื่นขอใช้ตราสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์&nbsp;ต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา&nbsp;ผ่านสำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอนต่อไป</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม</strong>&nbsp;ที่ผ่านมาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ได้ดำเนินการยื่นจดทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์&nbsp;โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้รับขึ้นทะเบียนแล้ว&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;ชนิด&nbsp;คือ&nbsp;ถั่วลายเสือแม่ฮ่องสอน&nbsp;มีผลตั้งแต่วันที่&nbsp;9&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2562&nbsp;และกระเทียมแม่ฮ่องสอน&nbsp;มีผลตั้งแต่วันที่&nbsp;22&nbsp;พฤษภาคม&nbsp;2563&nbsp;สำหรับบุกแม่ฮ่องสอนอยู่ในระหว่างการยื่นแก้ไขข้อมูล&nbsp;และส่งเอกสารประกอบเพิ่มเติมตามข้อแนะนำของกรมทรัพย์สินทางปัญญา</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>25/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125115100094 สำนักงานอุตสาหกรรมแพร่ แจ้งสินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ เปิดรับคำขอสินเชื่อถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2565<p><strong>สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่&nbsp;</strong>รับแจ้งจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดแพร่ว่า&nbsp;ทางสำนักงานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ&nbsp;ได้รับจัดสรรงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.2560&nbsp;ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้ความช่วยเหลือเงินทุนและเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพในการต่อยอดธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน&nbsp;จึงได้กำหนดเปิดรับคำขอโครงการสินเชื่อ&nbsp;เพื่อเพิ่มศักยภาพ&nbsp;SME&nbsp;วัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุง&nbsp;ลงทุน&nbsp;หมุนเวียน&nbsp;เสริมสภาพคล่องกิจการ&nbsp;ฟื้นฟูกิจการในปัจจุบัน&nbsp;เริ่มต้นกิจการใหม่&nbsp;ให้กู้วงเงินสูงสุดไม่เกิน&nbsp;15&nbsp;ล้านบาท&nbsp;อัตราดอกเบี้ยร้อยละ&nbsp;2&nbsp;ต่อปี&nbsp;ผ่อนชำระคืนภายใน&nbsp;10&nbsp;ปี&nbsp;และโครงการสินเชื่อ&nbsp;สร้างโอกาสเสริมสภาพคล่อง&nbsp;SME&nbsp;วัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุง&nbsp;เสริมสภาพคล่องกิจการ&nbsp;หรือสำรองเป็นคำใช้จ่ายในการดำเนินกิจการ&nbsp;ให้กู้วงเงินสูงสุดไม่เกิน&nbsp;2&nbsp;ล้านบาท&nbsp;อัตราดอกเบี้ยร้อยละ&nbsp;2&nbsp;ต่อปี&nbsp;ผ่อนชำระนภายใน&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;โดยกำหนดเปิดรับคำขอสินเชื่อกองทุนฯ&nbsp;ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;พฤษภาคม&nbsp;2565&nbsp;เว้นแต่วงเงินสินเชื่อจะหมดก่อนจึงประชาสัมพันธ์มาให้ทราบโดยทั่วกัน</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>25/1/2022ภาคเหนือแพร่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125115434098 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี จัดกิจกรรม “พาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน เชื่อมโยงการค้า พัฒนาเศรษฐกิจ จังหวัดกาญจนบุรี” เพื่อช่วยเหลือประชาชนในการบรรเทาภาระค่าครองชีพ<p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;จัดกิจกรรม&nbsp;"พาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;</strong>เชื่อมโยงการค้า&nbsp;พัฒนาเศรษฐกิจ&nbsp;จังหวัดกาญจนบุรี"&nbsp;ที่&nbsp;บริเวณหน้าอาคารสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;25-26&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;โดย&nbsp;นายรณภพ&nbsp;เวียงสิมมา&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;เป็นประธาน&nbsp;ในการเปิดงาน&nbsp;และได้รับเกียรติจาก&nbsp;นายฉัตรพันธ์&nbsp;เดชกิจสุนทร&nbsp;ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;(นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์)&nbsp;พร้อมทั้ง&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;ผู้บริหารสถานประกอบการ&nbsp;เข้าร่วม&nbsp;</p><p><strong>นายฉัตรพันธ์&nbsp;เดชกิจสุนทร&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ตระหนักถึงความเดือดร้อน&nbsp;ของประชาชนจากสินค้าที่มีความจำเป็นมีราคาแพง&nbsp;จึงได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ&nbsp;ได้จัดกิจกรรม&nbsp;"พาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระผู้บริโภคให้มีโอกาสเข้าถึง&nbsp;ราคาสินค้าที่มีความยุติธรรมมากขึ้น&nbsp;อีกทั้งเป็นช่วยเหลือประชาชนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;และผู้ประกอบการ&nbsp;ควบคู่กันไป&nbsp;ซึ่งขณะนี้ทางรัฐบาล&nbsp;โดยกระทรวงพาณิชย์&nbsp;กระทรวงมหาดไทย&nbsp;พร้อมด้วยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร&nbsp;ได้ทำการตรวจสต๊อกหมูและไก่&nbsp;ทุกจังหวัดเพื่อไม่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบหรือกักตุนสินค้า&nbsp;จากข้อมูลที่ได้รับรายงานในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;ได้มีการดำเนินการออกตรวจ&nbsp;โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีและพาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;ที่ผ่านมายังไม่พบผู้กระทำความผิดในลักษณะของการกักตุนสินค้า&nbsp;</p><p><br></p><p>ณัฏฐภัส&nbsp;เหลืองพฤกษชาติ&nbsp;/&nbsp;สวท.กาญจนบุรี</p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>25/1/2022ภาคตะวันตกกาญจนบุรีสวท.กาญจนบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125114451089 พัทยาพร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจ<p><strong>เมืองพัทยาพร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว&nbsp;ตามสถานการณ์โควิด-19&nbsp;</strong></p><p><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นายสนธยา&nbsp;คุณปลื้ม&nbsp;เปิดเผยหลังรัฐบาลและ&nbsp;ศบค.&nbsp;ได้มีการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ&nbsp;ในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว</strong>&nbsp;เพื่อให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว&nbsp;ว่า&nbsp;ขณะนี้เมืองพัทยาได้มีการจัดตั้งงบประมาณในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวไว้แล้ว&nbsp;ทั้งการจัดกิจกรรมเทศกาลตรุษจีน&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;ไว้ก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19&nbsp;สายพันธุ์โอมิครอน&nbsp;แต่พอเกิดการแพร่ระบาดสายพันธุ์ดังกล่าว&nbsp;จึงได้มีการปรับรูปแบบการจัดเทศกาลตรุษจีนในปีนี้จากการที่จะมีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง&nbsp;มีคอนเสิร์ตและการแสดงต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ในการเฉลิมฉลองและส่งเสริมการท่องเที่ยว&nbsp;มาเป็นเพียงการจัดตามพิธีกรรมตามขนมธรรมเนียมประเพณีของคนจีน&nbsp;และจะมีการจัดเซ่นไหว้&nbsp;พร้อมประดับเมืองให้เข้ากับบรรยากาศของเทศกาลตรุษจีนเท่านั้น&nbsp;ด้วยยังอยู่ในช่วงการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ส่วนในกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;อย่างเช่น&nbsp;เทศกาลดนตรีเมืองพัทยา&nbsp;</strong>หรือ&nbsp;Pattaya&nbsp;Music&nbsp;Festival&nbsp;ในช่วงเดือนมีนาคม&nbsp;เทศกาลสงกรานต์และวันไหล&nbsp;ยังคงเดินหน้าจัดงานตามปกติ&nbsp;เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองพัทยาและพื้นที่ใกล้เคียง&nbsp;ซึ่งในแต่ละเทศกาลนั้น&nbsp;ๆ&nbsp;จะมีการจัดหรือไม่รูปแบบจะเป็นอย่างไร&nbsp;จะต้องมาพิจารณาและประเมินการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19&nbsp;ในช่วงเวลาที่ใกล้จะถึงการจัดเทศกาลนนั้น&nbsp;ๆ&nbsp;อีกครั้ง&nbsp;ทั้งนี้การจัดตั้งงบประมาณไว้เป็นการเตรียมการเอาไว้ก่อนเหมือนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมา&nbsp;โดยการจัดกิจกรรมเหล่านี้จะทำให้ภาพรวมด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของเมืองพัทยากลับมาคึกคักและมีสีสันอีกครั้ง&nbsp;หากสถานการณ์โควิด-19&nbsp;มีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อไป</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">ปริญญา&nbsp;&nbsp;ข่าว/ภาพ</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>25/1/2022ภาคตะวันออกชลบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125115443099 จ.นครพนม ตรวจสอบการครอบครองสุกรชำแหละผ่าซีก เนื้อสุกรชำแหละแยกชิ้นส่วน พร้อมติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค<p><strong>จังหวัดนครพนม&nbsp;นำโดยนายชาญชัย&nbsp;คงทัน</strong>&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม&nbsp;พาณิชย์จังหวัดนครพนม&nbsp;ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดนครพนม&nbsp;ด่านกักกันสัตว์นครพนม&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจเข้มการครอบครองสุกรชำแหละผ่าซีก&nbsp;เนื้อสุกรชำแหละแยกชิ้นส่วน&nbsp;และติดตามสถานการณ์ด้านราคาจำหน่ายสินค้าอุปโภค&nbsp;บริโภค&nbsp;ณ&nbsp;ห้างสรรพสินค้า&nbsp;3&nbsp;แห่ง&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;โลตัส&nbsp;แมคโคร&nbsp;บิ๊กซี&nbsp;จากการตรวจสอบปรากฏว่า&nbsp;ส่วนของห้องเย็นไม่พบการกักตุนสินค้าและสินค้ามีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ได้กำชับให้ปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการ</strong>กลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;เรื่องการแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกรอย่างเคร่งครัด&nbsp;การจำหน่ายปลีกพบว่า&nbsp;ราคายังทรงตัวจากสัปดาห์ที่ผ่านมา&nbsp;โดย&nbsp;หมูเนื้อแกง&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;185&nbsp;บาท&nbsp;น่องไก่ติดสะโพก&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;65&nbsp;บาท&nbsp;น่องไก่&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;65-67&nbsp;บาท&nbsp;สะโพกไก่&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;68&nbsp;บาท&nbsp;ผู้ประกอบการได้ปิดป้ายแสดงราคไว้อย่างถูกต้อง&nbsp;ชัดเจน</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>25/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครพนมสวท.นครพนมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125123346131 จังหวัดลพบุรี ตรวจสอบสต๊อกเนื้อสุกร ป้องกันการกักตุนสินค้า และตรวจสอบราคาสินค้าอุปโภค บริโภค<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>หน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดลพบุรี</strong>&nbsp;เร่งแก้ไขปัญหาและกำกับดูแลสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาที่เป็นธรรม&nbsp;ป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าในช่วงนี้&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>โดย&nbsp;นายนิวัฒน์&nbsp;รุ่งสาคร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี</strong>&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมปล่อยแถวตามโครงการตรวจตราตามมาตรการป้องกันการกักตุนและควบคุมราคาสินค้าและบริการ&nbsp;จังหวัดลพบุรีและลงพื้นที่&nbsp;ตรวจสอบราคาสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;เช่น&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ที่ห้างแมคโคร&nbsp;สาขาลพบุรี&nbsp;และตรวจเยี่ยมโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;และได้เข้าตรวจสอบการครอบครองสุกรชำแหละให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ฉบับที่&nbsp;2&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;เรื่อง&nbsp;การแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกรที่บริษัท&nbsp;ชลสิทธิ์โฟรเซ่นฟู้ดส์&nbsp;จำกัดโดยกำชับให้ผู้ประกอบการได้ปฏิบัติ&nbsp;ตามกฎหมาย&nbsp;อย่างเคร่งครัด</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ล่าสุด&nbsp;พล.ต.ท.จิรพัฒน์&nbsp;ภูมิจิตร&nbsp;ผู้บัญชาการตำรวจภธรภาค&nbsp;1&nbsp;</strong>เดินทางมาที่จังหวัดลพบุรี&nbsp;ร่วมบูรณาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ตรวจสอบสต๊อกเนื้อสุกร&nbsp;ที่บริษัทเบทาโกรเกษตรอุตสาหกรรม&nbsp;จำกัด&nbsp;ต.ช่องสาลิกาอ.พัฒนานิคม&nbsp;จ.ลพบุรี&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุนเนื้อสุกรแช่แข็งไว้เก็งกำไร&nbsp;รวมทั้งเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร&nbsp;ผลจากการตรวจสอบพบว่ามีเอกสารถูกต้องและปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการทุกประการ&nbsp;รวมทั้งมีการป้องกันโรคระบาดในสุกรอย่างเข้มงวด</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>หากตรวจพบการกักตุนสินค้าและฉวยโอกาสขึ้นราคาจะดำเนินการกับผู้กระทำผิดอย่างเฉียบขาด&nbsp;</strong>โดยขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการจำหน่ายในราคาที่เป็นธรรม&nbsp;ไม่ฉวยโอกาสกักตุนเพื่อหวังผลทางด้านการตลาดหรือราคา&nbsp;ที่สูงกว่าราคาควบคุม&nbsp;และหากประชาชนพบการกระทำผิดแจ้งได้ทางสายด่วน&nbsp;1569&nbsp;ได้ทันที</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>25/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลลพบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125122125127 กระทรวงการคลังขยายระยะเวลานำส่งเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่งวดเดือน มกราคม - มิถุนายน 2565 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของลูกจ้างและนายจ้างจากสถานการณ์โควิด-19<p><strong>นายพรชัย&nbsp;ฐีระเวช&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง&nbsp;ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;กระทรวงการคลังได้มีมาตรการขยายระยะเวลาการช่วยเหลือนายจ้างและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์&nbsp;COVID-19&nbsp;จากเดิมที่ผ่อนผันให้จนถึงงวดนำส่งเงินของเดือนธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;ให้สามารถหยุดหรือเลื่อนการนำส่งเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ&nbsp;เป็นการชั่วคราว&nbsp;ตั้งแต่งวดนำส่งเงินของเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;จนถึงงวดนำส่งเงินของเดือนมิถุนายน&nbsp;2565&nbsp;โดยนับอายุการเป็นสมาชิกกองทุนฯ&nbsp;ต่อเนื่อง&nbsp;และคงสมาชิกภาพไว้&nbsp;ภายใต้หลักการและแนวปฏิบัติเดิม&nbsp;เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของลูกจ้างและนายจ้างที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์&nbsp;COVID-19&nbsp;ในปัจจุบัน&nbsp;โดยมุ่งหวังให้ลูกจ้างที่เป็นแรงงานในระบบยังคงสถานะการเป็นสมาชิกกองทุนฯ&nbsp;และสามารถออมผ่านกองทุนฯ&nbsp;หลังจากที่สถานการณ์ได้คลี่คลาย&nbsp;เพื่อเป็นหลักประกันรายได้และนำไปสู่ความมั่นคงทางการเงินเมื่อเข้าสู่วัยเกษียณ&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;กระทรวงการคลังได้ออกประกาศ&nbsp;เรื่อง&nbsp;กำหนดประเภทธุรกิจ&nbsp;ระยะเวลา&nbsp;และเงื่อนไขให้ลูกจ้างหรือนายจ้างหยุดหรือเลื่อนการส่งเงินสะสม</strong>&nbsp;หรือเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพในท้องที่ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ&nbsp;สาธารณภัย&nbsp;หรือเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ&nbsp;(ฉบับที่&nbsp;4)&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;21&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่&nbsp;22&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป</p>25/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125130744148 ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ลงพื้นที่ตลาดสดเทศบาลเมืองปทุมธานี กำชับให้ผู้ประกอบการติดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน<p>วันนี้&nbsp;(25&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;ที่&nbsp;ตลาดสดเทศบาลเมืองปทุมธานี&nbsp;</p><p>นายณรงค์ศักดิ์&nbsp;โอสถธนากร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายแพทย์ภุชงค์&nbsp;ไชยชิน&nbsp;นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี&nbsp;นางสาวธนิยา&nbsp;นัยพินิจ&nbsp;หัวหน้าสำนักงานจังหวัดปทุมธานี&nbsp;พ.อ.วินัย&nbsp;อภัยกุญชร&nbsp;รอง&nbsp;ผอ.รมน.จังหวัดปทุมธานี&nbsp;พล.ต.ต.พงษ์สวัสดิ์&nbsp;หาญสวัสดิ์&nbsp;นายกเทศมนตรีเมืองปทุมธานี&nbsp;พ.ต.อ.ธนกฤต&nbsp;บุญเจริญ&nbsp;รอง&nbsp;ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี&nbsp;พ.ต.อ.ณรงค์&nbsp;เอี่ยมระหงส์&nbsp;ผกก.สภ.เมืองปทุมธานี&nbsp;นางพรอัปสร&nbsp;นิลจินดา&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดปทุมธานี&nbsp;นางสายสุดา&nbsp;พานย้อย&nbsp;หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และแผนงาน&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดปทุมธานี&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่จับจ่ายซื้อสินค้า&nbsp;อุปโภคบริโภค&nbsp;อาทิ&nbsp;เนื้อหมูสด&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ผักสด&nbsp;ผลไม้&nbsp;อาหารสำเร็จรูป&nbsp;อื่นๆ&nbsp;เพื่อตรวจสอบราคาสินค้าให้มีความยุติธรรมต่อผู้บริโภคไม่ขายเกินราคาที่กำหนดและการติดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน&nbsp;เปิดเผยและสามารถอ่านได้โดยง่าย&nbsp;แสดงราคาสินค้าไว้บริเวณใกล้เคียงหรือแขวนในบริเวณที่ผู้บริโภคเห็นได้&nbsp;ต้องเป็นภาษาไทย&nbsp;หรือภาษาอื่นด้วยก็ได้&nbsp;เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้า&nbsp;</p><p><br></p><p>ทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี&nbsp;กำชับให้ทุกร้านค้า&nbsp;ติดป้ายแสดงราคาอย่างชัดเจน&nbsp;เพื่อให้ผู้บริโภคได้ตัดสินใจในการเลือกซื้อสินค้าและในการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้มอบหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือแก่พ่อค้าแม่ค้าและผู้มาจับจ่ายซื้อของ&nbsp;เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(COVID-19)&nbsp;</p>25/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลปทุมธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปทุมธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125130617147 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินหน้าแก้ปัญหาสลากสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา <p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">นายอนุชา&nbsp;นาคาศัย&nbsp;รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาที่เกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล&nbsp;พร้อมด้วยฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฯ&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;พันโท&nbsp;หนุน&nbsp;ศันสนาคม&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล&nbsp;และนายทวีป&nbsp;วุฒิบาทุกาจิตต์&nbsp;รองผู้อำนวยการที่กำกับดูแลสำนักการตลาดและจัดจำหน่าย&nbsp;ร่วมหารืออย่างไม่เป็นทางการ&nbsp;และสอบถามข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล&nbsp;</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">ได้ชี้แจงถึงที่มาของปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคาว่า&nbsp;สาเหตุหลัก&nbsp;เกิดจากตัวผลิตภัณฑ์สลากเองและตัวผู้จำหน่าย&nbsp;นอกจากนี้ยังได้&nbsp;ชี้แจงมาตรการที่สำนักงานฯ&nbsp;ดำเนินการเพื่อบรรเทาปัญหาในระยะสั้น&nbsp;การแก้ไขปัญหาระยะปานกลางและระยะยาว&nbsp;ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;การขยายจุดจำหน่ายโครงการ&nbsp;"สลาก&nbsp;80"&nbsp;จำนวน&nbsp;1,000&nbsp;จุดทั่วประเทศ&nbsp;ซึ่งปิดรับสมัครไปแล้ว&nbsp;มีตัวแทนจำหน่ายสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ&nbsp;จำนวน&nbsp;4,790&nbsp;ราย&nbsp;การเปิดรับสมัครลงทะเบียนในระบบซื้อ-จองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาล&nbsp;ซึ่งจะปิดรับสมัครในวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ขณะนี้มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการกว่า&nbsp;800,000&nbsp;ราย&nbsp;&nbsp;การจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์&nbsp;//และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่&nbsp;ซึ่งคาดว่าทั้ง&nbsp;4&nbsp;มาตรการประกอบกันนี้&nbsp;จะช่วยบรรเทาความรุนแรงของการจำหน่ายสลากเกินราคาลงได้</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">ด้านนายอนุชา&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ในเบื้องต้น</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;จากมาตรการที่ได้รับทราบจากผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล&nbsp;จะนำไปประกอบการประชุมคณะกรรมการ&nbsp;ในวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นี้&nbsp;นอกจากข้อมูลเหล่านี้แล้ว&nbsp;ขอให้สำนักงานสลากฯ&nbsp;รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง&nbsp;อาทิ&nbsp;ข้อมูลการจำหน่ายสลากขององค์กรสลากต่างประเทศ&nbsp;รวมถึงปัญหาและข้อร้องเรียนของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา&nbsp;ในห้วงเวลาที่ผ่านมา&nbsp;เพื่อนำไปสู่การหาทางออกให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกฝ่าย&nbsp;และเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างยั่งยืนตามเจตนารมณ์ต่อไป</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>25/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125201231465 ผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์ กำชับเฝ้าระวังไม่ให้มีการกักตุนเนื้อสุกร และดูแลสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพไม่ให้ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคา<p><strong>(25&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ที่ห้องประชุมหว้ากอ&nbsp;ชั้น&nbsp;2&nbsp;ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์&nbsp;</strong>นายเสถียร&nbsp;เจริญเหรียญ&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์&nbsp;เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตามข้อสั่งการสำคัญของจังหวัด&nbsp;โดยกำชับให้หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน&nbsp;บูรณาการออกตรวจติดตาม&nbsp;เฝ้าระวัง&nbsp;และกำกับดูแลไม่ให้มีการกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;โดยเฉพาะหมูเนื้อแดง&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และสินค้าที่จำเป็นในการดำรงชีวิตป้องกันผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน&nbsp;และไม่ให้เกิดการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าเอาเปรียบผู้บริโภค&nbsp;เน้นย้ำผู้ค้าผู้ประกอบการให้ติดป้ายแสดงราคาสินค้าอย่างชัดเจน&nbsp;เพื่อให้ผู้บริโภคใช้เป็นข้อมูลตัดสินใจเลือกซื้อ&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ได้มอบแนวทางให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์</strong>&nbsp;หารือร่วมกับผู้ประกอบการเพื่อผลักดันให้มีการดำเนินการจัดกิจกรรมบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;อาทิ&nbsp;กิจกรรมธงฟ้าจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพในราคาประหยัด</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;</p>25/1/2022ภาคตะวันตกประจวบคีรีขันธ์สวท.ประจวบคีรีขันธ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125145047204 จังหวัดสมุทรสงคราม จัดกิจกรรม ผู้ว่าฯ สัญจร ร่วมกันแก้ไขปัญหา และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวจังหวัดสมุทรสงคราม สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ในสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19<p><strong>วันนี้&nbsp;(25&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายขจร&nbsp;ศรีชวโนทัย&nbsp;&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม&nbsp;</strong>พร้อมด้วย&nbsp;นายศิริศักดิ์&nbsp;&nbsp;&nbsp;ศิริมังคะลา&nbsp;นายกรกฎ&nbsp;วงษ์สุวรรณ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ&nbsp;นำหัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;ผู้นำท้องถิ่น&nbsp;ผู้นำท้องที่&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;ภาคประชาชน&nbsp;ร่วมกิจกรรม&nbsp;ผู้ว่าฯ&nbsp;สัญจร&nbsp;ณ&nbsp;โครงการอัมพวาชัยพวา&nbsp;&nbsp;นุรักษ์&nbsp;อำเภออัมพวา&nbsp;ในรูปแบบเสวนา&nbsp;&nbsp;ประเด็น&nbsp;“ส่งเสริมการท่องเที่ยวตลาดน้ำอัมพวากับความพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยว”&nbsp;โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;ภาคแอกชน&nbsp;องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;ที่เกี่ยวข้องร่วมเสวนาตอบข้อซักถาม&nbsp;จุดเด่นและจุดขายที่สำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวและการบริหารจัดการตลาดน้ำอัมพวา&nbsp;ช่องการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับมาตรฐาน&nbsp;SHA&nbsp;เพื่อสร้างภาพลักษณ์และสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว&nbsp;รวมทั้งการสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา&nbsp;รวมทั้งมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19&nbsp;และมาตรฐานของปลอดภัย&nbsp;มาตรการความปลอดภัยในองค์กร</p><p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม&nbsp;&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;การจัดกิจกรรม&nbsp;ผู้ว่าฯ&nbsp;สัญจร&nbsp;เป็นการบูรณาการร่วม&nbsp;&nbsp;กับทุกภาคส่วน&nbsp;ร่วมกันแก้ไขปัญหา&nbsp;และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวจังหวัดสมุทรสงครามทั่วทุกพื้นที่&nbsp;ให้สามารถดำรงชีพและสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ในสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19&nbsp;อีกทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร&nbsp;ระหว่างส่วนราชการ&nbsp;หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและองค์การภาคประชาชน&nbsp;ประชาชนในจังหวัดสมุทรสงคราม&nbsp;ตามบริบทและปัญหาในพื้นที่ที่สัญจรไปในแต่ละเดือน&nbsp;ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่บริเวณสถานที่แห่งนี้&nbsp;จึงเป็นเรื่องของการท่องเที่ยว&nbsp;พร้อมนำประเด็นข้อสรุปมาดำเนินการพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยวตลาดน้ำอัมพวาต่อไป&nbsp;จากนั้นได้ชมการทำน้ำตาลมะพร้าว&nbsp;สวนเกษตร&nbsp;ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของโครงการชัยพัฒนานุรักษ์</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;</p><p>&nbsp;</p>25/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสมุทรสงครามสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงครามhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125144659201 รอง.ผวจ.ยโสธร นำคณะลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเย็นเก็บเนื้อหมู อ.เลิงนกทา<p><strong>นายชัยวัฒน์&nbsp;แสงศรี&nbsp;รองผู้ว่าราชการ&nbsp;จังหวัดยโสธร</strong>&nbsp;พร้อมด้วยพาณิชย์จังหวัดยโสธร&nbsp;กอ.รมน.จังหวัดยโสธร&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดยโสธร&nbsp;หัวหน้าด่านกักกันสัตว์&nbsp;ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด&nbsp;ยโสธร&nbsp;นายอำเภอเลิงนกทา&nbsp;ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรอำเภอเลิงนกทา&nbsp;ปศุสัตว์อำเภอเลิงนกทา&nbsp;ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบการเก็บเนื้อหมูชำแหละ&nbsp;ของผู้ประกอบการในพื้นที่อำเภอเลิงนกทา&nbsp;จังหวัดยโสธร&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;ราย&nbsp;และจากการตรวจสอบไม่พบผู้กระทำความผิดตาม</p><p><strong>พร้อมนี้&nbsp;ได้เข้าตรวจสอบสถานที่รวมรวบไข่สด</strong>ซึ่งมีการจำหน่ายไข่สดประมาณ&nbsp;120,000&nbsp;ฟองต่อสัปดาห์&nbsp;ซึ่งผู้ประกอบการ&nbsp;ได้ดำเนินการถูกต้องตามระเบียบการเคลื่อนย้ายสัตว์และซากสัตว์ของ&nbsp;กรมปศุสัตว์</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดยโสธร</strong>&nbsp;จะได้ส่งเสริมการประกอบการ&nbsp;ทั้งการจำหน่ายเนื้อสุกรและไข่สดให้ได้รับรองโครงการเนื้อสัตว์ปลอดภัยใส่ใจผู้บริโภค(ปศุสัตว์&nbsp;OK)&nbsp;และโครงการไข่สดปลอดภัยใส่ใจผู้บริโภค&nbsp;(ไข่&nbsp;OK)&nbsp;เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคต่อไป</p><p><strong>โอกาสนี้&nbsp;ได้กำชับให้ผู้ประกอบการห้องเย็น</strong>&nbsp;ปฏิบัติตามประกาศ&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;หากมีการครอบครองเนื้อสุกร&nbsp;5,000&nbsp;กิโลกรัมขึ้นไป&nbsp;ต้องแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บและจัดทำบัญชี&nbsp;คุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดยโสธร&nbsp;ทราบเป็นประจำทุกวันจันทร์&nbsp;เพื่อรายงานต่อคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>25/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยโสธรสวท.ยโสธรhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125145045203 สำนักงานขนส่งจังหวัดกระบี่ เปิดประมูลหมายเลขทะเบียนรถผ่าน เซฟไซต์ www.Tabienrod.com<p>วันที่&nbsp;25&nbsp;ม.ค.65&nbsp;นายวรชัย&nbsp;วงษ์เมฆ&nbsp;นายทะเบียนรถ&nbsp;สนง.ขนส่ง&nbsp;จ.กระบี่&nbsp;เปิดผยว่า&nbsp;ได้รับมอบหมายจากนายอัดชา&nbsp;บัวจันทร์&nbsp;ขนส่งจังหวัดกระบี่&nbsp;จัดการประชาสัมพันธ์เชิญชวน&nbsp;ให้เจ้าของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;คน&nbsp;เข้าร่วมประมูลหมายเลขทะเบียนรถเลขสวย&nbsp;หมวดอักษร&nbsp;กน&nbsp;(การงาน&nbsp;การค้า&nbsp;ก้าวหน้า&nbsp;นำชัย)&nbsp;ผ่านเว็บไซต์&nbsp;www.Tabienrod.com&nbsp;โดยดำเนินการประมูล&nbsp;ตั้งแต่วันนี้&nbsp;ถึงวันที่&nbsp;29&nbsp;ม.ค.65</p><p><br></p><p>นายวรชัย&nbsp;กล่าวอีกว่า&nbsp;การประมูลเลขสวยเลขมงคล&nbsp;ในครั้งเป็นครั้งที่&nbsp;8&nbsp;ของขังหวัดกระบี่&nbsp;และต่างจากทุครั้ง&nbsp;ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(COVID-19)&nbsp;กรมการขนส่งทางบกไม่สามารถจัดการประมูลหมายเลขทะเบียน&nbsp;ซึ่งเป็นที่ต้องการหรือเป็นที่นิยม&nbsp;สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดที่นั่งในห้องประมูลได้&nbsp;กรมการขนส่งทางบก&nbsp;โดยกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน&nbsp;(กปถ.)ใช้วิธีประมูลทะเบียนรถเลขสวย&nbsp;New&nbsp;normal&nbsp;auction&nbsp;ด้วยวิถีใหม่แห่งการประมูล&nbsp;ผ่านเว็บไซต์&nbsp;www.Tabienrod.com&nbsp;หมวดอักษร&nbsp;กน&nbsp;(การงาน&nbsp;การค้า&nbsp;ก้าวหน้า&nbsp;นำชัย)&nbsp;โดยจะทำการปิดประมูลในวันที่&nbsp;29&nbsp;มกราคมนี้&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;09.น.เป็นต้นไป&nbsp;รวมจำนวน&nbsp;301&nbsp;หมายเลข</p><p><br></p><p>โดยสามารถเสนอราคาแข่งขันแบบเรียลไทม์&nbsp;ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันปิดประมูล&nbsp;โดยผู้ที่สนใจเข้าร่วมการประมูลสามารถลงทะเบียนผ่านทาง&nbsp;www.tabienrod.com&nbsp;โดยมีขั้นตอนดังนี้&nbsp;1.&nbsp;เข้าไปที่เว็บไซต์&nbsp;www.tabienrod.com&nbsp;2.&nbsp;เลือกเมนู&nbsp;“การประมูลทะเบียนรถเก๋ง”&nbsp;3.&nbsp;สมัครเข้าร่วมการประมูล&nbsp;4.&nbsp;คลิก&nbsp;“เพิ่มเงินวางหลักประกัน”&nbsp;5.&nbsp;คลิก&nbsp;“เพิ่มเงินวางหลักประกัน&nbsp;รถเก๋ง&nbsp;ประมูลทางอินเทอร์เน็ต”&nbsp;6.&nbsp;เลือกจำนวนหมายเลขที่จะประมูลตามกลุ่มบัญชีหมายเลขที่ต้องการ&nbsp;และ&nbsp;7.&nbsp;กรอกข้อมูล&nbsp;และพิมพ์เอกสารวางหลักประกัน&nbsp;ผู้ที่สนใจเข้าร่วมประมูลสามารถลงทะเบียน&nbsp;และเสนอราคาได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป</p><p>โดยเงินที่ได้จากการประมูลก็จะนำเข้ากองทุนความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนต่อไป</p>25/1/2022ภาคใต้กระบี่สวท.กระบี่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125153702236 การประมูลหมายเลขทะเบียนสำหรับรถที่จดทะเบียน<p><strong>วันที่&nbsp;25&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุม&nbsp;POC</strong>&nbsp;ชั้น&nbsp;3&nbsp;ศาลากลางจังหวัดพัทลุง&nbsp;นายฉัตรชัย&nbsp;อุสาหะ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง&nbsp;เป็นประธานจัดประมูลหมายเลขทะเบียนสำหรับรถที่จดทะเบียน&nbsp;ในเขตจังหวัดพัทลุง&nbsp;โดยสำนักงานขนส่งจังหวัดพัทลุงจัดประมูลหมายเลขทะเบียนซึ่งเป็นที่ต้องการหรือเป็นที่นิยมของประชาชนสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคล&nbsp;ไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;คน&nbsp;หมวดอักษร&nbsp;กท&nbsp;มีความหมายว่า&nbsp;“ก้าวหน้าร่ำรวย&nbsp;ทะเบียนสวยเลขมงคล”&nbsp;จำนวน&nbsp;301&nbsp;หมายเลข&nbsp;</p><p><strong>โดยประมูลทางอินเตอร์เน็ตเพียงช่องทางเดียว&nbsp;ปิดระบบในวันที่&nbsp;</strong>26&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;โดยเงินรายได้จากการประมูลหมายเลขทะเบียนจะนำเข้า&nbsp;“กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน”&nbsp;เพื่อนำมาใช้รณรงค์ลดอุบัติเหตุทางท้องถนน&nbsp;รวมถึงปลูกจิตสำนึกด้านการขับขี่ปลอดภัยและสนับสนุนเงินค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการ&nbsp;ที่ประสบภัยจากการใช้รถใช้ถนน</p><p><strong>สำนักงานขนส่งจังหวัดพัทลุง&nbsp;ขอเชิญท่านเจ้าของรถและผู้ที่สนใจ</strong>&nbsp;เข้าร่วมประมูลหมายเลขทะเบียนรถยอดนิยมเริ่มประมูลได้ตั้งแต่บัดนี้เป้นต้นไป&nbsp;ทาง&nbsp;www.tabienrod.com&nbsp;และจะปิดระบบในวันที่&nbsp;26&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่&nbsp;080-8617496&nbsp;,&nbsp;0-7484-0149&nbsp;,&nbsp;0-7484-0150&nbsp;,&nbsp;หรือสายด่วน&nbsp;1584</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง&nbsp;074612404</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>25/1/2022ภาคใต้พัทลุงสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุงhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125153432232 จังหวัดกาญจนบุรีสนองนโยบายรัฐบาลขับเคลื่อนแนวทางเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่<p><strong>จังหวัดกาญจนบุรีสนองนโยบายรัฐบาลขับเคลื่อนแนวทางเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่&nbsp;เพื่อขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามนโยบายของรัฐบาล&nbsp;โดย&nbsp;พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรี</strong></p><p><br></p><p><strong>ตามที่&nbsp;กระทรวงมหาดไทย&nbsp;ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการ&nbsp;"บำบัดทุกข์&nbsp;บำรุงสุข"</strong>&nbsp;ให้แก่ประชาชนตามแนวทางของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;และเป็นหน่วยงานหลักที่ขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่&nbsp;(Area&nbsp;Based)&nbsp;โดยได้สั่งการให้&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัด&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัดกระทรวงมหาดไทย&nbsp;ทั้งในส่วนกลางและในระดับพื้นที่ทั่วประเทศ&nbsp;ขับเคลื่อนโครงการ&nbsp;"การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพอเพียงด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่&nbsp;(BCG&nbsp;Economy&nbsp;Model)&nbsp;มีเป้าหมายเพื่อขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามนโยบายของรัฐบาล&nbsp;พลเอก&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรี&nbsp;โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในช่วงที่ผ่านมา&nbsp;และจัดทำโครงการในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;เชื่อมโยงสอดคล้องกับวาระแห่งชาติเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ&nbsp;เศรษฐกิจหมุนเวียน&nbsp;และเศรษฐกิจสีเขียว&nbsp;(Bio-Circular-Green&nbsp;Economy)&nbsp;ตามนโยบายของรัฐบาล&nbsp;เพื่อนำมาเป็นกรอบและทิศทางในการแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัย&nbsp;พร้อมทั้งการสร้างความพร้อมรับมือภัยพิบัติ&nbsp;โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาน้ำท่วม&nbsp;น้ำแล้งในระดับพื้นที่&nbsp;สร้างงานสร้างรายได้ให้กับชุมชนและ&nbsp;SMEs&nbsp;สร้างความมั่นคงทางน้ำ&nbsp;อาหาร&nbsp;พลังงานให้กับครัวเรือนและชุมชน&nbsp;และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม&nbsp;โดยมีกลไกขับเคลื่อนประกอบด้วย&nbsp;คณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด&nbsp;คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ&nbsp;(กรอ.)&nbsp;และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;(อขจพ.)&nbsp;เขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;หรือ&nbsp;SEDZ&nbsp;นี้&nbsp;เป็นแนวทางที่ภาครัฐสนับสนุนการจ้างงาน&nbsp;โครงสร้างพื้นฐาน&nbsp;วัสดุอุปกรณ์พื้นฐาน&nbsp;และการอำนวยความสะดวกด้านต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ที่จำเป็นผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนและภาคส่วนต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ในพื้นที่&nbsp;ด้วยการดึงภาควิชาการมาร่วมพัฒนาและยกระดับศักยภาพตัวบุคคล&nbsp;ต่อยอดด้วยงานวิจัยและนวัตกรรมที่เหมาะสม&nbsp;มีภาคเอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุนโครงการ&nbsp;วางแผน&nbsp;พัฒนา&nbsp;และต่อยอดผลผลิตต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ที่จะเกิดขึ้นจากความสมบูรณ์ของการพัฒนาพื้นที่&nbsp;เพื่อให้เกิดการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค&nbsp;โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนา&nbsp;พื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยพิบัติซ้ำซาก&nbsp;โดยใช้โอกาสจากภาคแรงงานที่มีทักษะและศักยภาพ&nbsp;ที่ประสบปัญหาว่างงานในช่วงสถานการณ์โควิด-19&nbsp;และกลับไปยังบ้านเกิด&nbsp;มาร่วมเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาพื้นที่เป้าหมาย&nbsp;ด้วยการให้ความรู้ตามแนวพระราชดำริ&nbsp;หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงหรือเกษตรทฤษฎีใหม่&nbsp;ควบคู่กับการศึกษารากเหง้า&nbsp;ภูมิปัญญาดั้งเดิม&nbsp;เพิ่มพูนด้วยชุดความรู้ทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสมกับการแก้ไขปัญหาของพื้นที่และภูมิสังคม&nbsp;ยกระดับเป็น&nbsp;"เขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่"&nbsp;เพื่อขจัดความยากจน&nbsp;ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้&nbsp;ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน&nbsp;ผ่าน&nbsp;9&nbsp;กิจกรรม&nbsp;ได้แก่&nbsp;1.&nbsp;กำหนดพื้นที่เป้าหมาย/พื้นที่ปฏิบัติการ&nbsp;2.&nbsp;พัฒนาและปรับปรุงพื้นที่เป้าหมาย/พื้นที่ปฏิบัติการ&nbsp;3.&nbsp;บ่มเพาะพัฒนาบุคลากร&nbsp;7&nbsp;ภาคี&nbsp;คือ&nbsp;ภาครัฐ&nbsp;ภาควิชาการ&nbsp;ภาคศาสนา&nbsp;ภาคประชาชน&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;ภาคประชาสังคม&nbsp;ภาคสื่อมวลชน&nbsp;และเร่งสร้างผู้ประกอบการใหม่&nbsp;4.&nbsp;สร้างงาน&nbsp;สร้างรายได้แก่ชุมชน&nbsp;เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;5.&nbsp;ส่งเสริมการเรียนรู้เชิงประจักษ์ผ่านการฝึกปฏิบัติร่วมในรูปแบบจิตอาสาพัฒนาและจิตอาสาภัยพิบัติ&nbsp;6.&nbsp;ต่อยอดผลผลิตเพื่อพัฒนาธุรกิจร่วมกับภาคเอกชน&nbsp;ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่&nbsp;(BCG&nbsp;Model)&nbsp;7.&nbsp;จัดทำแพลตฟอร์มขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจใหม่&nbsp;(BCG&nbsp;Model)&nbsp;ด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์&nbsp;8.&nbsp;สร้างนวัตกรรมจากฐานการวิจัยเพื่อพัฒนาตลาดและธุรกิจในพื้นที่&nbsp;9.&nbsp;สร้างการรับรู้และจดจำ&nbsp;และการสื่อสารสังคมเชิงรุก&nbsp;การขับเคลื่อนในพื้นที่จะแบ่งเป็น&nbsp;4&nbsp;ระดับ&nbsp;คือ&nbsp;ระดับครัวเรือน&nbsp;ระดับชุมชน/ตำบล&nbsp;ระดับอำเภอ&nbsp;และระดับจังหวัด&nbsp;ผ่านแนวทางระบบเกษตรสองขา&nbsp;"พอเพียง&nbsp;แบ่งปัน&nbsp;แข่งขันได้"&nbsp;โดยใช้รูปแบบ&nbsp;"โคก&nbsp;หนอง&nbsp;นา&nbsp;โมเดล"&nbsp;มาเป็นเครื่องมือหนึ่งในการดำเนินการ&nbsp;ผ่านกลไกการมีส่วนร่วมและภาคีการพัฒนาจากทุกภาคส่วน&nbsp;เพื่อพัฒนาให้บรรลุเป้าหมายตามบริบทของพื้นที่ที่กำหนดร่วมกัน&nbsp;และส่งผลต่อการยกระดับการพัฒนาคุณภาพชีวิต&nbsp;การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;เพิ่มพื้นที่จัดเก็บคาร์บอนและความสมดุลของสิ่งแวดล้อม&nbsp;เป็นการนำการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพอเพียงสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลกต่อไป&nbsp;</p><p><strong>ในส่วนของจังหวัดกาญจนบุรีได้มีการขับเคลื่อนแนวทางเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง</strong>ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่โดยได้คัดเลือกพื้นที่เป้าหมาย&nbsp;พื้นที่ปฏิบัติการที่เหมาะสมกับสภาพปัญหา&nbsp;สภาพภูมิสังคม&nbsp;และมีความพร้อมของพื้นที่ในการดำเนินงานได้ทันที&nbsp;โดยใช้กลไกคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด&nbsp;ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีได้ให้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดกาญจนบุรีเปิดรับสมัครพื้นที่เป้าหมายและได้ร่วมพิจารณาคัดเลือกในการดำเนินโครงการฯ&nbsp;นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคส่วนต่างๆ&nbsp;ที่ถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่อง&nbsp;โดยให้จังหวัดเก็บข้อมูลดังกล่าวไว้สำหรับขับเคลื่อนการดำเนินงานในระยะต่อไป</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;</p>25/1/2022ภาคตะวันตกกาญจนบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125153937239 โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวรอบ 1 งวดที่ 14 ปี 2564-65<p><strong>คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว&nbsp;รอบ&nbsp;1&nbsp;งวดที่&nbsp;14&nbsp;ปี&nbsp;2564/65&nbsp;เพื่อชดในการชดเชยส่วนต่างตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว</strong></p><p><br></p><p><strong>นายผกายเนติ์&nbsp;เล่งอี้&nbsp;พาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว&nbsp;ปี&nbsp;2564/65&nbsp;รอบที่&nbsp;1&nbsp;เพื่อช่วยเกษตรกรตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล&nbsp;และคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงและชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว&nbsp;ปี&nbsp;2564/65&nbsp;รอบที่&nbsp;1&nbsp;งวดที่&nbsp;14&nbsp;เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินโครงการต่อไป&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์อ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว&nbsp;</strong>จึงได้ออกประกาศ&nbsp;ดังนี้&nbsp;</p><p>ข้อ&nbsp;1&nbsp;ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงประจำวันที่&nbsp;14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อใช้ในการชดเชยส่วนต่างตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว&nbsp;ปี&nbsp;2564/65&nbsp;รอบที่&nbsp;1&nbsp;งวดที่&nbsp;14&nbsp;ให้แก่เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว&nbsp;ปีการผลิต&nbsp;2564/65&nbsp;ที่ระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่&nbsp;7-13&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;สำหรับข้าวเปลือกชนิดต่างๆ&nbsp;ณ&nbsp;ความชื้นไม่เกิน&nbsp;15&nbsp;%&nbsp;ดังนี้&nbsp;</p><p>1.ข้าวเปลือกหอมมะลิ&nbsp;ตันละ&nbsp;11,522.60&nbsp;บาท&nbsp;</p><p>2.ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่&nbsp;ตันละ&nbsp;10,993.72&nbsp;บาท&nbsp;</p><p>3.ข้าวเปลือกเจ้า&nbsp;ตันละ&nbsp;10,059.83&nbsp;บาท&nbsp;</p><p>4.ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี&nbsp;ตันละ&nbsp;8,347.63&nbsp;บาท&nbsp;</p><p>5.ข้าวเปลือกเหนียว&nbsp;ตันละ&nbsp;10,451.85&nbsp;บาท&nbsp;</p><p>ข้อ&nbsp;2&nbsp;การชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันรายได้กับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง&nbsp;มีอัตราส่วนต่างที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรใช้ในการจ่ายให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว&nbsp;สำหรับการจ่ายเงินงวดที่&nbsp;13&nbsp;ในวันที่&nbsp;14&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ดังนี้&nbsp;</p><p>1.ข้าวเปลือกหอมมะลิ&nbsp;ตันละ&nbsp;3,477.40&nbsp;บาท&nbsp;</p><p>2.ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่&nbsp;ตันละ&nbsp;3,006.28&nbsp;บาท&nbsp;</p><p>3.ข้าวเปลือกเจ้า&nbsp;ตันละ&nbsp;940.17&nbsp;บาท&nbsp;</p><p>4.ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี&nbsp;ตันละ&nbsp;1,652.37&nbsp;บาท&nbsp;</p><p>5.ข้าวเปลือกเหนียว&nbsp;ตันละ&nbsp;1,548.15&nbsp;บาท</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;</p>25/1/2022ภาคตะวันตกกาญจนบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125154307246 ประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม จัดกิจกรรมจิบน้ำชา-กาแฟ หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>วันนี้&nbsp;(25&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ที่บริเวณโครงการอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์&nbsp;อำเภออัมพวา</strong>&nbsp;นางฐานิยา&nbsp;&nbsp;นิยมญาติ&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม&nbsp;บูรณาร่วมกับจังหวัดสมุทรสงคราม&nbsp;จัดกิจกรรม&nbsp;จัดกิจกรรมจิบน้ำชา-กาแฟ&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;รัฐวิสาหกิจ&nbsp;องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;ภาคประชาชน&nbsp;โดยการสื่อสารประเด็นสำคัญจากหน่วยงานภาครัฐผ่านสื่อมวลชนจังหวัดสมุทรสงคราม&nbsp;ประเด็น&nbsp;“ส่งเสริมการท่องเที่ยวตลาดน้ำอัมพวากับความพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยว&nbsp;จุดเด่นและจุดขายที่สำคัญในการดึงดูดนักดท่องเที่ยวและการบริหารจัดการตลาดน้ำอัมพวา&nbsp;ช่องการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับมาตรฐาน&nbsp;SHA&nbsp;เพื่อสร้างภาพลักษณ์และสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว&nbsp;รวมทั้งการสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา&nbsp;รวมทั้งมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19&nbsp;และมาตรฐานของปลอดภัย&nbsp;มาตรการความปลอดภัยในองค์กร&nbsp;มีนายขจร&nbsp;ศรีชวโนทัย&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม&nbsp;เป็นประธาน&nbsp;และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด,นายอำเภออัมพวา,นายกเทศมนตรีตำบลอัมพวา,ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด,ผอ.ททท.สำนักงานสมุทรสงคราม,ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด&nbsp;ร่วมสื่อสารประเด็นในการขับเคลื่อนการส่งเสริมการท่องเที่ยวตลาดน้ำ&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม&nbsp;กล่าวด้วยว่า</strong>&nbsp;การบูรณาการร่วมจัดกิจกรรมครั้งนี้&nbsp;เป็นการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ในเรื่องประเด็นสื่อสารสำคัญ&nbsp;ตามแผนปฏิบัติการประชาสัมพันธ์แห่งชาติระดับจังหวัด&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;และการรายงานผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ&nbsp;ระดับจังหวัด&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;และนำเสนอขอความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงครามต่อไป</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">&nbsp;</p>25/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสมุทรสงครามสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงครามhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125152729225 จังหวัดชุมพร จำหน่ายสินค้าราคาถูก บรรเทาภาระค่าครองชีพ สร้างขวัญกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชน<p><strong>วันนี้&nbsp;(25&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;นายโชตินรินทร์&nbsp;เกิดสม&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร</strong>&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นางปวีณ์ริศา&nbsp;เกิดสม&nbsp;ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดชุมพร&nbsp;ร่วมเปิดโครงการจำหน่ายสินค้าราคาถูก&nbsp;เพื่อประชาชนจังหวัดชุมพร&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณที่ว่าการอำเภอเมืองชุมพร&nbsp;โดยเป็นการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ที่จำเป็นต่อการครองชีพ&nbsp;มาจำหน่ายให้กับประชาชนชุมพร&nbsp;ในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด&nbsp;เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพได้เป็นการชั่วคราว&nbsp;โดยจัดจำหน่าย&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;25-27&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองชุมพร&nbsp;และหน้าที่ว่าการอำเภอหลังสวน</p><p><strong>นายโชตินรินทร์&nbsp;เกิดสม&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;จังหวัดชุมพร&nbsp;ให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนจังหวัดชุมพร&nbsp;ซึ่งในช่วง&nbsp;2-3&nbsp;ปีที่ผ่านมาได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(COVID-19)&nbsp;ผลกระทบจากสถานการณ์&nbsp;อุทกภัย&nbsp;ทำให้ประชาชนบางส่วน&nbsp;ไม่สามารถประกอบอาชีพได้&nbsp;เนื่องจากพื้นที่ทำการเกษตร&nbsp;และเครื่องมือในการประกอบอาชีพเสียหาย&nbsp;ส่งผลให้ประชาชนบางรายไม่มีรายได้หรือมีรายได้ลดลง&nbsp;ประกอบกับยังต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูที่อยู่อาศัย&nbsp;รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคประจำวัน&nbsp;จึงทำให้ประสบปัญหาความเดือดร้อนด้านค่าครองชีพ&nbsp;จังหวัดชุมพรในฐานะที่ต้องดูแลปากท้องของประชาชน&nbsp;จึงได้มอบนโยบายให้กับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;จัดหาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพมาจำหน่ายให้กับประชาชนชุมพร&nbsp;ในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด&nbsp;โดยเฉพาะน้ำมันปาล์ม&nbsp;และน้ำปลา&nbsp;ซึ่งมีโรงงานผลิตอยู่ในพื้นที่จังหวัดชุมพร&nbsp;และเป็นที่มาของการจัดงานในครั้งนี้</p><p><strong>ด้านนางสาวเปรมนีย์&nbsp;ทรัพย์โชคไชย&nbsp;พาณิชย์จังหวัดชุมพร&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;จังหวัดชุมพรจัด&nbsp;โครงการจำหน่ายสินค้าราคาถูกเพื่อประชาชนจังหวัดชุมพร&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;โดยเป็นการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ที่จำเป็นต่อการครองชีพ&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันปาล์ม&nbsp;น้ำปลา&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ข้าวสาร&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;ปลากระป๋อง&nbsp;ผงซักฟอก&nbsp;น้ำยาล้างจาน&nbsp;เป็นต้น&nbsp;เพื่อให้ประชาชนสามารถ&nbsp;ประหยัดค่าใช้จ่ายประจำวัน&nbsp;และเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพได้เป็นการชั่วคราว&nbsp;โดยจัดจำหน่ายระหว่างวันที่&nbsp;25-27&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองชุมพร&nbsp;และหน้าที่ว่าการอำเภอหลังสวน&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;3&nbsp;วันเท่านั้น&nbsp;เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ค้ารายย่อย&nbsp;หรือร้านค้าทั่วไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>25/1/2022ภาคใต้ชุมพรสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชุมพรhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125160417295 จังหวัดสมุทรสงคราม จัดกิจกรรม ผู้ว่าฯ สัญจร ร่วมกันแก้ไขปัญหา และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวจังหวัดสมุทรสงคราม สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ในสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19<p><strong>วันนี้&nbsp;(25&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายขจร&nbsp;ศรีชวโนทัย&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม</strong>&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายศิริศักดิ์&nbsp;ศิริมังคะลา&nbsp;นายกรกฎ&nbsp;วงษ์สุวรรณ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ&nbsp;นำหัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;ผู้นำท้องถิ่น&nbsp;ผู้นำท้องที่&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;ภาคประชาชน&nbsp;ร่วมกิจกรรม&nbsp;ผู้ว่าฯ&nbsp;สัญจร&nbsp;ณ&nbsp;โครงการอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์&nbsp;อำเภออัมพวา&nbsp;ในรูปแบบเสวนา&nbsp;ประเด็น&nbsp;“ส่งเสริมการท่องเที่ยวตลาดน้ำอัมพวากับความพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยว”&nbsp;โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;ที่เกี่ยวข้องร่วมเสวนาตอบข้อซักถาม&nbsp;จุดเด่นและจุดขายที่สำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวและการบริหารจัดการตลาดน้ำอัมพวา&nbsp;ช่องการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับมาตรฐาน&nbsp;SHA&nbsp;เพื่อสร้างภาพลักษณ์และสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว&nbsp;รวมทั้งการสนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา&nbsp;รวมทั้งมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19&nbsp;และมาตรฐานของปลอดภัย&nbsp;มาตรการความปลอดภัยในองค์กร&nbsp;</p><p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;การจัดกิจกรรม&nbsp;ผู้ว่าฯสัญจร&nbsp;เป็นการบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน&nbsp;ร่วมกันแก้ไขปัญหา&nbsp;และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวจังหวัดสมุทรสงครามทั่วทุกพื้นที่&nbsp;ให้สามารถดำรงชีพและสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ในสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19&nbsp;อีกทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร&nbsp;ระหว่างส่วนราชการ&nbsp;หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและองค์การภาคประชาชน&nbsp;ประชาชนในจังหวัดสมุทรสงคราม&nbsp;ตามบริบทและปัญหาในพื้นที่ที่สัญจรไปในแต่ละเดือน&nbsp;ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่บริเวณสถานที่แห่งนี้&nbsp;จึงเป็นเรื่องของการท่องเที่ยว&nbsp;พร้อมนำประเด็นข้อสรุปมาดำเนินการพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยวตล่าดน้ำอัมพวาต่อไป&nbsp;จากนั้นได้ชมการทำน้ำตาลมะพร้าว&nbsp;สวนเกษตร&nbsp;ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของโครงการชัยพัฒนานุรักษ์</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;</p>25/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสมุทรสงครามสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงครามhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125153451233 ตรัง ร้านขนมกล้วยทอดเจ้าตำนานเมืองกันตังยังต้องยอม ต้นทุนมาแพง จากที่เคยขายดีกลับเงียบเหงา เพราะลูกค้าต้องประหยัด ขณะเจ้าของร้านเผยตั้งแต่เนื้อหมูขึ้นราคาไม่ซื้อหมูกินมาสักพักแล้วยอมซื้อไก่กินแทน เพราะค่าใช้จ่ายเยอะต้องประหยัด<p><strong>วันนี้&nbsp;(25&nbsp;ม.ค.2565)&nbsp;ที่ร้านกล้วยทอดป้าฉุ้น&nbsp;ตั้งอยู่เลขที่&nbsp;41&nbsp;ถนนสถลสถานพิทักษ์</strong>&nbsp;ต.กันตัง&nbsp;อ.กันตัง&nbsp;จ.ตรัง&nbsp;ตรงข้ามสถานีตำรวจภูธรกันตัง&nbsp;ซึ่งเป็นร้านขายกล้วยทอดเก่าแก่ที่เปิดมานาน&nbsp;40&nbsp;ปี&nbsp;ในทุก&nbsp;ๆวันจะมีลูกค้าแวะเวียนกันมาอุดหนุนอย่างไม่ขาดสาย&nbsp;ขายดีทุกวันมีรายได้ไม่ต่ำกว่า&nbsp;5,000&nbsp;บาท&nbsp;แต่ล่าสุดในปัจจุบันนี้จากสภาวะเศรษฐกิจต้นทุนสูงขึ้นทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่น้ำมันพืช&nbsp;แป้ง&nbsp;แก๊สที่จ่อกำลังจะขึ้นราคา&nbsp;ทำให้ทางร้านมีรายได้ไม่ถึง&nbsp;5,000&nbsp;และยังจำเป็นต้องลดปริมาณขนมกล้วยลงจากเดิม&nbsp;7&nbsp;ชิ้น&nbsp;10&nbsp;บาท&nbsp;ปรับลงมาเหลือ&nbsp;5&nbsp;ชิ้น&nbsp;&nbsp;10&nbsp;บ้าน&nbsp;จากที่เคยขายดีกลับเงียบเหงา&nbsp;เนื่องจากลูกค้ามีรายได้เท่าเดิมแต่ค่าครองชีพสูงขึ้น&nbsp;จะซื้อขนมกล้วย&nbsp;10-20&nbsp;บาทก็ต้องคิดแล้วคิดอีก</p><p><strong>นางปวริศา&nbsp;ชูนิ่ม&nbsp;อายุ&nbsp;45&nbsp;ปี&nbsp;เจ้าของร้านรุ่นที่&nbsp;2&nbsp;บอกว่า&nbsp;</strong>ร้านของเราเปิดมานานจนเข้าสู่รุ่นที่&nbsp;2&nbsp;แล้วรุ่นของตน&nbsp;ส่วนรุ่นแม่เปิดมา&nbsp;40&nbsp;ปีแล้ว&nbsp;ตอนนี้แม่อายุ&nbsp;84&nbsp;ปี&nbsp;เราจะขายกล้วยทอด&nbsp;ชากาแฟ&nbsp;ในช่วงหลังๆก็มาเพิ่มกล้วยปิ้ง&nbsp;ซึ่งกล้วยทอดจะขาย&nbsp;7&nbsp;ชิ้น&nbsp;10&nbsp;บาท&nbsp;แต่ตอนนี้พอน้ำมันปาล์มปรับราคาขึ้นก็ต้องลดปริมาณกล้วยทอดลง&nbsp;เป็น&nbsp;5&nbsp;ชิ้น&nbsp;10&nbsp;บาท&nbsp;จากเดิมน้ำมันปาล์มราคา&nbsp;280&nbsp;ต่อ&nbsp;1&nbsp;ลังมี12&nbsp;ถุง&nbsp;แต่ตอนนี้ราคาขึ้นมา&nbsp;880&nbsp;บาท&nbsp;ต่อวันจะใช้น้ำมันเยอะถึง1ลัง&nbsp;และยังมีแป้งราคาปรับขึ้น&nbsp;ส่วนแก๊สก็กำลังจะจ่อปรับราคาขึ้น&nbsp;ตอนนี้ยังราคา&nbsp;1,105&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;48&nbsp;โล&nbsp;ใช้ได้&nbsp;9&nbsp;วันต่อหนึ่งวัน&nbsp;</p><p><strong>ซึ่งตอนนี้ต้นทุนมาแพงขึ้นทุกอย่าง&nbsp;เราก็แจ้งลูกค้าก่อนว่าขอขึ้นนิดหน่อย&nbsp;</strong>จากน้ำแก้วละ&nbsp;10&nbsp;บาท&nbsp;ขอเป็นแก้วละ&nbsp;12&nbsp;บาท&nbsp;แต่ลูกค้าก็เข้าใจ&nbsp;ยังคงมีลูกค้ามาซื้ออยู่&nbsp;จากเดิมจะได้กำไรเยอะในแต่ละวันขายได้&nbsp;5,000&nbsp;กว่าบาท&nbsp;แต่ตอนนี้ได้ไม่ถึงแล้ว&nbsp;โดยที่ร้านเราจะขายทุกวันตั้งแต่&nbsp;10.00-16.00&nbsp;น.&nbsp;ช่วงลูกค้าเริ่มเงียบ&nbsp;จากเมื่อก่อนจะขายหมดก่อนเวลา&nbsp;ตอนนี้ลูกค้าเงียบลง&nbsp;แต่ละวันจะเตรียมแป้งจากเดิม&nbsp;9-10&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ตอนนี้เตรียมไว้แค่&nbsp;6-7&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;แต่ก่อนขายหมดทุกวัน&nbsp;แต่ตอนนี้คือเงียบเลยบางวันของก็เหลือ&nbsp;ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดีเลย&nbsp;ของแพง&nbsp;คนไม่มีเงิน&nbsp;ตนคิดว่ารัฐบาลควรกระเตื้องต้องลงมาดูใกล้ชิดช่วงนี้&nbsp;&nbsp;อยากให้รัฐบาลลงมาเดินสำรวจตลาดทุกวัน&nbsp;อยากให้มาเองแล้วจะรู้ว่ามันสุดๆ&nbsp;แล้ว&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ต้องบอกเลยว่าตอนนี้ที่บ้านไม่ซื้อหมูมากินแล้วหลังจากหมูมีราคาแพงมาก</strong>&nbsp;จากที่เคยซื้อมาเป็นประจำ&nbsp;ยอมซื้อไก่มากิน&nbsp;ไปตลาดเมื่อเห็นแผงหมูต้องเดินผ่านเลย&nbsp;เพราะค่าใช้จ่ายที่บ้านเยอะ&nbsp;ตอนนี้ก็ต้องประหยัดหน่อยแต่ก็ยังดีที่เราไม่ได้เช่าบ้าน&nbsp;หากเช่าบ้านด้วยคงแย่หนักกว่านี้</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>25/1/2022ภาคใต้ตรังสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125154938260 สนง.พาณิชย์จังหวัดนราธิวาส ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเย็นที่เก็บเนื้อสุกรและเนื้อไก่ ในเขตอ.เมืองนราธิวาส เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า โดยเฉพาะช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีน พร้อมเชิญชวนอุดหนุนสินค้าอุปโภค-บริโภค ราคาย่อมเยา ใน”ตลาดยิ้มได้” ในวันที่ 26 -27 ม.ค.นี้ ณ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา อ.เมือง จ.นราธิวาส<p><strong>สนง.พาณิชย์จังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง</strong>&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเย็นที่เก็บเนื้อสุกรและเนื้อไก่&nbsp;ในเขตอ.เมืองนราธิวาส&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า&nbsp;โดยเฉพาะช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีน&nbsp;พร้อมเชิญชวนอุดหนุนสินค้าอุปโภค-บริโภค&nbsp;ราคาย่อมเยา&nbsp;ใน”ตลาดยิ้มได้”&nbsp;ในวันที่&nbsp;26&nbsp;-27&nbsp;ม.ค.นี้&nbsp;ณ&nbsp;สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;6&nbsp;รอบพระชนมพรรษา&nbsp;&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.นราธิวาส</p><p><strong>วันที่&nbsp;25&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนราธิวาส&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;</strong>ปศุสัตว์จังหวัดนราธิวาส&nbsp;และด่านกักกันสัตว์&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเย็นที่เก็บเนื้อสุกรและเนื้อไก่&nbsp;ในเขตอำเภอเมืองนราธิวาส&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;แห่ง&nbsp;ได้แก่&nbsp;บริษัทมายด์ฟู้ด&nbsp;สาขานราธิวาส&nbsp;ถ.พิชิตบำรุง&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.นราธิวาส&nbsp;,ห้องเย็นวาณิช&nbsp;ถ.พนาสณฑ์&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.นราธิวาส&nbsp;และร้านสันติฟาร์ม&nbsp;ถ.สุริยะประดิษฐ์&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.นราธิวาส&nbsp;เพื่อเป็นการป้องกันการกักตุนสินค้า&nbsp;โดยเฉพาะในช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีนนี้ด้วย&nbsp;โดยผลการตรวจสอบและติดตามภาวะการจำหน่ายครั้งนี้&nbsp;พบว่าผู้ประกอบการมีเอกสารถูกต้อง&nbsp;ไม่ปรากฏว่ามีการกักตุนสินค้าแต่อย่างใด&nbsp;รวมถึงมีการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าอย่างชัดเจน</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;จังหวัดนราธิวาสเชิญชวนประชาชน&nbsp;ร่วมอุดหนุนสินค้าราคาประหยัด</strong>&nbsp;ในตลาดยิ้มได้&nbsp;โดยจัดจำหน่ายสินค้าราคาย่อมเยา&nbsp;เช่น&nbsp;ผลผลิตการเกษตรในพื้นที่&nbsp;ตลอดจนกลุ่มอาชีพต่างๆ&nbsp;อาทิ&nbsp;กลุ่มสินค้าโอทอป&nbsp;รวมไปถึงโครงการธงฟ้าราคาประหยัด&nbsp;และการจำหน่ายเนื้อสุกร&nbsp;ราคาควบคุมในกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณ&nbsp;สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;6&nbsp;รอบพระชนมพรรษา&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดนราธิวาส&nbsp;</p><p><strong>โดยจัดจำหน่ายในทุกๆสัปดาห์ๆละ&nbsp;2&nbsp;วัน&nbsp;ได้แก่วันพุธและวันพฤหัสบดี</strong>&nbsp;ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่&nbsp;26&nbsp;-27&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นี้&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;15.00&nbsp;-&nbsp;18.00&nbsp;น.&nbsp;เพื่อสร้างรอยยิ้มและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนในเบื้องต้น</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>25/1/2022ภาคใต้นราธิวาสสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาสhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125155120261 นายก อบจ.นราฯทุ่มงบ 38,569,000 บาท จัดสร้างแพขนานยนต์ เชื่อมความสัมพันธ์ไทย-มาเลเซีย ยกระดับการค้าชายแดน<p><strong>วันที่&nbsp;25&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;09.30&nbsp;น.&nbsp;ที่ห้องโถง&nbsp;ชั้น&nbsp;1&nbsp;องค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส</strong>&nbsp;ตำบลลำภู&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดนราธิวาส&nbsp;นายกูเซ็ง&nbsp;ยาวอหะซัน&nbsp;นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส&nbsp;เป็นประธานแถลงข่าวและลงนามสัญญาจ้างโครงการจัดสร้างแพขนานยนต์&nbsp;ระหว่างนายกูเซ็ง&nbsp;ยาวอหะซัน&nbsp;นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส&nbsp;ในนามองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส&nbsp;กับ&nbsp;นางสาวรัตปภา&nbsp;ภูนาถภัทรสิน&nbsp;กรรมการบริหารบริษัทมิทส์ดิสิชั่น&nbsp;จำกัด&nbsp;ร่วมลงนามในครั้งนี้โดยมีนายสังคม&nbsp;เกิดก่อ&nbsp;นายอำเภอตากใบ&nbsp;นายอรรณพ&nbsp;คำณานุรักษ์&nbsp;ท้องถิ่นจังหวัดนราธิวาส&nbsp;และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามในครั้งนี้</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;องค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส&nbsp;ได้อนุมัติงบประมาณจัดสร้างแพขนานยนต์</strong>&nbsp;ด่านตากใบ&nbsp;ซึ่งเป็นด่านทางน้ำระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซียที่มีการคมนาคมโดยใช้&nbsp;แพขนานยนต์&nbsp;การจะได้มาซึ่งแพขนานยนต์ลำใหม่นับว่าเป็นการพัฒนา&nbsp;ความพร้อมของพื้นที่เพื่อสร้างบรรยากาศสำหรับส่งเสริมการค้าการลงทุน&nbsp;การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน&nbsp;โครงข่ายคมนาคมขนส่ง&nbsp;และโลจิสติกส์เพื่อสร้างโอกาสในการขยายช่องทางการค้าเชื่อมโยงทั้งตลาดภายใน&nbsp;และระหว่างประเทศซึ่งส่งผลให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจังหวัดนราธิวาส&nbsp;และภูมิภาค&nbsp;โดยจังหวัดนราธิวาสมียุทธศาสตร์การพัฒนาที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการค้า&nbsp;การลงทุน&nbsp;พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ&nbsp;และเมืองการค้าชายแดน&nbsp;ทั้ง&nbsp;3&nbsp;ด่าน&nbsp;ได้แก่ด่านชายแดนสุไหงโก-ลก&nbsp;บูเก๊ะตา&nbsp;และตากใบ&nbsp;สำหรับด่านตากใบ&nbsp;มีแม่น้ำ&nbsp;โก-ลกเป็นแม่น้ำกั้นพรมแดนระหว่างไทยกับมาเลเซีย&nbsp;ซึ่งการจัดสร้างแพขนานยนต์ลำใหม่นับเป็นการสอดรับนโยบายการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน&nbsp;และระบบโลจิสติกส์&nbsp;เป็นการขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม&nbsp;อันจะนำประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนทั้งฝั่งไทยและมาเลเซียที่ต้องได้รับการพัฒนา&nbsp;ให้ดีขึ้น&nbsp;ทั้งนี้เพื่อยกระดับการค้าชายแดน&nbsp;และความร่วมมือในมิติต่างๆให้ดีขึ้นอีกด้วย</p><p><strong>ด้านนายกูเซ็ง&nbsp;ยาวอหะซัน&nbsp;นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส&nbsp;เผยว่า</strong>&nbsp;องค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส&nbsp;ได้อนุมัติใช้จ่ายเงิน&nbsp;สะสมประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2564&nbsp;จำนวน&nbsp;38,569,000&nbsp;บาท&nbsp;ในการจัดสร้างแพขนานยนต์ใหม่&nbsp;เพื่อทดแทนแพขนานยนต์ลำเดิม&nbsp;ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี&nbsp;พ.ศ.2554&nbsp;ซึ่งมีสภาพชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก&nbsp;แพขนานยนต์ลำใหม่ที่จะจัดสร้าง&nbsp;มีขนาดกว้าง&nbsp;6&nbsp;เมตร&nbsp;ยาว&nbsp;21&nbsp;เมตร&nbsp;ลึก&nbsp;1.55&nbsp;เมตร&nbsp;สามารถ&nbsp;บรรทุกผู้โดยสารได้&nbsp;จำนวน&nbsp;30&nbsp;คน&nbsp;บรรทุกยานพาหนะ&nbsp;(รถยนต์)&nbsp;ขนาด&nbsp;2,500&nbsp;กิโลกรัมต่อวัน&nbsp;ได้จำนวน&nbsp;4&nbsp;คัน&nbsp;ให้บริการแก่ประชาชนในการ&nbsp;เดินทางระหว่างประเทศ&nbsp;การขนส่งสินค้า&nbsp;และผลผลิตทางการเกษตรข้ามฟากระหว่างด่านชายแดนตากใบ&nbsp;หมู่ที่&nbsp;1&nbsp;ตำบลเจ๊ะเห&nbsp;ไปยังด่านเป็งกาลันกูโบร์&nbsp;รัฐกลันตัน&nbsp;ประเทศมาเลเซีย&nbsp;โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ&nbsp;10&nbsp;นาที&nbsp;</p><p><strong>ปัจจุบันด่านพรมแดนตากใบ&nbsp;ได้เปิดให้ขนส่งสินค้าผ่านแพขนานยนต์</strong>ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาสข้ามไป-มา&nbsp;ระหว่าง&nbsp;2&nbsp;ประเทศ&nbsp;เพื่อหวังขยายมูลค่าการค้าชายแดนให้มีการเติบโต&nbsp;หากเปรียบเทียบมูลค่าการค้าที่เกิดจากการขนส่งผ่านแพขนานยนต์&nbsp;อาจจะมีมูลค่าน้อยกว่าการขนส่งทางถนนหรือทางอากาศแต่สิ่งที่ได้มากกว่ามูลค่าการค้า&nbsp;คือ&nbsp;การให้บริการในการสัญจรของประชาชน&nbsp;ในพื้นที่เพื่อไปมาหาสู่ระหว่างไทย-มาเลเซีย&nbsp;แพขนานยนต์ลำใหม่นี้เป็น&nbsp;แพขนานยนต์ที่ได้มาตรฐาน&nbsp;และมีความปลอดภัย&nbsp;ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส&nbsp;ตั้งใจมอบให้พี่น้องประชาชนจังหวัดนราธิวาส&nbsp;รวมทั้งชายไทยและต่างชาติได้ใช้สัญจรไป-มา&nbsp;เพื่อให้ได้รับความสะดวก&nbsp;รวดเร็ว&nbsp;และปลอดภัยในการโดยสารแพขนานยนต์&nbsp;โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัด&nbsp;นราธิวาสมุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพเพื่อการจัดบริการ&nbsp;สาธารณะที่ยั่งยืน&nbsp;ครอบคลุมทุกมิติ&nbsp;และก่อให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวมต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>25/1/2022ภาคใต้นราธิวาสสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาสhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125155528268 คณะนักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 64 วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ลงพื้นที่รับฟังยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง ปัญหาชายแดนไทยเมียนมา และการค้าชายแดน ของจังหวัดตาก<p><strong>วันนี้&nbsp;(25&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;เวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.&nbsp;</strong>ที่ห้องเวียงปิง&nbsp;ชั้น&nbsp;4&nbsp;โรงแรมเวียงตากริเวอร์ไซด์&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดตาก&nbsp;นายสมชัย&nbsp;กิจเจริญรุ่งโรจน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก&nbsp;เป็นประธานกล่าวต้อนรับคณะนักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร&nbsp;(วปอ.)&nbsp;รุ่นที่&nbsp;64&nbsp;วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร&nbsp;สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ&nbsp;ในโอกาสเดินทางมาดูกิจการและศึกษาภูมิประเทศภาคเหนือ&nbsp;โดยมี&nbsp;พลตรี&nbsp;เจนสิทธิ์&nbsp;คนศิลป์&nbsp;รองผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร&nbsp;สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ&nbsp;นำคณาจารย์และคณะนักศึกษา&nbsp;วปอ.64&nbsp;เดินมาดูงานในครั้งนี้</p><p><strong>ด้วยวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร&nbsp;สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ</strong>&nbsp;มีกำหนดนำนักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร&nbsp;(วปอ.)&nbsp;รุ่นที่&nbsp;64&nbsp;พร้อมด้วยคณาจารย์และเจ้าหน้าที่&nbsp;เดินทางมาดูกิจการและศึกษาภูมิประเทศภาคเหนือ&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;24-30&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;รวม&nbsp;7&nbsp;วัน&nbsp;ซึ่งมีกำหนดดูกิจการฯ&nbsp;ในพื้นที่จังหวัดตาก&nbsp;ในวันนี้</p><p><strong>โดยจังหวัดตาก</strong>&nbsp;ได้นำเสนอข้อมูลในรูปแบบบรรยายสรุป&nbsp;เรื่อง&nbsp;"ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง&nbsp;ปัญหาชายแดนไทยเมียนมาในพื้นที่จังหวัดตาก"&nbsp;โดย&nbsp;พันเอกประสาน&nbsp;เห็นประเสริฐ&nbsp;รองผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร&nbsp;และเรื่อง&nbsp;"การค้าชายแดน"&nbsp;โดย&nbsp;หอการค้าจังหวัดตาก&nbsp;หลังจากนั้น&nbsp;เป็นการซักถามประเด็นข้อสงสัย&nbsp;และความคิดเห็นเพิ่มเติมในเรื่องที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;คณะนักศึกษา&nbsp;วปอ.&nbsp;64&nbsp;จะได้นำข้อมูลจากการลงพื้นที่ติดตามสภาวการณ์ในพื้นที่ต่างๆ&nbsp;ของภาคเหนือ&nbsp;ที่สำคัญในเชิงลึกไปเป็นข้อมูลในการจัดทำข้อเสนอแนะฯ&nbsp;ในห้วงท้ายของหลักสูตรต่อไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>สำหรับวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร</strong>&nbsp;หรือ&nbsp;วปอ.&nbsp;เป็นสถาบันการศึกษาชั้นสูงของประเทศ&nbsp;ขึ้นตรงกับสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ&nbsp;กองบัญชาการกองทัพไทย&nbsp;กระทรวงกลาโหม&nbsp;มีหน้าที่จัดการศึกษาหลักสูตรเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติและการป้องกันราชอาณาจักร&nbsp;ให้แก่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน&nbsp;พนักงานองค์การของรัฐ&nbsp;รัฐวิสาหกิจ&nbsp;รวมทั้งเอกชน&nbsp;โดยฝึกปฏิบัติการวางแผนและนโยบายระดับชาติ&nbsp;การพัฒนายุทธศาสตร์ชาติ&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>25/1/2022ภาคตะวันตกตากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตากhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125162148308 จ.ตาก แถลงข่าวการจัดงานแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจ ระหว่างผู้ประกอบการของไทย-ลาว-เมียนมา ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชายแดนภาคเหนือ เพื่อขับเคลื่อนกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างมูลค่าการส่งออกสินค้าชายแดนในอนาคต<p><strong>วันนี้&nbsp;(25&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;เวลา&nbsp;14.00&nbsp;น.&nbsp;</strong>ที่ห้องเวียงวัง&nbsp;โรงแรมเวียงตาก&nbsp;ริเวอร์ไซค์&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดตาก&nbsp;นายสมชัย&nbsp;กิจเจริญรุ่งโรจน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก&nbsp;เป็นประธานการแถลงข่าวงานแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจชายแดนภาคเหนือ&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;นางสาวปาริชาติ&nbsp;พงค์พันเทา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตาก&nbsp;สำหรับการจัดงานแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการของไทย-ลาว-เมียนมา&nbsp;ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชายแดนภาคเหนือ&nbsp;เพื่อขับเคลื่อนกระตุ้นเศรษฐกิจ&nbsp;และสร้างมูลค่าการส่งออกสินค้าชายแดนในอนาคต&nbsp;โดยมี&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;และสื่อมวลชน&nbsp;เข้าร่วมการแถลงข่าวในครั้งนี้</p><p><strong>ด้วยกระทรวงพาณิชย์&nbsp;</strong>โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดภาคเหนือ&nbsp;17&nbsp;จังหวัด&nbsp;กำหนดจัดโครงการส่งเสริมและพัฒนาการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชายแดนภาคเหนือขึ้น&nbsp;เพื่อส่งเสริมและพัฒนาทั้งด้านบุคลากร&nbsp;การสร้างอาชีพ&nbsp;การเพิ่มศักยภาพการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน&nbsp;การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน&nbsp;และกระตุ้นให้ผู้ประกอบการภาคเหนือพัฒนาศักยภาพในการผลิตสินค้าและบริการของตนเองสู่ตลาดการค้าชายแดน&nbsp;-&nbsp;ผ่าน</p><p>แดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;และคาดว่าจะช่วยสร้างความคึกคักในตลาด&nbsp;เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ&nbsp;การค้า&nbsp;และสร้างรายได้ให้กับชุมชน&nbsp;หลังจากที่ประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;มายาวนาน</p><p><strong>สำหรับงานแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจชายแดนภาคเหนือ</strong>&nbsp;จะจัดขึ้นระหว่างวันที่&nbsp;2-6&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณลานกิจกรรม&nbsp;ชั้น&nbsp;1&nbsp;ศูนย์การค้าเซ็นทรัล&nbsp;พิษณุโลก&nbsp;จังหวัดพิษณุโลก&nbsp;โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย&nbsp;การแสดงและจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการภาคเหนือ&nbsp;17&nbsp;จังหวัด&nbsp;จำนวน&nbsp;60&nbsp;คูหา&nbsp;,&nbsp;ส่วนเจรจาธุรกิจ&nbsp;โดยมีผู้ประกอบการธุรกิจ&nbsp;ผู้ส่งออก-นำเข้าสินค้าจาก&nbsp;สปป.&nbsp;ลาว&nbsp;และเมียนมา&nbsp;เข้าร่วมกิจกรรมเจรจาจับคู่&nbsp;และกิจกรรมส่งเสริมการขาย&nbsp;รวมทั้งการแสดงศิลปวัฒนธรรมความบันเทิงตลอดการจัดงาน</p><p><strong>ทางด้าน&nbsp;นายสมชัย&nbsp;กิจเจริญรุ่งโรน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก</strong>&nbsp;ได้เปิดเผยว่า&nbsp;รัฐบาลให้ความสำคัญในการสนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยง&nbsp;และขยายมูลค่าการค้า&nbsp;การลงทุนของประเทศเพื่อนบ้านและภาคเหนือ&nbsp;อาทิ&nbsp;การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ&nbsp;(แม่สอด,&nbsp;เชียงราย)&nbsp;การสร้างรถไฟความเร็วสูง&nbsp;การขยายรถไฟรางคู่&nbsp;การสร้างสนามบินนานาชาติแห่งใหม่&nbsp;เป็นต้น&nbsp;ถือเป็นการพัฒนาและยกระดับการแข่งขันให้ภาคเหนือของประเทศเกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ&nbsp;ในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าอย่างยั่งยืน</p><p><strong>โอกาสนี้&nbsp;จึงได้ขอเชิญชวนประชาชน</strong>&nbsp;นักท่องเที่ยว&nbsp;และนักธุรกิจ&nbsp;และผู้ที่สนใจร่วมงานแสดงสินค้าและเจรจาธุรกิจ&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;2-6&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;ศูนย์การค้าเซ็นทรัล&nbsp;พิษณุโลก&nbsp;จังหวัดพิษณุโลก&nbsp;เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ&nbsp;และสร้างมูลค่าการส่งออกสินค้าชายแดน&nbsp;ต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>25/1/2022ภาคตะวันตกตากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตากhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125162502310 ผู้ว่าฯ นครพนม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าในตลาดสดและตรวจเยี่ยมโครงการหมูพาณิชย์ ลดราคา ช่วยประชาชน<p><strong>วันนี้(25&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายชาธิป&nbsp;รุจนเสรี</strong>&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม&nbsp;พร้อมด้วยพาณชิย์จังหวัดนครพนม&nbsp;ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดนครพนม&nbsp;ด่านกักกันสัตว์&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าในตลาดสดเทศบาลเมืองนครพนม&nbsp;และตรวจเยี่ยมโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ด้วยความห่วงใยพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครพนม&nbsp;รวมถึงพ่อค้าแม่ค้า&nbsp;ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;และการปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าอุปโภค&nbsp;บริโภค&nbsp;</p><p><strong>ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั่วประเทศ</strong>&nbsp;รวมทั้งประชาชนในจังหวัดนครพนม&nbsp;เพื่อให้กำลังใจและคำแนะนำผู้ประกอบการค้าในการปรับวิธีการจำหน่ายให้สอดรับกับวิถีชีวิตของผู้คนในสถานการณ์ปัจจุบันและกำชับผู้ประกอบการให้ปิดป้ายแสดงราคาให้ถูกต้อง&nbsp;ชัดเจน&nbsp;ไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคาหรือจำหน่ายสินค้าแพงเกินสมควร&nbsp;</p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</span></p>25/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครพนมสวท.นครพนมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125181407404 อำเภอเมืองหนองบัวลำภู บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำรวจการกักตุนเนื้อสุกรในพื้นที่<p><strong>อำเภอเมืองหนองบัวลำภู </strong>บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดชุดปฏิบัติการเพื่อปฎิบัติหน้าที่ในการสำรวจการกักตุนเนื้อสุกรในพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งมี กอ.รมน. จังหวัดหนองบัวลำภู สรรพากรจังหวัดหนองบัวลำภู ปศุสัตว์จังหวัดหนองบัวลำภู สภ.เมืองหนองบัวลำภู ฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองหนองบัวลำภูและสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองหนองบัวลำภู ออกตรวจที่บริเวณฟาร์มณัฐพงษ์ จุดที่มีการชำแหละเนื้อหมูส่งขายในเขตพื้นที่อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จากการซักถามในประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับราคาเนื้อหมู ที่มีการขยับราคาขึ้นสูงผิดปกติและได้ตรวจราคาเนื้อหมูที่ห้างแม็คโครสาขาหนองบัวลำภู ไม่พบปัญหาเนื้อสุกรแพงกว่าปกติ </p>25/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครหน่วยงานสำนักข่าวhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125160548296 พาณิชย์จังหวัดตราดร่วมกับอำเภอเมืองตราด และปศุสัตว์อำเภอเมืองตราดลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเย็นสำหรับแช่เนื้อสุกรในพื้นที่อำเภอเมืองตราด<p><strong>วันนี้&nbsp;(25&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นางวรัญญา&nbsp;ถนอมพันธ์ุ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตราด&nbsp;</strong>ร่วมกับ&nbsp;นายพีระ&nbsp;เอี่ยมสุนทร&nbsp;นายอำเภอเมืองตราด&nbsp;และ&nbsp;นายคุณาวุฒิ&nbsp;ธวันทา&nbsp;ปศุสัตว์อำเภอเมืองตราด&nbsp;ได้ร่วมกันลงพื้นที่ในการตรวจสอบห้องแช่เย็น&nbsp;สำหรับการแช่เนื้อสุกรในเขตพื้นที่ของอำเภอเมืองตราดประกอบไปด้วยห้องแช่เย็นกิจเจริญฟาร์ม&nbsp;แบทาโกรสาขาตราด&nbsp;ร้านสมนึก</p><p><strong>สำหรับการตรวจห้องเย็นในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของทางกระทรวงพาณิชย์</strong>&nbsp;ในการตรวจสอบห้องเย็นในทุกพื้นที่&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุนเนื้อสุกร&nbsp;ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้เนื้อสุกรราคาสูงขึ้นในปัจจุบัน&nbsp;ซึ่งผลการตรวจในครั้งนี้ยังไม่พบผู้กระทำผิดในเรื่องของการกักตุนเนื้อสุกร&nbsp;ในพื้นที่ของอำเภอเมืองตราด</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;</p>25/1/2022ภาคตะวันออกตราดสวท.ตราดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125161116303 ของเครื่องเซ่นไหว้ เริ่มปรับราคาเล็กน้อย รับเทศกาลตรุษจีน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา<p><strong>วันที่&nbsp;25&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</strong>ผู้สื่อข่าวออกสำรวจราคาอาหารสดและร้านเครื่องเซ่นไหว้&nbsp;ก่อนจะถึงเทศกาลตรุษจีนประจำปี&nbsp;2565&nbsp;โดยที่ตลาดเจ้าพรหม&nbsp;ตำบลหอรัตนชัย&nbsp;อำเภอพระนครศรีอยุธยา&nbsp;จังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;มีบรรยากาศการจำหน่ายสินค้าต่างๆ&nbsp;ยังไม่คึกคัก&nbsp;</p><p><strong>นางประคองจิต&nbsp;เพชรเรือนทอง&nbsp;แม่ค้าไก่สดในตลาด&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ไก่สดได้มีการปรับราคาขึ้น&nbsp;ครั้งละ&nbsp;1-2&nbsp;บาท&nbsp;จนปัจจุบันปรับเป็น&nbsp;10&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;เช่น&nbsp;ราคาไก่ตัวอยู่ที่&nbsp;80&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;จากเดิม&nbsp;70&nbsp;บาท&nbsp;เครื่องใน&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;น่องกิโลกรัมละ&nbsp;90&nbsp;บาท&nbsp;ปีกไก่&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;90&nbsp;บาท&nbsp;อกไก่&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;ขาไก่&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;120&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งเป็นการปรับราคาขึ้นมาจากเดิมอย่างละ&nbsp;10&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;ส่วนยอดการจำหน่ายไก่ไม่ได้เพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใด&nbsp;ถึงแม้ว่าจะราคาถูกกว่าเนื้อหมู&nbsp;</p><p><strong>ส่วนบรรยากาศที่ร้านเครื่องเซ่นไหว้อั้งเซี่ยงเฮง</strong>&nbsp;ตำบลหอรัตนชัย&nbsp;อำเภอพระนครศรีอยุธยา&nbsp;จังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;โดย&nbsp;นายวันชัย&nbsp;เกิดสกุล&nbsp;เจ้าของร้าน&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ในปีนี้ราคาของเซ่นไหว้ต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ยังไม่มีการปรับราคามากนัก&nbsp;เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ&nbsp;รวมถึงสถานการณ์ของโควิด-19&nbsp;ทำให้มีประชาชนมาเลือกซื้อน้อยลง&nbsp;ซึ่งได้แต่หวังว่าใกล้วันตรุษจีนประชาชนจะมาเลือกสินค้ามากขึ้น&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>25/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลพระนครศรีอยุธยาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125164542326 รองผูู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นำทีมลงพื้นที่ตรวจสถานประกอบการหลังราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวสูงขึ้น<p><strong>วันนี้&nbsp;(&nbsp;25&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;)&nbsp;นายพุฒิพงศ์&nbsp;ศิริมาตย์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่</strong>&nbsp;มอบหมายให้นายสมชาย&nbsp;หาญภักดีปฏิมา&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;พาณิชย์จังหวัดกระบี่&nbsp;ผู้แทน&nbsp;กอ.รมน.จว.กระบี่&nbsp;ผู้แทนตำรวจภูธรเมืองกระบี่&nbsp;ผู้แทนสำนักงานสาขาชั่งตวงวัด&nbsp;เขต&nbsp;3-6&nbsp;กระบี่&nbsp;&nbsp;สำนักงานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค&nbsp;ประจำจังหวัดกระบี่&nbsp;ผู้แทนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่&nbsp;ผู้แทนองค์การบริหารส่วนตำบลไสไทย&nbsp;และเทศบาลตำบลกระบี่น้อย&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;&nbsp;&nbsp;อาทิ&nbsp;น้ำมัน&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;น้ำตาล&nbsp;ผัก&nbsp;ผลไม้&nbsp;ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;ณ&nbsp;ห้างสรรพสินค้าแม็คโคร&nbsp;ห้างบิ๊กซีกระบี่&nbsp;และห้างเทสโก้โลตัส&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>เนื่องจากสถานการณ์ปัญหาค่าครองชีพครัวเรือนในปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น</strong>&nbsp;ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจมีการปรับราคาสินค้าอุปโภค&nbsp;บริโภค&nbsp;ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนทุกระดับ&nbsp;และเพื่อไม่ให้ผู้ประกอบธุรกิจมีการจำหน่ายสินค้าเกินราคา&nbsp;หรือ&nbsp;กักตุนสินค้า&nbsp;และปฏิเสธการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ&nbsp;ผลการตรวจสอบปรากฏว่า&nbsp;ผู้ประกอบการมีการปรับราคาสินค้าบางชนิด&nbsp;ซึ่งราคาสินค้าเป็นไปตามกลไกตลาด&nbsp;ผู้ประกอบการมีการแสดงป้ายราคาเรียบร้อย&nbsp;และสินค้าบางรายการมีการจำกัดจำนวนการซื้อสำหรับผู้บริโภค&nbsp;ทางผู้ประกอบการได้มีป้ายแจ้งให้ผู้บริโภคทราบว่าสินค้าชนิดนี้ผู้บริโภคสามารถซื้อได้คนละไม่เกินเท่าไหร่&nbsp;และไม่พบว่าผู้ประกอบธุรกิจมีการกักตุนสินค้าแต่อย่างใด&nbsp;จากการตรวจสอบได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการเป็นอย่างดี&nbsp;จากการออกตรวจสอบสินค้า&nbsp;ไม่พบการกักตุนสินค้า&nbsp;ซึ่งราคาสินค้าเป็นไปตามกลไกตลาด&nbsp;</p><p><strong>รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่&nbsp;ขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึง&nbsp;</strong>หรือลดราคาสินค้าที่จำเป็น&nbsp;เพื่อช่วยเหลือประชาชน&nbsp;พร้อมกำชับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตาม&nbsp;พ.ร.บ.&nbsp;ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;โดยปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าให้ชัดเจน&nbsp;ห้ามจำหน่ายสินค้าในราคาแพงเกินสมควร&nbsp;ห้ามกักตุนหรือปฏิเสธการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพของประชาชน</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>25/1/2022ภาคใต้กระบี่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125164401324 เกษตรอำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ทดลองเปิดตลาดเกษตรกรอำเภอย่านตาขาว ณ ตลาดศรีตรัง ตำบลย่านตาขาว<p><strong>วันนี้&nbsp;(25&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;</strong>นายนนท์นภนต์&nbsp;นาพอ&nbsp;เกษตรอำเภอย่านตาขาว&nbsp;พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอย่านตาขาว?&nbsp;ร่วมกับคณะกรรมการตลาดเกษตรกรอำเภอย่านตาขาว&nbsp;ทดลองเปิดตลาดเกษตรกรอำเภอย่านตาขาว&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดศรีตรัง&nbsp;ตำบลย่านตาขาว&nbsp;อำเภอย่านตาขาว&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;โดยเริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร&nbsp;เวลา?&nbsp;11.00&nbsp;น.?&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนเต้นท์&nbsp;โต๊ะ&nbsp;ผ้ากันเปื้อน&nbsp;หมวก&nbsp;และถุงบรรจุสินค้า&nbsp;จากจังหวัดตรัง&nbsp;โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง</p><p>&nbsp;<strong>สำหรับจุดประสงค์ในการตั้งตลาดเกษตรกรอำเภอ&nbsp;</strong>เพื่อพัฒนาตลาดให้เป็นที่จำหน่ายสินค้าหลักของเกษตรกรและกลุ่มสถาบันเกษตรกรในพื้นที่อำเภอย่านตาขาว?&nbsp;และภาคีเครือข่าย?&nbsp;?โดยในการจัดตลาดครั้งนี้ฯ&nbsp;นำสินค้าเกษตร&nbsp;ผลิตภัณฑ์จากสินค้าเกษตร&nbsp;อาหารแปรรูป&nbsp;เครื่องดื่มสมุนไพร&nbsp;และต้นไม้&nbsp;มาจำหน่ายจำนวน&nbsp;14&nbsp;ร้านค้า&nbsp;โดยตลาดเกษตรกรอำเภอย่านตาขาว?&nbsp;กำหนดเปิดอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่&nbsp;8&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;(ตลาดเกษตรกรอำเภอย่านตาขาว&nbsp;เปิดจำหน่ายในวันอังคาร&nbsp;และวันศุกร์&nbsp;เวลา&nbsp;11.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดศรีตรัง&nbsp;ตำบลย่านตาขาว&nbsp;อำเภอย่านตาขาว&nbsp;จังหวัดตรัง)</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;</p>25/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125170903338 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดมหาสารคาม ลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ประกอบการ เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า ช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีน<p>วันนี้&nbsp;(25&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายเจนณรงค์&nbsp;ศรีอินทร์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดมหาสารคาม&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมหาสารคาม&nbsp;ตำรวจภูธรจังหวัดมหาสารคาม&nbsp;สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดมหาสารคาม&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ประกอบการ&nbsp;ณ&nbsp;ห้างสรรพสินค้าในเขตพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม&nbsp;เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า&nbsp;ให้ประชาชนสามารถเปรียบเทียบคุณภาพ&nbsp;ชนิด&nbsp;และ&nbsp;ปริมาณกับราคาสินค้าได้สะดวก&nbsp;เป็นการดูแลผู้บริโภคและป้องปรามไม่ให้ผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าเกินสมควร&nbsp;ในช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;ซึ่งเป็นการเอารัดเอาเปรียบประชาชน&nbsp;ในช่วงเทศกาลตรุษจีน</p><p><br></p><p><br></p><p>นายเจนณรงค์&nbsp;ศรีอินทร์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดมหาสารคาม&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ในวันนี้ได้ออกติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าในช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน&nbsp;โดยภาพรวมสินค้าส่วนใหญ่ราคาจำหน่ายยังคงทรงตัว&nbsp;ยกเว้นหมู&nbsp;ที่ยังอยู่ในระดับค่อนข้างจะสอดคล้องกับต้นทุนของหมูมีชีวิต&nbsp;โดยยอดการจำหน่ายเนื้อหมูลดลงประมาณ&nbsp;20-30%&nbsp;เนื่องจากว่าผู้บริโภคหันไปบริโภคสินค้าอื่นทดแทน&nbsp;ในส่วนของผู้ประกอบการเองก็ได้ออกแพคเกจใหม่ๆมาหลายรายการ&nbsp;ให้ผู้บริโภคได้เลือก&nbsp;นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารแช่แข็งเก็บไว้บริการให้กับผู้บริโภคที่จะใช้ในช่วงตรุษจีน&nbsp;และได้มีการกำหนดแผนในเรื่องของการจำหน่ายประเภทอาหารสด&nbsp;ไม่ให้ขาดตลาด&nbsp;ฝากถึงผู้บริโภค&nbsp;ให้เลือกซื้อสินค้าที่มีการติดป้ายแสดงราคา&nbsp;และก็ควรตัดสินใจเลือกหลายๆที่&nbsp;ทั้งจำหน่ายปลีกทั่วไป&nbsp;เพื่อเป็นการลดค่าครองชีพและประหยัดค่าใช้จ่าย&nbsp;ถ้าหากไม่ได้รับความเป็นธรรมก็สามารถร้องเรียนไปที่สายด่วน&nbsp;1569&nbsp;หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมหาสารคาม&nbsp;</p>25/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมหาสารคามสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมหาสารคามhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125180123389 เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เชิญชวนร่วมประกวดตั้งชื่อภาษาจีนให้ “เสือโคร่งสีทอง” ต้อนรับตรุษจีน<p>เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เชิญชวนร่วมประกวดตั้งชื่อภาษาจีนให้</p><p>“เสือโคร่งสีทอง” ต้อนรับตรุษจีน</p><p>เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เชิญชวนร่วมประกวดตั้งชื่อภาษาจีนให้กับ</p><p>“เสือโคร่งสีทอง” จำนวน 3 ตัว ลุ้นรับรางวัลสุดพิเศษ ต้อนรับตรุษจีน</p><p>นายสายสิทธิ์ เจตสิกทัต ปฏิบัติหน้าที่แทน</p><p>ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร</p><p>เชิญชวนร่วมตั้งชื่อภาษาจีนที่มีความหมายมงคลให้ “เสือโคร่งสีทอง”</p><p>สมาชิกใหม่ เพศเมีย จำนวน 3 ตัว ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564</p><p>เกิดจาก “พ่อเครสเปรสโซ่” และ “แม่คริสต้า” ต้อนรับตรุษจีน</p><p>ลุ้นรับรางวัลสุดพิเศษ จำนวน 1 รางวัล ได้แก่</p><p>บัตรเข้าชมเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีฟรี 4 ใบ และแมสก์ลายกรงเล็บน้องเสือ 4</p><p>ชิ้น จากเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โดยสามารถร่วมตั้งชื่อ ได้ที่ Facebook :</p><p>เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี Chiang Mai Night Safari</p><p>ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2565 และประกาศผลวันที่ 1</p><p>กุมภาพันธ์ 2565</p><p>ปัจจุบันเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี มีเสือโคร่งสีทองทั้งหมด 5 ตัว</p><p>โดยลูกเสือโคร่งสีทองทั้ง 3 ตัว ขณะนี้อยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่</p><p>ในส่วนจัดแสดงอาคาร Tiger world</p><p>โดยก่อนหน้านี้ได้มีการประกวดตั้งชื่อให้น้อง ๆ ทั้ง 3 ตัว ได้ชื่อ น้องฮันนี่,</p><p>น้องเลมอน และน้องชูการ์ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมความน่ารักของ 3</p><p>เสือโคร่งสีทอง ได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 – 19.00 น. เสือโคร่งสีทอง</p><p>ถือเป็นหนึ่งในสัตว์หายากที่สุดในโลก</p><p>ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ โทร. 053-999000</p><p>หรือทุกช่องทางโซเชียลมีเดีย Facebook : เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี Chiang</p><p>Mai Night Safari, LineOA : @nightsafari, Tiktok และ IG :</p><p>chiangmainightsafari</p><p><br></p><p><br></p>25/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสวท.เชียงใหม่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125190547425 ชุมพรเตรียมเปิดงานรักษ์ชุมพรเที่ยวชุมพรที่เนินทรายงามรับการท่องเที่ยววิถีใหม่ "New Normal"<p>ชุมพรเตรียมเปิดงานรักษ์ชุมพรเที่ยวชุมพรที่เนินทรายงามรับการท่องเที่ยววิถีใหม่&nbsp;"New&nbsp;Normal"</p><p><br></p><p>&nbsp;วันที่&nbsp;25&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;16.30&nbsp;น.&nbsp;นายโชตินรินทร์&nbsp;เกิดสม&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร&nbsp;เป็นประธานการแถลงข่าวการจัดงาน&nbsp;"รักษ์ชุมพร&nbsp;เที่ยวชุมพร&nbsp;ณ&nbsp;ชุดชมจันทร์&nbsp;@&nbsp;เนินทรายงาม"&nbsp;โครงการพัฒนาเนินทรายงาม&nbsp;(Sand&nbsp;Dunes)&nbsp;ท่องเที่ยวเชิงนิเวศตามเส้นทางการท่องเที่ยว&nbsp;Scenic&nbsp;Route&nbsp;กิจกรรมที่&nbsp;5&nbsp;การจัดกิจกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว&nbsp;โดยมี&nbsp;ว่าที่ร้อยเอกสันติพงศ์&nbsp;บุลยเลิศ&nbsp;ท่องเที่ยวกีฬาจังหวัดชุมพร,&nbsp;นางอัจจนา&nbsp;หอมละออ&nbsp;ประธานอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดชุมพร,&nbsp;นายจาตุพจน์&nbsp;ไกรมาศ&nbsp;ผู้แทนจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ&nbsp;(สสปน.)&nbsp;และนายทรงสิทธิ์&nbsp;พุ่มศรี&nbsp;นายก&nbsp;อบต.ปากคลอง&nbsp;ร่วมกันแถลงข่าว&nbsp;ณ&nbsp;ร้านภูผาหน้าเล&nbsp;ต.ปากคลอง&nbsp;อ.ปะทิว&nbsp;จ.ชุมพร&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>โดยกิจกรรมงาน&nbsp;"รักษ์ชุมพร&nbsp;เที่ยวชุมพร&nbsp;ณ&nbsp;ชุดชมจันทร์&nbsp;@&nbsp;เนินทรายงาม"&nbsp;จัดขึ้นเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเนินทรายงาม&nbsp;ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศต้นแบบ&nbsp;รองรับการท่องเที่ยววิถีใหม่&nbsp;New&nbsp;Normal&nbsp;ที่จะสอดคล้องกับแผนการพัฒนาเมือง&nbsp;พัฒนาบุคลากร&nbsp;และผู้ประกอบการให้มีความรู้ในการให้บริการด้านการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ&nbsp;ซึ่งจะทำให้เนินทรายงามเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพระดับโลกอย่างยั่งยืนได้ในอนาคต&nbsp;</p><p><br></p><p>นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมและนำเสนอศิลปวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของจังหวัดชุมพรสู่สาธารณชนอีกด้วย&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;เนินทรายงาม&nbsp;(Sand&nbsp;Dune)&nbsp;เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัดชุมพร&nbsp;ตั้งอยู่ที่อำเภอปะทิว&nbsp;เป็นเนินทรายที่มีความยาวและมีความสูงที่สุดในประเทศไทย&nbsp;มีเนื้อที่กว้างขวางถึง&nbsp;2,000ไร่&nbsp;ความยาว&nbsp;10&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;มีจุดสูงสุดยอดเนินทรายในบางจุดสูงถึง&nbsp;30&nbsp;เมตร&nbsp;จากระดับน้ำทะเล&nbsp;นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งพันธ์พืชเฉพาะถิ่น&nbsp;ที่สามารถเจริญเติบโตได้ในระบบนิเวศป่าเนินทรายเท่านั้น&nbsp;เหมาะกับการเป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านพันธ์ไม้&nbsp;นอกจากนี้เนินทรายงาม&nbsp;(Sand&nbsp;Dune)&nbsp;ยังอยู่ในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก&nbsp;(Thailand&nbsp;Riviera)&nbsp;อีกด้วย&nbsp;</p><p><br></p><p>สำหรับ&nbsp;งาน&nbsp;"รักษ์ชุมพร&nbsp;เที่ยวชุมพร&nbsp;ณ&nbsp;ชุดชมจันทร์&nbsp;@&nbsp;เนินทรายงาม"&nbsp;จะจัดขึ้นระหว่างวันที่&nbsp;15&nbsp;-16&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;โดยภายในจะประกอบด้วย&nbsp;การจัดแสดงประติมากรรมทรายขนาดใหญ่&nbsp;รูป&nbsp;"ฉลามวาฬ"&nbsp;ขนาดความยาวฐาน&nbsp;10&nbsp;เมตร&nbsp;โดยทีมปั้นทรายชุดแรกของประเทศไทย&nbsp;ที่เข้าร่วมมหกรรมประติมากรรมปั้นทรายโลก&nbsp;พร้อมจัดแข่งขันปั้นประติมากรรมทราย&nbsp;ในหัวข้อ&nbsp;"โลกทะเลชุมพร"&nbsp;ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวม&nbsp;19,000&nbsp;บาท&nbsp;พร้อมถ้วยเกียรติยศ,&nbsp;การแข่งขันจักรยานเส้นทาง&nbsp;Scenic&nbsp;Route&nbsp;เริ่มจากโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ-เนินทรายงาม&nbsp;ระยะทาง&nbsp;75&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;ชิงเงินรางวัล&nbsp;14,000&nbsp;บาท,&nbsp;การจัดเสวนาภายใต้หัวข้อ&nbsp;"Festival&nbsp;Economy&nbsp;สร้างความยั่งยืนให้เมืองและชุมชนผ่านการจัดงานเทศกาล&nbsp;เพื่อยกระดับเทศกาลไทยสู่ระดับนานาชาติ&nbsp;โดย&nbsp;ดร.ธรณ์&nbsp;ธำรงนาวาสวัสดิ์,&nbsp;ผู้แทนจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชุมพร&nbsp;และผู้แทนจากสำนักงานจัดประชุมและนิทรรศการ&nbsp;(สสปน.),&nbsp;การออกร้านผลิตภัณฑ์โอทอปขึ้นชื่อของจังหวัดชุมพร&nbsp;และการสาธิตเมนูขึ้นชื่อของภาคใต้และจังหวัดชุมพร&nbsp;ตลอดจนการแสดงบนเวที&nbsp;โดยศิลปินชื่อดัง&nbsp;พร้อมทั้งการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน&nbsp;จากนักแสดงในท้องถิ่น&nbsp;อาทิระบำไก่ชน&nbsp;เป็นต้น&nbsp;ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;ผู้เข้าร่วมงานจะต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย&nbsp;2&nbsp;เข็มด้วน</p>25/1/2022ภาคใต้ชุมพรสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชุมพรhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125213121495 จังหวัดมุกดาหารแถลงข่าวโครงการส่งเสริมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดมุกดาหารเที่ยวมุกสุขทั้งปี “ตรุษจีนมุก#2” ประจำปีงบประมาณ 2565<p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วันที่&nbsp;25&nbsp;มกราคม&nbsp;2560&nbsp;5&nbsp;เวลา&nbsp;17.00&nbsp;น&nbsp;นายเฉลิมพล&nbsp;มั่งคั่ง&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารมอบหมายให้นายบุญช่วย&nbsp;น้อยสันเทียะ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารเป็นประธานในการแถลงข่าวโครงการส่งเสริมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดมุกดาหาร&nbsp;เที่ยวมุกสุขทั้งปี&nbsp;“ตรุษจีนมุก#2”&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;โดยมีผู้ร่วมแถลงข่าวประกอบด้วย&nbsp;ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;สำนักงานนครพนม&nbsp;ผู้แทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร&nbsp;นายกสมาคมคนไทยเชื้อสายเวียดนาม&nbsp;ประธานมูลนิธิการกุศลมุกดาหาร&nbsp;และนายกสมาคมเมืองสามธรรม&nbsp;ร่วมกันแถลงข่าว&nbsp;เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดมุกดาหารให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย&nbsp;และกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดมุกดาหาร&nbsp;โดยกำหนดจัดกิจกรรมระหว่างวันที่&nbsp;30&nbsp;มกราคม&nbsp;-&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณศาลหลักเมืองมุกดาหาร&nbsp;ศาลเจ้าฟ้ามุงเมือง&nbsp;และศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้อง&nbsp;ถนนสองนางสถิตย์&nbsp;ตำบลมุกดาหาร&nbsp;อำเภอเมืองฯ&nbsp;จ.มุกดาหาร</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กิจกรรมที่น่าสนใจภายในงาน&nbsp;“ตรุษจีนมุก#2”&nbsp;คือการเปิดเส้นทางบูชาศาลบ้านศาลเมือง&nbsp;ได้แก่&nbsp;ศาลหลักเมือง,&nbsp;ศาลเจ้าฟ้ามุมเมือง&nbsp;และศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้อง&nbsp;ในลักษณะ&nbsp;“ผู้ว่าพาไหว้”&nbsp;พร้อมกิจกรรมโชว์ฝูงสิงโตเชิด&nbsp;จำนวน&nbsp;74&nbsp;ตัว&nbsp;ร้าน&nbsp;อันเกิม&nbsp;ฟู๊ดแกลอรี่&nbsp;พิพิธภัณฑ์มีชีวิต&nbsp;อาหารเวียดนาม&nbsp;จัตุรัสเวียดนาม&nbsp;ใน&nbsp;Concept&nbsp;ลิตเติ้ลฮอยอัน&nbsp;จัตุรัสจีน&nbsp;ที่ประดับตกแต่งแบบจีนโบราณ&nbsp;ที่บริเวณแยกโรงแรมฮั่วนำ&nbsp;จัตุรัสไทยประดับโคมตุงสีเหลืองแดง&nbsp;นิทรรศการจากชมรมถ่ายภาพมุกดาหาร&nbsp;และกิจกรรมบนเวทีกลางบริเวณใกล้กับศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้อง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จึงขอเชิญชวนประชาชนชาวจังหวัดมุกดาหารและนักท่องเที่ยวที่สนใจ&nbsp;เข้าเที่ยวชมกิจกรรมส่งเสริมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวมุกดาหาร&nbsp;เที่ยวมุกสุขทั้งปี&nbsp;“ตรุษจีนมุก#2”&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;30&nbsp;มกราคม&nbsp;ถึง&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ตามสถานที่ดังกล่าว</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>25/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมุกดาหารสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหารhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125214805501 ปชส.เลย สานสัมพันธ์เครือข่ายประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว สร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง<p><strong>ที่ห้องประชุมเอราวัณ&nbsp;โรงแรมฟอร่า&nbsp;ฮิลล์&nbsp;รีสอร์ท&nbsp;อำเภอเมืองจังหวัดเลย</strong>&nbsp;นายดำรงค์&nbsp;สิริวิชย&nbsp;อิ่มวิเศษ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย&nbsp;เป็นประธานเปิดโครงการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดเลย&nbsp;กิจกรรมสร้างพัฒนาและรักษาเครือข่ายการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว&nbsp;โดยมี&nbsp;นางทรงศิริ&nbsp;แก้วคำ&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดเลย&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;เครือข่ายประชาสัมพันธ์&nbsp;ร่วมกิจกรรม</p><p><strong>นายดำรงค์&nbsp;สิริวิชย&nbsp;อิ่มวิเศษ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>การประชาสัมพันธ์มีความสำคัญมากกับทุกหน่วยงาน&nbsp;โดยเฉพาะในโลกยุกต์ดิจิทัล&nbsp;และการมีเครือข่ายประชาสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ&nbsp;ยิ่งจะช่วยสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร&nbsp;นโยบายรัฐบาล&nbsp;ยุทธศาสตร์ของจังหวัด&nbsp;สู่พี่น้องประชาชนและกลุ่มเป้าหมาย&nbsp;สื่อมวลชนยังมีอิทธิพลต่อการพัฒนาด้านต่างๆ&nbsp;อยู่เสมอ&nbsp;ในยุกต์โลกไร้พรมแดน&nbsp;(Goverization&nbsp;)&nbsp;สื่อมวลชนจึงมีอิทธิพลสูงต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเป็นอย่างมาก&nbsp;และหอกระจายข่าวเป็นสื่อที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่เป็นอย่างดี&nbsp;เมื่อสื่อมีความสำคัญ&nbsp;คนสื่อสารก็มีความสำคัญ&nbsp;และเนื้อหายิ่งมีความสำคัญ&nbsp;เราในฐานะผู้ใช้สื่อจะมีวิธีการอย่างไร&nbsp;เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด&nbsp;ซึ่งจังหวัดเลยเรามียุทธศาสตร์การพัฒนาว่า&nbsp;"เมืองน่าอยู่&nbsp;เมืองแห่งการท่องเที่ยว&nbsp;การค้าและการลงทุนภายใต้การพัฒนาที่ยั่งยืน”&nbsp;รายได้หลักมาจากการท่องเที่ยวและภาคการเกษตร&nbsp;การท่องเที่ยวจะช่วยสร้างเศรษฐกิจ&nbsp;สร้างรายได้ให้กับชุมชนเป็นอย่างมาก&nbsp;ด้วยความพร้อมทางด้านสถานที่&nbsp;แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ&nbsp;ศิลปวัฒนธรรม&nbsp;ที่มีความพร้อมสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดเลยเป็นจำนวนมาก&nbsp;จึงขอฝากเครือข่ายประชาสัมพันธ์ช่วยสร้างการรับรู้&nbsp;เข้าใจ&nbsp;ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์สู่กลุ่มเป้าให้ได้รับประโยชน์สูงสุดต่อไป&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;</strong>จังหวัดเลยยังเป็นจังหวัดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ&nbsp;เนื่องจากมีทรัพยากรและศักยภาพทางการท่องเที่ยว&nbsp;เป็นสถานที่ทางธรรมชาติ&nbsp;เช่น&nbsp;ป่าไม้&nbsp;ภูเขา&nbsp;ถ้ำ&nbsp;น้ำตก&nbsp;แม่น้ำ&nbsp;และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ&nbsp;เช่น&nbsp;บ้านไม้เรือนเก่าเชียงคาน&nbsp;สกายวอล์คเชียงคาน&nbsp;มีสถานที่ท่องเที่ยวด้านศาสนาและวัฒนธรรม&nbsp;อีกเป็นจำนวนมาก&nbsp;ดังนั้น&nbsp;การจัดกิจกรรมสร้างพัฒนาและรักษาเครือข่ายการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว&nbsp;จึงมีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง&nbsp;ในการเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างหน่วยงานและทุกๆ&nbsp;องค์กร&nbsp;เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนงานด้านการประชาสัมพันธ์&nbsp;ตลอดจนการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและการเป็นเจ้าบ้านที่ดีให้นักท่องเที่ยวโดยทั่วไปได้รับทราบ&nbsp;โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;ในขณะนี้&nbsp;สื่อมวลชน&nbsp;นักประชาสัมพันธ์&nbsp;มีความสำคัญในการสร้างการรับรู้&nbsp;สร้างความเข้าใจ&nbsp;ในการเฝ้าระวัง&nbsp;การระงับยับยั้งป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19&nbsp;มากที่สุด&nbsp;จึงขอฝากทุกท่านได้ช่วยกันสื่อข่าวให้ประชาชนได้รับทราบและถือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19&nbsp;&nbsp;อย่างจริงจังและต่อเนื่อง&nbsp;หวังเป็นอย่างยิ่งว่า&nbsp;ผู้เข้าร่วมสัมมนาฯ&nbsp;ในครั้งนี้&nbsp;จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง&nbsp;ในความร่วมมือด้านการเป็นเครือข่ายประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเลย&nbsp;และร่วมกันขับเคลื่อนให้จังหวัดเลยเป็นเมืองน่าอยู่&nbsp;เมืองแห่งการท่องเที่ยวและการลงทุน&nbsp;ภายใต้การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป&nbsp;</p><p><strong>นางทรงศิริ&nbsp;แก้วคำ&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดเลย&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>การจัดกิจกรรมสร้างพัฒนาและรักษาเครือข่ายประชาสัมพันธ์&nbsp;ตามโครงการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดเลยในครั้งนี้&nbsp;ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากจังหวัดเลย&nbsp;เพื่อพัฒนาและรักษาเครือข่ายสื่อบุคคลที่มีอยู่&nbsp;ให้เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ&nbsp;มีทักษะและประสบการณ์&nbsp;ในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น&nbsp;และประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารด้านการเฝ้าระวัง&nbsp;ป้องกันระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;&nbsp;(โควิด-19)&nbsp;รวมทั้งเป็นการเพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว&nbsp;การรับ-ส่ง&nbsp;ข่าวสาร&nbsp;ให้กว้างขวางและครอบคลุมทุกหน่วยงาน&nbsp;ทุกพื้นที่ของจังหวัดเลย&nbsp;โดยกำหนดจัดเป็น&nbsp;2&nbsp;รุ่น&nbsp;รุ่นละ&nbsp;50&nbsp;คน&nbsp;รวม&nbsp;2&nbsp;รุ่น&nbsp;จำนวน&nbsp;100&nbsp;คน&nbsp;ผู้เข้าอบรมรุ่นที่&nbsp;2&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;สื่อวิทยุในพื้นที่จังหวัดเลย&nbsp;ผู้ดูแลหอกระจายข่าว&nbsp;อาสาสมัครประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้านและชุมชน</p><p><strong>ทั้งนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย</strong>&nbsp;ย้ำถึงการประชาสัมพันธ์ในเรื่องไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;เพื่อให้ประชาชนได้รับข่าวสารที่ถูกต้องพร้อมทั้งกำชับให้ใช้มาตรการ&nbsp;VUCA&nbsp;(วูก้า)&nbsp;เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด&nbsp;-19&nbsp;ในเขตพื้นที่จังหวัดเลย&nbsp;โดยแบ่งออกเป็น&nbsp;4&nbsp;ตัว&nbsp;ได้แก่&nbsp;</p><p><strong>&nbsp;V</strong>&nbsp;-&nbsp;Vaccine&nbsp;ฉีดครบ&nbsp;ลดป่วยหนัก</p><p><strong>U&nbsp;</strong>-&nbsp;Universal&nbsp;Prevention&nbsp;ป้องกันตัวเองตลอดเวลา&nbsp;ห่างไกลจากโควิด</p><p><strong>C</strong>&nbsp;-&nbsp;COVID&nbsp;Free&nbsp;Setting&nbsp;สถานที่บริการพร้อม&nbsp;ผู้ให้บริการฉีดวัคซีนครบ&nbsp;ตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ทุกสัปดาห์</p><p><strong>A</strong>&nbsp;-&nbsp;ATK&nbsp;(Antigen&nbsp;test&nbsp;kit)&nbsp;พร้อมตรวจเสมอเมื่อใกล้ชิดคนติดเชื้อ&nbsp;หรือมีอาการทางเดินหายใจ</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>25/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเลยสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเลยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125225016509 สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดยโสธร ขับเคลื่อนยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวและการค้าและสู่สากล<p><strong>วันที่&nbsp;25&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;13.00&nbsp;น.</strong>&nbsp;นายชัยวัฒน์&nbsp;แสงศรี&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร&nbsp;เป็นประธานพิธีเปิดโครงการยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวและการค้าและสู่สากล&nbsp;กิจกรรมย่อยพัฒนาผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;&nbsp;โดยมี&nbsp;นายสุรชัย&nbsp;แดนพิบูลย์&nbsp;นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการพิเศษ&nbsp;รักษาราชการแทนพัฒนาการจังหวัดยโสธร&nbsp;กล่าวรายงาน&nbsp;และมีหัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;ข้าราชการ&nbsp;เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาชุมชน&nbsp;ผู้ผลิตผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;และสื่อมวลชน&nbsp;ร่วมงาน&nbsp;ณ&nbsp;โรงแรม&nbsp;เจ&nbsp;พี&nbsp;เอ็มเมอรัลด์&nbsp;ตำบลในเมือง&nbsp;อำเภอเมืองจังหวัดยโสธร</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของกลุ่ม</strong>&nbsp;ผู้ผลิต/ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ให้ได้มาตรฐาน&nbsp;มีช่องทางการตลาด&nbsp;มีรายได้เพิ่มขึ้น&nbsp;และเพื่อให้ผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;จังหวัดยโสธร&nbsp;ได้เป็นที่รู้จักได้รับการยอมรับทั่วประเทศ&nbsp;นักท่องเที่ยวได้รับความพึงพอใจและเกิดความประทับใจจากการให้บริการของผู้ประกอบการท่องเที่ยวและชุมชนท่องเที่ยวของจังหวัดยโสธร&nbsp;โดยงานดังกล่าวจัดขึ้น&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;25-26&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;และผู้ประกอบการสินค้าโอทอป&nbsp;จำนวน&nbsp;20&nbsp;กลุ่ม&nbsp;รวม&nbsp;100&nbsp;คน&nbsp;ร่วมกิจกรรม&nbsp;เพื่อสร้างความเข้าใจแนวทางการดำเนินงาน&nbsp;ด้านการบริหารจัดการ&nbsp;การจัดทำแผนธุรกิจ&nbsp;การเข้าถึงแหล่งทุน&nbsp;ช่องทางการจำหน่าย&nbsp;และเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดอาเซียน&nbsp;ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากมั่นคงและชุมชนพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืนต่อไป&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>25/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยโสธรสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธรhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125233247511 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดปัตตานี ประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาสินค้า<p><strong>วันที่&nbsp;25&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นางสาวจินตะณา&nbsp;ปิ่นสุภา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดปัตตานี&nbsp;</strong>มอบหมายกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;ลงพื้นที่&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศวิวัฒน์&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดปัตตานี&nbsp;เพื่อตรวจสอบและติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค&nbsp;พร้อมทั้งติดตามการปิดป้ายราคาสินค้าของผู้ประกอบการค้าในตลาด&nbsp;ให้ปฏิบัติตามประกาศจังหวัดปัตตานี&nbsp;เรื่อง&nbsp;ให้ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า&nbsp;เป็นการคุ้มครองผู้บริโภคและป้องปรามไม่ให้ผู้ประกอบการ&nbsp;ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า&nbsp;โดยราคาสินค้าที่จำหน่ายเป็นไปตามกลไกตลาด&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>25/1/2022ภาคใต้ปัตตานีสวท.ปัตตานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220125233442512 คกก.ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและอุตสาหกรรมบริการ 3 จชต. มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา เตรียมดำเนินโครงการ “เบตง 10,000 ล้าน” ดึงนักท่องเที่ยวปีละ 2 ล้านคน สร้างรายได้การท่องเที่ยวครบวงจร<p><strong>ดร.ณพพงศ์&nbsp;ธีระวร&nbsp;ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก</strong>และอุตสาหกรรมบริการ&nbsp;3&nbsp;จชต.&nbsp;มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;สำหรับโครงการเบตง&nbsp;10,000&nbsp;ล้าน&nbsp;เป็นโครงการที่ทางคณะกรรมการฯจะดำเนินการพัฒนาพื้นที่&nbsp;อ.เบตง&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;ใน&nbsp;4&nbsp;ด้านหลักๆ&nbsp;โดยการจัดทำวิจัยเพื่อสร้าง&nbsp;"แผนแม่บท"&nbsp;ของอุตสาหกรรมบริการ&nbsp;และการท่องเที่ยวของจังหวัดยะลา&nbsp;&nbsp;จัดทำการศึกษาความเป็นไปได้&nbsp;หรือ&nbsp;Feasibility&nbsp;Study&nbsp;โครงการเบตงหมื่นล้าน&nbsp;โดยมุ่งเน้นแนวทางในการดึงนักท่องเที่ยว&nbsp;2&nbsp;ล้านคนต่อปี&nbsp;และกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจับจ่ายเฉลี่ยไม่น้อยกว่าคนละ&nbsp;5,000&nbsp;บาท&nbsp;ปรับปรุงหลักสูตรของทุกคณะให้มีทิศทางสนับสนุนอุตสาหกรรมบริการ&nbsp;และการท่องเที่ยว&nbsp;รวมถึงการจัดทำการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาวิชาชีพในอุตสาหกรรมบริการ&nbsp;และการท่องเที่ยว</p><p><strong>“อำเภอเบตงมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว&nbsp;จึงจำเป็นต้องรักษาฐานกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายไว้</strong>&nbsp;โดยอาศัยความเป็นเจ้าบ้านที่ดีและเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว&nbsp;รวมถึงเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวในอำเภอ&nbsp;&nbsp;&nbsp;เบตง&nbsp;และพื้นที่ใกล้เคียงเป็น&nbsp;LandMark&nbsp;แห่งใหม่&nbsp;เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวสู่จังหวัดภาคใต้ชายแดนต่อไป&nbsp;รวมทั้ง&nbsp;การนำโครงการเบตง&nbsp;10,000&nbsp;ล้าน&nbsp;เป็นศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบฐานพัฒนาหลักสูตร&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;โดยบูรณาการผลิตบัณฑิต&nbsp;วิจัย&nbsp;บริการวิชาการ&nbsp;และทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม&nbsp;ให้เกิดผลกระทบทั้งคุณภาพบัณฑิต&nbsp;และคุณภาพชีวิตของประชาชน&nbsp;โดยใช้ชุมชนเป็นฐานการเรียนการสอนให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา&nbsp;มีความสามารถในเชิงปฏิบัติเพื่อการประกอบอาชีพ&nbsp;อีกทั้ง&nbsp;สร้างผู้ประกอบการและธุรกิจการท่องเที่ยวให้มีช่องทางการขยายตัวและเติบโตของเศรษฐกิจในท้องถิ่นแบบครบวงจร&nbsp;โดยได้รับการยอมรับด้านมาตรฐานการท่องเที่ยวในระดับสากล&nbsp;มุ่งเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติทั้งด้านเศรษฐกิจ&nbsp;สังคมการศึกษา&nbsp;และสิ่งแวดล้อม&nbsp;เพื่อสร้างเม็ดเงินอย่างมหาศาลลงมาสู่ชุมชนท้องถิ่นมากขึ้น&nbsp;ผ่านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและอุตสาหกรรมบริการร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายความร่วมมือ&nbsp;ภาครัฐ&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;ภาคประชาสังคม&nbsp;และภาคประชาชน&nbsp;ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่”&nbsp;ดร.ณพพงศ์&nbsp;กล่าว&nbsp;</p><p><strong>ส่วนแผนการขับเคลื่อนการพัฒนาในอำเภอเบตง&nbsp;ดร.ณพพงศ์&nbsp;บอกว่า&nbsp;</strong>ต้องเน้นการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง&nbsp;และด้านสังคม&nbsp;การร่วมกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่&nbsp;เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ&nbsp;จากภาคอุตสาหกรรมบริการและการท่องเที่ยวชุมชน&nbsp;เพื่อสร้างความเข้มแข็งและเกิดความมั่นคงในทุกมิติของพื้นที่&nbsp;และการบูรณาการสร้างการรับรู้แนวทางการพัฒนาร่วมกันกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง&nbsp;มีการจัดตั้งศูนย์เศรษฐกิจฐานรากและอุตสาหกรรมบริการต้นแบบ&nbsp;ในการพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้&nbsp;การวิจัย&nbsp;การสร้างนวัตกรรมและการสร้างสรรค์&nbsp;ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมบริการแบบครบวงจร&nbsp;เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพให้แก่นักศึกษา&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;และประชาชนในพื้นที่&nbsp;ภายใต้แผนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและอุตสาหกรรมบริการเพื่อสร้างโอกาสการท่องเที่ยวสู่&nbsp;"เบตง&nbsp;10,000&nbsp;ล้าน&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>“ผมมีความตั้งใจในการกลับมาพัฒนาพื้นที่จังหวัดยะลา&nbsp;ซึ่งเป็นบ้านเกิด</strong>&nbsp;โดยเมีความตั้งใจฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดยะลา&nbsp;เล็งเห็นศักยภาพของอำเภอเบตง&nbsp;เป็นอำเภอใต้สุดของประเทศไทย&nbsp;มีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม&nbsp;มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย&nbsp;พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง&nbsp;รวมถึงมีหมอกตลอดทั้งปี&nbsp;อำเภอเบตงเป็นเมืองการค้าชายแดนและเมืองท่องเที่ยวที่มีความสวยงามของทรัพยากรธรรมชาติ&nbsp;และระบบนิเวศ&nbsp;เพื่อสร้างเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้โดดเด่นและเกิดความสำเร็จนั้น&nbsp;จำเป็นต้องอาศัยสิ่งดึงดูดเชิงอัตลักษณ์ของเบตง&nbsp;โดยประเด็นเรื่องอัตลักษณ์ท้องถิ่นที่อยู่ในความสนใจของนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่ง&nbsp;ได้แก่&nbsp;สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามอาหารจานเด็ดเชิงอัตลักษณ์ที่สามารถดึงดูดรายได้จากนักท่องเที่ยวจนเป็นที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศซึ่งเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่&nbsp;ส่งผลทำให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยวที่มีอัตราที่เพิ่มสูงขึ้น”&nbsp;ดร.ณพพงศ์&nbsp;กล่าว&nbsp;</p><p><strong>ดร.ณพพงศ์&nbsp;ยังกล่าวอีกว่า&nbsp;สำหรับโครงการเบตง&nbsp;10,000&nbsp;ล้าน&nbsp;ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่นานนี้</strong>&nbsp;ได้รับความร่วมมือจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญของประเทศไทย&nbsp;ที่เดินทางลงพื้นที่เมื่อวันที่&nbsp;21-23&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการการท่องเที่ยว&nbsp;ผู้เชี่ยวชาญทางการทางด้านการให้ความรู้&nbsp;การพัฒนาด้านอาชีพต่างๆ&nbsp;รวมทั้งสถาบันทางการเงิน&nbsp;ที่พร้อมที่จะสนับสนุนโครงการนี้ให้เดินหน้าไปสู่จุดหมาย&nbsp;เบตง&nbsp;10,000&nbsp;ล้าน&nbsp;ภายใน&nbsp;5&nbsp;ปี&nbsp;หลังจากนี้&nbsp;&nbsp;และเชื่อว่าการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ&nbsp;&nbsp;จะสามารถสร้างเม็ดเงินอย่างมหาศาล&nbsp;ลงมาสู่ชุมชนท้องถิ่นมากขึ้น&nbsp;โดยก่อให้เกิดการสร้างงาน&nbsp;สร้างอาชีพ&nbsp;สร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่อำเภอเบตง&nbsp;อำเภอธารโต&nbsp;อำเภอบันนังสตา&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;และเชื่อมโยงไปยังพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;และพื้นที่ใกล้เคียงสู่ชายแดนภาคใต้ที่เพิ่มขึ้น&nbsp;การสร้างความเข้มแข็งให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและเสริมสร้างความมั่นคงในทุกมิติ&nbsp;ส่งผลให้เศรษฐกิจเข้มแข้ง&nbsp;สร้างความมั่นคง&nbsp;มั่งคั่ง&nbsp;และยั่งยืนต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>26/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126095117533 จ.ลำปาง เตรียมจัดงาน DIPROM MOTOR SHOW สร้างมูลค่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในระดับภูมิภาค<p><strong>ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือ&nbsp;จังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;นายสิธิชัย&nbsp;จินดาหลวง&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัด&nbsp;มอบหมายให้นายจำลักษ์&nbsp;กันเพ็ชร์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัด&nbsp;เป็นประธานประชุมเตรียมการจัดงาน&nbsp;“DIPROM&nbsp;MOTOR&nbsp;SHOW”&nbsp;พร้อมด้วยส่วนราชการ&nbsp;ภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ที่ประชุมฯ&nbsp;มีแนวทางมอบหมายหน่วยงานพร้อมขับเคลื่อนในส่วนที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ทั้งการประชาสัมพันธ์การจัดงานฯ&nbsp;เชิงรุก&nbsp;มาตรการป้องกันโรคโควิด-19&nbsp;การจราจร&nbsp;หรือการจัดกิจกรรมที่เป็นการกระตุ้นการจัดงาน&nbsp;อาทิ&nbsp;การแสดงและจัดจำหน่ายสินค้า&nbsp;ได้แก่&nbsp;กลุ่มสินค้าเกษตรแปรรูป&nbsp;อาหารดังเมืองลำปาง&nbsp;กลุ่มธุรกิจเครื่องสำอาง&nbsp;ผลิตภัณฑ์สมุนไพร&nbsp;อุตสาหกรรมเครื่องนุ่มห่มในพื้นที่ภาคเหนือ&nbsp;เป็นต้น</p><p><strong>สำหรับการจัดงาน&nbsp;“DIPROM&nbsp;MOTOR&nbsp;SHOW”&nbsp;</strong>จะจัดขึ้น&nbsp;ณ&nbsp;อาคารศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือ&nbsp;จังหวัดลำปาง&nbsp;(ศูนย์เซรามิกและหัตถอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง&nbsp;เดิม)&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;9-16&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;เป็นครั้งแรกที่ดีพร้อมดำเนินการจัดกิจกรรมดังกล่าว&nbsp;เพื่อกระตุ้นตลาดยานยนต์โดยเฉพาะในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ&nbsp;สามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการและเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ตามแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;ภายในงานฯ&nbsp;พบกับค่ายรถยนต์และจักรยานยนต์ชั้นนำร่วมจัดแสดงในงานดังกล่าวมากกว่า&nbsp;15&nbsp;แบรนด์&nbsp;รวมทั้งเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการและผู้บริโภค</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>26/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126095255534 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมตรวจสถานประกอบการที่มีพื้นที่เก็บเนื้อสุกรชำแหละโดยการสุ่มตรวจสอบห้องเย็นในพื้นที่<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;ร่วมตรวจสถานประกอบการที่มีพื้นที่เก็บเนื้อสุกรชำแหละโดยการสุ่มตรวจสอบห้องเย็นในพื้นที่</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายศิริพงษ์&nbsp;วิวัฒน์เกษมชัย&nbsp;พาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์</strong>&nbsp;พร้อมเจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;ร่วมบูรณาการกับสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;ตรวจสอบห้องเย็น&nbsp;จำนวน&nbsp;5&nbsp;แห่ง&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;1.บริษัท&nbsp;เบทาโกรเกษตรอุตสาหกรรม&nbsp;สาขากาฬสินธุ&nbsp;2.หจก.ห้องเย็นนุชไก่สด&nbsp;3.บริษัท&nbsp;โอเล่ปลาทะเล&nbsp;จำกัด&nbsp;4.ห้องเย็นหนองแปน&nbsp;และ&nbsp;5.บริษัท&nbsp;โค&nbsp;ดีซี&nbsp;อี&nbsp;มาร์เก็ต&nbsp;จำกัด&nbsp;(ตรงข้าม&nbsp;ร.ร.เซ็นยอ)</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้าเนื้อสุกร</strong>&nbsp;โดยได้ตรวจสอบปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และบัญชีคุมสินค้าเนื้อสุกร&nbsp;จากการตรวจสอบ&nbsp;ไม่พบการกักตุนสินค้าแต่อย่างใด&nbsp;และเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงและเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ฉบับที่&nbsp;2&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;ลงวันที่&nbsp;5&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เรื่องการแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และจัดทำบัญชีควบคุมสินค้าสุกรอย่างเคร่งครัด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายศิริพงษ์&nbsp;วิวัฒน์เกษมชัย&nbsp;พาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;จากการลงพื้นที่ตรวจสอบไม่พบสิ่งผิดปกติ&nbsp;หรือการกักตุนเนื้อสุกรรวมทั้งเนื้อไก่และไข่ไก่&nbsp;ซึ่งเป็นไปตามกลไกของการตลาด&nbsp;พร้อมได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามตรวจสอบ&nbsp;ไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคา&nbsp;หรือกักตุนสินค้า&nbsp;โดยทางผู้ประกอบการจะมีการรายงานข้อมูล&nbsp;ปริมาณเนื้อสุกรในท้องตลาด&nbsp;มายังสำนักงานพาณิชย์จังหวัด&nbsp;ทุกวันจันทร์ของสัปดาห์</p>26/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกาฬสินธุ์สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126100031541 กระทรวงพาณิชย์ เร่งประสาน SME D Bank หาสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษร้อยละ 2 ต่อปี ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs<p><strong>นายธีระชาติ&nbsp;ปางวิรุฬห์รักษ์&nbsp;ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;เพื่อให้ผู้ประกอบการกิจการสามารถดำเนินต่อไปได้โดยไม่สะดุด&nbsp;</strong>ได้ประสานธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย&nbsp;หรือ&nbsp;SME&nbsp;D&nbsp;Bank&nbsp;ส่งสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น&nbsp;เพื่อความรวดเร็วและทันต่อความต้องการด้านเงินทุนของผู้ประกอบการ&nbsp;SME&nbsp;D&nbsp;Bank&nbsp;จะใช้แพ็คเกจเดิมที่ธนาคารมีอยู่มาประยุกต์เข้ากับวงเงินสินเชื่อและความสามารถในการผ่อนชำระของเอสเอ็มอี&nbsp;อาทิ&nbsp;โครงการเติมทุนหนุนเอสเอ็มอีไทย&nbsp;โครงการสินเชื่อเพื่อฟื้นฟู&nbsp;โครงการเพิ่มศักยภาพ&nbsp;SME&nbsp;โครงการสร้างโอกาสเสริมสภาพคล่องSME&nbsp;เป็นต้น&nbsp;สำหรับผู้ประกอบการสามารถเข้าร่วมโครงการฯของ&nbsp;SME&nbsp;D&nbsp;Bank&nbsp;ได้ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนดวงเงินสินเชื่อ&nbsp;2&nbsp;-&nbsp;15&nbsp;ล้านบาท&nbsp;อัตราดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นร้อยละ2&nbsp;ต่อปี&nbsp;โดยสามารถกู้ได้ทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย&nbsp;</strong>เสริมสภาพคล่องและเติมเงินทุนเข้าสู่ธุรกิจช่วยลดแรงกดดันในการประกอบธุรกิจได้ผลักดันให้ผลประกอบการเป็นไปในทิศทางที่เป็นบวกและดีขึ้นกว่าเดิม</p>26/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126114139593 บรรยากาศการจำหน่ายเสื้อผ้าสีแดงที่ใช้สวมใส่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ในปีนี้มีประชาชนมาหาซื้อเสื้อผ้าลดน้อยลง สาเหตุมาจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และปัญหาสินค้าราคาแพง ทำให้ประชาชนขาดกำลังซื้อ ในขณะที่ผู้ประกอบการนำเสื้อผ้าหลากหลายรูปแบบมาจำหน่ายเพื่อเป็นการดึงดูดลูกค้า<p><strong>ใกล้ถึงช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จังหวัดตรังหลายหน่วยงานได้งดจัดงานเทศกาลตรุษจีน</strong>&nbsp;เนื่องจากเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;ซึ่งการรวมตัวหันในช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;เกรงว่าจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;&nbsp;ทางจังหวัดตรังจึงขอความร่วมมือจากพี่ประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีน&nbsp;ให้ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด</p><p><strong>ในส่วนของสินค้าที่ประชาชนต้องซื้ออีกอย่างหนึ่งนอกเหนือจากเครื่องเซ่นไหว้บรรพบุรุษ&nbsp;</strong>คือเสื้อผ้าสีแดงที่จะใช้สวมใส่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;สำหรับบรรยากาศการซื้อเสื้อผ้าสีแดงก่อนถึงช่วงเทศกาลตรุษจีนในปีนี้มีประชาชนให้ความสนใจมาซื้อเสื้อผ้าลดลง&nbsp;จากการสอบถามเจ้าของร้านไทยวิวัฒน์&nbsp;ร้านจำหน่ายเสื้อผ้าที่เก่าแก่ในเขตเทศบาลนครตรัง&nbsp;บอกว่าปีนี้ยอดจำหน่ายลดลงจากปีที่แล้ว&nbsp;สาเหตุมาจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำ&nbsp;และปัญหาสินค้าราคาแพง&nbsp;ทำให้ประชาชนขาดกำลังซื้อเนื่องจากต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย&nbsp;ซึ่งประชาชนจะนำเสื้อผ้าจากปีที่แล้วมาสวมใส่&nbsp;ในขณะที่ราคาเสื้อผ้าสีแดงก็ไม่ได้มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใดโดยเสื้อผ้าจำหน่ายในราคา&nbsp;70-500&nbsp;บาท&nbsp;ในขณะที่ผู้ประกอบการนำเสื้อผ้าหลากหลายรูปแบบมาจำหน่ายเพื่อเป็นการดึงดูดลูกค้า</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p><p>&nbsp;</p>26/1/2022ภาคใต้ตรังสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126104210566 ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับธนาคารกลางมาเลเซีย เปิดตัวบริการชำระเงินข้ามประเทศระหว่างไทยกับมาเลเซีย ด้วย QR Code ระยะที่ 2 พร้อมเตรียมต่อยอด ให้โอนเงินข้ามประเทศผ่านพร้อมเพย์ได้ภายในปีนี้<p><strong>นางสาวสิริธิดา&nbsp;พนมวัน&nbsp;ณ&nbsp;อยุธยา&nbsp;ผู้ช่วยผู้ว่าการ&nbsp;สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน&nbsp;ธนาคารแห่งประเทศไทย&nbsp;(ธปท.)&nbsp;</strong>เปิดเผยว่า&nbsp;ธปท.&nbsp;ร่วมกับธนาคารกลางมาเลเซีย&nbsp;(Bank&nbsp;Negara&nbsp;Malaysia)&nbsp;จัดให้มีบริการชำระเงินข้ามประเทศระหว่างไทยกับมาเลเซียด้วยการใช้&nbsp;QR&nbsp;Code&nbsp;มาตรฐานของแต่ละประเทศ&nbsp;โดยได้เปิดให้บริการระยะแรกแก่ลูกค้าของธนาคาร&nbsp;ซีไอเอ็มบี&nbsp;ไทย&nbsp;ที่อยู่ในประเทศไทย&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;18&nbsp;มิถุนายน&nbsp;2564&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;ให้สามารถสแกน&nbsp;QR&nbsp;code&nbsp;ของประเทศมาเลเซีย&nbsp;เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการของร้านค้าที่ให้บริการโดยธนาคารในประเทศมาเลเซียได้&nbsp;</p><p><strong>สำหรับในวันนี้&nbsp;(26&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;เป็นการเปิดตัวบริการระยะที่สอง&nbsp;</strong>ที่ลูกค้าในประเทศมาเลเซียจะสามารถชำระเงินให้กับร้านค้าในประเทศไทยได้&nbsp;โดยลูกค้าของธนาคารสามารถสแกน&nbsp;Thai&nbsp;QR&nbsp;code&nbsp;เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการของร้านค้าไทยที่ให้บริการโดยธนาคารกสิกรไทย&nbsp;และธนาคารไทยพาณิชย์ได้&nbsp;ซึ่งคาดว่าจำนวนผู้ให้บริการจะเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป&nbsp;เพื่อรองรับการท่องเที่ยวภายหลังการคลี่คลายของโควิด&nbsp;19&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ในปี&nbsp;2565&nbsp;จะต่อยอดบริการระยะที่สาม&nbsp;</strong>ซึ่งเป็นการให้บริการโอนเงินระหว่างสองประเทศแบบทันที&nbsp;ผ่านระบบพร้อมเพย์ของไทยและระบบ&nbsp;Real-time&nbsp;Retail&nbsp;Payments&nbsp;Platform&nbsp;ของประเทศมาเลเซีย&nbsp;อีกด้วย</p>26/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126120720605 พาณิชย์ลำปาง เชิญร่วมกิจกรรมเจรจาธุรกิจ E-San Business Matching 31 มกราคม นี้<p><strong>นางสาวเยาวเรศ&nbsp;แซ่โค้ว&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;การจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจ&nbsp;E-San&nbsp;Business&nbsp;Matching&nbsp;ภายใต้โครงการเชื่อมโยงการตลาดผลิตภัณฑ์ภาคอีสานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;ดำเนินการโดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุดรธานี&nbsp;ในวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;09.00&nbsp;-&nbsp;17.00&nbsp;น.&nbsp;ณ&nbsp;ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ&nbsp;มณฑาทิพย์ฮอลล์&nbsp;จังหวัดอุดรธานี&nbsp;และ&nbsp;Business&nbsp;Matching&nbsp;Online&nbsp;ได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำปาง</p><p><strong>กิจกรรมภายในงานมีกิจกรรมเจรจาธุรกิจ</strong>&nbsp;Business&nbsp;matching,&nbsp;Mini&nbsp;Showcase,&nbsp;พิธีลงนามข้อตกลงซื้อขาย&nbsp;(MOU)&nbsp;โดยมีประเภทสินค้ากลุ่มเป้าหมาย&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ผลไม้&nbsp;เช่น&nbsp;มะม่วง&nbsp;ทุเรียน&nbsp;เงาะ&nbsp;มังคุด&nbsp;(สวนต้องมีใบรับรอง&nbsp;GAP),&nbsp;ผักปลอดสารพิษ&nbsp;(ขั้นต่ำมาตรฐาน&nbsp;Thailand&nbsp;Organic),&nbsp;ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป&nbsp;(ขั้นต่ำมาตรฐาน&nbsp;อย.),&nbsp;อาหารทะเลสดและอาหารทะเลแห้ง</p><p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;จึงเชิญชวนเกษตรกร/ผู้ประกอบการ/ผู้ผลิต/ผู้รับซื้อ&nbsp;เข้าร่วมกิจกรรม&nbsp;โดยสมัครเข้าร่วมซูมออนไลน์</p><p>https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSeawFNJKJdLiCowefGN0X-PmgG1W2wLgzGIU08ULhBUCzLf1g/viewform&nbsp;และรับชม&nbsp;Company&nbsp;Profile</p><p>https://drive.google.com/drive/folders/1c95u0fqqCWQnzSPFkke2pprXoh4G_7q2&nbsp;หรือติดต่อสบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำปาง&nbsp;โทร.&nbsp;0&nbsp;5426&nbsp;5022&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุดรธานี&nbsp;โทร.&nbsp;0&nbsp;4224&nbsp;1749,&nbsp;065&nbsp;510&nbsp;2709&nbsp;เจ้าหน้าที่ผู้ประสานงาน&nbsp;คุณกาญจนา&nbsp;085&nbsp;854&nbsp;9730,&nbsp;คุณปรียาภรณ์&nbsp;094&nbsp;262&nbsp;4855</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>26/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126104957570 พาณิชย์จังหวัดสุราษฎร์ธานีพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการอาหารทะเลภาคใต้ หวังเพิ่มมูลค่าธุรกิจและยกระดับด้านการตลาดสมัยใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว<p>วันนี้&nbsp;(26&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;<strong>นายศักดาพร&nbsp;รัตนสุภา&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;</strong>ให้เกียรติกล่าวเปิดและพบปะผู้เข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาศักยภาพผู้ผลิต&nbsp;ผู้จำหน่าย&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;&nbsp;บุคลากรที่เกี่ยวข้องด้านอาหารทะเล&nbsp;เพื่อยกระดับผู้ประกอบการและเรียนรู้ด้านการตลาดสมัยใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลง&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;และภาคีเครือข่าย&nbsp;จัดขึ้น&nbsp;ณ&nbsp;โรงแรมร้อยเกาะ&nbsp;อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี&nbsp;มีผู้เข้าร่วมจาก&nbsp;11&nbsp;จังหวัดภาคใต้&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;ชุมพร&nbsp;ระนอง&nbsp;พังงา&nbsp;ภูเก็ต&nbsp;กระบี่&nbsp;ตรัง&nbsp;สตูล&nbsp;สงขลา&nbsp;พัทลุง&nbsp;และจังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ด้านนางขนิษฐา&nbsp;มุณีแนม&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>การจัดกิจกรรมครั้งนี้&nbsp;เพื่อให้มีความรู้ด้านการตลาดสมัยใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว&nbsp;รวมถึงได้ทราบกฎหมาย&nbsp;ระเบียบ&nbsp;มาตรฐานด้านการตลาด&nbsp;การเพิ่มมูลค่าธุรกิจด้วยการแปรรูปและการบรรจุภัณฑ์&nbsp;การสร้าง&nbsp;Brand&nbsp;และ&nbsp;Story&nbsp;telling&nbsp;เพื่อจูงใจลูกค้า&nbsp;โดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น&nbsp;2&nbsp;ช่วง&nbsp;&nbsp;ช่วงแรกระหว่างวันที่&nbsp;26&nbsp;–&nbsp;27&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เป็นการบรรยายให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องเรื่องการตลาด&nbsp;จำนวน&nbsp;150&nbsp;คน&nbsp;และช่วงที่&nbsp;2&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;28&nbsp;–&nbsp;29&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เป็นการให้ความรู้ในเชิงลึกและศึกษาดูงานจากสถานที่จริง&nbsp;จำนวน&nbsp;30&nbsp;คน&nbsp;โดยคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีความสนใจและมีศักยภาพจากกิจกรรมช่วงที่&nbsp;1</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้อนุมัติงบประมาณให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัด&nbsp;11&nbsp;จังหวัดภาคใต้</strong>&nbsp;ดำเนินโครงการส่งเสริมตลาดสินค้าอัตลักษณ์&nbsp;และเพิ่มขีดความสามารถทางการค้าภาคใต้&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.2564&nbsp;โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;เป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินกิจกรรมการจัดงานมหกรรมซีฟู้ดภาคใต้&nbsp;และการจัดกิจกรรมในครั้งนี้&nbsp;ซึ่งเป็นกิจกรรมย่อยของงานมหกรรมซีฟู้ดภาคใต้&nbsp;เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ผลิต&nbsp;ผู้จำหน่าย&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;บุคลากรที่เกี่ยวข้องด้านอาหารทะเล&nbsp;ทั้งสดและแปรรูป&nbsp;รวมถึงผลิตภัณฑ์เด่นของ&nbsp;&nbsp;11&nbsp;จังหวัดภาคใต้&nbsp;ให้มีความรู้ด้านการตลาดสมัยใหม่&nbsp;รวมถึงได้ทราบกฎหมาย&nbsp;ระเบียบ&nbsp;มาตรฐานด้านการตลาด&nbsp;และการเพิ่มมูลค่าธุรกิจ</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p>26/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126123713627 พาณิชย์ลำปาง เชิญร่วมกิจกรรมเจรจาธุรกิจ E-San Business Matching 31 มกราคมนี้<p><strong>นางสาวเยาวเรศ&nbsp;แซ่โค้ว&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;การจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจ&nbsp;E-San&nbsp;Business&nbsp;Matching&nbsp;ภายใต้โครงการเชื่อมโยงการตลาดผลิตภัณฑ์ภาคอีสานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;ดำเนินการโดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุดรธานี&nbsp;ในวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;09.00&nbsp;-&nbsp;17.00&nbsp;น.&nbsp;ณ&nbsp;ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ&nbsp;มณฑาทิพย์ฮอลล์&nbsp;จังหวัดอุดรธานี&nbsp;และ&nbsp;Business&nbsp;Matching&nbsp;Online&nbsp;ได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำปาง</p><p><strong>กิจกรรมภายในงานมีกิจกรรมเจรจาธุรกิจ&nbsp;</strong>Business&nbsp;matching,&nbsp;Mini&nbsp;Showcase&nbsp;พิธีลงนามข้อตกลงซื้อขาย&nbsp;(MOU)&nbsp;โดยมีประเภทสินค้ากลุ่มเป้าหมาย&nbsp;ประกอบด้วยผลไม้&nbsp;เช่น&nbsp;มะม่วง&nbsp;ทุเรียน&nbsp;เงาะ&nbsp;มังคุด&nbsp;(สวนต้องมีใบรับรอง&nbsp;GAP),&nbsp;ผักปลอดสารพิษ&nbsp;(ขั้นต่ำมาตรฐาน&nbsp;Thailand&nbsp;Organic),&nbsp;ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป&nbsp;(ขั้นต่ำมาตรฐาน&nbsp;อย.),&nbsp;อาหารทะเลสดและอาหารทะเลแห้ง</p><p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;จึงเชิญชวนเกษตรกร/ผู้ประกอบการ/ผู้ผลิต/ผู้รับซื้อ&nbsp;เข้าร่วมกิจกรรม&nbsp;โดยสมัครเข้าร่วมซูมออนไลน์</p><p>https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSeawFNJKJdLiCowefGN0X-PmgG1W2wLgzGIU08ULhBUCzLf1g/viewform&nbsp;และรับชม&nbsp;Company&nbsp;Profile</p><p>https://drive.google.com/drive/folders/1c95u0fqqCWQnzSPFkke2pprXoh4G_7q2&nbsp;หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำปาง&nbsp;โทร.&nbsp;0&nbsp;5426&nbsp;5022&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุดรธานี&nbsp;โทร.&nbsp;0&nbsp;4224&nbsp;1749,&nbsp;065&nbsp;510&nbsp;2709&nbsp;เจ้าหน้าที่ผู้ประสานงาน&nbsp;คุณกาญจนา&nbsp;โทร.085&nbsp;854&nbsp;9730,&nbsp;คุณปรียาภรณ์&nbsp;โทร.094&nbsp;262&nbsp;4855</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>26/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126111713585 กรมเจ้าท่า คุมเข้มการกู้เรือ ป.อันดามัน 2 พร้อมบูรณาการแผนขจัดคราบน้ำมัน เพื่อความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางทะเล<p><strong>นายภูริพัฒน์&nbsp;ธีระกุลพิศุทธิ์&nbsp;รองอธิบดีกรมเจ้าท่า&nbsp;ประชุมติดตามกรณี&nbsp;เรือ&nbsp;ป.อันดามัน&nbsp;2&nbsp;ที่เกิดเหตุอับปาง&nbsp;บริเวณอ่าวไทย&nbsp;จังหวัดชุมพร</strong>&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;ศรชล.&nbsp;กรมควบคุมมลพิษ&nbsp;กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง&nbsp;กรมประมง&nbsp;และสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาชุมพร&nbsp;ผ่านระบบ&nbsp;VDO&nbsp;Conference&nbsp;โดยที่ประชุมมีมติให้กรมเจ้าท่า&nbsp;ออกติดตามประเมินการกระจายน้ำมันบริเวณชายฝั่ง&nbsp;ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง&nbsp;กรมประมง&nbsp;เพื่อสกัดกั้นน้ำมันไม่ให้กระจายตัวและสร้างผลกระทบต่อชายฝั่ง&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;กรมเจ้าท่าได้เร่งรัดให้เจ้าของเรือเข้าสำรวจตัวเรือ&nbsp;พร้อมกู้สินค้า&nbsp;</strong>ซึ่งเจ้าของเรือได้รับทราบพร้อมเตรียมการดำน้ำสำรวจสภาพตัวเรือทันที&nbsp;พร้อมสั่งการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาชุมพร&nbsp;ออกประกาศชาวเรือ&nbsp;เตือนให้ระวังการเดินเรือใกล้บริเวณที่เรือจมอย่างต่อเนื่อง&nbsp;สำหรับหน่วยงานอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;อาทิ&nbsp;กองทัพเรือ&nbsp;ได้ทำการจัดส่งยานสำรวจใต้น้ำบริเวณที่เรือจม&nbsp;ภายหลังสำรวจและได้ข้อมูลสภาพใต้น้ำแล้วจะประเมินและวางแผนการดูดน้ำมันขึ้นภายใน&nbsp;7&nbsp;วัน&nbsp;กรมควบคุมมลพิษ&nbsp;ดำเนินการประเมิน&nbsp;model&nbsp;สถานการณ์คราบน้ำมันรั่วไหล&nbsp;ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชายฝั่ง&nbsp;</p><p><strong>จากการตรวจสอบข้อมูลของเรือ&nbsp;ป.อันดามัน&nbsp;2</strong>&nbsp;พบว่าไม่มีการทำประกันภัย&nbsp;การปฎิบัติการจึงต้องพิจารณาประกอบในฐานผู้ประสบภัย&nbsp;ในส่วนการขจัดคราบน้ำมันกรมเจ้าท่า&nbsp;ได้เตรียมพร้อมทุ่นกักน้ำมันไว้จำนวน&nbsp;600&nbsp;เมตร&nbsp;เพื่อป้องกันพื้นที่อ่อนไหวและสารสลายคราบน้ำมันจำนวน&nbsp;600&nbsp;ลิตร&nbsp;โดยเจ้าหน้าที่จากสำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ&nbsp;ได้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างคราบน้ำมัน&nbsp;พร้อมกันนี้&nbsp;สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค&nbsp;สาขาชุมพร&nbsp;ได้นำเรือตรวจการณ์เจ้าท่า&nbsp;1302&nbsp;และเจ้าหน้าที่&nbsp;สำรวจค้นหาคราบน้ำมันและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น&nbsp;โดยการลงพื้นที่ในวันนี้ยังไม่พบคราบน้ำมันที่จะส่งผลและสร้างความเสียหายในบริเวณชายฝั่งและบริเวณโดยรอบ</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;กรมเจ้าท่า&nbsp;เล็งเห็นถึงความสำคัญในการรักษาความปลอดภัยทางทะเล&nbsp;</strong>รวมถึงการดูแลป้องกันรักษาสภาพแวดล้อมทางทะเล&nbsp;จากคราบน้ำมัน&nbsp;ไม่ให้กระทบกับสิ่งมีชีวิตใต้น้ำและประชาชนโดยรอบ</p>26/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126122408622 สำนักงานพาณิชย์จังหวัด ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เช็คสต๊อกหมูจับตาสินค้าบริโภคที่สำคัญอย่างใกล้ชิด เน้นย้ำผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจนเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้บริโภค<p><strong>วันที่&nbsp;25&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;10.00&nbsp;น.&nbsp;</strong>นางสาวเอื้อนจิตร&nbsp;ช่วยนก&nbsp;พาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;มอบหมายให้กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;ร่วมกับปศุสัตว์จังหวัดบึงกาฬ&nbsp;สำนักงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบึงกาฬ&nbsp;สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดบึงกาฬ&nbsp;สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ&nbsp;ตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ&nbsp;ฝ่ายปกครอง&nbsp;ลงพื้นที่เช็คสต๊อกหมู&nbsp;จับตาสินค้าบริโภคอย่างใกล้ชิด&nbsp;พื้นที่อำเภอปากคาด&nbsp;และอำเภอโซ่พิสัย</p><p><strong>จากการตรวจสอบพบว่า</strong>&nbsp;สินค้าบริโภค&nbsp;อาทิ&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ไก่เนื้อ&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เนื้อวัว&nbsp;ปลา&nbsp;และผักสด&nbsp;ราคายังทรงตัวปกติ&nbsp;และยังมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;ไม่พบการจำหน่ายสินค้าแพงเกินสมควร&nbsp;และคณะเจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจนทุกชนิดสินค้าเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้บริโภค</p><p><strong>จากนั้นไปตรวจสอบสต๊อกหมูยังร้านจำหน่ายเนื้อหมูสด&nbsp;</strong>ห้องเย็นพื้นที่ตลาดสดเทศบาลปากคาด&nbsp;และตลาดสดเทศบาลโซ่พิสัย&nbsp;ไม่พบการกักตุนเนื้อสุกรแต่อย่างใด</p><p><strong>สำหรับเรื่องน้ำมัน&nbsp;</strong>สถานการณ์ราคาในช่วงนี้มีการปรับขึ้น&nbsp;โดยเฉพาะน้ำมันปาล์ม&nbsp;เพราะราคาผลปาล์มดิบของเกษตรกรราคาสูงขึ้นมาก&nbsp;ปัจจุบันขึ้นจากกิโลกรัมละ&nbsp;2&nbsp;บาทกว่า&nbsp;เป็นกิโลกรัมละ&nbsp;10-11&nbsp;บาท&nbsp;จากการสำรวจราคาน้ำมัน&nbsp;รายละเอียดดังนี้</p><p><strong>น้ำมันปาล์ม&nbsp;ยี่ห้อโอลีน&nbsp;ขนาดบรรจุ&nbsp;1&nbsp;ลิตร</strong></p><p>-ร้านค้าทั่วไป&nbsp;ราคาขวดละ&nbsp;58-65&nbsp;บาท</p><p>-ห้าง&nbsp;ราคาขวดละ&nbsp;59&nbsp;บาท</p><p><strong>ยี่ห้อมรกต&nbsp;ขนาดบรรจุ&nbsp;1&nbsp;ลิตร</strong></p><p>-ร้านค้าทั่วไป&nbsp;ราคาขวดละ&nbsp;61-65&nbsp;บาท</p><p>-ห้าง&nbsp;ราคาขวดละ&nbsp;59&nbsp;บาท</p><p><strong>ยี่ห้อทับทิม/ยี่ห้อเกสร</strong></p><p>-ร้านค้าทั่วไป&nbsp;ราคาขวดละ&nbsp;61-65&nbsp;บาท</p><p>-ห้าง&nbsp;ราคาขวดละ&nbsp;58&nbsp;บาท</p><p><strong>น้ำมันถั่วเหลือง&nbsp;ยี่ห้อ&nbsp;กุ๊ก&nbsp;ขนาดบรรจุ&nbsp;1&nbsp;ลิตร</strong></p><p>-ร้านค้าทั่วไป&nbsp;ราคาขวดละ&nbsp;60&nbsp;บาท</p><p>-ห้าง&nbsp;ราคาขวดละ&nbsp;58&nbsp;บาท</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>26/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบึงกาฬสวท.บึงกาฬhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126121148608 ปชส.สุราษฎร์ธานี เผย ครม.เห็นชอบให้ไก่และเนื้อไก่เป็นสินค้าควบคุมปี 2565 พร้อมวางมาตรการลดภาระค่าครองชีพและแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง<p><strong>นางสุนิสา&nbsp;รามแก้ว&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี</strong>&nbsp;กล่าวถึงมาตรการลดภาระค่าครองชีพและแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง&nbsp;ว่า&nbsp;ครม.&nbsp;เห็นชอบกำหนดสินค้าควบคุมปี&nbsp;2565&nbsp;เพิ่มอีก&nbsp;1&nbsp;รายการ&nbsp;คือ&nbsp;ไก่และเนื้อไก่&nbsp;จากเดิมรายการสินค้าควบคุมในปี&nbsp;2564&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;รายการ&nbsp;คือ&nbsp;1.หน้ากากอนามัย&nbsp;2.ใยสังเคราะห์&nbsp;Polypropylene&nbsp;(Spunbond)&nbsp;เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย&nbsp;3.&nbsp;ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ&nbsp;4&nbsp;เศษกระดาษ&nbsp;และกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้อีง&nbsp;เนื่องจากปัจจุบันราคาไก่ปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;จึงจำเป็นต้องกำกับดูแลติดตามไก่&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ที่เป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญต่อการบริโภคของประชาชน&nbsp;ให้มีปริมาณเพียงพอและมีราคาที่เหมาะสม&nbsp;ทั้งนี้คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;กำหนดให้ผู้ประกอบการ&nbsp;ผู้ค้า&nbsp;และฟาร์มเลี้ยงไก่&nbsp;ต้องปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ&nbsp;ที่เกี่ยวข้อง</p><p><strong>สำหรับสถานการณ์สินค้าบางตัวที่มีการปรับราคาสูงขึ้น&nbsp;</strong>รัฐบาลและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการในการรักษาระดับราคาในรูปแบบที่สร้างสมดุลระหว่างการให้สินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้นเพื่อสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นแก่เกษตรกร&nbsp;แต่ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นนั้น&nbsp;จะต้องไม่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน&nbsp;ที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ&nbsp;เพื่อลดผลกระทบ&nbsp;เช่น&nbsp;การตรึงราคาสินค้า</p><p><strong>ขณะที่กระทรวงพาณิชย์และกรมการค้าภายใน&nbsp;</strong>ได้ประสานกับผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;ผู้ค้าและสมาคมต่างๆ&nbsp;ตรึงราคาในหลายหมวดสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตประจำวัน&nbsp;คือ&nbsp;เครื่องใช้ไฟฟ้า&nbsp;ซอสปรุงรส&nbsp;บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป&nbsp;น้ำอัดลม</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ทางสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ&nbsp;</strong>ประกาศตรึงราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มไว้&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;110&nbsp;บาท&nbsp;ไปจนถึงเสร็จสิ้นเทศกาลตรุษจีน&nbsp;และทางสมาคมผู้เลี้ยงและส่งออกไข่ไก่&nbsp;พร้อมให้ความร่วมมือตรึงราคาไข่ไก่เบอร์&nbsp;3&nbsp;ไว้ที่ฟองละ&nbsp;2.90&nbsp;บาท&nbsp;เป็นต้น&nbsp;ขณะเดียวกันราคาเนื้อหมู&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และผักชนิดต่างๆ&nbsp;อาทิ&nbsp;ผักคะน้า&nbsp;ผักบุ้งจีน&nbsp;กะหล่ำปลี&nbsp;ถั่วฝักยาว&nbsp;ตามรายงานของสถานการณ์สินค้าเกษตรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว&nbsp;(17-24&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;อยู่ในระดับที่ทรงตัว.</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>26/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126120028598 ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่และประชุมตรวจติดตามผลการดำเนินงาน ตามแผนงานและนโยบายที่สำคัญของกระทรวงพาณิชย์ พร้อมชี้แนะแนวทางการเพิ่มจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดง และขยายโอกาสทางการค้าชมพู่เพชรสายรุ้ง<p><strong>ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ลงพื้นที่และประชุมตรวจติดตามผลการดำเนินงาน&nbsp;ตามแผนงานและนโยบายที่สำคัญของกระทรวงพาณิชย์&nbsp;พร้อมชี้แนะแนวทางการเพิ่มจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;และขยายโอกาสทางการค้าชมพู่เพชรสายรุ้ง&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมตรีวัง&nbsp;ชั้น&nbsp;1&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;</strong></p><p><br></p><p><strong>นางลลิดา&nbsp;จิวะนันทประวัติ&nbsp;ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์</strong>&nbsp;ลงพื้นที่และประชุมตรวจติดตามการปฏิบัติราชการของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;รอบที่&nbsp;1&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;นายธีรวุฒิ&nbsp;คล้ายเคลื่อน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;เพื่อติดตามผลการดำเนินงาน&nbsp;ตามแผนงานและนโยบายที่สำคัญของกระทรวงพาณิชย์&nbsp;รวมทั้งรับฟังประเด็นปัญหาต่างๆ&nbsp;ในการปฏิบัติงาน&nbsp;ตลอดจนชี้แนะแนวทางในการเพิ่มจุดจำหน่ายหมู&nbsp;เนื้อแดง&nbsp;ตามโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค&nbsp;ลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เน้นย้ำให้สำนักงานฯ&nbsp;ผลักดันและส่งเสริมการเชื่อมโยงการตลาด&nbsp;</strong>เพื่อขยายโอกาสทางการค้าและประชาสัมพันธ์สินค้าจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;รวมถึงสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์&nbsp;GI(ชมพู่เพชรสายรุ้ง)&nbsp;ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง&nbsp;ตลอดจนการพัฒนาฐานข้อมูลเกษตรกรอย่างเป็นระบบ&nbsp;โดยการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าเกษตร&nbsp;เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์&nbsp;GI</p><p><br></p><p>สวท.เพชรบุรี</p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>26/1/2022ภาคตะวันตกเพชรบุรีสวท.เพชรบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126115516596 รฟท.ขยายเวลาให้บริการขบวนรถนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ต่อไปอีก 1 เดือนหลังประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยจะเปิดให้บริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ รวม 8 ขบวน<p><strong>นายเอกรัช&nbsp;ศรีอาระยันพงษ์&nbsp;ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์&nbsp;การรถไฟแห่งประเทศไทย&nbsp;หรือ&nbsp;รฟท.</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;หลังจากการรถไฟฯ&nbsp;เปิดขบวนรถไฟนำเที่ยวเขื่อนปาสักชลสิทธิ์&nbsp;แบบไปเช้า-เย็นกลับ&nbsp;โดยกำหนดจัดให้มีขึ้นทุกวันศุกร์,&nbsp;เสาร์&nbsp;และอาทิตย์&nbsp;เริ่มตั้งแต่วันที่&nbsp;26&nbsp;พฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;ไปจนถึงวันที่&nbsp;30&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติและพบว่ายังมีนักท่องเที่ยวต้องการเดินทางท่องเที่ยวไปกับขบวนรถไฟนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อีกเป็นจำนวนมาก&nbsp;</p><p><strong>การรถไฟฯ&nbsp;จึงขยายเวลาออกไปอีก&nbsp;1&nbsp;เดือน&nbsp;หรือจนถึงวันที่&nbsp;27&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565</strong>&nbsp;โดยจะเปิดเพิ่มเฉพาะวันเสาร์&nbsp;-อาทิตย์&nbsp;รวม&nbsp;8&nbsp;เที่ยวเท่านั้น&nbsp;คือวันที่&nbsp;5-6,&nbsp;12-13,&nbsp;19-20&nbsp;และ&nbsp;26-27&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ขบวนรถพิเศษนำเที่ยวเขื่อนปาสักชลสิทธิ์นี้&nbsp;เป็นอีกหนึ่งความพิเศษที่การรถไฟฯ&nbsp;จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี&nbsp;และเชิญชวนคนไทยร่วมท่องไปกับความสุขเหนือน้ำ&nbsp;</p><p><strong>ออกเดินทางจากสถานีกรุงเทพ&nbsp;(หัวลำโพง)&nbsp;เวลา&nbsp;06:00&nbsp;น.</strong>&nbsp;และขบวนรถจะหยุดรับ-ส่งผู้โดยสาร&nbsp;ที่สถานีสามเสน&nbsp;บางซื่อ&nbsp;บางเขน&nbsp;หลักสี่&nbsp;ดอนเมือง&nbsp;รังสิต&nbsp;อยุธยา&nbsp;สระบุรี&nbsp;และชุมทางแก่งคอย&nbsp;ซึ่ง&nbsp;นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถไฟตามสถานีดังกล่าวได้&nbsp;จากนั้น&nbsp;เดินทางถึงจุดชมวิว&nbsp;“รถไฟลอยน้ำ”&nbsp;กลางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์&nbsp;เวลา&nbsp;09:25&nbsp;น.&nbsp;ถึงสถานีโคกสลุง&nbsp;เพื่อชม&nbsp;ชิม&nbsp;ช้อป&nbsp;สินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;เวลา&nbsp;09:50&nbsp;น.&nbsp;และจะหยุดรถที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์&nbsp;เพื่อท่องเที่ยวสถานที่ใกล้เคียง&nbsp;เวลา&nbsp;10:35&nbsp;น.&nbsp;</p><p><strong>ขากลับ&nbsp;จะออกเดินทางจากที่หยุดรถเขื่อนปาสักชลสิทธิ์กลับสู่กรุงเทพฯ&nbsp;เวลา&nbsp;15:30&nbsp;น.</strong>&nbsp;โดยจะหยุดรับส่งที่ชุมทางแก่งคอย&nbsp;สระบุรี&nbsp;อยุธยา&nbsp;รังสิต&nbsp;ดอนเมือง&nbsp;หลักสี่&nbsp;บางเขน&nbsp;บางซื่อ&nbsp;และสถานีสามเสน&nbsp;ตามลำดับ&nbsp;ถึงสถานีกรุงเทพ&nbsp;(หัวลำโพง)&nbsp;เวลา&nbsp;18:50&nbsp;น.&nbsp;สำหรับนักท่องเที่ยวที่ร่วมโดยสารไปกับขบวนรถไฟ&nbsp;ต้องได้รับการฉีดวัคซีน&nbsp;ครบ&nbsp;2&nbsp;เข็ม&nbsp;โดยสามารถแสดงหลักฐานผ่าน&nbsp;Digital&nbsp;Health&nbsp;Pass&nbsp;บน&nbsp;หมอพร้อม&nbsp;แอพพลิเคชั่น&nbsp;หรือแสดงผลตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ไม่เกิน&nbsp;72&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;ต่อเจ้าหน้าที่&nbsp;ณ&nbsp;จุดคัดกรองในวันเดินทาง</p><p><strong>ผู้สนใจสามารถติดต่อซื้อตั๋วโดยสารได้ที่สถานีรถไฟทั่วประเทศ&nbsp;หรือผ่านระบบ&nbsp;D-Ticket&nbsp;</strong>และยังสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่&nbsp;ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์&nbsp;1690&nbsp;ตลอด&nbsp;24&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;อัตราค่าโดยสารไป-กลับ&nbsp;ชั้นธรรมดา&nbsp;กรุงเทพ-&nbsp;เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์&nbsp;–&nbsp;กรุงเทพ&nbsp;คนละ&nbsp;330&nbsp;บาท&nbsp;สระบุรี/แก่งคอย&nbsp;-&nbsp;โคกสลุง&nbsp;ผู้ใหญ่/เด็ก&nbsp;คนละ&nbsp;130&nbsp;บาท&nbsp;เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์&nbsp;–&nbsp;กรุงเทพ&nbsp;(เที่ยวเดียว)&nbsp;คนละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;และอัตราค่าโดยสารไป-กลับ&nbsp;ชั้นปรับอากาศ&nbsp;กรุงเทพ-&nbsp;เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์&nbsp;–&nbsp;กรุงเทพ&nbsp;คนละ&nbsp;560&nbsp;บาท&nbsp;สระบุรี/แก่งคอย&nbsp;-&nbsp;โคกสลุง&nbsp;ผู้ใหญ่/เด็ก&nbsp;คนละ&nbsp;260&nbsp;บาท&nbsp;เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์&nbsp;–&nbsp;กรุงเทพ&nbsp;(เที่ยวเดียว)&nbsp;คนละ&nbsp;250&nbsp;บาท</p>26/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126120443603 พ่อเมืองกาฬสินธุ์ ตรวจตลาด กำชับพ่อค้า แม่ค้า ห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคาในช่วงเทศกาลตรุษจีน<p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์</strong>&nbsp;พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;ลงสำรวจตลาดสดทุ่งนาทอง&nbsp;อำเภอเมืองกาฬสินธุ์&nbsp;ตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าในช่วงตรุษจีน&nbsp;ไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคาและกำชับให้ปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน</p><p><strong>วันนี้&nbsp;(26&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายทรงพล&nbsp;ใจกริ่ม&nbsp;</strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;พร้อมด้วยนายศิริพงษ์&nbsp;วิวัฒน์เกษมชัย&nbsp;พาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;และเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;ลงพื้นที่ตลาดสดทุ่งนาทอง&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;เพื่อตรวจติดตามการจำหน่ายราคาสินค้า&nbsp;โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ใกล้จะถึงโดยได้สำรวจการจำหน่ายไข่ไก่&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ปลา&nbsp;ผัก&nbsp;ผลไม้&nbsp;</p><p><strong>นายทรงพล&nbsp;ใจกริ่ม</strong>&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;การลงพื้นที่สำรวจตลาดในครั้งนี้&nbsp;เนื่องด้วยสถานการณ์เนื้อหมูที่มีราคาแพงขึ้น&nbsp;ทางหน่วยงานภาครัฐ&nbsp;โดยเฉพาะสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;ได้มีมาตรการช่วยเหลือด้วยการจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูกกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;และได้กำชับพ่อค้า-แม่ค้า&nbsp;ให้จำหน่ายในราคาที่เป็นไปตามกลไกการตลาด&nbsp;ไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคาโดยเฉพาะอย่างยิ่งใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;โดยขอให้แสดงป้ายราคาให้เห็นเป็นที่ชัดเจน&nbsp;และตรวจดูในเรื่องของเครื่องชั่งให้เป็นไปตามมาตรฐาน&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;ได้มีการตรวจห้องเย็นที่มีการเก็บเนื้อสัตว์&nbsp;เพื่อตรวจสอบป้องกันการกักตุนเนื้อหมู&nbsp;โดยจากการตรวจสอบ&nbsp;ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>26/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกาฬสินธุ์สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126121906612 จ.ลำปาง ประชุมความพร้อมเตรียมจัดงานมหกรรมยานยนต์ “DIPROM MOTOR SHOW”<p><strong>จังหวัดลำปาง&nbsp;ประชุมคณะทำงานหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง&nbsp;</strong>ร่วมวางแผนบูรณาการการจัดกิจกรรมส่งเสริมสร้างมูลค่าอุตสาหกรรมยานยนต์&nbsp;"DIPROM&nbsp;MOTOR&nbsp;SHOW"&nbsp;เตรียมนำรถยนต์จากค่ายดังเกือบทุกยี่ห้อ&nbsp;มาร่วมโชว์และจำหน่ายกระตุ้นการฟื้นตัวภาคเศรษฐกิจ</p><p><strong>นายจำลักษ์&nbsp;กันเพ็ชร์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;เป็นประธานการประชุมคณะทำงานระดับพื้นที่&nbsp;เตรียมการจัดกิจกรรมงานมหกรรมยานยนต์&nbsp;"DIPROM&nbsp;MOTOR&nbsp;SHOW"&nbsp;เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคภาคเหนือ&nbsp;ซึ่งได้มีการเปิดโต๊ะร่วมประชุมระดมความคิดเห็นกลุ่มคณะทำงานฝ่ายต่างๆ&nbsp;ที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ทั้งด้านพิธีการการจัดสถานที่&nbsp;ด้านการอำนวยการการจัดงาน&nbsp;ด้านความปลอดภัย&nbsp;และด้านการประชาสัมพันธ์&nbsp;เพื่อวางแนวทางการจัดกิจกรรมร่วมกัน&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมเล็กชั้น&nbsp;1&nbsp;อาคารศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือ&nbsp;ตำบลศาลา&nbsp;อำเภอเกาะคา&nbsp;จังหวัดลำปาง</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ด้วยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม&nbsp;(กสอ.)&nbsp;</strong>หรือ&nbsp;Diprom&nbsp;ได้มีแนวคิดในการที่จะดำเนินกิจกรรมเชิงรุกเพื่อยกระดับห่วงโซ่อุตสาหกรรมของประเทศไทย&nbsp;ให้สามารถแข่งขันและปรับตัวได้ทันกับกระแสโลก&nbsp;ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ&nbsp;COVID-19&nbsp;ที่ยังคงผันผวน&nbsp;ซึ่งจำเป็นต้องสร้างความต่อเนื่องในกระบวนการผลิตเพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้&nbsp;โดยเห็นว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเป็นอุตสาหกรรมหลักที่มีศักยภาพ&nbsp;และเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ&nbsp;เนื่องด้วยประเทศไทยยังคงเป็นฐานสำคัญในการผลิต&nbsp;ทั้งชิ้นส่วนยานยนต์&nbsp;การประกอบรถยนต์&nbsp;รวมถึงการผลิตยานยนต์เชิงพาณิชย์&nbsp;ดังนั้นจึงได้จับมือร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย&nbsp;และกลุ่มองค์กรภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ-เอกชน&nbsp;เตรียมการจัดงาน&nbsp;"DIPROM&nbsp;MOTOR&nbsp;SHOW"&nbsp;ขึ้น&nbsp;ซึ่งได้เล็งจังหวัดภาคเหนือเป็นพื้นที่เป้าหมายหลัก&nbsp;โดยได้เลือกจังหวัดลำปาง&nbsp;เป็นพื้นที่เตรียมการจัดกิจกรรมครั้งแรก&nbsp;ในช่วงระหว่างวันที่&nbsp;9-15&nbsp;กุมภาพันธ์นี้</p><p><strong>สำหรับในเรื่องความพร้อมของการจัดงานดังกล่าว</strong>&nbsp;ที่ประชุมฯ&nbsp;มีแนวทางมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันจัดกิจกรรมสนับสนุน&nbsp;ซึ่งจะใช้บริเวณอาคารสถานที่ของ&nbsp;ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือ&nbsp;จังหวัดลำปาง&nbsp;หรือศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าเซรามิคและหัตถอุตสาหกรรม(เดิม)&nbsp;ในเขตท้องที่ตำบลศาลา&nbsp;อำเภอเกาะคา&nbsp;เป็นสถานที่จัดงาน&nbsp;โดยเตรียมที่จะนำค่ายยานยนต์ชั้นนำ&nbsp;ทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์รวมกว่า&nbsp;15&nbsp;ยี่ห้อ&nbsp;มาร่วมออกบูธโชว์และจำหน่ายพร้อมกับโปรโมชั่นพิเศษ&nbsp;เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคสามารถชมและสัมผัสนวัตกรรมยานยนต์ใหม่ๆ&nbsp;จากผู้ผลิตได้พร้อมกันทีเดียวทุกค่าย&nbsp;ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบรุ่น&nbsp;ราคา&nbsp;สมรรถนะด้านต่างๆ&nbsp;รวมถึงสามารถที่จะทดลองขับขี่และตัดสินใจซื้อหาได้ครบจบในที่เดียว&nbsp;นอกจากนี้ภายในงาน&nbsp;ได้เตรียมที่จะนำผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดลำปางและจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมออกบูธจำหน่ายสินค้าคุณภาพราคาถูกมากมาย&nbsp;ทั้งสินค้าเกษตรแปรรูป&nbsp;เครื่องสำอาง&nbsp;ผลิตภัณฑ์สมุนไพร&nbsp;เครื่องประดับตกแต่ง&nbsp;สิ่งของเครื่องใช้&nbsp;และเสื้อผ้า&nbsp;เครื่องนุ่มห่ม&nbsp;เป็นต้น</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;การจัดงานกิจกรรม&nbsp;"DIPROM&nbsp;MOTOR&nbsp;SHOW"</strong>&nbsp;ดังกล่าว&nbsp;เพื่อเป็นกิจกรรมสนับสนุนช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวภาคเศรษฐกิจ&nbsp;โดยทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม&nbsp;(กสอ.)&nbsp;หรือ&nbsp;Diprom&nbsp;คาดหวังว่าจะก่อให้เกิดการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการด้วยกันเอง&nbsp;รวมถึงระหว่างผู้ประกอบการกับผู้บริโภค&nbsp;ทั้งในการสร้างมูลค่า&nbsp;การจับคู่ธุรกิจ&nbsp;หรือ&nbsp;Business&nbsp;Matching&nbsp;ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมการท่องเที่ยวเมืองรองในรูปแบบของงานแฟร์ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว&nbsp;รวมถึงช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคที่จะก่อให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้จำนวนหลายร้อยล้านบาท</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>26/1/2022ภาคเหนือลำปางสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126135441673 จังหวัดสตูล จัดงาน “ตลาดนัดชุมชน คนสตูล” ครั้งที่ 1 เปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชน นำสินค้าทางการเกษตร สินค้า OTOP ฯลฯ มาจำหน่าย ในราคายุติธรรม เป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ ภายใต้สถานการณ์ปัญหาค่าครองชีพมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น<p><strong>วันนี้&nbsp;26&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นายเอกรัฐ&nbsp;หลีเส็น&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล</strong>&nbsp;พร้อมด้วยนายอภินันท์&nbsp;เผือกผ่อง&nbsp;ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย&nbsp;เขตตรวจราชการที่&nbsp;6&nbsp;กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน&nbsp;นาวาตรีหญิงโนสมา&nbsp;หลีเส็น&nbsp;นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล&nbsp;นางศุภมาส&nbsp;เหล็นเรือง&nbsp;พัฒนาการจังหวัดสตูล&nbsp;นางสายช่อ&nbsp;อังศุพานิช&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสตูล&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ร่วมตรวจเยี่ยมให้กำลัง&nbsp;พ่อค้า&nbsp;แม่ค้า&nbsp;และผู้มาจับจ่ายใช้สอย&nbsp;ที่“ตลาดนัดชุมชน&nbsp;คนสตูล”&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;08.00&nbsp;–&nbsp;14.00&nbsp;น.&nbsp;บริเวณหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;80&nbsp;พรรษา&nbsp;ศาลากลางจังหวัดสตูล</p><p><strong>นายเอกรัฐ&nbsp;หลีเส็น&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;วันนี้ได้ลงเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ</strong>&nbsp;พ่อค้า&nbsp;แม่ค้า&nbsp;ที่ตลาดนัดชุมชน&nbsp;คนสตูล&nbsp;เป็นตลาดที่เปิดโอกาสให้พี่น้องเกษตรกร&nbsp;วิสาหกิจชุมชน&nbsp;ของกระทรวงเกษตร&nbsp;มาบูรณาการร่วมกับกลุ่ม&nbsp;OTOP&nbsp;กลุ่มกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี&nbsp;และบูรณาการร่วมกับพาณิชย์จังหวัดสตูล&nbsp;ในเรื่องไข่ไก่ราคาพิเศษ&nbsp;จำนวน&nbsp;800&nbsp;แผง&nbsp;ขายในราคา&nbsp;แผงละ&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;เป็นการประหยัดเงินให้พี่น้องประชาชนมาจับจ่ายใช้สอย&nbsp;ซึ่งจะดำเนินการทุกสัปดาห์&nbsp;ของวันพุธ&nbsp;และใน&nbsp;1&nbsp;เดือน&nbsp;จะบูรณาการร่วมกัน&nbsp;เพื่อพี่น้องประชาชนสามารถ&nbsp;นำสินค้าทางการเกษตร&nbsp;สินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;มาจำหน่าย&nbsp;ในราคายุติธรรม&nbsp;ก็จะเกิดการหมุนเวียนเป็นการสร้างงาน&nbsp;สร้างอาชีพ&nbsp;ภายใต้สถานการณ์ปัญหาค่าครองชีพครัวเรือนในปัจจุบันที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น&nbsp;โดยมุ่งเน้นการแก้ปัญหาเพื่อให้เกิดความยั่งยืน&nbsp;ในส่วนของอำเภอต่างๆก็ให้ดำเนินการทุกอำเภอเช่นกัน</p><p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล&nbsp;กล่าวอีกว่า&nbsp;ซึ่งก่อนหน้านี้ทางจังหวัดสตูล</strong>&nbsp;ได้ดำเนินการทุกวิถีทางในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน&nbsp;และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา&nbsp;ได้ลงตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการ&nbsp;พ่อค้า&nbsp;แม่ขาย&nbsp;ในตลาดสด&nbsp;พร้อมทั้งดูราคาสินค้าว่ามีการขึ้นราคาเกินจริงหรือไม่&nbsp;ส่วนมากสินค้าที่ได้ลงตรวจที่ราคาสูงขึ้นไม่ได้เกิดจากการ&nbsp;ตรึงกำไร&nbsp;และที่ราคาขึ้นเพราะกลไกทางการตลาด&nbsp;เลยต้องทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนให้รับทราบถึงสถานการณ์ปัจจุบันด้วย&nbsp;และจังหวัดสตูลไม่มีการกักตุนสินค้าไว้เกร็งกำไรแต่อย่างใด</p><p><strong>สำหรับภายในงานฯ&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;การจำหน่ายผลิตภัณฑ์&nbsp;/&nbsp;</strong>สินค้าของสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี&nbsp;ผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;จากพื้นที่&nbsp;7&nbsp;อำเภอ&nbsp;,&nbsp;สินค้า&nbsp;/&nbsp;ผลผลิตทางการเกษตร&nbsp;&nbsp;และการจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด&nbsp;โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมจำนวน&nbsp;40&nbsp;บูท&nbsp;อีกทั้งยังมีกิจกรรมจัดแสดงผ้าลายขอพระราชทานจากเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ&nbsp;,&nbsp;กิจกรรมส่งเสริมการขาย&nbsp;การจัดแสดงบอนดำสตูล&nbsp;และไม้มงคล&nbsp;จากชุมชนคุณธรรมวัดนิคมพัฒนาราม&nbsp;ผัง&nbsp;7&nbsp;อำเภอมะนัง&nbsp;และการจำหน่ายพันธุ์ไม้พื้นถิ่นไม้ใบยอดนิยม&nbsp;ด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>26/1/2022ภาคใต้สตูลสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูลhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126133927662 องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ร่วมประชุมโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากปี 2565<p class="ql-align-justify"><strong>องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ร่วมประชุมโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากปี 2565</strong></p><p class="ql-align-justify">&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายวิเชียร ขาวขำ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี มอบหมายให้ นายศักดา เกตุแก้ว รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี เข้าร่วมการประชุมโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากปี 2565 ในการนี้มี นายวันชัย จันทร์เพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานในการประชุมพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพียงกัน</p><p class="ql-align-justify">&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สืบเนื่องจากจังหวัดอุดรธานี ได้รับแจ้งจากกระทรวงมหาดไทยว่า คณะรัฐมนตรีได้ปรึกษาหารือ ลงมติทราบกรอบการดำเนินการและคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการพัฒนา และเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากปี 2565 จังหวัดจึงได้จัดประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันจังหวัดอุดรธานี เพื่อพิจารณาโครงการเพื่อเสนอต่อรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป</p>26/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุดรธานีสวท.อุดรธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126141602685 กระทรวงพาณิชย์คุมเข้มราคาสินค้า จัดสายตรวจ 55 ชุดปูพรมตรวจทั่วประเทศ หากพบกระทำผิด ดำเนินการตามกฏหมายทันที<p><strong>นายวัฒนศักย์&nbsp;เสือเอี่ยม&nbsp;อธิบดีกรมการค้าภายใน&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ได้มีการประชุมติดตามสถานการณ์ราคามันสำปะหลัง&nbsp;</strong>โดยในปี&nbsp;2564&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;สามารถส่งออกได้กว่า&nbsp;10&nbsp;ล้านตัน&nbsp;เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ&nbsp;40&nbsp;จากปีก่อนหน้า&nbsp;ถือเป็นข่าวดีของเกษตรกร&nbsp;รวมทั้งได้พิจารณาเกณฑ์กลางอ้างอิงราคามันสำปะหลัง&nbsp;งวดที่&nbsp;3&nbsp;สำหรับหัวมันสดเชื้อแป้ง&nbsp;25&nbsp;เปอร์เซนต์&nbsp;โดยราคาอยู่ที่&nbsp;2.64&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งสูงกว่าราคาประกันรายได้&nbsp;ทำให้เกษตรได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก&nbsp;ขณะที่สถานการณ์ราคาสินค้าอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;เช่น&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;พบว่า&nbsp;ราคาหมูเนื้อแดงในท้องตลาดมีการปรับลดลง&nbsp;และเริ่มทรงตัว&nbsp;โดยราคาจำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละไม่เกิน&nbsp;200-210&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนน้ำมันปาล์ม&nbsp;มีราคาสูงขึ้นตามกลไกตลาด&nbsp;เนื่องจากผลปาล์มดิบ&nbsp;ราคาอยู่ในเกณฑ์ที่สูงมาก&nbsp;คาดว่าช่วงเดือน&nbsp;กุมภาพันธ์-&nbsp;มีนาคม&nbsp;นี้&nbsp;จะมีผลผลิตปาล์มเข้ามาในระบบเพิ่มขึ้น&nbsp;ทำให้แนวโน้มสถานการณ์ราคาน่าจะปรับลดลงตามกลไกตลาด&nbsp;รวมทั้ง&nbsp;กรมการค้าภายในได้มีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นระยะ&nbsp;เพื่อขอความร่วมมือตรึงราคาให้ได้มากที่สุด&nbsp;ขณะเดียวกัน&nbsp;จากการสำรวจความต้องการใช้น้ำมันปาล์มมีแนวโน้มลดลง&nbsp;ผู้บริโภคหันไปใช้น้ำมันชนิดอื่นทดแทน</p><p><strong>นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้แต่งตั้งคณะทำงานวอร์รูม&nbsp;จัดชุดสายตรวจ&nbsp;55&nbsp;ชุด&nbsp;ออกตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด</strong>&nbsp;ซึ่งหากพบการกระทำผิด&nbsp;เช่น&nbsp;ไม่ปิดป้ายแสดงราคา&nbsp;หรือจำหน่ายสินค้าราคาเกินควร&nbsp;จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดทันที&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;หลังส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่&nbsp;ทั้งในตลาดสดและห้างค้าปลีกค้าส่ง&nbsp;พบว่า&nbsp;ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือตรึงราคาจำหน่ายสินค้า&nbsp;โดยราคายังอยู่ในเกณฑ์ปกติ&nbsp;พร้อมได้เน้นย้ำผู้ประกอบการต้องติดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าอย่างเหมาะสม&nbsp;และห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า&nbsp;หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิด&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วยกรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;เจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจสอบทันที</p>26/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126151319711 ตำรวจกาฬสินธุ์ตั้งโต๊ะขายไข่ราคาถูกช่วยลดค่าครองชีพช่วงของแพง<p><strong>ผู้บังคับการตำรวจภูธรกาฬสินธุ์&nbsp;พร้อมแม่บ้านตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;ตั้งโต๊ะขาย&nbsp;</strong>“ไข่ไก่ผู้การโป้ง”เบอร์&nbsp;1&nbsp;ราคาถูก&nbsp;แผงละ&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;สดๆจากฟาร์มขายขาดทุนให้ครอบครัวตำรวจกาฬสินธุ์ครัวเรือนละ&nbsp;2&nbsp;แผง&nbsp;เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและลดค่าครองชีพในช่วงโควิด-19&nbsp;แพร่ระบาด&nbsp;และช่วงไข่ไก่-เนื้อหมูราคาแพง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;(26ม.ค.65)&nbsp;พล.ต.ต.วรวัฒน์&nbsp;มะลิ&nbsp;รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธร&nbsp;จ.กาฬสินธุ์&nbsp;นางพรพรรณ&nbsp;มะลิ&nbsp;ประธานแม่บ้านตำรวจภูธร&nbsp;จ.กาฬสินธุ์&nbsp;พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายอำนวยการตำรวจภูธร&nbsp;จ.กาฬสินธุ์&nbsp;นำไข่ไก่เบอร์&nbsp;1&nbsp;“ไข่ไก่ผู้การโป้ง”&nbsp;สดๆจากฟาร์มมาตั้งโต๊ะวางขายราคาถูกกว่าท้องตลาดแผงละ&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่ายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธร&nbsp;จ.กาฬสินธุ์&nbsp;โดยกำหนดให้ซื้อได้คนละ&nbsp;2&nbsp;แผง&nbsp;เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและลดค่าครองชีพให้กับครอบครัวตำรวจในช่วงสถานการณ์โควิด-19&nbsp;แพร่ระบาด&nbsp;และช่วงที่ราคาสินค้าต่างๆปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;โดยเฉพาะไข่ไก่&nbsp;และเนื้อหมูที่มีราคาแพง</p><p><strong>พล.ต.ต.วรวัฒน์&nbsp;มะลิ&nbsp;รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธร&nbsp;จ.กาฬสินธุ์&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>กิจกรรมดังกล่าวตนเองได้ซื้อไข่ไก่สดเบอร์&nbsp;1&nbsp;จากฟาร์มโดยตรง&nbsp;ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง&nbsp;ซึ่งซื้อได้ราคาแผงละ&nbsp;90&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งปัจจุบันจำหน่ายอยู่ที่แผงละ&nbsp;110&nbsp;-120&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;1,000&nbsp;แผง&nbsp;นำมาจำหน่ายให้กับตำรวจในสังกัดตำรวจภูธร&nbsp;จ.กาฬสินธุ์&nbsp;โดยขายแผงละ&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;และเป็นการขายแบบขาดทุน&nbsp;กำหนดให้ซื้อได้คนละ&nbsp;2&nbsp;แผง&nbsp;ถือเป็นสวัสดิการให้กับตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชา&nbsp;และได้กำไรเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและลดค่าครองชีพให้กับครอบครัวตำรวจได้ส่วนหนึ่ง&nbsp;โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาสินค้าหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;เช่น&nbsp;ราคาไข่ไก่&nbsp;และเนื้อหมู&nbsp;นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยเหลือพี่น้องตำรวจ&nbsp;ในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;อีกด้วย&nbsp;โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะมีโครงการดังกล่าวนำไข่ไก่มาขายเดือนละครั้ง&nbsp;ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ&nbsp;และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค&nbsp;4&nbsp;เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ตำรวจต่อไป</p><p><strong>ด้าน&nbsp;ร.ต.ท.สมจิตร&nbsp;สืบมา&nbsp;รองสารวัตรป้องกันปราบปราม&nbsp;ปฏิบัติราชการ&nbsp;ตำรวจภูธร&nbsp;จ.กาฬสินธุ์&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>ขอขอบคุณ&nbsp;พล.ต.ต.วรวัฒน์&nbsp;มะลิ&nbsp;รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธร&nbsp;จ.กาฬสินธุ์&nbsp;ที่เป็นห่วงเป็นใยในความเดือดร้อนของข้าราชการตำรวจ&nbsp;และครอบครัว&nbsp;ที่ต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่เพิ่มสูงในปัจจุบัน&nbsp;ทั้งราคาเนื้อหมูและไข่ไก่ตามท้องตลาดมีราคาแพง&nbsp;จากการที่ได้จัดโครงการไข่ไก่ราคาถูกดังกล่าว&nbsp;ซึ่งมีขนาดฟองใหญ่&nbsp;ใหม่&nbsp;สด&nbsp;จึงเป็นอีกหนึ่งสวัสดิการที่ผู้บังคับบัญชามอบให้ผู้ใต้บังคับบัญชา&nbsp;และอยากให้มีโครงการนี้อีก&nbsp;เพราะจะได้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้เป็นอย่างดี</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>ร.ต.ท.สมจิตร&nbsp;สืบมา&nbsp;รองสารวัตรป้องกันปราบปราม&nbsp;</p><p>ปฏิบัติราชการ&nbsp;ตำรวจภูธร&nbsp;จ.กาฬสินธุ์</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>26/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกาฬสินธุ์สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126142938698 แม่ค้าเครื่องเซ่นไหว้และร้านจำหน่ายเสื้อผ้า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนในพื้นที่ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เศรษฐกิจไม่ดี ผลกระทบจากโควิด-19 ทำยอดขายตก บางร้านยอมลดราคาหวังดึงลูกค้า เพื่อให้ผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน<p><strong>วันนี้&nbsp;(26&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;</strong>บรรยากาศการตามร้านจำหน่ายเครื่องเซ่นไหว้และร้านจำหน่ายเสื้อผ้า&nbsp;ในช่วงเทศกาลตรุษจีนในเขตเทศบาลเมืองเบตง&nbsp;อำเภอเบตง&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;ในปีนี้ยอดการขายไม่คึกคักเท่าที่ควร&nbsp;สาเหตุส่วนหนึ่งเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจปีนี้ไม่ค่อยดีนัก&nbsp;รวมทั้งการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19&nbsp;ทำให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะมาเลเซีย&nbsp;สิงค์โปร์&nbsp;ที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีนไม่สามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้&nbsp;ส่งผลให้ร้านจำหน่าย&nbsp;สถานประกอบการได้รับผลกระทบรวมทั้งคนไทยเชื้อสายจีน&nbsp;บางคนงดการซื้อเสื้อสีแดงใหม่&nbsp;ในขณะที่ชุดกี่เพ้า&nbsp;ชุดเสื้อคอจีน&nbsp;และชุดสีแดงแบบผู้ชาย&nbsp;ที่มีการออกแบบที่ทันสมัยยังคงขายได้ดี</p><p><strong>เจ้าของร้านจำหน่ายเครื่องไหว้ในเขตเทศบาลเมืองเบตง</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้&nbsp;ทางร้านได้นำขนม&nbsp;เครื่องเซ่นไหว้ออกมาจำหน่ายแล้ว&nbsp;ส่วนร้านจำหน่ายเสื้อผ้าสีแดงก็นำ&nbsp;ชุดกี่เพ้า&nbsp;เสื้อคอจีน&nbsp;และชุดแฟชั่นสีแดง&nbsp;ที่ราคาไม่สูงนัก&nbsp;โดยมีราคาตั้งแต่&nbsp;200&nbsp;บาทขึ้นไปจนถึงราคาสูงสุด&nbsp;800&nbsp;บาท&nbsp;เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ยังมีกำลังซื้อ&nbsp;โดยเริ่มขายมาตั้งแต่วันที่&nbsp;15&nbsp;ม.ค.&nbsp;จนถึงปัจจุบันเหลือสินค้าอยู่ไม่มากแล้วด้วยรูปแบบเสื้อผ้าที่นำมาออกแบบสวยงามทันสมัย&nbsp;สามารถสวมใส่ได้นอกเทศกาลตรุษจีนได้ด้วยโดย&nbsp;ทางร้านค้ายังไม่ปรับราคาขึ้นแต่ในขณะเดียวกันราคาส่งได้ปรับขึ้นไปแล้วอย่างละ&nbsp;5-10&nbsp;บาท&nbsp;ไปแล้ว</p><p><strong>นอกจากเสื้อผ้าในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ไม่คึกคักทำให้ยอดขายตก</strong>&nbsp;ลดลงจากปีที่ผ่านมา&nbsp;แต่ทั้งนี้ยังเหลือเวลาอีก&nbsp;10&nbsp;วัน&nbsp;ที่ลูกค้าที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนจะออกมาเลือกซื้อเสื้อใหม่เพื่อสวมใส่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;อย่างไรก็ตามทางร้านมีเสื้อผ้าทั้งแบบเด็ก&nbsp;ผู้ใหญ่ทั้งชายและหญิง&nbsp;เน้นคุณภาพ&nbsp;ราคาถูกเริ่มต้นที่ตัวละ&nbsp;100&nbsp;กว่าบาทขึ้นไป&nbsp;เพื่อบริการให้ลูกค้าที่ต้องการสวมใส่เสื้อใหม่สีแดงสีมงคลในช่วงตรุษจีนนี้</p><p><strong>ด้านนายเอก&nbsp;ยังอภัย&nbsp;ณ&nbsp;สงขลา&nbsp;นายอำเภอเบตง&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ในช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;ในวันที่&nbsp;1&nbsp;ก.พ.นี้&nbsp;พี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนจะมีกิจกรรม&nbsp;ได้แก่&nbsp;วันจ่ายทั้งในตลาด&nbsp;วันไหว้ที่บ้าน&nbsp;และศาสนสถาน&nbsp;วันเที่ยว&nbsp;ตามสถานที่ต่างๆ&nbsp;ทั้ง&nbsp;3&nbsp;วัน&nbsp;โดยมีความเสี่ยงของการรวมกลุ่มญาติ&nbsp;ตลาด&nbsp;หรือสถานที่ที่มีความแออัด&nbsp;การเดินทางไปเที่ยว&nbsp;การรับประทานอาหารในร้าน&nbsp;และศาสนสถาน&nbsp;เพื่อไหว้พระขอพร&nbsp;อาจแออัด&nbsp;ทาง&nbsp;ศปก.อำเภอเบตง&nbsp;จึงมีคำแนะนำคือประชาชน&nbsp;ควรเลือกซื้อของในตลาดหรือสถานที่ที่ผ่านการประเมินไทยสต็อปโควิด&nbsp;สถานที่ที่มีการจัดระบบระบายอากาศที่ดี&nbsp;พนักงานรับวัคซีนแล้วทุกคน&nbsp;คัดกรองคนเข้าไปใช้บริการ&nbsp;ที่สำคัญคือควรวางแผนก่อนซื้อ&nbsp;เพื่อใช้เวลาที่ตลาดน้อยที่สุด&nbsp;จุดที่เลือกซื้อสินค้าไม่ควรมีคนแออัดหรืออาจพิจารณาเลือกซื้อของเซ่นไหว้ผ่านระบบออนไลน์&nbsp;เพื่อลดความเสี่ยงต่างๆและที่น่าเป็นห่วงคือในวันรวมญาติ&nbsp;บุคคลที่เราควรระมัดระวังสูงสุดคือ&nbsp;ผู้สูงอายุ&nbsp;ผู้ป่วยโรคประจำตัว&nbsp;เด็กเล็ก&nbsp;หญิงตั้งครรภ์&nbsp;ขอให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยให้มากที่สุด&nbsp;ล้างมือ&nbsp;เว้นระยะห่าง&nbsp;กรณีหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์&nbsp;12&nbsp;สัปดาห์ขึ้นไปขอให้ไปรับวัคซีน&nbsp;การไหว้บรรพบุรุษในบ้านควรจัดระบบถ่ายเทอากาศให้ดี&nbsp;ไม่ควรปักธูปไว้บนอาหาร&nbsp;เลี่ยงการเผากระดาษ&nbsp;ปรุงอาหารให้ร้อนก่อนรับประทาน&nbsp;การเดินทางไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ&nbsp;ควรพกเจลแอลกอฮอล์ไปด้วย&nbsp;ล้างมือบ่อยๆ&nbsp;กลับถึงบ้านควรเปลี่ยนเสื้อผ้า&nbsp;อาบน้ำทันที&nbsp;มาตรการต่างๆ&nbsp;ที่ดำเนินการเพื่อความปลอดภัย&nbsp;ให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตปกติใหม่ในทุกที่ทุกโอกาสทุกเทศกาล</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>26/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.เบตง จ.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126143551700 พาณิชย์ชัยภูมิ เดินหน้าลดค่าครองชีพประชาชน จำหน่ายเนื้อหมูแดง ราคา 150 บาทต่อกิโลกรัม<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นางศศิพิมล&nbsp;มงคล&nbsp;พาณิชย์จังหวัดชัยภูมิ</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดชัยภูมิได้ดำเนินโครงการตามนโยบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ในการจัดโครงการ&nbsp;“พาณิชย์...&nbsp;ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาที่ประหยัดเพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน&nbsp;จนถึงปัจจุบันได้ดำเนินการเป็นครั้งที่&nbsp;17&nbsp;แล้ว</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>และจากสถานการณ์เนื้อหมูขึ้นราคา&nbsp;ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริโภคเป็นอย่างมาก</strong>&nbsp;ทางกระทรวงพาณิชย์จึงได้มีนโยบายให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด&nbsp;จัดจำหน่ายเนื้อหมูในราคาประหยัดกิโลกรัมละไม่เกิน&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ภายใต้ชื่อ&nbsp;“โครงการหมูพาณิชย์...&nbsp;ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;ซึ่งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดชัยภูมิ&nbsp;ได้ทำการเปิดจุดจำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคากิโลกรัมละไม่เกิน&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;แบ่งเป็น&nbsp;2&nbsp;ส่วนด้วยกัน&nbsp;ได้แก่</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ส่วนแรก&nbsp;จะเป็นการเปิดจุดบริการ&nbsp;3&nbsp;จุด</strong>&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงล้วน&nbsp;ในราคา&nbsp;150&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;ได้แก่&nbsp;จุดที่&nbsp;1.ร้านเจ้เกมส์&nbsp;หน้าสหกรณ์จังหวัดชัยภูมิ&nbsp;,&nbsp;จุดที่&nbsp;2.ร้านหมูทอง&nbsp;พ่อไสว&nbsp;บ้านนาฝาย&nbsp;อำเมือง&nbsp;และจุดที่&nbsp;3.ร้านแม่วันเพ็ญหมูสด&nbsp;ตลาดเย็นในตลาดสด&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;โดยเปิดจำหน่ายทุกวันตั้งแต่&nbsp;17-31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ส่วนที่สอง&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดชัยภูมิ</strong>&nbsp;ได้ร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ&nbsp;(สุทธิพันธุ์ฟาร์ม)&nbsp;ในการนำเข้าสุกรผ่านและโรงฆ่าสัตว์ที่ได้มาตรฐาน&nbsp;โดยกำหนดจุดจำหน่ายไว้&nbsp;12&nbsp;จุดด้วยกัน&nbsp;ซึ่งเป็นการจัดจำหน่ายเนื้อหมูแดงและส่วนประกอบอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;อาทิ&nbsp;เครื่องใน&nbsp;เนื้อสันคอ&nbsp;เนื้อสามชั้น&nbsp;หัวหมู&nbsp;ฯลฯ&nbsp;ในราคาต่ำกว่าท้องตลาดประมาณ&nbsp;30%</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำหรับประชาชนที่สนใจอยากซื้อเนื้อหมูกับทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดชัยภูมิ</strong>&nbsp;สามารถเข้าไปดูรายละเอียดจุดจำหน่ายได้ที่&nbsp;Facebook&nbsp;Page&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดชัยภูมิ&nbsp;หรือโทรสอบถามได้ที่เบอร์&nbsp;0-4481-6928,&nbsp;0-4481-1598</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ด้านเจ้าของร้าน&nbsp;“เจ้เกมส์”&nbsp;1&nbsp;ในตัวแทนจำหน่าย</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ทางร้านของตนได้ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด&nbsp;นำเนื้อหมูมาขายในราคา&nbsp;150&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;รับมาวันละ&nbsp;50&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;โดยเปิดขายในช่วง&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;ของทุกวัน&nbsp;ปรากฏว่า&nbsp;มีประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก&nbsp;จนเนื้อหมูที่นำมา&nbsp;50&nbsp;กิโลกรัมนั้น&nbsp;ขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่ถึง&nbsp;2&nbsp;ชั่วโมงของทุกวัน</p>26/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือชัยภูมิสวท.ชัยภูมิhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126151501714 ขอนแก่น จัดใหญ่มหกรรมบ้านและคอนโด 65 กระตุ้นเศรษฐกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ไตรมาส 1 ของปี คาดมีเงินสะพัดกว่า 1 พันล้านบาท<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ที่สำนักงานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น</strong>&nbsp;นายสมศักดิ์&nbsp;จังตระกุล&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น&nbsp;พร้อมด้วยนายวุฒิชัย&nbsp;ฉัตรชัยพลรัตน์&nbsp;นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ขอนแกน&nbsp;และนายชาญณรงค์&nbsp;บุริสตระกูล&nbsp;ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น&nbsp;ร่วมแถลงข่าวการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดขอนแก่น&nbsp;2022&nbsp;Khon&nbsp;Kaen&nbsp;House&nbsp;&amp;&nbsp;Condo&nbsp;Fair&nbsp;2022&nbsp;ซึ่งสมาคมอสังหาริมทรัพย์ขอนแก่น&nbsp;ร่วมกับหอการค้าจังหวัดขอนแก่น&nbsp;รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนได้กำหนดจัดกิจกรรมขึ้นในวันที่&nbsp;9-13&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา&nbsp;ขอนแก่น&nbsp;โดยได้รับความสนใจจากนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์และสื่อมวลชน&nbsp;เข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายสมศักดิ์&nbsp;จังตระกุล&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น&nbsp;ซึ่งขณะนี้การป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19&nbsp;เป็นไปตามเกณฑ์ที่รัฐบาล&nbsp;และ&nbsp;ศบค.&nbsp;กำหนด&nbsp;และรัฐบาลได้กำหนดมาตารการผ่อนคลายในด้านต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;มาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ทำให้แผนการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจของจังหวัดจึงจำเป็นที่จะต้องทำทันที&nbsp;เพื่อแสดงถึงศักยภาพของความเป็นเมืองที่ปลอดภัย&nbsp;และการใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่นิวนอมอลที่ทุกคนนั้นคุ้นชินกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น&nbsp;ซึ่งการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดขอนแก่น&nbsp;2022&nbsp;ที่ได้กำหนดจัดกิจกรรมในช่วงระหว่างวันที่&nbsp;3-19&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ที่จะถึงนั้น&nbsp;ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดได้นำอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญในพื้นที่&nbsp;33&nbsp;ทำเลทองของจังหวัด&nbsp;มาแสดงและจำหน่ายรวมกว่า&nbsp;100&nbsp;โครงการ&nbsp;ทั้งแบบ้านเดี่ยว&nbsp;บ้านแฝด&nbsp;คอนโดมิเนียม&nbsp;ที่ดินเปล่า&nbsp;หรือทรัพย์สินของธนาคาร&nbsp;ที่จะถูกนำมาแสดงและจำหน่ายให้กับชาวขอนแก่นได้เลือกซื้อ&nbsp;เลือกชมและเจรจาบ้านและคอนโด&nbsp;รวมทั้งที่ดิน&nbsp;และอุปกรณ์ต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ที่เกี่ยวข้องได้ภายในงานอย่างเสร็จสรรพ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>จากการสอบถามพบว่า&nbsp;ขณะนี้&nbsp;100&nbsp;โครงการเด่นของขอนแกน</strong>&nbsp;พร้อมที่จะยกสินทรัพย์มาแสดงและจำหน่ายให้กับชาวขอนแกนและจังหวัดใกล้เคียงได้มาเลือกชม&nbsp;ซึ่งเป็นมูลค่าสินทรัพย์กว่า&nbsp;20,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และในการจัดงานครั้งนี้คาดว่าจะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า&nbsp;1,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;เลยทีเดียว</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“...นับเป็นการกระตุ้นภาพรวมทางเศรษฐกิจในช่วงต้นปีของจังหวัดขอนแก่นได้เป็นอย่างดี&nbsp;และต้องขอขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ&nbsp;ในการปฎิบัติตามคำแนะนำในการป้องกันตนเองและดำเนินชีวิตแบบวิถีใหม่นิวนอมอลจนเป็นความคุ้นชินที่เกิดขึ้น&nbsp;รวมไปถึงการที่คนขอนแก่นเข้ารับการฉีดวัคซีนแล้วอย่างต่อเนื่อง&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;นอกจากสินทรัพย์ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่นำมาแสดงและจำหน่ายในราคาถูกแล้ว&nbsp;ยังคงมีกิจกรรมและโปรโมชั่นพิเศษต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;จากสถาบันการเงิน&nbsp;รวมไปถึงส่วนลดต่างๆจากโครงการที่นำมามอบให้กับคนขอนแก่นไม่น้อยกว่า&nbsp;20&nbsp;ล้านบาทอีกด้วย...”</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น</strong>&nbsp;กล่าวต่ออีกว่า&nbsp;ผู้ที่จะเข้าชมงานหรือร่วมงาน&nbsp;ขอให้ปฎิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด&nbsp;โดยเฉพาะการเตรียมเอกสารยืนยันการฉีดวัคซีนครบ&nbsp;2&nbsp;เข็ม&nbsp;ที่จะต้องแสดงให้กับเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบก่อนเข้าชมงาน&nbsp;โดยสมาคมอสังหาริมทรัพย์ขอนแก่น&nbsp;ยังได้มีการจัดงานผ่านระบบออนไลน์&nbsp;ให้กับผู้ที่สนใจได้เลือกซื้อและเลือกชมหากไม่สะดวกเดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้อีกด้วย</p>26/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขอนแก่นสวท.ขอนแก่นhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126151827716 ขอนแก่น จัดใหญ่มหกรรมบ้านและคอนโด 65 กระตุ้นเศรษฐกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ไตรมาส 1 ของปี คาดมีเงินสะพัดกว่า 1 พันล้านบาท<p><strong>นายสมศักดิ์&nbsp;จังตระกุล&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น</strong>&nbsp;พร้อมด้วยนายวุฒิชัย&nbsp;ฉัตรชัยพลรัตน์&nbsp;นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ขอนแกนและนายชาญณรงค์&nbsp;บุริสตระกูล&nbsp;ประธานหอการค้า&nbsp;จ.ขอนแก่น&nbsp;ร่วมแถลงข่าวการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดขอนแก่น&nbsp;2022&nbsp;Khon&nbsp;Kaen&nbsp;House&nbsp;&amp;&nbsp;Condo&nbsp;Fair&nbsp;2022&nbsp;ที่สำนักงานหอการค้า&nbsp;จ.ขอนแก่น&nbsp;ซึ่ง&nbsp;สมาคมอสังหาริมทรัพย์ขอนแก่น&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;หอการค้าจังหวัดขอนแก่น&nbsp;รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนได้กำหนดจัดกิจกรรมขึ้นในวันที่&nbsp;9-13&nbsp;ก.พ.&nbsp;ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล&nbsp;พลาซ่า&nbsp;&nbsp;ขอนแก่น&nbsp;โดยได้รับความสนใจจากนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์&nbsp;และสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก</p><p><strong>นายสมศักดิ์&nbsp;จังตระกุล&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น&nbsp;ซึ่งขณะนี้การป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19&nbsp;เป็นไปตามเกณฑ์ที่รัฐบาลและ&nbsp;ศบค.กำหนด&nbsp;และรัฐบาลได้กำหนดมาตารการผ่อนคลายในด้านต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ทำให้แผนการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจของจังหวัดจึงจำเป็นที่จะต้องทำทันที&nbsp;เพื่อแสดงถึงศักยภาพของความเป็นเมืองที่ปลอดภัย&nbsp;และการใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่นิวนอมอลที่ทุกคนนั้นคุ้นชินกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น&nbsp;ซึ่งการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดขอนแก่น&nbsp;2022&nbsp;ที่ได้กำหนดจัดกิจกรรมในช่วงระหว่างวันที่&nbsp;3-19&nbsp;ก.พ.&nbsp;ที่จะถึงนั้น&nbsp;ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดได้นำอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญในพื้นที่&nbsp;33&nbsp;ทำเลทองของจังหวัด&nbsp;มาแสดงและจำหน่ายรวมกว่า&nbsp;100&nbsp;โครงการ&nbsp;ทั้งแบบ้านเดี่ยว&nbsp;บ้านแฝด&nbsp;คอนโดมิเนียม&nbsp;ที่ดินเปล่า&nbsp;หรือทรัพย์สินของธนาคาร&nbsp;ที่จะถูกนำมาแสดงและจำหน่ายให้กับชาวขอนแก่นได้เลือกซื้อ&nbsp;เลือกชมและเจรจาบ้านและคอนโด&nbsp;รวมทั้งที่ดิน&nbsp;และอุปกรณ์ต่างๆ&nbsp;ที่เกี่ยวข้องได้ภายในงานอย่างเสร็จสรรพ&nbsp;</p><p><strong>ซึ่งจากการสอบถามพบว่าขณะนี้&nbsp;100&nbsp;โครงการเด่นของขอนแกนพร้อมที่จะยกสินทรัพย์</strong>มาแสดงและจำหน่ายให้กับชาวขอนแกนและจังหวัดใกล้เคียงได้มาเลือกชม&nbsp;ซึ่งเป็นมูลค่าสินทรัพย์กว่า&nbsp;20,000&nbsp;ล้านบาทและในการจัดงานครั้งนี้คาดว่าจะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า&nbsp;1,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;เลยทีเดียว</p><p><br></p><p><strong>&nbsp;“&nbsp;นับเป็นการกระตุ้นภาพรวมทางเศรษฐกิจในช่วงต้นปีของจังหวัดขอนแก่น&nbsp;ได้เป็นอย่างดีและต้องขอขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการปฎิบัติตามคำแนะนำในการป้องกันตนเองและดำเนินชีวิตแบบวิถีใหม่นิวนอมอลจนเป็นความคุ้นชินที่เกิดขึ้น&nbsp;รวมไปถึงการที่คนขอนแก่นเข้ารับการฉีดวัคซีนแล้วอย่างต่อเนื่อง&nbsp;อย่างไรก็ตามนอกจากสินทรัพย์ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่นำมาแสดงและจำหน่ายในราคาถูกแล้ว&nbsp;ยังคงมีกิจกรรมและโปรโมชั่นพิเศษต่างๆจากสถาบันการเงิน&nbsp;รวมไปถึงส่วนลดต่างๆจากโครงการที่นำมามอบให้กับคนขอนแก่นไม่น้อยกว่า&nbsp;20&nbsp;ล้านบาทอีกด้วย”</strong></p><p><br></p><p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น&nbsp;กล่าวต่ออีกว่า&nbsp;</strong>ผู้ที่จะเข้าชมงานหรือร่วมงาน&nbsp;ขอให้ปฎิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด&nbsp;โดยเฉพาะการเตรียมเอกสารยืนยันการฉีดวัคซีนครบ&nbsp;2&nbsp;เข็ม&nbsp;ที่จะต้องแสดงให้กับเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบก่อนเข้าชมงาน&nbsp;โดยสมาคมอสังหาริมทรัพย์ขอนแก่น&nbsp;ยังได้มีการจัดงานผ่านระบบออนไลน์&nbsp;ให้กับผู้ที่สนใจได้เลือกซื้อและเลือกชมหากไม่สะดวกเดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้อีกด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>26/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขอนแก่นสวท.ขอนแก่นhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126154503735 จ.ชัยภูมิ เอาจริง ! ตรวจสอบห้องเย็น พร้อมติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;24&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</strong>&nbsp;<strong>นายชาญชัย&nbsp;ศรศรีวิชัย&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ</strong>&nbsp;พร้อมด้วยนางศศิพิมล&nbsp;มงคล&nbsp;พาณิชย์จังหวัดชัยภูมิ&nbsp;สพ.ญ.ศรีสมัย&nbsp;โชติวนิช&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดชัยภูมิ&nbsp;นายสุเทพ&nbsp;ทะวลี&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดชัยภูมิ&nbsp;เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรหนองบัวแดง&nbsp;ผู้แทนปกครองจังหวัดชัยภูมิ&nbsp;ผู้แทนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดชัยภูมิ&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบการจำหน่ายปริมาณสุกรชำแหละ&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;ในพื้นที่อำเภอหนองบัวแดง&nbsp;จำนวน&nbsp;5&nbsp;แห่ง&nbsp;จากการตรวจสอบพบว่า&nbsp;สถานที่เก็บเป็นห้องเย็นขนาดเล็ก&nbsp;ปริมาณการจัดเก็บเนื้อสุกรสำหรับจำหน่ายให้กับลูกค้าในแต่ละวัน&nbsp;ซึ่งมีปริมาณไม่ถึง&nbsp;5,000&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;และทางผู้ประกอบการได้จัดทำบัญชีคุมสต๊อกสินค้า&nbsp;โดยไม่มีการกักตุนสินค้า</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;ได้ตรวจสอบติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า&nbsp;ณ&nbsp;เทสโก้&nbsp;โลตัส&nbsp;สาขาหนองบัวแดง</strong>&nbsp;ตลาดสดเทศบาลอำเภอหนองบัวแดง&nbsp;พบว่าราคาจำหน่ายเนื้อแดง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;185-220&nbsp;บาท&nbsp;หมูสามชั้น&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;230-240&nbsp;บาท&nbsp;สำหรับราคาเนื้อไก่และไข่ไก่เป็นไปตามที่กรมการค้าภายในขอความร่วมมือ&nbsp;และผู้ประกอบการมีการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายปลีกชัดเจน&nbsp;สำหรับสินค้าบริโภคอุปโภคอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;ไม่มีการขึ้นราคาแต่อย่างใด</p>26/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือชัยภูมิสวท.ชัยภูมิhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126151953717 รองผู้ว่าฯนครพนม นำทีมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าในตลาด ตรวจห้องเย็นและตรวจเยี่ยมโครงการพาณิชย์ ลดราคา ช่วยประชาชน ในเขตพื้นที่อำเภอนาแก<p><strong>วันนี้&nbsp;(26&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;นายชวนินทร์&nbsp;วงศ์สถติจิรกาล&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม</strong>&nbsp;พร้อมด้วยพาณิชย์จังหวัดนครพนม&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัด&nbsp;ด่านกักกันสัตว์&nbsp;ตำรวจภูธรจังหวัด&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าในตลาดสดตรวจสอบห้องเย็น&nbsp;และตรวจเยี่ยมโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ซึ่งจำหน่ายมหมูเนื้อแดงในราคา&nbsp;150&nbsp;บาท/กก.&nbsp;ณ&nbsp;ร้านอารีย์เนื้อหมูสด&nbsp;ในเขตพื้นที่อำเภอนาแก&nbsp;ดังนี้</p><p><br></p><p>1.การจำหน่ายหมูเนื้อแดงตามโครงการพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;มีผู้บริโภคสนใจซื้อเป็นจำนวนที่เหมาะสมกับการให้การช่วยเหลือของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครพนม&nbsp;(100&nbsp;กก/วัน)</p><p><br></p><p>2.&nbsp;ราคาจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;และพืชผัก&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศบาลนาแก</p><p>หมูเนื้อแดง&nbsp;160-180&nbsp;บาท/กก</p><p>มะละกอ&nbsp;180&nbsp;บาท/ถุง(10&nbsp;กก)</p><p>กะหล่ำปลี&nbsp;40&nbsp;บาท/กก</p><p>คะน้า&nbsp;40&nbsp;บาท/กก</p><p>มะเขือเทศ&nbsp;15-30&nbsp;บาท&nbsp;/กก</p><p>พริกจินดา&nbsp;40-50&nbsp;บาท/กก</p><p>มะนาว&nbsp;60&nbsp;บาท/กก</p><p>ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;0&nbsp;ราคา&nbsp;4.00&nbsp;บาท/ฟอง</p><p>เบอร์&nbsp;1&nbsp;ราคา&nbsp;3.83&nbsp;บาท/ฟอง</p><p>เบอร์&nbsp;2&nbsp;ราคา&nbsp;3.67&nbsp;บาท/ฟอง</p><p>เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคา&nbsp;3.50&nbsp;บาท/ฟอง</p><p>เบอร์&nbsp;4&nbsp;ราคา&nbsp;3.33&nbsp;บาท/ฟอง</p><p>ทั้งนี้&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้แนะนำและกำชับให้ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายให้ชัดเจนไม่ฉกฉวยโอกาสขึ้นราคาหรือจำหน่ายสินค้าแพงเกินสมควร</p><p><br></p><p>3&nbsp;การตรวจสอบห้องเย็น&nbsp;ณ&nbsp;บริษัท&nbsp;นครพนม&nbsp;บีฟ&nbsp;(ไทยแลนด์)&nbsp;จำกัด&nbsp;ต.พิมาน&nbsp;อ.นาแก&nbsp;พบว่า&nbsp;เป็นห้องเย็นขนาดความจุ&nbsp;35&nbsp;ตัน&nbsp;ใช้เก็บซากโค&nbsp;จำนวน&nbsp;5.5&nbsp;ตัน&nbsp;ไม่พบเนื้อสุกร&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้เน้นย้ำตามประกาศ&nbsp;กกร.ฉบับที่&nbsp;2&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;เรื่องการแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บและจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ลงวันที่&nbsp;5&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ทราบและกรณีเข้าเงื่อนไขตามประกาศฯ&nbsp;ให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>26/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครพนมสวท.นครพนมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126160201752 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ศูนย์การศึกษาจังหวัดระนอง จัดโครงการอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “โครงการการบริหารจัดการธุรกิจบริการการท่องเที่ยวแบบ New normal ปลอด Covid-19 จังหวัดระนอง”<p><strong>วันนี้&nbsp;(26&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;นายปิยพงศ์&nbsp;ชูวงศ์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง&nbsp;</strong>เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ&nbsp;“โครงการการบริหารจัดการธุรกิจบริการการท่องเที่ยวแบบ&nbsp;New&nbsp;Normal&nbsp;ปลอด&nbsp;covid-19&nbsp;จังหวัดระนอง”&nbsp;ณ&nbsp;เฮอริเทจ&nbsp;แกรนด์คอนเวนชั่น&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดระนอง&nbsp;โดยมี&nbsp;ดร.&nbsp;สุวัฒน์&nbsp;นวลขาว&nbsp;ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาจังหวัดระนอง&nbsp;มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา&nbsp;คณะวิทยากรจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา&nbsp;บุคลากร&nbsp;และผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้าร่วมพิธี</p><p><strong>ดร.&nbsp;สุวัฒน์&nbsp;นวลขาว&nbsp;ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาจังหวัดระนอง&nbsp;</strong>มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;การจัดโครงการอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ&nbsp;“โครงการการบริหารจัดการธุรกิจบริการการท่องเที่ยวแบบ&nbsp;New&nbsp;normal&nbsp;ปลอด&nbsp;covid-19&nbsp;จังหวัดระนอง”&nbsp;ในครั้งนี้&nbsp;เป็นแนวคิดและนโยบายของจังหวัดระนองร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา&nbsp;ที่ตระหนักถึงสภาพปัญหาทางด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด&nbsp;ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19&nbsp;โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการบริหารจัดการการท่องเที่ยวตามมาตรฐาน&nbsp;SHA&nbsp;ให้ผู้ประกอบการ&nbsp;มีทักษะความรู้เกี่ยวกับมาตรการป้องกัน&nbsp;และปฏิบัติตนเกี่ยวกับด้านสุขอนามัยในภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19</p><p><strong>นายปิยพงศ์&nbsp;ชูวงศ์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>จังหวัดระนอง&nbsp;ขอขอบคุณมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา&nbsp;และบุคลากรทุกท่าน&nbsp;ที่ร่วมจัดโครงการครั้งนี้&nbsp;ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ที่ดีของทางมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา&nbsp;ที่เล็งเห็นความสำคัญของคุณภาพชีวิตประชาชนผู้ประกอบการภายในจังหวัดระนองที่ได้รับผลกระทบจากภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19&nbsp;ในปัจจุบัน&nbsp;จังหวัดระนองเป็นจังหวัดที่น่าอยู่&nbsp;และมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม&nbsp;อันดับต้นๆ&nbsp;ของประเทศ&nbsp;ขอให้ทุกท่านภูมิใจในจังหวัดของเรา&nbsp;และช่วยกันสร้างภาพลักษณ์ทางการท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้น&nbsp;ให้เป็นที่น่าจดจำแก่นักท่องเที่ยว&nbsp;เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชนจังหวัดระนองและประเทศชาติต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>26/1/2022ภาคใต้ระนองสวท.ระนองhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126161243767 พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ ตรวจติดตามโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนครั้งที่ 3<p><strong>วันที่&nbsp;26&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์</strong>&nbsp;ติดตามการดำเนินโครงการหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;(ครั้งที่&nbsp;3)&nbsp;โดยตรวจสอบติดตามการจัดจำหน่ายหมูเนื้อแดงของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการหมูพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;8&nbsp;จุด&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดงให้กับประชาชนผู้บริโภค&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;17&nbsp;–&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;(นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์)&nbsp;ดังนี้&nbsp;</p><p>1.&nbsp;หน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;ถ.เทศบาล&nbsp;4&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>2.&nbsp;โต้งหมูสด&nbsp;ถ.สุรินทร์-ปราสาท&nbsp;ต.เฉนียง&nbsp;อ.เมือง&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;08.00&nbsp;น.&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>3.&nbsp;ร้านแรมโบ้หมูสด&nbsp;ถ.เลี่ยงเมืองสุรินทร์-ปราสาท&nbsp;ต.นอกเมือง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>4.&nbsp;เขียงเอ&nbsp;แอนด์&nbsp;พี&nbsp;โปรช็อป&nbsp;(หน้ามหาวิทยาลัยราชมงคลสุรินทร์)&nbsp;ถ.สุรินทร์-ปราสาท&nbsp;ต.นอกเมือง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;08.00&nbsp;น.</p><p>5.&nbsp;ร้านพงษ์หมูสด&nbsp;สาขา&nbsp;1&nbsp;(ตรงกันข้ามทางเข้าบ้านบุณเยิง)&nbsp;ต.แสลงพันธ์&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>6.&nbsp;ร้านพงษ์หมูสด&nbsp;สาขา&nbsp;2&nbsp;(เยื้องร้านทะเลเผา)&nbsp;ต.สลักได&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>7.&nbsp;ร้านวีซีมีท&nbsp;(VC&nbsp;meat)&nbsp;สาขาสุรินทร์&nbsp;ถ.เทศบาล&nbsp;3&nbsp;ต.ในเมือง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p>8.&nbsp;ร้านเจ้จิ้งหรีด&nbsp;ถ.เทศบาล&nbsp;3&nbsp;ต.ในเมือง&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เริ่มจำหน่ายเวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.</p><p><br></p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในภาวะราคาสุกรที่สูงขึ้น</strong>&nbsp;และให้ประชาชนมีทางเลือกในการซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด&nbsp;ซึ่งเป็นการลดภาระค่าครองชีพ&nbsp;และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;ในช่วงสถานการณ์ดังกล่าว&nbsp;โดยมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก&nbsp;&nbsp;สำหรับมูลค่าการจำหน่ายหมูเนื้อแดงทั้ง&nbsp;8&nbsp;จุด&nbsp;เป็นเงิน&nbsp;54,000&nbsp;บาท/วัน&nbsp;สามารถลดค่าครองชีพให้กับประชาชนได้วันละ&nbsp;18,000&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;จุดจำหน่าย&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณหน้าสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์</strong>&nbsp;มีสินค้าราคาประหยัดมาร่วมจำหน่ายด้วย&nbsp;อาทิ&nbsp;พืชผักสินค้าเกษตรอินทรีย์ข้าวสาร&nbsp;ผลไม้&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาประหยัด&nbsp;ยอดจำหน่ายเฉลี่ยวันละ&nbsp;12,000&nbsp;-&nbsp;15,000&nbsp;บาท</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>26/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสวท.สุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126165923802 พาณิชย์สุรินทร์ร่วมกับปศุสัตว์สุรินทร์ตรวจสอบปริมาณสต็อกเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์สุกรในห้องเย็น<p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;ร่วมกับปศุสัตว์จังหวัด&nbsp;</strong>ออกตรวจสอบปริมาณสต็อคเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์สุกรในห้องเย็น&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;แห่ง&nbsp;ดังนี้</p><p>1.&nbsp;ร้านห้องเย็น&nbsp;บีเค&nbsp;สุรินทร์</p><p>&nbsp;&nbsp;ตั้งอยู่เลขที่&nbsp;71&nbsp;ม.16&nbsp;ต.สลักได&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;เนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;4,570&nbsp;กก.&nbsp;ปลาทู&nbsp;20,000&nbsp;กก.</p><p>2.&nbsp;บริษัท&nbsp;บุญศิริโฟรเซ่นโปรดักส์&nbsp;จำกัด&nbsp;ตั้งอยู่เลขที่&nbsp;209&nbsp;ม.4&nbsp;ต.แกใหญ่&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;หมูบด&nbsp;411&nbsp;กก.&nbsp;หมูหั่นแกง&nbsp;992&nbsp;กก.&nbsp;หน้ากากหมู&nbsp;1,275&nbsp;กก.</p><p>3.&nbsp;ร้านสบายใจพรีเมี่ยมบีฟ&nbsp;ตั้งอยู่เลขที่&nbsp;91&nbsp;ม.16&nbsp;ต.นาบัว&nbsp;อ.เมืองสุรินทร์&nbsp;ไม่มีเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;มีแต่เนื้อโค</p><p><br></p><p><strong>ปริมาณเนื้อสุกรชำแหละรวมทั้งสิ้น&nbsp;4,570&nbsp;&nbsp;กก.&nbsp;</strong>(ข้อมูล&nbsp;ณ&nbsp;วันที่&nbsp;25&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>26/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสวท.สุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126171039804 กระทรวงพลังงาน ยืนยันเหตุท่อน้ำมันในทะเลรั่วที่ระยองไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดหาน้ำมันเพื่อรองรับการใช้ของประเทศ พร้อมติดตามและสำรวจความเสียหายอย่างเร่งด่วน<p><strong>นายสมภพ&nbsp;พัฒนอริยางกูล&nbsp;โฆษกกระทรวงพลังงาน&nbsp;เปิดเผยความคืบหน้ากรณีเหตุท่อน้ำมันดิบใต้ทะเล&nbsp;ของบริษัท&nbsp;สตาร์&nbsp;ปิโตรเลียม&nbsp;รีไฟน์นิ่ง&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)&nbsp;รั่วไหลในช่วงดึกคืนวันที่&nbsp;25&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</strong>&nbsp;บริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึก&nbsp;หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล&nbsp;(SPM)&nbsp;ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด&nbsp;อ.เมือง&nbsp;ระยอง&nbsp;ว่า&nbsp;จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น&nbsp;กระทรวงพลังงาน&nbsp;ได้ตรวจสอบกับบริษัท&nbsp;สตาร์&nbsp;ปิโตรเลียม&nbsp;รีไฟน์นิ่ง&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)&nbsp;โดยบริษัทได้ชี้แจงว่ามีปริมาณน้ำมันดิบในทะเล&nbsp;20,000&nbsp;ลิตร&nbsp;ซึ่งกระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน&nbsp;ติดตามสถานการณ์และตรวจสอบปริมาณน้ำมันสำรอง&nbsp;พบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่กระทบต่อการจัดหาน้ำมันเพื่อรองรับการใช้ของประเทศอย่างแน่นอน&nbsp;รวมถึงมอบหมายให้พลังงานจังหวัดระยองติดตามสถานการณ์และประสานงานในพื้นที่&nbsp;ซึ่งในภาพรวมประเทศไทยมีกำลังการกลั่นน้ำมันประมาณ&nbsp;1.25&nbsp;ล้านบาร์เรลต่อวัน&nbsp;ในส่วนของโรงกลั่น&nbsp;SPRC&nbsp;มีกำลังการกลั่นประมาณ&nbsp;175,000&nbsp;บาร์เรลต่อวัน&nbsp;ซึ่งการผลิตของโรงกลั่น&nbsp;SPRC&nbsp;ยังสามารถดำเนินการได้&nbsp;และหากมีกรณีที่มีเหตุที่ไม่สามารถดำเนินการผลิตได้&nbsp;ก็สามารถเพิ่มการผลิตของโรงกลั่นที่ไม่ได้รับผลกระทบ&nbsp;หรือ&nbsp;นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเข้ามาได้&nbsp;โดยปริมาณน้ำมันดิบสำรองของประเทศสามารถใช้ได้ประมาณ&nbsp;28&nbsp;วัน&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;หลังเกิดเหตุ&nbsp;บริษัทฯ&nbsp;ได้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์ทันที&nbsp;และดำเนินการสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน</strong>&nbsp;โดยใช้น้ำยาและอุปกรณ์เพื่อขจัดคราบน้ำมัน&nbsp;รวมทั้งได้เร่งประสานหน่วยงานในพื้นที่&nbsp;ได้แก่&nbsp;ศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมสิ่งแวดล้อม&nbsp;(EMCC),&nbsp;ศูนย์บัญชาการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินและกระจายข่าว,&nbsp;ชุมชนกลุ่มประมงใกล้เคียง,&nbsp;ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล&nbsp;ในการช่วยกันดำเนินการเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด</p>26/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลนนทบุรีสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126174330823 เลขาธิการ ศอ.บต. ร่วมแถลงข่าววิ่ง Amazean Jungle Trail ณ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา พร้อมผลักดันสู่ World Series สนามที่ 2 ของประเทศ<p><strong>วันนี้&nbsp;(26&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)นายพิพัฒน์&nbsp;รัชกิจประการ&nbsp;</strong>รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา&nbsp;เป็นประธานงานแถลงข่าวการแข่งขัน&nbsp;Amazean&nbsp;Jungle&nbsp;Trail&nbsp;โดยมี&nbsp;พลเรือตรี&nbsp;สมเกียรติ&nbsp;ผลประยูร&nbsp;เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;(ศอ.บต.)&nbsp;นายสิรภพ&nbsp;ดวงสอดศรี&nbsp;ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา&nbsp;นายโชติ&nbsp;ตราชู&nbsp;ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา&nbsp;</p><p><strong>ดร.ก้องศักด&nbsp;ยอดมณี&nbsp;ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย</strong>&nbsp;นางพาตีเมาะ&nbsp;สะดียามู&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา&nbsp;นายอภิชัย&nbsp;ฉัตรเฉลิมกิจ&nbsp;รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว&nbsp;Ms.&nbsp;Sabrina&nbsp;De&nbsp;Nadai&nbsp;Co-Director&nbsp;UTMB&nbsp;ASIA&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมชั้น&nbsp;25&nbsp;อาคารเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;7&nbsp;รอบพระชนมพรรษา&nbsp;การกีฬาแห่งประเทศไทย&nbsp;หัวหมาก&nbsp;กรุงเทพฯ</p><p><strong>รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>“ด้วยนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยมีรายการแข่งขันวิ่งเทรลระดับโลก&nbsp;โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศผ่านการท่องเที่ยวเชิงกีฬา&nbsp;รวมถึงเป็นช่องทางการสร้างรายได้ใหม่ให้กับประเทศอีกช่องทางหนึ่ง&nbsp;กระทั่งประสบความสำเร็จเกิดเป็นรายการแข่งขันวิ่งเทรลระดับโลก&nbsp;Thailand&nbsp;by&nbsp;UTMB&nbsp;&nbsp;ที่ดอยอินทนนท์&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;สนามแห่งแรกของประเทศไทยที่เป็นหนึ่งในสนาม&nbsp;World&nbsp;Series&nbsp;และในวันนี้นับว่าเป็นโอกาสดีอีกครั้งหนึ่งที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;ได้มีโครงการจัดแข่งขันวิ่งเทรลในนาม&nbsp;Amazean&nbsp;Jungle&nbsp;Trail&nbsp;ณ&nbsp;อำเภอเบตง&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;6&nbsp;-&nbsp;8&nbsp;พฤษภาคม&nbsp;2565&nbsp;โดยมีนโยบายที่จะผลักดันสนามแห่งนี้ให้เป็นสนาม&nbsp;World&nbsp;Series&nbsp;สนามที่&nbsp;2&nbsp;ของประเทศไทย&nbsp;ในนามของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา&nbsp;ต้องขอขอบคุณทาง&nbsp;ศอ.บต.&nbsp;ที่ได้มอบความไว้วางใจให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา&nbsp;โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย&nbsp;รวมถึงหน่วยงานต่างๆ&nbsp;ได้ร่วมมือกันดำเนินการจัดการแข่งขัน</p><p><strong>นายพิพัฒน์&nbsp;รัชกิจประการ&nbsp;กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า&nbsp;การแข่งขันครั้ง</strong>นี้จะนำมาซึ่งมิติใหม่ของวงการกีฬาชายแดนใต้&nbsp;เปิดบ้านรับนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศและทั่วโลก&nbsp;ขณะเดียวกันก็เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าสนามแห่งนี้จะสำเร็จและก้าวสู่สนามระดับโลก&nbsp;ได้สร้างชื่อเสียง&nbsp;และประโยชน์ทางเศรษฐกิจ&nbsp;เช่นเดียวกับ&nbsp;Thailand&nbsp;by&nbsp;UTMB&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่ที่ได้ดำเนินการสำเร็จมาแล้ว”</p><p><strong>ด้าน&nbsp;พลเรือตรี&nbsp;สมเกียรติ&nbsp;ผลประยูร&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;“ด้วยนโยบายของนายกรัฐมนตรี</strong>&nbsp;ในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;(กพต.)&nbsp;ได้เห็นชอบอนุมัติหลักการโครงการยกระดับการพัฒนาพื้นที่เมืองต้นแบบ&nbsp;อำเภอเบตง&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;ภายใต้กิจกรรมการแข่งขัน&nbsp;Amazean&nbsp;Jungle&nbsp;Trail&nbsp;ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้&nbsp;ตามคำขวัญที่ว่า&nbsp;"สามเหลี่ยมมั่นคง&nbsp;มั่งคั่ง&nbsp;ยั่งยืน&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;มีวัตถุประสงค์เพื่อการส่งเสริมภาพลักษณ์และยกระดับมาตรฐาน</strong>เมืองท่องเที่ยวเมืองเบตง&nbsp;ในด้านกีฬาให้ไปสู่ระดับนานาชาติ&nbsp;เป็นหมุดหมายใหม่ให้นักกีฬาวิ่งเทรลจากทั่วโลกได้เดินทางมาร่วมการแข่งขัน&nbsp;เป็นการเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจให้กับจังหวัดชายแดนใต้&nbsp;และได้ผลักดันการแข่งขัน&nbsp;Amazean&nbsp;Jungle&nbsp;Trail&nbsp;ให้เป็นหนึ่งในรายการแข่งขันวิ่งเทรลนานาชาติระดับโลกในโอกาสต่อไป”</p><p><strong>สำหรับ&nbsp;การแข่งขัน&nbsp;Amazean&nbsp;Jungle&nbsp;Trail&nbsp;ครั้งนี้</strong>&nbsp;เป็นการจัดแข่งขันเพื่อควอลิฟายสนามสู่การเป็น&nbsp;1&nbsp;ในสนาม&nbsp;World&nbsp;Series&nbsp;หากสำเร็จจะเป็นสนามที่&nbsp;2&nbsp;ของประเทศไทยต่อจากสนาม&nbsp;Thailand&nbsp;by&nbsp;UTMB&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;Amazean&nbsp;Jungle&nbsp;Trail&nbsp;โดยจะจัดขึ้นในวันที่&nbsp;6-8&nbsp;พฤษภาคม&nbsp;2565&nbsp;ทำการปล่อยตัว&nbsp;ที่อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์&nbsp;อำเภอเบตง&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;มีระยะทางแข่งขัน&nbsp;3&nbsp;ระยะคือ&nbsp;ระยะ&nbsp;เบตง&nbsp;100K&nbsp;ระยะ&nbsp;เบตง&nbsp;50K&nbsp;และระยะ&nbsp;เบตง&nbsp;25K&nbsp;โดยผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมแข่งขันได้ที่&nbsp;www.runningconnect.com</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>26/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.เบตง จ.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126173838818 จ.นครปฐม ประชุมคณะกรรมการหอการค้าจังหวัดนครปฐม ครั้งที่ 10/2564<p><strong>ที่ห้องกิ่งเพชร&nbsp;โรงแรมเวล&nbsp;นายสมเกียรติ&nbsp;พูลสุขเสริม&nbsp;</strong><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(95,&nbsp;99,&nbsp;104);">รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม</strong></p><p>เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการหอการค้าจังหวัดนครปฐม&nbsp;ครั้งที่&nbsp;10/2564&nbsp;โดยมี&nbsp;นายวิชัย&nbsp;โกสมนึก&nbsp;ประธานหอการค้าจังหวัดนครปฐม&nbsp;เป็นประธานที่ประชุม&nbsp;โดยในที่ประชุมได้แจ้งถึงความคืบหน้าโครงการต่างๆ&nbsp;ของหอการค้านครปฐม&nbsp;ได้แก่&nbsp;โครงการ&nbsp;1&nbsp;ไร่&nbsp;1&nbsp;ล้าน&nbsp;สร้างชาวไร่และชาวนาอัจฉริยะ&nbsp;โครงการทำนา&nbsp;1&nbsp;ไร่&nbsp;ได้ข้าว&nbsp;2&nbsp;ตัน&nbsp;ณ&nbsp;บจ.สยามแฮนดส&nbsp;และการพิจารณาการจัดงานเทศกาลอาหารผลไม้และของดีนครปฐม&nbsp;2565&nbsp;ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการประชุมเพื่อกำหนดวันจัดงาน&nbsp;และการแจ้งความเคลื่อนไหวของสมาชิกหอการค้าที่ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน&nbsp;778&nbsp;ราย&nbsp;<strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังมีการกำหนดวันประชุมใหญ่สามัญประจำปี&nbsp;2565&nbsp;</strong>ที่เห็นชอบให้จัดในวันจันทร์ที่&nbsp;28&nbsp;มีนาคม&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งเป็นวันก่อตั้งหอการค้านครปฐม&nbsp;และการจัดโครงการกระจายวัคซีน&nbsp;mrna&nbsp;ให้กับผู้ประกอบการและแรงงานทั้งไทยและต่างชาติ&nbsp;ที่ในส่วนของหอการค้านครปฐมรวบรวมได้จำนวน&nbsp;115&nbsp;โดส&nbsp;และจะได้รับวัคซีนประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;สถานที่ฉีดคือโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p>26/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126224505912 จ.นครปฐม บูรณาการตรวจสต็อกน้ำมันปาล์มในโรงงานน้ำมันปาล์ม<p><strong>วันที่&nbsp;26&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;พ.ต.อ.พงษกร&nbsp;อุปพงษ์&nbsp;รอง&nbsp;ผบก.ภ.จว.นครปฐม&nbsp;</strong>ร่วมกับ&nbsp;นายพงศ์สุธี&nbsp;สุขศิริ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดนครปฐม&nbsp;และคณะทำงาน&nbsp;ร่วมตรวจสต็อกน้ำมันปาล์มในโรงงานน้ำมันปาล์ม&nbsp;พื้นที่จังหวัดนครปฐม&nbsp;และสถานที่เก็บน้ำมันปาล์ม&nbsp;ประจำเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี&nbsp;มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ&nbsp;โดย&nbsp;พล.ต.อ.สุวัฒน์&nbsp;แจ้งยอดสุข&nbsp;ผบ.ตร.,&nbsp;พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์&nbsp;กิตติประภัสร์&nbsp;รอง&nbsp;ผบ.ตร.&nbsp;สั่งการให้ทุกหน่วยออกตรวจน้ำมันปาล์ม&nbsp;สถานที่จัดเก็บและโรงงาน&nbsp;จากการตรวจสอบในครั้งนี้&nbsp;พบว่าน้ำมันปาล์มของโรงงานที่เข้าตรวจสอบ&nbsp;มีสต็อกน้ำมันปาล์มตรงกับที่แจ้งไว้กับพาณิชย์จังหวัดนครปฐม&nbsp;และยังไม่พบการกระทำผิดแต่อย่างใด&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครปฐม</strong>ได้แจ้งให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด&nbsp;ห้ามมิให้กักตุนสินค้า&nbsp;หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>26/1/2022NULLNULLสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126202515898 ศูนย์หม่อนไหมฯ ขอนแก่น ร่วมขับเคลื่อนงานโมเดลเศรษฐกิจสู่ความยั่งยืน (BCG Model) ของ จ.ขอนแก่น<p><strong>นางสาวจิราลักษณ์&nbsp;ปรีดี&nbsp;ผู้อำนวยการศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ</strong>&nbsp;ขอนแก่น&nbsp;พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่&nbsp;ร่วมประชุมการขับเคลื่อนงาน&nbsp;BCG&nbsp;Model&nbsp;ของจังหวัดขอนแก่น&nbsp;ผ่านระบบออนไลน์&nbsp;(Application&nbsp;ZOOM)&nbsp;โดยมีนายพัฒนา&nbsp;นุศรีอัน&nbsp;เกษตรและสหกรณ์จังหวัดขอนแก่น&nbsp;เป็นประธานการประชุม</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เพื่อเตรียมความพร้อมและวางพื้นฐานและขยายผลในพื้นที่</strong>&nbsp;ซึ่งจังหวัดขอนแก่น&nbsp;โดยสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดขอนแก่น&nbsp;ได้รับมอบหมายในการขับเคลื่อนงาน&nbsp;BCG&nbsp;Model&nbsp;ในระดับพื้นที่&nbsp;โดยจังหวัดขอนแก่นกำหนดเป็นหนึ่งในพื้นที่นำร่อง&nbsp;มีสินค้า&nbsp;2&nbsp;ชนิด&nbsp;คืออ้อยโรงงาน&nbsp;และหม่อนไหม&nbsp;และเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ&nbsp;เศรษฐกิจหมุนเวียน&nbsp;เศรษฐกิจสีเขียว&nbsp;(Bio-Circular-Green&nbsp;Economy&nbsp;:&nbsp;BCG&nbsp;Model)&nbsp;โมเดลเศรษฐกิจสู่ความยั่งยืน&nbsp;ต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>26/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขอนแก่นสวท.ขอนแก่นhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126192113877 เพชรบุรี เดินหน้าเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของยูเนสโก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกด้าน ทั้งการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว<p><strong>จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;เดินหน้าเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของยูเนสโ</strong>ก&nbsp;ขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกด้าน&nbsp;ทั้งการค้า&nbsp;การลงทุน&nbsp;และการท่องเที่ยว&nbsp;เมื่อเวลา&nbsp;&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;วันนี้&nbsp;(วันที่&nbsp;26&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;นายณัฐวุฒิ&nbsp;เพ็ชรพรหมศร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;และภาคประชาชน&nbsp;ร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;(กรอ.จังหวัด)&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1/2565&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมพริบพรี&nbsp;ศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;</p><p><strong>นายณัฐวุฒิ&nbsp;เพ็ชรพรหมศร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;จังหวัดเพชรบุรีร่วมกับทุกภาคส่วน&nbsp;เพื่อร่วมกันหาแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ&nbsp;การค้า&nbsp;การลงทุน&nbsp;การท่องเที่ยวให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน&nbsp;ผลักดันทุกช่องทางให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน&nbsp;ที่จะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ซึ่งจากการที่จังหวัดเพชรบุรีได้รับการประกาศเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของยูเนสโก&nbsp;ได้วางแผนจัดทำ&nbsp;Roadmap&nbsp;ในระยะ&nbsp;5&nbsp;ปี&nbsp;โดยองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ&nbsp;เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน&nbsp;(องค์การมหาชน)&nbsp;หรือ&nbsp;อพท.&nbsp;และมหาวิทยาลัยศิลปากร&nbsp;รวมทั้งการสำรวจกิจกรรมต่างๆ&nbsp;ที่สอดคล้องกับการเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารจากทุกหน่วยงาน&nbsp;ทั้งภาครัฐ&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;ที่ดำเนินการในปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดสัมฤทธิ์ผล&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนั้น&nbsp;ที่ประชุมได้หารือและเห็นชอบในการนำมาสคอต&nbsp;“น้องโตนด”</strong>&nbsp;ซึ่งเป็นมาสคอตที่ชนะการประกวดการออกแบบมาสคอตและโลโก้&nbsp;ของจังหวัดเพชรบุรีเมืองสร้างสรรค์&nbsp;ระดับนานาชาติ&nbsp;2564&nbsp;ที่แสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์เฉพาะของเมืองเพชร&nbsp;มาใช้ในการสื่อสารเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในการเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหาร&nbsp;โดยจะใช้แสดงสัญลักษณ์ให้กับสถานประกอบการ&nbsp;ร้านอาหาร&nbsp;ที่พัก&nbsp;ที่ได้มาตรฐาน&nbsp;Sha&nbsp;Plus&nbsp;เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวขึ้นมา&nbsp;แสดงให้เห็นว่ามีความปลอดภัย&nbsp;มีคุณภาพ&nbsp;และคุ้มค่า&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>รวยริน&nbsp;ทองชู&nbsp;นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ&nbsp;ข่าว&nbsp;ภาพ/ข่าว</p><p>สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรี</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>26/1/2022ภาคตะวันตกเพชรบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126223833909 วช.- มทส. เดินหน้าแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมัน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน<p><strong>วันนี้&nbsp;(26&nbsp;ม.ค.&nbsp;2565)&nbsp;วช.นำสื่อมวลชน&nbsp;ลงพื้นที่</strong>&nbsp;ศูนย์สาธิตการจัดการขยะและของเสียอันตรายแบบครบวงจร&nbsp;มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี&nbsp;(มทส.)&nbsp;&nbsp;จ.นครราชสีมา&nbsp;ดูผลสำเร็จการแปรรูปขยะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง&nbsp;สำหรับใช้เป็นน้ำมันทางเลือก&nbsp;มีศักยภาพใช้แทนน้ำมันเชิงพาณิชย์ได้&nbsp;โดยใช้ขยะพลาสติกจากขยะมูลฝอยชุมชนเป็นวัตถุดิบ&nbsp;ภายใต้การสนับสนุนทุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ&nbsp;(วช.)&nbsp;กระทรวงการอุดมศึกษา&nbsp;วิทยาศาสตร์&nbsp;วิจัยและนวัตกรรม&nbsp;&nbsp;(อว.)&nbsp;เผยเป็นเทคโนโลยีเพื่อการแข่งขัน&nbsp;แนวโน้มการลงทุนคุ้มค่า&nbsp;แนะทุกภาคส่วนสนับสนุน&nbsp;ใช้ประโยชน์ร่วมกัน&nbsp;</p><p>&nbsp;</p><p><strong>ผศ.ดร.วีรชัย&nbsp;อาจหาญ&nbsp;หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านชีวมวล</strong>&nbsp;มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี&nbsp;หัวหน้าโครงการฯ&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ขยะพลาสติกเป็นปัญหาวิกฤติระดับโลก&nbsp;ยากต่อการกำจัด&nbsp;จึงเกิดวิธีการจัดการต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;อาทิ&nbsp;การแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า&nbsp;สร้างนวัตกรรม&nbsp;Upcycling&nbsp;ฯลฯ&nbsp;หากแต่ขยะบางส่วน&nbsp;ยังใช้วิธีการฝังกลบ&nbsp;เผาทำลาย&nbsp;ทิ้งลงแหล่งน้ำธรรมชาติ&nbsp;ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชีวิตความเป็นอยู่ของประชากร&nbsp;การผลิตน้ำมันทางเลือกโดยใช้วัตถุดิบจากขยะพลาสติก&nbsp;มาผ่านกระบวนการไพโรไลซิส&nbsp;ให้ได้คุณภาพเทียบเคียงกับน้ำมันที่ใช้เติมรถยนต์&nbsp;หรือในเชิงพาณิชย์&nbsp;จึงเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาวิจัย&nbsp;มทส.&nbsp;มีแนวความคิดในการจัดการขยะตามแนวทางของเศรษฐกิจหมุนเวียน&nbsp;(Circular&nbsp;economy)&nbsp;โดยจัดการขยะมูลฝอยให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนน้อยที่สุด&nbsp;ควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าของขยะมูลฝอยเอง&nbsp;มาอย่างยาวนานเป็นเวลา&nbsp;20&nbsp;ปีแล้ว&nbsp;ถือเป็น&nbsp;“เทคโนโลยีเพื่อการแข่งขัน”&nbsp;ให้กับ&nbsp;Business&nbsp;Economy&nbsp;</p><p>&nbsp;</p><p><strong>โดยโครงการนี้&nbsp;ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ&nbsp;(วช.)&nbsp;</strong>เพื่อปรับปรุงระบบเดิม&nbsp;ซึ่งเป็นโรงงานต้นแบบ&nbsp;ขนาดกำลังผลิตน้ำมันไพโรไลซิส&nbsp;4,000&nbsp;ลิตรต่อวัน&nbsp;และเพื่อลดต้นทุนการแปรรูปน้ำมัน&nbsp;เริ่มตั้งแต่การคัดแยกขยะพลาสติกออกจากขยะมูลฝอยชุมชน&nbsp;ที่รับมาจากชุมชนในเขตเทศบาลตำบลสุรนารี&nbsp;และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี&nbsp;ได้วันละ&nbsp;20&nbsp;ตัน&nbsp;โดยใช้เทคนิคการบำบัดขยะเชิงกลและชีวภาพ&nbsp;ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี&nbsp;(SUT-MBT)&nbsp;ที่พัฒนาขึ้น&nbsp;ด้วยการสับขยะให้เล็ก&nbsp;นำไปหมัก&nbsp;5-7&nbsp;วัน&nbsp;จนได้ขยะพลาสติกที่มีความชื้นต่ำ&nbsp;และมีองค์ประกอบสม่ำเสมอ&nbsp;สามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการแปรรูปเป็นน้ำมันดิบได้&nbsp;โดยการพัฒนาต้นแบบเตาปฏิกรณ์หลอมพลาสติกเบื้องต้น&nbsp;(Pre-Melting&nbsp;Reactor)&nbsp;เพื่อหลอมขยะพลาสติกก่อนป้อนเข้าสู่เตาปฏิกรณ์หลัก&nbsp;(Pyrolysis&nbsp;Rector)&nbsp;ในการผลิตน้ำมันในเตาปฏิกรณ์&nbsp;และนำความร้อนเหลือทิ้งนำกลับมาใช้ใหม่&nbsp;มีการปรับปรุงชุดถ่ายกากให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ในกระบวนการหลอมพลาสติกเบื้องต้น&nbsp;มีการนำกากของเสียจากอุตสาหกรรมสี&nbsp;มาเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาและเป็นวัตถุดิบร่วมในการผลิตด้วย&nbsp;ในสัดส่วนร้อยละ&nbsp;5-10&nbsp;ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำมันได้อย่างชัดเจน&nbsp;โดยไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม&nbsp;</p><p>&nbsp;</p><p><strong>สำหรับขยะพลาสติก&nbsp;1&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;(Dry&nbsp;basis)&nbsp;สามารถผลิตน้ำมันไพโรไลซิสได้&nbsp;1&nbsp;ลิตร</strong>&nbsp;โดยที่องค์ประกอบของน้ำมันฯ&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;น้ำมันดีเซล&nbsp;แนฟทา&nbsp;และน้ำมันเตา&nbsp;ร้อยละ&nbsp;53&nbsp;,&nbsp;32&nbsp;และ&nbsp;15&nbsp;ตามลำดับ&nbsp;ซึ่งสัดส่วนของน้ำมันดีเซล&nbsp;ลดลง&nbsp;7%&nbsp;เนื่องจากกากของเสียจากอุตสาหกรรมสี&nbsp;ที่นำมาใช้มาเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาและเป็นวัตถุดิบร่วมในการผลิต&nbsp;มีสัดส่วนขององค์ประกอบไฮโดรคาร์บอนที่เบาซึ่งมาจากตัวทำละลายสี&nbsp;เมื่อทำการวิเคราะห์ต้นทุน&nbsp;พบว่า&nbsp;ต้นทุนจากคัดแยกขยะพลาสติก&nbsp;มีจำนวน&nbsp;2&nbsp;บาท/ลิตร&nbsp;ต้นทุนการผลิตน้ำมันจากขยะพลาสติก&nbsp;ที่กำลังการผลิตต่อเนื่อง&nbsp;200&nbsp;ลิตร/ชั่วโมง&nbsp;มีจำนวนที่ลดลง&nbsp;อยู่ที่&nbsp;6.5&nbsp;บาท/ลิตร&nbsp;จาก&nbsp;เดิม&nbsp;8&nbsp;บาท/ลิตร&nbsp;และต้นทุนการกลั่นน้ำมันแยกลำดับส่วน&nbsp;คิดเป็น&nbsp;4&nbsp;บาท/ลิตร&nbsp;รวมต้นทุนการแปรรูปน้ำมันทั้งสิ้น&nbsp;12.50&nbsp;บาท/ลิตร&nbsp;ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำ&nbsp;หากจะมีการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์&nbsp;ภาครัฐต้องมีกลไกสนับสนุนอีกหลายอย่าง&nbsp;ต้องมีการจับคู่กับเอกชน&nbsp;เพื่อนำเทคโนโลยีไปใช้ในการต่อยอดธุรกิจ&nbsp;ซึ่งศักยภาพของน้ำมันไพโรไลซิสนี้มีความเป็นไปได้อย่างมาก</p><p>&nbsp;</p><p><strong>ผศ.ดร.วีรชัย&nbsp;เปิดเผยอีกว่า&nbsp;น้ำมันไพโรไลซิสที่กลั่นแยกได้&nbsp;</strong>มีคุณสมบัติเทียบเคียงกับน้ำมันเชิงพาณิชย์&nbsp;เป็นต้นแบบและถูกนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนน้ำมันดีเซลในเตาเผาของโรงกำจัดขยะติดเชื้อจากโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยทั้งหมดอย่างครบวงจร&nbsp;ตามแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศ&nbsp;ทำให้&nbsp;จ.นครราชสีมา&nbsp;ไม่ประสบปัญหาการจัดการขยะติดเชื้อ&nbsp;โดยเฉพาะ&nbsp;หน้ากากอนามัย&nbsp;และนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงงานไฟฟ้าชีวมวล&nbsp;ของ&nbsp;มทส.&nbsp;หรือส่งวัตถุดิบเชื้อเพลิงไปโรงงานผลิตปูนซีมนต์&nbsp;โดยทั้งหมดมาจากการรับกำจัดขยะมูลฝอยที่ได้จากชุมชน&nbsp;ที่นำมาใช้อย่างคุ้มค่า</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>26/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครราชสีมาสวท.นครราชสีมาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127033005935 รองผู้ว่าฯ นครพนม นำทีมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าในตลาดสด ตรวจห้องเย็น และตรวจเยี่ยมโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน ในเขตพื้นที่อำเภอนาแก<p><strong>วันที่&nbsp;26&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นายชวนินทร์&nbsp;วงศ์สถิตจิรกาล&nbsp;</strong>รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;พาณิชย์จังหวัด&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัด&nbsp;ด่านกักกันสัตว์&nbsp;ตำรวจภูธรจังหวัด&nbsp;ประสานการปฏิบัติงานร่วมกันลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าในตลาดสด&nbsp;ตรวจสอบห้องเย็น&nbsp;และตรวจเยี่ยมโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ที่จำหน่ายหมูเนื้อแดงในราคา&nbsp;150&nbsp;บาท/กก.&nbsp;ณ&nbsp;ร้านอารีย์เนื้อหมูสด&nbsp;ในเขตพื้นที่อำเภอนาแก&nbsp;ซึ่งการจำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ตามโครงการพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;มีผู้บริโภคสนใจซื้อเป็นจำนวนที่เหมาะสมกับการให้การช่วยเหลือตามมาตรการของจังหวัดนครพนม&nbsp;(100&nbsp;กก./วัน)&nbsp;ในส่วนของราคาจำหน่ายสินค้าอุปโภค&nbsp;บริโภค&nbsp;และพืชผัก&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศบาลนาแก&nbsp;อำเภอนาแก</p><p>-&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;160-180&nbsp;บาท/กก.</p><p>-&nbsp;มะละกอ&nbsp;180&nbsp;บาท/ถุง&nbsp;(10&nbsp;กก.)</p><p>-&nbsp;กะหล่ำปลี&nbsp;40&nbsp;บาท/กก.</p><p>-&nbsp;คะน้า&nbsp;40&nbsp;บาท/กก.</p><p>-&nbsp;มะเขือเทศ&nbsp;15-30&nbsp;บาท/กก.</p><p>-&nbsp;พริกจินดา&nbsp;40-50&nbsp;บาท/กก.</p><p>-&nbsp;มะนาว&nbsp;60&nbsp;บาท/กก.</p><p>-&nbsp;ไข่ไก่</p><p>เบอร์&nbsp;0&nbsp;ราคา&nbsp;4.00&nbsp;บาท/ฟอง</p><p>เบอร์&nbsp;1&nbsp;ราคา&nbsp;3.83&nbsp;บาท/ฟอง</p><p>เบอร์&nbsp;2&nbsp;ราคา&nbsp;3.67&nbsp;บาท/ฟอง</p><p>เบอร์&nbsp;3&nbsp;ราคา&nbsp;3.50&nbsp;บาท/ฟอง</p><p>เบอร์&nbsp;4&nbsp;ราคา&nbsp;3.33&nbsp;บาท/ฟอง</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้แนะนำและกำชับให้ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายให้ชัดเจน&nbsp;</strong>ไม่ฉกฉวยโอกาสขึ้นราคาหรือจำหน่ายสินค้าแพงเกินสมควร</p><p><strong>สำหรับการเข้าตรวจสอบห้องเย็น&nbsp;ณ&nbsp;บริษัท&nbsp;นครพนม&nbsp;บีฟ&nbsp;(ไทยแลนด์)&nbsp;จำกัด&nbsp;ต.พิมาน&nbsp;พบว่า</strong>&nbsp;เป็นห้องเย็นขนาดความจุ&nbsp;35&nbsp;ตัน&nbsp;ใช้เก็บซากโค&nbsp;จำนวน&nbsp;5.5&nbsp;ตัน&nbsp;ไม่พบเนื้อสุกร&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้เน้นย้ำตามประกาศ&nbsp;กกร.&nbsp;ฉบับที่&nbsp;2&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;เรื่อง&nbsp;การแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ลงวันที่&nbsp;5&nbsp;มกราคม&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ทราบและเข้าใจ&nbsp;ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามประกาศโดยเคร่งครัด</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>26/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครพนมสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220126235008930 สำนักงาน คปภ. ระบุ บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เลิกกิจการ ย้ำทุกกรมธรรม์ยังได้รับความคุ้มครอง<p><strong>สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย</strong>&nbsp;(คปภ.)&nbsp;ชี้แจงกรณีการเลิกประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของ&nbsp;บริษัท&nbsp;อาคเนย์ประกันภัย&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)&nbsp;ว่า&nbsp;ตามกฎหมายได้กำหนดให้บริษัทประกันวินาศภัยที่ประสงค์จะเลิกประกอบธุรกิจฯ&nbsp;ให้ยื่นคำขออนุญาตต่อคณะกรรมการ&nbsp;คปภ.&nbsp;เพื่อพิทักษ์ประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย&nbsp;โดยคณะกรรมการมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์&nbsp;วิธีการ&nbsp;เงื่อนไข&nbsp;และระยะเวลา&nbsp;ให้บริษัทต้องปฏิบัติให้แล้วเสร็จ&nbsp;ก่อนที่จะอนุญาตให้เลิกกิจการ&nbsp;</p><p><strong>แม้บริษัท&nbsp;อาคเนย์ประกันภัย&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)</strong>&nbsp;ได้ยื่นคำขอเลิกประกอบธุรกิจ&nbsp;ผ่านสำนักงาน&nbsp;คปภ.&nbsp;แล้ว&nbsp;แต่คณะกรรมการ&nbsp;คปภ.&nbsp;ยังไม่ได้อนุญาต&nbsp;ในการนี้&nbsp;จึงได้ตั้งคณะทำงานพิจารณารายละเอียดต่างๆ&nbsp;เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายก่อนเสนอต่อคณะกรรมการ&nbsp;คปภ.&nbsp;ได้พิจารณาต่อไป&nbsp;</p><p><strong>ส่วนกองทุนประกันวินาศภัย&nbsp;ได้ถูกจัดตั้งขึ้น</strong>&nbsp;โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้&nbsp;ในกรณีที่บริษัทถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยและเพื่อพัฒนาธุรกิจประกันวินาศภัยให้มีความมั่นคงและเสถียรภาพเท่านั้น&nbsp;ไม่ได้ครอบคลุมถึงกรณีบริษัทขอเลิกประกอบธุรกิจเอง</p><p><strong>ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก&nbsp;</strong>โดยยืนยันว่าขณะนี้&nbsp;บริษัท&nbsp;อาคเนย์ประกันภัย&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)&nbsp;ยังไม่สามารถปิดหรือหยุดประกอบกิจการได้&nbsp;จนกว่าจะได้รับอนุญาตให้เลิกกิจการจากคณะกรรมการ&nbsp;คปภ.&nbsp;โดยสำนักงาน&nbsp;คปภ.&nbsp;ได้ตั้งทีมงานติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว&nbsp;เพื่อเป็นการพิทักษ์ประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย&nbsp;ผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยและผู้มีส่วนได้เสีย</p><p><br></p><p><br></p>27/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127104352979 ชาวยะลาเริ่มทยอยเลือกซื้อผลไม้-ขนมไหว้เจ้าตรุษจีน ส่วนราคาปรับขึ้นบางชนิด<p><strong>ชาวยะลาเริ่มทยอยเลือกซื้อผลไม้-ขนมไหว้เจ้าตรุษจีน&nbsp;ส่วนราคาปรับขึ้นบางชนิด&nbsp;ร้านค้าเผยเศรษฐกิจไม่ดี&nbsp;ของแพงประชาชนจับจ่ายน้อยลง</strong></p><p><strong>ร้านค้าเขตเทศบาลนครยะลา&nbsp;</strong>ได้เริ่มวางจำหน่ายผลไม้/ขนมไหว้เจ้าต่างๆ&nbsp;ที่จะนำไปไหว้เจ้าในช่วงตรุษจีนกันอย่างคึกคัก&nbsp;โดยราคาส่วนใหญ่ในปีนี้ก็ยังคงเดิมปรับขึ้นบางชนิด&nbsp;ส้มโชกุนอยู่ที่&nbsp;70&nbsp;บาท&nbsp;ส้มไต้หวัน&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;สาลี่หิมะลูกละ&nbsp;35&nbsp;บาท&nbsp;แอปเปิลวอชิงตัน&nbsp;18&nbsp;บาท&nbsp;องุ่น&nbsp;180&nbsp;บาท&nbsp;ฟักเงินฟักทอง&nbsp;แพ็ก&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;ขนมเข่ง&nbsp;120&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>ขณะที่มีประชาชนทยอยไปเลือกซื้อผลไม้ไหว้เจ้ากันบ้างแล้วแต่ไม่มาก</strong>&nbsp;ส่วนใหญ่ก็จะซื้อของแห้งไปก่อน&nbsp;ทั้งเส้นหมี่/อาหารกระป๋องและอื่นๆ&nbsp;ส่วนผลไม้สดก็จะมาซื้อใกล้ๆ&nbsp;วันตรุษจีน&nbsp;หรือมาซื้อในวันจ่าย&nbsp;ซึ่งจะตรงกับวันที่&nbsp;30&nbsp;มกราคม&nbsp;ก่อนที่จะไหว้เจ้าในวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;สำหรับบางคนที่จะมาแออัดในวันจ่ายก็ได้มาเลือกซื้อก่อนล่วงหน้า&nbsp;</p><p><strong>ประชาชนเผยว่า</strong>สำหรับการไหว้เจ้าไหว้บรรพบุรุษ&nbsp;ก็จะไหว้เป็นประจำทุกปี&nbsp;แต่ในปีนี้ของทุกอย่างแพงขึ้นราคา&nbsp;ก็จะลดปริมาณลง&nbsp;แต่ก็มีครบตามประเพณีการไหว้</p><p><strong>ทางด้านเจ้าของร้านเฮนเบเกอรี่&nbsp;บอกว่า&nbsp;</strong>สำหรับผลไม้ไหว้เจ้าปีนี้ส่วนใหญ่ราคาเดิม&nbsp;มีบางชนิดที่ขึ้นราคา&nbsp;ส่วนขนมเข่งก็ราคาเดิมไม่ปรับขึ้น&nbsp;ตอนนี้ลูกค้ายังไม่ค่อยมีเงียบๆ&nbsp;โดยเพื่อนๆ&nbsp;ที่ร้านทางหาดใหญ่ก็บอกว่าขายไม่ค่อยดี&nbsp;เศรษฐกิจย่ำแย่ไปตามๆ&nbsp;กันเหมือนกันทุกที่&nbsp;ของแพงทุกอย่าง&nbsp;ส่วนใหญ่ประชาชนจะชอบมาซื้อกันใกล้ๆ&nbsp;เบียดเสียดกัน&nbsp;จริงๆ&nbsp;แล้วก็อยากให้ทยอยมาเลือกซื้อจะได้ไม่แออัด&nbsp;ช่วงนี้ยังมีโควิดระบาดอยู่</p><p><br></p><p>&nbsp;#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>27/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127103038972 คุณแม่พาหนูน้อยเลือกซื้อชุดกี่เพ้าสวมใส่ "รับตรุษจีน"<p><strong>ใกล้เทศกาลตรุษจีนที่จะมาถึง&nbsp;</strong>&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;30&nbsp;ม.ค&nbsp;65&nbsp;ไปจนถึงวันที่&nbsp;1&nbsp;ก.พ&nbsp;65&nbsp;ทำให้บรรยากาศร้านขายเสื้อสีแดง&nbsp;ย่านการค้าสายกลาง&nbsp;เขตเทศบาลนครยะลาที่มีอยู่จำนวนหลายร้าน&nbsp;ได้เริ่มคึกคักแล้ว&nbsp;แต่ละร้านก็จะมีลูกค้าแวะเวียนมาเลือกซื้อเสื้อผ้าไปสวมใส่กันอย่างต่อเนื่อง</p><p><strong>โดยที่ร้านเพื่อนกัน&nbsp;</strong>ซึ่งมีจำหน่ายเสื้อสีแดงตรุษจีน&nbsp;ทั้งเสื้อยืดคอกลม&nbsp;เสื้อกี่เพ้า&nbsp;หลากหลายแบบ&nbsp;ได้มีผู้ปกครองชาวไทยเชื้อสายจีน&nbsp;คุณแม่&nbsp;คุณย่า&nbsp;พาหนูน้อยวัยขวบเศษไปเลือกซื้อชุดกี่เพ้าสีแดงสดสวย&nbsp;ซึ่งเป็นสีมงคลของชาวจีนไว้สวมใส่เพื่อต้อนรับวันขึ้นปีใหม่จีน&nbsp;โดยคุณแม่บอกว่ามาซื้อประจำในช่วงตรุษจีนของตนเองได้เลือกซื้อเสื้อไปใส่แล้ว&nbsp;วันนี้ก็ได้พาลูกมาเลือกซื้อ&nbsp;ปีใหม่ทั้งทีลูกจะได้มีชุดกี่เพ้าสวยๆ&nbsp;ไว้ใส่&nbsp;ขณะที่ผู้ใหญ่&nbsp;ซึ่งมาเลือกซื้อเสื้อสีแดง&nbsp;ซึ่งเป็นเสื้อยืดคอกลม&nbsp;ก็จะซื้อเป็นทีมเพื่อให้คนในครอบครัวได้สวมใส่เหมือนกัน</p><p><strong>ในส่วนของราคาเสื้อสีแดง&nbsp;</strong>ทางร้านบอกว่าเสื้อตรุษจีนปีนี้ราคาเท่าเดิมเหมือนปีที่แล้ว&nbsp;ไม่ปรับขึ้นแต่อย่างใด&nbsp;ไม่เหมือนสินค้าอื่นๆ&nbsp;ที่พากันขึ้นราคา&nbsp;โดยราคาเสื้อยืดเริ่มต้นที่&nbsp;100&nbsp;กว่าบาท&nbsp;ส่วนกี่เพ้าเด็กชุดละ&nbsp;350&nbsp;บาท</p><p>&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>27/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127101542968 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุทัยธานี ร่วมกับสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดอุทัยธานี จัดโครงการสินค้าราคาประหยัด เพื่อลดค่าครองชีพ และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน<p><strong>วันนี้&nbsp;(27&nbsp;ม.ค.65)</strong>&nbsp;ณ&nbsp;ที่ว่าการอำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดอุทัยธานี&nbsp;นายขจรเกียรติ&nbsp;รักพานิชมณี&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม&nbsp;การจำหน่ายสินค้าราคาประหยัด&nbsp;เพื่อลดค่าครองชีพ&nbsp;และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน&nbsp;โดยมี&nbsp;นางอัมพิกา&nbsp;พ่างสกุล&nbsp;พาณิชย์จังหวัดอุทัยธานี&nbsp;นายสมพล&nbsp;ไวปัญญา&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดอุทัยธานี&nbsp;และนายบุญธรรม&nbsp;ทองพิจิตร&nbsp;นายอำเภอเมืองอุทัยธานี&nbsp;ให้การต้อนรับ</p><p><strong>ในการนี้&nbsp;สำนักงานพาณิชย์</strong>&nbsp;ได้บูรณาการร่วมกับ&nbsp;สำนักงานปศุสัตว์&nbsp;จัดโครงการครั้งนี้&nbsp;เป็นครั้งที่&nbsp;8&nbsp;นำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ&nbsp;ไปจำหน่ายในราคาประหยัด&nbsp;และต่ำกว่าราคาท้องตลาดทั่วไป&nbsp;โดยเริ่มจำหน่ายตั้งแต่เวลา&nbsp;10.00-15.00&nbsp;น.&nbsp;หรือจนกว่าสินค้าจะหมด&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้กับกลุ่มผู้ผลิตสินค้าชุมชน&nbsp;</strong>สินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;และเป็นการลดค่าครองชีพ&nbsp;และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่&nbsp;ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอีกด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>27/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลอุทัยธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุทัยธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127104512983 พช.ยโสธร ดำเนินโครงการยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว และการค้าและสู่สากลกิจกรรมย่อยพัฒนาผู้ประกอบการ OTOP<p><strong>วันที่&nbsp;26&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;13.00&nbsp;น.&nbsp;นายสุรชัย&nbsp;แดนพิบูลย์</strong>&nbsp;ผู้อำนวยการกลุ่มงานสารสนเทศ&nbsp;ฯ&nbsp;รักษาราชการแทนพัฒนาการจังหวัดยโสธร&nbsp;ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;จังหวัดยโสธร&nbsp;ที่เข้าร่วมโครงการยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว&nbsp;และการค้าและสู่สากล&nbsp;กิจกรรมย่อยพัฒนาผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของกลุ่ม&nbsp;ผู้ผลิต/ผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ให้ได้มาตรฐาน&nbsp;มีช่องทางการตลาด&nbsp;มีรายได้เพิ่มขึ้น&nbsp;และเพื่อให้ผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;จังหวัดยโสธร&nbsp;ได้เป็นที่รู้จักได้รับการยอมรับทั่วประเทศ&nbsp;นักท่องเที่ยวได้รับความพึงพอใจและเกิดความประทับใจจากการให้บริการของผู้ประกอบการท่องเที่ยว&nbsp;และชุมชนท่องเที่ยวของจังหวัดยโสธร&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ&nbsp;และเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาจังหวัดยโสธร&nbsp;ณ&nbsp;โรงแรม&nbsp;เจ&nbsp;พี&nbsp;เอ็มเมอรัลด์&nbsp;ตำบลในเมือง&nbsp;อำเภอเมืองยโสธร&nbsp;จังหวัดยโสธร</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดยโสธร</strong>&nbsp;ได้กำหนด&nbsp;กิจกรรม&nbsp;ประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความเข้าใจแนวทางการดำเนินงาน&nbsp;ด้านการบริหารจัดการ&nbsp;การจัดทำแผนธุรกิจ&nbsp;การเข้าถึงแหล่งทุน&nbsp;ช่องทางการจำหน่าย&nbsp;และเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดอาเซียน&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;กลุ่มเป้าหมาย&nbsp;จำนวน&nbsp;20&nbsp;กลุ่มๆละ&nbsp;5&nbsp;คน&nbsp;รวม&nbsp;100&nbsp;คน&nbsp;ดำเนินการในระหว่างวันที่&nbsp;25-26&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>27/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยโสธรสวท.ยโสธรhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127105150991 จ.ชัยภูมิ ขับเคลื่อนนโยบายขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง<p><strong>วันที่&nbsp;26&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นายไกรสร&nbsp;กองฉลาด&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ&nbsp;</strong>เป็นประธานมอบบ้าน&nbsp;"บ้านนี้มีรัก"&nbsp;โดยมีนายชาญชัย&nbsp;ศรศรีวิชัย&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัด&nbsp;และ&nbsp;พล.ร.อ.สุวิทย&nbsp;ธาระรูป&nbsp;ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ&nbsp;สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด&nbsp;ระดับอำเภอ&nbsp;หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ&nbsp;กลุ่ม/องค์กร&nbsp;&nbsp;เครือข่ายชุมชน&nbsp;และผู้นำชุมชน&nbsp;เข้าร่วมพิธีมอบบ้าน&nbsp;ณ&nbsp;ครัวเรือนเป้าหมาย&nbsp;นางสาวอุทัยวรรณ&nbsp;เหมือนสิงห์&nbsp;บ้านเลขที่&nbsp;408/2&nbsp;หมู่ที่&nbsp;17&nbsp;บ้าน&nbsp;เพชรสำโรง&nbsp;อำเภอบำเหน็จณรงค์&nbsp;จังหวัดชัยภูมิ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>โดยนางสาวอ้อยใจ&nbsp;คำบุญเรือง&nbsp;นายอำเภอบำเหน็จณรงค์</strong>&nbsp;ได้รายงานความเป็นมาและข้อมูลทั่วไปของครัวเรือนยากจนฯ&nbsp;สภาพปัญหาครัวเรือน&nbsp;ใน&nbsp;5&nbsp;มิติ&nbsp;คือ&nbsp;มิติด้านที่อยู่อาศัย&nbsp;มิติด้านอาชีพและรายได้&nbsp;มิติด้านการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิต&nbsp;มิติด้านสุขภาพ&nbsp;และมิติด้านสวัสดิการ&nbsp;ภายใต้แนวคิด&nbsp;"1&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;1&nbsp;หมู่บ้าน&nbsp;1&nbsp;case&nbsp;study&nbsp;"&nbsp;พร้อมทั้ง&nbsp;กระบวนการช่วยเหลือ&nbsp;โดยเปรียบเทียบกระบวนการ&nbsp;Before&nbsp;-&nbsp;Action&nbsp;-&nbsp;After&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ในการนี้&nbsp;นางกชพร&nbsp;ปริปุณนัง&nbsp;พัฒนาการจังหวัดชัยภูมิ&nbsp;</strong>ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการบริหารศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนฯ&nbsp;พร้อมด้วยนายโดมทอง&nbsp;ดิเรกศิลป์&nbsp;&nbsp;ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน&nbsp;และเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัดชัยภูมิ&nbsp;ร่วมพิธีมอบบ้าน&nbsp;"บ้านนี้มีรัก"&nbsp;ในครั้งนี้ด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ&nbsp;ได้ให้กำลังใจครัวเรือนเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพชีวิต&nbsp;</strong>และเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ติดตาม&nbsp;สนับสนุนและพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้ง&nbsp;5&nbsp;มิติ&nbsp;เพื่อให้ครัวเรือนเป้าหมายสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน&nbsp;และช่วยเหลือผู้อื่นได้ในอนาคต&nbsp;และขอบคุณทุกภาคส่วนที่บูรณาการความช่วยเหลือในครั้งนี้&nbsp;&nbsp;การลงแขกซ่อมแซม&nbsp;"บ้านนี้มีรัก"&nbsp;ในครั้งนี้&nbsp;มีการบูรณาการความร่วมมือจากภาครัฐ&nbsp;เอกชน&nbsp;ผู้นำชุมชน&nbsp;และประชาชนในพื้นที่&nbsp;รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น&nbsp;39,629&nbsp;บาท&nbsp;และรายการช่วยเหลืออื่น&nbsp;ๆ&nbsp;ที่ไม่ใช่ตัวเงิน&nbsp;1.&nbsp;บริจาคแผ่นเมทัลชีทและสกรูฯ&nbsp;2.&nbsp;บริจาคไม้กระดาษและไม้หน้าสาม&nbsp;3.&nbsp;บริจาคท่อส้วม&nbsp;4.&nbsp;บริจาคไม่ไผ่&nbsp;5.&nbsp;บริจาคพันธุ์ไม้และพันธุ์ผัก&nbsp;6.&nbsp;อาหารและเครื่องดื่ม&nbsp;</p><p><strong>พร้อมทั้ง&nbsp;ทีมโคก&nbsp;หนอง&nbsp;นา&nbsp;โมเดล&nbsp;และทีมงาน</strong>&nbsp;ผู้นำ&nbsp;อช.&nbsp;อำเภอบำเหน็จณรงค์&nbsp;ร่วมพัฒนาพื้นที่แปลงปลูกดอกดาวเรืองและผักสวนครัวด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>27/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือชัยภูมิสวท.ชัยภูมิhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127113924019 สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดแสดงและจำหน่ายสินค้าคุณภาพดี ราคาประหยัด ส่งเสริมช่องทางการตลาด และบรรเทาปัญหาค่าครองชีพแก่ผู้ผลิตและผู้ประกอบการ OTOP ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019<p><strong>เช้าวันนี้&nbsp;(27&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ผู้ประกอบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;</strong>ทำการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าคุณภาพดี&nbsp;ราคาประหยัด&nbsp;ซึ่งจัดโดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;เพื่อส่งเสริมช่องทางการตลาด&nbsp;และบรรเทาปัญหาค่าครองชีพแก่ผู้ผลิตและผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;บริเวณห้องโถงหน้ากองคลัง&nbsp;ชั้น&nbsp;1&nbsp;อาคาร&nbsp;4&nbsp;ชั้น&nbsp;ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา</p><p><strong>สำหรับการจัดบูธจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในวันนี้&nbsp;เป็นผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;</strong>จาก</p><p>"ร้านน้องจันทร์"&nbsp;อำเภอลาดผักไห่&nbsp;จัดจำหน่ายผลิตน้ำอ้อยคั้นสดแท้&nbsp;100%&nbsp;ขิงดอง&nbsp;กระเทียมดอง&nbsp;และเผือกอบกรอบ</p><p><strong>"ร้านน้ำพริกแห่งตลาดกรุงศรี"&nbsp;อำเภอพระนครศรีอยุธยา&nbsp;</strong>จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แคปหมู&nbsp;น้ำพริกเผาปลาย่าง&nbsp;น้ำพริกเผาแมงดา&nbsp;ปลาร้าทรงเครื่อง&nbsp;และน้ำพริกรสเด็ดอีกมากมาย&nbsp;ร้านเปิดจำหน่ายสินค้าประจำที่บริเวณ&nbsp;วิหารมงคลบพิตร</p><p><strong>"ร้านคุณหนู&nbsp;หมูแดดเดียว"&nbsp;อำเภอพระนครศรีอยุธยา&nbsp;</strong>จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์หมูแดดเดียว&nbsp;หมูหวาน&nbsp;และเนื้อหวาน&nbsp;ร้านเปิดจำหน่ายสินค้าประจำที่บริเวณ&nbsp;วิหารมงคลบพิตร</p><p><strong>ท่านที่สนใจร่วมอุดหนุนสินค้า&nbsp;สามารถติดต่อได้ที่</strong>&nbsp;035&nbsp;336542</p><p><br></p><p>ข่าว&nbsp;:&nbsp;สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา</p><p>เว็บไซต์<a&nbsp;href="&nbsp;https://ayutthaya.prd.go.th/"&nbsp;rel="noopener&nbsp;noreferrer"&nbsp;target="_blank">&nbsp;https://ayutthaya.prd.go.th/</a></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>27/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลพระนครศรีอยุธยาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127125007066 รองผู้ว่าฯ ตรัง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการจำหน่ายสินค้าอุปโภค- บริโภค ราคาถูกสู้ภัยโควิด-19 จังหวัดตรัง ระยะที่ 3<p><strong>วันนี้&nbsp;(27&nbsp;ม.ค.2565)&nbsp;นายภูวนัฐ&nbsp;สมใจ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง</strong>&nbsp;ตรวจเยี่ยมการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ตามโครงการจัดจำหน่ายสินค้า&nbsp;อุปโภคบริโภค&nbsp;ราคาถูก&nbsp;สู้ภัยโควิต&nbsp;19&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;ทั้งนี้จังหวัดตรังและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ได้กำหนดจัดกิจกรรมระหว่างวันที่&nbsp;26-27&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;โรงเรียนบ้านเกาะปราง&nbsp;ต.นาท่ามเหนือ&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.ตรัง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ตามที่จังหวัดตรังได้อนุมัติงบประมาณ&nbsp;จำนวน&nbsp;353,600.-บาท&nbsp;ให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง</strong>&nbsp;ดำเนินการจัดกิจกรรมในพื้นที่&nbsp;10&nbsp;อำเภอๆ&nbsp;ละ&nbsp;2&nbsp;วัน&nbsp;เพื่อบรรเทาภาวะค่าครองชีพของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;รวมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น&nbsp;โดยดำเนินการภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>โดยในวันนี้&nbsp;ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ได้นำสินค้ามาจำหน่าย</strong>&nbsp;อาทิ&nbsp;ไข่ไก่เบอร์&nbsp;2&nbsp;จำนวน&nbsp;300&nbsp;แผงต่อวัน&nbsp;ปกติราคา&nbsp;108-110&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;65&nbsp;บาทเท่านั้น&nbsp;&nbsp;น้ำมันพืชปาล์มขนาด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;วันละ&nbsp;180&nbsp;ขวด&nbsp;ปกติราคา&nbsp;57-60&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;45&nbsp;บาท&nbsp;ทั้งนี้ให้สิทธิ์ผู้ซื้อไข่ไก่คนละ&nbsp;1&nbsp;แผง&nbsp;น้ำมันพืชคนละ&nbsp;1&nbsp;ขวด&nbsp;นอกจากนี้ยังจำหน่ายเนื้อหมูชำแหละ&nbsp;&nbsp;อาทิ&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;(ไหล่/สะโพก/ขาหน้า/คอ)&nbsp;ราคาตลาด&nbsp;180-200&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;สามชั้น&nbsp;180-220&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่าย&nbsp;170&nbsp;บาท&nbsp;เนื้อสันใน&nbsp;ราคา&nbsp;180-200&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;170&nbsp;บาท&nbsp;ซี่โครง&nbsp;ราคา&nbsp;170-180&nbsp;บาทจำหน่าย&nbsp;160&nbsp;บาท&nbsp;เครื่องใน&nbsp;(ตับ/หัวใจ)&nbsp;ราคา&nbsp;130-140&nbsp;บาทจำหน่าย&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;ขา-หัว&nbsp;ราคา&nbsp;120-130&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่าย&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;กระดูกสัน&nbsp;ราคา&nbsp;110-120&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่าย&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;เครื่องในรวม&nbsp;จำหน่าย&nbsp;50-70&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่าย&nbsp;50&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>27/1/2022ภาคใต้ตรังสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127112541010 ผลักดันธุรกิจอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยสู่ตลาดต่างประเทศ ผ่านโครงการ Content Pitching มูลค่าการค้ากว่า 300 ล้านบาท<p><strong>นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์</strong>&nbsp;เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานเปิดโครงการ&nbsp;Content&nbsp;Pitching&nbsp;ธุรกิจภาพยนตร์และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง&nbsp;ว่า&nbsp;เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์&nbsp;ขยายโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการผลิตและนําเสนอผลงาน&nbsp;</p><p><strong>ในปี&nbsp;2565&nbsp;ถือเป็นการเริ่มต้นกิจกรรมแรก</strong>&nbsp;เป็นนโยบายใหม่ของกระทรวงฯ&nbsp;ภายใต้แนวคิด&nbsp;“Soft&nbsp;Power”&nbsp;สู่ระดับสากล&nbsp;ผลักดันอุตสาหกรรม&nbsp;ดิจิทัลคอนเทนต์ไทย&nbsp;ให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ&nbsp;ในการผลิตดิจิทัลคอนเทนต์ทั้งภาพยนตร์&nbsp;แอนิเมชัน&nbsp;&nbsp;เกมส์&nbsp;&nbsp;การ์ตูนและด้านอื่นๆ&nbsp;ที่เกี่ยวข้อง&nbsp;รวมถึงเผยแพร่ทั้งศิลปะวัฒนธรรม&nbsp;อาหาร&nbsp;และความเป็นไทยโดยมีผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมธุรกิจภาพยนตร์และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง&nbsp;&nbsp;จํานวน&nbsp;15&nbsp;ราย&nbsp;ผู้ดําเนินธุรกิจแพลตฟอร์มคอนเทนต์ออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศที่มีชื่อเสียง&nbsp;จํานวน&nbsp;4&nbsp;ราย&nbsp;ได้แก่&nbsp;&nbsp;weTV&nbsp;/&nbsp;Netflix&nbsp;/&nbsp;iQIY&nbsp;และ&nbsp;Viu&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;เพิ่มช่องทางการนำเสนอไอเดียและสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ&nbsp;โดยตั้งเป้าการจับคู่เจรจาธุรกิจวันนี้&nbsp;(27&nbsp;ม.ค.)&nbsp;มีมูลค่าการค้ากว่า&nbsp;300&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ซึ่งหลังจากนี้จะมีการจัดกิจกรรมนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป</p><p><br></p><p><br></p>27/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127113319016 รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการจำหน่ายสินค้าอุปโภค- บริโภค ราคาถูกสู้ภัยโควิด-19 จังหวัดตรัง ระยะที่ 3<p><strong>ที่โรงเรียนบ้านเกาะปราง</strong>&nbsp;ตำบลนาท่ามเหนือ&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;นายภูวนัฐ&nbsp;สมใจ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง&nbsp;ตรวจเยี่ยมการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ตามโครงการจัดจำหน่ายสินค้า&nbsp;อุปโภคบริโภค&nbsp;ราคาถูก&nbsp;สู้ภัยโควิด-19&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;ทั้งนี้จังหวัดตรังและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ได้กำหนดจัดกิจกรรมระหว่างวันที่&nbsp;26-27&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p><strong>ตามที่จังหวัดตรังได้อนุมัติงบประมาณ&nbsp;</strong>จำนวน&nbsp;353,600.บาท&nbsp;ให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ดำเนินการจัดกิจกรรมในพื้นที่&nbsp;10&nbsp;อำเภอๆ&nbsp;&nbsp;ละ&nbsp;2&nbsp;วัน&nbsp;เพื่อบรรเทาภาวะค่าครองชีพของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;รวมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น&nbsp;โดยดำเนินการภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด</p><p><strong>โดยในวันนี้&nbsp;</strong>ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ได้นำสินค้ามาจำหน่าย&nbsp;อาทิ&nbsp;ไข่ไก่เบอร์&nbsp;2&nbsp;จำนวน&nbsp;300&nbsp;แผงต่อวัน&nbsp;ปกติราคา&nbsp;108-110&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;65&nbsp;บาทเท่านั้น&nbsp;น้ำมันพืชปาล์มขนาด&nbsp;1&nbsp;ลิตร&nbsp;วันละ&nbsp;180&nbsp;ขวด&nbsp;ปกติราคา&nbsp;57-60&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;45&nbsp;บาท&nbsp;ทั้งนี้ให้สิทธิ์ผู้ซื้อไข่ไก่คนละ&nbsp;1&nbsp;แผง&nbsp;น้ำมันพืชคนละ&nbsp;1&nbsp;ขวด&nbsp;นอกจากนี้ยังจำหน่ายเนื้อหมูชำแหละ&nbsp;อาทิ&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;(ไหล่/สะโพก/ขาหน้า/คอ)&nbsp;ราคาตลาด&nbsp;180-200&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;สามชั้น&nbsp;180-220&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่าย&nbsp;170&nbsp;บาท&nbsp;เนื้อสันใน&nbsp;ราคา&nbsp;180-200&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่ายเพียง&nbsp;170&nbsp;บาท&nbsp;ซี่โครง&nbsp;ราคา&nbsp;170-180&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่าย&nbsp;160&nbsp;บาท&nbsp;เครื่องใน&nbsp;(ตับ/หัวใจ)&nbsp;ราคา&nbsp;130-140&nbsp;บาทจำหน่าย&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;ขา-หัว&nbsp;ราคา&nbsp;120-130&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่าย&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;กระดูกสัน&nbsp;ราคา&nbsp;110-120&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่าย&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;เครื่องในรวม&nbsp;จำหน่าย&nbsp;50-70&nbsp;บาท&nbsp;จำหน่าย&nbsp;50&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>27/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127112859012 ขณะนี้ราคาหมูเริ่มลดลง หลังหลายฝ่ายร่วมมือแก้ไขปัญหาหมูแพงต่อเนื่อง<p><strong>นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฎ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์</strong>&nbsp;เปิดเผยถึงกรณีข้อกังวลช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้หมูจะมีราคาแพงขึ้น&nbsp;โดยยืนยันว่า&nbsp;ขณะนี้มีการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า&nbsp;ราคาหมูในหลายพื้นที่เริ่มปรับราคาลดลง&nbsp;เป็นผลจากการที่กระทรวงพาณิชย์&nbsp;ร่วมกับหลายฝ่ายทั้งกรมปศุสัตว์&nbsp;กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามตรวจสต็อกหมูอย่างต่อเนื่อง&nbsp;พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่กระทำผิดฉวยโอกาสขึ้นราคาและกักตุนสินค้าอย่างเคร่งครัด&nbsp;รวมถึงมีการเจราจากับสมาคมผู้เลี้ยงหมูฯและห้างสรรพสินค้า&nbsp;ตรึงราคาขายหมูเป็นหน้าฟาร์มอยู่ที่&nbsp;100-110&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;ซึ่งขณะนี้พบว่าราคาลดลงเหลือเพียง&nbsp;104&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;ส่วนหมูเนื้อแดง&nbsp;กำหนดราคาไว้ไม่เกิน&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;200-210&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>นายจุรินทร์&nbsp;ย้ำว่ากระทรวงพาณิชย์&nbsp;</strong>ยังสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ราคาหมูได้และที่ผ่านมาต้องยอมรับหมูหายไปจากระบบจำนวนหนึ่ง&nbsp;ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจหาตัวเลขที่หายไป&nbsp;พร้อมขอความร่วมมือประชาชนหากพบเห็นการฉวยโอกาส&nbsp;หรือมีการกักตุนสินค้า&nbsp;แจ้งเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน&nbsp;หรือสายด่วนโทร&nbsp;1569&nbsp;ตลอด&nbsp;24&nbsp;ชั่วโมง</p><p><br></p><p><br></p>27/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127185135320 ผวจ.นครศรีธรรมราช เน้นย้ำสร้างความพร้อมและมาตรฐานด้านการท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นรองรับนักท่องเที่ยว<p><strong>นายไกรศร&nbsp;วิศิษฏ์วงศ์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช</strong>&nbsp;ได้กล่าวในตอนหนึ่งของการประชุมกรมการจังหวัด&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด&nbsp;ประจำเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่ห้องประชุมศรีวิชัย&nbsp;ชั้น&nbsp;5&nbsp;ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;วันนี้(27&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนอย่างยิ่งสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;ได้มีการเตรียมความพร้อมและสร้างมาตรฐานด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่&nbsp;เพื่อสร้างความเชื่อมั่น&nbsp;และความปลอดภัยจากโรคโควิด-19&nbsp;แก่นักท่องเที่ยว&nbsp;ปฏิบัติตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุข&nbsp;และมาตรฐานด้านการท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;ได้ยังกำชับใ</strong>ห้เร่งสร้างความเข้าใจกับกลุ่มผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้อง&nbsp;เพื่อให้มีการปรับตัวและเตรียมความพร้อมด้านการท่องเที่ยว&nbsp;ภายใต้แนวทางการเฝ้าระวัง&nbsp;ป้องกันและควบคุมโรค&nbsp;ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว&nbsp;และส่งเสริมให้เกิดการกระจายรายได้ในภาคการท่องเที่ยว&nbsp;และชุมชนท้องถิ่น&nbsp;รวมทั้งเพื่อเป็นการยกระดับขีดความสามารถด้านการแข่งขันทางการท่องเที่ยวต่อไป</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมกรมการจังหวัด</strong>&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;หัวหน้าหน่วยงานภาครัฐและเอกชน&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1/2565&nbsp;ประจำเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;จังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;ได้มอบโล่รางวัลเด็กและเยาวชนดีเด่น&nbsp;เด็กและเยาวชนที่ทำชื่อเสียงมาสู่ประเทศเนื่องในงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;แก่เด็กและเยาวชนสังกัดสถานศึกษาต่างๆ&nbsp;จำนวน&nbsp;12&nbsp;ราย&nbsp;และมอบเกียรติบัตรแก่ผู้รับรางวัลการประกวดโครงการภาพวาดส่งเสริมวัฒนธรรมความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น&nbsp;ครั้งที่&nbsp;16&nbsp;ประจำปี&nbsp;2564&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;รายด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>อุไรวรรณ/ข่าว/ภาพ&nbsp;,&nbsp;จุรีรัตน์/ภาพ27&nbsp;มกราคม&nbsp;2565</p><p>สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>27/1/2022ภาคใต้นครศรีธรรมราชสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราชhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127124430058 จังหวัดขอนแก่น เปิดตลาดนัดชุมชน ประชาสุขใจ สู้ภัยโควิด บรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน<p><strong>ที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น&nbsp;</strong>นายสมศักดิ์&nbsp;จังตระกุล&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น&nbsp;เปิดโครงการ&nbsp;“ตลาดนัดชุมชน&nbsp;ประชาสุขใจ&nbsp;สู้ภัยโควิด”&nbsp;เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับสินค้าของเกษตรกร&nbsp;และนำผลผลิตทางการเกษตร,&nbsp;ผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;ที่มีศักยภาพแต่ขาดช่องทางการจัดจำหน่าย&nbsp;เพื่อสร้างงาน&nbsp;สร้างอาชีพ&nbsp;และพัฒนาเกษตรกร&nbsp;ผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการในพื้นที่ให้สามารถผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการของตลาด</p><p><strong>นายสมศักดิ์&nbsp;จังตระกุล&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;การเปิดตลาดนัดชุมชน&nbsp;ประชาสุขใจ&nbsp;สู้ภัยโควิด-19&nbsp;เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้นำสินค้าที่ผลิตได้ในท้องถิ่น&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นสินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;สินค้าจากโคก&nbsp;หนอง&nbsp;นา&nbsp;โมเดล&nbsp;สินค้าที่เป็นผลผลิตจากธนาคารอาหาร&nbsp;(Food&nbsp;Bank)&nbsp;กลุ่มแม่บ้าน&nbsp;กลุ่มสตรี&nbsp;กลุ่มการผลิตต่างๆ&nbsp;ได้มีโอกาสมาขายตรงสู่ประชาชนในเขตเมือง&nbsp;ทำให้มีรายได้มากขึ้น&nbsp;สามารถนำไปปรับปรุงการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น&nbsp;ผู้บริโภคได้ลดค่าใช้จ่าย&nbsp;ซึ่งถือเป็นก้าวแรกในการที่จังหวัดขอนแก่นจะได้ดำเนินการ&nbsp;พร้อมทั้งให้ทุกอำเภอทั้ง&nbsp;26&nbsp;อำเภอ&nbsp;ได้ดำเนินการจัดตลาดนัดชุมชนขึ้นในพื้นที่ของตนเอง&nbsp;เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย&nbsp;และเพิ่มทางเลือกให้กับพี่น้องประชาชนผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน</p><p><strong>เนื่องจากปัจจุบันปัญหาค่าครองชีพของครัวเรือนมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น</strong>&nbsp;จากการปรับราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค&nbsp;ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนในทุกระดับ&nbsp;โครงการตลาดนัดชุมชน&nbsp;ประชาสุขใจ&nbsp;สู้ภัยโควิด&nbsp;จึงเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อน&nbsp;และแก้ไขปัญหาค่าครองชีพให้แก่ประชาชน&nbsp;ด้วยการนำผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;ที่ขึ้นชื่อ&nbsp;และผลผลิตทางการเกษตรจากการดำเนินโครงการโคก&nbsp;หนอง&nbsp;นา&nbsp;โมเดล,&nbsp;โครงการธนาคารอาหาร&nbsp;หรือ&nbsp;Food&nbsp;Bank&nbsp;สินค้าจากกลุ่มผู้สูงอายุ&nbsp;ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส&nbsp;มาจำหน่ายในราคาถูก&nbsp;เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร&nbsp;ผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;และประชาชนในพื้นที่&nbsp;โดยมีเกษตรกร&nbsp;ผู้ผลิต&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;และกลุ่มต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;นำสินค้ามาร่วมจำหน่ายกว่า&nbsp;90&nbsp;ราย&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>27/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขอนแก่นสวท.ขอนแก่นhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127142147105 แบ่งเบาภาระค่าไฟฟ้าประชาชน รับภาระค่าใช้จ่ายต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อไปอีก 3 เดือนกว่า 36,000 ล้านบาท<p><strong>ดร.จิราพร&nbsp;ศิริคำ&nbsp;รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์&nbsp;การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย</strong>&nbsp;&nbsp;หรือ&nbsp;กฟผ.&nbsp;ในฐานะโฆษก&nbsp;กฟผ.เปิดเผยว่า&nbsp;กฟผ.&nbsp;ดำเนินการตามแนวทางการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ&nbsp;ของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ&nbsp;หรือ&nbsp;กพช.&nbsp;ด้วยการปรับแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิงใหม่&nbsp;โดยเลื่อนแผนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ&nbsp;เครื่องที่&nbsp;8&nbsp;ที่มีกำหนดปลดออกจากระบบผลิตไฟฟ้าในวันที่&nbsp;1&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;เนื่องจากหมดอายุการใช้งาน&nbsp;ออกไปจนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2565&nbsp;รวมระยะเวลาประมาณ&nbsp;1&nbsp;ปี&nbsp;ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าในภาพรวมของประเทศลงได้&nbsp;คาดว่า&nbsp;การเดินเครื่องโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่&nbsp;8&nbsp;ซึ่งใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง&nbsp;กำลังผลิตประมาณ&nbsp;2,160&nbsp;ล้านหน่วย&nbsp;เทียบเท่ากับการใช้&nbsp;LNG&nbsp;ประมาณ&nbsp;15,330&nbsp;ล้านลูกบาศก์ฟุต&nbsp;ช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าลงได้ถึงประมาณ&nbsp;12,200&nbsp;ล้านบาท&nbsp;</p><p><strong>กฟผ.&nbsp;ยังได้ปรับเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิง</strong>&nbsp;ของโรงไฟฟ้าบางปะกงและโรงไฟฟ้าเอกชนในภาคตะวันตกให้มาใช้น้ำมันเตาและน้ำมันดีเซล&nbsp;แทนการใช้ก๊าซฯ&nbsp;ระหว่างเดือนพฤศจิกายน&nbsp;–&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;เพื่อลดการนำเข้า&nbsp;LNG&nbsp;คิดเป็นพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ประมาณ&nbsp;1,235&nbsp;ล้านหน่วย&nbsp;เทียบเท่ากับการใช้&nbsp;LNG&nbsp;7,839&nbsp;ล้านลูกบาศก์ฟุต&nbsp;ช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าลงได้ถึง&nbsp;2,600&nbsp;ล้านบาท&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;กฟผ.&nbsp;ยังได้แบกรับต้นทุนเชื้อเพลิงค่าก๊าซ&nbsp;LNG</strong>&nbsp;แทนผู้ใช้ไฟฟ้าในงวดเดือนกันยายน&nbsp;–&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;เป็นการชั่วคราวอีกประมาณ&nbsp;36,000&nbsp;ล้านบาท</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;กฟผ.&nbsp;ยังเตรียมปรับแผนการผลิตไฟฟ้า</strong>จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำต่างประเทศให้สอดคล้องรองรับกับสถานการณ์และแนวทางการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก&nbsp;(SPP)&nbsp;&nbsp;&nbsp;ประเภทพลังงานหมุนเวียน&nbsp;เพิ่มเติมจากสัญญาเดิม&nbsp;พร้อมทั้งจัดตั้ง&nbsp;War&nbsp;Room&nbsp;เพื่อติดตามข้อมูลราคาเชื้อเพลิงแต่ละประเภท&nbsp;และพิจารณาเปรียบเทียบต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจาก&nbsp;LNG&nbsp;ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง&nbsp;</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>27/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127183532285 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำปาง เดินหน้าตรวจสอบผู้ครอบครองเนื้อสุกรชำแหละ เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า<p><strong>นางสาวเยาวเรศ&nbsp;แซ่โค้ว&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำปาง&nbsp;</strong>และเจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;เข้าตรวจสอบห้องเย็นบริษัท&nbsp;ซีพีเอฟ&nbsp;เทรดดิ้ง&nbsp;จำกัด&nbsp;เลขที่&nbsp;708&nbsp;ม.2&nbsp;ตำบลชมพู&nbsp;อำเภอเมืองลำปาง&nbsp;เพื่อตรวจสอบการครอบครองเนื้อสุกรชำแหละแยกชิ้นส่วน&nbsp;โดยพบว่าบริษัทฯ&nbsp;ได้จัดเก็บเนื้อสุกรชำแหละแช่แข็ง&nbsp;ได้แก่&nbsp;เนื้อแดง&nbsp;สันคอ&nbsp;สันนอก&nbsp;สันใน&nbsp;และสามชั้น&nbsp;เพื่อกระจายให้ลูกค้าในเขตภาคเหนือ&nbsp;ซึ่งบริษัทฯ&nbsp;ได้ปฏิบัติตามประกาศ&nbsp;กกร.&nbsp;ฉบับที่&nbsp;2&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;ในการแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บและจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;ได้ร่วมลงพื้นที่กับเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอเมืองลำปาง&nbsp;ปศุสัตว์อำเภอห้างฉัตร&nbsp;และด่านกักกันสัตว์จังหวัดลำปาง&nbsp;ตรวจสอบห้องเย็นสำหรับแช่แข็งเนื้อหมูสด&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;แห่ง&nbsp;ได้แก่&nbsp;1.กะฐินห้องเย็น&nbsp;ตำบลปงแสนทอง&nbsp;อำเภอเมืองลำปาง&nbsp;2.ห้องเย็น&nbsp;เอกอภัสรา&nbsp;ตำบลวอแก้ว&nbsp;อำเภอห้างฉัตร&nbsp;และ&nbsp;3.ห้องเย็นพรทิพย์&nbsp;อำเภอเมืองลำปาง&nbsp;เพื่อตรวจการเคลื่อนย้ายและการกักตุนเนื้อหมู&nbsp;ซึ่งการตรวจสอบไม่พบการกระทำกักตุนสินค้าแต่อย่างใด</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;หากพบเห็นว่ามีการกักตุนจะมีโทษตามมาตรา&nbsp;29&nbsp;แห่ง&nbsp;พ.ร.บ.&nbsp;ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;</strong>ซึ่งมีโทษจำคุก&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับ&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำและปรับ&nbsp;และหากประชาชนพบเห็นการกักตุนหรือจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>27/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127135159096 เจ้าของเขียงหมูใน อ.เบตง เผยหมูหน้าฟาร์มภาคใต้ไม่ขาดตลาด พร้อมฝากรัฐบาลควบคุมราคาหมูเป็นหน้าฟาร์ม เมื่อหมูหน้าฟาร์มไม่ขึ้น เขียงหมูก็ไม่ขึ้นราคา คนจนคนรวยได้กินกันหมด<p><strong>วันนี้&nbsp;27&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;จากสถานการณ์ราคาหมูปรับขึ้นสูงถึงกิโลกรัมละ&nbsp;240&nbsp;บาท</strong>&nbsp;ซึ่งสาเหตุเกิดจากหมูเป็นโรค&nbsp;ทำให้เกิดวิกฤตหมูขาดสภาพคล่องในตลาด&nbsp;และคาดว่าจะคงสภาวะแบบนี้ไปอีกนาน&nbsp;ขณะที่เจ้าของเขียงหมูภาคใต้เผยหมูทางภาคใต้ไม่ขาดตลาด&nbsp;หากราคาหน้าฟาร์มไม่ปรับราคาขึ้น&nbsp;บรรดาเขียงหมูสดก็ไม่ปรับราคาขึ้นเช่นกัน&nbsp;วอนรัฐบาลแก้ไขให้ตรงจุดควบคุมราคาหมูหน้าฟาร์มให้ได้&nbsp;&nbsp;ขณะที่วันนี้ราคาหมูสามชั้นอยู่ที่กิโลกรัมละ&nbsp;240&nbsp;บาท&nbsp;หมูสันนอก&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;210&nbsp;บาท&nbsp;หมูสันใน&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;220&nbsp;บาท&nbsp;สะโพก&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;190&nbsp;บาท&nbsp;ซี่โครงหมู&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;190&nbsp;บาท</p><p><strong>ด้าน&nbsp;เจ้าของเขียงหมูสด&nbsp;ตลาดโก้งโค้งในเขตเทศบาลเมืองเบตง&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ราคาหมูเขียงวันนี้สูงขึ้นทุกวันอยู่ที่กิโลละ&nbsp;240บาท&nbsp;และอาจจะขยับขึ้นเรื่อยๆ&nbsp;เพราะจำนวนหมูหน้าฟาร์มลดหายไปมาก&nbsp;โดยเฉพาะฟาร์มหมูจากภาคกลาง&nbsp;เช่น&nbsp;จังหวัดนครปฐม&nbsp;หากหมดแล้วไม่มีหมูให้จับแล้ว&nbsp;&nbsp;บรรดาเขียงหมูจึงหันไปสั่งจากฟาร์มหมูของบริษัท&nbsp;ซีพี&nbsp;แทน&nbsp;เพราะบรรดาเขียงหมูสด&nbsp;ไม่ชอบราคาสูง&nbsp;เพราะขายยาก&nbsp;โดยมีราคาหน้าฟาร์มอยู่ที่&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;110&nbsp;บาท&nbsp;ทุกวันนี้ไม่ได้สั่งเป็นตัวแล้ว&nbsp;ต้องสั่งเป็นชิ้นส่วนเข้ามาแทน&nbsp;แพงกว่า&nbsp;ก็ต้องยอมเพราะวันนี้ไม่มีส่งตามร้านอาหารประจำ&nbsp;ลูกค้าหน้าร้านก็หดหายเพราะราคาสูง&nbsp;หันไปกินไก่&nbsp;ปลา&nbsp;แทน&nbsp;แตกต่างจากที่มีโครงการคนละครึ่ง&nbsp;ลูกค้าพอมีกำลังซื้อ&nbsp;เพราะจ่ายเพียงครึ่งเดียว&nbsp;แต่พอโครงการหมดลูกค้าก็หาย&nbsp;เราก็พยายามดึงราคาเพราะสงสารลูกค้า&nbsp;เราไม่ชอบให้ราคาขึ้น&nbsp;ขายยากและจากสถานการณ์ราคาหมูที่ยังขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ซึ่งเกิดจากปัญหา&nbsp;ทั้งต้นทุนการเลี้ยงหมูที่สูงขึ้นเกษตรกรเลิกเลี้ยง&nbsp;รวมถึงหมูเป็นโรค&nbsp;ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภคโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะถึงนี้</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;พ่อค้าเขียงหมู&nbsp;ยังฝากถึงรัฐบาลโดยเฉพาะหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้อยู่</strong>&nbsp;หากต้องการแก้ไขปัญหาจริงให้ควบคุมราคาหมูเป็นหน้าฟาร์ม&nbsp;เมื่อหมูหน้าฟาร์มไม่ขึ้น&nbsp;เขียงหมูก็ไม่ขึ้นราคา&nbsp;คนจนคนรวยได้กินกันหมด</p><p><strong>ขณะที่&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้เร่งแก้ปัญหา&nbsp;จัดโครงการ&nbsp;หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา</strong>&nbsp;ช่วยประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าครองชีพ&nbsp;ให้กับประชาชน&nbsp;ในช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19&nbsp;มาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน&nbsp;ล่าสุดทางกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้ขยายเวลาโครงการออกไปจนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;ม.ค&nbsp;65&nbsp;แล้ว&nbsp;หลังราคาหมูยังพุ่งไม่หยุด</p><p><strong>นางผุสสดี&nbsp;จ๋ายเจริญ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดยะลา&nbsp;เผยว่า&nbsp;หลังจากที่พาณิชย์ยะลา</strong>&nbsp;ได้รับนโยบายให้จัดโครงการ“หมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน”ในรอบแรกปลายเดือน&nbsp;พ.ย&nbsp;ถึง&nbsp;ธ.ค&nbsp;64&nbsp;ซึ่งมีการนำหมูเนื้อแดง&nbsp;มาจำหน่ายในราคา&nbsp;130&nbsp;บาท&nbsp;ต่อกิโลกรัม&nbsp;และขยายต่อมาในวันที่&nbsp;8&nbsp;ม.ค&nbsp;65-15&nbsp;ม.ค&nbsp;65&nbsp;ปรับราคาจำหน่ายขึ้น&nbsp;ในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตามราคาของหมูที่เพิ่มขึ้น&nbsp;เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;แต่เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันราคาหมูยังไม่คลี่คลาย&nbsp;ทั้งปริมาณที่เข้าสู่ตลาดน้อย&nbsp;ต้นทุนสูงขึ้น&nbsp;แนวโน้มราคาหมูยังคงปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;ซึ่งทางพาณิชย์ยะลา&nbsp;ได้รับนโยบายให้ขยายเวลา&nbsp;ขายหมูลดราคา&nbsp;ในกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม&nbsp;เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการที่สูงขึ้น&nbsp;ในช่วงโควิด-19&nbsp;ที่มีการเปิดเมือง&nbsp;เป็นการช่วยลดค่าครองชีพ&nbsp;ให้กับประชาชน</p><p><strong>สำหรับ&nbsp;อ.เบตง&nbsp;ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว&nbsp;นักท่องเที่ยวจะเข้ามามากมีความต้องการบริโภคสูง</strong>&nbsp;ก็จะมี&nbsp;อยู่&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;คือ&nbsp;แผงหมูป้ารัตน์&nbsp;แผงคุณชินกร&nbsp;แผงคุณวงค์คณา&nbsp;และ&nbsp;แผงคุณอภิชาต&nbsp;โดยจะจำหน่ายตั้งแต่วันที่&nbsp;16&nbsp;ม.ค.65&nbsp;ไปจนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;ม.ค.65</p><p><strong>ขณะที่&nbsp;ในส่วนของสินค้าอย่างอื่น&nbsp;ที่เกี่ยวข้องกับปศุสัตว์&nbsp;ซึ่งต้นทุนได้ปรับตัวสูงขึ้น</strong>&nbsp;ทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้น&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นไก่สด&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ทางพาณิชย์ยะลา&nbsp;ก็ได้เข้าไปดูแล&nbsp;แล้ว&nbsp;ทั้งในส่วนของผู้บริโภคและ&nbsp;เกษตรกร&nbsp;ฝากผู้ประกอบการ&nbsp;การจำหน่ายสินค้า&nbsp;ก็ให้เหมาะสม&nbsp;เป็นไปตามต้นทุน&nbsp;ไม่เอาเปรียบผู้บริโภค&nbsp;ซึ่งทางพาณิชย์&nbsp;มีกฎหมายอยู่&nbsp;ถ้ามีการร้องเรียนเข้ามา&nbsp;ก็จะต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย&nbsp;โดยเฉพาะในส่วนของสุกรในขณะนี้ก็ได้มีประกาศ&nbsp;ห้ามส่งออกสุกรมีชีวิต&nbsp;ต้องแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;และจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ด้วย&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;หากผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรม&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่&nbsp;1569&nbsp;ทางพาณิชย์ยะลา&nbsp;ก็จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>27/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.เบตง จ.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127135017095 จังหวัดมุกดาหารแถลงข่าวโครงการส่งเสริมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดมุกดาหารเที่ยวมุกสุขทั้งปี “ตรุษจีนมุก#2” ประจำปีงบประมาณ 2565<p><strong>วันที่&nbsp;25&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</strong>นายเฉลิมพล&nbsp;มั่งคั่ง&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารมอบหมายให้นายบุญช่วย&nbsp;น้อยสันเทียะ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารเป็นประธานในการแถลงข่าวโครงการส่งเสริมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดมุกดาหาร&nbsp;เที่ยวมุกสุขทั้งปี&nbsp;“ตรุษจีนมุก#2”&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;โดยมีผู้ร่วมแถลงข่าวประกอบด้วย&nbsp;ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;สำนักงานนครพนม&nbsp;ผู้แทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมุกดาหาร&nbsp;นายกสมาคมคนไทยเชื้อสายเวียดนาม&nbsp;ประธานมูลนิธิการกุศลมุกดาหาร&nbsp;และนายกสมาคมเมืองสามธรรม&nbsp;ร่วมกันแถลงข่าว&nbsp;เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดมุกดาหารให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย&nbsp;และกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดมุกดาหาร&nbsp;โดยกำหนดจัดกิจกรรมระหว่างวันที่&nbsp;30&nbsp;มกราคม&nbsp;-&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณศาลหลักเมืองมุกดาหาร&nbsp;ศาลเจ้าฟ้ามุงเมือง&nbsp;และศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้อง&nbsp;ถนนสองนางสถิตย์&nbsp;ตำบลมุกดาหาร&nbsp;อำเภอเมืองฯ&nbsp;จ.มุกดาหาร</p><p><strong>กิจกรรมที่น่าสนใจภายในงาน&nbsp;“ตรุษจีนมุก#2”&nbsp;</strong>คือการเปิดเส้นทางบูชาศาลบ้านศาลเมือง&nbsp;ได้แก่&nbsp;ศาลหลักเมือง,&nbsp;ศาลเจ้าฟ้ามุมเมือง&nbsp;และศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้อง&nbsp;ในลักษณะ&nbsp;“ผู้ว่าพาไหว้”&nbsp;พร้อมกิจกรรมโชว์ฝูงสิงโตเชิด&nbsp;จำนวน&nbsp;74&nbsp;ตัว&nbsp;ร้าน&nbsp;อันเกิม&nbsp;ฟู๊ดแกลอรี่&nbsp;พิพิธภัณฑ์มีชีวิต&nbsp;อาหารเวียดนาม&nbsp;จัตุรัสเวียดนาม&nbsp;ใน&nbsp;Concept&nbsp;ลิตเติ้ลฮอยอัน&nbsp;จัตุรัสจีน&nbsp;ที่ประดับตกแต่งแบบจีนโบราณ&nbsp;ที่บริเวณแยกโรงแรมฮั่วนำ&nbsp;จัตุรัสไทยประดับโคมตุงสีเหลืองแดง&nbsp;นิทรรศการจากชมรมถ่ายภาพมุกดาหาร&nbsp;และกิจกรรมบนเวทีกลางบริเวณใกล้กับศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้อง</p><p><strong>จึงขอเชิญชวนประชาชนชาวจังหวัดมุกดาหาร</strong>และนักท่องเที่ยวที่สนใจ&nbsp;เข้าเที่ยวชมกิจกรรมส่งเสริมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวมุกดาหาร&nbsp;เที่ยวมุกสุขทั้งปี&nbsp;“ตรุษจีนมุก#2”&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;30&nbsp;มกราคมถึง&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ตามสถานที่ดังกล่าว</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>27/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมุกดาหารสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหารhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127144535115 เมืองพัทยาเปิดรับนักท่องเที่ยว 2 รูปแบบ Test & Go,Sand Box 1 ก.พ.นี้<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นายกธุรกิจพัทยา&nbsp;เผยเมืองพัทยาเปิดรับนักท่องเที่ยว&nbsp;2&nbsp;รูปแบบ&nbsp;Test&nbsp;&amp;&nbsp;Go,Sand&nbsp;Box&nbsp;1&nbsp;ก.พ.นี้&nbsp;</strong>ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มหลังเกิดกระแสนักท่องเที่ยวยกเลิกพักเกาะเสม็ดด้วยมีการเรียกเก็บค่าตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ก่อนเดินทาง&nbsp;300&nbsp;บาท&nbsp;ระบุสำหรับชลบุรีเก็บค่าตรวจ&nbsp;RT-PCR&nbsp;2&nbsp;รอบ&nbsp;ซึ่งนักท่องเที่ยวทราบเพราะอยู่ในเงื่อนไข&nbsp;Thailand&nbsp;Pass&nbsp;ก่อนจับจองอยู่แล้ว</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">จากกรณีที่รัฐมีมาตรการที่มีการประกาศใช้ตั้งแต่วันที่&nbsp;20&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;เป็นต้นมา&nbsp;ที่ต้องตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปยังเกาะเสม็ด&nbsp;จังหวัดระยอง&nbsp;โดยต้องมีผลตรวจไม่เกิน&nbsp;72&nbsp;ชม.&nbsp;และต้องจ่ายค่าเครื่องตรวจสูงถึงรายละ&nbsp;330&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลให้นักท่องเที่ยวมีการยกเลิกการเดินทางไปพักผ่อนเป็นจำนวนมากจนส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยวนั้น</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นายบุญอนันต์&nbsp;พัฒนสิน&nbsp;นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา&nbsp;กล่าวว่า</strong>สำหรับเมืองพัทยา&nbsp;จ.ชลบุรี&nbsp;นั้นอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวหรือ&nbsp;Blue&nbsp;Zone&nbsp;ร่วมกับอีก&nbsp;3&nbsp;จังหวัด&nbsp;ไม่เหมือนกับพื้นที่จังหวัดระยอง&nbsp;โดยเมืองพัทยาจะรับนักท่องเที่ยวได้ถึง&nbsp;2&nbsp;รูปแบบ&nbsp;ทั้งแบบ&nbsp;Test&nbsp;&amp;&nbsp;Go&nbsp;และ&nbsp;Sand&nbsp;Box&nbsp;ที่จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป&nbsp;ซึ่งมีมาตรการตามข้อกำหนดและมาตรการของภาครัฐอยู่แล้ว&nbsp;อย่างกรณีเรื่องของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาพักผ่อนที่เมืองพัทยานั้นจะต้องมีการตรวจคัดกรองแบบ&nbsp;RT-PCR&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;ครั้ง&nbsp;คือในวันแรกซึ่งหากมีผลเป็นลบก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตามปกติ&nbsp;ก่อนจะตรวจคัดกรองซ้ำอีกครั้งในวันที่&nbsp;5&nbsp;ของการพำนัก&nbsp;โดยค่าใช้จ่ายเรื่องนี้เป็นไปตามข้อตกลงและตามเงื่อนไขของ&nbsp;Thailand&nbsp;Pass&nbsp;ที่นักท่องเที่ยวยินยอมตั้งแต่เริ่มการจับจอง&nbsp;ซึ่งนอกจากเรื่องนี้แล้วก็ไม่มีนโยบายในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด&nbsp;ดังนั้นหน้าที่หลักของผู้ประกอบการคือการไปรับนักท่องเที่ยวที่สนามบินก่อนจะพาไปตรวจคัดกรองที่&nbsp;รพ.คู่สัญญา&nbsp;และพาเข้าพักจากนั้นก็จะทำการนัดตรวจอีกครั้งตามข้อกำหนดเท่านั้น&nbsp;ส่วนที่ว่าจะมีการตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;เพิ่มเติมหรือไม่นั้น&nbsp;คงเป็นเรื่องความสมัครใจระหว่างผู้ประกอบการกับนักท่องเที่ยวมาก&nbsp;กว่าซึ่งก็ถือว่าแตกต่างจากพื้นที่ของจังหวัดระยอง</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นายบุญอนันต์&nbsp;กล่าวต่อไปว่า&nbsp;สำหรับพื้นที่ของเกาะล้านนั้น&nbsp;</strong>เมืองพัทยาก็ไม่มีนโยบายการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;แต่อย่างใด&nbsp;เพียงแต่มีความเข้มงวดในการตรวจสอบเรื่องของอุณหภูมิ&nbsp;การสวมหน้ากากอนามัย&nbsp;และการแสดงผลการฉีดวัคซีนตามที่กำหนดเท่านั้น&nbsp;ทั้งในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างประเทศและนักท่องเที่ยวชาวไทย&nbsp;ส่วนผู้ใดที่น่าสงสัยก็ให้ทำการตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;และแสดงผล&nbsp;ซึ่งหากเป็นลบก็สามารถท่องเที่ยวได้ตามปกติ&nbsp;แต่หากมีผลเป็นบวกก็จะถูนำตัวเข้าสู่ขั้นตอนการรักษาต่อไป</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ปัจจุบันสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก&nbsp;</strong>และได้จัดสรรชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;จำนวน&nbsp;6,000&nbsp;ชุด&nbsp;ให้กับพนักงานบริการด้านการท่องเที่ยวฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย&nbsp;เพื่อเป็นมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดด้วย</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">ปริญญา&nbsp;&nbsp;ข่าว/ภาพ</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>27/1/2022ภาคตะวันออกชลบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127145748132 เมืองพัทยา เปิดรับนักท่องเที่ยว 2 รูปแบบ Test&Go,Sand Box 1 ก.พ.นี้<p><strong>นายกธุรกิจพัทยา&nbsp;เผยเมืองพัทยาเปิดรับนักท่องเที่ยว&nbsp;2&nbsp;รูปแบบ</strong>&nbsp;Test&amp;Go,Sand&nbsp;Box&nbsp;1&nbsp;ก.พ.นี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มหลังเกิดกระแสนักท่องเที่ยวยกเลิกพักเกาะเสม็ดด้วยมีการเรียกเก็บค่าตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ก่อนเดินทาง&nbsp;300&nbsp;บาท&nbsp;ระบุสำหรับชลบุรีเก็บค่าตรวจ&nbsp;RT-PCR&nbsp;2&nbsp;รอบ&nbsp;ซึ่งนัก&nbsp;ทท.ทราบเพราะอยู่ในเงื่อนไข&nbsp;Thailand&nbsp;Pass&nbsp;ก่อนจับจองอยู่แล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากกรณีที่รัฐมีมาตรการที่มีการประกาศใช้ตั้งแต่วันที่&nbsp;20&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;เป็นต้นมา&nbsp;ที่ต้องตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;นักท่อง&nbsp;เที่ยวที่จะเดินทางไปยังเกาะเสม็ด&nbsp;จังหวัดระยอง&nbsp;โดยต้องมีผลตรวจไม่เกิน&nbsp;72&nbsp;ชม.&nbsp;และต้องจ่ายค่าเครื่องตรวจสูงถึงรายละ&nbsp;330&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลให้นักท่องเที่ยวมีการยกเลิกการเดินทางไปพักผ่อนเป็นจำนวนมากจนส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยวนั้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>นายบุญอนันต์&nbsp;พัฒนสิน&nbsp;นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;สำหรับเมืองพัทยา&nbsp;จ.ชลบุรี&nbsp;นั้นอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวหรือ&nbsp;Blue&nbsp;Zone&nbsp;ร่วมกับอีก&nbsp;3&nbsp;จังหวัด&nbsp;ไม่เหมือนกับพื้นที่จังหวัดระยอง&nbsp;โดยเมืองพัทยาจะรับนักท่องเที่ยวได้ถึง&nbsp;2&nbsp;รูปแบบทั้งแบบ&nbsp;Test&amp;Go&nbsp;และ&nbsp;Sand&nbsp;Box&nbsp;ที่จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป&nbsp;ซึ่งมีมาตรการตามข้อกำหนดและมาตรการของภาครัฐอยู่แล้ว&nbsp;อย่างกรณีเรื่องของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาพักผ่อนที่เมืองพัทยานั้นจะต้องมีการตรวจคัดกรองแบบ&nbsp;RT-PCR&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;ครั้ง&nbsp;คือในวันแรกซึ่งหากมีผลเป็นลบก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตามปกติ&nbsp;ก่อนจะตรวจคัดกรองซ้ำอีกครั้งในวันที่&nbsp;5&nbsp;ของการพำนัก&nbsp;โดยค่าใช้จ่ายเรื่องนี้เป็นไปตามข้อตกลงและตามเงื่อนไขของ&nbsp;Thailand&nbsp;Pass&nbsp;ที่นักท่องเที่ยวยินยอมตั้งแต่เริ่มการจับจอง&nbsp;</p><p><strong>ซึ่งนอกจากเรื่องนี้แล้วก็ไม่มีนโยบายในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใด</strong>&nbsp;ดังนั้นหน้าที่หลักของผู้ประกอบการคือการไปรับนักท่องเที่ยวที่สนามบินก่อนจะพาไปตรวจคัดกรองที่&nbsp;รพ.คู่สัญญา&nbsp;และพาเข้าพักจากนั้นก็จะทำการนัดตรวจอีกครั้งตามข้อกำหนดเท่านั้น&nbsp;ส่วนที่ว่าจะมีการตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;เพิ่มเติมหรือไม่นั้น&nbsp;คงเป็นเรื่องความสมัครใจระหว่างผู้ประกอบการกับนักท่องเที่ยวมาก&nbsp;กว่าซึ่งก็ถือว่าแตกต่างจากพื้นที่ของจังหวัดระยอง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>นายบุญอนันต์&nbsp;กล่าวต่อไปว่าสำหรับพื้นที่ของเกาะล้านนั้น&nbsp;เ</strong>มืองพัทยาก็ไม่มีนโยบายการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;แต่อย่างใด&nbsp;เพียงแต่มีความเข้มงวดในการตรวจสอบเรื่องของอุณหภูมิ&nbsp;การสวมหน้ากากอนามัย&nbsp;และการแสดงผลการฉีดวัคซีนตามที่กำหนดเท่านั้น&nbsp;ทั้งในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างประเทศและนักท่องเที่ยวชาวไทย&nbsp;ส่วนผู้ใดที่น่าสงสัยก็ให้ทำการตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;และแสดงผล&nbsp;ซึ่งหากเป็นลบก็สามารถท่องเที่ยวได้ตามปกติ&nbsp;แต่หากมีผลเป็นบวกก็จะถูนำตัวเข้าสู่ขั้นตอนการรักษาต่อไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ปัจจุบันสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยให้ความสนใจ</strong>ในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก&nbsp;และได้จัดสรรชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;จำนวน&nbsp;6,000&nbsp;ชุด&nbsp;ให้กับพนักงานบริการด้านการท่องเที่ยวฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย&nbsp;เพื่อเป็นมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>ปริญญา/ข่าว/ภาพ</p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>27/1/2022NULLชลบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127180648238 จังหวัดมุกดาหารขับเคลื่อนตามประกาศเจตนารมณ์ขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง<p><strong>วันที่&nbsp;26&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</strong>นายเฉลิมพล&nbsp;มั่งคั่ง&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร&nbsp;มอบหมายให้&nbsp;นายวุฒิชัย&nbsp;เสาวโกมุท&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร&nbsp;เป้นประธานการประขุม&nbsp;คณะกรรมการบริหารศูนย์อำนวยการปฏิบัติการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลัดเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;(คพจ.จ.มห)&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2/2565&nbsp;ตามประกาศเจตนารมณ์จังหวัดมุกดาหารในการขจัดความยากจนฯ&nbsp;เพื่อให้ครัวเรือนเป้าหมายได้รับความช่วยเหลือตามสภาพปัญหาในมิติต่างๆ&nbsp;และสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง&nbsp;โดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ด้วยระบบ&nbsp;TPMAP&nbsp;5&nbsp;มิติ&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ด้านสุขภาพ&nbsp;ด้านความเป็นอยู่&nbsp;ด้านรายได้&nbsp;ด้านการศึกษา&nbsp;และด้านการเข้าถึงบริการของรัฐ</p><p><strong>นายวุฒิชัย&nbsp;เสาวโกมุท&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;จากข้อมูล&nbsp;ปี&nbsp;2564&nbsp;จังหวัดมุกดาหารมีครัวเรือนที่ตกเกณฑ์ความยากจนในระบบ&nbsp;TPMAP&nbsp;ที่ต้องได้รับการช่วยเหลือจำนวน&nbsp;1,587&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;ได้แก่&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;614&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;นิคมคำสร้อย&nbsp;359&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;คำชะอี&nbsp;397&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;ดงหลวง&nbsp;105&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;ดอนตาล&nbsp;74&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;หว้านใหญ่&nbsp;9&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;และหนองสูง&nbsp;29&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;ซึ่งจังหวัดมุกดาหารได้มอบหมายภารกิจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนและบูรณาการร่วมกับทุกกระทรวงในพื้นที่เพื่อให้การข่วยเหลือครัวเรือนเป้าหมายในพื้นที่ต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>27/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมุกดาหารสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหารhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127143756112 พัทยา พร้อมรับนักท่องเที่ยวระบบ Sandbox และ Test&Go 1 ก.พ.นี้<p><strong>ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา&nbsp;นางอำไพ&nbsp;ศักดานุกูลจิต&nbsp;สไลวินสกี้&nbsp;</strong>ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชลบุรี&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายขจรเดช&nbsp;อภิชาติตรากุล&nbsp;ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;&nbsp;(ททท.)&nbsp;&nbsp;สำนักงานพัทยา&nbsp;นายธเนศ&nbsp;ศุภรสหัสรังสี&nbsp;ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวชลบุรี&nbsp;นายบุญอนันต์&nbsp;พัฒนสิน&nbsp;นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา&nbsp;นายพิสูจน์&nbsp;แซ่คู&nbsp;นายกสมาคมโรงแรมภาคตะวันออก&nbsp;พร้อมด้วยตัวแทนภาคการท่องเที่ยว&nbsp;และตัวแทนโรงพยาบาลในพื้นที่เมืองพัทยา&nbsp;อำเภอบางละมุง&nbsp;เข้าร่วมประชุมเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวทั้งแบบ&nbsp;sandbox&nbsp;และ&nbsp;Test&amp;Go&nbsp;ที่จะเริ่มในวันที่&nbsp;1&nbsp;ก.พ.นี้</p><p><strong>นางอำไพ&nbsp;ศักดานุกูลจิต&nbsp;สไลวินสกี้&nbsp;ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชลบุรี&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>สำหรับการประชุมเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวทั้งแบบ&nbsp;sandbox&nbsp;และ&nbsp;Test&amp;Go&nbsp;ในครั้งนี้&nbsp;เพื่อสอดรับกับมติของ&nbsp;ศบค.ชุดใหญ่&nbsp;ที่เห็นชอบให้นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยแบบ&nbsp;Test&nbsp;&amp;&nbsp;Go&nbsp;ลงทะเบียนตั้งแต่&nbsp;1&nbsp;กุม&nbsp;ภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;หลังได้ทำการระงับไปตั้งแต่วันที่&nbsp;22&nbsp;ธันวาคม&nbsp;2564&nbsp;จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;หลังเทศกาลปีใหม่&nbsp;โดยในการรองรับนักท่องเที่ยวแบบ&nbsp;Test&amp;Go&nbsp;นี้&nbsp;นักท่องเที่ยวจะต้องตรวจโควิด-19&nbsp;ด้วยวิธี&nbsp;RT-PCR&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;ครั้ง&nbsp;และต้องมีหลักฐานการจองโรงแรมที่พัก&nbsp;ในวันที่&nbsp;1&nbsp;และ&nbsp;5&nbsp;ที่เข้ามาในประเทศ&nbsp;รวมทั้งลงทะเบียนแอพ&nbsp;“หมอชนะ”&nbsp;เพื่อการติดตามตัวมาตรวจหาเชื้อโควิด-19&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>โดยในส่วนภาคท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชลบุรี&nbsp;จึงเร่งหาแผนรองรับนักท่องเที่ยว</strong>ที่จะเดินมาท่องเที่ยวในพื้นที่&nbsp;รวมถึงการดูแลนักท่องเที่ยวหากผลการตรวจออกมาเป็นบวก&nbsp;ทั้งนี้เบื้องต้นได้กำหนดร่างมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย&nbsp;หรือที่เรียกว่า&nbsp;SHA&nbsp;Extra&nbsp;Plus&nbsp;ของโรงแรมสำหรับกักกันตัวเอง&nbsp;หรือ&nbsp;Hotel&nbsp;Room&nbsp;Isolation&nbsp;ซึ่งโรงแรมที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวในระบบ&nbsp;sandbox&nbsp;และTest&amp;Go&nbsp;ในวันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธุ์&nbsp;2565&nbsp;จะต้องได้รับมาตรฐาน&nbsp;SHA&nbsp;Extra&nbsp;Plus&nbsp;โดยมีข้อกำหนดตามประกาศของคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดชลบุรี&nbsp;ในการกันห้องพักไว้&nbsp;5&nbsp;%&nbsp;เพื่อจัดทำ&nbsp;Hotel&nbsp;Room&nbsp;Isolation&nbsp;สำหรับดูแลนักท่องเที่ยวที่ตรวจหาเชื้อแล้วมีผลเป็นบวก&nbsp;ทั้งนี้เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับนักท่องเที่ยวไม่ต้องเข้าพักใน&nbsp;Hospitel&nbsp;ซึ่งปัจจุบันโรงแรมที่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีที่ได้รับมาตรฐาน&nbsp;SHA+&nbsp;มีจำนวน&nbsp;267&nbsp;โรงแรม&nbsp;และโรงแรมที่ได้มาตรฐาน&nbsp;SHA&nbsp;Extra&nbsp;Plus&nbsp;มีจำนวน&nbsp;177&nbsp;โรงแรม&nbsp;โดยมีร้อยละ&nbsp;70&nbsp;%&nbsp;อยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;สำหรับร่างข้อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย</strong>&nbsp;หรือที่เรียกว่า&nbsp;SHA&nbsp;Extra&nbsp;Plus&nbsp;ของโรงแรมสำหรับกักกันตัวเอง&nbsp;หรือ&nbsp;Hotel&nbsp;Room&nbsp;Isolation&nbsp;นั้น&nbsp;</p><p>1.โรงแรมต้องมีสถานที่เป็นสัดส่วนแยกจากผู้อื่น&nbsp;สะดวก&nbsp;ปลอดภัย&nbsp;เหมาะสมต่อการให้การรักษาพยาบาล&nbsp;</p><p>2.โรงแรม&nbsp;ต้องให้บริการจัดหาอาหาร&nbsp;3&nbsp;มื้อ&nbsp;โดยใช้ภาชนะที่ใช้ครั้งเดียว&nbsp;และจัดหาของใช้จำเป็นเพียงพอและเหมาะสม&nbsp;โดยป่วยไม่ต้องออกไปจัดหานอกที่พักด้วยตนเอง&nbsp;</p><p>3.โรงแรมและสถานพยาบาลคู่ปฏิบัติการ&nbsp;ต้องจัดให้มีบริการและระบบสนับสนุนการให้บริการ&nbsp;</p><p>4.โรงแรม&nbsp;ต้องจัดให้มีเครื่อง&nbsp;เครื่องใช้ยา&nbsp;เวชภัณฑ์&nbsp;ที่จำเป็นในการให้บริการในจำนวนที่เพียงพอ&nbsp;และอุปกรณ์ทุกชนิดต้องมีมาตรฐาน&nbsp;</p><p>5.สถานพยาบาลคู่ปฏิบัติ&nbsp;ต้องจัดให้มีผู้ประกอบการวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขหรือเจ้าหน้าที่ที่เพียงพอเหมาะสม&nbsp;เพื่อติดตามและประเมินอาการของผู้ป่วย&nbsp;ผ่านระบบการสื่อสารทุกวันและผู้ป่วยสามารถติดต่อสอบถามไปยังสถานพยาบาลคู่ปฏิบัติการได้ตลอด&nbsp;ทั้งนี้ร่างขอกำหนดดังกล่าวอยู่ระหว่างการนำเสนอให้คณะกรรมการควบคุมโรงจังหวัดชลบุรีพิจารณา&nbsp;ก่อนนำเสนอศบค.ชุดใหญ่เห็นชอบต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>ปริญญา/ข่าว/ภาพ</p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>27/1/2022ภาคตะวันออกชลบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127180910240 พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้า และประชาสัมพันธ์การปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและบริการ ส่งเสริมให้พ่อค้าแม่ค้าและร้านค้าทั่วไปมีส่วนร่วมในการรักษาความเป็นธรรมทางการค้า<p><strong>นายธีรวุฒิ&nbsp;คล้ายเคลื่อน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;</strong>มอบหมายให้&nbsp;นางสาวจิตติมา&nbsp;ดิลกวิลาศ&nbsp;นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการ&nbsp;กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;และ&nbsp;นางสาวฐิติมา&nbsp;อโณทัยวลัยกุล&nbsp;นักวิชาการพาณิชย์ปฏิบัติการ&nbsp;กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนงาน&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;สำนักงานสาขาชั่งตวงวัดเขต&nbsp;0-6&nbsp;เพชรบุรี&nbsp;ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบุรีและเทศบาลเมืองเพชรบุรี&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้า&nbsp;และประชาสัมพันธ์การปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542&nbsp;โดยมีประเด็นประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้&nbsp;ดังนี้&nbsp;</p><p><strong>ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและบริการ&nbsp;มีความผิดตาม&nbsp;พ.ร.บ.&nbsp;</strong>ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542&nbsp;ม.28&nbsp;มีโทษปรับไม่เกิน&nbsp;10,000&nbsp;บาท&nbsp;และไม่ให้ฉวยโอกาสขึ้นราคา&nbsp;ผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิดตาม&nbsp;พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542&nbsp;ม.29&nbsp;มีโทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับไม่เกิน&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ&nbsp;รวมถึงการตรวจสอบความเที่ยงตรงของเครื่องชั่งที่ใช้ในการซื้อขาย&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดเทศบาลเมืองเพชรบุรี&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในด้านราคาและปริมาณ&nbsp;และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่&nbsp;รวมถึงนักท่องเที่ยว&nbsp;เพื่อไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบจากการซื้อขายสินค้าในพื้นที่อำเภอเมืองเพชรบุรี&nbsp;ส่งเสริมให้พ่อค้าแม่ค้าและร้านค้าทั่วไปมีส่วนร่วมในการรักษาความเป็นธรรมทางการค้า&nbsp;ตลอดจนสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;</p><p><br></p><p>สวท.เพชรบุรี</p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>27/1/2022ภาคตะวันตกเพชรบุรีสวท.เพชรบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127145129123 สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกาญจนบุรี ขานรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เตรียมจัดกิจกรรม “เที่ยวไทยมั่นใจไปกับ SHA”<p><strong>นางสาวสรียา&nbsp;บุญมาก&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;</strong>สำนักงานกาญจนบุรี&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา&nbsp;โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;(ททท.)&nbsp;ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานภาครัฐ&nbsp;ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว&nbsp;ขานรับนโยบาย&nbsp;ที่ประกาศให้จังหวัดกาญจนบุรี&nbsp;เป็นพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว&nbsp;สีฟ้า&nbsp;(Blue&nbsp;Zone)&nbsp;เตรียมจัดกิจกรรม&nbsp;"เที่ยวไทยมั่นใจไปกับ&nbsp;SHA"&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;4-6&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ที่บริเวณโรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี&nbsp;เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยววิถีใหม่&nbsp;New&nbsp;Normal&nbsp;ตามนโยบายของรัฐบาล&nbsp;และเป็นการสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการในพื้นที่&nbsp;ก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนจากการจัดกิจกรรม&nbsp;ในการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ&nbsp;อีกทั้งสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ที่ดี&nbsp;มีความสุข&nbsp;และความปลอดภัยด้านสุขอนามัยจากสินค้าและบริการในการเดินทางท่องเที่ยวไปกับ&nbsp;SHA&nbsp;สำหรับรูปแบบกิจกรรมได้แบ่งออก&nbsp;เป็น&nbsp;4&nbsp;Zone&nbsp;ได้แก่</p><p>&nbsp;-&nbsp;Zone&nbsp;SHA&nbsp;Pavilion&nbsp;การเลือกซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการที่ได้รับมาตรฐาน&nbsp;SHA&nbsp;ที่เข้าร่วมนำเสนอขายสินค้า&nbsp;Package&nbsp;สุดพิเศษ&nbsp;ราคาโดนใจ&nbsp;</p><p>-&nbsp;Zone&nbsp;Do&nbsp;It&nbsp;By&nbsp;yourself&nbsp;หรือ&nbsp;DIY&nbsp;กิจกรรมการประดิษฐ์&nbsp;ที่เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี&nbsp;ของครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน&nbsp;และนำกลับเป็นของที่ระลึกได้&nbsp;</p><p>-&nbsp;Zone&nbsp;Gastronomy&nbsp;การออกร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม&nbsp;พร้อมสาธิตการทำอาหาร&nbsp;จากเชฟชุมชน&nbsp;</p><p>-&nbsp;Zone&nbsp;Stage&nbsp;Show&nbsp;ชมและรับฟังเพลงจากศิลปินที่มีชื่อเสียง&nbsp;พร้อมทั้งวงดนตรีท้องถิ่น&nbsp;มาร่วมสร้างความสนุกสนานให้ผู้เข้าร่วมงาน&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการยิงธนู</strong>&nbsp;และการสาธิต&nbsp;Sup&nbsp;Board&nbsp;หรือกระดานยืนพาย&nbsp;โดยภายในงาน&nbsp;มีการบริหารจัดการภายใต้มาตรการการป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;ของกระทรวงสาธารณสุข&nbsp;และมาตรฐาน&nbsp;SHA&nbsp;เช่น&nbsp;การจัดระบบ&nbsp;Social&nbsp;Distancing&nbsp;และจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงานให้เหมาะสม</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;</p>27/1/2022ภาคตะวันตกกาญจนบุรีสวท.กาญจนบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127181818250 จังหวัดนครศรีธรรมราชประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน เพื่อร่วมพิจารณาโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก ปี 2565<p><strong>วันนี้&nbsp;(27&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;</strong>ที่ห้องประชุมศรีปราชญ์&nbsp;ชั้น&nbsp;3&nbsp;ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;นายไตรรัตน์&nbsp;ไชยรัตน์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันจังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;จังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;โดยมีนางเรืองอุไร&nbsp;บุญช่วยชูพันธุ์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;ผู้แทนหน่วยงาน&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;องค์กรภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม</p><p>&nbsp;<strong>สำหรับประเด็นสำคัญในการประชุมเป็นการพิจารณาให้ความเห็นชอบ</strong>โครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;จังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;การพิจารณาผลการตรวจสอบความถูกต้องและเหมาะสมของโครงการฯ&nbsp;จากกองจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่&nbsp;4&nbsp;(สุราษฎร์ธานี)&nbsp;สำนักงบประมาณ&nbsp;รวมถึงการรับทราบแนวทางการดำเนินงานตามคู่มือปฏิบัติโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;จังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;ทั้งนี้ในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;ได้เสนอโครงการในวงเงินงบประมาณ&nbsp;142,595,400&nbsp;บาท&nbsp;จากจำนวน&nbsp;34&nbsp;โครงการ&nbsp;ทั้งนี้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;โดยเป็นโครงการพัฒนาสินค้า&nbsp;ท่องเที่ยว&nbsp;บริการและการค้า&nbsp;โครงการยกระดับประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการเกษตร/อุตสาหกรรม&nbsp;โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการฟื้นตัวและพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจของชุมชน&nbsp;และโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการกระจายประโยชน์ให้กับประชาชนในระดับพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน</p><p><br></p>27/1/2022ภาคใต้นครศรีธรรมราชสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราชhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127154435164 เร่งช่วยเหลือผู้บริโภคช่วงเทศกาลตรุษจีนลดราคาไก่ต้มไหว้เจ้าตัวละ189บาทพร้อมสั่งตรึงราคา5หมวดสินค้า<p><strong>นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำของประเทศ&nbsp;ได้แก่&nbsp;แมคโคร&nbsp;บิ๊กซี&nbsp;โลตัสและท๊อป&nbsp;มาร์เก็ต&nbsp;รวม&nbsp;710&nbsp;สาขา&nbsp;จัดจำหน่ายไก่ต้มไหว้เจ้าตัวละ&nbsp;189&nbsp;บาท&nbsp;รวม&nbsp;100,000&nbsp;ตัว&nbsp;&nbsp;ขนาด&nbsp;1.4-1.7&nbsp;กิโลกรัมโดยประมาณ&nbsp;ซึ่งเป็นความร่วมมือกับภาคเอกชนในการจัดโปรโมชันพิเศษช่วงเทศกาลตรุษจีนให้กับประชาชน&nbsp;</p><p><strong>เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป</strong>&nbsp;(27&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;ถึงวันที่&nbsp;30&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;โดยแบ่งเป็นห้างแมคโคร&nbsp;20,000&nbsp;ตัว&nbsp;โลตัส&nbsp;40,000&nbsp;ตัว&nbsp;บิ๊กซี&nbsp;30,000&nbsp;ตัว&nbsp;และท้อป&nbsp;มาร์เก็ต&nbsp;10,000&nbsp;ตัว&nbsp;อย่างไรก็ตามหากพบปริมาณไก่ต้มไหว้เจ้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;จะมีการหารือในการเพิ่มปริมาณไก่ไหว้เจ้า&nbsp;เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชนช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;</p><p><strong>สำหรับการควบคุมราคาไก่สด</strong>&nbsp;หลังจากประชุมร่วมกับเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;โรงชำแหละและห้างสรรพสินค้าต่างๆ&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;มีมติให้ตรึงราคาไก่หน้าฟาร์มกิโลกรัมละไม่เกิน&nbsp;40&nbsp;บาท&nbsp;สำหรับการกำหนดราคาจำหน่ายไก่สดทั้งตัวและน่องติดสะโพกต้องไม่เกินกิโลกรัมละ&nbsp;60-65&nbsp;บาท&nbsp;น่องแยกสะโพกกิโลกรัมละ&nbsp;65-70&nbsp;บาท&nbsp;และน่องไก่กิโลกรัมละ&nbsp;70-75&nbsp;บาท&nbsp;โดยจะจำหน่ายราคานี้ไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์</strong>&nbsp;ได้ย้ำถึงมาตรการตรึงราคาสินค้าหมวดสำคัญ&nbsp;5&nbsp;หมวด&nbsp;ได้แก่&nbsp;เครื่องใช้ไฟฟ้า&nbsp;น้ำอัดลม&nbsp;ซอสปรุงรส&nbsp;บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและอาหารสด&nbsp;เช่น&nbsp;ไข่ไก่คละหน้าฟาร์มฟองละไม่เกิน&nbsp;2.90&nbsp;บาท&nbsp;และหมูหน้าฟาร์มไม่เกินกิโลกรัมละ&nbsp;100-110&nbsp;บาท&nbsp;โดยหลังจากนี้มีแนวโน้มราคาลดลงเนื่องจากมีหมูเข้าสู่ระบบมากขึ้น</p><p><br></p><p><br></p>27/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครกรมประชาสัมพันธ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127183444282 จ.ร้อยเอ็ด เข้าตรวจสต๊อกเนื้อหมู ตามห้องเย็นและร้านจำหน่าย เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้าและฉวยโอกาสขายราคาแพงเกินจริง<p><strong>วันนี้&nbsp;(27&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;</strong>นายพงษ์ศักดิ์&nbsp;วรวงศ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายปัญญา&nbsp;มูลคำกาเจริญ&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดร้อยเอ็ด,&nbsp;พลตำรวจไพโรจน์&nbsp;มังคลา&nbsp;ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองร้อยเอ็ด&nbsp;นำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบปริมาณการครอบครองเนื้อหมู&nbsp;ของผู้ประกอบการห้องเย็นในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;แห่ง&nbsp;ได้แก่&nbsp;บริษัท&nbsp;โกลเด้นไลน์&nbsp;บิสชิเนส&nbsp;จำกัด&nbsp;/&nbsp;บริษัท&nbsp;ห้องเย็นมหาชัยวาริน&nbsp;จำกัด/ห้างหุ้นส่วนจำกัด&nbsp;ทองสุข&nbsp;โฟรเซน&nbsp;ฟู๊ด&nbsp;และ&nbsp;ห้องเย็นอาลดิน&nbsp;ตลาดสระทอง&nbsp;</p><p><strong>จากการตรวจสอบพบว่า&nbsp;</strong>ผู้ประกอบการทั้ง&nbsp;4&nbsp;ราย&nbsp;มีปริมาณเก็บสต๊อก&nbsp;เป็นไปตามเกณฑ์ที่กฏหมายกำหนด&nbsp;พร้อมแจ้งปริมาณและสถานที่จัดเก็บสินค้า&nbsp;รวมถึงรายงานปริมาณครอบครอง&nbsp;แจ้งแหล่งที่มาของสินค้าอย่างชัดเจน&nbsp;เพื่อให้ผู้บริโภคได้สบายใจในการเลือกซื้อสินค้า&nbsp;จากการเข้าตรวจสอบไม่พบการกระทำผิดและการกักตุนสินค้าแต่อย่างใด&nbsp;</p><p><strong>นายพงษ์ศักดิ์&nbsp;วรวงศ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;จังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบราคาสินค้าที่ความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดเป็นประจำทุกวัน&nbsp;สำหรับการตรวจติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสระทอง&nbsp;และตลาดทุ่งเจริญในวันนี้&nbsp;พบว่าราคาจำหน่ายเนื้อหมูแดงอยู่ที่&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;200-220&nbsp;บาท&nbsp;หมูสามชั้น&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;210-230&nbsp;บาท&nbsp;ซี่โครงหมู&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;190-200&nbsp;บาท&nbsp;สำหรับราคาเนื้อไก่สดและไข่ไก่ยังคงเป็นไปตามราคาแนะนำของกรมการค้าภายใน&nbsp;ส่วนสินค้ารายการอื่นๆ&nbsp;ยังไม่มีการปรับราคาจำหน่ายขึ้น&nbsp;และขอให้ผู้ประกอบการติดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน&nbsp;และห้ามมิให้ฉวยโอกาสปรับราคาจำหน่ายสูงขึ้น&nbsp;โดยไม่มีเหตุอันควร&nbsp;หากพบการกระทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>27/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยเอ็ดสวท.ร้อยเอ็ดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127201222366 เกาหลีใต้พร้อมใช้ความตกลง RCEP 1 กุมภาพันธ์นี้ เตรียมยกเว้นภาษีสินค้าให้ไทยทันที กว่า 7,800 รายการ<p><strong>นางอรมน&nbsp;ทรัพย์ทวีธรรม&nbsp;อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;ความตกลง&nbsp;&nbsp;RCEP&nbsp;จะเริ่มมีผลใช้บังคับกับเกาหลีใต้&nbsp;ในวันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ส่งผลเกาหลีใต้จะยกเว้นภาษีสินค้าให้ไทยในทันทีกว่า&nbsp;7,843&nbsp;รายการ&nbsp;รวมทั้งยังเปิดตลาดเพิ่มเติมให้กับสินค้าไทยอีก&nbsp;413&nbsp;รายการ&nbsp;เช่น&nbsp;ผักผลไม้แปรรูปและไม่แปรรูป&nbsp;น้ำมันที่ได้จากพืช&nbsp;ของปรุงแต่งจากธัญพืช&nbsp;แป้งมันสำปะหลังและสินค้าประมง&nbsp;เป็นต้น&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;จะช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย</strong>&nbsp;เข้าไปลงทุนในเกาหลีใต้ในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ&nbsp;อาทิ&nbsp;ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์และบันเทิง&nbsp;ประเภทเทคนิคตัดต่อภาพและเสียง&nbsp;และการผลิตแอนิเมชัน&nbsp;ตลอดจนธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว&nbsp;บริการด้านสิ่งแวดล้อมและเกมส์ออนไลน์&nbsp;โดยเกาหลีใต้ถือเป็นคู่ค้าอันดับ&nbsp;10&nbsp;ของไทย&nbsp;ในปี&nbsp;2564&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;มูลค่าการค้ารวม&nbsp;15,801.79&nbsp;ล้านดอลลาร์สหรัฐ</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ความตกลง&nbsp;RCEP&nbsp;จะมีผลใช้บังคับกับมาเลเซีย</strong>&nbsp;ในวันที่&nbsp;18&nbsp;มีนาคม&nbsp;2565&nbsp;ส่งผลให้ได้รับการยกเว้นภาษีสินค้านำเข้าของไทยอีกกว่า&nbsp;6,590&nbsp;รายการ&nbsp;โดยมาเลเซีย&nbsp;ถือเป็นคู่ค้าอันดับ&nbsp;5&nbsp;ของไทย&nbsp;ในปี&nbsp;2564&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;มูลค่าการค้ารวม&nbsp;24,076.37&nbsp;ล้านดอลลาร์สหรัฐ</p><p>ความตกลง&nbsp;RCEP&nbsp;จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;โดยผู้ประกอบการสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม&nbsp;อาทิ&nbsp;อัตราภาษีศุลกากรภายใต้ความตกลง&nbsp;RCEP&nbsp;ได้ที่ศูนย์&nbsp;RCEP&nbsp;Center&nbsp;กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ยังได้จัดทำ&nbsp;E-Book&nbsp;ความตกลง&nbsp;RCEP&nbsp;ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ&nbsp;เพื่อให้ผู้สนใจนำไปใช้ได้อย่างสะดวก&nbsp;โดยสามารถเข้าไปสืบค้นได้ที่เว็บไซต์&nbsp;www.dtn.go.th</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>27/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127183323277 ส่งเสริมการร่วมลงทุนในกิจการร่วมทุน แก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ สกัดหนี้เสียเพิ่มสูงขึ้น<p><strong>นางสาวสุวรรณี&nbsp;เจษฎาศักดิ์&nbsp;ผู้อำนวยการอาวุโส</strong>&nbsp;ฝ่ายนโยบายและกำกับสถาบันการเงิน&nbsp;2&nbsp;&nbsp;ธนาคารแห่งประเทศไทย&nbsp;หรือ&nbsp;ธปท.&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;(26&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ที่ผ่านมาเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา&nbsp;เผยแพร่ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย&nbsp;เรื่องหลักเกณฑ์การดำเนินงานในกิจการร่วมทุน&nbsp;เพื่อแก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ&nbsp;อันเนื่องมาจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่&nbsp;27&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;ทั้งนี้การแพร่ระบาดโควิด&nbsp;-19&nbsp;ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างและยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้&nbsp;แม้ในช่วงที่ผ่านมาภาครัฐจะดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ในด้านต่างๆ&nbsp;อย่างต่อเนื่อง&nbsp;แต่การฟื้นตัวยังเปราะบางจากความไม่แน่นอนสูงและฐานะการเงินของบางภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนยังคงได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก&nbsp;</p><p><strong>เพื่อให้มีเครื่องมือในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ</strong>ในระบบเศรษฐกิจการเงินที่อาจเกิดขึ้นในระยะต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;ธนาคารแห่งประเทศไทย&nbsp;จึงมีมาตรการส่งเสริมให้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทบริหารสินทรัพย์สามารถร่วมลงทุนในกิจการร่วมทุน&nbsp;&nbsp;หรือ&nbsp;Joint&nbsp;Venture&nbsp;เป็นการชั่วคราว&nbsp;เพื่อรองรับการแก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในระบบเศรษฐกิจการเงินที่คาดว่าจะทยอยเพิ่มสูงขึ้นอันเนื่องมาจากสถานการณ์การระบาดโควิด-19&nbsp;ได้&nbsp;ในระยะเวลาที่กำหนด&nbsp;3&nbsp;ปี&nbsp;ในการยื่นขอจัดตั้งกิจการร่วมทุน&nbsp;และมีระยะเวลา&nbsp;15&nbsp;ปีในการดำเนินกิจการร่วมทุนนี้&nbsp;โดยในการดำเนินการ&nbsp;จะต้องให้ความช่วยเหลือในการปรับโครงสร้างหนี้ต่อให้กับลูกหนี้ด้อยคุณภาพที่ได้รับโอนมาด้วย</p><p><strong>ธนาคารแห่งประเทศไทย&nbsp;มั่นใจว่า&nbsp;มาตรการดังกล่าว</strong>&nbsp;จะช่วยให้สถาบันการเงินมีทรัพยากรเพิ่มเติมในการดูแลลูกหนี้ที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวได้ดีขึ้น&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ด้วยกลไกการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่จะดำเนินต่อเนื่องให้แก่ลูกหนี้&nbsp;จะส่งผลให้ลูกหนี้ยังมีโอกาสได้รับความช่วยเหลือและไม่ถูกเร่งรัดให้จำหน่ายทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง&nbsp;ซึ่งจะช่วยให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังดำเนินได้อย่างต่อนื่อง</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>27/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127183151272 จังหวัดตรัง ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด เพื่อพิจารณาโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก พ.ศ.2565<p><strong>นายขจรศักดิ์&nbsp;เจริญโสภา&nbsp;&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง</strong>&nbsp;&nbsp;ประธานประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัดเพื่อพิจารณาโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1/2565&nbsp;ณ&nbsp;ห้องพระยารัษฎา&nbsp;ชั้น&nbsp;5&nbsp;ศาลากลางจังหวัด&nbsp;</p><p><strong>สำหรับโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;ปี&nbsp;2565</strong>&nbsp;จำนวน&nbsp;50&nbsp;โครงการ&nbsp;วงเงิน&nbsp;270,331,090&nbsp;บาท&nbsp;เป็นโครงการที่เสนอโดยส่วนราชการ&nbsp;&nbsp;จำนวน&nbsp;21&nbsp;โครงการ&nbsp;วงเงิน&nbsp;104,989,540&nbsp;บาท&nbsp;โครงการที่เสนอโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น&nbsp;จำนวน&nbsp;29&nbsp;โครงการ&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;โครงการ&nbsp;&nbsp;วงเงิน&nbsp;18,290,000&nbsp;บาท&nbsp;เทศบาลนครตรัง&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;โครงการ&nbsp;วงเงิน&nbsp;11,595,000&nbsp;บาท&nbsp;เทศบาลเมืองกันตัง&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;โครงการ&nbsp;วงเงิน&nbsp;18,778,000&nbsp;บาท&nbsp;และโครงการของเทศบาลตำบล&nbsp;และองค์การบริหารส่วนตำบล&nbsp;เสนอผ่านสำนักงานส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดตรัง&nbsp;จำนวน&nbsp;25&nbsp;โครงการ&nbsp;วงเงิน&nbsp;116,216,300&nbsp;บาท</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>27/1/2022NULLตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127161622177 ภูเก็ต-สสว.ชี้แจงมาตรการการให้ความช่วยเหลืออุดหนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมผ่านโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS ปีงบประมาณ 2565 ครั้งที่ 2<p><strong>วันนี้&nbsp;(27&nbsp;ม.ค.&nbsp;2565)&nbsp;ณ&nbsp;ห้องดุสิตลากูนาฮอลล์&nbsp;โรงแรมดุสิตธานีลากูน่าภูเก็ต&nbsp;</strong>นายพิเชษฐ์&nbsp;ปาณะพงศ์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต&nbsp;เป็นประธานการประชุม&nbsp;ชี้แจงมาตรการการให้ความช่วยเหลืออุดหนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมผ่านโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ&nbsp;BDS&nbsp;ปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;ครั้งที่&nbsp;2&nbsp;และประชุมรับฟัง&nbsp;ความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรคและแนวทางการแก้ไขในการประกอบธุรกิจจากผู้ประกอบการภาคการผลิต&nbsp;การค้า&nbsp;และการท่องเที่ยวพื้นที่ภาคใต้&nbsp;โดยมี&nbsp;นายวชิระ&nbsp;แก้วกอ&nbsp;ผู้ช่วยผู้อำนวยการรักษาการรองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม&nbsp;พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ&nbsp;ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการเข้าร่วม&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ทาง&nbsp;สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม&nbsp;(สสว.)&nbsp;</strong>ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ&nbsp;BDS&nbsp;ปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ&nbsp;SME&nbsp;ให้ได้รับโอกาสในการเข้าถึงการบริการสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่&nbsp;ที่ผู้ประกอบการจะสามารถเลือกรับการบริการหรือพัฒนาทางธุรกิจกับผู้ให้บริการทางธุรกิจ&nbsp;ในด้านที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์&nbsp;BDS&nbsp;ได้โดยตรงโดยสสว.&nbsp;จะช่วยเหลืออุดหนุนค่าใช้จ่ายในการพัฒนาให้แก่ผู้ประกอบการ&nbsp;SME&nbsp;แบบร่วมจ่าย&nbsp;ในสัดส่วนตามขนาดของธุรกิจและรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการ&nbsp;SME&nbsp;พื้นที่ภาคใต้&nbsp;</p><p><strong>สสว.&nbsp;จึงได้จัดการประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์และสัดส่วนการช่วยเหลือ</strong>อุดหนุนแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการทางธุรกิจ&nbsp;และวิธีการขึ้นทะเบียนขอรับความช่วยเหลืออุดหนุนสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม&nbsp;ผ่านระบบ&nbsp;BDS&nbsp;เป้าหมายคือ&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;SME&nbsp;ที่เป็นนิติบุคคลหรือผู้ประกอบการที่จดทะเบียนกับหน่วยงานภาครัฐมุ่งเน้นกลุ่มท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า&nbsp;5,274&nbsp;ราย&nbsp;ผู้ให้บริการทางธุรกิจส่วนราชการหน่วยงานของรัฐรัฐวิสาหกิจไม่น้อยกว่า&nbsp;55&nbsp;หน่วยงาน&nbsp;โดยจะเน้นการสนับสนุนในหมวดการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าและบริการ&nbsp;เพื่อช่วยเหลือให้ได้มาซึ่งการขึ้นทะเบียนใบรับรอง&nbsp;ใบอนุญาตหรือทะเบียนต่างๆ&nbsp;เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>27/1/2022ภาคใต้ภูเก็ตสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ตhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127170822204 เทศบาลนครตรัง เตรียมพัฒนารมณียสถานพระโพธิสัตว์กวนอิม เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงพหุวัฒนธรรม<p><strong>วันนี้&nbsp;(&nbsp;27&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;)&nbsp;ดร.สัญญา&nbsp;ศรีวิเชียร&nbsp;นายกเทศมนตรีนครตรัง</strong>&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;จากการลงพื้นที่สำรวจบริเวณเขาหนองยวนซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมองค์ใหญ่&nbsp;เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่าน&nbsp;และพบว่าภายในอาคารมีโครงสร้างผุพังไม่สามารถเข้าใช้งานได้&nbsp;และหวั่นเกิดอันตรายกับประชาชนที่ขึ้นไปสักการะองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม&nbsp;จึงได้มอบหมายสำนักช่าง&nbsp;ประเมินและวางแนวทางในการปรับปรุงทั้งภายในและภายนอกอาคาร&nbsp;เพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงพหุวัฒนธรรมนั้น&nbsp;ความคืบหน้าล่าสุดในขณะนี้สำนักช่างเทศบาลนครตรัง&nbsp;ได้เขียนแบบก่อสร้างเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยจะดำเนินการทั้งภายในและภายนอกอาคาร&nbsp;</p><p><strong>ดร.สัญญา&nbsp;ศรีวิเชียร&nbsp;นายกเทศมนตรีนครตรัง&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;การเขียนแบบก่อสร้างโครงการปรับปรุงอาคารรมณียสถานพระโพธิสัตว์กวนอิม&nbsp;มีความสวยงาม&nbsp;เหมาะสมกับพื้นที่&nbsp;มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว&nbsp;โดยจะเริ่มจากการก่อสร้างซุ้มประตูทางเข้า&nbsp;,ทางเดิน&nbsp;,อาคารและสิ่งอำนวยความสะดวก&nbsp;เพื่อให้ประชาชนได้ขึ้นไปสักการะองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม&nbsp;ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น&nbsp;</p><p>ในส่วนของทางเข้า&nbsp;ทางเดิน&nbsp;ไม่มีป้ายที่บ่งบอกว่าเป็นสถานที่ใด&nbsp;ทางเดินเป็นหินคลุกไม่สะดวกในการเดินทางไม่สวยงามไม่น่ามอง&nbsp;จึงดำเนินการเพื่อให้มีภูมิทัศน์ที่สวยงามและสะดวกปลอดภัย&nbsp;นอกจากนี้จะดำเนินการทำสกายวอล์คเชื่อมโยงพหุวัฒนธรรม&nbsp;ศาสนาพุทธ&nbsp;คริสต์&nbsp;อิสลาม&nbsp;ซึ่งจะเป็นเส้นทางการศึกษาเรียนรู้ด้านศาสนาที่สามารถเชื่อมโยงไปสู่การท่องเที่ยวได้&nbsp;สำหรับโครงการดังกล่าวจะนำเข้าสู่เพิ่มเติมแผนพัฒนาท้องถิ่น&nbsp;(&nbsp;พ.ศ.2566-2570)&nbsp;เทศบาลนครตรังเพื่อดำเนินการต่อไป.</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>27/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127163757187 กรมสรรพสามิตจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไพ่ที่ระลึกมวยไทยชาย-หญิงเพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปะแม่ไม้มวยไทย<p><strong>นายภูมิจิตต์&nbsp;พงษ์พันธุ์งาม&nbsp;ผู้อำนวยการโรงงานไพ่&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>โรงงานไพ่&nbsp;กรมสรรพสามิต&nbsp;เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไพ่ที่ระลึกมวยไทยชาย-หญิง<strong>&nbsp;</strong>เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปะแม่ไม้มวยไทย&nbsp;เหมาะสำหรับการเก็บสะสมเป็นที่ระลึก&nbsp;เพื่อเพิ่มคุณค่าความสวยงามโรงงานไพ่&nbsp;กรมสรรพสามิต&nbsp;ขอนำเสนอไพ่ที่ระลึกมวยไทยชาย-หญิง&nbsp;โดยจัดจำหน่ายในราคาสำรับละ&nbsp;67&nbsp;บาท&nbsp;และจำหน่ายคู่&nbsp;2&nbsp;สำรับ&nbsp;ราคา&nbsp;130&nbsp;บาท&nbsp;รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม&nbsp;และภาษีสรรพสามิตแล้ว</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;หากท่านสนใจสั่งซื้อไพ่มวยไทยชาย-หญิง</strong>&nbsp;สามารถติดต่อสอบถามรายเอียดได้ที่ส่วนพัฒนาธุรกิจและการตลาด&nbsp;โทร&nbsp;022436483&nbsp;-&nbsp;4&nbsp;ต่อ&nbsp;50&nbsp;โทรสาร&nbsp;ต่อ&nbsp;10.</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>27/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127171746212 เกษตรตรังลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงาน โครงการส่งเสริมการเกษตรตำบลนาข้าวเสีย อ.นาโยง จ.ตรัง เพื่อการท่องเที่ยว<p><strong>สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง</strong>&nbsp;โดยนายวสันต์&nbsp;สุขสุวรรณ&nbsp;เกษตรจังหวัดตรัง&nbsp;มอบหมายให้นางสาวกำไลทิพย์&nbsp;เศรษฐ์ซิชัย&nbsp;หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร&nbsp;สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง&nbsp;พร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการส่งเสริมการเกษตรตำบลนาข้าวเสีย&nbsp;อำเภอนาโยง&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;เพื่อการท่องเที่ยว&nbsp;(งบประมาณโครงการภายใต้โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมตามบัญชีท้ายพระราชกำหนด&nbsp;ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา&nbsp;และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคระบาดไวรัสโคโรน่า&nbsp;2019&nbsp;พ.ศ.2563)&nbsp;ตำบลนาข้าวเสีย&nbsp;อำเภอนาโยง&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;ณ&nbsp;ที่ทำการวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรตำบลนาข้าวเสีย&nbsp;และที่ทำการกลุ่มสมาชิกต่างๆ&nbsp;ที่ได้รับสนับสนุนงบประมาณ&nbsp;จำนวน&nbsp;7&nbsp;กลุ่ม</p><p><strong>กิจกรรมประกอบด้วย</strong>&nbsp;กิจกรรมพัฒนาจุดรับนักท่องเที่ยวและการประชาสัมพันธ์,&nbsp;กิจกรรมพัฒนากลุ่มข้าวปลอดภัยเพื่อชุมชนตามแนวทางประชารัฐ,&nbsp;กิจกรรมพัฒนากลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อชุมชน,&nbsp;กิจกรรมพัฒนากลุ่มเย็บผ้า&nbsp;ตำบลนาข้าวเสีย&nbsp;(ผ้าปาเต๊ะ),&nbsp;กิจกรรมพัฒนากลุ่มผลิตลังผึ้ง&nbsp;ตำบลนาข้าวเสีย,&nbsp;กิจกรรมพัฒนากลุ่มผู้ปลูกกาแฟเทือกเขาบรรทัด&nbsp;และกิจกรรมพัฒนากลุ่มเลี้ยงสุกรครบวงจร&nbsp;โดยมีการติดตามในกระบวนการดำเนินงานในด้านต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;เช่น&nbsp;การมีส่วนร่วมของสมาชิกหลังจากที่ได้รับสนับสนุนงบประมาณ&nbsp;การใช้ประโยชน์จากวัสดุ/ครุภัณฑ์ที่ได้รับสนับสนุน&nbsp;การขยายผล&nbsp;การเชื่อมโยงเครือข่ายด้านต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;(เช่น&nbsp;กลุ่ม&nbsp;การตลาด&nbsp;การผลิตฯลฯ)&nbsp;รวมทั้งปัญหาและข้อเสนอแนะอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;เพื่อใช้ในการปรับปรุงวางแผนหาแนวทางในการแก้ไขในการดำเนินกิจกรรมต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>27/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127183404280 พาณิชย์เพชรบุรีสานนโยบายรัฐบาลบูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่หลายภาคส่วน ตรวจสต๊อกโรงงานน้ำมันปาล์ม ป้องกันการกักตุน<p><strong>เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.วันนี้&nbsp;(27&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;</strong>นายปริญญา&nbsp;กำแหง&nbsp;ผอ.กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;สนง.พาณิชย์&nbsp;จ.เพชรบุรี&nbsp;เจ้าหน้าที่ตำรวจ&nbsp;สภ.เขาย้อย&nbsp;และเจ้าหน้าที่หลายภาคส่วนลงพื้นที่&nbsp;สถานที่จัดเก็บ&nbsp;และโรงงานน้ำมันปาล์ม&nbsp;ในพื้นที่&nbsp;จ.เพชรบุรี&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุนน้ำมัน&nbsp;</p><p><strong>นายปริญญา&nbsp;กำแหง&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>ได้ร่วมกับคณะทำงานตรวจสอบสต๊อกคงเหลือ&nbsp;ร่วมด้วยทางสถานีตำรวจเขาย้อย&nbsp;มาร่วมตรวจสอบเพื่อให้สอดคล้องกับ&nbsp;ตามนโยบายของทางรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ที่ให้มากำกับดูแลสต๊อกน้ำมันปาล์ม&nbsp;เนื่องจากในช่วงนี้น้ำมันปาล์มมีราคาสูงขึ้น&nbsp;มาดูว่าผู้ประกอบการมีการกักตุนสินค้าหรือไม่&nbsp;ซึ่งถ้ามีการกักตุนก็จะทำให้สินค้ามีราคาสูงขึ้นไปอีก&nbsp;และจากการที่ทางคณะได้มีการตรวจสอบนี้&nbsp;ทั้ง4&nbsp;ราย&nbsp;พบว่าน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์&nbsp;ตอนนี้มีการผลิตน้อยมากเนื่องจากผลผลิตน้ำมันปาล์มน้อยลง&nbsp;เพราะฉะนั้นการเก็บสต๊อกน้ำมันปาล์ม&nbsp;ก็น้อยลงไปด้วย&nbsp;และจากการตรวจสอบพบว่าไม่มีการกักตุนแต่อย่างใด&nbsp;ทั้งนี้สืบเนื่องจาก&nbsp;พล.อ.ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรี&nbsp;และ&nbsp;พล.อ.ประวิตร&nbsp;วงษ์สุวรรณ&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง&nbsp;ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ&nbsp;มีความห่วงใยจากสถานการณ์ที่ราคาปาล์มน้ำมันพรุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ทำให้ผลผลิตปาล์มน้ำมันน้อยกว่าปกติอย่างมาก&nbsp;หวั่นผู้ประกอบการรายใหญ่กักตุนสินค้า&nbsp;ทำให้ราคาปาล์มน้ำมันทั้งระบบพุ่งสูงขึ้น&nbsp;ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริโภคอุปโภคเป็นวงกว้าง&nbsp;จึงสั่งการให้&nbsp;ตร.&nbsp;จัดชุดตรวจร่วมบูรณาการกับ&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;พาณิชย์จังหวัด&nbsp;ตรวจสต๊อกปาล์มน้ำมัน&nbsp;โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ&nbsp;โรงกลั่นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์&nbsp;ตลอดจนคลังน้ำมันปาล์ม&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากราคาปาล์มน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น&nbsp;หากพบเบาะแส&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่&nbsp;สายด่วน&nbsp;บก.ปคบ.&nbsp;1135&nbsp;หรือ&nbsp;สายด่วน&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;1569.</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>27/1/2022ภาคตะวันตกเพชรบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127175635231 ปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอลทุกชนิด 50 สตางค์ต่อลิตร เว้น E20 และ E 85 ปรับขึ้น 60 สตางค์ต่อลิตร <p><strong>กลุ่มผู้ค้าน้ำมัน&nbsp;บริษัท&nbsp;ปตท.&nbsp;และ&nbsp;บางจาก</strong>&nbsp;แจ้งว่าตั้งแต่เวลา&nbsp;05.00&nbsp;น.&nbsp;ของวันที่&nbsp;28&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน&nbsp;และแก๊สโซฮอลทุกชนิด&nbsp;ปรับขึ้น&nbsp;0.50&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;เว้น&nbsp;E20&nbsp;และ&nbsp;E&nbsp;85&nbsp;ปรับขึ้น&nbsp;0.60&nbsp;บาทต่อต่อลิตร&nbsp;ส่วนกลุ่มดีเซลทุกชนิดราคาคงเดิม&nbsp;</p><p><strong>ส่งผลให้ราคาขายปลีก</strong>&nbsp;น้ำมันเบนซินอยู่ที่&nbsp;41.46&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;แก๊สโซฮอล์&nbsp;E85&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;26.14&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;แก๊สโซฮอล์&nbsp;E20&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;32.84&nbsp;&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;แก๊สโซฮอล์&nbsp;91&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;33.78&nbsp;บาทต่อลิตรแก๊สโซฮอล์&nbsp;95&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;34.05&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลราคาคงเดิม&nbsp;โดยน้ำมันดีเซลไฮพรีเมียม&nbsp;ดีเซล&nbsp;B7&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;35.96&nbsp;บาทต่อลิตร&nbsp;ไฮดีเซล&nbsp;B7&nbsp;ไฮดีเซล&nbsp;S&nbsp;และไฮดีเซล&nbsp;B20&nbsp;S&nbsp;ราคาอยู่ที่&nbsp;29.94&nbsp;บาทต่อลิตร</p><p><br></p><p><br></p>27/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127191800344 ผู้ว่าฯ นราธิวาส เปิด “ตลาดยิ้มได้” คนนราธิวาส...จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตอบสนองนโยบายรัฐบาล บรรเทาปัญหาลดค่าครองชีพแก่ประชาชน ทำให้คนนรายิ้มได้<p><strong>วันนี้&nbsp;(27&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;เวลา&nbsp;16.00&nbsp;น.&nbsp;</strong>นายสนั่น&nbsp;พงษ์อักษร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสเป็นประธานเปิด&nbsp;“ตลาดยิ้มได้”&nbsp;คนนราธิวาส...จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง&nbsp;โดยมีนายปรีชา&nbsp;นวลน้อย&nbsp;ปลัดจังหวัดนราธิวาส&nbsp;นายกฤษณนันท์&nbsp;กำไร&nbsp;หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนราธิวาส&nbsp;นายไพซอล&nbsp;อาแว&nbsp;นายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาส&nbsp;ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;และผู้ประกอบการในพื้นที่&nbsp;ร่วมในพิธีฯ&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;6&nbsp;รอบ&nbsp;พระชนมพรรษา&nbsp;-&nbsp;สวน&nbsp;ร.5&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดนราธิวาส&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>นายสนั่น&nbsp;พงษ์อักษร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;การจัดตลาดนัดยิ้มได้&nbsp;จังหวัดนราธิวาส&nbsp;เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล&nbsp;ที่ต้องการแก้ไขปัญหา&nbsp;และบรรเทาปัญหาลดค่าครองชีพของประชาชน&nbsp;โดยการจัดตลาดนัด&nbsp;ตลาดชุมชน&nbsp;จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาประหยัด&nbsp;ประกอบกับมีนโยบายของจังหวัดให้มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ&nbsp;ควบคู่กับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน&nbsp;สร้างรอยยิ้ม&nbsp;ปันความสุขแก่ประชาชนในจังหวัดนราธิวาส</p><p><strong>สำหรับ&nbsp;“ตลาดยิ้มได้”&nbsp;จังหวัดนราธิวาส&nbsp;</strong>กำหนดเปิดตลาดจำหน่ายสินค้าราคาประหยัดเป็นประจำทุกสัปดาห์ๆ&nbsp;ละ&nbsp;2&nbsp;วัน&nbsp;ได้แก่วันพุธและวันพฤหัสบดี&nbsp;ระหว่างเวลา&nbsp;15.00-18.00&nbsp;น.&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;6&nbsp;รอบ&nbsp;พระชนมพรรษา-สวน&nbsp;ร.5&nbsp;จังหวัดนราธิวาส&nbsp;โดยมีผู้ประกอบการมาร่วมจำหน่ายสินค้า&nbsp;รวมจำนวน&nbsp;20&nbsp;ราย&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;</p><p>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนราธิวาส&nbsp;จำหน่ายสินค้าประเภท&nbsp;สินค้าอุปโภคบริโภคธงฟ้าราคาประหยัด&nbsp;เช่น&nbsp;น้ำมัน&nbsp;น้ำตาล&nbsp;น้ำปลา&nbsp;หมูราคาถูกกิโลละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ฯลฯ</p><p>สำนักงานเกษตรจังหวัดนราธิวาส&nbsp;จำหน่ายสินค้าประเภท&nbsp;พืชผัก,&nbsp;มะพร้าว,&nbsp;ขนมเข่ง</p><p>สำนักงานประมงจังหวัดนราธิวาส&nbsp;จำหน่ายสินค้าประเภท&nbsp;ผลิตภัณฑ์ปลาแปรรูป,&nbsp;ปลาสด&nbsp;</p><p>สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนราธิวาส&nbsp;จำหน่ายสินค้าประเภท&nbsp;ไก่เบตง,ไข่ไก่,&nbsp;ไข่เป็ด</p><p>สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนราธิวาส&nbsp;จำหน่ายสินค้า&nbsp;ผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;ที่มีคุณภาพ&nbsp;อาทิ&nbsp;ผ้าบาติก/บาเต๊ะ&nbsp;ข้าวเกรียบ&nbsp;ทุเรียนกวน&nbsp;เป็นต้น</p><p><strong>ทั้งนี้การจัดตลาดยิ้มได้ในครั้งนี้</strong>&nbsp;เป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างส่วนราชการหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน&nbsp;ลดค่าครองชีพ&nbsp;ที่สำคัญคือการทำให้คนนรายิ้มได้&nbsp;ในภาพรวมประชาชนในพื้นที่ตอบรับเป็นอย่างดี&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>27/1/2022ภาคใต้นราธิวาสสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาสhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127185858326 คณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน จังหวัดตราด ประชุมพิจารณากลั่นกรองโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ปี 2565<p><strong>วันนี้&nbsp;(27&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นาย?ชำนาญวิทย์&nbsp;เตรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด&nbsp;</strong>เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน&nbsp;จังหวัดตราด&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1/2565&nbsp;โดยมีคณะกรรมการจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;องค์กรภาคเอกชน&nbsp;ภาคประชาชน&nbsp;เข้าร่วมที่ห้องประชุมพลอยแดง&nbsp;ศาลากลางจังหวัดตราด</p><p><strong>ทั้งนี้ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน&nbsp;</strong>ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน&nbsp;และมีปลัดกระทรวงมหาดไทย&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ&nbsp;และเลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ&nbsp;(ศสช.)&nbsp;เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม&nbsp;และกำหนดให้มีคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัดในแต่ละจังหวัด&nbsp;โดยคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันของจังหวัดตราด&nbsp;จะมีหน้าที่ติดตามรับฟังปัญหาเดือดร้อนเร่งด่วน&nbsp;และตอบสนองความต้องการของประชาชนให้สัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรมรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์&nbsp;ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน&nbsp;เสริมสร้างศักยภาพในการพัฒนาพื้นที่ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;แนวคิดชีวิตวิถีใหม่&nbsp;และการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน</p><p><strong>สำหรับการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน</strong>&nbsp;จังหวัดตราด&nbsp;ในครั้งนี้เป็นการพิจารณากลั่นกรองโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;57&nbsp;โครงการครอบคลุมทุกพื้นที่อำเภอในจังหวัดตราด&nbsp;โดยพิจารณาตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่กำหนดของลักษณะประเภทโครงการ&nbsp;พื้นที่ดำเนินการไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไปแล้ว&nbsp;และจัดลำดับความสำคัญของทุกโครงการ&nbsp;เพื่อเสนอต่อรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>27/1/2022ภาคตะวันออกตราดสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127190749337 จังหวัดเชียงใหม่ แจกผัก ช่วยเหลือประชาชนในช่วงสถานการณ์โควิด-19..<p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่</strong>&nbsp;ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดเชียงใหม่&nbsp;ซื้อผักกาดขาวปลี&nbsp;จากเกษตรกรบนพื้นที่สูง&nbsp;บรรเทาความเดือดร้อนผลผลิตราคาตกต่ำ&nbsp;นำมาแจกจ่ายให้แก่ประชาชนในเขตอำเภอเมือง&nbsp;เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว</p><p><strong>ที่บริเวณตลาดประชารัฐ&nbsp;หน้าศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่</strong>&nbsp;นายประจญ&nbsp;ปรัชญ์สกุล&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายวรวิทย์&nbsp;ชัยสวัสดิ์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่&nbsp;นำหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่&nbsp;ร่วมกิจกรรม&nbsp;“เกษตรกรสุขใจ&nbsp;ชาวเชียงใหม่ช่วยกินผัก”&nbsp;โดยนำผักกาดขาวปลี&nbsp;ที่ไปรับซื้อจากเกษตรกรรายย่อยอำเภอฮอดและอำเภอแม่แจ่มจำนวน&nbsp;6,400&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;มาแจกจ่ายให้แก่ประชาชน&nbsp;เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผักกาดขาวปลี&nbsp;ที่มีผลผลิตล้นตลาดและขายส่งได้เพียงกิโลกรัมละ&nbsp;1-1.50&nbsp;บาทเท่านั้น&nbsp;โดยจังหวัดเชียงใหม่รับซื้อจากเกษตรกรรวมค่าขนส่งมาในราคากิโลกรัมละ&nbsp;5&nbsp;บาท&nbsp;เพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19&nbsp;และเป็นการลดค่าครองชีพบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน&nbsp;ซึ่งมีประชาชนให้ความสนใจมารับผักกาดขาวปลีเป็นจำนวนมาก&nbsp;ภายใต้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;โดยมีการจำกัดจำนวนผักกาดขาวปลีคนละ&nbsp;2&nbsp;ถุง&nbsp;เฉลี่ยคนละ&nbsp;6&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;เพื่อกระจายได้อย่างทั่วถึง</p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;black;">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</span></p>27/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสวท.เชียงใหม่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127202834376 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เตรียมเปิดจำหน่ายสลากราคา 80 บาท 1,000 จุดทั่วประเทศ<p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">นายลวรณ&nbsp;แสงสนิท&nbsp;ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;เปิดเผยความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา&nbsp;ว่า&nbsp;ขณะนี้มีตัวแทนจำหน่ายสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการสลาก&nbsp;80&nbsp;จำนวน&nbsp;4,790&nbsp;ราย&nbsp;ซึ่งกำหนดจุดจำหน่ายไว้&nbsp;1,000&nbsp;จุด&nbsp;ทั่วประเทศ&nbsp;ส่วนการเปิดให้ลงทะเบียนผู้ซื้อจองล่วงหน้า&nbsp;ทั้งรายเดิมและรายใหม่&nbsp;มีผู้ลงทะเบียนแล้วกว่า&nbsp;878,454&nbsp;ราย&nbsp;โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนได้ถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งคณะกรรมการสลากฯ&nbsp;ได้ให้ความเห็นชอบขั้นตอนและวิธีการคัดเลือกผู้ลงทะเบียนรายใหม่&nbsp;และวิธีการตรวจสอบผู้ลงทะเบียนรายเดิม&nbsp;ที่มีการยืนยันตัวตนเข้ามาว่าเป็นผู้ขายสลากในราคา&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;โดยจะเริ่มดำเนินการทันที&nbsp;ภายหลังจากปิดลงทะเบียน&nbsp;คาดว่าจะสามารถประกาศผลการคัดเลือกได้ในเร็วๆ&nbsp;นี้&nbsp;และจะสามารถเริ่มจำหน่ายสลาก&nbsp;1,000&nbsp;จุด&nbsp;ทั่วประเทศ&nbsp;ตามโครงการได้&nbsp;ในงวดวันที่&nbsp;2&nbsp;พฤษภาคม&nbsp;2565&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">ขณะที่การจัดทำระบบจำหน่ายสลากผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;หรือแพลตฟอร์มออนไลน์&nbsp;ขณะนี้มีความพร้อมที่จะเริ่มดำเนินการ&nbsp;ซึ่งได้มีการจัดเตรียมระบบสำหรับการจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว&nbsp;ภายใต้แนวทางในการดำเนินงานที่คำนึงถึงความโปร่งใส&nbsp;ไม่สามารถทำการปลอมแปลงสลากดิจิทัลได้&nbsp;สามารถตรวจสอบการเปลี่ยนมือเจ้าของสลากได้รวมถึงต่อยอดการตรวจสอบและควบคุมราคาขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;และเมื่อได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจแล้ว&nbsp;จะสามารถเริ่มดำเนินการเชื่อมต่อระบบได้ทันที</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>27/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127191705342 ที่ปรึกษา รมว.กษ.ติดตามความก้าวหน้าพืชสวนโลกและนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี<p><strong>นายอลงกรณ์&nbsp;พลบุตร&nbsp;</strong>ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;และคณะตรวจ&nbsp;ติดตามความกว้าหน้าการดำเนินงานพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี&nbsp;และนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี</p><p><strong>วันที่&nbsp;27&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</strong>ที่ห้องประชุมคำชะโนดชั้น&nbsp;2&nbsp;อาคาร&nbsp;2&nbsp;ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี&nbsp;นายอลงกรณ์&nbsp;พลบุตร&nbsp;ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;และคณะติดตามงานนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;ที่จังหวัดอุดรธานี&nbsp;โดยจุดแรกที่ลงพื้นที่คือติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี&nbsp;ซึ่งมีนายจำรัส&nbsp;กังน้อย&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี&nbsp;นางขนิษฐา&nbsp;โกวิทยากร&nbsp;เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอุดรธานี&nbsp;นายเอนก&nbsp;รัตน์รองใต้&nbsp;เกษตรจังหวัดอุดรธานี&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;และคณะทำงานพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี&nbsp;ร่วมประชุม</p><p><strong>จังหวัดอุดรธานีเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานงานมหกรรมพืชสวนโลกอุดรธานี&nbsp;</strong>พ.ศ.2569&nbsp;(Udon&nbsp;Thani&nbsp;International&nbsp;Horticulture&nbsp;Expo&nbsp;2026)&nbsp;รูปแบบ&nbsp;B&nbsp;โดยกำหนดใช้พื้นที่สวนสาธารณะหนองแด&nbsp;ตำบลกุดสระ&nbsp;ซึ่งมีพื้นที่&nbsp;1,030&nbsp;ไร่&nbsp;แยกเป็นพื้นดิน&nbsp;630&nbsp;ไร่&nbsp;พื้นน้ำ&nbsp;400&nbsp;ไร่&nbsp;เป็นพื้นที่จัดงาน&nbsp;เพื่อร่วมเฉลิมฉลอการครองงสิริราชสมบัติครบ&nbsp;10&nbsp;ปี&nbsp;ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว&nbsp;&nbsp;เฉลิมฉลองในโอกาสพระชนมายุ&nbsp;72&nbsp;พรรษา&nbsp;สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า&nbsp;กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ&nbsp;สยามบรมราชกุมารี&nbsp;และเฉลิมฉลองการก่อตั้งเมืองอุดรธานี&nbsp;134&nbsp;ปี&nbsp;ซึ่งกำหนดจัดงานระหว่างวันที่&nbsp;1&nbsp;พฤศจิกายน&nbsp;2569&nbsp;ถึงวันที่&nbsp;14&nbsp;มีนาคม&nbsp;2570&nbsp;Theme&nbsp;:&nbsp;Harmony&nbsp;of&nbsp;Life:&nbsp;People&nbsp;well-being&nbsp;,&nbsp;Water&nbsp;&amp;&nbsp;Plant&nbsp;วิถีชีวิตสายน้ำ&nbsp;และพืชพรรณ&nbsp;ซึ่งคาดเงินสะพัดระหว่างการจัดงาน&nbsp;32,000&nbsp;ล้านบาท,&nbsp;สร้างการจ้างงาน&nbsp;81,000&nbsp;อัตรา,&nbsp;เกิดรายได้จากการจัดเก็บภาษี&nbsp;7,700&nbsp;ล้านบาท</p><p><strong>ทั้งนี้ในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี&nbsp;</strong>จังหวัดได้ดำเนินการตามขั้นตอนตามการประมูลสิทธิ์การจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกที่สมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ&nbsp;(AIPH)&nbsp;กำหนด&nbsp;เริ่มจากเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดงานต่อสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ,&nbsp;นำเสนอข้อมูลต่อสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย,&nbsp;เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อขอกรอบงบประมาณ&nbsp;เบื้องต้นคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่&nbsp;4&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;อนุมัติกรอบงบประมาณการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก&nbsp;จังหวัดอุดรธานี&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2569&nbsp;วงเงิน&nbsp;2,500&nbsp;ล้านบาท,&nbsp;ยื่นใบสมัครอย่างเป็นทางการผ่านช่องทางออนไลน์ต่อ&nbsp;AIPH&nbsp;และ&nbsp;AIPH&nbsp;กำหนดลงสำรวจพื้นที่จริง&nbsp;วันที่&nbsp;13-16&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ส่วนขั้นตอนสุดท้ายจังหวัดอุดรธานีจะเป็นผู้แทนประเทศไทยยื่นเอกสารสมัครอย่างเป็นทางการ&nbsp;ณ&nbsp;สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์&nbsp;เมืองดูไบ&nbsp;ต่อไป</p><p><strong>จากนั้น&nbsp;ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์&nbsp;และคณะ&nbsp;</strong>ได้เดินไปนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี&nbsp;ตำบลโนนสูง&nbsp;อำเภอเมืองอุดรธานี&nbsp;เพื่อตรวจสภาพพื้นที่&nbsp;การจัดจุดรวมตรวจสินค้าทางราง&nbsp;โดยมีหน่วยงานภาครัฐ&nbsp;เอกชน&nbsp;ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี&nbsp;Green&nbsp;Industrial&nbsp;City&nbsp;นิคมฯ&nbsp;สีเขียว&nbsp;ศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง&nbsp;ภาพรวมความก้าวหน้าการพัฒนาโครงการ&nbsp;ด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน&nbsp;ก่อสร้างแล้วเสร็จ&nbsp;60%&nbsp;มีสถานีใฟฟ้าย่อย&nbsp;ขนาด&nbsp;115&nbsp;KV&nbsp;ภายในโครงการพร้อมจ่ายกระแสไฟ&nbsp;มีบ่อหน่วงน้ำ&nbsp;3&nbsp;บ่อ&nbsp;ขนาด&nbsp;1&nbsp;ล้านลบ.ม.&nbsp;เพื่อรองรับน้ำฝนในพื้นที่&nbsp;และเป็นแหล่งน้ำสำหรับผลิตน้ำประปา&nbsp;ปัจจุบันมีน้ำเต็มทุกบ่อ&nbsp;ถนนสายหลักและสายย่อยภายในโครงการ&nbsp;ขนาด&nbsp;2-4&nbsp;ช่องจราจร&nbsp;รวมความยาวทั้งสิ้นประมาณ&nbsp;12&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;ก่อสร้างเสร็จแล้ว&nbsp;8&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;ระบบผลิตน้ำประปา&nbsp;ขนาด&nbsp;8.000&nbsp;ลบ&nbsp;ม/วัน&nbsp;และระบบบำบัดน้ำเสีย&nbsp;6,400&nbsp;ลบ&nbsp;ม./วัน&nbsp;พร้อมขยายพื้นที่ต้นปี&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งคาดว่าตามแผนก่อสร้างแล้วเสร็จเดือนเมษายน&nbsp;2565&nbsp;จะมีโรงงานเกิดขึ้นประมาณ&nbsp;80-100&nbsp;โรงงาน&nbsp;การจ้างงานเพิ่มขึ้น&nbsp;15,000-20,000&nbsp;รายในพื้นที่&nbsp;และ&nbsp;60,000&nbsp;รายรอบนิคมฯ&nbsp;มูลค่าการลงทุนประมาณ&nbsp;100,000&nbsp;ล้านบาท</p><p><strong>ความพร้อมการเป็นศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์</strong>ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่โขง&nbsp;โครงการจัดตั้ง&nbsp;CY,&nbsp;ICD&nbsp;แล:&nbsp;FREE&nbsp;ZONE&nbsp;มี&nbsp;Warehouse&nbsp;(อาคารคลังสินค้า)&nbsp;ขนาดใหญ่&nbsp;3&nbsp;หลัง&nbsp;พื้นที่รวม&nbsp;23,160&nbsp;ตร.ม.&nbsp;พร้อมเปิดให้เช่า&nbsp;และขณะนี้อยู่ระหว่างจัดตั้ง&nbsp;CY&nbsp;เฟส&nbsp;1&nbsp;พื้นที่&nbsp;30&nbsp;ไร่&nbsp;เป็นลานคอนกรีต&nbsp;พร้อมตั้งสำนักงานศุลกากร&nbsp;และสำนักงานของหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจปล่อยสินค้า&nbsp;และรับรองมาตรฐานสินค้า&nbsp;ซี่งระยะต่อไปมีแผนจัดตั้ง&nbsp;CY&nbsp;เฟส&nbsp;2&nbsp;พื้นที่&nbsp;50&nbsp;ไร่&nbsp;เป็นลานคอนกรีต&nbsp;พร้อมจุดชาร์จตู้คอนเทนเนอร์&nbsp;ควบคุมอุณหภูมิในระบบ&nbsp;Cold&nbsp;Chain&nbsp;Logistics&nbsp;แผนจัดตั้ง&nbsp;ICD&nbsp;บนพื้นที่&nbsp;114&nbsp;ไร่&nbsp;พร้อมเชื่อมรางรถไฟเข้ามาในพื้นที่&nbsp;เพื่ออำนวยความสะดวกขนถ่ายสินค้าจากรถไฟจีน&nbsp;รวมทั้งส่งสินค้าไปท่าเรือแหลมฉบัง&nbsp;ภาคใต้&nbsp;มาเลเซียและสิงคโปร์</p><p><strong>ขณะเดียวกัน&nbsp;โครงการฯ</strong>&nbsp;อยู่ระหว่างการขอจัดตั้งเขตประกอบการเสรี&nbsp;(I-EA-T&nbsp;Free&nbsp;Zone)&nbsp;ภายใต้การกำกับของ&nbsp;กนอ.&nbsp;โครงการจัดตั้ง&nbsp;Micro&nbsp;factory&nbsp;และ&nbsp;Warehouse&nbsp;SML&nbsp;เพื่อกลุ่มธุรกิจ&nbsp;SME&nbsp;มีแผนพัฒนาก่อสร้าง&nbsp;Micro&nbsp;Factory&nbsp;ขนาดพื้นที่&nbsp;1000-3,000&nbsp;ตร.ม.&nbsp;บนพื้นที่&nbsp;100&nbsp;ไร่&nbsp;เพื่อสนับสนุนให้กลุ่มธุรกิจ&nbsp;SME&nbsp;เช่าประกอบกิจการและต่อยอดธุรกิจ&nbsp;รวมถึงแผนก่อสร้าง&nbsp;Warehouse&nbsp;ขนาดเล็ก&nbsp;สำหรับ&nbsp;SME&nbsp;รวม&nbsp;25&nbsp;หลัง&nbsp;เพื่อเป็นจุดศูนย์รวมสินค้าการเกษตร&nbsp;ประมง&nbsp;และปศุสัตว์&nbsp;โดยมีข้อเสนอขอรับการสนับสนุน&nbsp;เจ้าหน้าที่ศุลกากรและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินพิธีการศุลกากร&nbsp;การตรวจสอบและรับรองมาตรฐานสินค้าการเกษตร&nbsp;ประมง&nbsp;ปศุสัตว์&nbsp;อาหารและยา&nbsp;มาอำนวยความสะดวกในการตรวจปล่อยสินค้าขาเข้าและขาออก&nbsp;ในพื้นที่&nbsp;CY,&nbsp;ICD&nbsp;และ&nbsp;FRE&nbsp;ZONE&nbsp;ของนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี&nbsp;ขอรับการสนับสนุนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟภายนอกโครงการถึงจุดเชื่อมต่อทางรถไฟเข้านิคมฯ&nbsp;อุดรธานี&nbsp;ระยะทาง&nbsp;2.802&nbsp;กม.&nbsp;วงเงิน&nbsp;76.370&nbsp;ล้านบาท&nbsp;โครงการยกระดับความปลอดภัยบริเวณทางแยกเข้านิคมฯอุดรธานี&nbsp;บนทางหลวงหมายเลข&nbsp;2&nbsp;ที่&nbsp;กม.&nbsp;441+129&nbsp;วงเงิน&nbsp;50&nbsp;ล้านบาท&nbsp;และขอสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์พิเศษแก่ผู้ประกอบการในนิคมฯ&nbsp;อุดรธานี&nbsp;โดยพิจารณาเร่งรัดการให้สิทธิประโยชน์พิเศษแก่ผู้ประกอบการในเขตเศรษฐกิจพิเศษหนองคาย&nbsp;หรือเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก&nbsp;(EEC)&nbsp;ได้รับ</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>27/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุดรธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127193617353 จังหวัดเพชรบุรี ขอเชิญเที่ยวงาน พระนครคีรี-เมืองเพชร เพลิดเพลินอรรถรสแหล่งอาหารอันโอชะ สัมผัสบรรยากาศแห่งความสุขทุกรสชาติ (18-27 กุมภาพันธ์ 2565 “ Phetchaburi City of Gastronomy ตำนานอาหาร สืบสานวัฒนธรรม งามล้ำพระนครคีรี สดุดีจอมราชัน “)<p><strong>จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ขอเชิญเที่ยวงาน&nbsp;พระนครคีรี-เมืองเพชร</strong>&nbsp;เพลิดเพลินอรรถรสแหล่งอาหารอันโอชะ&nbsp;สัมผัสบรรยากาศแห่งความสุขทุกรสชาติ&nbsp;(18-27&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;“&nbsp;Phetchaburi&nbsp;City&nbsp;of&nbsp;Gastronomy&nbsp;ตำนานอาหาร&nbsp;สืบสานวัฒนธรรม&nbsp;งามล้ำพระนครคีรี&nbsp;สดุดีจอมราชัน&nbsp;“)&nbsp;</p><p><strong>เวลา&nbsp;15.00&nbsp;น.&nbsp;วันนี้&nbsp;(27&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;</strong>นายณัฐวุฒิ&nbsp;เพ็ชรพรหมศร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;ภาคประชาชน&nbsp;และคณะกรรมการการจัดงานพระนครคีรี-เมืองเพชร&nbsp;ร่วมประชุมเตรียมความพร้อมการจัดงานพระนครคีรีเมืองเพชร&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;ห้องพริบพรี&nbsp;ศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;นายณัฐวุฒิ&nbsp;เพ็ชรพรหมศร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;คณะกรรมการการจัดงานพระนครคีรี-เมืองเพชร&nbsp;ทุกฝ่ายเตรียมการพร้อมแล้ว&nbsp;ที่จะสร้างความสุขให้ประชาชนคนเพชรบุรี&nbsp;และนักท่องเที่ยว&nbsp;นับเป็นงานประจำปีที่จัดติดต่อกันมาอย่างยาวนานถึง&nbsp;35&nbsp;ครั้ง&nbsp;ที่ชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาเที่ยวชมงานกันเป็นจำนวนมาก&nbsp;ซึ่งปีนี้จะเป็นปีที่พิเศษ&nbsp;ที่ถือเป็นการฉลองความเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของยูเนสโก&nbsp;จะเป็นการรวมความอร่อยแหล่งอาหารของเพชรบุรี&nbsp;ทั้งอาหารต้นตำรับดั้งเดิม&nbsp;และนวัตกรรมผลงานที่รังสรรค์&nbsp;ออกแบบอาหารแปลกหลากชนิด&nbsp;มีทั้งการสาธิต&nbsp;ทำจำหน่าย&nbsp;และการประกวดอาหารและขนมไทยที่คอชิมไม่ควรพลาด&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีกล่าวเพิ่มเติมว่า</strong>&nbsp;นอกจากจะเพลิดเพลินอรรถรสแหล่งอาหารอันโอชะแล้ว&nbsp;ยังจะได้สัมผัสบรรยากาศแห่งความสุขทุกรสชาติ&nbsp;ทั่วบริเวณบนพระนครคีรีหรือเขาวัง&nbsp;และรอบอุทยานฯ&nbsp;ร.4&nbsp;ชมการแสดงวัฒนธรรมประเพณีต่างๆ&nbsp;สกุลช่างเมืองเพชร&nbsp;กิจกรรมการแสดงความบันเทิงมากมาย&nbsp;วันที่&nbsp;18-27&nbsp;กุมภาพันธ์นี้&nbsp;ในงาน”&nbsp;Phetchaburi&nbsp;City&nbsp;of&nbsp;Gastronomy&nbsp;ตำนานอาหาร&nbsp;สืบสานวัฒนธรรม&nbsp;งามล้ำพระนครคีรี&nbsp;สดุดีจอมราชัน&nbsp;“</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>27/1/2022ภาคตะวันตกเพชรบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127194147354 ผู้ว่าฯ นราธิวาส เปิดตลาดยิ้มได้จังหวัดนราธิวาส ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลในการบรรเทาปัญหาค่าครองชีพของประชาชน โดยจะจำหน่ายสินค้าราคาถูกทุกวันพุธและวันพฤหัสบดี<p><strong>วันนี้&nbsp;(27&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายสนั่น&nbsp;&nbsp;พงษ์อักษร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส</strong>&nbsp;เป็นประธานเปิดตลาดนัดยิ้มได้จังหวัดนราธิวาสที่บริเวณหน้าสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;6&nbsp;รอบ&nbsp;พระชนมพรรษา&nbsp;หรือ&nbsp;สวน&nbsp;ร.5&nbsp;ถนนศูนย์ราชการ&nbsp;อำเภอเมืองนราธิวาส&nbsp;ซึ่งมีนายปรีชา&nbsp;นวลน้อย&nbsp;ปลัดจังหวัดนราธิวาส&nbsp;&nbsp;นายไพซอล&nbsp;&nbsp;อาแว&nbsp;นายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาส&nbsp;นายเทอดศักดิ์&nbsp;รัญจวน&nbsp;เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส&nbsp;นางสาวคลอทรีหม๊ะ&nbsp;&nbsp;หะยีอารุณ&nbsp;พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนราธิวาส&nbsp;นางสาวสุนีย์&nbsp;&nbsp;มาหะ&nbsp;รักษาราชการแทนพัฒนาการจังหวัดนราธิวาส&nbsp;นายกิตติพนธ์&nbsp;วุฒิวงศ์หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส&nbsp;ผู้แทนประมงจังหวัดนราธิวาส&nbsp;ร่วมเป็นเกียรติในกิจกรรม&nbsp;</p><p><strong>นายสนั่น&nbsp;&nbsp;พงษ์อักษร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>จังหวัดนราธิวาสได้ขานรับนโยบายของรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ&nbsp;ดูแลทุกข์สุขความเป็นอยู่ของประชาชนชาวนราธิวาส&nbsp;การจัดตลาดจำหน่ายสินค้าราคาถูกจะช่วยลดภาระค่าครองชีพ&nbsp;รวมถึงผู้ประกอบการที่หน่วยงานต่างๆ&nbsp;ได้ไปส่งเสริมไว้&nbsp;อาทิ&nbsp;ผลิตภัณฑ์&nbsp;OTOP&nbsp;โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนได้มีสถานที่จำหน่ายสินค้า&nbsp;มีรายได้เพิ่มขึ้น&nbsp;พร้อมนี้ขอฝาก&nbsp;4&nbsp;คำ&nbsp;"ชื่นชม&nbsp;ยินดี&nbsp;ขอบคุณ&nbsp;เป็นกำลังใจ"&nbsp;ที่ทุกภาคส่วนทำให้เกิดตลาดในวันนี้&nbsp;รวมถึงหน่วยงานความมั่นคง&nbsp;ตำรวจ&nbsp;&nbsp;ทหาร&nbsp;อส.&nbsp;ที่ดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยย้ำขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ทำงานเพื่อประชาชนให้มีรายได้&nbsp;มีชีวิตที่ดีขึ้น&nbsp;และขอบคุณที่ดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย&nbsp;ประโยชน์ทุกฝ่าย&nbsp;นโยบายของรัฐได้รับการขับเคลื่อนอย่างจริงจัง&nbsp;ประชาชนได้รับการดูแลแก้ปัญหา&nbsp;</p><p><strong>สำหรับการจัดตลาดนัดยิ้มได้จังหวัดนราธิวาส</strong>&nbsp;เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขปัญหาและบรรเทาปัญหาค่าครองชีพของประชาชน&nbsp;โดยการจัดตลาดนัด&nbsp;ตลาดนัดชุมชน&nbsp;จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาประหยัดประกอบกับนโยบายของจังหวัดนราธิวาสให้มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่กับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน&nbsp;สร้างร้อยยิ้ม&nbsp;ปันความสุขแก่ประชาชนในพื้นที่&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้กำหนดเปิดตลาดนัดยิ้มได้จังหวัดนราธิวาส&nbsp;</strong>เป็นประจำทุกวันพุธและวันพฤหัสบดีทุกสัปดาห์&nbsp;ระหว่างเวลา&nbsp;15.00-18.00&nbsp;น.&nbsp;ที่บริเวณหน้าสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;6&nbsp;รอบ&nbsp;พระชนมพรรษา&nbsp;หรือ&nbsp;สวน&nbsp;ร.5&nbsp;ถนนศูนย์ราชการ&nbsp;อำเภอเมืองนราธิวาส&nbsp;โดยมีผู้ประกอบการมาร่วมจำหน่ายสินค้า&nbsp;&nbsp;จำนวน&nbsp;20&nbsp;ร้าน&nbsp;เช่น&nbsp;สินค้าธงฟ้าราคาประหยัด&nbsp;ผลิตภัณฑ์ปลาแปรรูป&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ไข่เป็ด&nbsp;ผ้าบาติก/ปาเต๊ะ&nbsp;ลูกชิ้นโบราณ&nbsp;ข้าวเกรียบ&nbsp;เป็นต้น&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>27/1/2022ภาคใต้นราธิวาสสวท.นราธิวาสhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127195018357 รองผู้ว่าฯ นครพนม นำทีมลงพื้นที่ตรวจฟาร์มสุกร<p><strong>วันนี้&nbsp;(27&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;นายวรรณพล&nbsp;ต่อพล&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม</strong>&nbsp;พร้อมด้วยพาณิชย์จังหวัดนครพนม&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัด&nbsp;ด่านกักกันสัตว์&nbsp;ตำรวจภูธรจังหวัด&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจฟาร์มสุกร&nbsp;บริษัทบุญทะพานฟาร์ม&nbsp;จำกัด&nbsp;แต่เนื่องด้วยฟาร์มสุกรอยู่ในช่วงการเฝ้าระวังการติดเชื้อโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร&nbsp;(ASF)&nbsp;จึงได้มีการรายงานข้อมูลและตอบข้อสอบถามของคณะบริเวณประตูทางเข้าฟาร์ม&nbsp;โดยมีนายวินัย&nbsp;คำมุงคุณ&nbsp;ผู้จัดการฟาร์มเป็นผู้ให้ข้อมูล</p><p><strong>ฟาร์มสุกร&nbsp;บริษัท&nbsp;บุญทะพานฟาร์ม&nbsp;จำกัด&nbsp;</strong>มีที่ตั้งอยู่ที่เลขที่&nbsp;99&nbsp;หมู่&nbsp;7&nbsp;ตำบลกุรุคุ&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดนครพนม&nbsp;เป็นฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนครพนม&nbsp;โดยมีการเลี้ยงพ่อพันธ์ุ&nbsp;60&nbsp;ตัว&nbsp;แม่พันธ์ุ&nbsp;60,000&nbsp;ตัว&nbsp;ผลิตลูกสุกรได้&nbsp;11,000-12,000&nbsp;ตัว/เดือน&nbsp;มีสุกรขุนเกิน&nbsp;80&nbsp;กิโลกรัม/ตัว&nbsp;ขึ้นไป&nbsp;จำนวน&nbsp;3,000&nbsp;ตัว&nbsp;สำหรับสุกรขุนมีการจับขายส่งให้โรงเชือดวันละ&nbsp;60-70&nbsp;ตัว&nbsp;ที่จังหวัดนครพนมและสกลนคร</p><p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครพนม</strong>&nbsp;จึงได้ทำบันทึกการตรวจไว้พร้อมเน้นย้ำประกาศ&nbsp;ประกาศ&nbsp;กกร.ฉบับที่&nbsp;1&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;เรื่องห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักร&nbsp;ลงวันที่&nbsp;5&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;และฉบับที่&nbsp;2&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;เรื่องการแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บและจัดทำบัญชีคุมสินค้าสุกร&nbsp;เนื้อสุกร&nbsp;ลงวันที่&nbsp;5&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ทราบและกรณีเข้าเงื่อนไขตามประกาศฯ&nbsp;ให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p>27/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครพนมสวท.นครพนมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220127235630404 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ ตรวจสอบเอกสารและสต๊อกข้าวตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยฯ<p><strong>นางพิรุณวรรณน์&nbsp;จงใจภักดิ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;มอบหมาย&nbsp;</strong>ให้นายอนุชา&nbsp;ชาญประโคน&nbsp;นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการ&nbsp;กลุ่มงานยุทธศาสตร์และแผนงาน&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;เป็นผู้แทน&nbsp;พร้อม&nbsp;เจ้าหน้าที่&nbsp;กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;นำคณะทำงานตรวจสอบเอกสารและสต๊อกข้าวตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยฯ&nbsp;โดยตรวจสอบปริมาณและมูลค่าข้าวที่ผู้ประกอบการค้าข้าวเก็บสต๊อก&nbsp;ตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อกปีการผลิต&nbsp;2564/65&nbsp;ครั้งที่&nbsp;3&nbsp;วันที่&nbsp;1&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;แห่ง&nbsp;ประกอบด้วย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1)&nbsp;บริษัท&nbsp;กิจเจริญพรชัยชุมพลสุรินทร์&nbsp;จำกัด&nbsp;</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2)&nbsp;ท่าข้าวสิทธิพงษ์&nbsp;ชุมพลบุรี</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3)&nbsp;ห้างหุ้นส่วนจำกัด&nbsp;สหพืชผลท่าตูม&nbsp;อำเภอท่าตูม&nbsp;</p><p>ได้ยื่นตั๋วสัญญาใช้เงินรวม&nbsp;12&nbsp;ฉบับ&nbsp;หมดอายุ&nbsp;1&nbsp;ฉบับ&nbsp;มูลค่าตั๋วสัญญาใช้เงิน&nbsp;11&nbsp;ฉบับ&nbsp;255&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ผลการตรวจสต๊อกข้าว&nbsp;ครอบคลุม&nbsp;ทั้ง&nbsp;11&nbsp;ฉบับ&nbsp;มูลค่ารวม&nbsp;255&nbsp;ล้านบาท&nbsp;โดยมี&nbsp;ปริมาณข้าวเปลือกและข้าวสาร&nbsp;รวมทั้งสิ้น&nbsp;35,500&nbsp;ตัน</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>28/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสุรินทร์สวท.สุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128085533429 จ.สุรินทร์ ตรวจสอบสถานที่เก็บ ปริมาณสุกรชำแหละ และการจำหน่ายสินค้าเนื้อสุกรชำแหละ ชุดเครื่องไหว้ และสินค้าในช่วงเทศกาลวันตรุษจีน พบ ยังอยู่ในสถานการณ์ปกติ<p><strong>จังหวัดสุรินทร์&nbsp;นำโดย&nbsp;นายเสริมศักดิ์&nbsp;สีสันต์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์&nbsp;</strong>นำคณะหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;นางพิรุณวรรณน์&nbsp;จงใจภักดิ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;ร่วมกับปศุสัตว์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์&nbsp;รอง&nbsp;ผบก.ภจว.สุรินทร์&nbsp;ปลัดอำเภอเมืองสุรินทร์หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสุรินทร์&nbsp;รองนายกเทศบาลเมืองสุรินทร์&nbsp;ผอ.สวท.สุรินทร์&nbsp;และหัวหน้าด่านกักกันสัตว์สุรินทร์&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เก็บ&nbsp;ปริมาณ&nbsp;สุกรชำแหละ&nbsp;และตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าเนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;ชุดเครื่องไหว้&nbsp;และสินค้าในช่วงเทศกาลวันตรุษจีน&nbsp;โดย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1)&nbsp;ตรวจสอบสถานที่เก็บ&nbsp;ปริมาณ&nbsp;สุกรชำแหละ&nbsp;ณ&nbsp;ศูนย์ตัดแต่งและกระจายสินค้า&nbsp;(เครือซีพี)&nbsp;ตั้งอยู่เลขที่&nbsp;898/3&nbsp;ถนนหลักเมือง&nbsp;ตำบลในเมือง&nbsp;อำเภอเมืองสุรินทร์&nbsp;พบว่า&nbsp;ได้มีการแจ้งปริมาณครอบครองสุกรชำแหละถูกต้อง&nbsp;เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ฉบับที่&nbsp;2&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;เรื่องการแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;สถานที่เก็บ&nbsp;ที่กำหนดให้ผู้เลี้ยงสุกรตั้งแต่&nbsp;500&nbsp;ตัวขึ้นไป&nbsp;หรือผู้ครอบครองที่มีปริมาณตั้งแต่&nbsp;5,000&nbsp;กิโลกรัมขึ้นไป&nbsp;จะต้องแจ้งปริมาณ&nbsp;ราคา&nbsp;และสถานที่เก็บเป็นประจำทุกสัปดาห์ในวันจันทร์&nbsp;พบว่ามีปริมาณเนื้อสุกร&nbsp;42,532&nbsp;กก.&nbsp;พนักงานเจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ผู้ประกอบการแจ้งข้อมูลที่เป็นจริง&nbsp;จัดทำบัญชีคุมสินค้าเนื้อสุกร&nbsp;โดยให้ถือปฏิบัติตามประกาศฯ&nbsp;อย่างเคร่งครัด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2)&nbsp;ตรวจสอบการจำหน่ายสินค้า&nbsp;เนื้อสุกรชำแหละ&nbsp;ชุดเครื่องไหว้&nbsp;ในช่วงเทศกาลวันตรุษจีน&nbsp;ณ&nbsp;ห้างสรรพสินค้าแม็คโคร&nbsp;สาขาสุรินทร์&nbsp;พบว่า&nbsp;ราคาจำหน่าย&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;174&nbsp;บาท/กก.&nbsp;หมูสามชั้น&nbsp;244&nbsp;บาท/กก.&nbsp;และตรวจสต็อกห้องแช่เย็นมีปริมาณเนื้อสุกร&nbsp;500&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ส่วนชุดเครื่องไหว้มีให้เลือกหลายขนาด&nbsp;หลายราคา&nbsp;โดยทางห้างมีการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าอย่างชัดเจน&nbsp;ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นการกักตุนหรือจำหน่ายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรม&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน&nbsp;1569</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>28/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสุรินทร์สวท.สุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128090005431 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เตรียมจัด “ดีพร้อม มอเตอร์ โชว์” จังหวัดลำปาง ฟื้นกิจกรรมท่องเที่ยว - งานแฟร์ในระดับภูมิภาค<p><strong>นางละเอียด&nbsp;มธุรส&nbsp;ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์</strong>&nbsp;กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม&nbsp;กระทรวงอุตสาหกรรม&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม&nbsp;หรือ&nbsp;ดีพร้อม&nbsp;(DIPROM&nbsp;:&nbsp;Department&nbsp;of&nbsp;Industrial&nbsp;Promotion)&nbsp;ขานรับมาตรการกระทรวงอุตสาหกรรมในการยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมยานยนต์&nbsp;รุกจัดกิจกรรม&nbsp;DIPROM&nbsp;MOTOR&nbsp;&nbsp;SHOW&nbsp;ณ&nbsp;จังหวัดลำปาง&nbsp;เพื่อสร้างมูลค่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในระดับภูมิภาค&nbsp;พร้อมทั้งผลักดันให้มีการจัดนิทรรศการและงานแฟร์ได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังเชื่อมโยงผู้ประกอบการที่ได้รับการพัฒนาจาก&nbsp;“ดีพร้อม”&nbsp;</strong>ผ่านโครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม&nbsp;หรือ&nbsp;คพอ.&nbsp;เข้ามาร่วมในงานดังกล่าวด้วย&nbsp;เพื่อแสดงศักยภาพของผู้ประกอบการในระดับภูมิภาคที่สามารถนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาตอบโจทย์การทำตลาดในยุคปกติใหม่&nbsp;ตลอดจนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคเพื่อให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;วันที่&nbsp;9&nbsp;-&nbsp;16&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งคาดว่าตลอดการจัดงานในครั้งนี้จะมีเงินสะพัดภายในงานกว่า&nbsp;115&nbsp;ล้านบาท&nbsp;“ดีพร้อม&nbsp;มอเตอร์&nbsp;โชว์”&nbsp;จัดขึ้นที่อาคารศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือ&nbsp;จังหวัดลำปาง&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;วันที่&nbsp;9&nbsp;-&nbsp;16&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;และเป็นครั้งแรกที่&nbsp;“ดีพร้อม”&nbsp;ดำเนินการจัดกิจกรรมดังกล่าว&nbsp;เพื่อกระตุ้นตลาดยานยนต์โดยเฉพาะในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ&nbsp;</p><p><strong>อีกทั้ง&nbsp;ยังเป็นการเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายสำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์</strong>&nbsp;ซึ่งทางค่ายรถยนต์&nbsp;จำนวน&nbsp;12&nbsp;แบรนด์&nbsp;และจักรยานยนต์&nbsp;จำนวน&nbsp;5&nbsp;แบรนด์&nbsp;รวมตัวกันในงานนี้&nbsp;ยังเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคที่จะสามารถเปรียบเทียบข้อมูลยานยนต์ต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;จากหลากหลายค่ายในที่เดียวก่อนการตัดสินใจที่จะซื้อรถ&nbsp;ซึ่งคาดว่าจากการจัดกิจกรรมนี้จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบภาคการผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์ได้กว่า&nbsp;100&nbsp;ล้านบาท</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังมุ่งเน้นการแสดงศักยภาพของผู้ประกอบการในระดับภูมิภาค</strong>ที่สามารถนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาตอบโจทย์การทำตลาดในยุคปกติใหม่&nbsp;หรือ&nbsp;New&nbsp;Normal&nbsp;อีกทั้ง&nbsp;ยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคเพื่อให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอีกด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>28/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128090649435 ชาวกาฬสินธุ์ ผู้รับสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีกว่า 2 แสน 9 หมื่นราย ได้รับความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนรวมกว่า 344 ล้านบาท<p><strong>นางสาวสุธีรา&nbsp;กิจนาบูรณ์&nbsp;คลังจังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;รัฐบาล&nbsp;ได้มอบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐภายใต้โครงการไทยนิยมยั่งยืนให้กับชาวกาฬสินธุ์เพิ่มเติมในรอบที่ผ่านมา&nbsp;โดยประชาชน&nbsp;ต่างเดินทางทยอยเดินทางมารับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่สำนักงานคลังจังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;ในส่วนของจังหวัดกาฬสินธุ์มีผู้มาลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั้งหมด&nbsp;จำนวน&nbsp;290,024&nbsp;คน&nbsp;ระหว่างเดือน&nbsp;ตุลาคม-ธันวาคม&nbsp;มียอดใช้จ่ายรวม&nbsp;3&nbsp;เดือนกว่า&nbsp;344&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิม&nbsp;เนื่องจากมีการเพิ่มวงเงินจากมติ&nbsp;ครม.&nbsp;ให้บัตรละ&nbsp;500&nbsp;บาท&nbsp;ในช่วงเดือน&nbsp;พฤศจิกายน-ธันวาคม&nbsp;2564</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ยังเป็นนโยบายของนายทรงพล&nbsp;ใจกริ่ม&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์</strong>&nbsp;โดยการตั้งให้จังหวัดกาฬสินธุ์เป็นจังหวัดโมเดลแก้ไขความยากจน&nbsp;และโครงการไทยนิยมยั่งยืน&nbsp;ซึ่งเป็นการดำเนินงานที่เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมและสามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอย่างแท้จริง&nbsp;โดยได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก&nbsp;นางสาวสุธีรา&nbsp;กิจนาบูรณ์&nbsp;คลังจังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;กล่าวด้วยว่า&nbsp;ในปี&nbsp;2565&nbsp;ครม.&nbsp;ได้อนุมัติเพิ่มเงินรวมให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ&nbsp;เป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ&nbsp;หรือกลุ่มเปราะบาง&nbsp;ระยะที่&nbsp;2&nbsp;กรอบวงเงิน&nbsp;1,351.9812&nbsp;ล้านบาท&nbsp;โดยเป็นการสนับสนุนเงินช่วยเหลือให้กับกลุ่มเป้าหมายจำนวนไม่เกิน&nbsp;200&nbsp;บาทต่อเดือนต่อคน&nbsp;เป็นเวลา&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;ได้แก่เดือน&nbsp;ก.พ.-เม.ย.&nbsp;2565&nbsp;หรือรวมวงเงินคนละ&nbsp;600&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>28/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกาฬสินธุ์สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128095820457 กรมบัญชีกลาง ชี้แจงการจ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2565<p><strong>นางสาววารี&nbsp;แว่นแก้ว&nbsp;รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง</strong>&nbsp;ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ตามที่&nbsp;ครม.&nbsp;ได้เห็นชอบมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;&nbsp;ผ่าน&nbsp;3&nbsp;โครงการ&nbsp;ซึ่งโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ&nbsp;ระยะที่&nbsp;4&nbsp;จะช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้า&nbsp;จำนวนไม่เกิน&nbsp;200&nbsp;บาทต่อคนต่อเดือน&nbsp;เป็นระยะเวลา&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;–&nbsp;30&nbsp;เมษายน&nbsp;2565&nbsp;</p><p><strong>โดยมีรายละเอียดการจ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ</strong>&nbsp;ในช่วงเวลาดังกล่าว&nbsp;ทุกวันที่&nbsp;1&nbsp;ของเดือน&nbsp;จะได้รับวงเงินซื้อสินค้า&nbsp;รวม&nbsp;400/500&nbsp;บาทต่อเดือน&nbsp;(เป็นวงเงินเดิม&nbsp;&nbsp;200/300&nbsp;บาท&nbsp;และวงเงินจากโครงการเพิ่มกำลังซื้อ&nbsp;200&nbsp;บาท)&nbsp;ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม&nbsp;&nbsp;45&nbsp;บาทต่อ&nbsp;3&nbsp;เดือน&nbsp;ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ค่าโดยสารรถ&nbsp;บขส.&nbsp;500&nbsp;บาทต่อเดือน&nbsp;ค่าโดยสารรถไฟ&nbsp;500&nbsp;บาทต่อเดือน&nbsp;ค่าโดยสารรถไฟฟ้าและขสมก.&nbsp;500&nbsp;บาทต่อเดือน&nbsp;โดยไม่สามารถถอนเป็นเงินสดและไม่สามารถสะสมในเดือนถัดไปได้</p><p><strong>ในทุกวันที่&nbsp;18&nbsp;ของเดือน&nbsp;จะได้รับเงินคืนค่าไฟฟ้า</strong>&nbsp;ครัวเรือนละไม่เกิน&nbsp;315&nbsp;บาทต่อเดือน&nbsp;เงินคืนค่าน้ำประปา&nbsp;ครัวเรือนละไม่เกิน&nbsp;100&nbsp;บาทต่อเดือน&nbsp;โดยสามารถถอนเป็นเงินสดและสะสมในเดือนถัดไปได้&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ทุกวันที่&nbsp;22&nbsp;ของเดือน&nbsp;ผู้ถือบัตรฯ&nbsp;ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ&nbsp;จะได้รับเงินเพิ่มเบี้ยความพิการ&nbsp;200&nbsp;บาทต่อเดือน&nbsp;ซึ่งสามารถถอนเป็นเงินสดและสะสมในเดือนถัดไปได้เช่นกัน</p><p><strong>โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ&nbsp;ระยะที่&nbsp;4</strong>&nbsp;เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจาก&nbsp;COVID-19&nbsp;ให้แก่กลุ่มที่มีความเปราะบางทางด้านรายได้และผู้ต้องการความช่วยเหลือ&nbsp;ตลอดจนรักษาแรงกระตุ้นทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นปี&nbsp;2565</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>28/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128102424478 นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นไทยและซาอุดีอาระเบีย สร้างอาชีพให้คนไทยเข้าทำงานในภาคการท่องเที่ยวและบริการ<p><strong>นายธนกร&nbsp;วังบุญคงชนะ&nbsp;โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;พลเอก&nbsp;&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม&nbsp;สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทันที&nbsp;ภายหลังเสร็จสิ้นการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;25&nbsp;–&nbsp;26&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</p><p><strong>โดยให้เร่งสานต่อข้อหารือด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว</strong>&nbsp;ไทย-ซาอุดีอาระเบีย&nbsp;เพราะจากบริบทที่นายกรัฐมนตรีและเจ้าชายมุฮัมมัด&nbsp;บิน&nbsp;ชัลมาน&nbsp;บิน&nbsp;อับดุลอะซีซ&nbsp;อัลชะอูด&nbsp;(His&nbsp;Royal&nbsp;Highness&nbsp;Prince&nbsp;Mohammad&nbsp;bin&nbsp;Salman&nbsp;bin&nbsp;Abdulaziz&nbsp;Al&nbsp;Saud)&nbsp;มกุฎราชกุมาร&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย&nbsp;ได้เน้นย้ำความสำคัญของการส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชนและจะผลักดันความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว&nbsp;ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยนแรงงานและแรงงานไทยจะได้เข้าทำงานในภาคการท่องเที่ยวและบริการ&nbsp;เพราะแรงงานไทยมีศักยภาพและมีฝีมือเป็นที่ต้องการของซาอุดีอาระเบีย&nbsp;ประกอบกับซาอุดีอาระเบียให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว&nbsp;เพื่อสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจ</p><p><strong>ในช่วงที่ผ่านมาได้เปิดตัวโครงการขนาดใหญ่และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ&nbsp;</strong>อาทิ&nbsp;&nbsp;โครงการ&nbsp;NEOM&nbsp;เมืองแห่งอนาคต&nbsp;เน้นใช้พลังงานสะอาด&nbsp;ไร้มลพิษ&nbsp;โดยตั้งเป้าหมายให้เป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีและเขตธุรกิจชั้นนำของโลก&nbsp;มีแผนคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปี&nbsp;2568&nbsp;ซึ่งจะสร้างงานใหม่ได้กว่า&nbsp;380,000&nbsp;ตำแหน่ง&nbsp;/โครงการ&nbsp;Red&nbsp;Sea&nbsp;Project&nbsp;โครงการพัฒนาหมู่เกาะริมชายฝั่งทะเลแดงในมณฑล&nbsp;&nbsp;Tabouk&nbsp;โดยคาดว่าจะเปิดตัวเฟสแรกในช่วงปลายปี&nbsp;2565&nbsp;และมีกำหนดการแล้วเสร็จในปี&nbsp;2573&nbsp;ซึ่งในช่วงของการก่อสร้างโครงการจะก่อให้เกิดการจ้างงานได้กว่า&nbsp;70,000&nbsp;ตําแหน่ง&nbsp;ซึ่ง&nbsp;โครงการเหล่านี้ล้วนเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทย&nbsp;รวมถึงแรงงานฝีมือและกึ่งฝืมือของไทยให้สามารถเข้าทำงานได้มากขึ้นในอนาคต</p><p><strong>โอกาสนี้&nbsp;สายการบินแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย</strong>&nbsp;Saudi&nbsp;Arabian&nbsp;Airlines&nbsp;ประกาศเปิดเที่ยวบินตรง&nbsp;(Direct&nbsp;flights)&nbsp;จากซาอุดีอาระเบียมายังประเทศไทย&nbsp;คาดว่าจะเปิดการบินในช่วงเดือนพฤษภาคม&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งจะสร้างเม็ดเงินด้านการท่องเที่ยวระหว่างกันจำนวนมาก&nbsp;ซึ่งยังสอดคล้องกับนโยบายการเปิดประเทศของไทยด้วย&nbsp;นายกรัฐมนตรี&nbsp;จึงเชื่อมั่นว่า&nbsp;การฟื้นฟูความสัมพันธ์ครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่ดี</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>28/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128113436515 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขยายการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) สู่บริการหน่วยงานราชการแบบ Walk in ในส่วนภูมิภาค<p><strong>นายทศพล&nbsp;ทังสุบุตร&nbsp;อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า</strong>&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;เปิดเผยถึงสถิติผู้ใช้บริการออกหนังสือรับรองและรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคล&nbsp;ว่า&nbsp;กรมฯ&nbsp;ได้มีการออกหนังสือรับรองและรับรองสำเนาเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ภาคธุรกิจและประชาชน&nbsp;&nbsp;จำนวนทั้งสิ้น&nbsp;6,959,940&nbsp;ราย&nbsp;ซึ่งมีหน่วยงานราชการมาขอใช้บริการ&nbsp;โดยจะให้บริการแบบ&nbsp;Walk&nbsp;in&nbsp;ณ&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก&nbsp;จึงได้มีขยายการให้บริการด้วยลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์&nbsp;(Digital&nbsp;Signature)&nbsp;บนหนังสือรับรอง&nbsp;เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการให้มีความคล่องตัวในการทำธุรกิจ&nbsp;ลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง&nbsp;เสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อทุกภาคส่วน&nbsp;</p><p><strong>สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่</strong>&nbsp;ส่วนบริการข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์&nbsp;กองข้อมูลธุรกิจ&nbsp;กรมพัฒนาธุรกิจการค้า&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;โทร&nbsp;1570&nbsp;หรือผ่านเว็บไซค์&nbsp;<a&nbsp;href="http://www.dbd.go.th/"&nbsp;rel="noopener&nbsp;noreferrer"&nbsp;target="_blank"&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(17,&nbsp;85,&nbsp;204);">www.dbd.go.th</a></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(17,&nbsp;85,&nbsp;204);"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>28/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128110500503 นายกรัฐมนตรี มั่นใจไทยพร้อมเปิด Test and Go รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เริ่มวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้<p><strong>นายธนกร&nbsp;วังบุญคงชนะ&nbsp;โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;พลเอก&nbsp;&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม&nbsp;มั่นใจทุกระบบของไทยมีความพร้อม&nbsp;ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศให้เข้ามาในประเทศไทยในรูปแบบ&nbsp;Test&nbsp;and&nbsp;Go&nbsp;อีกครั้งในวันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์นี้&nbsp;เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมาได้โดยเร็วที่สุด&nbsp;หลังรัฐบาลตัดสินใจระงับไปเมื่อปลายปี&nbsp;2564&nbsp;เพราะเกิดการระบาดของโควิด-19&nbsp;สายพันธุ์โอมิครอน&nbsp;และคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยตลอดทั้งปี&nbsp;2565&nbsp;ไม่ต่ำกว่า&nbsp;8&nbsp;ล้านคน&nbsp;สร้างรายได้&nbsp;4.8&nbsp;แสนล้านบาท</p><p><strong>ส่วนปัญหาการลักลอบเข้าประเทศไทย</strong>&nbsp;นายกรัฐมนตรี&nbsp;ได้สั่งการกระทรวงมหาดไทย&nbsp;&nbsp;ให้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัด&nbsp;แจ้งนายอำเภอให้เน้นย้ำ&nbsp;กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน&nbsp;ของพื้นที่ที่ติดต่อกับชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน&nbsp;หรือมีช่องทางผ่านแดนที่เป็นช่องทางธรรมชาติ&nbsp;คุมเข้มทุกด่านให้ระมัดระวัง&nbsp;ป้องกัน&nbsp;การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย&nbsp;รวมถึงขอให้เครือข่ายสาธารณสุขในพื้นที่&nbsp;ร่วมสอดส่องว่ามีบุคคลแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่หรือไม่&nbsp;หากพบให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่</p><p><br></p><p><br></p>28/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128111350508 อุตสาหกรรมแม่ฮ่องสอน เดินหน้าเพิ่มศักยภาพ SME เติมทุนหนุนผู้ประกอบการ ให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำวงเงินสูงสุด 15 ล้าน<p><strong>นายบวรวิทย์&nbsp;อัครจันทโชติ&nbsp;อุตสาหกรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน</strong>&nbsp;อนุกรรมการและเลขานุการ&nbsp;คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ระบุว่า&nbsp;สำนักงานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ&nbsp;สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม&nbsp;ได้มีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในจังหวัดแม่ฮ่องสอนให้ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีดอกเบี้ยต่ำ&nbsp;โดยการให้สินเชื่อของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ&nbsp;"โครงการสินเชื่อ&nbsp;เพิ่มศักยภาพ&nbsp;SME"&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;ให้วงเงินกู้สูงสุด&nbsp;15&nbsp;ล้านบาทต่อราย&nbsp;ดอกเบี้ยร้อยละ&nbsp;2&nbsp;ต่อปี&nbsp;ตลอดอายุสัญญา&nbsp;ผ่อนนานสูงสุด&nbsp;10&nbsp;ปี&nbsp;ปลอดชำระเงินต้นสูงสุดไม่เกิน&nbsp;18&nbsp;เดือน</p><p><strong>โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้ความช่วยเหลือเงินทุน</strong>&nbsp;และเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพในการต่อยอดธุรกิจ&nbsp;เติมทุนหนุนผู้ประกอบการกลุ่ม&nbsp;BCG&nbsp;(Bio&nbsp;Circular&nbsp;Green)&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นการเกษตรอุตสาหกรรมหรืออาหารแปรรูปที่ใช้เทคโนโลยีชีวภาพ&nbsp;อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน&nbsp;เช่น&nbsp;พลังงานแสงอาทิตย์&nbsp;อุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์&nbsp;หรือบริการทางการแพทย์&nbsp;กลุ่มผู้ผลิต/ผู้ใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติ&nbsp;อุตสาหกรรมประกอบเป็นยานยนต์ไฟฟ้า&nbsp;เช่น&nbsp;ชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ที่ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า</p><p><strong>จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจ</strong>&nbsp;เข้ารับคำขอสินเชื่อได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่&nbsp;30&nbsp;พฤษภาคม&nbsp;2565&nbsp;หรือจนกว่าวงเงินจะหมด&nbsp;สามารถติตต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่&nbsp;กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรม&nbsp;สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;โทร&nbsp;0&nbsp;5361&nbsp;1089&nbsp;ต่อ&nbsp;13&nbsp;หรือ&nbsp;สมัครผ่านทางเว็บไซด์&nbsp;https:/thaismefund.com&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>28/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128112935514 พ่อเมืองสุพรรณบุรี เยี่ยมชมตลาดชุมชนด้านหลังศาลากลางจังหวัดและให้กำลังใจเกษตรกรและผู้ผลิตสินค้าชุมชน<p><strong>(28&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ที่บริเวณตลาดชุมชนด้านหลังศาลากลางจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;</strong>นายณัฐภัทร&nbsp;สุวรรณประทีป&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นางนภัสสร&nbsp;สุวรรณประทีป&nbsp;ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;เยี่ยมชมการจับจ่ายซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์เกษตร&nbsp;และสินค้าชุมชน&nbsp;โดยเกษตรกรและผู้ผลิตสินค้าชุมชนมาออกร้านจำหน่ายพบผู้บริโภคโดยตรง&nbsp;ซึ่งเป็นการเปิดตัวตลาดครั้งแรกภายหลังที่ต้องปิดตัวลงชั่วคราวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>โอกาสนี้&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;ได้พูดคุยสอบถามและให้กำลังใจพ่อค้าแม่ค้า</strong>ที่มาร่วมเปิดร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและสินค้าชุมชนในครั้งนี้ด้วย</p><p><strong>ด้านพ่อค้าแม่ค้าที่มาร่วมจำหน่ายสินค้า&nbsp;ต่างรู้สึกดีใจ&nbsp;</strong>ที่ตลาดชุมชนแห่งนี้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง&nbsp;เพื่อเป็นช่องทางการเพิ่มรายได้&nbsp;โดยบางรายเป็นอาชีพหลัก&nbsp;บางรายเป็นอาชีพเสริม&nbsp;บางรายต้องปรับตัวจากเกษตรกรส่งออกกุ้งสด&nbsp;มาเป็นการแปรรูปกุ้งจำหน่ายในพื้นที่&nbsp;และได้ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวการเปิดตลาดจากไลน์กลุ่ม&nbsp;ซึ่งมีเงื่อนไขสำหรับผู้ที่จะเข้าร่วมจำหน่ายสินค้าต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19&nbsp;ครบ&nbsp;2&nbsp;เข็มเป็นอย่างน้อย&nbsp;และร้านค้าต้องมีมาตรการป้องกันโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;โดยพ่อค้าแม่ค้าต่างยินดีให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการอย่างเต็มที่&nbsp;</p><p><strong>สำหรับตลาดชุมชน&nbsp;ตลาดท้องถิ่น&nbsp;</strong>ด้านหลังศาลากลางจังหวัดสุพรรณบุรี&nbsp;เปิดบริการทุกวันศุกร์&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;08.00&nbsp;น.&nbsp;เป็นต้นไป</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>28/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสุพรรณบุรีสวท.สุพรรณบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128113928519 มหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติวิถีถิ่น วิถีไทย 4 ภาค กระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นฟูการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม<p><strong>นายอิทธิพล&nbsp;คุณปลื้ม&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;งานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ&nbsp;วิถีถิ่น&nbsp;วิถีไทยจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่&nbsp;2&nbsp;&nbsp;โดยนำทุนทางวัฒนธรรมมาสร้างงาน&nbsp;&nbsp;สร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในจังหวัดของทุกภาค&nbsp;เป็นการฟื้นวิกฤติจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;ส่งเสริมและเปิดพื้นที่ให้ศิลปินศิลปินพื้นบ้านแขนงต่างๆ&nbsp;ได้มีโอกาสถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมการแสดงและมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมท้องถิ่นไปสู่เยาวชนและประชาชน&nbsp;รวมทั้งสนับสนุนการนำสินค้าผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย&nbsp;ซีพอต&nbsp;และสินค้าทางวัฒนธรรมของชุมชนคุณธรรมที่มีกว่า&nbsp;2&nbsp;หมื่นแห่งทั่วประเทศมาจัดจำหน่ายภายใต้การจัดมาตรการป้องกันโควิด-19&nbsp;&nbsp;อย่างเคร่งครัด&nbsp;การจัดงานในปีที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาค&nbsp;นั้นๆ&nbsp;แห่งละไม่ต่ำกว่า&nbsp;50&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการทางวัฒนธรรม&nbsp;ศิลปิน&nbsp;&nbsp;และการท่องเที่ยวของจังหวัด</p><p><strong>สำหรับการจัดงานครั้งนี้กำหนดจัดขึ้น&nbsp;4&nbsp;ภาค</strong>&nbsp;ได้แก่&nbsp;งานเสน่ห์เมืองหนังโนรา&nbsp;รังสรรค์ศิลป์ถิ่นใต้&nbsp;ที่จังหวัดพัทลุง&nbsp;วันที่&nbsp;10-13&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาส(ยูเนสโก)&nbsp;ประกาศขึ้นทะเบียนโนราเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ&nbsp;มีจำหน่ายอาหารและผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม&nbsp;14&nbsp;จังหวัดภาคใต้&nbsp;ภาคกลางจัดงานในเดือนเมษายน&nbsp;2565&nbsp;ที่จังหวัดตราด&nbsp;&nbsp;ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ&nbsp;จัดในเดือนพฤษภาคม&nbsp;ที่จังหวัดกาฬสินธุ์&nbsp;และภาคเหนือจัดงานในเดือนกรกฎาคม&nbsp;2565&nbsp;ที่จังหวัดพิษณุโลก&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p>28/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128154533663 สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดแสดงและจำหน่ายสินค้าคุณภาพดี ราคาประหยัด ส่งเสริมช่องทางการตลาด และบรรเทาปัญหาค่าครองชีพแก่ผู้ผลิตและผู้ประกอบการ OTOP ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( วันที่ 28 มกราคม 2565 )<p><strong>เช้าวันนี้&nbsp;(28&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ผู้ประกอบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;ทำการจัดแสดง</strong>และจำหน่ายสินค้าคุณภาพดี&nbsp;ราคาประหยัด&nbsp;ซึ่งจัดโดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;เพื่อส่งเสริมช่องทางการตลาด&nbsp;และบรรเทาปัญหาค่าครองชีพแก่ผู้ผลิตและผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(COVID-19)&nbsp;บริเวณห้องโถงหน้ากองคลัง&nbsp;ชั้น&nbsp;1&nbsp;อาคาร&nbsp;4&nbsp;ชั้น&nbsp;ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา</p><p><strong>สำหรับการจัดบูธจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในวันนี้&nbsp;เป็นผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;</strong>จาก"กลุ่มชุมชน&nbsp;OTOP"&nbsp;อำเภอลาดบัวหลวง&nbsp;จัดจำหน่ายผลิตเกษตรกร&nbsp;อาทิ&nbsp;ผักปลอดสารพิษมะม่วง&nbsp;กล้วยน้ำหว้า&nbsp;มะนาว&nbsp;ส้มโอ&nbsp;เมล่อน&nbsp;ปลาแดดเดียว&nbsp;และผักผลไม้อบกรอบ</p><p><strong>"ร้านปู่แสวง"&nbsp;อำเภอลาดบัวหลวง</strong>&nbsp;จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แท่นยืนคลายเส้น&nbsp;ช่วยผ่อนคลายเส้นสายในร่างกายให้เบาโล่งสบาย&nbsp;ราคาย่อมเยาเพื่อสุขภาพดี</p><p><strong>ผู้ที่สนใจร่วมอุดหนุนสินค้า&nbsp;สามารถติดต่อได้ที่&nbsp;</strong>035&nbsp;336542</p><p><br></p><p>ข่าว&nbsp;:&nbsp;สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา</p><p>เว็บไซต์&nbsp;:&nbsp;<a&nbsp;href="https://ayutthaya.prd.go.th/"&nbsp;rel="noopener&nbsp;noreferrer"&nbsp;target="_blank">https://ayutthaya.prd.go.th/</a></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>28/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลพระนครศรีอยุธยาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128122016534 ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเนื้อหมูและสินค้าราคาแพง เปิดพื้นที่ศูนย์ราชการจัดตลาดนัดชุมชนช่วยลดค่าครองชีพ<p><strong>วันนี้&nbsp;(28&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี</strong>&nbsp;ซึ่งจัดให้มีตลาดนัดชุมชนสินค้าราคาถูกลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชน&nbsp;ภายใต้แนวคิดของนายวิชวุทย์&nbsp;จินโต&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;และส่วนราชการที่เกี่ยวไข้อง&nbsp;เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค&nbsp;ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19&nbsp;และผลกระทบจากราคาเนื้อหมูในท้องตลาดที่ปรับสูงขึ้น&nbsp;</p><p><strong>โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา&nbsp;หลังเปิดจำหน่ายสินค้ามีประชาชน</strong>ผู้บริโภคเดินทางมาจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก&nbsp;โดยเฉพาะเนื้อหมูและไก่สดราคาถูก&nbsp;รวมทั้งสินค้าประเภทอาหารและสินค้าอื่นๆ&nbsp;&nbsp;โดยหมูเนื้อแดงจำหน่ายกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;หมูสามชั้น&nbsp;180&nbsp;บาท&nbsp;ซี่โครงหมูกิโลกรัมละ&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;ขณะที่อกไก่กิโลกรัมละ&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;น่องติดสะโพกกิโลกรมละ&nbsp;75&nbsp;บาท&nbsp;รวมทั้งสินค้าอื่นๆ&nbsp;ในราคาย่อมเยาอีกมากมาย&nbsp;อาทิ&nbsp;ผัก&nbsp;ผลไม้&nbsp;น้ำมันพืช&nbsp;ซอสปรุงรส&nbsp;ไก่เนื้อ&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ไข่เค็ม&nbsp;กุนเชียง&nbsp;สินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;และอาหารสดแช่แข็ง&nbsp;เป็นต้น&nbsp;โดยตลาดนัดแห่งนี้เปิดจำหน่ายทุกเช้าวันศุกร์&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;ยังมีจุดจำหน่ายเนื้อหมูราคาถูก</strong>&nbsp;จำนวน&nbsp;6&nbsp;จุด&nbsp;ได้แก่&nbsp;1.ร้านหมูวิทยา&nbsp;คงหวาน&nbsp;ถนนตลาดใหม่&nbsp;2.ร้านเอ-วิน&nbsp;หมูสด&nbsp;ถนนตลาดล่าง&nbsp;3.ร้านข้าวหอม-ข้าวฟ่าง&nbsp;หมูสด&nbsp;ถนนตลาดล่าง&nbsp;4.ร้านณีหมูคุณภาพ&nbsp;หมู่ที่&nbsp;3&nbsp;ตำบลมะขามเตี้ย&nbsp;5.ร้านยกครัว&nbsp;หมู่ที่&nbsp;6&nbsp;ตำบลคลองน้อย&nbsp;อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี&nbsp;&nbsp;และ&nbsp;6.ร้านวัฒนาฟาร์มฟู๊ด&nbsp;ถนนศรีเวียง&nbsp;อำเภอบ้านนาสาร&nbsp;เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้บริโภค&nbsp;ที่ได้รับผลกระทบจากราคาเนื้อหมูในท้องตลาดปรับสูงขึ้น.&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND<span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></strong></p>28/1/2022ภาคใต้สุราษฎร์ธานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128130655558 ขนส่งปากน้ำ กำชับประชาชนหมั่นตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องยนต์ของรถให้มีค่าควันดำไม่เกินกำหนด<p><strong>นางสุนิสา&nbsp;อนันตกูล&nbsp;ขนส่งจังหวัดสมุทรปราการ&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;สำนักงานขนส่งจังหวัดสมุทรปราการ&nbsp;จัดชุดปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง&nbsp;ประชาสัมพันธ์แนะนำและกำชับผู้มาติดต่อดำเนินการด้านใบอนุญาตขับรถ&nbsp;ให้หมั่นตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องยนต์ของรถให้มีค่าควันดำไม่เกินกำหนด&nbsp;กรณีใช้รถบรรทุกสินค้าหรือสิ่งของให้ปิดคลุมป้องกันการตกหล่นรั่วไหลให้เรียบร้อยด้วย&nbsp;และหากพบเห็นรถควันดำ&nbsp;หรือไม่ปิดคลุมป้องกันสินค้าหรือสิ่งของที่บรรทุก&nbsp;โปรดแจ้งข้อมูลร้องเรียนทาง&nbsp;Facebook&nbsp;“1584&nbsp;ร้องเรียนรถโดยสารสาธารณะ”&nbsp;หรือสายด่วน&nbsp;โทร&nbsp;1584&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ชุดปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจวัดควันดำ</strong>รถที่เข้ารับตรวจเพื่อดำเนินการทางทะเบียนและภาษี&nbsp;ณ&nbsp;สำนักงานขนจังหวัดฯ&nbsp;ขนส่งสาขาพระประแดง&nbsp;และสถานตรวจสภาพรถ&nbsp;(ตรอ.)&nbsp;จำนวน&nbsp;507&nbsp;คัน&nbsp;พบว่ามีค่าควันดำไม่เกินกำหนด&nbsp;499&nbsp;คัน&nbsp;และมีค่าควันดำเกินกำหนด&nbsp;8&nbsp;คัน&nbsp;โดยให้ปรับปรุงแก้ไขก่อนนำรถเข้าตรวจสอบใหม่&nbsp;ตรวจวัดควันดำรถตามโครงการตรวจสอบมลพิษทางอากาศและเสียงรถราชการ&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;คัน&nbsp;ไม่พบว่ามีค่าควันดำเกินกำหนด&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>28/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสมุทรปราการสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรปราการhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128134634576 สายการบินไทยสมายล์ ขยายเส้นทางบินใหม่ ผลักดันศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ<p><strong>นายอาคม</strong>&nbsp;<strong>เติมพิทยาไพสิฐ</strong>&nbsp;<strong>รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง</strong>&nbsp;เป็นประธานในพิธีเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์&nbsp;สายการบินไทยสมายล์&nbsp;เส้ยทางสุวรรณภูมิ&nbsp;–&nbsp;ร้อยเอ็ด&nbsp;อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร&nbsp;โดยจะให้บริการบินตรงทุกวัน&nbsp;วันละ&nbsp;1&nbsp;เที่ยวบิน&nbsp;พร้อมบริการฟูลเซอร์วิส</p><p><strong>ด้านบริษัท&nbsp;การบินกรุงเทพ&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)</strong>&nbsp;หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส&nbsp;แจ้งเพิ่มความถี่เที่ยวบินเส้นทางบินระหว่าง&nbsp;กรุงเทพฯ&nbsp;(สุวรรณภูมิ)&nbsp;-&nbsp;พนมเปญ&nbsp;(กัมพูชา)&nbsp;(ไป-กลับ)&nbsp;เป็นวันละ&nbsp;2&nbsp;เที่ยวบิน&nbsp;เพื่อสนับสนุนความต้องการเดินทางระหว่างประเทศ&nbsp;เริ่มตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;</p><p><strong>ด้วยเครื่องบินแบบแอร์บัส&nbsp;เอ&nbsp;319&nbsp;หรือ&nbsp;เอ&nbsp;320</strong>&nbsp;โดยเที่ยวบิน&nbsp;PG935&nbsp;ออกจากสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ&nbsp;เวลา&nbsp;17.20&nbsp;น.&nbsp;ถึงสนามบินนานาชาติพนมเปญ&nbsp;เวลา&nbsp;18.35&nbsp;น.&nbsp;&nbsp;และเที่ยวบิน&nbsp;PG936&nbsp;ออกจากสนามบินนานาชาติพนมเปญ&nbsp;เวลา&nbsp;19.25&nbsp;น.&nbsp;ถึงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ&nbsp;เวลา&nbsp;20.40&nbsp;น.</p><p><br></p><p><br></p>28/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128153838641 ผู้ว่าฯ ระยองเยี่ยมชมตลาดนัดของดีระยองออฟไลน์ ยกของดีระยองออนไลน์มาให้เลือกซื้อ<p><strong>เมื่อวันที่&nbsp;28&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;08.30&nbsp;น.&nbsp;ที่บริเวณหอประชุมหน้าศาลากลางจังหวัดระยอง&nbsp;</strong>นายชาญนะ&nbsp;เอี่ยมแสง&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายอนันต์&nbsp;นาคนิยม&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง&nbsp;นางสาวสุวีรยา&nbsp;ปั้นปาน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดระยอง&nbsp;และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเยี่ยมชมการจัดบูธขายสินค้าตามโครงการระยองสเปซ&nbsp;ตลาดนัดของดีระยอง&nbsp;"ออฟไลน์"&nbsp;ที่ยกของดีจังหวัดระยองในระยองสเปซออนไลน์&nbsp;มาให้เลือกซื้อ&nbsp;ได้แก่&nbsp;ชุดผ้าไทย&nbsp;ผลิตภัณฑ์จากเครื่องหนัง&nbsp;อาหารทะเล&nbsp;ทุเรียนทอด&nbsp;น้ำสับปะรด&nbsp;น้ำสำรอง&nbsp;อาหารสด&nbsp;อาหารแปรรูปต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;หมูเนื้อแดงราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;จากโครงการหมูพาณิชย์...ลดราคา!&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;จังหวัดระยอง&nbsp;รวมถึงร้านค้าสวัสดิการแม่วัยรุ่นจังหวัดระยอง&nbsp;โดยบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดระยอง&nbsp;ร้านค้าจากโครงการส่งเสริมช่องทางการตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มอาชีพจังหวัดระยอง?&nbsp;โดยสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดระยอง&nbsp;สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดระยอง&nbsp;และอีกมากมาย&nbsp;โดยมีกำหนดจัดงาน&nbsp;3&nbsp;วัน&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;26&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่ผ่านมา</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>28/1/2022ภาคตะวันออกระยองสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยองhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128153238630 คาดการณ์เศรษฐกิจไทย ปี 2565 ขยายตัวที่ร้อยละ 4 ต่อปี จากการฟื้นตัวของการใช้จ่ายในประเทศ <p><strong>นายพรชัย&nbsp;ฐีระเวช&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง</strong>&nbsp;ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;เศรษฐกิจไทยในปี&nbsp;2565&nbsp;คาดว่าจะขยายตัวเร่งขึ้นมาอยู่ในช่วงร้อยละ&nbsp;4&nbsp;ต่อปี&nbsp;โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายในประเทศ&nbsp;ที่ขยายตัวหลังสถานการณ์&nbsp;COVID-19&nbsp;และภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาขยายตัวหลังจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ&nbsp;ผ่านระบบ&nbsp;Test&nbsp;&amp;&nbsp;Go&nbsp;อีกครั้ง&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;ซึ่งคาดว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย&nbsp;จำนวน&nbsp;7&nbsp;ล้านคน&nbsp;</p><p><strong>ขณะที่การส่งออกสินค้า&nbsp;จะขยายตัวที่ร้อยละ&nbsp;3.6&nbsp;ต่อปี</strong>&nbsp;ตามอุปสงค์โลกที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;การดำเนินนโยบายของภาครัฐ&nbsp;จะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง&nbsp;โดยในปี&nbsp;2565&nbsp;ภาครัฐจะมีการใช้จ่าย&nbsp;จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;วงเงิน&nbsp;3.1&nbsp;ล้านล้านบาท&nbsp;และงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;วงเงิน&nbsp;3.07&nbsp;แสนล้านบาท&nbsp;รวมทั้งจาก&nbsp;พ.ร.ก.&nbsp;กู้เงินเพิ่มเติม&nbsp;วงเงิน&nbsp;5&nbsp;แสนล้านบาทในส่วนที่เหลือ&nbsp;ที่คาดว่าจะมีการเบิกจ่ายได้อย่างต่อเนื่อง&nbsp;ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในทุกกลุ่มอย่างตรงจุด&nbsp;รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;ควบคู่กับการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจต่างๆ&nbsp;</p><p><strong>แรงสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐ&nbsp;</strong>จะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ&nbsp;ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจ&nbsp;รวมทั้งการลงทุนในประเทศปรับตัวสูงขึ้น&nbsp;โดยการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวได้ที่ร้อยละ&nbsp;5.0&nbsp;ต่อปี&nbsp;ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ร้อยละ&nbsp;1.9&nbsp;ซึ่งยังอยู่ภายในกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกันกำหนดไว้</p><p><strong>ขณะที่ปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย&nbsp;</strong>เช่น&nbsp;สถานการณ์&nbsp;COVID-19&nbsp;ความผันผวนของเศรษฐกิจและการเงินโลก&nbsp;ตลาดแรงงานที่ยังคงฟื้นตัวไม่เต็มที่และราคาพลังงาน&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;กระทรวงการคลัง&nbsp;จะติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด&nbsp;และพร้อมที่จะดำเนินมาตรการทางการคลังและการเงินที่เหมาะสม&nbsp;เพื่อให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่องและทั่วถึงในทุกภาคส่วน</p><p><strong>สำหรับในปี&nbsp;2564&nbsp;ที่ผ่านมา</strong>&nbsp;คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ร้อยละ&nbsp;1.2&nbsp;ต่อปี&nbsp;ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับประมาณการครั้งก่อน&nbsp;โดยช่วงครึ่งหลังของปี&nbsp;2564&nbsp;เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีกว่าที่คาดไว้&nbsp;เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ&nbsp;ซึ่งมีส่วนสำคัญในการประคับประคองเศรษฐกิจและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศที่ปรับดีขึ้นและการเร่งกระจายวัคซีนที่มีความครอบคลุมมากขึ้น&nbsp;ขณะที่การส่งออกสินค้าขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่ทยอยคลี่คลายลง&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p>28/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128153737636 ปางอุ๋ง อุณภูมิ 12 องศา นักท่องเที่ยวขึ้นมารับลมหนาวเคล้าไอหมอกต่อเนื่อง<p><strong>เช้าวันนี้&nbsp;(28&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ที่ปางอุ๋งคึกคัก&nbsp;</strong>อุณหภูมิ&nbsp;12&nbsp;องศาเซลเซียส&nbsp;นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวรับลมหนาวอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ซึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือ&nbsp;การล่องแพไม้ไผ่ฝ่าหมอกขาว&nbsp;ท่ามกลางป่าสนที่เรียงรายเป็นทิวแถวสวยงาม&nbsp;และชมความสวยงามของดอกซากุระเมืองไทยหรือนางพญาเสือโคร่งที่บานต้อนรับนักท่องเที่ยวช่วงหน้าหนาว&nbsp;มาเที่ยวที่นี่นอกจากจะฟินกับบรรยากาศและความสวยงามแล้ว&nbsp;ยังมั่นใจได้ว่าสินค้า/บริการมีความปลอดภัยและถูกต้องตามหลักอนามัย&nbsp;เนื่องจากปางอุ๋งได้รับมาตรฐานด้านสุขอนามัย&nbsp;(SHA+)&nbsp;แล้ว</p><p><strong>ในด้านของมาตรการสาธารณสุข&nbsp;</strong>นักท่องเที่ยวต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบ&nbsp;2&nbsp;เข็ม&nbsp;หรือผลการตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;อย่างน้อย&nbsp;30&nbsp;นาที&nbsp;หรือตรวจจากที่พักก่อนเข้าพื้นที่&nbsp;สวมหน้ากากอนามัย&nbsp;ตรวจวัดอุณหภูมิ&nbsp;นำเต็นท์และอุปกรณ์มาเอง</p><p><strong>Check-in&nbsp;ผ่านแอพไทยชนะ</strong>&nbsp;เตรียมบัตรประชาชนและเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนฯ&nbsp;ครบ&nbsp;2&nbsp;เข็ม&nbsp;หรือแสดงชุดตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;อย่างน้อย&nbsp;30&nbsp;นาที&nbsp;หรือ&nbsp;เอกสารการตรวจโรคโควิด-19&nbsp;กรอกใบลงทะเบียนการเข้าพักของอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ&nbsp;Check-out&nbsp;แอพ&nbsp;QueQ&nbsp;และ&nbsp;แอพไทยชนะ</p><p><strong>ในส่วนของขั้นตอนการพักแรมพื้นที่ลานกางเต็นท์ปางอุ๋งตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19&nbsp;</strong>ให้จองพื้นที่ลานกางเต็นท์ในเว็บไซต์&nbsp;www.nps.dnp.go.th&nbsp;ลงทะเบียนเข้าอุทยานฯล่วงหน้าผ่านแอพ&nbsp;QueQ</p><p>ปางอุ๋ง&nbsp;หรือโครงการสวนป่าในพระราชดำริปางตอง&nbsp;2&nbsp;อยู่ในอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ&nbsp;จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;เป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบอันดับต้นๆ&nbsp;ของเมืองไทย&nbsp;เนื่องจากมีป่าสนขึ้นเรียงรายอยู่รอบ&nbsp;ๆ&nbsp;อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บนยอดเขา&nbsp;บรรยากาศสงบเงียบ&nbsp;โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม&nbsp;อากาศหนาวๆ&nbsp;เช้าๆ&nbsp;จะมีลมหนาวพัดมาพร้อมกับไอหมอกที่ลอยอยู่เหนือผืนน้ำ&nbsp;ประกอบกับความสวยงามของแสงแดดอุ่นๆ&nbsp;สาดแสงแรกกระทบยอดเขาเป็นภาพที่สวยงามที่สุดจนถูกขนานนามว่า&nbsp;“สวิสเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย”</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>28/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128145844602 คณะทำงานตรวจสอบสต็อกน้ำมันปาล์มคงเหลือทั้งระบบจังหวัดตราด ลงพื้นที่ตรวจสอบปริมาณน้ำมันปาล์มคงเหลือทั้งระบบของจังหวัดตราด<p><strong>นางวรัญญา&nbsp;ถนอมพันธุ์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตราด&nbsp;นำคณะทำงานตรวจสอบ</strong>สต็อกน้ำมันปาล์มคงเหลือทั้งระบบจังหวัดตราด&nbsp;ได้แก่&nbsp;ผู้แทนนายอำเภอเมืองตราด&nbsp;ผู้แทนเกษตรและสหกรณ์จังหวัดตราด&nbsp;ผู้แทนสภาเกษตกรจังหวัดตราด&nbsp;พร้อมผู้ร่วมสังเกตการณ์&nbsp;ได้แก่&nbsp;ผู้แทนผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด&nbsp;และผู้แทนหัวหน้าชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่&nbsp;1&nbsp;บ่อไร่&nbsp;เข้าร่วมตรวจสอบสต็อกน้ำมันปาล์มของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม&nbsp;จำนวน&nbsp;2&nbsp;แห่ง&nbsp;ได้แก่&nbsp;บริษัท&nbsp;ไทยอีสเทิร์นตราด&nbsp;จำกัด&nbsp;และ&nbsp;บริษัท&nbsp;สุขสมบูรณ์&nbsp;น้ำมันปาล์ม&nbsp;บ่อไร่&nbsp;จำกัด&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุน&nbsp;เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มที่สูงขึ้น&nbsp;</p><p><strong>พาณิชย์จังหวัดตราด&nbsp;เผยว่า&nbsp;จากสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมันที่สูงขึ้น</strong>&nbsp;เกิดความกังวลว่าผู้ประกอบการรายใหญ่จะกักตุนสินค้า&nbsp;ทำให้ราคาปาล์มน้ำมันทั้งระบบพุ่งสูงขึ้นอีก&nbsp;ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริโภคเป็นวงกว้าง&nbsp;จึงมีการออกตรวจสต๊อกปาล์มน้ำมัน&nbsp;โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ&nbsp;โรงกลั่นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์&nbsp;ตลอดจนคลังน้ำมันปาล์ม&nbsp;เพื่อตรวจสอบปริมาณน้ำมันปาล์มดิบคงเหลือว่ามีเพียงพอหรือมีการกักตุนมากผิดปกติหรือไม่&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ได้กำชับให้ผู้ประกอบการแจ้งการครอบครอง&nbsp;หรือแจ้งปริมาณ</strong>ตามที่กฎหมายกำหนด&nbsp;หากฝ่าฝืนก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย&nbsp;และหากผู้บริโภคพบเห็นการกระทำผิดฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า&nbsp;กักตุน&nbsp;หรือปฎิเสธการจำหน่าย&nbsp;สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;กระทรวงพาณิชย์&nbsp;1569&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตราด&nbsp;039-512711&nbsp;หรือ&nbsp;สายด่วน&nbsp;บก.ปคบ.1135</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>28/1/2022ภาคตะวันออกตราดสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128153740640 พาณิชย์จังหวัดตราด นำคณะลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ประกอบการร้านทองและผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าไหว้เจ้า ก่อนเทศกาลตรุษจีน ปี 2565<p><strong>วันนี้&nbsp;(2&nbsp;8ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตราด</strong>&nbsp;พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดตราด&nbsp;นำคณะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบผู้ประกอบการธุรกิจจำหน่ายทองรูปพรรณและผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าสำหรับไหว้เจ้า&nbsp;ก่อนช่วงเทศกาลตรุษจีนปี&nbsp;2565&nbsp;ในห้างสรรพสินค้าค้าปลีก&nbsp;ค้าส่ง&nbsp;และร้านค้ารายย่อยในเขตตัวเมืองตราด</p><p><strong>สำหรับการออกตรวจร้านทองและสินค้าไหว้เจ้า&nbsp;</strong>ก่อนช่วงเทศกาลตรุษจีนปี&nbsp;2565&nbsp;ในครั้งนี้&nbsp;เนื่องจากใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีนของทุกปีประชาชนผู้บริโภคส่วนมากจะนิยมซื้อสินค้าประเภททองรูปพรรณจากร้านทองต่างๆ&nbsp;ซึ่งสินค้าดังกล่าวจะต้องจัดทำฉลากให้ถูกต้องตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก&nbsp;(ฉบับที่6)&nbsp;พ.ศ.2544&nbsp;เรื่อง&nbsp;ให้ทองรูปพรรณเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลากและประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลากฉบับที่&nbsp;13&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2556&nbsp;เรื่อง&nbsp;ให้ทองรูปพรรณเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก&nbsp;ฉบับที่&nbsp;2&nbsp;โดยต้องแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อสินค้า&nbsp;ชื่อ&nbsp;ที่อยู่ของผู้ประกอบธุรกิจ&nbsp;ปริมาณความบริสุทธิ์ของทองรูปพรรณ&nbsp;น้ำหนักทองรูปพรรณ&nbsp;ค่าแรงหรือค่ากำเหน็จ&nbsp;ราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณตามที่สมาคมค้าทองคำกำหนด&nbsp;</p><p><strong>ในช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน&nbsp;ห้างสรรพสินค้า&nbsp;ซุปเปอร์มาร์เก็ต&nbsp;หรือร้านค้าส่วนใหญ่&nbsp;</strong>จะเริ่มนำสินค้าสำหรับไหว้เจ้าไหว้บรรพบุรุษและเครื่องไหว้ที่ประกอบไปด้วย&nbsp;อาหารคาวหวาน&nbsp;ดังนั้นทางจังหวัดตราดโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้ดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบสินค้าดังกล่าว&nbsp;ที่วางจำหน่าย&nbsp;ให้เป็นไปตามกฎหายที่เกี่ยวข้อง&nbsp;คือ&nbsp;พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค&nbsp;(ฉบับที่2)&nbsp;&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2541&nbsp;พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542&nbsp;และประกาศของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ฉบับที่&nbsp;61&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2564&nbsp;ลงวันที่&nbsp;1&nbsp;กรกฎาคม&nbsp;2564&nbsp;เรื่อง&nbsp;การแสดงราคาสินค้าและค่าบริการให้ครบถ้วนถูกต้อง&nbsp;และประชาชนผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้า&nbsp;เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการเอาเปรียบผู้บริโภค&nbsp;</p><p><strong>โดยเฉพาะสินค้าที่จัดจำหน่ายจะต้องมีคุณภาพคุ้มค่ากับราคาที่แสดง</strong>&nbsp;อาหารต้องไม่หมดอายุ&nbsp;และต้องมีการแสดงราคาจำหน่ายปลีกสินค้าหรือบริการที่ชัดเจน&nbsp;เปิดเผย&nbsp;และสามารถอ่านได้ง่าย&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;จากการตรวจสอบครั้งนี้พบว่าผู้ประกอบการได้ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามประกาศของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการได้อย่างถูกต้อง</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>28/1/2022ภาคตะวันออกตราดสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128154711668 จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ตลาดเทศบาลเมืองกันตังและตลาดแหลมม่วง อำเภอกันตัง เพื่อติดตามสถานการณ์ ปริมาณ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค<p><strong>นางสาวสุภากิตติ์&nbsp;เกลี้ยงสงค์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;&nbsp;</strong>&nbsp;ผู้แทนพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;พร้อมด้วยนายอำเภอกันตัง&nbsp;นายกเทศมนตรีเมืองกันตัง&nbsp;ผู้แทนปลัดจังหวัด&nbsp;ผู้แทนปศุสัตว์จังหวัด&nbsp;ผู้แทนตำรวจภูธรจังหวัด&nbsp;ผู้แทนผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด&nbsp;ลงพื้นที่ตลาดเทศบาลเมืองกันตังและตลาดแหลมม่วง&nbsp;อำเภอกันตัง&nbsp;เพื่อติดตามสถานการณ์&nbsp;ปริมาณ&nbsp;ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;และกำกับดูแลร้านค้าให้ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าอย่างชัดเจน&nbsp;ไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุอันควร&nbsp;ป้องกันการกักตุนและปฏิเสธการจำหน่ายสินค้า&nbsp;</p><p><strong>จากการตรวจสอบ&nbsp;พบว่าร้านค้าส่วนใหญ่&nbsp;ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายอย่างชัดเจน</strong>&nbsp;อาทิ&nbsp;ราคาจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละราคา&nbsp;เนื้อแดงกิโลกรัมละ&nbsp;180-190&nbsp;บาท&nbsp;สามชั้นกิโลกรัมละ&nbsp;200-210&nbsp;บาท&nbsp;ไก่ทั้งตัวไม่รวมเครื่องในราคากิโลกรัมละ&nbsp;70-80&nbsp;บาท&nbsp;ผักกาดขาวกิโลกรัมละ&nbsp;25&nbsp;บาท&nbsp;ดอกกะหล่ำกิโลกรัมละ&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;มะนาวแป้นกิโลกรัมละ&nbsp;60&nbsp;บาท&nbsp;เป็นต้น&nbsp;</p><p><strong>จากสถานการณ์ปัจจุบันราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพปรับตัวสูงขึ้น</strong>&nbsp;ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนโดยรวม&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังจึงได้มอบหมายสำนักงานพาณิชย์จังหวัด&nbsp;บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ออกตรวจติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพประชาชน&nbsp;อาทิ&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;ไก่สด&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ในตลาดสด/ตลาดนัด&nbsp;และร้านจำหน่ายเนื้อหมูในพื้นที่&nbsp;10&nbsp;อำเภอของจังหวัดตรัง&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;25&nbsp;มกราคม&nbsp;–&nbsp;10&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;เพื่อกำกับดูแลร้านค้าให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด&nbsp;และสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้า&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>28/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128172632736 จังหวัดตรัง ตรวจสอบสต็อกน้ำมันปาล์มคงเหลือทั้งระบบ ประจำเดือนมกราคม 2565<p><strong>นางสาวสุภากิตติ์&nbsp;เกลี้ยงสงค์&nbsp;พาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;คณะทำงานตรวจสอบสต็อกน้ำมันปาล์มคงเหลือทั้งระบบจังหวัดตรัง&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ผู้แทนจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ผู้แทนจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง&nbsp;ผู้แทนจากสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดตรัง&nbsp;และผู้แทนจากสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดตรัง&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;ตำรวจภูธรจังหวัดตรัง&nbsp;ดำเนินการตรวจสอบสต็อกน้ำมันปาล์มคงเหลือประจำเดือนมกราคม&nbsp;2565&nbsp;ของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบและโรงผลิตไบโอดีเซล&nbsp;รวม&nbsp;5&nbsp;แห่ง&nbsp;ได้แก่&nbsp;</p><p>1)&nbsp;บจ.พิทักษ์ปาล์มออยล์&nbsp;</p><p>2)&nbsp;บจ.เอส.พี.โอ.อะโกร&nbsp;</p><p>3)&nbsp;บมจ.ล่ำสูง&nbsp;(ประเทศไทย)&nbsp;</p><p>4)&nbsp;บจ.ตรังน้ำมันปาล์ม&nbsp;</p><p>5)&nbsp;บจ.&nbsp;พารากอนอกรีเทค&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง&nbsp;ได้สรุปผลการตรวจสอบสต็อกน้ำมันปาล์ม</strong>&nbsp;ดังนี้&nbsp;1)&nbsp;CPO&nbsp;จำนวน&nbsp;2,313.707&nbsp;ตัน&nbsp;ลดลงจากเดือนก่อน&nbsp;1,065.179&nbsp;ตัน&nbsp;&nbsp;(ธ.ค.&nbsp;64&nbsp;&nbsp;จำนวน&nbsp;&nbsp;3,378.886&nbsp;ตัน)&nbsp;หรือลดลงร้อยละ&nbsp;31.5252)&nbsp;CPKO&nbsp;จำนวน&nbsp;279.922&nbsp;ตัน&nbsp;ลดลงจากเดือนก่อน&nbsp;68.345&nbsp;ตัน&nbsp;(ธ.ค.&nbsp;64&nbsp;จำนวน&nbsp;348.267&nbsp;ตัน)&nbsp;หรือลดลงร้อยละ&nbsp;19.6243)&nbsp;ปริมาณผลปาล์มที่รับซื้อ&nbsp;ตั้งแต่&nbsp;1-26&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;จำนวน&nbsp;30,689.865&nbsp;ตัน&nbsp;ลดลงจากเดือนก่อน&nbsp;&nbsp;1,258.365&nbsp;ตัน&nbsp;(ธ.ค.&nbsp;64&nbsp;จำนวน&nbsp;31,948.230&nbsp;ตัน)&nbsp;หรือลดลงร้อยละ&nbsp;3.9394)&nbsp;ปริมาณผลปาล์มที่ใช้ในการผลิต&nbsp;ตั้งแต่&nbsp;1-26&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;จำนวน&nbsp;27,963.330&nbsp;ตัน&nbsp;ลดลงจากเดือนก่อน&nbsp;6,927.111&nbsp;ตัน&nbsp;(ธ.ค.&nbsp;64&nbsp;จำนวน&nbsp;34,890.441)&nbsp;หรือลดลงร้อยละ&nbsp;19.854&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>28/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128172912737 กฟผ. Kick off ปลูกป่าเศรษฐกิจ จังหวัดน่าน ภายใต้โครงการ ปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม เพิ่มพื้นที่สีเขียว ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์<p><strong>นายกุลิศ&nbsp;สมบัติศิริ&nbsp;ปลัดกระทรวงพลังงานและประธานกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย&nbsp;(กฟผ.)&nbsp;</strong>เป็นประธานเปิดกิจกรรม&nbsp;Kick&nbsp;off&nbsp;ปลูกป่าเศรษฐกิจในโครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม&nbsp;โดยมีเป้าหมายในการจัดการปัญหาด้านคุณภาพอากาศ&nbsp;และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน&nbsp;เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวของประเทศรวมถึงเพิ่มการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์&nbsp;โดยมีนายกฤชเพชร&nbsp;เพชระบูรณิน&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน&nbsp;นายบุญญนิตย์&nbsp;วงศ์รักมิตร&nbsp;ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย&nbsp;(กฟผ.)&nbsp;นายชิดชนก&nbsp;สุขมงคล&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่&nbsp;13&nbsp;กรมอุทยานแห่งชาติ&nbsp;สัตว์ป่าและพันธุ์พืช&nbsp;ผู้บริหาร&nbsp;กฟผ.&nbsp;หน่วยงานราชการ&nbsp;หน่วยงานพันธมิตร&nbsp;นักเรียน&nbsp;นักศึกษา&nbsp;และชุมชนกว่า&nbsp;200&nbsp;คน&nbsp;เข้าร่วมกิจกรรม&nbsp;ณ&nbsp;บ้านพงษ์&nbsp;อำเภอสันติสุข&nbsp;จังหวัดน่าน</p><p><strong>นายกุลิศ&nbsp;สมบัติศิริ&nbsp;ปลัดกระทรวงพลังงานและประธานกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย&nbsp;(กฟผ.)</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;รัฐบาลและกระทรวงพลังงาน&nbsp;มีนโยบายในการยกระดับการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ&nbsp;เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี&nbsp;ค.ศ.&nbsp;2050&nbsp;และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์&nbsp;ภายในปี&nbsp;ค.ศ.&nbsp;2065&nbsp;-&nbsp;2070&nbsp;โครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วมจึงเป็นโครงการสำคัญที่สนองนโยบายดังกล่าว&nbsp;และนำมาปฏิบัติได้อย่างทันท่วงที&nbsp;สามารถสร้างประโยชน์ในการดูดซับและกักเก็บคาร์บอน&nbsp;ช่วยชดเชยการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตไฟฟ้า&nbsp;ซึ่งการดำเนินงานต้องอาศัยความร่วมมือและการรวมพลังกันของทุกภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องผนึกกำลังและแสดงเจตนารมณ์ในการดำเนินงานที่เป็นประโยชน์ให้กับประเทศ&nbsp;เพื่ออนาคตของประเทศไทยและคนไทยทุกคน</p><p><strong>ด้านนายบุญญนิตย์&nbsp;วงศ์รักมิตร&nbsp;ผู้ว่าการ&nbsp;กฟผ.&nbsp;กล่าวเพิ่มเติมว่า&nbsp;โครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วมของ&nbsp;กฟผ.&nbsp;</strong>เป็นโครงการที่สนองนโยบายรัฐบาล&nbsp;โดยมีเป้าหมายปลูกป่า&nbsp;จำนวน&nbsp;1,000,000&nbsp;ไร่&nbsp;ภายในระยะเวลา&nbsp;10&nbsp;ปี&nbsp;ในระหว่างปี&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565-2574&nbsp;โดยได้ดำเนินการปลูกป่าทั้งป่าอนุรักษ์&nbsp;ป่าชุมชน&nbsp;ป่าเศรษฐกิจและป่าชายเลน&nbsp;เพื่อดูดซับและกักเก็บคาร์บอนมากกว่า&nbsp;1.2&nbsp;ล้านตัน&nbsp;CO2&nbsp;ต่อปี&nbsp;และคาดว่าตลอดระยะเวลาโครงการฯ&nbsp;จะสามารถดูดซับและกักเก็บคาร์บอนได้ทั้งสิ้นประมาณ&nbsp;23.6&nbsp;ล้านตัน&nbsp;CO2&nbsp;และ&nbsp;กฟผ.&nbsp;ยังได้วางแนวทางการดูแลและบำรุงรักษาป่าอย่างต่อเนื่องจนถึงปี&nbsp;2583&nbsp;ผ่านการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนและพันธมิตร&nbsp;เพื่อตรวจติดตามอัตราการรอดตาย&nbsp;และอัตราการเติบโตของกล้าไม้ร่วมกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนการตรวจติดตาม</p><p><strong>สำหรับการปลูกป่าที่จังหวัดน่านในครั้งนี้&nbsp;เป็นป่าเศรษฐกิจมีจำนวน&nbsp;19&nbsp;ไร่&nbsp;ที่บ้านพงษ์&nbsp;อำเภอสันติสุข&nbsp;</strong>โดยก่อนหน้านี้&nbsp;กฟผ.&nbsp;ได้ร่วมมือกับพันธมิตร&nbsp;ดำเนินการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติในพื้นที่จังหวัดน่าน&nbsp;มาตั้งแต่&nbsp;ปี&nbsp;2537-2561&nbsp;ทั้งป่าสงวนแห่งชาติ&nbsp;ป่าต้นน้ำ&nbsp;ป่าชุมชน&nbsp;รวม&nbsp;105,800&nbsp;ไร่&nbsp;ครอบคลุม&nbsp;12&nbsp;อำเภอ&nbsp;สามารถดูดซับและกักเก็บคาร์บอนได้ทั้งสิ้นประมาณ&nbsp;100,000&nbsp;ตัน&nbsp;CO2&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p>&nbsp;</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p>28/1/2022ภาคเหนือน่านสวท.น่านhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128175630751 รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตรวจราคาสินค้าช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จังหวัดเชียงใหม่ ..<p><strong>รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์</strong>&nbsp;ระบุมาตรการตรึงราคาช่วยประชาชน&nbsp;จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของราคาสินค้าได้ในระดับหนึ่ง&nbsp;พร้อมสั่งการให้พาณิชย์จังหวัด&nbsp;หาแนวทางการปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกหอมหัวใหญ่&nbsp;หลังได้รับหนังสือร้องเรียนจากตัวแทนกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกหอมหัวใหญ่&nbsp;ขอให้เข้มงวดและชะลอการนำเข้าหอมหัวใหญ่จากต่างประเทศ..//</p><p><strong>นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฎ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์</strong>&nbsp;พร้อมคณะ&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการจําหน่ายสินค้าราคาพิเศษในช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;ที่ห้างแม็คโคร&nbsp;สาขาหางดง&nbsp;อำเภอเมืองเชียงใหม่&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;ซึ่งเป็นห้างค้าส่งที่ให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์มาโดยตลอด</p><p><strong>รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;&nbsp;</strong>ขณะนี้สถานการณ์ราคาสินค้าหมวดสำคัญกระทรวงพาณิชย์สามารถควบคุมราคาไว้ได้ในระดับที่ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ&nbsp;และบางตัวราคาถูกลงแล้ว&nbsp;เช่น&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ตรึงราคาหน้าฟาร์มไว้&nbsp;ฟองละ&nbsp;2.90&nbsp;บาทส่งผลให้ไข่ไก่เบอร์สามราคาไม่เกิน&nbsp;3.50&nbsp;บาท&nbsp;รวมทั้ง&nbsp;ราคาไก่สดซึ่งกระทรวงพาณิชย์เสนอ&nbsp;&nbsp;ครม.ให้ความเห็นชอบให้ไก่เป็นสินค้าควบคุม&nbsp;และได้มีข้อตกลงร่วมกันในห้างสำคัญ&nbsp;3&nbsp;ห้าง&nbsp;ประกอบด้วยแม็คโคร&nbsp;โลตัสและบิ๊กซี&nbsp;ให้จำหน่ายไก่ในราคาควบคุมของกระทรวงพาณิชย์เพื่อเป็นราคาชี้นำตลาด&nbsp;</p><p><strong>โดยกำหนดราคาไก่หน้าฟาร์มไว้ไม่เกิน&nbsp;40&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม</strong>&nbsp;ไก่ชำแหละทั้งตัวรวมเครื่องใน&nbsp;ราคา&nbsp;60-&nbsp;65&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;น่องติดสะโพกไม่เกิน&nbsp;60-65&nbsp;บาท&nbsp;ต่อกิโลกรัม&nbsp;น่องแยกและสะโพกแยก&nbsp;ราคา&nbsp;65&nbsp;-70&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;อกไก่&nbsp;ราคา&nbsp;70-75&nbsp;บาทต่อกิโลกรัม&nbsp;ส่วนราคาเนื้อหมูนั้น&nbsp;ให้กำกับราคาหมูหน้าฟาร์มไว้ที่กิโลกรัมละ&nbsp;100-110&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งจะส่งผลให้หมูเนื้อแดงขายที่กิโลกรัมละ&nbsp;200-220&nbsp;บาท&nbsp;และสินค้าหมวดอื่นๆราคาได้มีการปรับลดลงมา&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;ยังได้สั่งการให้มีการตรวจสต๊อกเนื้อหมูทั่วประเทศ&nbsp;เพื่อป้องกันการกักตุนและทำให้ปริมาณหมูขาดตลาด&nbsp;จากผลการตรวจ&nbsp;สต๊อกพบการกระทำความผิดบางพื้นที่และได้มอบนโยบายไปยังเจ้าหน้าที่ในสังกัดแล้วว่าถ้าพบการกระทำความผิดให้ดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเคร่งครัด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ยังได้มาตรวจสอบราคาสินค้าในช่วงเทศกาลตรุษจีนอีกด้วย&nbsp;เพื่อให้พี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน&nbsp;ได้ซื้อสินค้าไปไหว้เจ้า&nbsp;ในราคาที่ไม่แพง&nbsp;และได้รับผลกระทบน้อยที่สุด</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;หลังจากที่ได้มีการตรวจราคาสินค้าที่ห้างค้าส่งแมคโครสาขาหางดงแล้ว</strong>&nbsp;ได้มีตัวแทนกลุ่มสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่บ้านการพัฒนาจำกัด&nbsp;นำหนังสือร้องเรียนยื่นต่อนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อให้มีการเข้มงวดและชะลอการนำเข้าหอมหัวใหญ่จากต่างประเทศ&nbsp;ในช่วงที่มีการเก็บเกี่ยวผลผลิตภายในประเทศ&nbsp;เพราะจะทำให้ราคาหอมหัวใหญ่ตกต่ำเนื่องจาก&nbsp;ปริมาณผลผลิตล้นตลาด&nbsp;ซึ่งทางด้านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้มีการเซ็นรับมอบหนังสือพร้อมทั้งสั่งการพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;เร่งดำเนินการตรวจสอบและหาแนวทางการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเร่งด่วนต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>28/1/2022ภาคเหนือเชียงใหม่สวท.เชียงใหม่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128182650761 แนวทางการจัดเก็บภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล ผ่อนปรนให้สามารถหักกลบกำไรและขาดทุนได้<p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">นายเอกนิติ&nbsp;นิติทัณฑ์ประภาศ&nbsp;อธิบดีกรมสรรพากร&nbsp;เปิดเผยว่า</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;จากผลการรับฟังความคิดเห็นและการทำงานร่วมกันของทุกฝ่าย&nbsp;ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง&nbsp;เพื่อให้ได้แนวทางการจัดเก็บภาษีสินทรัพย์ดิจิทัลที่เหมาะสมกับบริบทในปัจจุบัน&nbsp;โดยยึดแนวทางการถือเอาผู้เสียภาษีเป็นศูนย์กลาง&nbsp;ซึ่งกรมสรรพากรได้มีแนวทางในการผ่อนปรน&nbsp;โดยสามารถนำผลขาดทุนมาหักกลบกับกำไรได้ในปีภาษีเดียวกัน&nbsp;รวมทั้งไม่ต้องหักภาษี&nbsp;ณ&nbsp;ที่จ่าย&nbsp;และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม&nbsp;ซึ่งจะสามารถเข้าเงื่อนไขนี้เฉพาะ&nbsp;ผู้ประกอบธุรกิจ&nbsp;หรือ&nbsp;Exchange&nbsp;ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์&nbsp;และตลาดหลักทรัพย์&nbsp;(ก.ล.ต.)&nbsp;เท่านั้น&nbsp;</span><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">ส่วนรูปแบบของภาษีเงินได้&nbsp;มีแนวทางการจัดเงินได้ให้ชัดเจน</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;โดยระบุประเภทเงินได้และผลประโยชน์ให้ครอบคลุมกำไร&nbsp;/&nbsp;รายได้จากการโอน&nbsp;/&nbsp;ผลประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัล&nbsp;รวมทั้งวิธีการคำนวณต้นทุนโดยใช้วิธีมาตรฐานการบัญชีรับรอง&nbsp;และการวัดมูลค่าสินทรัยพ์ดิจิทัล&nbsp;ณ&nbsp;เวลาที่ได้มา&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">รายละเอียดต่างๆ&nbsp;จะมีอยู่ในคู่มือการชำระภาษีของผู้มีเงินได้</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">จากการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล&nbsp;ซึ่งจะดำเนินการเผยแพร่ในวันจันทร์ที่&nbsp;31&nbsp;มกราคมนี้&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;กรมสรรพากรจะพิจารณาหารือร่วมกับชุมชนสินทรัพย์ดิจิทัลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;เพื่อศึกษาความเป็นไปได้เชิงนโยบายในอนาคต&nbsp;เพื่อแก้ไขกฎหมายที่จำเป็นและเหมาะสมต่อไป</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>28/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128204741781 คณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน จังหวัดร้อยเอ็ด ประชุมพิจารณากลั่นกรองโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ปี 2565<p><strong>วันที่&nbsp;28&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;14.00&nbsp;น.&nbsp;นายภูสิต&nbsp;สมจิตต์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;</strong>เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน&nbsp;จังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1/2565&nbsp;โดยมี&nbsp;นายเชวงศักดิ์&nbsp;พลเยี่ยม&nbsp;,&nbsp;นายสนอง&nbsp;ดลประสิทธิ์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;และคณะกรรมการจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;องค์กรภาคเอกชน&nbsp;ภาคประชาชน&nbsp;เข้าร่วม&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมข้าวหอมมะลิ&nbsp;ชั้น&nbsp;4&nbsp;ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด</p><p><strong>ด้วย&nbsp;สำนักนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน</strong>&nbsp;ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน&nbsp;และมีปลัดกระทรวงมหาดไทย&nbsp;ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ&nbsp;และเลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ&nbsp;(ศสช.)&nbsp;เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม&nbsp;และกำหนดให้มีคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัดในแต่ละจังหวัด&nbsp;โดยคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันของจังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;จะมีหน้าที่ติดตามรับฟังปัญหาเดือดร้อนเร่งด่วน&nbsp;และตอบสนองความต้องการของประชาชนให้สัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรมรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์&nbsp;ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน&nbsp;เสริมสร้างศักยภาพในการพัฒนาพื้นที่ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;แนวคิดชีวิตวิถีใหม่&nbsp;และการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน</p><p><strong>สำหรับการประชุมในครั้งนี้&nbsp;เป็นการพิจารณากลั่นกรองโครงการพัฒนา</strong>และเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;จำนวน&nbsp;93&nbsp;โครงการ&nbsp;ครอบคลุมทุกพื้นที่อำเภอในจังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;โดยพิจารณาตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่กำหนดของลักษณะประเภทโครงการ&nbsp;พื้นที่ดำเนินการไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไปแล้ว&nbsp;และจัดลำดับความสำคัญของทุกโครงการ&nbsp;เพื่อเสนอต่อรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>28/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยเอ็ดสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128203743779 ร้อยเอ็ด รมว.กระทรวงการคลัง ขึ้นเที่ยวบินปฐมฤกษ์ กรุงเทพฯ - ร้อยเอ็ด สายการบินไทยสมายล์ร้อยเอ็ด<p>วั<strong>นนี้&nbsp;(28&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;เวลา&nbsp;11.00&nbsp;น.&nbsp;นายอาคม&nbsp;เติมพิทยาไพสิฐ</strong>&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง&nbsp;เป็นประธานเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์&nbsp;&nbsp;กรุงเทพฯ&nbsp;-&nbsp;ร้อยเอ็ด&nbsp;&nbsp;สายการบินไทยสมายล์ร้อยเอ็ด&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายภูสิต&nbsp;สมจิตต์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด&nbsp;,นายกิติชัย&nbsp;สัจจลักษณ์&nbsp;ผู้อำนวยการท่าอากาศยาน&nbsp;,นายวิเศรษฐ์&nbsp;สนธิชัย&nbsp;รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร&nbsp;บริษัท&nbsp;ไทยสมายล์แอร์เวย์&nbsp;จำกัด&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;เข้าร่วม&nbsp;ที่&nbsp;ท่าอากาศยานร้อยเอ็ด&nbsp;ตำบลหนองพอก&nbsp;อำเภอธวัชบุรี&nbsp;จังหวัดร้อยเอ็ด</p><p><strong>โดย&nbsp;การเปิดบินตรงเส้นทางใหม่ทุกวัน&nbsp;วันละ&nbsp;1&nbsp;เที่ยวบิน&nbsp;พร้อมให้บริการวันแรก</strong>วันที่&nbsp;28&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ซึ่ง&nbsp;นายอาคม&nbsp;เติมพิทยาไพสิฐ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง&nbsp;พร้อมนักท่องเที่ยว&nbsp;ได้ขึ้นเที่ยวบินปฐมฤกษ์จาก&nbsp;กรุงเทพฯ&nbsp;มายัง&nbsp;ร้อยเอ็ด&nbsp;เพื่อเปิดงานและขับเคลื่อนการเดินทางท่องเที่ยวเมืองรองให้มีประสิทธิภาพเสริมศักยภาพด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดร้อยเอ็ดรวมทั้งอำนวยความสะดวกให้แก่ชาวร้อยเอ็ดและจังหวัดใกล้เคียง&nbsp;มาท่องเที่ยว&nbsp;ติดต่อธุรกิจ&nbsp;หรือกลับภูมิลำเนา&nbsp;ได้มาใช้บริการของสายการบินไทยสมายล์&nbsp;</p><p><strong>สำหรับเที่ยวบินใหม่เปิดบริการทุกวัน&nbsp;จากท่าอากาศสุวรรณภูมิ&nbsp;ไปยัง&nbsp;ท่าอากาศยานร้อยเอ็ด</strong>&nbsp;เที่ยวบินเวลา&nbsp;10.25&nbsp;น.&nbsp;และ&nbsp;จากท่าอากาศยานร้อยเอ็ด&nbsp;ไปยัง&nbsp;ท่าอากาศสุวรรณภูมิ&nbsp;เที่ยวบินเวลา&nbsp;12.05&nbsp;น.&nbsp;โดย&nbsp;บัตรโดยสาร&nbsp;ราคาเริ่มต้นที่&nbsp;1,100&nbsp;บาท&nbsp;ต่อ&nbsp;1&nbsp;ท่าน&nbsp;,1&nbsp;เที่ยวบิน&nbsp;ซึ่งมีบริการแบบ&nbsp;ฟูลเซอร์วิส&nbsp;อาทิ&nbsp;จองที่นั่งล่วงหน้าบริการฟรี&nbsp;น้ำหนักกระเป๋าสูงสุด&nbsp;30&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;และให้บริการอาหารบนเที่ยวบินแบบนำกลับ&nbsp;เปิดทำการจองที่นั่งล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันนี้&nbsp;สนใจสำรองที่นั่งได้ที่เว็บไซต์&nbsp;www.thaismileair.com&nbsp;Call&nbsp;Center&nbsp;โทร.&nbsp;1181&nbsp;หรือ&nbsp;0-2118-8888&nbsp;หรือห้องจำหน่ายบัตรโดยสารไทยสมายล์&nbsp;และตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสารไทยสมายล์&nbsp;(Smile&nbsp;Travel&nbsp;Agents)&nbsp;ทั่วประเทศ&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อนเอ็ด</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>28/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยเอ็ดสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ดhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128205024785 พาณิชย์ขอนแก่น บูรณาการร่วมหลายหน่วยงาน ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ช่วงเทศกาลตรุษจีน<p><strong>สำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่น&nbsp;ร่วมกับสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค</strong>จังหวัดขอนแก่น&nbsp;สถานีตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น&nbsp;เจ้าหน้าที่ปกครองจังหวัดขอนแก่น&nbsp;กอ.รมน.&nbsp;จังหวัดขอนแก่น&nbsp;และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;ที่&nbsp;ห้างสรรพสินค้าโลตัส&nbsp;สาขาขอนแก่น&nbsp;และบิ๊กซี&nbsp;สาขาขอนแก่น&nbsp;2&nbsp;</p><p><strong>ผลการตรวจสอบสภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;พบว่า&nbsp;ยังไม่มีสินค้าประเภทไก่ต้ม</strong>&nbsp;เป็ดต้ม&nbsp;หมูสามชั้นแบบเส้นต้ม&nbsp;จำหน่าย&nbsp;โดยจะเริ่มจำหน่ายในวันพรุ่งนี้&nbsp;ซึ่งเป็นวันจ่ายวันแรก&nbsp;และมีโปรโมชั่นสำหรับสั่งออนไลน์&nbsp;คือ&nbsp;สั่งสินค้าครบ&nbsp;800&nbsp;บาท&nbsp;จะได้คูปองส่วนลด&nbsp;100&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนสินค้าประเภทผลไม้&nbsp;พบว่ามีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>28/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขอนแก่นสวท.ขอนแก่นhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220128212819805 จังหวัดยโสธร นำสื่อมวลชนขับเคลื่อนโครงการยกระดับการท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2<p><strong>วันที่&nbsp;28&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;นายชลธี&nbsp;ยังตรง&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร</strong>&nbsp;เป็นประธานพิธีเปิดการปล่อยขบวนสื่อมวลชน&nbsp;เข้าร่วมโครงการยกระดับการท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง&nbsp;2&nbsp;กิจกรรมพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวโดยชุมชนกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง&nbsp;2&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;28-29&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่ชุมชนท่องเที่ยวบ้านภูไทบ้านห้องแซง&nbsp;อ.เลิงนกทา&nbsp;และชุมชนท่องเที่ยวบ้านกู่จาน&nbsp;อ.คำเขื่อนแก้ว&nbsp;จ.ยโสธร&nbsp;โดยมี&nbsp;นายอนันต์&nbsp;อุดมศิลป์&nbsp;ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดยโสธร&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;รองนายกเทศมนตรีเมืองยโสธร&nbsp;&nbsp;สื่อมวลชน&nbsp;&nbsp;เข้าร่วมในพิธี&nbsp;ณ&nbsp;ลานวิมานพญาแถน&nbsp;ต.ในเมือง&nbsp;อ.เมืองยโสธร&nbsp;จ.ยโสธร</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทางการท่องเที่ยวของจังหวัดยโสธร&nbsp;</strong>และพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชนของจังหวัดยโสธร&nbsp;ในการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและบริการ&nbsp;กระจายรายได้สู่ชุมชน&nbsp;เพื่อเพิ่มแนวทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์ของการท่องเที่ยวชุมชนให้เป็นที่รู้จักนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากขึ้น</p><p><strong>วันที่&nbsp;28&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;นายชลธี&nbsp;ยังตรง&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร&nbsp;</strong>เป็นประธานพิธีเปิดการปล่อยขบวนสื่อมวลชน&nbsp;เข้าร่วมโครงการยกระดับการท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง&nbsp;2&nbsp;กิจกรรมพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวโดยชุมชนกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง&nbsp;2&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;28-29&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่ชุมชนท่องเที่ยวบ้านภูไทบ้านห้องแซง&nbsp;อ.เลิงนกทา&nbsp;และชุมชนท่องเที่ยวบ้านกู่จาน&nbsp;อ.คำเขื่อนแก้ว&nbsp;จ.ยโสธร&nbsp;โดยมี&nbsp;นายอนันต์&nbsp;อุดมศิลป์&nbsp;ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดยโสธร&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;รองนายกเทศมนตรีเมืองยโสธร&nbsp;สื่อมวลชน&nbsp;เข้าร่วมในพิธี&nbsp;ณ&nbsp;ลานวิมานพญาแถน&nbsp;ต.ในเมือง&nbsp;อ.เมืองยโสธร&nbsp;จ.ยโสธร</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทางการท่องเที่ยวของจังหวัดยโสธร&nbsp;</strong>และพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชนของจังหวัดยโสธร&nbsp;ในการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและบริการ&nbsp;กระจายรายได้สู่ชุมชน&nbsp;เพื่อเพิ่มแนวทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์ของการท่องเที่ยวชุมชนให้เป็นที่รู้จักนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากขึ้น</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>28/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยโสธรสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธรhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129072151809 จังหวัดระยอง ออกตรวจติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า-บริการ และการติดป้ายราคาสินค้า<p><strong>วันที่&nbsp;28&nbsp;มกราคม&nbsp;2564&nbsp;ว่าที่ร้อยตรี&nbsp;พิรุณ&nbsp;เหมะรักษ์&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง&nbsp;</strong>พร้อมด้วย&nbsp;นางสาวสุวีรยา&nbsp;ปั้นปาน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดระยอง&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัดระยอง&nbsp;เกษตรและสหกรณ์จังหวัดระยอง&nbsp;อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง&nbsp;อำเภอเมืองระยอง&nbsp;กอ.รมน.จังหวัดระยอง&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง&nbsp;และฝ่ายปกครองจังหวัดระยอง&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการ&nbsp;ที่ตลาดสดสตาร์&nbsp;และตลาดลุงนัดหนู&nbsp;อ.เมืองระยอง&nbsp;</p><p><strong>โดยเป็นการติดตามราคาสินค้าและบริการ&nbsp;จากสถานการณ์ปัจจุบันค่าครองชีพครัวเรือนมีแนวโน้มสูงขึ้น</strong>&nbsp;เนื่องจากการปรับราคาสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;&nbsp;โดยเฉพาะการปรับราคาจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการอย่างไม่เป็นธรรม</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;จากการลงพื้นที่พบว่า&nbsp;ร้านค้ามีการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและค่าบริการชัดเจน</strong>&nbsp;เปิดเผย&nbsp;และจำหน่ายสินค้าตรงกับราคาที่แสดง&nbsp;รวมทั้งจำหน่ายสินค้าในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม&nbsp;ไม่พบการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าหรือกักตุนสินค้า</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>28/1/2022ภาคตะวันออกระยองสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยองhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129072406810 บรรยากาศคืนก่อนเทศกาลตรุษจีนเมืองเบตงคึกคัก ชาวเบตงเตรียมรับเที่ยวบินเช่าเหมาลำในการทดลองการบริการเที่ยวบินพาณิชย์ท่าอากาศยานเบตง เที่ยวแรกของ อ.เบตง จ.ยะลา <p><strong>บรรยากาศคืนก่อนเทศกาลตรุษจีนเมืองเบตงคึกคัก&nbsp;ชาวเบตงเตรียมรับเที่ยวบิน</strong>เช่าเหมาลำในการทดลองการบริการเที่ยวบินพาณิชย์ท่าอากาศยานเบตง&nbsp;เที่ยวแรกของ&nbsp;อ.เบตง&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;ด้านนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวอำเภอเบตง&nbsp;คาดช่วงเทศกาลตรุษจีนเงินสะพัดกว่า&nbsp;100&nbsp;ล้านบาท&nbsp;</p><p><strong>ค่ำวันนี้(28ม.ค.65)&nbsp;บรรดานักท่องเที่ยวในจังหวัดชายแดนภาคใต้และภาคอื่นๆ</strong>&nbsp;ต่างถ่ายรูป&nbsp;ชมความสวยงามตระการตา&nbsp;ของโคมไฟแดงหรือเต็งลั้ง&nbsp;กว่า&nbsp;2,500&nbsp;ดวง&nbsp;ที่ติดตั้งตามถนนหนทางภายในเขตเทศบาลเมืองเบตง&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นสิริมงคล&nbsp;โดยเฉพาะจุดบริเวณหน้าปากอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์&nbsp;ซึ่งอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของประเทศไทย&nbsp;และบริเวณหอนาฬิกาเทศบาลเมืองเบตง&nbsp;ใกล้กับตู้ไปรษณีย์สูง-ใหญ่ที่สุดในโลก&nbsp;ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเมืองเบตง&nbsp;มีนักท่องเที่ยวต่างถ่ายรูปเซลฟี่เป็นจำนวนมาก&nbsp;ทำให้โรงเเรม&nbsp;และร้านอาหารหลายเเห่ง&nbsp;มีลูกค้ามาใช้บริการจำนวนมาก&nbsp;โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่&nbsp;มีการปรับตัวกับการแพร่ระบาดรอบใหม่&nbsp;ทั้งการเว้นระยะห่าง&nbsp;สวมหน้ากาก&nbsp;ล้างมือ&nbsp;ตามมาตรการอย่างเคร่งครัด</p><p><strong>นายโตหอง&nbsp;แซ่หลี่&nbsp;นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวอำเภอเบตง&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;บรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;ใน&nbsp;อ.เบตง&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง&nbsp;มีทั้งนักท่องเที่ยวในจังหวัดชายแดนภาคใต้และภาคอื่นๆ&nbsp;เดินทางมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก&nbsp;ซึ่งพรุ่งนี้&nbsp;(29&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;จะมีเที่ยวบินเช่าเหมาลำ(Charter&nbsp;Flight)&nbsp;สายการบินนกเเอร์&nbsp;ซึ่งเป็นเที่ยวบินทดลองการบริการกิจการสาธารณะของสนามบินเบตงเที่ยวบินเเรกเดินทางมายังสนามบินเบตง&nbsp;ชาวเบตงดีใจมาก&nbsp;หลังจากที่รอมานาน&nbsp;ซึ่งเที่ยวบินนี้&nbsp;จัดขึ้นโดยสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนวีระราษฏร์ประสาน&nbsp;และชมรมคนเบตงในกรุงเทพมหานคร&nbsp;เพื่อนำผู้โดยสารมายังอำเภอเบตง&nbsp;ทำให้หลายคนมีความหวังว่าในอนาคตสนามบินเบตงจะสามารถเปิดบริการเชิงพาณิชย์ต่อไป&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;คาดว่า&nbsp;จะมีเงินสะพัดในช่วงเทศกาลตรุษจีนในอ.เบตง&nbsp;ประมาณ&nbsp;135&nbsp;ล้านบาท</p><p><strong>ด้าน&nbsp;นางดวงพร&nbsp;สุวรรณมณี&nbsp;ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนราธิวาส</strong>&nbsp;ปฏิบัติงานในฐานะผู้อำนวยการท่าอากาศยานเบตง&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;กรมท่าอากาศยานจะทำการทดลองการเปิดบริการเที่ยวบินพาณิชย์ท่าอากาศยานเบตง&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;โดยให้บริการเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำ&nbsp;(Charter&nbsp;Flight)&nbsp;ใช้อากาศยานแบบ&nbsp;Q-400&nbsp;ความจุผู้โดยสารจำนวน&nbsp;86&nbsp;ที่นั่ง&nbsp;โดยสายการบินนกแอร์&nbsp;ในเส้นทางดอนเมือง&nbsp;-&nbsp;เบตง&nbsp;-&nbsp;ดอนเมือง&nbsp;ในวันที่&nbsp;29&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ&nbsp;“มั่นคง&nbsp;มั่งคั่ง&nbsp;ยั่งยืน”&nbsp;โดยพลเอกประยุทธ์&nbsp;จันทรโอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรี&nbsp;ที่มีนโยบายให้หน่วยงานดำเนินการพัฒนาเศรษฐกิจความมั่นคงในพื้นที่&nbsp;3&nbsp;จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเป็นรูปธรรม</p><p><strong>โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม&nbsp;นายศักดิ์สยาม&nbsp;ชิดชอบ&nbsp;มอบให้</strong>ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งทั่วประเทศอย่างบูรณาการ&nbsp;เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนให้สามารถเดินทางสัญจรได้อย่างสะดวก&nbsp;รวดเร็ว&nbsp;และปลอดภัย&nbsp;ซึ่งด้านท่าอากาศยานเบตงยืนยันมีความพร้อมในด้านกายภาพ&nbsp;อุปกรณ์&nbsp;สิ่งอำนวยความสะดวก&nbsp;และบุคลากรที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้บริการภายใต้มาตรการการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(COVID-19)&nbsp;โดยทั้งหมดเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย&nbsp;(กพท.)&nbsp;ซึ่งท่าอากาศยานเบตงได้รับใบรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว&nbsp;สายการบินนกแอร์จึงได้ขออนุญาตทำการบินแบบเช่าเหมาลำ&nbsp;(Charter&nbsp;Flight)&nbsp;เส้นทางบินกรุงเทพ&nbsp;-&nbsp;เบตง&nbsp;-&nbsp;กรุงเทพ&nbsp;เพื่อตรวจสอบความพร้อมในการให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์&nbsp;และสรุปข้อตกลงสำหรับการเปิดทำการบินแบบประจำ(Schedule&nbsp;&nbsp;Flight)&nbsp;&nbsp;ตามที่ได้ยื่นขออนุญาตทำการบินไว้&nbsp;2&nbsp;เส้นทาง&nbsp;คือ&nbsp;1.หาดใหญ่-เบตง-หาดใหญ่&nbsp;และ&nbsp;2.ดอนเมือง-เบตง-ดอนเมือง</p><p><strong>สำหรับการเปิดเที่ยวบินพาณิชย์แบบประจำ&nbsp;กระทรวงคมนาคม&nbsp;กรมท่าอากาศยาน</strong>&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการประชุมสรุปข้อมูลภายหลังจากเที่ยวบินทดลองนี้&nbsp;เพื่อเตรียมความพร้อมของทุกฝ่ายอีกครั้ง&nbsp;ซึ่งการเปิดเที่ยวบินของท่าอากาศยานเบตงจะช่วยแก้ไขปัญหาการคมนาคมในพื้นที่ที่มีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน&nbsp;ไม่สะดวกต่อการเดินทาง&nbsp;รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>28/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.เบตง จ.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129074127820 ยโสธร บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจห้างร้าน เข้มงวดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคช่วงเทศกาลตรุษจีน เพื่อแก้ไขบรรเทาปัญหาค่าครองชีพ<p><strong>วานนี้&nbsp;(28&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;เวลา&nbsp;13.30&nbsp;น.&nbsp;ที่จังหวัดยโสธร&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดยโสธร</strong>&nbsp;บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;นำโดย&nbsp;นางสาวอลเวง&nbsp;ศรีหิรัญ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดยโสธร&nbsp;นายขันชัย&nbsp;สีนอร์&nbsp;ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดยโสธร&nbsp;พันตำรวจตรีพิสูจน์&nbsp;นัทศักดิ์ภิญโญ&nbsp;สารวัตรป้องกันและปราบปราม&nbsp;ตำรวจภูธรเมืองยโสธร&nbsp;ร้อยโทจังกร&nbsp;บุญจันทร์&nbsp;ผู้แทน&nbsp;กอ.รมน.จังหวัดยโสธร&nbsp;นายนิวัฒน์&nbsp;เกตุมณี&nbsp;เจ้าพนักงานปกครอง&nbsp;ที่ทำการปกครองยโสธร&nbsp;และนางสาวนรีรัตน์&nbsp;เจริญศิริรัตนา&nbsp;นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ&nbsp;สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธร&nbsp;และเจ้าหน้าที่&nbsp;ลงพื้นที่&nbsp;ห้างนานาภัณฑ์พลาซ่า&nbsp;ห้างแมคโคร&nbsp;สาขายโสธร&nbsp;และห้างโลตัส&nbsp;สาขายโสธร&nbsp;อำเภอเมืองยโสธร&nbsp;จังหวัดยโสธร</p><p><strong>ทั้งนี้เพื่อกำกับติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;เพื่อแก้ไขและบรรเทาปัญหาค่าครองชีพ</strong>&nbsp;พร้อมสร้างความเข้าใจในการปฏิบัติตาม&nbsp;พรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542&nbsp;ให้มีการปิดป้ายแสดงราคาอย่างชัดเจน&nbsp;ตรวจสอบการจำหน่าย&nbsp;และป้องปรามการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าแพงเกินสมควร&nbsp;โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;และได้รับความร่วมมือจากห้างร้านเป็นอย่างดี&nbsp;พร้อมแนะนำให้หมั่นเติมสินค้า&nbsp;เพื่อเป็นการกระจายสินค้าให้ผู้บริโภคได้ซื้อกันอย่างทั่วถึง&nbsp;</p><p><strong>อีกทั้ง&nbsp;พาณิชย์จังหวัดยโสธร&nbsp;ได้ย้ำ!&nbsp;ห้ามห้างร้านกักตุนสินค้า&nbsp;และห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า</strong>&nbsp;หรือห้ามจำหน่ายราคาสูงเกินควรโดยเด็ดขาด&nbsp;&nbsp;หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุก&nbsp;7&nbsp;ปี&nbsp;ปรับไม่เกิน&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ&nbsp;หากพบการกระทำผิดแจ้งได้ที่สายด่วน&nbsp;กรมการค้าภายใน&nbsp;โทร.&nbsp;1569&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>29/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยโสธรสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธรhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129074340821 เทศบาลนครยะลา เตรียมฟื้นฟูเศรษฐกิจ จัดแข่งนกเขาชวาเสียง รูปแบบใหม่ sandbox ครั้งแรก<p><strong>เทศบาลนครยะลา&nbsp;เตรียมฟื้นฟูเศรษฐกิจ&nbsp;จัดแข่งนกเขาชวาเสียง&nbsp;</strong>รูปแบบใหม่&nbsp;sandbox&nbsp;ครั้งแรก&nbsp;จำกัดนก&nbsp;1,000&nbsp;นก&nbsp;ผู้ร่วมงาน&nbsp;2,000&nbsp;คน&nbsp;</p><p><strong>จากนโยบายของทางเทศบาล&nbsp;ในการที่จะฟื้นฟูภาวะเศรษฐกิจ&nbsp;</strong>ซึ่งในปีใหม่ที่ผ่านมา&nbsp;ได้มีการจัดคอนเสิร์ตที่เรียกว่าsandbox&nbsp;ผลปรากฎว่าเราได้ผลที่น่าพอใจมากไม่พบผู้ติดเชื้อแม้กระทั่งรายเดียว&nbsp;แล้วเราก็ใช้ในการเปิดเรียนต่างๆของนักเรียนในเขตเทศบาลตั้งแต่วันที่16&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;จนกระทั่งถึงปัจจุบันนักเรียนที่เราเปิดเรียนไม่พบผู้ติดเชื้อแม้กระทั่งรายเดียว</p><p><strong>นายพงษ์ศักดิ์&nbsp;ยิ่งชนม์เจริญ&nbsp;นายกเทศมนตรีนครยะลา&nbsp;ได้เผยว่า</strong>&nbsp;วันนี้คิดว่าอะไรที่เคยเป็นกิจกรรมเดิมเราก็อยากจะฟื้นฟูกลับมาแต่อาจจะภายใต้ข้อจำกัดอะไรอยู่บ้างเพราะฉะนั้นทางเทศบาลก็ได้ตัดสินใจในการที่จะจัดงานแข่งขันนกเขาชวา&nbsp;เสียงอาเซียน&nbsp;แต่คงไม่ได้เป็นอาเซียนเพราะมาเลเซียและสิงค์โปรยังไม่เปิดประเทศ&nbsp;เป็นการแข่งขันนกเขาของเทศบาลนครยะลาแล้วเป็นการจัดแบบ&nbsp;sandbox&nbsp;ซึ่งเราก็จำกัดนกประมาณ1,000ตัว&nbsp;และนก&nbsp;1&nbsp;ตัว&nbsp;สามารถมีคนติดตามนกได้&nbsp;2&nbsp;คน&nbsp;หมายถึงผู้ที่จะเข้าร่วมงาน&nbsp;2,000&nbsp;คนโดย&nbsp;2,000&nbsp;คน&nbsp;จะมีเงื่อนไขในการเข้า&nbsp;ต้องฉีดวัคซีน&nbsp;2&nbsp;เข็มขึ้นไป&nbsp;จะให้พ่นสารสกัดเอนโดรกาโฟไลฟ์&nbsp;และให้กลับบ้านไปพ่นต่อ&nbsp;ตรวจATK&nbsp;ก่อนและหลังเข้างาน</p><p><strong>ทางเทศบาลฯ&nbsp;ก็ต้องการให้โอกาสว่านกเขาซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจ</strong>ของภาคใต้และเป็นสัตว์ที่อยู่ในวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชนในพื้นที่จะได้กลับไปฟื้นตัวขึ้นมาเพื่อรองรับการเปิดประเทศหรือการค้าขายในการจัดกิจกรรมเองเราก็ต้องยอมรับว่าการแข่งขัน1ครั้งก็จะมีเม็ดเงินเข้ามามากมาย&nbsp;จึงเป็นแนวทางหนึ่งในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของเทศบาลนครยะลา&nbsp;เหมือนการที่เราจะจัดการแข่งขันยะลามาราทอนในเดือนกรกฎาคม</p><p><strong>จากการที่ได้ประชุมกับทางสมาคมนกเห็นชอบในการที่เทศบาลจะแข่งขันนก</strong>&nbsp;ซึ่งในวันนี้ก็ต้องยอมรับว่าได้มีการจัดตามหมู่บ้านตามอำเภอ&nbsp;ก็ไม่ได้เป็นการจัดที่เป็นกิจจะลักษณะและการจัดแบบนั้นก็ไม่ได้มีผลในเชิงเศรษฐกิจมากเพราะการซื้อขายนกต่างๆก็จะน้อยแต่ของทางเทศบาลที่จัดก็จะช่วยในการซื้อขายนกได้มากขึ้น&nbsp;นอกเหนือจากการแข่งขันนกเขาชวาแล้ว&nbsp;ก็จะมีการแข่งขันนกกรงหัวจุกซึ่งเราก็จะมีการจำกัดนกประมาณ&nbsp;500&nbsp;ตัว&nbsp;และงานอาหารจานเด็ดก็จะมีการจัดด้วยแต่จะจำกัดในเรื่องของจำนวนคนและคอนเสิร์ตโดยนำสิ่งที่เคยทำในsandbox&nbsp;มาใช้ในการควบคุมต่างๆ</p><p><strong>นายกเทศมนตรีนครยะลา&nbsp;ยังระบุอีกว่า&nbsp;&nbsp;สถานการณ์โควิด&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;ณ&nbsp;ปัจจุบัน</strong>&nbsp;ถือว่ามีจำนวนน้อยมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา&nbsp;เราเองก็ยังมีการเก็บตัวอย่างน้ำเสียซึ่งเมื่อวันที่&nbsp;25&nbsp;ที่ผ่านมา&nbsp;ก็เก็บและส่งให้มหาวิทยาลัยนเรศวรในการเก็บตัวอย่างน้ำเสียในโรงเรียนที่พึ่งเปิดไปเก็บตัวอย่างน้ำเสียในโรงเรียนนั้นและดูว่ามีการระบาดของโควิดหรือมีผู้ติดเชื้อไหม&nbsp;แทนที่จะไปนั่งสุ่มตรวจ&nbsp;ATK&nbsp;ทุกราย&nbsp;เราใช้วิธีตรวจดูน้ำเสียในทุกโรงเรียนที่เปิดและเสริมในการตรวจในภาพของเมืองด้วยที่&nbsp;ผ่านมาก็เห็นว่าจากการตรวจ&nbsp;น้ำเสีย&nbsp;สถานการณ์ในยะลาไม่น่าเป็นห่วงและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นแต่เราก็ยังประมาทไม่ได้ยังคงมีมาตรการตรวจเข้มอยู่ตลอดเวลา</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>29/1/2022NULLยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129080136827 มหาวิทยาลัยเกริกขานรับนโยบายกระชับสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ สร้างการรับรู้องค์กรภาคใต้ฝั่งอันดามัน<p><strong>มหาวิทยาลัยเกริกขานรับนโยบายกระชับสัมพันธ์</strong>ไทย-ซาอุฯ&nbsp;สร้างการรับรู้องค์กรภาคใต้ฝั่งอันดามัน&nbsp;</p><p><strong>ทันทีที่&nbsp;พลเอกประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรี&nbsp;</strong>เดินทางเยือนประเทศซาอุดิอาระเบีย&nbsp;เมื่อวันที่&nbsp;25&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;โดยได้เข้าเฝ้าเจ้าชายมุฮัมมัด&nbsp;บิน&nbsp;ซัลมาน&nbsp;บิน&nbsp;อับดุลอะซีซ&nbsp;อัลซะอูด&nbsp;มกุฎราชกุมาร&nbsp;รองนายกรัฐมนตรี&nbsp;และ&nbsp;รมว.&nbsp;กระทรวงกลาโหมแห่งซาอุดีอาระเบีย&nbsp;ได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบีย&nbsp;ให้กลับมาอยู่ใน&nbsp;“ระดับปกติ”&nbsp;อย่างสมบูรณ์</p><p><strong>ล่าสุดวันที่&nbsp;26&nbsp;-&nbsp;28&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;มหาวิทยาลัยเกริก&nbsp;</strong>นำโดย&nbsp;ศาสตราจารย์&nbsp;ดร.นายแพทย์กระแส&nbsp;ชนะวงศ์&nbsp;อธิการบดี&nbsp;รองศาสตราจารย์&nbsp;สุพัฒน์&nbsp;ธีรเวชเจริญชัย&nbsp;รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ&nbsp;และดร.พัชราวดี&nbsp;ตรีชัย&nbsp;คณบดีคณะบริหารธุรกิจ&nbsp;มอบนโยบาย&nbsp;ให้คณะรุดลงพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน&nbsp;</p><p><strong>โดยมี&nbsp;อาจารย์อำพล&nbsp;ขำวิลัย&nbsp;ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยเกริก&nbsp;</strong>อาจารย์ยิ่งศักดิ์&nbsp;สิทธิยากรณ์&nbsp;ผู้ช่วยรองอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ&nbsp;&nbsp;อาจารย์&nbsp;ดร.สมีธ&nbsp;อีซอ&nbsp;ผู้อำนวยการหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต&nbsp;สาขาวิชาบริหารธุรกิจอิสลาม&nbsp;อาจารย์สราวุธ&nbsp;และซัน&nbsp;หัวหน้าสาขาวิชาบริหารธุรกิจอิสลาม&nbsp;ดร.ปริญญา&nbsp;ประหยัดทรัพย์&nbsp;อาจารย์ประจำสาขาวิชาบริการธุรกิจอิสลาม&nbsp;และอาจารย์อรวรรณ&nbsp;บุญมาเลิศ&nbsp;เลขานุการประจำสาขาวิชาบริหารธุรกิจอิสลาม&nbsp;ดร.อภิวัฒน์&nbsp;รักชาติ&nbsp;ผู้ประสานงานมหาวิทยาลัยเกริกภาคใต้ฝั่งอันดามัน&nbsp;เพื่อประชุมหารือและทำบันทึกข้อตกลง&nbsp;(MOU)&nbsp;ทางวิชาการ&nbsp;กับสถาบันการเงินอิสลามถึงโอกาสในการดึงองค์กร&nbsp;และเงินลงทุนจากประเทศซาอุดิอาระเบียให้มาทำการค้าการลงทุนในประเทศไทย&nbsp;สร้างเศรษฐกิจไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น</p><p><strong>เนื่องจากการฟื้นความสัมพันธ์ไทยซาอุดิอาระเบีย&nbsp;</strong>โดยมีสหกรณ์เข้าร่วมประชุม&nbsp;7&nbsp;แห่งด้วยกัน&nbsp;ดังนี้&nbsp;สหกรณ์อิสลามษะกอฟะฮ(กระบี่)&nbsp;สหกรณ์อิสลามตันมียะห์(กระบี่)&nbsp;สหกรณ์อิสลามบารอกะฮฺ(กระบี่)&nbsp;สหกรณ์นูรุลอิสลาม(กระบี่)&nbsp;สหกรณ์อัล-อิสลามียะฮ์(จังหวัดภูเก็ต)&nbsp;สหกรณ์อิสลามฮุซนี(ภูเก็ต)&nbsp;สหกรณ์อัลอิสลามอิบนูเอาฟ(จังหวัดสตูล)&nbsp;ซึ่งมีเงินทุนหมุนเวียนรวมกว่า&nbsp;2,000&nbsp;ล้านบาท&nbsp;</p><p><strong>ศาสตราจารย์&nbsp;ดร.นายแพทย์กระแส&nbsp;ชนะวงศ์&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;เราให้ความสำคัญกับมุสลิมที่มีประชากรทั่วโลกมากกว่า&nbsp;2,000&nbsp;ล้านคน&nbsp;และประชากรมุสลิมในประเทศไทยมีประมาณ&nbsp;10&nbsp;%&nbsp;โดยมหาวิทยาลัยได้เปิดหลักสูตรบริหารธุรกิจอิสลาม&nbsp;ซึ่งประกอบด้วย&nbsp;3&nbsp;วิชาเอก&nbsp;คือ&nbsp;การเงินอิสลาม&nbsp;อุตสาหกรรมฮาลาล&nbsp;การจัดการบริการฮัจย์และอุมเราะห์&nbsp;โดยสอดรับกับการฟื้นฟูความสัมพันธ์&nbsp;3&nbsp;ด้าน&nbsp;1)&nbsp;การท่องเที่ยวที่จะสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศไทยไม่ต่ำกว่า&nbsp;5,000&nbsp;ล้านบาทต่อปี&nbsp;2)&nbsp;ด้านอาหาร&nbsp;ที่ไทยมีศักยภาพด้านอุตสาหกรรมฮาลาลในการผลิตและพร้อมส่งออกให้ซาอุดิอาระเบีย&nbsp;3)&nbsp;ด้านการค้าและการลงทุน&nbsp;ที่ซาอุดิอาระเบียส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศอยู่แล้ว&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;การลงพื้นที่ฝั่งอันดามันเพื่อสร้างการรับรู้ถึงประโยชน์</strong>ที่ประชาชนชาวไทยจะได้รับจากการคืนความสัมพันธ์ในครั้งนี้ให้สถาบันการศึกษาร่วมกันพัฒนาศักยภาพของแรงงานไทย&nbsp;และร่วมผลักดันให้แรงงานไทยมีคุณภาพสร้างชื่อให้กับประเทศของเรา&nbsp;โดยมีสมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดกระบี่&nbsp;ซึ่งมีโรงเรียนกว่า&nbsp;30&nbsp;แห่ง&nbsp;นำโดย&nbsp;นายกอิสมาแอล&nbsp;ไร่ใหญ่&nbsp;และอาจารย์ธียุทธ์&nbsp;โสบุตร&nbsp;เลขานุการสมาคมฯ&nbsp;ให้ความสนใจในโอกาสและลงนามบันทึกข้อตกความร่วมมือ&nbsp;(MOU)&nbsp;ทางวิชาการร่วมกัน&nbsp;ยิ่งไปกว่านั้น&nbsp;ยังได้รับความสนใจจากมูลนิธิอาดามี&nbsp;โดย&nbsp;อาจารย์อัสนาวี&nbsp;มุคุระ&nbsp;ประธานกรรมการอิสลามจังหวัดกระบี่&nbsp;ดำรงตำแหน่ง&nbsp;ประธานมูลนิธิฯ&nbsp;และอาจารย์อริส&nbsp;มุคุระ&nbsp;ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนอาดามีศึกษาวิทยา&nbsp;และอาจารย์ศุฟเฟียน&nbsp;อาแว&nbsp;ประธานมูลนิธิเอเชียเพื่อการศึกษาและพัฒนาสังคม&nbsp;ซึ่งดูแลอุปถัมภ์โรงเรียนในเครือ&nbsp;5&nbsp;แห่ง&nbsp;ที่มีบทความในงานด้านการพัฒนาการสังคมและการศึกษาในพื้นที่ฝั่งอันดามัน&nbsp;เข้าร่วมลงนามความร่วมมือ&nbsp;(MOU)&nbsp;ทางวิชาการในครั้งนี้ด้วย&nbsp;</p><p><strong>ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก&nbsp;นายชัยวุฒิ&nbsp;บัวทอง&nbsp;นายอำเภอเมืองกระบี่</strong>&nbsp;ได้มอบหมายให้&nbsp;นางณัฐธยาน์&nbsp;ผาสุข&nbsp;ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองกระบี่&nbsp;เป็นตัวแทนเข้าเป็นสักขีพยานกิตติมศักดิ์&nbsp;ในพิธีลงนามความร่วมมือครั้งนี้&nbsp;โดยก่อนเดินทางกลับมีโอกาสได้เข้าเยี่ยม&nbsp;นายยุโสบ&nbsp;หยั่งทะเล&nbsp;ผู้อำนวยการโรงเรียนมุสลิมวิทยาภูเก็ต&nbsp;และคณาจารย์&nbsp;ซึ่งมีนักเรียนกว่า&nbsp;2,000&nbsp;คน&nbsp;และอาจารย์สมาพล&nbsp;และซัน&nbsp;ผู้อำนวยการโรงเรียนอิสลามพัฒนาภูเก็ต&nbsp;หารือร่วมกันในการวางยุทธศาสตร์กำหนดทิศทางการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาของนักเรียน&nbsp;และอาชีพ&nbsp;ให้สอดรับกับนโยบายการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย&nbsp;กับซาอุดิอาระเบีย&nbsp;เพื่อให้แรงงานไทยมีคุณภาพ&nbsp;และศักยภาพด้านฝีมือและภาษาอาหรับ&nbsp;สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติของเราในดินแดนตะวันออกกลางอีกครั้ง</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>29/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129081335830 นายกรัฐมนตรี ปลื้ม เว็บไซต์ระดับโลก จัดให้จังหวัดกระบี่ เป็นเมืองต้อนรับผู้เดินทางได้ดีที่สุด<p><strong>นางสาวไตรศุลี&nbsp;ไตรสรณกุล&nbsp;รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;พลเอก&nbsp;&nbsp;ประยุทธ์&nbsp;จันทร์โอชา&nbsp;นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม&nbsp;แสดงความยินดีกับจังหวัดกระบี่&nbsp;ที่ได้รับรางวัล&nbsp;Traveller&nbsp;Review&nbsp;Awards&nbsp;2022&nbsp;ถูกจัดอันดับจากเว็บไซต์&nbsp;&nbsp;Booking.com&nbsp;ผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับการเดินทางระดับโลก&nbsp;ให้เป็นจังหวัดที่ให้การต้อนรับผู้เดินทางได้ดีที่สุดในประเทศไทย&nbsp;ผ่านการรวบรวมข้อมูลกว่าหลายล้านรีวิวของลูกค้า&nbsp;โดยนอกจากจังหวัดกระบี่แล้ว&nbsp;ยังมีจังหวัดตราด&nbsp;เชียงราย&nbsp;เชียงใหม่&nbsp;นครราชสีมา&nbsp;ที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนถูกจัดอันดับด้านการต้อนรับผู้เดินทางได้ดีด้วยเช่นกัน</p><p><strong>สำหรับการจัดอันดับดังกล่าว</strong>&nbsp;สอดรับกับแนวทางการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวของไทย&nbsp;และเชื่อว่าจะส่งเสริมงานด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น&nbsp;โดยที่ผ่านมา&nbsp;จังหวัดกระบี่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติให้ความสนใจ&nbsp;และนับตั้งแต่เปิดแคมเปญ&nbsp;Krabi&nbsp;Even&nbsp;More&nbsp;Amazing“เที่ยวกระบี่&nbsp;ดีกว่าเดิม”&nbsp;ก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางเยือนกระบี่อย่างต่อเนื่อง&nbsp;เช่นเดียวกับหลายจังหวัด&nbsp;ที่นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยเดินทางเข้ามาตามมาตรการเปิดรับ</p><p><strong>นางสาวไตรศุลี&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;นายกรัฐมนตรี</strong>&nbsp;ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ผู้ประกอบการและประชาชน&nbsp;ที่ช่วยกันเป็นเจ้าบ้านที่ดี&nbsp;สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว&nbsp;เชื่อว่าอัตลักษณ์ความเป็นมิตรที่ดีของคนไทย&nbsp;จะสามารถความประทับใจ&nbsp;ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้เป็นอย่างดี</p><p>ขณะเดียวกันยืนยันความพร้อม&nbsp;ในการต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ&nbsp;เข้ามาประเทศไทยในรูปแบบ&nbsp;Test&nbsp;and&nbsp;Go&nbsp;อีกครั้งในวันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์นี้&nbsp;โดยทุกภาคส่วนได้เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางเข้าประเทศทุกด้าน&nbsp;เชื่อว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับประเทศไทย&nbsp;ที่จะใช้โอกาสนี้ฟื้นฟูการท่องเที่ยว&nbsp;ฟื้นฟูเศรษฐกิจ&nbsp;ใต้ภายใต้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19&nbsp;ที่รัดกุม</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>29/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129122105900 พาณิชย์ยะลา ชวนประชาชนซื้อส้มโชกุนเบตงสีทองราคาถูก ช่วยเหลือประชาชนได้ซื้อสินค้าราคาถูกช่วงตรุษจีน<p><strong>นางผุสสดี&nbsp;จ๋ายเจริญ&nbsp;พาณิชย์จังหวัดยะลา&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดยะลา&nbsp;</strong>ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมซื้อส้มโชกุนเบตงสีทอง&nbsp;(ส้มปลอดสาร)&nbsp;ราคาถูก&nbsp;สดจากสวน&nbsp;ต.ยะรม&nbsp;อ.เบตง&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;ส่งตรงสู่ผู้บริโภค&nbsp;ส้มรับทรัพย์นำโซค&nbsp;มิ่งมงคลตรุษจีน&nbsp;ได้รับการรับรองจาก&nbsp;สนง.เกษตรอำเภอเบตง&nbsp;โดยส้มขนาดเบอร์&nbsp;2&nbsp;จำหน่ายกิโลกรัมละ&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;และเบอร์&nbsp;3&nbsp;กก.ละ&nbsp;70&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งจะจำหน่ายในวันเสาร์&nbsp;-&nbsp;อาทิตย์&nbsp;29&nbsp;-&nbsp;30&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นี้&nbsp;เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;-&nbsp;12.00&nbsp;น.ณ&nbsp;บริเวณด้านข้างสำนักงานพาณิชย์จังหวัดยะลา</p><p><br></p><p><strong>สำหรับ&nbsp;การจำหน่ายส้มดังกล่าว&nbsp;สืบเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;</strong>ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดยะลา&nbsp;จะนำของไหว้ราคาประหยัดมาช่วยจำหน่ายเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคให้ได้ซื้อสินค้าราคาถูก&nbsp;อาทิ&nbsp;หมูเนื้อแดงและส้ม&nbsp;ซึ่งจะเป็นของที่จำเป็นที่จะต้องใช้ในช่วงตรุษจีน&nbsp;อีกทั้งยังเป็นการช่วยทั้งผู้บริโภคและเกษตรกรในการระบายสินค้า&nbsp;ผู้บริโภคได้ซื้อของถูก&nbsp;&nbsp;เกษตรกรได้ระบายสินค้าโดยที่ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ยังมีแผนที่จะทำตลาดนัดศุกร์ส่งสุข&nbsp;เพื่อให้เกษตรกรได้นำสินค้าดีๆ&nbsp;ราคาถูกมาจำหน่ายอีกด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>29/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129093853836 รัฐบาลพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยววัยเกษียณ หลังสื่อฝรั่งเศสจัดไทยติดอันดับ 5 ของประเทศที่น่าใช้ชีวิตเกษียณที่สุด ปี 2022<p><strong>นางสาวรัชดา&nbsp;ธนาดิเรก&nbsp;รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;กรณีนิตยสาร&nbsp;&nbsp;Capital&nbsp;ของฝรั่งเศส&nbsp;ซึ่งเป็นนิตยสารรายเดือนที่เน้นการนำเสนอข่าวสารด้านเศรษฐกิจ&nbsp;การเงิน&nbsp;&nbsp;และการลงทุน&nbsp;ได้เผยแพร่บทความการจัดอันดับ&nbsp;10&nbsp;ประเทศ/เมืองที่น่าใช้ชีวิตยามเกษียณมากที่สุด&nbsp;จัดทำโดยเว็บไซต์รีเทท&nbsp;ซอง&nbsp;ฟองเทีย&nbsp;(Retraite&nbsp;sans&nbsp;Frontieres)&nbsp;โดยประเทศไทยได้รับการจัดอันดับที่&nbsp;5&nbsp;ต่อจาก&nbsp;กรีซ&nbsp;โปรตุเกส&nbsp;มอรีเชียส&nbsp;และสเปน&nbsp;สะท้อนความโดดเด่นและภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวและเป็นเมืองที่น่าอาศัยอยู่ของไทย&nbsp;การจัดลำดับดังกล่าว&nbsp;พิจารณาจากตัวชี้วัด&nbsp;12&nbsp;ข้อ&nbsp;อาทิ&nbsp;ค่าครองชีพ&nbsp;อสังหาริมทรัพย์&nbsp;การแพทย์&nbsp;มรดกทางวัฒนธรรม</p><p><strong>นางสาวรัชดา&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;รัฐบาลมีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว&nbsp;</strong>เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มซึ่งมีความต้องการที่หลากหลายและสำหรับชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง&nbsp;ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญในการสร้างรายได้เข้าประเทศ&nbsp;ซึ่งประกอบด้วย&nbsp;กลุ่มประชากรผู้มีความมั่งคั่งสูง&nbsp;(Wealthy&nbsp;global&nbsp;citizen)&nbsp;กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ&nbsp;(Wealthy&nbsp;pensioner)&nbsp;กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย&nbsp;(Work&nbsp;–&nbsp;from&nbsp;–&nbsp;Thailand&nbsp;professional)&nbsp;กลุ่มผู้เชี่ยวชาญพิเศษ&nbsp;(High&nbsp;–&nbsp;skilled&nbsp;professional)&nbsp;กลุ่มนี้รัฐบาลจึงออกมาตราการดึงดูดให้พำนักในประเทศไทยเป็นเวลานาน&nbsp;โดยสามารถขอวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาว&nbsp;มีอายุการตรวจลงตรา&nbsp;10&nbsp;ปี&nbsp;และสำหรับการเข้ามาในประเทศไทยเพื่อใช้ชีวิตในฐานะผู้สูงอายุ&nbsp;จะต้องมีอายุ&nbsp;50&nbsp;ปีบริบูรณ์ขึ้นไป&nbsp;ระบุวัตถุประสงค์ว่าจะขอเข้ามาใช้ชีวิตในฐานะผู้สูงอายุหรือเกษียณ&nbsp;และจะไม่ทำงานในระหว่างพำนักในไทย&nbsp;มีหลักฐานแสดงฐานะทางการเงินหรือหลักฐานที่ได้รับเงินบำนาญ&nbsp;(ต้องมีเงินฝากไม่น้อยกว่า&nbsp;2&nbsp;แสนบาท&nbsp;หรือมีรายได้/บำนาญไม่น้อยกว่า&nbsp;6&nbsp;หมื่น&nbsp;5&nbsp;พันบาทต่อเดือน)</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;รัฐบาลยังมีโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ</strong>&nbsp;&nbsp;Thailand&nbsp;Wellness&nbsp;Sandbox&nbsp;หัวหิน&nbsp;–&nbsp;ชะอำ&nbsp;มีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแห่งใหม่&nbsp;ประมาณการค่าใช้จ่ายของนักท่องเทียวในกลุ่มนี้&nbsp;จะอยู่ที่&nbsp;3,276&nbsp;เหรียญดอลลาร์สหรัฐ&nbsp;ต่อคนต่อการเดินทาง</p><p><strong>นายกรัฐมนตรี&nbsp;ได้วางกรอบการทำงานของรัฐบาล</strong>&nbsp;เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ&nbsp;ควบคู่ไปกับการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;สร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจและสาธารณสุข&nbsp;คาดการณ์ว่า&nbsp;ภายใต้สถานการณ์โควิดที่สามารถบริหารจัดการได้เช่นนี้&nbsp;มาตรการ&nbsp;Test&nbsp;&amp;&nbsp;Go&nbsp;จะสามมารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ&nbsp;สร้างงาน&nbsp;สร้างรายได้แก่ประเทศให้เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน</p><p><br></p>29/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครRadio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129121650896 จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน ติดตามความก้าวหน้าด้านการพัฒนา และแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจังหวัดแม่ฮ่องสอน<p><strong>เมื่อวันที่&nbsp;28&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;09.30&nbsp;น.&nbsp;นายเชษฐา&nbsp;โมสิกรัตน์&nbsp;</strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหา&nbsp;&nbsp;&nbsp;เศรษฐกิจจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;(กรอ.)&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1/2565&nbsp;เพื่อพิจารณาประเด็นปัญหาสำคัญและ&nbsp;&nbsp;จัดทำข้อเสนอแผนงานโครงการ&nbsp;สำหรับเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมประดิษฐ์จองคำ&nbsp;ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน</p><p><strong>โดยการประชุมครั้งนี้&nbsp;เป็นการผลักดันเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจ</strong>สายตะวันออก&nbsp;–&nbsp;ตะวันตก&nbsp;&nbsp;&nbsp;(East&nbsp;–&nbsp;west&nbsp;Economic&nbsp;Corridor&nbsp;:&nbsp;EWEC)&nbsp;ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;เพื่อพัฒนาให้สามารถ&nbsp;&nbsp;รับรองการขนส่งและพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมที่แข่งขันได้&nbsp;รวมถึงผลักดันให้จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ให้อยู่ในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา&nbsp;&nbsp;ขณะที่สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;มีทิศทางที่เริ่มดีขึ้นทั้งการใช้จ่ายภาคบริการ&nbsp;เกษตรกรรม&nbsp;การลงทุน&nbsp;การบริโภค&nbsp;การค้าชายแดน&nbsp;อุตสาหกรรม&nbsp;และการจ้างงาน&nbsp;&nbsp;พบว่ามีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ขณะที่สถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค&nbsp;พบว่าบางรายการปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกตลาด&nbsp;ด้านสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวพบว่าช่วงที่ผ่านมานักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอนมากกว่าการคาดการณ์&nbsp;ทำให้เกิดรายได้เข้าจังหวัด&nbsp;และชุมชนมากขึ้น</p><p><strong>สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019</strong>&nbsp;ยังพบผู้ติดเชื้อในจังหวัดลดลง&nbsp;ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนเริ่มเพิ่มขึ้น&nbsp;อย่างไรก็ตามผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ได้เน้นย้ำให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด&nbsp;ปฏิบัติการเชิงรุกบริการฉีดวัคซีนให้มาก&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>29/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129104620860 พาณิชย์ปัตตานีร่วมกับศูนย์ดำรงธรรม เทศบาลเมืองปัตตานีและอำเภอเมือง ออกตรวจร้านค้าตลาดสดและห้างสรรพสินค้าเพื่อป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาในเทศกาลตรุษจีน<p><strong>พาณิชย์ปัตตานีร่วมกับศูนย์ดำรงธรรม&nbsp;เทศบาลเมืองปัตตานีและอำเภอเมือง</strong>&nbsp;ออกตรวจร้านค้าตลาดสดและห้างสรรพสินค้าเพื่อป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาในเทศกาลตรุษจีน&nbsp;วันนี้&nbsp;(29&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;เวลา&nbsp;08.00&nbsp;น.&nbsp;จังหวัดปัตตานี&nbsp;</p><p><strong>โดยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด&nbsp;ร่วมกับพาณิชย์จังหวัด&nbsp;อำเภอเมืองปัตตานี</strong>และเทศบาลเมืองปัตตานี&nbsp;บูรณาการร่วมออกตรวจร้านค้าในตลาดสดเทศวิวัฒน์1&nbsp;และห้างสรรพสินค้าบิกซีปัตตานี&nbsp;เพื่อตรวจสอบราคาและรณรงค์การปิดป้ายแสดงราคาสินค้าเนื่องในเทศกาลตรุษจีน&nbsp;ปี&nbsp;2565&nbsp;ที่กำลังจะมาถึง&nbsp;โดยมี&nbsp;นางสาวจินตะณา&nbsp;ปิ่นสุภา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดปัตตานี&nbsp;นายดำรง&nbsp;กุกุทพันธ์&nbsp;รองนายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี&nbsp;เจ้าหน้าที่จากพาณิชย์จังหวัด&nbsp;เจ้าหน้าที่เทศบาล&nbsp;ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด&nbsp;ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองปัตตานี&nbsp;ร่วมออกตรวจ&nbsp;</p><p><strong>นางสาวจินตะณา&nbsp;ปิ่นสุภา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดปัตตานี&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>ในปีนี้วันตรุษจีน&nbsp;ตรงกับวันอังคารที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;โดยก่อนที่จะถึงวันตรุษจีน&nbsp;ก็ยังมีอีก&nbsp;2&nbsp;วันสำคัญของเทศกาลตรุษจีน&nbsp;คือวันจ่าย&nbsp;และ&nbsp;วันไหว้&nbsp;โดยวันจ่าย&nbsp;ตรงกับวันที่&nbsp;30&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;และวันไหว้&nbsp;ตรงกับวันจันทร์ที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;</p><p><strong>ดังนั้น&nbsp;เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราสินค้าโดยไม่เป็นธรรมในช่วงเทสกาลดังกล่าว</strong>&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดปัตตานี&nbsp;จึงได้ร่วมกับหน่วยต่างๆที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ออกรณรงค์ขอความร่วมมือผู้จำหน่ายสินค้าให้แสดงป้ายราคา&nbsp;และป้องกันไม่ให้ฉวยโอกาสขึ้นราคา&nbsp;โดยเฉพาะอย่างยิ่งของไหว้&nbsp;เช่น&nbsp;ไก่&nbsp;ผลไม้มงคล&nbsp;เป็นต้น&nbsp;ซึ่งจากการตรวจสอบขณะนี้&nbsp;สินค้าดังกล่าวยังมีราคาปกติ&nbsp;ไม่ได้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาแต่อย่างใด&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>ภาพ/ข่าว&nbsp;เพชรน้อย&nbsp;ส.ปชส.ปัตตานี</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>29/1/2022ภาคใต้ปัตตานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปัตตานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129104942862 พาณิชย์จังหวัดลำปาง ลงพื้นที่ตรวจราคาสินค้า อาหาร ก่อนเทศกาลตรุษจีน<p><strong>นางสาวเยาวเรศ&nbsp;แซ่โค้ว&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำปาง&nbsp;มอบหมายให้</strong>เจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้า&nbsp;เนื้อสัตว์&nbsp;ไข่&nbsp;ผัก&nbsp;ผลไม้&nbsp;และอาหาร&nbsp;ช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;ซึ่งจะมีประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคสำหรับประกอบพิธีไหว้บรรพบุรุษ&nbsp;ทั้งวัตถุดิบในการประกอบอาหารและเครื่องเซ่นไหว้&nbsp;ทั้งนี้เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบในการซื้อสินค้า&nbsp;จึงได้ดำเนินการตรวจสอบ&nbsp;ณ&nbsp;ห้างโลตัส&nbsp;ห้างสยามแมคโคร&nbsp;ห้างบิ๊กซี&nbsp;และห้างท็อป&nbsp;ซูเปอร์มาร์เก็ต&nbsp;และตลาดสดเมืองลำปาง</p><p><strong>จากการตรวจสอบพบว่า&nbsp;ราคาหมูเนื้อแดง&nbsp;ในห้างฯ&nbsp;ราคา&nbsp;174&nbsp;-185&nbsp;บาท/กก.</strong>ในตลาดสด&nbsp;220&nbsp;บาท/กก.,&nbsp;ไก่ไหว้พร้อมเครื่องใน&nbsp;ราคา&nbsp;65-70&nbsp;บาท/กก.,&nbsp;ราคาไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;แผงละ&nbsp;99&nbsp;บาท,&nbsp;ราคาเป็ดแช่แข็ง&nbsp;69&nbsp;-&nbsp;89&nbsp;บาท/กก.&nbsp;และน้ำมันปาล์มมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นและได้จำกัดการจำหน่ายเพื่อกระจายสินค้าให้ทั่วถึง</p><p>ทั้งนี้ผู้ประกอบการได้จัดเตรียมสินค้าเพื่อรองรับความต้องการของของคนไทยเชื้อสายจีน&nbsp;ที่จะเริ่มจ่ายในวันที่&nbsp;30&nbsp;มกราคม&nbsp;ที่จะถึงนี้&nbsp;อย่างไรก็ตามในช่วงนี้เริ่มมีประชาชนมาจับจ่ายใช้สอย&nbsp;คาดว่าปริมาณความต้องการเพิ่มขึ้น</p><p><strong>ราคาสินค้าส่วนใหญ่ทรงตัว&nbsp;ขณะที่เนื้อหมูก็ยังสามารถหาซื้อได้&nbsp;มีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค</strong></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>29/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129105341865 กรมการค้าภายใน สั่งจับเครื่องชั่งในบริษัทขนส่งไม่ผ่านการตรวจสอบ ย้ำถ้าพบเจออีกจะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที<p><strong>??นายอาวุธ&nbsp;วงศ์สวัสดิ์&nbsp;รองอธิบดีกรมการค้าภายใน</strong>&nbsp;เปิดเผยถึงกรณี&nbsp;กรมฯ&nbsp;ได้รับเรื่องร้องเรียนผ่านสายด่วน&nbsp;1569&nbsp;ว่ามีการใช้งานเครื่องชั่งที่ไม่ได้รับการตรวจสอบให้คำรับรองจากกรมฯในการชั่งพัสดุในบริษัทรับ-ส่งพัสดุชื่อดังแห่งหนึ่ง&nbsp;จึงได้มีจัดส่งสายตรวจของกรมฯลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค&nbsp;(บก.ปคบ.)&nbsp;ณ&nbsp;บริษัทรับ-ส่งพัสดุดังกล่าว&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;แห่งในท้องที่จังหวัดนนทบุรี&nbsp;พบมีการใช้งานเครื่องชั่งที่ไม่ได้รับการตรวจสอบให้คำรับรองจากกรมฯจริง&nbsp;ตามที่ได้รับการร้องเรียน&nbsp;</p><p><strong>การกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนจะมีโทษ&nbsp;</strong>ตามมาตรา&nbsp;25&nbsp;วรรค&nbsp;1&nbsp;รับโทษตามมาตรา&nbsp;70&nbsp;แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2542&nbsp;และที่แก้ไขเพิ่มเติม&nbsp;ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;6&nbsp;เดือน&nbsp;&nbsp;ปรับไม่เกิน&nbsp;20,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำและปรับ&nbsp;ซึ่งกรณีดังกล่าว&nbsp;จึงได้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำความผิด&nbsp;ส่งให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนนทบุรีเปรียบเทียบปรับเป็นเงินรวมทั้งสิ้น&nbsp;&nbsp;55,000&nbsp;บาท</p><p><strong>กรมการค้าภายใน&nbsp;ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องชั่ง</strong>&nbsp;เพื่อรักษาความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง&nbsp;หากประชาชนพบเห็นว่ามีการใช้งานเครื่องชั่งที่ไม่ได้รับการตรวจสอบให้คำรับรองโดยกรมการค้าภายใน&nbsp;สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน&nbsp;1569&nbsp;หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ</p><p><br></p><p><br></p>29/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129121343893 รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ (หาดปากเมง)<p><strong>วันนี้&nbsp;(29&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;นายภูวนัฐ&nbsp;สมใจ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง</strong>&nbsp;เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ&nbsp;(หาดปากเมง)&nbsp;ของ&nbsp;นดต.&nbsp;รุ่น&nbsp;11&nbsp;จังหวัดตรัง&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณหาดปากเมง&nbsp;อำเภอสิเกา&nbsp;จังหวัดตรัง</p><p><strong>สำหรับการดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี&nbsp;</strong>กับประชาชนในการช่วยเหลือและพัฒนาชุมชนให้มีความสะอาด&nbsp;สงบ&nbsp;ปลอดภัย&nbsp;น่าอยู่อาศัย&nbsp;เพื่อสุขอนามัยที่ดีของประชาชนในพื้นที่โดยรอบ&nbsp;สนองพระราชปณิธาน&nbsp;รักษา&nbsp;สืบสาน&nbsp;ต่อยอด&nbsp;ซึ่งการจัดกิจกรรมในวันนี้&nbsp;เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ช่วยสร้างจิตสำนึกให้ประชาชน&nbsp;และทุกฝ่ายตระหนัก&nbsp;และให้ความสำคัญในการรักษาความสะอาด&nbsp;สร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้กับหาดปากเมงซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดตรัง</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>29/1/2022ภาคใต้ตรังสวท.ตรังhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129114754880 สำนักงานพาณิชย์ จ.ลำปาง ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง จัดเจรจาธุรกิจการค้าออนไลน์ (OBM)<p><strong>นางสาวเยาวเรศ&nbsp;แซ่โค้ว&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำปาง&nbsp;ร่วมกับสำนักงาน</strong>ส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ&nbsp;ณ&nbsp;เมืองฮ่องกง&nbsp;จัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์&nbsp;Online&nbsp;Business&nbsp;&nbsp;Matching&nbsp;:&nbsp;OBM&nbsp;ระหว่างผู้ประกอบการไทย-ฮ่องกง&nbsp;ผ่านโปรแกรม&nbsp;zoom&nbsp;meeting&nbsp;</p><p><strong>โดยมีผู้ประกอบการจังหวัดลำปาง&nbsp;คือนางสาวปางคูน&nbsp;ไชยยารักษ์</strong>&nbsp;จากนาปางคูนเซรามิค&nbsp;เจรจาธุรกิจออนไลน์กับบริษัท&nbsp;Chiangmai&nbsp;Herbs&nbsp;Trading&nbsp;Limited&nbsp;หรือ&nbsp;&nbsp;ABOUTHAI&nbsp;&nbsp;(Hong&nbsp;Kong&nbsp;Ltd.)&nbsp;ซึ่งเป็นบริษัทร้านค้าปลีกจำหน่ายสินค้าไทยในฮ่องกงที่มีสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลาย&nbsp;</p><p><strong>เบื้องต้นคู่เจรจาได้ขอให้นาปางคูนเซรามิคส่งแคตตาล็อกสินค้าและ</strong>ตัวอย่างสินค้าเพิ่มเติม&nbsp;อาทิ&nbsp;ชุดกาแฟ&nbsp;แก้วน้ำขนาดเล็ก&nbsp;ชุดกาแฟดริฟ&nbsp;เป็นต้น&nbsp;ให้กับคู่เจรจา&nbsp;เพื่อจะมีการพิจารณาสินค้าและซื้อขายสินค้าในโอกาสต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>29/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129115237883 อาทิตย์อัสดง 2 แผ่นดิน ที่บ้านกาแปะฮูลู แลนด์มาร์คใหม่ในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา<p><strong>ที่บริเวณจุดชมวิว&nbsp;ริมถนนเลียบชายไทย-มาเลย์&nbsp;บ้านกาแปะฮูลู</strong>&nbsp;ถือได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คใหม่ในพื้นที่&nbsp;อ.เบตง&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;มีนักท่องเที่ยวจากในและต่างจังหวัดเข้ามาเที่ยวชมธรรมชาติ&nbsp;&nbsp;ดูดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้ากันจำนวนมาก&nbsp;ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด</p><p><strong>นางภาวนา&nbsp;สาและ&nbsp;นักท่องเที่ยว&nbsp;เผยว่า&nbsp;การสร้างจุดแลนด์มาร์คใหม่แห่งนี้</strong>&nbsp;สามารถกระจายรายได้ให้กับชุมชนกาแปะฮูลูเป็นอย่างดี&nbsp;และความสวยงามในพื้นที่จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาชื่นชมธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ในขณะที่การสัญจรในพื้นที่ก็มีความสะดวก&nbsp;การจัดการโดยภาพรวมถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก&nbsp;&nbsp;วันนี้เลยพาครอบครัวมาเที่ยวพักผ่อนดูดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า&nbsp;ชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติริมชายแดนไทย-มาเลย์</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;บริเวณข้างทางยังได้มีการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนในพื้นที่</strong>&nbsp;อ.เบตง&nbsp;ขายอาหาร&nbsp;และเครื่องดื่มให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p><p>&nbsp;</p>29/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129124604922 จังหวัดเพชรบุรี รับอรุณ เบิกฟ้า จัดกิจกรรม ปั่นเที่ยว ปั่นกิน ชิวชิว @ ท่ายาง นักจักรยานชื่นชอบ ได้ชมทั้งทัศนียภาพ อิ่มอร่อยผลไม้สด และทำประโยชน์ให้สังคม<p><strong>วันนี้&nbsp;(29&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;เมื่อเวลา&nbsp;06.00&nbsp;น.&nbsp;นายณัฐวุฒิ&nbsp;เพ็ชรพรหมศร</strong>&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;เป็นประธานเปิดกิจกรรมปั่นเที่ยว&nbsp;ปั่นกิน&nbsp;ชิวชิว&nbsp;@&nbsp;ท่ายาง&nbsp;พร้อมด้วยนางสาวมิ่งขวัญ&nbsp;บุญโภคัย&nbsp;ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น&nbsp;และคณะกรรมการจัดงาน&nbsp;ร่วมกิจกรรม&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณลานกางเต็นท์หน้าโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ&nbsp;อำเภอท่ายาง&nbsp;จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;</p><p><strong>นายณัฐวุฒิ&nbsp;เพ็ชรพรหมศร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;เสริมสร้างความสุข&nbsp;ให้ประชาชนคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองเพชรบุรี&nbsp;สานนโยบายการเปิดเมือง&nbsp;ส่งเสริม&nbsp;การค้า&nbsp;การผลิต&nbsp;การบริการ&nbsp;และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ&nbsp;ทั้งเชิงนิเวศ&nbsp;เชิงสุขภาพ&nbsp;และเชิงศาสนาวัฒนธรรม&nbsp;หวังยกระดับการท่องเที่ยว&nbsp;โดยเฉพาะอำเภอท่ายาง&nbsp;ที่มีต้นทุนด้านทรัพยากรธรรมชาติ&nbsp;มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย&nbsp;อากาศบริสุทธิ์&nbsp;ที่เหมาะสมต่อการปั่นจักรยาน&nbsp;สัมผัสบรรยากาศเนินป่า&nbsp;เชิงเขา&nbsp;ได้ทั้งสุขภาพกาย&nbsp;และสุขภาพใจ&nbsp;</p><p><strong>สำหรับการจัดกิจกรรมปั่นเที่ยว&nbsp;ปั่นกิน&nbsp;ชิวชิว&nbsp;@&nbsp;ท่ายาง&nbsp;เสริมสร้างให้</strong>ประชาชนทั่วไปได้ออกกำลังกาย&nbsp;ภายใต้การป้องกันโรคโควิด&nbsp;19&nbsp;พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวพื้นที่อำเภอท่ายางและจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;โดยมีนักปั่นจักรยานทั้งชาวเพชรบุรีและต่างจังหวัด&nbsp;เข้าร่วมกิจกรรมโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด&nbsp;ๆ&nbsp;จำนวน&nbsp;700&nbsp;ราย&nbsp;ซึ่งเส้นทางปั่นจักรยานจะเริ่มจากโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ&nbsp;มุ่งหน้าชมธรรมชาติ&nbsp;ผ่านบึงบัว&nbsp;มุ่งสู่พระพุทธบาทเขาลูกช้าง&nbsp;จุดพักรถพร้อมทำประโยชน์ให้สังคม&nbsp;เก็บขยะในพื้นที่วัด&nbsp;และเดินทางต่อตามเส้นทาง&nbsp;แวะทานผลไม้&nbsp;ซึ่งขณะนี้ชมพู่เพชร&nbsp;ผลผลิตกำลังออกตามฤดูกาล&nbsp;ชมเขื่อนยางชุม&nbsp;และกลับถึงโครงการชั่งหัวมัน&nbsp;เพื่อร่วมปล่อยพันธ์ปลา&nbsp;รวมระยะทางปั่น&nbsp;59&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>จามรี&nbsp;อนุรัตน์&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรีรายงาน</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>29/1/2022ภาคตะวันตกเพชรบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129124823923 สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จ.ลำปาง ต้อนรับนักท่องเที่ยวแดนใต้ นครศรีธรรมราช<p><strong>ที่บริเวณห้าแยกหอนาฬิกา&nbsp;และวัดศรีรองเมือง&nbsp;เขตเทศบาลนครลำปาง&nbsp;</strong>นางสุมาลี&nbsp;จังเกษม&nbsp;นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดลำปาง&nbsp;ได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจังหวัดนครศรีธรรมราชที่เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดลำปาง&nbsp;โดยคณะนักท่องเที่ยวได้นั่งรถม้ารอบเมืองลำปาง&nbsp;ชมความงามของวัดศรีรองเมือง&nbsp;ฯลฯ&nbsp;ซึ่งสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก</p><p><strong>นายดุลยชัย&nbsp;รักษ์ดำ&nbsp;เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย&nbsp;(สทท.)&nbsp;</strong>กล่าวว่า&nbsp;คณะนักท่องเที่ยวประมาณ&nbsp;46&nbsp;คน&nbsp;เดินทางมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;ภายใต้การนำขององค์การบริการส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช&nbsp;ร่วมกันทำ&nbsp;roadshow&nbsp;จังหวัดภาคเหนือ&nbsp;เริ่มต้นจากจังหวัดชัยนาท&nbsp;พิษณุโลก&nbsp;เชียงใหม่&nbsp;ลำปาง&nbsp;และพระนครศรีอยุธยา&nbsp;ทั้งนี้รู้สึกดีใจที่ได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดลำปาง&nbsp;เพราะถือว่าเมืองลำปางหรือเมืองเขลางค์นครเป็นเมืองที่มีมนต์เสน่ห์และเป็นเมืองรถม้า&nbsp;หากมาลำปางแวะลำปางต้องนั่งรถม้า&nbsp;ซึ่งถือว่ารถม้าเป็นส่วนหนึ่งในการทำกิจกรรมของชุมชนในพื้นที่ที่ได้มีการการสืบทอดมานาน&nbsp;จึงเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองลำปาง&nbsp;เมืองที่เสน่ห์&nbsp;มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกแจ้ซ้อน&nbsp;หรือแหล่งท่องเที่ยว&nbsp;อีกหลายแห่ง&nbsp;วัดสำคัญๆ&nbsp;ในเขตตัวเมืองลำปาง&nbsp;และวัดพระธาตุลำปางหลวง&nbsp;ฯลฯ&nbsp;เป็นต้น</p><p><strong>พร้อมกันนี้ทางด้าน&nbsp;นางสุมาลี&nbsp;จังเกษม&nbsp;นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยว</strong>ภาคเหนือจังหวัดลำปาง&nbsp;ได้ทำหนังสือเชิญชวนคณะ&nbsp;ฯ&nbsp;ร่วมงานโครงการเสวนาทิศทางการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดลำปางและการเป็นเจ้าภาพการประชุมสัญจรของสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ&nbsp;17&nbsp;จังหวัดภาคเหนือ&nbsp;จำนวน&nbsp;18&nbsp;สมาคม&nbsp;ในการประชุมวิสามัญสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ&nbsp;17&nbsp;จังหวัด&nbsp;เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และแสดงความคิดเห็นในการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดลำปางและจังหวัดภาคเหนือตอนบน&nbsp;ในวันที่&nbsp;24-25&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;โรงแรมลำปางเวียงทอง&nbsp;ตำบลสวนดอก&nbsp;อำเภอเมืองลำปาง&nbsp;จังหวัดลำปาง</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>29/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129125640926 ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ปั่นจริง นำทีมจักรยาน ชมทิวทัศน์ ปั่นเลียบเส้นทาง“Bike Riviera #ปั่นน้อย..100 รูป @ เพชรบุรี”<p><strong>ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ปั่นจริง&nbsp;นำทีมจักรยาน&nbsp;ชมทิวทัศน์&nbsp;ปั่นเลียบเส้นทาง“Bike&nbsp;Riviera</strong>&nbsp;#ปั่นน้อย..100&nbsp;รูป&nbsp;@&nbsp;เพชรบุรี”&nbsp;เมื่อเวลา&nbsp;08.30&nbsp;น.&nbsp;วันนี้&nbsp;(29&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;นายณัฐวุฒิ&nbsp;เพ็ชรพรหมศร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;นำทีมนักปั่นจักรยาน&nbsp;ปั่นชมเมืองเพชรบุรี&nbsp;ร่วมกิจกรรมปั่นเลียบเส้นทางทาง“Bike&nbsp;Riviera&nbsp;#ปั่นน้อย..100&nbsp;รูป&nbsp;@&nbsp;เพชรบุรี&nbsp;</p><p><strong>นายณัฐวุฒิ&nbsp;เพ็ชรพรหมศร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;</strong>เป็นกิจกรรมที่ทางททท.จังหวัดเพชรบุรี&nbsp;จัดปั่นจักรยานเลียบเส้นทาง“Bike&nbsp;Riviera&nbsp;#ปั่นน้อย..100&nbsp;รูป&nbsp;&nbsp;@&nbsp;เพชรบุรี&nbsp;&nbsp;ซึ่งเป็นการปั่นน้อย&nbsp;แต่ร้อยรูป&nbsp;คือหลักการง่ายๆ&nbsp;ที่เราได้ปั่นออกกำลังกาย&nbsp;และได้ชมวิวทิวทัศน์ในตัวเมืองเพชรบุรีไปด้วย&nbsp;ขี่ผ่านทุ่งนาป่าตาล&nbsp;เส้นทางท่องเที่ยว&nbsp;เขาหลวง&nbsp;อุทยาน&nbsp;ร&nbsp;4.&nbsp;ปั่นเที่ยววัด&nbsp;ชมโบราณสถานสำคัญๆ&nbsp;เช่น&nbsp;วัดใหญ่&nbsp;วัดข่อย&nbsp;วัดพระมหาธาตุ&nbsp;นอกจากได้ออกกำลังกาย&nbsp;ให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง&nbsp;ยังสานมาตรการป้องกันโรค&nbsp;ของกระทรวงสาธารณสุข&nbsp;ปั่นแบบสวมแมสตลอดเวลา&nbsp;เว้นระยะห่าง&nbsp;ไม่มีการสัมผัส&nbsp;ใกล้ชิด&nbsp;ป้องกันโควิด&nbsp;19&nbsp;ด้วย&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนั้น&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีกล่าวเพิ่มเติมว่า</strong>&nbsp;Bike&nbsp;Riviera&nbsp;#ปั่นน้อย..100&nbsp;รูป&nbsp;เพื่อยืนยันว่า&nbsp;จังหวัดเพชรบุรีพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกประเภท&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ&nbsp;หรือมาเที่ยวชิมอาหารอร่อย&nbsp;เพชรบุรีเป็นเมือง&nbsp;gastronomy&nbsp;ก็สามารถเปิดให้บริการได้ตลอดเวลา&nbsp;เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวมาเยือนจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;&nbsp;นักท่องเที่ยวสามารถเลือกรสนิยมท่องเที่ยวแบบตามทีใจชอบได้&nbsp;</p><p><strong>ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;(ททท.)&nbsp;สำนักงานเพชรบุรี&nbsp;ร่วมกับ</strong>พันธมิตรทางการท่องเที่ยว&nbsp;จัดกิจกรรมท่องเที่ยวในรูปแบบปั่นจักรยานตามเส้นทาง&nbsp;Bike&nbsp;Riviera&nbsp;โดยถือเอาแม่น้ำเพชรบุรีเป็นหลัก&nbsp;ได้แก่&nbsp;เส้นทาง“เสือลุยแก่งแหล่ง&nbsp;OZONE”&nbsp;อำเภอแก่งกระจาน&nbsp;เส้นทาง&nbsp;“ตะลุยสวนตาล&nbsp;Palm&nbsp;Street&nbsp;Art”&nbsp;อำเภอบ้านลาด&nbsp;และเส้นทาง&nbsp;“ชิลล์ริมเล&nbsp;Scenic&nbsp;&nbsp;Route”&nbsp;อำเภอชะอำ&nbsp;เพื่อเป็นประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยวอีกรูปแบบหนึ่งของจังหวัดเพชรบุรี&nbsp;ซึ่งกิจกรรมปั่นจักรยานจะส่งต่อความสนุกและการเดินทางที่คุ้มค่าให้แก่นักท่องเที่ยวตลอด&nbsp;4&nbsp;เดือน&nbsp;โดยเริ่มกิจกรรมปั่นตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;จนถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;พฤษภาคม&nbsp;2565&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>จามรี&nbsp;อนุรัตน์&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรีรายงาน</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>29/1/2022ภาคตะวันตกเพชรบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129140234950 รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ พร้อมคณะ ตรวจเยี่ยมโครงการ "หมูพาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน" ณ ห้างบิ๊กซี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พบว่าราคาสินค้าอยู่ในระดับที่ควบคุม<p><strong>วันนี้&nbsp;(29&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและ</strong>รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายนิพนธ์&nbsp;บุญญามณี&nbsp;รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย&nbsp;นายอำพล&nbsp;พงศ์สุวรรณ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา&nbsp;นางสาวฉัตร์สุดา&nbsp;ชุมแสง&nbsp;พาณิชย์จังหวัดสงขลา&nbsp;นายชวกิจจ์&nbsp;สุวรรณคีรี&nbsp;นายอำเภอหาดใหญ่&nbsp;พลตํารวจโท&nbsp;สาคร&nbsp;ทองมุณี&nbsp;นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่&nbsp;และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการ&nbsp;"หมูพาณิชย์ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน"&nbsp;ที่ห้างบิ๊กซี&nbsp;สาขาหาดใหญ่&nbsp;2&nbsp;อำเภอหาดใหญ่&nbsp;จังหวัดสงขลา</p><p><strong>นายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฏ์&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;จากการติดตามราคาสินค้าของห้างสรรพสินค้า</strong>&nbsp;(แม็คโคร&nbsp;โลตัส&nbsp;และบิ๊กซี)&nbsp;ที่เป็นตัวชี้วัดราคาของตลาด&nbsp;โดยการลงพื้นที่วันนี้ได้ติดตามสินค้า&nbsp;5&nbsp;หมวดด้วยกัน&nbsp;ได้แก่&nbsp;เครื่องใช้ไฟฟ้า,&nbsp;ซอสปรุงรส,&nbsp;บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป,&nbsp;น้ำอัดลม&nbsp;และอาหารสด&nbsp;พบว่าราคาสินค้าเป็นไปตามข้อตกลง&nbsp;โดยเฉพาะ&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;ซึ่งมีการควบคุมราคาหน้าฟาร์มแก่เกษตรกรและห้างสรรพสินค้าทั้งหมด&nbsp;โดยกำหนดราคาไข่ไก่ฟองละไม่เกิน&nbsp;2.90&nbsp;บาท&nbsp;และเนื้อไก่&nbsp;พบว่าอยู่ในระดับราคาควบคุม&nbsp;ด้านเนื้อหมู&nbsp;</p><p>ขณะนี้ได้มีการเจรจากับเกษตรกร&nbsp;โรงชำแหละ&nbsp;และห้างสรรพสินค้าต่างๆ&nbsp;โดยทำการตกลงราคาสำหรับหมูหน้าฟาร์ม&nbsp;ไม่เกินกิโลกรัมละ&nbsp;110&nbsp;บาท&nbsp;ด้านหมูชำแหละ&nbsp;ที่ขายปลีกในห้างสรรพสินค้า&nbsp;(แม็คโคร&nbsp;โลตัส&nbsp;และบิ๊กซี)&nbsp;พบว่าราคามีการปรับลงตามที่กำหนด&nbsp;โอกาสนี้&nbsp;ได้จัดโครงการไก่ต้มไหว้เจ้าในราคาตัวละ&nbsp;189&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งเป็นโครงการที่ร่วมมือกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับ&nbsp;4&nbsp;ห้างสรรพสินค้า&nbsp;ได้แก่&nbsp;แม็คโคร&nbsp;โลตัส&nbsp;บิ๊กซี&nbsp;และซูเปอร์มาเก็ต&nbsp;มีการผลิตประมาณ&nbsp;100,000&nbsp;ตัว&nbsp;ทั่วประเทศ&nbsp;ทั้งนี้&nbsp;เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระพี่น้องประชาชนเชื้อสายจีนที่จะซื้อไก่ไหว้เจ้าช่วงเทศกาลตรุษจีนในราคาที่เป็นธรรม</p><p><strong>ขณะที่&nbsp;ได้สั่งการสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศร่วมกับปศุสัตว์จังหวัด&nbsp;</strong>ตลอดจนผู้ว่าราชการจังหวัด&nbsp;และเจ้าหน้าที่ตำรวจ&nbsp;ให้ดำเนินการตรวจสต๊อกหมูทุกแห่งทั่วประเทศ&nbsp;และหากพบเห็นการกระทำความผิด&nbsp;อาทิ&nbsp;การกักตุนสินค้า&nbsp;หรือไม่แจ้งจำนวนการสต๊อกสินค้าให้ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทราบ&nbsp;จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด&nbsp;โดยไม่มีการยกเว้น</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ได้เน้นย้ำพี่น้องประชาชน&nbsp;หากใครพบเห็นจุดจำหน่ายสินค้าที่ขายแพงเกินกว่าราคาที่กำหนด</strong>&nbsp;หรือมีการกักตุนสินค้า&nbsp;ให้ทำการแจ้งเบาะแสแก่กระทรวงพาณิชย์ทราบ&nbsp;เพื่อที่จะให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมาย&nbsp;โดยสามารถแจ้งเบาะแสทางสายด่วน&nbsp;1569</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>ณิชารีย์&nbsp;หนูบุญ/ข่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;วิทยา-จิรพัฒน์/ภาพ</p><p>สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา29&nbsp;ม.ค.&nbsp;2565</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>29/1/2022ภาคใต้สงขลาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129141434961 พาณิชย์บุรีรัมย์ จัดงาน “Chiness New Year 2022” ตามโครงการยกระดับการค้าภาคอีสานสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 2<p><strong>วันนี้&nbsp;(29&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์&nbsp;ร่วมกับภาคเอกชน</strong>&nbsp;ห้างสรรพสินค้าทวีกิจซุปเปอร์เซ็นเตอร์&nbsp;และกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์&nbsp;จัดงาน&nbsp;“Chiness&nbsp;New&nbsp;Year&nbsp;&nbsp;2022”&nbsp;&nbsp;ช่วยเหลือผู้ประกอบการ&nbsp;และเกษตรกรจังหวัดบุรีรัมย์&nbsp;เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีน</p><p><strong>โดยนายสุทธิศักดิ์&nbsp;พรหมบุตร&nbsp;พาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์&nbsp;เปิดเผยว่า</strong>&nbsp;กิจกรรมที่เกิดขึ้น&nbsp;เป็นการร่วมมือระหว่าง&nbsp;กลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์&nbsp;กับ&nbsp;คณะทำงานด้านการตลาดระดับจังหวัด&nbsp;&nbsp;จังหวัดบุรีรัมย์&nbsp;ได้แก่&nbsp;หอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์,&nbsp;สภาอุตสาหกรรมจังหวัดบุรีรัมย์,&nbsp;สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์,&nbsp;สภาเกษตรกรจังหวัดบุรีรัมย์,&nbsp;เครือข่ายธุรกิจ&nbsp;MOC&nbsp;Biz&nbsp;Club&nbsp;&nbsp;จังหวัดบุรีรัมย์&nbsp;และสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรสาขาจังหวัดบุรีรัมย์&nbsp;นำเกษตรกรและผู้ประกอบการสินค้า&nbsp;OTOP,&nbsp;SMEs&nbsp;และเกษตรกร&nbsp;ในกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์&nbsp;&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;จังหวัดนครราชสีมา&nbsp;ชัยภูมิ&nbsp;บุรีรัมย์และสุรินทร์&nbsp;รวมกว่า&nbsp;35&nbsp;ร้านค้า&nbsp;มาจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า&nbsp;มากมายไม่ว่าจะเป็น&nbsp;ผักผลไม้สด,ต้นไม้มงคล,&nbsp;อาหารเด่น,&nbsp;เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย,&nbsp;เครื่องประดับของตกแต่ง,&nbsp;เครื่องสำอาง&nbsp;และสมุนไพร&nbsp;ทั้งเพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางให้ผู้ประกอบการ&nbsp;รวมทั้งเป็นการเพิ่มการบริโภคและการจับจ่ายใช้สอยเพื่อกระตุ้นให้มีการหมุนเวียนและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์</p><p><strong>สำหรับงานแสดงและจำหน่ายสินค้า&nbsp;“Chiness&nbsp;New&nbsp;Year&nbsp;2022”&nbsp;</strong>จัดขึ้นระหว่างวันที่29&nbsp;มกราคม&nbsp;–&nbsp;2&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;Event&nbsp;Hall&nbsp;โซนอาคารใหม่&nbsp;ห้างสรรพสินค้าทวีกิจซุปเปอร์เซ็นเตอร์&nbsp;อำเภอเมืองบุรีรัมย์&nbsp;จังหวัดบุรีรัมย์&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>29/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบุรีรัมย์สวท.บุรีรัมย์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129145855989 ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี นำผู้ประกอบชาวเบตงในกรุงเทพและกลุ่มสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนเบตง"วีระราษฎร์ประสานร่วมเที่ยวบินพาณิชย์สู่สวรรค์บนดินสนามบินเบตง<p><strong>ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีนำผู้ประกอบชาวเบตงในกรุงเทพ</strong>และกลุ่มสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนเบตง"วีระราษฎร์ประสานร่วมเที่ยวบินพาณิชย์สู่สวรรค์บนดินสนามบินเบตง</p><p><strong>วันนี้&nbsp;(29&nbsp;ม.ค.&nbsp;65&nbsp;)&nbsp;เที่ยวบินของสายการบินนกแอร์&nbsp;เที่ยวบินพิเศษ&nbsp;DD&nbsp;6260&nbsp;</strong>ซึ่งเป็นเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำ&nbsp;บรรทุกผู้โดยสาร&nbsp;76&nbsp;คน&nbsp;ร่อนลงจอดในรันเวย์สนามบินเบตง&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;เป็นครั้งแรก&nbsp;หลังเดินทางออกจากท่าอากาศยานดอนเมือง&nbsp;กรุงเทพมหานคร&nbsp;มาถึงท่าอากาศยานเบตงในเวลา&nbsp;11.17&nbsp;น.&nbsp;ซึ่งถือเป็นเที่ยวบินพาณิชย์ทดลองบินครั้งแรก&nbsp;โดยมีเสกสกล&nbsp;อัตถาวงศ์&nbsp;ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี&nbsp;นายภาณุ&nbsp;อุทัยรัตน์&nbsp;สมาชิก&nbsp;วุฒิสภา&nbsp;นำกลุ่มนักธุรกิจชาวเบตงในกรุงเทพฯ&nbsp;กลุ่มสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนเบตง&nbsp;"วีระราษฎร์ประสาน"&nbsp;ที่ร่วมกันลงขัน&nbsp;คนละ&nbsp;10,000&nbsp;บาท&nbsp;เพื่อเช่าเหมาลำอากาศยานของสายการบินนกเเอร์&nbsp;แบบ&nbsp;Q-400&nbsp;ซึ่งรองรับผู้โดยสารจำนวน&nbsp;86&nbsp;ที่นั่ง&nbsp;มายังอำเภอเบตง&nbsp;หลังจากเมื่อวานนี้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย&nbsp;ได้มีหนังสือรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะให้แก่สนามบินเบตงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>นายเสกสกล&nbsp;อัตถาวงศ์&nbsp;ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;การเปิดใช้สนามบินเบตงเพื่อรองรับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและเพื่อความมั่นคงของ&nbsp;3&nbsp;จังหวัดชายแดนใต้&nbsp;และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอเบตง&nbsp;โดยนายกรัฐมนตรี&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม&nbsp;และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา&nbsp;มีนโยบายเร่งรัดการเปิดให้บริการท่าอากาศยานเบตงโดยเร็ว&nbsp;ซึ่งจะทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น&nbsp;&nbsp;ส่วนท่าอากาศยานเบตง&nbsp;จะเปิดให้บริการเที่ยวบินปฐมฤกษ์อย่างเป็นทางการเมื่อไหร่นั้น&nbsp;ทางกระทรวงคมนาคม&nbsp;กรมท่าอากาศยาน&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการประชุมสรุปข้อมูลภายหลังจากเที่ยวบินทดลองนี้&nbsp;เพื่อเตรียมความพร้อมของทุกฝ่ายอีกครั้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ด้าน&nbsp;นางดวงพร&nbsp;สุวรรณมณี&nbsp;ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนราธิวาส&nbsp;</strong>ปฏิบัติงานในฐานะผู้อำนวยการท่าอากาศยานเบตง&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ภายหลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม&nbsp;&nbsp;ได้สังการให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย&nbsp;(กพท.)&nbsp;ออกใบรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะให้แก่ท่าอากาศยานเบตง&nbsp;ซึ่งเป็นท่าอากาศยานแห่งใหม่&nbsp;ลำดับที่&nbsp;29&nbsp;&nbsp;ของกรมท่าอากาศยาน(ทย.)&nbsp;วันนี้&nbsp;ทางกรมท่าอากาศยานได้ทำการทดลองการเปิดบริการเที่ยวบินพาณิชย์ท่าอากาศยานเบตง&nbsp;โดยให้บริการเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำ&nbsp;(Charter&nbsp;Flight)&nbsp;&nbsp;DD&nbsp;6260&nbsp;ใช้อากาศยานแบบ&nbsp;Q-400&nbsp;ของสายการบินนกแอร์&nbsp;ในเส้นทางดอนเมือง&nbsp;-&nbsp;เบตง&nbsp;-&nbsp;ดอนเมือง&nbsp;เพื่อตรวจสอบความพร้อมในการให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์&nbsp;มีผู้โดยสารเดินทางมา&nbsp;จำนวน&nbsp;76&nbsp;&nbsp;คน&nbsp;พร้อมยืนยันว่าท่าอากาศยานเบตง&nbsp;มีความพร้อมในด้านกายภาพ&nbsp;อุปกรณ์&nbsp;สิ่งอำนวยความสะดวก&nbsp;และบุคลากรที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้บริการภายใต้มาตรการการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019&nbsp;(COVID-19)&nbsp;โดยทั้งหมดเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย&nbsp;(กพท.)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ขณะที่&nbsp;นางลิ้มหลัง&nbsp;เอ็ง&nbsp;อายุ&nbsp;92&nbsp;ปี&nbsp;หนึ่งในผู้โดยสาร&nbsp;ซึ่งเดินทางมาพร้อมลูกชาย&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>ดีใจมากที่ได้เดินทางกลับ&nbsp;อ.เบตง&nbsp;อีกครั้ง&nbsp;หลังจากเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19&nbsp;ก็ไม่ได้กลับมาเบตงอีกเลย&nbsp;การเดินทางเป็นไปด้วยความราบรื่น&nbsp;สะดวก&nbsp;สบาย&nbsp;ไม่ลำบากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว&nbsp;พอมีสนามบินเกิดขึ้นก็ทำให้มีโอกาสกลับมาพบปะญาติพี่น้องกลับมาเที่ยวบ้านเกิดได้บ่อยขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>สำหรับขีดความสามารถของท่าอากาศยานเบตง&nbsp;มีความยาวทางวิ่งขนาด&nbsp;30&nbsp;คูณ</strong>&nbsp;1,800&nbsp;เมตร&nbsp;รองรับอากาศยานขนาดไม่เกิน&nbsp;80&nbsp;ที่นั่ง&nbsp;ลาดจอดเครื่องบินรองรับได้จำนวน&nbsp;&nbsp;3&nbsp;ลำ&nbsp;อาคารที่พักผู้โดยสารสามารถรองรับปริมาณผู้โดยสาร&nbsp;300&nbsp;คนต่อชั่วโมง&nbsp;หรือประมาณ&nbsp;800,000&nbsp;คนต่อปี&nbsp;อยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งเครื่องตรวจอาวุธและวัตถุระเบิดแบบ&nbsp;EDS&nbsp;&nbsp;และเครื่อง&nbsp;X-Ray&nbsp;4&nbsp;เครื่อง&nbsp;และทางเข้า-ออก&nbsp;Airside&nbsp;4&nbsp;จุดและอุปกรณ์ความปลอดภัยสนามบินตามมาตรฐานสากล&nbsp;ในอนาคตมีแผนที่จะขยายรันเวย์เพิ่มอีก&nbsp;800&nbsp;เมตร&nbsp;เป็น&nbsp;2,500&nbsp;&nbsp;เพื่อรองรับอากาศยานขนาด&nbsp;180&nbsp;ที่นั่งได้&nbsp;&nbsp;ท่าอากาศยานเบตงจะทำให้การเดินทางมายัง&nbsp;อ.เบตง&nbsp;สะดวกยิ่งขึ้น&nbsp;รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใตเอีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong>&nbsp;</p>29/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.เบตง จ.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129161847000 พาณิชย์จังหวัดยะลา ชวนประชาชนซื้อส้มโชกุนเบตงสีทอง รับทรัพย์นำโชค รับตรุษจีน<p><strong>สำนักงานพาณิชย์ยะลา&nbsp;ร่วมฉลองตรุษจีน&nbsp;สั่งตรงส้มโชกุนเบตงสีทอง</strong>&nbsp;ปลอดสารพิษ&nbsp;สดจากสวน&nbsp;ต.ยะรม&nbsp;อ.เบตง&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;มาจำหน่ายสู่ผู้บริโภค&nbsp;ในราคาถูก&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;เบอร์&nbsp;3&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;70&nbsp;บาท&nbsp;(9&nbsp;-&nbsp;10&nbsp;ผล&nbsp;/&nbsp;กก.)&nbsp;พร้อม&nbsp;เชิญชวนประชาชนซื้อส้มรับทรัพย์นำโชค&nbsp;มิ่งมงคลตรุษจีนนี้&nbsp;โดยจะจำหน่าย&nbsp;ในวันเสาร์ที่&nbsp;29&nbsp;ม.ค&nbsp;65&nbsp;และ&nbsp;วันอาทิตย์&nbsp;30&nbsp;&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ที่บริเวณด้านข้างสำนักงานพาณิชย์จังหวัดยะลา&nbsp;เวลา&nbsp;09.00&nbsp;น.&nbsp;-&nbsp;12.00&nbsp;น.</p><p><strong>ทางไร่ส้มศศินันท์&nbsp;บอกว่า&nbsp;เพิ่งเริ่มนำส้มมาจำหน่ายที่ข้างพาณิชย์&nbsp;</strong>วันนี้วันแรกโดยจะจำหน่ายสองวัน&nbsp;ในวันพรุ่งนี้&nbsp;30&nbsp;ม.ค&nbsp;65&nbsp;อีก&nbsp;1&nbsp;วัน&nbsp;วันละ&nbsp;10&nbsp;ตะกร้า&nbsp;โดยจะวางจำหน่ายจนกว่าส้มจะหมด&nbsp;สำหรับส้มของทางไร่&nbsp;จะหอม&nbsp;ฉ่ำ&nbsp;หวาน&nbsp;เป็นส้มปลอดสารพิษ&nbsp;อยากให้ลองชิมดู&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ขณะนี้มีประชาชนให้ความสนใจมาเลือกซื้อ&nbsp;ส้มกันบ้างแล้ว&nbsp;</strong>นอกจากนี้ประชาชนที่มาเลือกซื้อส้ม&nbsp;ก็จะซื้อหมูพาณิชย์&nbsp;ลดราคา&nbsp;ช่วยประชาชน&nbsp;ซึ่งยังคงมีวางจำหน่ายที่ด้านข้างสำนักงานพาณิชย์&nbsp;ไปจนถึงวันจันทร์&nbsp;ในราคา&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;อีกด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>29/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129172430028 ชาวเบตง เฮ เครื่องบินไฟล์ท DD-6062 ทดลองลงจอดสนามบินเบตงแล้ว<p><strong>หลังจากที่ทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย&nbsp;(กพท.)</strong>&nbsp;ได้ออกใบรับรองให้สนามบินเบตงยืนยันมาตรฐานความปลอดภัย&nbsp;สนามบินสาธารณะเชิงพาณิชย์&nbsp;ได้แล้ว&nbsp;เพื่อสอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ&nbsp;“มั่นคง&nbsp;มั่งคั่ง&nbsp;ยั่งยืน”&nbsp;ดำเนินการพัฒนาเศรษฐกิจความมั่นคงในพื้นที่&nbsp;3&nbsp;จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเป็นรูปธรรม</p><p><strong>วันนี้&nbsp;(29&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;ทางสนามบินเบตงก็ได้ทดลองการเปิดบริการเที่ยวบินพาณิชย์&nbsp;</strong>โดยให้บริการเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำ&nbsp;ใช้อากาศยานแบบ&nbsp;Q-400&nbsp;โดยทาง&nbsp;ท่าอากาศยานเบตงยืนยันมีความพร้อมในด้านกายภาพ&nbsp;อุปกรณ์&nbsp;สิ่งอำนวยความสะดวก&nbsp;และบุคลากรที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้บริการภายใต้มาตรการการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019&nbsp;(COVID-19)&nbsp;โดยทั้งหมดเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย&nbsp;(กพท.)&nbsp;</p><p><strong>ซึ่งท่าอากาศยานเบตงได้รับใบรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะ&nbsp;</strong>เป็นที่เรียบร้อยแล้ว&nbsp;สายการบินนกแอร์จึงได้ขออนุญาตทำการบินแบบเช่าเหมาลำ&nbsp;(Charter&nbsp;Flight)&nbsp;เส้นทางบินกรุงเทพ&nbsp;-&nbsp;เบตง&nbsp;-&nbsp;กรุงเทพ&nbsp;เพื่อตรวจสอบความพร้อมในการให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์&nbsp;และสรุปข้อตกลงสำหรับการเปิดทำการบินแบบประจำ?(Schedule&nbsp;Flight)&nbsp;ตามที่ได้ยื่นขออนุญาตทำการบินไว้&nbsp;2&nbsp;เส้นทาง&nbsp;คือ&nbsp;1.หาดใหญ่-เบตง-หาดใหญ่&nbsp;และ&nbsp;2.ดอนเมือง-เบตง-ดอนเมือง&nbsp;ต่อไป</p><p><strong>นางดวงพร&nbsp;สุวรรณมณี&nbsp;ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนราธิวาส</strong>&nbsp;ปฏิบัติงานในฐานะผู้อำนวยการท่าอากาศยานเบตง&nbsp;เผยว่า&nbsp;“เมื่อวานทางสนามบินเบตงเราได้ใบรับรองการดำเนินการสนามบินสาธารณะ&nbsp;วันนี้ก็เลยมีไฟลท์บินที่สำหรับมาทดลองบินให้ชาวเบตงดูว่าสนามบินเบตงมีศักยภาพ&nbsp;ที่สามารถจะรองรับนักท่องเที่ยวในอนาคตได้ค่ะ&nbsp;ส่วนไฟท์บินสาธารณะ?&nbsp;ตอนนี้เราพร้อมที่จะให้ทำการบิน&nbsp;หลังจากที่เรามีการทดลองบินแล้วที่พี่บอกว่าทางท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม&nbsp;ทางกระทรวงคมนาคม&nbsp;ทางกรมท่าอากาศยาน&nbsp;ทาง&nbsp;ศอ.บต.&nbsp;และทางจังหวัดยะลาเอง&nbsp;เราก็มีความพร้อมนะคะ&nbsp;ที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนที่จะเดินทางมายังท่าอากาศยานเบตง&nbsp;มีความมั่นใจว่าเราพร้อมที่จะดำเนินการแล้วเครื่องมาบินแน่นอน</p><p><strong>เชื่อว่าตามยุทธศาสตร์ของท่านนายกรัฐมนตรีความมียุทธศาสตร์เป็นสามเหลี่ยม&nbsp;</strong>มั่นคั่ง&nbsp;มั่งคั่ง&nbsp;ยั่งยืน&nbsp;จะทำให้เบตง&nbsp;สามารถมีศักยภาพในด้านเศรษฐกิจที่ดีขึ้นเพราะมีการสร้างงาน&nbsp;ซึ่งพี่มีความมั่นใจว่าท่าอากาศยานสามารถรองรับผู้โดยสารได้&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ดร.เสกสกล&nbsp;อัตถาวงศ์&nbsp;ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี</strong>&nbsp;ได้กล่าวพบปะพี่น้องประชาชนที่มาต้อนรับ&nbsp;ก่อนที่ผู้โดยสารจะเดินทางต่อไปที่โรงแรมแกรนด์แมนดารินเบตง&nbsp;เพื่อร่วมงานต้อนรับ?&nbsp;"คนเบตงร่วมฉลองชัยสนามบินเบตง”</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>29/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129182233033 เที่ยวบินแรกของคนเบตง ทดลองบินโดยสายการบินนกแอร์ DD6260เช่าเหมาลำ<p><strong>เที่ยวบินแรกของคนเบตง&nbsp;ทดลองบินโดยสายการบินนกแอร์&nbsp;DD6260&nbsp;</strong>เป็นการเช่าเหมาลำ&nbsp;(กรุงเทพฯ-เบตง-กรุงเทพฯ)&nbsp;โดยมีผู้โดยสาร&nbsp;จำนวน&nbsp;76&nbsp;ท่าน&nbsp;ที่เดินทางมาจากสนามบินดอนเมือง&nbsp;โดยล่าสุดทาง&nbsp;กพท.ออกใบรับรองสนามบินเบตงยืนยันมาตรฐานความปลอดภัย&nbsp;สนามบินสาธารณะ</p><p><strong>ซึ่งในวันนี้ทดลองบินเที่ยวแรกของคนเบตง&nbsp;เป็นการบินเพื่อการกุศลของสมาคมศิษย์</strong>เก่าโรงเรียนวีระราษฏร์ประสาน&nbsp;และชมรมคนเบตงในจังหวัดกรุงเทพมหานคร&nbsp;เป็นการทดลองการบริการกิจการสาธารณะของสนามบินเบตงเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว</p><p><strong>เครื่องบินทดลองลำนี้&nbsp;landing&nbsp;สู่ภาคพื้นดินสนามบินเบตง&nbsp;ในเวลา&nbsp;11.00&nbsp;น.&nbsp;</strong>ก่อนที่ผู้โดยสารจะเดินทางต่อไปที่โรงแรมแกรนด์แมนดารินเบตง&nbsp;เพื่อร่วมงานต้อนรับ"คนเบตงร่วมฉลองชัยสนามบินเบตง"&nbsp;ร่วมกับผู้แทนสมาคม/ชมรมภาคประชาชนในเบตง&nbsp;ซึ่งทางนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเบตง&nbsp;นำเสนอ"ปีทองท่องเที่ยวเบตง"และพบปะสังสรรค์รวมญาติ&nbsp;จากนั้นเครื่อง&nbsp;take&nbsp;off&nbsp;ออกจากสนามบินเบตงในเวลา&nbsp;16.00&nbsp;น.ที่ผ่านมา</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>29/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129182933034 ผู้ว่านราฯ ลงพื้นที่สำรวจแหล่งท่องเที่ยวและพบปะนักท่องเที่ยวในพื้นที่หาดนราทัศน์ จ.นราธิวาส<p><strong>วันที่&nbsp;29&nbsp;ม.ค.65&nbsp;เวลา&nbsp;16.30&nbsp;น.&nbsp;ที่หาดนราทัศน์&nbsp;อ.เมืองนราธิวาส</strong>&nbsp;จ.นราธิวาส&nbsp;นายสนั่น&nbsp;พงษ์อักษร&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายทศพล&nbsp;สวัสดิสุข&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส&nbsp;ลงพื้นที่สำรวจแหล่งท่องเที่ยวและพบปะนักท่องเที่ยว&nbsp;ที่มาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจบริเวณหาดนราทัศน์&nbsp;จ.นราธิวาส&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสและรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส&nbsp;</strong>ได้เดินสำรวจบริเวณหาดนราทัศน์&nbsp;และทักทายพี่น้องประชาชนที่มาจากในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง&nbsp;มีการถ่ายภาพรวมกัน&nbsp;ซึ่งบรรยากาศการท่องเที่ยวในห้วงนี้เป็นไปอย่างคึกคัก&nbsp;นักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงได้พาครอบครัวมาเที่ยวพักผ่อน&nbsp;มีกิจกรรมเล่นเซิร์ฟสเก็ต&nbsp;รับประทานอาหารริมหาด&nbsp;บางส่วนก็ได้แวะเสื้อผ้ามือสองและสินค้าอีกมากมาย&nbsp;ที่นำมาขายบริเวณหาดนราทัศน์&nbsp;ซึ่งสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมากเลยที่เดียว</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้ฝากถึงพี่น้องประชาชนที่มาท่องเที่ยว</strong>และประชาชนในพื้นที่บริเวณหาดนราทัศน์ให้ช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดและให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย&nbsp;เพื่อที่จะได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามามากยิ่งขึ้น&nbsp;ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่ดีขึ้น&nbsp;พี่น้องประชาชนก็มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขมากยิ่งขึ้น</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>29/1/2022ภาคใต้นราธิวาสสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาสhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129183154036 นักท่องเที่ยวทยอยเดินทางชมสวนดอกไม้หมื่นบุปผา อ.เบตง จ.ยะลา รับตรุษจีน<p><strong>สีสันสวนดอกไม้หมื่นบุปผา&nbsp;ในพื้นที่&nbsp;อ.เบตง&nbsp;จ.ยะลา</strong>&nbsp;เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ทำให้นักเที่ยวจากทั่วประเทศ&nbsp;เลือกที่จะมาเดินทางพักผ่อน&nbsp;โดยบรรยากาศภายในสวนดอกไม้หมื่นบุปผานั้น&nbsp;ได้มีการประดับตกแต่งด้วยชุดโคมไฟแดง&nbsp;รับตรุษจีนที่จะถึงในวันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์นี้</p><p><strong>นางพรเพ็ญ&nbsp;ภัทรกร&nbsp;นักท่องเที่ยวจากจังหวัดชลบุรี&nbsp;เผยว่า&nbsp;</strong>สำหรับการมรท่องเที่ยวเมืองเบตงในครั้งนี้&nbsp;ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางมาเที่ยว&nbsp;ซึ่งเมื่อคืนพึ่งถึงและพักค้างคืนในตัวเมือง&nbsp;รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก&nbsp;ผู้คนที่นี่น่ารัก&nbsp;บ้านเมืองสะอาด&nbsp;ในวันนี้ทางไกด์ได้พามายังสวนดอกไม้เมืองหนาวเบตง&nbsp;ประทับใจ&nbsp;สวยมากค่ะ&nbsp;อากาศไม่ได้ร้อนมากค่ะ&nbsp;ชอบมาก&nbsp;ขอบคุณทาง&nbsp;เมืองเบตงที่เปิดให้เข้ามาท่องเที่ยวเราก้พร้อมปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิดอย่างเคร่งครัด&nbsp;ก็อยากเชิญชวนให้มาท่องเที่ยวกัน&nbsp;และใกล้จะตรุษจีนเบตงก็การเตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวช่วงตรุษจีน&nbsp;มีการประดับสถานที่ในเมืองมากมาย&nbsp;คาดว่าจะคึกคักอย่างแน่นอน</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;สวนดอกไม้หนาว&nbsp;หมื่นบุปผาแห่งนี้ถูกพัฒนาขึ้นเป็นแหล่งท่องเที่ยว</strong>ในอำเภอเบตงในเนื้อที่กว่า&nbsp;10&nbsp;ไร่เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวเชิงชุมชนในรูปแบบของรีสอร์ทเชิงเขาสร้างขึ้นจำนวน&nbsp;45&nbsp;หลัง&nbsp;สามารถรองรับนักท่องเที่ยว&nbsp;ได้จำนวนกว่า&nbsp;100&nbsp;คน&nbsp;ชื่นชมธรรมชาติอย่างใกล้ชิด&nbsp;สำหรับผู้ที่สนใจก็สามารถเข้ามาชมดอกไม้ได้ทุกวัน&nbsp;มีค่าธรรมเนียมเด็ก&nbsp;20&nbsp;บาท&nbsp;และสำหรับผู้ใหญ่&nbsp;40&nbsp;บาท</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>29/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129183030035 จังหวัดสุรินทร์จัดกิจกรรมลานวัฒนธรรม เพื่อเปิดตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์และเป็นจุดเช็คอินแห่งใหม่<p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(51,&nbsp;51,&nbsp;51);&nbsp;background-color:&nbsp;white;">จังหวัดสุรินทร์&nbsp;รวมพลังทุกภาคส่วน&nbsp;จัดกิจกรรมตลาดลานวัฒนธรรม&nbsp;</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(51,&nbsp;51,&nbsp;51);&nbsp;background-color:&nbsp;white;">สะเร็น&nbsp;สร้างสุข&nbsp;สุรินทร์รุ่งเรือง&nbsp;เมืองเกษตรอินทรีย์&nbsp;ตามนโยบายของนายสุวพงศ์&nbsp;กิติภัทย์ภิบูลย์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์&nbsp;ซึ่งได้กำหนดจัดขึ้นในทุกวันเสาร์&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณลานหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์&nbsp;(หลังเก่า)&nbsp;โดยได้จัดกิจกรรมในช่วงเวลาดังนี้</span></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(51,&nbsp;51,&nbsp;51);&nbsp;background-color:&nbsp;white;">&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เวลา&nbsp;07:00-12:00&nbsp;น.&nbsp;กิจกรรมทำบุญตักบาตร&nbsp;และเลือกชมเลือกซื้อตลาดผ้าไหมของกลุ่มทอผ้าไหมทั่วจังหวัดสุรินทร์</span></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(51,&nbsp;51,&nbsp;51);&nbsp;background-color:&nbsp;white;">&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เวลา&nbsp;17:00-20:00&nbsp;น.&nbsp;ลานวัฒนธรรม&nbsp;สะเร็น&nbsp;สร้างสุข&nbsp;สุรินทร์รุ่งเรือง&nbsp;เมืองเกษตรอินทรีย์&nbsp;พบกับกิจกรรมมากมายเช่น&nbsp;ร้อง&nbsp;เล่น&nbsp;เต้น&nbsp;รำ&nbsp;ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรม&nbsp;เช่น&nbsp;กันตรึม&nbsp;การร้องเจรียง&nbsp;พร้อมทั้งอิ่มอร่อยกับอาหารฟิวชั่น&nbsp;อาหารพื้นถิ่น&nbsp;สินค้าพื้นเมือง&nbsp;สินค้า&nbsp;GI&nbsp;เกษครอินทรีย์วิถีสุรินทร์</span></p><p><br></p><p><strong&nbsp;style="background-color:&nbsp;white;&nbsp;color:&nbsp;rgb(51,&nbsp;51,&nbsp;51);">ทั้งนี้&nbsp;ตลาดลานวัฒนธรรม&nbsp;สะเร็น&nbsp;สร้างสุข&nbsp;สุรินทร์รุ่งเรือง&nbsp;</strong><span&nbsp;style="background-color:&nbsp;white;&nbsp;color:&nbsp;rgb(51,&nbsp;51,&nbsp;51);">เมืองเกษตรอินทรีย์&nbsp;เกิดจากการบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันของทุกภาคส่วนในจังหวัดสุรินทร์&nbsp;ทั้งหน่วยงานภาครัฐ&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;และภาคประชาชน&nbsp;เพื่อปรับพื้นที่บริเวณลานหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์&nbsp;(หลังเก่า)&nbsp;ให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่&nbsp;สำหรับชาวสุรินทร์&nbsp;เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ&nbsp;การท่องเที่ยว&nbsp;ส่งเสริมวัฒนธรรมความเป็นไทย&nbsp;ซึ่งจะจัดไปจนถึงวันที่&nbsp;26&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565</span></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>29/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสุรินทร์สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220129230503068 ชาวไทยเชื้อสายจีนในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี ทยอยจับจ่ายซื้อสินค้าเพื่อเซ่นไหว้เทพเจ้า คาดว่าตลอดทั้งวันจะมีประชาชนมาจับจ่ายซื้อของกันอย่างคึกคัก<p><strong>วันนี้&nbsp;(30&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)นายกิตติพงษ์&nbsp;เทพพานิช&nbsp;นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบุรี&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;บรรยากาศการจับจ่ายซื้อขายสินค้าช่วงเทศกาลตรุษจีนในตลาดเทศบาลเมืองเพชรบุรี&nbsp;ในช่วงเช้าวันนี้&nbsp;พ่อค้า&nbsp;แม่ค้า&nbsp;ออกมาตั้งร้านจำหน่ายสินค้ามากว่าปีที่แล้ว&nbsp;และคาดว่าตลอดทั้งวันถึงช่วงเย็นวันนี้ประชาชนจะออกมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น&nbsp;ถึงแม้ปีนี้ราคาสินค้า&nbsp;เนื้อหมู&nbsp;เป็ด&nbsp;ไก่&nbsp;และเครื่องเซ่นไหว้มีราคาแพงมากกว่าปีที่แล้ว&nbsp;เช่น&nbsp;ราคาเนื้อหมู&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;200-240&nbsp;บาท&nbsp;เพิ่มขึ้นจากปีที่มาก&nbsp;สำหรับราคาสินค้าอื่นๆเพิ่มขึ้นเล็กน้อย&nbsp;ไก่ตัวละ&nbsp;180-200&nbsp;บาท&nbsp;ราคาเป็ดตัวละ&nbsp;300&nbsp;กว่าบาทขึ้นอยู่กับขนาด&nbsp;ผักคะน้า&nbsp;กวางตุ้ง&nbsp;ราคากิโลกรัมละ&nbsp;20-25&nbsp;บาท&nbsp;ต้นหอมกิโลกรัมละ&nbsp;60&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>นายคงศักดิ์&nbsp;พ่อค้าผักในตลาดทรัพย์สินเพชรบุรี&nbsp;ก็กล่าวว่า&nbsp;ราคาสินค้า</strong>&nbsp;ทุกฝ่ายช่วยกันตรึงราคาไม่ให้สูง&nbsp;ประชาชนสามารถมีกำลังจับจ่ายใช้สอย&nbsp;&nbsp;ตนเองเชื่อว่าราคาสินค้าที่มีราคาสูงขึ้นอยู่กับราคาผันผวนของน้ำมันโลก&nbsp;</p><p><strong>ทางด้าน&nbsp;นางลดาวัลย์&nbsp;เอี่ยมรุ่งโรจน์&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ปีนี้สินค้ามีราคาแพงขึ้น</strong>&nbsp;จึงไหว้ตามกำลังทรัพย์&nbsp;ลดปริมาณการไหว้ลง&nbsp;เช่น&nbsp;ไก่&nbsp;ไหว้&nbsp;5&nbsp;ลดเหลือ&nbsp;2&nbsp;ตัว&nbsp;หมูเคยไหว้&nbsp;5&nbsp;ชิ้น&nbsp;ก็ไหว้&nbsp;2&nbsp;ชิ้น&nbsp;ผลไม้จาก&nbsp;9&nbsp;อย่าง&nbsp;ลดเหลือ&nbsp;5&nbsp;อย่าง&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เทศบาลเมืองเพชรบุรี&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;เจ้าหน้าที่ตำรวจ&nbsp;สภ.&nbsp;เมืองเพชรบุรี&nbsp;</strong>ลงพื้นที่ดูแลความเรียบร้อยพร้อมทั้งทำความเข้าใจร่วมกับพ่อค้าแม่ค้าเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้า&nbsp;และขอความผู้ที่มาจับจ่ายซื้อของปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ&nbsp;ไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;อย่างเคร่งครัดถึงแม้ส่วนใหญ่จะได้รับวัคซีนแล้ว</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>&nbsp;สวท.เพชรบุรี/30&nbsp;ม.ค.65</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>30/1/2022ภาคตะวันตกเพชรบุรีสวท.เพชรบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220130090910089 ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนในช่วงเทศกาลตรุษจีน<p><strong>นายวัฒนศักย์&nbsp;เสือเอี่ยม&nbsp;อธิบดีกรมการค้าภายใน</strong>&nbsp;กล่าวภายหลังลงพื้นที่ห้างสรรพสินค้าโลตัส&nbsp;สาขารามมินทรา&nbsp;กรุงเทพมหานคร&nbsp;เพื่อติดตามการจำหน่ายสินค้าภายใต้โครงการ&nbsp;&nbsp;"พาณิชย์ลดราคา&nbsp;ตรุษจีนปีเสือทอง&nbsp;2565"&nbsp;&nbsp;พบว่า&nbsp;หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้มีการพูดคุยกับผู้ประกอบการ&nbsp;ผู้เลี้ยงและโรงฆ่าสัตว์&nbsp;รวมถึงห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ&nbsp;ทำให้ปัจจุบันราคาสินค้าอุปโภค/บริโภค&nbsp;เริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มปรับตัวลง&nbsp;</p><p><strong>โดยเฉพาะหมูเนื้อแดง</strong>&nbsp;ที่ปัจจุบันมีการปรับตัวลงมาที่&nbsp;180&nbsp;บาท&nbsp;ต่อกิโลกรัม&nbsp;ขณะที่&nbsp;ราคาไก่&nbsp;ปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดราคากลางเพื่อจำหน่าย&nbsp;จำแนกเป็น&nbsp;น่องติดสะโพก&nbsp;60-65&nbsp;บาท/กก.&nbsp;น่องและสะโพก&nbsp;65-70&nbsp;บาท/กก.&nbsp;&nbsp;เนื้อส่วนอก&nbsp;70-75&nbsp;บาท/กก.&nbsp;ซึ่งผู้ประกอบการก็ให้ความร่วมมือจำหน่ายไม่เกินราคาที่กระทรวงฯกำหนด</p><p><strong>สำหรับราคาไข่คละหน้าฟาร์ม</strong>&nbsp;ที่ปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือกำหนดให้ไม่เกินฟองละ&nbsp;2.90&nbsp;บาท&nbsp;จากการตรวจสอบ&nbsp;พบว่าราคาไข่&nbsp;1&nbsp;แพง&nbsp;ห้างสรรพสินค้าจำหน่ายอยู่ที่แพงละประมาณ&nbsp;98-99&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนราคาขนมเทียนจำหน่าย&nbsp;10&nbsp;ชิ้น&nbsp;60&nbsp;บาท&nbsp;ขนมเข่ง&nbsp;10&nbsp;ชิ้น&nbsp;48&nbsp;บาท&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ผลไม้&nbsp;ประเภทส้มและกล้วย&nbsp;</strong>ปีนี้ก็ได้ปรับลดราคาลงมา&nbsp;รวมถึงเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมยังไม่มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด</p><p><br></p><p><br></p>30/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220130121254135 รมว.คลังเปิดงาน "มหกรรมวัฒนธรรมศรีสะเกษ สู่ประชาคมอาเชียน<p><strong>วานนี้&nbsp;(29&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;ที่บริเวณถนนสายวัฒนธรรม&nbsp;(ถนนคนเดินมารี-หนองแคน)</strong>&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.ศรีสะเเกษ&nbsp;นายอาคม&nbsp;เติมพิทยาไพสิฐ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานเปิดงาน&nbsp;"มหกรรมวัฒนธรรมศรีสะเกษ&nbsp;สู่ประชาคมอาเชียน&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.&nbsp;2565&nbsp;ครั้งที่&nbsp;7"&nbsp;ซึ่งสภาวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้จัดงขึ้น&nbsp;ภายในงานมีกิจกรรม&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;การแสดงวงดนตรีพื้นบ้านจากสถานศึกษา&nbsp;การแสดงศิลปวัฒนธรรมจากสภาวัฒนธรรมอำเภอเครือข่ายวัฒนธรรม&nbsp;การสาธิตแสดงศิลปวัฒนธรรมอาเซียนจากสถาบันการศึกษาสถานศึกษา&nbsp;การสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่น&nbsp;การออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนจากเครือข่ายวัฒนธรรมโดยมีนายอนุรัตน์&nbsp;ธรรมประจิต&nbsp;นายนพ&nbsp;พงษ์ผลาดิสัย&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวหัดศรีสะเกษ&nbsp;นายวิทยา&nbsp;วิรารัตน์&nbsp;ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ให้การต้อนรับ</p><p><strong>นายวิทยา&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;การจัดงานครั้งนี้&nbsp;เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ตระหนักในคุณค่า</strong>ความสำคัญของศิลปวัฒนธรรม&nbsp;4&nbsp;เผ่าจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ร่วมกันอนุรักษ์สืบสาน&nbsp;&nbsp;สร้างสรรค์&nbsp;มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมท้องถิ่นให้ดำรงอยู่&nbsp;รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด&nbsp;และสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(COVID&nbsp;-&nbsp;19)&nbsp;ตลอดจนสร้างความร่วมมือในด้านต่างๆ&nbsp;โดยใช้มิติทางวัฒนธรรมเป็นสื่อกลาง&nbsp;ซึ่งดำเนินการจัดงานต่อเนื่องเป็นปีที่&nbsp;7&nbsp;แล้ว</p><p><strong>ผลจากการจัดงานในปีที่ผ่านมา&nbsp;ทำให้เกิดการนำทุนทางวัฒนธรรมในพื้นที่มาพัฒนาต่อยอด</strong>&nbsp;สร้างสรรค์&nbsp;ให้เกิดการท่องเที่ยวด้านศิลปวัฒนธรรม&nbsp;ส่งเสริมให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในพื้นที่&nbsp;โดยมีการขยายและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเครือข่ายจัดงานระดับอำเภอ&nbsp;ในการจัดกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมให้ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;สร้างงาน&nbsp;สร้างรายได้&nbsp;เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;นับว่าเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องชาวจังหวัดศรีสะเกษเป็นอย่างยิ่ง</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>30/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือศรีสะเกษสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220130110849111 ผู้ว่าฯ ลำปาง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล เส้นทางเฉลิมพระเกียรติ ย.1 - ย.4ติดตามนวัตกรรมกังหันน้ำพลังงานผลิตกระแสไฟฟ้า<p><strong>นายสิธิชัย&nbsp;จินดาหลวง&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล&nbsp;พร้อมตรวจเยี่ยมการดำเนินงานด้านการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ด้านนวัตกรรมกังหันน้ำพลังงานผลิตกระแสไฟฟ้า&nbsp;พร้อมเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล&nbsp;บริเวณเส้นทางเฉลิมพระเกียรติ&nbsp;ย.1&nbsp;-&nbsp;ย.4</p><p><strong>สำหรับเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ&nbsp;ย.1&nbsp;-&nbsp;ย.4&nbsp;ถือเป็นไฮไลท์</strong>ที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งสำหรับการมาเที่ยวขุนตาล&nbsp;โดยระยะทางตั้งแต่จุดเริ่มต้น&nbsp;ย.1-ย.4&nbsp;เป็นระยะทางทั้งสิ้น&nbsp;&nbsp;5&nbsp;กิโลเมตร&nbsp;โดยแต่ละจุดทางเดินจะมีการถางทางเป็นอย่างดี&nbsp;เรียกได้ว่าเดินสะดวก&nbsp;ไม่ลำบาก&nbsp;โดยเส้นทางส่วนใหญ่จะเป็นการเดินที่ต้องค่อย&nbsp;ๆ&nbsp;ไต่ระดับความสูงไปเรื่อย&nbsp;ๆ&nbsp;จะมีช่วง&nbsp;“เนินวัดใจ”&nbsp;ที่บอกเลยว่าวัดใจของจริง&nbsp;เพราะทางค่อนข้างชัน&nbsp;ต้องอาศัยพลังในการโน้มน้าวตัวเองให้เดินต้านแรงโน้มถ่วงของโลก&nbsp;เพื่อขึ้นไปยังยอดขุนตาลที่จุด&nbsp;ย.4&nbsp;ที่ระดับความสูง&nbsp;1,375&nbsp;เมตร</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>30/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220130111158112 วันจ่ายที่ยะลาคึกคัก ประชาชนกำลังซื้อลดลง ใช่จ่ายเท่าที่จำเป็น<p><strong>วันนี้&nbsp;30&nbsp;ม.ค.65&nbsp;บรรยากาศวันจ่ายตรุษจีนในพื้นที่จังหวัดยะลา</strong>&nbsp;ที่ตลาดสดพิมลชัย&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.ยะลา&nbsp;พี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนออกมาจับจ่ายอาหาร&nbsp;คาว&nbsp;หวาน&nbsp;เครื่องเซ่นไหว้ตรุษจีน&nbsp;ยังคงคึกคัก&nbsp;แม้จะเกิดสถานการณ์คนร้ายป่วนเมือง&nbsp;ลอบวางระเบิด&nbsp;ตั้งแต่เมื่อช่วงคืนของวันที่&nbsp;28&nbsp;ม.ค.65&nbsp;ต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้&nbsp;ทั้งนี้ประชาชนได้มีความระมัดระวังตัวเองมากยิ่งขึ้น&nbsp;หวั่นสถานการณ์&nbsp;แต่ยังคงถือปฏิบัติตามประเพณีในเทศกาลตรุษจีน&nbsp;มีการจับจ่ายได้เลือกซื้อของไหว้&nbsp;เท่าที่จำเป็น&nbsp;เนื่องจากปีนี้ราคาสินค้าต่างๆ&nbsp;ปรับสูงขึ้น&nbsp;ทั้งเนื้อหมู&nbsp;อาหารทะเล&nbsp;ผัก&nbsp;ผลไม้&nbsp;ขณะที่ขนมเซ่นไหว้&nbsp;ยังคงราคาเดิม&nbsp;เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;และภาวะเศรษฐกิจ&nbsp;ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยเข้ม</p><p><strong>นางสาวเครือวัลย์&nbsp;สกุลเผือก&nbsp;แม่ค้าขายขนมเข่ง&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;วันจ่ายปีนี้ลดลงกว่าปีที่ผ่านมา</strong>&nbsp;ประชาชนมาจับจ่ายเลือกซื้อเท่าที่จำเป็น&nbsp;ผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19&nbsp;และเศรษฐกิจ&nbsp;ประชาชนรายได้ลดลง&nbsp;ส่วนราคาขนมเข่งปีนี้ราคาขายยังคงเดิม&nbsp;กก.ละ&nbsp;120&nbsp;บาท&nbsp;ขนมเทียน&nbsp;กก.ละ&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;ทั้งนี้จากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดป่วนเมือง&nbsp;มีผลต่อการออกมาจับจ่ายในในปีนี้&nbsp;ประชาชนรีบซื้อ&nbsp;รีบกลับบ้าน&nbsp;ระมัดระวังตัวเองมากขึ้น</p><p><strong>ด้านนายโชคชัย&nbsp;เซ่งสวัสดิ์&nbsp;พ่อค้าเขียงหมู&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;ราคาหมูแพง&nbsp;</strong>กำลังซื้อของประชาชนปีนี้น้อยลง&nbsp;โดยทางร้าน&nbsp;หมูติดมัน&nbsp;กก.ละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;หมูสามชั้น&nbsp;กก.ละ&nbsp;180-190&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;หมูเนื้อแดง&nbsp;กก.ละ&nbsp;150-160&nbsp;บาท</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>30/1/2022ภาคใต้ยะลาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220130111629115 พาณิชย์แม่ฮ่องสอน นำทีมลงพื้นที่บ้านห้วยโป่งกานและบ้านไมโครเวฟ รับฟังความคิดเห็นเกษตรกร ราคาผลผลิตตกต่ำ ขอให้รัฐช่วยเหลือเร่งด่วน<p><strong>เมื่อวันที่&nbsp;29&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;นางสาวยุพา&nbsp;นาคา&nbsp;พาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน</strong>&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;นางสาวลักษณาวดี&nbsp;ขำผุด&nbsp;รักษาการหัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟู&nbsp;และพัฒนาเกษตรกรจังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์&nbsp;และรับฟังความเห็นจากเกษตรกรประมาณ&nbsp;20&nbsp;คน&nbsp;ในพื้นที่บ้านห้วยโป่งกาน&nbsp;ตำบลผาบ่อง&nbsp;และบ้านไมโครเวฟ&nbsp;ตำบลห้วยโป่ง&nbsp;อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;พบว่าราคาตกต่ำเนื่องจากมีผลผลิตในหลายจังหวัดออกสู่ตลาดเพิ่มจากปีก่อน&nbsp;มีการนำเข้าผักจากจีนมาจำหน่ายในประเทศ&nbsp;ประกอบกับจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขา&nbsp;การขนส่งสินค้าระยะทางเท่ากัน&nbsp;แต่จังหวัดแม่ฮ่องสอนต้องใช้ระยะเวลามากกว่าจังหวัดอื่นๆ&nbsp;2&nbsp;เท่า&nbsp;ทำให้ต้นทุนการขนส่งสูง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>เกษตรกรขอให้ภาครัฐช่วยเหลือ&nbsp;ดังนี้</strong>&nbsp;<strong>มาตรการเร่งด่วนคือ&nbsp;</strong>หาผู้ประกอบการมารับซื้อผลผลิตหน้าสวนในราคา&nbsp;3&nbsp;บาท/กก.&nbsp;โดยเกษตรกรรับผิดชอบค่าแรงในการตัดและขนจัดเรียงขึ้นรถบรรทุก,&nbsp;สนับสนุนปัจจัยการผลิต&nbsp;เช่น&nbsp;ปุ๋ย&nbsp;ยา&nbsp;เป็นต้น&nbsp;ในราคา&nbsp;ที่ถูกลง&nbsp;ในการปลูกพืชฤดูกาลถัดไป&nbsp;&nbsp;ในส่วนของมาตรการระยะยาว&nbsp;ให้ช่วยแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ,&nbsp;กองทุนฟื้นฟูและพัฒนา&nbsp;เกษตรกรช่วยเหลือสนับสนุนเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย,&nbsp;ปรับเปลี่ยนพื้นที่&nbsp;ปลูกผักกาดขาวและกะหล่ำปลี&nbsp;เป็นผักปลอดภัย&nbsp;เพื่อเพิ่มมูลค่า&nbsp;และส่งเสริมเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวหรือส่งเสริมอาชีพ/ปลูกพืชอื่นๆ&nbsp;ที่สร้างรายได้ที่ดีให้เกษตรกร</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>30/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220130112539121 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บูรณาการทุกหน่วยงานพร้อมรองรับผู้โดยสารหลังเปิดให้ลงทะเบียนเข้าประเทศ <p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">นายกิตติพงศ์&nbsp;กิตติขจร&nbsp;ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;บริษัท&nbsp;ท่าอากาศยานไทย&nbsp;จำกัด&nbsp;(มหาชน)&nbsp;หรือ&nbsp;ทอท.&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;หลังจากรัฐบาลโดย&nbsp;ศบค.&nbsp;ได้ปรับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19&nbsp;สำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร&nbsp;โดยจะเริ่มให้ผู้เดินทางจากทุกประเทศทั่วโลกลงทะเบียนเพื่อขออนุญาตเข้าประเทศไทยโดยระบบ&nbsp;Test&nbsp;&amp;&nbsp;Go&nbsp;ได้อีกครั้ง&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;ในฐานะท่าอากาศยานหลักของประเทศมีความพร้อมในการรองรับผู้โดยสารที่จะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง&nbsp;ภายใต้มาตรการคัดกรองที่เข้มงวดปฏิบัติตามแนวทาง&nbsp;COVID&nbsp;&nbsp;Free&nbsp;Setting&nbsp;ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข&nbsp;เพื่อร่วมเป็นกลไกสำคัญกับรัฐบาลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">โดยบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ&nbsp;ที่ปฏิบัติงานร่วมกัน</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;อาทิ&nbsp;ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน&nbsp;COVID-19&nbsp;หรือ&nbsp;EOC)&nbsp;ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ&nbsp;กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง&nbsp;กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว&nbsp;สายการบิน&nbsp;ตลอดจนผู้ประกอบการโรงแรม</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">ในส่วนของการให้บริการขนส่งผู้โดยสารไปยังโรงแรมที่จองล่วงหน้า</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;กรณีรถโรงแรมสำหรับผู้โดยสารระบบ&nbsp;Thailand&nbsp;Pass&nbsp;ไม่เพียงพอ&nbsp;ทอท.&nbsp;ได้จัดเตรียมรถแท็กซี่ที่ผ่านมาตรฐาน&nbsp;Sha&nbsp;plus&nbsp;และ&nbsp;AOT&nbsp;Limousine&nbsp;พร้อมให้บริการผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศที่จองโรงแรมไว้ล่วงหน้าตามมาตรการที่&nbsp;ศบค.&nbsp;กำหนด&nbsp;ภายใต้มาตรการควบคุมการส่งผู้โดยสารที่เข้มงวด</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">สำหรับความพร้อมด้านบุคลากร</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">&nbsp;ผู้ปฏิบัติงานจากทุกภาคส่วนที่ปฏิบัติงาน&nbsp;ณ&nbsp;ทสภ.&nbsp;ขณะนี้อยู่ระหว่างการฉีดวัคซีนเข็มที่&nbsp;4&nbsp;ซึ่งคาดว่า&nbsp;ปลายเดือนกุมภาพันธ์จะสามารถฉีดได้ครบตามเป้าหมายที่ตั้งไว้จำนวน&nbsp;25,000&nbsp;คน&nbsp;นอกจากนั้นยังมีการสุ่มตรวจคัดกรองผู้ปฏิบัติงานที่มีความเสี่ยงด้วยวิธี&nbsp;ATK&nbsp;เป็นประจำทุกสัปดาห์&nbsp;เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ</span></p><p><strong&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">สำหรับตัวเลขผู้โดยสาร&nbsp;</strong><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);">ตามที่รัฐบาลมีนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศอย่างเป็นทางการ&nbsp;นับตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;พฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;ถึงวันที่&nbsp;29&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวมทั้งสิ้น&nbsp;381,871&nbsp;คน&nbsp;แบ่งเป็นผู้เดินทางผ่านระบบ&nbsp;Test&nbsp;&amp;&nbsp;Go&nbsp;จำนวน&nbsp;317,754&nbsp;คน&nbsp;ระบบ&nbsp;Sandbox&nbsp;จำนวน&nbsp;22,918&nbsp;คน&nbsp;ระบบ&nbsp;Quarantine&nbsp;7&nbsp;วัน&nbsp;จำนวน&nbsp;30,418&nbsp;คน&nbsp;Quarantine&nbsp;10&nbsp;วัน&nbsp;จำนวน&nbsp;9,950&nbsp;คน&nbsp;และ&nbsp;Quarantine&nbsp;14&nbsp;วัน&nbsp;จำนวน&nbsp;831&nbsp;คน</span></p><p><br></p><p><span&nbsp;style="color:&nbsp;rgb(34,&nbsp;34,&nbsp;34);&nbsp;background-color:&nbsp;rgb(255,&nbsp;255,&nbsp;255);"><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span></span></p>30/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220130203605320 เยาวราชคึกคัก ประชาชนจับจ่ายสินค้ากันอย่างต่อเนื่องในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยเฉพาะร้านทองถึงแม้จะมีราคาสูง <p><strong>เข้าสู่ช่วงเทศกาลตรุษจีน</strong>&nbsp;ถือเป็นวันปีใหม่ของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีน&nbsp;ประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อสินค้าเพื่อเตรียมประกอบในช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;ซึ่งวันนี้บรรยากาศร้านค้าย่านเยาวราชคึกคัก&nbsp;ประชาชนเดินทางมาจับจ่ายซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง&nbsp;โดยส่วนใหญ่เดินทางมาเลือกซื้อของสำหรับทำพิธีกงเต๊กในหลากหลายรูปแบบ&nbsp;เช่น&nbsp;เสื้อผ้า&nbsp;กระดาษเงินกระดาษทอง&nbsp;หรือแม้กระทั้งสิ้นค้าแบรนด์เนม&nbsp;ที่ถูกทำในรูปแบบกระดาษก็มี&nbsp;เพื่อให้ลูกหลานเลือกเผาส่งไปให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ&nbsp;ขณะเดียวกันที่ร้านทองที่เยาวราช&nbsp;ประชาชนต่อแถวเพื่อรอซื้อทองเป็นของขวัญช่วงเทศกาล&nbsp;ถึงแม้ว่าจะมีราคาที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา&nbsp;โดยในแต่ละร้านมีมาตรการป้องกันโควิด-19&nbsp;เป็นอย่างดี&nbsp;</p><p><strong>นางรินรดา&nbsp;วรรณศรี&nbsp;ประชาชนที่ต่อแถวรอซื้อทอง&nbsp;เล่าว่า</strong>&nbsp;ปีนี้ถึงแม้ว่าราคาทองจะสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา&nbsp;แต่ตนก็เลือกที่จะซื้อทองเพื่อเก็บไว้ในอนาคต&nbsp;นอกจากทองแล้วสิ่งของอื่นๆ&nbsp;จำพวกของใช้ที่ราคาสูงขึ้นก็จะเลือกซื้อตามความจำเป็นเท่านั้น&nbsp;ส่วนของไหว้ตรุษจีนปีนี้ไม่ได้ติดเรื่องราคาแต่อย่างใดเพราะมีแค่ปีละ&nbsp;1&nbsp;ครั้งเท่านั้น</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ประชาชนยังสนใจเลือกซื้อเสื้อผ้าสีแดง</strong>ไว้ใส่ในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงในวันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์นี้&nbsp;และเตรียมซื้อซองแดงเพื่อใส่อั่งเปามอบให้กับลูกหลานเพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นขวัญถุงของผู้รับด้วย</p><p><br></p><p><br></p>30/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220130200538307 ประชาชนให้ความสนใจเข้าชมงานเกษตรแฟร์ ประจำปี 2565 ในวันที่ 3 อย่างคึกคัก<p><strong>วันที่&nbsp;3&nbsp;ของการจัดงานเกษตรแฟร์&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565</strong>&nbsp;ณ&nbsp;มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์&nbsp;บางเขน&nbsp;มีผู้สนใจเข้าชมงานและเลือกซื้อสินค้าอย่างคึกคัก&nbsp;ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด&nbsp;เกษตรวิถีใหม่&nbsp;หลังมหันตภัยโควิด&nbsp;โดยเป็นการจัดงานตามมาตรการป้องกันโควิด-19&nbsp;อย่างเข้มงวด&nbsp;ผู้ที่จะเข้างานต้องแสดงผลการรับวัคซีนแก่เจ้าหน้าที่และเช็คอินผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อม&nbsp;</p><p><strong>ขณะที่ภายในงานแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ</strong>&nbsp;เช่น&nbsp;โซนสินค้าเกษตรอุปโภคบริโภค&nbsp;โซนสัตว์เลี้ยง&nbsp;โซนต้นไม้และเครื่องมืออุปกรณ์การเกษตร&nbsp;โซนร้านค้าหน่วยงานภาครัฐและแฟรนไชส์&nbsp;เป็นต้น&nbsp;</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังมีกิจกรรมจากทางมหาวิทยาลัย</strong>&nbsp;อาทิ&nbsp;เวทีการแสดงของนิสิต&nbsp;ณ&nbsp;ลานหน้าอาคารเทพศาสตร์สถิตย์&nbsp;ตั้งแต่เวลา&nbsp;18.00&nbsp;น.-21.00&nbsp;น.&nbsp;โดยมีการเข้าร่วมกว่า&nbsp;10&nbsp;องค์กร&nbsp;&nbsp;เช่น&nbsp;KU&nbsp;band&nbsp;โขนละคอน&nbsp;ดนตรีไทย&nbsp;นิสิตอีสาน&nbsp;ส่งเสริมและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมภาคเหนือ&nbsp;เป็นต้น&nbsp;</p><p><strong>ผู้สนใจสามารถเข้าชมงานได้จนถึงวันที่&nbsp;5&nbsp;กุมภาพันธ์นี้</strong>&nbsp;หรือเข้าชมงานแบบเสมือนจริง&nbsp;360&nbsp;องศา&nbsp;รวมทั้งสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์&nbsp;ผ่านทางเว็บไซต์&nbsp;&nbsp;kasetfair.ku.ac.th</p><p><br></p><p>&nbsp;</p>30/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลกรุงเทพมหานครสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220130195550297 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมประชุม คบจ.ยโสธร รับทราบสถานการณ์เศรษกิจและปัญหาการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ<p><strong>วันที่&nbsp;28&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;18.30&nbsp;น.นายอาคม&nbsp;เติมพิทยา&nbsp;ไพสิฐ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง</strong>&nbsp;และคณะฯ&nbsp;เข้าร่วมประชุม&nbsp;คณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัดยโสธร&nbsp;โดยมีนายชลธี&nbsp;ยังตรง&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายชัยวัฒน์&nbsp;แสงศรี&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร&nbsp;คณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัดยโสธร&nbsp;(คบจ.ยโสธร)&nbsp;ประธานหอการค้าจังหวัด&nbsp;ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด&nbsp;ประธานอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว&nbsp;ประชาสัมพันธ์จังหวัด&nbsp;และเจ้าหน้าที่&nbsp;หน่วยงานที่เกี่ยว&nbsp;ร่วมรับประชุมรับฟังนโยบาย&nbsp;ที่ห้องประชุม&nbsp;ข้าวหอม&nbsp;มะลิอินทรีย์&nbsp;ชั้น&nbsp;2&nbsp;ศาลากลางจังหวัดยโสธร</p><p><strong>โดยที่ประชุมได้รายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565</strong>&nbsp;ทั้งงบประมาณที่เป็นรายจ่ายประจำ&nbsp;รายจ่ายลงทุน&nbsp;ผลการจัดเก็บ&nbsp;รายได้ของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงการคลัง&nbsp;สถานการณ์การรับ&nbsp;ฝากเงิน&nbsp;สินเชื่อและ&nbsp;NPL&nbsp;ผลการดำเนินงานตามมาตรการสินเชื่อ&nbsp;ของสถาบัน&nbsp;การเงินในสังกัดกระทรวงการคลัง&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ด้านปัญหาอุปสรรคของการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ&nbsp;เช่น</strong>&nbsp;พื้นที่ดำเนินโครงการซ้ำซ้อน&nbsp;มีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่&nbsp;สถานที่ก่อสร้าง&nbsp;ไม่พร้อมดำเนินการ&nbsp;การจัดซื้อจัดจ้าง&nbsp;ไม่แบ่งงวดงานเพื่อเบิกจ่าย&nbsp;งบประมาณ&nbsp;หน่วยงานขาดผู้มีความรู้ในการคำนวณราคาก่อสร้าง&nbsp;ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า</p><p><strong>ส่วนปัญหาและอุปสรรคของการจ่ายสินเชื่อของธนาคารต่างๆ&nbsp;เช่น&nbsp;ธกส.&nbsp;</strong>โครงการธุรกิจชุมชนสร้างไทย&nbsp;ที่ผู้ยื่นขอกู้มีแผนการดำเนินธุรกิจ&nbsp;ไม่ชัดเจน&nbsp;ไม่จัดทำระบบบัญชี&nbsp;รายรับ-รายจ่าย&nbsp;ให้เป็นปัจจุบัน&nbsp;ตลอดจน&nbsp;คณะกรรมการขาดความเชื่อมั่นจากสมาชิกจึงมีการคัดค้านการขอกู้เงิน&nbsp;ส่วนธนาคารออมสิน&nbsp;เช่น&nbsp;สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระ/ผู้มีรายได้ประจำ&nbsp;ทีได้รับผลกระทบจากโควิด-19,&nbsp;โครงการธนาคารประชาชน&nbsp;เพื่อผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ&nbsp;ที่มีปัญหาเนื่อง&nbsp;จากลูกหนี้มีภาระหนี้สินสูงเกินความสามารถในการชำระหนี้&nbsp;ขาดหลักประกันในการขอสินเชื่อ</p><p><strong>พร้อมนี้นายอาคม&nbsp;เติมพิทยาไพสิฐ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง&nbsp;</strong>ได้ให้คำแนะนำแนวทางการแก้ไขปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐล่า&nbsp;ช้า&nbsp;เช่น&nbsp;ให้ตรวจสอบพื้นที่ให้ชัดเจนก่อนเสนอของบประมาณ&nbsp;ให้มีการบริหารสัญญาจ้างโดยแบ่งเป็นงวดงานเพื่อเบิกจ่ายงบประมาณอีกทั้งขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่มีบุคลากรมีความสามารถในการคำนวณราคากลางการก่อสร้างทั้งเทคนิคด้านช่างและกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาช่วยงานและจัดฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานให้มีความรู้ในด้านที่ขาดแคลน</p><p><strong>นอกจากนี้&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง&nbsp;ยังได้รับทราบ&nbsp;</strong>ผลการดำเนินงานของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังในพื้นที่จังหวัดยโสธร&nbsp;เช่น&nbsp;สำนักงานคลังจังหวัด&nbsp;สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่&nbsp;สำนักงานสรรพากรพื้นที่&nbsp;และสำนักงานธนารักษ์พื้นที่&nbsp;อีกด้วย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>ส.ปชส.ยโสธร/ข่าว/&nbsp;30&nbsp;ม.ค.65</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>30/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยโสธรสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธรhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220130163744205 นครนายก ประมูลหมายเลขทะเบียนรถเลขสวย<p><strong>สำนักงานขนส่งจังหวัดนครนายก&nbsp;เปิดและปิดการประมูล</strong>หมายเลขทะเบียนรถเลขสวย&nbsp;ในหมวด&nbsp;กฉ&nbsp;“รวยรุ่ง&nbsp;พุ่งกระฉูด”&nbsp;วันสุดท้าย&nbsp;วันที่&nbsp;30&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมราชพฤกษ์&nbsp;โรงแรมชลพฤกษ์&nbsp;รีสอร์ท&nbsp;ตำบลบ้านพร้าว&nbsp;อำเภอบ้านนา&nbsp;จังหวัดนครนายก&nbsp;</p><p><strong>สำนักงานขนส่งจังหวัดนครนายก&nbsp;เปิดการประมูลหมายเลขทะเบียนรถเลขสวย</strong>&nbsp;ในหมวด&nbsp;กฉ&nbsp;“รวยรุ่ง&nbsp;พุ่งกระฉูด”&nbsp;เป็นการประมูลหมายเลขทะเบียนสวยของจังหวัดนครนายก&nbsp;โดยมีนายอุดมเดช&nbsp;ราษฎร์นุ้ย&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก&nbsp;กล่าวต้อนรับ&nbsp;นางสาวทวีพร&nbsp;เพิ่มทวี&nbsp;ขนส่งจังหวัดนครนายก&nbsp;กล่าวรายงาน&nbsp;และนายสรพงศ์&nbsp;ไพฑูรย์พงษ์&nbsp;รองปลัดกระทรวงคมนาคม&nbsp;ประธาน&nbsp;กล่าวเปิดการประมูล&nbsp;จากนั้น&nbsp;มีกิจกรรมการเดินแบบโชว์&nbsp;ป้ายทะเบียนเลขสวย&nbsp;และ&nbsp;เริ่มเปิดประมูลผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ต&nbsp;</p><p><strong>สำหรับจังหวัดนครนายก&nbsp;ได้มีการประมูลหมายเลขทะเบียนรถมาแล้ว&nbsp;3&nbsp;ครั้ง&nbsp;</strong>มียอดรายได้รวมทั้งสิ้น&nbsp;45,238,500&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งรายได้จากการประมูลได้นำเข้าสู่กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน&nbsp;เพื่อนำไปใช้ในการป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน&nbsp;การประมูลครั้งนี้&nbsp;เป็นการจัดประมูลเป็นครั้งที่&nbsp;4&nbsp;หมวดอักษร&nbsp;กฉ&nbsp;“รวยรุ่ง&nbsp;พุ่งกระฉูด”&nbsp;เป็นการประมูลทางอินเตอร์เนตเพียงช่องทางเดียว&nbsp;เป็นครั้งแรกของจังหวัดนครนายกมีผู้สนใจลงทะเบียนจำนวน&nbsp;394&nbsp;ราย&nbsp;รวมเป็นเงิน&nbsp;3,635,010&nbsp;บาท.</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>ส.ปชส.นครนายก&nbsp;ภาพ&nbsp;/&nbsp;ข่าว</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>30/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครราชสีมาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครนายกhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220130164546211 ชาวไทยเชื้อสายจีนในอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ต่างออกอมาจับจ่ายซื้ออาหารสด และผลไม้มงคล เครื่องเซ่นไหว้กันอย่างต่อเนื่อง แต่ยอดขายในปีนี้ไม่ดีเท่าช่วงเทศกาลตรุษจีนปีที่ผ่านๆ มา<p><strong>วันนี้&nbsp;30&nbsp;ม.ค.65&nbsp;บรรยากาศวันจ่าย&nbsp;ในช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน</strong>&nbsp;ที่อำเภอเบตง&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;ชาวไทยเชื้อสายจีนต่างออกมาจับจ่ายซื้ออาหารสด&nbsp;และผลไม้มงคล&nbsp;เครื่องเซ่นไหว้กันอย่างต่อเนื่อง&nbsp;แต่ไม่คึกคัก&nbsp;ทำให้ยอดขายในปีนี้ไม่ดีเท่าช่วงเทศกาลตรุษจีนปีที่ผ่านมาโดยวันนี้ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง&nbsp;ตามแผงผัก&nbsp;ผลไม้&nbsp;และร้านขนมมงคล&nbsp;&nbsp;เครื่องเซ่นไหว้บูชา&nbsp;ซึ่งในวันนี้เป็นวันจ่ายในเทศกาลตรุษจีนพบว่าบรรยากาศการจับจ่ายซื้อขายเครื่องเซ่น&nbsp;ไหว้ต่าง&nbsp;ๆเช่น&nbsp;เครื่องเซ่นไหว้กงเต๊ก&nbsp;&nbsp;กระดาษเงิน&nbsp;กระดาษทอง&nbsp;เงิน&nbsp;ทอง&nbsp;อาหารแห้ง&nbsp;หมู&nbsp;ไก่&nbsp;ผัก&nbsp;ผลไม้&nbsp;ที่จะนำไปเซ่นไหว้ให้กับบรรพบุรุษ&nbsp;ในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะถึงนี้เป็นไปด้วยความเงียบเหงามีลูกค้าบางตากว่าปีที่ผ่านมา</p><p><strong>เจ้าของ&nbsp;ร้านขายขนมมงคล&nbsp;ในเขตเทศบาลเมืองเบตง&nbsp;&nbsp;&nbsp;บอกว่า&nbsp;&nbsp;</strong>ก่อนวันตรุษจีนปีนี้&nbsp;ได้สั่งซื้อสินค้าขนมมงคลที่สำหรับการเซ่นไหว้ในช่วงเทศกาลตรุษจีนจีนมาจำหน่ายลดลง&nbsp;&nbsp;สาเหตุมาจากความไม่มั่นใจกับสถานการณ์การแพร่ระบาดประกอบกับประชาชนได้รับผลกระทบจาก&nbsp;การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด&nbsp;19&nbsp;มากว่า&nbsp;2&nbsp;ปีทำให้&nbsp;ขาดสภาพคล่องส่วนทางด้านเศรษฐกิจ&nbsp;รายได้ก็ลดลง&nbsp;&nbsp;ส่งผลให้การจำหน่ายซื้อของเครื่องเซ่นไหว้ของแต่ละครอบครัวลดลง&nbsp;โดยจะเลือกซื้อสิ่งของที่จำเป็นและที่ใช้สำหรับพิธีไหว้เจ้า&nbsp;และบรรพบุรุษเท่านั้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย&nbsp;โดยพบว่าสินค้าบางประเภท&nbsp;ราคาปรับเพิ่มขึ้น&nbsp;เช่นเทียน&nbsp;กระดาษเงินกระดาษทอง&nbsp;ปรับขึ้น&nbsp;5&nbsp;บาท&nbsp;ส่วนสิ้นค้าอื่นๆ&nbsp;ราคาคงเดิม&nbsp;</p><p><strong>ขณะที่พ่อค้าผลไม้&nbsp;บอกว่า&nbsp;ตนเองไม่ค่อยได้รับผลกระทบเท่าไหร่นัก</strong>&nbsp;เนื่องจากผลไม้ที่นำมาขายเป็นพวกส้ม&nbsp;องุ่นแก้วมังกร&nbsp;&nbsp;ซึ่งช่วงนี้พอขายได้และขายราคาไม่แพงเพราะเข้าใจถึงเศรษฐกิจในช่วงนี้ดี&nbsp;เลยไม่ปรับขึ้น&nbsp;ยังคงขายราคาเดิมเพื่อที่จะให้ประชาชนได้เซ่นไหว้บรรพบุรุษในวันตรุษจีน&nbsp;ส่วนราคาผลไม้มงคลที่ใช้สำหรับการไหว้ในวันตรุษจีนโดยเฉพาะผลไม้มงคล&nbsp;5&nbsp;อย่างที่ขาดไม่ได้&nbsp;เช่น&nbsp;กล้วยหอมหวีละ&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;ส้มโชกุนเบตงกิโลกรัมละ&nbsp;60&nbsp;บาท&nbsp;ส้มสายน้ำผึ้งกิโลกรัมละ&nbsp;60&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;ส้มแมนดาริน&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;120&nbsp;-&nbsp;130&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;แอปเปิ้ล&nbsp;ลูกละ&nbsp;10&nbsp;-&nbsp;35&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;สาลี่กิโลกรัม&nbsp;70&nbsp;–&nbsp;80&nbsp;&nbsp;บาท&nbsp;,&nbsp;องุ่นกิโลกรัมละ&nbsp;180&nbsp;–&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งปรับราคามาแล้วเฉลี่ยกิโลกรัมละ&nbsp;10&nbsp;-&nbsp;20&nbsp;บาท</p><p><strong>โดยบรรยากาศทั่วไปพบว่าประชาชนที่มาจับจ่ายในตลาดสดเทศบาลเมืองเบตงปีนี้&nbsp;</strong>ไม่คึกคักเท่าที่ควร&nbsp;ถือว่าการจับจ่ายซื้อของเครื่องเซ่นไหว้ในช่วงเทศกาลตรุษจีนลดน้อยลง&nbsp;&nbsp;สาเหตุมาจากปัญหาเศรษฐกิจ&nbsp;ปากท้อง&nbsp;&nbsp;รวมถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19&nbsp;ในระลอกใหม่นี้ด้วย&nbsp;&nbsp;เลยทำให้ประชาชนวิตกกังวลในเรื่องปัญหาเศรษฐกิจเลยทำให้การจับจ่ายลดลงเพื่อเป็นการประหยัดหากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัศโควิด-19&nbsp;หลังเทศกาลตรุษจีน&nbsp;เนื่องจากมีการเดินทางและการพบปะคนในครอบครัวรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนหากไม่มีการป้องกันที่ดี&nbsp;อาจเกิดการระบาดและเกิดการจำกัดพื้นที่</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>30/1/2022ภาคใต้ยะลาสวท.เบตง จ.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220130164706212 จังหวัดนครสวรรค์ กระตุ้นเศรษฐกิจ เปิดเส้นทางการท่องเที่ยว เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก<p><strong>จังหวัดนครสวรรค์&nbsp;นำโดย&nbsp;นางนิตยา&nbsp;เหลืองสุรภีสกุล&nbsp;</strong>อดีตสมาชิกกิ่งกาชาดอำเภอหนองบัว&nbsp;จังหวัดนครสวรรค์&nbsp;ให้การต้อนรับ&nbsp;คณะนักท่องเที่ยว&nbsp;วัยเก๋าสร้างสุข&nbsp;บ้านหนองบัว&nbsp;&nbsp;จังหวัดนครสวรรค์&nbsp;จำนวน&nbsp;24&nbsp;คน&nbsp;ลงพื้นที่ศึกษาดูงาน&nbsp;ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก&nbsp;</p><p><strong>เปิดเส้นทางการค้า&nbsp;การลงทุน&nbsp;เส้นทางการท่องเที่ยว&nbsp;เมืองสี่แคว</strong>&nbsp;จังหวัดนครสวรรค์&nbsp;มุ่งสู่ชายแดนไทย-เมียนมา&nbsp;แม่สอด-เมียวดี&nbsp;เขตเศรษฐกิจพิเศษตาก&nbsp;เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทย&nbsp;เน้นย้ำ!&nbsp;มาตรการ&nbsp;ท่องเที่ยววิถีใหม่แบบ&nbsp;New&nbsp;Normal&nbsp;กระตุ้นเศรษฐกิจบนฐานการใช้จ่าย&nbsp;เพื่อชื่นชมความงามทางธรรมชาติในช่วงฤดูหนาว&nbsp;เที่ยวไร่เตรยาวรรณกาแฟ&nbsp;ชมพิพิธภัณฑ์ของดีจังหวัดตาก&nbsp;ร่วมกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์&nbsp;ไหว้พระ&nbsp;9&nbsp;วัด&nbsp;กราบนมัสการ&nbsp;พระ?มหามัยมุนีองค์?จำลอง&nbsp;จากเมืองมัณฑะเลย์&nbsp;ประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา&nbsp;ที่วัดไทยวัฒนาราม&nbsp;กราบไหว้ขอพร&nbsp;พระพุทธไสยาสน์&nbsp;พระนอนตาหวาน&nbsp;องค์ใหญ่&nbsp;ความยาวประมาณ&nbsp;40&nbsp;เมตร&nbsp;กราบไหว้ขอพรองค์เทพทันใจ&nbsp;และองค์ท่านเจ้าพ่อพะวอ&nbsp;นายด่านปราการแรกของไทย&nbsp;ในรัชสมัย&nbsp;สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช&nbsp;เพื่อความเป็นสิริมงคลให้แก่หมู่คณะ&nbsp;เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับกลุ่มสมาชิกแม่บ้าน&nbsp;เจ้าหน้าที่&nbsp;อสม.&nbsp;วัยเก๋าสร้างสุข&nbsp;และตัวแทนเยาวชนคนรุ่นใหม่&nbsp;</p><p><strong>ก่อนกลับไปรับใช้&nbsp;ปฏิบัติหน้าที่จิตอาสา&nbsp;ออกหน่วยบรรเทาทุกข์&nbsp;บำรุงสุข</strong>&nbsp;ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่&nbsp;ให้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น&nbsp;สร้างความรัก&nbsp;ความสามัคคีให้กับหมู่คณะ&nbsp;องค์กร&nbsp;และหน่วยงาน&nbsp;ในศุภวารดิถีปีใหม่&nbsp;อีกด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>30/1/2022ภาคตะวันตกตากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตากhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220130170601223 หอการค้าแพร่ จับมือดีป้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดแพร่ ควบคู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์<p><strong>นายปัญจพล&nbsp;ประสิทธิโศภิน&nbsp;ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดแพร่</strong>&nbsp;เข้าพบกับนางสาวชฎาธช&nbsp;จันทนพันธ์&nbsp;หัวหน้างานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล&nbsp;สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล&nbsp;หรือ&nbsp;DEPA&nbsp;สาขาภาคเหนือตอนบน&nbsp;เพื่อหารือการส่งเสริมการพัฒนาด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของจังหวัดแพร่&nbsp;</p><p><strong>ซึ่งในปี&nbsp;2565&nbsp;หอการค้าจังหวัดแพร่&nbsp;มีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล&nbsp;</strong>หรือ&nbsp;Digital&nbsp;Economy&nbsp;เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดแพร่&nbsp;ควบคู่ไปกับ&nbsp;&nbsp;Creative&nbsp;Economy&nbsp;หรือเศรษฐกิจสร้างสรรค์โดยได้วางแนวทางการพัฒนาทั้งระยะสั้น&nbsp;โดยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการนำระบบดิจิทัลเข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจให้มากขึ้นผ่านคูปองสนับสนุน&nbsp;ในระยะกลางจะวางแผนเพื่อสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ&nbsp;หรือ&nbsp;Business&nbsp;Ecosystem&nbsp;ให้เอื้อต่อการทำงานของนักธุรกิจรุ่นใหม่&nbsp;Digital&nbsp;Nomads&nbsp;ที่นิยมบรรยากาศความสงบของเมืองและค่าครองชีพต่ำ&nbsp;</p><p><strong>ส่วนในระยะยาว&nbsp;คือ&nbsp;การวางแผนเมืองให้สามารถมีแต้มต่อในการลงทุน</strong>&nbsp;อาทิ&nbsp;สิทธิประโยชน์ทางภาษีและสิทธิประโยชน์จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน&nbsp;หรือ&nbsp;BOI&nbsp;หากเมื่อมีการลงทุนจะมีการจ้างงาน&nbsp;การหมุนเวียนของเงิน&nbsp;ลูกหลานของคนในพื้นที่ต้องการที่จะกลับมาทำงานที่ภูมิลำเนา&nbsp;และผลลัพธ์อื่น&nbsp;ๆ&nbsp;ที่จะตามมาอีกมากมาย&nbsp;จึงนับเป็นการเริ่มต้นเศรษฐกิจดิจิทัลกับจังหวัดแพร่&nbsp;ที่ต้องเริ่มวางแผนนับตั้งแต่วันนี้</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>30/1/2022ภาคเหนือแพร่สวท.แพร่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220130171005226 สวนสัตว์สงขลา จัดแคมเปญรับตรุษจีน ชวนเที่ยวสวนสัตว์ สร้างพลังชีวิต เสริมสิริมงคลรับปีเสือ<p><strong>สวนสัตว์สงขลาจัดแคมเปญรับตรุษจีน&nbsp;ชวนเที่ยวสวนสัตว์สงขลา</strong>ไหว้เทพเจ้าและเลี้ยงเสือ&nbsp;สร้างพลังชีวิต&nbsp;สร้างสิริมงคล&nbsp;รับปีเสือ&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;-1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;&nbsp;2565&nbsp;นี้&nbsp;</p><p><strong>สำหรับการจัดกิจกรรม&nbsp;เทศกาลวันตรุษจีนภายในสวนสัตว์สงขลา</strong>&nbsp;มีกำหนดจัดงานระหว่างวันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม&nbsp;ถึง&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;นี้&nbsp;โดยได้จัดทำซุ้มเจ้าพ่อเสือให้บริการนักท่องเที่ยวสำหรับไหว้เทพเจ้า&nbsp;อันถือเป็นการสร้างพลังและเสริมสิริมงคลให้กับชีวิต&nbsp;เพื่อต้อนรับปีเสือ&nbsp;พร้อมรับถ่างหยวน&nbsp;เสริมโชคลาภ&nbsp;ต้อนรับนักท่องเที่ยวบริเวณด้านหน้าส่วนแสดงเสือ&nbsp;เพื่อให้ได้เข้ามามีส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นพี่เลี้ยงเสือในปีเสือทอง&nbsp;</p><p><strong>โดยสามารถเลือกอุปถัมภ์ผ่านกล่องมงคลสีแดง&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;กล่อง</strong>&nbsp;คือ&nbsp;</p><p>กล่องที่&nbsp;1&nbsp;“เลี้ยงเสือ&nbsp;สร้างพลังชีวิต”&nbsp;</p><p>กล่องที่&nbsp;2&nbsp;“เลี้ยงเสือ&nbsp;สร้างสิริมงคล”&nbsp;</p><p>กล่องที่&nbsp;3&nbsp;“เสริมโชคลาภ&nbsp;รับถ่างหยวน”&nbsp;</p><p><strong>พร้อมทั้งได้จัดเซียมซี&nbsp;สำหรับทำนายดวงชะตานักท่องเที่ยว</strong>&nbsp;ที่เข้ามาเที่ยวชมสวนสัตว์สงขลา&nbsp;ตามความเชื่อของคนจีน&nbsp;การไหว้เทพเจ้าจะสามารถช่วยลดทุกข์และลดเคราะห์กรรมได้&nbsp;โดยเฉพาะคนที่เกิดปีชง&nbsp;จะช่วยทำให้เบาบางลง&nbsp;</p><p><strong>สวนสัตว์สงขลา&nbsp;จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนเข้ามาเที่ยวชมสวนสัตว์</strong>ในช่วงเทศกาลวันตรุษจีนนี้&nbsp;ซึ่งนอกจากจะได้เที่ยวชมสวนสัตว์แล้ว&nbsp;ยังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นพี่เลี้ยงเสือ&nbsp;ผ่านกล่องมงคล&nbsp;อันจะเป็นการช่วยเสริมสิริมงคล&nbsp;เสริมดวงชะตา&nbsp;โชคลาภ&nbsp;และปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากชีวิต</p><p><strong>สำหรับบรรยากาศที่สวนสัตว์สงขลาซึ่งเป็นช่วงหยุดยาวในเทศกาลตรุษจีน</strong>&nbsp;มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมจาก&nbsp;3&nbsp;จังหวัดชายแดนภาคใต้&nbsp;เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะที่บริเวณส่วนแสดงเสือ&nbsp;ทางสวนสัตว์ได้นำมาสคอตเสือและสิงโตคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวบริเวณซุ้มเจ้าพ่อเสือเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกรวมทั้งมีการแสดงความสามารถของเสือโคร่งทั้ง&nbsp;2&nbsp;ตัวในการให้อาหาร&nbsp;สร้างความชื่นชมและชื่นชอบให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก</p><p><strong>นายวันชัย&nbsp;ตันวัฒนะ&nbsp;ผู้อำนวยการสวนสัตว์สงขลา&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;และมีวันหยุดยาว&nbsp;ทางสวนสัตว์สงขลาก็ได้จัดกิจกรรมทำบุญเสริมสิริมงคลรับปีเสือ&nbsp;นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวชมสวนสัตว์สงขลาในช่วงนี้ก็เข้ามาดูโชว์เสือบริเวณส่วนแสดงเสือของสวนสัตว์สงขลาและทางสวนสัตว์สงขลาได้จัดทำซุ้มเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ทำบุญส่งเสริมมงคลชีวิตเพื่อต้อนรับปีเสือในช่วงนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างหนาแน่นเป็นช่วงของวันหยุดยาว&nbsp;</p><p><strong>อีกทั้ง&nbsp;จังหวัดสงขลาเรามีการฉีดวัคซีนมากกว่า&nbsp;ร้อยละ&nbsp;76</strong>&nbsp;และนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็เริ่มออกมาท่องเที่ยวกัน&nbsp;ก็อยากจะเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดสงขลาและจังหวัดใกล้เคียงได้เข้ามาเที่ยวชมสวนสัตว์สงขลา&nbsp;เมื่อได้รับวัคซีนครบแล้วก็จะมีภูมิคุ้มกันเข้ามาท่องเที่ยวเพื่อให้เศรษฐกิจสงขลาดีขึ้น&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>30/1/2022ภาคใต้สงขลาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220130171447228 จังหวัดนครสวรรค์ กระตุ้นเศรษฐกิจ เปิดเส้นทางการท่องเที่ยว เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก<p><strong>จังหวัดนครสวรรค์&nbsp;กระตุ้นเศรษฐกิจ&nbsp;เปิดเส้นทางการท่องเที่ยว</strong>&nbsp;เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก&nbsp;วัยเก๋าสร้างสุข&nbsp;จังหวัดนครสวรรค์&nbsp;นำโดย&nbsp;นางนิตยา&nbsp;เหลืองสุรภีสกุล&nbsp;อดีตสมาชิกกิ่งกาชาดอำเภอหนองบัว&nbsp;จังหวัดนครสวรรค์&nbsp;ให้การต้อนรับ&nbsp;คณะนักท่องเที่ยว&nbsp;วัยเก๋าสร้างสุข&nbsp;บ้านหนองบัว&nbsp;จังหวัดนครสวรรค์&nbsp;จำนวน&nbsp;24&nbsp;คน&nbsp;ลงพื้นที่ศึกษาดูงาน&nbsp;ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก&nbsp;</p><p><strong>เปิดเส้นทางการค้า&nbsp;การลงทุน&nbsp;เส้นทางการท่องเที่ยว&nbsp;เมืองสี่แคว&nbsp;</strong>จังหวัดนครสวรรค์&nbsp;มุ่งสู่ชายแดนไทย-เมียนมา&nbsp;แม่สอด-เมียวดี&nbsp;เขตเศรษฐกิจพิเศษตาก&nbsp;เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทย&nbsp;เน้นย้ำ!&nbsp;มาตรการ&nbsp;ท่องเที่ยววิถีใหม่แบบ&nbsp;New&nbsp;Normal&nbsp;กระตุ้นเศรษฐกิจบนฐานการใช้จ่าย&nbsp;เพื่อชื่นชมความงามทางธรรมชาติในช่วงฤดูหนาว&nbsp;เที่ยวไร่เตรยาวรรณกาแฟ&nbsp;ชมพิพิธภัณฑ์ของดีจังหวัดตาก&nbsp;</p><p><strong>ร่วมกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์&nbsp;ไหว้พระ&nbsp;9&nbsp;วัด&nbsp;กราบนมัสการ</strong>&nbsp;พระ?มหามัยมุนีองค์?จำลอง&nbsp;จากเมืองมัณฑะเลย์&nbsp;ประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา&nbsp;ที่วัดไทยวัฒนาราม&nbsp;กราบไหว้ขอพร&nbsp;พระพุทธไสยาสน์&nbsp;พระนอนตาหวาน&nbsp;องค์ใหญ่&nbsp;ความยาวประมาณ&nbsp;40&nbsp;เมตร&nbsp;กราบไหว้ขอพรองค์เทพทันใจ&nbsp;และองค์ท่านเจ้าพ่อพะวอ&nbsp;นายด่านปราการแรกของไทย&nbsp;ในรัชสมัย&nbsp;สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช&nbsp;เพื่อความเป็นสิริมงคลให้แก่หมู่คณะ&nbsp;เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับกลุ่มสมาชิกแม่บ้าน&nbsp;เจ้าหน้าที่&nbsp;อสม.&nbsp;วัยเก๋าสร้างสุข&nbsp;และตัวแทนเยาวชนคนรุ่นใหม่&nbsp;</p><p><strong>ก่อนกลับไปรับใช้&nbsp;ปฏิบัติหน้าที่จิตอาสา&nbsp;ออกหน่วยบรรเทาทุกข์&nbsp;</strong>บำรุงสุข&nbsp;ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่&nbsp;ให้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น&nbsp;สร้างความรัก&nbsp;ความสามัคคีให้กับหมู่คณะ&nbsp;องค์กร&nbsp;และหน่วยงาน&nbsp;ในศุภวารดิถีปีใหม่&nbsp;อีกด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>30/1/2022ภาคตะวันตกตากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตากhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220130172244231 รมว.คลังเปิดมหกรรมวัฒนธรรมศรีสะเกษสู่ประชาคมอาเซียนประจำปี 2565 แจกโครงการ คนละครึ่งเฟส 4<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ที่บริเวณถนนสายวัฒนธรรม&nbsp;(ถนนคนเดินมารี-หนองแคน)&nbsp;อำเภอเมืองศรีสะเกษ</strong>&nbsp;นายอาคม&nbsp;เติมพิทยาไพสิฐ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง&nbsp;เป็นประธานเปิดมหกรรมวัฒนธรรมศรีสะเกษสู่ประชาคมอาเขียน&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565&nbsp;ครั้งที่&nbsp;7&nbsp;โดยมี&nbsp;นายอนุรัตน์&nbsp;ธรรมประจำจิต&nbsp;และนายนพ&nbsp;พงศ์ผลาดิสัย&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;นายประหยัด&nbsp;ถิลา&nbsp;วัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ร่วมให้การต้อนรับ&nbsp;และ&nbsp;นายวิทยา&nbsp;วิรารัตน์&nbsp;ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;เป็นผู้กล่าวรายงาน&nbsp;พร้อมนำคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทั้ง&nbsp;22&nbsp;อำเภอ&nbsp;และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม&nbsp;โดยมีคณะผู้บริหารจากกระทรวงการคลัง&nbsp;นางสาวศิริกันยา&nbsp;ศรศิลป์&nbsp;คลังจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;&nbsp;ดร.กัลยาณี&nbsp;ธรรมจารีย์&nbsp;นายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยวจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;&nbsp;พ.ต.อ.ณัฐกิตติ์&nbsp;เจริญเกษสุวรรณ์&nbsp;ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ&nbsp;&nbsp;นายสมพร&nbsp;จึงศิรกุลวิทย์&nbsp;รองนายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ&nbsp;และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดศรีสะเกษภาครัฐและเอกชน&nbsp;ข้าราชการและประชาชนร่วมในพิธิเปิดเป็นจำนวนมาก</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นายวิทยา&nbsp;วิรารัตน์&nbsp;ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;ได้จัดงานมหกรรมวัฒนธรรมศรีสะเกษสู่ประชาคมอาเขียนต่อเนื่องเป็นปีที่&nbsp;7&nbsp;แล้ว&nbsp;ผลจากการจัดงานในปีที่ผ่านมา&nbsp;ทำให้เกิดการนำทุนทางวัฒนธรรมในพื้นที่มาพัฒนาต่อยอด&nbsp;สร้างสรรค์&nbsp;ให้เกิดการท่องเที่ยวด้านศิลปวัฒนธรรม&nbsp;ส่งเสริมให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในพื้นที่&nbsp;โดยมีการขยายเครือข่ายจัดงานในระดับอำเภอเพิ่มขึ้น&nbsp;ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมให้ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษสร้างงาน&nbsp;สร้างรายได้&nbsp;เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;นับว่าเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องชาวจังหวัดศรีสะเกษเป็นอย่างยิ่ง&nbsp;สำหรับในปีนี้&nbsp;จังหวัดศรีสะเกษได้กำหนดจัดงาน&nbsp;จำนวน&nbsp;8&nbsp;ครั้ง&nbsp;ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม&nbsp;-&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;โดยกำหนดจัดงานในพื้นที่อำเภอเมืองศรีสะเกษ&nbsp;ในวันเสาร์ที่&nbsp;15&nbsp;,&nbsp;22&nbsp;,29&nbsp;มกราคม&nbsp;และ&nbsp;25&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;บริเวณถนนสายวัฒนธรรม&nbsp;(ถนนคนเดินมารี-หนองแคน)&nbsp;และกำหนดจัดกิจกรรมในพื้นที่ตลาดวัฒนธรรมอำเภออื่น&nbsp;4&nbsp;ครั้ง&nbsp;ได้แก่&nbsp;วันจันทร์ที่&nbsp;4&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;ศูนย์หัตถวิถีมณีวิภา&nbsp;อำเภอกันทรลักษ์&nbsp;วันเสาร์ที่&nbsp;12&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดวัฒนธรรมอำเภอศรีรัตนะ&nbsp;วันเสาร์ที่&nbsp;19&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดวัฒนธรรมวัดไพรพัฒนา&nbsp;อำเภอภูสิงห์&nbsp;และวันพุธที่&nbsp;23&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดวัฒนธรรมอำเภอกันทรารมย์&nbsp;โดยมีกิจกรรม&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;การแสดงวงดนตรีพื้นบ้านจากสถานศึกษา&nbsp;การแสดงศิลปวัฒนธรรมจากสภาวัฒนธรรมอำเภอ&nbsp;เครือข่ายวัฒนธรรม&nbsp;การสาธิตแสดงศิลปวัฒนธรรมอาเซียนจากสถาบันการศึกษา&nbsp;การสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่น&nbsp;การออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนจากเครือข่ายวัฒนธรรม</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นายอาคม&nbsp;เติมพิทยาไพสิฐ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>จากการมาร่วมงานของจังหวัดศรีสะเกษหลายครั้ง&nbsp;ได้พบว่า&nbsp;มีการส่งเสริมให้ประชาชนรักษาศิลปวัฒนธรรม&nbsp;4&nbsp;เผ่า&nbsp;และอนุรักษ์&nbsp;สืบสานสร้างสรรค์&nbsp;มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นอย่างดี&nbsp;ทั้งในเรื่องผ้าเบญจศรี&nbsp;อาหารประจำถิ่น&nbsp;สินค้า&nbsp;otop&nbsp;ที่ใช้วัสดุพื้นถิ่น&nbsp;การแสดงศิลปวัฒนธรรมต่างๆ&nbsp;ทำให้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก&nbsp;โดยใช้มิติทางวัฒนธรรมเป็นสื่อกลาง&nbsp;รวมทั้งได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดด้วย&nbsp;เป็นการสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด&nbsp;-19&nbsp;ซึ่งรัฐบาลก็ได้ออกนโยบายช่วยเหลือภาคประชาชนเป็นระยะๆ&nbsp;ขณะนี้&nbsp;คณะรัฐมนตรี&nbsp;(ครม.)&nbsp;มีมติเห็นชอบโครงการ&nbsp;"คนละครึ่งเฟส&nbsp;4"&nbsp;สนับสนุนให้นำเงินไปใช้จ่ายค่าอาหาร,&nbsp;เครื่องดื่ม,&nbsp;สินค้าทั่วไป,&nbsp;บริการนวดสปา,&nbsp;ทำผม,&nbsp;ทำเล็บ&nbsp;และบริการขนส่งสาธารณะ&nbsp;ยกเว้นสลากกินแบ่ง,&nbsp;เครื่องดื่มแอลกอฮอล์,&nbsp;ยาสูบ&nbsp;และสินค้าหรือบริการ&nbsp;และในวันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;นี้&nbsp;ก็จะช่วยเหลือภาคประชาชนอีก&nbsp;สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการ&nbsp;คนละครึ่งเฟส&nbsp;4&nbsp;วันที่&nbsp;10&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;เปิดให้ลงทะเบียนร่วมโครงการ&nbsp;จนกว่าจะครบจำนวนประมาณ&nbsp;1&nbsp;ล้านสิทธิ์&nbsp;ใช้สิทธิ์โครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;4&nbsp;ตั้งแต่วันที่&nbsp;17&nbsp;ก.พ.&nbsp;ถึงวันที่&nbsp;30&nbsp;เม.ย.&nbsp;65&nbsp;เพื่อรับวงเงิน&nbsp;1,200&nbsp;บาทต่อคน&nbsp;ใช้ไม่เกิน&nbsp;150&nbsp;บาทต่อคนต่อวัน&nbsp;และ&nbsp;วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;เป็นต้นไป&nbsp;ประชาชนผู้ได้รับสิทธิ์โครงการคนละครึ่ง&nbsp;ระยะที่&nbsp;3&nbsp;(คนเดิม)&nbsp;ต้องยืนยันสิทธิ์เพื่อเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส&nbsp;4&nbsp;ผ่านแอปพลิเคชัน&nbsp;"เป๋าตัง"&nbsp;และต้องเริ่มใช้สิทธิ์ให้หมด&nbsp;ภายในวันที่&nbsp;28&nbsp;ก.พ.&nbsp;65&nbsp;หากพ้นกำหนดจะถูกตัดสิทธิ์&nbsp;และอาจจะนำสิทธิ์ที่เหลือไปพิจารณาเปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้ง</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p>30/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือศรีสะเกษสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220130185439254 พาณิชย์ศรีสะเกษเปิดจุดขายเนื้อหมูถูกลดค่าใช้จ่ายปชช.<p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;โดยพาณิชย์จังหวัดเปิดจุดขายเนื้อหมูราคาถูกช่วยเหลือประชาชน&nbsp;&nbsp;</strong>เตือนพ่อค้าแม่ค้าห้ามขายสินค้าเกินราคาโทษหนักจำคุก&nbsp;7&nbsp;ปีปรับ&nbsp;140,000&nbsp;บาท&nbsp;หรือทั้งจำทั้งปรับ&nbsp;ให้จำหน่ายสินค้าตามราคาที่เป็นไปตามกลไกของตลาด</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>ที่บริเวณตลาดสดเทศบาล&nbsp;1&nbsp;ต.เมืองเหนือ&nbsp;อ.เมือง&nbsp;จ.ศรีสะเกษ</strong>&nbsp;นายชัยรัตน์&nbsp;บุญส่ง&nbsp;พาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;เมื่อเร็ว&nbsp;ๆ&nbsp;นี้&nbsp;ตนพร้อมด้วย&nbsp;นายอนุรัตน์&nbsp;ธรรมประจำจิต&nbsp;รอง&nbsp;ผวจ.ศรีสะเกษ&nbsp;พ.ต.อ.เทพพิทักษ์&nbsp;&nbsp;แสงกล้า&nbsp;รอง&nbsp;ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ&nbsp;นางฐพัชร์รดา&nbsp;ธนินทร์จิรานนท์&nbsp;หัวหน้าสำนักงานจังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;และคณะส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ได้ออกทำการตรวจติดตามการจำหน่ายสินค้าต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจำหน่ายเนื้อหมู&nbsp;ไก่&nbsp;ไข่&nbsp;เนื่องจากว่า&nbsp;ขณะนี้เนื้อหมู&nbsp;ไข่&nbsp;ไก่&nbsp;มีการปรับราคาสูงขึ้นตามกลไกของตลาด&nbsp;พบว่า&nbsp;ประชาชนก็ยังมาจับจ่ายซื้อสินค้ากันตามปกติ&nbsp;เนื่องจากว่า&nbsp;เป็นสินค้าจำพวกอาหารที่จำเป็นต้องใช้ในการทำเป็นอาหารเพื่อจำหน่ายและต้องกินเป็นอาหารประจำวัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><strong>นายชัยรัตน์&nbsp;บุญส่ง&nbsp;พาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ&nbsp;เปิดเผยต่อไปว่า&nbsp;</strong>โดยในส่วนของราคาหมูขณะนี้ทางกระทรวงพาณิชย์ของเราได้เปิดจุดเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคในราคาหมูแดงกิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;ตอนนี้มีกำหนดเปิดจุดถึงวันที่&nbsp;31&nbsp;ม.ค.&nbsp;2565&nbsp;ซึ่งในส่วนตรงนี้ต้องขอบอกเลยว่า&nbsp;เราใช้เงินของทางราชการชดเชยราคาลงไปในส่วนของพ่อค้าที่จำหน่ายราคาปกติกิโลกรัมละ&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;พ่อค้าต้องมาจำหน่ายหมูแดงในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาทมีส่วนต่าง&nbsp;50&nbsp;บาทที่เราจะต้องชดเชยลงไป&nbsp;และในแต่ละร้านอาจจะจำหน่ายราคาเนื้อหมูไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับต้นทุนของเขา&nbsp;ในส่วนของ&nbsp;จ.ศรีสะเกษเรามีจุดจำหน่ายจำนวนทั้งสิ้น&nbsp;7&nbsp;จุด&nbsp;ด้วยกัน&nbsp;ซึ่งกระจายอยู่ในเขตอำเภอเมือง&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;อ.กันทรารมย์&nbsp;3&nbsp;จุด&nbsp;อ.กันทรลักษ์&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;อ.ขุนหาญ&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;และ&nbsp;อ.อุทุมพรพิสัยอีก&nbsp;1&nbsp;จุด</p><p&nbsp;class="ql-align-justify">ซึ่งปรากฏว่าได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการด้วยดี&nbsp;ซึ่งขณะนี้เราก็พยายามจะหาร้านเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมเพื่อเปิดจุดจำหน่ายสินค้าให้กับผู้บริโภคเพิ่มขึ้นในจุดที่ใกล้บ้าน&nbsp;ตนขอฝากถึงพ่อค้าแม่ค้าในการที่จำหน่ายสินค้าไม่ว่าจะเป็นหมูไข่ไก่หรือสินค้าต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ขอให้จำหน่ายในราคาที่เหมาะสม&nbsp;ราคาอาจจะสูงขึ้นก็ขอให้เป็นไปตามกลไกของตลาด&nbsp;และขอให้มีการติดป้ายราคาที่ชัดเจนซึ่งในส่วนของพี่น้องผู้บริโภคเมื่อไปซื้อสินค้าก็ขอให้ดูป้ายราคาด้วยหรือรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ขอให้แจ้งสายด่วน&nbsp;1569&nbsp;ได้ในส่วนนี้ทางเราจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมกับพี่น้อง&nbsp;หากมีการขายสินค้าเกินราคาทางผู้ประกอบการจงใจหรือมีเหตุจำหน่ายให้สูงกว่าราคา&nbsp;ทางราชการมีมาตรา&nbsp;29&nbsp;แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;มีโทษจำคุกไม่เกิน&nbsp;7&nbsp;ปีและปรับไม่เกิน&nbsp;140,000&nbsp;บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ</p><p&nbsp;class="ql-align-justify"><br></p><p&nbsp;class="ql-align-justify">#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p><p><br></p>30/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือศรีสะเกษสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220130185818256 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ติดตามและมอบนโยบายแนวทางการปฏิบัติงานแก่คณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัดอำนาจเจริญ<p><strong>ที่ห้องประชุมพระมงคลมิ่งเมือง&nbsp;ชั้น&nbsp;4&nbsp;ศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ</strong>&nbsp;นายอาคม&nbsp;เติมพิทยาไพสิฐ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง&nbsp;พร้อมคณะลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;ติดตามและมอบนโยบายแนวทางการปฏิบัติงานแก่คณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;โดยมี&nbsp;นายทวีป&nbsp;บุตรโพธิ์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายฤทธิสรรค์&nbsp;เทพพิทักษ์&nbsp;ปลัดจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;นายภุชงค์&nbsp;เศรษฐยานนท์&nbsp;คลังจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;คณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;(คบจ.อำนาจเจริญ)&nbsp;และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมและรับฟังนโยบายในครั้งนี้</p><p><strong>รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;และให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงาน&nbsp;รวมทั้งมอบนโยบายรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่&nbsp;ทั้งโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ&nbsp;โครงการคนละครึ่งเฟสที่&nbsp;4&nbsp;วงเงิน&nbsp;1,200&nbsp;บาทต่อคนตลอดทั้งโครงการ&nbsp;และใช้จ่ายวันละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;โดยผู้ที่เคยได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส&nbsp;3&nbsp;ซึ่งมีประมาณ&nbsp;28&nbsp;ล้านสิทธิ&nbsp;ให้กดยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังได้ตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;และใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ถึงวันที่&nbsp;30&nbsp;เมษายน&nbsp;2565&nbsp;เพื่อให้ประชาชนได้มีความสุขและกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลตรุษจีนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ&nbsp;ส่วนผู้ที่ไม่เคยลงทะเบียนรับสิทธิโครงการ&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;ล้านสิทธิ&nbsp;ให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่&nbsp;10&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;จนครบจำนวน&nbsp;โดยลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์คนละครึ่ง/แอปพลิเคชันเป๋าตัง&nbsp;และใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่&nbsp;17&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ถึงวันที่&nbsp;30&nbsp;เมษายน&nbsp;2565&nbsp;และในปี&nbsp;2565&nbsp;ได้สั่งการมอบหมายหน่วยงานต่างๆ&nbsp;ในสังกัดกระทรวงการคลังและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ&nbsp;ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนเป็นพันธกิจหลักด้วย</p><p><strong>จากนั้น&nbsp;เวลา&nbsp;14.30&nbsp;น.&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง&nbsp;พร้อมคณะ</strong>&nbsp;ลงพื้นที่ศูนย์เรียนรู้ผักเกษตรอินทรีย์เมืองธรรมเกษตรไร่ภูตะวันออร์แกนิคฟาร์ม&nbsp;บ้านหนองเม็ก&nbsp;ตำบลคึมใหญ่&nbsp;เพื่อติดตามผลการดำเนินงานแปลงใหญ่&nbsp;ที่ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร&nbsp;(ธกส.)&nbsp;ได้สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์แปลงใหญ่บ้านหนองเม็ก&nbsp;โดยมี&nbsp;นางจำปา&nbsp;สุวะไกร&nbsp;ประธานแปลงใหญ่ผักอินทรีย์บ้านหนองเม็ก&nbsp;ไร่ภูตะวันออร์แกนิคฟาร์ม&nbsp;เป็นผู้นำเสนอผลการดำเนินงานของกลุ่ม&nbsp;จากนั้น&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง&nbsp;ได้เยี่ยมชม&nbsp;การผลิตผักอินทรีย์&nbsp;พร้อมร่วมปลูกผักอินทรีย์&nbsp;กับนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองเม็ก&nbsp;ซึ่งได้เข้าร่วมโครงการเยาวชนปลูกผักอินทรีย์&nbsp;พร้อมนำไปขยายผลปลูกผักอินทรีย์ที่บ้าน&nbsp;สร้างรายได้ให้กับครอบครัว</p><p><strong>สำหรับศูนย์เรียนรู้ผักอินทรีย์เมืองธรรมเกษตร&nbsp;ไร่ภูตะวัน&nbsp;ออร์แกนิคฟาร์ม&nbsp;</strong>จัดตั้งขึ้นภายใต้กลุ่มเกษตรอินทรีย์บ้านหนองเม็กและวิสาหกิจชุมชนข้าวอินทรีย์บ้านหนองเม็ก&nbsp;เป็นพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของจังหวัด&nbsp;การพัฒนาเกษตรอินทรีย์ที่นี่มีจุดเริ่มต้นจากบทเรียนการใช้สารเคมีของเกษตรกร&nbsp;แกนนำซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ได้ตระหนักถึงปัญหาและเห็นความสำคัญของวิถีการดูแลสุขภาพ&nbsp;จึงใช้ประสบการณ์&nbsp;องค์ความรู้และเทคโนโลยี&nbsp;มาประยุกต์กับการทำเกษตร&nbsp;โดยปลูกผักอินทรีย์ในโรงเรือน&nbsp;ภายใต้หลักการ&nbsp;“การตลาดนำการผลิต”&nbsp;มีวางแผนการผลิตอย่างเป็นระบบ&nbsp;เพื่อให้สามารถมีผลผลิตป้อนเข้าสู่ตลาดได้ตลอดทั้งปีรวมทั้งมีการรวมกลุ่มเพื่อให้มีอำนาจในการต่อรอง&nbsp;ผลผลิตหลัก&nbsp;ได้แก่&nbsp;ผักอินทรีย์ในโรงเรือน&nbsp;และผลผลิตรองชนิดอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;เช่น&nbsp;ข้าวอินทรีย์&nbsp;สมุนไพร&nbsp;ข้าวโพด&nbsp;กล้วย&nbsp;ไก่ไข่&nbsp;อินทรีย์และปลาอินทรีย์&nbsp;การพัฒนาเกษตรอินทรีย์ที่นี่มีความสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาของจังหวัดอำนาจเจริญในเรื่องเมืองธรรมเกษตร&nbsp;หรือเมืองเกษตรอินทรีย์วิถีธรรม&nbsp;ที่เกษตรกรมีคุณธรรมในการทำการเกษตร&nbsp;และวิสัยทัศน์ของจังหวัดอำนาจเจริญที่ว่า&nbsp;“เมืองธรรมเกษตร&nbsp;เขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;เส้นทางการค้าสู่อาเซียน&nbsp;#สุขเกินคาด&nbsp;อำนาจเจริญ</p><p><br></p><p>สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอำนาจเจริญ</p>30/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220130213213324 รมว.คลัง ลงพื้นที่อำนาจเจริญ ตรวจติดตามหารือการดำเนินงานการขับเคลื่อนการพัฒนาการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่อำนาจเจริญ<p><strong>วานนี้&nbsp;&nbsp;29&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;10.30&nbsp;น.&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมพระมงคลมิ่งเมือง&nbsp;ชั้น&nbsp;4&nbsp;ศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;</strong>นายอาคม&nbsp;เติมพิทยาไพสิฐ&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและคณะลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;โดยมี&nbsp;นายทวีป&nbsp;บุตรโพธิ์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญและหัวหน้าส่วนราชการให้การต้อนรับ</p><p><strong>รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;</strong>การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ&nbsp;และให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงาน&nbsp;รวมทั้งมอบนโยบายรัฐบาลเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่&nbsp;ทั้งโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ&nbsp;โครงการคนละครึ่งเฟสที่&nbsp;4&nbsp;วงเงิน&nbsp;1,200&nbsp;บาทต่อคนตลอดทั้งโครงการ&nbsp;และใช้จ่ายวันละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;โดยผู้ที่เคยได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส&nbsp;3&nbsp;ซึ่งมีประมาณ&nbsp;28&nbsp;ล้านสิทธิ&nbsp;ให้กดยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังได้ตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;และใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ถึงวันที่&nbsp;30&nbsp;เมษายน&nbsp;2565&nbsp;เพื่อให้ประชาชนได้มีความสุขและกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลตรุษจีนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ&nbsp;ส่วนผู้ที่ไม่เคยลงทะเบียนรับสิทธิโครงการ&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;ล้านสิทธิ&nbsp;ให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่&nbsp;10&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;จนครบจำนวน&nbsp;โดยลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์คนละครึ่ง/แอปพลิเคชันเป๋าตัง&nbsp;และใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่&nbsp;17&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ถึงวันที่&nbsp;30&nbsp;เมษายน&nbsp;2565&nbsp;และในปี&nbsp;2565&nbsp;ได้สั่งการมอบหมายหน่วยงานต่างๆ&nbsp;ในสังกัดกระทรวงการคลังและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ&nbsp;ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนเป็นพันธกิจหลักด้วย</p><p><strong>จากนั้น&nbsp;เวลา&nbsp;14.30&nbsp;น.&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง&nbsp;พร้อมคณะ</strong>&nbsp;ลงพื้นที่ศูนย์เรียนรู้ผักเกษตรอินทรีย์เมืองธรรมเกษตรไร่ภูตะวันออร์แกนิคฟาร์ม&nbsp;บ้านหนองเม็ก&nbsp;ตำบลคึมใหญ่&nbsp;เพื่อติดตามผลการดำเนินงานแปลงใหญ่&nbsp;ที่ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร&nbsp;(ธกส.)&nbsp;ได้สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์แปลงใหญ่บ้านหนองเม็ก&nbsp;โดยมี&nbsp;นางจำปา&nbsp;สุวะไกร&nbsp;ประธานแปลงใหญ่ผักอินทรีย์บ้านหนองเม็ก&nbsp;ไร่ภูตะวันออร์แกนิคฟาร์ม&nbsp;เป็นผู้นำเสนอผลการดำเนินงานของกลุ่ม&nbsp;จากนั้น&nbsp;รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง&nbsp;ได้เยี่ยมชม&nbsp;การผลิตผักอินทรีย์&nbsp;พร้อมร่วมปลูกผักอินทรีย์&nbsp;กับนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองเม็ก&nbsp;ซึ่งได้เข้าร่วมโครงการเยาวชนปลูกผักอินทรีย์&nbsp;พร้อมนำไปขยายผลปลูกผักอินทรีย์ที่บ้าน&nbsp;สร้างรายได้ให้กับครอบครัว</p><p><strong>สำหรับศูนย์เรียนรู้ผักอินทรีย์เมืองธรรมเกษตร&nbsp;ไร่ภูตะวัน&nbsp;ออร์แกนิคฟาร์ม&nbsp;</strong>จัดตั้งขึ้นภายใต้กลุ่มเกษตรอินทรีย์บ้านหนองเม็กและวิสาหกิจชุมชนข้าวอินทรีย์บ้านหนองเม็ก&nbsp;เป็นพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของจังหวัด&nbsp;การพัฒนาเกษตรอินทรีย์ที่นี่มีจุดเริ่มต้นจากบทเรียนการใช้สารเคมีของเกษตรกร&nbsp;แกนนำซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ได้ตระหนักถึงปัญหาและเห็นความสำคัญของวิถีการดูแลสุขภาพ&nbsp;จึงใช้ประสบการณ์&nbsp;องค์ความรู้และเทคโนโลยี&nbsp;มาประยุกต์กับการทำเกษตร&nbsp;โดยปลูกผักอินทรีย์ในโรงเรือน&nbsp;ภายใต้หลักการ&nbsp;“การตลาดนำการผลิต”&nbsp;มีวางแผนการผลิตอย่างเป็นระบบ&nbsp;เพื่อให้สามารถมีผลผลิตป้อนเข้าสู่ตลาดได้ตลอดทั้งปีรวมทั้งมีการรวมกลุ่มเพื่อให้มีอำนาจในการต่อรอง&nbsp;ผลผลิตหลัก&nbsp;ได้แก่&nbsp;ผักอินทรีย์ในโรงเรือน&nbsp;และผลผลิตรองชนิดอื่น&nbsp;ๆ&nbsp;เช่น&nbsp;ข้าวอินทรีย์&nbsp;สมุนไพร&nbsp;ข้าวโพด&nbsp;กล้วย&nbsp;ไก่ไข่&nbsp;อินทรีย์และปลาอินทรีย์&nbsp;การพัฒนาเกษตรอินทรีย์ที่นี่มีความสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาของจังหวัดอำนาจเจริญในเรื่องเมืองธรรมเกษตร&nbsp;หรือเมืองเกษตรอินทรีย์วิถีธรรม&nbsp;ที่เกษตรกรมีคุณธรรมในการทำการเกษตร&nbsp;และวิสัยทัศน์ของจังหวัดอำนาจเจริญที่ว่า&nbsp;“เมืองธรรมเกษตร&nbsp;เขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;เส้นทางการค้าสู่อาเซียน&nbsp;#สุขเกินคาด&nbsp;อำนาจเจริญ</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND&nbsp;&nbsp;</p><p>&nbsp;</p>30/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออำนาจเจริญสวท.อำนาจเจริญhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131003500329 ขนส่งจังหวัดลพบุรี จัดประมูลรถเลยสวยในรูปแบบ New Normal Auction วิถีใหม่แห่งการประมูล ทางอินเตอร์เน็ต ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ตั้งเป้าหมาย 10 ล้านจาก 301 เลขหมาย เพื่อนำรายได้เข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน<p><strong>วานนี้&nbsp;(30&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;นายสุชัย&nbsp;เลยะกุล&nbsp;ขนส่งจังหวัดสระบุรี</strong>&nbsp;รักษาราชการแทนขนส่งจังหวัดลพบุรี&nbsp;ได้จัดประมูลทะเบียนรถเลขสวยทางอินเตอร์เน็ต&nbsp;ภายในห้องประชุมโรงแรมเบญจธารา&nbsp;ตำบลเขาสามยอด&nbsp;อำเภอเมืองลพบุรี&nbsp;โดยการจัดประมูลในครั้งนี้ได้จัดการประมูลทางอินเตอร์&nbsp;ผู้เข้าประมูลได้เข้าลงทะเบียนเข้าร่วมประมูลแข่งขัน&nbsp;แต่การประมูลในครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19&nbsp;</p><p>การประมูลที่คู่แข่งไม่สามารถมองเห็นหน้ากัน&nbsp;เวลาลุ้นราคาก็ไม่มีกองเชียร์&nbsp;ผู้เข้าประมูลจะต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข&nbsp;New&nbsp;Normal&nbsp;Auction&nbsp;วิถีใหม่แห่งการประมูล&nbsp;โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้จากการประมูลทะเบียนรถเลขสวยนำเข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน&nbsp;และเพื่อสนับสนุนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอันเกิดจากการใช้รถใช้ถนน&nbsp;โดยตั้งเป้าหมายรายได้จากการประมูลในครั้งนี้ที่&nbsp;10&nbsp;ล้านบาท&nbsp;จาก&nbsp;301&nbsp;เลขหมาย</p><p><strong>ขณะที่พิธีกรในการจัดประมูลกล่าวกับทีมข่าวว่า&nbsp;เป็นการประมูลในรูปแบบใหม่</strong>ครั้งแรกทำให้ทีมงานตั้งเตรียมความพร้อมทั้งเสื้อผ้าหน้าตาการแต่งการตั้งเปลี่ยนตลอดเวลาไม่ให้ผู้เข้าร่วมประมูลเบื่ออีกทั้งต้องหาวิธีการสร้างจุดสนใจให้ผู้ที่เข้าร่วมประมูลเข้าขันกันและได้เป็นเจ้าของเลขหมายที่ตัวเองต้องการ&nbsp;ขณะที่ผู้ที่เข้าร่วมประมูลก็บอกว่าก่อนที่จะเข้าร่วมประมูลก็ต้องศึกษาการใช้อินเตอร์เน็ตให้ทันที่จะเสนอราคาได้ทันและที่สำคัญต้องกดตัวเลขให้ถูก&nbsp;เนื่องจากการประมูลไม่เหมือนการประมูลสดที่ยกป้ายแต่ละครั้งจะกำหนดตัวเลขราคาไว้แล้วแต่ในทางอินเตอร์เน็ตเราต้องพิมพ์ราคาเองอาจจะผิดพลาดได้</p><p>แต่อย่างไรก็ตาม&nbsp;จะประมูลในรูปแบบใดถ้าเราต้องการและตั้งใจอยากได้หมายเลขใดก็ได้ตามความต้องการนอกจากจะได้เลขหมายตามต้องการแล้วยังได้ทำบุญปีละครั้งอีกด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>31/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลลพบุรีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131081902338 ลำปาง เตรียมความพร้อมจัดงาน Lampang Ceramic World Class (ลำปางเซรามิกแฟร์ ครั้งที่ 34) โครงการมหกรรมลำปางชนะแกรนด์เซลล์<p><strong>นางสาวตวงรัตน์&nbsp;โล่ห์สุนทร&nbsp;นายก&nbsp;อบจ.ลำปาง</strong>&nbsp;มอบหมายให้นางชุลีวันทน์&nbsp;สายสิงห์ทอง&nbsp;ที่ปรึกษานายก&nbsp;อบจ.ลำปาง&nbsp;เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดำเนินโครงการมหกรรมลำปางชนะแกรนด์เซลล์&nbsp;กิจกรรม&nbsp;Lampang&nbsp;Ceramic&nbsp;World&nbsp;Class&nbsp;(ลำปางเซรามิกแฟร์&nbsp;ครั้งที่&nbsp;34)&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมชั้น&nbsp;3&nbsp;อบจ.ลำปาง</p><p><strong>ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย</strong>&nbsp;นางสุพรรณี&nbsp;สุขสันต์รุ่งเรือง&nbsp;รองปลัด&nbsp;อบจ.&nbsp;รักษาราชการแทนปลัด&nbsp;อบจ.ลำปาง/นางสาวพรรณี&nbsp;การะกัน&nbsp;รองปลัด&nbsp;อบจ.ลำปาง/สมาคมเครื่องปั้นดินเผาลำปาง&nbsp;นำโดย&nbsp;นายต่อศักดิ์&nbsp;ประคำทอง/&nbsp;สภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง&nbsp;นำโดย&nbsp;นายสัญลักษณ์&nbsp;เลิศปัญญานุช/&nbsp;หอการค้าจังหวัดลำปาง&nbsp;นำโดย&nbsp;นายสกล&nbsp;สุพรรณบรรจง/&nbsp;สหกรณ์เซรามิกและหัตถอุตสาหกรรมลำปาง&nbsp;จำกัด/ทีมงาน&nbsp;หจก.พิมพ์สวย&nbsp;2010&nbsp;พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;อบจ.ลำปาง&nbsp;และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง&nbsp;เพื่อเตรียมพร้อมการดำเนินกิจกรรมตามโครงการฯ&nbsp;ดังกล่าว</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง</strong>&nbsp;ร่วมกับเครือข่ายคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน&nbsp;(กกร.)&nbsp;จังหวัดลำปาง&nbsp;กำหนดจัดโครงการมหกรรมลำปางชนะแกรนด์เซลล์&nbsp;กิจกรรม&nbsp;Lampang&nbsp;Ceramic&nbsp;World&nbsp;Class&nbsp;(ลำปางเซรามิกแฟร์&nbsp;ครั้งที่&nbsp;34)&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;12-22&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;ลานอเนกประสงค์ห้างไทวัสดุ&nbsp;สาขาลำปาง&nbsp;</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>31/1/2022ภาคเหนือลำปางสวท.ลำปางhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131095140363 สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดแสดงและจำหน่ายสินค้าคุณภาพดี ราคาประหยัด ส่งเสริมช่องทางการตลาด และบรรเทาปัญหาค่าครองชีพแก่ผู้ผลิตและผู้ประกอบการ OTOP ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( วันที่ 31 มกราคม 2565 )<p><strong>เช้าวันนี้&nbsp;(31&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;ผู้ประกอบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้า&nbsp;OTOP</strong>&nbsp;ทำการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าคุณภาพดี&nbsp;ราคาประหยัด&nbsp;ซึ่งจัดโดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;เพื่อส่งเสริมช่องทางการตลาด&nbsp;และบรรเทาปัญหาค่าครองชีพแก่ผู้ผลิตและผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;บริเวณห้องโถงหน้ากองคลัง&nbsp;ชั้น&nbsp;1&nbsp;อาคาร&nbsp;4&nbsp;ชั้น&nbsp;ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา</p><p><strong>สำหรับการจัดบูธจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในวันนี้&nbsp;เป็นผู้ประกอบการ&nbsp;OTOP&nbsp;จาก</strong></p><p><strong>"ร้าน&nbsp;Varunee"&nbsp;</strong>อำเภอลาดเสนา&nbsp;จัดจำหน่ายผลิตกระเป๋าผ้าและกระเป๋าผ้าเคลือบพิมพ์ลายการ์ตูน&nbsp;ราคาเริ่มต้นที่&nbsp;15-120&nbsp;บาท&nbsp;นอกจากการจัดบูธจัดจำหน่ายสินค้าในวันนี้&nbsp;ทุกท่านยังสามารถหาซื้อหรือชมสินค้าได้ตามการจัดบูธงานอิเว้นท์ของห้างสรรพสินค้าในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา&nbsp;อาทิ&nbsp;ศูนย์การค้า&nbsp;Ayutthaya&nbsp;City&nbsp;Park&nbsp;และ&nbsp;ศูนย์การค้า&nbsp;Central&nbsp;Ayutthaya</p><p><strong>ผู้ที่สนใจร่วมอุดหนุนสินค้า&nbsp;สามารถติดต่อได้ที่&nbsp;035&nbsp;336542</strong></p><p><br></p><p><span&nbsp;class="ql-cursor">&nbsp;</span>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p><p><br></p><p>ข่าว&nbsp;:&nbsp;สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา</p><p>เว็บไซต์&nbsp;https://ayutthaya.prd.go.th/</p>31/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลพระนครศรีอยุธยาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131100358370 รอง ผอ.รมน.ภาค 4 เยี่ยมจุดตรวจยะลา -ปัตตานี สั่งคุมเข้มเมืองเศรษฐกิจ สร้างความมั่นใจประชาชน<p><strong>รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค&nbsp;4&nbsp;ส่วนหน้า&nbsp;</strong>ตรวจเยี่ยม&nbsp;จุดตรวจ&nbsp;ด่านตรวจ&nbsp;ยะลา&nbsp;-ปัตตานี&nbsp;สั่งคุมเข้มเมืองเศรษฐกิจ&nbsp;สร้างความมั่นใจ&nbsp;หลังเหตุระเบิดทั่วเมือง&nbsp;</p><p><strong>พลตรี&nbsp;อุทิศ&nbsp;อนันตนานนท์&nbsp;รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค&nbsp;4&nbsp;</strong>ส่วนหน้า&nbsp;พร้อม&nbsp;คณะฝ่ายเสนาธิการ&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ&nbsp;ด่านตรวจ&nbsp;&nbsp;ในพื้นที่อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดปัตตานี&nbsp;6&nbsp;จุด&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;ด่านตรวจปราการ&nbsp;5&nbsp;แยกฟอร์ด,&nbsp;จุดตรวจซุ้มประตูเมือง&nbsp;(หน้าวิทยาลัยเทคนิคปัตตานี)&nbsp;,&nbsp;จุดตรวจหน้าแขวงการทาง&nbsp;&nbsp;จุดตรวจหน้าศาลหลักเมือง&nbsp;,&nbsp;จุดตรวจแยกสะพานเดชา&nbsp;,&nbsp;ด่านตรวจปราการ&nbsp;15&nbsp;แยกบานา&nbsp;สำหรับในพื้นที่จังหวัดยะลา&nbsp;จำนวน&nbsp;1&nbsp;จุด&nbsp;คือ&nbsp;ด่านคลองทรายใน&nbsp;ตำบลยุโป&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดยะลา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p>โดยมี&nbsp;ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี,ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจตำรวจยะลา&nbsp;91&nbsp;ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจตำรวจปัตตานี&nbsp;92&nbsp;ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี&nbsp;และรองเสนาธิการหน่วยเฉพาะกิจยะลา&nbsp;ร่วมในการตรวจเยี่ยมในครั้งนี้</p><p><strong>รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค&nbsp;4&nbsp;ส่วนหน้า&nbsp;&nbsp;ได้เน้นย้ำการปฏิบัติ</strong>ตามสั่งการของ&nbsp;ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค&nbsp;4&nbsp;ในการรักษาความปลอดภัยเมืองเศรษฐกิจ&nbsp;การควบคุมพื้นที่&nbsp;เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน&nbsp;โดยให้กำลังพลเพิ่มความเข้มในการตรวจยานพาหนะ&nbsp;สำหรับการตรวจบุคคลให้ยึดถือข้อสั่งการอย่างเคร่งครัด&nbsp;อีกทั้งให้กำลังพลเพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่&nbsp;โดยเฉพาะการเฝ้าระวังป้องกันการก่อเหตุลอบวางระเบิด&nbsp;และการก่อเหตุรุนแรงในทุกรูปแบบ</p><p>นอกจากนี้&nbsp;รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค&nbsp;4&nbsp;ส่วนหน้า&nbsp;ได้มอบเครื่องบริโภค&nbsp;เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพล&nbsp;ในการปฏิบัติหน้าที่</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>31/1/2022ภาคใต้ยะลาสทท.ยะลาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131103558376 พาณิชย์ เร่งช่วยเกษตรกรแก้ปัญหาผักกาดขาวราคาตก พร้อมผลักดันใช้กลไกสัญญาข้อตกลงล่วงหน้า “อมก๋อยโมเดล” ป้องกันราคาตกต่ำ<p><strong>นายวัฒนศักย์&nbsp;เสือเอี่ยม&nbsp;อธิบดีกรมการค้าภายใน&nbsp;</strong>เปิดเผยว่า&nbsp;จากที่มีข้อร้องเรียนผักกาดขาวราคาตกจนเกษตรกรต้องตัดทิ้ง&nbsp;กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งดำเนินการตรวจสอบ&nbsp;พบว่า&nbsp;ผักกาดขาวปลีมีแหล่งเพาะปลูกสำคัญในภาคเหนือ&nbsp;ได้แก่&nbsp;เพชรบูรณ์&nbsp;เชียงใหม่&nbsp;พิษณุโลก&nbsp;สถานการณ์ราคาปัจจุบัน&nbsp;ราคาขายส่งอยู่ที่&nbsp;กก.ละ&nbsp;10-15&nbsp;บาท&nbsp;ราคาขายปลีกอยู่ที่&nbsp;กก.ละ&nbsp;20-25&nbsp;ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา&nbsp;อย่างไรก็ดี&nbsp;สภาพอากาศที่หนาวเย็นมากขึ้นในปีนี้เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก&nbsp;ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดกระจุกตัวมากในช่วงนี้ส่งผลให้ราคาจำหน่ายส่งปรับลดจากเดือนที่ผ่านมาเล็กน้อย&nbsp;ประกอบกับการบริโภคในตลาดบางพื้นที่ชะลอตัว&nbsp;เนื่องจากผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่ที่มีประชาชนหนาแน่น&nbsp;(ตลาด&nbsp;ห้างสรรพสินค้า)&nbsp;ด้วยมีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของ&nbsp;COVID-19</p><p><strong>สำหรับปัญหากลุ่มเกษตรกรจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่เป็นข่าว&nbsp;</strong>ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า&nbsp;ชาวม้งบ้านไมโครเวฟ&nbsp;ต.ห้วยโป่ง&nbsp;อ.เมืองแม่ฮ่องสอน&nbsp;ซึ่งปกติจะปลูกผักกาดขาวปลีในช่วงฤดูฝนเมื่อนอกฤดูฝน&nbsp;ซึ่งไม่สามารถพึ่งพาน้ำฝนได้&nbsp;จะลงมาเช่าที่ดินเพื่อเพาะปลูกริมน้ำ&nbsp;เกษตรกรบางส่วนได้ทำสัญญาข้อตกลงล่วงหน้า&nbsp;หรือ&nbsp;contract&nbsp;farming&nbsp;กับผู้รวบรวมในอำเภอแม่สะเรียง&nbsp;ซึ่งเป็นไปตามแนวนโยบายของนายจุรินทร์&nbsp;ลักษณวิศิษฎ์&nbsp;รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;ได้วางแนวทาง&nbsp;”อมก๋อยโมเดล”&nbsp;ในการแก้ไขปัญหาราคาผักที่ยั่งยืนไว้&nbsp;ซึ่งเกษตรกรกลุ่มดังกล่าวได้ราคาจำหน่ายได้ที่ไร่นา&nbsp;กก.ละ&nbsp;3&nbsp;บาท&nbsp;และเกษตรกรจะได้รับค่าขนส่งผักจากสวนไปยังโรงคัดแยกบรรจุที่&nbsp;อ.แม่สะเรียง&nbsp;กก.ละ&nbsp;1&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>กลุ่มเกษตรกรที่เป็นข่าวดังกล่าว</strong>&nbsp;เป็นเกษตรกรที่ไม่มีสัญญาข้อตกลง&nbsp;ซึ่งที่ผ่านมาผู้รับซื้อได้เข้าไปซื้อใน&nbsp;กก.ละ&nbsp;2&nbsp;บาท&nbsp;และให้ค่าขนส่ง&nbsp;กก.ละ&nbsp;1&nbsp;บาทเช่นเดียวกัน&nbsp;แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่การบริโภคชะลอตัวลงและคำสั่งซื้อจากห้างลดลง&nbsp;จึงมีการชะลอการซื้อผลผลิตจากเกษตรกรนอกสัญญา&nbsp;ในเบื้องต้นได้รับรายงานจากพาณิชย์จังหวัดว่า&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ประชุมหารือกับส่วนราชการระดับจังหวัดและผู้ที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางให้ความช่วยเหลือโดยใช้กลไกภายในจังหวัด&nbsp;รณรงค์ให้หน่วยงานราชการ&nbsp;ภาคเอกชน&nbsp;และประชาชน&nbsp;เพิ่มการบริโภคผักกาดขาวปลีภายในจังหวัด&nbsp;โดยประสานผู้รับซื้อภายในพื้นที่เข้าไปรับซื้อผลผลิตส่วนเกินจากเกษตรกร&nbsp;ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน&nbsp;ได้นำผู้ประกอบการในพื้นที่เข้าไปรับซื้อจากเกษตรกรในราคา&nbsp;กก.&nbsp;3&nbsp;บาทก่อน&nbsp;ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรพอใจ&nbsp;และในส่วนนี้กรมการค้าภายในได้พร้อมที่จะสนับสนุนงบประมาณทันที&nbsp;และต่อไปได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดประสานกับเกษตรกรจังหวัดใช้กลไกสัญญาข้อตกลงล่วงหน้า&nbsp;หรือ&nbsp;“อมก๋อยโมเดล”&nbsp;ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์&nbsp;เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีก</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>31/1/2022ภาคเหนือแม่ฮ่องสอนสวท.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131114719400 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสมุทรสงคราม ตรวจสอบราคาสินค้าเนื้อหมู เนื้อไก่ ปลา ผักสด<p><strong>ที่บริเวณตลาดสดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม&nbsp;เจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสมุทรสงคราม&nbsp;&nbsp;&nbsp;</strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าเนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ปลา&nbsp;ผักสด&nbsp;พบว่าสินค้ามีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค&nbsp;ไม่มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าในเทศกาลตรุษจีน&nbsp;ไม่มีการกักตุนสินค้า&nbsp;สำหรับเนื้อสุกร&nbsp;&nbsp;&nbsp;เนื้อแดง&nbsp;กิโลกรัมละ&nbsp;180-200&nbsp;บาท&nbsp;เนื้อสามชั้น&nbsp;ราคา&nbsp;200&nbsp;-&nbsp;250&nbsp;บาท&nbsp;สุกรมีชีวิตกิโลกรัมละ&nbsp;96&nbsp;บาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;เนื้อไก่สดราคา&nbsp;รวมเครื่องใน&nbsp;90-95&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;น่องติดสะโพก&nbsp;65-75&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;เนื้อปลา&nbsp;ปลานิล&nbsp;70&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;ปลาดุก&nbsp;65-70&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;ปลาทับทิม&nbsp;110-120&nbsp;บาท/กิโลกรัม&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตาม&nbsp;พ.ร.บ.&nbsp;ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ&nbsp;พ.ศ.2542&nbsp;</strong>ในการติดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ถูกต้องชัดเจน&nbsp;เพื่อให้ประชาชนสามารถเปรียบเทียบราคาสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>31/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลสมุทรสงครามสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงครามhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131134614430 จังหวัดภูเก็ต เรียกคนขับแท็กซี่มาชี้แจง ด้านขนส่งเตรียมปรับ 1 พันบาท และอบรม 3 ชั่วโมง<p><strong>เมื่อเวลา&nbsp;09.30&nbsp;น.วันที่&nbsp;31&nbsp;มกราคม2565&nbsp;ห้องประชุมชั้น&nbsp;5&nbsp;</strong>ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต&nbsp;นายอานุภาพ&nbsp;รอดขวัญยอดระบำ&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต&nbsp;เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกประจำจังหวัดภูเก็ต&nbsp;ครั้งที่&nbsp;1/2565&nbsp;โดยมีนายจตุรงค์&nbsp;แก้วกสิ&nbsp;ขนส่งจังหวัดภูเก็ต,&nbsp;ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต&nbsp;ตลอดจนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ในการนี้ได้มีเชิญตัวนายเจษฎา&nbsp;คาหะปะนะคนขับแท็กซี่&nbsp;มาให้ข้อมูลกรณีที่มีการพิพาทกับนายเฆวินทร์&nbsp;พล&nbsp;นักท่องเที่ยวลูกหมอคนดัง&nbsp;เหตุเกิดหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่กมลา&nbsp;อ.กะทู้&nbsp;จ.ภูเก็ตด้วย&nbsp;โดยมีหน่วยงานต่างๆ&nbsp;ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ&nbsp;และเอกชน&nbsp;ร่วมรับฟังด้วย&nbsp;</p><p><strong>ขณะที่&nbsp;นายเจษฎา&nbsp;คาหะปะนะ&nbsp;คนขับแท็กซี่&nbsp;กล่าวภายหลังเข้าให้ข้อมูลกับคณะกรรมการฯ&nbsp;ว่า&nbsp;</strong>จากการที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ&nbsp;สภ.กมลา&nbsp;ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา&nbsp;และได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา&nbsp;เพื่อต้องการรักษาภาพลักษณ์ของกลุ่มอาชีพแท็กซี่ทั่วทั้งภูเก็ต&nbsp;และตนก็ไม่ได้รู้เรื่องราวของกฎหมายว่าเป็นอะไรยังไงบ้าง&nbsp;จึงขอปฏิเสธเพื่อไปปรึกษาคนที่รู้เรื่องราวกฎหมายอีกครั้ง&nbsp;และจะเข้าไปหาเจ้าหน้าที่อีกครั้งหนึ่ง&nbsp;</p><p><strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;มีความกังวลนิดหนึ่งว่าภาพลักษณ์ที่ออกไปอาจจะทำให้</strong>เพื่อนร่วมอาชีพดูเสียหายในภาพรวม&nbsp;อันที่จริงกลุ่มคนขับแท็กซี่ไม่ได้เลวร้ายอย่างภาพลักษณ์ในคลิปที่ออกไป&nbsp;แต่อาจจะเป็นเพราะเหตุและผลที่มันเกิดขึ้น&nbsp;ณ&nbsp;ตอนนั้น&nbsp;ลำดับเหตุการณ์&nbsp;1&nbsp;2&nbsp;3&nbsp;4&nbsp;มันออกมาเป็นยังไง&nbsp;คลิปที่ออกไปมันเริ่มจาก&nbsp;1&nbsp;รึเปล่า&nbsp;หรือเริ่มจาก&nbsp;5&nbsp;ไปจบที่&nbsp;10&nbsp;คนที่รับชมคลิปต้องใช้วิจารณญาณ&nbsp;ว่ามันใช่หรือเปล่า&nbsp;แล้วคนที่เคยมาเที่ยวภูเก็ตแล้วบอกว่าแพง&nbsp;คุณเคยเข้าใจไหมว่า&nbsp;ค่าครองชีพหรือลักษณะต้นทุนของคนที่ให้บริการมันเป็นยังไงบ้าง&nbsp;จ่ายภาษี&nbsp;ค่าน้ำมัน&nbsp;และระบบคิวขับไปส่งอย่างเดียว&nbsp;ไปรับที่อื่นกลับไม่ได้&nbsp;อะไรประมาณนี้&nbsp;อยากให้เข้าใจตรงนี้ด้วย&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น&nbsp;นายจตุรงค์&nbsp;แก้วกสิ&nbsp;ขนส่งจังหวัดภูเก็ต&nbsp;ได้กล่าว&nbsp;</strong>ต่อสื่อมวลชนว่า&nbsp;จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต&nbsp;จังหวัดภูเก็ตจึงได้เร่งแก้ปัญหากรณีข้อพิพาท&nbsp;ระหว่างนักท่องเที่ยวกับผู้ขับขี่รถแท็กซี่&nbsp;ในพื้นที่ตำบลกมลา&nbsp;คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกประจำจังหวัดภูเก็ต&nbsp;มาประชุมร่วมกันทั้งในส่วนของตำรวจ&nbsp;อัยการจังหวัดและภาคเอกชนเพื่อกำหนดมาตรการในการแก้ปัญหา&nbsp;เพื่อไม่ให้เกิดกรณีพิพาทหรือปัญหาดังกล่าวอีก&nbsp;ในส่วนของอัตราค่าโดยสารของจังหวัดภูเก็ตได้มีการจัดทำอัตราค่าโดยสารราคาแนะนำไว้เพื่อให้&nbsp;ผู้โดยสารโดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดภูเก็ต&nbsp;ได้ดาวน์โหลดเพื่อใช้เป็นราคาอ้างอิง&nbsp;ในการต่อรองราคา&nbsp;ในการใช้บริการ&nbsp;รถโดยสารสาธารณะ&nbsp;และเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการเอาเปรียบผู้โดยสาร&nbsp;</p><p><strong>สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นจะเกิดจากการสื่อสาร&nbsp;ที่ไม่รัดกุมรอบคอบ</strong>และไม่มีการแนะนำราคาค่าโดยสารที่กำหนดโดยทางจังหวัด&nbsp;แก่นักท่องเที่ยว&nbsp;และพบว่าผู้ให้บริการแท็กซี่&nbsp;มีการบอกราคาในลักษณะ&nbsp;เผื่อให้นักท่องเที่ยวต่อรอง&nbsp;ทำให้เกิดเหตุการณ์&nbsp;ที่นักท่องเที่ยวรู้สึกว่าราคาที่รับทราบจาก&nbsp;App&nbsp;และราคาที่ผู้ให้บริการแท็กซี่แจ้งมีความแตกต่างกัน&nbsp;จึงทำให้เกิดความรู้สึกถูกเอารัดเอาเปรียบโดยไม่เป็นธรรม&nbsp;จากประเด็นดังกล่าวผลการประชุมในวันนี้มีมติ&nbsp;จะเร่งประชาสัมพันธ์&nbsp;อัตราค่าโดยสารแนะนำที่กำหนด</p><p><strong>โดยจังหวัดภูเก็ต&nbsp;ให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบทุกช่องทาง</strong>&nbsp;ทั้งที่สนามบินภูเก็ต&nbsp;ที่ด่านท่าฉัตรไชย&nbsp;และพื้นที่โรงแรมต่างๆ&nbsp;โดยจะจัดทำเป็นสติกเกอร์&nbsp;และแผ่นพับประชาสัมพันธ์&nbsp;เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถดาวน์โหลดราคาแนะนำต่างๆได้ด้วยตนเอง&nbsp;พร้อมทั้งจะให้ผู้ให้บริการรถ&nbsp;ได้ใช้ราคาดังกล่าวเป็นราคากลางในการให้บริการแก่นักท่องเที่ยว&nbsp;เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการเก็บค่าโดยสารและ&nbsp;ป้องกันการเอาเปรียบผู้โดยสารต่อไป&nbsp;ในประเด็นที่&nbsp;2&nbsp;จังหวัดภูเก็ตจะมีการยกระดับมาตรฐานการให้บริการ&nbsp;รถโดยสารสาธารณะ&nbsp;โดยเมื่อจังหวัดภูเก็ตมีการเปิดจังหวัดรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่&nbsp;1&nbsp;พฤศจิกายน&nbsp;2564&nbsp;ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาสู่จังหวัดภูเก็ตเป็นจำนวนมาก&nbsp;</p><p><strong>โดยสำนักงานขนส่งจังหวัดจะเป็นเจ้าภาพให้ผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ</strong>และผรถรับจ้างมาประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางในการให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยว&nbsp;ยกระดับการเป็นเจ้าบ้านที่ดี&nbsp;ประเด็นที่&nbsp;3&nbsp;มาตรการในการลงโทษผู้กระทำผิด&nbsp;ในเรื่องของการใช้กิริยาท่าทางวาจาที่ไม่สุภาพต่อผู้รับบริการ&nbsp;ลักษณะการข่มขู่คุกคาม&nbsp;โดยจะแบ่งเป็น&nbsp;2&nbsp;ส่วน&nbsp;ในส่วนที่&nbsp;1&nbsp;คือหน้าที่ของผู้ขับรถ&nbsp;ที่กระทำผิดทางสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ตจะเรียกไปสอบสวน&nbsp;และลงโทษเปรียบเทียบปรับ&nbsp;1,000&nbsp;บาทและให้เข้าอบรม&nbsp;3&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;ในส่วนของการข่มขู่คุกคาม&nbsp;</p><p><strong>ในส่วนของผู้โพสต์&nbsp;ได้มีการแจ้งความ&nbsp;ที่สถานีตำรวจภูธรกมลา</strong>&nbsp;ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป&nbsp;ตามความผิดทางอาญา&nbsp;เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย&nbsp;ประเด็นที่&nbsp;4&nbsp;คือปัญหาเรื่องเสรีภาพ&nbsp;ของรถรับจ้างที่จะเข้ามารับผู้โดยสารในแต่ละพื้นที่&nbsp;ซึ่งอาจจะมีปัญหาของการปิดกั้น&nbsp;ตามกระแสข่าวที่เผยแพร่ออกไป&nbsp;ทางจังหวัดภูเก็ตได้ให้ความสำคัญซึ่งจะมีการตั้งคณะทำงานมาแก้ไขปัญหาดังกล่าว&nbsp;ร่วมกับตำรวจและฝ่ายปกครอง&nbsp;ในการจัดพื้นที่จอดรถ&nbsp;รับจ้างสาธารณะ&nbsp;ในแต่ละประเภท&nbsp;ตั้งรถยนต์บริการและรถแท็กซี่มิเตอร์และรถอื่นๆ&nbsp;เพื่อให้เป็นทางเลือก&nbsp;ในการเดินทางให้กับ&nbsp;นักท่องเที่ยวที่จะสามารถเลือกใช้บริการได้อย่างเสรี&nbsp;รวมถึงการเลือกใช้&nbsp;รถโดยสารสาธารณะผ่าน&nbsp;Application&nbsp;ซึ่งในอนาคตจะมีการใช้เรียกใช้รถผ่านApplicationเพิ่มมากขึ้น&nbsp;</p><p><strong>ซึ่งจังหวัดภูเก็ตจะต้องเตรียมแผนรองรับในเรื่องนี้และจะต้องแก้ปัญหา</strong>&nbsp;เมื่อนักท่องเที่ยวเรียกใช้รถแล้ว&nbsp;รถไม่สามารถเข้าไปรับผู้ใช้บริการได้&nbsp;ดังนั้นขอให้สังคมมีความเชื่อถือเชื่อมั่นจังหวัดภูเก็ตมีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม&nbsp;เพื่อให้จังหวัดภูเก็ตยังคงต้อนรับนักท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืนต่อไป</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>31/1/2022ภาคใต้ภูเก็ตสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ตhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131145343476 ต้นส้มมงคลขายดีรับตรุษจีน ชาวขอนแก่นเลือกซื้อมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่จีนกันทั้งต้น ขณะที่ ราคาจำหน่ายปรับขึ้นเล็กน้อย<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>การเลือกซื้อสินค้าและสิ่งของเนื่องในเทศกาลตรุษจีน</strong>&nbsp;ซึ่งพบว่าชาวขอนแก่นเชื้อสายจีนส่วนใหญ่นอกจากจะจัดเตรียมอั่งเปา&nbsp;และชุดส้มมงคล&nbsp;ไว้สำหรับการมอบเป็นของขวัญรับปีใหม่จีนเทศกาลตรุษจีน&nbsp;ที่กำลังจะมาถึงแล้ว&nbsp;ส่วนหนึ่งพากันเลือกซื้อต้นส้มมงคลเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่&nbsp;เสริมความเป็นสิริมงคลให้กับตนเองและครอบครัวอีกด้วย&nbsp;โดยเฉพาะที่ร้านคุ้มไม้งาม&nbsp;ซึ่งตั้งอยู่ริมบึงหนองโคตร&nbsp;ตำบลบ้านเป็ด&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดขอนแก่น&nbsp;ซึ่งพบว่าในช่วงก่อนถึงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;มีประชาชนมาทำการเลือกซื้อต้นส้มมงคล&nbsp;รวมไปถึงพันธุ์ไม้นานาชนิดกันอย่างต่อเนื่อง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายวีรพงษ์&nbsp;สุวรรณภา&nbsp;เจ้าของร้านคุ้มไม้งาม</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าไม้มงคลที่เป็นที่นิยมและขายดีอย่างมากคือต้นเป็นส้มจี๊ด&nbsp;เนื่องจากคนจีนเชื่อว่าหากปลูกไว้ในบ้านจะเป็นสิริมงคล&nbsp;และส้ม&nbsp;คือ&nbsp;ตัวแทนแห่งความอุดมสมบูรณ์พูนสุข</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;"...ช่วงนี้เป็นช่วงตรุษจีนของคนไทยเชื้อสายจีนช่วงนี้จะเป็นช่วงของไม้ยอดนิยม&nbsp;คือ&nbsp;ไม้มงคล&nbsp;ไม้ชื่อมงคลต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;แต่ที่นิยมสุดช่วงนี้จะเป็นส้มจี๊ดเป็นที่นิยมให้เป็นของขวัญในวันตรุษจีนหรือซื้อไปให้ผู้หลักผู้ใหญ่เพื่อเอาไปประดับหน้าบ้านเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล&nbsp;หรือจะเป็นไม้ใบชนิดต่างๆที่มีชื่อเกี่ยวกับ&nbsp;เงิน&nbsp;ๆ&nbsp;ทอง&nbsp;ๆ&nbsp;ส่วนมากจะขายดีในช่วงนี้เพราะคนสามารถใช้แทนเงินทองไปเป็นของฝากได้..."</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>พร้อมกล่าวต่ออีกว่า</strong>&nbsp;ส้มจี๊ดเป็นไม้ยอดนิยม&nbsp;เนื่องจากสีสันมีสีเหลืองทอง&nbsp;เวลาออกกลิ่นจะหอมฟุ้งไปทั่ว&nbsp;และคนจีนเชื่อว่าหากปลูกไว้ในบ้านจะเป็นสิริมงคล&nbsp;ส้ม&nbsp;คือ&nbsp;ตัวแทนแห่งความอุดมสมบูรณ์พูนสุข&nbsp;แม้จะไม่ใช่ช่วงเทศกาลตรุษจีนก็ยังนิยมมาจัดวางไว้ที่โต๊ะอาหาร&nbsp;เพราะเชื่อว่าจะทำให้มั่งมีเงินทอง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>อย่างไรก็ตาม&nbsp;แม้ในระยะนี้ราคาส้มจะขยับสูงขึ้นกว่าช่วงปกติทั่วไป</strong>&nbsp;แต่ก็ไม่สูงมาก&nbsp;โดยราคาจำหน่ายของทางร้านนั้นเริ่มต้นที่กระถางละ&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;ไปถึงต้นละ&nbsp;2,500&nbsp;บาท&nbsp;ซึ่งเทศกาลตรุษจีนปีนี้ทางร้านเตรียมต้นส้มจี๊ดไว้ให้บริการลูกค้าประมาณ&nbsp;200&nbsp;ต้น&nbsp;ซึ่งก็มีลูกค้ามาสอบถามและเลือกซื้อกันทุกวัน</p><p>&nbsp;</p>31/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือขอนแก่นสวท.ขอนแก่นhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131141552439 มุกดาหาร เชิญชวนเที่ยวชมงาน "หนาวนี้ที่ร่มเกล้า" 12-13 ก.พ. นี้<p><strong>นายชายสิทธิ์&nbsp;สุวรรณโชติ&nbsp;นายอำเภอนิคมคำสร้อย&nbsp;จังหวัดมุกดาหาร</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ในพื้นที่มีทุ่งกังหันลม&nbsp;ซึ่งเป็นกังหันลมที่มีความสูงที่สุดในเอเชียแปซิฟิก&nbsp;นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่น่าสนใจ&nbsp;และมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชมอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;นายเฉลิมพล&nbsp;มั่งคั่ง&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารจึงมีนโยบายในการพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่ของอำเภอให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น&nbsp;โดยสนับสนุนให้อำเภอนิคมคำสร้อย&nbsp;จัดงานเทศกาล&nbsp;"หนาวนี้ที่ร่มเกล้า"&nbsp;เพื่อประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวในพื้นที่อำเภอนิคมคำสร้อย&nbsp;และจังหวัดมุกดาหารเพิ่มมากขึ้น&nbsp;ทำให้ประชาชนมีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นด้วย</p><p><strong>งาน&nbsp;#หนาวนี้ที่ร่มเกล้า&nbsp;กำหนดจัดขึ้นวันที่&nbsp;12-13&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;ทุ่งกังหันลม&nbsp;ตำบลร่มเกล้า&nbsp;อำเภอนิคมคำสร้อย&nbsp;จังหวัดมุกดาหาร</strong>&nbsp;มีกิจกรรมประกอบด้วย&nbsp;การจัดเดิน-วิ่ง&nbsp;ชมภูดูกังหันลม&nbsp;การละเล่น&nbsp;การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านและดนตรีคอนเสิร์ตนักร้องชื่อดัง&nbsp;ตลอดจนการออกร้านจำหน่ายสินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;และของดีอำเภอนิคมคำสร้อยมากมายภายในงาน</p><p><br></p><p>#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>31/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมุกดาหารสวท.มุกดาหารhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131151225488 อำเภอศรีเชียงใหม่ เปิดจำหน่ายหมูเนื้อแดงราคาถูก ในโครงการ "ตลาดนัดช่วยประชาชน บรรเทาปัญหาค่าครองชีพ" กิโลกรัมละ 150 บาท<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ที่ลานวัฒนธรรมเบิ่งเวียงริมแม่น้ำโขง&nbsp;หมู่ที่&nbsp;2&nbsp;ตำบลพานพร้าว&nbsp;อำเภอศรีเชียงใหม่&nbsp;จังหวัดหนองคาย</strong>&nbsp;นายทศพล&nbsp;สินยบุตร&nbsp;นายอำเภอศรีเชียงใหม่&nbsp;พร้อมด้วยนายจรัล&nbsp;กลางประดิษฐ&nbsp;ปลัดอาวุโสฯ&nbsp;,&nbsp;นายจักรวรรดิ&nbsp;วิทาโน&nbsp;พัฒนาการอำเภอศรีเชียงใหม่&nbsp;,&nbsp;เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอศรีเชียงใหม่&nbsp;,&nbsp;กลุ่มอาชีพ&nbsp;,&nbsp;กลุ่มวิสาหกิจชุมชน&nbsp;และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่&nbsp;เปิด&nbsp;"ตลาดนัดช่วยประชาชน&nbsp;บรรเทาปัญหาค่าครองชีพ"&nbsp;จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ให้กับประชาชน&nbsp;เพื่อลดค่าครองชีพในช่วงสินค้าราคาแพง&nbsp;โดยเฉพาะเปิดขายหมูเนื้อแดงแช่แข็ง&nbsp;ที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดหนองคาย&nbsp;จำนวน&nbsp;150&nbsp;กิโลกรัม&nbsp;ขายในราคากิโลกรัมละ&nbsp;150&nbsp;บาท&nbsp;และยังมีไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม&nbsp;แผงละ&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;50&nbsp;แผง,&nbsp;ไข่ไก่แบบขัดเบอร์จัมโบ้&nbsp;แผงละ&nbsp;80&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;50&nbsp;แผง,&nbsp;ไก่สด&nbsp;ตัวละ&nbsp;90&nbsp;บาท&nbsp;จำนวน&nbsp;20&nbsp;ตัว</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นอกจากนี้&nbsp;ยังมีผักสด&nbsp;ผลไม้&nbsp;ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร&nbsp;สินค้า&nbsp;OTOP&nbsp;และของใช้อื่น&nbsp;ๆ&nbsp;อีกจำนวนมาก&nbsp;</strong>มาจำหน่ายราคาถูกให้ประชาชน&nbsp;ซึ่งภายในตลาดมีประชาชนแห่กันมาจับจ่ายใช้สอยเป็นจำนวนมาก&nbsp;ทำให้ของบางอย่างหมดอย่างรวดเร็วไม่ถึง&nbsp;1&nbsp;ชั่วโมง&nbsp;โดยเฉพาะหมูเนื้อแดง&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และไก่สด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>สำหรับการเปิดตลาดจำหน่ายสินค้าราคาถูกในครั้งนี้เป็นครั้งที่&nbsp;2</strong>&nbsp;และเป็นวันสุดท้ายของโครงการ&nbsp;"ตลาดนัดช่วยเหลือประชาชน&nbsp;บรรเทาปัญหาค่าครองชีพ"&nbsp;ที่กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับทางจังหวัดหนองคาย&nbsp;ตั้งจุดจำหน่ายหมูราคาถูกให้กับประชาชนทั้ง&nbsp;9&nbsp;อำเภอในจังหวัด&nbsp;รวม&nbsp;9&nbsp;จุดจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภคราคาถูก&nbsp;เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน&nbsp;โดยประชาชนที่มาจับจ่ายสินค้ารายหนึ่งบอกว่า&nbsp;อยากให้ทางจังหวัดเปิดตลาดแบบนี้บ่อยขึ้น&nbsp;อย่างน้อยเดือนละ&nbsp;2&nbsp;ครั้ง&nbsp;โดยการมาจำหน่ายสินค้าราคาถูกช่วยลดค่าครองชีพได้มาก</p>31/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหนองคายสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคายhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131153623500 รองผู้ว่าฯ นครพนม นำทีมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าในตลาดสด และตรวจเยี่ยม “โครงการหมูพาณิชย์... ลดราคา ! ช่วยประชาชน” ในเขตพื้นที่อำเภอบ้านแพง<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายชาญชัย&nbsp;คงทัน&nbsp;รองผู้ว่าฯ&nbsp;นครพนม&nbsp;นำทีมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าในตลาดสด&nbsp;และตรวจเยี่ยม&nbsp;“โครงการหมูพาณิชย์...&nbsp;ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;ในเขตพื้นที่อำเภอบ้านแพง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(31&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;นายชาญชัย&nbsp;คงทัน&nbsp;รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม</strong>&nbsp;พร้อมด้วยพาณิชย์จังหวัด&nbsp;ปศุสัตว์จังหวัด&nbsp;ด่านกักกันสัตว์&nbsp;ตำรวจภูธรจังหวัด&nbsp;ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าในตลาดสด&nbsp;และตรวจเยี่ยม&nbsp;“โครงการหมูพาณิชย์...&nbsp;ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;ในเขตพื้นที่อำเภอบ้านแพง&nbsp;จังหวัดนครพนม&nbsp;ตามที่&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้สั่งการให้มีการติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด&nbsp;เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน&nbsp;โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน&nbsp;สรุปผลของการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ฯ&nbsp;ได้ดังนี้</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.การจำหน่ายหมูเนื้อแดงตาม&nbsp;“โครงการหมูพาณิชย์...&nbsp;ลดราคา&nbsp;!&nbsp;ช่วยประชาชน”&nbsp;ณ&nbsp;ร้านครูรักหมูสด&nbsp;จำหน่ายหมูเนื้อแดง&nbsp;ราคา&nbsp;150&nbsp;บาท/กก.&nbsp;วันละ&nbsp;50&nbsp;กก.&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;16-31&nbsp;ม.ค.&nbsp;65</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.ราคาจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคและพืชผัก&nbsp;ณ&nbsp;ตลาดสดนาพระชัย&nbsp;ตำบลหนองแวง&nbsp;อำเภอบ้านแพง&nbsp;จังหวัดนครพนม&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;เบอร์&nbsp;2&nbsp;ราคา&nbsp;110&nbsp;บาท/แผง&nbsp;,&nbsp;น้ำมันปาล์มโอลีน&nbsp;60&nbsp;บาท/ขวด&nbsp;,&nbsp;มะละกอ&nbsp;20&nbsp;บาท/กก.&nbsp;,&nbsp;กะหล่ำปลี/ผักกาดขาว/แตงกวา/มะเขือเทศ&nbsp;20&nbsp;บาท/กก.&nbsp;,&nbsp;ผักบุ้ง&nbsp;15&nbsp;บาท/กก.&nbsp;,&nbsp;คะน้า&nbsp;30-40&nbsp;บาท/กก.&nbsp;,&nbsp;พริกจินดา&nbsp;40&nbsp;บาท/กก.&nbsp;,&nbsp;ปลานิล&nbsp;75&nbsp;บาท/กก.&nbsp;,&nbsp;ปลาดุก&nbsp;80&nbsp;บาท/กก.&nbsp;,&nbsp;เนื้อวัวสด&nbsp;300&nbsp;บาท/กก.&nbsp;,&nbsp;ไก่ทั้งตัวรวมเครื่องใน&nbsp;80&nbsp;บาท/กก.&nbsp;,&nbsp;น่องติดสะโพก&nbsp;80&nbsp;บาท/กก.&nbsp;,&nbsp;อกไก่&nbsp;80&nbsp;บาท/กก.</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;ทางพาณิชย์จังหวัดจะจับตาดูแลราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด</strong>&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;เจ้าหน้าที่ได้แนะนำและกำชับให้ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายให้ชัดเจน&nbsp;ไม่ฉกฉวยโอกาสขึ้นราคา&nbsp;หรือจำหน่ายสินค้าสูงเกินสมควร</p><p><br></p>31/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครพนมสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนมhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131155237514 ผู้ว่าฯปัตตานี สั่งติดตามกลุ่มผู้ใช้แรงงานของโรงงานอุตสาหกรรมอาหารทะเล หลังพบเป็นคลัสเตอร์ใหม่<p><strong>วันนี้&nbsp;&nbsp;(31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;นายนิพันธ์&nbsp;บุญหลวง&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี</strong>&nbsp;เป็นประธานประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดปัตตานี&nbsp;ครั้งที่&nbsp;5/2565&nbsp;ที่ห้องประชุมพญาตานี&nbsp;ชั้น&nbsp;4&nbsp;ศาลากลางจังหวัดปัตตานี&nbsp;เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา&nbsp;2019&nbsp;(โควิด-19)&nbsp;ของจังหวัดปัตตานี&nbsp;</p><p><strong>โดยได้กำชับให้หน่วยงานที่รับผิดชอบและนายอำเภอ&nbsp;ทั้ง&nbsp;12&nbsp;อำเภอ</strong>&nbsp;ในจังหวัดปัตตานี&nbsp;ได้ติดตามกลุ่มผู้ใช้แรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมอาหารทะเลในจังหวัดปัตตานี&nbsp;หลังพบว่า&nbsp;1&nbsp;ใน&nbsp;10&nbsp;กว่าโรงงาน&nbsp;มีพนักงานติดโควิด&nbsp;-&nbsp;19&nbsp;เพื่อให้การควบคุมและป้องกันโรคโควิด&nbsp;–&nbsp;19&nbsp;และสายพันธุ์โอมิครอน&nbsp;ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;โดยให้คณะอนุกรรมการฯ&nbsp;ทั้ง&nbsp;7&nbsp;ด้าน&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;คณะอนุกรรมการด้านการป้องกันการติดเชื้อ&nbsp;,&nbsp;ด้านการควบคุมการแพร่ระบาด&nbsp;,&nbsp;ด้านการรักษาผุ้ติดเชื้อ&nbsp;,&nbsp;ด้านการเยียวยา&nbsp;,&nbsp;ด้านการเตรีความพร้อมสำหรับมาตรการผ่อนคลาย&nbsp;,&nbsp;ด้านข้อมูลประชาสัมพันธ์&nbsp;และรับเรื่องร้องเรียน&nbsp;และด้านกำกับติดตามการบังคับใช้กฎหมาย&nbsp;ได้รายงานผลการปฏิบัติงานฯ&nbsp;ตามลำดับ&nbsp;พร้อมให้มีการตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงเชิงรุก&nbsp;ด้วยระบบ&nbsp;ATK&nbsp;ค้นหาผู้ติดเชื้อ&nbsp;โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับจากต่างจังหวัด</p><p><strong>โดยที่ประชุมครั้งนี้&nbsp;ได้ประเมินความพร้อมองค์กร&nbsp;ตามมาตรการ&nbsp;COVID&nbsp;</strong>Free&nbsp;Setting&nbsp;ตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่กำหนด&nbsp;ส่วนใหญ่จะผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้&nbsp;ในส่วนของการฉีดวัคซีนในภาพรวมของจังหวัดปัตตานี&nbsp;อยู่ที่ร้อยละ&nbsp;59.7&nbsp;สำหรับสถานการณ์&nbsp;COVID&nbsp;-&nbsp;19&nbsp;จังหวัดปัตตานี&nbsp;ประจำวันที่&nbsp;30&nbsp;มกราคม&nbsp;2565&nbsp;(ระลอกเดือนมกราคม&nbsp;2565)&nbsp;ผู้ป่วยยืนยันรายใหม่เพิ่ม&nbsp;(RT-&nbsp;PCR)&nbsp;12&nbsp;ราย&nbsp;และผู้ติดเชื้อเข้าข่าย&nbsp;(ATK)&nbsp;3&nbsp;ราย&nbsp;ผู้ป่วยยืนยันสะสมแล้ว&nbsp;497&nbsp;ราย&nbsp;หายป่วยแล้ว&nbsp;349&nbsp;ราย&nbsp;เสียชีวิต&nbsp;9&nbsp;ราย&nbsp;(เพิ่มวันนี้&nbsp;0&nbsp;ราย)</p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p><br></p><p>ภาพ/ข่าว/บดินทร์&nbsp;ส.ปชส.ปน.</p><p><strong>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</strong></p>31/1/2022ภาคใต้ปัตตานีสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปัตตานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131165408572 ผู้ว่าฯ ลำพูน ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยการจำหน่ายสินค้าและบริการ เพื่อไม่ให้เกิดการกักตุนสินค้า และฉวยโอกาสขึ้นราคาในช่วงเทศกาลตรุษจีน<p><strong>นายวรยุทธ&nbsp;เนาวรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน</strong>&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;นายบุญส่ง&nbsp;ไชยมณี&nbsp;หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำพูน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำพูน&nbsp;คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดลำพูน&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยการจำหน่ายสินค้าและบริการ&nbsp;ณ&nbsp;ห้างสรรพสินค้า&nbsp;บิ๊กชี&nbsp;สาขาลำพูน&nbsp;ห้างแม็คโค&nbsp;สาขาลำพูน&nbsp;และตลาดจตุจักร&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;เพื่อไม่ให้เกิดการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า&nbsp;และบริการเกินราคาที่กำหนด&nbsp;โดยการจัดจำหน่ายสินค้า&nbsp;ต้องมีการปิดประกาศป้ายแสดงสินค้าแสดงให้ชัดเจน&nbsp;พร้อมการตรวจสอบการเก็บสต๊อกเนื้อหมู&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;รวมถึงสินค้า&nbsp;ประเภทต่างๆ&nbsp;เพื่อให้ไม่เกิดการกักตุนสินค้า&nbsp;และการจำหน่ายเกินราคาที่กำหนด&nbsp;ในพื้นที่จังหวัดลำพูน&nbsp;ในช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>จากการลงพื้นที่</strong>&nbsp;ตรวจสอบเบื้องต้น&nbsp;พบว่าสินค้าที่ได้ตรวจสอบนั้น&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และสินค้าประเภทต่างๆ&nbsp;ได้มีการปิดป้ายแสดงสินค้าชัดเจน&nbsp;และราคาอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน&nbsp;ไม่มีการขึ้นราคาแต่อย่างใด&nbsp;ส่วนร้านค้าที่ไม่มีการดำเนินการปิดป้าย&nbsp;ได้มีการแจ้งให้ดำเนินการทันที&nbsp;&nbsp;โดยทางคณะกรรมการฯได้ให้คำแนะนำ&nbsp;และขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้าให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง&nbsp;ไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าในช่วง&nbsp;เทศกาลตรุษจีนนี้&nbsp;และเพื่อป้องกันการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนอีกด้วย</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>31/1/2022ภาคเหนือลำพูนสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131174500594 อุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน จัดฝึกอบรมกิจกรรมส่งเสริมนวัตกรรมและการออกแบบผลิตภัณฑ์หัตถสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาและยกระดับการผลิต ผลิตภัณฑ์ผ้า รวมถึงการเพิ่มศักยภาพในการผลิต เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;ที่เดอะแกรนด์&nbsp;จามจุรี&nbsp;รีสอร์ท&nbsp;จังหวัดลำพูน</strong>&nbsp;นางจันทนา&nbsp;ไวยาวัจมัย&nbsp;อุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน&nbsp;เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมกิจกรรมส่งเสริมนวัตกรรมและการออกแบบผลิตภัณฑ์หัตถสร้างสรรค์&nbsp;ภายใต้โครงการพัฒนาหัตถอุตสาหกรรมหริภุญไชยสู่นวัตกรรมสร้างสรรค์งบพัฒนาจังหวัดลำพูน&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;โดยมีนางบำเพ็ญ&nbsp;เมืองมูล&nbsp;พัฒนาการจังหวัดลำพูน&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;เจ้าหน้าที่&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;เข้าร่วมในพิธี</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นางสาวจินตนันท์&nbsp;ข้นไชย&nbsp;นักวิชาการอุตสาหกรรมชำนาญการ</strong>&nbsp;เผยว่า&nbsp;การอบรมในวันนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับและพัฒนาหัตถกรรมในจังหวัดลำพูน&nbsp;ด้วยนวัตกรรมสร้างสรรค์&nbsp;ซึ่งผู้ประกอบการจะได้รับการพัฒนาและยกระดับการผลิต&nbsp;ผลิตภัณฑ์ผ้า&nbsp;เพิ่มศักยภาพในการผลิตสร้างมูลค่าเพิ่มสามารถต่อยอดให้เกิดการขยายช่องทางการตลาดให้กับการผลิตผลิตภัณฑ์ผ้าในจังหวัดลำพูน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>อีกทั้ง&nbsp;ยังเป็นการอนุรักษ์สืบสานสินค้าภูมิปัญญาและต่อยอดการผลิตสินค้า</strong>&nbsp;ในเชิงสร้างสรรค์ตอบสนองความต้องการของตลาดและผู้บริโภค&nbsp;เกิดการสร้างรายได้พัฒนาเศรษฐกิจชุมชน&nbsp;และสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนต่อไป&nbsp;การจัดอบรมในวันนี้มีผู้เข้าร่วมอบรม&nbsp;จำนวน&nbsp;26&nbsp;กิจการ&nbsp;30&nbsp;คน&nbsp;โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้า&nbsp;โดยอาจารย์ศักดิ์จิระ&nbsp;เวียงเก่า&nbsp;เจ้าของแบรนด์&nbsp;Baisri&nbsp;และอาจารย์วายุ&nbsp;ขันทะนา&nbsp;ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์จากผ้า&nbsp;จะมาให้ความรู้และพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถแก่ผู้ประกอบการผ้า&nbsp;ที่จะเข้าร่วมอบรมตลอดทั้งโครงการในครั้งนี้&nbsp;อีกทั้งในวันนี้&nbsp;เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน&nbsp;(มผช.)&nbsp;ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย&nbsp;ทางคณะผู้จัดงานจึงขอให้ท่านอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน&nbsp;ให้เกียรติมอบใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน&nbsp;(มผช.&nbsp;ให้กับผู้ประกอบการ&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;ราย)</p><p><strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน&nbsp;อุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;เป็นที่ทราบกันดีว่าผลิตภัณฑ์จากผ้า&nbsp;ทั้งเสื้อผ้า&nbsp;ของใช้&nbsp;ของที่ระลึกจากผ้าในจังหวัดลำพูน&nbsp;มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย&nbsp;ด้วยเพราะฝีมือที่ประณีตของช่าง&nbsp;ผสมผสานกับเอกลักษณ์ของความเป็นล้านนา&nbsp;ในปัจจุบันความนิยมของกลุ่มลูกค้า&nbsp;ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย&nbsp;รูปแบบความนิยมจึงเปลี่ยนตามแฟชั่น&nbsp;มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>จังหวัดลำพูน&nbsp;โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน</strong>&nbsp;จึงได้จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น&nbsp;เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการผ้าในจังหวัดลำพูน&nbsp;ได้รับการพัฒนาและยกระดับการผลิต&nbsp;ผลิตภัณฑ์จากผ้า&nbsp;สามารถเพิ่มศักยภาพในการผลิตสร้างมูลค่าเพิ่ม&nbsp;และสามารถต่อขยายช่องทางการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ผ้าในจังหวัดลำพูน&nbsp;โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้&nbsp;จะได้รับการพัฒนาด้านการออกแบบอย่างสร้างสรรค์&nbsp;ได้รับคำปรึกษาแนะนำเชิงลึก&nbsp;จนกระทั่งสามารถเกิดผลิตภัณฑ์ใหม่</p><p><strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การอบรมในครั้งนี้&nbsp;ต้องขอขอบคุณวิทยากร&nbsp;</strong>อาจารย์ศักดิ์จิระ&nbsp;เวียงเก่า&nbsp;และอาจารย์วายุ&nbsp;ขันทะนา&nbsp;ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผ้า&nbsp;ที่มาให้ความรู้และบ่มเพาะให้ผู้เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้&nbsp;หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการในการต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น</p><p><strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในโอกาสนี้&nbsp;ขอแสดงความยินกับผู้ประกอบการที่ได้รับใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน&nbsp;(มผช.)</strong>&nbsp;ทุกท่าน&nbsp;โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน&nbsp;มีความยินดีและหวังว่าผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองจะใช้โอกาสตรงนี้&nbsp;เพื่อเป็นเครื่องหมายการันตรีถึงคุณภาพ&nbsp;และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ของท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป</p>31/1/2022ภาคเหนือลำพูนสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131174711595 สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน จัดฝึกอบรม ยกระดับ และเพิ่มศักยภาพการผลิตภัณฑ์ผ้า สร้างมูลค่าเพิ่ม ต่อยอด ให้เกิดการขยายช่องทางการตลาด<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;ที่เดอะแกรนด์&nbsp;จามจุรี&nbsp;รีสอร์ท&nbsp;จังหวัดลำพูน</strong>&nbsp;นางจันทนา&nbsp;ไวยาวัจมัย&nbsp;อุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน&nbsp;เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมกิจกรรมส่งเสริมนวัตกรรมและการออกแบบผลิตภัณฑ์หัตถสร้างสรรค์&nbsp;ภายใต้โครงการพัฒนาหัตถอุตสาหกรรมหริภุญไชยสู่นวัตกรรมสร้างสรรค์งบพัฒนาจังหวัดลำพูน&nbsp;ประจำปีงบประมาณ&nbsp;พ.ศ.2565&nbsp;โดยมีนางบำเพ็ญ&nbsp;เมืองมูล&nbsp;พัฒนาการจังหวัดลำพูน&nbsp;หัวหน้าส่วนราชการ&nbsp;เจ้าหน้าที่&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;เข้าร่วมในพิธี</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นางสาวจินตนันท์&nbsp;ข้นไชย&nbsp;นักวิชาการอุตสาหกรรมชำนาญการ</strong>&nbsp;เผยว่า&nbsp;การอบรมในวันนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับและพัฒนาหัตถกรรมในจังหวัดลำพูน&nbsp;ด้วยนวัตกรรมสร้างสรรค์&nbsp;ซึ่งผู้ประกอบการจะได้รับการพัฒนาและยกระดับการผลิต&nbsp;ผลิตภัณฑ์ผ้า&nbsp;เพิ่มศักยภาพในการผลิตสร้างมูลค่าเพิ่มสามารถต่อยอดให้เกิดการขยายช่องทางการตลาดให้กับการผลิตผลิตภัณฑ์ผ้าในจังหวัดลำพูน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>อีกทั้ง&nbsp;ยังเป็นการอนุรักษ์สืบสานสินค้าภูมิปัญญาและต่อยอดการผลิตสินค้า</strong>&nbsp;ในเชิงสร้างสรรค์ตอบสนองความต้องการของตลาดและผู้บริโภค&nbsp;เกิดการสร้างรายได้พัฒนาเศรษฐกิจชุมชน&nbsp;และสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนต่อไป&nbsp;การจัดอบรมในวันนี้มีผู้เข้าร่วมอบรม&nbsp;จำนวน&nbsp;26&nbsp;กิจการ&nbsp;30&nbsp;คน&nbsp;โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้า&nbsp;โดยอาจารย์ศักดิ์จิระ&nbsp;เวียงเก่า&nbsp;เจ้าของแบรนด์&nbsp;Baisri&nbsp;และอาจารย์วายุ&nbsp;ขันทะนา&nbsp;ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์จากผ้า&nbsp;จะมาให้ความรู้และพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถแก่ผู้ประกอบการผ้า&nbsp;ที่จะเข้าร่วมอบรมตลอดทั้งโครงการในครั้งนี้&nbsp;อีกทั้งในวันนี้&nbsp;เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน&nbsp;(มผช.)&nbsp;ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย&nbsp;ทางคณะผู้จัดงานจึงขอให้ท่านอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน&nbsp;ให้เกียรติมอบใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน&nbsp;(มผช.&nbsp;ให้กับผู้ประกอบการ&nbsp;จำนวน&nbsp;3&nbsp;ราย)</p><p><strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน&nbsp;อุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;เป็นที่ทราบกันดีว่าผลิตภัณฑ์จากผ้า&nbsp;ทั้งเสื้อผ้า&nbsp;ของใช้&nbsp;ของที่ระลึกจากผ้าในจังหวัดลำพูน&nbsp;มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย&nbsp;ด้วยเพราะฝีมือที่ประณีตของช่าง&nbsp;ผสมผสานกับเอกลักษณ์ของความเป็นล้านนา&nbsp;ในปัจจุบันความนิยมของกลุ่มลูกค้า&nbsp;ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย&nbsp;รูปแบบความนิยมจึงเปลี่ยนตามแฟชั่น&nbsp;มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>จังหวัดลำพูน&nbsp;โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน</strong>&nbsp;จึงได้จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น&nbsp;เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการผ้าในจังหวัดลำพูน&nbsp;ได้รับการพัฒนาและยกระดับการผลิต&nbsp;ผลิตภัณฑ์จากผ้า&nbsp;สามารถเพิ่มศักยภาพในการผลิตสร้างมูลค่าเพิ่ม&nbsp;และสามารถต่อขยายช่องทางการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ผ้าในจังหวัดลำพูน&nbsp;โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้&nbsp;จะได้รับการพัฒนาด้านการออกแบบอย่างสร้างสรรค์&nbsp;ได้รับคำปรึกษาแนะนำเชิงลึก&nbsp;จนกระทั่งสามารถเกิดผลิตภัณฑ์ใหม่</p><p><strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การอบรมในครั้งนี้&nbsp;ต้องขอขอบคุณวิทยากร&nbsp;</strong>อาจารย์ศักดิ์จิระ&nbsp;เวียงเก่า&nbsp;และอาจารย์วายุ&nbsp;ขันทะนา&nbsp;ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผ้า&nbsp;ที่มาให้ความรู้และบ่มเพาะให้ผู้เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้&nbsp;หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการในการต่อยอดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ&nbsp;ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น</p><p><strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในโอกาสนี้&nbsp;ขอแสดงความยินกับผู้ประกอบการที่ได้รับใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน&nbsp;(มผช.)</strong>&nbsp;ทุกท่าน&nbsp;โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดลำพูน&nbsp;มีความยินดีและหวังว่าผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองจะใช้โอกาสตรงนี้&nbsp;เพื่อเป็นเครื่องหมายการันตรีถึงคุณภาพ&nbsp;และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ของท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป</p>31/1/2022ภาคเหนือลำพูนสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131175157604 ผู้ว่าฯ ลำพูน ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยการจำหน่ายสินค้าและบริการ เพื่อไม่ให้เกิดการกักตุนสินค้าและฉวยโอกาสขึ้นราคาในช่วงเทศกาลตรุษจีน<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(31&nbsp;มกราคม&nbsp;2565)&nbsp;นายวรยุทธ&nbsp;เนาวรัตน์&nbsp;ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน</strong>&nbsp;พร้อมด้วยนายบุญส่ง&nbsp;ไชยมณี&nbsp;หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำพูน&nbsp;พาณิชย์จังหวัดลำพูน&nbsp;คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดลำพูน&nbsp;และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง&nbsp;ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยการจำหน่ายสินค้าและบริการ&nbsp;ณ&nbsp;ห้างสรรพสินค้า&nbsp;บิ๊กชี&nbsp;สาขาลำพูน&nbsp;ห้างแม็คโค&nbsp;สาขาลำพูน&nbsp;และตลาดจตุจักร&nbsp;อำเภอเมือง&nbsp;จังหวัดลำพูน&nbsp;เพื่อไม่ให้เกิดการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการเกินราคาที่กำหนด</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>โดยการจัดจำหน่ายสินค้า&nbsp;ต้องมีการปิดประกาศป้ายแสดงสินค้าแสดงให้ชัดเจน&nbsp;</strong>พร้อมการตรวจสอบการเก็บสต๊อกเนื้อหมู&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;รวมถึงสินค้า&nbsp;ประเภทต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;เพื่อให้ไม่เกิดการกักตุนสินค้า&nbsp;และการจำหน่ายเกินราคาที่กำหนดในพื้นที่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>จากการลงพื้นที่ตรวจสอบเบื้องต้น</strong>&nbsp;พบว่าสินค้าที่ได้ตรวจสอบนั้น&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู&nbsp;เนื้อไก่&nbsp;ไข่ไก่&nbsp;และสินค้าประเภทต่าง&nbsp;ๆ&nbsp;ได้มีการปิดป้ายแสดงสินค้าชัดเจน&nbsp;และราคาอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน&nbsp;ไม่มีการขึ้นราคาแต่อย่างใด&nbsp;ส่วนร้านค้าที่ไม่มีการดำเนินการปิดป้าย&nbsp;ได้มีการแจ้งให้ดำเนินการทันที&nbsp;โดยทางคณะกรรมการฯ&nbsp;ได้ให้คำแนะนำ&nbsp;และขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้าให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง&nbsp;ไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าในช่วงเทศกาลตรุษจีน&nbsp;นี้&nbsp;และเพื่อป้องกันการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนอีกด้วย</p>31/1/2022ภาคเหนือลำพูนสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูนhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131175407605 เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เปิดโครงการอบรม "ยุวชนอสาสและนำเที่ยวท้องถิ่น ประจำปี 2565"<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี&nbsp;จัดโครงการอบรมยุวชนอาสาและนำเที่ยวท้องถิ่น&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565</strong>&nbsp;ส่งเสริมการท่องเที่ยว&nbsp;สร้างงาน&nbsp;สร้างอาชีพในชุมชน&nbsp;ที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี&nbsp;อำเภอเมืองเชียงใหม่&nbsp;จังหวัดเชียงใหม่&nbsp;นายสายสิทธิ์&nbsp;เจตสิกทัต&nbsp;ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร&nbsp;เป็นประธานเปิดโครงการ&nbsp;"อบรมยุวชนอาสาและนำเที่ยวท้องถิ่น&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565"&nbsp;เปิดประสบการณ์การนำเที่ยว&nbsp;สร้างอาชีพ&nbsp;สร้างรายได้&nbsp;แก่เยาวชนและผู้สูงอายุในชุมชน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายสายสิทธิ์&nbsp;เจตสิกทัต</strong>&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี&nbsp;ได้จัดกิจกรรม&nbsp;"ยุวชนอาสาและนำเที่ยวท้องถิ่น&nbsp;ประจำปี&nbsp;2565"&nbsp;ขึ้นมา&nbsp;เพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโตขึ้น&nbsp;รวมถึงเป็นการสร้างอาชีพให้เยาวชน&nbsp;ผู้สูงอายุในชุมชน&nbsp;และผู้ที่มีความสนใจแต่ยังขาดความรู้ในด้านการท่องเที่ยว&nbsp;ได้เข้ามาฝึกอบรมและเรียนรู้&nbsp;พร้อมนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้&nbsp;เพื่อถ่ายทอดเรื่องราว&nbsp;ความน่าสนใจของแหล่งท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบต่อไป</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>โดยในปีนี้มีผู้เข้าร่วมเป็นยุวชนอาสา&nbsp;จำนวน&nbsp;30&nbsp;คน&nbsp;และผู้สูงอายุ</strong>&nbsp;จากบ้านไร่กองขิงและบ้านเหมืองกุง&nbsp;จำนวน&nbsp;10&nbsp;คน&nbsp;โดยจะได้ฝึกอบรมภาคทฤษฎี&nbsp;ทั้งความรู้พื้นฐาน&nbsp;,&nbsp;ความรู้เฉพาะอาชีพ&nbsp;,&nbsp;ความรู้เกี่ยวกับภาษาต่างประเทศเบื้องต้น&nbsp;(อังกฤษ&nbsp;,&nbsp;จีน)&nbsp;และภาคปฏิบัติจะมีการลงพื้นที่ในส่วนแสดงสัตว์ของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี&nbsp;จำนวน&nbsp;4&nbsp;จุด&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;Jaguar&nbsp;Trail&nbsp;Zone&nbsp;,&nbsp;Savanna&nbsp;Safari&nbsp;Zone&nbsp;,&nbsp;Predator&nbsp;Prowl&nbsp;Zone&nbsp;,&nbsp;งานอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว&nbsp;และการเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นจากชุมชน&nbsp;ซึ่งกิจกรรมทั้งหมดจัดขึ้นในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์&nbsp;ถึงเดือนกรกฎาคม&nbsp;2565&nbsp;(เฉพาะวันศุกร์&nbsp;,&nbsp;เสาร์&nbsp;และนักขัตฤกษ์)&nbsp;โดยผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรมจนจบหลักสูตรจะได้รับใบประกาศนียบัตรการเป็นยุวชนอาสาและนำเที่ยวท้องถิ่น&nbsp;พร้อมค่าตอบแทน</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>ทั้งนี้&nbsp;เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี&nbsp;เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีมาตราการป้องกันการแพร่เชื้อไวรัส&nbsp;COVID-19&nbsp;อย่างเคร่งครัด</strong>&nbsp;และได้รับการรับรองตามมาตรฐาน&nbsp;SHA&nbsp;Plus&nbsp;จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย&nbsp;รวมทั้งได้รับการรับรองมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวเพื่อนันทนาการระดับดีเยี่ยม&nbsp;ประจำปี&nbsp;2564&nbsp;จากกรมการท่องเที่ยว&nbsp;กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา&nbsp;สามารถมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยในการเข้าใช้บริการ</p>31/1/2022ภาคเหนือเชียงใหม่สวท.เชียงใหม่https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131180411608 พาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ ตรวจสอบราคาสินค้าหลังวันจ่ายคนไทยเชื้อสายจีน พบสินค้าแทบทุกตัวราคาลดลง<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>วันนี้&nbsp;(31&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;นายสุทธิศักดิ์&nbsp;พรหมบุตร&nbsp;พาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์</strong>&nbsp;ลงพื้นที่สำรวจราคาและติดตามการจับจ่ายสินค้าในตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์&nbsp;พร้อมเปิดเผยว่า&nbsp;หลังวันจ่ายของคนไทยเชื้อสายจีน&nbsp;คือ&nbsp;จะต้องออกมาหาซื้อของเซ่นไหว้บรรพบุรุษ&nbsp;ซึ่งถือว่าเป็นวันที่เงินจะพัดมากที่สุดวันหนึ่งของเทศกาลตรุษจีน&nbsp;แต่ปรากฏว่าแม่ค้าที่จำหน่ายสินค้าของเซ่นไหว้&nbsp;กลับมียอดขายลดลงต่างจากทุกปีที่ผ่านมา</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>&nbsp;จากการสำรวจราคาสินค้าในตลาดสด</strong>&nbsp;พบว่าอาหารแทบทุกประเภท&nbsp;เช่น&nbsp;ปลาสด&nbsp;หน่อไม้จีน&nbsp;ไก่สด&nbsp;และสินค้าชนิดอื่น&nbsp;ได้ปรับราคาลง&nbsp;โดยเฉพาะผักสด&nbsp;มะละกอ&nbsp;ราคาถูกลงอย่างเห็นได้ชัด&nbsp;เฉลี่ย&nbsp;มะละกอ&nbsp;ขายส่งที่&nbsp;กก.ละ&nbsp;15&nbsp;บาท&nbsp;ผักกาดทุกชนิด&nbsp;ลดราคาลง&nbsp;ผักชีที่เคยราคาสูงถึง&nbsp;กก.ละ&nbsp;200&nbsp;บาท&nbsp;ตอนนี้เหลือ&nbsp;50&nbsp;บาท&nbsp;ต่อ&nbsp;กก.&nbsp;ส่วนอาหารทะเล&nbsp;มีเพียงกุ้งขาวที่ปรับราคาขึ้น&nbsp;กก.ละ&nbsp;10-15&nbsp;บาท&nbsp;หอยปรับลดลง&nbsp;ปูราคาคงเดิม</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>นายสุทธิศักดิ์&nbsp;พรหมบุตร&nbsp;พาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์</strong>&nbsp;กล่าวอีกว่า&nbsp;สาเหตุที่สินค้าไม่ปรับราคาขึ้นในช่วงตรุษจีน&nbsp;เหมือนทุกปีคาดว่า&nbsp;คนไหว้เจ้าลดลง&nbsp;เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมา&nbsp;นอกจากคนไทยเสื้อสายจีนจะไหว้เจ้าทุกวันตรุษจีนแล้ว&nbsp;ยังมีคนไทยที่มีอาชีพค้าขาย&nbsp;ได้หันมาไหว้ตรุษจีน&nbsp;เหมือนคนไทยเชื้อสายจีนด้วย&nbsp;แต่ปีนี้สภาพเศรษฐกิจไม่ค่อยดี&nbsp;คนกลุ่มนี้บางส่วนยกเลิกการไหว้เจ้า&nbsp;ซึ่งน่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สินค้าขายไม่ค่อยได้&nbsp;และไม่ปรับราคาขึ้น&nbsp;สำหรับเนื้อหมู&nbsp;มีแนวโน้มที่จะปรับราคาลง&nbsp;หลังจากราคาหมูเป็นมีแนวโน้มลดคงในเร็ว&nbsp;ๆ&nbsp;นี้</p>31/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบุรีรัมย์สวท.บุรีรัมย์https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131180714610 ECOtive นิเวศสร้างสรรค์ปัตตานีโมเดล ร่วมแก้จนชาวปัตตานีด้วยนวัตกรรม<p><strong>ดร.ศริยา&nbsp;บิลแสละ&nbsp;</strong>หัวหน้าโครงการวิจัยและพัฒนาระบบนิเวศสร้างสรรค์&nbsp;เพื่อการเป็นผู้ประกอบการรายย่อยสู่โมเดลพึ่งตนเอง&nbsp;แก้จนจังหวัดปัตตานี&nbsp;หรือ&nbsp;ECOtive&nbsp;นิเวศสร้างสรรค์ปัตตานีโมเดล&nbsp;จัดประชุมเพื่อหารือแนวทางการพัฒนาพื้นที่จังหวัดปัตตานี&nbsp;เพื่อสร้างผู้ประกอบการรายย่อยสู่โมเดลพึ่งพาตนเอง&nbsp;และยกระดับทางเศรษฐกิจของคนในจังหวัดปัตตานีให้ดียิ่งขึ้น&nbsp;ณ&nbsp;ห้องประชุมชูเกียรติ&nbsp;ปิติเจริญกิจ&nbsp;ชั้น&nbsp;3&nbsp;คณะวิทยาการสื่อสาร&nbsp;มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์&nbsp;วิทยาเขตปัตตานี&nbsp;(ม.อ.ปัตตานี)&nbsp;เมื่อเร็วๆ&nbsp;นี้&nbsp;เพื่อสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ&nbsp;ภาคธุรกิจ&nbsp;ภาคการปกครองส่วนท้องถิ่น&nbsp;โดยใช้ทรัพยากรจากทางหน่วยงานเพื่อมาช่วยกันพัฒนาหรือส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมร่วมกัน&nbsp;และออกแบบระบบนิเวศสร้างสรรค์ร่วมกัน&nbsp;เพื่อทำให้ความยากจนในจังหวัดปัตตานีลดลง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;</p><p><strong>ดร.ศริยา&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;ปัจจัยที่สำคัญของการสร้างระบบนิเวศสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาผู้ประกอบการของจังหวัดปัตตานี&nbsp;คือ&nbsp;การมีภาคีเครือข่ายความร่วมมือที่มาจากหลากหลายภาคส่วน&nbsp;ทั้งภาคการศึกษา&nbsp;ผู้ประกอบการ&nbsp;ภาครัฐ&nbsp;ภาคการปกครองส่วนท้องถิ่น&nbsp;ภาคธุรกิจ&nbsp;และภาคการเงิน&nbsp;โดยองค์กรที่มาร่วมประชุมและเป็นภาคีความร่วมมือ&nbsp;ได้แก่&nbsp;พาณิชย์จังหวัดปัตตานี&nbsp;องค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี&nbsp;เทศบาลเมืองปัตตานี&nbsp;องค์การบริหารส่วนตำบลตะบิ้ง&nbsp;องค์การบริหารส่วนตำบลบานา&nbsp;โรงแรมปาร์คอินทาวน์&nbsp;สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล&nbsp;Depa&nbsp;สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวปัตตานี&nbsp;Patani&nbsp;&nbsp;Artspace&nbsp;&nbsp;มูลนิธิดิจิทัลเพื่อสันติภาพ&nbsp;Digital&nbsp;4&nbsp;Peace&nbsp;ห้างหุ้นส่วนสามัญฮณาฮาลาล&nbsp;และธุรกิจเครือเดอนารา&nbsp;โครงงานวิจัยดังกล่าว&nbsp;ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา&nbsp;วิทยาศาสตร์&nbsp;วิจัย&nbsp;และนวัตกรรมแห่งชาติ&nbsp;(สอช.)&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;ม.อ.ปัตตานี&nbsp;เป็นงานวิจัยเพื่อการพัฒนาและทดลองเชิงนโยบายเพื่อออกแบบกลไกการพัฒนาพื้นที่และเศรษฐกิจฐานราก</p><p><strong>ดร.ศริยา&nbsp;กล่าวว่า</strong>&nbsp;จังหวัดปัตตานีมีประชากรจำนวน&nbsp;153,466&nbsp;ครัวเรือน&nbsp;ประชากรจำนวน&nbsp;635,671&nbsp;คน&nbsp;มีภาคเกษตรและการผลิต&nbsp;46%&nbsp;การขายส่งขายปลีก&nbsp;โรงแรม&nbsp;การผลิต&nbsp;การก่อสร้าง&nbsp;รับราชการ&nbsp;มีเยาวชนขาดการศึกษาไปเกือบ&nbsp;60%&nbsp;การหลุดพ้นจากความยากจนคือ&nbsp;คนในพื้นที่ต้องมีการศึกษา&nbsp;และมีเศรษฐกิจ&nbsp;เงินหมุนเวียนที่ดี</p><p><strong>“ปัญหาความยากจนของปัตตานีติดอันดับต้นๆ&nbsp;</strong>ของไทยทุกปี&nbsp;เราอยากแก้จน&nbsp;เมื่อไม่เรียนหนังสือก็ต้องประกอบอาชีพ&nbsp;มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น&nbsp;สร้างระบบที่ขับเคลื่อนด้วยระบบดิจิทัล&nbsp;ใช้การเก็บข้อมูลในพื้นที่&nbsp;นำไปวิเคราะห์&nbsp;เรามีองค์ความรู้ในเรื่องของการออกแบบ&nbsp;ใช้โมเดลความเจริญรุ่งเรืองเริ่มหยั่งรากจากรัฐให้ความสำคัญกับนวัตกรรม&nbsp;โดยเฉพาะการสร้างนวัตกรรมการตลาด&nbsp;ประยุกต์ใช้ขบวนการ&nbsp;MIT&nbsp;REAP&nbsp;ในการพัฒนาผู้ประกอบการมุ่งเน้นนวัตกรรมและการจำหน่าย&nbsp;ใช้เครื่องมือโปรแกรมสร้างผู้ประกอบการในพื้นที่ขับเคลื่อน&nbsp;อาจเป็นเรื่องใหม่ในพื้นที่&nbsp;สิ่งที่ขาดไม่ได้คือภาคีเครือข่าย&nbsp;5&nbsp;ส่วนประกอบด้วย&nbsp;ภาครัฐ&nbsp;นักวิจัย&nbsp;นักธุรกิจรายใหญ่&nbsp;นักธุรกิจรายย่อย&nbsp;และแหล่งเงิน&nbsp;ร่วมขับเคลื่อน&nbsp;สร้างความตระหนักรู้&nbsp;สร้างการเปลี่ยนแปลง&nbsp;และสร้างผู้ประกอบการ</p><p><strong>“เริ่มทำเมื่อตุลาคม&nbsp;64</strong>&nbsp;ม.1&nbsp;ม.6&nbsp;ต.บานา&nbsp;อ.เมือง&nbsp;และ&nbsp;ม.1&nbsp;ต.ตะบิ้ง&nbsp;อ&nbsp;สายบุรี&nbsp;&nbsp;จ.ปัตตานี&nbsp;เราพบว่าตะบิ้ง&nbsp;ชาวบ้านรวมตัวกันดี&nbsp;ชุมชนพร้อม&nbsp;มีใจ&nbsp;มีทรัพยากรในการที่จะพัฒนา&nbsp;เขาอยากทำแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ&nbsp;ส่วนบานา&nbsp;บ้านจือโระมีพื้นที่เกษตรกรรมค่อนข้างมาก&nbsp;ส่วนสุไหงปาแนจะทำการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่มีท่าเรือฮอลันดาเดิม&nbsp;ที่มาจากเยเมน&nbsp;มีกุโบร์ของเชค&nbsp;ชาวบ้านมีฝีมือในการตัดเย็บ&nbsp;จะขับเคลื่อนงานผ้าให้มีคุณภาพที่ตลาดต้องการ&nbsp;ตลาดเสื้อผ้ามุสลิมะฮฺมีทั่วโลก&nbsp;เราจะทำยังไงให้งานของเรามีคุณภาพ&nbsp;มีการตัดเย็บที่ดี&nbsp;ให้มุสลิมะฮ์ผลิตงานที่บ้านมีคุณภาพเทียบเท่ายูนิโคล่ได้&nbsp;ถ้าเราทำได้คือความตั้งใจของเราจะพยายามเอาระบบดิจิตอลเข้าไปช่วยคือ&nbsp;การเก็บข้อมูลในการวิเคราะห์ทรัพยากร&nbsp;5&nbsp;ด้าน&nbsp;ในพื้นฐานของทรัพยากรที่มีอยู่จริง&nbsp;ดูว่าตลาดภายนอกต้องการอะไร&nbsp;สร้างภาคีเครือข่าย&nbsp;เพราะโมเดลของอามีทีรีสคือการเดินไปด้วยกัน&nbsp;และไปสู่กระบวนการให้ชาวบ้านคิด&nbsp;ปรับเปลี่ยนความคิด&nbsp;หานวัตกรรมใหม่ๆ&nbsp;สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์&nbsp;ตอบโจทย์ตลาดได้</p><p>ข้อดีของโครงการคือ&nbsp;เขาให้มาทำ&nbsp;3&nbsp;ปีอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ปีแรกสร้างความเข้าใจร่วมกัน&nbsp;ให้ปรับเปลี่ยนความคิด&nbsp;ปีที่&nbsp;2&nbsp;ยกระดับผู้ประกอบการ&nbsp;สร้างพื้นที่การเรียนรู้ในชุมชนให้พัฒนา&nbsp;ปีที่&nbsp;3&nbsp;คือผลิตโปรดักส์&nbsp;ต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์&nbsp;ช่องทางการตลาด&nbsp;และนวัตกรรมใหม่ๆ&nbsp;เป็นการทำอย่างต่อเนื่อง&nbsp;ไม่ใช่แค่การเอาเงินมาละลาย&nbsp;พัฒนาปัตตานีให้เป็นผู้ประกอบการที่พึ่งพาตนเอง”</p><p><strong>จินตนา&nbsp;ปิ่นสุภา&nbsp;</strong>พาณิชย์จังหวัดปัตตานี&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;ได้ทำงานกับทุกภาคส่วน&nbsp;พาณิชย์เป็นส่วนปลายทางที่ทำด้านการตลาดเป็นหลัก&nbsp;รวมทั้งผลิตภัณฑ์และผู้ประกอบการ&nbsp;“ตอนนี้ต้องเปลี่ยนแนวคิดดึงการตลาดนำการผลิต&nbsp;ดูเทรนด์การตลาด&nbsp;มองเรื่องสุขอนามัย&nbsp;มองความพร้อมให้มีความยั่งยืน&nbsp;เกษตรกรผลิตได้&nbsp;ขายเป็นใช้โซเชี่ยลให้เป็นประโยชน์&nbsp;จดทรัพย์สินทางปัญญาให้กับผลิตภัณฑ์&nbsp;&nbsp;ซึ่งสินค้าของปัตตานีที่ได้รับเครื่องหมายสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์&nbsp;(Geographical&nbsp;Indications:&nbsp;GI)&nbsp;คือ&nbsp;ลูกหยี&nbsp;และส้มโอบูโก&nbsp;ส่วนทุเรียนทรายขาวอยู่ในระหว่างกำลังดำเนินการขอเครื่องหมาย&nbsp;การตลาดจะทำได้สินค้าต้องมีความประณีต&nbsp;เป็นที่ต้องการของตลาด&nbsp;รวมทั้งได้ทำคลิป&nbsp;กิน&nbsp;เที่ยว@&nbsp;พาณิชย์ปัตตานี&nbsp;เมืองน่าอยู่&nbsp;ผู้คนน่ารัก&nbsp;ให้ภายนอกได้รับรู้เรื่องราวดีๆ&nbsp;ของปัตตานี”</p><p><strong>นิอันนุวา&nbsp;สุไลมาน</strong>&nbsp;นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปัตตานี&nbsp;กล่าวว่า&nbsp;จังหวัดปัตตานีมีดีมากกว่าที่คิด&nbsp;อยากให้มองว่าจังหวัดปัตตานีคือประเทศหนึ่ง&nbsp;“มองว่าสินค้านำเข้ามีอะไร&nbsp;มีสินค้าไหนดีที่ส่งออก&nbsp;มองแบบนี้ทำให้ง่ายขึ้นในการทำให้ภาคีเข้มแข็ง&nbsp;ช่วยกันส่งเสริมทุกองคาพยพ&nbsp;เป้าหมายการตลาดในที่อื่น&nbsp;เช่นปัจจุบันการบริโภคข้าวลดงจากการมีอาหารจานด่วน&nbsp;ผักผลไม้เราก็นำข้ามาจากที่อื่น&nbsp;จะสร้างเมืองด้วยดุลการค้าหรือดุลบัญชีเดินสะพัด&nbsp;ภาพรวมในจังหวัดปัตตานียังไม่มีใครทำ&nbsp;คือการรวบรวมศูนย์แล้ววิเคราะห์&nbsp;ภาคประชาชนคือตัวขับเคลื่อนสำคัญสุดของสังคม&nbsp;ต้องการให้สามจังหวัดเป็นป่าทึบ&nbsp;มีอากาศหายใจ&nbsp;มีคนมาเที่ยวมาพัก&nbsp;ทุกคนมีส่วนร่วมในความสะอาด&nbsp;สุขอนามัย&nbsp;ความปลอดภัย”&nbsp;ตัวแทนจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลหรือ&nbsp;depa&nbsp;บอกว่าหลายภาคส่วนช่วยให้เกิดความยั่งยืน&nbsp;เป็นเศรษฐกิจดิจิตอล&nbsp;เน้นในเรื่องของสมาร์ทซิตี้&nbsp;รวมการเข้าถึงของประชาชนในพื้นที่&nbsp;ชาวบ้านขับเคลื่อนชีวิตได้อย่างมีความสุข&nbsp;ปากท้องอิ่ม&nbsp;เข้าถึงเรื่องโรงพยาบาลอัจฉริยะ&nbsp;ความมั่นคงของชีวิตและทรัพย์สิน&nbsp;ความปลอดภัย&nbsp;ให้บ้านเมืองเข้มแข็งด้วยนวัตกรรม</p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>31/1/2022ภาคใต้ปัตตานีสวท.ปัตตานีhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131211457627 พัฒนาที่ดินนครราชสีมา ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม : ติดตามการดำเนินงาน “โครงการศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดิน (ต่อยอด)” ต.แชะ ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา<p><strong>วันนี้&nbsp;(31&nbsp;ม.ค.65)&nbsp;เวลา&nbsp;13.30&nbsp;น.</strong>&nbsp;นายวิรุธ&nbsp;คงเมือง&nbsp;ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินนครราชสีมา&nbsp;ให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพร้อม&nbsp;ติดตามการดำเนินงาน&nbsp;“โครงการศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดิน&nbsp;(ต่อยอด)”&nbsp;ปีงบประมาณ&nbsp;2565&nbsp;ณ&nbsp;ตำบลแชะ&nbsp;อำเภอครบุรี&nbsp;จังหวัดนครราชสีมา&nbsp;โดยกิจกรรมศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดิน&nbsp;ภายใต้การดำเนินงานตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง&nbsp;เป็นการจัดตั้งและต่อยอดศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการพัฒนาที่ดิน&nbsp;เพื่อเป็นศูนย์เครือข่าย&nbsp;(Node)ให้แก่โครงการศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชน&nbsp;รวมถึงเป็นแหล่งเรียนรู้&nbsp;สาธิต/ศึกษา/ดูงานด้านการพัฒนาที่ดิน&nbsp;โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมของกรมพัฒนาที่ดินไปถ่ายทอดให้แก่เกษตรกรในพื้นที่&nbsp;ให้เกษตรกรและผู้ที่สนใจเข้ามาดูงานสามารถนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการพัฒนาที่ดินไปใช้ในพื้นที่ของตนเองอย่างถูกต้อง</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>31/1/2022ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนครราชสีมาสวท.นครราชสีมาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131235743646 เฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนต้อนรับปีขาล สักการะ 5 เทพเจ้า ตระการตาโชว์สิงโตมังกรทอง อวยพรมั่งคั่ง โชคดีมีสุข 1 - 13 กุมภาพันธ์นี้<p><strong>วันนี้&nbsp;(31&nbsp;ม.ค.&nbsp;65)&nbsp;</strong>ศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์ค&nbsp;เปิดงาน&nbsp;“ฉลองตรุษจีน&nbsp;สักการะ&nbsp;5&nbsp;เทพ&nbsp;เสริมมงคล”&nbsp;โดยมี&nbsp;คุณณรงค์&nbsp;ด่านชัยวิโรจน์&nbsp;ประธานคณะกรรมการบริหาร&nbsp;คุณปราณี&nbsp;ด่านชัยวิโรจน์&nbsp;ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร&nbsp;ศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์ค&nbsp;พร้อมด้วย&nbsp;คณะผู้บริหาร&nbsp;เจ้าหน้าที่&nbsp;แขกผู้มีเกียรติ&nbsp;และสื่อมวลชน&nbsp;ร่วมพิธีที่&nbsp;บริเวณหน้าประตู&nbsp;G4</p><p><strong>ศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์ค</strong>&nbsp;ร่วมกับ&nbsp;สภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย&nbsp;และบริษัท&nbsp;เจอาร์ไอเดีย&nbsp;จำกัด&nbsp;จัดงาน&nbsp;“ฉลองตรุษจีน&nbsp;สักการะ&nbsp;5&nbsp;เทพ&nbsp;เสริมมงคล”&nbsp;เพื่อส่งมอบความสุข&nbsp;ความมงคลให้กับลูกค้าและประชาชนทั่วไป&nbsp;ได้สักการะบูชาและขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์&nbsp;ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของชาวจีน&nbsp;ระหว่างวันที่&nbsp;29&nbsp;มกราคม&nbsp;-&nbsp;13&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;บริเวณชั้น&nbsp;1&nbsp;หน้าประตู&nbsp;G4&nbsp;(ร้านโมชิโมชิ)</p><p><strong>โดยในปีนี้ได้อัญเชิญและสักการะ&nbsp;5&nbsp;องค์เทพ</strong>&nbsp;ประกอบด้วย&nbsp;พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร&nbsp;“พระแม่กวนอิม&nbsp;ปางพันมือ”&nbsp;พระผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรัก&nbsp;ความเมตตา&nbsp;ปกปักรักษา&nbsp;แคล้วคลาด&nbsp;พระแม่กิมบ่อเนี้ย&nbsp;เทพแห่งความเจริญยืนยาวและความสุขนิรันดร์องค์ตั่วเหล่าเอี๊ย&nbsp;เทพเจ้าปกปักอภิบาล&nbsp;ปราบปรามศัตรูและสิ่งเลวร้าย&nbsp;แชกงหมิว&nbsp;เทพแห่งโชคลาภ&nbsp;เงินทอง&nbsp;และความสำเร็จ&nbsp;หลวงปู่ไต้ฮง&nbsp;(ไต้ฮงกง)&nbsp;เทพผู้มีความเมตตากรุณา&nbsp;ช่วยเหลือผู้ยากไร้&nbsp;เพื่อขอพรเป็นสิริมงคลต่อตัวเองและครอบครัว</p><p><strong>นอกจากนี้</strong>&nbsp;ศูนย์การค้าฯ&nbsp;จัดงาน&nbsp;"Happy&nbsp;Chinese&nbsp;New&nbsp;Year&nbsp;Celebration"&nbsp;ช้อป&nbsp;เฮง&nbsp;เฮง&nbsp;รับปีเสือทอง&nbsp;กระตุ้นเศรษฐกิจจังหวัดให้คึกคัก&nbsp;ตลอดช่วงเทศกาลตรุษจีนทั่วทั้งศูนย์การค้าฯ&nbsp;โดยในวันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;14.00&nbsp;น.&nbsp;ยกขบวนแห่มังกรทอง&nbsp;สิงโต&nbsp;จากคณะเจ้าพ่อเฮ่งเจีย&nbsp;ที่มีผลงานผ่านทางรายการท้าพิสูจน์รีเทิร์น&nbsp;ช่อง&nbsp;33&nbsp;พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร&nbsp;ร่วมมอบของมงคลให้กับผู้ประกอบการร้านค้าภายในศูนย์การค้าฯ&nbsp;ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี&nbsp;และเวลา&nbsp;18.00&nbsp;น.&nbsp;ปิดท้ายความเฮงกับโชว์สุดพิเศษ&nbsp;“มังกรทองลอยฟ้า&nbsp;นาจาระเบิดถ้ำ”&nbsp;อวยพรมั่งคั่งตลอดทั้งปี&nbsp;กับการแสดงกายกรรมต่อตัว,&nbsp;มังกรทองประดับไฟ&nbsp;LED,&nbsp;สิงโตเสาดอกเหมย,&nbsp;สิงโตไต่ไม้สะพาน,&nbsp;สิงโตแดนซ์&nbsp;และอีกมากมาย&nbsp;บริเวณ&nbsp;Event&nbsp;Park&nbsp;ลานจอดรถด้านหลัง&nbsp;</p><p><strong>ทั้งนี้&nbsp;</strong>ศูนย์การค้าฯ&nbsp;คุมเข้มการจัดงานด้วยมาตรฐานความปลอดภัยในสุขอนามัยสูงสุด&nbsp;ร่วมฉลองตรุษจีนรับความมงคลตลอดปีเสือทอง&nbsp;สักการะขอพร&nbsp;5&nbsp;เทพเสริมมงคล&nbsp;วันนี้&nbsp;-&nbsp;13&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;10.00&nbsp;&nbsp;-21.00&nbsp;น.&nbsp;&nbsp;และชมการแสดง&nbsp;“มังกรทองลอยฟ้า&nbsp;นาจาระเบิดถ้ำ”&nbsp;วันที่&nbsp;1&nbsp;กุมภาพันธ์&nbsp;2565&nbsp;เวลา&nbsp;18.00&nbsp;-&nbsp;20.00&nbsp;น.&nbsp;บริเวณ&nbsp;Event&nbsp;Park&nbsp;ลานจอดรถด้านหลัง&nbsp;ศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์ค</p><p><br></p><p><br></p><p>#สำนักข่าว&nbsp;#กรมประชาสัมพันธ์&nbsp;#NNT&nbsp;#ILOVETHAILAND</p>31/1/2022ภาคกลางและปริมณฑลพระนครศรีอยุธยาสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยาhttps://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220131234147643