NewsTitle,NT01_NewsDesc,NewsDate,Region,Province,Department,Link_News จิ้งหรีด แพะเนื้อ โคขุน หญ้าเนเปียร์ สินค้าที่มีอนาคต สร้างรายได้สูง,"
นางรัชนีกร เงินแย้ม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 4 ขอนแก่น (สศท.4) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงสินค้าเกษตรทางเลือกที่มีอนาคต (Future Crop) ที่น่าสนใจ 4 สินค้า ได้แก่ จิ้งหรีด แพะเนื้อ โคขุน และหญ้าเนเปียร์ ซึ่งสามารถสร้างรายได้สูงกว่าการผลิตข้าว ยางพาราและมันสำปะหลัง ในพื้นที่ไม่เหมาะสม ของ 4 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางคือ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ตามแนวทางบริหารจัดการพื้นที่ตามแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก
จากการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนสินค้าเกษตร Future Crop ทั้ง 4 ชนิด พบว่า สามารถเลี้ยง หรือปลูกเสริมทดแทนข้าว ยางพาราและมันสำปะหลัง ในพื้นที่ไม่เหมาะสม ของพื้นที่เป้าหมายทั้ง 4 จังหวัด ได้เป็นอย่างดี โดยหากจำแนกเป็นรายชนิด พบว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรีดจำหน่ายผลผลิตเอง ทั้งจิ้งหรีดสดและจิ้งหรีดต้มสุก ซึ่งจำหน่ายภายในประเทศและจำหน่ายให้กับผู้รวบรวม หรือพ่อค้าคนกลาง เพื่อส่งต่อให้กับตลาด Modern Trade และส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ออสเตรเลียและญี่ปุ่น ส่วนแพะเนื้อ เกษตรกรจำหน่ายผลผลิตทั้งหมดให้แก่ผู้รวบรวม หรือพ่อค้าคนกลาง ทั้งในท้องถิ่นและต่างจังหวัดที่เข้ามารับซื้อ โดยผู้รวบรวม หรือพ่อค้าคนกลางจะมีการจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ สปป.ลาว เวียดนาม มาเลเซีย
ด้าน โคขุน ปัจจุบันภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ยังผลิตโคขุนไม่เพียงพอต่อความต้องการรับซื้อและยังคงมีพ่อค้ารายใหม่ๆ เข้ามาติดต่อรับซื้ออย่างต่อเนื่องและหญ้าเนเปียร์ที่ สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี อายุการเก็บเกี่ยว 5 - 7 ปี กำไรเฉลี่ยที่ 33,311 บาท/ไร่ ทั้งนี้สินค้าเกษตรทางเลือกที่มีอนาคต ทั้ง 4 ชนิดดังกล่าว เกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง สามารถเลี้ยง ปลูกเสริมหรือทดแทนข้าว ยางพาราและมันสำปะหลัง ในพื้นที่ไม่เหมาะสม ได้ จริง สร้างรายได้ดีให้กับเกษตรกร
นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ผักตบชวาและวัชพืชในแม่น้ำ ลำคลอง แหล่งน้ำสาธารณะต่างๆ เป็นปัญหาที่รัฐบาลให้ความสำคัญ จึงกำชับกรมโยธาธิการและผังเมือง ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย โดยให้ติดตาม ตรวจสอบ ดูแล แก้ไขปัญหาผักตบชวาและวัชพืชอย่างต่อเนื่องในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมตัว สร้างปัญหาการสัญจรทางน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ รวมทั้งรักษาคุณภาพน้ำในแม่น้ำและแหล่งน้ำให้อยู่ในค่ามาตรฐานต่อไป
นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า กรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบดำเนินการแก้ไขปัญหาผักตบชวาและวัชพืช โดยดูแลรับผิดชอบในแม่น้ำสายหลัก 2 สายคือ แม่น้ำแม่กลองและแม่น้ำท่าจีน ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่และเรือกำจัดผักตบชวาแบบสายพานลำเลียงพร้อมบีบอัด จำนวน 6 ลำ เรือกำจัดผักตบชวา ขนาด 2.5 ตัน จำนวน 2 ลำ เรือพอนทูนบรรทุกรถขุด 4 ลำ รวมทั้งหมด 12 ลำ เร่งกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในพื้นที่อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม แบ่งเป็น 3 ชุดปฏิบัติการ ได้แก่ ชุดที่ 1 บริเวณวัดเชิงเลน ชุดที่ 2 วัดกัลยาณีทรงธรรม และชุดที่ 3 วัดทรงคนอง ซึ่งผลปฏิบัติการระหว่างวันที่ 14 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กำจัดผักตบชวาได้ประมาณ 12,800 ตัน ตั้งเป้าหมายกำจัดผักตบชวาที่แม่น้ำท่าจีน ตั้งแต่อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ถึงอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน เพื่อให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตและสัญจรได้อย่างปกติ
",1/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301101910036 ปภ.แม่ฮ่องสอน เตือนคุณภาพอากาศ (PM 2.5) อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางที่โล่งแจ้ง สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา,
นายเรืองฤทธิ์ ผลดี หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน รายงานข่าวแจ้งเตือนสาธารณภัย ว่า วันนี้ (1 มี.ค.65) คุณภาพอากาศ (PM 2.5) อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ภาคเหนือ ได้แก่ จ.แม่ฮ่องสอน (อ.เมืองฯ)/เชียงใหม่ (อ.เมืองฯ เชียงดาว แม่แจ่ม)/พะเยา (อ.เมืองฯ)/ลำพูน (อ.เมืองฯ)/ลำปาง (อ.เมืองฯ แม่เมาะ)/แพร่ (อ.เมืองฯ)/ตาก (อ.เมืองฯ แม่สอด)/พิษณุโลก (อ.เมืองฯ)/อุตรดิตถ์ (อ.เมืองฯ)/และสุโขทัย (อ.เมืองฯ)
ข้อควรปฏิบัติติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการ ลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางที่โล่งแจ้ง สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา
ข้อแนะนำขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อปพร. จิตอาสา เครือข่ายอาสาสมัคร องค์กรสาธารณสุขเตรียมความพร้อมตามแผนเชิญเหตุ เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ พร้อมประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ให้กับชุมชน/หมู่บ้านทุกช่องทาง ทั้งในรูปแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ เช่น สื่อสังคมออนไลน์ วิทยุชุมขน หอกระจายข่าว หรือเสียงตามสายประจำหมู่บ้าน เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงแนวทางการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัย รวมทั้งพิจารณาใช้อุปกรณ์แจ้งเตือนภัยในพื้นที่ตามสถานการณ์และความเหมาะสม
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,1/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301104408055 จิตอาสา จ.ลำปาง สานพลังบูรณาการทำแนวกันไฟรอบเขาดอยพระบาท ป้องกันไฟป่าลดปัญหามลพิษ,"นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำปาง พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงานองค์กรภาครัฐ ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ จากหน่วยงานส่วนราชการต่างๆ จำนวนกว่า 250 นาย ลงพื้นที่สานพลังบูรณาการกับหน่วยงานองค์กรภาคีเครือข่ายภาคเอกชนในชุมชนเขตท้องที่อำเภอเมืองลำปาง ร่วมเป็นจิตอาสาภัยพิบัติทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม เนื่องในวันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า (24 กุมภาพันธ์ ) คนลำปางร่วมใจ สร้างฟ้าใส ไร้หมอกควัน นำอุปกรณ์และเครื่องมือครบชุด ทำแนวกันไฟรอบบริเวณผืนป่าเขาดอยพระบาท บริเวณอุทยานแห่งชาติเขลางค์บรรพต (สวนรุกขชาติพระบาท) ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง
การทำกิจกรรมครั้งนี้ได้กระจายกำลังทำแนวกันไฟขนาดความกว้างไม่น้อยกว่า 3 เมตร ไปตามจุดต่างๆ ให้ยาวต่อเนื่องและเชื่อมต่อถึงกันตลอดแนวผืนป่าของสวนรุกขชาติพระบาท รวมระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร พร้อมได้นำมาตรการกำจัดเชื้อเพลิงออกจากป่ามาใช้ ตามนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คือ ""ชิงเก็บลดเผา"" ทั้งทำการฝังกลบเชื้อเพลิงในป่า เพื่อให้เชื้อเพลิงได้กลายเป็นปุ๋ยสำหรับบำรุงต้นไม้ นอกจากนี้ได้ทำการเก็บรวบรวมนำเอาเศษไม้ ใบไม้ และหญ้าแห้ง มาอัดเป็นก้อนก่อนนำขนย้ายออกจากผืนป่า โดยเชื้อเพลิงที่อัดเป็นก้อนชุมชนพื้นที่จะมีการนำไปทำเป็นปุ๋ยหมัก หรือนำไปขายให้กับบริษัทภาคเอกชนที่มารับซื้อ ซึ่งรายได้ทั้งหมดจะถูกนำกลับคืนไปใช้ในการบริหารจัดการพื้นที่ป่าตามชุมชนต่างๆ
การทำกิจกรรมดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานเชิงรุกเร่งด่วน ในการป้องกันแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันไฟป่าของจังหวัดลำปาง ซึ่งทุกปีมักเกิดปัญหารุนแรงในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน โดยการดำเนินการป้องกันแก้ไขปัญหาในปีนี้ ทางจังหวัดได้เน้นการดำเนินการแบบมีส่วนร่วมเป็นหลัก ภายใต้แนวคิด คนลำปางร่วมใจ สร้างฟ้าใส ไร้หมอกควัน อาศัยความร่วมมือคนในชุมชนและทุกภาคส่วนที่อยู่ในบริเวณรอบพื้นที่ป่าเข้ามาทำกิจกรรมร่วม เพื่อสร้างจิตสำนึกรับผิดชอบให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักเห็นถึงคุณค่าของทรัพยากรป่าไม้ และช่วยกันสอดส่องดูแลผืนป่าไม่ให้ถูกบุกรุกแผ้วถาง หรือถูกเผาทำลาย ตลอดจนการทำกิจกรรมแนวกันไฟ อีกทั้งเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านกลุ่มผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณรอบพื้นที่ป่าได้รับรู้ เข้าใจ ตระหนักถึงปัญหา และร่วมเป็นแกนนำในการรณรงค์ไม่ให้มีการเผาในพื้นที่ป่าในเขตชุมชน เพื่อจะได้ลดปัญหามลพิษจากหมอกควันไฟ โดยทางจังหวัดมุ่งหวังที่จะให้การดำเนินกิจกรรมนี้เป็นต้นแบบในการนำไปสู่การแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืนต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",1/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301105127059 กรมการค้าภายใน หารือกับสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ หาทางออกร่วมกัน ส่งผลดีที่สุดให้กับทุกฝ่าย,นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงผู้เลี้ยงไก่หน้าฟาร์มได้ปรับราคาไข่ไก่ขึ้นแผงละ 9 บาท ว่า ราคาที่ขายให้ผู้บริโภคทั่วประเทศ โดยตัวเลขหารเฉลี่ยแล้วพบว่า ไข่ไก่เบอร์ 3 เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 อยู่ที่ฟองละ 3.29 บาท และบางห้างสรรพสินค้าราคาลดลง ซึ่งได้กำกับราคาไว้ที่ไม่เกิน 3.50 บาท ซึ่งได้พูดคุยกับสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ไว้แล้ว ซึ่งทราบว่าต้นทุนของผู้เลี้ยงไก่ไข่มีการปรับสูงขึ้นเป็นลำดับ โดยได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน เชิญสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่มาหารือเพื่อหาทางออกร่วมกันเพื่อส่งผลดีที่สุดให้กับทุกฝ่ายทั้งเกษตรกรผู้เลี้ยง เจ้าของฟาร์ม ผู้รวบรวมไข่ รวมถึงผู้บริโภคให้เกิดความสมดุลที่สุดเท่าที่จะทำได้
ส่วนที่ผู้เลี้ยงไก่ไข่ออกมาเรียกร้อง ขอการเยียวยาช่วยเหลือเนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลสั่งให้ตรึงราคาแต่ไม่มีการช่วยเหลือใดๆ นั้น จะต้องมาหารือกันก่อน ยืนยันว่ากระทรวงพาณิชย์ได้เข้าไปกำกับดูแลเรื่องราคาสินค้าแพงอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด และมีการปรับราคาลงหลายรายการ โดยเฉพาะมีการลดราคาสินค้าที่ขายในห้างสรรพสินค้าหลายรายการเพื่อเป็นการชี้นำตลาดด้วย
ส่วนผลกระทบการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครนนั้น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สิ่งที่จะกระทบต่อประเทศไทยมากคือราคาน้ำมัน และกระทบไปทั่วโลก ซึ่งจะเป็นต้นทุนสำคัญสำหรับสินค้าต่างๆ ที่มาจากการขนส่ง แต่เมื่อดูสัดส่วนการส่งออกไทยไปรัสเซียและยูเครน เป็นสัดส่วนที่ไม่สูงนัก เนื่องจากเป็นตลาดใหม่ของไทยที่จะต้องบุกเบิกและขยายเพิ่มเติม
สภาพอากาศในช่วงนี้อากาศแห้งแล้ง เตือนผู้ปลูกมันสำปะหลัง ในระยะ อายุมากกว่า 1 เดือน รับมือเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง พบตัวอ่อนและตัวเต็มวัยของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง ตามส่วนต่างๆ ของมันสำปะหลัง เช่น ใบ ยอด และตา โดยเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังดูดน้ำเลี้ยงแล้วขับถ่ายมูลของเหลวออกมา ทำให้เกิดราดำบนใบ มันสำปะหลังสังเคราะห์แสงได้น้อย เจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ ลำต้นมีช่วงข้อถี่ โค้งงอ ใบหงิกยอดแตกพุ่มหรือแห้งตาย แนวทางป้องกัน/แก้ไข ก่อนปลูก
1. ไถและพรวนดินหลายๆ ครั้ง เพื่อลดปริมาณของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังที่อยู่ในดิน
2. ใช้ท่อนพันธุ์ที่สะอาด ปราศจากเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง
3. แช่ท่อนพันธุ์ด้วยสารฆ่าแมลง เป็นเวลา 5-10 นาที โดยเลือกใช้สารฆ่าแมลงชนิดใดชนิดหนึ่ง ได้แก่ ไทอะมีทอกแซม 25% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา 4 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ อิมิดาโคลพริด 70% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา 4 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือไดโนทีฟูแรน 10% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หลังปลูก เมื่อมันสำปะหลังอายุ 1-4 เดือน ควรสำรวจการระบาดของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง
ถ้าพบการระบาดของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังให้ทำการ ป้องกันกำจัด ดังนี้
1. ถอนต้นมันสำปะหลังและเก็บทำลาย
2. พ่นสารฆ่าแมลงเฉพาะจุดที่พบเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง โดยเลือกใช้สารฆ่าแมลงชนิดใดชนิดหนึ่ง ได้แก่ ไทอะมีทอกแซม 25% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา 4 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรืออิมิดาโคลพริด 70% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา 4 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือโคลไทอะนิดิน 16% เอสจี อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไดโนทีฟูแรน 10% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือโพรไทโอฟอส 50 % อีซี อัตรา 50 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือไทอะมีทอกแซม/แลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน 24.7% แซดซี อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,1/3/2022,ภาคเหนือ,ลำพูน,สวท.ลำพูน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301113445075 กอนช. ขอให้ประชาชนภาคใต้ยังระวังฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่จนเกิดน้ำท่วมขังและน้ำล้นตลิ่ง พร้อมเร่งช่วยเหลือประชาชนประสบน้ำท่วม 7 จังหวัด,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนภาคใต้ยังระวังฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่จนเกิดน้ำท่วมขังและน้ำล้นตลิ่ง พร้อมเร่งช่วยเหลือประชาชนประสบน้ำท่วม 7 จังหวัด
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (1 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น โดยมีฝนบางแห่งในภาคตะวันออก ส่วนภาคใต้ตอนล่างมีฝนลดลง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ จ.สุราษฎร์ธานี 39 มิลลิเมตร , สตูล 58 มิลลิเมตร และนราธิวาส 40 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 30,951 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 53 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 24,709 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 52 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง คือ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนและแม่กลองมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ยังคงติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากเกิดความเสียหายในพื้นที่ 7 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ตรัง ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน อย่างกองทัพลงพื้นที่เฝ้าระวังจุดเสี่ยงอาจจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันและจุดเสี่ยงตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะเส้นทางสัญจร พร้อมให้นำเครื่องกีดขวางและนำป้ายประกาศมาติดตั้งไว้ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น
",1/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301114818082 อุตุฯ สุพรรณบุรี เตือนเกษตรกรระวังและป้องกันโรคราน้ำค้าง ในพืชไร่ พืชสวน และพืชผัก,"นายสมนึก สวนดอกไม้ ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ระยะนี้ บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังอ่อน โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
คำแนะนำสำหรับการเกษตรในภาคกลาง ระยะนี้ จะมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรเพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนขณะสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย สำหรับรถที่ใช้งานในด้านการเกษตร หากต้องวิ่งบนถนนหลวงตอนกลางคืนควรดูแลสัญญาณไฟหน้าและไฟท้ายให้สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งระวังและป้องกันโรคราน้ำค้าง ในพืชไร่ พืชสวน และพืชผัก สำหรับฝนที่ตกไม่สม่ำเสมอ เกษตรกรควรระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช เช่น ใบอ่อนและยอดอ่อน ทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพได้
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",1/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,สุพรรณบุรี,สวท.สุพรรณบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301125204102 ค่าฝุ่น PM 2.5 ใน กทม.และปริมณฑลเกินมาตรฐาน 12 พื้นที่ ส่วนภาคเหนือเกินมาตรฐานระดับสีส้ม 18 พื้นที่,"ค่าฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเกินมาตรฐาน 12 พื้นที่ ส่วนภาคเหนือเกินมาตรฐานระดับสีส้ม 18 พื้นที่ โดยต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษบริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (1 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นเกินเกณฑ์มาตรฐานระดับสีส้ม 12 พื้นที่ เช่น ริมถนนคลองทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา , ริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 เขตหนองแขม , ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี , ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน เนื่องจากสภาพอากาศปิด ลมสงบ และการจราจรหนาแน่น ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 6 - 8 มีนาคม ยกเว้นวันที่ 2 - 4 มีนาคมเสี่ยงสูงที่ฝุ่นจะสูงขึ้นและควรเฝ้าระวังแหล่งกำเนิดในพื้นที่ด้วย ขณะที่ค่าฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นเกินมาตรฐานระดับสีส้ม 18 พื้นที่ สูงสุดบริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 5 - 8 มีนาคม แต่ช่วงวันที่ 1 - 4 มีนาคม ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษฝุ่นมีแนวโน้มสูงขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและตอนล่าง โดยเฉพาะวันที่ 2 - 4 มีนาคม ขณะเดียวกันจังหวัดแม่ฮ่องสอนควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษจนถึงวันที่ 8 มีนาคมนี้
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
",1/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301123651101 จ.จันทบุรีเตรียมพร้อมส่งออกผลไม้ปลอดภัย ปลอดโควิด -19,"จ.จันทบุรีประชุมเตรียมความพร้อมปฏิบัติแนวทางและมาตรการส่งออกผลไม้ปลอดภัย ปลอดโควิด -19 สร้างความมั่นใจผู้บริโภค
ที่ห้องประชุมสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 พืชสวนพลิ้ว นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นประธานการประชุม กำหนดแนวทางและมาตรการป้องกันเชื้อโควิด -19 ในโรงคัดบรรจุผลไม้ โดยมี สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดจันทบุรี หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนผู้ประกอบการส่งออกผลไม้ ผู้แทนสมาคมชาวสวนผลไม้ ร่วมประชุมในห้องประชุม และมีการประชุมผ่านทางไกล ระบบ Zoom ที่มี ทูตเกษตรกรุงปักกิ่ง,ทูตเกษตรเมืองกวางโจว,ผู้แทนส่วนราชการส่วนกลางที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม โดยครั้งนี้เป็นการเตรียมพร้อมบูรณาการหน่วยงานและภาคเอกชนในการเตรียมความพร้อมส่งออกผลไม้ของเกษตรกรไปยังตลาดปลายทางโดยเฉพาะการส่งออกทุเรียนไปยังประเทศจีนป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากสถานการณ์โควิด -19 และการขนส่ง
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาจังหวัดจันทบุรีได้เตรียมความพร้อมในการปฏิบัติแนวทางและมาตรการควบคุมกลไกการผลิตผลไม้ให้ปลอดภัย ปลอดโควิด -19 สร้างความมั่นใจผู้บริโภค มีการออกมาตรการต่าง ๆ รองรับและเป็นผลดีต่อเกษตรกรชาวสวนผู้ผลิตทั้งด้านราคา และการกระจายผลผลิตโดยจังหวัดจันทบุรีมุ่งเน้นสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคภายใต้มาตรการโควิดเป็นศูนย์ มาตรการความปลอดภัยตั้งแต่ต้นทางสวนผลไม้ การเก็บผลผลิต โรงคัดบรรจุผลไม้ Covid free setting ขณะที่ทางรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตร กระทรวงการต่างประเทศและส่วนราชการ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องก็เตรียมพร้อมในการกระจายผลผลิต ผลไม้ของเกษตรกรมีการประสานงานตลาดปลายทาง และเพิ่มช่องทางการตลาดต่างประเทศและในประเทศเพิ่มขึ้นป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากสถานการณ์โควิด -19
อย่างไรก็ตาม การสร้างความมั่นใจนอกเหนือจากรัฐบาล หน่วยงานราชการ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแล้ว เกษตรกรเองต้องรักษาคุณภาพผลผลิตของตนเองให้ได้มาตรฐานตามที่ตลาดต้องการไม่เห็นแก่ตัวเก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนเวลาที่เหมาะสมและยึดแนวทางตามประกาศของจังหวัดเรื่องกำหนดวันเก็บเกี่ยวทุเรียนตามมาตรการในการควบคุมป้องกัน และแก้ไขปัญหาทุเรียนอ่อนออกสู่ตลาดในฤดูการผลิตปี พ.ศ.2565 ควบคู่กับมาตรฐาน GAP Plus และGMP Plus สร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคและรักษาชื่อเสียงของเกษตรกร
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",1/3/2022,ภาคตะวันออก,จันทบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301133507124 พบคราบน้ำมันลักษณะเป็นผงสีดำโผล่หาดแม่รำพึง ชาวประมงเผยเป็นคราบน้ำมันที่ฝังใต้ผืนทราย,ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากกลุ่มประมงหาดแม่รำพึงว่า พบคราบน้ำมันถูกคลื่นซัดลอยมาติดชายหาดแม่รำพึง บริเวณคลองหัวรถ ม.5 ต.ตะพง อ.เมืองระยอง ตรวจสอบพบ คราบน้ำมันดังกล่าวมีลักษณะเป็นผงสีดำปนกับอยู่กับผืนทราย พบเห็นเป็นระยะทางประมาณ 300 ม. เบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่บริษัท SPRC มาเก็บกู้และนำไปตรวจสอบ
นายทวี ศิราธารา ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ต.ตะพง อ.เมืองระยอง พร้อมกลุ่มประมงหาดแม่รำพึง ที่ไปตรวจสอบ กล่าวว่า คราบน้ำมันที่เห็นคาดว่าน่าจะเกิดจากการขจัดคราบน้ำมันคราวที่ขึ้นบริเวณดังกล่าวในครัังแรก ซึ่งฝังอยู่ในผืนทราย ซึ่งมีการใช้สารเคมีกำจัดย่อยสลาย เมื่อถูกคลื่นลมช่วงมรสุมจะพบว่าคราบน้ำมันที่เป็นลักษณะผงฝุ่นสีดำที่อยู่ใต้ผืนทรายในทะเลจะถูกพัดขึ้นมาให้เห็นดังกล่าว ซึ่งจากการขุดทรายบริเวณดังกล่าว พบว่าคราบน้ำมันอยู่ใต้ผืนทรายถึง 3 ชั้น ซึ่งในช่วงนี้ยังพบเห็นส่วนน้อย แต่คาดว่าในช่วงมรสุมประมาณเดือนพฤษภาคมนี้ จะพบเห็นคราบน้ำมันดังกล่าวถูกพัดลอยมาติดชายหาดมากขึ้น รวมทั้งในส่วนที่มีการใช้สารเคมีกำจัดกลางทะเล ก็จะถูกพัดเข้าฝั่งจะมีลักษณะทาร์บอลหนาแน่นให้เห็นจำนวนมากด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,1/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301134014131 เกษตรอำเภอกันตัง จังหวัดตรังเยี่ยมเยียนการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มส่งเสริมอาชีพการเกษตรกันตังใต้ ตำบลกันตังใต้,"นายสรวง พรหมบุญทอง เกษตรอำเภอกันตัง มอบหมายให้ นางสาวสุคน ศรีเกตุ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร ร่วมกับ นางเย็นจิตร์ แซ่เลี้ยว อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลกันตังใต้ ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มส่งเสริมอาชีพกันตังใต้ ตำบลกันตังใต้ อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง
ทั้งนี้ ทางกลุ่มมีกิจกรรมการทำปลาเค็มแดดเดียว และปลูกผักสวนครัวเพื่อบริโภคในครัวเรือน และจำหน่ายโดยได้รับการสนับสนุนปัจจัยการผลิตการปลูกผักในโรงเรือน ภายใต้โครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากประจำปีงบประมาณปี 2564 เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาทำเกษตรอินทรีย์ โดยมีการแนะนำให้ทำปุ๋ยอินทรีย์จากมูลสัตว์ที่หาได้ในชุมชน การทำน้ำหมัก การทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงที่ช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพืช การใช้น้ำหมักสมุนไพรไล่แมลง การใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่าป้องกันโรคพืช ติดต่อสอบถามข้อมูลการทำเกษตรและซื้อสินค้าของกลุ่มส่งเสริมอาชีพการเกษตรกันตังใต้ โทร. 090 - 5918533
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",1/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301134602136 จังหวัดตรัง จัดเวทีที่ 1 กิจกรรมส่งเสริมการรวมกลุ่มเพื่อสร้างรายได้เสริมจากการประกอบอาชีพในกลุ่มเกษตรสูงวัย กลุ่มผู้สูงอายุบ้านหนองชุมแสง อำเภอย่านตาขาว,นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอำเภอย่านตาขาว มอบหมายให้นางสาวเกศรินทร์ สุวรรณวัฒน์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ และ นางแพรวพรรณ ทองพิทักษ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ ร่วมกับ นางประภา ว่องทั่ง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง จัดเวทีที่ 1 กิจกรรมส่งเสริมการรวมกลุ่มเพื่อสร้างรายได้เสริมจากการประกอบอาชีพในกลุ่มเกษตรสูงวัย ณ ห้องประชุมสำนักงานเกษตรอำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง
ทั้งนี้ มีกิจกรรม ส่งเสริมการร่วมกลุ่มโดยมีการร่วมกันจัดตั้งเป็นกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร การจัดตั้งกองทุนกลุ่มแม่บ้านฯ และการจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรแบบมีส่วนร่วม เพื่อส่งเสริมการรวมกลุ่ม และการจัดทำแผนเพื่อสร้างรายได้เสริมในกลุ่มเกษตรสูงวัย เตรียมความพร้อมในการก้าวสู่สังคมเกษตรสูงอายุ ส่งเสริมและพัฒนาทักษะด้านเคหกิจเกษตรในครัวเรือนเกษตรสูงวัย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่สังคมเกษตรสูงวัย และเพิ่มขีดความสามารถของเกษตรสูงวัยในการประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสามารถพึ่งพาตนเองได้ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถของชุมชนท้องถิ่นในการพัฒนา เพื่อสร้างสังคมคุณภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,1/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301135044140 เกษตรนาโยง จังหวัดตรัง นำสมาชิกวิสาหกิจชุมชนต้นตำรับแป้งสาคูรวมใจบ้านไสขัน ศึกษาดูงาน ณ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มอนุรักษ์และแปรรูปสาคูบ้านกะโสม จังหวัดนครศรีธรรมราช,"นายอำนาจ เซ่งเซี่ยง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน เกษตรอำเภอนาโยง มอบหมายให้ นางสุมาลี เสมอเชื้อ นางจรัสศรี แก้วนิลประเสริฐ และน.ส.นงลักษณ์ เงารัตนพันธิกุล นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ สำนักงานเกษตรอำเภอนาโยง นำสมาชิกวิสาหกิจชุมชนต้นตำรับแป้งสาคูรวมใจบ้านไสขัน ศึกษาดูงาน ณ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มอนุรักษ์และแปรรูปสาคูบ้านกะโสม หมู่ 4 ตำบลกะปาง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ภายใต้โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร กิจกรรมส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจากและสาคูกิจกรรมย่อยที่ 2 พัฒนาความรู้และศักยภาพของเกษตรกรเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การตลาด การรวมกลุ่ม กิจกรรมย่อยที่ 2.1 ฝึกอบรมและศึกษาดูงานในพื้นที่ที่ประสบความสำเร็จ
สำหรับวัตถุประสงค์ในการดูงาน เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาบริหารจัดการกลุ่มเพื่อให้เกิดความยั่งยืน การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการวางแผนด้านการตลาด โดยมีนางพวงน้อย พิพัฒน์ผล (ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มอนุรักษ์และแปรรูปสาคูบ้านกะโสม) พร้อมสมาชิกฯ ให้การต้อนรับ พาชมระบบนิเวศน์ป่าสาคูเชิงอนุรักษ์ และชมผลิตภัณฑ์จากต้นสาคูแท้ ได้แก่ แป้งสาคูแบบผง แบบเม็ด และผู้ศึกษาดูงานร่วมผลิตแป้งสาคูเป็นเส้นสาคูด้วยเครื่องแบบหมุนมือ และทำขนมชนิดต่างๆ เช่น ทองม้วน สาคูเปียก ขนมกวน ลอดช่อง เซ็ตสาคูน้ำกะทิสำเร็จรูปสำหรับเป็นของฝาก ช่องทางตลาดขายผ่านเฟสบุ๊ค ""พวงน้อย พิพัฒน์ผล""
ในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก รศ.พนม อินทฤทธิ์ (อดีตคณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มทร.ศรีวิชัย นครศรีธรรมราช) ผู้นำเทคโนโลยีเครื่องผลิตเม็ดแป้งสาคูให้ทางวิสาหกิจชุมชนกลุ่มอนุรักษ์และแปรรูปสาคูบ้านกะโสม ร่วมพบปะพูดคุย ให้คำปรึกษาแก่ผู้ศึกษาดูงาน
หลังจากนั้น เดินทางไปยังศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ของนายพยนต์ จันทรมาศ เกษตรกรหมู่ 4 ตำบลกะปาง ปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกยางกว่า 10 ไร่ ทำเกษตรผสมผสาน จนประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ ทางสำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง นำโดยนางอุไร แสงภักดี หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต พร้อมเจ้าหน้าที่ร่วมติดตามและสังเกตการณ์ด้วย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",1/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301135232142 เกษตรอำเภอเมืองตรัง ส่งเสริมการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่าในทุเรียน และผักฯ เพื่อป้องกันโรครากเน่าในทุเรียนและโรคกุ้งแห้งในพริก,"นายประทิ่น วรรณงาม นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการพิเศษ รักษาราชการเกษตรอำเภอเมืองตรัง มอบหมายให้ นางสาววรรณธิดา เบญจกุล นางวิภารัตน์ มาลัยเล็ก นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ นางสาวปรัศนีย์ รัตนพงศ์มณี นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ สาธิตการทำเชื้อราไตรโคเดอร์ม่าและร่วมกับเกษตรกรในพื้นที่ หมู่ที่ 4 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมืองตรัง จ.ตรัง ร่วมผลิตเชื้อราไตรโคเดอร์ม่า และแนะนำการใช้เชื้อราฯ เพื่อป้องกันโรครากเน่าในทุเรียนและโรคกุ้งแห้งในพริกที่เกิดจากเชื้อแอคแทรกโนส เป็นต้น
สำหรับ เชื้อราไตรโคเดอร์มา เป็นเชื้อราชั้นสูงที่ดำรงชีวิตอยู่ในดิน อาศัยเศษซากพืช ซากสัตว์และอินทรียวัตถุเป็นแหล่งอาหาร เจริญได้รวดเร็วบนอาหารเลี้ยงเชื้อราหลายชนิด สร้างเส้นใยสีขาวและผลิตส่วนขยายพันธุ์ที่ เรียกว่า โคนิเดีย หรือ สปอร์ จำนวนมากรวมเป็นกลุ่มหนาแน่นจนเห็นเป็นสีเขียว เชื้อราไตรโคเดอร์มาเป็นศัตรู (ปฏิปักษ์) ต่อเชื้อราสาเหตุโรคพืชหลายชนิดโดยวิธีการเบียดเบียน หรือเป็นปรสิต และแข่งขันหรือแย่งใช้อาหารที่เชื้อโรคต้องการ นอกจากนี้เชื้อราไตรโคเดอร์มายังสามารถผลิตปฏิชีวนสาร และสารพิษ ตลอดจนน้ำย่อยหรือเอนไซม์สำหรับช่วยละลายผนังเส้นใยของเชื้อโรคพืช คุณสมบัติพิเศษของเชื้อราไตรโคเดอร์มาคือ สามารถช่วยละลายแร่ธาตุให้อยู่ในรูปที่เป็นประโยชน์ต่อพืช จึงช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชและชักนำให้ต้นพืชมีความต้านทานต่อเชื้อโรคพืชทั้งเชื้อราและแบคทีเรียสาเหตุโรค
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",1/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301135346143 อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง จัดประชุมเชื่อมโยงการดำเนินงานคณะกรรมการเครือข่าย ศพก.และแปลงใหญ่ ครั้งที่ 2,นายสรวง พรหมบุญทอง เกษตรอำเภอกันตัง มอบหมายให้นางบุญญาพร กายเพ็ชร นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ นายสมุห์ภัทร์ สังข์ไชย และนางสาวอมรรัตน์ ชูเมฆ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ ประชุมเชื่อมโยงการดำเนินงานคณะกรรมการเครือข่าย ศพก.และแปลงใหญ่ ครั้งที่ 2/2565 ณ ศพก.เครือข่ายฯ ม.4 ตำบลบางหมาก อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง
โดยมีนายสมบูรณ์ ไชยกุล ประธานเครือข่ายแปลงใหญ่ฯ ระดับอำเภอ ทำหน้าที่ประธานการประชุมในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประชุม 20 คน ประกอบด้วยคณะกรรมการฯ เจ้าหน้าที่การยางแห่งประเทศไทยสาขากันตัง และเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอกันตัง ทั้งนี้ ได้มีการประชุมหารือการดำเนินงานขับเคลื่อนงานโครงการส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่และศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ประจำปีงบประมาณ 2565 และงานอื่นๆ ดังนี้
1.แนวทางการรายงานผลการดำเนินงานอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้านจะต้องรายงานผลทุกวันที่ 5 ของเดือนถัดไป
2.การปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรประจำปี 2565
3.การดำเนินงานตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้งานโครงการส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ โครงการศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร
4.โครงการพัฒนาตลาดเกษตรกรระดับอำเภอผลการดำเนินงานและแผนการดำเนินงานต่อไป
5.รายงานผลการดำเนินงานของแปลงใหญ่ฯจำนวน 13 แปลง
ทั้งนี้ ได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันของแต่ละชนิดสินค้าเพื่อการปรับปรุงและหา แนวทางการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการศึกษาดูงานเรื่องการทำน้ำตาลจาก ภายในศูนย์เรียนรู้ฯ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,1/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301135542145 เกษตรจังหวัดนครสวรรค์ จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับอำเภอในการพัฒนาด้านการเกษตร,วันนี้ (1 มี.ค.65) เวลา 09.30 น. นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานในพิธีเปิดการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับอำเภอ (District workshop : DW) ครั้งที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2665 โดยมีนายเศรณี อนิลบล เกษตรจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวรายงานฯ ณ ห้องประชุมมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรเข้าร่วมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รับมอบนโยบายแนวทางการพัฒนาการเกษตรของจังหวัดนครสวรรค์
จากผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ติดตามการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการเกษตร โดยกลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ และกลุ่มอารักขาพืชและกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต และฝ่ายบริหารทั่วไป และสรุปผลการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ทั้งนี้ การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับอำเภอ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรทุกระดับ มีเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้พัฒนาการดำเนินงาน ให้มีความรู้ความสามารถและมีความพร้อมในการให้บริการทางการเกษตรแก่เกษตรกร และสร้างความเข้มแข็งความร่วมมือทางวิชาการกับหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย พัฒนาด้านการเกษตร และการขยายผลงานวิชาการด้วยงานส่งเสริมการเกษตร
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ได้มอบประกาศเกียรติคุณการคัดเลือกผลงานเกษตรกรบุคคลทางการเกษตร และสถาบันเกษตรดีเด่นระดับจังหวัด ประจำปี 2565 อีกด้วย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,1/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,นครสวรรค์,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครสวรรค์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301142730171 อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง จัดอบรมกิจกรรมส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจากและสาคู พัฒนาความรู้และศักยภาพของเกษตรกรเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การตลาด,"นายอำนาจ เซ่งเซี่ยง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน เกษตรอำเภอนาโยง พร้อมด้วย นางสุมาลี เสมอเชื้อ และนางจรัสศรี แก้วนิลประเสริฐ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ สำนักงานเกษตรอำเภอนาโยง จัดอบรมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร กิจกรรมส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจากและสาคู ณ ที่ทำการวิสาหกิจชุมชนต้นตำรับแป้งสาคูรวมใจบ้านไสขัน หมู่ที่ 6 ตำบลโคกสะบ้า อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง
ทั้งนี้ ได้กำหนดกิจกรรมย่อยที่ 2 พัฒนาความรู้และศักยภาพของเกษตรกรเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การตลาด การรวมกลุ่ม กิจกรรมย่อยที่ 2.1 ฝึกอบรมและศึกษาดูงานในพื้นที่ที่ประสบความสำเร็จ ให้แก่สมาชิกวิสาหกิจชุมชนต้นตำรับแป้งสาคูรวมใจบ้านไสขัน โดยอบรมฝึกปฏิบัติการทำข้าวเกรียบจากแป้งสาคู และการทำขนมทองม้วนจากแป้งสาคู วิทยากรโดย นางณัฐยมน พุฒนวล (ประธานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านนาเมร่ หมู่ 6 ตำบลนาโยงเหนือ อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง) ในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง ร่วมสังเกตการณ์ด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",1/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301135616146 เกษตรอำเภอนาโยง จังหวัดตรัง ร่วมกับอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) ปล่อยแตนเบียนควบคุมแมลงดำหนามสวนมะพร้าว ในพื้นที่ตำบลโคกสะบ้า ตำบลนาโยงเหนือ,"นายอำนาจ เซ่งเซี่ยง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน เกษตรอำเภอนาโยง พร้อมด้วย นางจรัสศรี แก้วนิลประเสริฐ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ สำนักงานเกษตรอำเภอนาโยง ร่วมกับอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน หมู่ที่ 6 ,11 ตำบลโคกสะบ้า และหมู่ที่ 5 ตำบลนาโยงเหนือ นำแตนเบียนอะซีโคเดส จำนวน 55 มัมมี่ สนับสนุนโดยศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช จ.สงขลา (ศทอ. สงขลา)
โดยประสานผ่านกลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง นำไปปล่อยในสวนมะพร้าว รวมจำนวน 11 ไร่ เพื่อควบคุมแมลงดำหนามที่กำลังระบาดในสวนมะพร้าว ของเกษตรกรในพื้นที่ตำบลโคกสะบ้า และตำบลนาโยงเหนือ อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง สำหรับ แตนเบียนอะซีโคเดส เป็นแมลงที่มีประโยชน์ช่วยทำลาย ""แมลงดำหนาม"" ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมากโดยเฉพาะยอดที่ยังไม่คลี่ ทำให้ยอดอ่อนของมะพร้าวชะงักการเจริญเติบโต หากต้นมะพร้าวถูกทำลายรุนแรงติดต่อกัน ทำให้ทางใบที่ถูกทำลายแห้งกลายเป็นสีน้ำตาล มองเห็นเป็นสีขาวโพลนชัดเจน หรือที่ชาวสวนมะพร้าวมักเรียกว่า ""โรคหัวหงอก"" หากพบการเข้าทำลายให้รีบแจ้งอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน(อกม.) หรือเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอนาโยงหรืออำเภอใกล้เคียงทันที
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",1/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301135707147 จังหวัดตรัง จัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยววิถีเกษตร โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565,สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง โดยนายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง มอบหมายให้นางสาวกำไลทิพย์ เศรษฐ์วิชัย หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอกันตัง จัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยววิถีเกษตร ภายใต้โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 กิจกรรมย่อยการพัฒนาศักยภาพเกษตรกรด้านการบริหารจัดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรให้ได้มาตรฐานและมีความปลอดภัย
สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรหรือแหล่งท่องเที่ยวชุมชนให้มีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวตามวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) มีเป้าหมายเป็นคณะกรรมการและสมาชิกวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรคลองลำพูลุ่มแม่น้ำตรัง จำนวน 10 ราย ดำเนินการพัฒนาศักยภาพสมาชิกวิสาหกิจชุมชนในด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย ด้านการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยว ด้านการบริหารจัดการการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานและมีความปลอดภัย ด้านการผลิตสินค้าและบริการแก่นักท่องเที่ยว ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ โดยมีการบูรณาการงานร่วมกับท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตรัง และองค์การบริหารส่วนตำบลบางหมาก ในการให้ความรู้ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว
ในการนี้ ได้ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางเพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงเกษตร และร่วมกันจะทำเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่นที่สามารถส่งต่อนักท่องเที่ยวได้ รวมถึงสำรวจความต้องการการรับการสนับสนุนในการพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ ให้ได้มาตรฐานเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,1/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301135819149 จังหวัดตรัง จัดเวทีชุมชนพัฒนากลุ่มเพื่อส่งเสริมการปลูกข้าวเบายอดม่วงเพื่อรองรับการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จังหวัดตรัง ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565,นายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรังเป็นประธานในการจัดเวทีชุมชน และ มอบหมายนางอุไร แสงภักดี หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิตจัดเวทีชุมชน ครั้งที่ 1 โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวเบายอดม่วงเพื่อรองรับการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จังหวัดตรัง ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 กิจกรรมที่ 2 การพัฒนากลุ่ม/เครือข่ายโดยส่งเสริมให้มีการจัดตั้งกลุ่มและจัดทำแผนพัฒนากลุ่ม โดยมีเป้าหมายเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯและเจ้าหน้าที่ 151 ราย พื้นที่ 500 ไร่ โดยมีกำหนดจัดเวทีจำนวน 3 รุ่น
โดยวันนี้ รุ่นที่3 เกษตรกรเข้าร่วมจำนวน 45 ราย ณ วิสาหกิจชุมชนนาแปลงใหญ่ตำบลนาวง หมู่ที่ 9 ตำบลนาวง อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ทั้งนี้ มีการให้ความรู้แก่เกษตรกรโดยวิทยากร ดังนี้
1.การพัฒนาพันธุ์ข้าวเบายอดม่วงเพื่อรับรองการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จังหวัดตรัง โดยนายเอกราช แก้วนางโอ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยข้าวพัทลุง และได้ให้ข้อมูลจุดเด่นด้านโภชนาการของข้าวเบายอดม่วงคือมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงและสารต้านมะเร็งสูง
2.การขับเคลื่อนแผนพัฒนาข้าวเบายอดม่วงตามโมเดลเศรษฐกิจแบบแบบใหม่หรือ BCG โมเดล ของจังหวัดตรัง
โดยนางสาวเกวลี ปานดำ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดตรัง และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำนาและการแปรรูปข้าวเบายอดม่วงของเกษตรกรต้นแบบ โดย นางพรรณี คงเอียด นางกมลศรี พลบุญ และนายสมพล รอดทุกข์ โดยมีนางสาวนนิดา คุปต์กาญจนากุล นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ ดำเนินการเป็นพิธีกรในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมทั้งจัดเวทีชุมชนหาความต้องการในการจัดทำบรรจุภัณฑ์ข้าวเบายอดม่วงและการสร้างแบรนด์ของกลุ่ม โดยเจ้าหน้าที่กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดตรังร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอ และมีการประเมินผลการอบรมโครงการฯ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,1/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301140017151 สภาพน้ำทะเลระยองอยู่ในเกณฑ์ปกติและไม่พบคราบฟิล์มน้ำมัน ยกเว้นยังพบก้อนน้ำมันตรงหาดแม่รำพึงบริเวณคลองหัวรถไปจนถึงก้นอ่าว,สภาพน้ำทะเลจังหวัดระยองอยู่ในเกณฑ์ปกติและไม่พบคราบฟิล์มน้ำมัน ยกเว้นยังพบก้อนน้ำมันตรงหาดแม่รำพึงบริเวณคลองหัวรถไปจนถึงก้นอ่าว
นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก ยังคงตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมต่อเนื่องหลังพบก้อนน้ำมันบริเวณหาดแม่รำพึง จ.ระยอง ด้วยการสำรวจชายหาดแม่รำพึงตั้งแต่ศาลเจ้าแม่รำพึงถึงก้นอ่าว ระยะทางประมาณ 9.5 กิโลเมตร และสุ่มสำรวจก้อนน้ำมันบริเวณหาดแม่รำพึงตรงสะพานท่าเรือตะพง คลองหัวรถ ร้านเจ๊จุกซีฟู๊ด และก้นอ่าว พบสภาพน้ำทะเลเป็นปกติ ไม่พบคราบฟิล์มน้ำมันในน้ำทะเล และไม่พบก้อนน้ำมันบนชายหาด ส่วนการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมทางทะเลบริเวณชายหาดสุชาดา หาดแสงจันทร์ อ่าวบ้านเพ และหาดสวนสน พบสภาพน้ำทะเลเป็นปกติ ไม่พบคราบฟิล์มน้ำมันในน้ำทะเล และไม่พบก้อนน้ำมันบนชายหาด เช่นเดียวกับผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำทั่วไปบริเวณชายหาด 8 แห่ง พบทุกจุดอยู่ในเกณฑ์ปกติตามมาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลประเภทที่ 4 เพื่อการนันทนาการ พร้อมเก็บตัวอย่างน้ำทะเลและดินตะกอนบริเวณคลองหัวรถ ร้านเจ๊จุกซีฟู๊ด และก้นอ่าวหาการปนเปื้อนปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอนต่อไป
ขณะที่ สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 (ระยอง) ได้ส่งชุดปฏิบัติการทางบกเดินสำรวจชายหาดติดตามเส้นทางการแพร่กระจายน้ำมันรวม 3 บริเวณ คือ หาดแม่รำพึงตั้งแต่บ้านคลองกะเฌอ สถานีอุตุนิยมวิทยา ถึงบ้านก้นอ่าว ระยะทาง 9 กิโลเมตร โดยบริเวณห่างจากหินขาวหินดำบริเวณร้านเจ๊จุกซีฟู้ด พบคราบสีดำคล้ายถ่าน ระยะ 150 เมตร // หน้าศาลเจ้าแม่ทับทิมถึงสถานีรายงานบ้านเพ (ทอ.) ไม่พบคราบน้ำมัน และบ้านเพถึงท่าเรือแกลง ระยะทาง 5.5 กิโลเมตร ไม่พบคราบน้ำมัน แต่ยังพบคราบสีดำคล้ายถ่านระยะทาง 100 เมตร บริเวณปากคลองตากวน ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง ด้วย
,1/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301132907117 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าในภาคเหนือพบมีพื้นที่ 3 จังหวัดเสี่ยงสูงเกิดไฟป่า ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด,สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าในภาคเหนือพบมีพื้นที่ 3 จังหวัดเสี่ยงสูงเกิดไฟป่า ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียม MODIS แสดงให้เห็นพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือที่เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าช่วง 7 วันนี้ ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 6 มีนาคม พบมี 3 จังหวัดมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดไฟป่า คือ ตาก เชียงใหม่ และลำปาง โดยทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือสัปดาห์นี้มีตัวเลขคาดการณ์เพิ่มขึ้นทุกจังหวัด หรือประมาณร้อยละ 11 ของพื้นที่เสี่ยงสูงเกิดไฟป่าจากสัปดาห์ก่อน ส่วนใหญ่ยังคงเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ สาเหตุอาจเกิดจากการเผาในกิจกรรมการเกษตร การเผาเพื่อหาของป่า หรือการเผาเพื่อล่าสัตว์ จนทำให้เกิดการลุกลาม สำหรับข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งต่อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปวางแผนจัดการเชื้อไฟ และจัดทำแนวกันไฟในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
,1/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301140636157 สระแก้วออกให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ช่วยเกษตรกรแก้ไขปัญหาด้านเการเกษตรแบบครบวงจร,ที่อาคารที่ทำการฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 2 อ่างเก็บน้ำพระปรง หมู่ที่ 6 ตำบลช่องกุ่ม อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว นายธีระชัย ลิ้มประสิทธิศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เป็นประธานเปิดกิจกรรมโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารี พร้อมทั้งร่วมกันปล่อยสัตว์น้ำและร่วมกันปลูกต้นไม้ในพื้นที่ดังกล่าว โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นการให้บริการทางวิชาการและการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายที่มีปัญหาให้ได้รับการบริการทางการเกษตรอย่างรวดเร็ว ทั่วถึงและครบถ้วน ทั้งการวิเคราะห์ดิน น้ำ การวินิจฉัย โรคพืช โรคสัตว์และการให้วัคซีนป้องกันโรค รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและฝึกอบรมความรู้เกษตรเสริมเพิ่มเติมควบคู่กันไปด้วย
ประจัก สารการ สุชีวิน ปิยะมิตรบัณฑิต ภาพ/ข่าว
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,1/3/2022,ภาคตะวันออก,สระแก้ว,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสระแก้ว,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301140306153 ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่ากระทรวงพลังงาน ติดตามผลการดำเนินงาน โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล เขื่อนศรีนครินทร์,"ที่ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เขื่อนศรีนครินทร์ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดกิจกรรม ""เกี่ยวข้าวในนา จับปลาในบ่อ สานต่องานพ่อหลวง ครั้งที่ 2"" และติดตามผลการดำเนินงาน โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล เขื่อนศรีนครินทร์ โดยมี นายสุชีพ มีถม ผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์ นางสาวสมจิตต์ น้ำค้าง ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดกาญจนบุรี ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่เขื่อนศรีนครินทร์ เข้าร่วม
นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ เพื่อมาดูความก้าวหน้าโครงการสร้างศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชา โคก หนอง นา โมเดล ซึ่งเกิดจาก การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับ งาน CSR ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยใช้แนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นเครื่องมือในการนำทางให้กับชุมชนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ เขื่อน โรงไฟฟ้า หรือสถานที่ของ กฟผ. นอกจากนี้ ยังได้ทราบข้อมูลจากผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์ 1 ปีที่ผ่านมา เขื่อนศรีนครินทร์ ได้มีการจัดอบรมประชาชนทุกอำเภอในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เป็นจำนวนกว่า 200 คน ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับศูนย์การเรียนรู้ศาสตร์พระราชา ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ""โคก หนอง นา โมเดล"" ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีทั้งหมด 10 แห่ง ซึ่งจัดตั้งโครงการฯ ดังกล่าวขึ้นมา ในปีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 10 จึงได้จัดตั้งขึ้นที่ 7 เขื่อนพระนาม และ 3 โรงไฟฟ้า มุ่งหวังว่า ศูนย์การเรียนรู้ฯ จะช่วยทำให้ชุมชนที่อยู่รอบๆ ได้มีโอกาสเรียนรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง และเป็นภูมิคุ้มกันแผ่นดินไทยให้ปลอดภัย มีพอเพียงในเชิงของปัจจัย 4
ณัฏฐภัส เหลืองพฤกษชาติ / สวท.กาญจนบุรี
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",1/3/2022,ภาคตะวันตก,กาญจนบุรี,สวท.กาญจนบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301145015182 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นกว่า 700 จุด ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านยังกระทบประเทศไทย,"สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นกว่า 700 จุด ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านยังกระทบประเทศไทย
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (28 ก.พ.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 742 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 186 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 220 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 197 จุด // พื้นที่เกษตร 159 จุด // พื้นที่เขต สปก. 91 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 64 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 11 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุด คือ ตาก 225 จุด , ชัยภูมิ 79 จุด และขอนแก่น 48 จุด โดยจุดความร้อนมีการกระจายตัวเพิ่มมากขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันตก โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดตาก ผสมกับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้วันนี้พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดอำนาจเจริญมีคุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพและประชาชนควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 28 กุมภาพันธ์ 2565 พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 7,490 จุด , ภาคเหนือ 6,695 จุด และภาคกลาง 4,377 จุด
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมา 3,158 จุด รองลงมาเป็นกัมพูชา 1,509 จุด และ สปป.ลาว 989 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในประเทศ จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพ
",1/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301143311175 จ.แม่ฮ่องสอน พบจุดความร้อนสะสม (1ม.ค-28 ก.พ 65) 804 จุด เจ้าหน้าที่เร่งฉีดพ่นละอองน้ำสร้างความชุ่มชื่นในอากาศ ลด pm 2.5,ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองจังหวัดแม่ฮ่องสอน รายงานสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำวันที่ 1 มีนาคม 2565 ว่าจุดความร้อนประจำวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 (เมื่อวานนี้) จำนวน 40 จุด จุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 28 กุมภาพันธ์ 2565 จำนวน 804 จุด สูงสุดที่อำเภอปาย จำนวน 291 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 548 จุด จุดความร้อนสะสมช่วงประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ยกเว้นพื้นที่ตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ - 28 กุมภาพันธ์ 2565 จำนวน 137 จุด สูงสุดที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จำนวน 66 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 91 จุด
ในส่วนของคุณภาพอากาศประจำวันที่ 1 มีนาคม 2565 ค่า PM2.5 ณ สถานีตรวจวัดอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เท่ากับ 85 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ) และ สถานีตรวจวัดอำเภอแม่สะเรียง เท่ากับ 45 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง)
โดยวันนี้ (1 มี.ค.65) กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 สถานีควบคุมไฟป่าแม่ฮ่องสอน ทางหลวงชนบทแม่ฮ่องสอน เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน องค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน แขวงทางหลวงแม่ฮ่องสอน องค์การบริหารส่วนตำบลปางหมู และท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน ดำเนินการฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อสร้างความชุ่มชื่นในอากาศและลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่เขตชุมชน อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จ.แม่ฮ่องสอนจ.แม่ฮ่องสอน พบจุดความร้อนสะสม (1ม.ค-28 ก.พ 65) 804 จุด เจ้าหน้าที่เร่งฉีดพ่นละอองน้ำสร้างความชุ่มชื่นในอากาศ ลด pm 2.5
ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองจังหวัดแม่ฮ่องสอน รายงานสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำวันที่ 1 มีนาคม 2565 ว่าจุดความร้อนประจำวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 (เมื่อวานนี้) จำนวน 40 จุด จุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 28 กุมภาพันธ์ 2565 จำนวน 804 จุด สูงสุดที่อำเภอปาย จำนวน 291 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 548 จุด จุดความร้อนสะสมช่วงประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ยกเว้นพื้นที่ตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ - 28 กุมภาพันธ์ 2565 จำนวน 137 จุด สูงสุดที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จำนวน 66 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 91 จุด
ในส่วนของคุณภาพอากาศประจำวันที่ 1 มีนาคม 2565 ค่า PM2.5 ณ สถานีตรวจวัดอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เท่ากับ 85 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ) และ สถานีตรวจวัดอำเภอแม่สะเรียง เท่ากับ 45 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง)
โดยวันนี้ (1 มี.ค.65) กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 สถานีควบคุมไฟป่าแม่ฮ่องสอน ทางหลวงชนบทแม่ฮ่องสอน เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน องค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน แขวงทางหลวงแม่ฮ่องสอน องค์การบริหารส่วนตำบลปางหมู และท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน ดำเนินการฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อสร้างความชุ่มชื่นในอากาศและลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่เขตชุมชน อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จ.แม่ฮ่องสอน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,1/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301143428176 ปศุสัตว์จังหวัดชัยภูมิ ลงพื้นที่ความรู้ด้านการป้องกันโรค การจัดการฟาร์ม และมอบเวชภัณฑ์ แก่แก่เกษตรกร,สพ.ญ.ศรีสมัย โชติวนิช ปศุสัตว์จังหวัดชัยภูมิ มอบหมายให้กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ร่วมกับสำนักงานปศุสัตว์อำเภอเกษตรสมบูรณ์ ติดตามโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพปศุสัตว์ จำนวน 4 กลุ่มได้แก่
1.กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงโคบ้านโสกเชือก ม.3 ต.โนนกอก อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ จำนวนสมาชิก 6 ราย
2.กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ้มเลี้ยงโคบ้านสระ ม.10 ต.โนนกอก อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ จำนวนสมาชิก 8 ราย
3.กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงโคบ้านหนองคู ม.7 ต.สระโพนทอง อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ จำนวนสมาชิก 5 ราย
4.กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงโคบ้านตลาด ม.3 และ ม.15 ต.บ้านหัน อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ จำนวนสมาชิก 7 ราย
เพื่อตรวจติดตาม ให้คำแนะนำในการเลี้ยงสัตว์ ของสมาชิกกลุ่ม พร้อมทั้งมอบเวชภัณฑ์ให้สมาชิกในกลุ่มทั้ง 4 กลุ่ม ให้มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (GFM)
จากนั้น กลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์และสำนักงานปศุสัตว์อำเภอคอนสาร ลงพื้นที่ตรวจรับรองมาตรฐานฟาร์ม GFM แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1.ฟาร์ม GFM ใหม่ จำนวน 3 ราย ได้แก่ฟาร์มแพะ จำนวน 3 ฟาร์ม และ 2.ฟาร์ม GFM (ต่ออายุ) จำนวน 4 ราย ได้แก่ 1.ฟาร์มสุกรจำนวน 1 ฟาร์ม 2.ฟาร์มโคเนื้อจำนวน 2 ฟาร์ม และ3.ฟาร์มไก่พื้นเมือง 1 ฟาร์ม พร้อมทั้งให้ความรู้แก่เกษตรกรในด้านการป้องกันโรค การจัดการฟาร์ม และมอบเวชภัณฑ์ให้กับเกษตรกร
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,1/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ชัยภูมิ,สวท.ชัยภูมิ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301155650215 จ.สมุทรปราการ จัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร,นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ครั้งที่ 2/2565) ณ วัดบัวโรย ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ โดยมี นายมนตรี เรืองพันธ์ เกษตรจังหวัดสมุทรปราการ นายธรา สุโพธิ์เงิน นายอำเภอบางเสาธง หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนเข้าร่วมดังกล่าว
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรได้กำหนดจัดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ ฯ ต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ปีละ 4 ครั้ง โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้บริการแก่เกษตรกรในการแก้ไขปัญหาการผลิตด้านการเกษตรได้อย่างรวดเร็ว อย่างทั่วถึงและสอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร ซึ่งมีการบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานวิชาการ หน่วยงานส่งเสริมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพัฒนาฟื้นฟูเกษตรกรให้สามารถทำการผลิตทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยเป็นการปฏิบัติงานในเชิงรุกที่ทำให้เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายที่มีปัญหาให้ได้รับบริการทางการเกษตร เช่น การวิเคราะห์ดิน การวินิจฉัยโรคพืช โรคสัตว์ โรคสัตว์น้ำ รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและฝึกอบรมความรู้การเกษตรเสริมเพิ่มเติมควบคู่กันไปด้วย โดยในวันนี้มีบุคคลเป้าหมายที่จะให้บริการ ประกอบด้วย เกษตรกร ประชาชน และเจ้าหน้าที่ รวมประมาณ 200 ราย สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ การจัดนิทรรศการ การสาธิตของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การให้บริการด้านสุขภาพและการให้บริการของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,1/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,สมุทรปราการ,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรปราการ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301145702185 ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ประธานเปิดการสัมมนาสร้างความตระหนักรู้การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดกระบี่,"นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดการสัมมนาสร้างความตระหนักรู้ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ครั้งที่ 1/2565 ณ โรงแรม พีช ลากูน่า รีสอร์ท แอนด์สปา ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ โดยมีผู้ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการประมง เข้าร่วมสัมมนา จำนวน 45 คน การจัดสัมมนาฯในครังนี้ เพื่อสตร้างความตระหนักรู้ความสำคัญของผลประโยชน์ของชาติทางทะเล สิทธิอธิปไตย เขตอำนาจและสิทธิในการแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรในเขตทะเลด้านการประมง โดยมีเนื้อหาในการสัมมนาประกอบด้วย ปัญหาการทำประมงในพื้นที่เขตทางทะเลจังหวัดกระบี่ที่ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, การทำประมงพื้นบ้านชายฝั่งและการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล, ปัญหาการทำประมงในพื้นที่เขตทางทะเลจังหวัดกระบี่กับการปฏิบัติหน้าที่ของศูนย์ป้องกันปราบปรามประมงทะเลกระบี่และแนวทางแก้ไข, การทำประมงพาณิชย์และประมงพื้นบ้านกับการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่จังหวัดกระบี่
ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า การจัดสัมมนาฯในวันนี้ ขอให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกคนได้มีส่วนร่วมในการปกป้องและอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่กระบี่ และการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามต่างๆ รวมถึงการแสวงหาผลประโยชน์จากทะเลอย่างสมดุล เพื่อให้สามารถใช้ทะเลได้อย่างยั่งยืนตลอดไป
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่
นายปริญญา งอสอน/ข่าว
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",1/3/2022,ภาคใต้,กระบี่,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301161445233 จังหวัดตรัง ประชุมพิจารณาร่างแผนเผชิญเหตุไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และแผนเผชิญเหตุภัยแล้งจังหวัดตรัง ประจำปี 2565,นายไพบูลย์ โอมาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมดังกล่าว เพื่อพิจารณาร่างแผนเผชิญเหตุไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และแผนเผชิญเหตุภัยแล้งจังหวัดตรัง ประจำปี 2565 ณ ห้องพระยารัษฎา ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดตรัง
ทั้งนี้ เพื่อเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ปี 2565 ให้เกิดประสิทธิภาพ สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง พร้อมทั้งทบทวน สรุปและถอดบทเรียนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาภัยแล้งของปี 2564 เพื่อนำปัญหาอุปสรรคมาปรับปรุงแก้ไข สำหรับการดำเนินงานในปี 2565 ได้มีมาตรการป้องกันและแผนการดำเนินการระดับจังหวัด อำเภอ และระดับท้องถิ่น มีเป้าหมายบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งจังหวัดตรัง จะดำเนินงานภายใต้นโยบายของรัฐบาลโดยการจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ ถือเป็นการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,1/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301164501259 กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศสิ้นสุดฤดูหนาวและเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูร้อนในวันที่ 2 มีนาคมนี้,ว่าที่ร้อยตรี ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ออกประกาศเรื่องการเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศไทย ประจำปี 2565 ว่า ประเทศไทยจะสิ้นสุดฤดูหนาวและเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูร้อน ในวันที่ 2 มีนาคม 2565 โดยในตอนกลางวันพื้นที่ส่วนใหญ่บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุดตั้งแต่ 35 องศาเซลเชียสขึ้นไป ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนได้ เปลี่ยนเป็นลมตะวันออกเฉียงใต้หรือลมฝ้ายใต้พัดปกคลุมแทน ซึ่งเป็นการเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศไทย
แต่อย่างไรก็ตาม ลักษณะอากาศในช่วงต้นฤดูร้อนนี้ จะแปรปรวนและมีฝนตกเป็นระยะๆ นอกจากนี้บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงมีอากาศเย็นในตอนเข้าต่อไปอีกระยะหนึ่งและคาดว่าฤดูร้อนจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2565
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทราบว่า จากติดตามปัญหาปุ๋ยราคาแพง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น กระทบกับต้นทุนการผลิตและการขนส่ง โดยได้สั่งการให้การอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ช่วยกันบูรณาการทั้งระบบวัตถุดิบ รวมทั้งช่วยเหลือบรรเทาราคา ซึ่งจะต้องมีการจัดสรรงบประมาณโดยเร็ว เพื่อที่จะต่อยอดกิจกรรม
นายกรัฐมนตรี ยังติดตามการส่งเสริม soft power ของไทย เช่น การส่งเสริมมวยไทยให้บรรจุในกีฬาสากลในอนาคต โดยมีการส่งเสริมอย่างเป็นระบบ เสนอแนวคิดให้บรรจุเป็นวิชาเลือกในหลักสูตรการเรียนการสอน รวมทั้งจัดฝึกอบรม หรือจัดเป็นหลักสูตรเฉพาะกรรมการมวย โดยกระทรวงการต่างประเทศ รับเป็นผู้ประสานงานในการเผยแพร่ และสร้างความเข้าใจกับนานาชาติในการส่งเสริมกีฬามวยไทยต่อไป
,1/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,กรมประชาสัมพันธ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301194143329 ส.สัตวแพทย์ฯ ย้ำไก่ไทยได้มาตรฐานโลก ไม่มีฮอร์โมนเร่งโต ทานได้ปลอดภัย,"
น.สพ.สุเมธ ทรัพย์ชูกุล นายกสมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสัตว์ปีกและเลขาธิการสัตวแพทยสภา กล่าวว่า ประเทศไทยมีมาตรฐานการเลี้ยงไก่ระดับโลก และเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่อันดับ 4 ของโลก ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่เนื้อไทยไม่มีการใช้ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต และมีพัฒนาการด้านคุณภาพ มาตรฐาน ระบบการเลี้ยง ตลอดจนปัจจัยต่างๆ ที่ช่วยให้ไก่เติบโตได้ดี มีสุขภาพแข็งแรง มาโดยตลอด
อุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ไทย มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ปรับปรุงพันธุ์ไก่ให้เป็นสายพันธุ์ที่โตเร็ว มีความต้านทานต่อโรค มีเทคโนโลยีการป้องกันโรคที่ดี เลี้ยงในโรงเรือนระบบปิดที่ทันสมัย มีการจัดทำฟาร์มมาตรฐาน GAP รวมทั้งเทคโนโลยีการผลิตอาหารที่มีสารอาหารเหมาะสมกับแต่ละช่วงวัยของไก่ ทำให้ไก่มีสุขภาพดีและเติบโตได้ดีโดยไม่จำเป็นต้องเสริมสารเร่งโตและยาปฏิชีวนะ
นอกจากนี้ กฎหมายประกาศยกเลิกและควบคุมการใช้ฮอร์โมนในไก่อย่างเคร่งครัดมาเป็นเวลากว่า 36 ปีแล้ว โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประกาศเพิกถอนทะเบียนยาฮอร์โมนชื่อ Hexoestrol ซึ่งเป็นฮอร์โมนตระกูล estrogen ที่ใช้ในสัตว์ปีก ตั้งแต่ปี พ.ศ.2529 ซึ่งหากมีการลักลอบใช้ ถือว่ามีความผิดและจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
น.สพ.สุเมธฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในฟาร์มมาตรฐาน GAP ทุกฟาร์มต้องมีสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์มในการควบคุมกำกับดูแลในการตรวจสอบทั้งด้านสุขภาพสัตว์ ควบคุมการใช้ยา สารเคมีและการจัดการด้านอื่น ๆ ในฟาร์มด้วย ทำให้มั่นใจได้ว่าไม่มีการใช้ฮอร์โมนและยาปฏิชีวนะอย่างผิดวัตถุประสงค์ เพื่อเร่งการเจริญเติบโตในการเลี้ยงไก่ไทยแน่นอน 100%
ปัจจุบันอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ในประเทศไทยมีความก้าวหน้าอย่างมาก มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการเลี้ยงสัตว์ มีการเลี้ยงไก่ในโรงเรือนระบบปิดเพื่อป้องกันโรค มีการควบคุมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม นำคอมพิวเตอร์มาควบคุมในการเลี้ยงไก่ที่สามารถตรวจเช็คได้ตลอด 24 ชม. ผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งเป็นการลดการสัมผัสของคนและสัตว์ รวมถึงการปฏิบัติตามหลักสวัสดิภาพสัตว์
ส่วนในกระบวนการผลิตของโรงงานจะมีระบบ GMP HACCP และจะมีระบบการตรวจรับรองคุณภาพต่างๆ ทั้งด้านกายภาพ เช่น ลักษณะเนื้อไก่ คุณภาพ สี ด้านเคมี จะมีการตรวจสารเคมีตกค้าง ด้านจุลชีววิทยา จะมีการตรวจเชื้อโรคต่างๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ก่อนจำหน่ายออกไป ซึ่งกำกับดูแลโดยกรมปศุสัตว์ นอกจากนี้ยังมีมาตรฐานการส่งออก ซึ่งประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่รายใหญ่ของโลก ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ไก่ไทยจะมีสารตกค้าง หรือมีสารพิษสะสม
อย่างไรก็ตาม กรณีที่กระทรวงดิจิทัลเผยแพร่ว่า กินคอไก่ ปีกไก่ หัวไก่ จะมีสารพิษสะสม โดยอ้าง ""คอไก่"" เป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสต่างๆ รวมถึงมีการฉีดฮอร์โมนที่บริเวณปีกถึง 4 ครั้ง เพื่อเร่งการเติบโต ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงนั้น ขอให้กระทรวงดิจิทัลแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง และยกเลิกข้อมูลเท็จดังกล่าวทันที เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดของประชาชน
",1/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สำนักพัฒนานโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301182418288 รัสเซียรบยูเครนทำวัตถุดิบป่วน ดันต้นทุนเกษตรกรพุ่ง แนะรัฐปล่อยตามกลไกตลาด ต่อลมหายใจคนเลี้ยง,เจ้ากระทรวงพาณิชย์ยอมรับว่าเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างรัสเซียกับยูเครน ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันไปทั่วโลก และอาจมีสินค้าบางรายการปรับราคาสูงขึ้นตามราคาน้ำมันที่ผันผวน ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องเกินคาดเดา เพราะแนวโน้มสินค้านั้นควรจะปรับตัวขึ้นไปแล้ว ตามภาวะต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2564 ที่ผ่านมา
โดยเฉพาะวัตถุดิบอาหารสัตว์ทุกตัวที่ปรับราคาไปแล้ว 40-50% อาทิ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ราคาปรับจากกิโลกรัมละ 10.50 บาท เป็น 11.45 บาท ส่วนราคาข้าวสาลีนำเข้าปรับจากกิโลกรัมละ 8.91 บาท เป็น 12.75 บาท และกากถั่วเหลืองจากเมล็ดนำเข้าจากกิโลกรัมละ 22.50 บาท เป็น 19.50 บาท ในปัจจุบัน
และมีแนวโน้มราคาปรับสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์อีก หากการสู้รบของรัสเซียและยูเครนยังคงยืดเยื้อ เนื่องจากทั้งสองประเทศเป็นผู้ส่งออกธัญพืชวัตถุดิบอาหารสัตว์รายใหญ่ของโลก มีปริมาณการส่งออกข้าวสาลี และส่งออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมกันราว 29% และ19% ของปริมาณการส่งออกทั่วโลก ตามลำดับ
วันนี้ผู้นำเข้าและผู้บริโภคปลายทางกำลังวิตก ว่าซัพพลายธัญพืชจะเกิดภาวะชะงักงันจากสงครามยูเครน เพราะต่อให้สงครามยุติตอนนี้ก็ตาม แต่การส่งออกในยูเครนก็ต้องใช้เวลามากถึง 45-60 วัน กว่าจะกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง แน่นอนว่าต้องกระทบกับการส่งออกสินค้าธัญพืชสำคัญอย่างแน่นอน
ที่สำคัญวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับราคาขึ้นเช่นนี้ กำลังส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นับตั้งแต่ห่วงโซ่แรกของการผลิตอย่างภาคผู้ผลิตอาหารสัตว์ ที่ต้องเจอกับปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีความต้องการใช้สูงถึง 7.98 ตัน แต่ขณะนี้ในประเทศไม่มีผลผลิตข้าวโพดแล้ว ผู้ประกอบการขาดแคลนผลผลิตถึง 3.18 ล้านตัน
ซ้ำยังติดประเด็นมาตรการรัฐ 3:1 ต้องซื้อผลผลิตข้าวโพดในประเทศ 3 ส่วน ต่อการนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน แต่เมื่อไม่มีข้าวโพดในประเทศให้ซื้อก็ไม่สามารถนำเข้าข้าวสาลีได้ ขณะเดียวกัน การซื้อกากถั่วเหลืองยังมีภาษีนำเข้าอีก 2% ซ้ำเติมภาระต้นทุน เพราะต้องสั่งซื้อมาทดแทนปริมาณผลผลิตตัวอื่นที่ขาดแคลน ภาระที่หนักอึ้งเช่นนี้ทำให้ผู้ประกอบการผลิตอาหารสัตว์หลายแห่ง จำเป็นต้องทยอยลดกำลังการผลิตลง
ปัญหาที่ตามมาเป็นลูกโซ่ตกอยู่กับฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ที่มีแนวโน้มขาดแคลนอาหารสำหรับเลี้ยงสัตว์ หากโรงงานต้องลดการผลิตลงเช่นนี้ และยังต้องเผชิญหน้ากับภาวะต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่จำเป็นต้องปรับสูงขึ้นอย่างยากจะหลีกเลี่ยง และเกษตรกรยังต้องเน้นการป้องกันโรคสัตว์และโรคคนอย่างเข้มงวด ด้วยการยกระดับระบบป้องกันโรค Biosecurity ที่กลายเป็นต้นทุนแฝงในการเลี้ยงที่จำเป็นต้องแบกรับ รวมถึงปัญหาราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเป็นภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย จนอาจทำให้เกษตรกรที่สายป่านทางการเงินไม่ยาวนัก จำต้องหยุดระบบการผลิตไปอย่างแน่นอน
ดังเช่นภาคผู้เลี้ยงไก่ที่เริ่มวิตกกังวล ทำให้หลายคนเริ่มจะพักการเลี้ยงไว้ก่อนแล้ว ดีกว่าต้องมาเสี่ยงแบกรับภาระขาดทุนสูง และเสี่ยงต่อภาวะไม่มีอาหารสัตว์เลี้ยงไก่ รวมทั้งยังต้องทำตามมาตรการรัฐด้วยการตรึงราคาไก่หน้าฟาร์มไว้ ไม่สามารถขายได้ตามต้นทุนที่แท้จริง หากราคาวัตถุดิบยังคงสูงต่อไป เกษตรกรไม่มีทางอยู่รอดได้ ที่สุดแล้วผลพวงสุดท้ายจะตกกับผู้บริโภคที่อาจต้องขาดแคลนเนื้อสัตว์
ดังนั้นภาครัฐต้องหันกลับมามองปัญหาที่แท้จริง เร่งแก้ปัญหาราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สูงเกินไป ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่จะสนับสนุนเกษตรกรให้สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ต่อไป ไม่ใช้วิธีตรึงราคา แต่ต้องปล่อยให้ราคาสินค้าปศุสัตว์เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งเรื่องนี้มีผลสำเร็จให้เห็นแล้วจากราคาหมูที่ลดลงจากกลไกตลาดที่ทำงานอย่างเสรีโดยไม่มีการควบคุม ทำให้เกษตรกรได้เดินหน้าอาชีพช่วยต่อลมหายใจคนเลี้ยง เพื่อไม่ต้องให้คนทั้งประเทศต้องเสี่ยงกับความมั่นคงทางอาหารที่อาจสั่นคลอนได้./
เรื่องโดย กันยาพร สดสาย นักวิชาการด้านปศุสัตว์
,1/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สำนักพัฒนานโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301182443289 กลไกตลาดเสรี ปล่อยวางราคาสินค้าตามต้นทุน ทางรอดเกษตรกร,สถานการณ์วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน กลายเป็นชนวนที่สร้างความสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลก และเป็นที่จับตาอย่างใกล้ชิดของหลายประเทศทั่วโลก โดยสิ่งที่ได้รับผลกระทบที่เห็นกันชัดๆ อาทิ ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงทันที รวมถึงราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นเกิน 100 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล ตลอดจนอุตสาหกรรมอาหาร เนื่องจากทั้งสองประเทศเป็นผู้ปลูกพืชรายใหญ่ของโลก ทั้งข้าวสาลี และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จะเป็นปัจจัยผลักดันให้ราคาอาหารโลกสูงขึ้นด้วย โดยการส่งออกข้าวสาลีของทั้งสองประเทศรวมกันคิดเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลีอันดับสามของโลก มีสัดส่วนที่ร้อยละ 29 ของการส่งออกข้าวสาลีทั่วโลก และมีสัดส่วนการส่งออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ร้อยละ 19 ของตลาดโลก
ผลของสงครามส่งผลให้ราคาข้าวสาลีในตลาดโลกปรับขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีราคาเพิ่มขึ้นแล้ว 15 % สำหรับประเทศไทยมีการนำเข้าข้าวสาลีเพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ ขณะนี้มีราคาที่กิโลกรัมละ 12 บาท จากเดิมในปี 2564 มีราคากิโลกรัมละ 8-9 บาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 34% ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทยราคาปรับขึ้นไปที่กิโลกรัมละ 11.45 บาท นับเป็นการเพิ่มขึ้นที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
นั่นหมายความว่าต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการเลี้ยงสัตว์ต่างๆ ทั้งหมู ไก่ ไก่ไข่ ต้องพลอยฟ้าพลอยฝนได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สูงขึ้นไปด้วย แล้วผู้เลี้ยงสัตว์จะอยู่กันได้อย่างไร
ถึงเวลาที่กระทรวงพาณิชย์ควรพิจารณานำกลไกตลาดเสรีมาปรับใช้ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเลี้ยงสัตว์ มากกว่าจะปล่อยให้ผู้เลี้ยงสัตว์ต้องแบกรับภาระต้นทุนแทนรัฐบาลเหมือนที่ผ่านมา
ปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์มีมาตรการคุมราคาสินค้าอาหาร โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ทั้งเนื้อหมู ไก่เนื้อ และไก่ไข่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบตรงจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ตุลาคม 2564 แต่ราคาขายปลีกกลับถูกควบคุมไว้ไม่เป็นไปตามกลไกการตลาด ทำให้เกษตรกรแบกภาระขาดทุนสะสม
อย่างไรก็ตาม จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเชิญสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่มาหารืออีกครั้ง เพื่อหาทางออกร่วมกันให้เกิดผลดีที่สุด ทั้งต่อเกษตรกรและฟาร์ม ผู้รวบรวมไข่ รวมทั้งผู้บริโภค จะทำอย่างไรให้เกิดความสมดุลที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากมีการพูดคุยกันมาตลอด และขณะนี้ราคาไข่ไก่ก็ไม่จัดว่าสูงเกินสมควร เพราะราคากำกับที่ฟองละ 3.50 บาท มีราคาเฉลี่ยที่ฟองละ 3.29 บาท
ล่าสุดคุณพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย บอกว่า วิกฤตรัสเซีย-ยูเครนเป็นตัวเร่งที่ทำให้วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่แพงอยู่ขณะนี้แพงขึ้นไปอีก การสั่งนำเข้าข้าวสาลีล่วงหน้าที่จะส่งมอบในเดือนเมษายน-พฤษภาคมนั้น ปัจจุบันได้รับแจ้งว่า อาจส่งมอบไม่ได้ เนื่องจากแนวโน้มสงครามที่คาดว่าจะรุนแรงมากขึ้น อาจกระทบด้านการขนส่งสินค้าด้วย หากว่า วัตถุดิบอาหารสัตว์ไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ จำเป็นที่ผู้ประกอบการต้องลดการผลิต หรือหาแหล่งนำเข้าสำรองจากประเทศอื่น เช่น อินเดีย และยอมนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มีราคาแพง พร้อมปรับราคาเนื้อสัตว์ให้สูงขึ้นในระดับที่สอดคล้องกับต้นทุน เพื่อให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาด
ทางฟากผู้เลี้ยงสัตว์บอกกล่าวกันมาตลอดตั้งแต่ยังไม่มีวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ถึงปัญหาต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ในประเทศที่มีราคาสูง ทำให้มีต้นทุนการเลี้ยงสูงแต่ก็ยังไม่ได้รับการเหลียวแลใดๆ
จากนี้จึงเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่จะต้องเร่งหาแนวทางเพื่อช่วยผ่อนคลายภาระต้นทุนของผู้เลี้ยงสัตว์ จากมาตรการดูแลพืชอาหารสัตว์ในประเทศ ด้วยการยกเลิกมาตรการควบคุมการนำเข้าข้าวสาลีที่มีอัตรา 3:1 รวมทั้งเปิดให้มีการนำเข้าข้าวโพดภายใต้กรอบ WTO และ AFTA โดยยกเลิกโควต้า ภาษีและค่าธรรมเนียมในปริมาณขาดแคลน ในปี 2565 และยกเลิกภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง 2 %
,1/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สำนักพัฒนานโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301182504290 กอนช. ขอให้ประชาชนใน 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขงระวังการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำอย่างฉับพลัน หลังเขื่อนจิ่งหงของจีนเพิ่มการระบายน้ำช่วง 4 - 10 มี.ค.,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนใน 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขงระวังการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำอย่างฉับพลัน หลังเขื่อนจิ่งหงของจีนเพิ่มการระบายน้ำช่วง 4 - 10 มีนาคม
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ออกประกาศแจ้งเตือนระดับน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ฉบับที่ 4 หลังพบระดับน้ำจากสถานีจิ่งหง ประเทศจีน วันที่ 1 มีนาคม เพิ่มขึ้นจากวันที่ 28 กุมภาพันธ์ โดยเพิ่มสูงขึ้น 66 เซนติเมตร หรืออัตราการระบายน้ำจากเดิม 997 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นอัตราการระบายน้ำ 1,463 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เบื้องต้นได้ประเมินระดับน้ำในแม่น้ำโขงจากการเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนจิ่งหง จึงขอแจ้งเตือนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นช่วงวันที่ 4 10 มีนาคม 2565 คือ ช่วงเหนือเขื่อนไซยะบุรี สปป.ลาว บริเวณสถานีเชียงแสน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย คาดการณ์ช่วงวันที่ 4 5 มีนาคม ระดับน้ำแม่น้ำโขงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น 50 60 เซนติเมตร และช่วงท้ายเขื่อนไซยะบุรี สปป.ลาว บริเวณอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย , อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม , อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร และอำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี คาดการณ์ช่วงวันที่ 7 10 มีนาคม ระดับน้ำแม่น้ำโขง มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 40 50 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนไซยะบุรี
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้จังหวัดบริเวณริมแม่น้ำโขงประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงและแจ้งเตือนให้ประชาชนที่สัญจรและประกอบกิจกรรมในบริเวณแม่น้ำโขง รวมทั้ง ผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณ 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขงติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมเฝ้าระวังผลกระทบที่ีอาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำในแม่น้ำโขงอย่างฉับพลันด้วย
",1/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301191412313 เทศบาลเมืองเบตงร่วมกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 16 (สงขลา) จัดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพชุมชน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก,วันนี้ (1 มี.ค.65) ที่ห้องประชุมสภา เทศบาลเมืองเบตง ชั้น 5 อำเภอเบตง จังหวัดยะลา นายจรัญ จันทร์ทิพย์ รองนายกเทศมนตรีเมืองเบตง เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพชุมชนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภายใต้โครงการยกระดับศักยภาพชุมชนสู่สังคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปีงบประมาณ 2565 โดยมีผู้เข้าร่วมอบรม ซึ่งประกอบด้วย บุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่ชุมชนต้นแบบ (ชุมชนสวนผัก)
นายจรัญ จันทร์ทิพย์ รองนายกเทศมนตรีเมืองเบตง กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นปัญหาทางสิ่งแวดล้อมที่สำคัญในปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการดำรงชีวิตของมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม สาเหตุหลักที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คือ การดำเนิน กิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สู่ชั้นบรรยากาศ เช่น การใช้พลังงานในครัวเรือน การใข้พลังงานในภาคธุรกิจการค้า การขนส่ง การจัดการของเสีย กิจกรรมการเกษตร ฯลฯ เทศบาลเมืองเบตงจึงร่วมกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 16 (สงขลา) จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชน ดำเนินกิจกรรมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมให้ชุมชนสู่การเป็นสังคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,1/3/2022,ภาคใต้,ยะลา,สวท.เบตง จ.ยะลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301193707325 จังหวัดนนทบุรีจัดประชุมสรุปผลการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายวงแหวนรอบนอก กทม. ด้านตะวันตก (บางขุนเทียน-บางปะอิน),นายอภิชัย อร่ามศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็นประธานการประชุมสรุปผลการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายวงแหวนรอบนอก กทม. ด้านตะวันตก (บางขุนเทียน-บางปะอิน) รวมถนนเชื่อมต่อวงแหวนรอบนอกด้านตะวันตกและด้านตะวันออก และสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา
โครงการนี้เกิดจาก กรมทางหลวงมีความต้องการที่จะพัฒนาถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ช่วงบางขุนเทียน-บางปะอิน ให้เป็นทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองที่มีการควบคุมทางเข้า-ออก โดยสมบูรณ์เพื่อรองรับกับถนนวงแหวนด้านตะวันออกและด้านใต้ที่มีการควบคุมทางเข้าออกโดยสมบูรณ์แล้ว ตลอดจนสามารถเชื่อมโยงกับโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองในอนาคตได้อย่างเป็นระบบ เป็นผลให้การเดินทางและการขนส่งสินค้าสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ต้นทุนการเดินทางและการขนส่งสินค้าลดลงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของประเทศ
โครงการมีระยะทาง 7875 กิโลเมตรครอบคลุมเขตปกครองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรีจังหวัดปทุมธานี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครอบคลุมพื้นที่ 5 เขต 10 อำเภอ 14 แขวง 26 ตำบลและ 233 หมู่บ้าน โดยศึกษาสิ่งแวดล้อมด้านต่าง ๆ เช่น คุณภาพอากาศ เสียง ความสั่นสะเทือน การคมนาคมขนส่ง อุบัติเหตุและความปลอดภัยของผู้ใช้ทาง เกษตรกรรม การโยกย้ายและการเวนคืน ประวัติศาสตร์และโบราณคดี
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,1/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,นนทบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนนทบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301193212319 จ.พระนครศรีอยุธยา ร่วมกับ อบจ.อยุธยา จัดฝึกอบรมหลักสูตร การบริหารจัดการขยะมูลฝอยและผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อม (EPU),"วันที่ 1 มีนาคม 2565 เวลา 09.00 น. ณ ห้องกรุงศรีอยุธยา 1 โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ นายประทีป การมิตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานพิธีเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร การบริหารจัดการขยะมูลฝอยและผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อม (EPU)จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารสวนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้กล่าวรายงาน มีนายนายสมศักดิ์ สันธินาค ประธานเครือข่าย ทสม.พระนครศรีอยุธยา รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาร่วมทำพิธีเปิดในครั้งนี้ โดยมีผู้เข้าร่วมอบรมจากหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน 150 คน
นางสมทรงฯ กล่าวว่า การจัดฝึกอบรมในวันนี้ สืบเนื่องจากกองสาธารณสุข องค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับอนุมัติให้จัดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร การบริหารจัดการขยะมูลฝอยและผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยประสานความร่วมมือกับ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 6 เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อถล. ทสม. และประชาชนมีความเข้าใจในการให้ความร่วมมือจัดการขยะมูลฝอย และสิ่งแวดล้อม
รวมทั้ง บทบาทหน้าที่ของการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อเสริมสร้างและสนับสนุนความรู้ด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อม และการเฝ้าระวังมลพิษในสิ่งแวดล้อม ให้แก่หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จิตอาสาประชาชน อถล. และ ทสม. ด้าน นายประทีปฯ เปิดเผยว่า ปัญหาขยะของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นปัญหาที่ทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำโดย นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา วางนโยบายในการส่งเสริมให้องค์กรต่าง ๆ รวมถึงภาคครัวเรือน คัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง รวมถึงมอบหมายองค์กรปกครองท้องถิ่นต่าง ๆ วางแนวทางในการบริหารจัดการขยะภาคครัวเรือน ให้มีประสิทธิภาพ และส่งเสริมภาพลักษณ์ ""อยุธยา เมืองสะอาด"" สร้างทัศนียภาพที่ดีให้กับนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาเยือนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งการฝึกอบรมครั้งนี้ผู้เข้าอบรมจะได้นำข้อมูลต่าง ๆ ไปปรับใช้ตามพื้นที่ของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ข่าว : สำนกงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เว็ปไซต์ : https://ayutthaya.prd.go.th/
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",1/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,พระนครศรีอยุธยา,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301194122328 รอง ผอ.รมน.จังหวัดนครราชสีมา ตรวจสอบแหล่งที่มาของน้ำสีชมพูอมม่วงผุดในบ่อน้ำประชาชน จังหวัดนครราชสีมา,พ.อ.อรรชัย รักษาศิลป์ รอง ผอ.รมน.จังหวัดนครราชสีมา ลงพื้นที่ตรวจสอบ ข้อเท็จจริงกรณีมีน้ำสีชมพูผุดขึ้นมาในบ่อน้ำของประชาชน บ้านหนองสมอ ตำบลหนองระเวียง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายบัญชา ขุนสูงเนิน ผู้อำนวยการส่วนควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม นางสาวอัจฉรา อิ่มมณี นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการ ผู้แทนสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมา องค์การบริหารส่วนตำบลหนองระเวียง และผู้จัดการเขตอุตสาหกรรมสุรนารี เข้าร่วมการตรวจสอบ สรุปผลการตรวจสอบดังนี้
1.สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 (นครราชสีมา) นำเสนอหลักฐานภาพถ่ายและคลิปวีดีโอผลการตรวจสอบพื้นที่เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 15.00 น. ซึ่งตรวจพบการระบายน้ำทิ้งสีชมพูแดงออกจากโรงงานอุตสาหกรรมอาหารในเขตอุตสาหกรรมสุรนารี จึงติดตามดูทิศทางการไหลของน้ำสีชมพูแดงดังกล่าว พบว่าน้ำทิ้งดังกล่าวไหลไปตามรางระบายน้ำด้านข้าง บริษัท ศรีไทยซุเปอร์แวร์ จำกัด และซึมหายไปในรางระบายน้ำ คล้ายกับมีรอยแตกร้าวหรือโพรงใต้แนวรางระบายน้ำบริเวณดังกล่าว
2.บ่อบำบัดน้ำเสียในโรงงานอุตสาหกรรมอาหารที่เข้าตรวจสอบสภาพผิวน้ำเป็นสีชมพู แต่น้ำทิ้งที่ระบายออกมีสีใส จึงเก็บตัวอย่างน้ำทิ้งขณะกำลังระบายออกสู่ภายนอกไปตรวจสอบ จำนวน 1 ตัวอย่าง และเก็บตัวอย่างน้ำสีชมพูอมม่วงในบ่อของประชาชนไปตรวจสอบ จำนวน 1 ตัวอย่าง
3.สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 นำตรวจสอบบริเวณรางระบายน้ำในเขตอุตสาหกรรมสุรนารีที่ตรวจพบการรั่วไหลของน้ำเสีย โดยผู้จัดการเขตอุตสาหกรรมสุรนารี แจ้งว่า จะตรวจสอบระบบรางระบายน้ำดังกล่าวภายใน 7 วัน หากพบว่ามีการรั่วไหลของ น้ำเสียจะดำเนินการซ่อมแซมโดยเร่งด่วน ต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,1/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220301212707365 ปภ.ระยอง รายงานความคืบหน้าภารกิจขจัดคราบน้ำมันในทะเลและการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ,"วันที่ 1 มีนาคม 2565 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง กรณีคราบน้ำมันดิบรั่วไหล โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยองแจ้งว่าวันนี้ เมื่อเวลา 13.00 น. เรือ UNIWISE RAYONG เริ่มปฏิบัติงานใต้น้ำทำการซ่อมวาล์วต่อเนื่องจากช่วงเช้า และได้รับแจ้งว่าจะซ่อมทำเสร็จเวลาประมาณ 17.00 น. หลังจากนั้นจะทำการทดสอบแรงดันกับตัววาล์วในวันที่ 2 มี.ค.65 โดยขณะที่ปฏิบัติงานใต้น้ำ พบว่ามีคราบน้ำมันเป็นฟิล์มบาง ขนาด 3x50 เมตร มีกลิ่น บริเวณทุ่น SPM ออกมาเป็นบางช่วง และมีเรือคอยพ่นน้ำยาเป็นระยะ ส่วนพื้นที่อื่น ๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานว่ายังไม่พบคราบน้ำมันแต่อย่างใด
สำหรับการดำเนินงานของบริษัท SPRC ได้มีการจัดชุดเฝ้าระวังคราบและฟิล์มน้ำมันทั้งทางบกและทางน้ำ รวมถึงเก็บทำความสะอาด Tar ball บริเวณชายหาดอย่างต่อเนื่อง ส่วนการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยานั้น เมื่อเวลา 09.30 น. ดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือ กลุ่มประมงเกาะเสม็ด จำนวน 37 ราย ที่โรงเรียนเกาะแก้วพิสดารเกาะเสม็ด และในวันที่ 2 มี.ค.65 บริษัทจะดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือ กลุ่มประมงอีก 17 กลุ่ม จำนวน 617 ราย ที่ศูนย์ราชการจังหวัดระยอง ส่วนกรณีประชาชนและผู้สื่อข่าวร้องเรียน พบคราบตะกอนดำและได้กลิ่นน้ำมัน เวลาประมาณ 10.26 น. บริษัท SPRC และ SECOT ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างตะกอนดำ ผลการทดสอบเบื้องต้นไม่ใช่คราบน้ำมันและไม่มีกลิ่น ซึ่งศูนย์ควบคุมมลพิษจังหวัดระยองและ SECOT ได้เก็บตัวอย่างเพื่อวิเคราะห์ในรายละเอียดต่อไป
สำหรับการยื่นเรื่องร้องทุกข์ของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่ 30 ม.ค.65 จนถึงปัจจุบันมียอดรวมทั้งสิ้น จำนวน 11,936 ราย ทั้งนี้ หากต้องการยื่นเรื่องร้องทุกข์ให้ติดต่อที่สายด่วน SPRC โทร. 038-699881 ส่วนสิ่งที่ต้องเตรียมมาประกอบการยื่นเรื่อง ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เอกสารการจดทะเบียนการประกอบอาชีพ การคำนวณการขาดรายได้ รูปถ่ายสถานที่ประกอบอาชีพ/ร้านค้า/หาบเร่/แผงลอยหรืออื่น ๆ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",1/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302004548405 ทหารพรานที่ 35 ผนึกกำลังชาวท่าสองยาง จ.ตาก ทำแนวกันไฟ ป้องกันไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5,"เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 พันเอก จักรพงษ์ เทพพันธุ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 โดยกองร้อยทหารพรานที่ 3503 ได้จัดกำลังพล ร่วมกับจิตอาสาพระราชทานอำเภอท่าสองยาง ชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือนที่ 304 กองกำลังนเรศวร กำนันตำบลแม่หละ คณะครู นักเรียนโรงเรียนบ้านห้วยนกกก และประชาชนจิตอาสาในพื้นที่บ้านห้วยนกกก ร่วมกันทำแนวกันไฟบริเวณป่าชุมชนบ้านห้วยนกกก หมู่ที่ 4 ตำบลแม่หละ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ซึ่งมีเนื้อที่ป่าชุมชน จำนวน 2,000 ไร่ เพื่อเป็นการบริหารจัดการลดปริมาณเชื้อเพลิง และเป็นการป้องกันการเกิดไฟป่า ลดการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 10 และ PM 2.5 ที่ก่อมลพิษในอากาศในพื้นที่ ซึ่งแนวกันไฟมีขนาดความกว้าง 3 เมตร ระยะทางยาว 2 กิโลเมตร มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 313 คน
ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ชมโรงเรียนสามารถจัดการได้ตามแผนเผชิญเหตุ หลังมีนักเรียนติดเชื้อ COVID-19 ในสถานศึกษา พร้อมปรับรูปแบบการเรียนจาก On Site เป็น On Line หรือ On Hand ตามสถานการณ์
วันนี้ (1 มี.ค. 65) นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล , พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล , ประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูล ร่วมลงพื้นที่เยี่ยมและให้กำลังใจประชาชนที่อยู่ระหว่างการกักตัวสังเกตอาการหลังเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงภายใน HQ และผู้ติดเชื้อที่อยู่ระหว่างรักษาตัวภายใน HI ในพื้นที่อำเภอควนกาหลง และเยี่ยมโรงเรียนในอำเภอมะนัง จังหวัดสตูล หลังนักเรียนติดเชื้อ COVID-19 หลายราย พร้อมติดตามการบริหารจัดการตามแผนเผชิญเหตุของโรงเรียนต่างๆ โดยมีนายประหยัด สุขขี ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสตูล และคณะผู้บริหารโรงเรียนร่วมให้การต้อนรับ
สำหรับการลงพื้นที่ดังกล่าวผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลและคณะ เยี่ยมและให้กำลังใจพร้อมมอบถุงยังชีพ สิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภคให้แก่ประชาชนพื้นที่อำเภอมะนัง 2 หลังคาเรือน จากนั้นเดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจพร้อมทั้งติดตามการบริหารจัดการแผนเผชิญเหตุโรงเรียนในพื้นที่อำเภอมะนัง จำนวน 4 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนนิคมพัฒนาผัง 6 , โรงเรียนผังปาล์ม 2 , โรงเรียนผังปาล์ม 3 และโรงเรียนอนุบาลมะนัง ซึ่งได้มีการปรับรูปแบบรองรับสถานการณ์นักเรียนติดเชื้อ COVID-19 ภายในโรงเรียน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวชื่นชมการบริหารจัดการตามแผนเผชิญเหตุของแต่ละโรงเรียน ซึ่งมีนักเรียนที่ติดเชื้อมากบ้าง น้อยบ้าง แต่ก็สามารถจัดการได้ โดยนักเรียนบางแห่งมีการเรียนรู้ในการกักตัวและการดูแลเพื่อนที่มีอาการป่วย เช่น การเช็ดตัวเพื่อน , การจดบันทึกอุณภูมิร่างกาย , การจดบันทึกระดับออกซิเจนในเลือดจากเครื่องตรวจวัด ซึ่งภายหลังกักตัวหรือรักษาตัวครบแล้ว ทางโรงเรียนได้ออกใบรับรองการสังเกตอาการให้ทุกราย
ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้จังหวัดสตูลมีการอนุญาตให้โรงเรียนเปิดการเรียนการสอนแบบ On Site มากถึง 90 เปอร์เซ็น โดยโรงเรียนแต่ละแห่งสามารถบริหารจัดการได้ดี และมีการปรับรูปแบบการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับสถานการณ์จากการเรียนแบบ On Site เป็นเรียนรูปแบบ On Line หรือ On Hand เด็กก็จะสามารถเรียนหนังสือต่อไปได้ ส่วนนักเรียนที่ติดเชื้อแล้ว รักษาตัวที่บ้านรูปแบบ HI ปัจจุบันรัฐบาลมีแนวทางการจัดการแบบ เจอ-แจก-จบ คือ เมื่อเจอว่าเป็นผู้ติดเชื้อก็จะเข้าสู่ระบบการรักษา โดยหน่วยงานสาธารณสุขจะแจกจ่ายยาให้สอดคล้องกับอาการและความเสี่ยง โดยมี 3 สูตรด้วยกัน คือ สูตร 1 จ่ายยาฟาวิพิราเวีย ให้แก่กลุ่มเปราะบาง ผู้มีโรคประจำตัว เป็นต้น , สูตร 2 จ่ายยาฟ้าทะลายโจร ให้แก่ผู้ที่มีอาการไม่มาก และจ่ายยารักษาตามอาการ สำหรับผู้ที่ไม่มีอาการหรือเป็นกลุ่มสีเขียว โดยประชาชนเริ่มเข้าใจและปรับเปลี่ยนบ้านให้เป็น HI ได้ดีขึ้น ส่วนบ้านไหนที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนเป็น HI ได้ ก็สามารถเข้ารับการรักษาตัวที่ CI ของแต่ละพื้นที่ได้เช่นกัน
",2/3/2022,ภาคใต้,สตูล,สวท.สตูล,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302023629419 กรมปศุสัตว์ย้ำ ไก่ไทยไร้สารตกค้าง ไร้ฮอร์โมน ผู้บริโภคมั่นใจทานได้ปกติ คู่ค้ามั่นใจส่งออกได้ต่อเนื่อง,"นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานทางสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับประเด็น เรื่อง กินคอไก่ ปีกไก่ และหัวไก่ จะมีสารพิษ เมื่อทานแล้วสะสม เสี่ยงอันตรายต่อร่างกาย นั้น กรมปศุสัตว์ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว สรุปว่าเป็นข่าวปลอมไม่เป็นความจริง การนำเสนอข้อมูลเท็จนี้ สามารถสร้างความตื่นตะหนกให้แก่ประชาชนผู้บริโภคเนื้อไก่ได้ และอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่เป็นผู้ส่งออกเนื้อสัตว์ปีกรายใหญ่ของโลกได้ เพื่อเป็นการคุ้มครองและสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงได้เร่งสร้างความรู้ความเข้าใจและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อผู้บริโภค และให้ทุกหน่วยงานกำกับดูแลสินค้าปศุสัตว์ให้มีความปลอดภัยอาหาร รักษาคุณภาพมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ที่ได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์อย่างเข้มงวดต่อเนื่อง ซึ่งในประเด็นกินไก่ ส่วนคอไก่ ปีกไก่ และหัวไก่ ทำให้ได้รับสารพิษสะสมในร่างกายเกิดอันตรายนั้น ทางข้อมูลทางวิชาการต้องขอชี้แจงว่า ไก่เป็นสัตว์ปีก ที่ไม่มีต่อมน้ำเหลือง แต่จะมีต่อม Thymus ที่คอ และจะฝ่อไปเมื่อไก่โตขึ้น โดยเมื่อไก่โตขึ้นระบบต่อมน้ำเหลืองในไก่จะเป็นลักษณะเนื้อเยื่อที่อยู่ในทางเดินอาหาร จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการสะสมของเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่คอไก่ และหัวไก่ไม่สามารถสะสมสารพิษได้ เนื่องจากไก่ไม่มีต่อมพิษที่หัว และไก่ยังมีตับและไตที่ทำหน้าที่กำจัดสารพิษออกจากร่างกายเหมือนกับมนุษย์ด้วย
กรมปศุสัตว์มีการเก็บตัวอย่างเพื่อสำรวจสารตกค้างในเนื้อสัตว์เป็นประจำทุกปี ซึ่งจากผลการตรวจสอบตรวจพบว่าไม่มีการใช้ฮอร์โมนเพื่อเร่งการเจริญเติบโตในเนื้อไก่แน่นอน นอกจากนี้ได้มีการเก็บตัวอย่างทั้งเนื้อไก่และเครื่องในตรวจหาสารตกค้างต่าง ๆ รวมถึงฮอร์โมนทั้งที่ฟาร์มและโรงฆ่าสัตว์ ดำเนินการมามากกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งผลจากการตรวจวิเคราะห์ฮอร์โมนรวมจำนวนกว่า 2,505 ตัวอย่าง ทั้งหมดไม่พบสารตกค้างของฮอร์โมน
นอกจากนี้ ยังไม่เคยพบรายงานการติดพยาธิจากการบริโภคเนื้อไก่ เนื่องจากพยาธิต้องการมีความจำเพาะต่อร่างกายของโฮสต์ แต่ร่างกายของมนุษย์ไม่มีความจำเพาะต่อพยาธิที่ติดในไก่ จึงทำให้ไม่เคยมีรายงานการติดพยาธิจากการบริโภคไก่มาก่อน จึงขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจเนื้อไก่ รวมทั้งคอไก่ ปีกไก่ และหัวไก่ที่จำหน่ายในไทยยังมีความปลอดภัยรับประทานได้ตามปกติ ไม่มีสารตกค้าง ไม่มีฮอร์โมน และแนะปรุงสุกก่อนนำมารับประทานทุกครั้ง
",2/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302111633468 กรมส่งเสริมการเกษตร ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและช่วยเหลือเกษตรกรหลังน้ำท่วมพื้นที่เกษตรภาคใต้,"นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า จากที่มีประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2565 ว่าด้วยหย่อมความกดอากาศต่ำที่พัดผ่านปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากและมีคลื่นลมแรงบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล ประมาณ 60-70 % ของพื้นที่ โดยคาดว่าจะมีพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย จำนวน 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ปัตตานี นราธิวาส พัทลุง ยะลา และสงขลา พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะได้รับความเสียหาย จำนวนประมาณ 80,153 ไร่
กรมส่งเสริมการเกษตรได้สั่งการให้สำนักงานเกษตรจังหวัดในพื้นที่เร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเข้าให้ความช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรเบื้องต้นหลังน้ำลด และผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว โดยต้องดำเนินการสำรวจความเสียหายให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ในกรณีที่วงเงินที่จะชดเชยไม่เกิน 5 แสนบาท จะเสนอคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ พิจารณาให้การช่วยเหลือเกษตรกร ภายใน 5 วัน หากวงเงินชดเชยเกินกว่า 5 แสนบาท จะต้องเร่งเสนอ คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด พิจารณาให้การช่วยเหลือ ภายใน 5 วัน และหากเกินวงเงิน 20 ล้านบาท จะต้องเสนอกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อสรุปเสนอกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาให้การช่วยเหลือต่อไป
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือนั้น กรมส่งเสริมการเกษตรได้สนับสนุนเกษตรกรพันธ์พืชทันที จำนวนกว่า 262,000 ต้น ที่เป็นพืชที่เกษตรกรนิยมเพาะปลูกและรับประทานในพื้นที่ รวมทั้งหัวเชื้อสำหรับให้เกษตรกรขยายเชื้อเอง เพื่อนำไปใช้ฟื้นฟู ป้องกันเชื้อราสาเหตุโรคพืชให้แก่เกษตรกรที่ประสบภัยภายหลังน้ำลด
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือยังคงเป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 หลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 ในอัตราดังนี้ ข้าว 1,340 บาทต่อไร่ พืชไร่และพืชผัก 1,980 บาทต่อไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่นๆ 4,048 บาทต่อไร่ ตามพื้นที่เสียหายจริงไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ ทั้งนี้เป็นไปตามที่อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว
",2/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302112108474 เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว เตือนยังเกิดสภาพอากาศแปรปรวนมีฝนฟ้าคะนอง,ว่าที่ร้อยตรี ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีและรักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนตั้งแต่วันนี้ (2 มี.ค.) เป็นต้นไป โดยในตอนกลางวันพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนอุณหภูมิสูงสุดตั้งแต่ 35 องศาเซลเซียสขึ้นไป ช่วงต้นฤดูร้อนอากาศยังแปรปรวนเกิดฝนฟ้าคะนองเป็นระยะ ขณะที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงจะมีอากาศเย็นในตอนเช้าต่อไปอีกระยะหนึ่ง
สำหรับฤดูร้อนปีนี้ คาดว่าจะยาวนานไปจนถึงประมาณกลางเดือนพฤษภาคม ช่วงที่อากาศร้อนสูงสุดปีนี้จะอยู่ในช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิสูงที่สุดประมาณ 40 43 องศาเซลเซียส ภาคกลางและภาคตะวันออก อุณหภูมิสูงที่สุดประมาณ 40 42 องศาเซลเซียส บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองได้ในบางวัน ส่วนภาคใต้จะมีฝนตกร้อยละ 30 40 ของพื้นที่ในช่วงเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนเมษายน จากนั้น ฝนจะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันตก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่สภาพอากาศแปรปรวนและอากาศร้อนจัด ทำให้เกิดฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตก หรือบางครั้งอาจมีไฟป่าเกิดขึ้นจากอากาศที่ร้อนและแห้งในบางพื้นที่
นายไพบูลย์ โอมาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง ที่ห้องพระยารัษฎา ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดตรัง โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมดังกล่าว เพื่อพิจารณาร่างแผนเผชิญเหตุไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และแผนเผชิญเหตุภัยแล้งจังหวัดตรัง ประจำปี 2565
ทั้งนี้ เพื่อเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ปี 2565 ให้เกิดประสิทธิภาพ สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง พร้อมทั้งทบทวน สรุปและถอดบทเรียนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาภัยแล้งของปี 2564 เพื่อนำปัญหาอุปสรรคมาปรับปรุงแก้ไข สำหรับการดำเนินงานในปี 2565 ได้มีมาตรการป้องกันและแผนการดำเนินการระดับจังหวัด อำเภอ และระดับท้องถิ่น มีเป้าหมายบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งจังหวัดตรัง จะดำเนินงานภายใต้นโยบายของรัฐบาลโดยการจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ ถือเป็นการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,2/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302102935439 นายกสมาคมไก่ไทย จี้รัฐบาล เร่งช่วยเหลือวัตถุดิบอาหารสัตว์,"นายกสมาคมไก่ไทย จี้รัฐบาล เร่งช่วยเหลือวัตถุดิบอาหารสัตว์ หลังรัสเซียและยูเครนเปิดศึกยิงกันแล้ว เหตุเป็นแหล่งนำเข้าข้าวสาลี ข้าวโพดสำคัญ
ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมารัฐบาลให้ผู้ประกอบการและเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์อยู่ในความควบคุมของภาครัฐโดยเฉพาะกรมการค้าภายใน ซึ่งขณะนั้นราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ก็พุ่งอยู่แล้ว และในขณะนี้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย กับยูเครน ที่ได้เปิดศึกยิงใส่กัน มีผลอย่างยิ่งต่อราคาธัญพืช ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญของการผลิตอาหารสัตว์ เนื่องจากรัสเซียและยูเครนเป็นแหล่งเพาะปลูกสำคัญ ทั้งข้าวสาลี ข้าวโพดสำหรับข้าวสาลีนำเข้า ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการเลี้ยงไก่ ราคาปรับสูงขึ้นจาก 8-9 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อปี 2564 เพิ่มเป็น 12 บาทต่อกิโลกรัมในปัจจุบัน ขณะที่ข้าวโพดในประเทศไทย ราคาปรับไปถึง 11.10 บาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบันวัตถุดิบอาหารสัตว์ส่วนใหญ่ราคาขึ้นมาสูงกว่า 50-60% แล้ว ยังไม่นับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่จะสูงขึ้นทำให้ต้นทุนค่าขนส่งปรับเพิ่มด้วย
ดร.ฉวีวรรณ กล่าวอีกว่า ทางสมาคมและผู้ประกอบการยังเคยแนะแนวทางแก้ปัญหาราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์พุ่งสูง โดยรัฐบาลควรลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบที่ใช้เลี้ยงสัตว์ ทั้งกากถั่ว ข้าวโพด และวัตถุดิบอื่นๆ เพื่อลดต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการ แต่รัฐบาลยังนิ่ง ดังนั้น สิ่งที่ขอฝากไปยังรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์คือ การแก้ไขปัญหาเรื่องต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม เพราะที่ผ่านมาเกษตรกรก็พูดมาตลอดว่าแบกรับต้นทุนมาตลอด
ซึ่งตนเป็นนายกนายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์มา 20 ปีแล้ว และอยู่กับสมาคม เกือบ 30 ปี พบเห็นการบริหารประเทศมาหลายรัฐบาล ขอฝากให้รัฐบาลชุดนี้ดูแล และแก้ปัญหาให้ตรงจุด โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ถ้ารัฐไม่สามารถควบคุมราคาวัตถุดิบจากผลกระทบของสถานการณ์ยูเครน ก็ควรปล่อยให้ราคาไก่และไก่ไข่เป็นไปตามกลไกที่ควรจะเป็น ทั้งนี้ ประเทศรัสเซียและยูเครน มีปริมาณการส่งออกข้าวสาลีรวมกันประมาณ 29% ของปริมาณการส่งออกทั่วโลก ส่วนข้าวโพด 19% ของตลาดโลก
ปริญญา ข่าว/ภาพ
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",2/3/2022,ภาคตะวันออก,ชลบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302134531582 สนง.ปศุสัตว์จังหวัดแม่ฮ่องสอน ร่วมงานโครงการรณรงค์ไถกลบตอซังฯ พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ การทำฟางปรุงแต่งยูเรียผสมกากน้ำตาล แก่เกษตรกรและผู้สนใจ,วันที่ 1 มีนาคม 2565 น.สพ.ดร. อนิรุธ เนื่องเม็ก ปศุสัตว์จังหวัดแม่ฮ่องสอนมอบหมาย นายอมรินทร์ เดชานุวัติ นักวิชาการสัตวบาลชำนาญการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดแม่ฮ่องสอน ร่วมจัดนิทรรศการและร่วมงานโครงการรณรงค์ไถกลบตอซังเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ประจำปีงบประมาณ 2565 ณ แปลงสาธิตการไถกลบตอซัง บ้านกุงไม้สัก ม. 2 ตำบลปางหมู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตามแผนการจัดโครงการฯ ของสถานีพัฒนาที่ดินแม่ฮ่องสอน โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 6 เป็นประธานกล่าวเปิดงาน
ซึ่งประโยชน์จากการไถกลบตอซัง ทำให้โครงสร้างดินมีความอุดมสมบูรณ์ แร่ธาตุอาหารในดินเพิ่มมากขึ้น ไม่สร้างมลพิษทางอากาศ สะอาด ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมการใส่ปุ๋ย หมักมีอินทรีย์วัตถุ แร่ธาตุ ฟอสฟอรัส โพแทสเซียมในดินเพิ่มมากขึ้นและช่วยในการย่อยสลายได้เร็วขึ้นการใส่นํ้าสกัดชีวภาพมี อินทรีย์วัตถุ แร่ธาตุฟอสฟอรัส โพแทสเซียมในดินเพิ่มมากขึ้นและช่วยในการยอยสลายได้เร็วขึ้น
ในการนี้ กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์ฯ ได้จัดนิทรรศการถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่อง การผลิตอาหารหมักจากเปลือกข้าวโพด (สวทช.) และการทำฟางปรุงแต่งยูเรียผสมกากน้ำตาล (กรมปศุสัตว์) แก่เกษตรกรและผู้สนใจ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,2/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302112100473 คณะเจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา ลงพื้นที่ศึกษากระบวนการผลิตและเยี่ยมชมสวนชมพู่เพชรสายรุ้ง ผลไม้ที่บ่งชี้ภูมิศาสตร์ GI แหล่งปลูกในพื้นที่ตำบลหนองโสน ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเพชรบุรี,
วานนี้ (1 มีนาคม 2565) ที่สวนชมพู่เพชรสายรุ้ง ตำบลหนองโสน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ว่าที่ ร.ต.อาณัติ หุ่นหลา เกษตรจังหวัดเพชรบุรี นายยุทธนา เมืองเล็ก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองโสน ให้การต้อนรับ คณะเจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา นางสาวมนชนก ธนสันติ นางสาวมณีรัตน์ จุ้ยเรือง เจ้าหน้าที่ GI และคณะสื่อมวลชน ลงพื้นที่ศึกษากระบวนการผลิตและเยี่ยมชมสวนชมพู่เพชรสายรุ้ง
นายยุทธนา เมืองเล็ก นายก อบต.หนองโสน ได้เปิดเผยว่า ชมพู่เพชรสายรุ้ง เป็นผลไม้ที่บ่งชี้ภูมิศาสตร์ GI แหล่งปลูกในพื้นที่ตำบลหนองโสน ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเพชรบุรี มีขั้นตอนการปลูกตามภูมิปัญญาท้องถิ่น ไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ ทั้งสิ้น จึงมีความหวานกรอบ อร่อยต่างจากชมพู่ทั่วไป การเก็บผลผลิตเพื่อยืดอายุต้องนำเข้าห้องเย็น ควบคุมปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม จะทำให้ผลผลิตสามารถเก็บไว้ได้นานขึ้นและเพิ่มคุณภาพผลชมพู่มีสีสวยสดน่ารับประทาน มีกลิ่นหอม ส่งผลให้เป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งเราได้รับการสนับสนุนจาก ว่าที่ ร.ต.อาณัติ หุ่นหลา เกษตรจังหวัดเพชรบุรี นายธนไชย อ่ำจั่น สจ.เพชรบุรี ผศ.ดร.บำเพ็ญ ไมตรีโสภณ คณะบดี รัฐประศาสนศาสตร์ ม.นานาชาติแสตมป์ฟอร์ด นายชลอ ดำนิล สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดเพชรบุรี ร่วมให้ข้อมูลฯ โดยการลงพื้นที่ของคณะเจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เกิดการต่อยอดทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการขยายช่องทางการตลาด และเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและบริการ เพื่อเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ทั้งนี้ อาศัยองค์ความรู้และการดำเนินงานแบบบูรณาการของหน่วยงานต่างๆ ในกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ชุมชน และสนับสนุนให้สวนชมพู่เพชรสายรุ้ง เป็นแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและชุมชนอีกทางหนึ่ง
สวท.เพชรบุรี
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,2/3/2022,ภาคตะวันตก,เพชรบุรี,สวท.เพชรบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302125916557 กอนช.ขอให้ประชาชนหลายพื้นที่ทั่วประเทศระวังฝนตกหนัก โดยเฉพาะภาคใต้ที่ยังเกิดน้ำท่วมขังอยู่ใน 7 จังหวัด พร้อมระวังระดับน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนหลายพื้นที่ทั่วประเทศระวังฝนตกหนัก โดยเฉพาะภาคใต้ที่ยังเกิดน้ำท่วมขังอยู่ใน 7 จังหวัด พร้อมระวังระดับน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ช่วงวันที่ 4 10 มีนาคม
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (2 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น ส่วนบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ จ.ชุมพร 61 มิลลิเมตร , ประจวบคีรีขันธ์ 59 มิลลิเมตร และยะลา 33 มิลลิเมตร โดยตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม ที่เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 7 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวม 35 อำเภอ 174 ตำบล 629 หมู่บ้าน 20,730 ครัวเรือน ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 30,836 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 53 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 24,605 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 51 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 5 แห่ง คือ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล อ่างเก็บน้ำแม่จาง และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนและแม่กลองมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ยังได้เฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ช่วงวันที่ 4 10 มีนาคม เนื่องจากการเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนจิ่งหง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 1 มีนาคมเพิ่มขึ้นและระบายด้วยอัตรา 997 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนวันนี้ (2 มี.ค.65) เพิ่มขึ้นเป็น 1,463 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อาจผลกระทบในพื้นที่บริเวณช่วงเหนือเขื่อนไซยะบุรี สปป.ลาว บริเวณสถานีเชียงแสน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย คาดช่วงวันที่ 4 5 มีนาคมระดับน้ำแม่น้ำโขงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 50 60 เซนติเมตร และช่วงท้ายเขื่อนไซยะบุรี สปป.ลาว บริเวณ อ.เชียงคาน จ.เลย , อ.เมือง จ.หนองคาย , อ.เมือง จ.นครพนม , อ.เมือง จ.มุกดาหาร และ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี คาดช่วงวันที่ 710 มีนาคม ระดับน้ำแม่น้ำโขงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ประมาณ 40 50 เซนติเมตร โดยขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนไซยะบุรี จึงขอให้จังหวัดบริเวณริมแม่น้ำโขงและผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณ 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
",2/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302133114569 "จังหวัดพิษณุโลกปฏิบัติการ Kick Off กิจกรรม ""รัฐเข้ม ตรวจจับ ปรับจริง - ห้ามใช้รถควันดำ"" หลังได้รับผลกระทบคุณภาพอากาศเริ่มเกินค่ามาตรฐาน","วันที่ 2 มีนาคม 2565 ที่บริเวณจุดตรวจตลาดไดโนเสาร์ ถนนสีหราชเดโชชัย ตำบลวัดจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดปฏิบัติการ Kick off กิจกรรม รัฐเข้ม ตรวจจับ ปรับจริง ห้ามให้รถควันดำ ซึ่งการดำเนินการตรวจวัดควันดำรถยนต์ดีเซล ดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจวัดด้วยเครื่องมือระบบวัดความทึบแสง ของกรมควบคุมมลพิษ โดยหากตรวจวัดค่าควันดำได้เกินกว่าร้อยละ 45 ทางเจ้าหน้าที่จะมีการออกคำสั่งห้ามใช้รถชั่วคราว และให้เจ้าของรถต้องนำรถไปปรับปรุงแก้ไขให้มีค่าควันดำเป็นไปตามมาตรฐานภายใน 30 วัน หากฝ่าฝืนคำสั่งห้ามจะมีความผิดตาม พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท และหากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ จะมีโทษจำคุกสูงสุด 1 เดือน ปรับสูงสุด 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับการดำเนินการตรวจวัดควันดำดังกล่าว นายรณชัย จิตรนวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้กล่าวว่า สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 3 (พิษณุโลก) สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพิษณุโลก ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจสอบ ตรวจจับ และห้ามใช้รถควันดำ เนื่องจากในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ในพื้นที่เริ่มได้รับผลกระทบเรื่องคุณภาพอากาศที่เกินค่ามาตรฐาน 50 มคก./ลบ.ม. จึงได้พยายามหาต้นตอของแหล่งเกิดมลพิษ PM 2.5 ไม่ว่าจะมาจากการเผาในที่โล่ง จากโรงงานอุตสาหกรรม และที่มาจากภาคการจราจรและการขนส่ง อีกทั้งจากไฟป่าเผาไหม้ และจากการที่รัฐบาลได้กำหนดให้ปัญหาผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน เป็นวาระแห่งชาติ จังหวัดพิษณุโลกจึงได้ตระหนักเห็นถึงความสำคัญในการที่จะป้องกันแก้ไขปัญหา จึงได้ดำเนินโครงการ เฝ้าระวังติดตามตรวจสอบและควบคุมมลพิษทางอากาศด้านการขนส่ง ดำเนินกิจกรรมตรวจจับควันดำจากยานพาหนะดังกล่าว
โดยในวันนี้มีการตรวจวัด ค่ามาตรฐานฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ตาม พรบ.สิ่งแวดล้อม 25 คัน ควันดำเกินค่ามาตรฐานและห้ามใช้จำนวน 7 คัน ตาม พรบ.ขนส่งทางบก 7 คัน ควันดำเกินมาตรฐานและห้ามใช้จำนวน 3 คัน รวมทั้งสิ้น 32 คัน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",2/3/2022,ภาคเหนือ,พิษณุโลก,สวท.พิษณุโลก,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302141759601 ค่าฝุ่น PM 2.5 ใน กทม.และปริมณฑลปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ส่วนภาคเหนือเกินมาตรฐานระดับสีแดง 2 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ จ.แม่ฮ่องสอน และ รพ.เทพรัตนฯ จ.เชียงใหม่,ค่าฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ส่วนภาคเหนือเกินมาตรฐานระดับสีแดง 2 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน และรพ.เทพรัตนฯ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (2 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงปานกลาง โดยค่าฝุ่นปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัดช่วยลดการสะสมของฝุ่นลงได้ ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 5 - 8 มีนาคม ขณะที่ค่าฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นเกินมาตรฐานระดับสีแดง 2 พื้นที่ บริเวณ รพ.เทพรัตนฯ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ และ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 5 - 9 มีนาคม แต่ช่วงวันที่ 3 - 4 มีนาคม ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษฝุ่นมีแนวโน้มสูงขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและตอนล่าง ขณะเดียวกันจังหวัดแม่ฮ่องสอนควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษจนถึงวันที่ 8 มีนาคมนี้
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
,2/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302133336571 สภาพน้ำทะเลระยองอยู่ในเกณฑ์ปกติและไม่พบคราบฟิล์มน้ำมัน ยกเว้นยังพบก้อนน้ำมันบริเวณหาดแม่รำพึงตรงร้านเจ๊จุกซีฟู๊ดและก้นอ่าว,สภาพน้ำทะเลจังหวัดระยองอยู่ในเกณฑ์ปกติและไม่พบคราบฟิล์มน้ำมัน ยกเว้นยังพบก้อนน้ำมันบริเวณหาดแม่รำพึงตรงร้านเจ๊จุกซีฟู๊ดและก้นอ่าว
นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก ยังคงตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมต่อเนื่องหลังพบก้อนน้ำมันบริเวณหาดแม่รำพึง ตรงร้านเจ๊จุกซีฟู๊ด ระยะทาง 150 เมตร จ.ระยอง ด้วยการสำรวจชายหาดแม่รำพึงตั้งแต่ศาลเจ้าแม่รำพึงถึงก้นอ่าว ระยะทางประมาณ 9.5 กิโลเมตร พบสภาพน้ำทะเลเป็นปกติและไม่พบคราบฟิล์มน้ำมันในน้ำทะเล แต่พบก้อนน้ำมันบนชายหาดตั้งแต่บริเวณร้านเจ๊จุกซีฟู๊ดไปจนถึงก้นอ่าว ระยะทางประมาณ 4.5 กิโลเมตร และสุ่มเก็บตัวอย่างก้อนน้ำมันดิน 4 จุด คือ สะพานท่าเรือตะพง คลองหัวรถ ร้านเจ้จุ้กซีฟู๊ด และก้นอ่าว โดยตรงสะพานท่าเรือตะพงและคลองหัวรถไม่พบก้อนน้ำมัน ยกเว้นตรงร้านเจ๊จุกซีฟู๊ดและก้นอ่าวมีความหนาแน่นสูงสุดบริเวณก้นอ่าว ส่วนการตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมทางทะเลบริเวณชายหาดสุชาดา หาดแสงจันทร์ อ่าวบ้านเพ และหาดสวนสน พบสภาพน้ำทะเลเป็นปกติ ไม่พบคราบฟิล์มน้ำมันในน้ำทะเล และไม่พบก้อนน้ำมัน
สำหรับผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำทั่วไปผลอยู่ในเกณฑ์ปกติ (มาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลประเภทที่ ๔ เพื่อการนันทนาการ) ทั้งนี้ ได้เก็บตัวอย่างน้ำทะเลและดินตะกอนบริเวณสถานีเก็บตัวอย่างก้อนน้ำมันดิน เพื่อวิเคราะห์หาการปนเปื้อนปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอนต่อไป
,2/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302141501598 "เจ้าหน้าที่ฯ แม่ฮ่องสอน ฉีดพ่นละอองน้ำ 60,000 ลิตร ลด PM 2.5 ณ ท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน","วันที่ 2 มีนาคม 2565 กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 สถานีควบคุมไฟป่าแม่ฮ่องสอน ทางหลวงชนบทแม่ฮ่องสอน เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน องค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน แขวงทางหลวงแม่ฮ่องสอน องค์การบริหารส่วนตำบลปางหมู และท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน ดำเนินการฉีดพ่นละอองน้ำ ปริมาณ 60,000 ลิตร เพื่อสร้างความชุ่มชื่นในอากาศและลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ณ ท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน เนื่องจากสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 (ค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) มีค่าเกินมาตรฐาน
โดยศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน รายงานสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำวันที่ 2 มีนาคม 2565 ว่าพบจุดความร้อนประจำวันที่ 1 มีนาคม 2565 จำนวน 59 จุด จุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 1 มีนาคม 2565 จำนวน 863 จุด สูงสุดที่อำเภอปาย จำนวน 312 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 583 จุด จุดความร้อนสะสมช่วงประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ยกเว้นพื้นที่ตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2565 จำนวน 196 จุด สูงสุดที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จำนวน 113 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 141 จุด
ในส่วนของคุณภาพอากาศ ค่า PM2.5 ณ สถานีตรวจวัดอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เท่ากับ 92 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ) และ สถานีตรวจวัดอำเภอแม่สะเรียง เท่ากับ 57 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ)
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",2/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302145317630 เกษตรแพร่ ร่วมประชุมขับเคลื่อนสมาพันธ์ชาวสวนทุเรียนไทยในระดับเขต เขตที่ 6 (ภาคเหนือ),สำนักงานเกษตรจังหวัดแพร่ ร่วมประชุมขับเคลื่อนสมาพันธ์ชาวสวนทุเรียนระดับเขต เขตที่ 6 (ภาคเหนือ) ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบออนไลน์ Zoom Cloud Meeting เพื่อเชื่อมโยงกับสมาพันธ์ทุเรียนไทย
วันนี้ (2 มี.ค. 65) เวลา 08.30 น. ที่ห้องประชุมพิรุณ 2 สำนักงานเกษตรจังหวัดแพร่ นางสาวกรณ์สิรี อภิสิริรัชฎ์ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานไม้ผลเกษตรจังหวัดแพร่ ร่วมประชุมขับเคลื่อนสมาพันธ์ชาวสวนทุเรียนระดับเขต เขตที่ 6 (ภาคเหนือ) ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบออนไลน์ Zoom Cloud Meeting
โดยกรมส่งเสริมการเกษตรสนับสนุนให้มีการเตรียมการแก้ปัญหาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาด ส่งเสริมให้มีการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาคุณภาพและการรักษามาตรฐาน และสนับสนุนให้มีการดำเนินการในลักษณะ โดยเกษตรกรเพื่อเกษตรกร โดยมีนายนาวิน อินทจักร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 6 จังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุม ผ่านระบบออนไลน์ ที่ห้องประชุมสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 6 จังหวัดเชียงใหม่
สำหรับผลการประชุมการเข้าร่วมดำเนินงานในรูปแบบของสมาพันธ์ชาวสวนทุเรียนไทยระดับเขต เขตที่ 6 (ภาคเหนือ) มีดังนี้
1. ผู้ปลูกทุเรียนภาคเหนือจะมีการรวมกลุ่มกัน แต่จะรวมในรูปแบบสมาพันธ์ หรือเครือข่าย การใช้ชื่อ (ตั้งชื่อ) ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยให้จังหวัดพิจารณาคัดเลือกตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนเข้าร่วมประชุมในครั้งต่อไปร่วมตัดสินใจร่วมกัน
2. ต้องมีการเชื่อมโยงกับสมาพันธ์ทุเรียนไทย โดยที่ประชุมพิจารณาให้นายปิติภัทร วิสาวะโท นายกสมาพันธ์จังหวัดตาก เป็นตัวแทนในการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสาร แนวทางขับเคลื่อนจากเขตอื่นๆ กับเขต 6 (ภาคเหนือ)
3. ในการประชุมครั้งต่อไปจะดำเนินการหาข้อสรุปเรื่องเครือข่าย วางกติกาต่างๆ และกำหนดแนวทางขับเคลื่อนของภาคเหนือ (หรืออาจทำเป็นยุทธศาสตร์ทุเรียน)
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,2/3/2022,ภาคเหนือ,แพร่,สวท.แพร่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302150604651 อ.แม่สอดฉีดพ่นละอองน้ำ แก้ไขปัญหาหมอกควัน ลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM. 2.5,วันที่ 2 มีนาคม 2565 นายสมชาย ไตรทิพย์ชาติสกุล นายอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อำเภอแม่สอด กลุ่มงานความมั่นคงอำเภอแม่สอด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตาก สาขาแม่สอด เทศบาลนครแม่สอด เทศบาลตำบลท่าสายลวด เทศบาลตำบลแม่กุ และองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ทุกแห่งสนับสนุนรถน้ำ รถฉีดน้ำแรงดันสูง และรถดับเพลิง ทั้งนี้เพื่อฉีดพ่นละอองน้ำขึ้นสู่อากาศ เพิ่มความชื้นสัมพัทธ์ และฉีดล้างถนน เป็นการลดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM.10 และ PM. 2.5 ในการแก้ไขปัญหาหมอกควันในพื้นที่อำเภอแม่สอด ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,2/3/2022,ภาคตะวันตก,ตาก,สวท.แม่สอด จ.ตาก,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302151030652 ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรี เพื่อตรวจราชการแบบบูรณาการร่วมกับผู้ตรวจราชการกระทรวงที่เกี่ยวข้อง,"นายเจริญ ซื้อตระกูล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 2 ได้ลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรี เพื่อตรวจราชการแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 รอบที่ 1 ร่วมกับผู้ตรวจราชการกระทรวงที่เกี่ยวข้อง และที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชน โดยมี นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับและหารือข้อราชการร่วมกันในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ 1.การฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวสโคโรนา 2019 (COVID-19) 2. การจัดการสิ่งแวดล้อมสีเขียวเพื่อความยั่งยืน ตามแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสียเขียว (BCG) 3. การพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน 4. การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรแปรรูปและผลิตภัณฑ์ 5. การเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถของเศรษฐกิจฐานราก และ 6.การดำเนินการตามแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด
จากนั้น คณะผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรรี ลงพื้นที่ติดตามงานโครงการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถของเศรษฐกิจฐานรากการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ ""โคก หนอง นา โมเดล"" ของ นายสินชัย ทองมั่ง หมู่ที่ 6 ตำบลราษฎร์นิยม อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี และการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรแปรรูปและผลิตถภัณฑ์วิสาหกิจชุมชนเกษตรกรบ้านคลองหม่อมแช่ม หมู่ที่ 9 ตำบลไทรใหญ่ อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",2/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,นนทบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนนทบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302190915786 สนง.เกษตรอำเภอเมืองตรัง จัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day) ปี 2565,สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองตรัง จัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day) ปี 2565 โดยมีนายสมศักดิ์ ชูแสง เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติราชการแทนนายอำเภอเมืองตรัง เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยนางนิตยา จันทร์ประทีป เกษตรอำเภอเมืองตรัง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านควน เกษตรจังหวัดตรัง หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เจ้าหน้าที่ เกษตรกรในพื้นที่อำเภอเมืองตรัง และพื้นที่ใกล้เคียงเข้าร่วมงาน ณ ศูนย์เครือข่าย ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ตำบลบ้านควน อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง
ภายในงานได้มีกิจกรรม 3 กิจกรรมหลัก 1.กิจกรรมการถ่ายทอดความรู้ผ่าน 5 สถานี ได้แก่ 1)สถานีสวนยางดีมีแต่ได้ 2) กบเงินหมื่น 3) เครื่องตัดหญ้าไร้น้ำมันในสวนยาง (เลี้ยงแพะเสริมรายได้)4) เข้าใจโรค (ยางพารา)รู้ก่อน ป้องกันได้ และ5) ดินดี ปุ๋ยดี มีชัยกว่าครึ่ง 2.กิจกรรมการให้บริการทางการเกษตรในรูปแบบคลินิกเกษตร และนิทรรศการความรู้ทางการเกษตร โดยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 3.กิจกรรมการแสดงและจำหน่ายสินค้าจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มสถาบันเกษตรกร ตลอดจนภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความสำคัญกับการผลิตของเกษตรกร โดยมุ่งเน้นสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเกษตรกร จึงได้จัดกิจกรรมวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ หรือ Field day ในวันนี้ เพื่อเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเตรียมความพร้อมของพี่น้องเกษตรกร ก่อนเข้าสู่การเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ ปี 2565 โดยให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรมีองค์ความรู้ เพื่อวางแผนการผลิต เข้าถึงปัจจัยการผลิต บริหารจัดการความเสี่ยง และสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร
ซึ่งหากสามารถทำให้เกษตรกรนำองค์ความรู้ที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ไปประยุกต์ใช้ จะทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้เป็นอย่างดี สำหรับองค์ความรู้ที่มีอยู่ในศูนย์เรียนรู้ฯ เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีที่หน่วยงานราชการส่งเสริมกับภูมิปัญญาของเกษตรกร และได้มีการประยุกต์ใช้ให้มีความเหมาะสมอย่างเฉพาะเจาะจง กับสภาพแวดล้อมของพื้นที่
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,2/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302165822709 ก.ทรัพย์ เร่งอบรมเจ้าหน้าที่ทดสอบกลิ่น พร้อมเปิดห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์กลิ่นด้วยการดมในส่วนภูมิภาค 16 แห่ง เพื่อแก้ปัญหามลพิษให้กับประชาชน,กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งอบรมเจ้าหน้าที่ทดสอบกลิ่น พร้อมเปิดห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์กลิ่นด้วยการดมในส่วนภูมิภาค 16 แห่ง เพื่อแก้ปัญหามลพิษให้กับประชาชน
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า จากปัญหากลิ่นเหม็นสร้างความเดือดร้อนรำคาญจนนำสู่การร้องเรียนจากภาคประชาสังคมมีจำนวนมากขึ้นและเป็นปัญหามลพิษที่พบการร้องเรียนมากที่สุดเป็นประจำทุกปี หลังสถิติเรื่องร้องเรียนของกรมควบคุมมลพิษปี 2564 พบมีการร้องเรียนปัญหาด้านมลพิษ 732 เรื่อง โดยสูงสุดเป็นปัญหากลิ่นเหม็น 544 เรื่อง หรือร้อยละ 74 ส่วนแหล่งกำเนิดหลักที่ร้องเรียนมากที่สุด คือ โรงงานอุตสาหกรรม สถานประกอบกิจการ และสถานที่เลี้ยงสัตว์ ที่ผ่านมากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้กำหนดค่ามาตรฐานความเข้มกลิ่นจากแหล่งกำเนิด การเก็บตัวอย่างกลิ่น และการขึ้นบัญชีรายชื่อผู้ทดสอบกลิ่น เพื่อใช้ตรวจสอบและแก้ปัญหากลิ่นเหม็นดังกล่าว แต่กระทรวงทรัพย์ฯ มีห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์กลิ่นในสังกัดเพียง 1 แห่ง ตั้งอยู่ ณ กรมควบคุมมลพิษ ซึ่งไม่เพียงพอต่อการตรวจวิเคราะห์กลิ่นที่จะใช้แก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวได้ จึงได้เพิ่มห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์กลิ่นด้วยการดม (Sensory Test) ณ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1-16 พร้อมจัดอบรมหลักสูตรการตรวจวัดกลิ่นและตรวจวิเคราะห์กลิ่นให้กับเจ้าหน้าที่ตามหลักวิชาการ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการตรวจวัดและตรวจวิเคราะห์กลิ่นในส่วนภูมิภาค และช่วยสนับสนุนการตรวจสอบปัญหาในพื้นที่ต่างจังหวัดได้รวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ปัญหา เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ได้มากขึ้น
,2/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302170641714 "จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 จุด ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านยังกระทบประเทศไทย","สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 จุด ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านยังกระทบประเทศไทย
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (1 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 1,060 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 318 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 301 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 254 จุด // พื้นที่เกษตร 248 จุด // พื้นที่เขต สปก. 146 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 104 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 7 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุด คือ เชียงใหม่ 110 จุด , ลำปาง 92 จุด และชัยภูมิ 66 จุด โดยจุดความร้อนมีการกระจายตัวหนาแน่นขึ้นทั้งในและนอกประเทศ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลาง ส่วนวันนี้คุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพและประชาชนควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 1 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อนแล้ว 7,912 จุด , ภาคเหนือ 7,033 จุด และภาคกลาง 4,550 จุด
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมา 4,212 จุด รองลงมาเป็น สปป.ลาว 2,479 จุด และกัมพูชา 1,743 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในประเทศ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพ
",2/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302170928719 ผู้ว่าฯ สมุทรสงคราม ลงพื้นที่ตลาดเทศบาลตรวจการแก้ไขปัญหาน้ำทะเลหนุนสูงเขตเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม เพื่อแก้ไขปัญหาระยะสั้นและระยะยาว,"ที่บริเวณริมเขื่อนวัดเพชรสมุทรวรวิหาร นายขจร ศรีชวโนทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมด้วย นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา ,นายกรกฎ วงษ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำทะเลหนุนสูงเขตเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม โดยมี นายสมชาย ตันประเสริฐ นายกเทศมนตรีเมืองสมุทรสงคราม พร้อมด้วย นายมาโนช ตรัยรัตนยนต์ ปลัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม ผู้แทนโยธาธิการและผังเมืองสมุทรสงคราม รายงานผลการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำทะเลหนุนสูง
ปลัดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม กล่าวว่า ปัจจุบันทางเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม ได้มีการจัดตั้งสถานีสูบน้ำไว้ 2 จุด มีเครื่องสูบน้ำจุดแรก 2 เครื่อง จุดที่สอง 1 เครื่อง เสียไป 1 เครื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการซ่อมแซม ที่ผ่านมาระหว่างเดือนตุลาคม จนถึงปัจจุบันน้ำทะเลหนุนสูง แต่ซอยเพชรสมุทร 1 และเพชรสมุทร 2 ไม่ประสบปัญหาน้ำท่วมขัง ไปประสบปัญหาบริเวณถนนศรีจำปาหน้าวัดเพชรสมุทรและตลาดเทศบาลเมือง และบริเวณหน้าเทศบาลเมืองถนนสมุทรสงคราม-บางแพ จนถึงหน้าโรงเรียนถาวรานุกูล เนื่องจากเป็นพื้นที่ท้องกระทะ ทำให้ประชาชนที่สัญจรไป-มา ประสบปัญหาน้ำทะแลหนุน ซึ่งทางเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง และมีโครงการจัดซื้อเครื่องสูบน้ำเพิ่มขึ้นอีก 2 ตัว พร้อมทั้งจัดทำแผนงาน/โครงการการปรับปรุงซ่อมแซมท่อและล้างท่อในตลาดสดแทศบาลเมือง พร้อมทั้งการขุดลอกลำประโดง ที่ตื้นเขินให้สามารถเป็นที่กักเก็บน้ำในกรณีมีน้ำทะเลหนุน
ด้านผู้แทนโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสมุทรสงคราม ชี้แจงว่า ทางกรมโยธิการและผังเมืองได้จัดทำโครงงานแก้ปัญหาน้ำท่วมและการระบายน้ำหลักในชุมชนเมืองสมุทรสงครามและชุมชนต่อเนื่องเป็นงบประมาณผูกพันระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ.2566-2568 ด้วยการจัดทำเขื่อนป้องกันตลิ่งและสามารถป้องกันกรณีน้ำทะเลหนุนเข้าสู่ตลาดเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม
ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวด้วยว่า สืบเนื่องจากมีประชาชนแจ้งปัญหาความเดือดร้อนกรณีน้ำทะเลหนุนสูงที่เป็นปัญหามายาวนานถึงแม้จะเป็นวิถีชีวิตของคนสมุทรสงคราม จะเห็นได้ว่าปัญหามาจากหลายสาเหตุ การเจริญเติบโตของชุมชน คูคลองตื้นเขิน ท่อระบายน้ำตันทำให้ระบายน้ำไม่ทัน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาวได้สั่งการให้เทศบาลเมืองสมุทรสงคราม รีบดำเนินการซ่อมเครื่องสูบน้ำที่เสีย พร้อมรีบดำเนินการจัดหาเพิ่มเติมตามจำนวนที่แจ้ง และจัดการเรื่องบ่อดักไขมัน ส่วนถนนสมุทรสงคราม-บางแพ ทางจังหวัดมอบหมายให้สำนักงานแขวงทางหลวงสมุทรสงคราม ดำเนินการจัดหาเครื่องสูบน้ำมาดำเนินการ ส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะยาวมอบหมายทางสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสมุทรสงคราม เตรียมความพร้อมเมื่อถึงปีงบประมาณ พ.ศ.2566 จะได้เร่งดำเนินการในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนที่ประสบปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",2/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,สมุทรสงคราม,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302181417759 ปลื้มความสำเร็จ ตั้งแลปตรวจแมลงศัตรูพืชและสารตกค้างในผักผลไม้ ด่านเชียงของ ตรวจวิเคราะห์ ได้ทันที,"นางสาว มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน จังหวัดเชียงราย ว่า ตามที่ได้มอบนโยบายเร่งรัดการสร้างห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์แมลงศัตรูพืชและสารตกค้างในผักและผลไม้ที่นำเข้า - ส่งออกให้เบ็ดเสร็จที่ด่านเชียงของ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการและคู่ค้านั้น ในปี 2564 ด่านตรวจพืชเชียงของได้รับงบประมาณจัดสรรเครื่องมือปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ พร้อมห้องปฏิบัติการ จำนวน 9,421,600 บาท ขณะนี้ได้สร้างแล้วเสร็จ และในปี 2565 ได้ของบสนับสนุนอาคารปฏิบัติการเพื่อความสะดวก รวดเร็ว ให้การปฎิบัติงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากจะเป็นการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารแล้ว ยังสร้างความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคทั้งประเทศต้นทางและปลายทางอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ในการตรวจหาสารต่างๆ เป็นหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งปัญหาคือเมื่อตรวจพบสารที่เป็นอันตราย จะต้องนำไปตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์เชียงราย จึงอยากให้ดำเนินการขั้นตอนต่างๆ ที่ด่านเชียงของให้เบ็ดเสร็จ ลดความล่าช้าลงเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยจะกลับไปหารือกับกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้ง จึงได้มอบนโยบายให้สร้างห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์แมลงศัตรูพืชและสารตกค้างในผักและผลไม้ที่ได้มาตรฐาน โดยสุ่มตัวอย่างตรวจศัตรูพืชเชิงลึก จากนั้นนำไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการดังกล่าว เป็นการอำนวยความสะดวก รวดเร็วและถูกต้องแม่นยำ มีประสิทธิภาพ ให้กับเจ้าหน้าที่ ผู้นำเข้าและสิ่งสำคัญที่สุดคือ สุขอนามัยของผู้บริโภค ตลอดจนขอชื่นชมกรมวิชาการเกษตรที่สามารถดำเนินงานตามนโยบายที่มอบไว้ ถือเป็นความความสำเร็จของภาคเกษตรไทย
กรมวิชาการเกษตร รายงานผลการดำเนินงานการนำเข้าสินค้าเกษตรในช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา ของด่านตรวจพืชเชียงของ มีปริมาณการนำเข้ากว่า 346,535ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 10,357 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี พ.ศ. 2563 ลดลงร้อยละ17 พืชนำเข้าที่มีการตรวจมากที่สุดคือ องุ่น ผักกาดขาว ส้ม ผักตระกูลกะหล่ำและพริกสด ตามลำดับ
ในส่วนของการส่งออกสินค้าเกษตร ปี 2564 มีปริมาณการส่งเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563 นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากสถานการณ์โควิด -19 รัฐบาลจีน ได้มีประกาศปิดการเข้า - ออก ที่ด่านโม่ฮาน ชั่วคราว ตั้งแต่ 5 ตุลาคม -16 พฤศจิกายน 2564 ส่งผลให้รถสินค้าทั้งเข้าและออกติดอยู่บริเวณชายแดนบ่อเต็น - โม่ฮาน จำนวนมาก ทำให้การจราจรติดขัดและการเปิดใช้เส้นทางรถไฟจีน - ลาว เมื่อวันที่ 4 - 7 ธันวาคม 2564 ส่งผลให้ผู้ประกอบการบางรายทดลองเปลี่ยนไปใช้เส้นทางเปิด ทางด่านฯ จึงได้ติดตามสถานการณ์การเปิด - ปิดด่านฯ จากทูตเกษตร และผู้นำเข้า ส่งออกอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ส่งออกที่ต้องการนำสินค้ากลับเข้ามาในประเทศและให้คำแนะนำ อำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนเส้นทาง และเข้มงวดในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน COVID-19 เช่น ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทั้งสินค้า ตู้สินค้า ณ โรงคัดบรรจุและจุดตรวจสินค้า อีกทั้งติดตามสถานการณ์ข่าวสารการทดลองใช้เส้นทางรถไฟจีน - ลาว จากทูตเกษตรและผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิด
วันที่ (2 มีนาคม 2565) ที่จังหวัดนครพนม นายประกอบ เผ่าพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วยนายประวัติ แดงบรรจง ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ เขตตรวจราชการที่ 10,11,12 ลงพื้นที่ติดตามความคุ้มประสิทธิภาพในการจัดสรรอุปกรณ์การตลาดที่ให้การสนับสนุนสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาด ลูกค้า ธ.ก.ส.นครพนม จำกัด ตำบลนาทราย อำเภอเมือง โดยมีนางสาววัชรี ปุกหุต สหกรณ์จังหวัดนครพนม ประธานสหกรณ์ ผู้จัดการสหกรณ์ และสมาชิกสหกรณ์ร่วมให้การต้อนรับและให้ข้อมูล
โดย สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาด ลูกค้า ธ.ก.ส.นครพนม จำกัด จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2534 โดยปัจจุบันมีสมาชิก 58,079 คน มีทุนเรือนหุ้น 19,000,000 บาท ดำเนินธุรกิจหลัก 3 ประเภท ประกอบด้วย ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำน่าย ธุรกิจรวบรวมผลิตผลการเกษตร และธุรกิจแปรรูป ที่ผ่านมาได้รับการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ มูลค่า 10,000,000 บาท คือ โกดัง เก็บสินค้าและลานตาก นอกจากนี้ยังมีงบประมาณที่ได้รับการสนับสนุนตามโครงการงบพัฒนากลุ่มจังหวัดสนุกในการสร้างโรงสีขนาด 80 ตัน/วัน โรงอบลดความชื้นขนาด 150 ตัน/วัน รถตัก โรงสีพร้อมชุดแยกขนาดกำลังการผลิต 2 ตัน/วัน รถโฟล์คลิฟท์ อาคารศูนย์กระจายสินค้า จำนวน 1 หลัง โกดังเก็บข้าวอินทรีย์ ขนาด 2,400 ตารางเมตร สามารถเก็บข้าวเปลือกได้ 2,000 ตัน และอุปกรณ์ตลาดในการบรรจุข้าวสาร คือเครื่องแพ็คสุญญากาศและเครื่องดูดเมล็ดข้าวลีบ
ซึ่งจากการสนับสนุนดังกล่าวส่งผลให้สหกรณ์ฯ สามารถรวบรวมข้าวเปลือกได้เพิ่มมากขึ้นจากเดิมปีละ 1,000 ตัน เป็น 10,000 ตัน ในปีนี้ ทั้งยังสามารถแปรรูปข้าวเปลือกเป็นข้าวสารคุณภาพสูงเพื่อจำหน่ายภายใต้บรรจุภัณฑ์ ข้าวหอมมะลินครพนม ตรานครเรือไฟ ในปริมาณหลายขนาด ส่งผลให้มีผลประกอบการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากการสำรวจพบว่า เป็น 1 ใน 2 แห่งของภาคอีสานที่มีผลกำไรในปีนี้
ซึ่งภายหลังการรับฟังบรรยายสรุปรองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้กล่าวให้ข้อคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการของสหกรณ์ คือการรวมกันซื้อรวมกันจำหน่าย เป็นการเชื่อมโยงสหกรณ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ที่จะก่อให้เกิดความเข้มแข็งที่ยั่งยืนที่ธุรกิจอื่นทำไม่ได้ ทั้งนี้ในการบริหารที่ผ่านมาของสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาด ลูกค้า ธ.ก.ส.นครพนม จำกัด ทำได้ดีแล้วมีความคุ้มประสิทธิภาพกับเครื่องมือและอุปกรณ์ที่สนับสนุนและขอเป็นกำลังใจให้ แต่ถ้าสามารถลดต้นทุนในส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติมได้จะส่งผลดีต่อสมาชิกและเกษตรกรในพื้นที่ได้อีกมาก ยกตัวอย่างเช่น
ในขณะนี้ที่สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาด ลูกค้า ธ.ก.ส.นครพนม จำกัด ทำอยู่คือการไปรับซื้อตามจุดต่าง ๆ แล้วขนกับมาที่ สกต. ก่อนที่จะจำหน่ายกลับไปที่โรงสีในพื้นที่ ทำให้มีค่าใช้จ่ายในเรื่องของแรงงาน การขนส่งและค่าบริหารจัดการอื่น ๆ แต่ถ้าสามารถตกลงกับสหกรณ์ในพื้นที่ที่อาจจะมีศักยภาพไม่เพียงพอเท่า สกต. ธ.ก.ส.นครพนม จำกัดได้ นอกจากจะเป็นการลดต้นทุนแล้วยังจะมีกำไรมาบริหารจัดการหรือมากำหนดราคาซื้อที่สูงขึ้นกว่าเดิมได้ ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ตัวสหกรณ์เองก็จะมีผลกำไรจากจำนวนผลผลิตที่รับซื้อที่มากขึ้น ซึ่งถือว่าได้ประโยชน์ทุกฝ่าย
ทั้งยังจะเป็นการเชื่อมโยง ส่งเสริมและสนับสนุนให้สหกรณ์อื่น ๆ ได้เติบโตไปด้วยกัน อย่างไรก็ดีในเรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดก็จะต้องอยู่บนมาตรฐานที่ทำอยู่เดิม ในส่วนของอาคารแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานที่กำลังขาดอยู่ก็ขอให้ประสานกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครพนมเพื่อช่วยดำเนินการ รวมถึงอยากฝากให้สมาชิกทุกคนหมั่นตรวจสอบและดูให้ดีในเรื่องของการจำหน่ายสินค้าเชื่อ เพราะมีหลาย สกต.มีปัญหาจากการทำในลักษณะนี้
ภาพ/ข่าว/ส.ปชส.นครพนม
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",2/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครพนม,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302185404776 ลงพื้นที่บูรณาการส่วนราชการสร้างความมั่นคงการประกอบอาชีพให้กับเกษตรกร ภายใต้โครงการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดอำนาจเจริญ ปี 2565 ตามนโยบาย ตลาดนำการผลิต,นายชาญวิทย์ ธานี เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญ ได้ลงพื้นที่แปลงปลูกข่า อินทรีย์ กลุ่มวิสาหกิจห้วยร่องคำ หมู่ 10 ร่วมกับ น.ส จริยา วงศวีระ ปฎิรูปที่ดินจังหวัดอำนาจเจริญ และนายเพรชเหล็ก ทองภูธร ผู้อำนายการสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดอำนาจเจริญ ร่วมบูรณาการสร้างความมั่นคงด้านการประกอบอาชีพให้กับเกษตรกร
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กำหนดนโยบายตลาดนำการผลิต และกำหนดแนวทางการดำเนินงานการตลาดนำการผลิตไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมเพื่อนำไปใช้ในการบริหารงานการเกษตรกรรมในพื้นที่เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้แน่นอนและมีความมั่นคงในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยมีข้อสั่งการให้หน่วยงานในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคดำเนินการร่วมกันแบบบูรณาการ รวมทั้งให้แสวงหาความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะจากภาคเอกชนในการประสานข้อมูลความต้องการด้านการตลาดจับคู่กับภาคการผลิตของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพื่อให้สามารถวางแผนการผลิตทั้งในเชิงปริมาณ คุณภาพมาตรฐานตรงตามความต้องการของตลาด ลดปัญหาทั้งกรณีสินค้าเกษตรล้นตลาดและไม่เพียงพอ
โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้แน่นอนและมีความมั่นคงในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม โครงการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดอำนาจเจริญ ปี 2565 เป็นการอบรมต่อยอดให้กับกลุ่มเกษตรกรที่ทำข้อตกลงสัญญาซื้อผลผลิต(MOU) บริษัทวรนิยมฟู๊ด จำกัด ส่ง ข่า ตะไคร้ ขมิ้นชัน ส่งโรงงานพริกแกงท่านขุน (บ.วรนิยม ฟู๊ด)
โดยโครงการดังกล่าว เป็นการอบรม การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรอินทรีย์ ได้จัดการอบรม เริ่มตั้งแต่กระบวนการ การผลิต สู่การแปรรูป การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และการตลาด พร้อมทั้งร่วมแสวงหาภาคีเครือข่ายคือสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดอำนาจเจริญ และการบูรณาการของหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดอำนาจเจริญ อาทิเช่น สถานีพัฒนาที่ดิน อบรมการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยหมักชีวภาพและปุ๋ยพืชสด
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรอำนาจเจริญ ให้องค์ความรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์ และการตลาด มาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดอำนยาจเริญ เรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร สร้างความเข้าใจกองทุนสามารถช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มเกษตรกรได้ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการผลิต และแนะนำแนวทางการของบสนับสนุน สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานอำนาจเจริญ อบรม พัฒนากลุ่ม ด้านการผลิตและการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ Modern Trade และการสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิต การแปรรูปสมุนไพร พัฒนาแพคเกิจจิ้ง และการบริหารจัดการกลุ่ม การปลูกข่าและตะไคร้อินทรีย์ และช่องทางการตลาด โดย ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเศรษฐกิจชุมชนบ้านห้วยร่องคำ หมู่ 10 ทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้แน่นอนและมีความมั่นคงในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ต่อไป
Cr# สนง.เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 2 มี.ค. 2565 นายพรชัย วงศ์งาม นายอำเภอขุนหาญ พร้อมด้วยพัฒนาการอำเภอ ผู้บริหารสถานศึกษา พัฒนากร ผู้ใหญ่บ้าน เกษตรกรร่วมโครงการโคก หนอง นา พช ร่วมกิจกรรม ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเกษตรกรรายนางติม วิลา หมู่ที่ 12 ตำบลพราน พร้อมหารือวาระงานของพื้นที่
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
วันนี้ (2 มี.ค. 2565) เวลา 09.30 น. นายพรชัย วงศ์งาม นายอำเภอขุนหาญ ออกตรวจตราพื้นที่การทำนาปรังและสภาพการเก็บกักน้ำของเขื่อนตาจู ฝายเก็กกักน้ำบ้านป่าอ้อ ตำบลกันทรอม เขื่อนห้วยทา ตำบลบักดอง อำเภอขุนหาญ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,2/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ศรีสะเกษ,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302200415809 ร่วมพิธีเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการด้านมาตรฐานเกษตรอินทรีย์และพืชสมุนไพร ปี 2565 รุ่นที่ 2 ณ จังหวัดอำนาจเจริญ โดย มกอช.,นายชาญวิทย์ ธานี เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญ มอบหมายนายจิรทัต สวรรคทัต หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์พัฒนาการเกษตร สำนักงานฯ ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดการฝึกอบรมโครงการพัฒนาต้นแบบการผลิตสมุนไพรอินทรีย์ในพื้นที่เมืองสมุนไพร รุ่นที่ 2 โดยมีนางสาวเสาวลักษณ์ ศุภกมลเสนีย์ รองเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เป็นประธานเปิดการฝึกอบรม ผ่านระบบออนไลน์
นายกิตติเกษม นิ่มสะอาด ผู้อำนวยการกลุ่มแผนงานและติดตามประเมินผล ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการกองส่งเสริมมาตรฐาน และคณะเจ้าหน้าที่ฯ (มกอช.) ดำเนินการจัดฝึกอบรมเพื่อให้เกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรจากอำเภอพนา และอำเภอเสนางคนิคม มีความรู้ ความเข้าใจข้อกำหนดของมาตรฐานเกษตรอินทรีย์พืชสมุนไพร มาตรฐานพืชสมุนไพรแห้ง และการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ตลอดจนสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปฏิบัติและมีความพร้อมของการรับรองมาตรฐานพืชสมุนไพรอินทรีย์ ณ โรงแรมฝ้ายขิด อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ
Cr# ที่มาของภาพและเนื้อข่าว : (มกอช.)
#เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,2/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,อำนาจเจริญ,สวท.อำนาจเจริญ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302204131815 เกษตรจังหวัดนครราชสีมา รวมพลเกษตรกร 32 อำเภอ ถ่ายทอดความรู้ตามรอยในหลวง ร.9,"นายคณกร ทองสุขนอก เกษตรจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดการอบรมการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรรมสู่เกษตรกรรมยั่งยืน ครั้งที่ 2โครงการพัฒนานวัตกรรมเกษตรอาหารปลอดภัยกลุ่มนครชัยบุรินทร์ พร้อมมอบนโยบายการขับเคลื่อนโครงการและพบปะพี่น้องเกษตรกรที่เข้าร่วมการอบรม 32 อำเภอ ณ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครราชสีมา ตำบลลาดบัวขาว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา
เกษตรจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การถ่ายทอดความรู้การส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรสู่การทำเกษตรกรรมยั่งยืน เป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายของเกษตรกร สร้างความเข้มแข็งภาคการเกษตร เกษตรกรสามารถพัฒนาประกอบอาชีพการเกษตร มีรายได้เพียงพอ มีคุณภาพชีวิตที่ดี มั่นคงในอาชีพส่งผลต่อเนื่อง เกิดความยั่งยืนของภาคการเกษตรระยะยาว
ซึ่งมีผู้แทนจากโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ 2 ท่าน ได้แก่ ดร.ปริเวท วรรณโกวิท และนายณัฎฐ์ พงศ์พูนสุขศรี มาบรรยายให้ความรู้การบริหารจัดการน้ำ โดยยึดหลักดำเนินงาน 3 ประการ คือ หนึ่ง ต้องมีพื้นที่ให้น้ำอยู่,สอง มีที่ให้น้ำไหล และสาม เก็บน้ำไว้ใต้ดิน จึงจะสร้างความอุดมสมบูรณ์ของน้ำให้กับชุมชนนอกเขตชลประทาน เพื่อใช้ในการทำการเกษตร และเพื่อบริโภค
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",2/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302205537832 จังหวัดกำแพงเพชรประกอบพิธีส่งมอบสิ่งของพระราชทานให้กับผู้ปฏิบัติงาน และประชาชน ในพื้นที่โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บ้านป่าคา,สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บ้านป่าคา ได้จัดตั้งขึ้นตามพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระพันปีหลวง เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2551 เพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่ความรู้โดยมุ่งส่งเสริมอาชีพการเกษตร ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ สิ่งแวดล้อม ให้กับราษฎรชาวไทยบนพื้นที่สูง มีกลุ่มหมู่บ้านเป้าหมาย คือ บ้านป่าคา บ้านโล๊ะโค๊ะ และบ้านป่าหมากและได้น้อมนำพระราชดำริ มาใช้ในการดำเนินงานจนถึงปัจจุบัน ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ประสานการทำงาน ภายใต้คณะกรรมการ ประสานงานการขับเคลื่อนและขยายผล โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดกำแพงเพชร ทำให้การดำเนินงานโครงการ สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ บ้านป่าคา มีประสิทธิภาพ และมีความก้าวหน้าเป็นอย่างยิ่ง
และเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ร่วมกับ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทาน มอบแก่ สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บ้านป่าคา อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร ณ โรงเรียนบ้านน้ำหอม หมู่ที่ 11 บ้านทีนามู ตำบลแม่ตื่น อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตากเพื่อส่งมอบให้กับประชาชน และผู้ปฏิบัติงาน
โดยวันนี้ 2 มีนาคม 2565 เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมค่ายเยาวชน อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร นายเชาวลิตร แสงอุทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร เป็นประธานในพิธีส่งมอบสิ่งของพระราชทาน ให้กับผู้ปฏิบัติงาน และประชาชน ในพื้นที่โครงการ สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บ้านป่าคา อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 300 ถุง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกำแพงเพชร / ข่าว
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,2/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กำแพงเพชร,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกำแพงเพชร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302205819838 ปภ.ระยอง รายงานความคืบหน้าภารกิจขจัดคราบน้ำมันในทะเลและการดำเนินงานบริษัท SPRC,"สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง เผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง กรณีคราบน้ำมันดิบรั่วไหล โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยองแจ้งว่าวันนี้ ไม่มีภารกิจในพื้นที่ เรือทุกลำในพื้นที่เฝ้าสังเกตการณ์บริเวณทุ่น SPM เพื่อรอผลการประชุมหารือเปลี่ยนแนวทางวิธีการพันท่อน้ำมันต่อไป จากการสำรวจบริเวณทุ่นไม่พบคราบและกลิ่นน้ำมัน เหตุการณ์โดยรวมปกติรวมถึงพื้นที่บริเวณชายฝั่ง
ส่วนการดำเนินงานของบริษัท SPRC ได้มีการจัดชุดเฝ้าระวังคราบและฟิล์มน้ำมันทั้งทางบกและทางน้ำ รวมถึงเก็บทำความสะอาด Tar ball บริเวณชายหาดอย่างต่อเนื่อง ส่วนการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาในวันนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. ดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือ กลุ่มประมง 17 กลุ่ม จำนวน 617 ราย ที่ศูนย์ราชการจังหวัดระยอง ส่วนกรณีได้รับแจ้งเรื่องคราบตะกอนดำและกลิ่นบริเวณคลองหัวรถ ทดสอบเบื้องต้นไม่ใช่คราบน้ำมัน ส่วนกลิ่นที่ได้มาจากการเติมน้ำมันเรือสปีดโบ๊ท ทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมมลพิษจังหวัดระยองร่วมเก็บตัวอย่างเพื่อวิเคราะห์ และอีกกรณีได้รับแจ้งจากสมาชิกเทศบาลตำบลแกลงกระเฉด ได้ซื้อปลาหมึกสดจากพ่อค้าอาหารทะเลในพื้นที่มาทานอาหารรับประทาน ปรากฏว่ามีอาหาร คลื่นไส้อาเจียน หลังรับประทานอาหาร โดยใน 2 มี.ค.65 บริษัทร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง ได้ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบโดยเก็บตัวอย่างอาหารและปลาหมึกนำไปตรวจสอบหาสารปนเปื้อนในอาหารต่อไป ขณะที่พื้นที่อื่น ๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รายงานว่าไม่พบกลิ่น คราบ ฟิล์มน้ำมันดิบแต่อย่างใด
สำหรับการยื่นเรื่องร้องทุกข์ของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่ 30 ม.ค.65 จนถึงปัจจุบันมียอดรวมทั้งสิ้น จำนวน 11,975 ราย ส่วนทางบริษัท SPRC ได้แจ้งมายังศูนย์ดำรงธรรมว่าขอยุติการรับคำร้อง ณ จุดให้บริการประชาชนของภาครัฐทุกจุด ตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.65 เป็นต้นไป เนื่องจากเห็นว่าผู้ร้องเรียนลดลงและพบว่าข้อมูลการร้องเรียนมีความซ้ำซ้อน โดยขอให้ อปท.ที่เป็นจุดรับเรื่องร้องทุกข์ทุกจุด ส่งต่อข้อมูลตั้งแต่ 28 ก.พ.65 1 มี.ค.65 ให้แก่เจ้าหน้าที่บริษัทฯ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบว่าผู้ได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมัน สามารถร้องเรียนผ่านศูนย์สื่อสาร บริษัท SPRC ได้โดยตรงทางโทรศัพท์หมายเลข 038-699881
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",2/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220302222519867 เกษตรยะลา ลงพื้นที่ จัดเก็บข้อมูล คัดเลือกบุคลากรทางการเกษตร และสถาบันเกษตรกรดีเด่นระดับจังหวัด ประจำปี 2565,คณะกรรมการฝ่ายประกวดบุคลากรทางการเกษตร และสถาบันเกษตรกรดีเด่นระดับจังหวัด ลงพื้นที่ เพื่อจัดเก็บข้อมูล คัดเลือกเกษตรกรดีเด่น บุคลากรทางการเกษตร และสถาบันเกษตรกรดีเด่นระดับจังหวัด ประจำปี 2565
โดยได้ลงเก็บข้อมูลคัดเลือกกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านยือนัง เลขที่ 34 หมู่ที่ 4 ตำบลกาบัง อำเภอกาบัง จังหวัดยะลา และกลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านบันนังดามา เลขที่ 85 หมู่ที่ 1 ตำบลกาบัง อำเภอกาบัง จังหวัดยะลา เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการพิจารณาคัดเลือกบุคคลทางการเกษตร และสถาบันเกษตรกรที่มีผลงานดีเด่น ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นที่ปรากฏต่อสาธารณชน เกิดความภาคภูมิใจในอาชีพของตนเอง
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,3/3/2022,ภาคใต้,ยะลา,สทท.ยะลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303080518881 เปิดหน่วยบริการประชาชนปฏิบัติการฝนหลวงกู้ภัยแล้ง ควบคู่ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง ปัญหาหมอกควัน,"นายสำเริง แสงภู่วงค์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยถึงแผนปฏิบัติการฝนหลวง ช่วยบรรเทาภัยพิบัติทางธรรมชาติและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี 2565 ว่า จากการประเมินสถานการณ์และวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงภัยแล้งร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นคาดการณ์ว่าปีนี้หน้าแล้งจะน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งกรมฝนหลวงฯ ติดตามสภาพอากาศเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากไม่มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่จำเป็นต้องมีการผันน้ำ เพื่อประกอบการวางแผนการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อให้สามารถบินทำฝนช่วยเหลือได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน
โดยในวันนี้ (3 มี.ค.) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดปฏิบัติการฝนหลวงกู้ภัยแล้งประจำปี 2565 ณ โรงเก็บเครื่องบิน 7 สนามบินนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นการเปิดหน่วยบริการช่วยเหลือประชาชนในช่วงหน้าแล้งอย่างเป็นทางการ ภายใต้ปฏิบัติการฝนหลวงสู้ภัยแล้ง ที่จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ครอบคลุมทั่วประเทศ หลังนำร่องปฏิบัติการในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปแล้ว ซึ่งมีการเตรียมความพร้อมอากาศยานของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรจำนวน 30 ลำ และได้รับการสนับสนุนอากาศยานจากกองทัพอากาศร่วมปฏิบัติการฝนหลวงอีก 3 ลำ
อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวด้วยว่า นอกจากแผนปฏิบัติการช่วยบรรเทาภัยพิบัติทางธรรมชาติและแก้ไขปัญหาภัยแล้งแล้ว อีกหนึ่งในมาตรการคือ การพิจารณานำฝนหลวงมาช่วยลดค่าฝุ่นละอองและหมอกควัน โดยในช่วงที่มีสภาพปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองโดยเฉพาะ PM10 , PM2.5 ที่มีค่าเกินค่ามาตรฐานและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน การปฏิบัติการฝนหลวง จึงเป็นอีกทางเลือกในการแก้ปัญหา แต่หากสภาพอากาศมีความชื้นต่ำ การวางแผนปฏิบัติการในขั้นตอนการก่อเมฆ เพื่อให้ท้องฟ้าบริเวณที่มีปัญหาหมอกควัน มีเมฆเพิ่มมากขึ้นเพื่อจะสามารถดูดซับฝุ่นละอองที่ลอยอยู่เหนืออากาศบริเวณนั้น ก็เป็นการลดปริมาณหมอกควัน-ฝุ่นละอองได้อีกทางหนึ่ง
",3/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303100334908 เร่งรัดพัฒนาสมุนไพรไทย รองรับตลาดผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น,"
นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและการแก้ไขปัญหาภาคเกษตร ครั้งที่ 1/2565 ว่า การขับเคลื่อนการพัฒนาสมุนไพร ตามแผนแม่บทว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2560 2565
โดยแผนแม่บทได้กำหนดให้มียุทธศาสตร์ในการบรรลุตามเป้าหมาย 4 ยุทธศาสตร์คือ การส่งเสริมผลิตผลสมุนไพรไทยที่มีศักยภาพตรงความต้องการของตลาด การพัฒนาอุตสาหกรรมและตลาดสมุนไพรให้มีคุณภาพระดับสากล การส่งเสริมการใช้เพื่อการรักษาโรค เสริมสร้างสุขภาพ และการสร้างความเข็มแข็งด้านการบริหารและนโยบายภาครัฐเพื่อขับเคลื่อนสมุนไพรอย่างยั่งยืนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีการขับเคลื่อนด้านวัตถุดิบสมุนไพร ขับเคลื่อนเป้าหมายยุทธศาสตร์ที่ 1 ในประเด็นที่ 1 การส่งเสริมผลิตผลสมุนไพรไทยที่มีศักยภาพตรงความต้องการของตลาด ประกอบกับ แผนการส่งเสริมการเพิ่มผลิตภาพสมุนไพรที่มีคุณภาพสู่การผลิตสมุนไพรที่มีมูลค่าสูง สนับสนุนให้เกิดเศรษฐกิจ BCG เพิ่มความสามารถในการแข่งขันภาคเกษตร กระจายรายได้สู่เกษตรกร
โดยต้นน้ำ ผลิตสมุนไพรปลอดภัยให้ได้มาตรฐาน GAP หรือเกษตรอินทรีย์ใช้เทคโนโลยีในการผลิต มีการปลูกแปลงใหญ่ สนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจ สหกรณ์ กลางน้ำ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มมูลค่า มีนวัตกรรมต่อยอด มีการลงทุนวิจัย และปลายน้ำ ส่งเสริมตลาดชุมชน ออนไลน์ตลาดกลางสมุนไพร โดยมีการขับเคลื่อนการผลิตสมุนไพร กำหนดพืช Product champion 12 ชนิด ได้แก่ กวาวเครือขาว กระชายดำ ขมิ้นชัน บัวบก มะขามป้อม กระชาย พริก ฟ้าทะลายโจร กระเจี๊ยบแดง หญ้าหวาน ว่านหางจระเข้ ไพล ทั้งนี้ในปี2564 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพรให้เกษตรกร จำนวน 363,353 ราย รวมพื้นที่ปลูกสมุนไพร 1,151,495 ไร่
ทั้งนี้ ได้ส่งเสริมการจัดทำมาตรฐานเพื่อส่งเสริมการผลิตสมุนไพร Product Champion 12 ชนิด ให้ได้คุณภาพมาตรฐาน
โดย กรมวิชาการเกษตร ดำเนินการพัฒนาห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน (ISO 17025) เพื่อรองรับการให้บริการการตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบสมุนไพร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมสหกรณ์สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กรมปศุสัตว์ร่วมจัดทำระบบฐานข้อมูลสมุนไพร โดยมีศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานกลางในการจัดทำระบบฐานข้อมูลสมุนไพรต่อไป
",3/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303101051934 เดินหน้าแผนปฏิบัติการโลจิสติกส์ภาคเกษตร ระยะ 5 ปี ตั้งเป้าไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์เกษตรของภูมิภาคอาเซียน,
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้า (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ภาคการเกษตร ระยะ 5 ปของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์การเกษตรที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนา ระบบโลจิสติกส์ภาคการเกษตร (พ.ศ. 2566 - 2570) ตามที่ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเสนอ เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางการพัฒนาระบบโลจิสติกส์สาขาเกษตรเชื่อมโยงกับแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทยดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์ภาคการเกษตร ภายใต้วิสัยทัศน์ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์เกษตรของภูมิภาคอาเซียน มีตัวชี้วัด ได้แก่ ต้นทุนโลจิสติกส์สินค้าเกษตรที่สำคัญต่อยอดขายลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 3 ต่อปี มูลค่าการดำเนินธุรกิจ รวบรวมของสหกรณ์การเกษตรเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 3 ต่อปี การอำนวยความสะดวกและให้บริการด้านโลจิสติกส์เกษตรเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดร้อยละ 100
กำหนดประเด็นการพัฒนา 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร สถาบันเกษตรกร และผู้ประกอบการ ในการบริหารจัดการโลจิสติกส์เกษตร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์เกษตร และการส่งเสริมการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการขับเคลื่อนโลจิสติกส์ภาคการเกษตร โดยการผลักดันภายใต้ประเด็นการพัฒนาต่างๆ ประกอบด้วย การสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร สถาบันเกษตรกร และผู้ประกอบการในการบริหารจัดการโลจิสติกส์เกษตร โดยเน้นการยกระดับสถาบันเกษตรกรที่มีความเข้มแข็งให้เป็นผู้ประกอบการโลจิสติกส์เกษตร สนับสนุนองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการโลจิสติกส์เกษตร สร้างและพัฒนาเกษตรกร สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรต้นแบบ ตลอดจนพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์ให้มีองค์ความรู้ด้านการพัฒนาระบบ โลจิสติกส์ภาคการเกษตร
ขณะที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์เกษตร โดยการยกระดับศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าเกษตรของสถาบันเกษตรกร สร้างเครือข่าย สถาบันเกษตรกร ให้เป็นฐานการรวบรวมกระจายและเป็นจุดเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าเกษตรที่สำคัญในภูมิภาค พัฒนาตลาดกลางและเชื่อมโยง ตลาดระดับต่างๆ บูรณาการและผลักดันการใช้กลไกภาครัฐ รวมถึงเจรจาและปรับปรุง กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์สินค้าเกษตร และสุดท้าย การส่งเสริมการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการขับเคลื่อนโลจิสติกส์ภาคการเกษตร จะจัดทำระบบฐานข้อมูลที่ครอบคลุมทุกมิติ พร้อมทั้ง สาระสำคัญของแผนปฏิบัติการดังกล่าว เสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในเดือนมีนาคมนี้
นางสุนิสา รามแก้ว ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวถึงการอนุมัติงบกลางแก้หนี้เกษตรกร พร้อมฟื้นฟูและพัฒนาภาคการเกษตร ว่า ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้กำหนดให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน จึงได้สั่งการและมอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนภารกิจให้เป็นรูปธรรมอย่างเร่งด่วน
โดยคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบกลาง วงเงิน 2,000 ล้านบาท รายการเงินสำรองจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย 3,425 ราย วงเงิน 1,500 ล้านบาท , การฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร 42,034 ราย 776 องค์กร วงเงิน 267.62 ล้านบาท , และค่าใช้จ่ายในการบริหารสำนักงานฯ ไตรมาสที่ 3-4 (งบบุคลากร งบดำเนินงาน) วงเงิน 230.38 ล้านบาท เนื่องจากในระยะเวลา 3 ปี ผ่านมา คือตั้งแต่ปี 2563 2565 กองทุนฯ ไม่ได้รับจัดสรรงบฯ และภายหลังได้รับการจัดสรรงบ จะทำให้กองทุนสามารถเข้าไปซื้อหนี้ที่เกษตรกรเป็นหนี้กับสถาบันการเงิน เข้ามาเป็นหนี้กองทุนฯ แล้วให้เกษตรกรผ่อนชำระคืนกับทางกองทุน จะช่วยลดภาระดอกเบี้ย และลดการถูกยึดที่ดินทำกินของเกษตรกร
สำหรับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จัดตั้งโดย พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. 2542 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ส่งเสริมและสนับสนุนการรวมกลุ่มของเกษตรกรในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและแก้ไขปัญหาของเกษตรกร 2) ส่งเสริมและสนับสนุนการฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพเกษตรกรรม 3) พัฒนาความรู้ด้านเกษตรกรรม และ 4) พัฒนาศักยภาพในการพึ่งพาตนเองของเกษตรกร และแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรกร เป็นต้น
ทั้งนี้ ประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับจากโครงการนี้ จะสามารถลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล รักษาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของเกษตรกรได้มากกว่า 3,425 ราย จำนวน 5,000 ไร่ เกษตรกรได้ประโยชน์จากการฟื้นฟูอาชีพจำนวน 42,034 ราย จำนวน 776 องค์กร มีโอกาสฟื้นฟูตนเองในการประกอบอาชีพ เพื่อสร้างรายได้นำไปชำระหนี้ตามกำหนด และทำให้เข้าถึงแหล่งทุนเพื่อพัฒนาและฟื้นฟูอาชีพ เพิ่มประสิทธิภาพทางผลผลิต การรวบรวมผลผลิต การแปรรูป การตลาด และพึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคง ยั่งยืนต่อไป.
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",3/3/2022,ภาคใต้,สุราษฎร์ธานี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303095417897 จนท.อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ เข้าตรวจสอบและควบคุมไฟป่า พบพื้นที่ป่าเบญจพรรณถูกไฟไหม้กว่า 16 ไร่,"นายเกียรติศักดิ์ วังวล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ ถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ หัวหน้าคณะทำงานชุดที่ 3 รายงานสถานการณ์การเกิดจุดความร้อน รอบวันที่ 2 มีนาคม 2565 โดยได้ตรวจสอบจากดาวเทียม เวลา 05:04:36 น. และ Fire DNP Hotspot Alert เวลา 17:04:00 น.
จากการตรวจสอบดาวเทียม Suomi NPP (GISTDA) ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ถ้ำปลาน้ำตก-ผาเสื่อ พื้นที่อำเภอเมือง จำนวน 7 จุดนั้น พบว่าเกิดจุดความร้อนขึ้นที่บริเวณทิศใต้ บ้านห้วยโป่งอ่อน ตำบลหมอกจำแป่ จำนวน 3 จุด ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่าปางตองฯ, เจ้าหน้าที่โครงการพระราชดำริปางตอง 3 และส่วนที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบและควบคุมไฟป่า พื้นที่ถูกไฟไหม้ เนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ ชนิดป่าเบญจพรรณ
ขณะที่เจ้าหน้าที่จุดสกัดบ้านดอยแสง อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ ได้ตรวจสอบจุดความร้อน บริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้บ้านกุงไม้สัก ทิศใต้บ้านในสอย และทิศใต้บ้านในสอยพิกัด ตำบลปางหมู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยคณะเจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมและดับไฟป่า พื้นที่ถูกไฟไหม้ เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ชนิดป่าเบญจพรรณเช่นกัน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",3/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303104446964 จังหวัดแพร่ ค่า PM 2.5 สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน,
สรุปสถานการณ์คุณภาพอากาศ PM 2.5 จังหวัดแพร่ ที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ PM 2.5 ตำบลนาจักร อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง วันนี้ (3 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 วัดได้สูงสุด 126 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ดัชนีคุณภาพอากาศในระดับสีส้มซึ่งถือว่าส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน
ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศ และภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ภาคเหนือตอนบนคาดการณ์ล่วงหน้า 1 วัน คุณภาพอากาศปานกลาง พื้นที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ และลำพูน
ภาคเหนือตอนล่างคาดการณ์ล่วงหน้า 1 วัน คุณภาพอากาศเริ่มมีผลต่อสุขภาพ พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย กำแพงเพชร และพิจิตร
จึงขอเตือนประชาชนควรเฝ้าระวังสุขภาพ ถ้ามีอาการเบื้องต้น เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีความจำเป็น และผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ถ้ามีอาการทางสุขภาพ เช่น ไอ หายใจลำบาก ตาอักเสบ แน่นหน้าอก ปวดศีรษะ หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ควรปรึกษาแพทย์
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,3/3/2022,ภาคเหนือ,แพร่,สวท.แพร่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303112243977 กรมชลประทาน สั่งเตรียมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมาก 6-8 มีนาคมนี้,"นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากการคาดการณ์สภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 6-8 มีนาคมนี้ บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นได้ โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางพื้นที่ สำหรับภาคใต้จะมีฝนตกหนักบางแห่ง ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ นั้น
กรมชลประทาน ติดตามสภาพอากาศและสภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง และเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจมีผลกระทบในหลายพื้นที่ รวมไปถึงจุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมเป็นประจำ มีการปรับแผนบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ ตลอดจนตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารชลประทาน ให้พร้อมรับน้ำหลากและป้องกันน้ำท่วมได้อย่างเต็มศักยภาพ นอกจากนี้ ยังได้เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลากไว้ล่วงหน้า อาทิ เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมไปถึงระบบสื่อสารสำรองและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้อย่างทันท่วงที พร้อมกับประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำและแจ้งเตือนล่วงหน้า
",3/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303185059208 สมุทรสาคร แถลงข่าวการจัดงานเกษตรและของดีอำเภอบ้านแพ้ว ประจำปี 2565,"
ที่วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร นายพิรุณโรจน์ นาคดนตรี นายอำเภอบ้านแพ้ว พร้อมด้วย พระมงคลพัฒนาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอบ้านแพ้ว เจ้าอาวาสวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานเกษตรและของดีอำเภอบ้านแพ้ว ประจำปี 2565 โดยมี พระเทพศาสนาภิบาล เจ้าคณะภาค 14 (เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง) ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเข้าร่วมงาน โดยบรรยากาศของการแถลงข่าวปีนี้ ก็มีทั้งการแสดงของผู้สูงอายุ และการนำผลไม้ สินค้า OTOP ของดีอำเภอบ้านแพ้ว (บางส่วน) ซึ่งสามารถหาซื้อได้ภายในงานเกษตรและของดีอำเภอบ้านแพ้ว มาจัดแสดงไว้ เพื่อให้ผู้ที่มาร่วมงานแถลงข่าวทุกคนได้ชม ชิม ช้อป แชร์ และชักชวนนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศมาร่วมงานเกษตรและของดีอำเภอบ้านแพ้ว ประจำปี 2565 ณ วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ตำบลยกกระบัตร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ระหว่างวันที่ 20 28 มีนาคม 2565 พร้อมกับงานประจำปีปิดทองหลวงพ่อโต วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร
นายพิรุณโรจน์ นาคดนตรี นายอำเภอบ้านแพ้ว กล่าวว่า อำเภอบ้านแพ้ว มีลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นที่ราบลุ่ม มีลำคลองน้อยใหญ่เป็นจำนวนมาก โดยมีคลองดำเนินสะดวกเป็นสายน้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงให้พื้นที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะกับการทำเกษตรกรรม สมกับคำที่ว่า ลานเกษตร และยังเป็นแหล่งผลิตพืชผลทางการเกษตรที่สำคัญของจังหวัดสมุทรสาคร มีผลผลิตทางการเกษตรที่ขึ้นชื่อและเป็นที่นิยมของผู้บริโภคหลายชนิด อาทิเช่น มะพร้าวน้ำหอม องุ่น ชมพู่ ฝรั่ง มะม่วง มะนาว ลำไย กล้วยไม้ และการทำน้ำตาลจากมะพร้าว เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงปลาสลิดที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ รวมถึงมี หลวงพ่อโต ซึ่งถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของอำเภอบ้านแพ้ว เป็นที่กล่าวขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ขององค์ท่าน จนได้ชื่อว่า เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำดำเนิน ประดิษฐานอยู่ด้วย ดังนั้นเพื่อเป็นการเผยแพร่ชื่อเสียงของอำเภอบ้านแพ้ว และเพื่อเป็นการแสดงศักยภาพของอำเภอให้เป็นที่รู้จักแก่บุคคลทั่วไป ทางอำเภอบ้านแพ้วร่วมกับวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ภาคเอกชน และประชาชนชาวสวนเกษตร จึงได้ร่วมมือกันจัดงานเกษตรและของดีอำเภอบ้านแพ้วขึ้นเป็นประจำทุกปี
นายพิรุณโรจน์ นาคดนตรี นายอำเภอบ้านแพ้ว กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกิจกรรมต่างๆ ภายในงานเกษตรและของดีอำเภอบ้านแพ้ว ประจำปี 2565 ประกอบไปด้วย การจำหน่ายสินค้าเกษตรราคาถูกจากเกษตรกร ผลิตภัณฑ์โอทอป (OTOP) และสินค้าราคาถูกจากกระทรวงพาณิชย์ อาทิ ปลาสลิด กล้วยไม้ มะพร้าว ฝรั่ง ชมพู่ ลำไย ฯลฯ นอกจากนี้ในแต่ละวันจะมีกิจกรรมการประกวดต่างๆ ที่สำคัญ ได้แก่ การจัดประกวดพืชผลทางการเกษตร, การประกวดสินค้า OTOP และสำรับอาหารไทยประจำตำบล, การประกวดหนูน้อยเกษตรบ้านแพ้ว, การประกวดปลาสลิด, การคัดเลือกเกษตรกรดีเด่นแต่ละตำบลเข้ารับรางวัลเชิดชูเกียรติ, ซึ่งแต่ละกิจกรรมล้วนแต่มีความสนุกสนานและมีจุดโดดเด่นที่น่าสนใจทั้งสิ้น ในการจัดงานครั้งนี้จะส่งผลให้เกษตรกร และผู้บริโภคจะได้รับผลประโยชน์โดยตรง ภายใต้การจัดงานตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ในโอกาสนี้ ขอเชิญเที่ยวงานเกษตรและของดีอำเภอบ้านแพ้ว และงานประจำปีปิดทองหลวงพ่อโต ณ วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ตำบลยกกระบัตร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร โดยสามารถสอบถามเส้นทางการท่องเที่ยวหรือข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ ที่ทำการปกครองอำเภอ/ที่ว่าการอำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร โทรศัพท์ 0-3448-1010 โทรสาร 0-3448-1010 ต่อ 12 , สำนักเกษตรอำเภอบ้านแพ้ว โทร 0-3448-1033 และสำนักงานปศุสัตว์อำเภอบ้านแพ้ว โทร 08-1887-1947
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",3/3/2022,ภาคตะวันตก,สมุทรสาคร,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาคร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303115531998 ปศุสัตว์ร้องกวาง ผสมเทียมโคให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคในพื้นที่,สำนักงานปศุสัตว์อำเภอร้องกวาง ผสมเทียมโคให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคในพื้นที่อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ และให้คำแนะนำในการป้องกันโรคอุบัติใหม่ ลัมปี สกิน โรคปากและเท้าเปื่อย (FMD) โรคคอบวม
นายสุรพล ปิ่นแก้ว เจ้าพนักงานสัตวบาล สำนักงานปศุสัตว์อำเภอร้องกวาง ออกให้บริการเกษตรกร โดยผสมโคเนื้อ 2 ตัว 2 ราย และติดตามลูกเกิดจากการผสมเทียม 6 ตัว 2 ราย พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการป้องกันโรคลัมปี สกิน (Lumpy skin disease) และโรคปากและเท้าเปื่อย (FMD) โรคคอบวม การกำจัดแมลงดูดเลือดในโค-กระบือ ให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ อำเภอร้องกวาง
ทั้งนี้ นายสุทัศ กวางเดินดง ปศุสัตว์อำเภอร้องกวาง ได้แนะนำโรคอุบัติใหม่ ลัมปี สกิน เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่พบ และแพร่กระจายในโค กระบือ แต่ไม่สามารถติดต่อสู่คนได้ โดยอาการของสัตว์ที่ติดเชื้อจะมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต มีตุ่มขนาดใหญ่บนผิวหนัง พบมากที่คอ หัว เต้านม ถุงอันฑะ และช่วงขา โดยตุ่มที่เกิดขึ้นสามารถแตก และตกสะเก็ดเกิดเป็นเนื้อตาย หรือมีหนอนชอนไชได้
ส่วนโรคปากและเท้าเปื่อยเกิดจากเชื้อไวรัส เอฟ เอ็ม ดี (FMD) ที่พบในประเทศไทย มี 3 ไทป์ คือ โอ (O) เอ (A) และเอเชียวัน (Asia I) เชื้อทั้ง 3 ไทป์นี้ จะทำให้สัตว์ป่วยแสดงอาการเหมือนกัน แต่ไม่สามารถให้ภูมิคุ้มกันต่างไทป์ได้ โรคนี้มีระยะฟักตัว ประมาณ 2-8 วัน โคที่เป็นโรคนี้ จะมีอาการไข้ ซึม เบื่ออาหาร หลังจากนั้นจะมีเม็ดตุ่มพอง เกิดที่ริมฝีปากในช่องปาก เช่น เหงือกและลิ้น ทำให้น้ำลายไหล กินอาหารไม่ได้ และเกิดเม็ดตุ่มที่ระหว่างช่องกีบเท้า ทำให้เจ็บ เดินกะเผลก เมื่อเม็ดตุ่มแตกออกอาจมีเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย ทำให้แผลหายช้าขณะที่โคเป็นโรคจะผอมน้ำนมจะลดลงอย่างมาก
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,3/3/2022,ภาคเหนือ,แพร่,สวท.แพร่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303124819015 กอนช. ขอให้ประชาชนหลายพื้นที่ทั่วประเทศระวังฝนตกหนัก โดยเฉพาะภาคใต้ที่ยังเกิดน้ำท่วมขังอยู่ใน 7 จังหวัด พร้อมเร่งช่วยเหลือประชาชน,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนหลายพื้นที่ทั่วประเทศระวังฝนตกหนัก โดยเฉพาะภาคใต้ที่ยังเกิดน้ำท่วมขังอยู่ใน 7 จังหวัด พร้อมเร่งช่วยเหลือประชาชน
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (3 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ จ.ตราด 65 มิลลิเมตร , จันทบุรี 46 มิลลิเมตร และยะลา 60 มิลลิเมตร โดยตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 7 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวม 44 อำเภอ 227 ตำบล 1,122 หมู่บ้าน 59,563 ครัวเรือน ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 30,715 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 53 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 24,499 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 51 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 5 แห่ง คือ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล อ่างเก็บน้ำแม่จาง และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนและแม่กลองมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ โดยเฉพาะ จ.นราธิวาส อย่างกรมชลประทานและกระทรวงมหาดไทย วางแผนการบริหารจัดการน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำในพื้นที่ต่างๆให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว // กรมชลประทานและกรมโยธาธิการและผังเมือง เร่งรัดและวางแผนการก่อสร้างพนังกั้นน้ำในจุดเสี่ยงอุทกภัยทั้ง 3 จังหวัด // กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดและศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) สำรวจและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย // สทนช. และ ศอ.บต. ประสานแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ส่วนจังหวัดนราธิวาส ยะลา และปัตตานี ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้ให้ทุกภาคส่วนมีความเข้าใจและยอมรับการก่อสร้างโครงการต่างๆที่ช่วยแก้ปัญหาในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม
",3/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303124239013 กระทรวงเกษตรฯ เปิดปฏิบัติการฝนหลวงสู้ภัยแล้ง ประจำปี 2565 ปล่อยขบวนคาราวานเครื่องบินฝนหลวงออกปฏิบัติภารกิจป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้งและภัยพิบัติทั่วประเทศ,นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการฝนหลวงสู้ภัยแล้ง ประจำปี 2565 โดยมีผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ สนามบินนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ว่า ในขณะนี้หลายพื้นที่ทั่วทุกภาคของประเทศเริ่มมีสถานการณ์ภัยแล้งเกิดขึ้น น้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่าง ๆ มีปริมาณน้ำเก็บกักลดลงตามลำดับ และในช่วงฤดูร้อนนี้ มีแนวโน้มของสถานการณ์การเกิดไฟป่า ปัญหาหมอกควัน และปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เกินเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน รวมไปถึงแนวโน้มการเกิดพายุลูกเห็บในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงได้จัดทำแผนปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2565 ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 10 หน่วยปฏิบัติการทั่วประเทศ เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวสำหรับแผนปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2565 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร มีแผนปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยแล้ง และสร้างความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้ การเติมน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่าง ๆ ของประเทศ ป้องกันการเกิดไฟป่าและบรรเทาปัญหาหมอกควัน ตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป โดยตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงประจำ 5 ภูมิภาค จำนวน 10 หน่วยปฏิบัติการ
นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งฐานเติมสารฝนหลวง จำนวน 2 แห่ง ที่ จ.ขอนแก่น และ จ.ระยอง โดยใช้เครื่องบินกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จำนวน 24 ลำ และได้รับการสนับสนุนเครื่องบินกองทัพอากาศ จำนวน 1 ลำ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา กรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้มีการจัดตั้งปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 4 หน่วยปฏิบัติการ เพื่อติดตามสถานการณ์และช่วงชิงสภาพอากาศในการปฏิบัติการฝนหลวงช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งและความต้องการน้ำในบางพื้นที่ รวมถึงสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนืออีกด้วย
ด้านนายสำเริง แสงภู่วงค์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จะปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มกำลังความสามารถ และจะร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ทั้งในด้านข้อมูลสภาพอากาศ ปริมาณน้ำ การวิเคราะห์-วิจัยข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำมาวางแผนการปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและพื้นที่การเกษตรให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด โดย พี่น้องเกษตรกรและประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร ขอรับบริการฝนหลวง หรือแจ้งข้อมูลความต้องการน้ำในพื้นที่ได้ทุกวันที่หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทั่วประเทศ อาสาสมัครฝนหลวงในพื้นที่
,3/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303132913032 จ.สุโขทัย ทำบันทึกตกลงความร่วมมือ (MOU) 74 หน่วยงาน ตั้งเป้าปลอดขยะภายในวันที่ 5 มิถุนายน 2565,จังหวัดสุโขทัย ทำบันทึกตกลงความร่วมมือ (MOU) 74 หน่วยงาน ขับเคลื่อนการลดและคัดแยกมูลฝอยในหน่วยงานของรัฐ ตั้งเป้าปลอดขยะภายในวันที่ 5 มิถุนายน 2565
นายวิรุฬ พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กล่าวว่า จังหวัดสุโขทัย ได้ทำบันทึกตกลงความร่วมมือ (MOU) ทั้งหน่วยงานราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 74 หน่วยงาน ตามโครงการ จังหวัดสุโขทัย ปลอดขยะ ภายในวันที่ 5 มิถุนายน 2565 พร้อมประกาศเจตนารมณ์ เพื่อแสดงพลังความร่วมมือและความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วนในจังหวัดสุโขทัย ในการลดและคัดแยกมูลฝอยในหน่วยงานของรัฐตามนโยบายของรัฐบาล
โดยจะร่วมกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการลด และคัดแยกขยะมูลฝอย ลดใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วและพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และงดใช้กล่องโฟมบรรจุอาหาร รวมทั้งสร้างความตระหนัก และส่งเสริมบทบาทของทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการลดและคัดแยกขยะมูลฝอย เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีแก่สังคม รวมทั้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนร่วมกันรักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง
โดยเชื่อว่าวันที่ 5 มิถุนายน 2565 จังหวัดสุโขทัยจะสามารถประกาศเป็นจังหวัดปลอดขยะ ซึ่งเป็นวันที่องค์การสหประชาชาติประกาศเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก สำหรับแนวทางการดำเนินงานแบ่งออกเป็น ระดับอำเภอ และระดับจังหวัด บริหารจัดการขยะตั้งแต่ต้นทางคือ ผู้ก่อให้เกิดขยะ กลางทาง คือ ผู้มีหน้าที่เก็บขนขยะ และปลายทาง คือ การทำลายขยะ ตามหลัก 3 R คือ การลดปริมาณ (Reduce) การนำกลับมาใช้ใหม่ (Reuse) และการนำไปแปรรูป (Recyce)
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,3/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,สุโขทัย,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุโขทัย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303130758025 ค่าฝุ่น PM 2.5 ใน กทม.และปริมณฑลปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ส่วนภาคเหนือเกินมาตรฐานระดับสีแดง 1 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ จ.แม่ฮ่องสอน,ค่าฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ส่วนภาคเหนือเกินมาตรฐานระดับสีแดง 1 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (3 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงปานกลาง โดยค่าฝุ่นปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากสภาพอากาศเปิดมีฝนตกลงมาและมีลมพัดช่วยลดการสะสมของฝุ่นลงได้ ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 5 - 10 มีนาคม ขณะที่ค่าฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นเกินมาตรฐานระดับสีแดง 1 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 6 - 8 มีนาคม แต่ช่วงวันที่ 9 - 10 มีนาคม ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษฝุ่นมีแนวโน้มสูงขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและตอนล่าง ขณะเดียวกันจังหวัดแม่ฮ่องสอนควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษจนถึงวันที่ 8 มีนาคมนี้
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
,3/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303131204027 ยกระดับคุณภาพกาแฟอะราบิกาบ้านปางขอน จังหวัดเชียงราย เดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสู่ระดับพรีเมียม,"นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกาแฟอะราบิกา สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริบ้านปางขอน จังหวัดเชียงราย ว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเชียงราย กรมวิชาการเกษตร ได้วิเคราะห์วางแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกาแฟอะราบิกา
โดยจัดทำแปลงต้นแบบการฟื้นฟูสภาพต้นกาแฟอะราบิกา ที่มีอายุมาก จำนวน 2 ไร่ จัดทำแปลงขยายพันธุ์มะคาเดเมีย จำนวน 5 ไร่ ใช้เป็นพืชร่มเงา การฝึกอบรมการผลิต กาแฟอะราบิกาที่ถูกต้องและเหมาะสม ดำเนินกิจกรรมผลิตต้นพันธุ์กาแฟอะราบิกาพันธุ์เชียงใหม่ 80 จำนวน 4,000 ต้นต่อปี และผลิตต้นพันธุ์มะคาเดเมีย จำนวน 2,000 ต้นต่อปี ใช้เป็นพืชร่มเงากาแฟ สนับสนุนให้กับเกษตรกรที่ผ่านการฝึกอบรมเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับผลการดำเนินงาน การปลูกกาแฟอะราบิก้าพันธุ์เชียงใหม่ 80 พบว่า มีผลผลิตตั้งแต่ปี 2554 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2554 จำนวน 132,100 กิโลกรัม และในปี 2564 เพิ่มเป็น 380,107 กิโลกรัม เกษตรกรมีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน 380,107 บาท เมื่อเทียบในปี 2545 ก่อนเริ่มโครงการเกษตรกรมีรายได้ครัวเรือนเพียง 50,000 บาทต่อครัวเรือนต่อปี นับได้ว่าเป็นต้นแบบขยายผลสู่พื้นที่อื่นของภาคเหนือตอนบน
โดยในปี 2565 เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ในพื้นที่ดำเนินงานของสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงฯ ได้รับการรับรองแหล่งผลิตดีที่เหมาะสม (GAP) ตามมาตรฐานสินค้าเกษตร มกษ. 9001-2556 จำนวน 95 ราย 95 แปลง พื้นที่ได้รับการรับรอง 1,170 ไร่ สำหรับแผนการดำเนินงานต่อไป ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเชียงราย มีแผนสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาการผลิตกาแฟสู่ระดับพรีเมียม โดยใช้ชุดเทคโนโลยีของกรมวิชาการเกษตร ครอบคลุมเพื่อยกระดับคุณภาพและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์กาแฟของเกษตรกรต่อไปในอนาคต
",3/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303150133093 จังหวัดแม่ฮ่องสอน เร่งแก้ไขปัญหาค่าปริมาณมลพิษในอากาศ โดยระดมเร่ง ฉีดพ่นละอองน้ำต่อเนื่อง เพื่อสร้างความชุ่มชื่นในอากาศ หวังลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5,
วันนี้ (3 มี.ค. 2565) ที่บริเวณหนองจองคำ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 สถานีควบคุมไฟป่าแม่ฮ่องสอน ทางหลวงชนบทแม่ฮ่องสอน เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน องค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน แขวงทางหลวงแม่ฮ่องสอน ดำเนินการฉีดพ่นละอองน้ำ กันอย่างต่อเนื่อง สร้างความชุ่มชื่นในอากาศ เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งเนื่องจากสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยในวันนี้ มีค่าเฉลี่ยที่วัดจากตัวอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน วัดได้ 126 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีค่าเกินมาตรฐาน มาแล้ว 6 วัน
ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน รายงานสถานการณ์ไฟป่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2 มีนาคม 2565 พบจุดความร้อนสะสมทั้งหมด 936 จุด สถานการณ์คุณภาพอากาศ ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 วันที่ 3 มี.ค. 2565 วัดได้ 126 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,3/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303131835028 ปศุสัตว์จังหวัดสิงห์บุรี จัดอบรมแปรรูปเนื้อแพะส่งเสริมเกษตรกรเลี้ยงแพะให้มีช่องทางการค้าและส่งออก เพิ่มมูลค่าราคาเนื้อแพะ ,"ที่จังหวัดสิงห์บุรี สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสิงห์บุรี ได้จัดกิจกรรมอบรมการแปรรูปเนื้อแพะ ให้แก่เกษตรกรที่เลี้ยงแพะ จำนวน 16 ราย ตามโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร กิจกรรมหลักส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพผู้เลี้ยงแพะแปลงใหญ่ เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงแพะเพื่อการค้าและการส่งออก หลักสูตร ""เทคโนโลยีการแปรรูปผลิตภัณฑ์แพะ"" โดยได้เชิญวิทยากรจากกรมปศุสัตว์ มาสอนให้แก่ผู้เข้ารับการอบรม ถึงวิธีการแปรรูปเนื้อแพะ เริ่มตั้งแต่การชำแหละหรือแยกชิ้นส่วนซากแพะ เพื่อนำชิ้นส่วนแต่ละอย่างไปใช้แปรรูปเป็นอาหารที่แตกต่างกันตามลักษณะความเหนียวและความนุ่มของเนื้อแพะในแต่ละชิ้นส่วน มีการสอนภาคปฏิบัติให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ลงมือทำจริงใน 4 เมนูอาหาร คือ การทำแพะแดดเดียว การทำแพะปิ้งย่าง การทำไส้อั่วแพะ และการทำขาแพะรมควัน สำหรับแพะถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ของจังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งมีการส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงแพะเนื้อมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 ปัจจุบันมีเกษตรกรที่เลี้ยงแพะจำนวน 413 ราย โดยมีแพะเป็นผลผลิตทั้งจังหวัดเฉลี่ยจำนวนกว่า 20,000 ตัวต่อปี มีรายได้เฉลี่ยต่อปีประมาณ 97 ล้านบาท
ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรที่เลี้ยงแพะของจังหวัดสิงห์บุรีจะเลี้ยงเพื่อขายส่งเป็นตัว โดยมีพ่อค้ามารับซื้อถึงที่ แพะเป็นอายุประมาณ 3 เดือน น้ำหนักประมาณ 30 40 กิโลกรัมราคาประมาณ 120 บาท หรือเฉลี่ยราคาตัวละประมาณ 3,500 4,000 บาท ซึ่งหากเกษตรกรสามารถแปรรูปเนื้อแพะและส่งขายเองได้จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแพะได้อีกเท่าตัว หรือเฉลี่ยประมาณ 7,000 8,000 บาทต่อแพะ 1 ตัว
วีรยุทธ รวดเร็ว / ข่าว
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",3/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,สิงห์บุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสิงห์บุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303133515036 สภาพน้ำทะเลระยองอยู่ในเกณฑ์ปกติและไม่พบคราบฟิล์มน้ำมัน ยกเว้นยังพบก้อนสีดำคล้ายถ่านบริเวณหาดแม่รำพึงตรงร้านเจ๊จุกซีฟู๊ดและก้นอ่าว,"สภาพน้ำทะเลจังหวัดระยองอยู่ในเกณฑ์ปกติและไม่พบคราบฟิล์มน้ำมัน ยกเว้นยังพบก้อนสีดำคล้ายถ่านบริเวณหาดแม่รำพึงตรงร้านเจ๊จุกซีฟู๊ดและก้นอ่าว
นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 (ระยอง) ได้เดินสำรวจชายหาดเพื่อตรวจติดตามเส้นทางการแพร่กระจายและผลกระทบจากน้ำมันดิบรั่วไหลในทะเลมาบตาพุดรวม 3 พื้นที่ คือ หาดแม่รำพึง ตั้งแต่บ้านคลองกะเฌอ สถานีอุตุนิยมวิทยา ถึงบ้านก้นอ่าว ระยะทาง 9 กิโลเมตร โดยบริเวณหินขาวหินดำ ร้านเจ๊จุกซีฟู้ด พบก้อนสีดำคล้ายถ่านระยะ 150 เมตร ส่วนสะพานป่าคั้น พบก้อนสีดำคล้ายถ่าน ระยะ 100 เมตร // หน้าศาลเจ้าแม่ทับทิม สถานีรายงานบ้านเพ(ทอ.) พบผงสีดำคล้ายถ่าน ระยะทาง 200 เมตร และสุดท้าย หาดบ้านเพ-ท่าเรือแกลง ระยะทาง 5.43 กิโลเมตร ไม่พบคราบน้ำมัน ขณะเดียวกันยังได้นำเรือ ทช.311 , ทช.221 และ ทช.302 ตรวจติดตามและเฝ้าระวังการแพร่กระจายของคราบน้ำมันที่อาจมีหลงเหลือในพื้นที่ทะเลระยองรวม 3 เส้นทาง คือ เขาแหลมหญ้า-รอบเกาะเสม็ด และพื้นที่ใกล้เคียง ระยะทาง 45 กิโลเมตร // หาดแม่รำพึง-เขาแหลมหญ้า-อ่าวเพ-ปากคลองแกลง ระยะทาง 87.5 กิโลเมตร และสุดท้าย หาดแม่รำพึง-เกาะสะเก็ด ระยะทาง 120cกิโลเมตร โดยการสำรวจทุกเส้นทางไม่พบคราบน้ำมันในทะเล
",3/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303141922059 จังหวัดอ่างทอง จัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ไตรมาสที่ 2/2565,นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ไตรมาสที่ 2/2565 ณ วัดบางศาลา ตำบลชัยฤทธิ์ อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง โดยมี นายวินัย ขยันยิ่ง เกษตรจังหวัดอ่างทอง เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมด้วยสำนักงานเกษตรจังหวัดอ่างทอง เป็นหน่วยงานหลักในการจัดงานฯ ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมงาน จำนวน 100 ราย ทั้งนี้ ได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
สำหรับ โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงรับโครงการดังกล่าวไว้ในพระราชานุเคราะห์ เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในปีพุทธศักราช 2545 เป็นโครงการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดตั้งขึ้นเพื่อให้บริการแก่เกษตรกรในการแก้ไขปัญหาการผลิตด้านการเกษตรได้อย่างรวดเร็วทั่วถึง และสอดคล้องกับความต้องการ ของเกษตรกร ซึ่งมีการบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานวิชาการ หน่วยงานส่งเสริมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพัฒนาฟื้นฟูเกษตรกร ให้สามารถทำการผลิตทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืน โดยเป็นการปฏิบัติงานในเชิงรุก ที่ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ ที่มีปัญหาให้ได้รับบริการทางการเกษตร โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ จำนวน 14 คลินิก เช่น คลินิกด้านพืช สัตว์ ประมง ดินและปุ๋ย และคลินิกอื่น ๆ
ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง กล่าวว่า โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ เป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการแก้ไขปัญหาและถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ เนื่องจากเกษตรกรจะได้รับบริการแบบครบวงจร พร้อมทั้งแสดงความห่วงใยในการป้องกันและดูแลตนเองจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,3/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,อ่างทอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอ่างทอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303145617086 ก.ทรัพย์ รับข้อเสนอแผนฟื้นฟูและพัฒนาสิ่งแวดล้อมของเครือข่ายภาคประชาชนไปปรับใช้กับนโยบายภาครัฐ เพื่อสร้างแผนการจัดการสิ่งแวดล้อมทุกมิติให้เกิดเป็นรูปธรรม,"กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับข้อเสนอแผนฟื้นฟูและพัฒนาสิ่งแวดล้อมของเครือข่ายภาคประชาชนไปปรับใช้กับนโยบายภาครัฐ เพื่อสร้างแผนการจัดการสิ่งแวดล้อมทุกมิติให้เกิดเป็นรูปธรรม
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวในเวทีรับฟังความคิดเห็นจากเครือข่ายภาคประชาชน ""หยุดทำลายโลกใบนี้ ก้าวสู่โลกที่ยั่งยืน"" จัดโดย กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) เพื่อผลักดันข้อเสนอเชิงนโยบายและนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ซึ่งมีการระดมความคิดเห็นจากภาคประชาชนทั่วประเทศ ร่วมกันจัดทำเป็นข้อเสนอ 11 ข้อเสนอ แล้วส่งต่อให้กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำไปผนวกจัดทำเป็นแผนอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในเชิงนโยบายเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติจริง โดยปีนี้กระทรวงทรัพย์ฯมุ่งมั่นให้เป็นปีแห่งการปรับตัวและฟื้นฟู ภายใต้นโยบาย ""ทส.ยกกำลังเอ็กซ์"" ส่วนการฟื้นฟูเน้นการสร้างเศรษฐกิจครัวเรือนและการทุ่งสู่เศรษฐกิจแบบใหม่และสังคมคาร์บอนต่ำ ด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว และการพัฒนาระบบดิจิตอล แพลทฟอร์ม เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นหลัง ซึ่งประเทศไทยถือเป็นประเทศหากเทียบกับทั่วโลกพื้นที่ดินใน 1 เปอร์เซ็นต์จะมีความสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพมากถึงร้อยละ 10 ของโลกใบนี้ และช่วง 3 ปีที่ผ่านมาของโควิด-19 ทำให้กิจกรรมของมนุษย์หลายกิจกรรมต้องหยุดลง แล้วส่งผลให้ธรรมชาติเริ่มฟื้นกลับคืนมา จึงจำเป็นต้องร่วมกันปกป้องและฟื้นฟูธรรมชาติเหล่านี้ให้มากขึ้นภายใต้แผนการปฏิบัติร่วมกัน โดยข้อเสนอที่กลุ่มสมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเสนอมานั้นมีความครอบคลุมและสอดคล้องกับที่กระทรวงทรัพย์ฯ มีอยู่ โดยสามารถนำไปปรับใช้กับทุกหน่วยงานในสังกัดได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ด้าน นายภาคภูมิ วิธานติรวัฒน์ ประธานสมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กล่าวว่า ในส่วนของข้อเสนอที่ส่งให้กับกระทรวงทรัพย์ฯมีประเด็นสำคัญ 11 เรื่อง ประกอบด้วย การร่วมกันรักษาโลก ด้วยการลดก๊าซเรือนกระจก ก้าวผ่านการใช้พลังงานถ่านหิน อนุรักษ์ฟื้นฟูป่า และสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนให้ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม // การสร้างความยุติธรรมให้กับสิ่งแวดล้อม // การสร้างระบบนิเวศฐานชีวิตและความมั่นคงของมนุษย์ // แก้ปัญหาฝุ่นพิษและ PM 2.5 // แก้ปัญหาขยะพิษจากอุตสาหกรรรม // แก้ปัญหาขยะทะเล // ฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำ หรือแรมซ่าไซด์ // แก้ปัญหาแม่น้ำโขง แม่น้ำนานาชาติ และผลกระทบข้ามพรมแดน // แก้ปัญหาชุมชนคนอยู่กับป่า // ส่งเสริมประชาชนหุ้นส่วนการพัฒนา และการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเครือข่ายภาคประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆและทำงานปกป้องสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว โดยต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนการทำงานด้วยนโยบายและกฎหมายเข้าไปบังคับใช้ให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
",3/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303144904080 จังหวัดยโสธร ประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายยโสธร - พนมไพร และโครงการฝายธาตุน้อย จังหวัดยโสธร,"วันที่ 3 มีนาคม 2565 เวลา 09.30 น. นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายยโสธร - พนมไพร และโครงการฝายธาตุน้อย จังหวัดยโสธร เพื่อพิจารณารับรองรายชื่อของผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างฝายยโสธร - พนมไพร จังหวัดยโสธร ในรอบแรกจำนวน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองยโสธร และอำเภอคำเขื่อนแก้ว จำนวน 469 ราย การแต่งตั้งคณะทำงานอำเภอเพื่อตรวจสอบสิทธิ์ในการรับค่าชดเชยความเสียหายของราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายยโสธร - พนมไพร จังหวัดยโสธร เพิ่มพื้นที่อำเภอมหาชนะชัย และอำเภอค้อวัง การกำหนดกรอบระยะเวลา และแนวทางในการดำเนินงานของคณะทำงานฯ ในรอบสอง (รายใหม่)
โดยมีอาจารย์ ดร.กิตติชัย ดวงมาลย์ รองคณบดีฝ่ายวางแผนและกายภาพ คณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะอนุกรรมการฯ ภาคประชาชน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดยโสธร
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",3/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ยโสธร,สวท.ยโสธร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303145711087 หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 44 สำนักงานพัฒนาภาค 4 และ เทศบาลเมืองปัตตานี ดำเนินการกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ไม่ให้น้ำเข้าเขตเทศบาลเมืองปัตตานี,"หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 44 สำนักงานพัฒนาภาค 4 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จัดชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็ว จำนวน 6 นาย พร้อมทั้ง รถขุดตัก จำนวน 1 คัน , รถลากจูงกึ่งพ่วง จำนวน 1 คัน และ รถยนต์บรรทุกตรวจการณ์ จำนวน 2 คัน ร่วมกับ นายนิอันนุวา สุไลมาน นายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี พร้อม จนท. และสมาชิกสภาเทศบาล ลงพื้นที่ปฏิบัติงาน เก็บขยะไม่ให้กีดขวางทางน้ำในแม่น้ำปัตตานี บริเวณสะพานเดชานุชิต อ.เมือง จ.ปัตตานี
เพื่อให้น้ำไหลสะดวกรวดเร็วขึ้นและเป็นการป้องกันไม่ให้น้ำท่วมขัง พร้อมทั้ง ได้มอบน้ำดื่ม จำนวน 1,500 ขวด ให้แก่ราษฎรในพื้นที่เทศบาลเมืองปัตตานี ณ สะพานเดชานุชิต ต.อาเนาะรู อ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",3/3/2022,ภาคใต้,ปัตตานี,สวท.ปัตตานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303150527100 ความสำเร็จของศูนย์การเรียนรู้สวนพุทธเกษตร ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่โคกหนองนาบ้านหนองอีดำ จ.สุรินทร์,สวนพุทธเกษตร เพื่อน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่โคกหนองนา บนแปลงที่ดิน 8 ไร่ บ้านหนองอีดำ ต กะโพ อ ท่าตูม จ สุรินทร์ เป็นอีกหนึ่งของภาพความก้าวหน้าและความสำเร็จ จากความร่วมมือกันอย่างแท้จริงระหว่างชุมชน คน อุปถัมภ์ขับเคลื่อนโดยพระภิกษุสงฆ์ โดยพระเดชพระคุณ ดร.หลวงพ่อ พระครูพิศิษฏ์ประชานาถ หรือ หลวงพ่อแดง นันทิโย องค์ประธานมูลนิธิวัดอินทาราม รองเจ้าคณะอำเภออัมพวาเจ้าอาวาสวัดอินทาราม จังหวัดสมุทรสงคราม หรือที่รู้จักกันดีในนามธนาคารวัวหลวงพ่อแดง ซึ่งได้มาก่อตั้งแปลงนาอินทรีย์บนพื้นที่เปล่าแห่งนี้ เมื่อปี 2563 และปรับพื้นที่ขุดธนาคารน้ำใต้ดินระบบเปิดเพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้โคกหนองนา มีวิสาหกิจในพื้นที่ 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ท่าตูม จอมพระ ชุมพลบุรี และ ศีขรภูมิ ร่วมหมุนเวียนเข้ามาเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ให้สมบูรณ์มากขึ้นไปเรื่อยๆ
นอกจากนี้ ยังมีพระมหาบวร ปวรธมฺโม เจ้าอาวาสวัดบุญนารอบ รองเจ้าคณะอำเมืองนครศรีธรรมราช ได้เดินทางมาเยี่ยมชมความก้าวหน้าของการพัฒนาสวนพุทธเกษตรบ้านหนองอีดำแห่งนี้ เพื่อศึกษาแลกเปลี่ยนการพัฒนาศูนย์เรียนรู้เพื่อนำไปปรับใช้ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และนำผลไม้และพันธุ์ไม้มาแจกจ่ายแลกเปลี่ยนให้ญาติโยมที่ศูนย์พุทธเกษตรนำไปใช้ประโยชน์ด้วย
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีกลุ่มชาวบ้านรวมตัวกันตั้งวิสากิจชุมชนธนาคารวัวหลวงพ่อแดง เข้ามาเรียนรู้วิธีปลดหนี้ และสังกัดเป็นสมาชิกโรงเรียนสอนชาวนาสู้กับความจน ได้เอาแนวคิดของการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน มาลงพื้นที่ โดยยึดหลักการแก้ปัญหาของคนชนบท มาเป็นโจทย์ในการพัฒนา พบว่า ส่วนใหญ่มีหนี้จากการทำนา ลงทุนสูง โดยเฉพาะการใช้ปุ๋ยเคมี และแรงงานส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนไปรับจ้างเพื่อยังชีพทิ้งเรือกสวนไร่นา ช่วงเวลาการทำนาและฤดูกาลที่ต้องพึ่งพิงปริมาณน้ำฝน นอกจากนี้ยังพบว่าไม่ได้เลี้ยงวัวควายในบ้าน จึงทำให้ใช้ปุ๋ยเคมีแทน โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระครูพิศิษฏ์ประชานาถ ดร. ได้ส่งวัวมาประจำที่คอกอภัยทาน มีพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์มาไว้ให้ขยายพันธุ์ แจกจ่ายมาแล้วประมาณ 700 ตัว และยังคงออกลูกเป็นผลผลิตให้กับชาวบ้านเป็นผลพลอยได้ต่อยอดการพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นอีกด้วย
รองศาสตรจารย์ ดร.วาสนา แก้วหล้า อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ซึ่งเป็นนักพัฒนาและบริการท้องถิ่นตามภารกิจรับใช้สังคม ของบุคลาการในสถาบันอุดมศึกษา ที่ทำงานเน้นการส่งเสริมพัฒนาท้องถิ่น โดยเฉพาะก็คือมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ จำนวน 40 แห่ง ในการขับเคลื่อนร่วมกับชุมชนการพลิกปัญหามาแก้ไข จึงจับเอาเรื่องการมีวัวบ้านล่ะ 2 ตัวมาเติมให้แต่ล่ะครัวเรือน ตอนนี้มีชาวบ้านกว่า 32 หมู่บ้านของจังหวัดสุรินทร์มารับวัวไปเลี้ยง และมาลงมือเรียนในศูนย์การเรียนรู้แนวพุทธเกษตร เน้นการทำกิจกรรมพึ่งตนเอง ลดปัญหาโลกร้อน ลดต้นทุนการเพาะปลูก ทำนาปี นาปรัง ใช้ปุ๋ยคอกผสมกับแหนแดงไมโครฟิลล่า วิชาที่เรียนด้วยการลงมือทำ ได้แก่ การขุดธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด การเลี้ยงปลากินพืช การเลี้ยงหอยนา หอยปัง หอยขม หอยเชอรี่สีทอง การปลูกพืชอาหาร ผักสวนครัว ผักป่า เห็ดโคน การเลี้ยงไก่ไข่เก็บไข่ขาย วิชาการช่าง วิชาการทำก้อนปุ๋ยและปุ๋ยหมัก การปลูกดอกดาวเรืองส่งจำหน่าย และโรงสีข้าวเพื่อชาวนาสีข้าวเปลือกขายเอง ในระบบออนไลน์ การชื้อสินค้าและการออมเงินระบบถือหุ้นสหกรณ์
นายสุริยา เครือ จันทร์ ประธานวิสาหกิจชุมชนธนาคารวัวหลวงพ่อแดง สาขาบ้านหนองอีดำ กล่าวว่า การพัฒนาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ โดยสมาชิกเพิ่มจำนวนมากขึ้น คุณภาพวิถีชีวิตดีมากขึ้น การใช้จ่ายลดลง เนื่องจากสมาชิกมีการแปรรูปสินค้าเกษตร อาทิ ข้าวสารที่แปรรูปด้วยตนเองพร้อมกับนำออกไปจำหน่ายสร้างรายได้ที่ดีกว่า การนำกลุ่มวิสาหกิจเข้ามาร่วมกันพัฒนาสวนเรียนรู้โคกหนองนาแห่งนี้จึงเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากกับวิถีชีวิตของชาวบ้านให้มีรายได้ลดรายจ่ายได้อย่างเหมาะสมและยั่งยืน
รศ ดร วาสนา แก้วหล้า กล่าวว่า ในทัศนะการรับใช้สังคมโดยมาช่วยชาวบ้าน มีหลวงพ่อแดง เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น กับบทบาทของงานสงฆ์สาธารณะสงเคราะห์ เห็นว่าความร่วมมือของการพัฒนาในรูปแบบ บวร หรือ บ้าน วัด ราชการ ในที่นี่สามารถระดมพลังทุกภาคส่วนมาร่วมกันพัฒนาสังคม ที่สวนเรียนรู้แห่งนี้นี่จึงเป็นต้นแบบได้ จึงอยากเชิญชวนกลุ่มองค์กร เกษตรกร วิสาหกิจชุมชนต่างๆ นักเรียน นักศึกษา รวมทั้งประชาชนทั่วไป ได้เยี่ยมศึกษาเรียนรู้พุทธเกษตรบ้านหนองอีดำแห่งนี้ เพื่อนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันแบบเกษตรพอเพียงทฤษฎีใหม่ให้ได้อยู่กับธรรมชาติของเกษตรแบบยั่งยืนและพอเพียง
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,3/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,สุรินทร์,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303151547111 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลง ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านยังกระทบไทย,"สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลง ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านยังกระทบประเทศไทย
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (2 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 957 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 278 จุด // พื้นที่เกษตร 246 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 202 จุด // พื้นที่เขต สปก. 124 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 94 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 13 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุด คือ ชัยภูมิ 99 จุด , แม่ฮ่องสอน 72 จุด , เชียงใหม่ 64 จุด โดยจุดความร้อนยังคงกระจายตัวอยู่ในพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อนสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 543 จุด ส่งผลให้วันนี้คุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยประชาชนควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 8,455 จุด , ภาคเหนือ 7,274 จุด และภาคกลาง 4,676 จุด
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาติดต่อกัน 4 วัน 3,305 จุด รองลงมาเป็นกัมพูชา 1,832 จุด และ สปป.ลาว 1,766 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในประเทศ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพ
",3/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303154414132 กอ.รมน.จังหวัดเลย ประชุมบูรณาการแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรป่าไม้และที่ดินทำกินของราษฎร,"ที่ห้องประชุมภูกระดึง ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดเลย พ.อ.สมหมาย บุษบา รอง ผอ.รมน.จังหวัดเลย เป็นประธานการประชุมบูรณาการแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรป่าไม้และที่ดินทำกินของราษฎรพื้นที่ ต.นาหอ อ.ด่านซ้าย จ.เลย โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้นำท้องที่/ท้องถิ่น ต.นาหอ อ.ด่านซ้ายฯ ทั้ง 9 หมู่บ้าน ผู้แทนคณะกรรมการป่าชุมชนนาหอ เข้าร่วมประชุม สาระสำคัญ ดังนี้
1. กอ.รมน.จังหวัดเลย นำเสนอสภาพปัญหาด้านทรัพยากรป่าไม้ และความขัดแย้งระหว่างผู้นำท้องที่/ท้องถิ่น ต.นาหอ อ.ด่านซ้ายฯ
2. ความคืบหน้าคดีที่เกี่ยวข้อง จำนวน 3 คดี
-สภ.ด่านซ้าย คดีที่ 145/2564 กรณี บุกรุกป่าชุมชนนาหอ ผตห./นายบำเพ็ญ เสนานุช พงส.อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม
-สภ.ด่านซ้าย คดีที่ 146/2564 กรณี ตัดไม้ป่าชุมชนนาหอ ผตห./กำนัน ต.นาหอ พร้อมพวก 6 คน อยู่ในชั้นอัยการพิจารณาคดี
-สภ.โคกงาม คดีที่ 84/2564 กรณี บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ตรวจยึดแบคโฮ 2 คัน ผตห. 2 คน พงส.อยู่ระหว่างสอบสวนผู้แทน อบจ.เลย เพิ่มเติม คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณสัปดาห์หน้าสามารถส่งสำนวนฟ้องได้
3. นายสนอง โสประดิษฐ์ รองนายกฯ/ผู้แทน อบจ.เลย กล่าวถึงความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของโครงการแก้ปัญหาภัยแล้งฯ (ขุดบ่อน้ำราษฎรสมทบ 5,000 บ./บ่อ) และแจ้งว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวได้แจ้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแล้ว
4. ทสจ.เลย กล่าวถึงการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมป่าไม้ก่อนเข้าดำเนินการ ซึ่งโครงการดังกล่าวยังไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการ และการปฏิบัติหน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการป่าชุมชน ถือเป็นเจ้าพนักงาน ตาม พ.ร.บ.ป่าชุมชน พ.ศ.2562 ย่อมได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
5. พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ ผู้แทน ศปป.4 กอ.รมน. แจ้งว่าเคยตรวจพบการดำเนินโครงการดังกล่าวในห้วงที่ผ่านมาและได้แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แก้ไขแล้วแต่ยังคงปรากฏว่ามีการดำเนินการที่ละเมิดต่อกฎหมายเป็น ครั้งที่ 3
6. นางชนากานต์ แก้วเพชร กำนัน ต.นาหอฯ กล่าวว่า มีขบวนการกลั่นแกล้งตนเองให้ได้รับโทษตามกฎหมาย โดยไม่ทราบสาเหตุ
7. นายประสาสน์ อุ่นแก้ว นายก อบต.นาหอ กล่าวถึงความขัดแย้งในพื้นที่ห้วงที่ผ่านมามิได้เกิดจากความขัดแย้งส่วนตัวของผู้นำ แต่เกิดจากข้าราชการที่ไม่ยึดถือระเบียบกฎหมาย
8. นางกัณจน์พาณิภัค กุดเปล่ง ผู้ใหญ่บ้านนาเบี้ย กล่าวถึงขั้นตอนการดำเนินการของคณะกรรมการหมู่บ้านนาเบี้ย ได้ยึดถือระเบียบ มท.ทุกขั้นตอน
ประธานกล่าวสรุป เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ กอ.รมน.ได้เร่งรัดติดตามแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง การดำเนินการมีความคืบหน้าตามลำดับ และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และขอให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้ากัน ก้าวข้ามความขัดแย้ง ร่วมกันพัฒนาพื้นที่เพื่อความสงบสุขของประชาชนต่อไป
9. จากการสังเกตการณ์ ผู้นำท้องที่/ท้องถิ่น ต.นาหอ อ.ด่านซ้ายฯ มีความเข้าใจการทำงานภาครัฐมากขึ้น และมีความพึงพอใจในระดับหนึ่ง คาดว่าความขัดแย้งในพื้นที่จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",3/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,เลย,สวท.ด่านซ้าย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303160432141 ร้อยเอ็ดขับเคลื่อนนโยบายการจัดการขยะมูลฝอยโดยวิธีการแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า ระบบปิดแบบ Waste To Energy (WTE) โซนใต้,นายเชวงศักดิ์ พลเยี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานการประชุมชี้แจงนโยบายการจัดการขยะมูลฝอยโดยวิธีการแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า ระบบปิดแบบ Waste To Energy (WTE) โซนใต้ ณ ศูนย์ประชุม สาเกต ฮอลล์ อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายเอกภาพ พลซื่อ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด หัวหน้าส่วนราชการ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วม
ด้วยปัญหาของการบริหารจัดการขยะมูลฝอยที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย ขยะมูลฝอยมีปริมาณที่เพิ่มขึ้นทุกปี และจากการเพิ่มขึ้นของประชากร การขยายตัวของเศรษฐกิจ การขยายตัวของชุมชนเมือง และทางด้านอุตสาหกรรม อีกทั้งสถานที่กำจัดหรือสถานที่บริหารจัดการขยะที่มีไม่เพียงพอและยังไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ จังหวัดร้อยเอ็ด จึงได้แบ่งการบริหารจัดการขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกเป็น 4 โซน ได้แก่ กลุ่มพื้นที่โซนเหนือ กลุ่มพื้นที่โซนกลาง กลุ่มพื้นที่โซนใต้และกลุ่มพื้นที่เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด โดยกลุ่มที่ร่วมประชุมในวันนี้คือกลุ่มพื้นที่โซนใต้ ประกอบไปด้วยกลุ่มเป้าหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด 80 แห่ง จาก 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเกษตรวิสัย อำเภอเมืองสรวง อำเภอสุวรรณภูมิ อำเภอโพนทราย อำเภอหนองฮี อำเภอพนมไพร อำเภอจตุรพักตรพิมาน และอำเภอปทุมรัตต์ เพื่อชี้แจงนโยบายการจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่โซนใต้ ด้วยวิธีการแปรรูปเป็นพลังงานไฟฟ้า ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงขั้นตอนและวิธีการให้เอกชนร่วมลงทุนและกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนถิ่นทุกแห่งในการขับเคลื่อนการจัดการขยะมูลฝอยร่วมกัน และให้ได้ทราบถึงทิศทางการบริหารจัดการขยะมูลฝอยและให้นำแนวทางไปเสนอความเห็นชอบต่อสภาท้องถิ่นของแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งจะสามารถนำไปขับเคลื่อนการจัดการขยะมูลฝอยได้อย่างเป็นรูปธรรม และแก้ไขปัญหาการไม่มีสถานที่ทิ้งขยะและสถานที่กำจัดขยะที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการได้
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,3/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ร้อยเอ็ด,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303162029145 วราวุธ ย้ำไทยมุ่งมั่นแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บนเวทีการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 5 ช่วงที่ 2 (UNEA 5.2),รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ย้ำประเทศไทยมุ่งมั่นแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บนเวทีการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 5 ช่วงที่ 2 (UNEA 5.2)
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 5 ช่วงที่ 2 (UNEA 5.2) ภายใต้หัวข้อ Strengthening Actions for Nature to Achieve the Sustainable Development Goals เพื่อมุ่งเน้นการฟื้นฟูธรรมชาติและมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม ผ่านระบบการประชุมทางไกลในลักษณะผสมผสาน (Hybrid) จากกรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวถ้อยแถลงเน้นย้ำปัญหาสิ่งแวดล้อมและผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ โดยเฉพาะปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และปัญหามลพิษที่กำลังบั่นทอนสุขภาพของประชาคมโลก ในส่วนของประเทศไทยกำลังเร่งขับเคลื่อนรูปแบบโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG Economy หรือเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) ซึ่งเป็นแนวทางนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในการรักษาความสมดุลระหว่างการส่งเสริมความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ควบคู่กับการดูแลปกป้องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อคงระบบนิเวศและความมั่นคงมนุษย์ พร้อมย้ำเป้าหมายของไทยที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 รวมทั้ง ตั้งเป้า Recycle พลาสติกให้นำกลับมาใช้ประโยชน์ 100 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2027
,3/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303161557143 เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก ติดตามศูนย์บัญชาการควบคุมไฟป่าส่วนหน้า จ.ลำปาง สร้างความมั่นใจในการรับมือสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน,วันที่ 3 มีนาคม 2565 พลตรีอโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 และคณะผู้บังคับบัญชา ให้การต้อนรับ พลโทนิรันด ศรีคชา เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก/หัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก พร้อมคณะทำงานฯ และผู้แทน WANG โอกาสเดินทางเยี่ยมชมศูนย์บัญชาการควบคุมไฟป่าส่วนหน้า (อำเภอแม่ทะ) จังหวัดลำปาง พร้อมปิดการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญด้านการดับไฟป่าแระหว่างกองทัพบกกับกองทัพบกสหรัฐอเมริกา Bush Fire SMEE 2022 ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3
กองทัพบกมีความห่วงใยในสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ ที่จำเป็นต้องบูรณาการและทุ่มเททั้งกำลังใจ กำลังกาย ยุทโธปกรณ์ต่างๆ ร่วมกันทุกภาคส่วนให้สามารถ ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้เกิดผลดี ลดการเกิดไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพดี มีอากาศที่สดใส และเพื่อให้ลำปางไร้ปัญหาไฟป่าหมอกควันต่อไป
ในการนี้ นายอิศเรศ จิระรัตน์ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ผู้แทนกรมป่าไม้ พร้อมคณะฯร่วมให้การต้อนรับและบรรยายสรุปผลการดำเนินการ พร้อมนำชมนิทรรศการและการสาธิตการบัญชาการเหตุการณ์ เพื่อให้เห็นถึงขั้นตอนการปฏิบัติ ความรู้และความชำนาญของเจ้าหน้าที่และการใช้อุปการณ์ต่างๆ ความปลอดภัยเมื่อเข้าปฏิบัติงาน ซึ่งสร้างความมั่นใจและความพร้อมการรับมือสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดลำปาง โดยความร่วมมือและการบูรณาการกับทุกภาคส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,3/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303164238157 ผอ.สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคงฯ ตรวจเยี่ยม รับฟังการป้องกันและแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง จังหวัดแม่ฮ่องสอน,"
วันที่ 3 มีนาคม 2565 เวลา 11.00 น. พล.ท.สวัสดิ์ ชนะจิตรสกุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยม รับฟังการป้องกันและแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ณ ห้องประชุมสวนสาธารณะจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ในที่ประชุมได้รายงานสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ว่า พบค่าปริมาณฝุ่นละอองในอากาศเกินค่ามาตรฐานอย่างต่อเนื่อง เปรียบเทียบสถิติการเกิดจุดความร้อน (Hot Sport) พบว่าในช่วงเดือนมกราคม - วันที่ 1 มีนาคม 2565 เกิดจุดความร้อนสะสม จำนวน 864 จุด น้อยกว่าสถิติในช่วงเดียวกันของปี 2564 เกิดความร้อนสะสม จำนวน 2,449 จุด โดยในปีนี้มีแนวโน้มที่ดี กว่าหลายปีที่ผ่านมา ส่วนอำเภอที่ยังต้องเฝ้าระวัง คืออำเภอปาย รองลงมา คือ อำเภอเมือง และอำเภอปางมะผ้า พบว่าปัจจุบันค่าฝุ่นละอองในอากาศเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สำหรับปี 2565 จังหวัดแม่ฮ่องสอนตั้งเป้าหมายจุดความร้อนสะสม ต้องไม่เกิน 9,556 จุด ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากฝุ่นควันจากการเผา จากประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีไฟป่าเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ขณะที่ลมจากทิศตะวันตกพัดเข้ามายังประเทศไทยด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่งผลให้ปริมาณค่าฝุ่นควันจากการเผาในอากาศเกินค่ามาตรฐาน
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สั่งการให้ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน สั่งการหน่วยงานป่าไม้ทุกแห่ง หยุดและชะลอการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในเขตป่าทุกชนิด ในช่วงนี้ ทั้งในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอนุรักษ์ และในพื้นที่ชุมชน รวมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชนในการสอดส่องและดูแล เพื่อป้องกันการลักลอบจุดไฟเผาป่า ขณะเดียวกันจังหวัดแม่ฮ่องสอน ยังคงมาตรการทางกฏหมายมาบังคับใช้ด้วย หากสถานการณ์หมอกควันไฟป่าในพื้นที่มีความรุนแรงจากการลักลอบจุดไฟเผาป่า เนื่องจากขณะนี้จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ออกประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ถึง 30 เมษายน 2565
พล.ท.สวัสดิ์ ชนะจิตรสกุล กล่าวว่า ได้เห็นถึงการบูรณาการ ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน รวมถึงภาคเอกชนและภาคประชาชน ที่เข้ามามีส่วนร่วมในแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ซึ่งปัญหาดังกล่าวนี้ ทาง กอ.รมน.ส่วนกลาง จะนำเรียนผู้บังคับบัญชา พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ซึ่งได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง เป็นอย่างยิ่ง
จากนั้น ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคงฯ รับชมการสาธิตการอัดใบไม้เป็นก้อน เพื่อนำไปแปรรูปเป็นถ่าน และผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกรมทหารราบที่ 7 รวมทั้งชมการสาธิตการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเปลือกข้าวโพด ฟางข้าว ใบตองตึง เพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชนและเป็นการลดเชื้อเพลิงที่จะก่อให้เกิดไฟป่า จากกลุ่มวิสาหกิจสร้างป่าสร้างรายได้
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",3/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303164845163 สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา เร่งสำรวจพื้นที่เสียหาย เตรียมช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรภาคใต้ สำรองพืชพันธุ์ดีและไตรโครเดอร์มา ฟื้นฟูพื้นที่การเกษตรทันทีหลังน้ำลด,"นายอนุชา ยาอีด ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่าหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณประเทศมาเลเซียและภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ในช่วงวันที่ 25-27 กุมภาพันธ์ 2565 ส่งผลให้พื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนราษฎรเสียหาย ซึ่งนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความห่วงใยเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก และนายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ได้สั่งการไปยังเกษตรจังหวัดทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ สำรวจความเสียหาย และเตรียมการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรโดยเร็วที่สุด
ซึ่งขณะนี้พบว่าพี่น้องเกษตรกรประสบภัยพิบัติด้านพืช จำนวน 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส พัทลุง สงขลา และจังหวัดนครศรีธรรมราช รวมจำนวน 56 อำเภอ 281 ตำบล 1,913 หมู่บ้าน ครัวเรือนเกษตรกรที่คาดว่าจะประสบภัย จำนวน 68,955 ครัวเรือน พื้นที่คาดว่าจะเสียหายรวม 89,274 ไร่ จำแนกเป็นข้าว ซึ่งอยู่ในระยะใกล้จะเก็บเกี่ยว 57,196 ไร่ พืชผัก 14,034 ไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่นๆ 18,044 ไร่ และจากสภาพน้ำท่วมขังดังกล่าว ทำให้ดินขาดออกซิเจนที่รากพืชจำเป็นต้องใช้ในการหายใจ เกิดการสะสมของคาร์บอนไดออกไซด์ ขณะน้ำท่วมอินทรียวัตถุในดินเศษพืชและสัตว์ต่างๆ จะถูกจุลินทรีย์ย่อยสลาย ทำให้เกิดก๊าซพิษที่เป็นอันตรายต่อรากไม้ผล ส่งผลให้ประสิทธิภาพ การดูดน้ำและแร่ธาตุต่างๆ ลดลง รากพืชและลำต้นจะอ่อนแอง่ายต่อการที่โรคและแมลงจะเข้าทำลาย อาจจะทำให้ไม้ผลบางชนิดล้มได้
สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติภาคใต้ ร่วมกับอีก 14 จังหวัด ได้ประสานเน้นย้ำให้จังหวัดรายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิด กำชับเจ้าหน้าที่ลงสำรวจพื้นที่เสียหายและเตรียมการเฝ้าระวัง หากยังมีฝนตกต่อเนื่อง ให้รีบรายงานทันที สำหรับการเตรียมการฟื้นฟูพื้นที่เกษตรหลังน้ำลดนั้น กรมส่งเสริมการเกษตรมีโครงการผลิตพืชพันธุ์ดีเพื่อสำรองในกรณีช่วยเหลือ ฟื้นฟู ดูแลเกษตรกรผู้ประสบภัย และใช้ในภารกิจของกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งดำเนินการผลิตพืชพันธุ์ดีให้เกษตรกรในยามฉุกเฉินมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้มอบหมายให้ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จังหวัดตรัง
ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 4 จังหวัดนครศรีธรรมราช ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดสุราษร์ฏานี ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดกระบี่ และศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดยะลา เตรียมพร้อมพันธุ์พืชผักและไม้ผล สำหรับสนับสนุนเกษตรกรทันทีหลังน้ำลด จำนวนกว่า 262,000 ต้น อาทิ พริกเดือยไก่ พริกขี้หนู มะเขือเปราะ มะเขือเทศ มะเขือยาว มะเขือพวง กะเพรา แมงลัก กระเจี๊ยบเขียว กล้วยน้ำว้า มะละกอ ทุเรียนบ้าน หมาก กาแฟ ผักเหลียง กระท่อม เป็นต้น ซึ่งเป็นพืชที่เกษตรกรนิยมเพาะปลูกและรับประทานในพื้นที่ รวมทั้งศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืชในพื้นที่รับผิดชอบ และ ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน (ศจช.) เตรียมสนับสนุนชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราไตรโคเดอร์มา ป้องกันเชื้อรา อันเป็นสาเหตุโรคพืช มอบให้เกษตรกรนำไปฟื้นฟูสวนผลไม้ ปาล์มน้ำมัน ยางพารา และไม้ยืนต้น ทันทีหลังน้ำลด
ด้านมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีเสียหายโดยสิ้นเชิงกรมส่งเสริมการเกษตรยึดหลักปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 ในอัตราดังนี้ ข้าว 1,340 บาทต่อไร่ พืชไร่และพืชผัก 1,980 บาทต่อไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่นๆ 4,048 บาทต่อไร่ ตามพื้นที่เสียหายจริงไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่
ทั้งนี้ เป็นไปตามที่อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือ โดยเกษตรกรต้องยื่นแบบความจำนงขอรับการช่วยเหลือ (กษ 01) ให้ผู้นำรับรอง ก่อนจะมีการตรวจสอบทะเบียนเกษตรกร และพื้นที่เสียหายจริง เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามขั้นตอนต่อไป และขณะนี้กรมส่งเสริมการเกษตรได้พัฒนาระบบสำหรับบันทึกข้อมูลการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติขึ้นใหม่ ทันสมัย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อจะได้นำข้อมูลให้คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) และ คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) รับรอง และส่งข้อมูลให้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรโอนเงินช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรต่อไป ทั้งนี้เกษตรกรสามารถขอความช่วยเหลือและคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ได้ ณ สำนักงานเกษตรอำเภอและสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้าน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",3/3/2022,ภาคใต้,สงขลา,สทท.สงขลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303202653252 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ ลงพื้นที่คลองแห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ติดตามโครงการ คืนคลองสวย น้ำใส ให้คลองแห มุ่งฟื้นฟูแหล่งน้ำกลับมามีคุณภาพน้ำที่ดีขึ้น,"ที่ศาลาอเนกประสงค์วัดคลองแห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พลเอก อนุพงศ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ ลงพื้นที่ติดตามโครงการ คืนคลองสวยน้ำใสให้คลองแห โดยมี นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายวรณัฎฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พล.ต.สิรภพ ศุภวานิช ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 4 ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วม
จังหวัดสงขลา ได้กำหนดให้คลองแห เป็นแหล่งน้ำในการพัฒนาฟื้นฟู และแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการฟื้นฟูแหล่งน้ำตามธรรมชาติให้สะอาด สวยงาม มีระยะทางความยาวประมาณ 5 กิโลเมตร มีชุมชนที่มีพื้นที่ติดต่อกับคลองแห จำนวน 8 ชุมชน ปัจจุบันบริเวณชุมชนบ้านคลองแห 1 ตรงข้ามวัดคลองแห เป็นที่ตั้งของตลาดน้ำคลองแห เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสงขลา โดยในช่วงก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จังหวัดสงขลามีรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทยประมาณ 30,000 ล้านบาท และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ประมาณ 28,000 ล้านบาท ซึ่งตลาดน้ำคลองแห เป็นจุดที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ปัจจุบันสภาพปัญหาของคลองแห จากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเมืองหาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้คลองแหได้ประสบปัญหาภาวะหลายอย่าง เช่น ปัญหาขยะ ปัญหาน้ำเสีย และตื้นเขินจากการไหลของน้ำ ที่ไหลจากต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ โดยเฉพาะน้ำที่ไหลผ่านคลองแหส่วนใหญ่จากครัวเรือนในพื้นที่คลองแห และพื้นที่ใกล้เคียง
ทั้งนี้ ได้กำหนดแนวทางดำเนินการโครงการ คืนคลองสวย น้ำใส ให้คลองแห เพื่อให้การฟื้นฟูคลองแห มีด้วยกัน 3 ระยะ โดยระยะแรก (ระยะเร่งด่วน) ในพื้นที่ช่วงที่ 1 เริ่มจากบริเวณสะพานข้างร้านอาหารมิตรโอชา (ข้างบิ๊กซีคลองแห) ถึง สะพานประชาสรรค์ พบว่าสภาพพื้นที่มีขยะปกคลุมหนาแน่น สภาพน้ำเน่าเหม็น และตื้นเขินจากการทับถมของดินตะกอน ซึ่งได้ดำเนินการใช้รถโกยตักประกอบเรือทุ่น และเรือท้องแบนเครื่องติดท้าย พร้อมกำลังพลจิตอาสาช่วยกันเก็บขยะและวัชพืชหนาแน่นขึ้นบนฝั่ง หลังจากนั้นจะใช้ M Ball และน้ำหมักชีวภาพ เพื่อปรับคุณภาพน้ำ และพื้นที่ช่วง 2 เริ่มจากบริเวณ สะพานประชาสรรค์ ถึง สะพานตลาดน้ำคลองแห ซึ่งมีสภาพพื้นที่ และปัญหา คือ ตื้นเขินจากการทับถมของดินตะกอน ดังนั้นจึงได้กำหนดวิธีการโดยใช้รถโกยตักประกอบเรือทุ่น และบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อร่วมปฏิบัติการแก้ไขปัญหาเชิงบูรณาการ และแผนในระยะที่ 2 มุ่งประสิทธิผลน้ำใส และระยะที่ 3 มุ่งสู่การแก้ปัญหาบำบัดน้ำเสียสู่ความยั่งยืน ซึ่งได้บูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อดำเนินการมุ่งสู่ประสิทธิผลน้ำใส และการแก้บำบัดน้ำเสียสู่ความยั่งยืนต่อไป
ด้าน พลเอก อนุพงศ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า หวังให้การฟื้นฟูคุณภาพน้ำคลองแหให้มีความสะอาด โดยต้องร่วมกันดูแล ไม่ว่าจะเป็นจิตอาสา แม้กระทั่งชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเดิมเป็นคลองที่มีน้ำเน่าเสีย และทุกภาคส่วนได้เข้ามาดำเนินดูแลขับเคลื่อนโครงการฯ โดยการใช้แผนทั้งระยะสั้น และระยะยาว คาดให้คลองแหกลับมามีคุณภาพน้ำที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ถ้าเกิดมีการแก้ปัญหาน้ำได้ดี และมีการดูแลที่สะอาด อันจะเป็นแหล่งสำคัญที่จะนำพานักท่องเที่ยวเข้ามา
ณิชารีย์ หนูบุญ ข่าว/ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",3/3/2022,ภาคใต้,สงขลา,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303190425216 เทศบาลตำบลทับมา เปิดโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2565 มุ่งสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรท้องถิ่น,ที่วัดทับมา ต.ทับมา อ.เมืองระยอง จ.ระยอง นายประเสริฐ วงษ์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลทับมา เป็นประธานเปิดโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2565 มีผู้นำชุมชน กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกร กลุ่มอนุรักษ์ภูมิปัญญาพื้นบ้านตำบลทับมา และประชาชนในพื้นที่ จำนวน 50 คน ร่วมโครงการ ในงานมีการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ
ทั้งนี้ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องพระราชดำริฯ เป็นโครงการที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสืบสานพระราชปณิธานในการอนุรักษ์ทรัพยากรของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งทรงมีสายพระเนตรยาวไกล ทรงให้ความสำคัญและเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรท้องถิ่น เพื่อเป็นการสนองพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เทศบาลตำบลทับมา จึงได้เข้าสมัครเข้าร่วมและดำเนินโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องพระราชดำริฯ มีผู้นำชุมชน กลุ่มเกษตรกร กลุ่มอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมโครงการฯ มุ่งสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรท้องถิ่น โดยชุมชนมีส่วนร่วมคิด ร่วมปฏิบัติในการรักษาทรัพยากรท้องถิ่นไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน เพื่อประโยชน์แก่ลูกหลานต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,3/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303192133220 จังหวัดสมุทรปราการขับเคลื่อนการลดฝุ่น PM2.5,"จังหวัดสมุทรปราการประชุมคณะกรรมการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์การป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) เร่งลดควันดำจากยานพาหนะ และควันจากภาคอุตสาหกรรม
ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคารศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ นายเจนเจตน์ เจนนาวิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์บัญชาการณ์ การป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือว่า PM 2.5 ครั้งที่ 9 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 เพื่อขับเคลื่อนมาตรการการป้องกันและลดการเกิดปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง
จังหวัดสมุทรปราการมีพื้นที่ประกอบไปด้วย 6 อำเภอ คือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอบางเสาธง อำเภอบางพลี อำเภอบางบ่อ อำเภอพระประแดง และอำเภอพระสมุทรเจดีย์ โดยมีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านทำให้แบ่งพื้นที่เป็น 2 ฝั่ง และเป็นหนึ่งในจังหวัดของปากอ่าวตัว ก. ของประเทศไทย ส่งผลให้ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจในการลงทุนของอุตสาหกรรมต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก และมีการใช้รถยนต์ขนส่งสินค้าในทางบก และการขนส่งสินค้าทางน้ำเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีค่าของฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ แต่ด้วยภูมิประเทศของจังหวัดตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวตัว ก. จึงได้รับผลดีจากลมทะเล ทำให้มีการถ่ายเทอากาศที่ดีในพื้นที่ ทำให้ปริมาณฝุ่นไม่หนาแน่น และไม่ส่งผลร้ายต่อประชาชน
นายเจนเจตน์ เจนนาวิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้เน้นย้ำให้ส่วนราชการร่วมกันบูรณาการการทำงานตามแนวนโยบายของนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขอให้ทุกหน่วยเร่งยกระดับความเข้มงวดในมาตรการควบคุมการเผา ,การควบคุมควันดำ และการบังคับใช้กฎหมาย
โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้กล่าวว่า ฝุ่น PM 2.5 จะเกิดมาจาก 4 แหล่งที่เป็นสาเหตุหลัก คือ เกิดจาดการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้หม้อต้ม เกิดจากโครงการก่อสร้าง และเกิดจากการเผาในจุดต่าง ๆ และสั่งการให้ผู้แทนของแต่ละอำเภอที่มาเข้าประชุม ไปดำเนินการเฝ้าระวังจุด HOT SPOT ในพื้นที่ตนเองด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",3/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,นครนายก,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครนายก,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220303203337255 เกษตรอำเภอเมืองยะลา สำรวจนาข้าวน้ำท่วม เตรียมให้การช่วยเหลือ,"เกษตรอำเภอเมืองยะลา ลงพื้นที่ สำรวจนาข้าวน้ำท่วม เตรียมให้การช่วยเหลือ แนะเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนน้ำมาอีกระลอก
จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.ยะลา ห้วงที่ผ่านมา ทำให้พื้นที่ 13 ตำบลใน อ.เมืองยะลา ได้รับผลกระทบ บางส่วนเป็นพื้นที่ทางการเกษตร ของพี่น้องประชาชน โดยทาง นางสาววันวิสาข์ จั่นเพชร เกษตรอำเภอเมืองยะลา พร้อมด้วย นางสาวรัศมีแรม เพชรรัตน์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร เกษตรตำบล เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเกษตรอำเภอเมืองยะลา ได้เร่งลงพื้นที่ สำรวจความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกร โดยเฉพาะพื้นที่นาข้าว ที่บ้านปาโจ ม.3 ต.ยะลา อ.เมืองยะลา ซึ่งมีเกษตรกรขึ้นทะเบียน 197 ครัวเรือน เนื้อที่ปลูกข้าว 720 ไร่ จากการสำรวจในเบื้องต้น พบว่าส่วนใหญ่ชาวบ้านจะมีการเก็บเกี่ยวข้าวไปบ้างแล้ว ข้าวที่เสียหายจะเป็นข้าวที่ยังไม่นำขึ้นจากนา ส่วนต้นข้าวที่เสียหายมีบางส่วนจมน้ำแต่ก็ยังสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
ในส่วนของการเข้ามาดูแลช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมพื้นที่ทางการเกษตรนั้นนางสาววันวิสาข์ จั่นเพชร เกษตรอำเภอเมืองยะลา เผยว่า ทางสำนักงานเกษตรอำเภอเมืองยะลา จะให้ทางเจ้าหน้าที่ประจำตำบลแต่ละตำบลสำรวจความเสียหาย เบื้องต้นก่อน รวมถึงชี้แจง หลักเกณฑ์ การจะรับความช่วยเหลือกรณีน้ำท่วม หลักๆ คือ มาพบกับเกษตรกร แนะนำวิธีการที่ทำให้ผลผลิตที่เหลืออยู่ไม่โดนน้ำท่วม ให้ผลผลิตอยู่รอด สามารถช่วยผลผลิตมีคุณภาพ สำหรับ อ.เมือง ส่วนใหญ่ที่ลงสำรวจทุกพืชตอนนี้ยังมีน้ำท่วมขังอยู่ แต่ในพืชอื่นๆ ที่ไม่ใช่ข้าว ไม้ผล ยางพารา เป็นลักษณะต้นโตแล้ว สามารถทนน้ำได้ 1-2 สัปดาห์ ยังไม่มีความเสียหาย
ส่วนที่กังวลคือ ข้าว ตอนช่วงน้ำมาเป็นช่วงที่เก็บเกี่ยวผลผลิต ทำให้ผลผลิตบางส่วนเสียหายไป เพราะเกษตรกรเก็บแล้วมีการตากข้าว เป็นเรียงในคันนา ผืนนา น้ำมาไม่ทันตั้งตัว ซึ่งกลายเป็นว่าน้ำท่วมในหน้าร้อน เกษตรกรเองก็ไม่คาดคิดกัน เป็นปีแรก น้ำมาท่วมหน้าร้อน การตาก 2 วัน ก็ทำให้ผลผลิตเสียหาย ตอนนี้น้ำเริ่มลดแล้ว ถ้าไม่มีปริมาณน้ำมาเพิ่ม อีก ที่เสียหายก็จะอยู่ที่ 10% คาดการณ์ไว้ส่วนใหญ่เป็นผลผลิตที่เก็บเกี่ยวแล้วที่เสียหาย ส่วนผลผลิตที่ยังไม่เก็บติดกับต้นยังไม่เสียหายมาก ส่วนพื้นที่นาข้าว ทั้งอำเภอเมือง มีกว่า 1,800 ไร่ ที่ขึ้นทะเบียนปลูกข้าวไว้ บางส่วนไม่แจ้งเอกสารสิทธิ์ อีก 10%
ส่วนของหลักเกณฑ์ สำหรับพื้นที่เสียหายนั้น เกษตรกรก็จะต้องมีการถ่ายภาพความเสียหาย และให้ทาง ปภ.จังหวัด ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติให้การช่วยเหลือ ซึ่งจะมีแบบที่จะเป็นการสำรวจ คงต้องรอน้ำลด 10-15 วันก่อน และจะมีเกษตรตำบลมาตรวจสอบอีกครั้ง
วันที่ 6-8 มีนาคม ที่จะถึงนี้ จะมีการประกาศเตือนจะมีพายุลูกใหม่เข้ามา ก็ได้เน้นย้ำให้เกษตรตำบล แจ้งทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่นา ให้เกษตรกรเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิต และนำไปไว้ในที่สูง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายอีก
ทางด้าน นายมะบ๊ะ โต๊ะเฮง เกษตรกร บอกว่า น้ำท่วมที่ผ่านมา ข้าวที่เรียงไว้หลังจากเก็บเกี่ยว ได้รับความเสียหาย วางไว้ในที่นา เก็บไม่ทัน น้ำมาเร็ว นอกจากนี้ก็มีต้นข้าวบางส่วนจมน้ำเสียหาย บางส่วนยังสามารถเก็บผลผลิตได้ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีน้ำท่วมในช่วงนี้ หลังจากนี้ทางเกษตรอำเภอ เกษตรตำบลก็ได้มาให้คำแนะนำ ต้องเก็บเกี่ยวให้เร็วขึ้น และขนมาไว้ที่สูงเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นอีก
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",4/3/2022,ภาคใต้,ยะลา,สทท.ยะลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304092717299 สำนักงานปศุสัตว์อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ตรวจประเมินหลักเกณฑ์การจัดระบบป้องกันโรคในสนามชนไก่หรือซ้อมชนไก่ และตรวจเยี่ยมเกษตรกร Smart Farmer ต้นแบบ,"
นายทวีพงศ์ สาระทัศนานันท์ ปศุสัตว์อำเภอด่านซ้าย กล่าวว่า สำนักงานปศุสัตว์อำเภอด่านซ้ายตรวจประเมินหลักเกณฑ์การจัดระบบป้องกันโรคในสนามชนไก่หรือซ้อมชนไก่ (ต่ออายุ) ตามแบบ สกช.2 (ปรับปรุง 60) ของ นายสมคิด หอมทรัพย์ สถานที่ตั้ง 173 บ้านนาหว้า ตำบลด่านซ้าย ณ บ้านนาหว้า หมู่ที่ 4 ตำบลด่านซ้าย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
จากนั้น สำนักงานปศุสัตว์อำเภอด่านซ้ายตรวจเยี่ยมเกษตรกร Smart Farmer ต้นแบบ นายบุญนอง ศรีธรรมมา บ้านเลขที่ 262 หมู่ที่ 3 ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซ้าย เลี้ยงไก่พื้นเมือง 387 ตัว ไก่งวง 8 ตัว ไก่ต๊อก 12 ตัว เป็น นางรัตนาพร พงขจร บ้านเลขที่ 138 หมู่ที่ 4 ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซ้าย เลี้ยงไก่พื้นเมือง 20 ตัว ไก่ไข่ 5 ตัว ไก่งวง 4 ตัว เป็ดเทศ 3 ตัว สุกรพื้นเมือง 2 ตัว พร้อมให้คำแนะนำการเลี้ยง การดูแลสุขภาพสัตว์ การป้องกันโรคฯ แก่เกษตรกร ที่บ้านนาเจียง หมู่ที่ 3 บ้านหนองหลวง หมู่ที่ 4 ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",4/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,เลย,สวท.ด่านซ้าย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304095540317 "สถานการณ์ผลผลิตผลไม้จังหวัดระยองปีนี้ มีปริมาณผลผลิตรวมกว่า 174,000 ตัน เน้นมาตรการควบคุมคุณภาพผลผลิต ควบคู่กับการส่งออกต้อง Zero COVID เท่านั้น","นางมาริน สมคิด เกษตรจังหวัดระยอง กล่าวว่า สถานการณ์การผลิตทุเรียนของจังหวัดระยองปีนี้ มีปริมาณเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยมีปริมาณผลผลิตรวม 140,000 ตัน ส่วนมังคุด มีปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นเท่าตัว คือ 22,000 ตัน ขณะที่เงาะและลองกอง ให้ผลผลิตลดลง เนื่องจากเกษตรกรโค่นเงาะและลองกองทิ้ง แล้วหันมาปลูกทุเรียนที่ได้ราคาคุ้มกว่า ทำให้ผลผลิตผลไม้ทั้ง 4 ชนิด ให้ผลผลิตรวม 174,000 ตัน แต่ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ประเทศจีนได้เพิ่มความเข็มงวดในการตรวจสอบคุณภาพทุเรียนมากขึ้น ทำให้จังหวัดระยองจำเป็นต้องประกาศเพิ่มมาตรการควบคุมทุเรียนด้อยคุณภาพ มีเปอร์เซ็นต์แป้งตามมาตรฐานส่งออก เช่นหมอนทอง 32 เปอร์เซ็นต์, ชะนี พวงมณี 30 เปอร์เซ็นต์ ,กระดุม 27 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับ ห้ามซื้อ-ขายทุเรียนอ่อนด้อยคุณภาพ หากฝ่าฝืนจะถูกจับดำเนินคดีทันที
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการเกษตร ส่งเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ภาคตะวันออก ลงพื้นที่ประสานความร่วมมือในการดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดร่วมกับเกษตรกร เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพการส่งออก และสร้างความเชื่อมั่นสู่ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการกำหนดวันเก็บเกี่ยวทุเรียนแต่ละชนิดพันธุ์ คือ พันธุ์กระดุม วันที่ 20 มีนาคม 2565 ,พันธุ์ชะนีและพวงมณี วันที่ 10 เมษายน 2565 ,พันธุ์หมอนทองและก้านยาว วันที่ 25 เมษายน 2565 หากเกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนวันดังกล่าว ต้องส่งผลิตให้สำนักงานเกษตรอำเภอทำการตรวจเปอร์เซ็นต์แป้ง จากนั้นจึงจะออกใบรับรองคุณภาพทุเรียนให้กับเกษตรกรต่อไป
ที่สำคัญ ในฤดูกาลผลไม้ปีนี้ ประเทศจีนในฐานะเป็นประเทศคู่ค้าผลไม้ที่สำคัญของภาคตะวันออก กำหนดให้ต้องตรวจไม่พบเชื้อ COVID -19 ทั้งในคน ผลไม้ และองค์ประกอบอื่นๆ ในการขนส่ง ได้แก่ ภาชนะบรรจุภัณฑ์ รถขนส่ง เป็นต้น โดยจะมีการสุ่มตรวจทั้งโรงคัดบรรจุและสวนเกษตรกรเป็นประจำ ทำให้เกษตรกรต้องวางระบบป้องกันการระบาดของ COVID 19 ในสวนของตนเองอย่างเข้มงวด โดยในปีนี้ได้กำหนดเป้าหมายการส่งออกผลไม้ภาคตะวันออก ต้อง Zero COVID เท่านั้น หากตรวจพบเชื้อโควิด จะถูกห้ามนำเข้าทันที ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมหาศาล และอาจจะะส่งผลให้ปริมาณผลผลิตล้นตลาดได้
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",4/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สวท.ระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304093140301 สมุทรสาครจัดงานสินค้าเกษตรปลอดภัยจังหวัดสมุทรสาครรับรองการเข้าสู่ระบบมาตรฐาน GAP,"วานนี้ (3 มีนาคม 2565) เวลา 17.00 น. ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา มหาชัย อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดงานสินค้าเกษตรปลอดภัยจังหวัดสมุทรสาคร โดยมีปลัดจังหวัดสมุทรสาคร หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสมุทรสาคร รักษาราชการแทนเกษตรจังหวัดสมุทรสาคร ประชาสัมพันธ์จังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา มหาชัย ผู้แทนองค์กรเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน
สำหรับ การจัดงาน สินค้าเกษตรปลอดภัยจังหวัดสมุทรสาคร ในครั้งนี้ เป็นไปตามโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของงบกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 โครงการส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย ซึ่งจัดงานระหว่างวันที่ 2 6 มีนาคม 2565 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา มหาชัย อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร
โดยกิจกรรมในงานประกอบด้วยการจัดแสดงผลผลิตทางการเกษตรและสินค้าเกษตรปลอดภัยของจังหวัดสมุทรสาครของเกษตรกร และองค์กรเกษตรกร โดยมีการออกร้านจำหน่ายสินค้า จำนวน 32 ร้านค้า? เช่น? ก้อนเห็ดภูฐาน? คุกกี้เผ็ดโฮมเมด? น้ำมะพร้าวน้พหอมบ้านแพ้ว? ลำไยพวงทอง? กล้วยไม้? ฝรั่งกิมจู ผักสดปลอดสารพิษ? มะนาวแป้น? ไม้ประดับ, การบริการให้คำปรึกษาการขอการรับรองเพื่อเข้าสู่ระบบมาตรฐาน GAP, บริการตรวจสารพิษในเลือดโดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร และกิจกรรมส่งเสริมการขาย (นาทีทอง) เป็นต้น?
ซึ่งการจัดงานมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดให้แก่เกษตรกรในการจำหน่ายสินค้าเกษตรปลอดภัย เพิ่มรายได้ของเกษตรกร เพิ่มช่องทางการตลาดในการจำหน่ายสินค้าให้แก่เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และองค์กรเกษตรกรของจังหวัดสมุทรสาครให้เกิดเครือข่ายเชื่อมโยงการตลาด อันจะส่งผลให้เกิดประโยชน์ในอนาคต กระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร และเพื่อรับรองการเข้าสู่ระบบมาตรฐาน GAP ต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",4/3/2022,ภาคตะวันตก,สมุทรสาคร,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาคร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304093450306 นายกรัฐมนตรี กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลไฟป่าภาคเหนือ ไม่ให้ขยายสร้างความเสียหาย,นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดไฟป่าในพื้นที่ตำบลแม่แฝกใหม่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรับทราบรายงานแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กำชับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ร่วมกับกองทัพระดมกำลังลงพื้นที่เร่งดับไฟป่า กระชับพื้นที่ไม่ให้ขยายเป็นวงกว้างมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะส่วนท้องถิ่นจัดเวรยามคอยเฝ้าสอดส่องดูแลสถานการณ์ รวมถึงคอยสังเกตพฤติกรรมลูกบ้านที่อาจจะลักลอบไปจุดไฟเพื่อเตรียมพื้นที่ทำการเกษตรและหาของป่าในช่วงเวลานี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายนของทุกปี ภาคเหนือมักจะประสบปัญหาวิกฤติหมอกควัน สาเหตุหลักมาจากการเผาป่า การเผาเศษวัสดุทางการเกษตรในพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และการเผาในพื้นที่ทำไร่หมุนเวียน
นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำให้หน่วยงานในพื้นที่เตรียมการรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งคุมเข้มมาตรการทางกฎหมาย ร่วมกันสร้างความตระหนักรู้ถึงความรับผิดชอบต่อสังคม ป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า รวมถึงประชาสัมพันธ์เผยแพร่รณรงค์ลดการเผาในพื้นที่การเกษตรผ่านช่องทางสื่อต่างๆ ให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องและให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เร่งหาตัวผู้กระทำผิด มาดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด เพื่อเป็นตัวอย่างและป้องปรามไม่ให้มีการกระทำผิดในลักษณะเดียวกันอีก
,4/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304105327355 พ่อเมืองขุนแผน เตรียมการป้องกันแก้ไขปัญหาอัคคีภัยและแก้ไขฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5,"
ที่อุทยานมิตรผล อ.ด่านช้าง นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ เข้าตรวจเยี่ยมและรับทราบแนวทางการป้องกันแก้ไขปัญหาอัคคีภัย และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยมี นายธนพงศ์ อุดมศิลป์ ผู้อำนวยการด้านโรงงานน้ำตาลมิตรผล ด่านช้าง พร้อมคณะให้การต้อนรับ พร้อมบรรยายสรุปเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอัคคีภัยจากการเผาไร่อ้อย โดยรับซื้อใบอ้อยสดจากเกษตรกรที่ราคา 1,000 บาทต่อตัน หากอ้อยไฟไหม้จะถูกหัก 30 บาทต่อตัน และเฉลี่ยให้กับอ้อยสดทุกตัน นอกจากนี้หากเกษตรกรพบเห็นและแจ้งเบาะแสการเผาอ้อย จะได้รับเงินรางวัลนำจับ 1 แสนบาท ทั้งนี้จากแนวทางดังกล่าว ทำให้สามารถลดปัญญาอัคคีภัยจากการเผาอ้อยลงได้มาก
นอกจากนี้ อุทยานมิตรผลด่านช้าง ยังได้จัดทำโครงการจัดทำแนวกันไฟพื้นที่ไร่อ้อยอย่างมีส่วนร่วมครอบคลุมพื้นที่อำเภอด่านช้างและอำเภอหนองหญ้าไซ โดยจัดประชุมทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วน กำหนดจุดประสานงานโครงการ จุดสังเกตการณ์ จุดเฝ้าระวังไฟพร้อมรถน้ำและพนักงานดับเพลิงประจำจุด และแปลงแนวกันไฟ จุดติดตั้งจุดงวงช้าง (จุดเติมน้ำ) พร้อมประสานเตรียมรถน้ำเสริมจาก อบต.ในพื้นที่ จากการดำเนินโครงการดังกล่าว ทำให้ปัญหาไฟไหม้อ้อยก่อนเปิดหีบและการลักลอบเผาอ้อยลดลงอย่างเห็นได้ชัด สอดคล้องกับค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในช่วงฤดูกาลเปิดหีบอ้อยของจังหวัดสุพรรณบุรีที่ลดน้อยลง
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",4/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,สุพรรณบุรี,สวท.สุพรรณบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304095141316 ผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี เตรียมการป้องกันแก้ไขปัญหาอัคคีภัยและปัญหามลพิษบ่อกำจัดขยะมูลฝอย อ.ด่านช้าง,ที่บริเวณบ่อกำจัดขยะมูลฝอย อบต.หนองมะค่าโมง อ.ด่านช้าง นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ลงพื้นที่เพื่อรับทราบสถานการณ์และแผนเตรียมการป้องกันแก้ไขปัญหาอัคคีภัย และปัญหามลพิษของ อบต.หนองมะค่าโมง ซึ่งเป็นสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยแบบเทกอง และฝังกลบเป็นบางส่วน ซึ่งเป็นพื้นที่เชิงเขาสภาพเดิมเป็นบ่อดิน ลึกประมาณ 6 เมตร มีการเทขยะมูลฝอยมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2532 ปัจจุบันมีหน่วยงานที่นำขยะมูลฝอยมาทิ้ง 3 หน่วยงาน คือ เทศบาลตำบลด่านช้าง อบต.หนองมะค่าโมง และ อบต.ด่านช้าง
ทั้งนี้ อบต.หนองมะค่าโมงได้เตรียมแผนเผชิญเหตุเพลิงไหม้บ่อขยะไว้แล้ว โดย อบต.หนองมะค่าโมงและเทศบาลตำบลด่านช้าง จัดกำลังเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเมื่อได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ชุดผจญเพลิง พร้อมอุปกรณ์จะเข้าไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมรายงานให้นายก อบต.ทราบ เพื่อรายงานไปยังนายอำเภอด่านช้างเพื่อขอกำลังสนับสนุน โดยมีแหล่งน้ำสำรองในการดับเพลิง คือ เขื่อนกระเสียว การประปาส่วนภูมิภาคสาขาด่านช้าง และโรงงานน้ำตาลมิตรผลด่านช้าง นอกจากนี้ยังได้จัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ถ่ายรูปสถานที่เกิดเหตุ เพื่อรายงานรายละเอียดการเกิดเหตุ และจัดประชุมหารือถึงสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้บ่อขยะต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,4/3/2022,NULL,สุพรรณบุรี,สวท.สุพรรณบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304093957307 เตือนประชาชนในทุกพื้นที่ ระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง 6-8 มีนาคมนี้,"นายธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 6-8 มีนาคม 2565 บริเวณความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางแผ่ลงมาจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อน โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นด้วย โดยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะได้รับผลกระทบก่อน ส่วนในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะได้รับผลกระทบต่อไป
ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง รวมถึงหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรด้วย
ประชาชนสามารถติดตามประกาศ จากกรุมอุตุนิยมวิทยาและติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า สำหรับ Pig Sandbox จะเป็นเขตพื้นที่ควบคุมพิเศษ เพื่อนำร่อง ส่งเสริม ฟื้นฟูการผลิตและควบคุมป้องกันโรคสุกร ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญ ประกอบด้วย เขตพื้นที่นำร่องและพื้นที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น ภาคเอกชน เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภาคการเงินการธนาคาร ภาคการขนส่ง ฯลฯ มาตรการทางกฎหมายและการสนับสนุนด้านอื่นๆ โครงการ/กิจกรรมสำคัญที่ต้องดำเนินการ กรอบเวลาและงบประมาณและคณะทำงานขับเคลื่อนทั้งส่วนกลางและในพื้นที่
สำหรับแนวทางการส่งเสริมและฟื้นฟูการเลี้ยงสุกร ของเกษตรกรรายเล็กและเกษตรกรรายย่อย มีการดำเนินการโดยใช้หลัก 3S คือ Scan พื้นที่ภายใต้มาตรการประเมินความเสี่ยงเพื่อกำหนดพื้นที่นำร่อง (Pig Sandbox) Screen คน คอก เครื่องมือ อุปกรณ์ ที่มีความพร้อมและเหมาะสม และ Support อุดหนุน ช่วยเหลือด้านการจัดการเลี้ยงดู การตลาดและแหล่งทุน โดยให้คำแนะนำ อบรม ในการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ เพื่อยกระดับและปรับระบบการเลี้ยงเข้าสู่มาตรฐาน GFM/GAP มีการอบรมเกษตรกร สนับสนุน อุดหนุน ปัจจัยการผลิตที่จำเป็น เช่น พันธุ์สัตว์ราคาถูก (ลูกสุกรขุน/แม่พันธุ์) โดยกรมปศุสัตว์และเครือข่ายผู้เลี้ยงสุกร สนับสนุนการจัดทำ ปรับปรุงฟาร์มภายใต้ระบบป้องกันภัยทางชีวภาพของฟาร์มเลี้ยงสุกรสู่ระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (Good Farming Management: GFM) โดยต้องเป็นเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม Pig Sandbox แบ่งเป็น พื้นที่นำร่อง/พื้นที่ขยายผล พื้นที่ปลอดโรค ASF Free Zone และพื้นที่นอกเขตปลอดโรค โดยปศุสัตว์เขต 5 เป็นพื้นที่นำร่อง และปศุสัตว์เขต 2 เขต 8 เขต 9 และพื้นที่ที่มีการเลี้ยงสุกรจำนวนมาก และ/หรือมีความเหมาะสมหลังประเมินความเสี่ยง เป็นพื้นที่ขยายผล ส่วนพื้นที่ปลอดโรค ASF Free Zone จะมีกิจกรรมและมาตรการต่างๆ ประกอบด้วย การขึ้นทะเบียน คนเลี้ยง คนค้า คนฆ่า คนขน คนขาย โรงงานอาหารสัตว์ เวชภัณฑ์ ฯลฯ การสร้างความรับรู้ที่ดี การให้ความรู้แก่เกษตรกร การยกระดับมาตรฐานฟาร์ม มาตรการการสุ่มตรวจสอบ ตรวจโรค การกำจัดซากสัตว์ ยกระดับมาตรฐาน โรงฆ่า ตัดแต่ง ห้องเย็น เขียง เพื่อสร้างความมั่นใจกับผู้บริโภคว่าผ่านการผลิตที่ได้มาตรฐาน
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวแนะนำเพิ่มเติมว่า ฟาร์มสุกรควรมีรั้วรอบบริเวณพื้นที่การเลี้ยงสุกร ป้องกันคน รถ และสัตว์พาหะได้ ควรมีระบบทำลายเชื้อโรคก่อนเข้าฟาร์ม ทั้งคนและรถ ควรจัดให้มีบริเวณที่ขายสุกรมีชีวิต แยกออกมาจากพื้นที่การเลี้ยงสุกร มีคอกกักกันสุกรที่นำเข้ามาเลี้ยงใหม่ แยกจากบริเวณการเลี้ยงสุกรเดิมภายในฟาร์ม และมีการป้องกันและกำจัดสัตว์พาหะในโรงเรือน ปัจจุบัน กรมปศุสัตว์ได้มีการดำเนินการตามมาตรการต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการส่งเสริมและฟื้นฟูการเลี้ยงสุกรของเกษตรกรรายเล็ก และเกษตรกรรายย่อย เพื่อยกระดับฟาร์มให้มีมาตรฐานที่ดี เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค และส่งเสริมอาชีพให้แก่เกษตรกร
,4/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304104352335 สำนักงานเกษตรจังหวัดสตูล พัฒนา Young Smart Farmer (YSF) ให้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการเกษตรของชุมชน,
นายอนุชา ยาอีด ผู้อำนวยการสำนักงานงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนายชาญณรงค์ วิรุณสาร เกษตรจังหวัดสตูล ติดตามเยี่ยมเยียนการดำเนินงานของศูนย์เครือข่าย ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) สวนผักตาหวาน ของนายสมศักดิ์ จันทรักษ์ ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 ตำบลควนกาหลง อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565
นายสมศักดิ์ จันทรักษ์ เกษตรกรต้นแบบ ซึ่งเป็น Young Smart Farmer (YSF) ของกรมส่งเสริมการเกษตร ได้มีการดำเนินกิจกรรมการเกษตรที่หลากหลาย ได้แก่ การปลูกผักบนกระเบื้อง ซึ่งได้รับรองมาตรฐาน GAP การผลิตดินหมักและปุ๋ยหมัก การเลี้ยงไส้เดือน และการเลี้ยงไก่สายพันธุ์ต่างๆ ซึ่งสามารถเป็นจุดเรียนรู้ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงได้
สำหรับการพัฒนา YSF เป็นการสนับสนุนให้ YSF มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการเกษตรของชุมชน และเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในการขับเคลื่อนภาคการเกษตรเข้าสู่การเกษตรสมัยใหม่ รวมทั้งพัฒนาศักยภาพของ YSF ให้เป็นต้นแบบ เพื่อให้ถ่ายทอดองค์ความรู้ภูมิปัญญาและประสบการณ์สู่เกษตรกรรุ่นใหม่
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,4/3/2022,ภาคใต้,สตูล,สวท.สตูล,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304103604333 ปภ.ระยอง รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ภารกิจขจัดคราบน้ำมันกลางทะเลของทุกภาคส่วน,"สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง เผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง กรณีคราบน้ำมันดิบรั่วไหล โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยองแจ้งว่าวันนี้ เรือ UNIWISE RAYONG เริ่มปฏิบัติงานใต้น้ำส่งนักประดาน้ำลงไปซ่อมทำตัวแกนของวาล์ว โดยจะซ่อมทำแล้วเสร็จในเวลา 17.00 น. แล้วจะเริ่มทำการทดสอบตัววาล์วที่ซ่อมทำอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (4 มี.ค.65) ซึ่งจากการสังเกตการณ์ของการปฏิบัติงานในพื้นที่ ไม่พบคราบและกลิ่นน้ำมันรั่วไหลออกมา ในพื้นที่ดังกล่าว เหตุการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ด้านการช่วยเหลือบริษัท SPRC จะดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือ กลุ่มประมง จำนวน 300 ราย ในวันที่ 4 มี.ค.65 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลตะพง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ขณะที่พื้นที่อื่น ๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รายงานว่าไม่พบกลิ่น คราบ ฟิล์มน้ำมันดิบแต่อย่างใด ส่วนสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง ได้แจ้งว่า การเก็บตัวอย่างเลือดดูความผิดปกติของอวัยวะหลังเก็บกู้คราบน้ำมัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐาน ในการติดตามระยะยาว ผลตรวจเลือด จำนวน 542 ราย พบว่า มีภาวะซีด จำนวน 5 ราย การทำงานของตับ ผิดปกติ จำนวน 22 ราย การทำงานของไต ผิดปกติ จำนวน 2 ราย
สำหรับการยื่นเรื่องร้องทุกข์ของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่ 30 ม.ค.65 จนถึงปัจจุบันมียอดรวมทั้งสิ้น จำนวน 11,987 ราย ส่วนทางบริษัท SPRC ได้แจ้งมายังศูนย์ดำรงธรรมว่าขอยุติการรับคำร้อง ณ จุดให้บริการประชาชนของภาครัฐทุกจุด ตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.65 เป็นต้นไป เนื่องจากเห็นว่าผู้ร้องเรียนลดลงและพบว่าข้อมูลการร้องเรียนมีความซ้ำซ้อน ส่วนผู้ได้รับผลกระทบที่ยังไม่ได้มายื่นเรื่องร้องทุกข์จากคราบน้ำมันสามารถติดต่อบริษัทโดยตรงที่ศูนย์สื่อสาร บริษัท SPRC ได้โดยตรงทางโทรศัพท์หมายเลข 038-699881
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ในปี 2564 ที่ผ่านมา องค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) รายงานพบการระบาดของโรคไข้หวัดนกในสัตว์ปีกชนิดสายพันธุ์รุนแรง ใน 61 ประเทศทั่วโลก รวมจุดพบโรคทั้งหมด 5,213 จุด และจากรายงานล่าสุดเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 พบรายงานการระบาดของโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ชนิดความรุนแรงสูง ชนิด H5N1 H5N6 H5N2 H5N5 และ H5N8 มากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ทั้งในทวีปยุโรป อเมริกา แอฟริกา รวมทั้งในเอเชีย อาทิ ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม อีกทั้งองค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานพบการติดเชื้อไข้หวัดนกในคนชนิด H5N6 ในสาธารณรัฐประชาชนจีนและมีผู้เสียชีวิต
กรมปศุสัตว์ ในฐานะหน่วยงานหลัก ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังคงเตรียมความพร้อมในการป้องกันโรคไข้หวัดนกเข้าสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกรมปศุสัตว์ได้เน้นย้ำมาตรการป้องกันโรคไข้หวัดนกแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมทั้งให้คำแนะนำวิธีการป้องกันโรคไข้หวัดนกแก่เกษตรกร ตั้งแต่การปรับระบบการเลี้ยง โดยเน้นระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ เช่น ป้องกันนกธรรมชาติเข้าเล้า/โรงเรือน ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคบริเวณสัตว์อาศัยอยู่เป็นประจำ หาแหล่งน้ำบริโภคให้สะอาด ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้า ออก ฟาร์ม ในกรณีที่จะนำสัตว์ปีกเข้าร่วมฝูง จะต้องมีการกักกันไว้ในบริเวณอื่นก่อน อย่างน้อย 7 วัน เป็นต้น
กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอความร่วมมือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีกสังเกตอาการสัตว์อย่างใกล้ชิด หากพบสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติ อย่านำสัตว์ปีกไปจำหน่ายจ่ายแจก หรือนำไปประกอบอาหารโดยเด็ดขาด ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอ อาสาปศุสัตว์ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทันที เพื่อเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินมาตรการ ควบคุมโรคทันที หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอ หรือสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดใกล้บ้าน
",4/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304114748372 ผู้ว่าฯ แพร่ เน้นย้ำประชาชนห้ามเผาเด็ดขาดทุกพื้นที่ หลังค่าฝุ่น PM2.5 อยู่ในระดับสีส้มต่อเนื่องหลายวัน,
นายสมหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เปิดเผยว่า ในพื้นที่จังหวัดแพร่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพบจุดความร้อนเพิ่มขึ้น และตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ดัชนีคุณภาพอากาศและค่าฝุ่นละออง PM2.5 ของจังหวัดแพร่ยังอยู่ในระดับสีส้ม ซึ่งเกินค่ามาตรฐานและเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยได้เกิดขึ้นต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน สาเหตุส่วนใหญ่คาดว่ามาจากการเผาป่าเพื่อหาของป่าและล่าสัตว์ จังหวัดแพร่จึงยังคงต้องเฝ้าระวังและเข้มงวดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ได้กำชับทุกอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการและแนวทางป้องกันปัญหาไฟป่าและการเผาในที่โล่งของจังหวัดที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด พร้อมเร่งสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่จึงขอความร่วมมือประชาชนงดเผาเด็ดขาดในทุกพื้นที่ของจังหวัดแพร่ ตามช่วงเวลาประกาศห้ามเผาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเมษายนนี้ เพื่อช่วยกันรักษาสภาพแวดล้อมและสภาพอากาศที่ดี หากพบเห็นไฟป่าหรือการเผาให้รีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,4/3/2022,ภาคเหนือ,แพร่,สวท.แพร่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304113914370 เกษตกรรุ่นใหม่จังหวัดแพร่ ขอเชิญร่วมงาน Yong Smart Farmer Phrae Showcase 2022,ชมรม Yong Smart Famer Phrae ขอเชิญร่วมงาน Yong Smart Farmer Phrae Showcase 2022 โดยมีการแสดงผลงานของเกษตรกรรุ่นใหม่ รวมทั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตร ในระหว่างวันที่ 8-11 มีนาคม ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ชมรม Yong Smart Famer Phrae ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ และภาคีเครือข่าย ขอเชิญร่วมงาน Yong Smart Farmer Phrae Showcase 2022 ในระหว่างวันที่ 8-11 มีนาคม 2565 ตั้งแต่เวลา 09.30 - 20.00 น. ณ บริเวณลานกิจกรรมหน้าโรงยิมชมรมแบดมีตัน สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่
ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การประกวดลาบเมืองแพร่ การประกวดส้มตำลีลา การเสวนาทางการเกษตร กิจกรรม Walk Rally และมีการแสดงผลงานทางการเกษตรสาขาต่างๆ จาก 16 ฟาร์มทั่วจังหวัดแพร่ มีฐานการเรียนรู้ศูนย์เกษตรทฤษฎีใหม่/ฐานการเรียนรู้ธุรกิจเกษตร/การปศุสัตว์แนวใหม่/เกษตรยั่งยืน/ การออกแบบและการจัดการแปลงเกษตร และการจัดการ ดิน น้ำ อาหาร
โดยผู้ที่เข้าร่วมงานจะได้รับของรางวัลฟรี รับของแจกจากฟาร์ม ทั้งเมล็ดพันธุ์ น้ำหมัก ปุ๋ยหมัก ต้นไม้ ไม้ประด้บ และรับของที่ระลึกจากการเข้าร่วมกิจกรรมอีกด้วย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,4/3/2022,ภาคเหนือ,แพร่,สวท.แพร่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304120048384 สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงครามจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้พี่สอนน้องเพื่อพัฒนาไปสู่พื้นที่ตำบลที่รับผิดชอบให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกร,"
นางสมพิส ทองดีนอก เกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานเปิดเวทีการพัฒนาเครือข่ายงานส่งเสริมการเกษตร ณ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านสารภี หมู่ที่ 7 ตำบลจอมปลวก อำเภอบางคนที โดยมี นายเสนีย์ ตรุยานนท์ หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ กล่าวรายงาน การจัดสัมมนาส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ โดยจัดให้มีเวทีตามระบบส่งเสริมการเกษตรให้เจ้าหน้าที่ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการดำเนินงานส่งเสริมการเกษตรที่ประสบความสำเร็จ เป็นเวทีเชื่อมโยงวิชาการจากแหล่งความรู้ทางวิชาการไปสู่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานผ่านเวที พี่สอนน้อง เนื่องจากปัจจุบันกรมส่งเสริมการเกษตรได้มีการบรรจุเกษตรตำบลเข้ามาใหม่ทำให้ยังไม่มีประสบการณ์ในพื้นที่และบริบทของตำบล และนำผู้แทนกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตน้ำตาลมะพร้าวในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม จำนวน 20 ราย เข้ามาบูรณาการเพื่อให้ได้แนวทางในการพัฒนาด้านต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรมและมี นางฐานิยา นิยมญาติ ประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม เข้าร่วมงานพร้อมทั้งข้าราชการและเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม และผู้แทนเกษตรกรผู้ผลิตน้ำตาลมะพร้าว จำนวน 20 ราย เข้าร่วมกิจกรรมการจัดเวที
เกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า นอกจากการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้รูปแบบการจัดเวทีชุมชนแบบมีส่วนร่วมเพื่อขับเคลื่อนงานส่งเสริมการเกษตรวิถีใหม่ DOAE สู่โมเดลเกษตรเขต 2 ในเรื่องการส่งเสริมการผลิตน้ำตาลมะพร้าวแท้แม่กลอง โดยใช้การจัดกระบวนการเข็มทิศสร้างสุข เพื่อเรียนรู้เรื่องการกำหนดเป้าหมายและกิจกรรมล่วงหน้าอย่างเป็นระบบ ทำให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ คิดอย่างเป็นระบบ วิเคราะห์เข้ามาร่วมระดมสมอง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และสังคม ในรูปแบบการท่องเที่ยวชุมชน ท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยจะนำประเด็นจากการเสนอแนวคิด เสนอความต้องการ ปัญหาและอุปสรรค ของเกษตรกรนำไปจัดทำแผนงาน/โครงการ โดยมีแนวทางขยายผลการดำเนินงานส่งเสริมการเกษตรเชิงพื้นที่ โดยการขับเคลื่อนงานส่งเสริมการเกษตรปัญหาอย่างรอบด้าน แก้ไขปัญหาได้อย่างถูกจุดและทันเวลา ตามแนวทางของกรมส่งเสริมการเกษตรรวมถึงการนำไปใช้ในการขับเคลื่อนให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม ให้มีช่องทางการจำหน่ายผลผลิต การแปรรูป การสร้างรายได้ และมีความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน
รุ่งนภา/ข่าว ธิติมา/เรียบเรียง
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนหลายพื้นที่ทั่วประเทศระวังฝนตก โดยเฉพาะภาคใต้ที่ยังเกิดน้ำท่วมขังอยู่ 1 จังหวัด พร้อมเร่งช่วยเหลือประชาชน
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (4 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนอากาศร้อน ส่วนภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกปานกลางถึงหนักบริเวณ จ.กาญจนบุรี 42 มิลลิเมตร , จันทบุรี 33 มิลลิเมตร และนครสวรรค์ 37 มิลลิเมตร โดยตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ - 4 มีนาคมได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 7 จังหวัด ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 1 จังหวัด คือ ปัตตานี รวม 4 อำเภอ 16 ตำบล 31 หมู่บ้าน 2,604 ครัวเรือน ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 30,581 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 53 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 24,382 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 51 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 5 แห่ง คือ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล อ่างเก็บน้ำแม่จาง และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนและแม่กลองมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
",4/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304120533387 ค่าฝุ่น PM 2.5 ใน กทม.และปริมณฑลปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ส่วนภาคเหนือเกินมาตรฐานระดับสีแดง 1 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ จ.แม่ฮ่องสอน,ค่าฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ส่วนภาคเหนือเกินมาตรฐานระดับสีแดง 1 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (4 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงปานกลาง โดยค่าฝุ่นปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัดช่วยลดการสะสมของฝุ่นลงได้ ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 5 - 8 มีนาคม แต่ช่วงวันที่ 9 - 10 มีนาคม ควรเฝ้าระวังและควบคุมการเผาในจังหวัดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอย่างใกล้ชิด เพราะมีโอกาสส่งผลกระทบให้กรุงเทพมหานครและปริมณฑลบางพื้นที่มีค่าเกินมาตรฐานได้
ขณะที่ค่าฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นเกินมาตรฐานหลายพื้นที่ โดยสูงระดับสีแดง 1 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 6 - 8 มีนาคม แต่ช่วงวันที่ 9 - 11 มีนาคม ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษฝุ่นมีแนวโน้มสูงขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ขณะเดียวกันจังหวัดแม่ฮ่องสอนควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษจนถึงวันที่ 8 มีนาคมนี้
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
,4/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304120800389 สตูล ประชุมหารือแนวทางการขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการขยะมูลฝอยบนเกาะหลีเป๊ะ,วันที่ (4 มี.ค. 65) ที่ห้องประชุมวัฒนโกเมร ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดสตูล นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการขยะมูลฝอยบนเกาะหลีเป๊ะ โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะสาหร่ายได้ดำเนินการจัดการขยะมูลฝอย โดยจ้างเหมาบริษัท กำจัดขยะมูลฝอยชุมชนเกาะหลีเป๊ะ จำกัด ปีละ 6 ล้านบาท เป็นผู้ดำเนินการจัดเก็บ รวบรวม คัดแยก และขนส่งขยะมูลฝอยขึ้นฝั่งโดยใช้เรือบาร์จ ไปกำจัดที่ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยแบบครบวงจร เทศบาลตำบลกำแพง อำเภอละงู ค่าใช้จ่ายกำจัดปีละ 2 ล้านบาท โดยปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นบนเกาะหลีเป๊ะช่วงเดือนมิถุนายน - เดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (Low Season) ประมาณ 15 ตันต่อวัน และช่วงเดือนตุลาคม - เดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (High Season) ประมาณ 20 ตันต่อวัน
สำหรับในปี 2564 เนื่องจากสถานการณ์โรคติดเชื้อ COVID-19 ทำให้ปริมาณขยะมูลฝอยมีจำนวนลดน้อยลงมาก จึงทำให้ปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยลดน้อยลง แต่ปัจจุบันเริ่มมีนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้นทำให้ปริมาณขยะมูลฝอยเพิ่มมากขึ้น โดยในการจัดการขยะมูลฝอยบนเกาะหลีเป๊ะประกอบด้วยโรงคัดแยกขยะมูลฝอยของบริษัทฯมีพื้นที่ประมาณ 6 ไร่ คัดแยกได้ร้อยละ 35- 45 ของปริมาณขยะมูลฝอยทั้งหมด ขยะมูลฝอยที่เหลือนำส่งไปกำจัดบนฝั่งซึ่งรวมขยะอินทรีย์จำพวกเศษอาหาร เฉลี่ยวันละ 9 ตัน ช่วงปกติขนย้ายเดือนละ 2 ครั้ง ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวขนย้ายเดือนละ 3 ครั้ง
สำหรับสภาพปัญหาของการบริหารจัดการขยะมูลฝอยบนเกาะหลีเป๊ะ คือการจัดการขยะที่ต้นทาง ครัวเรือนและสถานประกอบการมีการคัดแยกขยะมูลฝอยค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่ทิ้งขยะมูลฝอยรวมไว้ในถุงเดียวกัน การจัดการขยะมูลฝอยกลางทาง ไม่มีระบบจัดเก็บรวมรวมและขนส่งแบบแยกประเภท ทำให้มีกลิ่นเหม็น การขนส่งขยะมูลฝอยขึ้นฝั่งลงเรือบรรทุก ณ บริเวณหาดชาวเลมีมาตรการป้องกันการปลิวของขยะมูลฝอยไม่ดีพอ และขยะมูลฝอยที่นำส่งไปกำจัด ณ ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยแบบครบวงจร เทศบาลตำบลกำแพง ไม่มีการคัดแยก มีการปนเปื้อนเศษอาหาร ก่อให้เกิดกลิ่นเหม็น ทำให้ระบบกำจัดปลายทางไม่สามารถคัดแยกได้ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการฝังกลบใกล้เต็มที่
โดยในที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนตามข้อสั่งการของอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เพื่อการติดตามแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยและน้ำเสียบนเกาะหลีเป๊ะให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลง ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังกระทบประเทศไทย
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (3 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 695 จุด ลดลงจากวันก่อน 262 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 181 จุด // พื้นที่เกษตร 177 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 157 จุด // พื้นที่เขต สปก. 102 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 75 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 3 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุด คือ ชัยภูมิ 58 จุด , แม่ฮ่องสอน 53 จุด และน่าน 44 จุด โดยจุดความร้อนยังคงกระจายตัวอยู่ในพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางเหมือน ส่วนวันนี้คุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังอยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้ประชาชนควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 3 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 8,828 จุด , ภาคเหนือ 7,440 จุด และภาคกลาง 4,789 จุด
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาติดต่อกัน 5 วัน 2,478 จุด รองลงมาเป็นกัมพูชา 2,310 จุด และ สปป.ลาว 1,950 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องค่อนข้างหน้าเป็นห่วงอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในประเทศ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพ
",4/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304124327398 ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ระดมเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนในการเร่งออกดับไฟป่า เพื่อลดปัญหาหมอกควันไฟ พร้อมเตรียมนำกฎหมายมาดำเนินคดีผู้ลักลอบเผาป่า,วันที่ 4 มีนาคม 2565 ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน (Warroom)ได้ตรวจสอบพบไฟไหม้ป่า บริเวณวัดหัวน้ำแม่สะกึด บ้านหัวน้ำแม่สะกึด ตำบลผาบ่อง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในการนี้นายเชษฐษ โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สั่งการให้นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นหัวหน้าชุดผู้บัญชาการเหตุการณ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการดับไฟป่า อำเภอเมือง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ทหาร จิตอาสา เจ้าหน้าที่ป่าไม้ตลอดจนผู้นำชุมชนในท้องที่ ร่วมกันบูรณาการออดดับฟ้าบนเขาหลังวัดหัวน้ำแม่สะกึด โดยการเกิดไฟป่าเป็นวงกว้างจนสามารถควบคุมไฟป่าในเบื้องต้นได้
ทั้งนี้นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการเร่งดับไฟป่าภาคเหนือ เพื่อป้องกันไม่ให้ขยายสร้างความเสียหายในพื้นที่อื่นๆ โดยกำชับให้บังคับใช้กฎหมายดำเนินคดีผู้ลักลอบเผาป่าอย่างเด็ดขาด
สำหรับการปฏิบัติการในครั้งนี้จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ระดมกำลังลงพื้นที่เร่งดับไฟป่า เพื่อไม่ให้ขยายเป็นวงกว้าง นอกจากนั้นยังมีการสั่งการให้องค์กร ส่วนท้องถิ่นมีการจัดเวรยามคอยเฝ้าสอดส่องดูแลสถานการณ์ รวมถึงสังเกตพฤติกรรมชาวบ้านที่อาจจะลักลอบไปจุดไฟเพื่อเตรียมพื้นทีทำการเกษตร และหาของป่าในช่วงเวลานี้
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,4/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304132525413 จังหวัดสระแก้วส่งเสริมและสนับสนุนการใช้พันธุ์มันสำปะหลังสะอาดและทนทานโรคใบด่างมันสำปะหลัง,"จังหวัดสระแก้วส่งเสริมและสนับสนุนการใช้พันธุ์มันสำปะหลังสะอาดและทนทานโรคใบด่างมันสำปะหลัง ภายใต้โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่
ณ ศาลาประชาคมบ้านเนินสมบูรณ์ ตำบลตาพระยา อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว นายธีระชัย ลิ้มประสิทธิศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เป็นประธานมอบท่อนพันธุ์มันสำปะหลังสะอาดและทนทานโรคใบด่างมันสำปะหลัง จากแปลงพันธุ์มันสำปะหลังสะอาดที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรและผ่านการตรวจรับรองแล้ว ให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 21,928,530 ลำ ประกอบด้วย อำเภอเมืองสระแก้ว จำนวน 13,500 ลำ อำเภอตาพระยา จำนวน 20,895,155 ลำ อำเภอวัฒนานคร จำนวน 93,000 ลำ อำเภอเขาฉกรรจ์ จำนวน 17,000 ลำ อำเภอโคกสูง จำนวน 877,000 ลำ และ อำเภอวังสมบูรณ์ จำนวน 32,875 ลำ
นายประจักร์ ประสงค์สุข เกษตรจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า สำหรับกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการใช้พันธุ์มันสำปะหลังสะอาดและทนทานโรคใบด่างมันสำปะหลัง คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริการเกษตรดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่ เพื่อตัดวงจรการระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลัง สนับสนุนให้เกษตรกรปลูกมันสำปะหลังสะอาดและทนทานต่อโรคใบด่างมันสำปะหลัง ควบคุมไม่ให้การระบาดของโรคขยายตัวไปยังพื้นที่อื่นๆ และช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลัง ซึ่งจังหวัดสระแก้วมีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ และทำลายต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรคใบด่างมันสำปะหลัง เป็นจำนวน 3,752 ราย 4,758 แปลง พื้นที่ทำลาย 50,818.75 ไร่
นายธีระชัย ลิ้มประสิทธิศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวเพิ่มเติมว่า การสนับสนุนท่อนพันธุ์มันสำปะหลังสะอาดและทนทานโรคใบด่างมันสำหลัง สำนักงานเกษตรจังหวัดสระแก้วได้จัดหาพันธุ์มันสำปะหลังสะอาดและทนทานโรคใบด่างมันสำปะหลัง สนับสนุนให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจะเป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องการขาดแคลนพันธุ์มันสำปะหลังสะอาดในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว และเกษตรกรสามารถใช้พันธุ์
มันสำปะหลังสะอาดที่ได้รับการสนับสนุนนำไปปลูกและเก็บไว้ขยายพันธุ์ต่อในรอบการผลิตต่อไปได้ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องโรคใบด่างมันสำปะหลังของจังหวัดสระแก้วได้อย่างยั่งยืนต่อไป
ประจัก สารการ สุชีวิน ปิยะมิตรบัณฑิต ภาพ/ข่าว
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",4/3/2022,ภาคตะวันออก,สระแก้ว,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสระแก้ว,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304140901435 ปิดทองหลังพระฯ ส่งเสริมเกษตรกรให้เข้มแข็ง ด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับภาคชนบท,"สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ส่งเสริมเกษตรกรให้เข้มแข็ง ด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับภาคชนบท
นายกฤษฎา บุญราช ประธานกรรมการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ กล่าวว่า การทำงานของปิดทองหลังพระฯในแผนปฏิบัติการระยะที่ 4 ระหว่างปี 2566 - 2570 ด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนให้กับกลุ่มและกองทุนที่ชุมชนร่วมกันจัดตั้งและบริหารจัดการเอง ให้สามารถเชื่อมโยงกับภายนอกได้ ตามแนวพระราชดำริทฤษฎีใหม่ขั้นก้าวหน้า รวมทั้ง จะปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงานให้สอดคล้องกับบริบทและสถานการณ์ของประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะการสนับสนุนให้มีการรวมกลุ่มเกษตรกรของโครงการในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อขยายผลต่อยอดในเชิงธุรกิจในรูปแบบวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ผู้ประกอบการเกษตรชีวภาพ เกษตรหมุนเวียนและเกษตรสีเขียว หรือ BCG Model โดยปิดทองหลังพระฯ จะปรับบทบาทของตนเองจากการเป็นหน่วยงานพัฒนาหลักเป็นการเชิงรุกแสวงหาความร่วมมือและบูรณาการทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาสังคม และสถาบันการศึกษามากขึ้น แล้วจะเป็นผู้ให้บริการทางวิชาการความรู้ การฝึกอบรม และที่ปรึกษาด้านการพัฒนา จะทำให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาก้าวหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน ซึ่งแนวทางการทำงานใหม่นี้เริ่มดำเนินการแล้วในปีนี้ แต่สิ่งสำคัญเกษตรกรต้องช่วยตนเองด้วยการยกระดับเป็นผู้ประกอบการ ที่มีการสร้างตราสินค้า พัฒนามาตรฐานการผลิตให้มีปริมาณ คุณภาพ และความต่อเนื่อง
ประธานกรรมการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ กล่าวย้ำว่า การดำเนินงานของปิดทองหลังพระฯในปีที่ผ่านมาในพื้นที่ต้นแบบ 7 พื้นที่ 9 จังหวัด สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในพื้นที่ต้นแบบให้กับประชาชน 5,278 ครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการฯได้รวมกว่า 109.9 ล้านบาท ทำให้ครัวเรือนทั้งหมดมีรายได้ผ่านเส้นความยากจนระดับประเทศที่ 102,763 บาทต่อครัวเรือนต่อปี อย่างพื้นที่ป่าในจังหวัดอุทัยธานีได้รับการอนุรักษ์ดูแลรักษารวม 6,598 ไร่ มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมทำเกษตรแบบแม่นยำ ทำให้มีผลผลิตที่มีคุณภาพตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) สามารถผ่านมาตรฐานการทดสอบสารพิษ โรงคัดและบรรจุผักผลไม้ // จังหวัดขอนแก่นได้มาตรฐาน GMP และมาตรฐานสาธารณสุข สบ.1 การเลี้ยงไก่ประดู่หางดำ แล้วยังได้มาตรฐาน GFM และการเสริมสร้างความเข้มแข็งโดยชุมชนบริหารจัดการกันเอง ทำให้ 19 หมู่บ้านในพื้นที่ต้นแบบจังหวัดน่านและอุดรธานี มีแผนพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนที่มีคุณภาพพร้อมส่งมอบพื้นที่เข้าสู่แผนปกติ มีกลุ่มการผลิตและกองทุนได้รับการจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน 22 กลุ่ม จาก 44 กลุ่ม
",4/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304135728432 ปภ.ระยอง เปิดเผยความคืบหน้าการเฝ้าระวังคราบน้ำมันรั่วไหลลงทะเล โดยเจ้าหน้าที่ซ่อมแซมวาว์ลบริเวณท่ออ่อนส่งน้ำมันใต้ทะเลเรียบร้อยแล้ว และจะเริ่มทดสอบตัววาว์ลในวันนี้,"สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง รายงานผลการดำเนินงานเฝ้าระวังคราบน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลระยอง โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยอง ในฐานะศูนย์ประสานการปฏิบัติกรณีคราบน้ำมันรั่วไหล (ศปน.) แจ้งว่า เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ประจำเรือ UNIWISE RAYONG เริ่มปฏิบัติงานใต้น้ำ โดยการส่งนักประดาน้ำลงไปซ่อมแซมตัวแกนวาล์วของท่ออ่อนส่งน้ำมัน ณ บริเวณ ทุ่นผูกเรือกลางทะเล หรือ SPM จนแล้วเสร็จในเวลา 17.00 น. และจะเริ่มทำการทดสอบตัววาล์วในวันนี้ ซึ่งจากการสังเกตการปฏิบัติงานในพื้นที่ ไม่พบคราบและกลิ่นน้ำมันรั่วไหลออกมาในพื้นที่ดังกล่าว เหตุการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ด้าน ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลระยอง ได้ดำเนินการตรวจติดตามคุณภาพสิ่งแวดล้อมทางการประมง บริเวณชายฝั่งจังหวัดระยอง ตั้งแต่หาดพลา อ.บ้านฉาง ถึงปากน้ำประแสร์ อ.แกลง โดยตรวจวัดคุณภาพน้ำและรวบรวมตัวอย่างสัตว์น้ำเพื่อตรวจวิเคราะห์สารปนเปื้อนโลหะหนัก ปรากฏว่าคุณภาพเบื้องต้นและคุณภาพน้ำทั่วไป อยู่ในเกณฑ์ปกติ สามารถรับประทานอาหารทะเลได้ทุกชนิด
อย่างไรก็ตาม ในเช้าวันนี้ บริษัท SPRC จะจ่ายเงินเยียวยาเบื้องต้นให้กับกลุ่มประมงพื้นบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำมันรั่ว ณ อาคารเอนกประสงค์ อบต.ตะพง อ.เมืองระยอง จำนวน 300 รายๆ ละ 45,000 บาท ล่าสุด มีผู้ร้องทุกข์กรณีคราบน้ำมันดิบรั่วไหลฯ ตั้งแต่ 30 มกราคม - 3 มีนาคม 2565 จำนวน 11,987 ราย
",4/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สวท.ระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304142800442 "ธ.ก.ส. เปิดตัวสินเชื่อเงินด่วน A-Cash Gold วงเงินรายละไม่เกิน 100,000 บาท เสริมสภาพคล่องเกษตรกร ","นายพงษ์พันธ์ จงรักษ์ ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. เปิดตัวสินเชื่อเงินด่วน A-Cash Gold เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้า และป้องกันการก่อหนี้สินนอกระบบที่มีดอกเบี้ยสูงและไม่เป็นธรรมกับเกษตรกร สนับสนุนให้มีเงินทุนในการเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ หรือเป็นค่าใช้จ่ายสำรองเงินฉุกเฉินในครัวเรือน อันเป็นการกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ
เงื่อนไขการกู้เงินสินเชื่อ A-Cash Gold ต้องเป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ที่มีประวัติการชำระหนี้ดี จำกัดวงเงินรายละไม่เกิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR ต่อปี (ปัจจุบัน MRR เท่ากับร้อยละ 6.50 ต่อปี) กำหนดการชำระคืนภายใน 12 เดือนนับจากวันที่ทำสัญญา โดยลูกค้าสามารถใช้หลักประกันที่จดทะเบียนจำนองได้ไม่เกินร้อยละ 95 สำหรับลูกค้าที่สนใจสินเชื่อเงินด่วน A-Cash Gold สามารถติดต่อได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอำเภอย่านตาขาว มอบหมายให้นางสาวอภันตรี มีบุญ และนางสาวเกศรินทร์ สุวรรณวัฒน์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ ลงพื้นที่ส่งมอบแม่พันธุ์แหนแดง และบุหรี่เสื่อมคุณภาพ ให้แก่ กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านทุ่งหนองแห้งและกลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านทุ่งศาลา หมู่ที่ 1 และ 4 ตำบลในควน อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง เพื่อใช้ในกิจกรรมการปลูกผักปลอดสารพิษและสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมทางการเกษตรของโรงเรียน
โดยบุหรี่เสื่อมคุณภาพสามารถนำไปใช้เป็นส่วนผสมในการทำน้ำหมักชีวภาพและสารไล่แมลงศัตรูพืชได้ ส่วนแหนแดงสามารถใช้ทดแทนหรือลดการใช้ปุ๋ยเคมีไนโตรเจน เพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดิน ใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์สำหรับพืชผักผลไม้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยเคมีและใช้เป็นแหล่งโปรตีนสำหรับเลี้ยงสัตว์ สำหรับ แหนแดง เหมาะสำหรับเกษตรอินทรีย์ เกษตรกรที่ปลูกผักหรือทำการเกษตรอินทรีย์ ถ้าใช้แหนแดงผสมกับดินปลูก จะไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีในปริมาณมาก
นอกจากนี้ แหนแดงสามารถนำไปเป็นอาหารสัตว์ได้ด้วย กินได้ทั้งสดและแห้ง ควบคู่ไปกับอาหารเม็ด หรือผสมกับฟางข้าวหรือหญ้าแห้งก็ได้ เพราะองค์ประกอบของแหนแดงมีโปรตีนสูง ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ มีอะมิโนแอซิดครบทุกตัว จึงเหมาะที่จะเป็นอาหารสัตว์ โดยเฉพาะในหน้าแล้งขาดแคลนหญ้าอาหารสัตว์หรือมีไม่เพียงพอ เกษตรกรสามารถใช้แหนแดงสดหรือแห้งผสมกับฟางแห้งหรือหญ้าแห้ง สัตว์ก็จะได้อาหารที่มีคุณภาพดี เกษตรกรสามารถเพาะเลี้ยงแหนแดงโดยเลี้ยงในบ่อน้ำตื้น ประมาณ 4-5 เซนติเมตร แหนแดงจะไม่มีวันขาดแคลน เก็บเกี่ยวได้ไม่มีวันสิ้นสุด เพราะแหนแดงจะเจริญเติบโตและขยายตัวไปได้เรื่อยๆ อีกทั้ง แหนแดง สามารถไปทดแทนปุ๋ยยูเรียได้ในขณะที่ปุ๋ยมีราคาแพง และไม่ต้องกังวลในเรื่องของปุ๋ยปลอมอีกด้วย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,4/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304152652479 เกษตรย่านตาขาว จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ให้คำแนะนำ พร้อมทั้งสาธิตการผลิตขยายเชื้อราไตรโคเดอร์มา พร้อมทั้งมอบเส้นยาสูบ ให้แก่เกษตรกร ตำบลทุ่งค่าย,นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอำเภอย่านตาขาว มอบหมายให้นางแพรวพรรณ ทองพิทักษ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ ลงพื้นที่ให้คำแนะนำ พร้อมทั้งสาธิตการผลิตขยายเชื้อราไตรโคเดอร์มาให้แก่เกษตรกร หมู่ที่ 2 ตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง เพื่อใช้ป้องกันเชื้อราไฟท๊อปธอร่าซึ่งเป็นสาเหตุของโรครากเน่าโคนเน่าทุเรียน โรคแอนแทรคโนส หรือโรคกุ้งแห้งในพริก โดยแนะนำวิธีการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาในอัตราส่วนดังนี้ ทางดิน โดยผสมเชื้อสด 1 กิโลกรัม : รำละเอียด 4 กิโลกรัม : ปุ๋ยหมัก 100 กิโลกรัม โรยรอบโคนต้น หรือใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา 1 กิโลกรัม ต่อน้ำสะอาด 100-200 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วแปลง
ทั้งนี้ ได้มอบเส้นยาสูบซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานสรรพสามิตจังหวัดตรัง เพื่อใช้ในการทำน้ำหมักยาสูบ โดยได้แนะนำวิธีการหมักและวิธีการใช้ดังนี้1. ใช้ยาสูบหรือยาเส้น 3 กิโลกรัม ผสมน้ำส้มสายชู 700 มิลลิลิตร และผสมแอลกอฮอร์ 2 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 1 คืน2. เติมน้ำเปล่า 3 ลิตร3. คั้นน้ำจากยาเส้นและกรองกากออก จะได้น้ำหมักยาสูบ ส่วน วิธีการใช้แนะนำผสมน้ำไล่แมลงในอัตราส่วน 1 ต่อ 15 ลิตร และก่อนฉีดผสมสารจับใบ ก็จะสามารถไล่แมลงศัตรูพืชและเพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟ เพลี้ยอ่อน ไรแดง ไรขาว ด้วงหมัดผักกาด หนอนกอข้าว หนอน กะหล่ำปลี หนอนผักกาด หนอนชอนใบได้หรือหากต้องการฉีดเพื่อป้องกันแมลงต่าง ๆ รวมไปถึงเพลี้ย แบบไม่รอให้เข้ามาบุกทำลายต้นพืช ก็สามารถใช้น้ำหมักยาสูบผสมน้ำในอัตรา 1 ลิตรต่อน้ำ 60 ลิตร ฉีดพ่นบริเวณใบ กิ่ง และลำต้นทุก ๆ 5 หรือ 7 วัน จะช่วยป้องกันได้
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,4/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304152830480 รองผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน นำทีมศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน (Warroom) บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าควบคุมไฟป่าบริเวณวัดหัวน้ำแม่สะกึด บ้านหัวน้ำแม่สะกึด ต.ผาบ่อง จ.แม่ฮ่องสอน,วันที่ 4 มีนาคม 2565 เวลา 09.00 น. ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน (Warroom) ได้ตรวจสอบพบไฟไหม้ป่า บริเวณวัดหัวน้ำแม่สะกึด บ้านหัวน้ำแม่สะกึด ตำบลผาบ่อง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จึงได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 10 ลำปางหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 สถานีควบคุมไฟป่าแม่ฮ่องสอน สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 แม่ฮ่องสอน อาสาดับไฟป่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการเข้าควบคุมและดับไฟป่า
ทรัพยากรที่ใช้ในการดับไฟ มีดังนี้ รถบรรทุกน้ำ จำนวน 1 คัน รถดับไฟป่า จำนวน 1 คัน รถต่อต้านวินาสกรรม จำนวน 1 คัน เครื่องเป่าลม จำนวน 10 เครื่อง และรถบรรทุกน้ำขนาดเล็ก จำนวน 2 คัน โดยนายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้มอบหมายให้ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และนายพงศ์พีระ ชูชื่น นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ขณะนี้ได้ควบคุมสถานการณ์ให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,4/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304155104490 ที่ประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 5 ช่วงที่ 2 ได้รับรองข้อมติด้านการจัดการมลพิษจากขยะพลาสติกที่ไทยมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งในการเจรจา เพื่อมุ่งสู่การจัดตั้งคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลเพื่อการเจรจา (INC),"
ที่ประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 5 ช่วงที่ 2 (UNEA 5.2) ได้รับรองข้อมติด้านการจัดการมลพิษจากขยะพลาสติกที่ประเทศไทยมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งในการเจรจา เพื่อมุ่งสู่การจัดตั้งคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลเพื่อการเจรจา (INC)
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย กล่าวถึงการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 5 ช่วงที่ 2 (UNEA 5.2) ภายใต้หัวข้อ Strengthening Actions for Nature to Achieve the Sustainable Development Goals เพื่อมุ่งเน้นการฟื้นฟูธรรมชาติและมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม ผ่านระบบการประชุมทางไกล ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา ว่า ถือเป็นประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติในการรับรองข้อมติด้านการจัดการมลพิษจากขยะพลาสติกและเป็นก้าวแรกในการจัดตั้งกระบวนการเพื่อมุ่งไปสู่การจัดตั้งคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลเพื่อการเจรจา (INC) ซึ่งประเทศไทยมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการเจรจาของข้อมตินี้ ภายใต้นโยบายที่ชัดเจนของการดำเนินงานแก้ปัญหาขยะพลาสติกทั้งระบบ ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้ตกลงร่วมกันจะจัดประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจ (OEWG) เพื่อเตรียมงานของคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลภายใน 6 เดือนแรกของปีนี้ และการจัดการประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาล (INC) ครั้งแรกภายใน 6 เดือนหลังของปีนี้ด้วย สิ่งสำคัญที่ประชุมครั้งนี้ยังได้รับรองรายงานการประชุม UNEA 5.2 , รับรองปฏิญญาระดับรัฐมนตรี (Ministerial Declaration) และรับรองข้อมติ (Resolution) 14 ข้อมติ และ 1 ข้อตัดสินใจ (Decisions) โดยประเทศไทยได้เป็นผู้ร่วมอุปถัมภ์ข้อมติ 4 ข้อมติ คือ Resolution on the Sound Management of Chemicals and Waste // Resolution for a Science-Policy Panel to contribute further to the sound management of chemicals and waste and to prevent pollution // Resolution on the environmental dimension of a sustainable และสุดท้าย resilient and inclusive post COVID-19 recovery และ Resolution on an Enhancing Circular Economy as a contribution to achieving sustainable consumption and production
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังได้กล่าวถ้อยแถลงในนามประเทศไทย (National Statement) บนเวทีการประชุม UNEA 5.2 ครั้งนี้เกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและผลกระทบจากสถานการณ์การของโควิด-19 ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และด้านมลพิษ ซึ่งประเทศไทยได้ใช้แนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (BCG Model) มาขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
",4/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304155450493 จังหวัดสุราษฎร์ธานีหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนแตงโมบ้านทุ่งอ่าว หลังผลผลิตล้นตลาด ด้วยพิษโควิด-19,แตงโมทุ่งอ่าว ต.ศรีวิชัย อ.พุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจของจังหวัดสุราษฎร์ธานี จะให้ผลผลิตเพียงแค่ปีละ 1 ครั้ง ในพื้นที่กว่า 700 ไร่ ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคมเท่านั้น ทั้งนี้จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ทำให้ผลผลิตมีจำนวนมากกว่าความต้องการของผู้บริโภค ส่งผลให้ให้แตงโมล้นตลาด รวมไปถึงผลผลิตแตงโมทั่วประเทศ ให้ผลผลิตพร้อมกัน อีกทั้งเกษตรกรส่วนใหญ่ประสบภัยน้ำท่วมสวนแตงโม ทำให้การกระจายสินค้ามีความยากลำบาก ขณะเดียวกันพ่อค้าแม่ค้าที่มารับซื้อผลผลิตจากสวนลดน้อยลงเนื่องจากประสบปัญหาโควิด -19 และเกษตรกรขาดทุนจากต้นทุนการผลิตที่สูง และรายได้ที่ลดลง ประกอบกับภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เกษตรกรจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้การช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
ขณะที่นางอัมพร แย้มยินดี เกษตรกรสวนแตงโมทุ่งอ่าว เล่าให้ฟังว่า ปีนี้ผลผลิตมีจำนวนมาก แต่ก็ต้องมาประสบกับปัญหาโควิด-19 จนทำให้แม่ค้าที่มารับผลผลิตติดโควิดหลายราย จึงไม่สามารถกระจายผลผลิตได้ รวมถึงปัญหาน้ำท่วมร่องแตงโมทำให้บางลูกต้องเน่าเสีย จนได้รับความเสียเป็นอย่างยิ่ง จึงอยากวอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของการตลาด เพื่อขายให้ได้ต้นตุนการผลิตกลับมาเพียงพอแล้ว
ด้านนายเอกพงส์ หงส์พฤกษ์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ สภาเกษตรกรจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ทางสภาเกษตรกรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ลงพื้นที่สวนแตงโมทุ่งอ่าว ในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและกลุ่มองค์กรเกษตรกรในการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรสวนแตงโมทุ่งอ่าว พร้อมทั้งบูรนาการร่วมกับส่วนราชการ กลุ่มองค์กรเกษตรกร และภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ในการกระจายสินค้าของเกษตรกร เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องเกษตรกรในภาวะโควิด-19 ให้สามารถมีตลาดในการกระจายสินค้า
ขณะเดียวกันนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งหาแนวทางในการช่วยเหลือเกษตรกร ในการกระจายผลผลิตเพื่อให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายสินค้าในราคาที่เป็นธรรมต่อเกษตรกรและผู้บริโภค ในช่วงสถานการณ์แบบนี้
สำหรับความโดดเด่นของแตงโมทุ่งอ่าว ที่ได้การยอมรับจากผู้บริโภคในอดีตนั้น ด้วยความพิเศษของพื้นที่ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุในน้ำที่รวมตัวกันระหว่างน้ำทะเลและน้ำจืด ทำให้เปลือกบาง ผลโต เนื้อเป็นเม็ดทราย สีแดงสด และความหวาน ที่สำคัญคือปลอดสารเคมี ที่ได้ผ่านการตรวจวัดสารตกค้าง จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศรีวิชัย จน ได้ผ่านการประเมิน GAP ที่ได้มาตรฐานต่อผู้บริโภค และมีคิวอาร์โค๊ตในการประกันคุณภาพจากเกษตรกร หากไม่หวาน ไม่แดง แค่แสกนแล้วเปลี่ยนผลใหม่ได้ทันที
สำหรับใครที่สนใจสั่งซื้อแตงโมคุณภาพจากสุราษฎร์ธานี สามารถติดต่อได้ที่ สภาเกษตรกรจังหวัดสุราษฎร์ธานี เบอร์โทร089-7428770 คุณป้อม หรือ093-6153569 คุณเอก โดยมีผลิตผลให้เลือกซื้อถึง 3 ไซส์ ด้วยกัน โดยราคาอยู่ที่ 23-25 บาทต่อกิโลกรัม เพราะ แตงโมเมืองคนดี ปลอดสารเคมี ต้องแตงโมทุ่งอ่าว
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,4/3/2022,ภาคใต้,สุราษฎร์ธานี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304170050548 อบรมอาสาปศุสัตว์ต้านโรคพิษสุนัขบ้าปี 2565,สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสิงห์บุรีจัดอบรมอาสาปศุสัตว์ต้านโรคพิษสุนัขบ้า เตรียมบุคลากรช่วยฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุขบ้าประจำปี 2565
สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสิงห์บุรี ได้จัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้เรื่องโรคพิษสุขบ้าและวิธีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ขึ้นที่ห้องประชุมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรี อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี ตามโครงการฝึกอบรมเพื่อสร้างและพัฒนาศักยภาพอาสาปศุสัตว์ต้านโรคพิษสุนัขบ้าประจำปีงบประมาณ 2565 ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การดำเนินโครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า ตามประณิธานศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เพื่อเป็นการทบทวนความรู้และเพื่อเพิ่มองค์ความรู้ให้กับอาสาปศุสัตว์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่และผู้แทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดสิงห์บุรี จำนวน 50 คน ให้ได้เข้าใจถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าในประเทศไทยและในจังหวัดสิงห์บุรี รวมถึงแนะนำให้ความรู้ในเรื่องของการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่อาจเกิดขึ้นในคน และในสัตว์ โดยมีวิทยากรจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรี และสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสิงห์บุรี เป็นผู้ให้ความรู้ในเรื่องของการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่อาจเกิดขึ้นในคน และในสัตว์ โดยมีวิทยากรจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรี และสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสิงห์บุรี เป็นผู้ให้ความรู้
นอกจากนี้ ยังสาธิตและแนะนำวิธีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ สุนัขและแมว เพื่อให้อาสาปศุสัตว์ ซึ่งจะต้องมีหน้าที่ในการออกฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2565 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2565 ซึ่งเป็น 6 เดือนของการรณรงค์ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าของประเทศไทย ตามที่กรมปศุสัตว์กำหนด สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าในจังหวัดสิงห์บุรี พบครั้งสุดท้ายที่ตำบลชีน้ำร้าย อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อปี พ.ศ.2555 ซึ่งไม่พบการแพร่ระบาดมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว
วีรยุทธ รวดเร็ว / ข่าว
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,4/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,สิงห์บุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสิงห์บุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304165120537 จังหวัดสุรินทร์ติดตามผลการดำเนินงานของหมู่บ้านเกษตรอินทรีย์ต้นแบบโครงการสุรินทร์รุ่งเรือง เมืองเกษตรอินทรีย์ อำเภอเขวาสินรินทร์,"สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานของหมู่บ้านเกษตรอินทรีย์ต้นแบบ โครงการสุรินทร์รุ่งเรือง เมืองเกษตรอินทรีย์ ณ บ้านแดง หมู่ 7 ตำบลบึง อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ได้พบกับประธานกลุ่ม นางสมใจ ขันทอง ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านแดง และสมาชิก ซึ่งกลุ่มมีสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการฯ 30 คน จากอดีตปลูกผักไว้เพื่อบริโภค ปัจจุบันได้มีการปลูกผักสวนครัวเพื่อการค้า
จากการที่จังหวัดสุรินทร์ได้เข้ามาส่งเสริมและสนับสนุนทำให้สามารถสร้างรายได้ให้ครัวเรือน ผักอินทรีย์ที่ปลูก เช่น ผักบุ้ง คะน้า ผักชี ต้นหอม กวางตุ้ง มีตลาดหลักได้แก่ ตลาดชุมชน ตลาดออนไลน์ มีการสั่งซื้อผ่านไลน์ เฟสบุ๊ค เป็นต้น และได้ดำเนินการเชื่อมโยงทำ MOU กับร้านอาหาร ส่งผักให้กับร้านขนมจีน ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านราดหน้า ร้านเนื้อย่าง ในอำเภอเขวาสินรินทร์ ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานของหมู่บ้าน สภาพอากาศที่ร้อน ผลผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ผักที่ผลิตไม่ทัน เช่น ผักบุ้ง เนื่องจากไม่ได้เตรียมวางแผนการผลิตที่ต่อเนื่อง ยังขาดเครื่องทุ่นแรงในการบริหารจัดการระบบน้ำให้เพียงพอต่อการเพาะปลูก
ขณะนี้กลุ่มกำลังจะดำเนินการขอจดวิสาหกิจชุมชน และจะทำหลังคาสแลนด์กันแดดเพื่อให้สามารถปลูกผักได้ผลผลิตตลอดทั้งปี สมาชิกในชุมชนมีรายได้จากการปลูกผักอินทรีย์สัปดาห์ละ 400-1,200 บาทต่อคน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",4/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สวท.สุรินทร์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304170253551 จ.สุพรรณบุรีเตรียมป้องกันแก้ไขปัญหาอัคคีภัย ปัญหามลพิษบ่อกำจัดขยะมูลฝอยและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่ อ.ด่านช้าง,"ที่บริเวณบ่อกำจัดขยะมูลฝอย อบต.หนองมะค่าโมง อ.ด่านช้าง นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เพื่อรับทราบสถานการณ์และแผนเตรียมการป้องกันแก้ไขปัญหาอัคคีภัย และปัญหามลพิษของ อบต.หนองมะค่าโมง ซึ่งเป็นสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยแบบเทกอง และฝังกลบเป็นบางส่วน ซึ่งเป็นพื้นที่เชิงเขาสภาพเดิมเป็นบ่อดิน ลึกประมาณ 6 เมตร มีการเทขยะมูลฝอยมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2532
ปัจจุบันมีหน่วยงานที่นำขยะมูลฝอยมาทิ้ง 3 หน่วยงาน คือ เทศบาลตำบลด่านช้าง อบต.หนองมะค่าโมง และ อบต.ด่านช้าง ทั้งนี้ อบต.หนองมะค่าโมงได้เตรียมแผนเผชิญเหตุเพลิงไหม้บ่อขยะไว้แล้ว โดย อบต.หนองมะค่าโมงและเทศบาลตำบลด่านช้าง จัดกำลังเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเมื่อได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ชุดผจญเพลิง พร้อมอุปกรณ์จะเข้าไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมรายงานให้นายก อบต.ทราบ เพื่อรายงานไปยังนายอำเภอด่านช้างเพื่อขอกำลังสนับสนุน โดยมีแหล่งน้ำสำรองในการดับเพลิง คือ เขื่อนกระเสียว การประปาส่วนภูมิภาคสาขาด่านช้าง และโรงงานน้ำตาลมิตรผลด่านช้าง นอกจากนี้ยังได้จัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ถ่ายรูปสถานที่เกิดเหตุ เพื่อรายงานรายละเอียดการเกิดเหตุ และจัดประชุมหารือถึงสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้บ่อขยะต่อไป
ต่อจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่อุทยานมิตรผล อ.ด่านช้าง เข้าตรวจเยี่ยมและรับทราบแนวทางการป้องกันแก้ไขปัญหาอัคคีภัย และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยมี นายธนพงศ์ อุดมศิลป์ ผู้อำนวยการด้านโรงงานน้ำตาลมิตรผล ด่านช้าง พร้อมคณะให้การต้อนรับ พร้อมบรรยายสรุปเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอัคคีภัยจากการเผาไร่อ้อย โดยรับซื้อใบอ้อยสดจากเกษตรกรที่ราคา 1,000 บาทต่อตัน หากอ้อยไฟไหม้จะถูกหัก 30 บาทต่อตัน และเฉลี่ยให้กับอ้อยสดทุกตัน นอกจากนี้หากเกษตรกรพบเห็นและแจ้งเบาะแสการเผาอ้อย จะได้รับเงินรางวัลนำจับ 1 แสนบาท
ทั้งนี้ จากแนวทางดังกล่าว ทำให้สามารถลดปัญญาอัคคีภัยจากการเผาอ้อยลงได้มาก นอกจากนี้อุทยานมิตรผลด่านช้าง ยังได้จัดทำโครงการจัดทำแนวกันไฟพื้นที่ไร่อ้อยอย่างมีส่วนร่วมครอบคลุมพื้นที่อำเภอด่านช้างและอำเภอหนองหญ้าไซ โดยจัดประชุมทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วน กำหนดจุดประสานงานโครงการ จุดสังเกตการณ์ จุดเฝ้าระวังไฟพร้อมรถน้ำและพนักงานดับเพลิงประจำจุด และแปลงแนวกันไฟ จุดติดตั้งจุดงวงช้าง (จุดเติมน้ำ) พร้อมประสานเตรียมรถน้ำเสริมจาก อบต.ในพื้นที่ จากการดำเนินโครงการดังกล่าว ทำให้ปัญหาไฟไหม้อ้อยก่อนเปิดหีบและการลักลอบเผาอ้อยลดลงอย่างเห็นได้ชัด สอดคล้องกับค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในช่วงฤดูกาลเปิดหีบอ้อยของจังหวัดสุพรรณบุรีที่ลดน้อยลง
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",4/3/2022,ภาคตะวันตก,กาญจนบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุพรรณบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304183321574 เกษตรนครพนม ถ่ายทอดนำความรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียงสู่เกษตรกรในพื้นที่ ก่อนเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ปี 65,วันนี้ (4 มีนาคม 2565) ที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรอำเภอนาแก (ศูนย์เครือข่าย) หมู่ที่ 4 ตำบลก้านเหลือง อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม นายกชภูมิ สำลี นายอำเภอนาแก เป็นประธานเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ ปี 2565 ที่สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนมจัดขึ้น ภายใต้แนวคิด Field day ที่เป็นการถ่ายทอดความรู้แบบเห็นของจริงให้แก่ตัวแทนเกษตรกรพื้นที่
โดยมีนายวิชาญ ซาตัน เกษตรอำเภอ กล่าวรายงาน ถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานขึ้น ซึ่งมีหน่วยงานส่วนราชการภาคีและเครือข่ายในพื้นที่เข้าร่วมให้บริการด้านการเกษตร และมีเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 50 ราย
การจัดกิจกรรมนี้ เพื่อให้เกษตรกรที่เป็นตัวแทนของชุมชนต่างๆ ได้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการทำการเกษตร ระหว่างเกษตรกรในพื้นที่ เจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครพนม และเกษตรกรต้นแบบ เพื่อเก็บเกี่ยวองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตสินค้าเกษตร นำไปสู่การปฏิบัติในฤดูกาลผลิตใหม่ที่จะมาถึงนี้ ทำให้เกษตรกรทุกคนมีแนวคิดในการพัฒนาภาคการเกษตรอย่างยั่งยืน ก่อให้เกิดรายได้ที่มากขึ้น มีเครือข่ายในองค์ความรู้และการจำหน่ายสินค้าเกษตร
โดยกิจกรรมในครั้งนี้ ได้แบ่งสถานีการเรียนรู้ออกเป็น 6 สถานี คือ โคกหนองนาโมเดล ฐานการเรียนรู้พันธุ์ข้าว/การปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกข้าว การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า การเลี้ยงปลาที่เหมาะสม การจัดการดินและปุ๋ย และการตรวจวิเคราะห์ดิน การผลิตถ่านไบโอชาร์
นอกจากนี้ ยังมีการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเครื่องจักรกลการเกษตร จากบริษัทคูโบต้า ที่ให้คำแนะนำในการใช้งานและบำรุงรักษา รวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ในการผลิต ซึ่งได้รับความสนใจจากเกษตรกรที่เข้าร่วมกิจกรรมเป็นอย่างมาก
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,4/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครพนม,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304220654645 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พบเกษตรกรอำนาจเจริญ,"วันนี้ (14 มกราคม 2565) เวลา 08.10 - 09.00 น. ณ ห้องส่ง สวท.อำนาจเจริญ นางสาวจริยา วงศ์วีระ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมด้วย นายฉัตรชัย เรืองสิทธิ์ ผอ.กลุ่มกฎหมาย ส.ป.ก.อำนาจเจริญ ร่วมกับ นางสาวทัศนีย์ บุญเคล้า นักวิชาการเกษตร สพด.อำนาจเจริญ และ นายธนกฤต เนื้ออ่อน จ.วิเคราะห์นโยบายและแผน สนง.กษ.อำนาจเจริญ ดำเนินรายการวิทยุ รายการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พบเกษตรกร นำเสนอ
1. 47 ปี ส.ป.ก. จำหน่ายสินค้าเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดิน ออนไลน์ 6-8 มีนาคม 2565 นี้ ที่ ส.ป.ก. ทั่วประเทศ
2. ส.ป.ก. ร่วมกับภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนตลาดนำการผลิต/เกษตรแม่นยำ จากแปลงตะไคร้สู่นวดแผนไทย
3. ส.ป.ก. ให้คำปรึกษาแนะนำความรู้ด้านกฎหมายปฏิรูปที่ดิน บริการรับคำร้อง คำขอเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก. 4-01 บริการสำรวจรังวัด สำรวจออกเอกสารสิทธิ์ หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ส.ป.ก. จัดสรรที่ดินให้เกษตรกรทำประโยชน์ รับซื้อที่ดินที่มีหลักฐาน และดูแลงานฟื้นฟูเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน
4. ส.ป.ก. ติดตามการใช้ที่ดินของเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน เขต อ.ลืออำนาจ และ อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ
5. ส.ป.ก.อำนาจเจริญ เน้นย้ำ..คุณผู้ฟัง เรื่อง การดำเนินงานของ ส.ป.ก. ไม่มีนโยบายเรียกรับเงินจากเกษตรกร อ้าง เป็นค่าบริการรังวัด หรือค่าออกเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก. 4-01 หรือข้ออ้างอื่นๆ เพื่อรับเงินจากท่านแต่อย่างใด พบเห็นบุคคลที่มีพฤติกรรมแอบอ้างดังกล่าว โปรดแจ้ง ส.ป.ก.อำนาจเจริญ โทรศัพท์ 045-523-518
6. สพด.อำนาจเจริญ ถ่ายทอดองค์ความรู้ในการปรับปรุงบำรุงดิน แก้ไขดินที่มีปัญหาในการทำการเกษตร
- ให้บริการตรวจวิเคราะห์ดิน (แนะนำวิธีเก็บตัวอย่างดินที่ถูกต้อง)
- สนับสนุนโดโลไมค์ สนับสนุนกล้าหญ้าแฝก (ปลูกเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ ปลูกรอบสระน้ำเพื่อป้องกันการชะล้างและพังทลาย)
- สนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืชตระกูลถั่ว (โครงการธนาคารเมล็ดพันธุ์พืชในชุมชน) (การปรับปรุงบำรุงดิน)
- สนับสนุนสารเร่ง พด. (ให้บริการวัสดุปรับปรุงบำรุงดิน)
- สนับสนุนแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน (บ่อจิ๋ว 1,260 ลบ.ม. สมทบ 2,500 บาท)
Cr# สนง.เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",4/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,อำนาจเจริญ,สวท.อำนาจเจริญ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220304224419656 จังหวัดโคราช เดินหน้าสร้างยุวเกษตรกรรุ่นใหม่ หวังปลูกฝังทัศคติที่ดีต่ออาชีพเกษตรกรรม,นายจารพัฒน์ ไตรพัฒนจันทร์ รักษาการเกษตรอำเภอเมืองยาง จังหวัดนครราชสีมา พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอ ติดตามการดำเนินกิจกรรมกลุ่มยุวเกษตรกรของโรงเรียนกระเบื้องนอกพิทยาคม ตำบลกระเบื้องนอก อำเภอเมืองยาง และร่วมต้อนรับคณะกรรมการคัดเลือกบุคคลและสถาบันเกษตรกรดีเด่น ระดับจังหวัด ปี 2565 ที่มาคัดเลือกกลุ่มยุวเกษตรกร สมาชิกยุวเกษตรกรและที่ปรึกษายุวเกษตรกร โดยผู้ชนะเลิศระดับจังหวัด จะได้เป็นตัวแทนในการคัดเลือกในระดับเขตต่อไป
กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนกระเบื้องนอก ดำเนินการเปิดประชุมสภายุวเกษตรกรและนำเยี่ยมชมการดำเนินกิจกรรมด้านการเกษตรในโรงเรียน เช่น การปลูกผักบุ้งจีนเพื่อจำหน่ายร้านหมูกะทะ การเลี้ยงไก่ไข่บนบ่อปลาที่เลี้ยงปลา 6 ชนิดแบบเกื้อกูลกัน แปลงนารวมจำนวน 1 ไร่ การดูแลเห็ดภูฐาน การแปรรูปปลาส้ม เป็นต้น
รักษาการเกษตรอำเภอเมืองยาง กล่าวว่า การดำเนินกิจกรรมยุวเกษตรกร ต้องดูแลเอาใจใส่ ส่งเสริม พัฒนาและสนับสนุนทุกมิติให้สามารถรับมือและเท่าทันโลก ทั้งเป็นการปลูกฝังให้ยุวเกษตรกรมีทัศนคติที่ดีต่อเกษตรกรรม เตรียมความพร้อมในการเป็นเกษตรกร หรือประกอบอาชีพที่สนับสนุนและพัฒนาด้านการเกษตรในอนาคต
นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้ใช้ระบบการประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อเป็นเครื่องมือคุ้มครองความเสียหายจากกรณีเกิดภัยธรรมชาติ ช่วยเหลือเกษตรกรในการสร้างภูมิคุ้มกันและบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการผลิต โดยมีเป้าหมายในการทำประกันภัยบนพื้นที่การเกษตรทั่วประเทศกว่า 46 ล้านไร่ คุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติ 7 ภัย ได้แก่ น้ำท่วม ภัยแล้ง ลมพายุ ภัยหนาว ลูกเห็บ ไฟไหม้และช้างป่า
ปัจจุบันได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนประกันภัยข้าวนาปีไปแล้ว จำนวน 12 ครั้ง เป็นเงินกว่า 1,522 ล้านบาท พื้นที่เสียหาย 1.2 ล้านไร่ ขณะที่ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน 8 ครั้ง เป็นเงิน 34 ล้านบาท พื้นที่เสียหาย 22,945 ไร่ มีเกษตรกรได้รับประโยชน์รวมกว่า 113,931 ราย
สำหรับโครงการประกันภัยข้าวนาปี ให้วงเงินคุ้มครองจำนวน 1,260 บาทต่อไร่ ส่วนโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 1,500 บาทต่อไร่ เมื่อเกษตรกรผู้ทำประกันภัยได้รับความเสียหาย และแจ้งความเสียหายที่สำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ เพื่อประเมินความเสียหาย และจะได้รับการพิจารณาจ่ายค่าสินไหมภายใน 15 วัน เข้าบัญชีเงินฝากของเกษตรกรโดยตรง
ปีการผลิต 2564 มีเกษตรกรให้ความสนใจทำประกันภัยข้าวนาปี จำนวน 3.59 ล้านราย พื้นที่การเกษตรกว่า 43 ล้านไร่ และประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน 96,620 ราย พื้นที่การเกษตรกว่า 1.5 ล้านไร่ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการผลิตได้เป็นอย่างดี โอกาสนี้ ธ.ก.ส.ขอเชิญชวนเกษตรกรเข้าร่วมโครงการดังกล่าว เพราะจะเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะในสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศโลกที่มีแนวโน้มรุนแรงและมีความถี่มากขึ้น
",5/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220305115024710 กำหนดทิศทางการฟื้นฟูผลผลิตกุ้งทะเลของประเทศไทย เพิ่มปริมาณผลผลิตให้ได้ 4 แสนตัน ภายในปี 2566,"
นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กุ้งทะเล นับเป็นสินค้าสัตว์น้ำที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างมาก โดยในอดีตอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลสามารถนำรายได้เข้าสู่ประเทศปีละกว่าแสนล้านบาท โดยเฉพาะในปี 2553 มีปริมาณและมูลค่าการส่งออกมากที่สุดคือ 437,270 ตัน แต่ในปี 2564 มีปริมาณการส่งออกลดลงเหลือเพียง 201,592 ตัน เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2553 ปริมาณลดลงถึงร้อยละ 53 เลยทีเดียว อันเป็นผลมาจากเหตุการณ์ในช่วงปลายปี 2554 ที่ประเทศไทยประสบปัญหาการระบาดของโรคตายด่วน ซึ่งได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวงต่อวงการอุตสาหกรรมกุ้งของไทยและผลผลิตภายในประเทศยังไม่สามารถเพิ่มขึ้นมาใกล้เคียงกับปี 2553
จากสภาวการณ์ดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้มอบหมายให้กรมประมงเร่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลให้มีผลผลิต 400,000 ตัน ภายในปี 2566 เพื่อให้ประเทศไทยกลับมาเป็นผู้นำการผลิตในตลาดโลกได้อีกครั้ง ซึ่งกรมประมงได้รับสนองนโยบายฯจึงได้จัดการประชุมเพื่อหาแนวทางการฟื้นฟูผลผลิตกุ้งทะเลของประเทศไทยให้ได้ตามเป้าหมาย โดยได้เชิญผู้บริหารระดับสูงของกรมประมงรวมถึงหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคที่มีพื้นที่การเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลรวม 35 จังหวัด ร่วมระดมสมองกำหนดทิศทางและวางแผนในการบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่การผลิตเพื่อฟื้นฟูผลผลิตกุ้งทะเลของประเทศไทยให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ร่วมกันภายใต้กลไกพื้นฐานของการมุ่งให้ความสำคัญและเข้มงวดกับการแก้ไขปัญหาเรื่องโรคที่เกษตรกรเผชิญอยู่โดยเน้นกระบวนการผลิตสินค้ากุ้งทะเลที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษามาตรฐานการผลิตตามระบบสากล พร้อมนำอุตสาหกรรมกุ้งทะเลของไทยกลับมาทวงความเป็นผู้นำในการส่งออกอีกครั้ง
ปัจจุบันเกษตรกรมีการแจ้งประกอบกิจการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล จำนวน 40,983 ราย มีพื้นที่การเพาะเลี้ยงประมาณ 224,418 ไร่ เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงบางส่วนประสบปัญหาด้านต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น โดยในภาพรวมได้ส่งผลกระทบให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสทางการแข่งขันในตลาดโลกอีกด้วย โดยกรมประมงเชื่อมั่นว่าแผนปฏิบัติการที่ได้จากการประชุมในครั้งนี้ จะนำไปขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกุ้งทะเลของประเทศไทยให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
",5/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220305181707810 จ.แม่ฮ่องสอน pm.2.5 เกินมาตรฐานต่อเนื่อง ขณะที่จุดความร้อน วันนี้พบ 40 จุด,
สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ประจำวันที่ 5 มีนาคม 2565 ในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 (เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน) PM2.5 มีค่าระหว่าง 47-99 มคก./ลบ.ม. คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ ปานกลาง ถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.) เกินมาตรฐานทุกจังหวัด
พบจุดความร้อน (Hotspot) เกิดขึ้นจำนวน 68 จุด (เชียงใหม่ 21 จุด/เชียงราย 1 จุด/ลำพูน 6 จุด/และแม่ฮ่องสอน 40 จุด) คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองวันต่อไปอยู่ในเกณฑ์ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
สถิติจุดความร้อนเปรียบเทียบ ปี 2564 และ 2565 แบบวันต่อวัน วันที่ 1 ม.ค.-4 มี.ค.64 รวม 393 จุด วันที่ 1 ม.ค.- 4 มี.ค.65 รวม 15 จุด จุดความร้อนที่เกิดขึ้นคิดเป็นร้อยละ 1.64 ของจุดความร้อนทั้งหมดในปี 2564 (รวม 915 จุด)
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,5/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220305132644738 กอนช. ขอให้ประชาชนหลายพื้นที่ทั่วประเทศระวังฝนตก โดยเฉพาะภาคใต้ที่ยังเกิดน้ำท่วมขังอยู่และเร่งช่วยเหลือประชาชน,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนหลายพื้นที่ทั่วประเทศระวังฝนตก โดยเฉพาะภาคใต้ที่ยังเกิดน้ำท่วมขังอยู่และเร่งช่วยเหลือประชาชน
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (5 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนอากาศร้อนในตอนกลางวันและมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ จ.ภูเก็ต 72 มิลลิเมตร , พังงา 65 มิลลิเมตร และสุราษฎร์ธานี 52 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 30,373 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 52 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 24,266 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 51 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 5 แห่ง คือ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล อ่างเก็บน้ำแม่จาง และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนและแม่กลองมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ำด้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย พร้อมช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยา ส่วนใหญ่ระดับน้ำลดลงต่อเนื่องและเริ่มคลี่คลาย แต่ยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำจังหวัดปัตตานีรวม 4 อำเภอ 16 ตำบล 31 หมู่บ้าน 2,604 ครัวเรือน อย่างสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดนราธิวาส ทำการเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำโก-ลก ทุกบานและได้สูบน้ำออกจากชุมชนระบายน้ำออกจากชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก ส่วนศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 12 สงขลา สนับสนุนเครื่องสูบน้ำระยะไกลเข้ามาช่วยสูบน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก ซึ่งระบายน้ำออกได้ทั้งหมดตั้งแต่เมื่อวานนี้ (4 มี.ค.65)
สำหรับพื้นที่ตำบลมูโนะ สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยภาครัฐเตรียมแผนฟื้นฟูช่วยเหลือตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคมเป็นต้นไป และได้จัดเจ้าหน้าที่ อส. ของอำเภอสุไหงโก-ลก ร่วมกับทุกภาคส่วนเข้าช่วยทำความสะอาด พร้อมทั้ง ขนย้ายสิ่งของและซ่อมแซมบ้านเรือน
ส่วนพื้นที่จังหวัดปัตตานี พบแม่น้ำปัตตานีมีแนวโน้มลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมตลิ่งบางแห่ง โดยกรมชลประทานได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ ซึ่งทั้ง 7 จังหวัดภาคใต้ที่ประสบอุทกภัยแต่ละจังหวัดจะเร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านเรือนของประชาชน ปศุสัตว์ และพื้นที่ทางการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย แล้วให้การช่วยเหลือตามระเบียบราชการในพื้นที่ประสบภัยพิบัติต่อไป
",5/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220305142637750 ค่าฝุ่น PM 2.5 ใน กทม.และปริมณฑลปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ส่วนภาคเหนือเกินมาตรฐานระดับสีแดง 1 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ จ.แม่ฮ่องสอน,ค่าฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ส่วนภาคเหนือเกินมาตรฐานระดับสีแดง 1 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (5 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงปานกลาง โดยค่าฝุ่นปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัดช่วยลดการสะสมของฝุ่นลงได้ ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 6 - 8 มีนาคม แต่ช่วงวันที่ 9 - 10 มีนาคม ควรเฝ้าระวังและควบคุมการเผาในจังหวัดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอย่างใกล้ชิด เพราะมีโอกาสส่งผลกระทบให้กรุงเทพมหานครและปริมณฑลบางพื้นที่มีค่าเกินมาตรฐานได้
ขณะที่ค่าฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นเกินมาตรฐานหลายพื้นที่ โดยสูงระดับสีแดง 1 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 6 - 8 มีนาคม แต่ช่วงวันที่ 9 - 11 มีนาคม ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษฝุ่นมีแนวโน้มสูงขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ขณะเดียวกันจังหวัดแม่ฮ่องสอนควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษจนถึงวันที่ 8 มีนาคมนี้
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
,5/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220305142928753 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลง ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังกระทบไทย,"สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลง ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังกระทบประเทศไทย
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (4 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 519 จุด ลดลงจากวันก่อน 176 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่เกษตร 150 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 134 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 93 จุด // พื้นที่เขตสปก. 83 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 55 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 4 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุด คือ แม่ฮ่องสอน 40 จุด , ชัยภูมิ 36 จุด และนครราชสีมา 33 จุด โดยจุดความร้อนมีการกระจายตัวเบาบางลง แต่ยังพบมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คาดว่า จะเกิดจากการเผาเพื่อเตรียมพื้นที่การเกษตร ส่งผลให้วันนี้หลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีคุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และประชาชนควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 4 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 9,143 จุด , ภาคเหนือ 7,543 จุด และภาคกลาง 4,852 จุด
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาติดต่อกัน 6 วัน 2,947 จุด รองลงมาเป็น สปป.ลาว 1,626 จุด และกัมพูชา 1,459 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องค่อนข้างหน้าเป็นห่วงอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในประเทศ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",5/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220305144736758 สภาพน้ำทะเลระยองอยู่ในเกณฑ์ปกติและไม่พบคราบฟิล์มน้ำมัน ยกเว้นยังพบก้อนสีดำคล้ายถ่านบริเวณหาดแม่รำพึง,"สภาพน้ำทะเลจังหวัดระยองอยู่ในเกณฑ์ปกติและไม่พบคราบฟิล์มน้ำมัน ยกเว้นยังพบก้อนสีดำคล้ายถ่านบริเวณหาดแม่รำพึง
นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 (ระยอง) ยังคงเดินสำรวจชายหาดเพื่อตรวจติดตามผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วในทะเลมาบตาพุดตามเส้นทางการแพร่กระจาย 3 เส้นทาง คือ หาดแม่รำพึง ตั้งแต่บ้านคลองกะเฌอ สถานีอุตุนิยมวิทยา-บ้านก้นอ่าว ระยะทาง 9 กิโลเมตร พบบริเวณลานหินขาวพบก้อนสีดำคล้ายยางมะตอย ระยะ 300 เมตร // หน้าศาลเจ้าแม่ทับทิม สถานีรายงานบ้านเพ (ทอ.) พบผงสีดำคล้ายถ่าน 200 เมตร และสุดท้าย บริเวณบ้านเพ-ท่าเรือแกลง ระยะทาง 5.43 กิโลเมตร พบสภาพปกติและทุกเส้นทางไม่พบคราบน้ำมันบนชายหาด ขณะเดียวกันยังได้นำเรือ ทช.111 , ทช.221 , ทช.302 และ ทช.311 ตรวจติดตามและเฝ้าระวังคราบน้ำมันจากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วในทะเลมาบตาพุด 4 พื้นที่ คือ พื้นที่เขาแหลมหญ้า-รอบเกาะเสม็ดและพื้นที่ใกล้เคียง ระยะทาง 66 กิโลเมตร // หาดแม่รำพึง-เกาะสะเก็ด นอกฝั่ง ระยะทาง 117 กิโลเมตร // หาดแม่รำพึง-เกาะสะเก็ด เลียบชายฝั่ง ระยะทาง 135 กิโลเมตร และสุดท้าย หาดแม่รำพึง-เขาแหลมหญ้า-อ่าวเพ-ปากคลองแกลง ระยะทาง 80 กิโลเมตร ภาพรวมทุกเส้นทางไม่พบคราบน้ำมันในทะเล
",5/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220305150914763 คพ. เร่งแจ้งเตือนโรงน้ำแข็งและห้องเย็นป้องกันก๊าซแอมโมเนียรั่วไหลช่วงฤดูร้อน ที่มีการผลิตสูงตามความต้องการของประชาชน,กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เร่งแจ้งเตือนโรงน้ำแข็งและห้องเย็นป้องกันก๊าซแอมโมเนียรั่วไหลช่วงฤดูร้อน ที่มีการผลิตสูงตามความต้องการของประชาชน
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า จากสถิติการเกิดอุบัติภัยจากสารเคมีพบมีเหตุรั่วไหลของก๊าซแอมโมเนียจากโรงงานผลิตน้ำแข็งและห้องเย็นอยู่บ่อยครั้ง อย่างช่วงต้นปีนี้เกิดขึ้นแล้ว 3 ครั้งที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ส่วนกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 6 มกราคม และวันที่ 8 กุมภาพันธ์ โดยอาจจะเกิดขึ้นช่วงฤดูร้อนที่มีความต้องการบริโภคน้ำแข็งมากกว่าช่วงเวลาอื่นๆ จึงอยากแจ้งเตือนผู้ประกอบการ หากเร่งกำลังการผลิตมากขึ้นจะทำให้ระบบทำความเย็นทำงานหนักและเพิ่มความเสี่ยงการรั่วไหลของก๊าซแอมโมเนีย หรืออาจเกิดจากความบกพร่องของอุปกรณ์ เพราะก๊าซแอมโมเนียจะมีความเป็นพิษต่อระบบการหายใจของประชาชนทั้งที่ปฏิบัติงานอยู่บริเวณที่รั่วไหลและที่พักอาศัยบริเวณใกล้เคียง ทั้งนี้ คพ. ได้มอบหมาย สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 - 16 ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่แจ้งเตือนผู้ประกอบการโรงงานผลิตน้ำแข็งและห้องเย็นในการตรวจสอบระบบและวัสดุอุปกรณ์ให้เพิ่มความระมัดระวังการประกอบกิจการช่วงฤดูร้อน ควบคู่กับได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น ERG4Thai หรือแอพพลิเคชั่นคู่มือการระงับอุบัติภัยเบื้องต้นจากวัตถุอันตราย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนการกู้ภัย เช่น ความเป็นอันตรายจากการรับสัมผัสทางการหายใจ ผิวหนัง และดวงตา // การดำเนินการเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน อย่างเพลิงไหม้ การรั่วไหล // การปฐมพยาบาลเบื้องต้น และแนวทางการพิจารณาอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เกิดเหตุ สามารถดาวน์โหลดได้ในระบบปฏิบัติการ Android iOS และเว็บไซต์ที่ www.erg4Thai หากมีข้อสงสัยประการใดหรือต้องการคำปรึกษาโทรศัพท์สายด่วน 1650 ตลอด 24 ชั่วโมง
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวย้ำว่า การรั่วไหลของแอมโมเนีย ส่วนใหญ่สาเหตุหลักจากความบกพร่อง ความชำรุดของอุปกรณ์ เช่น รอยรั่วของท่อขนส่ง ข้อต่อ วาล์ว หรือเกิดระหว่างการบำรุงรักษาระบบ เนื่องจากแอมโมเนียสามารถรวมตัวกับน้ำและความชื้นภายในโรงงานเกิดเป็นแอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ ที่มีความเป็นด่างสูงสามารถกัดกร่อนระบบท่อส่งก๊าซและวาล์วทำให้เกิดรอยรั่วได้ รวมทั้ง อาจเกิดจากการจัดเก็บภาชนะบรรจุแอมโมเนียที่ไม่เหมาะสม เช่น ไม่มีการจัดพื้นที่สำหรับการเก็บสารเคมีโดยเฉพาะ ไม่มีการติดป้ายสัญลักษณ์เตือนอันตราย ประกอบกับ ส่วนใหญ่โรงงานน้ำแข็งเป็นกิจการเก่าแก่และตั้งอยู่ในชุมชน ทำให้การรั่วไหลของก๊าซแอมโมเนียที่มีความเป็นพิษต่อระบบการหายใจ จึงเกิดผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนจำนวนมาก หากมีน้ำเสียจากการดับเพลิง หรือการดักจับก๊าซแอมโมเนียถูกปล่อยสู่แหล่งน้ำสาธารณะ ทำให้ปลาและสัตว์น้ำตายได้ เนื่องจากแอมโมเนียมีความเป็นพิษต่อสัตว์น้ำและปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ำลดลง
,5/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220305155500774 จังหวัดกระบี่จัดงาน กล้วยไม้สัญจร พฤกษาอันดามัน จังหวัดกระบี่ ช่วยเหลือเกษตรกร ให้มีรายได้ผู้ได้รับผลกระทบโควิด-19,"นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มอบหมายให้ นายเกียรติศักดิ์ นารีเลิศ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดงาน กล้วยไม้สัญจร พฤกษาอันดามัน จังหวัดกระบี่ โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน และมี นายวัชรพงศ์ พันธุ์แตง ผู้บริหารงาน สหกรณ์ผู้ประกอบการกล้วยไม้ไทย จำกัด ให้การต้อนรับและกล่าวรายงาน ณ ลานสนามหน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่ เพื่อเป็นการสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ ได้มีช่องทางระบายผลผลิต ขยายช่องทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น และช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของกลุ่มสหกรณ์ผู้ประกอบการกล้วยไม้ไทย รวมถึงประชาสัมพันธ์กล้วยไม้ให้เป็นที่รู้จัก อย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น โดยได้กำหนดขึ้นระหว่างวันที่ 4-13 มีนาคม 2565
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีแนวทางในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ในต้านต่างๆ ได้แก่ ด้านการตลาด การขยายตลาดในประเทศ โดยขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจทุกหน่วยงาน ให้ช่วยกันส่งเสริมและสนับสนุนการใช้กล้วยไม้ไทยในโอกาสต่างๆ และประชาสัมพันธ์ขยายช่องทางการตลาดสำหรับสินค้ากล้วยไม้ จัดนิทรรศการส่งเสริมการใช้กล้วยไม้ ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค รวมถึงการจัดงานกล้วยไม้สัญจร ของสหกรณ์ผู้ประกอบการ กล้วยไม้ไทย จำกัด การจัดงาน ""กล้วยไม้สัญจร พฤกษาอันดามัน จังหวัดกระบี่"" ในครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งหนทาง เพื่อช่วยเหลือสมาชิก ด้านเงินทุนในการประกอบอาชีพจัดหาวัสดุอุปกรณ์มาจำหน่ายแก่สมาชิก รวบรวมผลผลิตจากสมาชิกเพื่อจำหน่าย ตลอดจนการเผยแพร่ความรู้ด้านวิชาการ เพื่อพัฒนาคุณภาพของกลัวยไม้ ให้ตรงตาม ความต้องการของผู้บริโภค
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ส่งผลให้ผู้ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ได้รับผลกระทบโดยตรงในด้านราคาของกล้วยไม้ตกต่ำ และไม่สามารถจำหน่ายกล้วยไม้ให้กับผู้บริโภค ทั้งในและต่างประเทศได้ แต่เกษตรกรผู้ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ยังคงต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ดอก และต้นกล้วยไม้ เช่น ค่าแรงงาน ค่าปุ๋ย ค่าสารเคมี เป็นต้น เพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จัก และใช้กล้วยไม้เพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดให้กลับผู้บริโภคได้รับรู้ และสามารถใช้กล้วยไม้ ในกิจกรรมต่างๆ เพิ่มมากขึ้น สหกรณ์ผู้ประกอบการกล้วยไม้ไทยจำกัด เห็นว่าการจัดงานกล้วยไม้สัญจรในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีความพร้อม และสามารถจัดงานแสดงกล้วยไม้ได้ เพื่อนำกล้วยไม้มาแสดงให้เห็นถึงความสวยงามสามารถนำกล้วยไม้มาใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย และจำหน่ายให้กับประชาชนในจังหวัดกระบี่ เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ ให้มีรายได้จากการประกอบอาชีพเพิ่มขึ้น
สหกรณ์ผู้ประกอบการกล้วยไม้ไทย จำกัด จัดตั้งและจดทะเบียนเป็นสหกรณ์ประเภทสหกรณ์การเกษตร เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553 อยู่ที่ตำบลหนองนกไข่ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ปัจจุบันสหกรณ์ผู้ประกอบการกล้วยไม้ไทยจำกัด มีสมาชิกจำนวน 651 คน มีการดำเนินงานรวม 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร/นครปฐม/ราชบุรี/กาญจนบุรี/นนทบุรี/สุพรรณบุรี/ปทุมธานี/พระนครศรีอยุธยา และกรุงเทพฯ มีพื้นที่เพาะปลูกกลัวยไม้ของสมาชิกทั้งสิ้นประมาณ 21,000 ไร่ การบริหารงานของสหกรณ์ มีคณะกรรมการดำเนินงานจำนวน 15 คน โดยมี นายพยงค์ คงอุดมทรัพย์ เป็นประธานกรรมการ ทั้งนี้การจัดกิจกรรมจัดภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และตามประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อของจังหวัดกระบี่อย่างเคร่งครัด
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",5/3/2022,ภาคใต้,กระบี่,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220305222442849 ปภ.ระยองรายงานสถานการณ์ภาพรวมการเฝ้าระวังคราบน้ำมันกลางทะเล ส่วน สทช.1 ระยอง พบก้อนคล้ายยางมะตอยและผงคล้ายถ่าน 2 จุด,"วันที่ 5 มีนาคม 2565 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง เผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง กรณีคราบน้ำมันดิบรั่วไหล โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยองแจ้งว่าวันนี้ เมื่อเวลา 13.30 น. เรือ UNIWISE RAYONG เริ่มปฏิบัติงานใต้น้ำ ส่งนักประดาน้ำลงไปซ่อมทำตัวท่อด้วยการพันและอุดรอยรั่วของท่อน้ำมัน โดยจะปฏิบัติงานถึงเวลา 17.00 น. และจะเริ่มงานอีกครั้งในวันที่ 6 มี.ค.65 ซึ่งจากการสังเกตการณ์ของการปฏิบัติงานในพื้นที่ ไม่พบคราบและกลิ่นน้ำมันรั่วไหลออกมาในพื้นที่ดังกล่าว เหตุการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนหาดแหลมรุ่งเรือง และท่าเรือ IRPC ไม่พบคราบน้ำมัน ด้านการช่วยเหลือบริษัท SPRC จะดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือ กลุ่มประมงจำนวน 300 ราย ที่สำนักงานเทศบาลตำบลบ้านเพ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ในวันที่ 7 มี.ค.65 09.00 น. เป็นต้นไป ส่วนการเฝ้าระวังในพื้นที่นี้บริษัทได้ทำหน้าที่อย่างต่อเนื่องยังไม่พบความผิดปกติ
ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รายงานว่าไม่พบกลิ่น คราบ และฟิล์มน้ำมันดิบ แต่สทช.1 ระยอง รายงานว่า พบก้อนสีดำคล้ายยางมะตอย 1 จุด ตรงบริเวณลานหินขาวฯ พบก้อนสีดำคล้ายยางมะตอย ระยะทาง 300 เมตร และผงสีดำคล้ายถ่านอีก 1 จุด ที่บริเวณหน้าศาลเจ้าแม่ทับทิมสถานีรายงานบ้านเพ (ทอ.) ระยะทาง 200 เมตร
ส่วนการยื่นเรื่องร้องทุกข์ของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.65 จนถึงปัจจุบันมียอดรวมทั้งสิ้น จำนวน 11,988 ราย ผู้ได้รับผลกระทบที่ยังไม่ได้มายื่นเรื่องร้องทุกข์จากกรณีเหตุน้ำมันดิบรั่วกลางทะเลสามารถติดต่อบริษัทโดยตรงที่ศูนย์สื่อสาร บริษัท SPRC โทร 038-699881
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",5/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220305234520852 อนุมัติเงินส่วนต่างประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 256465 รอบที่ 1 งวดที่ 21 ชดเชยข้าว 4 ชนิด ,"นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้อนุมัติราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2564/65 รอบที่ 1 งวดที่ 21 โดยมีมติจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2564/65 ที่ระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยว ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 ถึงวันที่ 3 มีนาคม 2565 จำนวน 4 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ชดเชยตันละ 2,013.70 บาท เกษตรกรจะได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 32,219.20 บาท / ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ชดเชยตันละ 715.90 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 17,897.50 บาท / ข้าวเปลือกเจ้า ชดเชยตันละ 1,720.48 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 51,614.40 บาท / และข้าวเปลือกเหนียว ชดเชยตันละ 2,314.88 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 37,038.08 บาท โดยมีเกษตรกรได้รับชดเชยตามข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตรงวดนี้ จำนวน 12,548 ครัวเรือน ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่ต้องจ่ายชดเชยแล้ว เพราะสิ้นสุดฤดูกาลเก็บเกี่ยว
เกษตรกรจะได้รับเงินส่วนต่างประกันรายได้ เข้าบัญชีของเกษตรกรโดยตรง โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. จะดำเนินการโอนเงินภายในสัปดาห์หน้านี้ไม่เกินวันพุธ ขณะที่โครงการประกันรายได้พืชชนิดอื่น เช่น ข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน ยางพารา และมันสำปะหลัง ไม่ต้องจ่ายส่วนต่าง เนื่องจากราคาสูงกว่าที่ประกันรายได้ไว้
",6/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220306213330022 ธ.ก.ส. โอนเงินค่าสินไหมประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ บรรเทาความเสียหาย ,"
นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้ใช้ระบบการประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อเป็นเครื่องมือคุ้มครองความเสียหายจากกรณีเกิดภัยธรรมชาติ ช่วยเหลือเกษตรกรในการสร้างภูมิคุ้มกันและบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการผลิต โดยมีเป้าหมายในการทำประกันภัยบนพื้นที่การเกษตรทั่วประเทศกว่า 46 ล้านไร่ คุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติ 7 ภัย ได้แก่ น้ำท่วม ภัยแล้ง ลมพายุ ภัยหนาว ลูกเห็บ ไฟไหม้ และช้างป่า ปัจจุบันได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนประกันภัยข้าวนาปีไปแล้ว จำนวน 12 ครั้ง เป็นเงินกว่า 1,522 ล้านบาท พื้นที่เสียหาย 1.2 ล้านไร่ ขณะที่ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน 8 ครั้ง เป็นเงิน 34 ล้านบาท พื้นที่เสียหาย 22,945 ไร่ มีเกษตรกรได้รับประโยชน์รวมกว่า 113,931 ราย
สำหรับโครงการประกันภัยข้าวนาปี ให้วงเงินคุ้มครองจำนวน 1,260 บาทต่อไร่ ส่วนโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 1,500 บาทต่อไร่ เมื่อเกษตรกรผู้ทำประกันภัยได้รับความเสียหาย และแจ้งความเสียหายที่สำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ เพื่อประเมินความเสียหาย และจะได้รับการพิจารณาจ่ายค่าสินไหมภายใน 15 วัน เข้าบัญชีเงินฝากของเกษตรกรโดยตรง
ปีการผลิต 2564 มีเกษตรกรให้ความสนใจทำประกันภัยข้าวนาปี จำนวน 3.59 ล้านราย พื้นที่การเกษตรกว่า 43 ล้านไร่ และประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน 96,620 ราย พื้นที่การเกษตรกว่า 1.5 ล้านไร่ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการผลิตได้เป็นอย่างดี โอกาสนี้ ธ.ก.ส.ขอเชิญชวนเกษตรกรเข้าร่วมโครงการดังกล่าว เพราะจะเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะในสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศโลกที่มีแนวโน้มรุนแรงและมีความถี่มากขึ้น
",6/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220306213151021 วันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ครบรอบ 47 ปี,
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ถือเป็นหน่วยงานสำคัญ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ช่วยดูแลประชาชนที่เป็นเกษตรกรให้มีโอกาสในการถือครองที่ดินเพื่อยังชีพ ช่วยเหลือเกษตรกรมี่ไม่มีที่ดินทำกิน หรือมีแต่ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพโดยการจัดสรรที่ดินทำกิน ปรับปรุงสิทธิและการถือครองที่ดิน รวมถึงคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม การตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กระจายการถือครองที่ดินอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมพร้อมรักษาพื้นที่เกษตรกรรมของประเทศ
ทั้งนี้ขอฝาก ส.ป.ก. เร่งรัดการจัดที่ดินให้แก่เกษตรกรที่ขาดแคลนที่ดินทำกิน พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรที่เหมาะสมมาใช้ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สร้างแหล่งน้ำพร้อมระบบกระจายน้ำให้ทั่วถึงกับความต้องการของเกษตรกร ภายใต้การบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ตามนโยบายของรัฐบาล หรือคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) รวมถึงปรับปรุงกฎหมายและระเบียบให้สอดคล้องกับสถานการณ์ท้าทายต่อการปฏิรูปที่ดิน ทั้งสถานการณ์เกษตรสูงวัย พลวัตการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน รวมถึงการดำเนินงานอย่างเป็นธรรมต่อเกษตรกร โดยยังคงเจตนารมณ์ในการรักษาคุ้มครองที่ดินเกษตรกรรมให้คงอยู่ตลอดไป
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนหลายพื้นที่ทั่วประเทศระวังฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะภาคใต้ที่ยังเกิดน้ำท่วมขังอยู่ พร้อมเตรียมแผนลดผลกระทบที่รุนแรงจากพายุฤดูร้อนบริเวณตอนบนของประเทศลง
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (6 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางพื้นที่ ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ จ.กระบี่ 62 มิลลิเมตร , พังงา 63 มิลลิเมตร และสุราษฎร์ธานี 62 มิลลิเมตร โดยกรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดหมายลักษณะอากาศช่วงวันที่ 6 - 8 มีนาคม บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ทำให้ กอนช. ได้ประสานกรมฝนหลวงและการบินเกษตร พิจารณาปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อลดความรุนแรงของผลกระทบจากพายุฤดูร้อนบริเวณภาคเหนือช่วงเวลาดังกล่าว ขณะที่ปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 30,229 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 52 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 24,134 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 50 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนและแม่กลองมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ยังได้ติดตามระดับน้ำในแม่น้ำโขง เนื่องจากการเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนจิ่งหง หลังคาดการณ์และแจ้งเตือนระดับน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันช่วงวันที่ 4 - 5 มีนาคมที่ผ่านมาช่วงเหนือเขื่อนไซยะบุรี สปป.ลาว บริเวณสถานีเชียงแสน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ระดับน้ำแม่น้ำโขงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น พบว่าเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ระดับน้ำบริเวณสถานีเชียงแสนระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากวันที่ 3 มีนาคม 50 เซนติเมตร แล้วมีแนวโน้มระดับน้ำยังคงเพิ่มขึ้น แต่ยังคงต่ำกว่าระดับตลิ่ง ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้ง 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขง คือ เชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี เตรียมพร้อมรับมือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากระดับน้ำโขงเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันและแจ้งเตือนประชาชนเพิ่มความระมัดระวังการสัญจรและประกอบกิจกรรมบริเวณแม่น้ำโขง รวมถึง ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดด้วย
",6/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220306121031888 ปศุสัตว์จังหวัดแพร่ นำทีมออกปฏิบัติงานฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อยในโคนม รอบที่ 2 ปี 2565,สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดแพร่ นำทีมออกปฏิบัติงานฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อยในโคนม รอบที่ 2 ปี 2565 ในพื้นที่อำเภอเมืองและอำเภอหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่ เป้าหมาย โคนม 320 ตัว
นายสัตวแพทย์ ดร.สมพร พรวิเศษศิริกุล ปศุสัตว์จังหวัดแพร่ เปิดเผยว่า โรคปากและเท้าเปื่อยในโคนม เป็นเรื่องที่กรมปศุสัตว์ได้ให้ความสำคัญและดำเนินการติดตามการเกิดโรคอย่างต่อเนื่อง โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส เอฟ เอ็ม ดี (FMD) ที่พบในประเทศไทย มี 3 ไทป์ คือ โอ (O) เอ (A) และเอเชียวัน (Asia I) เชื้อทั้ง 3 ไทป์นี้จะทำให้สัตว์ป่วยแสดงอาการเหมือนกัน แต่ไม่สามารถให้ภูมิคุ้มกันต่างไทป์ได้ โรคนี้มีระยะฟักตัว ประมาณ 2-8 วัน โคที่เป็นโรคนี้จะมีอาการไข้ ซึม เบื่ออาหาร หลังจากนั้นจะมีเม็ดตุ่มพอง เกิดที่ริมฝีปากในช่องปาก เช่น เหงือกและลิ้น ทำให้น้ำลายไหล กินอาหารไม่ได้ และเกิดเม็ดตุ่มที่ระหว่างช่องกีบเท้า ทำให้เจ็บ เดินกะเผลก เมื่อเม็ดตุ่มแตกออกอาจมีเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย ทำให้แผลหายช้าขณะที่โคเป็นโรคจะผอมน้ำนมจะลดลงอย่างมาก
ปศุสัตว์จังหวัดแพร่ จึงส่งทีมเจ้าหน้าที่ นำโดยนายจิรัฎฐ์ ทะนันชัย นายสัตวแพทย์ชำนาญการ นางปิยะวดี นุ่มนวล นายสัตวแพทย์ชำนาญการ นายชัยเชษฐ์ ธงสิบเอ็ด สัตวแพทย์ชำนาญงาน นายเทวิน ต้นฟู เจ้าพนักงานสัตวบาล และนายธีระวุฒิ วงศ์ดาว ปฏิบัติงานฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อยในโคนม รอบรณรงค์ที่ 2/2565 ในพื้นที่อำเภอเมืองแพร่ และอำเภอหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่ โดยมีเป้าหมาย โคนม 320 ตัว
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,6/3/2022,ภาคเหนือ,แพร่,สวท.แพร่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220306122837894 ค่าฝุ่น PM 2.5 ใน กทม. และปริมณฑลปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ส่วนภาคเหนือเกินมาตรฐานระดับสีส้ม 8 พื้นที่ โดยสูงสุดบริเวณ ต.จองคำ จ.แม่ฮ่องสอน,"ค่าฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ส่วนภาคเหนือเกินมาตรฐานระดับสีส้ม 8 พื้นที่ โดยสูงสุดบริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (6 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงปานกลาง โดยค่าฝุ่นปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัดช่วยลดการสะสมของฝุ่นลงได้ ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 7 - 8 มีนาคม และวันที่ 11 - 13 มีนาคม แต่ช่วงวันที่ 9 - 10 มีนาคม ควรเฝ้าระวังและควบคุมการเผาในจังหวัดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอย่างใกล้ชิด เพราะมีโอกาสส่งผลกระทบให้กรุงเทพมหานครและปริมณฑลบางพื้นที่มีค่าเกินมาตรฐานได้
ขณะที่ค่าฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นปรับตัวลดลงแต่ยังเกินมาตรฐานหลายพื้นที่ โดยสูงระดับสีส้ม 8 พื้นที่ คือ ต.เวียง อ.เมือง จ.เชียงราย , ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน , ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน , ต.บ้านต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา , ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย , ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก , ต.ธานี อ.เมือง จ.สุโขทัย และ ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 7 - 8 มีนาคม แต่ช่วงวันที่ 9 - 11 มีนาคม ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษฝุ่นมีแนวโน้มสูงขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
",6/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220306122608892 สภาพน้ำทะเลระยองอยู่ในเกณฑ์ปกติและไม่พบคราบฟิล์มน้ำมัน ยกเว้นยังพบก้อนน้ำมันบริเวณหาดแม่รำพึงแต่พบน้อยลง,สภาพน้ำทะเลจังหวัดระยองอยู่ในเกณฑ์ปกติและไม่พบคราบฟิล์มน้ำมัน ยกเว้นยังพบก้อนน้ำมันบริเวณหาดแม่รำพึงแต่พบน้อยลง
นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก ได้ตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง หลังพบก้อนน้ำมันในพื้นที่หาดแม่รำพึงบริเวณลานหินขาวพบก้อนน้ำมัน ระยะทาง 300 เมตร จากการสำรวจชายหาดแม่รำพึงตั้งแต่ศาลเจ้าแม่รำพึงถึงก้นอ่าว ระยะทางประมาณ 9.5 กิโลเมตร พบสภาพน้ำทะเลเป็นปกติและไม่พบคราบฟิล์มน้ำมันในน้ำทะเล พร้อมสุ่มเก็บตัวอย่างก้อนน้ำมัน 4 จุด บริเวณสะพานท่าเรือตะพง คลองหัวรถ ลานหินขาว และก้นอ่าว ซึ่งการสำรวจบริเวณสะพานท่าเรือตะพงและคลองหัวรถไม่พบก้อนน้ำมัน ส่วนบริเวณลานหินขาวและก้นอ่าวพบก้อนน้ำมัน ระยะทางประมาณ 100 เมตร ส่วนการตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมทางทะเลบริเวณชายหาดสุชาดา หาดแสงจันทร์ อ่าวบ้านเพ และหาดสวนสน พบทุกแห่งมีสภาพน้ำทะเลเป็นปกติ ไม่พบคราบฟิล์มน้ำมันในน้ำทะเล และไม่พบก้อนน้ำมัน
สำหรับการตรวจวัดคุณภาพน้ำทั่วไปพบผลอยู่ในเกณฑ์ปกติตามมาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลประเภทที่ 4 เพื่อการนันทนาการ พร้อมได้เก็บตัวอย่างน้ำทะเลและดินตะกอนบริเวณสถานีเก็บตัวอย่างก้อนน้ำมันดิน เพื่อวิเคราะห์หาค่าการปนเปื้อนปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอนด้วย
,6/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220306131438896 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลง ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังกระทบไทย,"สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลง ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังกระทบประเทศไทย
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (5 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 493 จุด ลดลงจากวันก่อนเล็กน้อย พบมากที่สุดในพื้นที่เกษตร 133 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 121 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 119 จุด // พื้นที่เขตสปก. 72 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 42 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 6 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุด คือ แม่ฮ่องสอน 80 จุด , เชียงใหม่ 36 จุด และกาญจนบุรี 29 จุด โดยจุดความร้อนยังคงกระจายตัวอยู่ในพื้นที่หลายจังหวัด โดยเฉพาะภาคเหนือบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน สอดคล้องกับเหตุการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นช่วง 1 - 2 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้วันนี้หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือมีคุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยประชาชนควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 5 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 9,328 จุด , ภาคเหนือ 7,705 จุด และภาคกลาง 4,940 จุด
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาติดต่อกัน 7 วัน 2,576 จุด รองลงมาเป็น สปป.ลาว 1,594 จุด และประเทศไทย 493 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องค่อนข้างหน้าเป็นห่วงอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในประเทศ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",6/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220306133213897 เกษตรกรพอใจ ประชาชนชมงานอัจฉริยะนวัตกรรมเกษตรอย่างคึกคัก,ตลอดทั้งวัน (6 มี.ค.65) ประชาชนเดินทางมาร่วมงานอัจฉริยะนวัตกรรมเกษตร ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดปทุมธานี วันสุดท้ายกันอย่างคึกคัก ซึ่งจัดตั้งแต่วันที่ 5 จนถึงวันที่ 6 มีนาคม 2565 ภายในงานยังมีการจำหน่ายพันธุ์ไม้มากกว่า 200 สายพันธุ์ พร้อมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรมาให้คำแนะนำในเรื่องของการดูแลต้นไม้และผลผลิตให้งอกงาม อีกทั้งยังมีร้านค้าขายสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์และพืชผล จากเกษตรกรทั่วประเทศมาจำหน่ายภายในงาน
หนึ่งในประชาชนที่เข้ามาร่วมงาน กล่าวว่า ชื่นชอบสินค้าภายในงานเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์พื้นบ้านและเป็นสินค้าที่เกษตรกรนำมาขาย
ด้านผู้ประกอบการร้านค้า กล่าวว่า ดีใจที่มีงานดังกล่าวเกิดขึ้น นอกจากจะช่วยสนับสนุนสินค้าจากเกษตรกรแล้ว ยังมีการสอนและให้คำแนะนำเกี่ยวกับพืชผลผลิตต่างๆ อีกด้วย
สำหรับภายในงานอัจฉริยะนวัตกรรมเกษตร ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ จังหวัดปทุมธานี ภายในงานมีการนำนวัตกรรม IOT (Internet of Things) เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ เข้ามาช่วยในด้านการเกษตรถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ผู้ที่มาร่วมงานได้เรียนรู้ รวมทั้งเปิดรอบให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ในอาคารพิพิธภัณฑ์ในหลวงรักเรา ที่นำเสนอพระเกียรติคุณ พระอัจฉริยภาพในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้านการเกษตรอีกด้วย
ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองจังหวัดแม่ฮ่อง รายงานสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำวันที่ 6 มีนาคม 2565 ว่าพบจุดความร้อนประจำวันที่ 5 มีนาคม 2565 จำนวน 80 จุด
จุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 5 มีนาคม 2565 จำนวน 1,108 จุด สูงสุดที่อำเภอปาย จำนวน 388 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 755 จุด จุดความร้อนสะสมช่วงประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ยกเว้นพื้นที่ตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ - 5 มีนาคม 2565 จำนวน 441 จุด สูงสุดที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จำนวน 197 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 313 จุด
ในส่วนของคุณภาพอากาศประจำวันที่ 6 มีนาคม 2565 ค่า PM2.5 ณ สถานีตรวจวัดอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เท่ากับ 86 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ) และสถานีตรวจวัดอำเภอแม่สะเรียง เท่ากับ 33 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับดี)
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",6/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220306204656005 ปภ.ระยองรายงานสถานการณ์ภาพรวมการเฝ้าระวังคราบน้ำมันกลางทะเล ยังคงมีก้อนดำคล้ายยางมะตอยและผงคล้ายถ่านที่จุดเดิม ส่วนกรณีพบเต่าป่วยอยู่ในระหว่างการรักษา,"วันที่ 6 มีนาคม 2565 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง สรุปการดำเนินงานกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง กรณีคราบน้ำมันดิบรั่วไหล โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยองแจ้งว่าวันนี้ เมื่อเวลา 13.30 น. น.เรือ UNIWISE RAYONG เริ่มปฏิบัติงานใต้น้ำ ส่งนักประดาน้ำลงไปซ่อมทำตัวท่อด้วยการพันและอุดรอยรั่วของท่อน้ำมัน โดยจะปฏิบัติงานถึงเวลา 17.00 น. และจะเริ่มงานอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจากการสังเกตการณ์ของการปฏิบัติงานในพื้นที่ ไม่พบคราบและกลิ่นน้ำมันรั่วไหลออกมาในพื้นที่ดังกล่าว เหตุการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ด้านการช่วยเหลือบริษัท SPRC จะดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือกลุ่มประมงจำนวน 300 ราย ที่สำนักงานเทศบาลตำบลบ้านเพ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ในวันที่ 7 มีนาคม 2565 เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป
ส่วนการเฝ้าระวังในพื้นที่นี้บริษัทได้ทำหน้าที่อย่างต่อเนื่องยังไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด เช่นเดียวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รายงานว่าไม่พบกลิ่น คราบ และฟิล์มน้ำมันดิบ ขณะที่ สทช.1 ระยอง รายงานว่า ยังพบก้อนสีดำคล้ายยางมะตอย 1 จุด ตรงบริเวณลานหินขาวฯ พบก้อนสีดำคล้ายยางมะตอย ระยะ 300 เมตร และผงสีดำคล้ายถ่านอีก 1 จุด ที่บริเวณหน้าศาลเจ้าแม่ทับทิมสถานีรายงานบ้านเพ (ทอ.) ระยะ 200 เมตร ส่วนเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งระยอง ได้แจ้งถึงกรณีมีชาวประมงพบเต่าทะเลป่วยลอยอยู่กลางทะเลใกล้ชายฝั่งมาบตาพุด ทางเจ้าหน้าที่ ศวทอ.เข้าตรวจสอบ พบว่าเป็นเต่าตนุ (Chelonia mydas) ความยาวกว้าง 64 เซนติเมตร ยาว 71 เซนติเมตร น้ำหนัก 30.1 กิโลกรัม ไม่ทราบเพศ อยู่ในช่วงอายุก่อนวัยเจริญพันธุ์ไม่พบหมายเลขไมโครชิพ จากการตรวจร่างกายเบื้องต้นเต่าทะเลตัวดังกล่าวมีความสมบูรณ์ทางโภชนะต่ำ เต่าทะเลมีอาการอ่อนแรงแต่ยังตอบสนองได้ดี มีอาการลอยไม่สามารถดำน้ำได้
เบื้องต้นสัตวแพทย์ได้ทำการเก็บเลือดพบว่าเต่าทะเลมีอาการขาดน้ำ ค่าเม็ดเลือดแดงอัดแน่นและโปรตีนในเลือดค่อนข้างสูงกว่าปกติ ซึ่งเกิดขึ้นได้ในสัตว์ที่ขาดน้ำ โดยการรักษาในเบื้องต้นได้ให้น้ำเกลือเพื่อทดแทนการขาดน้ำ และพักเต่าในน้ำตื้นเพื่อรอผลการวินิจฉัยต่อไป
ส่วนการยื่นเรื่องร้องทุกข์ของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.65 จนถึงปัจจุบันมียอดรวมทั้งสิ้น จำนวน 11,988 ราย ผู้ได้รับผลกระทบสามารถยื่นเรื่องร้องทุกข์จากกรณีเหตุน้ำมันดิบรั่วกลางทะเลได้ที่ที่ศูนย์สื่อสารบริษัท SPRC โทร 038-699881
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
นายรุ่งเรือง ไล้รักษา เกษตรกรแปลงใหญ่สับปะรด ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้มีการรวมกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในพื้นที่ ต.หินเหล็กไฟ จำนวน 30 ราย พื้นที่กว่า 400 ไร่ บริหารจัดการในรูปแบบเกษตรแปลงใหญ่ มีการวางแผนการผลิตร่วมกัน ทำให้สามารถผลิตสินค้าได้คุณภาพมาตรฐานตรงกับความต้องการของตลาดและช่วยลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต
นอกจากนี้ ทางกลุ่มยังมีแนวทางปรับเปลี่ยนเพิ่มพื้นที่ปลูกสับปะรดผลสดพันธุ์เอ็มดีทูทดแทนพื้นที่ปลูกสับปะรดโรงงานพันธุ์ปัตตาเวีย โดยปัจจุบันผลผลิตสับปะรดผลสดยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด รวมถึงขณะนี้กำลังสร้างโรงเก็บรวบรวมผลผลิตสับปะรดผลสด และพัฒนาให้ได้มาตรฐาน GMP เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการส่งออก โดยมีตลาดประเทศจีนให้ความสนใจ ซึ่งจะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้นและช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาด้านราคาจากการที่เกษตรกรปลูกสับปะรดเพื่อส่งเข้าโรงงานแปรรูปเพียงอย่างเดียวภายใต้หลักการตลาดนำการผลิต
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,7/3/2022,ภาคตะวันตก,ประจวบคีรีขันธ์,สวท.ประจวบคีรีขันธ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220307090700041 อนุมัติงบกลางแก้หนี้เกษตรกร พร้อมฟื้นฟูและพัฒนาภาคการเกษตร,"ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้กำหนดให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน จึงได้สั่งการและมอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนภารกิจให้เป็นรูปธรรมอย่างเร่งด่วน โดยคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบกลาง วงเงิน 2,000 ล้านบาทรายการเงินสำรองจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) เพื่อดำเนินการ ดังนี้
- การแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย 3,425 ราย วงเงิน 1,500 ล้านบาท
- การฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร 42,034 ราย 776 องค์กร วงเงิน 267.62 ล้านบาท
- ค่าใช้จ่ายในการบริหารสำนักงานฯ ไตรมาสที่ 3-4 (งบบุคลากร งบดำเนินงาน) วงเงิน 230.38 ล้านบาท
โครงการนี้ จะสามารถลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล รักษาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของเกษตรกรได้มากกว่า 3,425 ราย จำนวน 5,000 ไร่ เกษตรกรได้ประโยชน์ จากการฟื้นฟูอาชีพจำนวน 42,034 ราย จำนวน 776 องค์กร มีโอกาสฟื้นฟูตนเองในการประกอบอาชีพ เพื่อสร้างรายได้นำไปชำระหนี้ตามกำหนด และทำให้เข้าถึงแหล่งทุนเพื่อพัฒนาและฟื้นฟูอาชีพ เพิ่มประสิทธิภาพทางผลผลิต การรวบรวมผลผลิต การแปรรูป การตลาด และพึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคง ยั่งยืน ต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานเกิดวาตภัยในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสกลนคร
ที่อำเภอวานรนิวาส จังหวัดพิจิตร ที่อำเภอทับคล้อและอำเภอดงเจริญ จังหวัดชัยภูมิ ที่อำเภอภูเขียว อำเภอซับใหญ่ อำเภอเกษตรสมบูรณ์ รวมทั้งหมด 6 อำเภอ 13 ตำบล 24 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 159 หลัง ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประสานจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่สำรวจความเสียหาย และให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784 และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
",7/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220307144717208 ประชาชนทั่วทุกภาคเฝ้าระวังพายุฤดูร้อน เกิดฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง มีลูกเห็บตก ,
นางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า จากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน จากความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมอยู่ ส่งผลให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคเหนือ จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นไปจนถึงวันที่ 8 มีนาคม 2565 โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงมีฟ้าผ่าที่จะเกิดขึ้น
สำหรับวันนี้ ( 7 มี.ค.65) จะได้รับผลกระทบทั่วทุกภาคของประเทศไทย รวมถึงกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑล ส่วนในวันที่ 8 มีนาคม 2565 จังหวัดที่จะได้รับผลกระทบ ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก กำแพงเพชร บุรีรัมย์ นครราชสีมา อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น และหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร และติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาได้ทั้งเว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา หรือสายด่วน 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน สานต่ออาชีพการเกษตร ว่า นับแต่เริ่มโครงการมากว่า 2 ปี มีเกษตรกรรุ่นใหม่เข้าร่วมโครงการแล้ว 3,670 คน ปี 2565 ตั้งเป้าจะพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่อีกประมาณ 850 คน ซึ่งแม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่พบว่ากลุ่มเกษตรกรเหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่กลับไปสร้างความเข้มแข็ง ให้บ้านเกิดและเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ที่มีการพัฒนาไปอีกระดับหนึ่งที่ผสานกับเทคโนโลยีเข้ามาช่วยทั้งการผลิตและการตลาด อีกทั้งจะเป็นแรงงานทดแทนเกษตรกรไทยที่เริ่มเข้าสู่ช่วงสูงวัย ซึ่งแต่ละปีจะมีการสำรวจผลสัมฤทธิ์โครงการ
โดยในปี 2564 สำรวจแปลงเกษตร 500 ราย พบว่า มีรายได้จากภาคเกษตรเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า โดยพบว่าก่อนเข้าร่วมโครงการมีรายได้ 7,451 บาทต่อคนต่อปี หลังเข้าร่วมโครงการมีรายได้เฉลี่ย 10,098 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งโครงการนี้ไม่ได้ใช้เงินเป็นหลัก แต่ใช้การสนับสนุนสร้างแรงจูงใจให้เยาวชน คนรุ่นใหม่มองเห็นว่า การเกษตรก็เป็นอาชีพที่มั่นคงได้หากมุ่งมั่นตั้งใจและย้ำในเรื่องการทำน้อยได้มาก
แต่อย่างไรก็ตาม เกษตรกรที่เข้าโครงการนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์จะเข้ามาช่วยเหลือในการเป็นพี่เลี้ยงประสานหน่วยงานเข้ามาให้ความรู้แนะนำการทำการเกษตร ทั้งปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ทำประมง ตามความถนัดและความสนใจของแต่ละคน พร้อมทั้งมีสหกรณ์ในพื้นที่คอยสนับสนุนหาตลาด รับซื้อผลผลิตและจัดหาเงินจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ และพันธมิตรอย่างธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)ที่พร้อมสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับเกษตรกรที่เข้าโครงการนำไปเป็นทุนประกอบอาชีพ เชื่อว่า โครงการนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่สร้างความยั่งยืนภาคการเกษตรของไทยในอนาคต
",7/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220307111115094 "รัฐหนุนแก้หนี้สินภาคเกษตร อนุมัติงบกลาง 2,000 ล้านบาทให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย 3,425 ราย","
รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรได้ผลักดันกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาการเกษตร มาตั้งแต่ ปี 2549 โดยมีหลักสำคัญคือ การแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร และการฟื้นฟูอาชีพให้กับเกษตรกรรายย่อย โดยปัจจุบันมีสมาชิกกองทุนกว่า 5.6 ล้านคน และลงทะเบียนหนี้สินเกษตรกร ทั้งสิ้นกว่า 5 แสนราย รวมเป็นเงินกว่า 1 แสนล้านบาท
สำหรับการแก้ปัญหาหนี้สิน จากเงื่อนไขกองทุนฟื้นฟูฯ ลูกหนี้กว่า 5 หมื่นรายที่เป็นลูกหนี้ของธนาคารของรัฐ 4 แห่งจะได้รับการช่วยเหลือ ซึ่งมีวงเงินกว่า 9,200 กว่าล้าน ขณะที่การฟื้นฟูอาชีพ นั้น ได้วางนโยบายให้ทุกหน่วยในกระทรงเกษตรฯ ช่วยเสริมผลักดันทั้งการฟื้นฟูอาชีพด้านพืข ประมง ปศุสัตวฺ และด้านใหม่ ๆ เช่น ฟิวเจอร์ ฟู้ด
นอกจากนี้ ครม.ได้อนุมัติงบกลาง 2,000 ล้านบาทให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย 3,425 ราย ตามนโยบายและข้อสั่งการของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อย่างเร่งด่วนต่อไป
",7/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,หน่วยงานสำนักข่าว,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220307103246063 จ.นครพนมวันนี้ ค่าดัชนีคุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ,"เวลา 08.00 น. วันที่ 7 มีนาคม 2565 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานค่าฝุ่น PM 2.5 (ค่าเฉลี่ย 24 ชม.) 77 มคก./ลบ.ม. อยู่ในเกณฑ์ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และมีแนวโน้มทรงตัว ค่าฝุ่น PM10 มีค่า 100 มคก./ลบ.ม. อยู่ในเกณฑ์ คุณภาพอากาศปานกลาง ค่ามลพิษที่สำคัญ โอโซน ไนโตรเจนไดออกไซด์, คาร์บอนมอนอกไซด์ และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ อยู่ในเกณฑ์คุณภาพดีมาก ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ(AQI) ของจังหวัดนครพนม อยู่ในระดับ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
คำแนะนำสุขภาพ ประชาชนทั่วไป ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ถ้ามีอาการเบื้องต้น เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น
สำหรับกลุ่มเสี่ยงควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ถ้ามีอาการทางสุขภาพ เช่น ไอ หายใจลำบากตาอักเสบ แน่นหน้าอก ปวดศีรษะ หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ควรปรึกษาแพทย์
สรุปการเกิดจุดความร้อนจากการเผา(Hotspot) ของจังหวัดนครพนม ประจำวันที่ 6 มีนาคม 2565 เกิดจุดความร้อนจำนวน 13 จุด ประเภทพื้นที่เกษตร 9 จุด ประเภทพื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 1 จุด ประเภทพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 3 จุด (ในท้องที่ อำเภอเมือง 2 จุด, อำเภอธาตุพนม 4 จุด, อำเภอปลาปาก 5 จุด, อำเภอโพนสวรรค์ 1 จุด, อำเภอศรีสงคราม 1 จุด)
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",7/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครพนม,สวท.นครพนม,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220307113113106 คณะกรรมการชุดปฎิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ประชุมประเมินสถานการณ์การแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5),"นายพิพัฒน์ เพ็ชร์พิพัฒน์ นายอำเภอเวียงสา/ผู้บัญชาการเหตุการณ์ฯ อำเภอ เป็นประธานการประชุมติดตามและประเมินสถานการณ์การแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันอำเภอเวียงสา ร่วมกับหัวหน้าอุทยานแห่งชาติศรีน่าน อุทยานแห่งชาติแม่จริม หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าพื้นที่เวียงสา ตำรวจ สภ.เวียงสา, น้ำมวบ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง นายกฯ กำนันทุกตำบล โดยได้เน้นย้ำให้หน่วยงานในพื้นที่รับผิดชอบ เพิ่มมาตรการตรวจสอบ และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว เพื่อเป็นการป้องปราม ผู้ที่คิดก่อให้เกิดเหตุไฟป่า หรือลักลอบทำการเผาในพื้นที่โล่งแจ้ง ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
ในขณะเดียวกันในพื้นที่อำเภอเวียงสา ได้พบความร้อน Hot spot จำนวน 2 จุด คือ พิกัด 673274E, 2050930 N และ 673159E, 2051090 N นายพิพัฒน์ เพ็ชร์พิพัฒน์ นายอำเภอเวียงสา/ผู้บัญชาการเหตุการณ์ฯ อำเภอได้สั่งการให้นายจวน จันเครื่อง ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นายณัฐพล วิระขันคำ ปลัดอำเภองานป้องกัน พร้อมด้วยสมาชิก อส.ร้อยฯ เวียงสา ที่ 5 กำนันในพื้นที่ เข้าดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว พบอยู่ในสวนสักพื้นที่ ส.ป.ก. ท้องที่บ้านใหม่เจริญราษฏร์ ม.4 ต.อ่ายนาไลย อ.เวียงสา จ.น่าน สภาพไฟไหม้ดับแล้ว พื้นที่เสียหายประมาณ 20 ไร่ สาเหตุสันนิษฐานว่าเกิดจากการลักลอบเผาเพื่อกำจัดเชื้อเพลิงในสวน ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ฯอำเภอเวียงสา ได้ประสานงานสำนักงาน ส.ป.ก จังหวัดน่าน ในการตรวจสอบผู้ครอบครองพื้นที่ตามพิกัด ส.ป.ก แปลงดังกล่าว เพื่อดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ เพื่อบังคับใช้กฏหมายดำเนินคดีแก่ผู้ฝ่าฝืนฯ ตามแนวทางของศูนย์ฯอำเภอ ศูนย์ฯ จังหวัดต่อไป
ทั้งนี้ได้เน้นย้ำให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ งดเว้นการเผาตามประกาศจังหวัดน่าน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",7/3/2022,ภาคเหนือ,น่าน,สวท.น่าน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220307122152112 ส.ป.ก.ตราด นำเกษตรกรร่วมจำหน่ายสินค้าในเขตปฏิรูปที่ดิน เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนา ส.ป.ก. ครบรอบ 47 ปี,"ที่บริเวณตลาดเกษตรกรจังหวัดตราด (หน้าสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดตราด) สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดตราด (ส.ป.ก.ตราด) ร่วมกับตลาดเกษตรกรจังหวัดตราด นำกลุ่มเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน ออกบูธจำหน่ายผลผลิตสินค้าในเขตปฏิรูปที่ดิน เนื่องในโอกาสงานวันคล้ายวันสถาปนา ส.ป.ก. ครบรอบ 47 ปี โดยมีผู้สนใจร่วมชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ของเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน
สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้เนื่องมาจากตามที่ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรรม (ส.ป.ก.) ได้กำหนดจัดงานวันคล้ายวันสถาปนา ส.ป.ก. ครบรอบ 47 ปี ระหว่างวันที่ 6 - 8 มีนาคม 2565 ณ ส.ป.ก. ถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร กรุงเทพฯ พร้อมทั้งมอบหมายให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดจัดกิจกรรมดังกล่าวคูขนาน ทางส.ป.ก.ตราด จึงได้จัดกิจกรรมครั้งนี้ขึ้น เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้า ส.ป.ก. ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น และเป็นการเพิ่มช่องทางด้านการตลาดให้เกษตรกร โดยในครั้งนี้ได้นำสินค้าในเขตปฏิรูปมาจำหน่ายหลายชนิด อาทิ สินค้าหมวกใบจาก ของกลุ่มปลูกผักปลอดภัย หมู่ที่ 3 บ้านเนินดินแดง ตำบลคลองใหญ่ อำเภอแหลมงอบ สินค้าพรมเช็ดเท้า จากกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร หมู่ที่ 3 บ้านโป่ง ตำบลวังตะเคียน อำเภอเขาสมิง เป็นต้น
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
วันที่ 7 มีนาคม 2565 ภายใต้การอำนวยการของ นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบหมายให้ นายสืบพงษ์ นิ่มพูลสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ดำเนินการตรวจติดตามการปฏิบัติราชการ ของที่ทำการปกครองอำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยได้เน้นย้ำในเรื่องของความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสถานที่ทำงานและบริเวณโดยรอบของที่ว่าการอำเภอ ตลอดจนถึงหมู่บ้านชุมชนต่างๆ ริมถนนสองข้างทาง และการบริหารจัดการขยะของหมู่บ้าน/ชุมชน การให้บริการประชาชนให้เกิดความประทับใจ การป้องกัน แก้ไข ปัญาหา ไฟป่าและหมอกควัน ในพื้นที่ของอำเภอ และการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ความเข้าใจทุกช่องทางให้ทั่วถึงประชาชนในพื้นที่
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,7/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220307133246145 "จ.แม่ฮ่องสอน ค่า PM 2.5 เกินมาตรฐานติดต่อกัน 10 วัน ขณะที่จุดความร้อนสะสม 1,278 จุด สูงสุดที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์","ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน รายงานสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำวันที่ 7 มีนาคม 2565 ว่า คุณภาพอากาศประจำวันที่ 7 มีนาคม 2565 ค่า PM2.5 ณ สถานีตรวจวัดอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เท่ากับ 90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ) และสถานีตรวจวัดอำเภอแม่สะเรียง เท่ากับ 34 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับดี)
ในส่วนของจุดความร้อน ประจำวันที่ 6 มีนาคม 2565 จำนวน 170 จุด จุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 6 มีนาคม 2565 จำนวน 1,278 จุด สูงสุดที่อำเภอเมือง จำนวน 424 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 859 จุด จุดความร้อนสะสมช่วงประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ยกเว้นพื้นที่ตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ - 6 มีนาคม 2565 จำนวน 611 จุด สูงสุดที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จำนวน 245 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 417 จุด
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",7/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220307144524205 จังหวัดนครศรีธรรมราช ประชุมคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลทางการเกษตร ระดับจังหวัด,"ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายไตรรัตน์ ไชยรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานประชุมคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลทางเกษตร ระดับจังหวัด จังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 2/2565 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประธานสภาเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช คณะกรรมการ และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
สำหรับประเด็นสำคัญในการประชุมหารือครั้งนี้ เป็นการรับทราบผลการดำเนินงานในปี 2564 ประกอบด้วย โครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ปี 2564 กิจกรรมเพิ่มช่องทางและเชื่อมโยงการจำหน่าย กิจกรรมเชื่อมโยงกระจายผลไม้(มังคุด) ออกนอกจังหวัดแหล่งผลิต ตามโครงการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2564 จังหวัดนครศรีธรรมราช นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้ติดตามสถานการณ์ผลผลิตผลไม้ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ปี 2565 ใน 4 ชนิด ซึ่งจะเริ่มมีผลผลิตระหว่างเดือนมกราคม-ธันวาคม 2565 ประกอบด้วย ทุเรียน จำนวน 69,182 ตัน มังคุด ประมาณ 66,919 ตัน เงาะ 8,870 ตัน และลองกอง จำนวน 4,350 ตัน
อย่างไรก็ตามในที่ประชุมยังได้ร่วมพิจารณาการขออนุมัติและส่งคืนเงินงบประมาณกิจกรรมเชื่อมโยงกระจายผลไม้(มังคุด) ออกนอกแหล่งผลิต ตามโครงการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2564 ซึ่งคณะกรรมการบริหารกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 5/2564 (ครั้งที่ 42) เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564 อนุมัติให้ขยายเวลาดำเนินการตามโครงการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2564 จากเดิมสิ้นสุดธันวาคม 2564 เป็นสิ้นสุดมีนาคม 2565 โดยเมื่อสิ้นสุดกิจกรรมให้ดำเนินการปิดบัญชีเงินฝากธนาคาร และส่งคืนเงินเหลือพร้อมดอกเบี้ยทั้งหมดเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) สาขากระทรวงพาณิชย์ฯ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ขอมติที่ประชุมเพื่อปิดการดำเนินโครงการฯ และส่งคืนเงินงบประมาณดังกล่าว จำนวน 33,095,548.79 บาท ด้วย
อุไรวรรณ/ข่าว/ภาพ จุรีรัตน์/ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",7/3/2022,ภาคใต้,นครศรีธรรมราช,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220307155343251 จังหวัดแม่ฮ่องสอน ปฏิบัติการฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อลดปริมาณฝุ่นละออง และสร้างความชุ่มชื่นในอากาศ,"ที่บริเวณหอนาฬิกา ถนนสัมพันธ์เจริญเมือง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบหมายให้ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ลงอำนวยการฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อสร้างความชุ่มชื่นในอากาศ และลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5
โดยกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย 1. หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 2.สถานีควบคุมไฟป่าแม่ฮ่องสอน 3.ทางหลวงชนบทแม่ฮ่องสอน 4.เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน 5.องค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน และ 6.แขวงทางหลวงแม่ฮ่องสอน มาตรการเร่งด่วนการฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อลดปริมาณฝุ่นละออง ลดผลกระทบกับสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ชุมชน
ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน สรุปสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำวันที่ 7 มีนาคม 2565 1.จุดความร้อนประจำวันที่ 6 มีนาคม 2565 (เมื่อวานนี้) จำนวน 170 จุด 2.จุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 6 มีนาคม 2565 จำนวน 1,278 จุด สูงสุดที่อำเภอเมือง จำนวน 424 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 859 จุด 3.จุดความร้อนสะสมช่วงประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ยกเว้นพื้นที่ตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ - 6 มีนาคม 2565 จำนวน 611 จุด สูงสุดที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จำนวน 245 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 417 จุด 4. คุณภาพอากาศประจำวันที่ 7 มีนาคม 2565 ค่า PM 2.5 ณ สถานีตรวจวัดอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน วัดได้ 90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ) และสถานีตรวจวัดอำเภอแม่สะเรียง วัดได้ 34 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับดี)
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",7/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220307164057277 กรมส่งเสริมการเกษตร จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ อะโวคาโด ไม้ผลทางเลือก สู่ทางรอด บนพื้นที่สูง,นายนวนิตย์ พลเคน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตรเล็งเห็นความสำคัญของการสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับพี่น้องเกษตรกรบนพื้นที่สูง จึงได้มอบหมายให้ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดพะเยา จัดกิจกรรมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การเกษตรบนพื้นที่สูง ในประเด็น อะโวคาโด ไม้ผลทางเลือก สู่ทางรอด บนพื้นที่สูง ภายใต้โครงการพัฒนาพื้นที่โครงการหลวง ณ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดพะเยา (เกษตรที่สูง) ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา เมื่อวันที่ 2-4 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียบรู้ ประสบการณ์ แนวคิดและข้อมูลข่าวสาร ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีความเข้าใจ เกิดแนวคิดในการต่อยอดอาชีพและสามารถนำความรู้เทคโนโลยีการเกษตรบนพื้นที่สูงไปใช้อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ นำไปสู่กระบวนการขับเคลื่อนการส่งเสริมการปลูกอะโวคาโดให้เป็นพืชเศรษฐกิจหลักบนพื้นที่สูงต่อไป
กรมส่งเสริมการเกษตร ดำเนินงานส่งเสริมการเกษตรในโครงการพัฒนาพื้นที่โครงการหลวง มีพื้นที่ดำเนินการจำนวน 39 แห่ง ในพื้นที่ 6 จังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายม้ง กะเหรี่ยงและมูเซอ โดยดำเนินงานแบบบูรณาการร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) และหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายผลองค์ความรู้ กระบวนการเรียนรู้และเทคโนโลยีของการพัฒนาพื้นที่โครงการหลวงไปสู่พื้นที่สูงอื่นๆ ของประเทศ ผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละพื้นที่ เพื่อสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและการฟื้นฟูป่าต้นน้ำลำธาร เพื่อแก้ไขปัญหาการปลูกพืชเสพติด การบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า การทำไร่เลื่อนลอย การทำลายแหล่งต้นน้ำลำธาร ลดการใช้สารเคมีบนพื้นที่สูง เพื่อให้ชุมชนบนพื้นที่สูงมีคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดี มีความมั่นคงทางอาหาร มีรายได้ที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต
,7/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220307223650357 เกษตรกรรับเงินเยียวยาที่ได้รับผลกระทบสัตว์ตายจากโรคลัมปีสกิน,"
นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีมอบเงินเยียวยาให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโค - กระบือ ที่ได้รับผลกระทบสัตว์ตายจากโรคลัมปีสกิน ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดนครราชสีมา ว่า สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคลัมปี-สกิน ในโค - กระบือนั้น ภายหลังจากที่รัฐบาลได้อนุมัติงบกลางกว่า 684 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมโรคลัมปี-สกิน ในโค กระบือ
กรมปศุสัตว์ ดำเนินการจัดซื้อวัคซีนลัมปี - สกิน และภายหลังจากการกระจายวัคซีนชุดใหญ่ไปทั่วประเทศ ส่งผลให้สถานการณ์การระบาดดีขึ้นและในหลายพื้นที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จากข้อมูลสัตว์ป่วยรายวันลดเหลือจำนวนน้อยมาก และจากการคาดการณ์ของกรมปศุสัตว์คาดว่าประเทศไทยจะสามารถขอคืนสถานะปลอดโรคลัมปี-สกิน ได้ในไม่ช้า จากการตรวจสอบและเก็บข้อมูลของกรมปศุสัตว์ พบสัตว์ป่วย 69 จังหวัด 624,800 ตัว หายป่วย 541,568 ตัว อยู่ระหว่างรักษา 17,944 ตัว สัตว์ตาย 64 จังหวัด 65,288 ตัว
ขอความช่วยเหลือจากส่วนกลางแล้ว 55 จังหวัด 64,913 ตัว ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดส่งเอกสารให้กรมปศุสัตว์ 5 จังหวัด และมีการส่งเอกสารขอรับความช่วยเหลือให้กรมปศุสัตว์แล้ว 50 จังหวัด ให้การช่วยเหลือเกษตรกรแล้วจำนวน 36,949 ราย เป็นการโอนเงินในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2564 2 มีนาคมนี้ เกษตรกร 15,015 ราย สัตว์ 17,211 ตัว และวันที่ 4 มีนาคมนี้ เกษตรกร 21,934 ราย สัตว์ 24,182 ตัว และสามารถปิดภัยได้แล้ว 8 จังหวัด
สำหรับอัตราการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบโค - กระบือ ตายจากโรคลัมปี-สกิน ตามหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 ซึ่งมีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2564 นั้น โค ได้ไม่เกินรายละ 5 ตัว อายุน้อยกว่า 6 เดือน 13,000 บาท อายุ 6 เดือนถึง 1 ปี 22,000 บาท อายุมากกว่า 1 ปีถึง 2 ปี 29,000 บาท อายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไป 35,000 บาท ส่วนกระบือ ไม่เกินรายละ 5 ตัว อายุน้อยกว่า 6 เดือน 15,000 บาท อายุ 6 เดือนถึง 1 ปี 24,000 บาท อายุมากกว่า 1 ปีถึง 2 ปี 32,000 บาท อายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไป 39,000 บาท
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากสถานการณ์การระบาดของโรคเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว รัฐบาล นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยต่อการประกอบอาชีพของเกษตรกรทั่วประเทศ โดยเฉพาะหลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรค รวมถึงสาธารณภัยต่างๆ จึงได้มีนโยบายให้กระทรวงเกษตรฯ เร่งส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสมให้กับเกษตรกร โดยเฉพาะการเลี้ยงโครุ่นใหม่ขึ้นมาทดแทนที่เสียหายไปจากการระบาดของโรค ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ พร้อมจะเข้าไปให้การช่วยเหลือ สนับสนุนอย่างเต็มที่ให้กับเกษตรที่มีความสนใจ โดยร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินโครงการ สานฝันสร้างอาชีพ และยกระดับรายได้เกษตรกรมในการปล่อยสินเชื่อสำหรับใช้ในการประกอบอาชีพการเกษตร หรืออาชีพนอกภาคเกษตร หรือการลงทุนค้าขาย เพื่อเสริมรายได้ในครัวเรือน เน้นอาชีพที่มีตลาดรองรับชัดเจน มีการประกันราคารับซื้อผลผลิต สามารถสร้างรายได้ในระยะเวลา ไม่เกิน 6 เดือน มีผลตอบแทนเบื้องต้นเพียงพอต่อการดำรงชีพ และสามารถต่อยอดเป็นอาชีพที่มั่นคงต่อไปได้ในอนาคต ซึ่งโครงการดังกล่าว ไม่ได้มีเพียงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเท่านั้น แต่มีเมนูทางเลือกให้กับเกษตรกรในด้านต่างๆ
",7/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220307223314354 พบคราบน้ำมันเป็นแผ่นฟิล์มลอยติดชายหาดแหลมเจริญ อ.เมืองระยอง เจ้าหน้าที่เร่งน้ำบูมกำจัด และใช้เรือแล่นตีกวนให้คราบน้ำมันแตกตัว เพื่อง่ายต่อการกำจัด,"
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 มี.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีนักท่องเที่ยวและประชาชนพบคราบน้ำมันมีลักษณะเป็นแผ่นฟิล์ม ลอยติดชายหาดแหลมเจริญ บริเวณเขื่อนกั้นคลื่นหน้าร้านครัวลุงระ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระยอง โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1(ระยอง) ได้นำเรือออกตรวจสอบพบคราบน้ำมันมีลักษณะเป็นแผ่นฟิล์มบางๆ เมื่อแสงแดดส่องจะเห็นชัดเจนเป็นสีรุ้งกระจายทั่วบริเวณในทะเลและบริเวณชายหาด โดยมีกลิ่นเหม็นของน้ำมัน พบเห็นเป็นวงกว้าง ระยะทาง 2.4 กิโลเมตร เบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ได้นำบูมหรือทุ่นยางมาซับคราบน้ำมัน โดยใช้เรือลากไปยังบริเวณที่พบคราบน้ำน้ำหนาแน่น นอกจากนี้ยังได้ใช้เรือแล่นตีกวน เพื่อให้คราบน้ำมันดังกล่าวแตกตัว เพื่อให้สามารถกำจัดได้ง่าย
ส่วนการปฏิบัติการปิด ดูดและอุดท่อน้ำมันใต้ทะเล วันนี้เป็นวันที่ 14 แล้ว ได้มีการพักขั้นตอนการปิดบอลวาล์วท่อน้ำมันแล้วมาทำขั้นตอนการอุดรอยรั่วท่ออ่อนใต้ทะเลทั้ง 2 จุด ซึ่งรอยรั่วดังกล่าวอยู่ด้านบนและด้านล่างของท่อ จากนั้นค่อยกลับไปสู่ขั้นตอนการดูดน้ำมันค้างท่อต่อ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ ได้มีการดูดน้ำมันค้างท่อออกมาแล้ว จำนวน 36,540 ลิตร จากการประมาณที่มีอยู่เพียง 12,000 ลิตร
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",7/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220307171532290 ปศุสัตว์อำเภอคำชะอี ประชุมและคัดเลือกเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและเข้าร่วมโครงการส่งเสริมและพัฒนาการเลี้ยงเป็ดไข่ในระบบไร่นาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ,ปศุสัตว์อำเภอคำชะอี ประชุมและคัดเลือกเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและเข้าร่วมโครงการส่งเสริมและพัฒนาการเลี้ยงเป็ดไข่ในระบบไร่นาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
นายพิภพ? เพียวิเศษ? ปศุสัตว์จังหวัดมุกดาหาร? มอบหมายให้นายเลิศรัตน์ชัย ผุยคำสิงห์ ปศุสัตว์อำเภอคำชะอี พร้อมด้วย นายครองศักดิ์ ศรีวะรา เจ้าพนักงานสัตวบาล ศูนย์ผลิตพันธุ์สัตว์เล็กและสัตว์ปีกประจำตำบลกกตูม ประชุมเกษตรกรโครงการต่างๆ ณ ศาลาประชาคมบ้านตาเปอะ หมู่ 8 ตำบลบ้านค้อ อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ดังนี้
1.โครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกร ประจำปีงบประมาณ 2565 กิจกรรมการเลี้ยงไก่ไข่ เป้าหมายเกษตรกร 15 ราย พื้นที่บ้านโนนสมบูรณ์ หมู่ 9 ตำบลบ้านค้อ เพื่อชี้แจงโครงการและแจ้งให้เกษตรกรจัดเตรียมความพร้อมด้านโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่
2.โครงการส่งเสริมและพัฒนาการเลี้ยงเป็ดไข่ในระบบไร่นาแก่เกษตรกรเขตชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตาเปอะ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ปีงบประมาณ 2565 งบ กปร. เป้าหมายเกษตรกร 30 ราย พื้นที่บ้านตาเปอะ หมู่ 8 บ้านโนนสมบูรณ์ หมู่ 9 และบ้านด่านช้าง หมู่ 10 ตำบลบ้านค้อ เพื่อชี้แจงโครงการและคัดเลือกเกษตรกรเพื่อเข้าร่วมโครงการดังกล่าว
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,7/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,มุกดาหาร,สวท.มุกดาหาร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220307171957293 กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งประชาชนรับมือพายุฤดูร้อนเกิดฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกในช่วงเปลี่ยนผ่านฤดู,ว่าที่ร้อยตรี ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า อิทธิพลของพายุฤดูร้อนเกิดจากมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศเทศไทย ซึ่งจะเกิดฝนฟ้าคะนอง ฝนตกหนัก ลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกบางพื้นที่อาจสร้างความเสียหายกับบ้านเรือนที่ไม่แข็งแรง จึงควรหลีกเลี่ยงสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งและต้นไม้ใหญ่ สำหรับประชาชนที่อยู่กลางแจ้งและเกษตรกรที่มีอุปกรณ์โลหะติดตัว เช่น อุปกรณ์สื่อสาร ต่างหู อุปกรณ์การเกษตร ระมัดระวังเรื่องฟ้าผ่าและหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งและความเสียหายของผลิตผลทางการเกษตรไปจนถึงวันพรุ่งนี้
สำหรับผลกระทบในวันนี้ประกอบด้วย จังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลางและภาคเหนือ เนื่องจากมีการสะสมความร้อนไว้เป็นส่วนใหญ่ เมื่อมวลอากาศเย็นแผ่ลงมาปกคลุมปะทะกับอากาศร้อนจึงเกิดพายุขึ้น และยังต้องเฝ้าระวังการเกิดพายุฤดูร้อนได้อีกเป็นระยะเนื่องจากเป็นช่วงการผลัดเปลี่ยนฤดู ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นจนสิ้นสุดฤดูร้อน พร้อมให้ประชาชนติดตามประกาศสถานการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยา โดยจะมีการแจ้งเตือนประชาชนซึ่งจะแจ้งเตือนล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน
วันที่ 7 มีนาคม 2565 นายสุกิจ เหลืองสกุลไทย นายอำเภอกันทรลักษ์ เป็นประธานการประชุมร่วมกับคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินอำเภอกันทรลักษ์ (ก.ช.ภ.อ.) ครั้งที่ 2/2565 พิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
นายอำเภอกันทรลักษ์ กล่าวว่า กรณีโรคระบาดสัตว์ชนิดโรคลัมปีสกิล แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์ (เพิ่มเติม ครั้งที่ 5) จำนวน 5 ราย 5 ตัว วงเงินช่วยเหลือ 109,000 บาท และกลุ่มคุณสมบัติไม่ครบตามหลักเกณฑ์ (เพิ่มเติม ครั้งที่ 5) จำนวน 5 ราย 5 ตัว วงเงินช่วยเหลือ 96,000 บาท โดยมติคณะกรรมการ ก.ช.ภ.อ.กันทรลักษ์ เห็นชอบให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินโรคระบาดสัตว์ (ชนิดลัมปีสกิน) ทั้ง 2 กลุ่ม จำนวน 10 ราย 10 ตัว วงเงินช่วยเหลือทั้งสิ้น 205,000 บาท
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",7/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ศรีสะเกษ,สวท.ศรีสะเกษ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220307182404317 SPRC แจง ฟิล์มน้ำมันที่หาดแหลมเจริญวันนี้ไม่ใช่น้ำมันดิบ ยันทุ่นกลางทะเลไม่รั่วระหว่างปฏิบัติงาน ตอนนี้คุมสถานการณ์ได้แล้ว,SPRC แจงผ่านเพจ ฟิล์มน้ำมันที่พบบริเวณหาดแหลมเจริญไม่ใช่ลักษณะของน้ำมันดิบ ยัน ไม่พบว่ามีการรั่วไหลของน้ำมันดิบออกจากบริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเลในระหว่างปฎิบัติการ
SPRC ได้ออกมาชี้แจงผ่านเพจกรณีพบคราบน้ำมันที่บริเวณหน้าหาดแหลมเจริญ วันนี้ (7 มี.ค.65) ว่า ตามที่ บริษัทฯ ได้รับแจ้งจากสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 ระยอง เมื่อเวลา 11.30 น. ว่าพบฟิล์มน้ำมัน ขนาด 0.09 ตารางกิโลเมตร บริเวณหน้าหาดแหลมเจริญ ตรงข้ามกับร้านอาหารครัวลุงระนั้น บริษัทฯ ขอยืนยันว่า ฟิล์มน้ำมันที่พบบริเวณหาดแหลมเจริญไม่ใช่ลักษณะของน้ำมันดิบ และไม่พบว่ามีการรั่วไหลของน้ำมันดิบออกจากบริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล (SPM) ในระหว่างปฎิบัติการ
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ทราบเหตุ บริษัทฯ ได้นำเรือลากทุ่นดูดซับน้ำมัน (absorbent boom) เพื่อดูดซับฟิล์มน้ำมัน และใช้เรือตีกวนฟิล์มน้ำมันเพื่อให้แตกตัว และเมื่อเวลา 16.30 น. จากโดรนถ่ายภาพทางอากาศที่บินสำรวจเหนือบริเวณร้านอาหารครัวลุงระ ไม่พบฟิล์มน้ำมันเพิ่มเติม และสามารถควบคุมสถานการณ์ได้เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เก็บตัวอย่างน้ำทะเลที่ปนเปื้อนฟิล์มน้ำมัน เพื่อนำไปตรวจสอบในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าฟิล์มน้ำมันที่พบเป็นน้ำมันชนิดใด และมีสาเหตุมาจากอะไร อย่างไรก็ตาม เมื่อทราบผลที่แน่ชัดจะแจ้งให้ทราบต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,7/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220307221010344 ปภ.ระยองรายงานสถานการณ์ภาพรวมการเฝ้าระวังคราบน้ำมันกลางทะเล พบฟิล์มน้ำมันบริเวณหน้าหาดสุชาดา ตอนนี้ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ด้านบริษัทแจงลักษณะไม่ใช่ฟิล์มคราบน้ำมันดิบ,"วันที่ 7 มีนาคม 2565 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง สรุปการดำเนินงานกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง กรณีคราบน้ำมันดิบรั่วไหล โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยอง สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง แจ้งว่า พบคราบฟิล์มน้ำมันบริเวณหาดสุชาดา (แหลมเจริญ) ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง โดยได้ดำเนินการตรวจพื้นที่บริเวณชายหาดแหลมเจริญ ไม่พบคราบน้ำมันและกลิ่นน้ำมันตามแนวชายหาด ซึ่งเรือตรวจการณ์ 804 ได้แจ้งว่ามีคราบฟิล์มน้ำมันห่างจากแนวชายฝั่ง และได้มีเรือเล็กเข้ามาตีกวนฟิล์มน้ำมันจนแตกตัวกระจายออกไปแล้ว พร้อมทั้งส่งเจ้าหน้าที่ลงบันทึกประจำวันแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้ที่กระทำความผิดทำให้เกิดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันบริเวณชายฝั่งแหลมเจริญ ส่วนกรมควบคุมมลพิษและบริษัท SPRC ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่และเก็บตัวอย่างน้ำผสมฟิล์มน้ำมันเพื่อวิเคราะห์ต่อไป โดยบริษัท SPRC ได้ชี้แจงในภายหลังว่าลักษณะคราบน้ำมันไม่ใช่น้ำมันดิบและสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เมื่อเวลา 16.30 น.
ด้านการช่วยเหลือบริษัท SPRC ได้ดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือ กลุ่มประมงจำนวน 300 ราย ที่สำนักงานเทศบาลตำบลบ้านเพ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ส่วนการเฝ้าระวังในพื้นที่หน้าหาดแม่รำพึง-แหลมรุ่งเรือง ยังไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด เช่นเดียวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รายงานว่าไม่พบกลิ่น คราบ และฟิล์มน้ำมันดิบ
ส่วนการยื่นเรื่องร้องทุกข์ของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.65 จนถึงปัจจุบันมียอดรวมทั้งสิ้น จำนวน 11,988 ราย ผู้ได้รับผลกระทบสามารถยื่นเรื่องร้องทุกข์จากกรณีเหตุน้ำมันดิบรั่วกลางทะเลได้ที่ที่ศูนย์สื่อสารบริษัท SPRC โทร 038-699881
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",7/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220307231301384 ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอปาย ออกลาดตระเวน สำรวจสิ่งผิดปกติ รวมถึงการตั้งจุดเฝ้าระวังไฟป่าในพื้นที่,วันที่ 7 มีนาคม 2565 โดยการสั่งการของ นายทศพล สินยบุตร นายอำเภอปาย และตามข้อสั่งการของศูนย์ไฟป่าและหมอกควัน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้มอบหมายให้ นายพิเชษฐ พุ่มนวน ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอปาย ประสานงานกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าดำเนินการเดินลาดตระเวน สำรวจสิ่งผิดปกติ รวมถึงการตั้งจุดเฝ้าระวังไฟป่า ในพื้นที่รับผิดชอบ ตามมาตรการการป้องกันไฟป่าและหมอกควัน ประจำปี 2565 เพื่อเป็นการป้องกันและการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ดังนี้ บ้านโป่งสา หมู่ที่ 1 ตำบลโป่งสา เจ้าหน้าที่ป่าไม้เขตแม่เลา - แม่แสะ และชาวบ้าน ร่วมทำแนวไฟป่า อนุรักษ์ป่าบ้านทรายขาว หมู่ที่ 2 ตำบลแม่ฮี้ ได้จัดชุดอยู่เวรศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน พร้อมจัดชุดลาดตระเวนบริเวณพื้นที่ป่า
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,7/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220307225803380 จนท.แม่ฮ่องสอนระดมฉีดน้ำ ลดฝุ่น pm 2.5 ต่อเนื่อง,"วันที่ 7 มีนาคม 2565 กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 สถานีควบคุมไฟป่าแม่ฮ่องสอน ทางหลวงชนบทแม่ฮ่องสอน เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน องค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน แขวงทางหลวงแม่ฮ่องสอน องค์การบริหารส่วนตำบลปางหมู กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 10 ลำปาง ดำเนินการฉีดพ่นละอองน้ำปริมาณน้ำ 66,000 ลิตร เพื่อสร้างความชุ่มชื่นในอากาศและลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ณ ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน เนื่องจากสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 วันนี้ (7 มี.ค.65) ณ สถานีตรวจวัดอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เท่ากับ 90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",7/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220307225453379 ปภ.สุราษฎร์ธานี เผย สถานการณ์ข้อมูลน้ำท่า จากระบบโทรมาตรเขื่อนรัชชประภาและกล้อง CCTV กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 5 จุด อยู่ในระดับปกติ,"
วันนี้ (8 มี.ค.65) นายจำนง สวัสดิ์วงศ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยถึงสถานการณ์ข้อมูลน้ำท่าประจำวันนี้ ว่า จากระบบโทรมาตรเขื่อนรัชชประภา และกล้อง CCTV กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในพื้นจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 5 จุด อยู่ในระดับปกติ ได้แก่
1.ตำบลอิปัน อำเภอพระแสง ระดับน้ำแม่น้ำตาปี ลดลงจากเมื่อวาน - 0.08 เมตร
2.ตำบลเคียนซา อำเภอเคียนซา ระดับน้ำแม่น้ำตาปี คงที่จากเมื่อวาน 2.56 เมตร
3.ตำบลท่าสะท้อน อำเภอพุนพิน ระดับน้ำแม่น้ำตาปี เพิ่มขึ้นจาก เมื่อวาน + 0.05 เมตร
4.ตำบลท่าขนอน อำเภอคีรีรัฐนิคม ระดับน้ำคลองพุมดวง เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน + 0.13 เมตร
และที่ 5.ตำบลต้นยวน อำเภอพนม ระดับน้ำคลองศก ลดลงจาก เมื่อวาน - 0.21 เมตร
ขณะที่รายงานสภาพเครื่องโรงไฟฟ้าเขื่อนรัชชประภา อำเภอบ้านตาขุน ประจำวันที่ 7 มีนาคม 2565 สภาพเครื่องปกติ 3 เครื่อง ระดับน้ำเวลา 24:00 น. 84.68 ม.รทก. (ลดลง 7.0 ซม.) Rule curve = 91.37 ม. ระดับน้ำสูงกว่า LRC = 4.49 ม. น้ำกักเก็บ 3,943.8895 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 69.94% น้ำที่ใช้งานได้ 2,592.3461 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 60.47% แผนระบายน้ำวันที่ 8 มีนาคม 2565 = 15.0 ล้าน ลบ.ม. Peak EGAT. เวลา 19:30 น. 27,635.5 MW. C]tPeak R-3 เวลา 19:14 น. 2,366.1 MW.
ทั้งนี้เขื่อนรัชชประภา มีความมั่นคง แข็งแรง และปลอดภัย สามารถรับน้ำไดัอีก 1,694.9524 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 30.06%
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",8/3/2022,ภาคใต้,สุราษฎร์ธานี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308101746422 สำนักงานเกษตรจังหวัดกาญจนบุรี จัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ (Field Day) ประจำปี 2565,"ที่สวนเกษตรอินทรีย์ตามวิถีพอเพียง กองพลทหารราบที่ 9 ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี นายรณภพ เวียงสิมมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานเปิดงาน วันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ (Field Day) ประจำปี 2565 เพื่อถ่ายทอดความรู้ เทคโนโลยีการผลิต และให้บริการการเกษตรแก่เกษตรกรให้ได้รับความรู้ เข้าถึงปัจจัยการผลิต เพื่อลดความเสี่ยงในกระบวนการผลิต และให้เกิดความเข้มแข็ง โดยเป็นการกระตุ้นให้เกษตรกรเริ่มต้นการผลิตในปีการเพาะปลูกใหม่ ด้วยเทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ไปประยุกต์ใช้จะทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้เป็นอย่างดี ตลอดจนได้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเกษตรกรด้วยกันเอง รวมทั้งนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา โดยมี พันเอกพฤทธิ์ จันทราสา รองผู้บัญชาการกองพล ทหารราบที่ 9 หัวหน้าส่วนราชการ บุคลากรในสังกัดกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น กลุ่มเกษตรกร เข้าร่วมงาน
สำหรับการจัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ (Field Day) ประจำปี 2565 ได้จัดให้มีกิจกรรมศูนย์เรียนรู้ที่เน้นในเรื่องของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีเกษตรกรลงทะเบียนเข้าร่วมการอบรม จำนวน 390 ราย และได้จัดเป็นสถานีเรียนรู้ จำนวน 5 สถานี ประกอบด้วย สถานีเรียนรู้ที่ 1 คนติดดิน เกี่ยวกับการทำปุ๋ยหมักอินทรีย์ น้ำหมักชีวภาพ และการทำถ่านอัดแท่ง สถานีเรียนรู้ที่ 2 เมล็ดพันธุ์แห่งความห่วงใย เกี่ยวกับการคัดแยกเมล็ดพันธุ์พืชพระราชทาน สถานีเรียนรู้ที่ 3 ป.ปลา ตา-กลม เกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงปลาน้ำจืด สถานีเรียนรู้ที่ 4 น้ำพระทัยจากในหลวง เกี่ยวกับการทำฝายชะลอน้ำ ตามทฤษฎีของรัชกาลที่ 9 และสถานีเรียนรู้ที่ 5 บรรจุภัณฑ์ เราทำได้เกี่ยวกับการคัดบรรจุสินค้า ทางการเกษตร นอกจากนี้ยังมีการจัดนิทรรศการให้ความรู้จากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กิจกรรมสาธิตใช้นวัตกรรมสมัยใหม่ในการป้องกันกำจัดศัตรูพืชและเพิ่มผลผลิตด้วยเทคโนโลยี ""อากาศยานไร้คนขับ"" การจัดแสดงผลิตภัณฑ์ขององค์กรเกษตร วิสาหกิจชุมชน กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร กลุ่มส่งเสริมอาชีพ Smart Farmer/Young Smart Farmer และร้านค้าต่างๆ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",8/3/2022,ภาคตะวันตก,กาญจนบุรี,สวท.กาญจนบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308102150423 กอนช. ขอให้ประชาชนหลายพื้นที่ทั่วประเทศระวังเกิดพายุฤดูร้อน พร้อมเตรียมแผนลดผลกระทบที่รุนแรงจากพายุฤดูร้อนลง ส่วนภาคใต้ระวังฝนตกหนักบางพื้นที่,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนหลายพื้นที่ทั่วประเทศระวังเกิดพายุฤดูร้อน พร้อมเตรียมแผนลดผลกระทบที่รุนแรงจากพายุฤดูร้อนลง ส่วนภาคใต้ระวังฝนตกหนักบางพื้นที่
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (8 มี.ค.65) ว่า ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลางจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.อุดรธานี 97 มิลลิเมตร , น่าน 97 มิลลิเมตร และเพชรบูรณ์ 87 มิลลิเมตร หลังกรมอุตุนิยมวิทยา ได้คาดการณ์ช่วงวันที่ 6 - 8 มีนาคม บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ส่วนบริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในพื้นที่เสี่ยง คือ ภาคเหนือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก และกำแพงเพชร // ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดบุรีรัมย์และนครราชสีมา // ภาคกลาง จังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี และสมุทรสงคราม // ภาคตะวันออก จังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด และภาคใต้ จังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ จึงได้กำชับให้หน่วยงานเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์พายุฤดูร้อนที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที เบื้องต้น กอนช. ได้ประสานกรมฝนหลวงและการบินเกษตรพิจารณาปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อลดความรุนแรงของผลกระทบจากพายุฤดูร้อนบริเวณภาคเหนือในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 29,962 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 52 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 23,900 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 51 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 5 แห่ง คือ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล อ่างเก็บน้ำแม่จาง และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนและแม่กลองมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
",8/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308104258435 เดินหน้าปราบหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด คิดค้นนวัตกรรมเครื่องพ่นสารแบบคานหัวฉีดชนิดใช้แรงลมช่วย สำเร็จเป็นเครื่องแรกของไทย,นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า หนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดเป็นแมลงศัตรูพืชต่างถิ่นที่พบเข้ามาระบาดครั้งแรกในไทยเมื่อปลายปี 2561 โดยพบการระบาดในข้าวโพดที่ปลูกหน้าแล้งหลังนาในหลายจังหวัด ลักษณะการทำลายของหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดจะกัดกินอยู่ในยอดข้าวโพด ทำให้ใบขาดเป็นรู เว้าแหว่ง ยอดกุด
จากการที่มีการปลูกข้าวโพดอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสภาพอากาศที่เหมาะสมของประเทศไทย จึงทำให้เกิดการระบาดอย่างรุนแรงและเป็นพื้นที่กว้าง นอกจากนี้ จากพฤติกรรมที่สามารถเข้าทำลายได้ในทุกช่วงการเจริญเติบโตของข้าวโพดและตัวหนอนจะกัดกินอยู่ในยอดข้าวโพด ทำให้เกษตรกรพบอุปสรรคในการพ่นสารที่มีประสิทธิภาพ จนทำให้เกิดการระบาดรุนแรง ซึ่งในบางพื้นที่ทำให้ผลผลิตเสียหายมากกว่า 70% ของพื้นที่
จากปัญหาดังกล่าว กรมวิชาการเกษตร ร่วมกันศึกษา วิจัย ออกแบบเครื่องพ่นสารที่มีประสิทธิภาพเพื่อใช้พ่นสารเคมี หรือสารชีวภัณฑ์ให้เป็นละอองฝอยและส่งไปยังเป้าหมายโดนหนอนกระทู้ลายจุดให้มากที่สุด จากการวิจัยและทดสอบทำให้ได้เครื่องพ่นสารแบบคานหัวฉีดชนิดใช้แรงลมช่วย ซึ่งช่วยกระจายละอองฝอยของสารที่ออกจากหัวฉีดไปโดนตัวหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดที่หลบซ่อนอยู่ในกรวยใบ หรือใต้ใบได้โดยตรง โดยอาศัยหลักการของลมที่ช่วยให้เกิดการพลิกของใบข้าวโพด ทำให้สารออกฤทธิ์ทั้งสารเคมีและชีวภัณฑ์ สามารถแทรกซอนบริเวณใต้ใบพืชและในกรวยข้าวโพดได้โดยง่าย
การใช้แรงลมช่วยนี้ไม่มีในเครื่องพ่นสารแบบคานหัวฉีดที่เกษตรกรใช้ในปัจจุบัน จึงสามารถกล่าวได้ว่าเป็นเครื่องแรกที่ผลิตในประเทศไทย โดยเครื่องพ่นสารแบบคานหัวฉีดชนิดใช้แรงลมช่วยสามารถพ่นได้รวดเร็ว 20 ไร่ / ชั่วโมง และสามารถพ่นได้ตั้งแต่ข้าวโพดอายุ 7 วันจนถึงข้าวโพดติดฝัก
สำหรับเครื่องพ่นสารแบบคานหัวฉีดชนิดใช้แรงลมช่วย เพื่อกำจัดหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด เป็นการแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรได้อย่างตรงจุดเพราะสามารถพ่นป้องกันกำจัดการระบาดของหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยขณะนี้ได้มีการดัดแปลงนำเครื่องพ่นสารแบบคานหัวฉีดชนิดใช้แรงลมช่วยนำไปใช้กำจัดศัตรูพืชในนาข้าว ถั่วเหลือง ถั่วเขียว และทานตะวันด้วย ซึ่งเครื่องพ่นสารแบบคานหัวฉีดใช้แรงลมช่วยสามารถพ่นได้ทั้งสารเคมีและสารชีวภัณฑ์ตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร ปัจจุบันมีบริษัทเอกชนได้รับต้นแบบจากกรมวิชาการเกษตร นำไปผลิตในเชิงพาณิชย์เพื่อให้กระจายไปสู่เกษตรกรได้อย่างกว้างขวางแล้ว
,8/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308192236721 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าในภาคเหนือพบมีพื้นที่ 3 จังหวัดเสี่ยงสูงเกิดไฟป่า ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด,
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าในภาคเหนือพบมีพื้นที่ 3 จังหวัดเสี่ยงสูงเกิดไฟป่า ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียม MODIS แสดงให้เห็นพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือที่เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าช่วง 7 วันนี้ ระหว่างวันที่ 7 - 13 มีนาคม พบมี 3 จังหวัดมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดไฟป่า คือ ตาก เชียงใหม่ และลำปาง โดยสัปดาห์นี้ทั้ง 17 จังหวัดพื้นที่ภาคเหนือมีตัวเลขคาดการณ์ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า แต่พื้นที่เสี่ยงสูงเกิดไฟป่ายังคงเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์เหมือน รองลงมาเป็นพื้นที่ชุมชนและพื้นที่อื่นๆ สาเหตุอาจเกิดจากการเผาในกิจกรรมการเกษตร การเผาเพื่อหาของป่า หรือการเผาเพื่อล่าสัตว์ จนทำให้เกิดการลุกลาม สำหรับข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งต่อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปวางแผนจัดการเชื้อไฟ และจัดทำแนวกันไฟในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
,8/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308105120438 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือเกินมาตรฐานระดับสีแดง 1 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ จ.แม่ฮ่องสอน ส่วน กทม.และปริมณฑลปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน,ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือเกินมาตรฐานระดับสีแดง 1 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (8 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีมากถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นเกินมาตรฐานระดับสีแดง 1 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 12 - 15 มีนาคม แต่ช่วงวันที่ 9 - 11 มีนาคม ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษฝุ่นมีแนวโน้มสูงขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ขณะเดียวกันจังหวัดแม่ฮ่องสอนควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษจนถึงวันที่ 8 มีนาคมนี้
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงดี โดยค่าฝุ่นปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัดช่วยลดการสะสมของฝุ่นลงได้ ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 11 - 15 มีนาคม แต่ช่วงวันที่ 9 - 10 มีนาคม ควรเฝ้าระวังและควบคุมการเผาในจังหวัดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอย่างใกล้ชิด เพราะมีโอกาสส่งผลกระทบให้กรุงเทพมหานครและปริมณฑลบางพื้นที่มีค่าเกินมาตรฐานได้
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
,8/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308110515440 จ.พะเยาตั้งจุดสกัดตรวจคนเข้าป่า ลดการเกิดไฟป่ามากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ค่าฝุ่นละอองที่เกินมาตรฐาน ที่ผ่านมาคาดมาจากการเกิดไฟป่านอกพื้นที่,เครือข่ายอาสาสมัครป้องกันไฟป่า ในที่หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านตุ่น อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ได้ตั้งจุดตรวจและจุดสกัดคนเข้าป่า รวมถึงการลาดตระเวน ทั้งการเดินเท้าและรถจักรยานยนต์ เพื่อเป็นการสำรวจพื้นที่ป่า บริเวณโดยรอบของหมู่บ้าน ซึ่งถือเป็นมาตรการป้องกันไฟป่าและหมอกควันของจังหวัดพะเยาที่ได้ดำเนินการ เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ โดยจุดสกัดและตรวจคนเข้าป่าดังกล่าวนั้น เป็น 1 ใน 200 กว่าจุด ที่ได้จัดตั้งขึ้น และจนถึงขณะนี้นับเป็นระยะเวลากว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หลังจากมีประกาศห้ามเผาโดยเด็ดขาดและประกาศปิดป่า ในพื้นที่จังหวัดพะเยายังไม่พบการเกิดไฟป่าจากการดำเนินมาตรการดังกล่าว
นายฉกาจ เทพทองปัน หัวหน้าสถานีไฟป่าจังหวัดพะเยา กล่าวว่า ขณะนี้ทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมทั้งหน่วยงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ฝ่ายปกครอง ทหาร และเครือข่ายอาสาสมัครป้องกันไฟป่า ได้ดำเนินการตั้งจุดตรวจจุดสกัด รวมทั้งได้ร่วมกันดำเนินมาตรการในการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า โดยมีการออกประชาสัมพันธ์ในหมู่บ้าน เรื่องของการห้ามเผาเด็ดขาด รวมทั้งการปิดป่า ขณะที่ผู้ที่เดินทางเข้าป่าจะต้องรายงานตัว ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งภารกิจของเครือข่ายป้องกันไฟป่าจะต้องมีการตรวจเช็คคนเข้าป่า มีการลาดตระเวนและมีการเตรียมพร้อมดับไฟป่าหากเกิดขึ้น ซึ่งหลังจากที่ได้มีการดำเนินมาตรการดังกล่าวนั้น พบว่าสามารถลดการเกิดไฟป่าได้มากกว่า 70% ซึ่งจนถึงขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดพะเยา ยังไม่มีการเกิดไฟป่าขึ้นในพื้นที่แต่อย่างใด
ขณะที่นายสุรมัย เล่ดี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 บ้านห้วยหม้อ ตำบลบ้านตุ่น อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา กล่าวว่า ในหมู่บ้านได้มีเครือข่ายอาสาสมัครป้องกันไฟป่าและมีการทำงานกันอย่างเข้มข้น ทั้งการประชาสัมพันธ์เสียงตามสาย ตลอดจนถึงการตั้งจุดตรวจจุดสกัดคนเข้าป่า การลาดตระเวนทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งสามารถประสบผลสำเร็จได้เป็นอย่างดี เนื่องจากตั้งแต่มีการประกาศห้ามเผาโดยเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา ในพื้นที่ยังไม่พบการเกิดไฟป่าแต่อย่างใด
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,8/3/2022,ภาคเหนือ,พะเยา,สวท.พะเยา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308114542450 เกษตรจังหวัดเพชรบุรี พัฒนาเครือข่ายส่งเสริมการเกษตรวิถีใหม่ ขับเคลื่อนงานเกษตรเชิงพื้นที่ ลดต้นทุนเพิ่มผลผลิตชมพู่เพชรสายรุ้ง,ว่าที่ ร.ต. อาณัติ หุ่นหลา เกษตรจังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วย นายยุกตนันท์ จำปาเทศ เกษตรอำเภอเมืองเพชรบุรี/ตัวแทนเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร ทั้ง 8 อำเภอ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 2 จังหวัดราชบุรี ร่วมด้วยนายยุทธนา เมืองเล็ก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองโสน และคณะเจ้าหน้าที่ ตัวแทนเกษตรกรชาวสวนชมพู่เพชรสายรุ้ง ตำบลหนองโสน ร่วมประชุมพัฒนาเครือข่ายงานส่งเสริมการเกษตร ได้ร่วมบูรณาการแสดงความคิดเห็นเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ขับเคลื่อนการดำเนินงานส่งเสริมการเกษตรวิถีใหม่ DOAE สู่โมเดลเกษตรเขต 2 ขับเคลื่อนงานเกษตรเชิงพื้นที่ เป้าหมาย คือ ส่งเสริมให้เกษตรผู้ปลูกชมพู่เพชรสายรุ้งในพื้นได้มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนพัฒนา ทั้งนี้ สนับสนุนให้เกษตรกรทำงานร่วมกันในรูปแบบเครือข่าย ต่อยอดหาวิธีแก้ไขปัญหาการระบาดของศัตรูพืช ส่งเสริมการใช้ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ และอีกหนึ่งเป้าหมายคือการลดต้นทุนเพื่อเพิ่มผลผลิต จากผลการประชุมร่วมกันในวันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนำข้อมูลที่ได้จากประชามติของตัวแทนเกษตรกรสวนชมพู่ไปเป็นแนวทางให้การสนับสนุนช่วยเหลือต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,8/3/2022,ภาคตะวันตก,เพชรบุรี,สวท.เพชรบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308114727451 ทส. จัดอบรมหลักสูตรจิตอาสา ตามโครงการปลูกป่าฯ เพื่อป้องกันไฟป่าและหมอกควัน ในพื้นที่ จ.สุโขทัย,กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดโครงการฝึกอบรมหลักสูตร จิตอาสา ตามโครงการปลูกป่า เพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู ป่าต้นน้ำ ป่าชายเลน และป้องกันไฟป่า เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย
วันที่ 8 มีนาคม 2565 นายจงคล้าย วรพงศธร รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมหลักสูตร จิตอาสา ตามโครงการปลูกป่า เพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ป่าชายเลน และป้องกันไฟป่าในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ระหว่างวันที่ 7-11 มีนาคม 2565 ณ โรงแรมสุโขทัยเทรเชอร์ รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดสุโขทัย โดยมีนายวิรุฬ พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กล่าวต้อนรับ และนายสมหวัง เรืองนิวัติศัย รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืช เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่เข้าร่วมในพิธี เพื่อสร้างผู้นำเครือข่ายจิตอาสาพระราชทานในการฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย โดยได้จัดอบรมให้ความรู้ทางวิชาการ และการฝึกปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องไฟป่า นิเวศวิทยา ป่าต้นน้ำ การฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ให้แก่ปลัดอำเภอ เกษตรอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูป่า รักษาต้นน้ำ และควบคุมไฟป่าในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย จำนวน 100 คน เพื่อให้นำความรู้ที่ได้รับจากการฝึกอบรมในครั้งนี้ไปถ่ายทอดองค์ความรู้ และสร้างจิตสำนึกในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ รวมทั้งสร้างและขยายเครือข่ายชุมชนที่เข้มแข็ง เพื่อร่วมกันฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ และป้องกันไฟป่าได้อย่างเป็นรูปธรรม และยั่งยืนต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,8/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,สุโขทัย,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุโขทัย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308115042452 GISTDA เผย จุดความร้อนในพื้นที่ภาคเหนือยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุด คือ แม่ฮ่องสอน 168 จุด,"GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) วันที่ 7 มีนาคม 2565 พบจุดความร้อนทั้งประเทศ 761 จุด ลดลงจากวานก่อนเล็กน้อย พบมากที่สุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 266 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 231 จุด พื้นที่เกษตร 142 จุด พื้นที่เขต สปก. 66 จุด พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 50 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 6 จุด
ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุด คือ แม่ฮ่องสอน 168 จุด เชียงใหม่ 129 จุด กาญจนบุรี 46 จุด ตามลำดับ จุดความร้อนในพื้นที่ภาคเหนือยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามด้วยภาคกลางและภาคตะวันตก ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวนจุดความร้อนลดลง เนื่องจากเกิดพายุฤดูร้อน ส่วนเช้าวันนี้เวลา 08.00 น. คุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดยรวมทั่วประเทศไทยอยู่ในระดับดีถึงดีมาก มีเพียงไม่กี่จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือที่อยู่ในระดับปานกลาง จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่ 1 มกราคม 7 มีนาคม 2565 พบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อนแล้ว 9,618 จุด ตามด้วยภาคเหนือ 8,543 จุด และภาคกลาง 5,197 จุด ตามลำดับ
ในส่วนของจังหวัดแม่ฮ่องสอน สำนักงานสิ่งแวดล้อม ภาค 1 รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ประจำวันที่ 8 มีนาคม 2565 ในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 (เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน) ว่า PM2.5 มีค่าระหว่าง 33-90 ไมโครกรับต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ ดี ถึง มีผลกระทบต่อสุขภาพ (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.) โดยพื้นที่ที่มีค่า PM 2.5 เกินมาตรฐาน คือ ตำบลจองคำ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน PM2.5 เท่ากับ 98 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่เกินเกณฑ์มาตรฐาน ประชาชนทั่วไป ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ถ้ามีอาการทางสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ สำหรับประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (พื้นที่สีแดง) ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",8/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308120749460 ทช. ตรวจพบคราบฟิล์มน้ำมันบริเวณหน้าหาดแหลมเจริญ เร่งกำจัดด้วยทุ่นดูดซับน้ำมัน,
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ตรวจพบคราบฟิล์มน้ำมันบริเวณหน้าหาดแหลมเจริญ เร่งกำจัดด้วยทุ่นดูดซับน้ำมัน
นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก และสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 (ระยอง) ได้ร่วมกันตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง หลังพบคราบฟิล์มน้ำมันและคราบสีขาวลอยอยู่บนผิวน้ำเป็นวงกว้าง ยาวประมาณ 500 เมตร ห่างจากชายฝั่งหาดแหลมเจริญ ระยะทาง 500 เมตร เบื้องต้นพบน้ำทะเลตรงแนวเขื่อนหินหาดแหลมเจริญ บริเวณร้านอาหารลุงระ พบมีคราบฟิล์มน้ำมันลอยอยู่บนผิวน้ำและมีกลิ่นเหม็นระยะทาง 900 เมตร แล้วมีบางส่วนพัดเข้าเกยชายหาด ระยะทาง 100 เมตร และไม่พบสัตว์น้ำตาย ทั้งนี้ บริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จํากัด (มหาชน) หรือ SPRC ร่วมกับ สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 (ระยอง) เร่งกำจัดคราบน้ำมันเบื้องต้นด้วยทุ่นดูดซับน้ำมัน จากการคาดการณ์ของบริษัท SPRC ไม่ใช่ผลจากน้ำมันดิบที่รั่วไหล จากนี้จะตรวจสอบหาที่มาต่อไป พร้อมได้ตรวจสอบคุณภาพน้ำทั่วไปบริเวณนอกชายฝั่งและชายหาด พบอยู่ในเกณฑ์ปกติตามมาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลประเภทที่ 4 เพื่อการนันทนาการ และได้เก็บตัวอย่างน้ำทะเลเพื่อหาการปนเปื้อนปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอนด้วย
,8/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308120009455 จังหวัดลำพูนมุ่งแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และกำหนดวันห้ามเผา ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์-30 เมษายน 2565,"วันที่ 8 มีนาคม 2565 ที่ห้องประชุมจามเทวี ศูนย์ราชการจังหวัดลำพูน นายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานการประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดลำพูน (ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5) ครั้งที่ 2/2565 ซึ่งจังหวัดลำพูนได้ประกาศห้ามบุคคลทำการเผาในที่โล่ง ในเขตพื้นที่จังหวัดลำพูน ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์-30 เมษายน 2565 โดยมี นายภาษเดช หงส์ลดารมภ์, นายอนุพงษ์ วาวงศ์มูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ปลัดจังหวัดลำพูน หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำพูน หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ได้มอบเครื่องเป่าลมจำนวน 17 เครื่อง ที่ได้รับบริจาค จากศูนย์ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจจังหวัดลำพูน (CSR) ให้กับชุดปฏิบัติการดับไฟป่าในจังหวัดลำพูน ได้แก่ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ฯ ระดับอำเภอ 7 อำเภอ สถานีควบคุมไฟป่า 4 สถานี และหน่วยงานป้องกันและพัฒนาป่าไม้ 6 หน่วย
สำหรับวาระการประชุมที่สำคัญประกอบด้วย การรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ปี 2565 และการคาดการณ์สภาพอากาศ และแนวโน้มสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) สำหรับจุดความร้อน (Hotspot) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-3 มีนาคม 2565 เกิดจุดความร้อนในพื้นที่จังหวัดลำพูน จำนวน 342 จุด ลดลงจำนวน 1,390 จุด หรือลดลงร้อยละ 80 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 ในช่วงเวลาเดียวกัน (โดยในปี 2564 มีจุด Hotspot จำนวน 1,732 จุด) ซึ่งแนวโน้มสถานการณ์การเกิดจุดความร้อนในเดือนมีนาคม คาดว่าจะมีความรุนแรงขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง และจากสถิติการเกิดจุดความร้อนในเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา เกิดจำนวนจุดความร้อนสูงสุดถึง 1,363 จุด ในส่วนของค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-5 มีนาคม 2565 จังหวัดลำพูนมีค่าคุณภาพอากาศอยู่ใน ระดับดีมาก (สีฟ้า) จำนวน 17 วัน อากาศดี (สีเขียว) จำนวน 24 วัน ระดับปานกลาง (สีเหลือง) จำนวน 11 วัน และเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) หรือเกินค่าเกณฑ์มาตรฐาน จำนวน 6 วัน เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 ในช่วงเวลาเดียวกันมีวันที่มีค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานลดลง จำนวน 9 วัน หรือลดลงร้อยละ 82 (ปี 2564 จำนวน 15 วัน)
ทั้งนี้ ผลการปฏิบัติด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันในภาพรวมของจังหวัดลำพูน ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดฯ เน้นย้ำและกำชับการปฏิบัติงานของศูนย์ฯอำเภอ ระดมสรรพกำลัง และประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้ง ชุดปฏิบัติการศูนย์ฯ ตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สถานีควบคุมไฟป่า หน่วยงานกรมป่าไม้ ในพื้นที่ และรายงานผลการปฏิบัติกลับมายังศูนย์ฯจังหวัด ในรอบวันนั้นๆ ตามระบบบัญชาการณ์ของแผนเผชิญเหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาไพป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดลำพูน ปี 2565 โดยจะสรุปผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาจุดความร้อนที่เกิดขึ้นประจำวัน ว่าเกิดขึ้นกี่จุด บริเวณใดบ้าง พื้นที่ประเภทใด ผลการแก้ไขปัญหาเป็นเช่นไร (ดับได้ หรือไม่ได้) หากดับไม่ได้เพราะเหตุใด และมีแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไปอย่างไร โดยจุดความร้อยที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดลำพูน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม -6 มีนาคม 2565 รวมทั้งสิ้น จำนวน 393 จุด ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดฯ ระดับอำเภอ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เข้าควบคุมไฟได้แล้วทุกจุด
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",8/3/2022,ภาคเหนือ,ลำพูน,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308121116462 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลงเล็กน้อย ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังกระทบไทยหลายพื้นที่,"
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลงเล็กน้อย ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังกระทบประเทศไทยหลายพื้นที่
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (7 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 761 จุด ลดลงจากวันก่อนเล็กน้อย พบมากที่สุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 266 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 231 จุด // พื้นที่เกษตร 142 จุด // พื้นที่เขต สปก. 66 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 50 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 6 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุด คือ แม่ฮ่องสอน 168 จุด , เชียงใหม่ 129 จุด และกาญจนบุรี 46 จุด โดยจุดความร้อนในพื้นที่ภาคเหนือยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รองลงมาเป็นภาคกลางและภาคตะวันตก ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวนจุดความร้อนลดลงเนื่องจากเกิดพายุฤดูร้อนขึ้น ส่วนวันนี้คุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยรวมทั่วประเทศอยู่ในระดับดีถึงดีมาก มีเพียงไม่กี่จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือที่อยู่ในระดับปานกลาง ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 7 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 9,618 จุด , ภาคเหนือ 8,543 จุด และภาคกลาง 5,197 จุด
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาติดต่อกัน 9 วัน 3,344 จุด รองลงมาเป็นประเทศไทย 761 จุด และกัมพูชา 708 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องค่อนข้างหน้าเป็นห่วงอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",8/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308123610475 ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปล่อยคาราวานแตงโมทุ่งอ่าว กว่า10 ตัน เพื่อแก้ไขปัญหาผลผลิตล้นสวนให้แก่เกษตรกร ภายใต้คอนเซป แตงโมทุ่งอ่าว คือสายใย สุราษฎร์ธานีเชื่อมใจ ห่วงใยเกษตรกร,"นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในการปล่อยคาราวานแตงโมทุ่งอ่าว จำนวน 10 ตัน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ต.ศรีวิชัย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ภายใต้คอนเซป แตงโมทุ่งอ่าว คือสายใย สุราษฎร์ธานีเชื่อมใจ ห่วงใยเกษตรกร โดย นายศักดาพร รัตนสุภา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นางช่อทิพย์ วาณิชย์เจริญ หัวหน้าส่วนยุทธ์ศาสตร์การเกษตร สำนักงานสภาเกษตรจังหวัดสุราษฎร์ธานี นางโรจนภรณ์ บุญศิริ เกษตรและสหกรณ์จังหวัด นายชัยพร นุภักดิ์ เกษตรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมปล่อยขบวนแตงโมทุ่งอ่าวไปยังภาคีเครือข่าย ในพื้นจังหวัด สงขลา กระบี่ นครศรีธรรมราช พัทลุง พังงา และอ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
สืบเนื่องเกษตรกรสวนแตงโมทุ่งอ่าว บ้านทุ่งอ่าว ต.ศรีวิชัย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 41 ราย ในพื้นที่ 585 ไร่ ประสบปัญหาแตงโมล้นตลาด รวมไปถึงผลผลิตแตงโมทั่วประเทศ ให้ผลผลิตพร้อมกัน อีกทั้งเกษตรกรส่วนใหญ่ประสบภัยน้ำท่วมสวนแตงโม ทำให้การกระจายสินค้ามีความยากลำบาก ขณะเดียวกันพ่อค้าแม่ค้าที่มารับซื้อผลผลิตจากสวนลดน้อยลงเนื่องจากประสบปัญหาโควิด -19 และเกษตรกรขาดทุนจากต้นทุนการผลิตที่สูง และรายได้ที่ลดลง
ด้านนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า วันนี้ถือได้ว่าเป็นการ Kick off กระจายแตงโมทุ่งอ่าว ในการช่วยเหลือเกษตรกรกระจายผลผลิต ที่ปีนี้ให้ผลผลิตกว่า 1,170 ตัน จึงจำเป็นที่ช่วยเหลือเกษตรกรในเบื้องต้น ที่สำคัญแตงโมทุ่งอ่าวเป็นแตงโม 2 น้ำ กรอบ หวาน อร่อย และปลอดภัยมีเครื่องหมาย GAP รับรองมาตรฐานว่าทานแล้วปลอดภัยอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เชิญชวนประชาชน ลองชิมแตงโมทุ่งอ่าวทานแล้วจะติดใจ อีกทั้งเป็นการช่วยเหลือเกษตรในการกระจายรายได้และผลผลิตในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ของแท้ต้องมีบาร์โค้ดสแกนได้เลยว่ามาจากแปลงไหน ที่สำคัญตอนนี้พี่น้องประชาชนสามารถซื้อทานได้จากภาคีเครือข่ายได้กันทั่วประเทศ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",8/3/2022,ภาคใต้,สุราษฎร์ธานี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308131033480 ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์นราธิวาสร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนเสบียงสัตว์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ จ.นราธิวาส,"วานนี้(7 มีนาคม 2565) นายจักรพงษ์ ขานโบ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์นราธิวาส ร่วมกับนายสามารถ อ่อนสองชั้น ปศุสัตว์จังหวัดนราธิวาส นายสมพงค์ เพ็ชรพรหม ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์นราธิวาส นายต้นพงษ์ คำพลงาม หัวหน้าด่านกักกันสัตว์นราธิวาส สำนักงานปศุสัตว์อำเภอในพื้นที่ประสบอุทกภัยฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการสนับสนุนเสบียงสัตว์ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และบำรุงสุขภาพสัตว์เลี้ยงของเกษตรกรในพื้นที่ด้วยการนำหญ้าแห้งอัดฟ่อนไปแจกจ่ายให้
โดยได้นำไปแจกจ่ายให้กับพื้นที่ต่างๆ ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นราธิวาส จำนวน 1,300 กก. (65 ฟ่อน) อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จำนวน 2,680 กก. ( 134 ฟ่อน) อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส จำนวน 1,000 กก. (50 ฟ่อน) อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส จำนวน 4,000 กก. (200 ฟ่อน) อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส 1,000 กก. (50 ฟ่อน) อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส 4,000 กก. (200 ฟ่อน) รวมทั้งสิ้น 6 อำเภอ สนับสนุนหญ้าแห้งอัดฟ่อน 13,980 กิโลกรัม (699 ฟ่อน) โดยการลงไปช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นการช่วยเหลือในพื้นที่ตำบล ที่เกิดน้ำท่วม ซ้ำซาก และท่วมทุกปีพร้อมทั้งให้ความรู้ แนวทางการช่วยเหลือ และการอพยพสัตว์ไปในที่ที่ปลอดภัย หากเกิดน้ำท่วม และเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนไม่ให้สัตว์ขาดแคลนหญ้าอาหารสัตว์
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",8/3/2022,ภาคใต้,นราธิวาส,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308145345549 "ปี 65 กรมชลประทานจัดจ้างแรงงานชลประทานทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เผยยอดทะลุ 36,000คนแล้ว เชิญชวนเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ หวังบรรเทาปัญหาจากภัยแล้ง และช่วยให้เกษตรกรมีรายได้","นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงความก้าวหน้าโครงการจ้างแรงงานชลประทาน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงฤดูแล้งปี 2564/65 ว่า กรมชลประทาน ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ด้วยการดำเนินโครงการจ้างแรงงานชลประทาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เพื่อซ่อมแซม บำรุงรักษา ขุดลอก ปรับปรุงงานชลประทาน โครงการส่งเสริมการดำเนินงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ก่อสร้างแหล่งน้ำ และระบบส่งน้ำเพื่อชุมชน/ชนบท แก้มลิง การจัดการคุณภาพน้ำ และโครงการป้องกันและบรรเทาภัยจากน้ำ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ทดแทนจากการว่างเว้นการทำการเกษตร โดยในปี 2565 นี้ มีแผนจัดจ้างแรงงานทั้งสิ้น 75,000 คน วงเงินงบประมาณ 4,465 ล้านบาท ระยะเวลาการจ้างแรงงานอยู่ระหว่าง 1 - 10 เดือน วงเงินจ้างแรงงาน/คน จะอยู่ที่ประมาณ 8,700 87,000 บาท ปัจจุบันมีการจ้างแรงงานแล้ว 36,856 คน จังหวัดที่มีผลการจ้างแรงงานมากที่สุด 3 ลำดับ คือ จังหวัดเชียงใหม่ 2,732 คน จังหวัดกาฬสินธุ์ 2,025 คน และจังหวัดอุบลราชธานี 1,981 คน
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ยังคงเดินหน้ารับสมัครจ้างแรงงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ หากเกษตรกรหรือประชาชนท่านใดที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถติดต่อสอบถามหรือสมัครได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือทางสายด่วนกรมชลประทาน 1460
",8/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308135813511 อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ พบไข่เต่าทะเลบริเวณอ่าวสุเทพน้อย เกาะสุรินทร์ใต้ 112 ฟอง จึงย้ายไปไว้ที่ปลอดถัยและเฝ้าระวังการฟักไข่,อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ พบไข่เต่าทะเลบริเวณอ่าวสุเทพน้อย เกาะสุรินทร์ใต้ 112 ฟอง จึงย้ายไปไว้ที่ปลอดถัยและเฝ้าระวังการฟักไข่
นายอาทิตย์ ขยันกิจ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ได้ออกสำรวจและเฝ้าระวังการขึ้นวางไข่ของเต่าทะเลภายในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จากการสำรวจพบรังไข่เต่าตนุบริเวณอ่าวสุเทพน้อย เกาะสุรินทร์ใต้ จึงได้ขุดหลุมรังไข่พบไข่ 112 ฟอง เป็นไข่ที่สมบูรณ์ 106 ฟอง และไข่ไม่สมบูรณ์ 6 ฟอง เจ้าหน้าที่จึงย้ายรังไปไว้ในที่ปลอดภัยจากสัตว์ที่จะเข้ามากินไข่เต่าและน้ำทะเลที่อาจท่วมถึงจะทำให้ไข่เต่าไม่ปลอดภัยได้
,8/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308135743509 ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จังหวัดตรัง ติดตามเยี่ยมเยียนวิสาหกิจชุมชนกลุ่มอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้พื้นถิ่น จังหวัดกระบี่,นางวรรณา พรหมบุญทอง ผู้อำนวยการศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จังหวัดตรัง มอบหมายนางสาวนพรัตน์ ถวิลเวทิน นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ ติดตามให้คำแนะนำการปลูกเลี้ยง การอนุบาลกล้วยไม้ และแนะนำการแก้ปัญหา?ในการป้องกันกำจัดโรคกล้วยไม้ ตลอดจน ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การปลูกขยายพันธุ์ไม้ด่าง เช่น กล้วยด่าง บอนกระดาษด่าง ฯลฯ
ซึ่งวิสาหกิจชุมชนกลุ่มอนุรักษ์กล้วยไม้พื้นถิ่น ปลูกจำหน่ายเป็นรายได้เสริมในช่วงที่ไม้ด่างได้รับความนิยม ตามบทบาทและภารกิจหลักของศูนย์ขยายพันธ์พืชที่ 2 ในการขยายพันธุ์พืช ใน 4 สายการผลิต คือ ต้นพันธุ์ ท่อนพันธุ์ เมล็ดพันธุ์ และการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ซึ่งจำเป็นต้องมีการจัดหาแม่พันธุ์พืชพันธุ์ดี และจัดสร้างเกษตรกรเครือข่ายการผลิตขยายพันธุ์พืช รวมทั้งการจัดทำสื่อเรียนรู้ประชาสัมพันธ์ และจัดงานสถานีถ่ายทอดความรู้ด้านการผลิตและขยายพันธุ์พืช เพื่อให้เกษตรกรได้รับรู้ถึงการดำเนินงานผลิตขยายพันธุ์พืชของศูนย์ขยายพันธุ์พืชดังกล่าว และเข้าถึงพืชพันธุ์ดีได้ต่อไป
สำหรับเกษตรกร หรือประชาชนที่สนใจกล้วยไม้ และพันธ์ไม้ด่าง สามารถเข้าไปศึกษาเรียนรู้ได้ที่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกเลี้ยงพันธุ์กล้วยไม้พื้นถิ่น ม.2 ต.แหลมสัก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ นายสมศักดิ์ ปานบุญ ประธานวิสาหกิจชุมชนฯ เบอร์โทรศัพท์ 061-2454882 ทั้งนี้ ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จังหวัดตรัง เป็นแหล่งผลิตพันธุ์พืชที่สำคัญครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ได้แก่ จังหวัดตรัง พัทลุง สงขลา สตูล นราธิวาส ยะลา และจังหวัดปัตตานี
โดยมีบทบาท ภารกิจ และหน้าที่รับผิดชอบ ในการศึกษา พัฒนา วิจัย ทดสอบ ประยุกต์และถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตพืชพันธุ์ดี วางแผนการผลิตพืชพันธุ์ดีให้สอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร ผลิตพืชพันธุ์ดีให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการผลิตและขยายกระจายพันธุ์พืช เพื่อใช้ในงานส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร ฝึกอาชีพด้านการผลิตและขยายพันธุ์พืชแก่เกษตรกรทั่วไปและผู้สนใจ ให้บริการข้อมูลข่าวสารวิชาการด้านการผลิตขยายพันธุ์พืช และสนับสนุนปัจจัยการผลิตที่จำเป็น รวมทั้งให้บริการทางการเกษตรอื่นๆ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,8/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308150429562 อ.อ.ป. เตรียมจัดงานวันช้างไทย ประจำปี 65 เพื่อสืบสาน ปกป้อง และอนุรักษ์ช้างไทย ภายใต้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด,"องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) เตรียมจัดงานวันช้างไทย ประจำปี 2565 เพื่อสืบสาน ปกป้อง และอนุรักษ์ช้างไทย ภายใต้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด
นายสุกิจ จันทร์ทอง ผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ กล่าวว่า สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ จ.ลำปาง สังกัดองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) จะจัดงาน ""วันช้างไทย"" ประจำปี 2565 ตรงกับวันที่ 13 มีนาคมของทุกปี ระหว่างวันที่ 12 - 13 มีนาคม ณ สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง เพื่อให้ประชาชนไทยหันมาสนใจ รัก และหวงแหนช้าง สิ่งสำคัญให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ช้างมากขึ้น เนื่องจากคนไทยมีวิถีชีวิตที่มีความผูกพันกับช้างมาตั้งแต่อดีต โดยวันที่ 12 มีนาคม จะเป็นกิจกรรมพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ , พิธีฮ้องขวัญช้าง , พิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ช้าง ณ สุสานช้าง และการประกวดซุ้มอาหารช้าง ส่วนวันที่ 13 มีนาคม จะจัดกิจกรรมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งร่วมกับช้าง , พระสงฆ์ 16 รูป (สะพานบุญ) , พิธีเลี้ยงอาหารช้าง ซึ่งปีนี้จะเปิดให้ประชาชนที่เข้าร่วมงานมีโอกาสเข้าเยี่ยมและร่วมเลี้ยงอาหารช้างด้วย
สำหรับการจัดกิจกรรมวันช้างไทยปีนี้จะจัดงานภายใต้มาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 โดยจัดตั้งจุดตรวจโควิด-19 เพื่อคัดกรองประชาชนก่อนเข้างาน พร้อมกำชับให้การจัดกิจกรรมต่างๆต้องเว้นระยะห่าง เพื่อลดความแออัดของการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆด้วย
",8/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308144140539 คพ. และ ทช. เร่งตรวจสอบหาที่มาของคราบฟิล์มน้ำมันในทะเลระยองบริเวณชายหาดแหลมเจริญ ระยะทางกว่า 1 กม. คาดใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์,กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เร่งตรวจสอบหาที่มาของคราบฟิล์มน้ำมันในทะเลจังหวัดระยองบริเวณชายหาดแหลมเจริญ ระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร คาดใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้รับแจ้งพบคราบฟิล์มน้ำมันในทะเลจังหวัดระยอง จึงร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ส่งทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างคราบฟิล์มน้ำมันมาทำการวิเคราะห์โครงสร้างองค์ประกอบน้ำมัน (ฟิงเกอร์ปริ้นท์) หาต้นตอที่มาของคราบน้ำมันรั่วในทะเล คาดว่า ประมาณ 1 สัปดาห์จะรู้คำตอบแหล่งที่มาของคราบน้ำมันดังกล่าว ภาพรวมช่วง 1 เดือนที่มาหลังเกิดปัญหาท่อน้ำมันของ บริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จํากัด (มหาชน) หรือ SPRC รั่วใต้ทะเลยังอยู่ระหว่างซ่อมแซมรอยรั่ว พบปัญหาฟิล์มและคราบน้ำมันหลายจุดของทะเลระยอง โดยบริษัทได้ขยายเวลาการซ่อมแซมท่อใต้ทะเลออกไปอีก 1 สัปดาห์ ขณะที่ คพ. ยังคงตรวจสอบสารปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอน (TPH) ในทะลและชายหาดท่องเที่ยวต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณก้นอ่าวหาดแม่รำพึงยังพบเกินค่ามาตรฐานแต่ไม่สูงมาก ซึ่งไม่ชัดเจนว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับกระแสน้ำหรือไม่
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวย้ำว่า ยังขอความร่วมมือประชาชนงดเล่นน้ำและรอผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำมีความปลอดภัยแล้วหรือไม่ หลังสัปดาห์ก่อนพบสารปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอน (TPH) จากคราบน้ำมันที่พัดเข้าหาดแม่รำพึงที่พบมีค่าเกินมาตรฐานอย่างน้อย 3 จุด คือ บริเวณลานหินขาว // หาดแม่รำพึง และบริเวณก้นอ่าว พบเกินค่ามาตรฐาน 1.5 เท่าตามเกณฑ์คุณภาพน้ำทะเลที่ต้องไม่เกิน 1.0 ไมโครกรัมต่อลิตร แต่แนวโน้มจะลดลงเรื่อยๆ
,8/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308151732575 กอ.รมน.มุกดาหาร จัดกิจกรรมอบรมปลูกจิตสำนึกเยาวชนและประชาชนร่วมปกป้องผืนป่าและทรัพยากรธรรมชาติ,"วันที่ 7 มีนาคม 2565 เวลา 08.30 น. พ.อ.วรพรต แก้ววิจิตร รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)จังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมโครงการ ปลูกจิตสำนึกเยาวชน และประชาชนร่วมปกป้องผืนป่าและทรัพยากรธรรมชาติ ประจำปีงบประมาณ 2565 งวดที่ 1 (เพิ่มเติม) โดยมีกลุ่มเป้าหมายเข้ารับการอบรม เป็นครูและนักเรียน จากโรงเรียนคำป่าหลายสรรพวิทย์ จำนวน 100 คน ที่หอประชุมโรงเรียนคำป่าหลายสรรพวิทย์ ตำบลคำป่าหลาย อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดมุกดาหาร จัดการอบรมดังกล่าวขึ้นระหว่างวันที่ 7 8 มีนาคม 2565 กิจกรรมการฝึกอบรมประกอบด้วย การให้ความรู้ในเรื่องการปกป้องผืนป่าและทรัพยากรธรรมชาติ , การสาธิตการเพาะชำกล้าไม้ กิจกรรมการปฏิบัติ การเพาะชำกล้าไม้ การทำแนวป้องกันไฟป่า , การสร้างฝ่ายมีชีวิตและดูงานเรื่องศูนย์เรียนรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยมีวิทยากรจาก กอ.รมน.จังหวัดมุกดาหาร, สนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมุกดาหาร ,เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว, หน่วยเพาะพันธุ์กล้าไม้มุกดาหาร ,ประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร และ ปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ ในการอนุรักษ์ พัฒนา ฟื้นฟู ป้องกัน ปลูกป่าไม้ทดแทน และการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยยึดหลัก ""ประชาชนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา"" มุ่งสร้างการอยู่ร่วมกับทรัพยากรธรรมชาติอย่างเป็นมิตรและยั่งยืน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",8/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,มุกดาหาร,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308153122585 สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง รายงานฝุ่น PM2.5 พบค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุด 98 มคก.ลบ.ม.,สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง รายงานฝุ่น PM2.5 ประจำวันที่ 8 มีนาคม 2565 ณ เวลา 09.00 น. พบค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุด 98 มคก./ลบ.ม. และพบค่าฝุ่น PM2.5 ต่ำสุด 24 มคก./ลบ.ม. และข้อมูลศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศ และภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งภาคเหนือตอนบนคาดการณ์ล่วงหน้า 1 วัน คุณภาพอากาศปานกลาง พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ จังหวัดลำปาง เชียงใหม่ พะเยา แพร่ และน่าน สำหรับภาคเหนือตอนล่างคาดการณ์ล่วงหน้า 1 วัน คุณภาพอากาศเริ่มมีผลต่อสุขภาพ พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก และพิจิตร
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,8/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308153720592 สำนักงานปศุสัตว์อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลยตรวจเยี่ยมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อและขึ้นทะเบียนปรับปรุงข้อมูล ในระบบทะเบียนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์รายครัวเรือน กรมปศุสัตว์,นายทวีพงศ์ สาระทัศนานันท์ ปศุสัตว์อำเภอด่านซ้าย กล่าวว่าสำนักงานปศุสัตว์อำเภอด่านซ้าย ตรวจเยี่ยม ให้คำแนะนำการเลี้ยง การให้อาหาร การดูแลสุขภาพสัตว์ การจัดการและเฝ้าระวังป้องกันโรคฯ แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ จำนวน 1 ราย เป็นนายเกรียงไกร เสนานุช บ้านเลขที่ 86 หมู่ที่ 5 ตำบลปากหมัน เลี้ยงโคเนื้อ 34 ตัว ที่บ้านนาข่า หมู่ที่ 5 ตำบลปากหมัน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
จากนั้น สำนักงานปศุสัตว์อำเภอด่านซ้าย ดำเนินการปรับปรุงข้อมูล ในระบบทะเบียนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์รายครัวเรือน กรมปศุสัตว์ จำนวน 1 ราย เป็นนายพิเชษฐ์ เหมือนศรีชัย บ้านเลขที่ 91 บ้านชั่งสี่ หมู่ที่ 5 ตำบลโคกงาม เลี้ยงกระบือ 15 ตัว ไก่พื้นเมือง 28 ตัว สุนัข 3 ตัว แมว 1 ตัว พร้อมให้คำแนะนำการเลี้ยง การดูแลสุขภาพสัตว์ การป้องกันโรคฯ แก่เกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนฯ ณ สำนักงานปศุสัตว์อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,8/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,เลย,สวท.ด่านซ้าย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308161240626 "ประเทศไทย ได้สิทธิ์เจ้าภาพพืชสวนโลก ปี 2569 พร้อมเนรมิตอุดรธานี พื้นที่ 1,030 ไร่ กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ","นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะผู้บริหาร เข้าร่วมการประชุมสมาคมพืชสวนโลก ตามคำเชิญของสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ โดยในวันนี้สมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ ได้ประกาศการคัดเลือกอย่างเป็นทางการ ให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 (ระดับ B) ภายใต้แนวคิด Diversity of Life: Connecting people, water and plants for sustainable living (วิถีชีวิตสายน้ำและพืชพรรณ) ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2569 14 มีนาคม 2570 รวมกว่า 134 วัน บริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำหนองแด ตำบลกุดสระ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี บนเนื้อที่ 1,030 ไร่ แบ่งเป็น พื้นน้ำ 400 ไร่ และพื้นดิน 630 ไร่ คาดว่าจะทำให้มีจำนวนผู้เข้าชมงานถึง 3.6 ล้านคน เป็นชาวไทยร้อยละ 70 และชาวต่างชาติร้อยละ 30 มีจำนวนประเทศ ที่เข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 20 ประเทศ / องค์กร / สมาคมการเป็นเจ้าภาพมหกรรมพืชสวนโลกในปี 2569 คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศไทยได้เป็นอย่างมาก สามารถเพิ่มเงินสะพัดระหว่างการจัดงานได้ประมาณ 32,000 ล้านบาท เพิ่มมูลค่าการสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ประมาณ 20,000 ล้านบาท และเกิดการสร้างงาน การจ้างงาน ประมาณ 81,000 อัตรา
สำหรับงานมหกรรมพืชสวนโลก เป็นงานมหกรรมจัดแสดงด้านพืชสวนกลางแจ้ง โดยมีสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPH) เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การจัดงาน ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตรเข้าเป็นสมาชิก AIPH ในนามประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 และไทยได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกมาแล้วจำนวน 2 ครั้งคือ ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2549 และ ครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2554 ณ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งการยื่นประมูลสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพในปี พ.ศ. 2569 นี้ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ประเทศไทยยื่นประมูลสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพ และเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบงบประมาณด้วยแล้ว
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (TCEB หรือ สสปน.) ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และจังหวัดอุดรธานี ได้ยื่นประมูลสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 อย่างเป็นทางการต่อสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 และคณะกรรมการสมาคม AIPH ได้เดินทางมาสำรวจพื้นที่เชิงลึก (Site Inspection) เมื่อวันที่ 14 - 16 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา ณ จังหวัดอุดรธานี ตามข้อกำหนด ของ AIPH เรียบร้อยแล้ว
",8/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308210620749 ตัวแทนประชาชนผู้เดือดร้อนขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภคยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ขอให้ประสานกรมทรัพยากรน้ำบาดาลแก้ไขปัญหาเร่งด่วน,
วันนี้(8 มี.ค.65)ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม นายขจร ศรีชวโนทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมด้วยพันเอกจิระโรจน์ กองวารี รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด
นายสันชัย พัฒนะวิชัย หัวหน้าสำนักงานจังหวัด นายไชยวัฒน์ วิเศษการ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรสงคราม ร่วมรับมอบหนังสือขอความอนุเคราะห์ประสานงานการจัดหาน้ำบาดาลเพื่อการอุปโภคบริโภค จากนายธนู เสมอจิต นายกองค์การบริหารส่วนตำบลลาดใหญ่โดยมีประชาชนชาวตำบลลาดใหญ่ที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ เดินทางมาร่วมมอบหนังสือ
ทั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่ตำบลลาดใหญ่ อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จำนวน 12 หมู่บ้าน ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ทางองค์การบริหารส่วนตำบลลาดใหญ่ จึงขอเป็นตัวแทนของประชาชนในพื้นที่ จัดทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ในการขอความอนุเคราะห์ประสานงานกับสำนักทรัพยากรน้ำบาดดาลเขต 8 ราชบุรี จัดหาน้ำบาดาลสำหรับการอุปโภคบริโภค เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนประชาชนของตำบลลาดใหญ่ทั้ง 12 หมู่บ้าน
ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ได้กล่าวกับประชาชน ที่มายื่นหนังสือว่า นอกจากพื้นที่ตำบลลาดใหญ่ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคแล้ว ยังมีประชาชนในเขตตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคนที ตำบลบางลี่ อำเภออัมพวา และในเขตเทศบาลตำบลอัมพวา ประสบกับปัญหาดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญในการดำรงชีวิตของประชาชนเป็นอย่างยิ่ง และได้มอบหมายให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรสงคราม จัดทำหนังสือถึงสำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาลเขต 8 ราชบุรี และกรมทรัพยากรน้ำบาดาลพร้อมทั้งติดตามผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,8/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,สมุทรสงคราม,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308174752677 จ.สมุทรปราการเตรียมจัดมหกรรมวันมะม่วงน้ำดอกไม้สมุทรปราการ,สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรปราการ เตรียมจัดมหกรรมวันมะม่วงน้ำดอกไม้สมุทรปราการ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์มะม่วงน้ำดอกไม้สมุทรปราการให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคและประชาชนทั่วไป
สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดแถลงข่าวการจัดงานมหกรรมวันมะม่วงน้ำดอกไม้สมุทรปราการ ประจำปี 2565 ระหว่างวันที่ 11-13 มีนาคม 2565 ณ ศูนย์การค้ามาร์เก็ต วิลเลจ สุวรรณภูมิ ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดยมี นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานการแถลงข่าว
จังหวัดสมุทรปราการ เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ชายฝั่งติดกับทะเลอ่าวไทย โดยมีแม่น้ำเจ้าพระยา และลำคลองระบายน้ำขนาดใหญ่หลายสายไหลผ่านในเขตอำเภอต่างๆ ก่อนลงสู่ทะเลอ่าวไทย ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ดังกล่าวจึงได้รับอิทธิพลของน้ำขึ้นน้ำลงเกิดระบบนิเวศ 3 น้ำ คือ น้ำเค็ม น้ำจืด และน้ำกร่อย ซึ่งการที่แม่น้ำเจ้าพระยา และลำคลองต่างๆ ไหลผ่าน ได้นำพาแร่ธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการปลูกพืชมาสะสมเกิดตะกอนดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีความเหมาะสมต่อการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยเฉพาะมะม่วงน้ำดอกไม้ของจังหวัดสมุทรปราการ ที่มีรสชาติที่อร่อยและโดดเด่นกว่ามะม่วงจากแหล่งผลิตอื่นๆ เพราะมีรสชาติที่หอมหวาน ความหวาน 18 - 23 องศาบริกซ์ ผลอวบ เนื้อแน่นแห้ง สีจำปา เปลือกบางมาก สีเหลืองอมเขียว
จังหวัดสมุทรปราการ ได้ดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรชาวสวนมะม่วง โดยการรวมกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงในรูปแบบแปลงใหญ่ เพื่อกระตุ้นและปลูกจิตสำนึกการอนุรักษ์มะม่วงน้ำดอกไม้ ให้คงอยู่คู่จังหวัดสมุทรปราการ ส่งเสริมให้มีการฟื้นฟู บำรุงรักษาสวนมะม่วงให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ พัฒนาการผลิตให้มีคุณภาพที่ดี และเพิ่มมูลค่าผลผลิตด้วยการสร้างแบรนด์มะม่วงน้ำดอกไม้ที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดสมุทรปราการ
การจัดงานมหกรรมวันมะม่วงน้ำดอกไม้สมุทรปราการ จะช่วยกระตุ้นการสร้างความตระหนักในการอนุรักษ์ฟื้นฟู บำรุงรักษาสวนมะม่วงน้ำดอกไม้ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ พัฒนาการผลิตให้มีคุณภาพเพื่อการค้า ตลอดจนเผยแพร่ประชาสัมพันธ์มะม่วงน้ำดอกไม้สมุทรปราการ ให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคและประชาชนทั่วไปและยังเป็นการช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์
ภายในงานยังมีการจัดแสดงนิทรรศการแบบมีชีวิตนิทรรศการสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้และสินค้าเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม การสาธิตการเพิ่มมูลค่าผลผลิตมะม่วง คลินิกเกษตรให้คำปรึกษาแนะนำ และความรู้ที่จำเป็นในการปลูก บำรุงรักษาสวนมะม่วงน้ำดอกไม้ ให้มีคุณภาพปลอดภัยและได้มาตรฐาน การประกวดผลผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะม่วง จำนวน 10 ประเภท เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาการผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้ และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะม่วง ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,8/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,สมุทรปราการ,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรปราการ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308192726727 ครม. อนุมัติร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้า กำหนดเกณฑ์การปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้างในการควบคุมดูแลและเลี้ยงช้าง,นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับการปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้างเป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .. โดยสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับปางช้างเป็นมาตรฐานบังคับเพื่อกำหนดเกณฑ์การปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้าง ในการจัดการควบคุมดูแลและเลี้ยงช้างให้ถูกต้องเหมาะสม เป็นไปตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ โดยกฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับเมื่อผลกำหนด 2 ปีนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เห็นความสำคัญของช้าง ซึ่งเป็นสัตว์ใหญ่ คู่บ้านคู่เมือง ด้วยการยกระดับการปฏิบัติในปางช้างให้มีมาตรฐานและส่งเสริมการดูแลช้างตามหลักวิชาการ ลดปัญหาช้างเร่ร่อน และส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย ปัจจุบันประเทศไทยมีปางช้างจำนวนมากที่ทำธุรกิจบริการ ส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติที่ดี จึงส่งผลให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพช้าง รวมทั้งเกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมจากมูลช้างและขยะมูลฝอย สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) จึงได้มีประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องกำหนดให้มาตรฐานสินค้าเกษตรการปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้าง ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. 2551 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 เป็นมาตรฐานบังคับ โดยใช้บังคับกับปางช้างทุกขนาดด้วย
วันนี้ (8 มีนาคม 2565) เวลา 14.30 นาฬิกา ณ อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด คณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออก โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญส่ง ไข่เกษ พลเอก วสันต์ สุริยมงคล และนายอุดม วรัญญูรัฐ สมาชิกวุฒิสภา ลงพื้นที่ไปยังอำเภอเกาะช้าง เพื่อติดตามการดำเนินงานโครงการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย และระบบกำจัดขยะมูลฝอยในพื้นที่อำเภอเกาะช้าง
ซึ่งในการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย เทศบาลตำบลเกาะช้างจะทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อนดำเนินโครงการ (IEE) พร้อมทั้งสอบถามประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับประโยชน์หรือผลกระทบที่จะดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไป ส่วนประเด็นระบบกำจัดขยะมูลฝอย คณะกรรมการฯ มีข้อเสนอแนะให้ลดความชื้นของขยะก่อนนำเข้าสู่กระบวนการบริหารจัดการด้านต่าง ๆ ต่อไป
สำหรับการลงพื้นที่รับฟังข้อคิดเห็นครั้งนี้ คณะกรรมการฯ จะนำไปเป็นข้อมูลในการติดตาม เร่งรัด และเสนอแนะไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่และอำนาจของวุฒิสภาต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,8/3/2022,ภาคตะวันออก,ตราด,สวท.ตราด,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220308214407757 โครงการกระบี่โมเด็ล (model) สร้างรายได้ให้แก่เกษตรชาวสวนปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์,นายไกรวิทย์ ฝั่งขวา อยู่บ้านเลขที่169 หมู่ 4 ตำบล ตลิ่งชัน อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ กล่าวถึงการเข้าร่วมโครงการกระบี่โมเด็ลว่าตนเองเข้าร่วมโครงการกระบี่โมเดลเมื่อปี 2563 หลังจากที่ได้เข้าร่วมโครงการและลงมือปฏิบัตอย่างจริงจังก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ในการทำสวนปาล์มน้ำมันภายใน 2 ปี จะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์
แต่อย่างแรกในการทำกระบี่โมเดล คือการยอมรับการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของความคิด ความรู้ใหม่ๆ จากเมื่อก่อนมีการทำการเกษตรแบบเดิม คือการบอกต่อกันมา ทำให้ได้ค่าตอบแทนไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ต้นทุนการผลิตก็สูง หากเราผ่านการอบรมแล้วมีการนำความรู้มาปรับใช้ ก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงเพราะในการอบรมก็เป็นการติดอาวุธทางปัญญาให้แก่เกษตรกร ไม่ต้องไปเพิ่มพื้นที่ให้มาก เพียงแต่ปรับพื้นที่ที่มีอยู่ให้ได้รับประโยชน์สูงสุด โดยทางสำนักงานเกษตรจังหวัดกระบี่ได้มีการเชิญวิทยากรที่มีความชำนาญ เข้ามาให้ความรู้ในทุกๆ เรื่อง
โดยเฉพาะการบริหารจัดการสวนปาล์มน้ำมันที่ดีภายในระยะเวลา 2 ปี ก็จะเห็นความแตกต่าง เช่น เมื่อก่อนการดูแลสวนปาล์มเราก็จะใส่ปุ๋ยตามคำบอกเล่าของคนอื่นที่บอกต่อกันมา แต่เมื่อเราเข้าร่วมโครงการกระบี่โมเดลเราก็จะได้รู้ว่าการใส่ปุ๋ยแต่ละครั้ง แต่ละรอบปี เราต้องมีการวัดค่า pH ความเป็นกรด เป็นด่างของดินก่อน ทำให้เราได้ทราบว่าดินของเราเป็นอย่างไรบ้าง ดินเปรี้ยวหรือดินเค็ม เมื่อใส่ปุ๋ยก็จะได้ตรงตามความต้องการของปาล์ม มีการจดบันทึกผลผลิตที่ได้ในแต่ละรอบ
ซึ่งผู้ที่ได้เข้าร่วมโครงการกระบี่โมเดล จะมีการจัดอบรมทฤษฎีและปฏิบัติแบบเข้มข้น สมาชิกทุกคนต้องวัดค่า PH ของดินเป็นทุกคน มีการฝึกอบรมการปฏิบัติอย่างจริงจัง การดูแลภายในสวนปาล์มน้ำมัน การกองทางปาล์มอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด การหว่านปุ๋ยที่ถูกต้อง ซึ่งทุกๆ อย่างถ้าหากทำอย่างถูกวิธีก็จะทำให้ปาล์มน้ำมันมีความอุดมสมบูรณ์ ผลผลิตที่ได้ก็จะเพิ่มขึ้นตามมา โดยเฉพาะสวนปาล์มของตนเองในพื้นที่ 10 ไร่ จากเมื่อก่อนได้ผลผลิตประมาณ 3 ตันต่อไร่ต่อปี ปัจจุบันมีผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 4 ตันต่อไร่ต่อปี เพิ่มขึ้นประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,8/3/2022,ภาคใต้,กระบี่,สวท.กระบี่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309044013801 นายกรัฐมนตรี ยินดีที่ประเทศไทยได้รับคัดเลือกเป็นเจ้าภาพการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569,"นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบผลการประชุมสมาคมพืชสวนโลก (International Association of Horticultural Producers : AIPH) เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2565 และยินดีที่ไทยได้รับคัดเลือกอย่างเป็นทางการ ให้เป็นเจ้าภาพการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 นายกรัฐมนตรี มีความเชื่อมั่นในความพร้อมของประเทศไทยในการทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดงาน และขอให้ใช้โอกาสนี้ในการนำเสนอนวัตกรรมและเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านพืชสวน และการดำรงอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุลย์ งานดังกล่าวถือเป็นพื้นที่ในการแสดงผลงานในการผลักดันนโยบาย BCG ของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงเป็นการสร้างความร่วมมือทั้งระดับชาติและระดับนานาชาติในการสร้างความมั่นคงทางอาหารในโลกอีกด้วย
นายกรัฐมนตรี ยังได้ขอบคุณ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย และพี่น้องชาวจังหวัดอุดรธานี ที่มีส่วนสำคัญในการขับเลื่อนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในนามประเทศไทย โดยงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 จะจัดขึ้นภายใต้แนวคิด Diversity of Life: Connecting people, water and plants for sustainable living (วิถีชีวิตสายน้ำและพืชพรรณ) ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2569 14 มีนาคม 2570 บริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำหนองแด ตำบลกุดสระ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี บนเนื้อที่ 1,030 ไร่ แบ่งเป็น พื้นน้ำ 400 ไร่ และพื้นดิน 630 ไร่ โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 3 ล้านคน สร้างงานได้กว่า 8 หมื่นอัตรา ให้แก่คนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง และสร้างรายได้แก่ประเทศหลักหมื่นล้านบาท
นางสาวรัชดา กล่าวว่า การได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกของไทย นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในด้านการพัฒนาพืชสวนแล้ว ยังจะเป็นการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ในด้านการเกษตร ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งยังเป็นโอกาสที่ดีในการเผยแพร่พระราชดำริด้านการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืนสู่ประชาคมโลกอีกด้วย
การจัดงานในครั้งนี้ยังจะสามารถสร้างงาน กระจายรายได้ ให้กับคนในพื้นที่และจังหวัดข้างเคียง ส่งเสริมองค์ความรู้ด้านพืชสวนและการเกษตรให้กับท้องถิ่น รวมไปถึงสามารถแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมและเป็นแหล่งผลิตอาหารที่มีคุณภาพ สามารถผลิตอาหารที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐานสากล
",9/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309193009164 จ.ลำปาง ศูนย์รวบรวมข้อมูลและสั่งการ (War Room) ระดับจังหวัด ติดตามการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และ Pm 2.5,
นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง มอบหมายให้ นายสุรพล บุรินทราพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานในการประชุมศูนย์รวบรวมข้อมูลและสั่งการ (War Room) ระดับจังหวัด เพื่อดำเนินการติดตาม ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน Pm 2.5 ในพื้นที่จังหวัดลำปาง ครั้งที่ 7/2565 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมฯ ณ ห้องประชุมสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำปาง และผ่านระบบออนไลน์
ที่ประชุม ได้รับทราบสภาวะอากาศ ปริมาณน้ำฝน/สถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและ Pm 2.5 ในพื้นที่จังหวัดลำปาง/การรับมือสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันฯ ของแต่ละหน่วยงาน / การรายงานแผนการบริหารจัดการเชื้อเพลิงของแต่ละพื้นที่ และของแต่ละอำเภอ
ทั้งนี้ สถานการณ์หมอกควันและไฟป่าในพื้นที่จังหวัดลำปางยังอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถควบคุมได้ อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดลำปางยังคงเพิ่มความเข้มข้นในเรื่องของการบริหารจัดการสถานการณ์และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวัง ลวดตระเวนป้องกันการลักลอบเผาในบริเวณพื้นที่ป่าและชุมชน เนื่องจากช่วงนี้ได้เริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน สภาพอากาศแห้งแล้งทำให้เกิดไฟป่าและเกิดการลุกลามได้ง่าย พร้อมทั้งสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,9/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309095947829 กอนช. ขอให้ประชาชนหลายพื้นที่ทั่วประเทศระวังเกิดฝนตก ส่วนภาคใต้ฝนลดลง,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนหลายพื้นที่ทั่วประเทศระวังเกิดฝนตก ส่วนภาคใต้ฝนลดลง
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (9 มี.ค.65) ว่า ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลางมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนลดลง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.สุราษฎร์ธานี 94 มิลลิเมตร , ชุมพร 91 มิลลิเมตร และยะลา 66 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 29,835 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 51 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 23,782 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 51 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 5 แห่ง คือ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล อ่างเก็บน้ำแม่จาง และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนและแม่กลองมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
",9/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309092551819 กรมส่งเสริมการเกษตร เดินหน้าต่อเนื่อง ฟิวเดย์ เสริมภูมิรู้เกษตรกรพร้อมสู่ฤดูเพาะปลูกใหม่,นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร กำหนดจัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ หรือ Field Day เพื่อเตรียมความพร้อมและเสริมองค์ความรู้ด้านการเกษตรที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ให้กับเกษตรกร
การจัดงานครั้งล่าสุด จัดโดยสำนักงานเกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ณ วัดพระราม อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุทธยา ซึ่งได้เชิญเกษตรกรผู้ประสบความสำเร็จในการทำนา มาร่วมถ่ายทอดความรู้ในหัวข้อต่างๆ
กรมส่งเสริมการเกษตร ดำเนินภารกิจในการจัดงาน Field Day เพื่อถ่ายทอดความรู้แบบเห็นของจริงมาอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้เกษตรกรได้รับทราบเทคโนโลยีการผลิตใหม่ๆ ช่องทางการตลาด แหล่งข้อมูล การเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ของตนเอง ตลอดจนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเกษตรกรด้วยกันเอง รวมทั้งนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา ซึ่งเป็นตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นหน่วยงานหลักในการจัดงาน และใช้ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ทางการเกษตรที่มีเกษตรกรผู้นำเป็นผู้บริหารจัดการภายใต้การสนับสนุนของทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นสถานที่จัดงาน
สำหรับเกษตรกรและผู้ที่สนใจรับความรู้ในงานฟิวเดย์ สามารถสอบถามรายละเอียด วัน เวลา และสถานที่จัดงานประจำจังหวัดของตนได้ที่ สำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้านท่าน
,9/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309103839851 คณะอาจารย์ และนักศึกษา ม.ราชภัฏเพชรบุรี ลงพื้นที่สวนชมพู่เพชรสายรุ้ง ตำบลหนองโสน ศึกษา วิธีการปลูก การดูแลรักษา การกำจัดศัตรูพืช ช่องทางการตลาด สร้างทักษะต่อยอดสู่การพัฒนาสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่,
วานนี้( 8 มีนาคม 2565 ) เวลา 13.00 น. สวนชมพู่เพชรสายรุ้ง หมู่ที่ 1 ตำบลหนองโสน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี นายยุทธนา เมืองเล็ก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองโสน ต้อนรับอาจารย์ ดร.ศิริวรรณ แดงฉ่ำ ประธานสาขาวิชาเกษตรศาสตร์ คณะเพชรบุรีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี และคณะนักศึกษา ปี 2 รายวิชาการผลิตไม้ผล ลงพื้นที่สวนชมพู่เพชรสายรุ้ง
นายยุทธนา เมืองเล็ก นายก อบต.หนองโสน เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้สนับสนุนส่งเสริมให้นักศึกษาได้ประสบการณ์ตรงในด้านการเกษตรให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการปลูก การดูแลรักษา การกำจัดศัตรูพืช รวมไปถึงวิธีการห่อผลผลิต การบรรจุผลิตภัณฑ์และช่องทางการจำหน่ายชมพู่เพชรสายรุ้งออกสู่ตลาด นักศึกษาให้ความสนใจเป็นอย่างมากและจดบันทึกข้อมูลความรู้ที่ได้รับ เพื่อนำไปประกอบการเรียนสร้างทักษะต่อยอดนำไปสู่การพัฒนาสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ในอนาคตให้กับการผลิตไม้ผลสู่ท้องถิ่นต่อไป
สวท.เพชรบุรี/9 มี.ค.65
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,9/3/2022,ภาคตะวันตก,เพชรบุรี,สวท.เพชรบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309094415822 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ ส่วน กทม.และปริมณฑลปรับตัวสูงขึ้นเกินมาตรฐานระดับสีส้ม 15 พื้นที่ โดยต้องเฝ้าระวังฝุ่นสูงขึ้นพรุ่งนี้อีก 1 วัน,"ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลปรับตัวสูงขึ้นเกินมาตรฐานระดับสีส้ม 15 พื้นที่ โดยต้องเฝ้าระวังฝุ่นสูงขึ้นพรุ่งนี้อีก 1 วัน
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (9 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีมากถึงปานกลาง โดยค่าฝุ่นปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยเฉพาะบริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ค่าฝุ่นลดลงแล้วหลังเกินมาตรฐานในระดับสีแดงต่อเนื่องมาหลายวัน ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 15 - 16 มีนาคม แต่ช่วงวันที่ 11 - 12 มีนาคม ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษมีแนวโน้มค่าฝุ่นอาจสูงขึ้นได้บางพื้นที่
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นเกินเกณฑ์มาตรฐานระดับสีส้ม 15 พื้นที่ เช่น ริมถนนดินแดง เขตดินแดง , เขตคลองสามวา , ริมถนนบางนา-ตราด เขตบางนา , ริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 เขตหนองแขม เนื่องจากสภาพอากาศปิดและลมพัดนิ่ง ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 12 - 16 มีนาคม แต่ช่วงวันที่ 10 มีนาคม ควรเฝ้าระวังและควบคุมการเผาในจังหวัดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอย่างใกล้ชิด เพราะมีโอกาสส่งผลกระทบให้กรุงเทพมหานครและปริมณฑลบางพื้นที่มีค่าเกินมาตรฐานได้
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
",9/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309094219821 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลงมากจากการเกิดพายุฤดูร้อน ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังกระทบไทยหลายพื้นที่,"สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลงมากจากการเกิดพายุฤดูร้อน ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังกระทบประเทศไทยหลายพื้นที่
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (8 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศเพียง 167 จุด โดยพบมากที่สุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 51 จุด // พื้นที่เกษตร 48 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 32 จุด // พื้นที่เขต สปก. 22 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 13 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 1 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุด คือ แม่ฮ่องสอน 51 จุด , อุบลราชธานี 23 จุด และอุดรธานี 20 จุด โดยจุดความร้อนลดจำนวนมากจากพายุฤดูร้อน ทำให้เกิดฝนฟ้าคะนองในหลายพื้นที่ แต่ยังพบจุดความร้อนบ้างในพื้นที่ภาคเหนือบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอนและตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนวันนี้คุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยรวมทั่วประเทศไทยอยู่ในระดับดีถึงดีมาก เหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือการท่องเที่ยว ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 8 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 9,711 จุด , ภาคเหนือ 8,602 จุด และภาคกลาง 5,210 จุด
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาติดต่อกัน 10 วัน 2,135 จุด รองลงมาเป็นกัมพูชา 1,142 จุด และ สปป.ลาว 767 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องค่อนข้างหน้าเป็นห่วงอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",9/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309102022842 ผลักดันเกษตรกรเลี้ยงแพะ สินค้าปศุสัตว์ทางเลือก ส่งเสริมรวมกลุ่ม พัฒนาศักยภาพการผลิต,"นายไพฑูรย์ สีลาพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 9 สงขลา สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เปิดเผยถึงสถานการณ์ผลิตแพะเนื้อในพื้นที่จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตอันดับ 2 ของภาคใต้ตอนล่าง รองจากจังหวัดยะลา โดยเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะในจังหวัดสงขลาส่วนใหญ่ มีการเลี้ยงแพะเนื้อเป็นอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ ในครอบครัวและมีแนวโน้มการเลี้ยงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย ทนทานต่อทุกสภาพภูมิอากาศ ใช้พื้นที่ในการเลี้ยงน้อยและให้ผลตอบแทนเร็ว
ปัจจุบันมีจำนวนแพะเนื้อรวม 58,353 ตัว เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาและมีเกษตรกรผู้เลี้ยง 5,952 ราย จึงได้ศึกษาวิจัยการผลิตและการตลาดแพะขุนในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินนโยบายการตลาดนำการผลิต ซึ่งเกษตรกรในพื้นที่ส่วนใหญ่ นิยมเลี้ยงพันธุ์แพะลูกผสม เป็นการใช้ประโยชน์จากข้อดีและลดข้อด้อยของสายพันธุ์ที่เป็นพันธุ์แท้แต่ละพันธุ์ สำหรับต้นทุนและผลตอบแทนการผลิตแพะขุนของจังหวัดสงขลา พบว่า มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 2,655 บาท/ตัว หรือ 107 บาท/กิโลกรัม ด้านสถานการณ์ตลาดแพะขุนของจังหวัดสงขลา การจำหน่ายแพะขุนส่วนใหญ่ ร้อยละ 54 จำหน่ายให้กับพ่อค้ารวบรวมในจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ พัทลุง สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เพื่อจำหน่ายต่อในจังหวัดและรวบรวมส่งออกไปยังประเทศเวียดนามและมาเลเซีย รองลงมาร้อยละ 33 จำหน่ายให้กับพ่อค้ารวบรวมในจังหวัดสงขลาเพื่อนำไปจำหน่ายต่อให้แก่พ่อค้าขายปลีกเนื้อแพะชำแหละ ร้อยละ 9 เกษตรกรผู้เลี้ยงแพะเป็นผู้จำหน่ายเองให้แก่ผู้บริโภคโดยตรงและส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 4 จำหน่ายให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงแพะในท้องถิ่นเพื่อนำไปเลี้ยงต่อหรือขยายพันธุ์ต่อไป
การเลี้ยงแพะควรมีการส่งเสริมพัฒนาองค์ความรู้ พัฒนาการเลี้ยงแพะขุนคุณภาพอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งพัฒนากลุ่มเกษตรกรในการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรและพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน อีกทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มเพื่อจำหน่ายให้พ่อค้าขายปลีกเนื้อแพะชำแหละโดยตรง มีการส่งเสริมสนับสนุนการจัดตั้งโรงชำแหละที่ได้รับมาตรฐานและการส่งเสริมการแปรรูปเนื้อแพะให้แก่เกษตรกรเพื่อนำไปขยายผลและพัฒนาต่อไป
",9/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309104622860 หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้เมืองแม่ฮ่องสอน ร่วมกับเหยี่ยวไฟ เข้าควบคุมดับไฟบริเวณ ป่าทางขึ้นสถานีเรดาร์บ้านสบสอย พร้อมทำแนวป้องกันไฟสกัดไว้ เสียหาย 10 ไร่,
วันที่ 8 มีนาคม 2565 นายทวีชัย กันทใจ หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้เมืองแม่ฮ่องสอน และผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่หน่วยฯ ร่วมกับศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าแม่ฮ่องสอน (เหยี่ยวไฟ) เข้าควบคุมดับไฟบริเวณป่าทางขึ้นสถานีเรดาร์บ้านสบสอย ท้องที่หมู่ 7 ตำบลปางหมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน พื้นที่บางส่วนเป็นเขาสูงชัน ทางลาดชันยากต่อการเข้าดับ สามารถควบคุมดับไฟได้บางส่วน และได้ทำแนวป้องกันไฟสกัดไว้ความเสียหาย 10 ไร่
ทั้งนี้ได้มีการประชุมวางแผนและให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติงานดับไฟประจำหน่วยฯ สั่งการให้ลาดตระเวนไฟ และตรวจสอบจุดความร้อนแต่ละวัน และให้ออกประชาสัมพันธ์ อย่างต่อเนื่องทุกวัน
โดยเจ้าหน้าที่หน่วยฯ ออกประชาสัมพันธ์งานป้องกันรักษาป่าและเรื่องไฟป่า ในช่วงห้ามเผา ท้องที่หมู่ 8 บ้านห้วยเสือเฒ่า ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ปายฝั่งขวา และท้องที่หมู่.12 บ้านผาบ่องเหนือ ตำบลผาบ่อง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ปายฝั่งซ้าย การปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์ ผู้นำหมู่บ้านให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,9/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309105252867 ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 จ.แม่ฮ่องสอน ประชาสัมพันธ์โครงการสนับสนุนการปลูกไม้เศรษฐกิจ ส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกไม้เศรษฐกิจในพื้นที่,นายกรัณย์พล แสงทอง ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 จัดโครงการสนับสนุนการปลูกไม้เศรษฐกิจ โดยการอุดหนุนเงินลงทุนสำหรับการปลูกสร้างสวนป่าในปีที่ 1 เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกไม้เศรษฐกิจในพื้นที่ของตนองเพิ่มมากขึ้น โดยภาครัฐสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนในการเตรียมพื้นที่ การปลูกและบำรุงดูแลรักษาในปีแรก ให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มพื้นที่ปลูกไม้เศรษฐกิจที่เป็นไม้รอบตัดฟันยาวสำหรับใช้ประโยชน์เนื้อไม้ เพื่อสร้างอาชีพด้านป่าไม้ให้กับประชาชนในท้องถิ่น และเพิ่มพื้นที่ป่าเศรษฐกิจ
สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมโครงการต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ เป็นบุคคลธรรมดา บรรลุนิติภาวะ และต้องไม่เป็นบุคคลล้มละลาย มีสัญชาติไทย มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามกฎหมาย หรือเป็นผู้มีสิทธิใช้ประโยชน์ในที่ดิน
โดยที่ดินที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดินหรือที่ดินที่รัฐอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ประเภทใดประเภทหนึ่ง ดังนี้ ที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน (น.ส.4) ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมที่มีหลักฐานการอนุญาต ที่ดินต้องมีเนื้อที่ตั้งแต่ 1 ไร่ ขึ้นไป รวมทุกท้องที่/จังหวัด ไม่เกิน 30 ไร่ต่อราย ที่ดินที่จะขอเข้าร่วมโครงการ หากเคยได้รับเงินสนับสนุนตามโครงการอื่นๆ ของกรมป่าไม้มาก่อน ต้องสิ้นสุดการรับเงินมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี ก่อนวันที่ยื่นคำขอเข้าร่วมโครงการ การปลูกต้นไม้ในพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการ ชนิดไม้.ที่ปลูกตามโครงการเป็นไม้รอบตัดฟันยาวตามบัญชีรายชื่อพรรณไม้โครงการสนับสนุนการปลูกไม้เศรษฐกิจ ที่กรมป่าไม้กำหนด จำนวน 38 รายการ โดยผู้เข้าร่วมโครงการเป็นผู้จัดหาต้นไม้สำหรับปลูก จำนวนไม่น้อยกว่า 100 ต้น/ไร่
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นางสาวเยาวลักษณ์ ชินวงศ์ โทร 0 5369 5007 หรือ 09 2771 0751
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,9/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309110600871 ชาวนาโคราช หันมาปลูกพริก สร้างรายได้เสริมช่วงหน้าแล้ง ,"นายจารพัฒน์ ไตรพัฒนจันทร์ รักษาการเกษตรอำเภอเมืองยาง จังหวัดนครราชสีมา พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองยาง ลงพื้นที่สาธิตและสร้างความเข้าใจในการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพริกบ้านนางโท หมู่ที่ 8 ตำบลเมืองยาง อำเภอเมืองยาง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีสมาชิกของกลุ่มจำนวน 17 คน รวมพื้นที่การปลูก 20 ไร่ เป็นพื้นที่ใกล้หนองน้ำนางโท
เกษตรกรกลุ่มดังกล่าวได้ใช้พื้นที่ดังกล่าวปลูกพริกเป็นอาชีพเสริมช่วงหน้าแล้ง นอกเหนือจากการทำนา ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน เนื่องจากไม่มีแหล่งน้ำและคลองชลประทาน จึงไม่สามารถปลูกข้าวนาปรังได้ เกษตรกรจึงหารายได้เสริมด้วยการปลูกพริก โดยพันธุ์พริกที่ปลูกจะมีพันธุ์อัมพวา อัมพวาโกล เงินด่วน ซุปเปอร์ฮอตและพันธุ์พื้นบ้าน ได้ผลผลิตเฉลี่ยต่อ 1 งานได้พริกสดกว่า 90-100 กิโลกรัม จำหน่ายทั้งพริกสด และแปรรูป ราคาพริกสดกิโลกรัมละ 50 บาท พริกแห้งกิโลกรัมละ 120-150 บาท พริกป่นราคากิโลกรัมละ 200 บาท ส่งขายในตลาดในพื้นที่และนอกพื้นที่ ซึ่งก็ถือว่าช่วยให้เกษตรกรมีรายได้นอกจากการทำนาในช่วงหน้าแล้งนี้
รักษาการเกษตรอำเภอเมืองยาง กล่าวว่า การลงพื้นที่ให้ความรู้แก่เกษตรกรผู้ปลูกพริกในครั้งนี้ เพื่ออบรมให้ความรู้พร้อม ทั้งแนะนำให้เกษตรกรใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาในการป้องกันกำจัดโรคพืชผักแทนการใช้สารเคมีเพื่อลดต้นทุนทางการเกษตรให้แก่เกษตรกร
สำหรับเชื้อราไตรโคเดอร์มา เป็นเชื้อราชั้นสูงที่ดำรงชีวิตอยู่ในดิน อาศัยเศษซากพืช ซากสัตว์และอินทรียวัตถุเป็นแหล่งอาหาร เจริญได้รวดเร็วบนอาหารเลี้ยงเชื้อราหลายชนิด สร้างเส้นใยสีขาวและผลิตส่วนขยายพันธุ์ที่ เรียกว่า โคนิเดีย หรือ สปอร์ จำนวนมากรวมเป็นกลุ่มหนาแน่นจนเห็นเป็นสีเขียว เชื้อราไตรโคเดอร์มาเป็นศัตรู (ปฏิปักษ์) ต่อเชื้อราสาเหตุโรคพืชหลายชนิดโดยวิธีการเบียดเบียน หรือเป็นปรสิต และแข่งขันหรือแย่งใช้อาหารที่เชื้อโรคต้องการ
นอกจากนี้ เชื้อราไตรโคเดอร์มายังสามารถผลิตปฏิชีวนสารและสารพิษ ตลอดจนน้ำย่อยหรือเอนไซม์สำหรับช่วยละลายผนังเส้นใยของเชื้อโรคพืช คุณสมบัติพิเศษของเชื้อราไตรโคเดอร์มาคือ สามารถช่วยละลายแร่ธาตุให้อยู่ในรูปที่เป็นประโยชน์ต่อพืช จึงช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชและชักนำให้ต้นพืชมีความต้านทานต่อเชื้อโรคพืชทั้งเชื้อราและแบคทีเรียสาเหตุของโรคได้
",9/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309114334892 "ยโสธร kick off โครงการ""เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีฉลองครบรอบ 50 ปี จังหวัดยโสธร (สะออน ๕๐ ปี ศรียโสธร)","
นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร มอบหมายให้นางสาวเสาวนิตย์ ทับทิมจรูญ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดยโสธร เป็นประธาน kick off โครงการ""เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีฉลองครบรอบ 50 ปีจังหวัดยโสธร"" ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัดยโสธร หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่อำเภอกุดชุม ผู้บริหารท้องที่ ท้องถิ่น และพี่น้องประชาชนตำบลโนนเปือย ณ บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยยาง บ้านชลประทาน หมู่ 12 ตำบลโนนเปือย อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร ในงานมีกิจกรรมต่างๆประกอบด้วย กิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ(ลงในคอกอนุบาล)จำนวน 200,000 ตัว ปลูกต้นรวงผึ้ง จำนวน 3 ต้น มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนในพื้นที่จำนวน 15 ทุน โดยได้รับเกียรติจากนายสรวิศ สมพงษ์นายอำเภอกุดชุมให้เกียรติกล่าวต้อนรับ และนายธนนชัย สืบพรม ประมงจังหวัดยโสธรกล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของโครงการฯ
ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมได้รับการสนับสนุนพันธุ์ปลาจากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดยโสธร จำนวน 100,000 ตัว จากศูนย์เรียนรู้ด้านการประมง โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณหนองอึ่งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 100,000 ตัว ได้รับการสนับสนุนการจัดเตรียมสถานที่ และการทำคอกอนุบาลลูกปลา จากชุมชนบ้านชลประทานและองค์การบริหารส่วนตำบลโนนเปือย ได้รับการสนับสนุน อุปกรณ์ทำคอกอนุบาล อาหารปลา ทุนการศึกษา และ พันธุ์ต้นรวงผึ้ง จากพระอาจารย์มหาสันติ งามเหลา ผู้ริเริ่มก่อตั้งชมรมจิตอาสาพัฒนาบ้านเกิด ของตำบลโนนเปือย
นอกจากนี้ ได้ดำเนินกิจกรรมภายใต้ มาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 อย่างเคร่งครัด
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",9/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ยโสธร,สวท.ยโสธร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309121523906 รมช.เกษตรและสหกรณ์ มอบเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ (อุทกภัย) ด้านการเกษตร ที่สุพรรณบุรี,"ที่สหกรณ์การเกษตรบางปลาม้า จำกัด ตำบลโคกคราม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ (อุทกภัย) ด้านการเกษตร โดยมี นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี อธิบดีกรมประมง นายณัฐวุฒิประเสริฐสุวรรณ นายสรชัด สุจิตต์ สส.สุพรรณบุรี และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธี เพื่อส่งกำลังใจให้กับเกษตรกรที่ประสบภัยพิบัติ ซึ่งภาครัฐให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ รวมถึงหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเกษตรกรทุกท่านที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบและหลักเกณฑ์ ที่กำหนดให้ถูกต้องร่วมกับเจ้าหน้าที่ด้วย ประการที่สำคัญ คือ การขึ้นทะเบียนเกษตรกร และแจ้งข้อมูลการปลูกพืช การเลี้ยงปลา กุ้ง หรือสัตว์ต่างๆ ให้เป็นไปตามจริงในปัจจุบัน ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานถึงระดับตำบลให้บริการ จึงขอให้เกษตรกรทุกท่านให้ความร่วมมือและติดตามข่าวสารการปฏิบัติงานจากเจ้าหน้าที่ หรือผู้นำชุมชน อาสาสมัคร ในพื้นที่ด้วย
ด้าน นางสาวพจนา เสมา เกษตรและสหกรณ์จังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2564 จังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลร่องมรสุมพายุโซนร้อน เตี้ยนหมู่ และ คมปาซุ และได้ประกาศเขตให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) จำนวน 10 อำเภอ 2 เทศบาล 110 ตำบล 35 ชุมชน 997 หมู่บ้าน 56,110 ครัวเรือน ในจำนวนนี้เป็นเกษตรกรด้านพืช ประมง ปศุสัตว์ ที่ผลผลิตเสียหายโดยสิ้นเชิงยื่นขอรับความช่วยเหลือ 9,249 ราย พื้นที่ 74,208.75 ไร่ จำนวนเงินขอรับความช่วยเหลือ 224,708,914 บาท แยกเป็น
ด้านพืช เกษตรกร 5,763 ราย พื้นที่ 59,383 ไร่ 2 งาน 50 ตารางวา วงเงิน 92,453,486 บาท
ด้านประมง เกษตรกร 3,472 ราย พื้นที่ 14,755.75 ไร่ 783.50 ตารางเมตร วงเงิน 132,090,903 บาท
ด้านปศุสัตว์ เกษตรกร 14 ราย แพะ 7 ตัว ไก่พื้นเมือง 43 ตัว แปลงหญ้า 70 ไร่ วงเงิน 164,525 บาท
ซึ่งเกษตรกรทุกรายที่ยื่นขอรับความช่วยเหลือ จะได้รับการตรวจสอบ ความถูกต้องโดยคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติระดับอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) และตรวจสอบเอกสารอีกครั้งโดยคณะกรรมการตรวจสอบรายละเอียดการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ซึ่งมีเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นประธาน ก่อนนำเข้าที่ประชุม คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติระดับจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) ต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",9/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,สุพรรณบุรี,สวท.สุพรรณบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309125654919 จังหวัดนนทบุรีประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อร่างรายงานและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะมูลฝอย,"ณ ศาลาการเปรียญวัดคลองขวาง ตำบลคลองขวาง อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี นายจำลอง ขำสา รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี นายอุดร ระโหฐาน ผู้อำนวยการกองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี และตัวแทนบริษัท ซุปเปอร์เอิร์ธ เอนเนอร์ยี 8 จำกัด ผู้ร่วมลงทุนโครงการให้เอกชนลงทุนก่อสร้างและบริหารจัดการระบบการจัดขยะมูลฝอยขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี ร่วมประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อร่างรายงานและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด โครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะมูลฝอย จังหวัดนนทบุรี ตามสัญญาโครงการให้เอกชนลงทุนก่อสร้างและบริหารจัดการระบบกำจัดขยะมูลฝอยขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งบริษัท ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี 8 จำกัด ต้องดำเนินการศึกษาทบทวนรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมใหม่ เพื่อทบทวนและปรับปรุงรายงานให้สอดคล้องกับสภาพสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป และเป็นไปตามความเห็นของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่กำหนดให้รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่มีอายุเกิน 3 ปี หลังจากได้รับความเห็นชอบแล้วต้องศึกษาทบทวนข้อมูลใหม่ เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้เกิดความเหมาะสมก่อนการก่อสร้างและดำเนินงานโครงการ
ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี และบริษัท ซุปเปอร์ เอิร์ธ เอนเนอร์ยี 8 จำกัด ได้ตระหนักถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาโครงการ โดยเปิดโอกาสให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ ซึ่งจะต้องนำเสนอที่ประชุม เพื่อพิจารณาให้ความคิดเห็นเพื่อที่คณะผู้ศึกษาจะได้นำไปปรับปรุงร่างรายงานและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ก่อนนำเสนอสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาตามขั้นตอนของระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",9/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,นนทบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนนทบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309142503962 จ.ลำปาง เดินหน้าสร้างการรับรู้สู่ชุมชนรอบดอยพระบาท ขยายผลการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในระยะยาว,พลตรีอโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 พร้อมด้วย พันเอกนพอนันต์ ปาลิวนิช หัวหน้ากองกิจการพลเรือนมณฑลทหารบกที่ 32 นายจิระภัทร กันธิยาใจ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าพระบาท-ม่อนพระยาแช่ นางสาวดวงพร เกียรติดำรง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขลางค์บรรพต ผู้แทนสถานีตำรวจภูธรเมืองเขลางค์ และจิตอาสาพระราชทาน 904 หลักสูตรพื้นฐานภาค 3 รุ่นที่ 1/65 ลงพื้นที่ ณ บริเวณวัดหัวทุ่งสามัคคี ตำบลพระบาท อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ร่วมพบปะหารือและรับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะอันเนื่องมาจากผลกระทบของการเกิดไฟป่าหมอกควัน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพของชุมชนรอบดอยพระบาท ทำให้ครัวเรือนมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นทั้งค่ารักษาพยาบาลและค่าซื้ออุปกรณ์ป้องกันมลพิษ ตลอดจนความเสียหายของป่ารอบชุมชนอันเป็นทรัพยากรที่สำคัญ พร้อมทั้งเพื่อหาแนวทางการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนและการสนับสนุนของหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยลดผลกระทบให้น้อยลงและเกิดเป็นรูปธรรม โดยปัญหาและข้อเสนอแนะดังกล่าวจะได้นำไปขยายผลกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางร่วมกันแก้ไขในระยะยาวต่อไป
โอกาสนี้ นายธวัชชัย สุปินะ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองเขลางค์/ประธานชุมชนบ้านหัวทุ่งสามัคคี และ ประธานชมรมผู้สูงอายุ ประธาน อสม. และจิตอาสาชุมชนเหยี่ยวไฟ พร้อมด้วยคณะกรรมหมู่บ้านร่วมให้การต้อนรับและให้ข้อเสนอแนะแนวทางเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในปกป้องพื้นที่ป่าของชุมชนเพื่อให้ลำปางมีอากาศสดใสไร้หมอกควัน
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ได้มอบสิ่งของและเอกสารประชาสัมพันธ์รณรงค์ป้องกันไฟป่าของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจต่อพี่น้องในชุมชนต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,9/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309134425953 สส. เดินหน้าลดขยะพลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง พร้อมนำร่องร้านค้าในตลาดประชานิเวศน์กว่า 14 ร้านค้า เพื่อเป็นต้นแบบร้านค้าลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวในตลาดสด,"กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) เดินหน้าลดขยะพลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง พร้อมนำร่องร้านค้าในตลาดประชานิเวศน์กว่า 14 ร้านค้า เพื่อเป็นต้นแบบร้านค้าลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวในตลาดสด
นางภาวินี ณ สายบุรี รองอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) ยังคงเดินหน้ารณรงค์การลดใช้ถุงพลาสติกในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาเก็ต และร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้ว และบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single use Plastic) โดยสร้างความรู้ความเข้าใจ การมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกัน และแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากขยะพลาสติกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสถานการณ์ขยะพลาสติกในพื้นที่ตลาดสดทั่วประเทศมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นถึง 18,000 ล้านใบต่อปี เพื่อลดปัญหาดังกล่าวและขยายผลส่งเสริมการนำขยะพลาสติกใช้แล้วกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ด้วยระบบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
มากขึ้น ทำให้การสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ค้าและผู้มาใช้บริการเป็นสิ่งสำคัญ จึงได้ขยายผลการดำเนินงานสู่ตลาดสดสร้างต้นแบบร้านค้าด้านการลดใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวในตลาดสด โดย กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) มอบชุดถังรับคืนพลาสติก (ถังเติมบุญ) ให้สำนักงานตลาดกรุงเทพมหานครและรณรงค์เชิญชวนประชาชนลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียว แล้วคัดแยกขยะนำกลับไปใช้ประโยชน์ หรือเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลในตลาดประชานิเวศน์ 1 ซึ่งมีร้านค้านำร่องเข้าร่วมโครงการตลาดสดต้นแบบด้านการจัดการขยะพลาสติกที่ต้นทาง 14 ร้านค้า
สำหรับตลาดประชานิเวศน์ 1 เป็นตลาดสดที่มีความพร้อมและศักยภาพการพัฒนาสู่การเป็นตลาดสดต้นแบบด้านการจัดการขยะพลาสติกที่ต้นทาง สอดคล้องกับเป้าการเพิ่มประสิทธิภาพการคัดแยกขยะที่สามารถลดปริมาณขยะที่ออกสู่สิ่งแวดล้อม และลดภาระการจัดการของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ภายใต้โครงการเปลี่ยนพลาสติกเป็นบุญ (เมื่อคุณหมุนเวียน) ผ่านจุดรับคืนพลาสติก (Drop Point)
",9/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309130552923 กอนช. คาดการณ์สถานการณ์แล้งนี้ไม่น่าห่วงและยังไม่พบมีพื้นที่ประสบภัยแล้ง ส่วนปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) คาดการณ์สถานการณ์แล้งนี้ไม่น่าห่วงและยังไม่พบมีพื้นที่ประสบภัยแล้ง ส่วนปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีการประกาศพื้นที่เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ (ภัยแล้ง) แต่อย่างใด ส่วนมาตรการเร่งกักเก็บน้ำและบริหารจัดการน้ำในกิจกรรมต่างๆ ตามแผนการใช้น้ำตั้งแต่หน้าแล้งที่ผ่านมา พบปริมาณน้ำต้นทุนของแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 35 แห่งปีนี้ยังมีปริมาณน้ำใช้การมากกว่าช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาเกือบ 10,200 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยปัจจุบันเหลือปริมาณน้ำที่ใช้การอยู่ที่ 24,059 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 51 ของปริมาณน้ำที่ใช้การ ส่วนผลการจัดสรรน้ำช่วงหน้าแล้งยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งจะมีน้ำเพียงพอสำหรับใช้ไปจนสิ้นสุดหน้าแล้งและใช้ช่วงต้นฤดูฝนด้วย คาดว่า วันที่ 1 พฤษภาคมนี้จะมีปริมาณน้ำต้นทุนรวมกันอยู่ที่ 42,165 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 59 ของความจุกักเก็บ ทั้งนี้ แม้สถานการณ์น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ภาพรวมทั้งประเทศจะดีกว่าปีที่ผ่านมา แต่ปริมาณน้ำต้นทุนใน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยายังมีอยู่อย่างจำกัด คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ขณะนี้จัดสรรน้ำไปมากกว่าแผนสะสมอยู่ 427 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้ง ยังได้จัดสรรน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลองมาสนับสนุนลุ่มน้ำเจ้าพระยา-ท่าจีนอีก 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันจัดสรรมาแล้ว 209 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดว่า จะสามารถสงวนน้ำต้นทุน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยาไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบได้ตลอดแล้งนี้ และทำให้มีน้ำเพียงพอจะใช้ในทุกกิจกรรมการใช้น้ำช่วงต้นฤดูฝนด้วย
เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวย้ำว่า ภาพรวมการเพาะปลูกพืชหน้าแล้งปีนี้อาจจะมากกว่าแผนที่วางไว้ โดยเฉพาะการทำนารอบที่ 2 (ข้าวนาปรัง) ไม่ได้รับความเสียหายจากการขาดแคลนน้ำ เนื่องจากมีการวางแผนบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับ เกษตรกรส่วนหนึ่งมีแหล่งน้ำต้นทุนเป็นของตนเอง และปีนี้มีพายุฝนฤดูร้อนเกิดขึ้นด้วย แต่ภาครัฐยังคงขอความร่วมมือเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้วควรงดการทำนาปรังรอบที่ 3 เพราะเสี่ยงสูงที่ผลผลิตจะได้รับความเสียหายจากการขาดแคลนน้ำ ส่วนคุณภาพน้ำช่วงหน้าแล้งปีนี้ความเค็มใน 4 แม่น้ำสายหลัก ณ สถานีตรวจวัดปากคลองดำเนินสะดวก แม่น้ำแม่กลอง , สถานีตรวจวัดปากคลองจินดา แม่น้ำท่าจีน , สถานีตรวจวัดบ้านสร้าง แม่น้ำบางปะกง และสถานีตรวจวัดสูบน้ำสำแล แม่น้ำเจ้าพระยา ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยกรมชลประทานได้เตรียมพร้อมรับมือค่าความเค็มช่วงน้ำทะเลหนุนสูงตลอดเดือนมีนาคมนี้ โดยเพิ่มการระบายน้ำเพื่อผลักดันน้ำเค็มให้สอดคล้องกับช่วงน้ำทะเลหนุนสูง และยังคงติดตามสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงตลอดแล้งนี้ เพื่อบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์และไม่กระทบต่อคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก
",9/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309134743956 สมุทรสาครจัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร,ที่วัดเกาะ ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรสาคร นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยมีหน่วยงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธ.ก.ส. พาณิชย์จังหวัด เข้าร่วมงานและร่วมออกบูธบริการประชาชน ซึ่งมีประชาชนและเกษตรกรทั้งในพื้นที่ตำบลบ้านเกาะและใกล้เคียงเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
นายอำนาจ โสรถาวร เกษตรจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงรับโครงการไว้ในพระราชานุเคราะห์ และทรงพระราชทานพระราชนุญาตอัญเชิญอักษรพระนามาภิไธยย่อไว้ในเครื่องหมายตราสัญลักษณ์โครงการ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 จนถึงปัจจุบัน
โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ เป็นรูปแบบหนึ่งของการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรในพื้นที่ พร้อมกับถ่ายทอดความรู้ให้แก่เกษตรกรไปในคราวเดียวกันเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรเป็นอย่างยิ่งเพราะเกษตรกรจะได้รับบริการแบบครบวงจรในทุกๆ ด้าน เป็นการนำบุคลากร อุปกรณ์ เครื่องมือ และองค์ความรู้ด้านการเกษตรมาให้บริการแก่พี่น้องเกษตรกรถึงในพื้นที่ เช่น การสาธิตการป้องกันกำจัดศัตรูมะพร้าว ด้วงแรด หนอนหัวดำ ด้วยสารชีวภัณฑ์ การสาธิตการทำกองอาหารจากวัชพืชสำหรับปลาสลิดเพื่อลดต้นทุนการผลิต การสาธิตการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร บริการตรวจวัดคุณภาพน้ำ การทำหมันสุนัขและแมว การสนับสนุนปัจจัยการผลิตให้กับเกษตรกร การแจกต้นไม้ เช่น ต้นฝรั่ง ต้นชมพู ต้นพริก ต้นมะเขือ และกิจกรรมถ่ายทอดความรู้ด้านการเกษตรต่างๆ อีกด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,9/3/2022,ภาคตะวันตก,สมุทรสาคร,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาคร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309152623999 กรมปศุสัตว์ ร่วมกับผู้ประกอบการอาหารสัตว์ เตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์การขาดแคลนและราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์สูงขึ้น,"นายสัตวแพทย์ สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ร่วมกับสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย และสมาคมส่งเสริมผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ ประชุมผ่านระบบออนไลน์ เพื่อหารือถึงผลกระทบและแนวทางแก้ไขเพื่อบริหารจัดการวัตถุดิบอาหารสัตว์ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ขาดแคลนและมีราคาสูงขึ้นโดยทางสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยแจ้งว่า โรงงานอาหารสัตว์ได้รับผลกระทบด้านต้นทุนจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 ตลอดจนกระทั่งปัจจุบัน คิดเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 25-30%
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ประกอบด้วยกัน 2 ส่วน ได้แก่ สถานการณ์ราคาวัตถุดิบในตลาดโลก รวมถึงค่าบริหารจัดการและการขนส่ง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ และนโยบายภาครัฐที่ต้องการดูแลราคาพืชอาหารสัตว์ในประเทศ เช่น มาตรการควบคุมการนำเข้าข้าวสาลีโดยจะต้องรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศ 3 ส่วนก่อนนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน การจำกัดช่วงเวลานำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงมาตรการด้านภาษี อาทิ ภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง 2% รวมถึงที่ผ่านมาประเทศสหรัฐอเมริกาและอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตถั่วเหลืองที่สำคัญของโลกประสบภาวะภัยแล้งส่งผลให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบันมีความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครน ซึ่งทั้งสองประเทศเป็นแหล่งส่งออกวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สำคัญต่อประเทศไทยรวมถึงทั่วโลก โดยเฉพาะข้าวสาลีสำหรับเลี้ยงสัตว์ ทำให้การส่งออกวัตถุดิบอาหารสัตว์หยุดชะงักไป เกิดการขาดแคลนวัตถุดิบอาหารสัตว์และทำให้มีราคาสูงขึ้น
อธิบดีกรมปศุสัตว์ มีความเห็นและมีข้อกังวลเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งอาจมีผลมาจากภาวะสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดทั่วโลกและภาวะความขัดแย้งระหว่างประเทศต่างๆ รวมไปถึงสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องมีแนวทางที่รองรับสถานการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งนำมาใช้เป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตภาคปศุสัตว์ ดังนั้นต้องมีมาตรการในการหาแหล่งวัตถุดิบทดแทน ซึ่งมีแหล่งที่มาจากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
โดยในที่ประชุมมีข้อสรุปถึงแนวทางมีในการแก้ปัญหา โดยในระยะสั้น ได้ยกเลิกมาตรการควบคุมการนำเข้าข้าวสาลี 3:1 ส่วน เพื่อเปิดโอกาสให้มีการนำเข้าข้าวสาลีได้โดยเสรี จากหลายแหล่งทั่วโลก ส่งผลให้ราคาการซื้อขายเป็นไปตามกลไกตลาดโลก/ยกเลิกภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง 2% เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการผลิตเนื่องจากกากถั่วเหลืองเป็นแหล่งโปรตีนที่ใช้เป็นวัตถุดิบสัตว์ในการผลิตอาหารสัตว์
เปิดให้นำเข้าข้าวโพดภายใต้กรอบ WTO, AFTA ยกเลิกโควตา ภาษีและค่าธรรมเนียม ในปริมาณที่ขาดแคลนในปี 2565 เพื่อขยายโอกาสในการเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบทำให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างเพียงพอตลอดปี และลดต้นทุนในการผลิตอาหารสัตว์ส่วนระยะยาว ส่งเสริมการปลูกข้าวโพดภายในประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะการปลูกภายหลังการเก็บเกี่ยวข้าว พัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ ตลอดจนเทคโนโลยีการผลิตพืชอาหารสัตว์ โดยเฉพาะข้าวโพดให้สามารถมีผลผลิตต่อไร่เพิ่มสูงขึ้นการส่งเสริมการปลูกและใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดพร้อมนอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ได้พัฒนาสูตรอาหารสัตว์ที่มีวัตถุดิบทางเลือกสำหรับเกษตรกรเพื่อใช้ในการผลิตอาหารสัตว์
",9/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309192308159 เร่งแก้ปัญหาโควตานมโรงเรียน ช่วยเหลือสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมให้ได้รับความเป็นธรรมทุกฝ่าย,"
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังประชุมหารือการแก้ไขปัญหาโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน และรับมอบหนังสือพิจารณาหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน จากตัวแทนชุมนุมสหกรณ์ นมไทย - เดนมาร์ค จำกัด ว่า ภายหลังได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว จะนำข้อร้องเรียนของตัวแทนชุมนุมสหกรณ์นมไทย - เดนมาร์ค จำกัด เข้าหารือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะเสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมของไทยซึ่งเป็นอาชีพพระราชทานให้สามารถมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการนมโรงเรียนได้
โครงการดังกล่าวได้รับงบประมาณจากรัฐบาล ที่จัดสรรให้ดำเนินการปีละกว่า 14,000 ล้านบาท สำหรับผลิตนมโรงเรียน ที่มีคุณภาพให้แก่เด็กนักเรียนของไทยได้ดื่มนม และยังช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมให้ความสามารถประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน
จากข้อร้องเรียนของชุมนุมสหกรณ์โคนมไทย - เดนมาร์ค จำกัด ที่ได้มีการประชุมร่วมกันในหลายครั้งที่ผ่านมา พบว่า มีหลายประเด็นที่จะต้องตรวจสอบความถูกต้องให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเกี่ยวกับข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร อาทิ การจัดสรรโควตานมโรงเรียน ให้กับองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ปีการศึกษาละ 96 ตัน เป็นจำนวนที่เหมาะสมหรือไม่ หากเทียบกับจำนวนเกษตรกร ที่ อ.ส.ค. จะต้องรับซื้อน้ำนมดิบวันละประมาณ 700 ตันต่อวัน หรือร้อยละ 9 ของโครงการนมโรงเรียนที่จะใช้นมดิบทั้งระบบประมาณ 1,200 ตันต่อวัน จากผลผลิตนมทั้งประเทศ 3,500 ตันต่อวัน คุณภาพนมดิบที่เข้าโครงการเป็นไปตามมาตรฐานที่มีการกำหนดหรือไม่ เนื่องจากเกษตรกรระบุว่า ในบางพื้นที่ยังพบปัญหาคุณภาพน้ำนมยังไม่ได้มาตรฐาน แต่บางโรงงานนำไปผลิตเข้าโครงการได้ ซึ่งเรื่องนี้เห็นควรต้องมีการมาวางระบบตรวจสอบให้ถูกต้องและชัดเจน และการที่มีผู้ประกอบการไปจัดตั้งโรงงานผลิตนมขนาดเล็ก 3 5 ตัน เพื่อขอรับสิทธิ์เข้าโครงการนมโรงเรียน โดยไม่มีที่มาของฟาร์มโคนมที่นำมาผลิตเป็นวัตถุดิบ กรณีนี้จำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบว่าเป็นจริงตามข้อร้องเรียนหรือไม่ เป็นต้น
ด้านนายสมาน เหล็งหวาน ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์นมไทย - เดนมาร์ค จำกัด ระบุว่า ขณะนี้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนจากการจัดสรรโควต้านมโรงเรียน ซึ่งมองว่าไม่เป็นธรรมกับภาคเกษตรกร จึงต้องมาขอความเป็นธรรมจากรัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว
นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส ครั้งที่ 1/2565 ที่ห้องประชุมหลวงปริวรรตวรวิจิตร ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส เพื่อรับทราบการขับเคลื่อนงานด้านการเกษตรระดับจังหวัด SC การขับเคลื่อนรายสินค้าเกษตรที่สำคัญของจังหวัดนราธิวาส 14 ชนิดสินค้า ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร ปี 2564 และแนวโน้มปี 2565 จังหวัดนราธิวาสและการประเมินผลโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ อีกทั้งพิจารณาแผนปฏิบัติราชการด้านการเกษตรและสหกรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 และแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการเกษตรในช่วงฤดูแล้ว ปี2564/2565 จังหวัดนราธิวาส ซึ่งมีคณะอนุกรรมการฯ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม
ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ในการขับเคลื่อนงานด้านการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส ขอให้แนวทางการทำงานว่าทำอย่างไรให้ลดต้นทุนการผลิต และผลผลิตเพิ่มขึ้น รวมถึงการเพิ่มองค์ความรู้แก่เกษตรกรนำไปสู่การปฏิบัติ พร้อมฝากด้วยว่าขอให้คณะอนุกรรมการฯ ได้หาแนวทางร่วมกันในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาภาคการเกษตรให้เกิดประสิทธิภาพ
ด้านนายเทอดศักดิ์ รัญจวน เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า การขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2565 เพื่อเตรียมรับความปกติถัดไป (next normal) โดยมี 5 ยุทธศาสตร์ 15 นโยบาย โดยให้มีการบูรณาการร่วมกันในการแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ช่วยเหลือเกษตรกรให้หลุดพ้นจากการเป็นหนี้ โดยในวันนี้ (9 มี.ค.65) เป็นการประชุมครั้งแรกของปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ที่ประชุมได้รับทราบผลการขับเคลื่อนสินค้าเกษตรที่สำคัญของจังหวัดนราธิวาส อาทิ สินค้ายางพารา ผลการดำเนินงานเกษตรแปลงใหญ่ ตั้งแต่ปี 2561-2565 จำนวน 18 แปลง เกษตรกร จำนวน 1,193 ราย พื้นที่ 12,021.61 ไร่ สามารถลดต้นทุนได้เฉลี่ยไร่ละ 1,942 บาท//สินค้าลองกอง ผลการดำเนินงาน แปลงลองกองได้รับรองมาตรฐาน GAP แล้ว จำนวน 526 แปลง เกษตรกร 526 ราย พื้นที่993,815 ไร่ อีกทั้งที่ประชุมยังรับทราบเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและพิจารณาแผนปฏิบัติราชการด้านการเกษตรและสหกรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 และแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการเกษตรในช่วงฤดูแล้ว ปี2564/2565
นอกจากนี้ ได้มีการรายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ (ข้อมูล ณ วันที่ 4 มี.ค.65) จังหวัดนราธิวาส ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 23-27 กุมภาพันธ์ 2565 ส่งผลให้ปริมาณน้ำในลุ่มน้ำสายหลัก 3 ลุ่มน้ำ ลุ่มน้ำสายบุรี//ลุ่มน้ำบางนรา//ลุ่มน้ำโก-ลก มีระดับสูงกว่าตลิ่งไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ บ้านเรือนและพื้นที่ทำกินของเกษตรกร ซึ่งจังหวัดนราธิวาส ได้ประกาศเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เหตุอุทกภัย 13 อำเภอ 76 ตำบล561 หมู่บ้าน 3 เขตเทศบาล 68 ชุมชน ด้านการประเมินความเสียหายเบื้องต้นด้านการเกษตร ด้านพืช เกษตรกรจำนวน 28,829 ราย พื้นที่ 10,861 ไร่ เป็นนาข้าว 4,662 ไร่ พืชไร่และพืชผัก 1,623 พืชสวนและอื่น ๆ 4,576 ไร่ รวมถึงยังมีความเสียหายด้านประมงและปศุสัตว์อีกจำนวนหนึ่ง โดยทางศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรจังหวัดนราธิวาส ได้ออกประกาศกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการยื่นแบบแสดงความจำนงขอรับความช่วยเหลือ ตามแบบกษ.01 ภายในวันที่ 25 มีนาคม 2565 ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
สำหรับคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ หรือ อ.พ.ก. เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนพัฒนาและแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรในพื้นที่จังหวัด โดยเกิดจากการบูรณาการ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐเอกชน และภาคประชาสังคมในพื้นที่ ร่วมกันขับเคลื่อน ผลักดัน และแก้ไขปัญหา ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องเกษตร รวมถึงเป็นเครื่องมือการบริหารราชการของผู้ว่าราชการจังหวัด ในด้านการพัฒนาและแก้ไขปัญหาภาคการเกษตรให้เกิดประสิทธิภาพ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",9/3/2022,ภาคใต้,นราธิวาส,สวท.นราธิวาส,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309155808024 จิตอาสา ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน บูรณาการร่วม ทำแนวกันไฟรอบที่ว่าการอำเภอแม่ลาน้อย,"วันนี้ (9 มี.ค.65) เวลา 09.00 น. นายรัชพล ยาใจ ปลัดอำเภอ หน.กลุ่มบริหารงานปกครองรักษาราชการแทนนายอำเภอแม่ลาน้อย มอบหมายให้นายวัชรพงศ์ จันทิมาปลัดอำเภอ หน.ฝ่ายความมั่นคง และนายนนทวัฒน์ วุฒิลักษณ์ ปลัดอำเภอ ฝ่ายความมั่นคง ร่วมปล่อยแถวการทำแนวกันไฟรอบๆ ที่ว่าการอำเภอแม่ลาน้อย, สถานที่ราชการ และบริเวณโดยรอบ ชุมชนหมู่บ้านแม่ลาน้อย หมู่ที่ 1 โดยมีเจ้าหน้าที่กองร้อย อส.แม่ลาน้อย, เทศบาลตำบลแม่ลาน้อย, จิตอาสา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ลาน้อย, ฉก.ทพ.36, ฝ่ายปกครอง, โรงเรียนอนุบาลแม่ลาน้อย, และราษฎร ม.1 เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อร่วมทำแนวกันไฟ ป้องกันหากเกิดเหตุไฟป่าลุกลาม
อย่างไรก็ตามจังหวัดแม่ฮ่องสอน ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามประกาศจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในการงดเผาในที่โล่งทุกชนิด ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ถึง 30 เมษายน 2565 เพื่อลดหมอกควันจากการเผา ลดผลกระทบทั้งด้านสุขภาพอนามัย และด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",9/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309161702052 สำนักงานเกษตรจังหวัดภูเก็ต จัดงานคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ ฯ เพื่อขยายผลต่อยอดการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตรแก่เกษตรกรและประชาชนในพื้นที่บ้านสาคู อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต,"วันนี้ (9 มีนาคม 2565) ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลสาคู อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดงานคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดภูเก็ต นำโดยสำนักงานเกษตรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันจัดงานคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ เพื่อสนองพระราชดำริและเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2565
ทั้งนี้ ถือเป็นโครงการสำคัญตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้โครงการคลินิกเคลื่อนที่ อยู่ในพระราชานุเคราะห์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ด้วยวิธีการดำเนินงานที่สามารถให้บริการทางวิชาการและการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตร ซึ่งเป็นการปฏิบัติงานเชิงรุกเพื่อให้เกษตรกรและประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย ที่มีปัญหาและเกษตรกรในพื้นที่ห่างไกล ได้รับบริการทางการเกษตรอย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และครบถ้วน แบบครบวงจรในคราวเดียว ซึ่งมีทั้งหน่วยงานวิชาการ หน่วยงานส่งเสริม และศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ออกการให้บริการและแก้ไขปัญหาทางการเกษตร ประกอบด้วย คลินิกดิน , คลินิกพืช , คลินิกข้าว , คลินิกปศุสัตว์ , คลินิกประมง , คลินิกชลประทาน , คลินิกสหกรณ์ , คลินิกบัญชี , คลินิกส่งเสริมการเกษตร , คลินิกการยางแห่งประเทศไทย , คลินิกพืช, คลินิกดิน และคลินิกกฎหมาย สปก. ให้บริการแก่เกษตรกร และสามารถนำความรู้ที่ถูกต้องไปปฏิบัติ เพื่อเกิดผลตอบแทนและรายได้ที่มั่นคง
นอกจากนี้ ภายในงานคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ครั้งนี้ ยังมีการถ่ายทอดความรู้ เรื่องการปลูกทุเรียนเสริมราก และการเพาะเลี้ยงปลากัด การจำหน่ายสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์กลุ่มเกษตรกร/วิสาหกิจชุมชน การแจกปัจจัยทางด้านการเกษตร เช่น พันธุ์ไม้ เมล็ดพันธุ์พืช ให้แก่เกษตร และมีหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานออกบูธเพื่อดูแลช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ร่วมด้วย โดยมีการลงทะเบียนประวัติเกษตรกรและประชาชนก่อนเข้ารับบริการ เพื่อเป็นการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขในการป้องกันโรคโควิด 19 พร้อมเน้นย้ำผู้ร่วมงานทุกคนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาที่ร่วมงาน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",9/3/2022,ภาคใต้,ภูเก็ต,สวท.ภูเก็ต,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309164244076 เกษตรกรสตูล อบรมพัฒนาต้นแบบศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน (ศจช.) โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน,นายชาญณรงค์ วิรุณสาร เกษตรจังหวัดสตูล มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดสตูล ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอมะนัง ดำเนินการจัดอบรมโครงการศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ในกิจกรรมพัฒนาศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนต้นแบบด้านการจัดการศัตรูพืชโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ สมาชิกศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน บ้านผัง 11 จำนวน 10 ราย ณ ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน บ้านผัง 11 ต.นิคมพัฒนา อ.มะนัง จ.สตูล
โดยกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการเรียนรู้เรื่องการสำรวจโรคและแมลงศัตรูผักในแปลงปลูกเพื่อศึกษาระบบนิเวศของแมลงศัตรูผักในแปลง เรียนรู้โรคพืช การจัดการศัตรูพืชด้วยวิธีผสมผสาน ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ พร้อมทั้งฝึกปฏิบัติการผลิตและขยายเชื้อ Bacillus Subtilis (BS) การผลิตสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น น้ำหมักจากบุหรี่เสื่อมสภาพ สารสกัดจากสะเดาช้าง เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรสมาชิกศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน สามารถนำไปผลิตและขยาย นำไปใช้ในแปลงปลูกของตนเองได้อย่างถูกต้อง
สำหรับการดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปตามภารกิจของกรมส่งเสริมการเกษตร คือ การส่งเสริมการเกษตรโดยยึดหลักการตลาดนำการผลิต โดยการส่งเสริมและพัฒนาศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน (ศจช.) และศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน (ศดปช.) เชื่อมโยงกับหน่วยงานวิชาการ ถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสมสู่เกษตรกร และให้บริการทางการเกษตรที่สอดคล้องกับสถานการณ์และความต้องการของเกษตรกร และเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายเกษตร
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,9/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูล,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309161518049 สุพรรณบุรี จัดกิจกรรม สุพรรณบุรีรวมใจ ป้องกันแก้ไขไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM.2.5.) และกิจกรรมจัดทำแนวกันไฟ ชิงเก็บ ลดเผา,"ณ ที่ว่าการอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี นายปรีชา ทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นประธานเปิดงานกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ การป้องกันไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM.2.5) สุพรรณบุรีรวมใจ ป้องกันแก้ไขไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM.2.5) และกิจกรรมจัดทำแนวกันไฟ ชิงเก็บ ลดเผา ณ ป่าชุมชนบ้านทุ่งใหญ่ หมู่ที่ 7 ตำบลวังคัน อำเภอด่านช้าง เนื่องจากจังหวัดสุพรรณบุรี ให้ความสำคัญต่อปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ซึ่งปัญหานี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงแล้ง ฤดูหนาวและรอยต่อฤดูร้อน ทุกปี มาโดยตลอด การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อทำความเข้าใจ เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการสาเหตุการเกิดและผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก รวมถึงแนวทางการเตรียมตัวป้องกันแก้ไขแก่ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาคประชาชน และเพื่อให้เกิดความร่วมมือตามแผนเผชิญเหตุไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก ที่กำหนดของจังหวัด นอกจากนี้ การจัดทำแนวกันไฟ ในพื้นที่ป่าไม้และพื้นที่อนุรักษ์ ก็เป็นกิจกรรมที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อลดภาวะเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า ที่มักต่อเนื่องจากการเผาที่โล่งได้ จึงขอให้พวกเราทั้งที่เจ้าหน้ารัฐและภาคประชาชนชาวสุพรรณ ได้ร่วมมือกันในการรณรงค์ เผยแพร่และลงมือปฏิบัติ เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาและผลกระทบจากการเกิดไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็กในจังหวัดลดลง เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวสุพรรณบุรี
ทั้งนี้ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกับ กรมควบคุมมลพิษ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10(ราชบุรี) และสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุพรรณบุรี สำนักงานเกษตรจังหวัดสุพรรณบุรี สำนักงานขนส่งจังหวัดสุพรรณบุรี สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสุพรรณบุรี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี และอำเภอด่านช้าง รวมถึงภาคเอกชนคือ โรงงานน้ำตาลมิตรผล จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนมีความรู้ความเข้าใจสาเหตุและผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM.2.5) งด/ลดการเผาในที่โล่งในพื้นที่เกษตรกรรม การเผาป่า การเผาขยะ และการเผาวัชพืชข้างทาง รวมถึงลดฝุ่นละอองขนาดเล็กและปัญหามลพิษทางอากาศ ที่เกิดจากการกิจกรรมการขนส่งและการประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรม กิจกรรมในวันนี้ประกอบด้วยการบรรยายและการจัดนิทรรศการให้ความรู้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวข้างต้น โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ สมาชิกเครือข่ายอาสาสมัครทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) จังหวัดสุพรรณบุรี ทั้ง 10 อำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แกนนำชุมชนและพี่น้องเกษตรกร ในพื้นที่อำเภอด่านช้าง จำนวนประมาณ 250 คน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",9/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,สุพรรณบุรี,สวท.สุพรรณบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309162343062 ปศุสัตว์อำเภอแม่ลาน้อย แนะนำให้ความรู้การปลูกพืชอาหารสัตว์และการป้องกันโรคลัมปิสกีน,ปศุสัตว์อำเภอแม่ลาน้อย ให้คำแนะนำส่งเสริมการปลูกพืชอาหารสัตว์ การเก็บสำรองวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรห้วงหน้าแล้ง และประชาสัมพันธ์ เรื่องโรคลัมปี สกิน (LSD) ตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรคในโค-กระบือ
วันนี้ (9 มี.ค.65) นายสัตวแพทย์ ดร.อนิรุธ เนื่องเม็ก ปศุสัตว์จังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบหมายให้ นายมงคล เจริญเมือง ปศุสัตว์อำเภอแม่ลาน้อย พร้อมด้วยนายไชยยศ แจ้งใจ เจ้าพนักงานสัตวบาล นายพีรพัฒน์ พงไพรภูมิ พนักงานผู้ช่วยสัตวแพทย์ ลงพื้นที่ร่วมกันปฏิบัติงานติดตามโครงการธนาคารโค-กระบือ ตามพระราชดำริโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโค-กระบือ โคอาสาปศุสัตว์ ภายใต้โครงการธนาคารโค-กระบือ เพื่อเกษตรกรตามพระราชดำริ ในพื้นที่อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งการลงพื้นที่ปฎิบัติงานโค ธกค.อาสาปศุสัตว์ ที่บ้านเกษตรกร นายกมล นิธิไพรสิธ์จินดา บ้านเลขที่ 36/1 บ้านแม่ปาง หมู่ที่ 1 ตำบลสันติคีรี อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เบื้องต้นได้ทำการประเมินราคาลูกโคเพศผู้ อายุ 18 เดือน แม่โคหมายเลข มส.36/2563 เกิดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2563 และได้แนะนำส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ การป้องกันโรค พร้อมทั้งให้คำแนะนำส่งเสริมการปลูกพืชอาหารสัตว์ การเก็บสำรองวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเปลือกข้าวโพดไว้เลี้ยงสัตว์
ทั้งนี้ได้ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เรื่องโรคลัมปี สกิน หรือ LSD ตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรคลัมปี สกิน (LSD) ในโค-กระบือ และพ่นหมอกควันกำจัดแมลงที่เป็นพาหะของโรคให้กับเกษตรกร จำนวน 1 ราย จำนวน 1คอก เพื่อให้เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจและสามารถนำไปปฏิบัติในการดูแลรักษาโค-กระบือได้อย่างถูกต้อง ทั้งยังเป็นการสร้างรายได้เสริมให้แก่ครัวเรือนเกษตรกรอีกด้วย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,9/3/2022,ภาคเหนือ,เชียงราย,สวท.เชียงราย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309165027081 คณะสหกรณ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน ติดตามความก้าวหน้าสมาชิกที่ไร่ของพ่อ สานต่ออาชีพเกษตร,สมาชิกสหกรณ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทำสวนไร่ของพ่อ ความสำเร็จลูกหลานเกษตรกรกลับบ้านสานต่ออาชีพ
นายคีตวุฒิ นับแสง สหกรณ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมทั้งนายการุณ วนศิริ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ และนายพีรกร พวงบุตร ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการบริหารการจัดการสหกรณ์ ได้เข้าเยี่ยมเยียนและติดตามความก้าวหน้าพร้อมทั้งให้คำแนะนำการพัฒนาในด้านการตลาด รวมถึงวางแผนทางการเงินและแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำที่ไร่ของพ่อ ที่ตำบลบ้านกาศ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เจ้าของ นายรัชพล เกรียงไกรสิงห์ หนึ่งสมาชิกโครงการนำลูกหลานเกษตรกรกลับบ้าน สานต่ออาชีพเกษตร ได้ทำในสิ่งที่ต้นเองรัก และสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ด้วยการทำเกษตรผสมผสาน ในแบบฉบับความพอเพียง ปลูกผัก ผลไม้ แบบอินทรีย์ เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ และเปิดเป็นร้านอาหารเพื่อให้คนได้ทานผักและผลไม้เพื่อสุขภาพ ซึ่งโครงการนำลูกหลาน เกษตรกรกลับบ้าน สานต่ออาชีพเกษตรที่ต้องการ เป็นนโยบายของนายมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยนำเกษตรกรรุ่นใหม่กลับมาทำอาชีพเกษตรกรรม ณ ถิ่นฐานบ้านเกิด เพื่อสานต่ออาชีพการเกษตรและยังได้ดูแลครอบครัว
สำหรับ ไร่ของพ่อ เป้าหมาย คือ ให้เป็นไร่ตัวอย่างของการทำเศรษฐกิจพอเพียงแบบเต็มรูปแบบ ตามปรัชญาของในหลวงรัชกาลที่ 9 สานต่อที่พ่อทำ อีกอย่างคือสวนนี้เคยเป็นของพ่อด้วย หลังจากพ่อเสียชีวิตไม่มีใครทำต่อ กลายเป็นพื้นที่รกร้าง ตนจึงตั้งใจมาสานต่อ สิ่งสำคัญที่สุด ต้องการให้ทุกคนที่มาเที่ยวมีความสุข ไม่ใช่ว่าทำแล้วต้องรวย แค่ร้านอยู่ได้ก็เพียงพอ
สำหรับผู้สนใจไปศึกษาเรียนรู้การเกษตรผสมผสาน ทำเป็นร้านอาหารกลางสวน ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ ลิ้มรสผักผลไม้สดจากไร่ที่ปลอดภัยไร้สารพิษ เก็บแล้วปรุงเลยในไร่ของพ่อ ระยะทางจากตัวเมืองแม่สะเรียงเพียง 15 กิโลเมตร ถึงไร่ของพ่อตั้งอยู่ที่ บ้านแม่ต้อบเหนือ หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านกาศ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเฉพาะวันเสาร์ เวลา 08.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร.093-1969656
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,9/3/2022,ภาคเหนือ,เชียงราย,สวท.เชียงราย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309171912098 จังหวัดระนองฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินท่าเรือระนอง กรณีลักลอบขนสินค้า เกิดสารเคมีรั่วไหล การเกิดอัคคีภัย และการค้นหากู้ภัยทางทะเล มีผู้เข้าร่วมการฝึกกว่า 200 คน,จังหวัดระนองร่วมกับท่าเรือระนอง การท่าเรือแห่งประเทศไทย และหน่วยงานภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินท่าเรือระนอง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 กรณีลักลอบขนสินค้า เกิดสารเคมีรั่วไหล การเกิดอัคคีภัย และการค้นหากู้ภัยทางทะเล ณ ท่าเรือระนอง ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น และให้เป็นไปตามมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำหรับการฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินท่าเรือดังกล่าว มีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน องค์กรสาธารณกุศล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ โดยได้มีการสมมติสถานการณ์ เรือขนส่งสินค้าของเอกชนเทียบท่าเรือระนอง มีการลักลอบขนถ่ายสินค้าแล้วถังเกิดตกหล่นกระแทกพื้น ทำให้สารเคมีเกิดการรั่วไหล และเกิดอัคคีภัย มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้ 5 คน สัมผัสกับสารเคมี 10 คน และตกเรือ 5 คน รวม 20 คน เป็นเพศชายทั้งหมด จึงต้องมีการตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์และมีผู้บัญชาการเหตุการณ์ตามลำดับชั้น ตั้งแต่ผู้จัดการท่าเรือระนอง ท้องถิ่น อำเภอ และจังหวัด มีนายนพสิทธิ์ อุดมสุวรรณกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานการฝึกซ้อม มีผู้แทนการท่าเรือแห่งประเทศไทย ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 18 ภูเก็ต หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายเข้าร่วมการฝึกซ้อมกว่า 200 คน ทั้งนี้เพื่อซักซ้อมแนวทางปฏิบัติ การบูรณาการร่วมกัน การใช้เครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ การเข้าเผชิญเหตุ ระบบการสื่อสาร การประสานงาน การบัญชาการเหตุการณ์ และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสารเคมี อัคคีภัยและภัยทางน้ำ ซึ่งในการฝึกซ้อมแผนฉุกเฉินดังกล่าว ทางทัพเรือภาคที่ 3 โดยศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 หรือ ศรชล ภาค 3 ได้นำเรือตรวจการใกล้ฝั่ง (เรือ ต. ) และเฮลิคอปเตอร์ร่วมฝึกซ้อมการค้นหากู้ภัยทางทะเลด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
ที่บ้านยอดชาด ตำบลยอดชาด อำเภอวังยาง จังหวัดนครพนม พื้นที่ปลูกมันฝรั่งที่ให้ผลผลิตมันฝรั่งที่มีคุณภาพ ออกสู่ตลาดในทุกๆ ปี ซึ่งตลาดยังมีความต้องการเป็นจำนวนมาก ทำให้เกษตรกรที่นี่จากเดิมที่เคยปลูกข้าวนาปรังในช่วงภัยแล้งหันมาปลูกมันฝรั่งพืชใช้น้ำน้อยสร้างรายได้กันเป็นจำนวนมาก ส่วนที่เป็นมนต์เสน่ห์ของการปลูกมันฝรั่งที่นี่ก็คือบรรยากาศในการลงแขกเก็บเกี่ยวผลผลิตมันฝรั่ง ซึ่งเป็นประเพณีที่ทำกันมาอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของเกษตรกร ที่เดินทางมาช่วยกันลงแขกเก็บเกี่ยวผลผลิตมันฝรั่งสดเพื่อนำไปจำหน่ายให้กับตัวแทนบริษัทที่มารับซื้อ เป็นการช่วยกันลดรายจ่ายของแต่ละคนทำให้ทุกคนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ทั้งยังเกิดความรักความสามัคคีของคนในชุมชนเป็นอย่างมาก
นายสุพรรณ ชานุชิต ประธานกลุ่มแปลงใหญ่เกษตรกรผู้ปลูกมันฝรั่งตำบลยอดชาด และเป็นหนึ่งในเกษตรกรที่เริ่มต้นปลูกมันฝรั่งในพื้นที่ เปิดเผยว่า ตัวเองและครอบครัวมีการปลูกมันฝรั่งมาได้ประมาณ 4-5 ปีแล้ว เพราะมองว่ามีรายได้สูงกว่าการทำนาปรัง ทั้งยังใช้น้ำน้อยกว่าและเหมาะกับพื้นที่ของตนเองที่อยู่ห่างจากคลองส่งน้ำ ซึ่งชาวบ้านในละแวกนี้มีการปลูกอยู่ประมาณ 70-80 ราย โดยการลงทุน 1 ไร่ จะอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท ซึ่งเมื่อหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว แต่ละคนจะมีกำไรประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนว่ามีความขยันขนาดไหน สามารถดูแลแปลงมันฝรั่งได้ดีมากน้อยเพียงใด ส่วนขั้นตอนการปลูกนั้น ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเริ่มจากการไถดินยกร่องแปลงปลูก จากนั้นก็นำพันธุ์มันฝรั่งที่ซื้อมาทำการผ่าตรงกลางให้ได้ประมาณ 8 ชิ้นแล้วนำไปคลุกปูนขาวหรือผงปูนก่อสร้าง รอประมาณ 1 อาทิตย์ก็นำลงแปลงปลูก รดน้ำ พอต้นเริ่มโตก็ทำการกลบ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการดูแลบำรุงรักษาของแต่ละคน ส่วนระยะเวลาการปลูกจะอยู่ที่ประมาณ 70 วันก็จะสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว ซึ่งการรวมกลุ่มลงแขกเก็บผลผลิตของชาวบ้านยอดชาดแห่งนี้ก็เพราะต้องการให้ทุกคนมีรายได้สูงขึ้น เป็นการลดต้นทุนการผลิตให้กับทุกคน ทั้งยังได้แลกเปลี่ยนแนวความคิด วิธีการผลิต การดูแลแปลงของแต่ละคนไปด้วยระหว่างทำงาน ซึ่งแต่ละวันก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเก็บในแต่ละแปลงให้ได้ตามจำนวนที่บริษัทต้องการในแต่ละวันที่อยู่ประมาณ 1,400 กระสอบ ซึ่งการปลูกมันฝรั่งในช่วงภัยแล้งนี้ เมื่อจำหน่ายแล้วทุกคนมีรายได้มาหล่อเลี้ยงครอบครัวแบบไม่เดือดร้อน โดยในปีนี้ทุกคนต่างก็ยิ้มออกเพราะมีผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีหน่วยงานเข้ามาให้ความรู้เรื่องต้นพันธุ์ และวิธีการดูแลที่ถูกต้อง ทำให้ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพและมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น
สำหรับการลงแขกเก็บเกี่ยวผลผลิตมันฝรั่ง ทางกลุ่มได้มีการร่วมกันดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าของแปลงจะมีการเลี้ยงอาหารและน้ำดื่ม ถือเป็นการช่วยแรงกันในการเก็บเกี่ยวผลผลิต ทำให้คนในชุมชนลดค่าใช้จ่ายและเกิดความสามัคคีมากยิ่งขึ้น ในปัจจุบันได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากสำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม และสำนักงานเกษตรอำเภอวังยาง ในการรวมกลุ่มเป็นกลุ่มแปลงใหญ่มันฝรั่งตำบลยอดชาด ซึ่งมีสมาชิกจำนวน 41 ราย พื้นที่ปลูกกว่า 332 ไร่ และจำหน่ายให้กับบริษัทในราคาประกันจากโรงงานในราคากิโลกรัมละ 11 บาท ซึ่งปัจจุบันได้รับความสนใจจากเกษตรกรในพื้นที่เป็นอย่างมาก สำหรับท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับการปลูกมันฝรั่ง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเกษตรอำเภอวังยาง โทร 093 4606 153
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",9/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครพนม,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309174225113 หม่อนไหมฯ ขอนแก่น ตรวจรับรองมาตรฐานเส้นไหมไทยสาวมือ มกษ. 5900-2559 และมาตรฐานเส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน GI ให้กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ อ.หนองสองห้อง และ อ.ชนบท จ.ขอนแก่น,นางสาวจิราลักษณ์ ปรีดี ผู้อำนวยการศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ขอนแก่น มอบหมายให้ นางสาวพิมลรัตน์ เมธินธรังสรรค์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการ และนายสุพจน์ บรรเทา ช่างต้นแบบสิ่งทอ ช2 เจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ นำคณะผู้ตรวจรับรอง นำทีมโดยนางสุกานดา คำปลิว นักวิชาการเกษตรชำนาญการ ลงพื้นที่ตรวจรับรองมาตรฐานเส้นไหมไทยสาวมือ มกษ. 5900-2559 และมาตรฐานเส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน GI ให้กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ อำเภอหนองสองห้อง และ อำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น โดยได้ตรวจรับรองมาตรฐานเส้นไหมไทยสาวมือ มกษ. 5900-2559 แก่ผู้ผลิตเส้นไหมกลุ่มใหม่ มี 2 กลุ่ม ด้วยกันคือ กลุ่มไหมทอง มกษ.บ้านหัวฝาย มีสมาชิกจำนวน 10 ราย ขอรับรอง มาตรฐานไหมน้อย และกลุ่มสตรีสหกรณ์ไหมสาวเลยบ้านหัวฝาย มีสมาชิก จำนวน 10 ราย ขอรับรอง มาตรฐานไหมสาวเลย ตรวจรับรอง ณ ศาลากลางบ้าน บ.หัวฝาย ต.ปอแดง อ.ชนบท จ.ขอนแก่น ซึ่งในกระบวนการผลิตเส้นไหม สมาชิกทั้ง 2 กลุ่มนี้ ได้รับไข่ไหมจาก ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ขอนแก่น มีการตรวจประเมินภายใน จากคณะกรรมการจัดการภายในกลุ่ม
นอกจากนี้ คณะผู้ตรวจพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ติดตามการผลิตและต่ออายุการรับรองของกลุ่มเกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหมบ้านปอแดง ตำบลคึมชาด อำเภอหนองสองห้อง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตเส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน GI มีสมาชิกกลุ่ม จำนวน 10 ราย ที่ผลิตเส้นไหม GI และเป็นกลุ่มที่ผลิตไข่ไหมชุมชน ผลิตไหมวัยอ่อน เพื่อให้จำหน่ายให้แก่สมาชิกและผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมบริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้มีเส้นไหมที่ทางสมาชิกกลุ่มได้คัดเลือกและผ่านมาตรฐาน โดยเป็นพันธุ์ไหมไทยพื้นบ้านที่เกษตรกรเลี้ยงและต่อพันธุ์เอง คือพันธุ์ทับทิมสยาม และนางน้อย ในขั้นตอนการรับรอง คณะผู้ตรวจรับรองฯ มีการตรวจสอบเอกสารการบันทึกของกลุ่มร่วมด้วย โดยมีเส้นไหมลืบที่กลุ่มเกษตรกรผลิต และสามารถเพิ่มมูลค่าให้มีราคาสูงขึ้น ด้วยการทำมาตรฐานให้ตรงตามความต้องการของตลาดและผู้ซื้อ พร้อมส่งจำหน่ายให้กับเครือข่ายผู้ผลิตผ้าไหมคุณภาพต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,9/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ขอนแก่น,สวท.ขอนแก่น,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309181247117 ผู้ว่า นราธิวาสฯ เน้นย้ำ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาแนวทางการแก้ปัญหาสินค้าการเกษตรที่สำคัญของ จ.นราธิวาส 14 ชนิดสินค้า ควบคู่กับการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับบริบทในพื้นที่,"ณ ห้องประชุมหลวงปริวรรตวรวิจิตร ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส ครั้งที่ 1/2565 เพื่อทราบการขับเคลื่อนงานด้านการเกษตรระดับจังหวัด, การขับเคลื่อนรายสินค้าเกษตรที่สำคัญของจังหวัดนราธิวาส, ภาวะเศรษฐกิจการเกษตรปี 2560 และแนวโน้มปี 2565, การประเมินผลโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ ปี 2564 และเพื่อพิจารณาแผนปฏิบัติราชการด้านการเกษตรและสหกรณ์ ประจำปีงบประมาณ 2565 ,และแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง ปี 2564/2565 โดยมี นายเทิดศักดิ์ รัญจวน เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
โดยที่ประชุมหน่วยงานต่างๆ มีการรายงานผลการขับเคลื่อนรายสินค้าเกษตรที่สำคัญของจังหวัดนราธิวาส รวมถึงปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น อาทิ สินค้ายางพารา สินค้าปาล์มน้ำมัน สินค้าข้าว สินค้ามะพร้าว สินค้าลองกอง สินค้าทุเรียน สินค้ามังคุด สินค้าเงาะ สินค้าหม่อนไหม สินค้าสมุนไพร สินค้าโคเนื้อ สินค้าแพะ สินค้าปลาพลวงชมพู และสินค้ากุ้งแวนนาไม
ทางด้าน นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส สั่งการให้หน่วยงานเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอุปสรรคของสินค้าการเกษตรต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาโรคยางพารา ซึ่งพบว่าเกษตรกรในพื้นที่ยังไม่ตระหนักถึงความรุนแรงของโรค จึงยังไม่สนใจในการควบคุม ป้องกันโรคในระยะยาว ซึ่งส่งผลให้ปริมาณผลผลิตลดลงไปด้วย และยังเน้นย้ำอีกว่าปัจจุบันนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาสินค้าการเกษตรต่างๆ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำนวัตกรรมต่างๆ มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์และสอดคล้องกับพื้นที่ นำไปสู่การสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",9/3/2022,ภาคใต้,นราธิวาส,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309190044143 ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ร่วมเป็นเกียรติในพิธีส่งมอบเครื่องจักรกลการเกษตร,"นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาดจังหวัดกระบี่ ร่วมเป็นเกียรติในการส่งมอบเครื่องจักรกลการเกษตรแก่วิสาหกิจชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงบ้านคลองแรด ณ ศูนย์การเรียนรู้เพิ่มเติมประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร หมู่ที่ 7 บ้านคลองแรด ต.คลองพน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ โดยมี นายธรรมรักษ์ จงรักษ์ นายกเทศมนตรีตำบลคลองพน นายชำนาญ นุ่นดำ เกษตรจังหวัดกระบี่ นายบุญส่ง นับทอง นายกสมาคมชาวสวนยางจังหวัดกระบี่ นางชวนคะนึง จริจฉรียกุล เกษตรอำเภอคลองท่อม นายประภาส กาเยาว์ ประธานศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร นายประกอบ กาเยาว์ ประธานวิสาหกิจชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงบ้านคลองแรด ให้การต้อนรับ
สำหรับการส่งมอบเครื่องจักรกลการเกษตรในโครงการ คูโบต้าร่วมมือ เกษตรร่วมใจ เนื่องด้วยบริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด มีนโยบายตอบรับโครงการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) โดยมีการส่งมอบเครื่องจักรกลการเกษตร ให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ เพื่อใช้พัฒนากลุ่ม และยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยได้ทำการส่งมอบไปแล้ว 7 1 กลุ่ม และมีแผนส่งมอบทั้งหมดอีก 50 กลุ่มในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีแผนส่งมอบเพิ่มอีกกว่า 100 กลุ่ม ในปี 2565 นี้ สำหรับวันนี้บริษัทสยามดูโบต้าฯ ร่วมกับคูโบต้ามิตรแท้กระบี่ ภายใต้เครือคูโบต้ามิตรแท้ จะมีการส่งมอบแทรกเตอร์ L50 18SP KIS บุ๋งกี๋ พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วง ผานพรวน จอบหมุน และเครื่อง
ตัดหญ้า จำนวน อย่างละ 1 เครื่อง ให้กับ วิสาหกิจชุมชน เศรษฐกิจพอเพียงบ้านคลองแรด
โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้กล่าวขอบคุณ ตัวแทนจากบริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่ได้มีการจัดโครงการเพื่อช่วยเหลือกลุ่มวิสาหกิจชุมชน โดยการสนับสนุนเครื่องจักรกลสำหรับใช้ในงานเกษตรกรรม และยังได้กล่าวยินดีกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงบ้านคลองแรด ที่ได้รับเครื่องจักรกลครั้งนี้ พร้อมกับเน้นย้ำให้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขยายผล ต่อยอดการพัฒนาสู่พื้นที่อื่นๆ โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศษรฐกิจพอเพียงเป็นหลักในการดำเนินชีวิต
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่
ปริญญา งอสอน / ข่าว
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",9/3/2022,ภาคใต้,กระบี่,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309192730162 เกษตรกรนครพนม รวมกลุ่มแปลงใหญ่ปลูกมันฝรั่ง พืชใช้น้ำน้อย ทดแทนการทำนาปรัง,"นายสุพรรณ ชานุชิต ประธานกลุ่มแปลงใหญ่เกษตรกรผู้ปลูกมันฝรั่งตำบลยอดชาด อำเภอวังยาง จังหวัดนครพนม กล่าวว่า ภายหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยว เกษตรกรในพื้นที่นิยมหันมาปลูกมันฝรั่งทดแทนการปลูกข้าวนาปรังเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมันฝรั่งเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อย และกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นด้วย ส่วนตนและครอบครัวได้ปลูกมันฝรั่งมาได้ประมาณ 4 - 5 ปีแล้ว เพราะมองว่ามีรายได้สูงกว่าการทำนาปรัง ทั้งยังใช้น้ำน้อยกว่าและเหมาะกับพื้นที่ ซึ่งอยู่ห่างจากคลองส่งน้ำ ต่อมาชาวบ้านในละแวกนี้มีการปลูกมันฝรั่งเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีเกษตรกรที่ปลูกมันฝรั่งประมาณ 70 - 80 ราย ซึ่งจากการลงทุน 1 ไร่ จะอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว แต่ละคนจะมีกำไรประมาณ 10,000 บาท/ไร่ ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับการดูแลเอาใจใส่
นายสุพรรณ กล่าวต่อว่า ขั้นตอนการปลูกนั้น ถือว่าไม่ยุ่งยาก เริ่มจากการไถดินยกร่องแปลงปลูก จากนั้นก็นำพันธุ์มันฝรั่งมาผ่าตรงกลางให้ได้ประมาณ 8 ชิ้น แล้วนำไปคลุกปูนขาวหรือผงปูนก่อสร้าง รอประมาณ 1 สัปดาห์ก็นำลงแปลงปลูก รดน้ำ พอต้นเริ่มโตก็ทำการกลบ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการดูแลบำรุงรักษาของแต่ละคน ส่วนระยะเวลาการปลูกจะอยู่ที่ประมาณ 70 วันก็จะสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว ปัจจุบันได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากสำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม และสำนักงานเกษตรอำเภอวังยาง ในการรวมกลุ่มเป็นกลุ่มแปลงใหญ่มันฝรั่งตำบลยอดชาด ซึ่งมีสมาชิก จำนวน 41 ราย พื้นที่ปลูกกว่า 332 ไร่ และจำหน่ายให้กับบริษัทในราคาประกันจากโรงงานในราคา กิโลกรัมละ 11 บาท ซึ่งปัจจุบันได้รับความสนใจจากเกษตรกรในพื้นที่เป็นอย่างมาก
สำหรับท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับการปลูกมันฝรั่ง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเกษตรอำเภอวังยาง หรือโทร 093-4606153
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",9/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครพนม,สวท.นครพนม,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309194309168 เกษตรกรขอบคุณ รมว.เกษตรฯ-พาณิชย์ ไม่นำเข้าหมู ย้ำปล่อยกลไกตลาดทำงาน ช่วยสร้างเสถียรภาพหมูไทย,"นายสุนทราภรณ์ สิงห์รีวงศ์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ เปิดเผยถึงกรณีที่ภาครัฐยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการเรื่องการนำเข้าสุกร จากแนวโน้มราคาสุกรยังคงเป็นราคาที่ผู้บริโภครับได้ สถานการณ์ราคาในขณะนี้เป็นไปตามกลไกตลาด มีอุปสงค์-อุปทานเป็นตัวกำหนด และราคาขายมีแนวโน้มต่ำลง ขณะเดียวกัน สมาคมผู้เลี้ยงทั่วประเทศได้ให้ความร่วมมือในการรักษาระดับราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มโดยตลอด จึงยังไม่มีเหตุผลจำเป็นที่จะต้องนำเข้า เกษตรกรผู้เลี้ยงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ภาครัฐ ยังคงยืนหยัดดูแลเกษตรกรไม่ให้เนื้อหมูนำเข้ามาทำลายเสถียรภาพของอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรของไทย
""เกษตรกรผู้เลี้ยงทั้งหมดขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ท่านอธิบดีกรมปศุสัตว์ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่เดินหน้านโยบายดูแลพี่น้องเกษตรกรคนเลี้ยงหมู โดยไม่เปิดนำเข้าหมู เข้ามาซ้ำเติมทุกข์ของพวกเรา แม้ว่าวันนี้ราคาหมูจะปรับตัวลดลง สวนทางกับภาระต้นทุนการเลี้ยงที่สูงขึ้นที่ภาคผู้เลี้ยงต้องแบกรับ ตามสถานการณ์โลกที่มีผลต่อต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์สูงขึ้น ตามกลไกตลาดโลกจากวิกฤติยูเครน-รัสเซียก็ตาม แต่เรายังมีกำลังใจร่วมกันผลิตหมูปลอดภัยต่อไป ขอเพียงภาครัฐยึนเคียงข้างเกษตรกร ปล่อยให้กลไกตลาดทำงานอย่างเสรี ดังเช่นที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้ราคาหมูเกิดเสถียรภาพ และเป็นแรงจูงใจอย่างดี ทำให้พี่น้องเกษตรกรรายย่อย-รายเล็ก หันกลับมาเลี้ยงหมู ทำให้มีปริมาณหมูในระบบมากขึ้น ตามเป้าหมายที่ภาครัฐกำลังเร่งดำเนินการผลักดัน"" นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ กล่าว
ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ได้เปิดเผยผลสำรวจจำนวนผู้เลี้ยงสุกรล่าสุดพบว่า มีเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรเพิ่มขึ้น โดยฟาร์มไซส์ M มีผู้เลี้ยงเพิ่ม 963 ราย เพิ่มขึ้น 24.97% และไซส์ L เพิ่มขึ้น 651 ราย จากเดิมที่มี 241 ราย อย่างไรก็ตาม เกษตรกรผู้เลี้ยงยังคงต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐ ในการดูแลปัญหาเรื่องต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับตัวขึ้นทุกชนิด เพื่อให้เกษตรกรสามารถผลิตสุกรได้ต่อไป
",9/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สำนักพัฒนานโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309195808173 สุพรรณบุรีจัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ สุพรรณบุรีรวมใจ ป้องกันแก้ไขไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5,"ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี นายปรีชา ทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ""สุพรรณบุรีรวมใจ ป้องกันแก้ไขไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5)"" พร้อมกล่าวว่า การจัดกิจกรรมในวันนี้เพื่อทำความเข้าใจ เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการหาสาเหตุการเกิดและผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก รวมถึงแนวทางการเตรียมตัวป้องกันแก้ไขแก่ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาคประชาชน และเพื่อให้เกิดความร่วมมือตามแผนเผชิญเหตุไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก ที่กำหนดของจังหวัด นอกจากนี้ การจัดทำแนวกันไฟ ชิงเก็บ ลดเผา ในพื้นที่ป่าไม้และพื้นที่อนุรักษ์ ก็เป็นกิจกรรมที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อลดภาวะเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า ที่มักต่อเนื่องจากการเผาที่โล่งได้ จึงขอให้พวกเราทั้งที่เจ้าหน้าที่รัฐและภาคประชาชนชาวสุพรรณ ได้ร่วมมือกันในการรณรงค์ เผยแพร่ และลงมือปฏิบัติ เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาและผลกระทบจากการเกิดไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก
นางสาวปวีณา ทิพย์เสวต ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุพรรณบุรีได้ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงภาคเอกชนคือโรงงานน้ำตาลมิตรผล จัดกิจกรรมสุพรรณบุรีรวมใจ ป้องกันไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนมีความรู้ความเข้าใจสาเหตุและผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) งด/ลดการเผาในที่โล่งในพื้นที่เกษตรกรรม การเผาป่า การเผาขยะ และการเผาวัชพืชข้างทาง รวมถึงลดฝุ่นละอองขนาดเล็กและปัญหามลพิษทางอากาศ ที่เกิดจากกิจกรรมการขนส่งและการประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรม กิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย การบรรยายและการจัดนิทรรศการให้ความรู้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวข้างต้น โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ สมาชิกเครือข่ายอาสาสมัครทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) จังหวัดสุพรรณบุรี ทั้ง 10 อำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แกนนำชุมชนและพี่น้องเกษตรกร ในพื้นที่อำเภอด่านช้าง จำนวน 250 คน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",9/3/2022,ภาคตะวันตก,กาญจนบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุพรรณบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309213701208 สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค11X-Ray โรงงานที่เกี่ยวข้องกับพลาสติก จังหวัดนครราชสีมา,
วันนี้ (9 มี.ค.65) นายเอกสิทธิ์ อักษร นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการ และเจ้าหน้าที่ส่วนส่งเสริมการจัดการสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบโรงงานที่ดำเนินกิจการที่เกี่ยวข้องกับพลาสติก เพื่อตรวจสอบมาตรการป้องกันมลพิษจากการประกอบกิจการและมาตรการป้องกันอัคคีภัยตามนโยบายของอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ในเขตอุสาหกรรมสุรนารี ตำบลหนองบัวศาลา และตำบลหนองระเวียง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 2 แห่ง ได้แก่
1. โรงงานผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก จากเมลามีน (Melamine) ประเภทของใช้ในครัวเรือน และชิ้นส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
2. โรงงานผลิตถุงปูน และถุงใหญ่บิ๊กแบ็ค(big bag )/ ถุงอุตสาหกรรม จากพลาสติกพอลิโพรไพลีน Polypropylene (PP)
ผลการตรวจสอบมาตรการป้องกันอัคคีภัยของสถานประกอบการพลาสติก พบว่า โรงงานมีมาตรการแนวทางในการป้องกันอัคคีภัยไว้เบื้องต้น และมีการติดตั้งป้ายมาตรการป้องกันอัคคีภัยในพื้นที่จุดต่างๆ ภายในโรงงาน ทั้งนี้โรงงานดังกล่าว ไม่มีการระบายน้ำทิ้งออกสู่ภายนอก สำนักงานฯ ได้กำชับผู้ประกอบการให้เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังอัคคีภัย และฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่องด้วย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,9/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309224107218 ทสจ.สุพรรณบุรี จัดกิจกรรมจัดทำแนวกันไฟ ชิงเก็บ ลดเผา ลดปัญหาหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5,"ที่ป่าชุมชนบ้านทุ่งใหญ่ หมู่ที่ 7 ตำบลวังคัน อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุพรรณบุรีร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและส่วนราชการในจังหวัดสุพรรณบุรี จัดกิจกรรมการจัดทำแนวกันไฟ ชิงเก็บ ลดเผา เพื่อเผยแพร่ความรู้และเทคนิค โดยการสาธิตและปฏิบัติจริงในการจัดทำแนวกันไฟให้กับสมาชิกเครือข่าย ทสม., สมาชิกป่าชุมชนบ้านทุ่งใหญ่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายปรีชา ทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นประธาน การจัดกิจกรรมทำแนวกันไฟ ในบริเวณป่าชุมชนบ้านทุ่งใหญ่ สืบเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าชุมชนขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 2,593 ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าห้วยขมิ้น ป่าพุน้ำร้อนและป้าหนองหญ้าไทร ท้องที่ตำบลวังคัน อำเภอด่านช้าง ป่าบริเวณนี้จะเกิดไฟป่าเป็นประจำทุกปี และอยู่ใกล้ชุมชน จึงมีความจำเป็นต้องให้ความรู้ในการทำแนวกันไฟ เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมไฟป่า และส่งเสริมให้สมาชิกป่าชุมชนและเครือข่ายทสม.มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่าชุมชน
นายปรีชา ทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า จังหวัดสุพรรณบุรีได้ให้ความสำคัญต่อปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หมอกควัน และไฟป่า ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ซึ่งปัญหานี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงหน้าแล้ง ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อของฤดูหนาวไปถึงฤดูร้อนของทุกปี จังหวัดสุพรรณบุรีได้จัดกิจกรรมในวันนี้ขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับสาเหตุการเกิด และผลกระทบจากปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก รวมถึงแนวทางการเตรียมตัวป้องกัน แก้ไขแก่ทุกภาคส่วน และจัดกิจกรรมทำแนวกันไฟ ชิงเก็บ ลดเผา ณ ป่าชุมชนบ้านทุ่งใหญ่แห่งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันไฟป่า รักษาป่าชุมชนที่พี่น้องชุมชนบ้านทุ่งใหญ่ดูแลรักษามานับทศวรรษให้เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ตามเจตจำนงค์ของคณะกรรมการป่าชุมชน เพื่อเป็นแหล่งอาหารของชุมชน สามารถสร้างรายได้ และเป็นมรดกให้ลูกหลานสืบไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",9/3/2022,ภาคตะวันตก,กาญจนบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุพรรณบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309214126209 หน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมที่ 11บูรณาการหน่วยงานร่วม ปฏิบัติการตรวจจับควันดำลดฝุ่น PM2.5 จังหวัดนครราชสีมา,"วันนี้ (9 มี.ค.65) หน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมที่ 11 (นครราชสีมา) ร่วมกับสำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมา และสถานีตำรวจภูธรวังน้ำเขียว ตั้งจุดปฏิบัติการตรวจจับควันดำ บริเวณทางหลวงหมายเลข 304 ป้อมสถานีตำรวจวังน้ำเขียว อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ภายใต้กิจกรรม รัฐเข้มตรวจจับ ปรับจริงห้ามใช้รถควันดำ ตามข้อสั่งการ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM 2.5) จากการจราจรและการขนส่งทางบก
ผลการตรวจวัดควันดำจากรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล จำนวน 83 คัน พบค่าควันดำเกินมาตรฐาน จำนวน 10 คัน แบ่งออกเป็น รถตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 จำนวน 38 คัน พบค่าควันดำเกินมาตรฐาน 6 คัน พ่นสัญลักษณ์ห้ามใช้รถ 6 คัน และรถตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 จำนวน 45 คัน พบค่าควันดำเกินมาตรฐาน 4 คัน พนักงานเจ้าหน้าที่ออกคำสั่งให้ปรับปรุงแก้ไข และติดสติ๊กเกอร์ห้ามใช้รถยนต์ชั่วคราว จำนวน 4 คัน ยอดตรวจสะสมตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 รวมทั้งสิ้น 1,083 คัน พบค่าควันดำเกินมาตรฐานสะสมรวมทั้งสิ้น 165 คัน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",9/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220309224957219 จ.นราธิวาส สรุปความเสียหายด้านการเกษตรหลังเกิดอุทกภัยในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมขอให้ยื่นแบบแสดงความจำนงขอรับความช่วยเหลือ (แบบ กษ.01) ภายในวันที่ 25 มีนาคม นี้,"นายเทอดศักดิ์ รัญจวน เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ช่วงวันที่ 23-27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณน้ำในลุ่มน้ำ 3 สายหลักในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ลุ่มน้ำสายบุรี ลุ่มน้ำบางนราและลุ่มน้ำโก-ลก มีระดับน้ำสูงกว่าตลิ่งไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ บ้านเรือนและพื้นที่ทำกินของเกษตรกร ซึ่งจังหวัดนราธิวาสได้ประกาศเป็นเขตให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เหตุอุทกภัย 13 อำเภอ 76 ตำบล 561 หมู่บ้าน 3 เขตเทศบาล 68 ชุมชน (ข้อมูล ณ วันที่ 4 มี.ค.65)
สำหรับการประเมินความเสียหายเบื้องต้น ด้านการเกษตร ด้านพืช เกษตรกร 28,829 ราย พื้นที่ 10,861 ไร่ แยกเป็นนาข้าว 4,662 ไร่ พืชไร่และพืชผัก 1,623 ไร่ พืชสวนและอื่น ๆ 4,576 ไร่ ด้านประมง เกษตรกร 442 ราย แยกเป็น ปลาในบ่อดิน กว่า 168.464 ไร่ ปลาในกระชัง/บ่อซีเมนต์ 685.68 ตารางเมตร ด้านปศุสัตว์ เกษตรกร 44 ราย โค 43 ตัว แกะ 2 ตัว แพะ 9 ตัว ไก่ 166 ตัว โดยทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ให้การช่วยเหลือเบื้องต้นไปแล้ว
ทั้งนี้ สถานการณ์ปัจจุบันกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทางศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรจังหวัดนราธิวาส ได้ออกประกาศกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการยื่นแบบแสดงความจำนงขอรับความช่วยเหลือ ตามแบบ กษ.01 ภายในวันที่ 25 มีนาคม นี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.073-532744
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",10/3/2022,ภาคใต้,นราธิวาส,สวท.นราธิวาส,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310090630244 กอนช. ขอให้ประชาชนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกระวังเกิดฝนตก ส่วนภาคใต้ฝนลดลง,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกระวังเกิดฝนตก ส่วนภาคใต้ฝนลดลง
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (10 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนอากาศร้อนในตอนกลางวัน ด้านภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนลดลง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.กระบี่ 65 มิลลิเมตร , ชุมพร 30 มิลลิเมตร และนราธิวาส 29 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 29,715 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 51 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 23,670 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 50 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนและแม่กลองมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
",10/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310093552255 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือปรับตัวสูงขึ้นระดับสีส้มบริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ส่วน กทม.และปริมณฑลปรับตัวสูงขึ้นเกินมาตรฐานระดับสีส้ม 16 พื้นที่,"ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือปรับตัวสูงขึ้นระดับสีส้มบริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลปรับตัวสูงขึ้นเกินมาตรฐานระดับสีส้ม 16 พื้นที่
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (10 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีมากถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นเกินเกณฑ์มาตรฐานระดับสีส้ม 1 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 15 - 17 มีนาคม แต่ช่วงวันที่ 11 - 12 มีนาคม ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษมีแนวโน้มค่าฝุ่นอาจสูงขึ้นได้บางพื้นที่
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นเกินเกณฑ์มาตรฐานระดับสีส้ม 16 พื้นที่ เช่น ริมถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 95 เขตวังทองหลาง , ริมถนนบางนา-ตราด เขตบางนา , ริมถนนเพชรเกษม เขตภาษีเจริญ , แขวงคลองเตย เขตคลองเตย , ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน , ริมถนนดินแดง เขตดินแดง เนื่องจากสภาพอากาศปิดและลมนิ่ง ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 12 - 17 มีนาคม
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
",10/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310093830256 ไปรษณีย์ตราด เปิดแผน ช่วยพี่น้องเกษตรกร รับส่งครบทุกมิติ เปิดฤดูกาลผลไม้เมืองตราด,นายเทิดศักดิ์ ศรีวงษ์ หัวหน้าไปรษณีย์จังหวัดตราด ได้เปิดเผยถึงนโยบาย ในการเดินหน้าช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ในฤดูกาลผลไม้จังหวัดตราด ทำให้ระบบขนส่งสินค้า และเศรษฐกิจมีความคึกคักมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ไปรษณีย์ ได้เล็งเห็นความสำคัญในการช่วยสร้างรายได้ และสร้างความต่อเนื่องในการค้าขายให้กับผู้ประกอบการ เกษตรกร รวมทั้งผู้ใช้บริการทั่วประเทศ ล่าสุดได้มีการเตรียมความพร้อมระบบการขนส่ง ของทางไปรษณีย์ เพื่อรองรับผลผลิตผลไม้ การดูแลสินค้า มีการดำเนินการเบิกกล่องพลาสติก ป้องกันผลิตผล เกษตรกร ลดแรงกระแทกระหว่างการขนส่ง ตลอดจนนโยบายที่ไปรับพัสดุถึงที่ อำนวยความสะดวกและสนับสนุนผู้ประกอบการ เกษตรกร และผู้ใช้บริการ ให้ขนส่งสิ่งของตรงไปสู่ผู้บริโภค และผู้รับปลายทางด้วยความต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ประกอบการ เกษตรกร ผู้ใช้บริการได้สัมผัสความสะดวกสบายและมีทางเลือกในการส่งของอย่างปลอดภัย ด้วยขั้นตอนการใช้บริการที่ไม่ยุ่งยาก และไม่ต้องเดินทางมาส่งสิ่งของด้วยตนเอง โดยขณะนี้บริการดังกล่าวครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และถือเป็นบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในยุค New Normal อย่างแท้จริง สำหรับมาตรการป้องกันโควิด -19
หัวหน้าไปรษณีย์ จังหวัดตราด ได้กล่าวเสริมอีกว่า ทางไปรษณีย์ ทั้งต้นทาง ไปรษณีย์ตราด และปลายทาง ศูนย์ใหญ่ไปรษณีย์ศรีราชา ได้มีมาตรการพ่นฆ่าเชื้อ ตามแนวนโยบายของทางไปรษณีย์อย่างเข้มข้น และฝากถึงพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ และผู้ที่ใช้บริการ ขอให้มั่นใจในบริการไปรษณีย์ ที่มีต่อสินค้าหรือบริการ ให้ถึงปลายทาง ให้ตรงเวลาตามมาตรฐานที่ไปรษณีย์ไทยกำหนด แล้วถ้าเกิดความเสียหายทางไปรษณีย์ไทย มีความยินดีที่จะนำมาปรับปรุงแก้ไข ขอให้ผู้ใช้บริการมั่นใจ
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,10/3/2022,ภาคตะวันออก,ตราด,สวท.ตราด,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310105511307 "วราวุธ กำชับเร่งแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควันปีนี้อย่างเข้มข้น ทั้งภายในประเทศและหมอกควันข้ามแดน ภาพรวมปีนี้เกิดจุดความร้อนไปแล้วเกือบ 13,000 จุด","รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำชับเร่งแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควันปีนี้อย่างเข้มข้น ทั้งภายในประเทศและหมอกควันข้ามแดน ภาพรวมปีนี้เกิดจุดความร้อนไปแล้วเกือบ 13,000 จุด
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวถึงการติดตามสถานการณ์ เฝ้าระวังไฟป่าและหมอกควันช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคมว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยให้กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธ์พืชและกรมป่าไม้ดูแลในพื้นที่เขตป่าอนุรักษ์ ด้วยการให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคประสานจังหวัดดำเนินงานและให้จังหวัดกำกับดูแลให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเข้มงวด พร้อมทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับการเกิดจุดความร้อน (Hotspot) PM 2.5 และหมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ ภาพรวมจุดความร้อน (Hotspot) พื้นที่ภาคเหนือปีนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 8 มีนาคม พบเกิดไฟป่าขึ้นในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 3,717 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 5,316 จุด // พื้นที่เกษตรและที่อื่นๆ 3,763 จุด รวมแล้วกว่า 12,796 จุด เมื่อเปรียบเทียบสถานการณ์จุดความร้อนสะสมในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ปี 2563 - 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 8 มีนาคมของทุกปี พบปี 2563 เกิดจึดความร้อนขึ้น 25,770 จุด // ปี 2564 เกิดจุดความร้อนขึ้น 17,289 จุด และปี 2565 เกิดจุดความร้อนขึ้น 3,717 จุด ส่วนการลดปริมาณเชื้อเพลิงด้วยวิธีชิงเก็บลดเผาปีนี้ ณ วันที่ 1 มีนาคม กรมป่าไม้ได้ดำเนินการพื้นที่ชิงเก็บได้กว่า 11,261 ไร่ จัดเก็บเชื้อเพลิงได้จำนวนปริมาณ 708.24 ตัน ด้านกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธ์พืชกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ โดยทุกหน่วยงานได้ปฏิบัติงานตามมาตรการอย่างเข้มข้นทั้งการเฝ้าระวัง การจัดทำแนวกันไฟ การจัดชุดปฏิบัติการพิเศษเข้าดับไฟ และการดูแลสุขภาพประชาชน
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวย้ำว่า การป้องกันและแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดนปีนี้ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบเริ่มเกิดปัญหาหมอกควันข้ามแดนในอนุภูมิภาคแม่โขงขึ้นและมีแนวโน้มส่งผลกระทบในพื้นที่ภาคตะวันออก แล้วจะส่งผลกระทบต่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยในอนาคตด้วย ทำให้ คพ.ได้ประสานและรายงานสถานการณ์ปัญหาหมอกควันข้ามแดนที่มีผลกระทบต่อไทยไปยังสำนักเลขาธิการเซียน เพื่อขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านลดการเผาในที่โล่งตามแบบฟอร์มของอาเซียน โดยได้รายงานและแจ้งปัญหาหมอกควันข้ามแดนไปแล้ว 27 ครั้ง ซึ่งสำนักเลขาธิการอาเซียนได้ประสานแจ้งเวียนจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ของไทยให้ประเทศเพื่อนบ้านรับทราบแล้วเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามการรายงานคุณภาพอากาศ ได้ผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และ แอปพลิเคชัน Air4Thai
",10/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310103258295 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้การเกิดพายุฤดูร้อนจะช่วยลดในบางจุดลงได้ ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังกระทบไทยหลายพื้นที่,"สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้การเกิดพายุฤดูร้อนจะช่วยลดในบางจุดลงได้ ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังกระทบประเทศไทยหลายพื้นที่
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (9 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 262 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่เกษตร 79 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 63 จุด // พื้นที่เขต สปก. 61 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 39 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษณ์ 19 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 1 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุด คือ อุบลราชธานี 30 จุด , นครพนม 18 จุด และแม่ฮ่องสอน 17 จุด โดยจุดความร้อนลดลงจำนวนมากจากการเกิดพายุฤดูร้อน ทำให้เกิดฝนฟ้าคะนองในหลายพื้นที่ แต่ยังพบจุดความร้อนบ้างในพื้นที่ตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ส่วนวันนี้คุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยรวมทั่วประเทศไทยอยู่ในระดับดีถึงดีมาก
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาติดต่อกัน 11 วัน 2,039 จุด รองลงมาเป็น สปป.ลาว 827 จุด และกัมพูชา 820 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องค่อนข้างหน้าเป็นห่วงอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",10/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310115454327 กรมส่งเสริมการเกษตร ชวนกินมังคุดผลเล็กภาคตะวันออก รสเข้มสุดฟิน พอดีคำ ชี้ปี 65 ปัจจัยเอื้อรอบด้าน มังคุด 3 จังหวัดติดผลดี พร้อมจำหน่ายผู้บริโภคทั่วประเทศ,"นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า จากข้อมูลของคณะทำงานพัฒนาระบบข้อมูลและโลจิสติกส์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปี 2565 คาดการณ์ว่า มังคุดภาคตะวันออกจะมีปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณหนึ่งเท่าตัว เนื่องจากมีปัจจัยต่างๆ ที่เอื้ออำนวย เช่น สภาพอากาศที่หนาวเย็นมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 จนถึงเดือนมกราคม 2565 ช่วยกระตุ้นการออกดอกได้ดี อีกทั้งเมื่อปีที่ผ่านมาต้นมังคุดไม่ติดผล จึงทำให้เกิดการพักต้น และสะสมอาหารอย่างเต็มที่
กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้กำหนดมาตรการตามนโยบายการบริหารจัดการผลไม้ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ หรือ Fruit Board เช่น จัดแคมเปญส่งเสริมการบริโภคสินค้าเกษตรภายในประเทศ Fresh Fruit From Farm การสนับสนุนให้เกษตรกรเน้นการจำหน่ายผลผลิตทางช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่น www.ตลาดเกษตรกรออนไลน์.com ของกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นต้น
สำหรับสาเหตุที่ทำให้มังคุดมีผลเล็กนั้น เกิดจากสภาพแวดล้อมที่แปรปรวน ทำให้ผลมังคุดบางส่วนมีขนาดเล็กลง แต่ยืนยันว่ายังคงคุณค่าทางโภชนาการไว้ครบถ้วน และยังมีรสชาติดีเยี่ยมเช่นเดิม อีกทั้งยังมีลักษณะเด่น คือ เปลือกบาง รสเข้มข้นหวานนำเปรี้ยวตาม เนื้อสีขาวฟูมีความฉ่ำ ที่สำคัญสามารถรับประทานได้ง่าย เนื่องจากไม่มีเมล็ดโตให้ต้องคายทิ้ง สามารถเคี้ยวกลืนเนื้อได้ทั้งผล และจะทำให้มีปริมาณส่วนที่รับประทานได้มากขึ้นเมื่อเทียบปริมาณต่อกิโลกรัม ซึ่งผลการวิจัยพบว่า เนื้อมังคุด มีสารอาหารที่จำเป็น ทั้งวิตามินซี วิตามินอี วิตามินบีต่างๆ และมีแร่ธาตุที่จำเป็น กรมส่งเสริมการเกษตรจึงขอเชิญชวนประชาชนสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกมังคุดภาคตะวันออกได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 เป็นต้นไป
ส่วนสถานการณ์ผลผลิตมังคุดของภาคตะวันออกได้แก่ จังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด ในปี 2565 นี้ มีเนื้อที่ปลูกทั้งหมด 192,670 ไร่ โดยเป็นเนื้อที่ให้ผลแล้ว 188,428 ไร่ ขณะที่ปริมาณผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดมีประมาณ 210,864 ตัน ทั้งนี้ ผลผลิตมังคุดจากทั้ง 3 จังหวัด จะเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไปจนถึงเดือนกรกฎาคม โดยในช่วงเดือนพฤษภาคมจะเป็นช่วงที่มีผลผลิตมังคุดจาก 3 จังหวัดออกสู่ตลาดมากที่สุด
นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ และกล่าวเปิดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ 2 ประจำปีงบประมาณ 2565 ณ โรงเรียนบ้านควนอารี หมู่ที่ 9 ต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง
สำนักงานเกษตรจังหวัดตรังได้ดำเนินโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกษตรกรที่มีปัญหาด้านการเกษตรในพื้นที่ห่างไกล สามารถเข้าถึงการบริการทางวิชาการ การถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตร และได้รับการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรอย่างครบวงจร อีกทั้งเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการให้บริการและแก้ไขปัญหาทางเกษตรร่วมกัน สำหรับปี พ.ศ. 2565 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดจัดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ฯ จำนวน 4 ครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 จัดในวันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม 2565 ณ โรงเรียนบ้านควนอารี หมู่ที่ 9 ตำบลบางดี อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง โดยบูรณาการจัดงานร่วมกับโครงการ หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน จังหวัดตรัง และการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ของจังหวัดตรัง
โดยกิจกรรมในงาน ประกอบด้วย การให้บริการทางการเกษตร โดยบริการคลินิกต่าง ๆ จำนวน 12 คลินิก จัดเป็นกลุ่มบริการด้านพืช กลุ่มบริการด้านปศุสัตว์ กลุ่มบริการด้านประมง กลุ่มบริการด้านกฎหมาย และกลุ่มบริการด้านวิชาการที่เกี่ยวข้องด้านการเกษตร โดยมีหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดตรัง จำนวน 17 หน่วยงาน และภายนอกจังหวัด ได้แก่ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพัทลุง ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืชจังหวัดสงขลามาร่วมให้บริการเกษตรกร นอกจากนี้ มีการนำผลผลิตทางการเกษตรของกลุ่มเกษตรกร ปลูกผักยกแคร่ในพื้นที่อำเภอห้วยยอด กลุ่มวิสาหกิจชุมชนต้นตำรับแป้งสาคูรวมใจบ้านไสขันอำเภอนาโยง และกลุ่มข้าวเบายอดม่วงอำเภอนาโยงมาแสดงและจำหน่ายในบริเวณงานด้วย เกษตรกรที่มาร่วมงานในครั้งนี้ เป็นเกษตรกรในอำเภอห้วยยอดและใกล้เคียงเป้าหมาย 100 ราย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",10/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310114545325 จังหวัดสตูล พร้อมเดินหน้าตามกรอบการประเมินการประกวดการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน จังหวัด สะอาด ประจำปี พ.ศ. 2565 รอบคัดเลือก,"
นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานประชุมคณะกรรมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย จังหวัดสตูล ครั้งที่ 1/2565 ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล ชั้น 2 เพื่อชี้แจงหลักเกณฑ์ประเมินการประกวดการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน จังหวัดสะอาด ประจำปี 2565 รอบคัดเลือก ตามเกณฑ์การประกวด 7 ด้าน ประกอบด้วย 1.การขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน จังหวัดสะอาด ประจำปี 2564 2.การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน จังหวัดสะอาด ประจำปี 2564 ด้านการจัดการขยะต้นทาง , ด้านการจัดการขยะกลางทาง และด้านการจัดการขยะปลายทาง 3.การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอย 4.การนำนวัตกรรมหรือกิจรรมริเริ่มสร้างสรรค์มาใช้ในการจัดการขยะมูลฝอย 5.การจัดการขยะอันตรายชุมชน 6.การจัดการขยะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และ 7.การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบร้อยของพื้นที่
พร้อมกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวด้วยว่า เสน่ห์ของจังหวัดสตูลอยู่ที่ความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย จึงอยากให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้เข้มงวดกวดขันเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อให้สอดคล้องกับวาระการขับเคลื่อนจังหวัดสตูล ""วาระ 5 ส. เมืองสตูลน่าอยู่ น่าเยือน อย่างยั่งยืน"" สตูล...สะอาด คือ การสร้างวินัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม การรักษาความสะอาด การคัดแยกขยะต้นทางและบริหารจัดการขยะอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ และนอกจากจะดำเนินการตามหลักวิชาการแล้วจะต้องปฏิบัติได้จริงด้วย โดยเฉพาะภารกิจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 42 แห่ง นอกจากนี้จังหวัดสตูลยังมีพื้นที่ที่เป็นจุดอ่อนของการจัดการขยะคือบริเวณพื้นที่เกาะต่างๆ เช่น เกาะปูยู และเกาะหลีเป๊ะ เป็นต้น
ทั้งนี้ จังหวัดสตูล ได้รับรางวัลการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน จังหวัดสะอาด ประจำปี 2563 เป็นอันดับ 1 ของภาคใต้อีกด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",10/3/2022,ภาคใต้,สตูล,สวท.สตูล,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310115929329 จังหวัดตรัง จัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ 2 ประจำปีงบประมาณ 2565,
นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ และกล่าวเปิดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ 2 ประจำปีงบประมาณ 2565 ณ โรงเรียนบ้านควนอารี หมู่ที่ 9 ต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง
สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง ได้ดำเนินโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกษตรกรที่มีปัญหาด้านการเกษตรในพื้นที่ห่างไกล สามารถเข้าถึงการบริการทางวิชาการ การถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตร และได้รับการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรอย่างครบวงจร อีกทั้งเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการให้บริการและแก้ไขปัญหาทางเกษตรร่วมกัน สำหรับปี พ.ศ. 2565 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนด จัดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ฯ จำนวน 4 ครั้ง
ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 จัดในวันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม 2565 ณ โรงเรียนบ้านควนอารี หมู่ที่ 9 ตำบลบางดี อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง โดยบูรณาการจัดงานร่วมกับโครงการ หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน จังหวัดตรัง และการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว.ของจังหวัดตรัง โดยกิจกรรมในงาน ประกอบด้วยการให้บริการทางการเกษตร โดยบริการคลินิกต่าง ๆ จำนวน 12 คลินิก จัดเป็นกลุ่มบริการด้านพืช กลุ่มบริการด้านปศุสัตว์ กลุ่มบริการด้านประมง กลุ่มบริการด้านกฎหมาย และกลุ่มบริการด้านวิชาการที่เกี่ยวข้องด้านการเกษตร โดยมีหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในจังหวัดตรัง จำนวน 17 หน่วยงาน และภายนอกจังหวัด ได้แก่ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพัทลุง ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืชจังหวัดสงขลามาร่วมให้บริการเกษตรกร
นอกจากนี้ มีการนำผลผลิตทางการเกษตรของกลุ่มเกษตรกร ปลูกผักยกแคร่ในพื้นที่อำเภอห้วยยอด กลุ่มวิสาหกิจชุมชนต้นตำรับแป้งสาคูรวมใจบ้านไสขันอำเภอนาโยง และกลุ่มข้าวเบายอดม่วงอำเภอนาโยงมาแสดงและจำหน่ายในบริเวณงานด้วย เกษตรกรที่มาร่วมงานในครั้งนี้ เป็นเกษตรกรในอำเภอห้วยยอดและใกล้เคียงเป้าหมาย 100 ราย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,10/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310133726395 กรมการข้าว จัดงานถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกข้าวชายแดนใต้ ปี 65 แก้ปัญหาความมั่นคงด้านอาหาร ,"นายณัฎฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดงานถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าวในพื้นที่เหมาะสม ภายใต้โครงการตำบลมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี 2565 ว่า การจัดงานถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าวในพื้นที่เหมาะสม ภายใต้โครงการตำบลมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี 2565 กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวในพื้นที่เหมาะสม จัดขึ้นเพื่อเป็นการถ่ายทอดความรู้ด้านการพัฒนาการผลิตข้าวที่เหมาะสมในพื้นที่ภาคใต้ รวมไปถึงการแสดงพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมที่ให้ผลผลิตสูง การแสดงเทคโนโลยีการผลิตข้าว เครื่องจักรกลที่ใช้ในการลดต้นทุน การผลิตข้าว การแปรรูปและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์จากข้าว การแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มผู้ผลิตข้าวในจังหวัดชายแดนภาคใต้แก่ผู้มาร่วมงาน อีกทั้งยังมีนิทรรศการจากหลายหน่วยงานและมีกิจกรรมต่างๆ มากมายที่เป็นประโยชน์แก่ผู้มาร่วมงานในวันนี้
สำหรับโครงการตำบลมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี 2565 ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นคงด้านอาหารของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และพัฒนาศักยภาพพื้นที่ผลิตข้าวพันธุ์พื้นเมืองที่เหมาะสมสำหรับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มรายได้แก่ครัวเรือนเกษตรกรผู้ทำนา ประกอบด้วย 3 กิจกรรมคือ กิจกรรมพัฒนาศักยภาพพื้นที่ผลิตข้าวจังหวัดชายแดนภาคใต้ กิจกรรมส่งเสริมการผลิตข้าวพันธุ์พื้นเมือง และกิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวในพื้นที่เหมาะสม
",10/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310205153674 กรมชลประทาน เดินหน้าก่อสร้างอ่างเก็บน้ำป่าละอูอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ,"
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า โครงการอ่างเก็บน้ำป่าละอูอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่กรมชลประทานได้ทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ก่อนที่จะดำเนินการสร้าง บริเวณตอนล่างของอ่างเก็บน้ำห้วยป่าเลา ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีแผนการดำเนินงาน 7 ปี (2560-2566) มีพื้นที่ชลประทาน 6,490 ไร่ เป็นแหล่งน้ำต้นทุนให้กับราษฎรในพื้นที่หมู่ที่ 1,2,3,5,6 และ 8 ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ จำนวน 1,095 ครัวเรือน ประชากรประมาณ 3,250 คน รวมไปถึงครูและนักเรียนของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านนเรศวรป่าละอู จะมีแหล่งน้ำใช้อุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอตลอดทั้งปี พร้อมทั้งส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเสริมสร้างความมั่นคงด้านน้ำ และพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ได้อย่างหลากหลายและยั่งยืน
กรมชลประทาน เร่งรัดติดตามงานก่อสร้าง โครงการอ่างเก็บน้ำป่าละอูอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้แล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์โดยเร็ว คาดปีหน้า(2566) จะดำเนินการแล้วเสร็จและเก็บกักน้ำได้อย่างเต็มศักยภาพ ปัจจุบันมีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 65 ภาพรวมการก่อสร้างถือว่าเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ ซึ่งในปีนี้ ได้ปรับแผนการก่อสร้างให้สามารถเก็บกักน้ำได้ แม้โครงการจะยังไม่แล้วเสร็จ เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำทั้งอุปโภคบริโภคและการเกษตร โดยไม่กระทบกับการก่อสร้าง
",10/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310204928672 เกษตรอำเภอเมืองตรัง จัดกิจกรรมจัดทำ focus group เพื่อสรุปข้อมูลการประเมินสถานการณ์ผลผลิตในแปลงพยากรณ์ไม้ผลระดับอำเภอ,"
นางนิตยา จันทร์ประทีป เกษตรอำเภอเมืองตรัง มอบหมายให้ นายศรายุทธ นวลเนาว์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ จัดกิจกรรมจัดทำ focus group เพื่อสรุปข้อมูลการประเมินสถานการณ์ผลผลิตในแปลงพยากรณ์ไม้ผลระดับอำเภอครั้งที่ 1/2565 มีจุดประสงค์เพื่อติดตามสถานการณ์การออกดอกติดผล ของไม้ผลเศรษฐกิจภาคใต้(ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง) พร้อมทั้งจัดทำปฏิทินการผลิตสำหรับวางแผนบริหารจัดการไม้ผลเบื้องต้น
นอกจากนี้ ยังได้มีการแลกเปลี่ยนประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่ที่ประสบปัญหาเป็นพืชทุเรียน และปัญหาที่พบเป็นปัญหาเกี่ยวกับการผลิต ได้แก่ การระบาดของหนอนเจาะเมล็ด และหนอนเจาะผลทุเรียน ในการนี้สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองตรังได้ให้คำแนะนำวิธีในการป้องกันกำจัดด้วยการใช้กับดักแสงไฟ (black light) เนื่องจากเป็นวิธีที่สามารถทำได้ไม่ยาก ประหยัด ไม่ใช้สารเคมี และยังให้ผลดีเป็นที่น่าพอใจอีกด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",10/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310141622417 เกษตรย่านตาขาว จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ให้บริการปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรประจำปี 2565 ในพื้นที่ ตำบลโพรงจระเข้,"
นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอำเภอย่านตาขาว มอบหมายให้ นางแพรวพรรณ ทองพิทักษ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ ร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนเกษตรกร และการปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปี 2565 ซึ่งเกษตรกรเข้ารับบริการจำนวน 95 ราย ณ ศาลาอเนกประสงค์ หมู่ที่ 3 ตำบลโพรงจระเข้ อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง
ทั้งนี้ การแจ้งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรเป็นประจำทุกปี ข้อมูลจะมีความครบถ้วน เป็นปัจจุบันทำให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากทำให้ภาครัฐ สามารถวางแผนการผลิต การตลาด ส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและจัดทำโครงการมาตรการต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรได้อีกด้วย ดังจะเห็นได้จากการที่หน่วยงานภาครัฐเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรไปใช้เป็นข้อมูลประกอบโครงการและมาตรการเพื่อให้การสนับสนุน และช่วยเหลือเกษตรกรเป็นจำนวนมาก
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",10/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310141928427 เกษตรกรในพื้นที่ตำบลทุ่งยาว อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ปลูกมะนาวขาย โดยในช่วงนี้ ผลผลิตทางการเกษตรขายได้ราคาที่สูงขึ้น,"สำนักงานเกษตรอำเภอปะเหลียน โดย นายสุภัทธ คงด้วง เกษตรอำเภอปะเหลียน มอบหมายให้ นางสาวปราณี แข็งแรง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ นางสาวบุหลัน ทักษิณาวาณิชย์ และ นางสาวศัลยา มานะกล้า นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ ร่วมกับอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนเกษตรกรผู้ปลูกมะนาว และปลูกผักในพื้นที่ตำบลทุ่งยาว อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง
1. นายจรัล บุญโยดม (สวนมะนาวโบวี่) หมู่ที่ 2 ตำบลทุ่งยาว อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ปลูกมะนาว หลากหลายพันธุ์ อายุ 6 ปี บนเนื้อที่ 2 ไร่ ประมาณ 120 ต้น โดยผลผลิตอยู่ที่ 20-50 กิโลกรัม/วัน ช่วงนี้เก็บผลผลิตได้น้อยวันละ 20 กิโลกรัม ขายภายในพื้นที่ตำบลทุ่งยาว ได้ราคาสูงถึง กิโลกรัมละ 70 บาท
2. นายสมพร คงชู หมู่ที่ 3 ตำบลทุ่งยาว อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ทำเกษตรแบบผสมผสาน บนเนื้อที่ 10 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่ปลูกมะนาว อายุ 3 ปี จำนวน 30 ต้น และปลูกพืชผักตามฤดูกาล เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง กวางตุ้ง ผักพื้นบ้าน กะเพรา โหระพา เช่น ยอดมะม่วงหิมพานต์ ยอดใบหมุย มะตูมซาอุ ซึ่งทุกวันจะมีผลผลิตส่งขายแม่ค้าตลาดสดเทศบาลทุ่งยาว และร้านอาหารในพื้นที่ ซึ่งในช่วงนี้ ผลผลิตทางการเกษตรขายได้ราคาที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของมะนาว เก็บผลผลิตได้วันละ 10 กิโลกรัม จำหน่าย กิโลกรัมละ 100 บาท
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",10/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310143055436 สำนักงานประมงจังหวัดเลย จัดโครงการเพิ่มผลผลิตในแหล่งน้ำ สร้างแหล่งอาหารให้ประชาชน,
นายวิทยา หันตุลา นักวิชาการประมงปฏิบัติการ พร้อมด้วย นายสายัน อาสาวัง ประมงอำเภอวังสะพุง และนางสุพัตรา เงินลาด เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน ได้มอบพันธุ์ปลากินพืชและอาหารปลากินพืช 2 โครงการ
โครงการศูนย์พัฒนาปศุสัตว์ตามพระราชดำริ อ.ด่านซ้าย จ.เลย บ้านห้วยไผ่ หมู่ 12 ต.อิปุ่ม อ.ด่านซ้าย จ.เลย มอบพันธุ์ปลากินพืช จำนวน รายละ 1000 ตัว อาหารปลากินพืชเล็ก โปรตีน 18% รายละ 10 กิโลกรัม จำนวน 10 ราย
และโครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน (ลุ่มน้ำหมัน) ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย พันธุ์ปลากินพืช จำนวน รายละ 1000 ตัว อาหารปลากินพืชเล็ก โปรตีน 18% รายละ 10 กิโลกรัม จำนวน 20 ราย และติดตามให้คำแนะนำเกษตรกรในการเลี้ยงปลา
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,10/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,เลย,สวท.ด่านซ้าย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310145017442 เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ตำบลบางสักให้บริการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ปี2565,นายสรวง พรหมบุญทอง เกษตรอำเภอกันตัง มอบหมายให้นายปิยวุฒิ แดงเหมือน นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ ลงพื้นที่ให้บริการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปี 2565 พื้นที่ตำบลบางสัก ณ ศาลาเอนกประสงค์วัดทุ่งโคกหิน หมู่ที่2 ตำบลบางสัก อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง โดยมีผู้มาใช้บริการจำนวน 53 ราย
ทั้งนี้ เพื่อให้ข้อมูลการปลูกพืชในพื้นที่มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบันและเพื่อรองรับโครงการหรือมาตรการของต่างๆจากทางภาครัฐ สำหรับการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรในพื้นที่อำเภอกันตังนั้น เกษตรกรจะต้องนำเอกสารสิทธิ์ที่ดินตัวจริงหรือในกรณีติดจำนอง ให้นำสำเนาที่มีการรับรองจากสถาบันการเงินนั้นๆ มายื่นแสดงเพื่อขอปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปีปัจจุบัน ณ สำนักงานเกษตรอำเภอกันตัง ได้ในวันและเวลาราชการ หรือที่จุดให้บริการในพื้นที่ ที่มีการให้บริการตามความเหมาะสม
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,10/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310163037525 จังหวัดตรัง เดินหน้าตรวจสอบการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันของผู้ประกอบการลานเทในพื้นที่อำเภอปะเหลียน เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับเกษตรกรในการจำหน่ายผลปาล์มน้ำมัน,"จังหวัดตรัง เดินหน้าตรวจสอบการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันของผู้ประกอบการลานเทในพื้นที่อำเภอปะเหลียน เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับเกษตรกรในการจำหน่ายผลปาล์มน้ำมัน
นางสาวสุภากิตติ์ เกลี้ยงสงค์ พาณิชย์จังหวัดตรัง มอบหมายกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า ร่วมกับ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ที่ว่าการอำเภอปะเหลียน สถานีตำรวจภูธรปะเหลียน และสำนักงานสาขาชั่งตวงวัด เขต 3-6 กระบี่ ลงพื้นที่ตรวจสอบการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันของผู้ประกอบการลานเทในพื้นที่อำเภอปะเหลียน จำนวน 12 แห่ง
ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับเกษตรกรในการจำหน่ายผลปาล์มน้ำมัน ยกระดับมาตรฐานการผลิตปาล์มน้ำมันจังหวัดตรังให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ และกำกับดูแลผู้ประกอบการลานเทให้ปฏิบัติตามประกาศจังหวัดตรัง ซึ่งกำหนดให้ผู้ประกอบการลานเทแจ้งให้ผู้ที่ประสงค์จำหน่ายผลปาล์มน้ำมันต้องยืนยันแสดงตัวตน โดยยื่นสำเนาบัตรประชาชนของผู้ขายผลปาล์มประกอบการซื้อขายทุกครั้ง และห้ามรับซื้อผลปาล์มน้ำมันที่ไม่ปรากฏแหล่งที่มา เพื่อป้องปรามการลักขโมยผลปาล์มน้ำมัน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",10/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310161211494 ปศุสัตว์อำเภอบ้านลาด ตรวจประเมินฟาร์มไก่พื้นเมือง เพื่อยกระดับสู่ฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม GOOD FARMING MANAGEMENT (GFM),สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรี โดยสำนักงานปศุสัตว์อำเภอบ้านลาด ดำเนินการตรวจประเมินฟาร์มเกษตรกรรายย่อย เพื่อยกระดับให้เข้าสู่ฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม GOOD FARMING MANAGEMENT (GFM) ชนิด ฟาร์มไก่พื้นเมือง ของเกษตรกรรายย่อย จำนวน 8 แห่ง ในพื้นที่อำเภอบ้านลาด ซึ่งข้อดีของการเข้าสู่ระบบฟาร์ม GFM เกษตรกรมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ ลดรายจ่ายและความสูญเสียจากการรักษาสัตว์ป่วย กรณีเกิดโรคระบาด ประชาชนได้บริโภคอาหารที่มีความปลอดภัย
สวท.เพชรบุรี
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,10/3/2022,ภาคตะวันตก,เพชรบุรี,สวท.เพชรบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310151044456 รองอธิบดี กสก. ตรวจเยี่ยมแปลงแตงโมอินทรีย์ ต.ลุมพุก อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร พร้อมใส่บล็อคแตงโมรูปหัวใจ,วันที่ 10 มี.ค.65 ที่ท้องทุ่งกลุ่มแปลงใหญ่แตงโมอินทรีย์ตำบลลุมพุก บ้านเหล่าฝ้าย ตำบลลุมพุก อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร นายนวนิตย์ พลเคน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจกลุ่มแปลงใหญ่ปลูกแตงโมอินทรีย์พร้อมสอบถามอุปสักปัญหาในการปลูกแตงโมอินทรีย์ตลอดจนความต้องการของกลุ่มฯที่ปลูกแตงโมอินทรีย์
นอกจากนั้น ยังได้ลงพื้นที่ไร่แตงโมอินทรีย์ดูผลผลิตและร่วมใส่บล็อครูปหัวใจให้กับแตงโมเมื่อแตงโมโตแล้วเต็มบล็อคก็จะกลายเป็นแตงโมรูปหัวใจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแตงโมซึ่งจำหน่ายที่ลูกละ 399 บาท แต่หากเป็นแตงโมอินทรีย์ลูกตามปกติทั่วไปจะจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 15 บาท โดยมีนายประยงค์ พลขำ เกษตรจังหวัดยโสธร เกษตรอำเภอคำเขื่อนแก้วพร้อมเจ้าหน้าที่ ประธานแปลงใหญ่แตงโมอินทรีย์ตำบลลุมพุก พร้อมสมาชิกให้การต้อนรับและรายงานผลการผลิตปี 2565 ให้รับทราบในครั้งนี้
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,10/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ยโสธร,สวท.ยโสธร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310153702467 จังหวัดแพร่กำหนดลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม เพื่อติดตามสนับสนุนในการคำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองจากไฟป่า และการเผาในที่โล่ง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รับแจ้งจาก นายปรีชา โตมี ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแพร่ ว่า ทางจังหวัดแพร่โดยนายสมหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง กำหนดลงพื้นที่เพื่อตรวจติดตามสนับสนุนในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองจากไฟป่าและการเผาในที่โล่ง เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ในวันที่ 15 มีนาคม 2565 เวลา 13.30-16.30 น. ณ อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง ตำบลเวียงต้า อำเภอลอง ซึ่งจะมีหน่วยงานที่รับการตรวจติดตาม ประกอบด้วย พื้นที่อำเภอลอง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ลอง พื้นที่อำเภอวังชิ้นได้แก่ อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้วังชิ้น ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าแพร่ และวันที่ 21 มีนาคม 2565 เวลา 09.30- 12.00 น. ณ อุทยานแห่งชาติแม่ยม ตำบลสะเอียบ อำเภอสอง หน่วยงานที่รับการตรวจติดตาม พื้นที่อำเภอสอง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติแม่ยม สถานีควบคุมไฟป่าแม่ยม หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พร.2 (แม่สอง) หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้สอง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยหลวง
ทั้งนี้ เป็นการรับทราบปัญหา อุปสรรค และมอบนโยบายในการปฏิบัติ มอบสิ่งสนับสนุนการปฏิบัติแก่เจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ของจังหวัดแพร่ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย หรือตัวชี้วัดของจังหวัดแพร่ อันจะส่งผลดีต่อสุขภาพประชาชน สังคมและเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดแพร่
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,10/3/2022,ภาคเหนือ,แพร่,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310154821471 รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ประชุมคณะกรรมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยจังหวัดกระบี่ ครั้งที่ 1 2565 หารือแนวทางการก่อตั้งโรงงานกำจัดขยะพื้นที่เกาะและพิจารณาผลการดำเนินงานการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน จังหวัดสะอาด ประจำปี 2564 จังหวัดกระบี่,นายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยจังหวัดกระบี่ ครั้งที่ 1/ 2565 โดยมี นายธีรยุทธ กำศิริพิมาน นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ ผู้แทนผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 15 ภูเก็ต นายสาโรจน์ ไชยมาตย์ ท้องถิ่นจังหวัดกระบี่ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ มีคณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมอ่าวลึก ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดกระบี่
สำหรับการประชุมในวันนี้ ได้รับทราบและหารือแนวทางในการจัดตั้งโรงงานกำจัดขยะในกลุ่ม Cluster ที่ 2 อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ซึ่งอำเภอเกาะลันตาได้จัดประชุมร่วมกับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่อำเภอเกาะลันตา ทั้ง 6 แห่ง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแล้วเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อพิจารณาหาพื้นที่เหมาะสมเพื่อใช้เป็นสถานที่ก่อตั้งโรงงานกำจัดขยะเรื่องการจัดการมูลฝอยติดเชื้อในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย และกรมส่งเสริมท้องถิ่น โดยให้องค์กรส่วนท้องถิ่นดำเนินการประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่คนในชุมชนในมาตรการรณรงค์คัดแยกขยะ เก็บขยะ และกำจัดขยะ และมี รายงานผลการดำเนินงานการจัดทำถังขยะอินทรีย์หรือถังขยะเปียกครัวเรือน
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีการพิจารณาผลการดำเนินงานการจัดการขยะ มูลฝอย จังหวัดสะอาด ประจำปี พ.ศ. 2564 จังหวัดกระบี่ ซึ่งกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้จัดทำเกณฑ์การประกวดจัดการขยะมูลฝอยชุมชน จังหวัดสะอาด ประจำปี 2565 รอบคัดเลือก โดยขอให้จังหวัดรวบรวมและจัดทำเอกสารผลการดำเนินงานการจัดการมูลฝอยชุมชนในปีงบประมาณพ.ศ.2564(ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 -กันยายน 2564 ) นำเสนอคณะกรรมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยจังหวัดให้ความเห็นชอบให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ภายในวันที่ 14 มีนาคม 2565 และมีการจัดทำแผนปฏิบัติการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน จังหวัดสะอาด ประจำปี พ.ศ 2565 ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมประเมินผลการดำเนินการตามตัวชี้วัด ตามแผนปฏิบัติการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน จังหวัดสะอาด ประจำปี พ.ศ .และนำเสนอแผนงานเพื่อจัดทำมาตรการแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการขยะมูลฝอยบนเกาะเป้าหมาย
ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้เน้นย้ำในเรื่องของการบริหารจัดการขยะ ต้องมีการแก้ปัญหาขยะเก่า และรองรับการแก้ปัญหาขยะที่จะเกิดขึ้นใหม่ ให้เป็นไปตามนโยบายของจังหวัดกระบี่ที่ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนกับกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการบริหารการจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่
ปานอุมา แหละยุหีม // ข่าว
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,10/3/2022,ภาคใต้,กระบี่,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310162732521 วราวุธ ให้ทบทวนการใช้พื้นที่อ่างเก็บน้ำแม่เมาะ พร้อมย้ำ การศึกษาทางเลือกระหว่างการพัฒนาแหล่งน้ำให้ประชาชน ต.ปง จ.พะเยา ต้องควบคู่กับการอนุรักษ์ลดกระทบระบบนิเวศ,"
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ทบทวนการใช้พื้นที่อ่างเก็บน้ำแม่เมาะ พร้อมย้ำ การศึกษาทางเลือกระหว่างการพัฒนาแหล่งน้ำให้ประชาชน ต.ปง จ.พะเยา ต้องควบคู่กับการอนุรักษ์ลดกระทบระบบนิเวศ
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ครั้งที่ 1 ได้พิจารณาเกี่ยวกับการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติดอยภูนางบางส่วน เพื่อให้กรมชลประทานก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำแม่เมาะอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.ปง อ.ปง จ.พะเยา จะส่งผลกระทบกับระบบนิเวศ โดยเฉพาะถิ่นอาศัยของนกยูง ซึ่งนกยูงได้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทั้งบริเวณลำห้วยหลัก คือ ห้วยแม่เมาะและลำห้วยสาขาที่มีน้ำไหลไม่ตลอดทั้งปีอยู่เป็นประจำจนมีความถี่การพบสูง แสดงให้เห็นว่าระบบนิเวศของลำห้วยมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของนกยูงบริเวณพื้นที่ที่เป็นอ่างเก็บน้ำดังกล่าว ทำให้ที่ประชุมได้มีมติ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกันหารือแนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำทางเลือกอื่นๆที่ดีที่สุด เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ให้มีน้ำใช้สำหรับการเกษตรกว่า 4,000 ไร่ แต่ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศด้วย เช่น การใช้ศักยภาพของน้ำใต้ดิน จึงเน้นย้ำเป้าการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน เป็นหลักแต่ต้องควบคู่กับการอนุรักษ์เพื่อความยั่งยืนด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ยังได้มีมติให้นำแผนการจัดการอุทยานแห่งชาติ หรือแผนการจัดการกลุ่มป่าเดิม หรือร่างแผนการบริหารจัดการพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาตินำมาใช้ประกอบการพิจารณาการอนุญาตตามระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชว่าด้วยการอนุญาตให้กระทำการในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ สวนรุกขชาติ ตามมาตรา 22 วรรคสอง , มาตรา 27 วรรคสาม และมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พ.ศ. 2564 และระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชว่าด้วยการปฏิบัติการของพนักงานเจ้าหน้าที่ในอุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน สวนพฤกษศาสตร์ สวนรุกขชาติ พ.ศ.2564 สามารถนำมาใช้ประกอบการพิจารณาให้ความเห็นชอบตาม ข้อ 7 (5) ของระเบียบดังกล่าวได้ ครอบคลุมถึงแผนงานหรือโครงการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต สิ่งก่อสร้าง สาธารณูปโภคพื้นฐาน หรือเพื่อความมั่นคงทางพลังงานที่จำเป็นต่อการดำรงชีพตามโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ ที่ได้รับการสำรวจการถือครองที่ดินของประชาชนที่อยู่อาศัย หรือทำกินในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 แล้วสามารถนำมาใช้ประกอบการพิจารณาให้ความเห็นชอบตามข้อ 7(6) ของระเบียบดังกล่าวได้
",10/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310162835523 กรรมาธิการ วุฒิสภา ติดตามและรับทราบปัญหาเกษตรแปลงใหญ่,คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรแปลงใหญ่(ทุเรียน) ณ วิสาหกิจชุมชนชาวสวนทุเรียนจันท์ เพื่อรับฟังปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการของเกษตรกร นำไปสู่การขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็นการเกษตร
วันนี้ ( 10 มี.ค.65 ) ที่ อบต.ทุ่งเบญจา อ.ท่าใหม่ คณะกรรมมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา นำโดยนายอุดม วรัญญรัฐหัวหน้าคณะได้ลงพื้นที่ศึกษาดูงานและติดตามความคืบหน้าการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรแปลงใหญ่ และโครงการกระจายน้ำ ภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติเพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็นการเกษตร รวมทั้งรับฟังปัญหา อุปสรรคของเกษตรกรโดยแบ่งการลงพื้นที่ออกเป็น 2 คณะ ที่ วิสาหกิจชุมชนชาวสวนทุเรียนจันท์ บ้านเนินมะหาด ต.เขาบายศรี อ.ท่าใหม่ นางจินตนา ชัยยวรรณการ รองโฆษกคณะกรรมาธิการฯ ร่วมประชุมรับทราบการพัฒนา ปัญหา อุปสรรค ทุเรียนแปลงใหญ่ เพื่อสรุปปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการของเกษตรกร นำไปสู่การขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็นการเกษตร ซึ่งตัวแทนจากสมาคมและสมาพันธุ์ที่เกี่ยวข้อง ได้ร้องขอให้ภาครัฐไปขับเคลื่อนเรื่องของเงินทุนสำรองเพื่อให้ผู้ประกอบมีหมุนเวียนในช่วงการเก็บเกี่ยวผลผลิต เจรจากับประเทศจีนให้ผ่อนผันเรื่องมาตรการผ่านด่าน ขอให้เปิดให้เร็วขึ้น เนื่องจากผลผลิตทุเรียนจะออกมากในเดือน เม.ย.-มิ.ย.และเจรจาให้เปิดจุด One stop service ที่จันทบุรี และเปิดเส้นทาง Green Way เพื่อล้นระยะเวลาและไม่ส่งผลกระทบต่อผลผลิต ซึ่งคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ จะได้สรุปนำเข้าเสนอที่ประชุมใหญ่ต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,10/3/2022,ภาคตะวันออก,จันทบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310164407540 กรมปศุสัตว์ยืนยัน สนับสนุนให้มีการใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ภายในประเทศ,"?นายสัตวแพทย์ สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ตามที่ผู้ประกอบการอาหารสัตว์มีข้อเสนอให้ยกเลิกมาตรการควบคุมการนำเข้าข้าวสาลี โดยต้องซื้อข้าวโพดภายในประเทศ 3 ส่วน ต่อการนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน ยกเลิกภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง 2% และเปิดให้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายใต้กรอบ WTO, AFTA ยกเลิกโควตา ภาษีและค่าธรรมเนียม ว่าเนื่องจากสถานการณ์ราคาวัตถุดิบในตลาดโลก รวมถึงค่าบริหารจัดการและการขนส่งสูงขึ้น สภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ของประเทศผู้ผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์หลักของโลก ประกอบกับความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครน ซึ่งทั้งสองประเทศเป็นแหล่งส่งออกวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สำคัญต่อประเทศไทยรวมถึงทั่วโลก โดยเฉพาะข้าวสาลีสำหรับเลี้ยงสัตว์ ทำให้การส่งออกวัตถุดิบอาหารสัตว์หยุดชะงักไป เกิดการขาดแคลนวัตถุดิบอาหารสัตว์และทำให้มีราคาสูงขึ้น นั้น
กรมปศุสัตว์ ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านคุณภาพและมาตรฐานอาหารสัตว์ ได้มีความเห็นและมีข้อกังวลเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงทางอาหาร และผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ที่มีมูลค่าสูงมากกว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี จากสถานการณ์การขาดแคลนและราคาที่สูงขึ้นของวัตถุดิบอาหารสัตว์ ซึ่งมีผลกระทบทั้งห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่เกษตรกร ผู้ประกอบการด้านอาหารสัตว์ ผู้เลี้ยงสัตว์และผู้บริโภค เนื่องจากอาหารสัตว์เป็นปัจจัยสำคัญในภาคปศุสัตว์ จึงจำเป็นต้องมีแนวทางที่รองรับสถานการณ์ดังกล่าว ดังนั้นต้องมีมาตรการในการหาแหล่งวัตถุดิบทดแทนซึ่งมีแหล่งที่มาจากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
ในส่วนของข้อเสนอของผู้ประกอบการอาหารสัตว์ ที่ให้มีการยกเลิกเงื่อนไขการนำเข้าข้าวสาลี การเปิดให้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายใต้กรอบ WTO, AFTA ยกเลิกโควตา ภาษีและค่าธรรมเนียม นั้น เป็นอำนาจในการพิจารณาของกระทรวงพาณิชย์โดยตรง โดยกรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านคุณภาพและมาตรฐานของอาหารสัตว์ ภายใต้พระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558
นางสาวยุพา นาคา พาณิชย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน แจ้งประกาศคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหา เกษตรกร อันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด จังหวัดแม่ฮ่องสอน เรื่องราคากระเทียมสดคละ ทางการค้าปกติ (ครั้งที่ 1) ประจำวันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม 2565
ตามที่ คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีมติในคราวประชุมครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2565 ได้เห็นชอบผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 16 ราย และจังหวัดแม่ฮ่องสอนประกาศกำหนดจุดรับซื้อกระเทียมจากเกษตรกร จำนวน 16 จุด
ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งวันที่ 10 มีนาคม 10 พฤษภาคม 2565 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมที่อาจได้รับผลกระทบด้านราคา ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก และให้การดำเนินโครงการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ เป็นไปตามหลักเกณฑ์เงื่อนไข และวิธีดำเนินโครงการฯ
จึงประกาศราคากระเทียมสดคละ ทางการค้าปกติ เพื่อใช้ประกอบการกำหนดราคารับซื้อกระเทียมจากเกษตรกรของผู้เข้าร่วมโครงการฯในราคาที่สูงกว่าราคาตลาด กิโลกรัมละ 1.50 บาท ประจำวันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม 2565 ดังนี้
ราคากระเทียมสดคละทางการค้าปกติ กิโลกรัมละ 12.50 บาท
ราคากระเทียมสดคละตามประกาศฯ
ใช้ประกอบการกำหนดราคารับซื้อกระเทียมสดจากเกษตรกรในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 10-13 มีนาคม 2565
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,10/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310171839566 ผู้ผลิตอาหารสัตว์ ร้องราคาข้าวโพดพุ่งสูงกระทบทั้งระบบ เร่ง พาณิชย์ ใช้กลไกการตลาดบริหารราคาห่วงโซ่การผลิตอาหาร,วงการผลิตอาหารสัตว์ ร้องกระทรวงพาณิชย์ ปลดล็อก มาตรการคุมราคาสินค้าตั้งต้นทางจนถึงปลายทาง ปล่อยราคาอาหารสัตว์และเนื้อสัตว์ให้เป็นไปตามกลไกตลาด หลังสงครามรัสเซีย-ยูเครน กระทบหนักทำวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ขาดแคลนและราคาสูงเป็นประวัติการณ์ หวั่นเกิดผลกระทบต่อห่วงโซ่ภาคการผลิตอาหารทั้งระบบและความมั่นคงทางอาหารของประเทศ
รายงานข่าวจากวงการผู้ผลิตอาหารสัตว์ กล่าวว่า วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของโลกเท่านั้น แต่ยังกระทบความมั่นคงทางอาหารของผู้บริโภคทั่วโลกด้วย เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศ เป็นผู้ผลิตธัญพืชสำคัญของโลกทั้ง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และข้าวสาลี ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตอาหารสัตว์ ส่งผลให้ราคาข้าวโพดสูงขึ้น 14% และข้าวสาลีพุ่งขึ้น 43% เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2564 ในกรณีที่สงครามยืดเยื้อราคาจะปรับสูงขึ้นไม่หยุด และหากภาครัฐไม่มีมาตรการสนับสนุนภาคการผลิต จะเกิดปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบและมีราคาสูงมาก และจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าครองชีพของประชาชน
ขณะนี้ผู้ผลิตอาหารสัตว์ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากราคาข้าวโพดปรับตัวสูงขึ้นมากตามราคาตลาดโลก ขณะที่ราคาอาหารสัตว์และเนื้อสัตว์เป็นสินค้าควบคุมราคาภายใต้มาตรการของกระทรวงพาณิชย์ ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับราคาได้ตามต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์หลักเดือนธันวาคม 2564 เทียบกับเดือนมีนาคม 2565 ราคาข้าวโพดปรับเพิ่มจาก 10.05 บาท/กก. เป็น 12.65 บาท/กก. ข้าวสาลีนำเข้าจาก 8.91 บาท/กก. เป็น 12.75 บาท/กก. และกากถั่วเหลือจากเมล็ดนำเข้าเพิ่มจาก 19.50 บาท/กก. เป็น 22.50 บาท/กก. (เพิ่มขึ้น 15%) ในอนาคตอันใกล้หากอาหารสัตว์ไม่สามารถปรับราคาได้ตามต้นทุนการผลิต โรงงานอาหารสัตว์อาจตัดสินใจหยุดไลน์การผลิต ทำให้อาหารสัตว์ขาดแคลนและกระทบต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงแน่นอน รัฐบาลควรพิจารณามาตรการที่ก่อให้เกิดความเป็นธรรมด้านราคากับทุกฝ่าย
ล่าสุดบริษัทกรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้รับซื้อข้าวโพดรายใหญ่ แจ้งปรับราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในราคาสูงสุดที่ 12.65 บาท/กก. สำหรับข้าวโพดหลังนาต้นฤดู เพื่อสร้างหลักประกันในการส่งมอบวัตถุดิบให้กับลูกค้าและลดความเสี่ยงด้านราคาที่อาจจะปรับตัวสูงขึ้นอีกหากสงครามยืดเยื้อ
ปัจจุบันข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อยู่ภายใต้มาตรการควบคุมราคาขั้นต่ำ (Floor Price) เพื่อสนับสนุนเกษตรกรซึ่งเป็นภาคการผลิตต้นทาง โดยกำหนดราคาประกันขั้นต่ำเมล็ดข้าวโพดความชื้น 14.5% ที่ 8.50 บาท/กก. โดยจะจ่ายส่วนต่างราคาให้กับเกษตรกรเมื่อราคาตลาดต่ำกว่า 8.50 บาท/กก. ซึ่งราคาข้าวโพดสูงกว่าราคาประกันตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่มีการกำหนดเพดานราคา (Ceiling Price) ส่งผลกระทบอุตสาหกรรมการผลิตกลางน้ำอย่างโรงงานผลิตอาหารสัตว์ ต้องซื้อวัตถุดิบในราคาสูงแต่ไม่สามารถปรับราคาขายได้ต้องลดกำลังการผลิตลง ขณะที่ผู้เลี้ยงสัตว์ก็ไม่สามารถปรับราคาหน้าฟาร์มได้เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มาตรการคุมราคาของภาครัฐกำลังทำลายคลังอาหารของประเทศ หากผู้ผลิตอาหารสัตว์หยุดไลน์การผลิต ผู้เลี้ยงลดปริมาณการเลี้ยง เนื่องจากไม่สามารถปรับราคาขายได้ ห่วงโซ่การผลิตอาหารของประเทศจะหยุดชะงัก และสินค้ามีโอกาสหายไปจากตลาด ขณะที่ราคาถึงผู้บริโภคสูงมาก รัฐควรบริหารจัดการให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและมีอาหารบริโภคอย่างเพียงพอในทุกสถานการณ์ แม้วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน จะเป็นแรงผลักดันต้นทุนการผลิตต่างๆ ทั้งน้ำมัน สินค้าโภคภัณฑ์และอาหารพุ่งสูงขึ้น แต่รัฐบาลต้องบริหารจัดการทั้งซัพพลายและดีมานด์ให้เกิดความสมดุล โดยเฉพาะการใช้กลไกตลาดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และต้องยกเลิกการแทรกแซงตลาดด้วยการคุมราคาหรือตรึงราคาสินค้า เพราะเป็นการทำร้ายภาคการผลิตในภาวะต้นทุนสูงขึ้นจากปัจจัยที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้
,10/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สำนักพัฒนานโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310172221569 เกษตรพังงาติดตามการจัดทำระบบการให้ปุ๋ยอัตโนมัติในสวนทุเรียน,เกษตรพังงาติดตามการดำเนินงานจัดทำระบบการให้ปุ๋ยอัตโนมัติ กิจกรรมจัดทำแปลงเรียนรู้การผลิตไม้ผลอัตลักษณ์ที่ได้มาตรฐาน ตามโครงการส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตรตามอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่น
นายประคอง อุสาห์มัน เกษตรจังหวัดพังงา มอบหมายให้กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต นำโดยนางสาววิไลวรรณ สีนา หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต ติดตามการดำเนินงานจัดทำระบบการให้ปุ๋ยอัตโนมัติ กิจกรรมจัดทำแปลงเรียนรู้การผลิตไม้ผลอัตลักษณ์ที่ได้มาตรฐาน โครงการส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตรตามอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อพัฒนาเป็นแปลงการผลิตไม้ผลอัตลักษณ์ที่ได้มาตรฐาน เกิดเป็นแปลงเกษตรอัจฉริยะ สามารถเป็นสถานที่ศึกษาดูงานเพื่อขยายผลสู่แปลงสมาชิกภายในจังหวัดหรือจังหวัดอื่น ๆ โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดพังงา ร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอกะปง พิจารณาคัดเลือกแปลงทุเรียนของ นายฐิติกร เอี๋ยวสกุล เป็นจุดสาธิตและถ่ายทอดความรู้ โดยการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์สำหรับจัดทำแปลงเรียนรู้ จำนวน 1 แปลง ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ตำบลท่านา อำเภอกะปง จังหวัดพังงา
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,10/3/2022,ภาคใต้,พังงา,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพังงา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310185648618 เกิดเหตุเพลิงไหม้บ่อขยะแพรกษาใหม่ เบื้องต้นสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว คาดสาเหตุเกิดจากอากาศร้อน,เกิดเหตุเพลิงไหม้บ่อขยะแพรกษาใหม่ เบื้องต้นสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว คาดสาเหตุเกิดจากอากาศร้อน แต่ยังต้องเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันเพลิงปะทุขึ้นอีก
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า ได้รับการประสานจากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรปราการเกิดเหตุเพลิงไหม้สถานที่กำจัดขยะมูลฝอย หรือบ่อขยะแพรกษาใหม่ บริเวณบ้านคลองหม้อแตก ม.5 ต.แพรกษาใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ เมื่อเวลาประมาณ 16.15 น. ที่มีขนาดพื้นที่ประมาณ 320 ไร่ โดยเจ้าหน้าที่ UCER ของ คพ.ได้ลงพื้นที่ติดตามตรวจคุณภาพอากาศพื้นที่เกิดเหตุเพลิงไหม้และบริเวณพื้นที่ชุมชน โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากหน่วยงานต่างๆเร่งดับเพลิงจนสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้เวลาประมาณ 17.10 น. แต่ยังจัดเจ้าหน้าที่พร้อมรถดับเพลิงเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เพลิงไหม้ปะทุขึ้นอีก คาดการณ์สาเหตุเบื้องต้นเกิดจากอากาศร้อนทำให้เกิดเพลิงไหม้ โดยมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
,10/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310192202631 เกษตรกรขอรัฐเลิกตรึงราคา ปล่อยตามกลไก ให้คนเลี้ยงมีแรงสู้ต่อ,ภาคปศุสัตว์กำลังประสบปัญหาใหญ่ จากภาวะต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ต้องแบกรับภาระนี้มาตลอดตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 ที่ราคาธัญพืชทุกตัวปรับราคาต่อเนื่องมาตลอด จนถึงปัจจุบันมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นถึง 25-30% วันนี้สถานการณ์ย่ำแย่ลงจากปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบในประเทศ ทำให้ราคาสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้น มาจากปัจจัยหลัก 2 ประการ คือ ปัจจัยภายนอก จากสถานการณ์ราคาวัตถุดิบในตลาดโลก รวมถึงค่าบริหารจัดการและการขนส่ง โดยเฉพาะเมื่อสงครามรัสเซีย-ยูเครนได้ปะทุขึ้น สองประเทศยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตและส่งออกธัญพืชป้อนตลาดโลกทำสงครามกัน การส่งออกวัตถุดิบอาหารสัตว์ต้องหยุดชะงักไป เกิดการขาดแคลนวัตถุดิบอาหารสัตว์และทำให้มีราคาสูงขึ้น
ส่วนปัจจัยภายใน เกิดจากนโยบายภาครัฐที่ขัดขวางการจัดหาซัพพลายวัตถุดิบป้อนภาคผู้ผลิตและผู้เลี้ยง อาทิ มาตรการ 3:1 ที่กำหนดให้ซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศ 3 ส่วนก่อน จึงจะนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วนได้ และยังจำกัดช่วงเวลานำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงภาระต้นทุนจากมาตรการเก็บภาษีนำเข้าวัตถุดิบกากถั่วเหลืองในอัตรา 2%
การที่อธิบดีกรมปศุสัตว์ พิจารณาการเปิดเสรีนำเข้าสาลี กากถั่วเหลือง ข้าวโพด ยกเลิกมาตรการ 3:1 ยกเลิกภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง และให้นำเข้าข้าวโพดภายใต้กรอบ WTO AFTA ตลอดจนยกเลิกโควต้า ภาษีและค่าธรรมเนียม ในปริมาณที่ขาดแคลนในปี 2565 เพื่อแก้ไขเรื่องวัตถุดิบอาหารสัตว์ขาดแคลน ที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้านี้ จึงพอทำให้เกษตรกรได้ใจชื้นกันขึ้นมาบ้าง
เหตุเพราะตั้งแต่เกิดวิกฤติยูเครนขึ้น ก็ผลักดันให้ราคาข้าวสาลีพุ่งสูงขึ้นไปเป็น 13.25 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว จากเมื่อปลายปี 2564 ราคาไม่ถึง 9 บาท และยังส่งผลต่อราคาพืชอาหารสัตว์ชนิดอื่นให้ขยับตามด้วย สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ณ ไซโลโรงงานอาหารสัตว์ไทย ราคา 13.05 บาทต่อกิโลกรัม เรียกว่าพุ่งทะยานสูงกว่าราคาตลาดโลกไปไกลและมีทีท่าขยับขึ้นต่อเนื่องอาจถึง 15 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากขาดแคลนสินค้าอย่างหนัก จากความต้องการใช้ข้าวโพดที่ 7.98 ล้านตัน แต่ตอนนี้มีผลผลิตที่ต้องการใช้อีกกว่า 3.18 ล้านตัน แต่ในประเทศหมดฤดูกาลเก็บเกี่ยว ไม่มีผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว ส่วนจะหวังพึ่งพากากถั่วเหลืองจากเมล็ดถั่วเหลืองนำเข้า ราคาก็มหาโหดถึงกิโลกรัมละ 22.50 บาท และสำหรับวัตถุดิบทางเลือกทดแทนอื่นๆ ก็ต้องได้คุณภาพที่ดี มีคุณค่าอาหารเทียบเท่าและเป็นที่ยอมรับด้วยจึงจะนำใช้ได้
ภาระหนักอึ้งที่ต้องแบกรับยิ่งถูกซ้ำเติม เพราะอาหารสัตว์และเนื้อสัตว์ถูกจัดให้เป็นสินค้าควบคุมตามมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ ไม่สามารถปรับราคาให้สะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องได้
หากอาหารสัตว์ยังปรับราคาตามต้นทุนไม่ได้ และยังมีปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ รวมถึงราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลาเช่นนี้ อาจกดดันให้โรงงานอาหารสัตว์ต้องหยุดการผลิตเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะขาดทุน แน่นอนว่าอาหารสัตว์ต้องขาดแคลน กระทบกับภาคอุตสาหกรรมการเลี้ยงทั้งหมดแน่
วันนี้ภาคผู้เลี้ยงสัตว์ที่จำต้องขายสินค้าในราคาที่ถูกควบคุมไว้ก็กำลังหมดแรงไปต่อ และยังต้องเจอกับปัญหาต้นทุนเช่นนี้ ก็เริ่มจะถอดใจหยุดเลี้ยงกันไปบ้างแล้ว
ดังเช่นที่คุณฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ข้อมูลว่า ต้นทุนอาหารสัตว์ขยับขึ้นมานานแล้วร่วม 2 ปี ซ้ำต้องมาเจอกับวิกฤตสงครามยูเครน ก็ยิ่งกระทบเป็นทวีคูณ วัตถุดิบอาหารสัตว์ ค่าขนส่ง ค่าพลังงาน ค่าน้ำมันปรับขึ้นรายวัน ในขณะที่เกษตรกรไก่เนื้อขายสินค้าเริ่มไม่คุ้มทุนกันมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาภาคปศุสัตว์ถือว่าเป็นเกษตรกรที่คุยง่าย กรมการค้าภายในขอความร่วมมือราคาอย่างไรก็ยอม แม้ถึงขนาดขายขาดทุนก็ยังเคยมีมาเสมอ จึงเป็นกลุ่มที่น่าเห็นใจที่สุดของเกษตรกรไทย โดยปัจจุบันสถาบันการเงินประเมินว่ากลุ่มปศุสัตว์ไทย ถือว่าเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงมาก การจะปล่อยสินเชื่อให้นั้นยากเต็มที วันนี้ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เช่นการลดกำแพงภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง 2% เพื่อช่วยให้กลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์สามารถดำเนินการต่อไปได้
สอดคล้องกับนายมาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ ที่ให้ความเห็นว่า ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาแพงขึ้นมา 30-40% ตั้งแต่ก่อนเกิดสงคราม และสงครามก็ผลักดันให้ราคาสูงขึ้นไปอีก แถมยังทำให้วัตถุดิบอาหารสัตว์ในประเทศปรับแพงตามไปด้วย ตอนนี้เกษตรกรทุกคนต้องปรับตัว พึ่งพาตัวเอง ระมัดระวังการเลี้ยงให้มากขึ้น พยายามลดต้นทุนในทุกทาง สำคัญที่สุดคือ รัฐไม่ควรควบคุมราคาไข่ไก่ ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด
การเลิกตรึงราคาและปล่อยกลไกตลาดให้สามรถทำงานได้อย่างเสรี ถือเป็นการช่วยเหลืออย่างดียิ่งสำหรับเกษตรกร ที่แม้มีต้นทุนสูงให้ต้องแบกรับ แต่หากสามารถขายสินค้าที่สะท้อนต้นทุนได้ ก็คงพอมีแรงผลิตสินค้าต่อ ไม่พากันถอดใจเลิกอาชีพไปกันหมด เรื่องนี้รอไม่ได้ ภาครัฐต้องเร่งตัดสินใจ และดำเนินการแก้ปัญหาให้เร็วที่สุดก่อนจะสายและพังกันทั้งห่วงโซ่ อย่าปล่อยให้ภาคเกษตรต้องล้มทั้งกระดาน เพราะปัญหาจะตกหนักกับผู้บริโภคทั้งประเทศ
เนื้อหาโดย : นายเกียรติ์ ศุภมาศ นักวิชาการ ด้านเกษตรปศุสัตว์
,10/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สำนักพัฒนานโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220310203025668 ปภ.ระยองรายงานสถานการณ์ภาพรวมการเฝ้าระวังคราบน้ำมันกลางทะเล,วันที่ 10 มีนาคม 2565 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง สรุปการดำเนินงานกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง กรณีคราบน้ำมันดิบรั่วไหล โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยอง แจ้งว่า เมื่อเวลา 13.30 น. เรือ UNIWISE RAYONG ปฏิบัติงานใต้น้ำ ส่งนักประดาน้ำลงไปซ่อมทำตัวท่อด้วยการพันและอุดรอยรั่วของท่อน้ำมันด้วยการใช้วิธีพันท่อในรอบที่ 2 ของบริเวณรอยรั่วเดิมด้วยเทปกาวพันท่อชนิดพิเศษ
ซึ่งจากการสังเกตการณ์ของการปฏิบัติงานในพื้นที่ มีคราบน้ำมันออกมาขนาด 3 ? 100 เมตร ลักษณะเป็นฟิล์มบางใส เป็นบางช่วง โดยมีเรือสนับสนุนปฏิบัติการใต้น้ำในพื้นที่ใช้น้ำยาขจัดและตีกวนให้คราบน้ำมันจางลง ส่วนพื้นที่ใกล้ชายฝั่งอื่นๆ ไม่พบคราบน้ำมัน ด้านการช่วยเหลือบริษัท SPRC วันนี้บริษัท SPRC ได้ดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือ กลุ่มอาชีพอื่นๆ จำนวน 126 ราย ณ ชายตารีสอร์ท หาดแม่รำพึง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
ส่วนวันที่ 11 มีนาคม 2565 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป บริษัท SPRC จะดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือ กลุ่มประมงจำนวน 300 ราย ณ สมาคมสุนทรภู่ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง และเวลา 15.00 น. บริษัทร่วมกับ ศรชล. ปภ. คพ. อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าฯ และ อบจ. จัดกิจกรรมจิตอาสาทำความสะอาดบริเวณชายหาดแม่รำพึง บริเวณหาดหน้าบ้านสบ๊าย สบาย รีสอร์ท ส่วนกรณีพบก้อนคล้ายไขมันบริษัทได้นำไปตรวจแล้วพบว่ามีไขมันปนแต่ไม่ใช่ลักษณะคราบน้ำมันดิบ ส่วนชายหาดแม่รำพึงยังคงพบทาร์บอลเล็กน้อยบริษัทได้เก็บและทำความสะอาดตามขั้นตอนต่อไป สํานักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี) ร่วมกับ กรมควบคุมมลพิษ ดำเนินการเฝ้าระวังและตรวจสอบคุณภาพน้ำทะเล พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างน้ำทะเลในพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดระยอง จำนวน 13 จุด ค่าต่าง ๆ อยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วน สทช.1 ลงพื้นที่ตรวจชายหาดยังคงพบก้อนคล้ายยางมะตอยที่ก้นอ่าวและผงสีดำคล้ายถ่านที่หน้าศาลเจ้าแม่ทับทิมสถานีรายงานบ้านเพ
สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถยื่นเรื่องร้องทุกข์จากกรณีเหตุน้ำมันดิบรั่วกลางทะเล ได้ที่ศูนย์สื่อสารบริษัท SPRC โทร 038-699881 ในวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 15.30 น.
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,10/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220311002808710 ขับเคลื่อนระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสมให้กับเกษตรกรรายเล็กรายย่อย พัฒนาฟาร์ม,นายสัตว์แพทย์ บุญญกฤช ปิ่นประสงค์ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา ฟาร์มสุกรของเกษตรกรรายเล็ก/รายย่อย เกิดโรค จนทำให้สุกร หรือหมูล้มตายเป็นจำนวนมาก เพราะขาดการพัฒนาปศุสัตว์ฟาร์ม กรมปศุสัตว์ จึงมีนโยบายขับเคลื่อนระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (GFM) เป็นการทำระบบความปลอดภัยทางชีวภาพสำหรับฟาร์ม ถือเป็นพื้นฐานการพัฒนาฟาร์มให้มีมาตรฐาน มีการบริหารจัดการใน 8 ขั้นตอน ได้แก่ การจัดพื้นที่เลี้ยงและโครงสร้าง การจัดการโรงเรือน เล้าและอุปกรณ์ การจัดการยานพาหนะ การจัดการบุคคล การจัดการด้านสุขภาพ การจัดการอาหาร น้ำ และยาสัตว์ การจัดการข้อมูลและการจัดการสิ่งแวดล้อม เชื่อว่าหากสามารถดำเนินการได้ ส่งผลดีต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปขายยังต่างประเทศ ช่วยสร้างรายได้ สามารถป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาดได้เกือบร้อยเปอร์เซนต์
ผู้อำนวยการสำนักควบคุมป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ กล่าวอีกกว่า ปัจจุบันกรมปศุสัตว์ มีการรับรองฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี่ยงสัตว์ที่เหมาะสมในปศุสัตว์ 10 ชนิด ประกอบด้วย สัตว์ปีกพื้นเมือง ไก่ไข่ เป็ดเนื้อ เป็ดไข่ โคนม โคเนื้อ กระบือ แพะ แกะ และสุกร รวมทั้งยังมีมาตรการส่งเสริม สนับสนุน ปัจจัยการผลิตที่จำเป็น ช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกร การให้คำแนะนำด้านพืชอาหารสัตว์ต่างๆ รวมทั้งการประสานหาแหล่งทุนสนับสนุนการเลี้ยงสุกร
ผู้สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ จากเจ้าหน้าที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอ หรือสำนักงานปศุสัตว์จังหวัด หรือในเว็บไซต์ของกรมปศุสัตว์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ได้ส่งผลต่อระบบการค้าโลกแล้ว โดยราคาน้ำมัน สินค้าโภคภัณฑ์และสินแร่ที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศพุ่งสูงขึ้นในระยะเวลาอันรวดเร็ว และหากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อ จะยิ่งทำให้การค้าโลกมีข้อจำกัดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะปุ๋ยและวัตถุดิบอาหารสัตว์ จะมีราคาเพิ่มขึ้นอีกเพราะรัสเซียและยูเครนเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญ
ขณะที่ ไทยยังต้องนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์และปุ๋ยจากต่างประเทศเป็นหลัก ประกอบกับราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญในการขนส่งสินค้าปรับเพิ่มขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพานิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ปัญหา ทั้งติดตามระดับราคาอาหารสัตว์และปุ๋ยให้ขึ้น-ลงสอดคล้องกับสัดส่วนต้นทุนที่แท้จริง ไม่ให้มีการกักตุน ฉวยโอกาสขึ้นราคา ขณะเดียวกันก็ให้เร่งกระจายการนำเข้าวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยและอาหารสัตว์จากแหล่งนำเข้าอื่นๆ เพิ่มเติม รวมทั้งใช้มาตรการอื่นในการอำนวยความสะดวกและแก้ไขปัญหา ลดอุปสรรคการผลิต การนำเข้า เพื่อลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการและเกษตกรด้วย
ในปี 2564 ไทยนำเข้าปุ๋ยเคมีจาก 45 ประเทศ ปริมาณ 5,520,883 ตัน คิดเป็นมูลค่า 70,103 ล้านบาท ทั้งนี้ ปุ๋ยเคมีและอาหารสัตว์ เป็นสินค้าควบคุมตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หากจะมีการปรับราคา กระทรวงพาณิชย์จะต้องพิจารณาคำร้องของผู้ประกอบการก่อน ซึ่งขณะนี้ กระทรวงพาณิชน์แจ้งว่า ยังไม่มีใครทำเรื่องขอปรับราคาอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เตรียมมาตรการและแนวทางรับมือผลกระทบตั้งแต่มีความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ก่อนที่จะพัฒนาเป็นวิฤกตสงครามและนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมาเป็นระยะ โดยอะไรที่อยู่ในอำนาจหรือกฎหมายที่รัฐบาลสามารถผ่อนผันได้ ก็เร่งดำเนินการทันที เช่น กระทรวงการคลังใช้มาตรการทางภาษี ลดภาษีสรรพสามิต กระทรวงพลังงาน ดูแลราคาพลังงาน ตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร กระทรวงพาณิชน์ กำกับราคาเนี้อสัตว์และอาหาร สินค้าจำเป็น เป็นต้น
หากภาวะสงครามยุติเร็ว คาดว่าราคาสินค้าและน้ำมันจะกลับเข้าสู่กลไกตลาด แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อรัฐบาลก็ได้เตรียมมาตรการอื่นๆ ไว้แล้ว เพื่อบรรเทาภาระพี่น้องเกษตกร ผู้ประกอบการและประชาชนให้มากที่สุดด้วย
",11/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220311101610748 เกษตรกรผู้ปลูกหอมแดง อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ยิ้มออก หลังพาณิชย์ช่วยเจรจา,"
ที่ลานเอนกประสงค์หมู่ที่ 3 ตำบลเด่นเหล็ก อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ เกษตรกรผู้ปลูกหอมแดงในพื้นที่ทยอยขับรถไถที่บรรทุกหอมแดงมาส่งให้กับผู้รับซื้อ ซึ่งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุตรดิตถ์ร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการช่วยเหลือประสานงานผู้รับซื้อเข้ามารับซื้อหอมแดงสดคละในราคานำตลาด กิโลกรัมละ 8.50 บาท จากเดิมราคากิโลกรัม 5-6 บาท เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของเกษตรกร โดยมีนายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นผู้ปล่อยรถช่วยเหลือเกษตรกรฯ
นางพิสมนต์ มงคลเทพ พาณิชย์จังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า เกษตรกรผู้ปลูกหอมแดงในพื้นที่ตำบลเด่นเหล็ก ประสบปัญหาเรื่องราคาจำหน่ายหอมแดง ซึ่งไม่สอดคล้องกับราคาต้นทุนการผลิต จึงได้ประสานผู้รับซื้อเข้ามารับซื้อหอมแดงสดคละในพื้นที่เพื่อกระจายไปยังตลาดปลายทาง ได้แก่ โครงการรถ Mobile พาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน สถานีบริการน้ำมันและอื่นๆ โดยรับซื้อ จำนวน 12 ตัน เป็นเงินทั้งหมด 102,000 บาท และจะรับซื้อหอมแดงในพื้นที่อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะหมดฤดูกาลผลิตในปีนี้
จังหวัดอุตรดิตถ์มีพื้นที่เพาะปลูกหอมแดง ปีการผลิต 2564/65 จำนวน 2,648 ไร่ ผลผลิตรวม 6,090.40 ตัน ขณะนี้ ผลผลิตหอมแดง (ฤดูแล้ง) ออกสู่ตลาดมากในเดือนมีนาคม สิ้นสุดฤดูกาลต้นเดือนเมษายน ปลูกมากที่ตำบลเด่นเหล็ก อำเภอน้ำปาด พื้นที่เพาะปลูก อำเภอน้ำปาด จำนวน 1,690 ไร่ ผลผลิตรวม จำนวน 3,887 ตัน
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันออกระวังเกิดฝนตก พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำตามแผนให้เพียงพอช่วงแล้งนี้
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (11 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนอากาศร้อนในตอนกลางวัน ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกปานกลางถึงหนักมากบริเวณ จ.เลย 40 มิลลิเมตร , นครนายก 37 มิลลิเมตร และเชียงใหม่ 32 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 29,591 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 51 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 23,555 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 49 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนและแม่กลองมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ยังได้ติดตามสถานการณ์ขาดแคลนน้ำช่วงหน้าแล้งปีนี้ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำให้เป็นไปตามแผนอย่างเคร่งครัด อย่างกรมชลประทานปรับแผนการระบายน้ำให้สอดคล้องกับกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 7 - 13 มีนาคม สำหรับช่วงวันที่ 11 13 มีนาคมปรับแผนฯในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ท่าจีน และแม่กลอง คือ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา เขื่อนภูมิพลปรับลดการระบายน้ำให้สอดคล้องกับกิจกรรมต่าง ๆ
การซ่อมแซมฝายชั่วคราวกั้นแม่ปิง 3 แห่ง และการขุดลอกบึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ จากอัตราเฉลี่ยวันละ 15.89 ล้านลูกบาศก์เมตร ลงเหลือวันละ 14.00 ล้านลูกบาศก์เมตร , เขื่อนสิริกิติ์ ปรับเพิ่มการระบายน้ำจากอัตราเฉลี่ยวันละ 5.50 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นวันละ 12.00 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อส่งน้ำให้เขื่อนทดน้ำนเรศวรเตรียมส่งน้ำเข้าทุ่งรับน้ำบางระกำ , เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ปรับเพิ่มการระบายน้ำ จากอัตราเฉลี่ยวันละ 3.02 ล้านลูกบาศก์เมตรเป็นวันละ 4.32 ล้านลูกบาศก์เมตร , เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปรับเพิ่มการระบายน้ำจากอัตราเฉลี่ยวันละ 3.87 ล้านลูกบาศก์เมตรเป็นวันละ 4.32 ล้านลูกบาศก์เมตร
ขณะที่ลุ่มน้ำท่าจีน ควบคุมการรับน้ำเข้าคลองบึงจระเข้สามพันในอัตรา 25 - 45 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยลำเลียงน้ำลงสู่ ประตูระบายน้ำสองพี่น้องในอัตราไม่ต่ำกว่า 40 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที พร้อมรับน้ำจากคลองท่าสารในอัตรา 35 - 45 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลำเลียงสู่แม่น้ำท่าจีน ผ่านประตูระบายน้ำบางปลา ในอัตราไม่ต่ำกว่า 40 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที , เปิดรับน้ำผ่านคลองพระยาบันลือ ในอัตราไม่ต่ำกว่า 20 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลำเลียงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยเปิดระบายน้ำที่สถานีสิงหนาท 2 ในอัตราไม่ต่ำกว่า 12 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคมเป็นต้นไป ด้าน ลุ่มน้ำแม่กลอง ปรับแผนการระบายน้ำเขื่อนท่าทุ่งนาและเขื่อนวชิราลงกรณ ช่วงวันที่ 11 - 13 มีนาคม ในอัตรารวมวันละ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อกำหนดการรับน้ำเข้าพื้นที่ในช่วงเวลาดังกล่าว
",11/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220311094921738 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือบริเวณ ต.จองคำ จ.แม่ฮ่องสอน ยังสูงในระดับสีส้ม ส่วน กทม.และปริมณฑลปรับตัวลดลงแล้วทุกพื้นที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน,ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือบริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ยังสูงในระดับสีส้ม ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลปรับตัวลดลงแล้วทุกพื้นที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (11 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีมากถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นหลายพื้นที่ปรับตัวลดลง แต่ยังมีสูงเกินเกณฑ์มาตรฐานระดับสีส้ม 1 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 15 - 18 มีนาคม แต่วันที่ 12 มีนาคม ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษมีแนวโน้มค่าฝุ่นอาจสูงขึ้นได้บางพื้นที่
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีถึงปานกลาง โดยค่าฝุ่นปรับตัวลดลงทุกพื้นที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากสภาพอากาศเปิด มีลมพัด และฝนตกมาช่วยลดการสะสมของฝุ่นลง ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 12 - 18 มีนาคม
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
,11/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220311101705751 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะภาคอีสาน ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังกระทบไทยหลายพื้นที่,"สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังกระทบประเทศไทยหลายพื้นที่
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (10 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 268 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อนเล็กน้อย พบมากที่สุดในพื้นที่เกษตร 76 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 66 จุด // พื้นที่เขต สปก. 51 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 42 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 32 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 1 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุด คือ อุบลราชธานี 47 จุด , แม่ฮ่องสอน 26 จุด และร้อยเอ็ด 18 จุด โดยจุดความร้อนกระจายตัวเบาบางอันเนื่องมาจากพายุฤดูร้อน ทำให้เกิดฝนฟ้าคะนองในหลายพื้นที่ ยกเว้นพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือวันนี้พบมากถึง 163 จุด ส่วนวันนี้คุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยรวมทั่วประเทศไทยอยู่ในระดับดีถึงดีมากและเหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือการท่องเที่ยว ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 10 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 10,060 จุด , ภาคเหนือ 8,669 จุด และภาคกลาง 5,294 จุด
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาติดต่อกัน 12 วัน 2,039 จุด รองลงมาเป็น สปป.ลาว 827 จุด และกัมพูชา 820 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องค่อนข้างหน้าเป็นห่วงอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",11/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220311102803761 ผบ.มทบ.32 นำทีมลงพื้นที่สร้างการรับรู้และรับฟังข้อเสนอแนะการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน,"พลตรีอโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 พร้อมด้วยจิตอาสา 904 ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลพิชัย , ผู้ช่วยสถานีควบคุมไฟป่าพระบาท - ม่อนพระยาแช่ , ผู้แทนสถานีตำรวจภูธรเมืองลำปาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพบปะเพื่อสร้างการรับรู้และรับฟังข้อเสนอแนะการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน ที่บ้านต้นต้อง ตำบลพิชัย อำเภอเมือง โดยมี นายนิยม คำปันบุตร ผู้ใหญ่บ้านบ้านต้นต้อง คณะกรรมการหมู่บ้าน จิตอาสาดับไฟป่า ร่วมให้การต้อนรับและนำเสนอปัญหาเพื่อหาทางแก้ไขร่วมกัน
โดยทุกหน่วยงานพร้อมสนับสนุนหากเกิดไฟป่าหรือสาธารณภัยต่างๆ อย่างเต็มกำลังความสามารถพร้อมกันนี้ ได้มอบชุดเวชภัณฑ์ยาสามัญสำหรับจิตอาสาดับไฟป่าและเอกสารประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้เกิดความร่วมมือป้องกันไฟป่าหมอกควันในชุมชน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",11/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220311104954766 เทศบาลตำบลทับมา เดินหน้าโครงการชุมชนปลอดโฟมและถุงพลาสติก เติมความรู้ประชาชน ผู้ประกอบการจำหน่ายอาหาร ตระหนักอันตรายต่อสุขภาพและผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้โฟมและถุงพลาสติก และการลด ละ เลิกใช้ภาชนะโฟมและถุงพลาสติก,ที่วัดทับมา ต.ทับมา อ.เมืองระยอง จ.ระยอง นายประเสริฐ วงษ์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลทับมา เป็นประธานเปิดโครงการชุมชนปลอดโฟมและถุงพลาสติก ประจำปี 2565 มีผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการเทศบาลตำบลทับมา ร่วมเป็นเกียรติ โดยมีผู้ประกอบการจำหน่ายอาหาร และประชาชนในพื้นที่ร่วมอบรม ภายในงานมีการให้ความรู้เรื่องผลกระทบของการใช้โฟมและถุงพลาสติก การลด ละเลิก ใช้โฟมและถุงพลาสติก ภาชนะและบรรจุภัณฑ์ทางเลือก การคัดแยกขยะโฟมและถุงพลาสติกและการใช้ประโยชน์จากขยะโฟมและถุงพลาสติก รวมทั้งการเปิดจุดให้ประชาชนนำขยะรีไซเคิลมาและไข่ไก่ด้วย
นายประเสริฐ กล่าวว่า รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญและตระหนักถึงปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากขยะพลาสติก โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 1 ( พ.ศ.2563-2565) ภายใต้ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ.2561-2573 เพื่อเป็นกรอบแนวทางและทิศทางการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการจัดการขยะพลาสติกของประเทศ โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ อย่างบูรณาการตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต การจำหน่าย การบริโภคการจัดการ ณ ปลายทาง เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแสดล้อม ทั้งทางบกและทะเลให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งการอบรมดังกล่าว มุ่งให้ผู้ประกอบการจำหน่ายอาหาร และประชาชนในพื้นที่ มีความรู้ ความเข้าใจและตระหนักถึงอันตรายต่อสุขภาพและผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้โฟมและถุงพลาสติก รวมทั้งการเลือกใช้ภาชนะอื่นบรรจุอาหารแทนการใช้โฟมและถุงพลาสติก และคัดแยกพลาสติก เพื่อนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,11/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220311112355785 จังหวัดลำพูน เตรียมวางแผนและการให้ความช่วยเหลือเกษตรกร เมื่อเกิดสถานการณ์ผลผลิตล้นตลาดและประสบภาวะราคาตกต่ำ เพื่อให้ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อเหตุการณ์,"วันที่ 11 มีนาคม 2565 ที่ชั้น 4 ห้องประชุมจามเทวี ศูนย์ราชการจังหวัดลำพูน นายภาษเดช หงส์ลดารมภ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด จังหวัดลำพูน ครั้งที่ 2/2565 เพื่อพิจารณาเห็นชอบการเปิดบัญชีโครงการฯและพิจารณาการดำเนินโครงการฯ ที่ได้รับสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ปี 2565 โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ สถานการณ์การผลิต การตลาดและสินค้าเกษตรที่สำคัญประกอบด้วย สถานการณ์กระเทียม ปีการผลิต 2564/65 มีจำนวนเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม 387 ราย พื้นที่ปลูก 895 ไร่ ลดลงจากปีที่แล้ว 507 ไร่ คิดเป็น ร้อยละ 36 ผลผลิตที่คาดการณ์ไว้ 3,200 ตัน ลดลงจากปีที่แล้ว 1,213 ตัน คิดเป็นร้อยละ 27
ด้านสถานการณ์หอมแดง ปีการผลิต 2564/65 มีจำนวนเกษตรกรผู้ปลูกหอมแดง 344 ราย พื้นที่ปลูก 943 ไร่ ลดลงจากปีที่แล้ว 783 ไร่ ลดลงร้อยละ 45 ผลผลิตที่คาดการณ์ไว้ 3,800 ตัน ลดลงจากปีที่แล้ว 2,242 ตัน คิดเป็นร้อยละ 37
ด้านสถานการณ์มะม่วง ปีการผลิต 2565 มีจำนวนเกษตรกรผู้ปลูก 9,132 ครัวเรือน มีผลผลิตทั้งหมด 101,625 ตัน เนื้อที่ยืนต้น 46,446 ไร่ และเนื้อที่ให้ผล 42,457 ไร่ โดยแบ่งตามอำเภอ ได้ดังนี้ 1) อำเภอลี้ 12,316 ตัน 2) อำเภอบ้านโฮ่ง 74,713 ตัน 3) อำเภอเวียงหนองล่อง 6,291 ตัน 4)อำเภอบ้านธิ 3,074 ตัน 5) อำเภอป่าซาง 2,318 ตัน 6) อำเภอทุ่งหัวช้าง 1,630 ตัน 7) อำเภอแม่ทา 975 ตัน และ 8) อำเภอเมืองลำพูน 307 ตัน
ด้านสถานการณ์ลำไย ปีการผลิต 2565 จำนวนเกษตรกร 54,535 ราย เนื้อที่ยืนต้น 367,943 ไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.53 เนื้อที่ให้ผล 346,393 ไร่ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.9 คาดการณ์ปริมาณผลผลิตรวม 393,005 ตัน แบ่งได้ดังนี้ ลำไยในฤดู : เก็บเกี่ยวผลผลิตประมาณช่วงปลายเดือนมิถุนายน - เดือนกันยายนและออกมากช่วงเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม จำนวนเกษตรกร 40,238 ราย ผลผลิต 255,273 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.68 ลำไยนอกฤดู: เก็บเกี่ยวผลผลิตประมาณช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคมและช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม จำนวนเกษตรกร 17,350 ราย ผลผลิต 137,732 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.64
สำหรับวาระการประชุมที่สำคัญประกอบด้วย การพิจารณาเรื่อง การเปิดบัญชีเงินฝาก ประเภทออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ชื่อบัญชีกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โครงการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2565 (เงินจ่ายขาด) จังหวัดลำพูน , การพิจารณาเรื่องของกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธี การดำเนินโครงการกระจายผลผลิตมะม่วงออกนอนกแหล่งผลิต จังหวัดลำพูน ปี 2565, การพิจารณาการดำเนินโครงการกระจายกระเทียมออกนอนกแหล่งผลิต จังหวัดลำพูน ปี 2565, การขอรับการจัดสรรงบประมาณจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อดำเนินโครงการขยายช่องทางการตลาดลำไยสด(รูดร่วง) เข้าสู้โรงงานแปรรูปจังหวัดลำพูน ปี2565, การขอรับการจัดสรรงบประมาณจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โครงการกระจายผลผลิตมะม่วงออกนอกแหล่งผลิตจังหวัดลำพูน ปี 2565, การขอรับการจัดสรรงบประมาณจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โครงการกระจายลำไยออกนอนแหล่งผลิตจังหวัดลำพูน ปี 2565 .
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",11/3/2022,ภาคเหนือ,ลำพูน,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220311114043794 ทส. ร่วมกับ SCG ลำปาง เร่งหาแนวทางลดการเผาในที่โล่งด้วยการเปลี่ยนเชื้อเพลิงเป็นมูลค่า,"นายระพีศักดิ์ มาลัยรุ่งสกุล ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 (ลำปาง) เปิดเผยว่า การลงพื้นที่จังหวัดลำปางของ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ พร้อมด้วย ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 (ลำปาง) ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (สาขาลำปาง) ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) ได้เข้าหารือแนวทางการดำเนินงานการบริหารจัดการเชื้อเพลิงโครงการ ""ชิงเก็บ ลดเผา"" ณ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ลำปาง) จำกัด (SCG) อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง โดยมีนายสุรชัย นิ่มละออ Managing Director Mainland and Border Market บริษัทปูนซิเมนต์ไทย (ลำปาง) จำกัด ให้การต้อนรับ
การหารือประกอบด้วยประเด็น การนำวัสดุเชื้อเพลิงไปใช้เป็นพลังงานทดแทนในกระบวนการผลิตปูนซิเมนต์ ซึ่งปัจจุบันมีการใช้เชื้อเพลิงทดแทน 23.6% คิดเป็นประมาณ 500 ตัน/วัน และมีเป้าหมาย 100% ในปี 2026, การประเมิน supply chain ของวัสดุทดแทนเชื้อเพลิง เช่น เศษใบไม้ วัสดุเหลือใช้จากการเกษตร, รวมทั้งประเด็นความคุ้มทุนในการขนส่งและเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับการอัดก้อนเชื้อเพลิง โดยมีการสาธิตการอัดก้อนใบไม้จากเครื่องอัดใบไม้ที่ SCG พัฒนาขึ้น โดยที่ประชุมมีมติเห็นควรเร่งนำโมเดลพื้นที่ต้นแบบมาขยายผล และจัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) และ SCG เพื่อลดมลพิษทางอากาศจากการเผาในที่โล่ง
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",11/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220311114504796 "ผู้ว่าสุพรรณบุรี เปิดโครงการ ""กระเสียวปันน้ำใช้ ร่วมใจประชารัฐ""","
จากปัญหาภัยแล้ง น้ำไม่พอใช้ในช่วงหน้าแล้ง เป็นอีกหนึ่งภัยที่ จ.สุพรรณบุรี ต้องประสบปัญหามาตลอด รวมถึงที่ ต.หนองมะค่าโมง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งทางกรมชลประทาน ได้ดำเนินการจัดสรรงบประมาณ ก่อสร้างโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านทุ่งดินดำ พร้อมเดินระบบส่งน้ำงบประมาณจำนวน 70 ล้านบาท ผ่านระบบท่อใต้ดินสายหลัก เพื่อนำน้ำลงลำห้วยขจี โดยมีการกำหนดพื้นที่รับโดยทำการสูบน้ำจากเขื่อนกระเสียว ผ่านระบบชลประทาน ซึ่งจะมีพื้นที่เกษตรกรรม ได้รับประโยชน์โครงการทั้งหมด 7,142 ไร่ แต่โครงการดังกล่าวฯ ยังคงเหลือระยะทางอีก 1.4 กิโลเมตร ซึ่งมีลักษณะตื้นเขิน น้ำไม่สามารถไหลลงลำห้วยขจี ทำให้พื้นที่ดังกล่าวอีกกว่า 1พันไร่ ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
ทางผู้นำชุมชนกำนัน นายก อบต. ผู้ใหญ่บ้าน และภาคส่วนเอกชน กลุ่มบริหารกลุ่มผู้ใช้น้ำลำห้วยขจี จึงได้ร่วมมือกันผลักดันให้มีการขุดลอกลำห้วยดังกล่าวขึ้น ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้นำชุมชน และเกษตรกรผู้ใช้น้ำจัดทำโครงการ ""กระเสียวปันน้ำใช้ ร่วมใจประชารัฐ"" เพื่อพัฒนาลำห้วยขจี (ขุดลอกลำห้วยขจี) เพื่อช่วยเหลือพื้นที่เกษตรกรรมของกลุ่มเกษตรกร ในตำบลด่านช้างและตำบลหนองมะค่าโมง โดยได้รับความ อนุเคราะห์ และได้รับการสนับสนุนงบประมาณ สำหรับการขุดลอกลำห้วยขจี จาก บริษัท โรงงานน้ำตาลมิตรผล จำกัด(มหาชน) จำนวน 252,000 บาท โดยมีนายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผวจ.สุพรรณบุรี , นายสิทธิศักดิ์ แย้มพรายภิรมย์ นอภ.ด่านช้าง , กำนายธนพงศ์ จันทร์สุวรรณ กำนันตำบลหนองมะค่าโมง ร่วมกับเปิดงาน
ซึ่งหลังจากมีการตัดริ้นบิ้นเปิดโครงการแล้ว นายณัฐภัทร ได้กระโดดขึ้นขับรถแบคโฮ ทดลองขับใช้บุ้งกี๊ ตักโกยดินเพื่อเปิดปฐมฤกษ์โครงการ ซึ่งทางด้านผู้ว่าบอกนับเป็นครั้งแรก ในการเปิดงานที่ยิ่งใหญ่ขนาดต้องขับรถแบคโฮเลยทีเดียว แม้จะไม่เคยขับ แต่เครื่องก็เบาดี งงๆ มีคันบังคับ 2 ฝั่ง ถ้าขับบ่อยๆ คงชำนาญ
ทางด้านนายธนพงศ์ จันทร์สุวรรณ กำนันตำบลหนองมะค่าโมง กล่าวว่า ตั้งแต่มีเขื่อนกระเสียวมา 47-48 ปี ชาวบ้าน ต.หนองมะค่าโมง มีหน้าที่เพียงคอยเฝ้าน้ำ แต่น้ำไม่เคยได้ผ่านขึ้นมาให้ใช้เลย ความฝันตั้งแต่วัยเด็กตนฝันว่าเมื่อไหร่จะมีคลองผ่านบ้าน จะได้เล่นน้ำ ซึ่งตอนนั้นจะเล่นน้ำต้องไปที่เขื่อนกระเสียว จนวันนี้ วันที่ตนเริ่มเติบโต ในฐานะกำนัน จึงพยายามผลักดัน การร่วมมือของภาคส่วนในการขุดลอกคลอกผ่านพื้นที่เกษตรกรรม เพื่อให้ชาวบ้านได้มีน้ำใช้ หลังจากที่เฝ้ามานาน ในไม่ช้านี้เราจะได้มีน้ำใช้กันเสียที หวังว่าพืชผล ทางเกษตรกร จะได้ผมดี เกษตรกรจะมีรายได้มากขึ้น คุณภาพชีวิตจะได้ดีขึ้นไปอีกด้วย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",11/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,สุพรรณบุรี,สวท.สุพรรณบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220311115734811 รองผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน เป็นประธานพิธีเปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนภายใต้กองทุนหมุนเวียน เพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจนจังหวัดแม่ฮ่องสอน,วันที่ 11 มีนาคม 2565 ณ ห้องประชุมสวนหมอกคำรีสอร์ท ตำบลปางหมู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบหมายให้นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานพิธีเปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง ระเบียบหลักเกณฑ์ และวิธีการปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจน ภายใต้กองทุนหมุนเวียน เพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำปีงบประมาณ 2565 ซึ่งสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดแม่ฮ่องสอนได้จัดทำโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ครั้งนี้ขึ้น
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้รับความรู้และฝึกปฏิบัติจริง ตามบทบาทภารกิจการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนด้านหนี้สินและที่ดิน ตามระเบียบกองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจนได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ และเพื่อสร้างเครือข่ายการดำเนินงานกองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมเกษตรกรและผู้ยากจนในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,11/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220311121554828 กรมชลประทาน ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์,"นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 50,418 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 66 ของความจุอ่างฯ รวมกัน ส่วนผลการทำนาปรังในช่วงแล้งปี 2564/65 ทั้งประเทศมีการทำนาปรังไปแล้วกว่า 7 ล้านไร่ จึงได้กำชับให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ ติดตามสภาพอากาศจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ(สสน.) อย่างใกล้ชิด นำมาวิเคราะห์ในการบริหารจัดการน้ำอย่างประณีตและสอดคล้องกับสถานการณ์ โดยเน้นย้ำน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ต้องไม่ขาดแคลน ระบบนิเวศน์เกิดความสมดุล รวมไปถึงคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และเพียงพอสำหรับทุกภาคส่วน ที่สำคัญให้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์น้ำให้ประชาชนและเกษตรกรในแต่พื้นที่ ได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามขอให้ทุกภาคส่วนร่วมใจกันใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า เพื่อให้มีน้ำเพียงพอต่อทุกกิจกรรมไปตลอดแล้งนี้
คณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เห็นชอบร่างมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2565 จำนวน 13 มาตรการ พร้อมเห็นชอบปฏิทินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำฉบับปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 1 ที่มี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ได้มีมติเห็นชอบต่อร่างมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2565 จำนวน 13 มาตรการ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมบริหารจัดการน้ำช่วงฤดูฝนให้เร็วขึ้นและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ประกอบด้วย คาดการณ์ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและฝนน้อยกว่าค่าปกติ // การบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อรองรับน้ำหลาก // ทบทวน ปรับปรุงเกณฑ์บริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่-กลาง และเขื่อนระบายน้ำ // ซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารชลศาสตร์ และระบบระบายน้ำสถานีโทรมาตรให้พร้อมใช้งาน // ปรับปรุงแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ // ขุดลอกคูคลองและกำจัดผักตบชวา // เตรียมพร้อมและวางแผนเครื่องจักรเครื่องมือ ประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและฝนน้อยกว่าค่าปกติ // เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและปรับปรุงวิธีการส่งน้ำ // ตรวจความมั่นคงปลอดภัยคัน ทำนบ และพนังกั้นน้ำ // จัดเตรียมพื้นที่อพยพและซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ // ตั้งศูนย์ส่วนหน้าก่อนเกิดภัย // การสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ และสุดท้าย ติดตามประเมินผลปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัย โดยให้ สทนช. เป็นหน่วยงานบูรณาการโครงการเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการทรัพยากรน้ำช่วงฤดูฝนปีนี้และเก็บกักน้ำเพื่อหน้าแล้งปีนี้ต่อเนื่องปีหน้าเสนอ กนช. และคณะรัฐมนตรีเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณต่อไป
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้นำงานวิจัยการกำจัดผักตบชวาโดยใช้จุลินทรีย์ชีวภาพจากสารสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำและสัตว์น้ำของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังและสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย เพื่อนำมาทดลองปฏิบัติงานจริงช่วงฤดูฝนนี้ ควบคู่กับการใช้เครื่องจักรกลกำจัดผักตบชวาให้สามารถกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำได้ยั่งยืน โดยกำหนดพื้นที่สำหรับทดลองตรวจสอบประสิทธิภาพการใช้สารสกัดสมุนไพรกำจัดผักตบชวา แล้วให้ สทนช. ร่วมกับ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมชลประทาน กรมเจ้าท่า และองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานจริง
เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวย้ำว่า ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบปฏิทินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำฉบับปรับปรุงที่ได้ทบทวนและปรับขั้นตอนของปฏิทิน และปรับเปลี่ยนช่วงเวลาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทั้งช่วงหน้าแล้ง ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 30 เมษายน และฤดูฝน ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม - 31 ตุลาคม แล้วเสนอตให้ กนช. พิจารณาวันที่ 14 มีนาคมนี้ พร้อมให้ สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานตามปฏิทินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อเป็นกรอบแนวทางให้หน่วยงานร่วมกันบริหารจัดการทรัพยากรน้ำช่วงฤดูฝนและหน้าแล้งอย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์ด้วย
,11/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220311132020867 ผู้ว่าฯ ปทุมธานี ประชุมคณะกรรมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยจังหวัดปทุมธานี ครั้งที่ 1/2565,ที่ห้องประชุมบัวหลวง ศาลากลางจังหวัดปทุมธานี นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยจังหวัดปทุมธานี ครั้งที่ 1/2565 โดยมี นายพงศธร กาญจนะจิตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี และคณะกรรมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยจังหวัดปทุมธานี เข้าร่วมประชุม
เรื่องแจ้งที่ประชุมทราบ ข้อมูลการรวมกลุ่มพื้นที่ในการจัดการมูลฝอย (Clusters) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดปทุมธานี ด้วยสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 6 ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดปทุมธานี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดปทุมธานีและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ลงพื้นที่ติดตามสอบสอบประเมินผลการจัดในสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยและให้ข้อเสนอแนะแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ ปี 2564 พร้อมทั้งพิจารณาผลการดำเนินงานการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน จังหวัดสะอาด จังหวัดปทุมธานี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,11/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,ปทุมธานี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปทุมธานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220311143551897 ทหารพราน ฉก.ทพ.36 ร่วมรณรงค์ทำแนวป้องกันไฟป่าหมอกควันและดับไฟป่าข้างถนน,วันที่ 10 มีนาคม 2565 เวลา 09.00 น.กำลังพลหน่วย ฉก.ทพ.36 นำโดยร้อยเอก บรรจง อัมพุธ ผู้ช่วยนายทหาร ฝ่ายกิจการพลเรือน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 จัดกำลังพลทำกิจกรรมโดยประชาสัมพันธ์ รณรงค์การแก้ปัญหาไฟป่าหมอกควันให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 21 เพื่อเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ปกครองของนักเรียน และให้คำแนะนำในการทำแนวป้องกันไฟป่า การเตรียมอุปกรณ์ในการดับไฟป่าเมื่อเกิดเหตุ ชี้แจงห้วงการห้ามเผาโดยเด็ดขาดตามประกาศของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ณ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 21 หมู่ที่ 10 ตำบลแม่ลาน้อย อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีผู้ร่วมกิจกรรมจำนวน 500 คน
วันที่ 10 มีนาคม 2565 ภาคบ่าย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 ( ฉก.ทพ.36) นำโดยร้อยเอก บรรจง อัมพุธ ผู้ช่วยนายทหาร ฝ่ายกิจการพลเรือน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 จัดกำลังพล 11 นาย ชุดปฏิบัติการดับไฟป่า ดำเนินการดับไฟป่าข้างถนนระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร และทำแนวกันไฟ เพื่อป้องกันไฟและสามารถควบคุมไฟป่าไม่ให้ลุกลามเข้าไปในพื้นที่ทำการเกษตรของราษฎร ณ บริเวณทางหลวงหมายเลข 108 ตำบลบ้านกาศ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,11/3/2022,ภาคเหนือ,เชียงราย,สวท.เชียงราย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220311143611898 ติวเข้มเกษตรกรปลอดการเผา ผ่านโรงเรียนเกษตรทางไกล,นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ด้วยปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เป็นประจำทุกปี โดยหนึ่งในสาเหตุสำคัญมาจากการเผาในพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะพื้นที่ในเขตชลประทานภาคกลาง อันเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ดินเสื่อมโทรมขาดความอุดมสมบูรณ์ ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นและผลผลิตที่ได้รับต่ำกว่าที่ควร อีกทั้งรัฐบาลได้ประกาศใช้แผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Model เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างสมดุลมากขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม
ในปีงบประมาณ 2565 นี้ กรมส่งเสริมการเกษตร จึงจัดทำโครงการโรงเรียนเกษตรทางไกล หลักสูตร เกษตรกรปลอดการเผาขึ้น เพื่อส่งเสริมความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรแก่เกษตรกรกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสมาชิกของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็นพื้นที่การเกษตรที่มีจุดความร้อน หรือ Hot Spot สูง ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการไม่เผาในพื้นที่เกษตร รวมถึงสร้างการรับรู้การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วย BCG Model ทั้งนี้ เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดชัยนาท รวมถึงเกษตรกรในพื้นที่อื่นและประชาชนทั่วไปที่สนใจ สามารถสมัครเข้าร่วมเรียนหลักสูตร เกษตรกรปลอดการเผา ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 25 มีนาคมนี้
วันนี้ (11 มี.ค. 65) ณ ห้องประชุมตาปี ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ชั้น 4 อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประชุมคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ครั้งที่ 2/2565 พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม เพื่อพิจารณาโครงการ สังกะจาย (วิลล่า 5 ซามูจาน่า) (เปลี่ยนการใช้อาคาร) ของบริษัท สังกะจาย จำกัด ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 5 ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นโครงการประเภทโรงแรม มีจำนวนห้องพัก ห้อง
โดยมอบหมายให้ บริษัท ทรัพย์ปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด เป็นผู้จัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น มาเพื่อให้คณะกรรมการฯ พิจารณาตามระเบียบ สผ. โดยได้ลงตรวจพื้นที่โครงการแล้ว เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2564 ซึ่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับหนังสือแจ้งความเห็นเบื้องต้น จาก สผ. เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2565 โดยจะครบกำหนด 45 วัน นับตั้งแต่วันได้รับความเห็นเบื้องต้นจาก สผ. ในวันที่ 16 มีนาคม 2565 และผลการตรวจสอบพื้นที่สถานที่ก่อสร้างโครงการ
สำหรับการพิจารณาสืบเนื่องโครงการ มิสกวัน (ดัดแปลงและเปลี่ยนการใช้อาคาร) ของบริษัท มิสกวัน จำกัด ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 1 ตำบลแม่น้ำ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นโครงการประเภทโรงแรม มีจำนวนห้องพัก 34 ห้อง โดยมอบหมายให้ บริษัท ทรัพย์ปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด เป็นผู้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม มาเพื่อให้คณะกรรมการฯ พิจารณาตาม ระเบียบ สผ. จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้พิจารณาการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการมิสกวัน (ตัดแปลงและเปลี่ยนการใช้อาคาร) ของบริษัท มิสกวัน จำกัด ครั้งที่ 1 การประชุมคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณาการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุราษฎร์ธานีครั้งที่ 8/2564 เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 โดยที่ประชุมมีมติฯ ไม่ให้ความเห็นชอบ รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการ มิสกวัน (ดัดแปลงและเปลี่ยนการใช้อาคาร) ของบริษัท มิสกวัน จำกัด และให้ดำเนินการแก้ไขตามความเห็นของคณะกรรมการฯ ให้ครบถ้วน
ซึ่งการพิจารณารายงานชี้แจงเพิ่มเติม ครั้งที่ 2 ตามประเด็นที่คณะกรรมการ ได้มีความเห็นให้มีการดำเนินการแก้ไข โดยจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับเอกสารชี้แจงเพิ่มเติมครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 ซึ่งจะครบกำหนด 30 วัน ในวันที่ 31 มีนาคม 2565 (ทั้งนี้ ฝ่ายเลขานุการได้ตรวจสอบกำหนดครบ 180 วัน นับจากวันที่ได้รับการแจ้งมติครั้งที่ 1 ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 27มีนาคม 2565
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,11/3/2022,ภาคใต้,สุราษฎร์ธานี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220311160642973 ยกระดับแรงงานภาคเกษตร นำเทคโนโลยี IoT อบรมปลูกพืชในโรงเรือนอัจฉริยะ เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและอาหาร,นายประทีป ทรงลำยอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารอันดับต้นของโลก เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพและมูลค่าสินค้าเกษตรและอาหารให้สูงขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการบริโภคของตลาดโลก กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงดำเนินการ โครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์แปรรูปเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อพัฒนากลุ่มเกษตรกร กลุ่มผู้มีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร กำลังแรงงานและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ให้มีความรู้ความสามารถทักษะฝีมือในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาการผลิตพืช ผักและผลไม้ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางเกษตรที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค
ล่าสุด สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 13 กรุงเทพมหานคร ร่วมกับโรงเรียนแสงทองเทคโนโลยี จัดฝึกอบรมหลักสูตรการปลูกพืชในโรงเรือนอัจฉริยะ (Smart Greenhouses for Planting) ระหว่างวันที่ 7-11 มีนาคม 2565 (ระยะเวลาการฝึกอบรม 30 ชั่วโมง) มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมจำนวน 20 คน
การฝึกอบรมมุ่งเน้นนำความรู้ด้านเทคโนโลยี Internet of Things หรือ IoT มาใช้ในการเพาะปลูกพืช สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการการปลูกพืชในโรงเรือนอัจฉริยะ โครงสร้างโรงเรือนที่เหมาะกับการเพาะปลูกพืชขนาดเล็กและขนาดใหญ่ การป้องกันโรคพืชและแมลงศัตรูพืช การใช้ระบบ IoT ในการควบคุมการเปิด/ปิดน้ำ ตรวจวัดอุณหภูมิความชื้นและแสงสว่างภายในโรงเรือน ผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน เป็นต้น รวมถึงสามารถหาตลาดจำหน่ายสินค้าทั้ง Onsite และการขายสินค้าผ่านออนไลน์
สำหรับข้อดีของการนำเทคโนโลยี IoT มาใช้ในการพัฒนาทักษะฝีมือ มีส่วนช่วยแรงงานในภาคเกษตรลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและเวลา ควบคุมคุณภาพของผลผลิตได้อย่างแม่นยำ ได้ผลผลิตคุณภาพสูงรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ได้รายได้ดีเมื่อเปรียบเทียบกับการปลูกพืชในรูปแบบเดิม
ผู้สนใจเข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรนี้ หรือหลักสูตรอื่นๆ สามารถติดตามรายละเอียดข่าวสารผ่านทาง Facebook: กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน หรือโทรสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4
วันที่ 11 มีนาคม 2565 นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองจังหวัดแม่ฮ่องสอน ครั้งที่ 3 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2565 ณ ห้องประชุมพญาพิศาลฮ่องสอนบุรี สำนักงานทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ในที่ประชุมได้มีการพิจารณามาตรการ และแนวทางการแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ในห้วงการประกาศห้ามการเผาในที่โล่งทุกชนิด ยกเว้นพื้นที่ตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง 8 มาตรการ คือ มาตรการประชาสัมพันธ์ มาตรการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ มาตรการการลาดตระเวน เฝ้าระวัง และดับไฟ มาตรการเผชิญเหตุ ในสถานการณ์วิกฤติรุนแรง มาตรการลดฝุ่นละอองในพื้นที่เขตเมือง มาตรการดูแลสุขภาพของประชาชน และมาตรการบังคับใช้กฎหมาย
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ให้แนวทางการปฏิบัติงาน ดังนี้ มาตรการลาดตระเวน เฝ้าระวัง และดับไฟ ให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน รายงานการการดำเนินงาน จำนวนพื้นที่ที่เกิดจุดความร้อน ไฟป่า ความเสียหาย จำนวนผู้ปฏิบัติงาน ปัญหาอุปสรรค เครื่องมือที่ใช้ โดยแจ้งข้อมูลมายังศูนย์ varoom จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อให้การสนับสนุนกำลังคน เครื่องมือที่ใช้ในการดับไฟ รวมถึงการแก้ปัญหาพื้นที่เผาไหม้ที่อยู่บนเขาสูง ยากต่อการดับไฟ ให้เจ้าหน้าที่ควบคุมไฟไม่ให้ลุกลามเข้าพื้นที่ชุมชน และพื้นที่สำคัญ เช่น วัด แหล่งท่องเที่ยว
ในด้านมาตรการลดฝุ่นละอองในเขตพื้นที่เมือง ให้ฉีดพ่นละอองน้ำ เพิ่มความชุ่มชื่น ลดฝุ่นละออง (PM 2.5) ในพื้นที่กลุ่มเปราะบาง ย่านการค้า ชุมชนหนาแน่น และพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองสูง
ในส่วนมาตรการด้านสุขภาพ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีความห่วงใยต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน ซึ่งได้มีมาตรการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมจัดห้องปลอดฝุ่น (Safety Zone) ให้กับประชาชน เพื่อรองรับในช่วงที่คุณภาพอากาศเกินมาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ รวมถึงให้สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยประชาสัมพันธ์แนวทางการดูแล รักษาสุขภาพอนามัย แก่ประชาชน ในช่วงนี้ด้วย
ท้ายนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ขอความร่วมมือทุกภาคส่วน สร้างการรับรู้ ความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ในห้วงการประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,11/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220311161953987 ภาครัฐ คุมเข้มมาตรการตรวจจับรถยนต์ควันดำในเขตเมืองใหญ่ โดย คพ. เตรียมยกระดับความเข้มข้นการตรวจวัดควันดำเริ่ม 13 เม.ย.นี้ หวังรับมือฝุ่น PM 2.5 ใน กทม.,"
ภาครัฐ คุมเข้มมาตรการตรวจจับรถยนต์ควันดำในเขตเมืองใหญ่ โดยกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เตรียมยกระดับความเข้มข้นการตรวจวัดควันดำเริ่มวันที่ 13 เมษายนนี้ หวังรับมือฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพมหานคร
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการสื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ พร้อมด้วย นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และนายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้ลงพื้นที่ตรวจการปฏิบัติงานบริเวณหน้าสถานทีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต ถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร ที่มีการตั้งจุดตรวจควันดำสุ่มตรวจรถเมล์และรถกระบะเครื่องยนต์ดีเซลที่มีสภาพเก่า โดยมีรถเข้ามาตรวจวัดประมาณ 40 คัน แบ่งเป็น รถโดยสาร 13 คัน มีค่าควันเกินค่ามาตรฐาน 1
คัน , รถบรรทุก 6 คัน และรถยนต์ 21 คัน มีค่าควันดำเกินค่ามาตรฐาน 5 คัน
โดย นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความเข้มงวดการตรวจจับรถควันดำ ตรวจจับ ปรับจริงห้ามใช้รถควันดำ และบังคับใช้บทลงโทษสูงสุด เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคที่ให้ความสำคัญการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ และตามแผนปฏิบัติการลดมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะลดฝุ่น PM2.5 ให้เกิดผลอย่างแท้จริง ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง และการลดบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานครจะเน้นการตรวจวัดควันดำจากรถยนต์ที่เป็นสาเหตุก่อให้เกิดควันดำและฝุ่น PM 2.5 ภาพรวมจากการตั้งจุดตรวจตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึง 9 มีนาคม 2565 คือ กรุงเทพมหานครตรวจสอบสะสม 143,752 คัน พบรถยนต์ควันดำเกินค่ามาตรฐานสะสม 38,349 คัน ห้ามใช้สะสม 648 คัน และพื้นที่ต่างจังหวัด ตรวจสอบสะสม 70,522 คัน พบรถยนต์ควันดำเกินค่ามาตรฐาน 933 คัน ห้ามใช้สะสม 993 คัน ซึ่งจากสถิติภาพรวมพบรถยนต์ควันดำเกินค่ามาตรฐานประมาณร้อยละ 18 ถือว่าค่อนข้างสูง ขณะที่เดือนเมษายนนี้จะเพิ่มมาตรการตรวจวัดควันที่เข้มข้นขึ้น เช่น การปรับค่ามาตรฐานควันดำรถทุกประเภท , ระบบความทึบแสงจากเดิมไม่เกินร้อยละ 45 เป็น ไม่เกินร้อยละ 30 และระบบกระดาษกรอง เดิมไม่เกินร้อยละ 50 เป็นไม่เกินร้อยละ 40 จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายนเป็นต้นไป
ด้าน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) และกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์คุณภาพอากาศช่วงนี้ถึง 13 มีนาคมฝุ่นละอองจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอาจพบเกินเกณฑ์มาตรฐานในบางพื้นที่ โดยเฉพาะเพิ่มมากขึ้นในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จึงขอความร่วมมือประชาชนลดกิจกรรมการใช้ยานพาหนะ งดการเผาเศษวัชพืชในที่โล่งและพื้นที่เกษตรกรรม นำยานพาหนะเข้าบำรุงรักษาตามวงรอบ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ออกนอกที่พัก และติดตามรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
",11/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220311163105996 เกษตรปะเหลียน จังหวัดตรัง ติดตามการดำเนินงานของกลุ่มแปลงใหญ่ผึ้งโพรงไทย หมู่ที่ 3 ตำบลปะเหลียน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง,"สำนักงานเกษตรอำเภอปะเหลียน โดยนายสุภัทธ คงด้วง เกษตรอำเภอปะเหลียน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอปะเหลียน ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานของกลุ่มแปลงใหญ่ผึ้งโพรงไทย หมู่ที่ 5 ตำบลปะเหลียน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ณ โรงงานแปรรูปผึ้งโพรง หมู่ที่ 3 ตำบลปะเหลียน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง สมาชิกนำชมไลน์การผลิตของโรงงานแปรรูปผึ้งโพรงไทย ซึ่งอยู่ระหว่างรอดำเนินงาน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้
สำหรับ ผึ้งโพรงไทย เป็นแหล่งรายได้ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเป็นอาชีพที่น่าสนใจไม่น้อย สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ขณะเดียวกันก็แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย ในการเลี้ยงผึ้งโพรงไทย เกษตรกรจะมีต้นทุนการผลิตต่ำ เพราะผึ้งโพรงไทยมีอยู่แล้วในธรรมชาติ ไม่ต้องซื้อและหา ให้ผึ้ง ส่วนรังเลี้ยงไม่จำเป็นต้องลงทุนสูง เก็บน้ำผึ้งครั้งเดียวก็คุ้มทุน ขณะนี้น้ำผึ้งโพรงยังผลิตได้ไม่พอต่อความต้องการตลาด ปัจจัยสำคัญมาจากความแปรปรวนทางสภาพภูมิอากาศ จึงเป็นอาชีพที่น่าสนใจและถือเป็นทางเลือกหนึ่งของเกษตรกร เพราะผึ้งโพรงเป็นแนวทางทำการเกษตรที่นอกจากจะตอบโจทย์ในเรื่องการสร้างรายได้แล้ว ยังช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควบคู่กันด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",11/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220311163117997 ผู้ว่าฯ สมุทรสงคราม พร้อมคณะฯ ติดตามการดำเนินงานของกรมทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง,"ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงครามและคณะติดตามงานภารกิจกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งติดตามการดำเนินงานของกรมทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง
นายขจร ศรีชวโนทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามงานภารกิจกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งติดตามการดำเนินงานของกรมทรัพยากรทะเลและชายฝั่งด้านชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน ตำบลแหลมใหญ่ ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลบางแก้ว ตําบลคลองโคน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม
ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า พื้นชายฝั่งทะเลจังหวัดสมุทรสงคราม มีพื้นที่ชายฝั่งทะเล 24.18 กิโลเมตร และพื้นที่ทะเลพื้นที่ในทะเล 143,750 ไร่ คิดเป็น 230 ตารางกิโลเมตร เป็นเขตรับผิดชอบของสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 8 จังหวัดสมุทรสงคราม การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อตรวจสภาพพื้นที่ รวมทั้งรับทราบสภาพปัญหา อุปสรรค และตรวจท่าเทียบเรือของคลังแก๊ส
รุ่งนภา /ข่าว ธิติมา /เรียบเรียง
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",11/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,สมุทรสงคราม,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220311171144020 เกษตรอำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนแปลงทุเรียนและติดตามการปลูกผักยกแคร่บ้านผมเด็น ตำบลไม้ฝาด,วันนี้ (11 มี.ค.65) นายสมเดช ว่องทั่ง เกษตรอำเภอสิเกา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอสิเกา เยี่ยมเยียนแปลงทุเรียนของนายสัญญา แจ่มกำเนิด ต้นทุเรียนอายุ 4 ปีครึ่ง ให้ผลผลิตเป็นปีแรก ซึ่งอยู่ในระยะดอกบาน ระยะหางแย้ และติดตามการปลูกผักยกแคร่ของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ พบว่าเกษตรมีความพึงพอใจกับการเข้าร่วมโครงการเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีผักบริโภคในครัวเรือนแล้ว ยังมีรายได้จากการจำหน่ายผักอีกด้วย นอกจากนี้ ได้มีการแนะนำการใช้ชีวภัณฑ์ไตรโคเดอร์มาในการป้องกันโรคที่มีสาเหตุจากเชื้อราอีกด้วย ณ บ้านผมเด็น หมู่ที่ 6 ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง
สำหรับ การปลูกผักยกแคร่เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการปลูกผักแล้วพบปัญหาไม่มีพื้นที่ โรคแมลงรบกวน หรือพื้นที่ชุ่มน้ำไม่เหมาะกับการเพาะปลูก การปลูกผักเป็นการสร้างแหล่งอาหารในครัวเรือน มุ่งเน้นการพึ่งตนเอง และแบ่งปันผู้อื่น ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นการลดรายจ่ายในครัวเรือน และสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในยามวิกฤต
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,11/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220311173326028 ปภ.ระยองรายงานภาพรวมการเฝ้าระวังคราบน้ำมันกลางทะเลและการดำเนินงานของบริษัทในการอุดรูรั่วของท่อน้ำมันดิบที่ทุ่น,วันที่ 11 มีนาคม 2565 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง สรุปการดำเนินงานกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง กรณีคราบน้ำมันดิบรั่วไหล โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยอง แจ้งว่า
เมื่อเวลา 13.30 น. เรือ UNIWISE RAYONG ปฏิบัติงานใต้น้ำ ส่งนักประดาน้ำลงไปซ่อมทำตัวท่อด้วยการพันและอุดรอยรั่วของท่อน้ำมันด้วยการใช้วิธีพันท่อในรอบที่ 2 ของบริเวณรอยรั่วเดิมด้วยเทปกาวพันท่อชนิดพิเศษ ซึ่งจากการสังเกตการณ์ของการปฏิบัติงานในพื้นที่ มีคราบน้ำมันออกมาขนาด 2?200 เมตร ลักษณะเป็นฟิล์มบางใส เป็นบางช่วง โดยมีเรือสนับสนุนปฏิบัติการใต้น้ำในพื้นที่ใช้น้ำยาขจัดและตีกวนให้คราบน้ำมันจางลง ส่วนพื้นที่ใกล้ชายฝั่งอื่น ๆ ไม่พบคราบน้ำมัน ด้านการช่วยเหลือบริษัท SPRC วันนี้บริษัท SPRC ได้ดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือกลุ่มประมงจำนวน 300 ราย ณ สมาคมสุนทรภู่ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
ส่วนเวลา 15.00 น. บริษัท SPRC ร่วมกับ ศรชล. ปภ. คพ. อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าฯ และ อบจ. จัดกิจกรรมจิตอาสาทำความสะอาดบริเวณชายหาดแม่รำพึง บริเวณหาดหน้าบ้านสบ๊าย สบาย รีสอร์ท และเมื่อวันที่ 10 มี.ค.65 ได้มีการประชุมหารือโครงการศึกษาผลกระทบและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระหว่างบริษัท SPRC มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้เชี่ยวชาญจาก Chevron Technical Center ประเทศสหรัฐอเมริกามาร่วมประชุม ส่วน สทช.1 ลงพื้นที่ตรวจชายหาดยังคงพบก้อนคล้ายยางมะตอยที่ก้นอ่าวและบริเวณร้านเจ๊จุกซีฟู้ด พบผงสีดำคล้ายถ่านที่หน้าศาลเจ้าแม่ทับทิมสถานีรายงานบ้านเพ และพบเม็ดสีน้ำตาลคล้ายปุ๋ยทางการเกษตรที่คลองหัวรถ โดยเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เก็บตัวอย่างเพื่อนำไปตรวจสอบต่อไป
สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถยื่นเรื่องร้องทุกข์จากกรณีเหตุน้ำมันดิบรั่วกลางทะเลได้ที่ศูนย์สื่อสารบริษัท SPRC โทร 038-699881 ในวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 15.30 น.
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,11/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220312012158100 กรมปศุสัตว์สานต่อนโยบาย เดินหน้าตรวจห้องเย็นรอบใหม่ต่อเนื่อง,"นายสรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ตามที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความห่วงใยและให้ความสำคัญ ในกรณีที่อาจมีการกักตุนสินค้าประเภทเนื้อสุกรเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า โดยได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมเครือข่ายปฏิบัติงานเร่งตรวจสอบห้องเย็นเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าว
กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรฯ พร้อมหน่วยงานเครือข่ายสนองนโยบาย สนธิกำลังไล่ตรวจสอบห้องเย็นรอบใหม่ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ -11 มีนาคมที่ผ่านมา สรุปผลการตรวจสอบและการดำเนินการตามกฎหมาย พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 พบรายงานผลการตรวจสอบห้องเย็นประจำวันที่ 11 มีนาคม 2565 พื้นที่ที่เข้าตรวจสอบรอบใหม่จำนวน 25 แห่ง ในจังหวัดชลบุรี ระยอง สงขลา สระบุรี นครนายก กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น กาญจนบุรี นครปฐม ฉะเชิงเทรา พังงา และอุทัยธานี ตรวจพบซากสุกรจำนวน 387,570.60 กิโลกรัม รวมจำนวนตรวจพบซากสุกรที่พบในห้องเย็นรอบใหม่รวมสะสมตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 11 มีนาคม 2565 รวมกว่า 15 ล้านกิโลกรัม จากห้องเย็นทั้งหมด 336 แห่ง
สำหรับรายงานข้อมูลสภาวะตลาดสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม วันที่ 10 มีนาคม 2565 พบว่าราคาสุกรขุนหน้าฟาร์มปรับขึ้นเล็กน้อยตามแรงกดดันของต้นทุนอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคเริ่มมีการปรับตัวรับราคาเนื้อสุกรในปัจจุบันได้มากขึ้น ห้างค้าปลีก จัดส่วนต่างราคาตามความต้องการของตลาดได้ดีและสร้างราคาชิ้นส่วนทางเลือกที่สนองนโยบายรัฐ ถึงแม้ต้นทุนอาหารสัตว์ ค่าพลังงานน้ำมัน จะขยับเพิ่มเป็นรายวัน กระทบทั้งต้นทุนการผลิตและต้นทุนการขนส่ง ในขณะที่ราคาจำหน่ายเนื้อสุกรและสุกรขุนหน้าฟาร์มยังคงถูกจับตาโดยภาครัฐเป็นรายสัปดาห์
สำหรับราคาข้าวโพดหน้าโรงงานอาหารสัตว์สูงสุด ที่กรุงไทยอาหารสัตว์ บ้านบึง ที่กิโลกรัมละ 13.05 บาท โดย CPF บางนาและเซ็นทาโกอยู่ที่ 13.00 บาท โดยปัจจัยที่ท้าทายภาคปศุสัตว์ไทยในสถานะการณ์สงครามที่เป็นปัญหาหนัก นอกเหนือจากปัญหาราคาน้ำมัน คือราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ เพราะรัสเซียและยูเครนเป็นผู้ส่งออกพืชวัตถุดิบอาหารสัตว์รายใหญ่ของโลก โดยมีปริมาณการส่งออกข้าวสาลีรวมกันราว 29% ของปริมาณการส่งออกทั่วโลก และมีสัดส่วนการส่งออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงถึง 19% ของตลาดโลก
",12/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220312113330155 กอนช. ขอให้ประชาชนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันออกระวังเกิดฝนตกบางพื้นที่,"
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันออกระวังเกิดฝนตกบางพื้นที่
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (12 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนอากาศร้อนในตอนกลางวัน ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกปานกลางถึงหนักมากบริเวณ จ.เลย 40 มิลลิเมตร , นครนายก 37 มิลลิเมตร และเชียงใหม่ 32 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 29,591 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 51 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 23,555 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 49 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนและแม่กลองมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
",12/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220312094824121 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน แพร่ และสุโขทัย ยังสูงในระดับสีส้ม ส่วน กทม.และปริมณฑลปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่,"ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน แพร่ และสุโขทัย ยังสูงในระดับสีส้ม ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (12 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นหลายพื้นที่ปรับตัวลดลง แต่ยังมีสูงเกินเกณฑ์มาตรฐานระดับสีส้ม 3 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน , ต.นาจักร อ.เมือง จ.แพร่ และ ต.ธานี อ.เมือง จ.สุโขทัย ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 15 - 19 มีนาคม
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงปานกลาง โดยค่าฝุ่นปรับตัวลดลงทุกพื้นที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัด ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 13 - 19 มีนาคม
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
",12/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220312095029122 ทช. ตรวจพบก้อนน้ำมันและเม็ดสีน้ำตาลคล้ายปุ๋ยในพื้นที่หาดแม่รำพึง โดยบริเวณคลองหัวรถและก้นอ่าวพบก้อนน้ำมัน ส่วนตรงร้านเจ๊จุกซีฟู๊ดได้เก็บตัวอย่างเม็ดสีน้ำตาลให้กรมทรัพยากรธรณีตรวจสอบ,กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ตรวจพบก้อนน้ำมันและเม็ดสีน้ำตาลคล้ายปุ๋ยในพื้นที่หาดแม่รำพึง โดยบริเวณคลองหัวรถและก้นอ่าวพบก้อนน้ำมัน ส่วนตรงร้านเจ๊จุกซีฟู๊ดได้เก็บตัวอย่างเม็ดสีน้ำตาลให้กรมทรัพยากรธรณีตรวจสอบ
นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก ยังคงตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง หลังได้รับแจ้งพบก้อนน้ำมันและเม็ดสีน้ำตาลคล้ายปุ๋ยในพื้นที่หาดแม่รำพึง จากการสำรวจชายหาดแม่รำพึงตั้งแต่ศาลเจ้าแม่รำพึงถึงก้นอ่าว ระยะทางประมาณ 9.5 กิโลเมตร พบสภาพน้ำทะเลเป็นปกติ ไม่พบคราบฟิล์มน้ำมันในน้ำทะเล และสุ่มเก็บตัวอย่างก้อนน้ำมันบริเวณคลองหัวรถ ร้านเจ๊จุกซีฟู๊ด และก้นอ่าว โดยผลสำรวจบริเวณร้านเจ๊จุกซีฟู๊ดไม่พบก้อนน้ำมัน แต่พบที่บริเวณคลองหัวรถและก้นอ่าว ส่วนกรณีพบเม็ดสีน้ำตาลคล้ายปุ๋ยบริเวณร้านเจ๊จุกซีฟู๊ด ผลการสำรวจเบื้องต้นพบหินขนาดเล็ก น้ำหนักเบาสีน้ำตาล ระยะทาง 100 เมตร สันนิษฐานว่าเป็นหินภูเขาไฟจึงเก็บตัวอย่างส่งกรมทรัพยากรธรณีตรวจสอบชนิดและองค์ประกอบอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมได้ตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมทางทะเลบริเวณชายหาดสุชาดา หาดแสงจันทร์ หาดแหลมเจริญ อ่าวบ้านเพ และหาดสวนสน พบสภาพน้ำทะเลเป็นปกติ ไม่พบคราบฟิล์มน้ำมันในน้ำทะเล และก้อนน้ำมัน
สำหรับการตรวจสอบคุณภาพน้ำทั่วไปบริเวณชายหาดระยอง 8 แห่ง มีผลอยู่ในเกณฑ์ปกติตามมาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลประเภทที่ 4 เพื่อการนันทนาการ ทั้งนี้ ยังเก็บตัวอย่างน้ำทะเลและดินตะกอน เพื่อวิเคราะห์หาการปนเปื้อนปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอนด้วย
,12/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220312103358128 เร่งเดินหน้าสร้างความเข้มแข็งด้านการเงินการบัญชีที่มีคุณภาพ เชื่อถือได้ แก่สหกรณ์และเกษตรกร,"นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังเป็นประธานพิธีงานวันคล้ายวันสถาปนากรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ครบรอบ 70 ปี ว่า กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบการบริหารจัดการด้านการเงินและการบัญชีของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เกษตรกรและประชาชน โดยมีหน้าที่โดยตรงในการกำกับดูแลด้านการเงินและการบัญชีของสหกรณ์ วางระบบบัญชีและมาตรฐานการสอบบัญชี ให้ความรู้ด้านการบริหารการเงินการบัญชีและส่งเสริมการจัดทำบัญชีให้แก่เกษตรกร เยาวชนและประชาชน ซึ่งเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับขบวนการสหกรณ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกสหกรณ์ว่า จะได้รับผลประโยชน์ที่พึงได้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม อันเป็นการยืนยันถึงหลักการและอุดมการณ์แห่งสหกรณ์นั่นคือ สหกรณ์ของสมาชิก เพื่อสมาชิก และโดยสมาชิก ปัจจุบันสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร มีทุนดำเนินงานกว่า 3 ล้านล้านบาท จึงนับเป็นกลไกในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และมีส่วนสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจฐานรากได้
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบนโยบายให้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ดำเนินงานตามภารกิจ ใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบบัญชีอย่างถูกต้อง ครบถ้วนและโปร่งใส และในปัจจุบัน มีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ที่กรมฯ จะต้องให้คำแนะนำและตรวจสอบบัญชีกว่า 12,000 แห่ง ด้านการสอนบัญชี ที่ส่งเสริมสอนบัญชีรับ - จ่ายในครัวเรือน และบัญชีต้นทุนประกอบอาชีพ ให้กับเกษตรกร รวมถึงลูกหลานของเกษตรกรด้วย เพื่อจะได้นำไปใช้ในการวางแผนการใช้จ่ายเงินในอนาคต ช่วยเสริมสร้างศักยภาพด้านการประกอบอาชีพเกษตรกรรมให้เกษตรกรได้อย่างมั่นคงและเป็นโอกาสในการต่อยอดสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ขณะนี้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อจัดทำ MOU ร่วมกัน บรรจุหลักสูตรการทำบัญชีรับ - จ่ายในครัวเรือน ให้กับเด็กนักเรียน ทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา อันจะเป็นการวางรากฐานให้กับเยาวชนไทยได้มีวินัยในการใช้จ่ายเงิน โดยคาดว่าจะลงนามภายในเดือนเมษายนนี้ และสุดท้าย ส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยให้คำแนะนำให้สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร จัดทำบัญชีให้ถูกต้อง ครบถ้วน หากสหกรณ์ใดยังไม่สามารถดำเนินการจัดทำบัญชีด้วยตนเองได้ จะมีเจ้าหน้าที่กรมฯ ช่วยดูแลสอนแนะอย่างใกล้ชิดและเนื่องในโอกาสที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ สถาปนาครบรอบ 70 ปี อยากให้ทุกภาคส่วนของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ พร้อมเดินหน้าก้าวสู่ปีต่อๆ ไป เพื่อร่วมกันยกระดับมาตรฐานการทำบัญชีและมาตรฐานการจัดทำรายงานทางการเงินของสถาบันเกษตรกร
",12/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220312114132163 ผู้ตรวจราชการ กษ. เขต 15 ติดตามการขับเคลื่อนงานแบบบูรณการงาน หน่วยงานเกษตรจังหวัดลำปาง,
นายธีระพงศ์ ฤทธิโชติ เกษตรจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า การประชุมตรวจติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงานตามแผนการตรวจราชการและการขับเคลื่อนแบบบูรณาการในพื้นที่ของผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 รอบที่ 1 ของจังหวัดลำปาง โดยมี นายชาตรี บุญนาค ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขตตรวจราชการที่ 15 เป็นประธานการประชุม ผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชน ผู้ช่วยผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากกรมต่างๆ และหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัดลำปาง ณ ห้องประชุมอาลัมภางค์ ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดลำปาง ที่ประชุมได้หารือประเด็นสำคัญ อาทิ
1.การขับเคลื่อน BCG Model ข้าวเหนียว และไผ่ โดยการนำความก้าวหน้าการดำเนินงานเข้ารายงานในการประชุม SC ของจังหวัด และบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
2.การรายงานหมอกควันและไฟป่า ให้รายงานความก้าวหน้าเปรียบเทียบเป็นรายเดือน
3.ภัยแล้ง/น้ำท่วม ให้จัดทำข้อมูลในภาพรวมของจังหวัดก่อน แล้วแยกในส่วนภัยแล้ง/น้ำท่วมที่เกิด และ ภัยแล้ง/น้ำท่วมซ้ำซาก
4.พืชสมุนไพร ให้เกษตรและสหกรณ์จังหวัด และ เกษตรจังหวัด ตรวจสอบข้อมูลการปลูกพืชสมุนไพรในพื้นที่ โดยให้สอดคล้องกับข้อมูลของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
5.การตรวจราชการและการขับเคลื่อนแบบบูรณาการในพื้นที่ตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ใน 13 โครงการ โดยให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการดำเนินงาน และเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผน ควรมีการประชาสัมพันธ์สินค้า/ผลิตภัณฑ์ ผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า เช่น Facebook Live การตรวจสอบย้อนกลับของสินค้า
6.ข้อมูลสินค้าเกษตรที่สำคัญของจังหวัดลำปาง ได้แก่ สับปะรด และโคเนื้อ โดยให้เกษตรและสหกรณ์จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำรายงานความก้าวหน้าของแต่ละชนิดสินค้า โดยระบุปัญหา-แนวทางการแก้ไขปัญหา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือที่รับผิดชอบในแต่ละประเด็น และความก้าวหน้าการดำเนินงาน รวมถึงการนำวาระสับปะรดเสนอในที่ประชุม คพจ. และรายงานผลในการประชุมครั้งต่อไป และ
7.ผู้แทนภาคประชาชนได้ให้ข้อเสนอแนะในด้านการขับเคลื่อน BCG ไผ่ ให้แยกกลุ่มเกษตรกรตามความต้องการพัฒนาให้ชัดเจน เพื่อการพัฒนาศักยภาพตามความต้องการของเกษตรกร และส่งเสริมการผลิตข้าวโดยใช้ตอซังข้าว เพื่อลดต้นทุนการผลิต อีกทั้งให้หน่วยงานด้านปศุสัตว์ติดตามการส่งเสริมการเลี้ยงแพะในจังหวัดลำปาง
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,12/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220312104617141 นายกฯ สั่งการตำรวจ เกษตร พาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบสต๊อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั่วประเทศ หากพบการกักตุนสินค้า ฉวยโอกาสทำกำไร ให้ดำเนินการตามกฎหมาย,ด่วน! ตรวจสอบสต๊อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของพ่อค้าคนกลางทั่วประเทศ
จากกรณีปรากฏปริมาณข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในตลาดมีราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โรงงานผลิตอาหารสัตว์ไม่สามารถหาซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบสต๊อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของพ่อค้าคนกลางทั่วประเทศโดยด่วน พร้อมให้รายงานนายกรัฐมนตรีรับทราบข้อเท็จจริง หากพบมีพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนกฎหมาย มีการกักตุนสินค้า ปั่นราคาแพง ฉวยโอกาสทำกำไรในสภาวการณ์ที่ราคาวัตถุดิบสูงในขณะนี้ ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่กระทำผิดทุกราย โดยไม่ละเว้น
ขอให้ทุกฝ่ายเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม
มีการตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมามีการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวโพด เพื่อขายเข้าสู่ตลาดแล้ว แต่กลับพบว่า ปริมาณข้าวโพดในตลาดมีน้อยผิดปกติ ไม่สอดคล้องกับผลผลิตที่พ่อค้ารับซื้อจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด ดันให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พุ่งขึ้นทุกวัน ซึ่งเข้าข่ายพฤติกรรมการกักตุนสินค้า รวมทั้งเป็นการกดดันผู้ผลิตอาหารสัตว์ให้ต้องจ่ายราคาพิเศษเพิ่มขึ้นอีก ถือเป็นการซ้ำเติมผู้ผลิตอาหารสัตว์และเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่กำลังเดือดร้อนในสถานการณ์ปัจจุบันอย่างมาก
นายกฯ รับทราบกรณีดังกล่าว โดยกำชับให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่าให้มีการฉวยโอกาส หรือใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ ซ้ำเติมภาระให้ประชาชน ในขณะที่รัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหาต่าง ๆ อยู่ในขณะนี้ และขอให้ทุกฝ่ายเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมของประเทศด้วย
,12/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,หน่วยงานสำนักข่าว,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220312104608139 ผู้ตรวจราชการ กษ. เขต 15 ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนสับปะรดจังหวัดลำปาง,นายธีระพงศ์ ฤทธิโชติ เกษตรจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนสับปะรดจังหวัดลำปาง ของ นายชาตรี บุญนาค ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขตตรวจราชการที่ 15 พร้อมด้วย ผู้ช่วยผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากหน่วยกรมต่างๆ และหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัดลำปาง ณ สหกรณ์ผู้ปลูกสับปะรดลำปาง จำกัด ตำบลบ้านเสด็จ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
โดยได้รับฟังสถานการณ์การผลิต การแปรรูป และการตลาดสับปะรด โอกาสนี้ นายชาตรี บุญนาค ได้ให้คำแนะนำในการผลิตสับปะรดให้ออกผลผลิตทั้งปี รวมถึงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกสับปะรดเป็นพืชที่เหมาะสมกับพื้นที่ และในส่วนของการผลิตสับปะรดส่งโรงงานและสับปะรดผลสด ให้เน้นการผลิตให้ได้คุณภาพและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ขณะที่ผู้แทนเกษตรกรได้กล่าวถึงปัญหาน้ำไม่เพียงพอต่อการผลิต จึงทำให้ไม่สามารถผลิตสับปะรดตลอดทั้งปีได้ จึงต้องการรับสนับสนุนในด้านแหล่งน้ำ อาทิ บ่อน้ำ สระน้ำ และบ่อบาดาล รวมถึงเกษตรกรมีความต้องการปรับเปลี่ยนไปดำเนินการในด้านปศุสัตว์ อาทิ พืชอาหารสัตว์ การเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,12/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220312110717146 จังหวัดพะเยา ติดตามการดำเนินงานป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก ในพื้นที่,นายชุติเดช มีจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธานการประชุมคณะทำงานติดตามสถานการณ์ไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ณ ห้องประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดพะเยา ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดพะเยา (หลังเก่า)
โดยที่ประชุมได้รับทราบแนวทางการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดพะเยา ปี 2564 - 2565 ห้วงการป้องกันและการเตรียมความพร้อมในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 - 31 มกราคม 2565 จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM 2.5) จังหวัดพะเยา ปี 2564 - 2565 โดยใช้ระบบบัญชาการเหตุการณ์ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ในการดำเนินการ สั่งการควบคุมและแก้ไขปัญหา แต่งตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ให้มีการประชุมคณะทำงานเป็นประจำ 1 วัน/สัปดาห์ จัดทำแผนเผชิญเหตุป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็กระดับจังหวัด
เพื่อเป็นกรอบและแนวทางในการดำเนินงานจัดเตรียมความพร้อมทางด้านวัสดุ อุปกรณ์ ในการป้องกันไฟป่า หมอกควันและฝุ่น ละอองขนาดเล็ก รวมถึงการจัดทำแนวกันไฟและควบคุมการเผา พร้อมกับเฝ้าระวังในการเผาในเขตรอยต่อชุมชนกับพื้นที่ป่า ห้วงการควบคุมเหตุเผชิญเหตุ 90 วันอันตรายงดเผาเด็ดขาด วันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 30 เมษายน 2565 กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพะเยา ได้ออกประกาศกำหนดช่วงเวลาห้ามเผาเด็ดขาดและมาตรการทางกฎหมาย และประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่และประชาชนได้รับทราบและถือปฏิบัติ
ในส่วนของการจัดชุดลาดตระเวนโดยชุมชน สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพะเยา ได้รับงบประมาณจากจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ ตอนบน 2 ในการจัดชุดลาดตระเวน เฝ้าระวังและดับไฟโดยชุมชน จำนวน 473 ชุด จากนั้นที่ประชุมได้มีการพิจารณาแนวทางและมาตรการพิจารณา ติดตามการปฏิบัติงานตามแนวทางมาตรการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ประธานในที่ประชุม ได้ให้ส่วนปฏิบัติการ จัดทำแผนในการจัดทำแนวกันไฟ จากนั้นให้ดำเนินการตามแผนเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดไฟป่า โดยระดมอุปกรณ์ที่ในพื้นที่หากไม่เพียงพอ ให้แจ้ง ปภ.จังหวัด เพื่อขอใช้งบยับยั้ง
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,12/3/2022,ภาคเหนือ,พะเยา,สวท.พะเยา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220312121310179 จ.แม่ฮ่องสอน พบจุดความร้อนสะสมช่วงประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด (20 ก.พ. 11 มี.ค.65) 928 จุด ขณะที่คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับดี,"ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน รายงานสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำวันที่ 12 มีนาคม 2565 พบว่าจุดความร้อนประจำวันที่ 11 มีนาคม 2565 (เมื่อวานนี้) จำนวน 55 จุด จุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 10 มีนาคม 2565 จำนวน 1,595 จุด สูงสุดที่อำเภอเมือง จำนวน 511 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 1,040 จุด จุดความร้อนสะสมช่วงประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ยกเว้นพื้นที่ตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ - 11 มีนาคม 2565 จำนวน 928 จุด สูงสุดที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จำนวน 332 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 598 จุด
ในส่วนของคุณภาพอากาศประจำวันที่ 12 มีนาคม 2565 ค่า PM2.5 ณ สถานีตรวจวัดอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เท่ากับ 65 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับเริ่มมีผลต่อสุขภาพ) และ สถานีตรวจวัดอำเภอแม่สะเรียง เท่ากับ 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับดี)
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",12/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220312121444182 เกษตรกรเฮ ม.อ. ลดค่าวิเคราะห์ตัวอย่างดินและใบปาล์มน้ำมัน ราคาพิเศษต่อเนื่อง,"นายอนุชา ยาอีด ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ให้ข้อมูลว่า 14 จังหวัดภาคใต้ มีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน จำนวน 5,319,602 ไร่ เนื้อที่ให้ผล 4,414,420 ไร่ ผลผลิตกว่า 14 ล้านตัน และเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันมาขึ้นทะเบียนเกษตรกรแล้ว จำนวน 251,265 ครัวเรือน พื้นที่จำนวน 3,388,411 ไร่ จังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันมากที่สุด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พื้นที่ปลูก 1,359,380 ไร่ รองลงมาจังหวัดกระบี่จำนวน 1,170,815 ไร่ และจังหวัดชุมพร จำนวน 1,024,499 ไร่
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้ส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันเข้าร่วมโครงการแปลงใหญ่ ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ ปี 2559 ปัจจุบัน มีแปลงใหญ่ปาล์มน้ำมัน จำนวน 233 แปลง มีพื้นที่รวม 225,040ไร่ เกษตรกร 13,752 ราย เป้าหมายของการพัฒนาแปลงใหญ่ มี 5 ด้าน ได้แก่ 1.ลดต้นทุนการผลิต 2. เพิ่มผลผลิต 3.เพิ่มคุณภาพผลผลิต/จัดทำมาตรฐาน 4. บริหารจัดการ 5. จัดการด้านการตลาด โดยเกษตรกรส่วนใหญ่จะใส่ปุ๋ยตามความเคยชินของเกษตรกร ทำให้มีต้นทุนในการผลิตที่สูง หากเกษตรกรมีการวิเคราะห์ดิน และทางใบปาล์มน้ำมัน สามารถใส่ปุ๋ยได้ตามค่าวิเคราะห์ทำให้ลดต้นทุนการผลิตและผลผลิตยังมีคุณภาพได้
นายนายอนุชา ยาอีด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ได้จัดทำบันทึกความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เมื่อปี 2561 เพื่อเป็นหนึ่งช่องทางในการเข้าถึงงานวิจัยด้านการเกษตร และนำงานวิจัยต่าง ๆ ที่สำเร็จและพร้อมใช้มาแก้ปัญหาให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ โดยสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ได้ดำเนินการในพืชเศรฐกิจของภาคใต้ คือ ปาล์มน้ำมัน
ซึ่งคณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีศูนย์ปฏิบัติการวิเคราะห์กลาง สำหรับตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างดินและตัวอย่างพืช เพื่อประเมินความต้องการธาตุอาหารของพืช พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการปรับปรุงบำรุงดิน และการใช้ปุ๋ย อยู่แล้ว โดยคณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จะลดค่าตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างดินและตัวอย่างพืช ในราคาพิเศษต่อเนื่อง จากราคาปกติร้อยละ 40 คิดอัตราค่าบริการดังนี้ การวิเคราะห์ตัวอย่างใบพืช (ทางใบปาล์มน้ำมัน) ปกติราคา 1,360 บาท ลดเหลือ 816 บาท การวิเคราะห์ดิน (ความอุดมสมบูรณ์พื้นฐาน) ปกติราคา 1,210 บาท เหลือ 726 บาท และคิดค่าบริการให้คำแนะนำตัวอย่างละ 200 บาท
ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ขอประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรแปลงใหญ่ปาล์มน้ำมัน 14 จังหวัดภาคใต้ ทราบถึงข้อตกลงดังกล่าว และขอเชิญ ส่งตัวอย่างดิน และใบปาล์มน้ำมัน วิเคราะห์ธาตุอาหาร เพื่อลดต้นทุนการใช้ปุ๋ย และมีการจัดการสวนปาล์มน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลผลิตเพิ่มขี้น หากเกษตรกรมีความสนใจวิธีการเก็บตัวอย่างดิน การเก็บตัวอย่างทางใบ หรือมีปัญหา สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ สำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้านท่าน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",12/3/2022,ภาคใต้,สงขลา,สทท.สงขลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220312122222188 ชุดกำลังเจ้าหน้าที่ เข้มมาตรการลาดตระเวนเเละเฝ้าระวังไฟป่าจากจุดเฝ้าระวังรอบพื้นที่ดอยพระบาท ลำปาง,"นายจิรภัทร กันธิยาใจ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าพระบาท-ม่อนพระยาแช่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 สาขาลำปาง เปิดเผยว่า ในการดำเนินการเฝ้าระวังและป้องกันปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ รับผิดชอบ โดยเจ้าหน้าสถานีฯ ได้ลาดตระเวนเเละเฝ้าระวังไฟป่าจากจุดเฝ้าระวังรอบพื้นที่ดอยพระบาท จำนวน 3 จุด ได้แก่ จุดเฝ้าระวังบ้านปงอ้อม ม.4 ต.บ้านเสด็จ อ.เมือง จ.ลำปาง จุดเฝ้าระวังบ้านทรายใต้ ม.8 ต.พิชัย อ.เมือง จ.ลำปาง และจุดเฝ้าระวังปั้มน้ำมัน PT ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ลาดตระเวนและอยู่ประจำจุดสกัดแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน บ้านทรายใต้ ม.8 ต.พิชัย อ.เมือง จ.ลำปาง โดยเหตุการณ์ทั่วไปปกติ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สถานีฯ ได้ดำเนินการเก็บใบไม้และเศษวัสดุเชื้อเพลิงเพื่ออัดก้อนเชื้อเพลิง ตามมาตรการ""ชิงเก็บ ลดเผา"" ตามนโยบายของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อปริมาณเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่า
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",12/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220312131617208 "จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นเกือบ 300 จุด โดยเฉพาะภาคอีสาน ส่วนจุดความร้อนจากเมียนมาสูงเกือบ 5,000 จุด กระทบไทยหลายพื้นที่","สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นเกือบ 300 จุด โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเมียนมาสูงเกือบ 5,000 จุด กระทบประเทศไทยหลายพื้นที่
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (11 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 383 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 115 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่เกษตร 122 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 98 จุด // พื้นที่เขต สปก. 72 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 45 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 42 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 4 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุด คือ แม่ฮ่องสอน 55 จุด , สกลนคร 45 จุด และลำปาง 23 จุด โดยจุดความร้อนยังกระจายตัวตั้งแต่ตอนกลางไปถึงตอนบนของประเทศไทย ซึ่งวันนี้พบจุดความร้อนเพิ่มขึ้นทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือสูงถึง 165 จุด ส่วนวันนี้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีคุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อยู่ในระดับปานกลาง อาจเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 11 มีนาคม 2565 พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 10,225 จุด , ภาคเหนือ 8,777 จุด และภาคกลาง 5,375 จุด
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาติดต่อกัน 13 วัน วันนี้พบสูงถึง 4,886 จุด รองลงมาเป็น สปป.ลาว 1,528 จุด และกัมพูชา 1,089 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องค่อนข้างหน้าเป็นห่วงอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",12/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220312143356218 ค่าฝุ่น PM 2.5 ที่จังหวัดนครพนมวันนี้ (12 มี.ค.) อยู่ในเกณฑ์คุณภาพอากาศดี มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น,"สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดนครพนม รายงานค่าฝุ่น PM2.5(ค่าเฉลี่ย 24 ชม.) 37 มคก./ลบ.ม. อยู่ในเกณฑ์คุณภาพอากาศดี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ค่าฝุ่น PM10 มีค่า 53 มคก./ลบ.ม. อยู่ในเกณฑ์คุณภาพอากาศดี ค่ามลพิษที่สำคัญ ค่าโอโซน อยู่ในเกณฑ์คุณภาพดี สำหรับค่าไนโตรเจนไดออกไซด์, คาร์บอนมอนอกไซด์ และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ อยู่ในเกณฑ์คุณภาพดีมาก ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ(AQI) ของจังหวัดนครพนม อยู่ในระดับ คุณภาพอากาศดี
คำแนะนำสุขภาพ วันนี้ คุณภาพอากาศดี สามารถทำกิจกรรมกลางแจ้ง และการท่องเที่ยว ได้ตามปกติ
สรุปการเกิดจุดความร้อนจากการเผา(Hotspot) ของจังหวัดนครพนม ประจำวันที่ 11 มีนาคม 2565 เกิดจุดความร้อนจำนวน 13 จุด ประเภทพื้นที่เกษตร 8 จุด ประเภทพื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 3 จุด ประเภทพื้นริมทางหลวง 1 จุด ประเภทพื้นที่ สปก. 1 จุด (ในท้องที่ อ.เมือง 3 จุด, อ.นาหว้า 6 จุด, อ.โพนสวรรค์ 4 จุด)
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",12/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครพนม,สวท.นครพนม,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220312145419221 ประชาชนร่วมจับจ่ายเลือกซื้อสินค้า งานตลาดนัดเกษตรอินทรีย์ใจกลางเมือง Organic Weekend Market กว่า 60 ร้านค้าทั่วประเทศ ,บรรยากาศภายในงาน Organic Weekend Market 2022 สัปดาห์ที่ 4 ช่วงเย็นวันนี้พบว่า มีประชาชนทยอยเดินทางเข้ามาจับจ่ายเลือกซื้อสินค้ากันอย่างต่อเนื่อง โดยภายในงานได้นำร้านค้าจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ และสินค้า Farm Outlet จากเกษตรกรในชุมชนทั่วประเทศรวมกว่า 60 ร้านค้า มาจำหน่ายแก่ประชาชนในราคาย่อมเยา เช่น ข้าวสาร ผักพื้นบ้าน สินค้าเกษตรแปรรูปและร้านค้าอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงมีการจัดกิจกรรม Oganic Workshop ให้ประชาชนภายในงาน เช่น สอนแต่งหน้าขนมคัพเค้ก DIY สอนจัดสวนถาดรักษ์โลก โคมไฟประดิษฐ์จากวัสดุธรรมชาติ เป็นต้น นอกจากนี้ ในงานยังมีการจัดแสดงพืชผักสวนผักครัว เพื่อให้ประชาชนได้ถ่ายรูปเป็นจุดเช็คอินและเพื่อเป็นความรู้ให้ประชาชนได้รู้จักสินค้าเกษตรอินทรีย์เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
โดยประชาชนที่มาร่วมงานในวันนี้ กล่าวว่า ปกติเป็นคนชอบทานผักออแกนิกอยู่แล้ว เพราะผักออแกนิกเป็นผักที่สะอาดปลอดสารพิษและมีประโยชน์ต่อร่างกาย สนใจอยากมางานในครั้งเพื่อนำไปพัฒนาปลูกเอง
ด้านผู้ประกอบการร้านอรุณฟาร์ม ชลบุรี กล่าวว่า งานนี้เป็นงานพืชผักออแกนิกโดยเฉพาะและเห็นว่างานนี้เป็นงานที่น่าสนใจ สามารถเพิ่มยอดขายให้กับร้านได้ จึงอยากนำผลิตภัณฑ์ออแกนิกของตนเองมาจำหน่ายให้แก่ประชาชน
ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้ทุกวันศุกร์-เสาร์ -และอาทิตย์ จำนวน 6 สัปดาห์ ตั้งแต่วันนี้ - 27 มีนาคม 2565 เวลา 15.00 น.- 21.00 น. ณ G Garden หลังเซ็นทรัลพระราม 9 กรุงเทพมหานคร
นางพนิดา แสวงทรัพย์ อายุ 32 ปี ชาวบ้านหนองกุง ตำบลกระทียม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพพยาบาล ที่นอกจากจะดูแลคนไข้แล้ว ยังใช้เวลาว่างหลังเลิกงานพาครอบครัวปลูกหญ้าเนเปียบดขายให้กับเกษตรกรคนในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งแต่ละวันไม่พอจะขาย จึงใช้พื้นที่ที่เคยทำนา ทำการขยายออก และทำอย่างต่อเนื่องจนสามารถปลดหนี้สินให้พ่อแม่ได้
นางพนิดา ยังกล่าวอีกว่า ที่นาของพ่อและแม่มีทั้งหมด 26 ไร่ ทำนามาหลายสิบปีก็มีแต่หนี้สิน ไม่เพียงพอกับการใช้จ่ายในครัวเรือน และกับครอบครัวที่ตนเองดูแล ตนจึงได้นำหญ้าเนเปียมาทดลองปลูกจำนวน 1 งาน โดยให้พ่อกับแม่เป็นผู้ดูแล หลังจากที่ปลูกแล้วได้นำไปบดและนำออกจำหน่ายกระสอบละ 40 บาท ปรากฏว่ามีบรรดาผู้เลี้ยงสัตว์ทั้งโค กระบือ สุกร มาซื้อนำไปให้สัตว์กินเป็นจำนวนมาก จนมีให้ไม่พอ จึงได้ขยายการปลูกออกไปอีกจำนวนกว่า 10 ไร่ มีคนสนใจมาชมจำนวนมาก มีการมาติดต่อซื้อถึงบ้าน เมื่อบวก ลบ คูณ หาร แล้ว มีรายได้ตกเดือนละ 60,000 100,000 บาท
นอกจากนี้ นางพนิดา ยังกล่าวถึงพ่อแม่ว่า เมื่อก่อนพ่อแม่เคยตั้งคำถามว่า ปลูกแล้วจะได้ผลหรือ แต่หลังจากที่ตนลงมือทำและได้ผล จึงรู้ว่าหญ้าเนเปียที่ปลูกนั้น มีค่ามหาศาล และนอกจากในนาจะมีหญ้าเนปียแล้ว ยังใช้พื้นที่ที่เหลือขยายขุดบ่อ เลี้ยงปลาดุก ปลานิล ปลาไน เลี้ยงหอย เลี้ยงกบ ปลูกพริก ผักสวนครัว จนพื้นที่ 26 ไร่ แทบจะไม่มีพื้นที่ว่าง
อย่างไรก็ตาม นางพนิดา ยังให้ความเห็นว่า เพราะตนเองคิดว่า ที่ผ่านมาพ่อแม่เป็นหนี้เพราะทำนา พอหันหน้ามาทำไร่นาสวนผสมแล้ว ทำให้พอมีกิน มีใช้ ไม่ต้องเป็นหนี้ใครอีก และคิดว่าตนเองประสบผลสำเร็จ นอกจากการงานประจำแล้ว ยังได้แบ่งเวลามาทำงานที่บ้าน ทำให้มีความสุข และมีเงินใช้ด้วย
สำหรับท่านผู้ที่สนใจอยากศึกษาดูงานการปลูกหญ้าเนเปียร์เงินล้าน และสวนเกษตรผสมสาน 1 ไร่ 1 ล้าน นางพนิดา ยืนยันว่า สามารถไปดูได้ และสั่งหญ้าเนเปียร์บดได้ ที่สวนศรีเจริญทรัพย์ บ้านหนองกุง ตำบลกระเทียม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ โทรศัพท์ 086-877-1409
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",12/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,สุรินทร์,สวท.สุรินทร์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220312215544295 ปภ.ระยองรายงานภาพรวมการเฝ้าระวังคราบน้ำมันกลางทะเล,"สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง สรุปการดำเนินงานกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง กรณีคราบน้ำมันดิบรั่วไหล โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยอง แจ้งว่า เรือ UNIWISE RAYONG ปฏิบัติงานใต้น้ำ ส่งนักประดาน้ำลงไปซ่อมทำตัวท่อด้วยการพันและอุดรอยรั่วของท่อน้ำมันด้วยการใช้วิธีพันท่อในรอบที่ 2 ต่อจากของเดิมเพื่อป้องกันเกิดการรั่วซึม ซึ่งเป็นภารกิจการปิดรอยรั่ว ในวันที่ 9 ของการปฏิบัติหน้าที่) ส่วนการดำเนินงานของบริษัทบนชายฝั่งยังคงกำลังในการเฝ้าระวังคราบน้ำมันดิบและทำความสะอาดชายหาด ส่วน สทช.1 ลงพื้นที่ตรวจชายหาดยังคงพบก้อนคล้ายยางมะตอยที่ก้นอ่าว พบผงสีดำคล้ายถ่านที่หน้าศาลเจ้าแม่ทับทิมสถานีรายงานบ้านเพ และพบเม็ดสีน้ำตาลคล้ายปุ๋ยทางการเกษตรที่บริเวณร้านเจ๊จุกซีฟู้ด
สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถยื่นเรื่องร้องทุกข์จากกรณีเหตุน้ำมันดิบรั่วกลางทะเลได้ที่ ศูนย์สื่อสารบริษัท SPRC โทร 038-699881 ในวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 15.30 น.
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",12/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220313084337314 กรมหม่อนไหม ริเริ่มโครงการ พี่สอนน้อง ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านหม่อนไหมแก่เจ้าหน้าที่รุ่นใหม่,นายปราโมทย์ ยาใจ อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า ตามแผนปฏิบัติราชการระยะ 3 ปี (พ.ศ.2563 - 2565) ของกรมหม่อนไหม กำหนดเป้าหมายให้องค์กรมีขีดความสามารถในการบริหารจัดการงานหม่อนไหมอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งประกาศกรมหม่อนไหม กำหนดนโยบายการบริหารทรัพยากรบุคคลในด้านการพัฒนาบุคลากร มุ่งเน้นให้บุคลากรมีการพัฒนาความรู้ความเชี่ยวชาญ มีความเป็นมืออาชีพ เรียนรู้งานอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นประโยชน์ส่วนรวม จากเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญสู่เจ้าหน้าที่รุ่นใหม่ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
ล่าสุด กรมหม่อนไหม โดยสำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เขต 4 จังหวัดนครราชสีมาและศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เครือข่าย จัดโครงการ พี่สอนน้อง เพื่อให้บุคลากรของกรมหม่อนไหมที่มีความรู้ความสามารถและมีความเชี่ยวชาญงานด้านหม่อนไหม ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เจ้าหน้าที่รุ่นใหม่ ที่เข้ามาปฏิบัติงานด้านหม่อนไหม เพื่อเพิ่มทักษะและประสบการณ์ รวมทั้งให้เกิดความชำนาญงานด้านหม่อนไหมมากยิ่งขึ้น
การอบรมดังกล่าวจะมีช่างต้นแบบสิ่งทอ จากศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ นครราชสีมา เป็นวิทยากรในการถ่ายทอดความรู้ เทคนิค หลักการให้กับรุ่นน้อง เพื่อนำความรู้ไปปรับใช้ในการถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกรด้านหม่อนไหม ซึ่งจัดขึ้นทุกวันพฤหัสบดี สัปดาห์ที่ 2 ของเดือน โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการลอกกาวเส้นไหมโดยใช้นวัตกรรมใหม่ (แบบใช้ถุงผ้า) การย้อมสีเส้นไหมด้วยสีเคมีที่ได้มาตรฐานการผลิตผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน การย้อมสีเส้นไหมด้วยสีธรรมชาติที่ได้มาตรฐานการผลิตผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน และการจัดการเส้นไหมเพื่อให้มีความเหมาะสมต่อการทอผ้าไหม ซึ่งการจัดการเส้นไหมเพื่อให้มีความเหมาะสมต่อการทอผ้าไหม จะจัดขึ้นในวันที่ 7 8 เมษายน 2565 ณ ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ นครราชสีมา
,13/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220313124757355 กอนช. ขอให้ประชาชนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันออกระวังเกิดฝนตกบางพื้นที่,"
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันออกระวังเกิดฝนตกบางพื้นที่
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (13 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนอากาศร้อนในตอนกลางวัน ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกปานกลางถึงหนักมากบริเวณ จ.เชียงราย 45 มิลลิเมตร , ภูเก็ต 33 มิลลิเมตร และเชียงใหม่ 21 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 29,303 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 51 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 23,295 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 49 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
",13/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220313095724318 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือสูงในระดับสีส้ม 7 พื้นที่ โดยสูงสุดบริเวณ ต.จองคำ จ.แม่ฮ่องสอน ส่วน กทม.และปริมณฑลอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่,"ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือสูงในระดับสีส้ม 7 พื้นที่ โดยสูงสุดบริเวณ ต.จองคำ จ.แม่ฮ่องสอน ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (13 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นหลายพื้นที่ปรับตัวสูงขึ้นเกินเกณฑ์มาตรฐานระดับสีส้ม 7 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน , ต.นาจักร อ.เมือง จ.แพร่ , ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ , ต.ท่าหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร , ต.ธานี อ.เมือง จ.สุโขทัย , ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน และ ต.ระแหง อ.เมือง จ.ตาก ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 15 - 20 มีนาคม
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงปานกลาง โดยค่าฝุ่นปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัด ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 14 - 20 มีนาคม
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
",13/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220313095855319 วราวุธ ย้ำ ไทยมีประชากรช้างป่าเพิ่มขึ้น แต่แหล่งอาหารกลับลดลงจากการขยายตัวของชุมชน พร้อมเดินหน้าปรับปรุงถิ่นอยู่อาศัยแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า,"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ย้ำ ประเทศไทยมีประชากรช้างป่าเพิ่มขึ้น แต่แหล่งอาหารกลับลดลงจากการขยายตัวของชุมชน พร้อมเดินหน้าปรับปรุงถิ่นอยู่อาศัยและแหล่งอาหารช้างให้สมบูรณ์ขึ้นแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวเนื่องในวันช้างไทย ประจำปี 2565 ว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีช้างป่าอาศัยอยู่ตามธรรมชาติประมาณ 3,168 - 3,440 ตัว ส่วนใหญ่อาศัยในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและอุทยานแห่งชาติ 69 แห่ง ภาพรวมมีป่าที่เป็นแหล่งอาศัยของช้างป่าประมาณ 52,000 ตารางกิโลเมตร ที่จะอยู่ร่วมกันเป็นโขลงตั้งแต่น้อยกว่า 10 ตัว ไปจนถึง 200 300 ตัวในแต่ละพื้นที่ โดยการอนุรักษ์ช้างป่าไทยที่ผ่านมาของไทยทำให้ประชากรช้างป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์หลายแห่งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น แต่กลับพบพื้นที่ป่าอนุรักษ์หลายแห่งที่เป็นถิ่นอาศัยของช้างป่าเริ่มขาดแคลนพืชอาหาร แหล่งน้ำ และสภาพถิ่นอาศัยที่เหมาะสมมีขนาดลดลงจากเดิม เนื่องจากการขยายตัวของชุมชน การขยายพื้นที่เกษตร และการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น การก่อสร้างเส้นทางคมนาคมที่ผ่านป่าสมบูรณ์ การก่อสร้างเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จึงเป็นปัจจัยให้เกิดปัญหาช้างป่าออกมาทำลายพืชผลทางการเกษตรของชุมชน โดยเฉพาะที่อาศัยตามแนวขอบพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จนกลายเป็นปัญหาสำคัญที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นทุกปี ทั้งนี้ การแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างช้างป่ากับชุมชนต้องป้องกันไม่ให้ถิ่นที่อยู่อาศัยของช้างป่าถูกทำลาย ทั้งการป้องกันปราบปรามการบุกรุกทำลายป่าและการตัดไม้ ป้องกันปราบปรามไม่ให้มีการล่าช้าง ปรับปรุงป่าเสื่อมโทรมให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยตามหลักวิชาการ และกลุ่มป่าบางแห่งที่เป็นเส้นทางช้างในอดีตที่ถูกตัดขาดไม่ต่อเนื่องจะสร้างแนวเชื่อมต่อพื้นที่ให้เป็นป่าผืนใหญ่เชื่อมต่อหากันได้ เมื่อป่าสมบูรณ์ช้างป่าไม่จำเป็นต้องออกมาทำลายพืชไร่ของประชาชนและความขัดแย้งจะไม่เกิดขึ้น
อย่างอุทยานแห่งชาติกุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้แก้ปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่ป่า ด้วยตั้งศูนย์เฝ้าระวังช้างป่าด้วยระบบเตือนภัยล่วงหน้า (Smart Early Warning System) เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง ซึ่งศูนย์ฯแห่งนี้เป็นร่วมมือระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กับ บริษัท ทรูมูฟเอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น และองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) เพื่อแก้ปัญหาลดความขัดแย้งระหว่างช้างป่าและเกษตรกรในพื้นที่รอบอุทยาน จากปัญหาช้างป่าลงมาหากินทำลายพืชผลทางการเกษตร ด้วยการติดตั้งกล้อง 25 จุดตามแนวชายป่าอุทยาน เมื่อมีช้างป่าลงมาจากอุทยานกล้องจะถ่ายภาพและส่งสัญญาณเตือนผ่านเครือข่ายมือถือส่งกลับมาที่ศูนย์ฯและแจ้งเตือนไปยังแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนของเจ้าหน้าที่พิทักษ์อุทยาน ซึ่งแบ่งกำลังลาดตระเวนออกเป็น 4 หน่วยตามแต่ละพื้นที่ทันที ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถระบุพิกัดช้างป่าได้อย่างแม่นยำและสามารถผลักดันช้างกลับสู่ป่าก่อนเกิดความเสียหายต่อพื้นที่เกษตรกรรม
ขณะเดียวกันกรมอุทยานฯยังสร้างเครือข่ายความร่วมมือของประชาชนที่อาศัยบริเวณรอบอุทยาน และจัดอบรมเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์อุทยาน โดยอาสาสมัครสามารถโหลดแอพพลิเคชั่น Smart Early Warning System เพื่อส่งข้อมูลภาพถ่ายช้างป่านอกเหนือจากจุดที่มีการติดตั้งกล้องหลัก 25 จุด เพื่อขอกำลังเข้าผลักดันช้างกลับสู่ป่าได้ทันที พร้อมบันทึกข้อมูลและสะสมสถิติการบุกรุกพื้นที่เกษตรกรรมของช้างป่า ทำให้สามารถวิเคราะห์ ประมวลผลพฤติกรรม และช่วงเวลาหากินของช้างป่าได้จาก Big Data ที่บันทึกในระบบ เพื่อนำไปศึกษาวิจัยพัฒนาด้านอื่นๆต่อไป ซึ่งเทคโนโลยีและการจัดการที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีจะกลายเป็นโมเดลนำไปต่อยอดใช้แก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างที่เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าอนุรักษ์อีกประมาณ 40 แห่งทั่วประเทศต่อไป
",13/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220313111117332 กรมปศุสัตว์ ร่วมกับมูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย จัดงานวันช้างไทย วิถีคน วิถีช้าง สู่การอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน ,นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยหลังเป็นประธานกล่าวเปิดงาน วันช้างไทยเพื่อเป็นการระลึกถึงช้างไทยที่เป็นสัตว์ประจำชาติ ว่ากรมปศุสัตว์ได้ให้ความสำคัญในเรื่องช้างไทย โดยกองสวัสดิภาพสัตว์และสัตวแพทย์บริการ มีหน้าที่รับผิดชอบ ร่วมกับสำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ ดำเนินการด้านสุขภาพของช้าง ฝึกอบรมนายสัตวแพทย์ในจังหวัดที่มีการเลี้ยงช้าง ให้มีความรู้ความสามารถในการดูแลสุขภาพช้างและจัดตั้งทีมหมอช้างในพื้นที่ วางแนวทางการป้องกันและควบคุมโรคช้างที่สำคัญ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจให้กับช้าง การสนับสนุนส่งเสริมการคิดค้นวิธีการตรวจวินิจฉัย การรักษาและการป้องกันโรคดังกล่าว ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อหยุดยั้งการเกิดและการระบาดของโรค ซึ่งการรักษาโรคในช้างแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายสูง ส่งผลกระทบต่อเจ้าของช้างส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรในชนบท อาจไม่สามารถจ่ายค่ารักษาได้
กรมปศุสัตว์ จึงจำเป็นต้องดำเนินการในเรื่องการพัฒนาสุขภาพ ให้ช้างมีสุขภาพแข็งแรงเพื่อลดการเจ็บไข้ได้ป่วย ในการนี้กรมปศุสัตว์ บริการตรวจสุขภาพช้างและการถ่ายพยาธิประจำปี รวมทั้งส่งเสริมและจัดหาเมล็ดพันธุ์พืชอาหารที่เหมาะสมกับช้างสำหรับให้เจ้าของช้างปลูกเสริมในช่วงแล้งที่ขาดอาหารตามธรรมชาติด้านการส่งเสริมอาชีพควาญช้าง กรมปศุสัตว์ เห็นว่าอาชีพควาญช้างมีส่วนสำคัญในการดูแลช้างให้มีความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งเป็นมีส่วนสำคัญในธุรกิจที่เกี่ยวกับช้าง การสนับสนุนให้มีการยกฐานะอาชีพควาญช้าง ให้มีมาตรฐานวิชาชีพควาญช้างตามที่สถาบัน คุณวุฒิวิชาชีพได้จัดทำขึ้น จึงเป็นภาระหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ ที่มุ่งหวังให้มีการยกระดับคุณภาพชีวิตของควาญช้างให้เป็นที่ยอมรับ
กรมปศุสัตว์ เร่งบูรณาการความร่วมมือในการทำงานอย่างต่อเนื่อง กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม ภาคประชาสังคมและองค์กรจัดสวัสดิภาพสัตว์ ในการดำเนินการสนับสนุนกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อช้างอย่างสูงสุด ซึ่งกรมปศุสัตว์ ยินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลช่วยเหลือช้างอย่างเต็มกำลังเพื่อนำไปสู่การยกระดับการคุ้มครองช้างไทยอย่างยั่งยืน
,13/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220313203735462 "จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นเกือบ 800 จุด โดยเฉพาะภาคอีสาน ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเมียนมาสูงกว่า 5,000 จุด กระทบไทยหลายพื้นที่","
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นเกือบ 800 จุด โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเมียนมาสูงกว่า 5,000 จุด กระทบประเทศไทยหลายพื้นที่
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (12 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 760 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่เกษตร 253 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 206 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 119 จุด // พื้นที่เขต สปก. 94 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 85 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 3 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุด คือ แม่ฮ่องสอน 107 จุด , ลำปาง 53 จุด และสกลนคร 40 จุด โดยจุดความร้อนกลับมากระจายตัวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทั้งในประเทศและนอกประเทศ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือสูงสุด คาดว่า จะเกิดจากการเตรียมพื้นที่เพื่อการเกษตร โดยข้อมูลจุดความร้อนที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้วันนี้คุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ภาพรวมทั้งประเทศอยู่ในระดับปานกลาง โดยเฉพาะตอนบนของประเทศที่มีคุณภาพอากาศที่เริ่มจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 12 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 10,523 จุด , ภาคเหนือ 9,016 จุด และภาคกลาง 5,513 จุด
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาติดต่อกัน 14 วัน วันนี้พบสูงถึง 5,707 จุด รองลงมาเป็น สปป.ลาว 2,072 จุด และกัมพูชา 787 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องค่อนข้างหน้าเป็นห่วงอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",13/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220313142007387 จตุพร ย้ำ ท่าเทียบเรืออ่าวโล๊ะซามะพร้อมรับนักท่องเที่ยวเข้าชมความสวยงามของธรรมชาติอ่าวมาหยาเต็มศักยภาพรองรับแล้ว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่,"ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ย้ำ ท่าเทียบเรืออ่าวโล๊ะซามะพร้อมรับนักท่องเที่ยวเข้าชมความสวยงามของธรรมชาติอ่าวมาหยาเต็มศักยภาพรองรับแล้ว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่หลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ติดตามการเปิดให้บริการท่าเทียบเรือบริเวณอ่าวโล๊ะซามะ เกาะพีพีเล ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพี ลงพื้นที่ จ.กระบี่ ที่เป็นจุดจอดเรือสำหรับนักท่องเที่ยวจะเข้าไปชื่มชมธรรมชาติของอ่าวมาหยา เริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมอีกครั้งหลังปิดฟื้นฟูทรัพยากรธรรทชาตินานกว่า 3 ปีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ภาพรวมผู้ประกอบการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการนำเรือมาเทียบส่งแล้วไปจอดรอตามจุดที่กำหนดไว้ ตามมาตรการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวตามขีดความสามารถการรองรับของพื้นที่ ซึ่งอ่าวมาหยาสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 4,125 คนต่อวัน จึงแบ่งการเข้าชมเป็นรอบจำนวน 11 รอบต่อวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 18.00 น. รอบละ 1 ชั่วโมง แต่ละรอบให้มีนักท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 375 คน และลงเล่นน้ำได้ในระยะไม่เกิน 50 เมตรจากชายฝั่งเท่านั้น เพื่อให้การท่องเที่ยวทางธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติเกิดความยั่งยืน ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศช่วงสถานการณ์โควิด 19 ได้
ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวย้ำว่า อยากขอความร่วมมือผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตราการต่างๆที่อุทยานแห่งชาติแต่ละแห่งได้กำหนดไว้ ตั้งแต่การตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยว ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ด้วยการแสดงผลการฉีดวัคซีน หรือผลตรวจ ATK (Antigen Test Kit) ก่อนเข้าพื้นที่ ซึ่งอุทยานแห่งชาติทุกแห่งทั่วประเทศได้ผ่านการรับรองตามมาตรฐาน SHA และ SHA+ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึง การลงทะเบียนล่วงหน้าเข้าชมแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติผ่านแอปพลิเคชัน QueQ ที่สำคัญไม่ขีดเขียน ทำลาย หรือนำทรัพยากรใดๆออกจากอุทยานแห่งชาติ เพื่อรักษาความสมบูรณ์ของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้คงความสวยงามต่อไป
",13/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220313180326433 สสส.ลำปาง เปิดเวทีปฐมนิเทศแกนนำชุมชน ขับเคลื่อนงานบริหารจัดการแก้ปัญหาหมอกควัน,"หน่วยจัดการ สสส.ลำปาง สานพลังภาคีเครือข่าย เปิดเวทีสัมมนาปฐมนิเทศแกนนำชุมชนพื้นที่ป่า เดินหน้าขับเคลื่อนแผนบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ สร้างชุมชนลดการเผาแก้ปัญหามลพิษจากหมอกควันไฟป่า
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หน่วยจัดการ สสส.ลำปาง ร่วมกับ หน่วยงานภาคียุทธศาสตร์ ทั้งด้านสุขภาพและด้านสิ่งแวดล้อมในจังหวัดลำปาง จัดกิจกรรมขับเคลื่อนขยายผลสร้างความยั่งยืนในการดำเนินงาน ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนผลักดันชุมชนท้องถิ่นสู่การเป็นหมู่บ้านต้นแบบในการบริหารจัดการป้องกันและลดปัญหามลพิษจากหมอกควันไฟป่า จับมือร่วมกันเปิดเวทีสัมมนาปฐมนิเทศแกนนำชุมชน เสริมสร้างการรับรู้แนวทางปฏิบัติการบริหารจัดการป่าตลอดปีสร้างชุมชนลดการเผา ซึ่งได้มีการจัดกิจกรรมขึ้น ณ ห้องกิ่งกนก โรงแรมเอเชียลำปาง ตำบลสวนดอก อำเภอเมืองลำปาง โดยมีนายสุรพล บุรินทราพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ให้เกียรติเป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนา กล่าวให้โอวาทและบรรยายพิเศษในหัวข้อ ""กลไกชุมชนเข้มแข็ง แรงผลักเกิดชุมชนลดการเผาจังหวัดลำปาง"" พร้อมมอบแนวคิด ต่อการปฏิบัติงานในการที่จะสานพลังบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และองค์กรท้องถิ่น เพื่อให้งานป้องกันและลดปัญหามลพิษจากหมอกควันไฟป่าของจังหวัดลำปางสามารถดำเนินการให้เกิดผลได้อย่างเป็นรูปธรรมตามเป้าหมาย
การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษจากหมอกควันไฟป่า ทางจังหวัดลำปางได้รับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินงาน จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนัก 6 สำนักงานสร้างสรรค์โอกาส เฉพาะประเด็นการบริหารจัดการหมอกควันไฟป่าในจุดพื้นที่เสี่ยง รวมจำนวน 1,600,000 บาท ซึ่งได้มุ่งเน้นในการที่จะดำเนินการผลักดันสร้างชุมชนลดการเผาแบบยั่งยืนในบริเวณเขตพื้นที่ที่มักเกิดปัญหาไฟป่ารุนแรง เฉพาะอย่างยิ่งบริเวณรอบเขาดอยพระบาท
การดำเนินงานบริหารจัดการป้องกันเพื่อลดปัญหามลพิษจากหมอกควันไฟป่านั้น จะเร่งดำเนินการในพื้นที่จุดเสี่ยง 3 อำเภอ 6 ตำบล 15 หมู่บ้าน แบ่งเป็นพื้นที่ที่จะดำเนินการ 2 ส่วน ได้แก่ การดำเนินงานต่อยอดในบริเวณพื้นที่เดิม 7 หมู่บ้าน และการดำเนินการขยายผลในบริเวณพื้นที่ใหม่ 8 หมู่บ้าน ซึ่งการประชุมสัมมนาปฐมนิเทศแกนนำดังกล่าวได้จัดขึ้น เพื่อต้องการพัฒนาขีดความสามารถคณะทำงานในการดำเนินงานให้เกิดความเข้มแข็ง ให้กลุ่มแกนนำมีเข้าใจในแผนปฏิบัติอย่างถูกต้องชัดเจน สามารถที่จะนำไปใช้สนับสนุนเสริมสร้างกระบวนการการขับเคลื่อน การดำเนินงานและติดตามประเมินผล เพื่อให้แต่ละชุมชนเกิดการบริหารจัดการแผนการจัดการป่าตลอดปี
โดยจากการประชุมปฐมนิเทศ ทั้ง 15 หมู่บ้าน มีแนวทางร่วมกัน 4 แนวทาง ที่จะดำเนินการปฏิบัติตามแผนการจัดการป่า เพื่อสร้างชุมชนลดการเผาอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ได้แก่ การดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกันไฟป่า ทั้งการทำแนวกันไฟ ตั้งจุดตรวจจุดสกัด จัดทำหอคอยเฝ้าระวัง การจัดเวรยามออกลาดตระเวน การจดบันทึกการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่า, การจัดทำแผนเผชิญเหตุของชุมชน ทั้งในเรื่องการเตรียมความพร้อมของอุปกรณ์ดับไฟป่า การออกดับไฟป่าเมื่อเกิดเหตุ การขอความช่วยเหลือกรณีประสบอุบัติเหตุในขณะปฏิบัติงาน การสื่อสาร การขอรับความช่วยเหลือเมื่อหลงป่า รวมถึงการปฐมพยาบาลเบื้องต้น, แผนการดำเนินงานด้านสุขภาพ ต้องมีการอบรมสร้างจิตสำนึกร่วมแก่ชาวบ้านภายในชุมชน
เพื่อเตรียมรับมือพร้อมดูแลสุขภาพในช่วงอากาศวิกฤต สวมใส่หน้ากากอนามัย และจัดทำห้องปลอดฝุ่นชุมชน หรือ Safe Zone และสุดท้าย การจัดทำแผนฟื้นฟูระบบนิเวศป่าชุมชน ซึ่งทั้ง 15 หมู่บ้าน มีแนวทางที่จะดำเนินการภายใต้กระบวนการป่าเปียก ทั้งการจัดสร้าง-ซ่อมแซมฝายชะลอน้ำแบบผสมผสานกึ่งถาวร การจัดทำฝายบก ขุดหลุมขนมครก และการปลูกป่าขยายพื้นที่สีเขียว เป็นต้น
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำปาง
นายชาญณรงค์ ปันเต
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",14/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314081601495 กอนช. ขอให้ประชาชนภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ระวังเกิดฝนตก,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ระวังเกิดฝนตก
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (14 มี.ค.65) ว่า ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกปานกลางถึงหนักมากบริเวณ จ.ระยอง 46 มิลลิเมตร , สงขลา 39 มิลลิเมตร และยะลา 36 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 29,144 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 50 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 23,151 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 48 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล อ่างเก็บน้ำแม่จาง และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนและแม่กลองมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
",14/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314084954497 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือสูงในระดับสีแดงบริเวณ ต.จองคำ จ.แม่ฮ่องสอน ส่วน กทม.และปริมณฑลอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่,ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือสูงในระดับสีแดงบริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (14 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นหลายพื้นที่ปรับตัวสูงขึ้นหลายพื้นที่เกินเกณฑ์มาตรฐานระดับสีแดง 1 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 16 - 19 มีนาคม และมีโอกาสเกิดฝนฟ้าคะนองขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงปานกลาง โดยค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัด ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 15 - 21 มีนาคม
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
,14/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314085813498 เตือนภัยโรคระบาดสัตว์จากแมลงพาหะ ในช่วงฤดูร้อนและอากาศแปรปรวน,นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน ประกอบกับมีสภาพอากาศที่แปรปรวน เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกรรโชกแรงและมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ อาจส่งผลทำให้สัตว์เกิดความเครียด อ่อนแอ และมีโอกาสติดเชื้อต่างๆ ได้ง่าย อีกทั้งลักษณะภูมิอากาศดังกล่าว ยังมีความเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของแมลงพาหะนำโรค จึงมีโอกาสที่จะพบการระบาดของโรคที่มาจากแมลงพาหะเพิ่มขึ้นและเกิดการแพร่กระจายของโรคไปในวงกว้างได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ผู้เลี้ยงสัตว์
กรมปศุสัตว์ ขอความร่วมมือเกษตรกร หรือเจ้าของสัตว์ ในการดำเนินการป้องกัน ควบคุม กำจัด หรือลดปริมาณแมลงพาหะนำโรค โดยการใช้สารกำจัดแมลงพาหะด้วยวิธีการฉีดพ่นบริเวณคอก หรือสถานที่พักอาศัยของสัตว์ ร่วมกับการใช้ยาฉีดพ่น หรือราดหลัง หรือหยดบนตัวสัตว์ อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งการปรับภูมิทัศน์บริเวณสถานที่เลี้ยงสัตว์หรือแหล่งรวมสัตว์ ไม่ให้มีแหล่งน้ำขัง หรือแหล่งเพาะพันธุ์แมลง ทำความสะอาดฆ่าเชื้อคอกสัตว์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ให้มีอุจจาระ ปัสสาวะ หมักหมม ควรเก็บอุจจาระไว้ในสถานที่ป้องกันแมลงและนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี รวมทั้งเฝ้าระวังและสังเกตอาการของสัตว์ทุกวัน ซึ่งหากพบสัตว์ป่วยตายผิดปกติ หรือแสดงอาการป่วย เช่น ม้า ลา ล่อ แสดงอาการ ซึม มีไข้อุณหภูมิมากกว่า 38.5 องศาเซลเซียส กินอาหารลดลง มีอาการบวมน้ำบริเวณขมับหรือคอ ตาแดงอักเสบ ชัก หรือกระวนกระวายคล้ายอาการเสียดท้อง
ส่วนในโค-กระบือ หากพบสัตว์แสดงอาการซึม มีไข้ (อุณหภูมิมากกว่า 39.5 องศาเซลเซียส ไม่กินอาหาร มีตุ่มนูนตามผิวหนัง หายใจลำบาก ให้เกษตรกรหรือเจ้าของสัตว์ แจ้งเจ้าหน้ากรมปศุสัตว์ ได้ที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอ หรือสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดในพื้นที่
หากไม่สะดวกสามารถโทรแจ้งมายังสายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-225-6888 ได้ตลอดเวลา เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้เข้าทำการตรวจสอบ ให้การช่วยเหลือและควบคุมโรคโดยทันที และหากพบสัตว์ป่วยที่แสดงอาการสงสัยด้วยโรคระบาดข้างต้น ห้ามทำการเคลื่อนย้ายสัตว์ออกจากฟาร์มโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไปยังท้องที่อื่นๆ นอกจากนี้ ควรจะเข้มงวดเกี่ยวกับการห้ามยานพาหนะ โดยเฉพาะรถรับซื้อสัตว์ รถอาหารสัตว์ รถรับซื้อมูลสัตว์ เข้าภายในฟาร์มโดยเด็ดขาด หากจำเป็นต้องทำการฆ่าเชื้อยานพาหนะจากภายนอกทุกคันที่เข้า-ออกฟาร์ม หรือสถานที่เลี้ยงสัตว์ รวมถึงควบคุมแมลงพาหะด้วยสารกำจัดแมลงที่อาจมากับยานพาหนะดังกล่าวด้วย และงดการนำสัตว์เข้ามาเลี้ยงใหม่ จากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลสถานการณ์ของโรคเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด หรือสำนักงานปศุสัตว์อำเภอในพื้นที่
หากกรณีเกษตรกรนำสัตว์เข้ามาเลี้ยงใหม่ ควรมีการกักแยกสัตว์ออกจากฝูงเพื่อสังเกตอาการอย่างน้อย 28 วัน พร้อมทั้งกางมุ้งกันแมลง หรือใช้สารกำจัดแมลงเพื่อควบคุมแมลงพาหะอย่างเหมาะสม
ขอเน้นย้ำให้เกษตรกร หรือเจ้าของสัตว์ดูแลสัตว์ของตนเอง โดยการให้น้ำและอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพให้พอเพียงกับสัตว์ เพื่อให้สัตว์มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆ ที่ดี รวมทั้งหมั่นสังเกตอาการของสัตว์อย่างสม่ำเสมอ ป้องกันสัตว์ของตนเองไม่ให้สัมผัสกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่จะนำโรคเข้าฟาร์ม
,14/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314095055520 "สถานีควบคุมไฟป่าขุนตาล-ผาเมือง จ.ลำปาง จัดชุดมวลชนสัมพันธ์ ""ชิงเก็บ ลดเผา"" พร้อมเฝ้าระวังการลักบอบเผาในบริเวณรอบๆ ที่ช้างสำคัญ","
นายชัยสิทธิ์ เมฆอากาศ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าขุนตาล-ผาเมือง ศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันที่ 1 สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 สาขาลำปาง เปิดเผยว่า จัดเจ้าหน้าที่ชุดประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ของสถานีฯ ได้จัดนิทรรศการเกี่ยวกับการรณรงค์การแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน พร้อมแจกจ่ายเอกสารประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับไฟป่า และได้แสดงสาธิตการอัดก้อนใบไม้เศษวัสดุเชื้อเพลิง ตามมาตรการนโยบาย ""ชิงเก็บ ลดเผา"" ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องในวันช้างไทย ณ สถาบันคชบาลแห่งชาติ โดยมีประชาชนและนักท่องเที่ยวให้ความสนใจและสอบถามเพื่อที่จะนำวิธีการอัดเก็บเชื้อเพลิงนี้ไปต่อยอดต่อไป
นอกจากนี้ ชุดมวลชนสัมพันธ์ได้ร่วมกันจัดเก็บใบไม้และอัดเป็นก้อน เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับเสด็จฯ ณ สถาบันคชบาลแห่งชาติ อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง พร้อมนี้ได้เฝ้าระวังการลักลอบเผาในบริเวณรอบๆ ที่ช้างสำคัญ โดยเหตุการณ์ทั่วไปปกติ ไม่พบไฟป่าหรืออุบัติภัยในพื้นที่รับผิดชอบแต่อย่างใด
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",14/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314094022508 ทช. ยังตรวจพบก้อนน้ำมันและเม็ดสีน้ำตาลในพื้นที่หาดแม่รำพึง ส่วนภาพรวมน้ำทะเลอยู่ในเกณฑ์ปกติไม่พบคราบน้ำมัน,"กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ยังตรวจพบก้อนน้ำมันและเม็ดสีน้ำตาลในพื้นที่หาดแม่รำพึง ส่วนภาพรวมน้ำทะเลอยู่ในเกณฑ์ปกติไม่พบคราบน้ำมัน
นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 (ระยอง) ยังคงตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง ด้วยการเดินสำรวจผลกระทบที่อาจหลงเหลือจากเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลในทะเลมาบตาพุด 3 เส้นทาง คือ หาดแม่รำพึงตั้งแต่ บ้านคลองกะเฌอ สถานีอุตุนิยมวิทยา - บ้านก้นอ่าว ระยะทาง 9 กิโลเมตร โดยจุดที่ห่างจากหินขาวหินดำบริเวณลานหินขาว พบก้อนสีดำคล้ายยางมะตอยและพบเม็ดสีน้ำตาลคล้ายหินภูเขาไฟ , บริเวณก้นอ่าว ระยะทาง 300 เมตร พบก้อนสีดำคล้ายยางมะตอย , บริเวณร้านเจ๊จุกซีฟู้ด ระยะทาง 200 เมตร พบก้อนสีดำคล้ายยางมะตอยและพบเม็ดสีน้ำตาลคล้ายหินภูเขาไฟ // ชายหาดหน้าศาลเจ้าแม่ทับทิม สถานีรายงานบ้านเพ (ทอ.) พบคราบสีดำคล้ายถ่าน ระยะทาง 200 เมตร และสุดท้าย ชายหาดบริวณบ้านเพ - ท่าเรือแกลงระยะทาง 5.43 กิโลเมตร พบคราบสีดำคล้ายถ่าน ระยะทาง 150 เมตร
ขณะเดียวกันสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 (ระยอง) ยังได้นำเรือ ทช.302 , ทช.111 , ทช.311 และ ทช.221 ตรวจติดตามผลกระทบที่อาจหลงเหลือจากเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลในทะเลมาบตาพุด 4 เส้นทาง คือ เขาแหลมหญ้า - รอบเกาะเสม็ดและบริเวณใกล้เคียง ระยะทางรวม 62 กิโลเมตร // หาดแม่รำพึง-เกาะเสม็ด (เลียบฝั่ง) ระยะทางรวม 135 กิโลเมตร // หาดแม่รำพึง-เกาะเสม็ด (นอกฝั่ง) ระยะทางรวม 120 กิโลเมตร และสุดท้าย หาดแม่รำพึง - เขาแหลมหญ้า - อ่าวเพ - ปากคลองแกลง ระยะทางรวม 87.7 กิโลเมตร โดยทุกเส้นทางไม่พบคราบน้ำมันบนผิวน้ำทะเล
",14/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314092626504 รัฐบาลยืนยันไม่เคยทอดทิ้งชาวสวนทุเรียน กางแผนเจรจาส่งออกผลไม้ไปจีน พร้อมขยายตลาดสู่ตะวันออกกลาง,"นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงประเด็นการส่งออกผลไม้ไทยไปยังประเทศจีน ซึ่งได้รับผลกระทบจากนโยบาย Zero-Covid ของจีน ที่มีการตรวจตราอย่างเข้มงวด ณ ด่านโหย่วอี้กวาน ผิงเสียง ตงซิง และโมฮ่าน ทำให้การจราจรติดขัด ส่งผลกระทบต่อการส่งออกผลไม้ของทุกประเทศไม่ใช่เฉพาะไทยเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลได้บูรณาการการทำงานหลายกระทรวง พร้อมทั้งหารือฝ่ายจีนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การขนส่งสินค้าไทยมีความคล่องตัว ไม่เกิดความเสียหายและเร่งขยายตลาดสู่ประเทศตะวันออกกลางมากขึ้น มั่นใจปีนี้ส่งออกสินค้าเกษตรโตแน่นอน
รัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจต่อการแก้ปัญหาการส่งสินค้าข้ามพรมแดนไปจีน นับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการต่างประเทศ ได้บูรณาการการทำงาน ประสานกับทางการจีนมาอย่างต่อเนื่อง และได้แก้ปัญหาข้อติดขัดที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ จนทำให้การส่งออกผลไม้ในปี 2563 มีมูลค่า 91,000 ล้านบาท และปี 2564 เพิ่มเป็น 160,000 ล้านบาท เฉพาะทุเรียนกว่าหนึ่งแสนล้านบาท
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า การไปเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี จะนำไปสู่โอกาสทองการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตรของไทยแล้ว ล่าสุด การเจรจาหารือระหว่างนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับรัฐมนตรีด้านการค้าระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ณ เมืองดูไบ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จะนำไปสู่การส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรและอาหารอย่างแน่นอน ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ หมื่นกว่าล้านบาท/ปี และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 4.6
",14/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,กรมประชาสัมพันธ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314101214532 จ.พะเยา ระบายน้ำกว๊านพะเยาช่วยเหลือเกษตรกรนาปรัง,"
ชลประทานพะเยาเริ่มระบายน้ำช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ในพื้นที่ลาบลุ่มแม่น้ำอิง ในพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอดอกคำใต้ และอำเภอภูกามยาว หลังเริ่มขาดน้ำ
ขณะที่ผู้อำนวยการชลประทานพะเยา ระบุ การระบายน้ำดังกล่าวจะไม่กระทบกับการผลิตน้ำประปา ล่าสุดระดับน้ำกว๊านพะเยาอยู่ที่ 22.8 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดว่าน้ำในกว๊านพะเยาจะเพียงพอต่อการใช้น้ำในช่วงภัยแล้งนี้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังที่อยู่บริเวณท้ายน้ำแม่น้ำอิง ในพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอดอกคำใต้และอำเภอภูกามยาว เริ่มทำการสูบน้ำเข้าหล่อเลี้ยงนาข้าวซึ่งเป็นข้าวนาปรัง ที่มีพื้นที่รวมมากกว่า 6,000 ไร่ หลังชลประทานจังหวัดพะเยา เริ่มระบายน้ำจากกว๊านพะเยาเพื่อเข้าทำการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ในพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอดอกคำใต้ และอำเภอภูกามยาวหลังปริมาณน้ำเริ่มแห้งลง ซึ่งเกรงจะส่งผลกระทบต่อนาข้าวที่ปลูกไว้
นายปาโมกข์ ปิงเมือง ผู้อำนวยการชลประธานจังหวัดพะเยา ระบุว่า ขณะนี้ทางชลประทานได้ทำการระบายน้ำจากกว๊านพะเยา เพื่อเข้าทำการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอดอกคำใต้และอำเภอภูกามยาว ซึ่งเป็นพื้นที่บริเวณโดยรอบแม่น้ำอิง โดยในปีนี้พื้นที่ปลูกข้าวนาปรังรวมแล้วมากกว่า 6,000 ไร่ ซึ่งทางชลประทานได้มีแผน ที่จะระบายน้ำเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงนี้โดยในห้วงเดือนมีนาคมจะระบายน้ำให้กับเกษตรกรจำนวน 3,000,000 ลูกบาศก์เมตร และในเดือนเมษานี้จะระบายน้ำอีก 3,000,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งการระบายน้ำดังกล่าวนั้น จะไม่กระทบกับปริมาณน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภค และการผลิตน้ำประปา ซึ่งปริมาณน้ำกว๊านพะเยาจะอยู่ในระดับที่สามารถรองรับการใช้อุปโภคบริโภคได้และจะไม่กระทบกับภาวะภัยแล้ง
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",14/3/2022,ภาคเหนือ,พะเยา,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพะเยา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314094609518 เกษตรและสหกรณ์ จ.นราธิวาส เผยแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยฯ ในช่วงภัยแล้ง ปี 2564/65 เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างทันท่วงที,นายเทอดศักดิ์ รัญจวน เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรจังหวัดนราธิวาส ได้มีการจัดทำแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการเกษตร ในช่วงภัยแล้ง ปี 2564/65 โดยเฉพาะการป้องกันไฟไหม้ป่าพรุบาเจาะและป่าพรุโต๊ะแดง ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ หน่วยงานสังกัดกรมชลประทาน ได้มีการขุดคลองส่งน้ำเข้าไปหล่อเลี้ยงพื้นที่บริเวณพรุ อีกทั้งมีการขอสนับสนุนการทำฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกพืชในพื้นที่แล้งซ้ำซาก และจากการคาดการณ์ของสถานีอุตุนิยมวิทยานราธิวาสช่วงเดือนมีนาคม 2565 ฝนตกประมาณ 8 วัน และจะมีอากาศร้อนจัด ทำให้น้ำในแม่น้ำมีเพียงพอแต่ก็ระเหยได้สูง
อย่างไรอย่างไรก็ตามคาดว่าจะไม่มีปัญหาในเรื่องไฟไหม้ป่าพรุ เพราะมีความพร้อมทั้งระบบน้ำ การเฝ้าระวัง การเตรียมการพร้อมขอความร่วมมือประชาชนเลิกจุดไฟเผาป่า ซึ่งก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ PM 2.5 และยังเป็นการทำลายความสมดุลของระบบนิเวศวิทยาอีกด้วย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,14/3/2022,ภาคใต้,นราธิวาส,สวท.นราธิวาส,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314100356528 สุพรรณบุรี รณรงค์แก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และแก้ไขปัญหาภัยแล้ง,
ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจังหวัดสุพรรณบุรี นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป เป็นประธานเปิดการรณรงค์แก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และการแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมกล่าวว่า ในห้วงเดือนธันวาคมถึงพฤษภาคมของทุกปี จังหวัดสุพรรณบุรีมักจะประสบปัญหาภัยแล้งและมีลมกระโชกแรงส่งผลให้เกิดไฟป่าขึ้นในหลายพื้นที่ สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหามลพิษหมอกควัน สร้างความเดือดร้อนและส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและสุขภาพของประชาชน การจัดกิจกรรมรณรงค์ในครั้งนี้จะเป็นการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจถึงสถานการณ์และผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้งหมอกควันและฝุ่นละลองขนาดเล็ก PM 2.5 และจะได้ช่วยกันลดพฤติกรรมที่จะเป็นสาเหตุการเกิดปัญหาดังกล่าว
ด้าน นายปภิณวิช ละอองแก้ว ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุพรรณบุรี ในนามของกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ อุปกรณ์ เครื่องจักรกลต่างๆ ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยเป็นการบูรณาการร่วมกัน 14 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยคาดหวังว่าความร่วมแรงร่วมใจจากหน่วยงานภาครัฐ อปท. และเครือข่ายต่าง ๆ จะเป็นกำลังสำคัญในการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัด เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,14/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,สุพรรณบุรี,สวท.สุพรรณบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314101201531 "จ.สุโขทัย ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน พร้อมประกาศ ""ห้ามเผาเด็ดขาด""","จังหวัดสุโขทัย ค่าคุณภาพอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานฯ อยู่ระดับ ""เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ"" พร้อมออกประกาศ ""ห้ามเผาเด็ดขาด"" เพื่อลดการเกิดไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในพื้นที่
นายวิรุฬ พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เป็นประธานการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุโขทัย โดยมีนายสุชาติ ทีคะสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม ณ ห้องศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดสุโขทัย ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย เพื่อติดตามสถานการณ์ พร้อมพิจารณาป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประสบภัย โดยนายเมืองแมน เกิดนานา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุโขทัย ได้รายงานว่า
เวลา 07.00 น.วันนี้ (14 มี.ค.65) ค่าคุณภาพอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ณ สถานีตรวจวัดเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย มีค่าเท่ากับ 57 มคก./ลบ.ม. อยู่ในระดับ ""เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ"" ซึ่งเกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม. เนื่องจากในช่วงนี้การระบายอากาศในพื้นที่ภาคเหนืออยู่ในเกณฑ์ ""ไม่ดี"" ขณะที่การเผาในที่โล่ง ก่อนเวลา 11.00 น. และหลังเวลา 16.00 น. ส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศค่อนข้างมาก ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-13 มี.ค.65 ได้ดำเนินการดับไฟ 43 ครั้ง มีพื้นที่ป่าเสียหายแบ่งเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 232 ไร่ และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 97 ไร่ รวมทั้งจัดทำแนวกันไฟ รวม 359 กิโลเมตร กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุโขทัย จึงได้ออกประกาศกำหนดเขตควบคุมการเผาในที่โล่งแจ้ง ""ห้ามเผาเด็ดขาด"" ระหว่างวันที่ 10 มีนาคม -30 เมษายน 2565 เพื่อลดการเกิดไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในพื้นที่ ผู้ใดฝ่าฝืนจุดไฟเผาป่าหรือเผาในที่โล่ง จะมีความผิดตามกฎหมาย โดยนายวิรุฬ พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กำชับให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวังเหตุการณ์ ติดตามข้อมูลสถานการณ์คุณภาพอากาศ และการเกิดจุดความร้อน (hotspot) ทุกวัน พร้อมเฝ้าระวังในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความเข้มข้นการลาดตะเวนในพื้นป่า รวมทั้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนและผู้เกี่ยวข้องให้ตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น และแจ้งเตือนความเสี่ยงต่อสุขภาพด้วย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",14/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,สุโขทัย,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุโขทัย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314105128539 ไทย มุ่งลดก๊าซเรือนกระจกในภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรม หลังพบปล่อยก๊าซมีเทนและคาร์บอนไดออกไซด์สูง พร้อมเร่งสร้างคาร์บอนเครดิตจากการปลูกป่าให้ได้ตามแผนร้อยละ 40,"ประเทศไทย มุ่งลดก๊าซเรือนกระจกในภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรม หลังพบปล่อยก๊าซมีเทนและคาร์บอนไดออกไซด์สูง พร้อมเร่งสร้างคาร์บอนเครดิตจากการปลูกป่าให้ได้ตามแผนร้อยละ 40
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ ""การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โอกาส และความท้าทาย"" ในการประชุมสัมมนากลไกทางการเงินด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Thailand Climate Finance Conference: From International to Domestic Mechanism จัดโดย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ร่วมกับ โครงการด้านนโยบาย ภายใต้แผนงานความร่วมมือไทย เยอรมัน ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ว่า ทุกภาคส่วนจะได้รับทราบกลไกทางการเงินด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและแหล่งเงินทุน เพื่อดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนเกี่ยวกับความท้าทายในการพัฒนาธุรกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ และความต้องการรับการสนับสนุนจากภาครัฐให้สามารถแข่งขันและพัฒนาธุรกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำผ่านการประชุมเชิงปฏิบัติการเชิงลึก ซึ่งในอนาคตการปลูกป่าจะไม่ใช่ CSR อีกต่อไป แต่จะเป็นงานหลักในการสร้างคาร์บอนเครดิตที่มีมูลค่าสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยมีองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ทำหน้าที่เป็นเรกกูเรเตอร์ โดยจากแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ระบุชัดเจนถึงแผนการสร้างคาร์บอนเครดิตในประเทศไทยด้วยการปลูกป่าให้ได้ร้อยละ 40 ที่ผ่านมาได้ประสานทุกหน่วยงานเร่งปลูกป่าในพื้นที่สามารถปลูกป่าได้ โดยเฉพาะความร่วมมือจากภาคเอกชนผ่านโครงการปลูกป่าทั้งป่าบกและป่าชายเลน เพื่อเพิ่มศักยภาพการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้ 120 ล้านตันต่อปี ทั้งนี้ ประเทศไทยมีแผนจะปรับตัวในภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะการทำนา (ไรซ์ นามา) ที่ต้องลดการปล่อยก๊าซมีเทนที่เกิดจากการขังน้ำในนาข้าวในเขตนาชลประทานก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 30 เท่า จึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกข้าวใหม่ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวแต่ปล่อยมลพิษต่ำ รวมทั้ง ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และกองทุนสนับสนุนจากต่างประเทศมาใช้เปลี่ยนผ่านในภาคอุตสาหกรรมและการผลิตของไทยให้ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะกระบวนการใช้สารทำความเย็นในเครื่องปรับอากาศที่ต้องเริ่มจากกระบวนการผลิต เบื้องต้นได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากประเทศเยอรมนีและประเทศอื่นๆ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวย้ำว่า ปัจจุบันประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียงร้อยละ 0.8 เท่านั้น แต่กลับพบว่าไทยเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด โดยเฉพาะภาคเกษตรกรรม ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงเป็นสาเหตุที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้มากที่สุดตั้งแต่วันนี้ หากไม่เริ่มต้นทำอย่างจริงจังไทยจะต้องเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างไม่มีสิ้นสุด
",14/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314111858545 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุ เกษตรปลื้ม ผลตอบรับผลไม้ไทยดี จากกิจกรรมส่งเสริมสินค้าเกษตรในงาน Expo 2020 Dubai มีโอกาสปักหมุดในตลาดตะวันออกกลางได้หลายชนิด,นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรได้จัดกิจกรรมเทศกาลแห่งความสุข ภายใต้ธีมงาน Digital for Agri Dev โดยนำผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพจากประเทศไทยมาจัดแสดงเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้เข้าร่วมงาน World Expo 2020 Dubai ได้รู้จัก เรียนรู้ และเข้าใจถึงวัฒนธรรมความเป็นมาด้านการเกษตรของไทย รวมถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมทางการเกษตรในการพัฒนาตลอดห่วงโซ่การผลิต ผ่านระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญตามนโยบายด้านการเกษตรและอาหาร 3S ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในคุณภาพ มาตรฐานสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรไทย
ขณะนี้เกษตรกรไทยพร้อมแล้วที่จะเป็นฐานการผลิตสินค้าเกษตรคุณภาพสู่ตลาดสหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ และตลาดโลก โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 15 มีนาคม 2565 นี้ โดยประเทศไทยได้นำสินค้าเกษตรไทย ซึ่งเป็นผลจากการส่งเสริมการเกษตร โดยสินค้าเกษตรที่คัดเลือกไปจัดแสดงเป็นสินค้าเกษตรคุณภาพสูงและได้มาตรฐานแล้ว ยังเป็นผลผลิตที่มีการประเมินแล้วว่า น่าจะสอดคล้องกับรสนิยม หรือความชอบของผู้บริโภคแถบนี้ รวมทั้งมีโอกาสในการเติบโตหรือเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดภูมิภาคตะวันออกกลางได้
สำหรับผลจากการประเมินภาพรวมพบว่า ผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่ให้การตอบรับสินค้าเกษตรไทยดีมาก โดยเฉพาะกลุ่มไม้ผลที่มีให้เลือกชิมทั้งแบบสด แบบอบแห้ง และแบบทอดกรอบ เนื่องจากมีสีสันสวยงาม รูปร่างแปลกตา สามารถดึงดูดความสนใจของผู้เข้าชมงานได้ดี ประกอบกับมีรสชาติที่โดดเด่น จึงนับเป็นประโยชน์ในการทดลองสินค้าเกษตรไทยใหม่ ๆ ในตลาดภูมิภาคตะวันออกกลาง เพื่อเตรียมพร้อมและขยายสินค้าไปยังตลาดที่มีศักยภาพ มีกำลังซื้อสูง และมีความเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีในระยะยาวต่อเกษตรกร และผู้ประกอบการไทย และยังจะมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดหลักเพียงตลาดเดียวได้อีกด้วย
ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจังหวัดสุพรรณบุรี นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป เป็นประธานเปิดการรณรงค์แก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และการแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมกล่าวว่า ในห้วงเดือนธันวาคมถึงพฤษภาคมของทุกปี จังหวัดสุพรรณบุรีมักจะประสบปัญหาภัยแล้งและมีลมกระโชกแรงส่งผลให้เกิดไฟป่าขึ้นในหลายพื้นที่ สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหามลพิษหมอกควัน สร้างความเดือดร้อนและส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและสุขภาพของประชาชน การจัดกิจกรรมรณรงค์ในครั้งนี้จะเป็นการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจถึงสถานการณ์และผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง หมอกควัน และฝุ่นละลองขนาดเล็ก PM 2.5 และจะได้ช่วยกันลดพฤติกรรมที่จะเป็นสาเหตุการเกิดปัญหาดังกล่าว
ด้านนายปภิณวิช ละอองแก้ว ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุพรรณบุรี ในนามของกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ อุปกรณ์ เครื่องจักรกลต่างๆ ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยเป็นการบูรณาการร่วมกัน 14 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยคาดหวังว่าความร่วมแรงร่วมใจจากหน่วยงานภาครัฐ อปท. และเครือข่ายต่าง ๆ จะเป็นกำลังสำคัญในการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และการแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัด เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,14/3/2022,ภาคตะวันตก,กาญจนบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุพรรณบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314134126604 กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง ลงพื้นที่ติดตามผลการใช้ชีวภัณฑ์ของศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน (ศจช.) อำเภอรัษฎาอย่างต่อเนื่องในช่วงฝนตกชุก,"สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง โดย นายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง มอบหมายให้นางสุภัชชา ณ พัทลุง หัวหน้ากลุ่มอารักขาพืช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ และสำนักงานเกษตรอำเภอรัษฎา ลงพื้นที่ติดตามผลการใช้ชีวภัณฑ์ โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตชีวภัณฑ์อย่างง่ายสำหรับเกษตรกร ของศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน (ศจช.) ซึ่งปลูกพริก มะเขือ ถั่ว บวบ และผักวอเตอร์เครป ณ เลขที่ 16 หมู่ที่ 5 ตำบลควนเมา อำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง
การควบคุมโรคพืชโดยชีววิธีเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหาการใช้สารเคมี แนะนำ 3 วิธี คือ วิธีที่ 1 การพ่นสารชีวภัณฑ์ Bs ตามคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ โดยควรพ่นครั้งแรกตั้งแต่เมื่อกล้าเริ่มตั้งตัวหลังการย้ายปลูก พ่นครั้งที่ 2 เมื่อออกดอก หลังจากนั้นพ่นทุก 5-7 วัน ในอัตรา 40-50 กรัม/น้ำ 20 ลิตร วิธีที่ 2 ใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา ทางดิน โดยผสมเชื้อสด 1 กิโลกรัม : รำละเอียด 4 กิโลกรัม : ปุ๋ยหมัก 100 กิโลกรัม โรยรอบโคนต้น ต้นละ 1 กิโลกรัม หรือใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา 1 กิโลกรัม ต่อน้ำสะอาด 100-200 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วแปลงพืช วิธีที่ 3 ใช้กับดักกาวเหนียวในแปลงผัก กรณีที่มีศัตรูพืชระบาด ควรติดตั้งกับดักให้สูงประมาณ 30 เซนติเมตร หรือสูงกว่ายอดต้นผักเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว โดยใช้กับดักประมาณ 60-80 กับดัก/พื้นที่ 1 ไร่ ส่วนในฤดูที่มีการระบาดของศัตรูพืชน้อยอาจใช้เพียง 15 20 กับดัก/ไร่
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",14/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314134300605 สำนักงานเกษตรอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ประชุมติดตามและวางแผนการดำเนินงานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่,"สำนักงานเกษตรอำเภอปะเหลียน โดย นายสุภัทธ คงด้วง เกษตรอำเภอปะเหลียน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอปะเหลียน ประชุมประจำเดือนสำนักงานเกษตรอำเภอปะเหลียน ครั้งที่ 3/2565 ณ ห้องประชุมสำนักงานเกษตรอำเภอปะเหลียน หมู่ที่ 1 ตำบลท่าข้าม อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง
ทั้งนี้ เพื่อมอบหมายงานให้ข้าราชการ และพนักงานราชการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งชี้แจงและรับทราบหัวข้อราชการ ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงาน ขับเคลื่อนโครงการตามนโยบายภาครัฐ และงานตามภารกิจต่างๆ ได้แก่ แผนและผลการเบิกจ่ายงบประมาณตามแผนจัดสรรงบประมาณโครงการ ปีงบประมาณ 2565 การรายงานแปลงพยากรณ์และระบบเตือนการระบาดศัตรูพืช การรายงานการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันในโรงเรียน โครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดทำข้อมูลประมาณการผลผลิตไม้ผล การขับเคลื่อนระบบส่งเสริมการเกษตร (T&V System) โครงการศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร รายงานความก้าวหน้าของการขึ้น/ปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร โครงการตลาดเกษตรกร โครงการส่งเสริมการผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์และวัสดุอินทรีย์ พร้อมทั้งเน้นย้ำแนวทางการดำเนินงานของสำนักงานเกษตรอำเภอปะเหลียน ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",14/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314135155608 ปลัดอำเภอปายฯ ร่วมกับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ออกลาดตระเวน สำรวจสิ่งผิดปกติ ตั้งจุดเฝ้าระวังไฟป่าในพื้นที่,วันที่ 13 มีนาคม 2565 นายทศพล สินยบุตร นายอำเภอปาย มอบหมายให้ นายพิเชษฐ พุ่มนวน ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอปาย ประสานงานกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินลาดตระเวนสำรวจสิ่งผิดปกติ รวมถึงการตั้งจุดเฝ้าระวังไฟป่า ในพื้นที่รับผิดชอบตามมาตรการการป้องกันไฟป่าและหมอกควัน ประจำปี 2565 เพื่อเป็นการป้องกันและการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ดังนี้ บ้านน้ำฮู หมู่ที่ 5 ตำบลเวียงใต้ บ้านห้วยเดื่อ หมู่ที่ 3 ตำบลโป่งสา บ้านม่วงสร้อย หมู่ที่ 3 ตำบลแม่นาเติง จัดชุดออกตรวจตามจุดที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่า บ้านโป่ง หมู่ที่ 1 ตำบลเวียงเหนือ บ้านทรายขาว หมู่ที่ 2 ตำบลแม่ฮี้ บ้านนาจลองใหม่ หมู่ที่ 11 บ้านปางแปก หมู่ที่ 7 ตำบลแม่นาเติง บ้านแพมกลาง หมู่ที่ 5 ตำบลทุ่งยาว จัดชุดอยู่เวรศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน พร้อมลาดตระเวนและทำแนวกันไฟตามจุดที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่าบ้านแม่นะ หมู่ที่ 8 ตำบลแม่นาเติง ร่วมกันพัฒนาเก็บกวาดใบไม้แห้งเพื่อลดการเผาและฝุ่นควันตัดกิ่งไม้ข้างถนนเข้าหมู่บ้านที่เสี่ยงและอันตรายออกทิ้งเพื่อความปลอดภัยในการสัญจรไปมาในหมู่บ้านบ้านแม่ของ หมู่ที่ 5 ตำบลแม่นาเติง จัดชุดอยู่เวรศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน บ้านแม่นาเติงนอก หมู่ที่ 1 ตำบลแม่นาเติง ได้มีการพัฒนาหมู่บ้าน ทำแนวกันไฟ พร้อมกับมีการตั้งศูนย์แก้ไขปัญหาไฟป่า และหมอกควัน ณ.พื้นที่ป่าชุมชนของหมู่บ้าน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,14/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314142821630 "จ.สุรินทร์มอบใบรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สุรินทร์แบบมีส่วนร่วม (PGS) สร้างการขยายตัวตามแนวทาง ""สุรินทร์รุ่งเรือง สู่เมืองเกษตรอินทรีย์""","วันที่ 14 มีนาคม 2565 ที่ห้องประชุมช้างใหญ่ ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานมอบใบรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สุรินทร์แบบมีส่วนร่วม (PGS Surin) ให้กับตัวแทนเกษตรกรที่ผ่านการรับรอง ซึ่งมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วมขึ้นโดยเรียกว่า Participatory Guarantee System หรือเรียกสั้นๆ ว่า พี จี เอส (PGS) เกิดขึ้นจากการที่สหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ หรือ IFOAM ได้ตระหนักถึงปัญหาต่างๆ ของระบบการรับรองโดยบุคคลที่ 3 ที่เกษตรกรรายย่อยไม่สามารถขยายช่องทางตลาดได้ จึงได้ร่วมกับเครือข่ายประเทศต่าง ๆ พัฒนาระบบ PGS ขึ้น และทดลองนำร่อง ใน 8 ประเทศตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันมีประเทศที่นำระบบไปใช้รับรองเกษตรอินทรีย์กว่า 70 ประเทศ และกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะ PGS ทำให้เกิดการขยายตัวการทำเกษตรอินทรีย์ในชนบท และมีช่องทางตลาดให้เกษตรกรขายตรงมากขึ้น เช่น ตลาดนัดสีเขียวในพื้นที่ ระบบสมาชิกล่วงหน้า ระบบเครือข่ายดิจิตอล เป็นต้น เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชนบททำให้ผู้บริโภคภายในประเทศเข้าถึงอาหารอินทรีย์ในราคาที่ซื้อหาได้ เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยไม่พึ่งสารเคมี และ PGS จะเป็นระบบที่ทำให้มีการทำเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งต่อรายได้ของเกษตรกร ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สุขภาพของผู้ผลิตและผู้บริโภค และเกิดสังคมเข้มแข็งในที่สุด ตรงกับเป้าวัตถุประสงค์ของการดำเนินโครงการ ""สุรินทร์รุ่งเรือง สู่เมืองเกษตรอินทรีย์""
นางสาวพิชชากร แจ่มศรี เกษตรและสหกรณ์จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า มาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม (PGS) เป็นระบบที่มีความสำคัญถือเป็นบันไดขั้นแรกที่จะทำให้เกษตรกรกล้าที่จะเปลี่ยนวิธีการทำการเกษตรของตนจากเคมีมาสู่อินทรีย์ เพื่อที่จะตอบสนองปัญหาต่างๆ ดังที่กล่าวมา ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรจัดให้มีการจัดทำแผนการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม (PGS) เพื่อขับเคลื่อนการเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์อย่างต่อเนื่องและประหยัดงบประมาณ ตอบสนองผู้บริโภคในชุมชน โดยการดำเนินโครงการตรวจรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สุรินทร์แบบมีส่วนร่วม (PGS Surin) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา มีพื้นที่เป้าหมายโครงการ จำนวน 17 อำเภอ 18 แห่ง เกษตรกร 540 ราย มีเกษตรกรผ่านการรับรองแบบกลุ่ม จำนวน 7 แห่ง เกษตรกร 210 ราย และผ่านการรับรองแบบรายบุคคล จำนวน 9 แห่ง เกษตรกร 12 ราย รวมเกษตรกรผ่านการรับรองทั้งสิ้น จำนวน 222 ราย โดยมีตัวแทนเกษตรกรเข้ารับมอบใบรับรองที่ผ่านการรับรองแบบกลุ่ม จำนวน 7 ราย และเกษตรกรที่ผ่านการรับรองแบบรายบุคคล จำนวน 12 ราย รวม 19 ราย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",14/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,สุรินทร์,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314141757626 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยยังสูงกว่า 700 จุด โดยเฉพาะภาคอีสาน ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านยังกระทบไทยหลายพื้นที่,"สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยยังสูงกว่า 700 จุด โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านยังกระทบประเทศไทยหลายพื้นที่
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (13 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 775 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่เกษตร 226 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 167 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 157 จุด // พื้นที่เขต สปก. 110 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 102 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 13 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุด คือ แม่ฮ่องสอน 135 จุด , สกลนคร 64 จุด และอุบลราชธานี 44 จุด โดยจุดความร้อนเริ่มกระจายตัวหนาแน่นตั้งแต่ตอนกลางไปจนถึงตอนบนของประเทศ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือวันนี้สูงถึง 426 จุด ส่วนใหญ่เกิดจุดความร้อนในพื้นที่เกษตร คาดว่า จะเกิดจากการเผาเพื่อเตรียมพื้นที่ ส่วนวันนี้หลายจังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีคุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อยู่ในระดับที่เริ่มส่งผลต่อสุขภาพไปจนถึงมีผลต่อสุขภาพ ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 13 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 10,949 จุด , ภาคเหนือ 9,197 จุด และภาคกลาง 5,634 จุด
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาติดต่อกัน 14 วัน วันนี้พบสูง 4,097 จุด รองลงมา สปป.ลาว 2,372 จุด และกัมพูชา 2,090 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นต่อเนื่องค่อนข้างหน้าเป็นห่วงอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",14/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314145032648 ปศุสัตว์จังหวัดแพร่ ออกบริการผสมเทียมให้แก่สัตว์เลี้ยงเกษตรกร,"สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดแพร่ ออกบริการผสมเทียมให้แก่สัตว์เลี้ยงของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอเมืองแพร่ และอำเภอลอง เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และให้คำแนะนำในการป้องกันโรคระบาด
นายปริญญา แสงพายัพ ปศุสัตว์อำเภอเมืองแพร่ นำทีมนายวิรุธ สาระกุล เจ้าพนักงานสัตวบาล ออกให้บริการเกษตรกรในพื้นที่อำเภอเมืองแพร่ โดยการผสมเทียมโคเนื้อ จำนวน 3 ตัว 3 ราย, ตรวจท้องโค 1 ตัว 1 ราย, ติดตามลูกโคเกิด 2 ตัว 2 ราย, รักษาโคป่วย 3 ตัว 3 ราย และแก้ไข CL ค้าง 1 ตัว 1 ราย
สำหรับในพื้นที่อำเภอลอง จังหวัดแพร่ นายอนุชา ใจเสน ปศุสัตว์อำเภอลอง นำทีมโดยนายจตุรภัทร ชากันดี เจ้าพนักงานสัตวบาล ออกให้บริการเกษตรกร ผสมเทียมโคเนื้อ 3 ตัว 2 ราย, ติดตามลูกเกิด 5 ตัว 2 ราย และถ่ายบำรุงโค 14 ตัว 3 ราย
ทั้งนี้ทางสำนักงานปศุสัตว์ให้เจ้าหน้าที่ที่ลงพื้นที่ให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในการป้องกันโรคระบาดในโค-กระบือ และสัตว์ปีก แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ เช่น ส่งเสริมให้ทำวัคซีน และกำจัดแมลงดูดเลือดในโค-กระบือ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",14/3/2022,ภาคเหนือ,แพร่,สวท.แพร่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314154258706 จ.จันทบุรีแถลงข่าวการจับกุมและดำเนินคดีผู้กระทำผิดตัดทุเรียนอ่อนเพื่อส่งออกต่างประเทศ จะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องขั้นเด็ดขาด เพื่อป้องกันชื่อเสียงและผลกระทบการส่งออกของทุเรียนไทย,"ที่สถานีตำรวจภูธรท่าใหม่ จ.จันทบุรี นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วย นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร พ.ต.อ. กัมพล ลีลาประภาภรณ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้กระทำผิดตัดทุเรียนอ่อนเพื่อจำหน่ายเข้าข่ายความผิดหลอกลวงผู้บริโภค และฝ่าฝืนประกาศจังหวัดเรื่องการกำหนดเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งในเนื้อทุเรียน และกำหนดการเก็บเกี่ยวทุเรียน ตามมาตรการในการควบคุมป้องกันและแก้ไขปัญหาทุเรียนอ่อนออกสู่ตลาดในฤดูกาลผลิต ปี พ.ศ.2565 ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชุดปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพจังหวัดจันทบุรี ประกอบด้วย ฝ่ายปกครองจังหวัด อำเภอ ทหาร ตำรวจ ร่วมกับสำนักงานวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 (สวพ.6) กอ.รมน.จบ. สำนักงานเกษตรจังหวัด/อำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ร้อย.อส.จบ.ที่ 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันตรวจสอบโรงคัดทุเรียน(ล้ง) บริษัท ไท ชิงเต่า จำกัด หมู่ที่ 1 ตำบลเขาบายศรี อำเภอท่าใหม่ ในด้านคุณภาพของทุเรียนชนิดพันธุ์กระดุม โดยจากการสุ่มตรวจตัวอย่าง จำนวน 4 ตัวอย่าง พบว่ามีเปอร์เซ็นต์แป้ง 17% ,16% ,18% และ 15% ซึ่งต่ำกว่าเปอร์เซ็นต์แป้งมาตรฐาน ที่ 27% จึงได้ทำตำหนิและทำบันทึกตรวจยึดทุเรียนที่ไม่ได้คุณภาพ ทั้งหมด จำนวน 1,066 ลูก โดยได้รวบรวมหลักฐาน เพื่อนำแจ้ง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าใหม่ ดำเนินคดี กับล้งที่รับซื้อ และผู้ที่ตัดทุเรียนดังกล่าว ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนเกษตรกรเจ้าของสวนจะถูกเพิกถอนใบอนุญาต GAP
ทั้งนี้ จังหวัดจันทบุรีได้จัดชุดปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพจังหวัดจันทบุรี ออกสุ่มตรวจล้งคัดแยกบรรจุผลไม้ และแผงผลไม้ในจังหวัดจันทบุรีตลอดฤดูกาลผลิต เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ผลไม้คุณภาพดีของจังหวัด สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ หากพบผู้กระทำผิดก็จะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องอย่างเฉียบขาดทันที
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",14/3/2022,ภาคตะวันออก,จันทบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314162754746 รมว.เกษตรและสหกรณ์ Kick off เปิดน้ำเข้าทุ่งบางระกำ ตามแผนปรับปฏิทินการเพาะปลูกข้าว 2.6 แสนไร่ เพื่อให้เกษตรกรเกิดความมั่นใจว่ามีน้ำส่งอย่างทั่วถึง ได้ลงมือปลูกข้าวพร้อมกันวันที่ 1 เม.ย.นี้,บ่ายวันนี้ (14 มี.ค.65) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน และผู้ที่เกี่ยวข้อง เป็นประธาน Kick off เปิดน้ำเข้าทุ่งบางระกำ เพื่อให้เกษตรกรเกิดความมั่นใจว่ามีน้ำส่งอย่างทั่วถึง ได้ลงมือปลูกข้าวพร้อมกันวันที่ 1 เมษายน 2565 ตามแผนการปรับปฎิทินการเพาะปลูกนาข้าวนาปีให้เร็วขึ้น เพื่อลดผลกระทบผลผลิตเสียหายในช่วงฤดูน้ำหลาก ณ บริเวณท่อระบายน้ำคลองแยงมุม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ทุ่งบางระกำ เป็น 1 ใน 11 ทุ่ง ที่กรมชลประทานปรับปฎิทินเพาะปลูกให้เกษตรกรได้เพาะปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนฤดูน้ำหลากจะมา โดยปีนี้จะเริ่มส่งน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ ให้ทุ่งบางระกำพื้นที่ 2.6 แสนไร่ ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2565 โดยเกษตรกรสามารถเริ่มเตรียมแปลงเพาะปลูกนาข้าวนาปีได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 จนเกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ภายในสิงหาคมนี้ รวมปริมาณน้ำ 310 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ภายหลังที่เก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จแล้ว จะใช้ทุ่งบางระกำ เป็นแก้มลิงธรรมชาติรองรับน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากช่วยป้องกันบรรเทาปัญหาอุทกภัยในเขตจังหวัดพิษณุโลกและตัวเมืองสุโขทัย รวมทั้งพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ขณะเดียวกันได้ร่วมกับกรมประมงจัดหาปลาน้ำจืดมาปล่อยเข้าทุ่งบางระกำ ช่วยสร้างอาชีพประมงให้เป็นรายได้เสริม กับเกษตรกรได้อีกทางหนึ่งด้วย และเมื่อสิ้นเดือนพฤศจิกายนจะระบายน้ำออกจากทุ่ง ให้เหลือน้ำค้างทุ่ง ไว้ให้เกษตรกรเตรียมแปลงทำนาปรังต่อไปเป็นการประหยัดน้ำต้นทุนให้กับเขื่อนหลักได้เป็นอย่างมาก
อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวด้วยว่า ตลอดเวลาดำเนินโครงการบางระกำโมเดลตั้งแต่ปี 2560 ได้รับความพึงพอใจและการตอบรับจากประชาชนในพื้นที่และเกษตรกรผู้ใช้น้ำ เนื่องด้วยช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ในขณะเดียวกันช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวด้วย นับว่าโครงการบางระกำโมเดลตอบโจทย์บรรเทาปัญหาน้ำท่วมภัยแล้ง ตลอดจนสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้กับผู้ใช้น้ำได้ทั้งลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำเจ้าพระยา
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,14/3/2022,ภาคเหนือ,พิษณุโลก,สวท.พิษณุโลก,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314155235723 บางระกำโมเดล ตอบโจทย์เกษตรพื้นที่ลุ่มต่ำ ลดผลผลิตเสียหาย สร้างรายได้เพิ่ม,นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ดำเนินโครงการ บางระกำโมเดล ต่อเนื่องปีนี้เป็นปีที่ 6 ด้วยการปรับเปลี่ยนปฏิทินทำนาปีของเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งบางระกำ ครอบคลุมอำเภอพรหมพิราม อำเภอเมือง อำเภอบางระกำ และอำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก และอำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย ให้เร็วขึ้นกว่าปกติ โดยเกษตรกรสามารถเริ่มเตรียมแปลงเพาะปลูกข้าวนาปีได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนของทุกปี เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรได้เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วเสร็จก่อนที่ฤดูน้ำหลากจะมาถึง ช่วยลดความเสี่ยงปัญหานาข้าวถูกน้ำท่วมเสียหายและยังช่วยสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้ชาวนาในทุ่งบางระกำได้เป็นอย่างดี
สำหรับทุ่งบางระกำเป็น 1 ใน 11 ทุ่ง ที่กรมชลประทานปรับปฏิทินเพาะปลูกให้เกษตรกรได้เพาะปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนฤดูน้ำหลากจะมา โดยในปีนี้จะเริ่มส่งน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ให้ทุ่งบางระกำพื้นที่กว่า 2 แสนไร่ ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2565 จนเกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวข้าวได้ภายในเดือนสิงหาคม 2565 รวมปริมาณน้ำที่จัดสรรประมาณ 310 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) ภายหลังที่เก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จแล้ว จะใช้ทุ่งบางระกำเป็นแก้มลิงธรรมชาติ รองรับน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก ช่วยป้องกันบรรเทาปัญหาอุทกภัยในเขต จังหวัดพิษณุโลก และตัวเมืองสุโขทัย รวมทั้งพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง
ขณะเดียวกันได้ร่วมกับกรมประมง จัดหาพันธุ์ปลาน้ำจืดมาปล่อยเข้าทุ่งบางระกำ ช่วยสร้างอาชีพประมงให้เป็นรายได้เสริมกับเกษตรกรได้อีกทางหนึ่งด้วย และเมื่อสิ้นเดือนพฤศจิกายน จะระบายน้ำออกจากทุ่งโดยให้เหลือน้ำค้างทุ่งไว้ให้เกษตรกรได้เตรียมแปลงทำนาปรังต่อไปเป็นการประหยัดน้ำต้นทุนให้กับเขื่อนหลักได้เป็นอย่างมาก
อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวอีกว่า ตลอดเวลาดำเนินโครงการบางระกำโมเดลตั้งแต่ปี 2560 ได้รับความพึงพอใจและการตอบรับที่ดีจากประชาชนในพื้นที่และเกษตรกรผู้ใช้น้ำ เนื่องด้วยช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ในขณะเดียวกันช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวด้วย นับว่าโครงการบางระกำตอบโจทย์บรรเทาปัญหาน้ำท่วมภัยแล้ง ตลอดจนสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้กับผู้ใช้น้ำได้ทั้งลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำเจ้าพระยา
,14/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314214535819 สำนักงานสิ่งแวดล้อมบูรณาการหลายภาคส่วนตรวจสอบผลกระทบจากการประกอบกิจการการทำเหมืองแร่โปแตช จังหวัดนครราชสีมา,"
นางสาวอัจฉรา อิ่มมณี นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการ พร้อมเจ้าหน้าที่ ร่วมกับ อำเภอด่านขุนทด สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เขต 6 นครราชสีมา สำนักงานยุติธรรมจังหวัดนครราชสีมา องค์การบริหารส่วนตำบลหนองไทร และผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาผลกระทบการแพร่กระจายความเค็มจากการประกอบกิจการเหมืองแร่โปแตช
รวมทั้งการเรียกค่าชดเชยเยียวยาให้กับประชาชนที่ได้รับความเสียหายในพื้นที่ตำบลหนองไทร และตำบลหนองบัวตะเกียด ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลหนองไทร อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา และลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีข้อสรุปดังนี้
1. ขณะตรวจสอบพบว่าทางโรงงานมิได้ประกอบกิจการ เนื่องจากมีน้ำไหลเข้าไปในพื้นที่ทำเหมือง และอยู่ในระหว่างการปรับปรุงแก้ไข โดยมีการซื้อน้ำเกลือเข้ามาผลิตในพื้นที่
2. ตรวจสอบบ่อเก็บน้ำของเหมืองแร่ ตั้งอยู่บริเวณทางด้านทิศใต้ของพื้นที่ทำเหมือง ลักษณะเป็นบ่อน้ำมีคันดินล้อมรอบสูงประมาณ 5 เมตร สภาพแข็งแรง ไม่พบน้ำไหลออกนอกบ่อ
3. ตรวจสอบและสอบถามประชาชนในพื้นที่หมู่ที่ 4 บริเวณจุดที่เคยมีน้ำเค็มผุดขึ้นเมื่อปี 2562 โดยสภาพในปัจจุบันไม่พบน้ำเค็มผุดขึ้นจากบริเวณดังกล่าว
4. ตรวจสอบคุณภาพน้ำภาคสนามบริเวณบ่อเก็บน้ำสาธารณะจำนวน 2 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 บ่อเก็บน้ำ หมู่ที่ 4 มีค่า pH เท่ากับ 7.74 ค่าความเค็มสูงมากกว่า 40 กรัม/ลิตร ค่าสารที่ละลายได้ทั้งหมด เท่ากับ 77,700 มิลลิกรัม/ลิตร และจุดที่ 2 บ่อเก็บน้ำดิบสำหรับผลิตประปาหมู่บ้าน หมู่ที่ 10 มีค่า pH เท่ากับ 9.49 ค่าความเค็ม เท่ากับ 0.2 กรัม/ลิตร ค่าสารที่ละลายได้ทั้งหมด 333 มิลลิกรัม/ลิตร
5. ที่ประชุมมีมติให้เชิญผู้ที่ได้รับผลกระทบมาไกล่เกลี่ยค่าชดเชยเยียวยาในการประชุมครั้งต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",14/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314182412773 ผู้ว่าฯ มหาสารคาม นำคณะแลกเปลี่ยนความคิดและศึกษาดูงานฟาร์มเกษตรสมัยใหม่ เพื่อมุ่งยกระดับภาคการเกษตรแบบครบวงจร,ในระหว่างวันที่ 14-15 มีนาคม 2565 ที่คูโบต้าฟาร์ม ตำบลหนองอิรุณ อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วย นางพรศรี ตรงศิริ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมหาสารคาม/ประธานแม่บ้านมหาดไทย จังหวัดมหาสารคาม ได้นำหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และผู้นำเกษตรกร ของจังหวัดมหาสารคาม ร่วมประชุมสัมมนา ภายใต้โครงการเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn) จังหวัดมหาสารคาม ตามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างจังหวัดมหาสารคาม หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรเครือข่ายจังหวัดมหาสารคาม และบริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยมี นายธีระศักดิ์ พรรักษมณี ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท คูโบต้ามหาสารคาม จำกัด และ นางนางสุนิษา พรรักษมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัทคูโบต้ามหาสารคาม จำกัด ร่วมโครงการ และให้การต้อนรับ
สำหรับโครงการเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn) มีเป้าหมายลดการเผาจากภาคการเกษตรในจังหวัดมหาสารคาม ให้เป็น 0% ภายในปี 2565 และเตรียมเปิดหมู่บ้านต้นแบบ เกษตรปลอดการเผา จังหวัดมหาสารคาม เพื่อสนับสนุนและยกระดับกลุ่มเกษตรกรตัวอย่าง ในการเป็นต้นแบบหมู่บ้านเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn) ที่ประสบความสำเร็จ และเผยแพร่องค์ความรู้การทำเกษตรปลอดการเผาในจังหวัดมหาสารคาม รวมทั้งสร้างจิตสำนึกให้กับเกษตรกรในจังหวัดมหาสารคาม ได้ตระหนักถึงการทำเกษตรปลอดการเผา โดยบริษัทคูโบต้า ขอความร่วมมือจังหวัดมหาสารคาม ในการจัดตั้งตัวแทนหน่วยงาน ร่วมเข้าติดตามเป้าหมาย พัฒนาให้พ้นความยากจน ร่วมสรรหา และคัดเลือกพี่เลี้ยงเกษตรกร และร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้แก่ชุมชน ภายใต้สโลแกน ชุมชนเพาะสุขสยามคูโบต้า
ด้านนายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า การศึกษาดูงานในครั้งนี้ จะสามารถทำให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนพี่น้องเกษตรกร สามารถนำรูปแบบไปปรับปรุง พัฒนาการประกอบอาชีพด้านการเกษตร ตั้งแต่ต้นทาง ถึงปลายทาง ซึ่งในส่วนของจังหวัดมหาสารคามเอง ก็มุ่งยกระดับภาคการเกษตรแบบครบวงจร เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรได้ผลผลิตที่ดีขึ้น และมีรายได้ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,14/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,มหาสารคาม,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมหาสารคาม,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314195616785 ศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ส่งเสริมกิจกรรมการพัฒนาความสามารถในการพึ่งพาตนเองของฟาร์มตัวอย่างตามโครงการพระราชดำริในพื้นที่ จชต.,"วันนี้ (14 มี.ค.65) เวลา 13.30 น. พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมด้วย พันเอก อังคาร พร้อมสุข เสนาธิการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และคณะ เดินทางลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมติดตามความคืบหน้าการเลี้ยงแพะ ตามกิจกรรมการพัฒนาความสามารถในการพึ่งพาตนเองของฟาร์มตัวอย่างตามโครงการพระราชดำริในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา (กิจกรรมส่งเสริมการทำปศุสัตว์ และการทำประมง) ประจำปี พ.ศ. 2565 ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี จำนวน 2 ฟาร์มตัวอย่างฯ ได้แก่
โครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บ้านน้ำดำ ตำบลปุโละปุโย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี
โครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บ้านไร่ หมู่ที่ 6 ตำบลคอลอตันหยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี
โดยได้รับฟังปัญหา ข้อขัดข้อง ในการดำเนินงาน พร้อมกับได้มอบนโยบายในการบริหารจัดการภายในโครงการฟาร์มตัวอย่าง ให้เป็นไปตามนโยบายที่กำหนด เพื่อให้ฟาร์มตัวอย่างฯ สามารถเลี้ยงดูตนเองได้ เป็นแหล่งจ้างแรงงานให้สมาชิกฯ มีงานทำ มีรายได้เลี้ยงครอบครัว ได้เรียนรู้การทำเกษตร ปศุสัตว์ และประมงอย่างถูกหลักวิชาการ และรวมกลุ่มกันประกอบอาชีพในลักษณะการรวมกลุ่มทำงาน พร้อมทั้งส่งเสริมการขับเคลื่อน และพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ตามแนวทางหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมี พันเอก อิศรา จันทะกระยอม ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 153/ หัวหน้าคณะทำงานที่ 2 ,ผู้นำท้องถิ่น และส่วนราชการในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับ
โดยศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นหน่วยงานที่กำกับดูแล และให้ความช่วยเหลือในการดำเนินงานของโครงการฟาร์มตัวอย่างฯ ได้จัดทำโครงการการพัฒนาความสามารถในการพึ่งพาตนเองของฟาร์มตัวอย่างตามโครงการพระราชดำริในพื้นที่ จชต. ขึ้น เพื่อตอบสนองต่อนโยบายของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ที่สนับสนุนให้สมาชิกฟาร์มตัวอย่าง ได้มีทักษะในการดำรงชีพ และให้การสนับสนุนปัจจัยการผลิตในรูปแบบต่างๆ ส่งเสริมให้ฟาร์มตัวอย่างสามารถสร้างผลผลิตนำมาซึ่งรายได้ในการพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดประโยชน์กับสมาชิกฟาร์มตัวอย่างและชุมชนในหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่ จชต. โดยรวม ทั้งพี่น้องประชาชนไทยพุทธและพี่น้องประชาชนไทยมุสลิม ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีและอยู่ร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ ด้วยความรัก ความเข้าใจ ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม
ซึ่งศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สำรวจความต้องการของสมาชิกฟาร์มตัวอย่างในแต่ละพื้นที่ ร่วมกับสมาชิกฟาร์ม ในการเลือกทำเล เตรียมพื้นที่บริเวณฟาร์มฯ รวมถึงประสานงานกับเกษตรอำเภอในพื้นที่ ให้ความรู้ ตามความเหมาะสมเกี่ยวกับการเลี้ยงแพะสนับสนุนปัจจัยการผลิตให้แก่ฟาร์มตัวอย่างฯ โดยการจัดหาพันธุ์แพะ จัดทำโรงเรือนเลี้ยงแพะ และอาหาร ในระยะเริ่มต้น ให้แก่ โครงการฟาร์มตัวอย่างฯ ตามโครงการพระราชดำริในพื้นที่ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ในความรับผิดชอบของ ศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 16 ฟาร์ม
ในเวลาต่อมา พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และคณะ เดินทางต่อไปยัง ชุมชนท่าด่านตำบลตุยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เพื่อติดตามความคืบหน้าการเลี้ยงไก่ไข่ ตามโครงการส่งเสริมคุณภาพชีวิต เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี พ.ศ. 2565 ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี โดยศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้การสนับสนุนจัดหาพันธุ์ไก่ไข่ สายพันธุ์โร๊ดไอส์แลนด์เรด จำนวน 36 ตัว / ชุมชน พร้อมทั้งอุปกรณ์การเลี้ยงไก่ และอาหารไก่ ตามความต้องการของพี่น้องประชาชนในชุมชนที่ได้ทำการสำรวจ ตามแผนเสริมสร้างสันติสุข จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2564 ของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งกำหนดชุมชนล่อแหลมในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา จำนวน 258 ชุมชน
กิจกรรมดังกล่าว เป็นกิจกรรมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนไทยพุทธ และพี่น้องประชาชนไทยมุสลิม เป็นการลดต้นทุนในการประกอบอาชีพสามารถสร้างงาน ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ให้สามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",14/3/2022,ภาคใต้,ปัตตานี,สวท.ปัตตานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314205205796 จังหวัดพังงา เปิดการปฐมนิเทศประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมสะพานเชื่อมเกาะคอเขา อำเภอตะกั่วป่า,นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เปิดการประชุมปฐมนิเทศโครงการศึกษาความเหมาะสมและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมสะพานเชื่อมเกาะคอเขา อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา โดยมี นางกันตวรรณ ตันเถียร กุลจรรยาวิวัฒน์ สส.จังหวัดพังงา ผู้แทนกรมทางหลวงชนบท ผู้แทนหน่วยงาน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และผ่านระบบออนไลน์ไปยังผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมเขาหลัก โรงแรมชีวิว รีสอร์ท เขาหลัก จังหวัดพังงา เพื่อชี้แจงรายละเอียดความเป็นมาของโครงการ ขั้นตอน แนวทางการศึกษา และการดำเนินโครงการ รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่าง ๆ โดยกรมทางหลวงชนบท มีความมุ่งหมายที่จะให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นอย่างเปิดกว้าง ร่วมกันแสดงความคิดเห็นถึงผลกระทบของการก่อสร้างสะพาน รวมทั้งผลประโยชน์ที่ได้รับ เช่น ด้านการคมนาคมขนส่ง ด้านการสัญจรไปมา ด้านการท่องเที่ยว ด้านการดูแลฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมบริเวณแนวก่อสร้าง การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นต้น เพื่อให้เกิดฐานข้อมูลในหลายๆ ด้านประกอบการพิจารณาในการอนุมัติเงินงบประมาณเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในโอกาสต่อไป
โดยกรมทางหลวงชนบทมีพันธกิจในการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานทางหลวงชนบท เพื่อเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่ง การสัญจร การท่องเที่ยว การพัฒนาชายแดน การพัฒนาเมือง โดยปัจจุบันการเดินทางระหว่างแผ่นดินใหญ่กับเกาะคอเขาจะต้องใช้เรือ และแพขนานยนต์จากฝั่งสู่เกาะคอเขา ทำให้มีปัญหาด้านความปลอดภัยและความล่าช้าในการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางในช่วงฤดูท่องเที่ยวและในเวลาเร่งด่วน ต่อมาคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน มีมติให้ขับเคลื่อนโครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะคอเขา เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่และส่งเสริมการท่องเที่ยวบริเวณเกาะคอเขา ซึ่งเป็นเกาะที่มีศักยภาพในการพัฒนาการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดพังงา ดังนั้นเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกปลอดภัย รวดเร็วในการเดินทางและเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดพังงา จึงขอให้กรมทางหลวงชนบทสนับสนุนการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะคอเขา อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ซึ่งกรมทางหลวงชนบท ได้ตรวจสอบข้อมูลของโครงการในเบื้องต้น พบว่า โครงการดังกล่าวมีความเป็นไปได้ทางวิศวกรรม แต่พื้นที่ในการดำเนินงานโครงการอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ เช่น พื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม เขตพื้นที่ป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี เขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เป็นต้น การดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานดังกล่าว จึงต้องปฏิบัติตามข้อระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยจะต้องทำการศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้จัดให้มีการประชุมขึ้นในวันนี้
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,14/3/2022,ภาคใต้,พังงา,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพังงา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314220256825 จังหวัดพังงา เตรียมชี้แจงปัญหาและข้อมูลแนวเขตทางทะเลที่ยังไม่ได้ข้อยุติต่อคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา,ที่ห้องประชุมเหมืองแร่ ศาลากลางจังหวัดพังงา นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วย นายเถลิงศักดิ์ นุชประหาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายพจน์ หรูวรนันท์ ปลัดจังหวัดพังงา กอ.รมน.จังหวัดพังงา อำเภอเกาะยาว ผู้นำท้องที่ และที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมหารือและเตรียมหลักฐานข้อมูลแนวเขตทางทะเลระหว่างจังหวัดพังงากับจังหวัดกระบี่ เพื่อนำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ในโอกาสที่ได้ติดตามการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ เรื่อง การบริหารจัดการเขตทางทะเลและชายฝั่งรายจังหวัด ในประเด็นจัดทำร่างพระราชกำหนดเขตการปกครองของจังหวัดทางทะเล (พ.ศ.) ซึ่งจะมีการประชุมผ่านระบบออนไลน์ในวันที่ 15 มีนาคม 2565 โดยมีผู้ร่วมปรึกษาหารือ ประกอบด้วย คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาเกี่ยวกับด้านทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง และภาครัฐ ที่มีผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่(หรือผู้แทน) ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา(หรือผู้แทน) เพื่อชี้แจงปัญหา อุปสรรค ในการแบ่งเขตทางทะเล และหาข้อเสนอแนะเพื่อยุติปัญหา
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,14/3/2022,ภาคใต้,พังงา,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพังงา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220314220814826 ปภ.ระยองรายงานภาพรวมการเฝ้าระวังคราบน้ำมันกลางทะเลและการดำเนินการพัรท่อใต้ทุ่น SPM,"สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง สรุปการดำเนินงานกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง กรณีคราบน้ำมันดิบรั่วไหล โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยอง แจ้งว่า เรือ UNIWISE RAYONG ปฏิบัติงานใต้น้ำ ส่งนักประดาน้ำลงไปซ่อมทำตัวท่อด้วยการพันและอุดรอยรั่วของท่อน้ำมันด้วยการใช้วิธีพันท่อต่อเนื่อง โดยช่วงบ่ายเริ่มพันท่อในรอบที่ 4 ของบริเวณรอยรั่วเดิม ซึ่งจากการสังเกตการณ์ของการปฏิบัติงานในพื้นที่ตั้งแต่ 09.00 17.00 น. ไม่พบคราบและกลิ่นน้ำมันในพื้นที่ทุ่น SPM ส่วนการดำเนินงานของบริษัทบนชายฝั่งยังคงกำลังในการเฝ้าระวังคราบน้ำมันดิบและทำความสะอาดชายหาด ส่วน สทช.1 ลงพื้นที่ตรวจชายหาดยังคงพบ ก้อนสีดำคล้ายยางมะตอย เม็ดสีน้ำตาลคล้ายหินภูเขาไฟบางๆ พบคราบสีดำคล้ายถ่าน ในบางจุดของชายหาด
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",14/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315003852841 กอนช. ขอให้ประชาชนภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ระวังเกิดฝนตก,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ระวังเกิดฝนตก
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (15 มี.ค.65) ว่า ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ จ.สตูล 74 มิลลิเมตร , สงขลา 73 มิลลิเมตร และพัทลุง 56 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 29,009 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 50 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 23,033 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 48 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล อ่างเก็บน้ำแม่จาง และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนและแม่กลองมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
",15/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315091647848 ส่งเสริมการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ เชิงพาณิชย์ด้วย มาลัยวิทยสถาน,นางสาววิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ หรือ วช. กล่าวว่า วช. สนับสนุนโครงการมาลัยวิทยสถาน ให้แก่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ดำเนินโครงการฯ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ด้วยการผลิตไม้ดอกไม้ประดับ โดยใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ทำให้สามารถยกระดับภาคเกษตรเป็นธุรกิจ สร้างงาน สร้างรายได้และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการต่อเนื่อง
แนวทางมาลัยวิทยสถาน เป็นแนวคิด ของ ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในการนำเอานวัตกรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี การพัฒนาองค์ความรู้ที่ยั่งยืน สู่การพัฒนาตลอดห่วงโซ่การผลิต ตลอดจนสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวในจังหวัด โดยมีพื้นที่นำร่องในจังหวัดเลยและจังหวัดลำปาง เพื่อเป็นพื้นที่ต้นแบบสู่การเรียนรู้เชื่อมโยงไปยังพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ต่อไป
นายอนันต์ พิริยะภัทรกิจ หัวหน้าโครงการมาลัยวิทยสถาน กล่าวว่า โครงการมาลัยวิทยสถาน ดำเนินโครงการโดยคณะนักวิจัย วว. ซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก วช. ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในด้านการพัฒนาสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการปลูกเลี้ยงไม้ดอกไม้ประดับและการถ่ายทอดเทคโนโลยี นวัตกรรมด้านการผลิตไม้ดอกไม้ประดับเชิงพาณิชย์และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของผู้ผลิตให้มีศักยภาพมากขึ้น ช่วยเสริมสร้างรายได้ให้กับชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากในช่วงวิกฤตระบาดของโควิด-19 และการยกระดับสู่อาชีพที่ยั่งยืนหลังสถานการณ์คลี่คลายด้วยเกษตรสมัยใหม่ ตามหลัก BCG Model อีกทั้งยังช่วยปรับปรุงสภาพแวดล้อมในพื้นที่ให้เป็นเมืองน่าอยู่ เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเป็นประโยชน์กับเกษตรกรผู้ปลูกเลี้ยงไม้ดอกไม้ประดับและคนในชุมชนใกล้เคียง และเป็นต้นแบบให้จังหวัดอื่นๆ ก่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างกลุ่มเกษตรกร นักวิจัยในมหาวิทยาลัย นักวิจัยในหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการเอกชนที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับของต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ได้อย่างแท้จริง
นางสาวณัฐริกา ศรีสวัสดิ์ หัวหน้าศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนท้ายบ้านแก่งไฮ อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการพัฒนาเรื่องการอบดิน เพื่อไม่ให้ต้นคริสต์มาสเกิดโรคและเสียหาย จะได้อัตราการผลิตที่เพิ่มขึ้น ซึ่งตอนนี้มีการวิจัยอยู่ คาดว่าผลที่จะได้ ไม้ดอกจะไม่เสียหาย มีผลผลิตเพิ่มขึ้น มีคุณภาพที่ดีขึ้น รวมถึงการมีดอกใบที่สวยพร้อมส่งออกไปทั่วประเทศ สำหรับจังหวัดเลย เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูงเมืองหนึ่ง เนื่องจากมีวัฒนธรรมที่โดดเด่นและมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ทั้งมีภูมิอากาศที่เป็นเย็นสบายตลอดทั้งปี เหมาะแก่การเพาะปลูกพรรณไม้เมืองหนาวหลากหลายสายพันธุ์ ส่งผลให้มีกลุ่มเกษตรกรที่ทำการเพาะเลี้ยงไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอำเภอภูเรือและอำเภอด่านซ้าย เป็นแหล่งผลิตไม้ดอกไม้ประดับที่สำคัญและขนาดใหญ่สุดของประเทศ
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ของโครงการมาลัยวิทยสถานได้ที่ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) โทร. 02 577 9018
,15/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315094351857 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือสูงในระดับสีแดงบริเวณ ต.จองคำ จ.แม่ฮ่องสอน แล้วต้องเฝ้าระวังค่าฝุ่นสูงขึ้นอีกช่วง 20 21 มี.ค.นี้ ส่วน กทม.และปริมณฑลคุณภาพอากาศดีทุกพื้นที่,"
ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือสูงในระดับสีแดงบริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน แล้วต้องเฝ้าระวังค่าฝุ่นสูงขึ้นอีกช่วง 20 21 มีนาคมนี้ ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีทุกพื้นที่
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (15 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นหลายพื้นที่ปรับตัวสูงขึ้นหลายพื้นที่เกินเกณฑ์มาตรฐานระดับสีแดง 1 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งต้องเฝ้าระวังเฝ้าระวังจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นพิเศษ หากมีแหล่งกำเนิดในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงจะมีโอกาสที่ค่าฝุ่นละอองสูงขึ้นได้ช่วงวันที่ 20 21 มีนาคม ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 17 - 19 มีนาคม โดยช่วงวันที่ 16 19 มีนาคมมีโอกาสเกิดฝนฟ้าคะนองขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงดี โดยค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัด ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 16 - 22 มีนาคม
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลงอยู่ที่ 500 จุด ส่วนใหญ่เกิดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านยังกระทบประเทศไทยหลายพื้นที่
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (14 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 500 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่เกษตร 136 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 133 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 94 จุด // พื้นที่เขต สปก. 77 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 55 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 5 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุดทางภาคเหนือ คือ แม่ฮ่องสอน 81 จุด ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ สกลนคร 46 จุด และอุบลราชธานี 38 จุด โดยจุดความร้อนยังคงกระจายตัวอยู่ในบริเวณตอนบนของประเทศ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือวันนี้พบ 284 จุด ส่วนภาคเหนือ 156 จุด คาดว่า จะเกิดจากการเผาในกิจกรรมการเกษตรและการเผาเพื่อเข้าไปหาของป่าหรือล่าสัตว์ ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 14 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 11,233 จุด , ภาคเหนือ 9,353 จุด และภาคกลาง 5,671 จุด โดยวันนี้หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีคุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อยู่ในระดับที่เริ่มส่งผลต่อสุขภาพถึงมีผลต่อสุขภาพ โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอนและหนองคาย
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาติดต่อกัน 16 วัน วันนี้พบสูง 2,896 จุด รองลงมาเป็น สปป.ลาว 2,114 จุด และกัมพูชา 820 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",15/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315095124866 สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง เผยวันนี้ภาคเหนือ PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน 10 พื้นที่ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ,สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง เปิดเผยสถานการณ์ PM2.5 ภาคเหนือ ประจำวันที่ 15 มีนาคม 2565 ณ 07.00 น พบว่าเกินค่ามาตรฐาน 10 พื้นที่ วัดได้ 31 -100 มคก./ลบ.ม. อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ได้แก่พื้นที่จังหวัดเชียงราย/จังหวัดแม่ฮ่องสอน/จังหวัดพะเยา/จังหวัดน่าน/จังหวัดลำปาง/จังหวัดแพร่/จังหวัดอุตรดิตถ์/จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดกำแพงเพชร
คำเตือนสำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่เกินเกณฑ์มาตรฐาน ประชาชนทั่วไปควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น และผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ถ้ามีอาการทางสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com แอปพลิเคชัน Air4Thai และ AirBKK
,15/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315105552895 แปลงใหญ่มะยงชิด นครนายก ช่วยเกษตรกรลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตได้ร้อยเปอร์เซ็นต์,"นางอัญชลี สุวจิตตานนท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า สำนักงานเกษตรจังหวัดนครนายก ส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกมะยงชิดในจังหวัดรวมกลุ่มกันเป็นแปลงใหญ่ เพื่อพัฒนาตามหลักการของระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ส่งผลให้ปัจจุบันจังหวัดนครนายกมีแปลงใหญ่มะยงชิด จำนวนทั้งสิ้น 6 แปลง เกษตรกรสมาชิก 283 ราย พื้นที่ 1,389. ไร่
ผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินงานที่ผ่านมาพบว่า แปลงใหญ่มะยงชิดทั้งหมด สามารถลดต้นทุนและได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นทุกแปลง หรือคิดเป็นร้อยละ 100 ของจำนวนแปลงใหญ่มะยงชิดทั้งหมด ได้แก่ แปลงใหญ่มะยงชิด ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนครนายก ซึ่งในปี 2563 มีแปลงใหญ่เข้าร่วมโครงการ 3 แปลง ซึ่งแปลงใหญ่มะยงชิด ตำบลศรีนาวา อำเภอเมืองนครนายก เป็นแปลงที่สำนักงานเกษตรจังหวัดนครนายกสำรวจแล้วพบว่ามีศักยภาพในการดำเนินการแบบแปลงใหญ่ได้ จึงได้สมัครเข้าร่วมโครงการในปี 2565 ขณะนี้อยู่ในระหว่างการส่งเสริมด้านการลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มผลผลิต การพัฒนาคุณภาพ การตลาดและการบริหารจัดการ ตามหลักการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ 5 ด้าน
จังหวัดนครนายก มีเกษตรกรปลูกมะยงชิด จำนวน 2,642 ราย พื้นที่ปลูก 7,956 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอเมืองนครนายก อำเภอบ้านนาและพื้นที่อำเภอปากพลีบางส่วน โดยในช่วงปลายเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมของทุกปี เป็นฤดูกาลที่มะยงชิดในพื้นที่จังหวัดนครนายกให้ผลผลิตออกสู่ตลาดและผลผลิตเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคเป็นอย่างดี
โดยในปีนี้มะยงชิด จังหวัดนครนายก ให้ผลผลิตประมาณ 1,800 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย 226 กิโลกรัมต่อไร่ เกษตรกรมีการจำหน่ายผลสดและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะยงชิด จากสวนเกษตรกรโดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่มีลูกค้าประจำมาซื้อที่สวน การจำหน่ายผ่านเพจ Facebook ของตนเอง การจำหน่ายที่ตลาดเกษตรกรนครนายก บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด ทุกวันศุกร์ รวมทั้งมีการขายออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.ตลาดเกษตรกรออนไลน์.com อีกด้วย
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในปัจจุบันการสร้างโอกาสในการแข่งขันทางการค้าของสินค้าเกษตร ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของปริมาณการซื้อขายในตลาดหรือรายได้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพตรงตามมาตรฐานสากล คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม แรงงาน สิ่งแวดล้อม รวมถึงความต่อเนื่องและสม่ำเสมอของผลผลิต เหล่านี้จะเป็นตัวชี้วัดให้ผู้ซื้อเกิดความเชื่อมั่นทั้งต่อตัวผู้ผลิตและตัวสินค้า จึงได้เกิดความร่วมมือระหว่าง กยท. และ บริษัท RUBBERWAY PTE. นำแอปพลิเคชัน RUBBERWAY เข้าเก็บรวบรวมข้อมูลสถิติตลอดทั้งห่วงโซ่ด้านยางพารา เพื่อนำมาพัฒนาสวนยางพาราในประเทศให้เข้าสู่ระบบการจัดการสวนยางยั่งยืนของยางธรรมชาติ เปิดโอกาสการเข้าถึงการแข่งขันทางการค้าและการลงทุนในเวทีระดับโลก และการจำหน่ายยางตรงสู่ผู้ประกอบการธุรกิจยางล้อ
โดยได้ทำการเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ การสร้างความรับรู้ ความเข้าใจและการใช้งานแอปพลิเคชัน RUBBERWAY ภายใต้โครงการประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนของยางธรรมชาติในประเทศไทย โดยมุ่งพัฒนาระบบดิจิทัลเพื่อการให้บริการข้อมูลและการติดต่อสื่อสารต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านยางพาราทั้งระบบ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานขององค์กรสู่ระบบดิจิทัลให้ครอบคลุมมิติ สร้างโอกาสด้านการแข่งขันทางการค้าให้แก่เกษตรชาวสวนยางในยุค 4.0
แอปพลิเคชัน Rubberway จะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนายางพาราในประเทศด้วยระบบดิจิทัล ทั้งนี้จะเป็นการพัฒนามาตรฐานผลผลิตน้ำยางสดของเกษตรกรให้เป็นที่ยอมรับ สร้างอำนาจต่อรองการซื้อขาย ช่วยให้ราคายางเพิ่มขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ ยกระดับรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีของเกษตรกรชาวสวนยาง
,15/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315111313902 ภาคเอกชนจังหวัดสุรินทร์สนับสนุนโครงการปลูกป่าชุมชน เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว,"
วันนี้ (15 มีนาคม 2565) เวลา 09.30 น. KI GROUP บริษัท น้ำตาลสุรินทรจำกัด และบริษัท ไฟฟ้าสุรินทร์ จำกัด โดยนายยงยุทธ เสถียรถิระกุล กรรมการผู้จัดการ, นายมั่นคง เสถียรถิระกุล รองกรรมการผู้จัดการ มอบหมายภารกิจงานนายสุดเขต เขียวอุไร ผู้จัดการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์และกิจกรรมเพื่อสังคม และเจ้าหน้าที่รัฐกิจสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่กิจกรรมเพื่อสังคม เป็นตัวแทนพนักงานทุกคน เตรียมพร้อมสถานที่เพื่อดำเนินการจัดทำโครงการ น้ำตาลสุรินทร์ 1CSR-006-006 บำรุงไม้ป่า ปีที่ 3 ณ หนองน้ำตาลอก บ้านละลมระไซร์ ตำบลปรือ อำเภอปราสาท
ซึ่งได้จัดทำเพื่อช่วยเหลือต้นไม้ในโครงการที่ได้ปลูกป่าชุมชน ในปี 2563 ในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว บริเวณรอบหนองน้ำ ซึ่งขณะนี้มีอากาศร้อนและเริ่มมีภาวะแล้ง อาจทำให้ต้นไม้ที่มีอยู่ ไม่สามารถทนต่อสภาพอากาศได้ โดยมีกำหนดการ ในวันจันทร์ที่ 21 มีนาคม 2565 เวลา 09.00 น. โดยการนำ Filter Cake ที่มีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช ได้แก่ ธาตุไนโตรเจน (N) ประมาณ 3% ฟอสฟอรัส (P) ประมาณ 0.24% และโพแทสเซียม (K) ประมาณ 0.2% คุณสมบัติเป็นวัสดุปรับปรุงดินได้เป็นอย่างดี ใส่เพิ่มในบริเวณโคนต้นไม้ ที่ได้ทำการปลูกในปี 2563 รอบหนองน้ำ ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรม ทางบริษัท น้ำตาลสุรินทร์ จำกัด และ บริษัท ไฟฟ้าสุรินทร์ จำกัด จะจัดให้มีเจ้าหน้าที่ทำการรดน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้นของดิน อย่างน้อย สัปดาห์ละ 2 ครั้ง จนเสร็จสิ้นฤดู อีกด้วย และได้จัดทำเป็นประจำทุกปี
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",15/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สวท.สุรินทร์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315120039939 จ.ลำพูน ร่วมอนุรักษ์และสืบสานพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาและฟื้นฟูลำน้ำแม่สาร พร้อมปรับภูมิทัศน์ให้สะอาดให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์สูงสุด,วันที่ 14 มีนาคม 2565 บริเวณท่าน้ำหน้าวัดทุ่งยาว ตำบลศรีบัวบาน อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน นายโยธิน ประสงค์ความดี นายอำเภอเมืองลำพูน เป็นประธานในการการจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาและฟื้นฟูลำน้ำแม่สาร ตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีนายจรูญ คำปันนา นายกเทศมนตรีตำบลศรีบัวบาน พร้อมด้วยผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้แทนหน่วยงานราชการในพื้นที่จิตอาสา จิตอาสาภัยพิบัติ และประชาชนตำบลศรีบัวบาน จำนวนมากเข้าร่วม
นายอำเภอเมืองลำพูน กล่าวว่า ลำน้ำแม่สารถือเป็นเส้นเลือดฝอยของประชาชนตำบลศรีบัวบาน ในฐานะเจ้าของพื้นที่ถือเป็นได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการทำกิจกรรมในครั้งนี้ ซึ่งประชาชนตำบลศรีบัวบานสามารถช่วยกันพัฒนาแหล่งน้ำได้ตลอดทั้งปี เป็นโครงการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนจะดำเนินการสานต่อพระราชปณิธาน ในการพัฒนาลำน้ำให้สวยงาม ขุดลอกเปิดทางน้ำ รวมทั้งกำจัดวัชพืชและสิ่งปฏิกูลต่างๆ เพื่อให้ได้พื้นที่ลำน้ำมากยิ่งขึ้น
สำหรับการจัดกิจกรรมจิตอาสาในครั้งนี้ เป็นการจัดกิจกรรมจิตอาสาฟื้นฟูแหล่งน้ำตามธรรมชาติ แม่น้ำ คูคลอง หนองบึงให้สะอาดสวยงาม ซึ่งจังหวัดลำพูนได้กำหนดให้ลำน้ำแม่สารที่ไหลผ่านพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลศรีบัวบาน ตำบลเวียงยอง และตำบลป่าสัก อำเภอเมืองลำพูน ระยะทางประมาณ 28 กิโลเมตร เป็นแหล่งน้ำต้นแบบที่จะดำเนินการฟื้นฟูและพัฒนาให้ลำน้ำสวยงามอยู่คู่กับประชาชนตลอดไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,15/3/2022,ภาคเหนือ,ลำพูน,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315115325934 ตรัง - กยท.เร่งหนุนเกษตรกรปลูกกล้วยหอมทองรุกตลาดห้างดังและต่างประเทศ ทั้งนี้ สามารถปลูกในพื้นที่ยางปลูกใหม่ได้ประมาณ 3 ปี เก็บผลผลิตได้ในระยะเวลาเพียง 8 เดือนแรก ต่อปีตัดได้ 6 รอบ และสามารถคืนทุนได้ในรอบแรก ที่เหลือกำไรอีก 5 รอบ,"นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ด้านปฏิบัติการ พร้อมด้วยผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทย เขตภาคใต้ตอนกลาง และผู้บริหารการยางในพื้นที่จ.ตรัง เดินทางลงพื้นที่สวนกล้วยหอมทอง เนื้อที่ 8 ไร่ครึ่ง หรือประมาณ 2,100 ต้น ที่กำลังให้ผลผลิต ในพื้นที่หมู่ 4 บ้านทุ่งส้มป่อย ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง ของนายสมชาย แก้วลาย อายุ 71 ปี อดีตผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทย จ.พัทลุง ซึ่งเป็นเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมทอง เจ้าแรกเจ้าใหญ่เจ้าเดียวในจ.ตรัง ขณะนี้ขายกล้วยหอมทองได้กิโลกรัมละ 12 บาท สูงกว่าราคาในตลาดทั่วไปถึง 1 เท่า โดยตลาดทั่วไปรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 6 บาท
โดยมีนายสมชัย หนูนวล อายุ 40 ปี เจ้าของสวนนายปาน ซึ่งเป็นเกษตรกรหนุ่ม และเป็นพ่อค้าคนกลาง รับซื้อ-ส่งขายผลไม้ในห้างโมเดิร์นเทรดภาคใต้และต่างประเทศ เดินทางมาพบปะกับผู้บริหารการยางแห่งประเทศไทยระดับประเทศและจังหวัดตรัง เพื่อแสวงหาความร่วมมือในการส่งเสริมให้เกษตรชาวสวนยางปลูกกล้วยหอมทองแซมในสวนยางที่ปลูกใหม่ พร้อมกับสาธิตวิธีการมัดเครือกล้วยกับต้น การปลูกดูแลรักษา และรับฟังแนวทางการตลาด โดยมีตลาดรองรับที่แน่นอนทั้งในภาคใต้และต่างประเทศ และในราคารับประกัน ซึ่งตรงกับนโยบายของการยางแห่งประเทศไทย ที่ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชแซมยาง เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่เกษตรกร
โดยนายสมชัย เจ้าของสวนนายปาน กล่าวว่า สวนนายปาน ส่งผลไม้ไทยมากกว่า 50 ชนิด แต่มุ่งเน้นหลักหลักเพื่อให้เกษตรกรปลูกได้โดยที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด คือ กล้วยหอม มะละกอ สับปะรด สละ และผลไม้ตามฤดูกาลที่มีอยู่อย่าง เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง โดยรับทุกประเภทที่เป็นผลไม้ไทย ตลาดสำคัญคือ ห้างโมเดิร์นเทรดทุกสาขาในภาคใต้ เช่น ห้างแม็คโคร และร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น
โดยเฉพาะขณะนี้กล้วยหอมทอง ตลาดต้องการผลผลิตจำนวนมาก แต่ปัญหาต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา คือ ผลผลิตมีไม่เพียงพอ เนื่องจากพื้นที่ปลูกมีน้อย วันนี้ จึงมาจับมือกับการยางแห่งประเทศไทย เพราะว่าการยางมีพื้นที่ปลูกยางใหม่แต่ละปีจำนวนมาก จึงมองเห็นโอกาส จึงมาขอความร่วมมือจากทางผู้บริหารการยางแห่งประเทศไทย เพื่อขอสนับสนุนพื้นที่ที่มีความเหมาะสม มีแหล่งน้ำ เกษตรกรมีความพร้อม มาจับมือกับสวนนายปาน เพื่อทำการปลูกเน้นไปที่กล้วยหอมทองเป็นหลัก เพื่อส่งเสริมให้ตลาดเติบโตมากยิ่งขึ้น ให้มีผลผลิตเพียงพอต่อความต้องการของตลาด โดยขณะนี้กล้วยหอมส่งได้เพียงวันละ 1 ตันเท่านั้น ขณะที่ความต้องการประมาณวันละ 2 ตัน หรือประมาณดือนละ 60 ตัว
นอกจากนั้น ขณะนี้กำลังเริ่มบุกเบิกตลาดต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น และตลาดฟรีซดราย (Freeze Dried) ส่งไปยังประเทศเยอรมัน โดยเริ่มต้นส่งผ่านมาเลเซีย โดยต่างประเทศตอนนี้ตนเองรับออเดอร์มาอาทิตย์ละ 30 ตัน รวมทั้งตลาดซาอุดิอาระเบีย ซึ่งตนเองต้องการผลไม้จากเกษตรกรในภาคใต้เป็นจำนวนมากในราคารับประกัน และสูงกว่าราคาทั่วไป เพราะผลไม้เป็นสินค้าที่ขายได้ทั้งปี ไม่มีฤดูกาล หากทำได้เกษตรกรก็จะมีรายได้ต่อเนื่องตลอดเช่นกัน ไม่เว้นแม้สถานการณ์วิกฤติ ก็จะยิ่งเป็นโอกาส เช่น สถานการณ์วิกฤตโควิดที่ผ่านมา มีการปิดจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวอย่างจ.ภูเก็ต นทท.ต่างชาติติดค้างในประเทศ ทำตลาดกล้วยหอมทองเติบโตถึง 300% เพราะคนต้องกินในทุกสถานการณ์ จึงเป็นโอกาสของเกษตรกร
ทางด้านนายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ด้านปฏิบัติการ กล่าวว่า โชคดีที่ได้มาเยี่ยมเกษตรกรที่อยู่ระหว่างการดูแลของการยาง คือ สวนกล้วยหอมทอง ของนายสมชาย แก้วลาย โดยการยางมีนโยบายส่งเสริมให้มีการหารายได้ระหว่างทำสวนยาง โดยใช้พื้นที่ว่างเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ให้เกษตรกรมีรายได้ระหว่างรอกรีด ฟังพ่อค้าคนกลางพูดแล้ว การยางก็พร้อมส่งเสริมเกษตรกร ตามนโยบายสวนยางยั่งยืน และต้องมีความมั่นคงทางอาหาร โดยประเทศไทยมีสวนยางพาราประมาณ 20 กว่าล้านไร่ และมีคนโค่นยางทุกวัน จึงพร้อมสนับสนุน โดยยึดหลักการตลาดนำการผลิตภายใต้คุณภาพที่ผู้ประกอบการกำหนด เป็นธุรกิจที่คืนทุนใน 1 รอบ ในการส่งเสริมเกษตรกรจะต้องมีตลาดที่แน่นอน ทาง กยท.ก็พร้อมจะจับมือเดินไปพร้อมกันทั้ง ตลาด เกษตรกร และกยท.
ทางด้านนายณรงค์ศักดิ์ ใจสมุทร ผอ.การยางแห่งประเทศไทย เขตภาคใต้ตอนกลาง บอกว่า ดูแลพื้นที่สวนยาง 6 จังหวัด คือ ตรัง นครศรีธรรมราช พัทลุง กระบี่ พังงา และภูเก็ต โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดนครศรีฯ พัทลุง ตรัง มีเป้าหมายในการโค่นยาง เพื่อปลูกทดแทนในแต่ละปีประมาณ 20,000 กว่าไร่ จึงเป็นโอกาสของเกษตรกร ที่จะสร้างรายได้ เพิ่มการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ช่วงปลูกยางใหม่ให้มีรายได้ต่อเนื่อง ซึ่งการพูดคุยในวันนี้เป็นลักษณะมุ่งเน้นเรื่องการตลาดนำการผลิต มีตลาดแน่นอน มีผู้ซื้อ มีการประกันราคารับซื้อกลับให้กับเกษตรกรอยู่ในราคาที่ค่อนข้างจะสูง น่าจะเป็นที่พอใจ เช่น แปลงตัวอย่างของนายสมชาย แก้วลาย
ซึ่งขายให้กับสวนนายปานอยู่แล้ว พบว่าผลผลิตเฉลี่ยรายได้ต่อเดือน ในการผลิตกล้วยหอมแต่ละรุ่น ได้ไม่น้อยกว่า 10,000 บาทต่อไร่ต่อเดือน ปลูกได้แปดเดือนเก็บผลผลิตได้ เกษตรกรจะมีกำไรจากการผลิตกล้วยไร่ประมาณ 80,000 บาท จึงเป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยเกษตรกรชาวสวนยาง อยากให้มีความมั่นคงด้านครอบครัว และความมั่นคงด้านอาหาร ให้กับสังคมและภูมิภาคของภาคใต้
ทางด้านนายภิรม หนูรอด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย จังหวัดตรัง กล่าวว่า ฟังการตลาดทำให้เกิดความมั่นใจขึ้น เดิมพนักงานในตรังที่ลงพื้นที่หากไม่มั่นใจในด้านตลาด ก็ไม่มั่นใจที่จะไปบอกกับเกษตรกร แต่วันนี้ฟังทั้งด้านการตลาด และฟังผู้บริหาร กยท.ตรังก็พร้อมจะสนับสนุนเต็มที่ โดยในปี 2565 จ.ตรัง จะมีพื้นที่โค่นใหม่ไม่น้อยกว่า 15,000 ไร่ วางแผนแล้วจะคัดสรรเกษตรกรหัวก้าวหน้าประมาณ 50 ราย ในทุกอำเภอ ส่วนเงินทุน กยท.มีเงินสนับสนุนส่งเสริมอาชีพ ตาม พ.ร.บ การยางฯ มาตรา 49 (5) ละไม่เกิน 50,000 บาท แต่ขณะนี้ กยท จะปรับให้ได้รายละ 100,000 บาท ในอนาคต
ซึ่ง กยท.มีเงินเพียงพอ พร้อมสนับสนุนเกษตรกรด้านนายสมชาย แก้วลาย เกษตรกร กล่าวว่า เนื้อที่ 8 ไร่ครึ่ง หรือประมาณ 2,100 ต้น ตนเองลงทุนรอบแรก 400,000 บาท และตัดขายสามารถคืนทุนได้ในรอบแรก ซึ่งต้นทุนของตนอาจจะมากกว่าคนหนุ่มสาว เพราะตนทำไม่ไหว ต้องจ้างทุกอย่าง ต้นทุนอยู่ที่ต้นละ 200 บาท แต่คนอื่นต้นทุนเพียงประมาณ 120 บาทต่อต้น แต่หากเกษตรกรมีแค่ 2-3 ไร่ ต้นทุนประมาณ 80 บาทต่อต้น ซึ่งตัดครั้งแรกก็คุ้มทุนแล้ว โดยการปลูกแซมยางสามารถปลูกได้ถึง 3 ปี แต่ละปีตัดได้ประมาณ 6 รอบ จะได้กำไรถึง 5 รอบ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",15/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315113950922 "ช้อป ชิม ชม""ตลาดกลาง ของดีชุมชน ฅนพิมูลฯ""...","วานนี้ 14 มีนาคม 2565 นายสมมาฏฐ์ โพธิ นายอำเภอพิบูลมังสาหาร เยี่ยมเกษตรกร ผู้ผลิตและแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งได้นำผลผลิตทางการเกษตร สินค้า OTOP ในพื้นที่ มาจำหน่าย ณ ""ตลาดกลาง ของดีชุมชน คนพิบูลฯ"" ซึ่งอำเภอพิบูลมังสาหาร ได้ร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยบูรณาการทำงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ซึ่งจะเป็นแหล่งรวมสินค้าชุมชน และเครือข่ายต่างๆ ของอำเภอพิบูลมังสาหาร เช่น
1. ตลาดเกษตรอินทรีย์(ตลาดเขียว)
2. ตลาดจำหน่ายสินค้า OTOP
3. ตลาดเครือข่ายโคก หนอง นา
4. ตลาดสินค้าสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี
5. ตลาดสัมมาชีพชุมชน
ซึ่งเป็นกิจกรรมกระตุ้นการค้าขายในชุมชน โดยเพิ่มช่องทางตลาด เพื่อส่งเสริมการค้าขายให้ชาวบ้านมีรายได้เสริม และช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ผลิตและแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรได้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าและมีพื้นที่ให้เกษตรกรหรือผู้ผลิตและแปรรูป พบกับผู้ซื้อโดยตรง เพื่อเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก กระตุ้นการค้าขายในชุมชน สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายในแต่ละท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ตลาดจะมีทุกวันจันทร์ และวันศุกร์ เวลา 07.30 - 12.00 น. ณ ลานจอดรถข้างศาลหลักเมือง (หน้าอำเภอ)
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",15/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,อุบลราชธานี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุบลราชธานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315120142940 เร่งเดินหน้าเตรียมพร้อมทหารกองประจำการ 200 นาย สู่ทายาทเกษตรกรรุ่นใหม่,นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า โครงการเตรียมความพร้อมทหารกองประจำการสู่การเป็นทายาทเกษตรรุ่นใหม่ เป็นโครงการที่กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2562 ภายใต้ความร่วมมือในการทำงานกับกรมเสมียนตรา สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อเตรียมความพร้อมด้านอาชีพให้ทหารกองประจำการก่อนปลดประจำการ
สำหรับในปี 2565 จะเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่เดือนมิถุนายน กันยายน โดยกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย ทหารกองประจำการที่เป็นลูกหลานเกษตรกร ทหารกองประจำการที่มีความสนใจเข้าร่วมโครงการแต่ไม่ได้เป็นลูกหลานเกษตรกร และข้าราชการทหาร ที่กำกับดูแล รวมจำนวน 200 นาย
เน้นย้ำการฝึกอบรมพื้นฐาน การทำการเกษตรผสมผสาน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญ ซึ่งมีทั้งวิชาหลัก ได้แก่ การปรับแนวคิด ระบบการทำเกษตรแบบผสมผสาน การจัดทำแผนพัฒนาตนเองและแผนพัฒนาอาชีพ การตลาดสินค้าเกษตรในยุคประเทศไทย 4.0 และ ICTกับเกษตรเชิงพาณิชย์ และวิชาเลือก ซึ่งเลือกตามความเหมาะสมของพื้นที่ ซึ่งใช้เวลาอบรมทั้งหมดรวม 5 วัน ดำเนินการใน 8 ศูนย์ปฏิบัติการ 12 หน่วยทหาร
,15/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,กรมประชาสัมพันธ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315142635005 ผู้ประกอบการสวนท่องเที่ยวเชิงเกษตรจังหวัดระยอง เสนอรัฐบาลตั้งคณะกรรมการร่วมไทย-จีน เจรจาส่งออกผลไม้ก่อนถึงฤดูเก็บเกี่ยว เพื่อป้องกันผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำ,"
จากกรณีที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกผลไม้ของประเทศไทย มีนโยบายบังคับใช้มาตรการรักษายอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้เป็นศูนย์ หรือ Zero-COVID โดยการตรวจผลไม้นำเข้าอย่างเข้มงวด ณ บริเวณด่านตรวจสินค้าชายแดน จนทำให้เกิดปัญหาล่าช้าในการส่งออก นอกจากนี้ หากตรวจพบเชื้อโควิด-19 ยังต้องถูกปิดด่านเป็นเวลาหลายวัน ทำให้เสียเวลาเพิ่มขึ้นและอาจทำให้ผลไม้เน่าเสียได้
นายโชติชัย บัวดิษฐ์ ประธานชมรมสวนท่องเที่ยวเชิงเกษตรจังหวัดระยอง กล่าวว่า เกษตรกร และกลุ่มชาวสวนผลไม้จังหวัดระยอง มีความกังวลในการส่งออกผลไม้ในปีนี้เป็นอย่างมาก หลังจากทางการจีนมีมาตรการ Zero-COVID อยากเสนอให้รัฐบาล เปิดเจรจากับทางการจีน โดยการตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อหาทางออกร่วมกัน อาจจะให้ตัวแทนประเทศจีนเข้ามาตรวจสอบ ตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บผลไม้ การบรรจุใส่ตู้ จนกระทั่งถึงการขนส่งไปยังประเทศจีน หากสามารถทำได้เช่นนี้ เชื่อว่าจะแก้ปัญหาความล่าช้าในการส่งออกได้ ทั้งนี้ หากยังไม่รีบแก้ปัญหา และรอจนถึงใกล้ถึงฤดูเก็บเกี่ยวผลไม้ของภาคตะวันออกประมาณปลายเดือนมีนาคมนี้ จะทำให้แก้ปัญหาไม่ทัน และอาจล่วงเลยไปถึงฤดูเก็บเกี่ยวผลไม้ทางภาคใต้ ซึ่งจะตรงกับผลไม้ของประเทศกัมพูชาและเวียดนามออกสู่ตลาดเช่นกัน ยิ่งจะทำให้เกิดปัญหาจนยากที่จะแก้ไขได้
อย่างไรก็ตามในปีนี้ สวนท่องเที่ยวเชิงเกษตรของจังหวัดระยอง จะเปิดสวนให้นักท่องเที่ยวเข้าชมสวนในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ กำหนดราคาเข้าชมคนละ 690 บาท ยกเว้นส่งออกไม่ได้ อาจลดราคาเหลือ 350 บาท เนื่องจากปริมาณผลผลิตมีจำนวนมาก ราคาทุเรียนและมังคุดจะถูกลง จากที่คาดการณ์ไว้ 150-180 บาท ต่อกิโลกรัม อาจลดเหลือต่ำกว่า 100 บาทต่อกิโลกรัม
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",15/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สวท.ระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315134931981 พบทาร์บอลเม็ดสีน้ำตาลคล้ายหินภูเขาไฟ โผล่ชายหาดสวนสน เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ เก็บตัวอย่างไปตรวจสอบว่ามีเกิดจากการใช้สารเคมีกำจัดสลายคราบน้ำมันรั่วกลางทะเลหรือไม่,เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีนักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการร้านอาหารซีฟู้ด ชายหาดสวนสน ต.เพ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ได้พบเห็นก้อนทาร์บอลเม็ดน้ำตาลคล้ายหินภูเขาไฟ ขนาดเล็กถูกคลื่นทะเลพัดมาติดชายหาดสวนสนจำนวนมาก โดยพบเห็นเป็นระยะทางกว่า 500 เมตร
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการร้านอาหารทะเลริมหาดสวนสน ยืนยันว่าพบเห็นก้อนทาร์บอลที่มีลักษณะเป็นเม็ดสีน้ำตาลคล้ายหินภูเขาไฟดังกล่าว ถูกคลื่นซัดเข้าฝั่งตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว พบเห็นเป็นทางยาวตลอดแนวชายหาด ซึ่งยังไม่ทราบแน่ชัดว่าลักษณะของเม็ดสีน้ำตาลดังกล่าว เกิดจากการใช้สารเคมีพ่นกำจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลกลางทะเลระยองหรือไม่ ซึ่งจะต้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นำไปตรวจสอบ เบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 (ระยอง) สำนักงานทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแลดล้อมจังหวัดระยอง บ.SPRC และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่มาตรวจสอบและเก็บตัวอย่างก้อนสีน้ำตาลดังกล่าวไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบวิเคราะห์ต่อไปแล้ว
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,15/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315135214983 ก.ทรัพย์ ออกมาตรการตรวจจับควันดำรถยนต์ใหม่เริ่ม 13 เม.ย.นี้ ด้วยการยกระดับมาตรฐานสูงขึ้นกว่าเดิมร้อยละ 15 เพื่อลดฝุ่นละออง PM 2.5 โดยเฉพาะใน กทม.และปริมณฑล,"กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกมาตรการตรวจจับควันดำรถยนต์ใหม่เริ่มวันที่ 13 เมษายนนี้ ด้วยการยกระดับมาตรฐานสูงขึ้นกว่าเดิมร้อยละ 15 เพื่อลดฝุ่นละออง PM 2.5 โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกประกาศเรื่องกำหนดมาตรฐานค่าควันดำของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด พ.ศ. 2564 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมมลพิษและแก้ปัญหา PM 2.5 จากแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทรถยนต์และเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 จึงออกประกาศให้ยกเลิกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องกำหนดมาตรฐานค่าควันดำของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัดลงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2562 แล้วมาใช้ประกาศเรื่องกำหนดมาตรฐานค่าควันดำของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด พ.ศ. 2564 กำหนดค่าความทึบแสงไม่เกินร้อยละ 30 จากเดิมไม่เกินร้อยละ 45 และค่ากระดาษกรองไม่เกินร้อยละ 40 จากเดิมไม่เกินร้อยละ 50 ซึ่งวิธีการตรวจวัดค่าควันดำขณะเครื่องยนต์ไม่มีภาระจะมีผลบังคับใช้วันที่ 13 เมษายนนี้ ทั้งนี้ ขอแจ้งผู้ประกอบการและประชาชนให้ดูแลบำรุงรักษาเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดฝุ่น PM 2.5 และเป็นการปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดด้วย
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวย้ำว่า ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสุขภาพของประชาชน อย่างกรุงเทพมหานครและปริมณฑลพบแหล่งกำเนิดมาจากการขนส่งทางถนนร้อยละ 72.5 ประกอบด้วย รถบรรทุกร้อยละ 28 , รถกระบะร้อยละ 21 , รถบัสร้อยละ 7 , รถยนต์นั่งร้อยละ 10 , รถมอเตอร์ไซค์ร้อยละ 5 , รถตู้ร้อยละ 1.5 และอื่นๆร้อยละ 27.5 ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและเห็นชอบแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ด้วยการกำหนดให้เพิ่มความเข้มงวดมาตรฐานและวิธีการตรวจวัดการระบายมลพิษจากรถยนต์ ถือเป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาดังกล่าว
",15/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315132727969 จังหวัดพะเยา จัดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2565,นายบำรุง สังข์ขาว รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เป็นประธานเปิดงาน โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2565 ที่ เทศบาลตำบลปง อำเภอปง จังหวัดพะเยา เพื่อให้เกษตรกรที่ประสบปัญหาด้านการเกษตร สามารถเข้าถึงบริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ได้รับความรู้ด้านวิชาการ และได้รับการแก้ไขปัญหา ด้านการเกษตรอย่างครบวงจรในคราวเดียวกัน เป็นการสร้างภาพลักษณ์ด้านวิชาการ นวัตกรรมและเทคโนโลยีของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อประชาชน
โดยภายในงาน จัดให้บริการคลินิกเกษตร ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้บริการและ แก้ไขปัญหาด้านพืช ดิน ปศุสัตว์ ประมง ชลประทาน ข้าว ยางพารา สหกรณ์ บัญชี กฎหมาย เพื่อให้เกษตรกร ที่มีปัญหาด้านการเกษตรในพื้นที่ห่างไกล สามารถเข้าถึงการบริการทางวิชาการและได้รับการแก้ไขปัญหาด้าน การเกษตรอย่างครบวงจรในคราวเดียวกันด้วย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,15/3/2022,ภาคเหนือ,พะเยา,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพะเยา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315155105077 ชุดปฏิบัติการกำบี้ขาว อุทยานฯ แม่ปิง ออกประชาสัมพันธ์ให้ หยุดการเผา อย่างต่อเนื่อง ลดต้นตอปัญหาฝุ่น PM 2.5,"วันนี้ (15 มีนาคม 2565) ชุดปฏิบัติการกำบี้ขาว อุทยานแห่งชาติแม่ปิงร่วมกับ สถานีควบคุมไฟป่าแม่ปิง ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจในการ ""หยุดเผา"" ในชุมชนตำบลบ้านแม่ลาน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เพื่อให้ตระหนักถึงโทษและ ผลกระทบของการจุดไฟเผาเศษวัชพืช และลดปริมาณการเกิดไฟป่าในชุมชน สาเหตุของการสะสมของฝุ่น PM2.5
อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดได้มีการประกาศ ห้ามบุคคลทำการเผาในพื้นที่โล่ง ระหว่างวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 30 เมษายน 2565 หากผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย ปรับต่ำสุดตั้งแต่ 1 หมื่น สูงสุด 2 ล้านบาท จำคุกต่ำสุดตั้งแต่ 1 ปี สูงสุด 20 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้หากพบเห็นการกระทำผิด สามารถแจ้ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นายกเทศมนตรี หรือนายอำเภอ เพื่อประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เบอร์ติดต่อ
-ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดลำพูน 053-562963
-ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน / ทุกแห่ง สายด่วน 191
-ส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า สายด่วน 1362 หรือโทร 053-232019
-สายด่วนทางหลวง 1586
-สายด่วนทางหลวงชนบท 1146
-นายอำเภอเมืองลำพูน 081-8674377
-นายอำเภอป่าซาง 081-8674380
-นายอำเภอลี้ 081-8674419
-นายอำเภอแม่ทา 081-8674409
-นายอำเภอบ้านโฮ่ง 081-8674397
-นายอำเภอทุ่งหัวช้าง 081-8674423
-นายอำเภอเวียงหนองล่อง 081-8674425
-นายอำเภอบ้านธิ 081-8674424
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",15/3/2022,ภาคเหนือ,ลำพูน,สวท.ลำพูน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315155220078 คณะกรรมการ Smart Farmer ลงพื้นที่ดูงาน ณ โคสง่าฟาร์ม อ.เนินสง่า เลี้ยงโคพันธุ์บรามันห์ เพื่อผลิตลูกขาย สร้างรายได้,"สพ.ญ.ศรีสมัย โชติวนิช ปศุสัตว์จังหวัดชัยภูมิ มอบหมายให้กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ ร่วมกับสำนักงานปศุสัตว์อำเภอเนินสง่า ให้การต้อนรับคณะกรรมการประกวดคัดเลือกเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer) ดีเด่นระดับเขต จากสำนักงานปศุสัตว์เขต 3 ณ โคสง่าฟาร์ม ของนายสันชัย ภู่บัว (ประเภทโคเนื้อ) 230 ม.9 ต.กะฮาด อ.เนินสง่า จ.ชัยภูมิ เลี้ยงโคพันธุ์บรามันห์ลูกผสมพ่อแม่พันธุ์ เพื่อผลิตลูกขาย และเลี้ยงสุกร ปัจจุบันมีโคพ่อพันธุ์ 1 ตัว โคแม่พันธุ์ 13 ตัว และลูกโคหย่านม 4 ตัว สุกรจำนวน 560 ตัว ภายในฟาร์มมีการนำรถช็อปหญ้ามาใช้แทนเครื่องตัดหญ้า ช่วยให้ประหยัดแรง มีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้ในคอกเพื่อคอยสังเกตพฤติกรรมโคเวลาใกล้คลอดหรือได้รับอันตรายจากสัตว์อื่นในส่วนของแปลงหญ้ามีการปลูกหญ้าแพงโกล่า โดยนำน้ำเสียจากฟาร์มสุกร มาใช้รดหญ้าในแปลงหญ้า ทำให้มีหญ้าเพียงพอตลอดทั้งปี และได้จำหน่ายให้กับเกษตรกรรายอื่นในจังหวัดอีกด้วย
นอกจากนี้ยังรับบทบาทหน้าที่ในการเป็นวิทยากรให้แก่โรงเรียนสอนเลี้ยงโคเนื้อ บ้านหนองไข่น้ำ อำเภอเนินสง่า จังหวัดชัยภูมิ ในการฝึกวัวเข้าประกวด และการบังคับวัว ปัจจุบันมีรายได้จากการขายโคอายุหย่านม 7-8 เดือน ประมาณ 300,000-450,000 บาท/ปี ขายมูลวัวประมาณ 20,000-25,000 บาท/ปี และมีรายได้จากการเลี้ยงสุกรประมาณ 800,000- 900,000 บาท/ปี มีการปรับปรุงพันธุ์วัวลูกผสมเข้าประกวดจนได้รางวัลถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ถึง 2 ถ้วย และรางวัลชนะเลิศอีกมากมาย ปัจจุบันโคสง่าฟาร์มยังเป็นสมาชิกของสมาคมส่งเสริมบำรุงพันธุ์บราห์มันแห่งประเทศไทยอีกด้วย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",15/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ชัยภูมิ,สวท.ชัยภูมิ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315162751098 รองผู้ว่าฯ แพร่ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ติดตามสนับสนุนในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองจากไฟป่า และการเผาในที่โล่ง ณ อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง,"สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า วันนี้ (15 มี.ค.65) เวลา 13.30 น. อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง ตำบลเวียงต้า อำเภอลอง จังหวัดแพร่ นายสมหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ มอบหมายให้นายวิเชียร อนุสาสนนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เพื่อตรวจติดตามสนับสนุนในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองจากไฟป่าและการเผาในที่โล่ง เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ โดยร่วมประชุมรับประชุมเพื่อรับทราบปัญหา อุปสรรค และมอบนโยบายในการปฏิบัติ มอบสิ่งสนับสนุนการปฏิบัติแก่เจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ให้เป็นไปตามเป้าหมาย หรือตัวชี้วัดของจังหวัดแพร่ จากหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า ประกอบด้วย พื้นที่อำเภอลอง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ลอง พื้นที่อำเภอวังชิ้น ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้วังชิ้น ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าแพร่ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมชิงเก็บลดเผา ของอุทยานแห่งชาติดอยผากลอง และปลูกต้นรวงผึ้งอีกด้วย
ทั้งนี้ จังหวัดแพร่ตั้งเป้าหมายฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในปี 2565 จะมีค่าเกินมาตรฐานได้ไม่เกิน 31 วัน ขณะนี้ ณ วันที่ 15 มีนาคม 2565 เกินมาแล้ว 12 วัน และตั้งเป้าหมายจุดความร้อน Hotspot ต้องไม่เกิน 3,528 จุด โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมดูแลป่าของประชาชน สร้างเครือข่ายดูแลป่า โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ติดป่ามีส่าวนร่วมในการป้องกัน เฝ้าระวัง และดับไฟป่าเมื่อมีเหตุ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีสรรพกำลังไม่เพียงพอ แม้ปีนี้งบประมาณสนับสนุนชุมชนหมู่บ้านจะถูกตัดไป แต่ก็ต้องร่วมกันดูแล เพื่อให้จังหวัดแพร่มีอากาศสดใส ไร้หมอกควัน อันจะส่งผลดีต่อสุขภาพประชาชน สังคม และเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดแพร่
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",15/3/2022,ภาคเหนือ,แพร่,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315183654150 มทร.ศรีวิชัย ขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Goals: SDGs ด้านสิ่งแวดล้อม SDG 14 (Life Below Water),มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ผศ. โกสินทร์ พัฒนมณี รองอธิการบดีประจำวิทยาเขตตรัง และ ผศ.ดร.ชาญยุทธ สุดทองคง คณะกรรมการขับเคลื่อนด้านการใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรและทรัพยากรทางทะเล (Life Below Water) ร่วมหารือเพื่อสนองนโยบาย เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) โดยองค์การสหประชาชาติได้แบ่งเป้าหมายการดำเนินงานออกเป็น 17 ข้อ ตามมิติต่างๆออกเป็น 5 มิติได้แก่ สังคม (People) เศรษฐกิจ (Prosperity) สิ่งแวดล้อม (Planet) สันติภาพและสถาบัน (Peace) และหุ้นส่วนการพัฒนา (Partnership) (Sustainable Development Goals: SDGs)
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยได้มุ่งเน้นสนับสนุนการดำเนินงานที่สอดคล้องกับนโยบาย และการจัดกิจกรรมต่างๆ ด้าน สิ่งแวดล้อม SDGs 14 โดยมีกิจกรรมการลดขยะในทะเล การปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ การจัดตั้งธนาคารปูม้า และการจัดตั้งโครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ อนุรักษ์ ฟื้นฟู พะยูนและสัตว์ทะเลหายาก จ.ตรัง เพื่อเป็นสถานที่ช่วยเหลือ รักษา พยาบาลสัตว์ทะเลหายาก เช่น พะยูน และเต่าทะเล และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่สำคัญ
จึงได้มีการรวบรวมข้อมูลและจัดทำเนื้อหา เพื่อการนำเสนอต่อสาธารณะทางสื่อออนไลน์ https://fishtech.rmutsv.ac.th/fishtech/th/sdgs เพื่อทำเป็นตัวชี้วัด SDG ในการดำเนินโครงการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยเข้าสู่ระดับการจัดอันดับของ Time Higher Education (THE) ซึ่ง มทร. ศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ได้ให้การสนับสนุนทรัพยากรและบุคลากรอย่างเต็มที่ในการดำเนินโครงการขับเคลื่อนฯ ดังกล่าว โดยการสนับสนุนอาคารสถานที่ ครุภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย และบรรลุวัตถุประสงค์ของการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม SDG 14 (Life Below Water) ภายใต้การสนับของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,15/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315195643191 ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เร่งแก้ไขปัญหาปุ๋ยและอาหารสัตว์แพง ,นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า การดำเนินการเพื่อเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ ราคา และการนำเข้า ส่งออก ของปุ๋ย อาหารสัตว์และผลไม้ โดยราคาปุ๋ยที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น ได้มีมาตรการการช่วยเหลือเกษตรกร โดยจะพิจารณาในเรื่องต้นทุนที่เหมาะสม ซึ่งหากราคาปุ๋ยปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะหาช่องทางให้เกษตรกรเข้าถึงปุ๋ยในราคาถูกลงได้ จึงมีโครงการลดราคาปุ๋ยเคมีและมอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร กรมพัฒนาที่ดินและกรมการข้าว เป็นหน่วยงานหลัก อีกทั้งจะส่งเสริมการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ให้ได้ 5 ล้านตัน จากปัจจุบันที่มีประมาณ 3.2 ล้านตัน
สำหรับการส่งออกผลไม้ของไทย ในช่วงฤดูการเก็บเกี่ยวที่คาดว่าจะมีผลผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก โดยตลาดที่ส่งออกสำคัญคือ ประเทศจีน ซึ่งได้มีการประสานงานกับหน่วยงานของจีนอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันจีนยังคงยึดมาตรการโควิดเป็นศูนย์ บังคับใช้ทั้งระดับส่วนกลางและระดับท้องถิ่น ซึ่งแตกต่างกันไปตามความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่ สำหรับสินค้าที่ขนส่งผ่านห่วงโซ่ความเย็น เช่น ผลไม้ จะต้องถูกตรวจ 3 อย่าง และจะต้องได้รับใบรับรอง ได้แก่ ใบรับรองผ่านตรวจสอบกักกัน ใบรับรองผลตรวจโควิด-19 และใบรับรองการผ่านการฆ่าเชื้อ อย่างไรก็ตาม จะมีดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผลไม้ของไทยสามารถส่งออกไปจีนได้
ด้านนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ ทั้งข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ที่มีราคาสูงขึ้น จะทำให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกร ผู้ประกอบการและสมาคมต่างๆ จึงได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือ เพื่อเสนอความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าว โดยให้มีการชะลอมาตรการกำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ อัตราส่วน 1 ต่อ 3 ของกระทรวงพาณิชย์ ไว้ชั่วคราวจนถึงวันที่ 31 ก.ค. 65 นี้ รวมถึงต้องกำหนดปริมาณที่จะนำเข้า เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ โดยจะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อหารือประเด็นดังกล่าว ซึ่งในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ได้มอบหมายกรมปศุสัตว์และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเข้า
วันที่ 15 มีนาคม 2565 เวลา 13.30? น. นายโอฬาร บิลสัน นอ.ยะหริ่ง/ผอ.ศปก.อ. ยะหริ่ง ร่วมให้การต้อนรับ พลเอก จีระศักดิ์ ชมประสพ? รองประธานคณะกรรมาธิการคนที่สอง/ประธานคณะอนุกรรมาธิการฯ, พลเรือตรี? สมเกียรติ? ผลประยูร เลขาธิการ? ศอ.บต., นาวาเอก จักรพงษ์ อภิมหาธรรม ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน?ศอ.บต., นายยะห์ยา? ปะนาฆอ? ปลัดจังหวัดปัตตานี?และ?คณะกรรมาธิการ?ฯ ในโอกาสลงพื้นที่พบปะประชาชน, สมาชิกเกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยงปูดำในบ่อกุ้งร้างและกลุ่มชุมชนท่องเที่ยว?ในพื้นที่อำเภอยะหริ่งเพื่อศึกษาและแลกเปลี่ยนเรียนรู้การเพาะเลี้ยงปูทะเล?ตามโครงการพัฒนายกระดับพื้นที่ชายฝั่งภาคใต้ชายแดนให้เป็น?""เมืองปูทะเลโลก"" และเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในพื้นที่? เพื่อสร้างงาน? สร้างอาชีพ สร้างรายได้?และเพื่อพัฒนา?ส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป ?พร้อม?ชมนิทรรศการการเลี้ยงปูดำ โดยมี? นางสาวณิชาวีร์ สะมะอูน รักษาการปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง, หัวหน้าส่วนราชการอำเภอยะหริ่ง, ปลัดอำเภอยะหริ่ง, ปลัดเทศบาลตำบลบางปู?, ป.หนต.บางปู, ทีมปกครองอำเภอยะหริ่ง, กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน ต.บางปู,ทีมงานเทศบาลตำบลบางปู, ผู้นำชุมชน, สมาชิกเกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยงปูดำ, สมาชิกกลุ่มชุมชนท่องเที่ยว, ทหาร, ตำรวจ?, สมาชิก ?อส.อำเภอยะหริ่ง? ฯลฯ ร่วมให้การต้อนรับ? ณ? ศูนย์เรียนรู้การเพาะเลี้ยงปูทะเล? บ้านโต๊ะโสม? ตำบลบางปู? อำเภอยะหริ่ง? จังหวัดปัตตานี?
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",15/3/2022,ภาคใต้,ปัตตานี,สวท.ปัตตานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315200143198 คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ สส. ลงพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ดูงานเกี่ยวกับปัญหาการบริหารจัดการแหล่งน้ำ,"วันที่ 14 มีนาคม 2565 นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ มอบหมายให้ นายสำรวย เกษกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมศึกษาดูงานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการจัดบริการสาธารณะกิจกรรมสาธารณะและหาแนวทางในการแก้ไขเรื่องการถ่ายโอนภารกิจด้านการพัฒนาแหล่งน้ำให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ""ปัญหาการบริหารจัดการแหล่งน้ำขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น""
เวลา 09.00 น. นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ประธานคณะอนุกรรมาธิการ นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการคนที่ 1 พร้อมด้วยผู้แทนสำนักงบประมาณและคณะดังกล่าวได้ลงพื้นที่ศึกษาดูงานเกี่ยวกับปัญหาการบริหารจัดการแหล่งน้ำ ณ ห้วยด่าน และห้วยเรือ ตำบลโนนสำราญ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
หลังจากนั้นในเวลา 13.00 น.ได้ลงพื้นที่ ณ สถานีสูบน้ำด้วยพลังงานไฟฟ้า พร้อมระบบส่งน้ำห้วยด่าน ตำบลภูผาหมอก และฝายบ้านขะยูง ตำบลน้ำอ้อม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ
การลงพื้นที่ของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯดังกล่าว เพื่อรับทราบปัญหาการบริหารจัดการแหล่งน้ำขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อุปสรรค ข้อเสนอแนะความต้องการชุมชนหมู่บ้าน และบทบาทหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกี่ยวกับการเสนอโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคและการเกษตรของพื้นที่ พร้อมกันนี้คณะกรรมาธิการได้รวบรวมข้อมูลเพื่อเข้าสู่กระบวนการ แก้ไขปัญหาตามอำนาจหน้าที่ต่อไป โดยมีนายอำเภอกันทรลักษ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานศรีสะเกษ ท้องถิ่นอำเภอ หน่วยงานสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด สำนักงานจังหวัด สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด กรมทรัพยากรน้ำ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็นแนวทางการแก้ไขปัญหา เสนอแนะความต้องการของพื้นที่ดังกล่าว
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",15/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ศรีสะเกษ,สวท.ศรีสะเกษ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315205538219 เกษตรธารโต มอบสารชีวภัณฑ์บาซิลลัส ซับทีลิส ควบคุมโรคเหี่ยวกล้วยหิน แก่เกษตรกร,วันนี้ (15 มี.ค.65) นางสาวปุณญิสา เซ่งซิ้ว เกษตรอำเภอธารโต พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอธารโต ได้มอบสารชีวภัณฑ์บาซิลลัส ซับทีลิส ควบคุมโรคเหี่ยวสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย แก่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหิน โดยวิธีใช้ผงเชื้ออัตรา 50 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร รดรอบโคนต้นกล้วยทุก 30 วัน ควบคู่กับการห่อปลีและตัดปลีในระยะตีนเต่าเพื่อป้องกันแมลงนำโรคเข้าทำลายในระยะผสมเกสร ทำความสะอาดกอกล้วยให้โปร่งลดแหล่งสะสมของโรคและแมลง ทำความสะอาดอุปกรณ์การเกษตรด้วยน้ำยาฟอกขาว ณ ตำบลแม่หวาด อำเภอธารโต จังหวัดยะลา
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,15/3/2022,ภาคใต้,ยะลา,สทท.ยะลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315212111224 เกษตรจังหวัดเพชรบุรี และคณะ ขับเคลื่อนศูนย์ข้าวชุมชน ตำบลหนองโสน สู่เพชรบุรีโมเดล ด้านข้าว,ณ ศาลากลางหมู่ที่ 1 บ้านบ้านฉาง ตำบลหนองโสน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ว่าที่ ร.ต.อาณัติ หุ่นหลา เกษตรจังหวัดเพชรบุรี มอบหมายให้ นางอุไร กาลปักษ์ หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ สำนักงานเกษตรจังหวัดเพชรบุรี เจ้าหน้าที่กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต นายยุกตนันท์ จำปาเทศ เกษตรอำเภอเมืองเพชรบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเพชรบุรี นายกริชชา จึงเจริญ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวราชบุรี ร่วมกับ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองโสนพร้อมคณะบริหารและเจ้าหน้าที่ ผอ.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลหนองโสน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยฯ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองโสน และภาคีเครือข่าย เข้าร่วมชี้แจงแนวทางในการขับเคลื่อน คนหนองโสนทานข้าวคนหนองโสนปลูก สู่การขับเคลื่อนเพชรบุรีโมเดล ด้านข้าวให้กับเกษตรกรและชุมชนตำบลหนองโสน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจ ในการจัดตั้งศูนย์ข้าวชุมชน เป็น 1 ในกิจกรรมการขับเคลื่อน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำและพัฒนาคุณภาพชีวิตในชุมชนให้ดีขึ้น
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,15/3/2022,ภาคตะวันตก,เพชรบุรี,สวท.เพชรบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220315211218222 จ.อำนาจเจริญ ลงนามบันทึกความร่วมมือซื้อขายผลผลิตทางการเกษตร บูรณาการความร่วมมือเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาข้าวตกต่ำ,วันนี้ (15 มี.ค.65) นายทวีป บุตรโพธิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือชื้อขายผลผลิตทางการเกษตร ระหว่างกลุ่มวิสาหกิจผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนและบริษัทประชารัฐรักสามัคคีอำนาจเจริญ (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด บูรณาการความร่วมมือส่งเสริมการขายสินค้าและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า ช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาข้าวตกต่ำ โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน กลุ่มเกษตรกร เข้าร่วมในพิธี ณ ลานรับชื้อข้าวเปลือกบ้านเนินกุง ตำบลหนองสามสี อำเภอเสนางคนิคม จังหวัดอำนาจเจริญ
บริษัทประชารัฐรักสามัคคีอำนาจเจริญ (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ได้มีโครงการจัดทำข้าวหอมมะลิประชารัฐ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่ายช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาข้าวตกต่ำ โดยได้มีการร่วมมือกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มวิสาหกิจผลิตพันธุ์ข้าวชุมชน ซึ่งมีสมาชิกกลุ่ม จำนวน 150 ราย เพื่อรับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิจากเกษตรกรสมาชิกของกลุ่มวิสาหกิจฯ โดยตรง และนำไปแปรสภาพเป็นข้าวสาร เพื่อนำไปจำหน่ายในร้านประชารัฐและช่องทางอื่นๆ
สำหรับข้าวหอมหอมมะลิตะวันอ้อมข้าวอำนาจเจริญ มีที่ตั้งอยู่บนเส้นรุ้งที่ 16 องศา 01 N ( 16 องศา 1 ลิปดา เหนือ) เส้นแวงที่ 104 องศา 36 E (104 องศา 36 ลิปดา ตะวันออก) เป็นที่ตั้งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์เรียกว่า ตะวันอ้อมข้าว จึงทำข้าวที่ปลูกได้รับแสงแดด 3 ด้าน ประกอบกับสภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบเนินขาว ดินร่วนปนทรายมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 138 เมตร ส่งผลให้มีปริมาณ แสงแดด ฝน และดินเหมาะสม มีผลดีกับต้นข้าวหอมมะลิ จึงส่งผลให้ข้าวหอมมะลิอำนาจเจริญ สร้างช่อรวงอ่อนบ่มเมล็ดในรวง ทำให้เมล็ดข้าวแกร่ง สวย สมบูรณ์ เมื่อหุงเมล็ดข้าวขยายยาวออกมา มีกลิ่นหอมธรรมชาติ และนุ่มเป็นพิเศษ อีกทั้งยังปลอดภัยเพราะเป็นข้าวหอมมะลิอินทรีย์ 100 % ตามวิสัยทัศน์จังหวัดอำนาจเจริญ เมืองธรรมเกษตร การเกษตรสร้างมูลค่า ท่องเที่ยวเสริมสร้างสุขภาพ เชื่อมโยงเส้นทางการค้า จนทำให้ข้าวหอมมะลิอำนาจเจริญ ได้รับรางวัลจากการประกวดระดับประเทศตั้งแต่ปีการผลิต พ.ศ.2539 -2557 รวม 16 รางวัล ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ ข้าวหอมมะลิตะวันอ้อมข้าวอำนาจเจริญ หอม นุ่มและอร่อย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
วันที่ 15 มีนาคม 2565 นายชาญวิทย์ ธานี เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญ เป็นวิทยากรบรรยายถ่ายทอดความรู้ เรื่อง แนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ โคก หนอง นา โมเดล ให้กับสมาชิกสหกรณ์นิคมนาหว้าใหญ่ จำกัด ตำบลนาหว้า อำเภอปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ ที่เข้าร่วมโครงการอบรมเกษตรผสมผสานในสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ปี พ.ศ. 2565 กับทางสำนักงานสหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญ โดย กษ.อำนาจเจริญ ได้เล่าถึง ทฤษฎีบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพียง เป็นรูปแบบการดำเนินชีวิต และการทำการเกษตร ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้พระราชทานไว้ให้ดำเนินการโดยใช้หลักปรัชญาแห่งเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวคิดในการพัฒนาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนในพื้นที่ที่เหมาะสม เพื่อให้เป็นการผลิตเพื่อยังชีพมีผลผลิตพอกินตลอดทั้งปีจนเมื่อผลผลิตเหลือแล้ว จึงนำไปจำหน่ายเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว นั่นคือเศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐาน เมื่อก้าวข้ามขั้นพื้นฐานสู่ขั้นก้าวหน้าแล้วก็จะกล่าวถึงการร่วมกลุ่มของเกษตรกรเพื่อพัฒนาการผลิตสู่วิสาหกิจชุมชน และเพื่อการดูแลกันด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปัน ตลอดจนให้ควาสำคัญกับการพัฒนาการศึกษาโดยชุมชน การพัฒนาสังคมและการอยู่ร่วมกันโดยมีศาสนาเป็นศูนย์กลาง
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,15/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,อำนาจเจริญ,สวท.อำนาจเจริญ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316010658251 ลงนามบันทึกความร่วมมือซื้อขายผลผลิตทางการเกษตร บูรณาการความร่วมมือเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าช่วยเหลือเกษตรกร,วันที่ 15 มีนาคม 2565 เวลา 10.20 น. นายทวีป บุตรโพธิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือซื้อขายผลผลิตทางการเกษตร ระหว่างกลุ่มวิสาหกิจผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนและบริษัทประชารัฐรักสามัคคีอำนาจเจริญ (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด บูรณาการความร่วมมือส่งเสริมการขายสินค้าและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า ช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาข้าวตกต่ำ โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน กลุ่มเกษตรกร เข้าร่วมในพิธี ณ ลานรับชื้อข้าวเปลือกบ้านเนินกุง ตำบลหนองสามสี อำเภอเสนางคนิคม จังหวัดอำนาจเจริญ
บริษัทประชารัฐรักสามัคคีอำนาจเจริญ (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ได้มีโครงการจัดทำข้าวหอมมะลิประชารัฐ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่ายช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาข้าวตกต่ำ โดยได้มีการร่วมมือกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มวิสาหกิจผลิตพันธุ์ข้าวชุมชน ซึ่งมีสมาชิกกลุ่ม จำนวน 150 ราย เพื่อรับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิจากเกษตรกรสมาชิกของกลุ่มวิสาหกิจฯ โดยตรง และนำไปแปรสภาพเป็นข้าวสาร เพื่อนำไปจำหน่ายในร้านประชารัฐและช่องทางอื่นๆ
สำหรับข้าวหอมหอมมะลิตะวันอ้อมข้าวอำนาจเจริญ มีที่ตั้งอยู่บนเส้นรุ้งที่ 16 องศา 01 N ( 16 องศา 1 ลิปดาเหนือ) เส้นแวงที่ 104 องศา 36 E (104 องศา 36 ลิปดาตะวันออก) เป็นที่ตั้งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์เรียกว่า ตะวันอ้อมข้าว จึงทำข้าวที่ปลูกได้รับแสงแดด 3 ด้าน ประกอบกับสภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบเนินขาว ดินร่วนปนทรายมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 138 เมตร ส่งผลให้มีปริมาณแสงแดด ฝน และดินเหมาะสม มีผลดีกับต้นข้าวหอมมะลิ จึงส่งผลให้ข้าวหอมมะลิอำนาจเจริญ สร้างช่อรวงอ่อนบ่มเมล็ดในรวง ทำให้เมล็ดข้าวแกร่ง สวย สมบูรณ์ เมื่อหุงเมล็ดข้าวขยายยาวออกมา มีกลิ่นหอมธรรมชาติ และนุ่มเป็นพิเศษ อีกทั้งยังปลอดภัยเพราะเป็นข้าวหอมมะลิอินทรีย์ 100 % ตามวิสัยทัศน์จังหวัดอำนาจเจริญ เมืองธรรมเกษตร การเกษตรสร้างมูลค่า ท่องเที่ยวเสริมสร้างสุขภาพ เชื่อมโยงเส้นทางการค้า จนทำให้ข้าวหอมมะลิอำนาจเจริญ ได้รับรางวัลจากการประกวดระดับประเทศตั้งแต่ปีการผลิต พ.ศ.2539-2557 รวม 16 รางวัล ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ข้าวหอมมะลิตะวันอ้อมข้าวอำนาจเจริญ หอม นุ่มและอร่อย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,15/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,อำนาจเจริญ,สวท.อำนาจเจริญ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316010152249 เกษตรจังหวัดพังงา ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเลี้ยงผึ้งส่งเสริมเกษตรกรรมทางเลือกใหม่,สำนักงานเกษตรจังหวัดพังงา นำโดยนายประคอง อุสาห์มัน เกษตรจังหวัดพังงา มอบหมายให้นางสาววิไลวรรณ สีนา หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต และนายกวีพจน์ มัชฉากิจ หัวหน้ากลุ่มอารักขาพืช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการส่งเสริมการปลูกพืชทางเลือกใหม่และแมลงเศรษฐกิจที่มีศักยภาพในจังหวัดพังงา ส่งมอบปัจจัยการผลิต (รังผึ้งและขาตั้ง)
พร้อมทั้งถ่ายทอดเทคโนโลยีการเลี้ยงผึ้งที่มีประสิทธิภาพ โดยวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงผึ้ง นายบัญชา เกิดล่อง เกษตรอำเภอท้ายเหมือง และนางสาวอรอุมา ศุภศรี นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ ร่วมถ่ายทอดความรู้การเลี้ยงผึ้งให้กับเกษตรกรผู้มีความสนใจด้านการเลี้ยงผึ้งในเขตอำเภอเมืองพังงา และอำเภอทับปุด ได้เพิ่มพูนความรู้การเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจชนิดใหม่ เพื่อเป็นเกษตรกรรมทางเลือกให้กับเกษตรกรได้ในระยะยาว
ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก นางกันตวรรณ ตันเถียรกุลจรรยาวิวัฒน์ ประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ ร่วมพบปะ พูดคุย รับฟังปัญหาของกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงผึ้งในพื้นที่
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,16/3/2022,ภาคใต้,พังงา,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพังงา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316090544270 เกษตรฯแม่ฮ่องสอน ขับเคลื่อนการดำเนินงาน เสริมสร้างความเข้มแข็งกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรระดับจังหวัด,สำนักงานเกษตรจังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดการประชุมคณะกรรมการแม่บ้านเกษตรกรจังหวัดแม่ฮ่องสอน ครั้งที่ 1/2565 เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนากลุ่มแม่บ้านเกษตรกร พร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพิ่มศักยภาพผู้นำในการขับเคลื่อนงานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรระดับจังหวัด โดยนายขจรศักดิ์ชนัน จิตภิลัย เกษตรจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธาน โดยจัดให้มีการเลือกตั้งประธานคณะกรรมการกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรระดับจังหวัด (ชุดใหม่) เพื่อดำรงตำแหน่งแทนคณะกรรมการฯ ชุดปัจจุบัน ที่กำลังจะครบวาระในปี พ.ศ. 2565
นอกจากนี้ มีการจัดแสดงสินค้า/ผลิตภัณฑ์เด่นของแต่ละอำเภอในจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมทั้งการนำเสนอสินค้า/ผลิตภัณฑ์เด่นและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันของประธานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรระดับอำเภอและเจ้าหน้าที่ ณ ห้องประชุมสำนักงานเกษตรจังหวัดแม่ฮ่องสอน อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,16/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316090826271 กอนช. ขอให้ประชาชนทั่วประเทศระวังเกิดฝนตก โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสานตอนบนมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนทั่วประเทศระวังเกิดฝนตก โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง พร้อมเฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงวันที่ 16 - 18 มีนาคมนี้
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (16 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนและร้อนจัดบางพื้นที่ โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ จ.น่าน 78 มิลลิเมตร , พิษณุโลก 66 มิลลิเมตร และลำพูน 51 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 28,860 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 50 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 22,895 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 48 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนและแม่กลองมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ยังได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาคุณภาพน้ำเค็มบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม อย่างกรมชลประทาน ควบคุมค่าความเค็มด้วยการวางแผนบริหารจัดการน้ำจากเขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยาที่คำนึงถึงมาตรการประหยัดน้ำจากพื้นที่ตอนบน // ผันน้ำจากแม่น้ำแม่กลองผ่านคลองสาขายังแม่น้ำท่าจีน ก่อนจะผันน้ำเข้าสู่คลองสาขาและสูบน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง // บริหารจัดการประตูระบายน้ำและอาคารเชื่อมต่อในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา เปิดรับน้ำเฉพาะการอุปโภค-บริโภคตามรอบเวร พร้อมขอความร่วมมือสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้างดสูบน้ำสำหรับการเพาะปลูก
ขณะที่ การประปานครหลวง สูบน้ำดิบจากแม่น้ำเจ้าพระยาโดยหลบเลี่ยงสูบน้ำที่มีลิ่มความเค็มสูงเข้ามาในคลองประปาให้น้อยที่สุด และปฏิบัติการผลักดันลิ่มน้ำเค็ม (Water Hammer) ส่วนกรุงเทพมหานคร ควบคุมการปิด-เปิดประตูระบายน้ำตามแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยาและใช้อุโมงค์ระบายน้ำ สถานีสูบน้ำบริหารจัดการน้ำแก้ปัญหาน้ำเค็ม ทั้งนี้ คาดการณ์ช่วงวันที่ 16 - 18 มีนาคมอาจเกิดน้ำทะเลหนุนสูงบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและส่งผลให้ความเค็มรุกบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา จึงขอให้เฝ้าระวังและปรับแผนการบริหารจัดการเพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
",16/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316093530274 "สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเลย จัดโครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธาน ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ประจำปี 2565""","สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเลย จัดโครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธาน ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ประจำปี 2565""
ดร.สุวัฒน์ มัตราช ปศุสัตว์จังหวัดเลย มอบหมายให้ กลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเลย ร่วมกับ เทศบาลตำบลศรีสองรัก สำนักงานอำเภอด่านซ้าย , เมืองเลย , ภูเรือ , หนองหิน , ภูกระดึง , เอราวัณ , ท่าลี่ ร่วมปฏิบัติงานฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และผ่าตัดทำหมันสุนัข-แมว ตามโครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธาน ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ประจำปี 2565 พร้อมให้บริการการผ่าตัดทำหมันสุนัข-แมว สุนัขเพศผู้ 6 ตัว สุนัขเพศเมีย 7 ตัว แมวเพศผู้ 8 ตัว เพศเมีย 24 ตัว รวม 45 ตัว และฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแก่ สุนัข-แมว รวม 45 ตัว ผู้มารับบริการ จำนวน 29 ราย ที่สำนักงานเทศบาลตำบลศรีสองรัก ตำบลด่านซ้าย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
ด้วยพระปณิธานของศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทยและสรรพชีวิตในข้อทรงห่วงใยปัญหาโรคพิษสุนัขบ้าที่เป็นปัญหาสำคัญของชาติรวมถึงพระวิสัยทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพโลกหนึ่งเดียว โดยมีพระประสงค์ให้โรคพิษสุนัขบ้าหมดไปจากประเทศไทย ดังนั้นเพื่อสนองพระปณิธานและพระวิสัยทัศน์ดังกล่าว เห็นควรดำเนินโครงการสัตวปลอดโรค คนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธานศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",16/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,เลย,สวท.ด่านซ้าย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316093620275 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือยังสูงในระดับสีแดงบริเวณ ต.จองคำ จ.แม่ฮ่องสอน และต้องเฝ้าระวังค่าฝุ่นสูงขึ้นอีกช่วง 20 21 มี.ค.นี้ ส่วน กทม.และปริมณฑลคุณภาพอากาศดีทุกพื้นที่,ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือยังสูงในระดับสีแดงบริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน และต้องเฝ้าระวังค่าฝุ่นสูงขึ้นอีกช่วง 20 21 มีนาคมนี้ ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีทุกพื้นที่
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (16 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีมากถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นหลายพื้นที่ปรับตัวลดลง แต่ยังเกินเกณฑ์มาตรฐานระดับสีแดง 1 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งต้องเฝ้าระวังเฝ้าระวังจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นพิเศษ หากมีแหล่งกำเนิดในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงจะมีโอกาสที่ค่าฝุ่นละอองสูงขึ้นได้ช่วงวันที่ 20 21 มีนาคม ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 17 - 19 มีนาคม และมีโอกาสเกิดฝนฟ้าคะนองขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงปานกลาง โดยค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัด ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 17 - 23 มีนาคม
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
,16/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316093716276 พช.ลำพูนร่วมกับศูนย์หม่อนไหมเชียงใหม่ สำรวจพื้นที่การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เพื่อส่งเสริมให้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและนำเส้นไหมมาทอเป็นผ้าไหมยกดอกลำพูนเพิ่มมากขึ้น ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด,"ที่บ้านทาสองท่า ตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน นางบำเพ็ญ เมืองมูล พัฒนาการจังหวัดลำพูน ประสานความร่วมมือศูนย์หม่อนไหมเชียงใหม่ นำโดย นางเสาวณีย์ อภิญญานุวัฒน์ ผอ.ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่ และนางสาวศิริลักษณ์ เขื่อนควบ นักวิชาการเกษตรปฏิบัติการ ร่วมกันลงพื้นที่สำรวจพื้นที่การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในเขตอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน โดยมี นายสมาน กองแก้ว นายอำเภอแม่ทา พร้อมด้วยพัฒนาการอำเภอแม่ทา และเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอแม่ทา อำนวยความสะดวกในการลงพื้นที่ และให้ข้อมูลฯ
นางบำเพ็ญ เมืองมูล พัฒนาการจังหวัดลำพูน เผยว่า สำหรับการลงพื้นที่ร่วมกันในครั้งนี้ เป็นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันระหว่างศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่ และสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดลำพูน ในการลงพื้นที่สำรวจแปลงของนายไชยยงค์ รัตนอังกูร (คุณเอก) ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้า/ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ก่อตั้ง TEMPLE House ครีเอทีฟ ที่มีความสนใจที่จะปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในพื้นที่ตนเอง สืบเนื่องจากประชาชนนิยมในการเลือกซื้อผ้าไหมยกดอกลำพูนที่ใช้เส้นไหมไทยเป็นส่วนประกอบมากขึ้น ทำให้ตลาดที่เป็นผู้ประกอบการและช่างทอผ้าไหมมีความต้องการเส้นไหมพันธุ์ไทยมากขึ้น ทั้งนี้การส่งเสริมให้มีผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเพื่อจำหน่ายเส้นไหม นำมาทอเป็นผ้าไหมยกดอกลำพูนก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ตอบโจทย์นโยบายของรัฐบาลที่เน้นให้มีการส่งเสริม ตลาดนำการผลิต รวมทั้งจะเป็นการประชาสัมพันธ์การใช้เส้นไหมไทยให้มีความแพร่หลายมากยิ่งขึ้น
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",16/3/2022,ภาคเหนือ,ลำพูน,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316101933301 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลง ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านยังกระทบไทยหลายพื้นที่,"
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลง ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านยังกระทบประเทศไทยหลายพื้นที่
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (15 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 337 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 107 จุด // พื้นที่เกษตร 76 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 72 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 42 จุด // พื้นที่เขต สปก. 37 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 3 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุดทางภาคเหนือเป็นแม่ฮ่องสอน 81 จุดติดต่อกัน 5 วัน รองลงมาเป็นกาญจนบุรี 20 จุด และนครพนม 20 จุด โดยจุดความร้อนลดลงจากวันก่อนจากการเกิดฝนตกบางพื้นที่ แต่ยังพบจุดความร้อนมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่วันนี้พบ 137 จุด คาดว่า จะเกิดจากการเผาในกิจกรรมการเกษตร ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 15 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 11,370 จุด , ภาคเหนือ 9,460 จุด และภาคกลาง 5,721 จุด ส่วนเช้าวันนี้หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือมีคุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อยู่ในระดับปานกลางผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอาจต้องระวังเป็นพิเศษ
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาติดต่อกัน 17 วัน วันนี้พบสูง 4,673 จุด รองลงมาเป็น สปป.ลาว 1,185 จุด และไทย 337 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",16/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316100142293 แจ้งเตือนประชาชนเลือกซื้อเนื้อในช่วงหน้าร้อน ป้องกันการเกิดโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร,"นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ช่วงนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว ทำให้สภาพอากาศในหลายพื้นที่ร้อนอบอ้าว ส่งผลให้เอื้อต่อการเพิ่มจำนวนของจุลินทรีย์ อาจทำให้อาหารบูด หรือเน่าเสียง่าย ประชาชนมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอาหารเป็นพิษ หรือโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารได้
กรมปศุสัตว์มีความห่วงใยในสุขภาพของประชาชน จึงออกมาแจ้งเตือนถึงข้อแนะนำเกี่ยวกับการบริโภคเนื้อสัตว์ให้ปลอดภัย ถูกสุขอนามัย ได้มาตรฐานตามที่กรมปศุสัตว์กำหนดและที่สำคัญต้องสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ โดยประชาชนสามารถเลือกซื้อเนื้อสัตว์ได้ในสถานที่จัดจำหน่ายสินค้าปศุสัตว์ ที่มีตราสัญลักษณ์ปศุสัตว์ OK ดังสโลแกนที่ว่า เนื้อสัตว์ปลอดโรค ผู้บริโภคปลอดภัย เลือกซื้อเนื้อสัตว์ครั้งใด มองหาสัญลักษณ์ปศุสัตว์ OK ซึ่งผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่จำหน่ายในร้านค้าดังกล่าว จะผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานครบวงจร
นอกจากนี้ ประชาชนต้องรู้จักสังเกตลักษณะภายนอกของเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมู ควรเลือกหมูที่มีสีชมพู มันสีขาว หนังเกลี้ยงและขาว ไม่มีเม็ดสาคูซึ่งเป็นตัวอ่อนของพยาธิแทรกในเนื้อ สำหรับหมูสามชั้นควรเลือกที่มีมันบาง มีเนื้อหลายชั้น หนังบาง ไม่ควรซื้อหมูที่มีเนื้อสีแดงเกินไป ,เนื้อวัว ควรเลือกซื้อเนื้อวัวที่มีสีแดงสด กดแล้วไม่บุ๋ม ไม่มีน้ำเลือดไหลซึมออกมา ไม่มีสีคล้ำอมเขียว ดมดูแล้วไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
เนื้อเป็ดและไก่ ควรเลือกที่สด สะอาด เนื้อแน่น ไม่เปลี่ยนเป็นสีเขียว ไม่มีกลิ่นเหม็น หรือมีสีเทาตามตัว ไม่มีจ้ำเลือดหรือตุ่มหนอง และไข่เป็ด ไข่ไก่ ควรเลือกซื้อและบริโภคไข่ที่มีสภาพเปลือกไข่ดี ไม่แตก หรือบุบ ร้าว ไม่บริโภคไข่ที่หมดอายุ อย่างไรก็ตาม กรมปศุสัตว์ได้ให้ความสำคัญในการผลิตเนื้อสัตว์ให้ปลอดภัยและมีมาตรการในการติดตามเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
",16/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316104742312 จ.นราธิวาสขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล จัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยี (Field Day) และบริการเกษตรเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ ปี 2565 อำเภอเมืองนราธิวาส เพื่อถ่ายทอดความรู้ และบริการให้เกษตรกรมีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง,
วันนี้ (16 มี.ค.65) นายสังคม เกิดก่อ นายอำเภอเมืองนราธิวาส เปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยี (Field Day) และบริการเกษตรเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ ปี 2565 อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส
ที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตปาล์มน้ำมันตำบลโคกเคียน (ศพก.เครือข่าย) บ้านฮูแตทูวอ หมู่ที่ 4 ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ตามโยบายของรัฐบาล เพื่อถ่ายทอดความรู้ และให้บริการแก่เกษตรกรในชุมชนให้ได้รับความรู้เข้าถึงปัจจัยการผลิต ลดความเสี่ยงในการบริหารจัดการ และให้เกิดความเข้มแข็งขึ้นในชุมชน ซึ่งมีเกษตรกรในพื้นที่ ประมาณ 40 คน มาร่วมรับการถ่ายทอดความรู้และการบริการการเกษตร ในสถานีถ่ายทอดความรู้ จำนวน 7 สถานี อาทิ ศูนย์หมาอนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ โครงการชลประทานนราธิวาส
นายสังคม เกิดก่อ นายอำเภอเมืองนราธิวาส กล่าวว่า รัฐบาลมีความตระหนักและเข้าใจในปัญหาที่เกษตรต้องเผชิญอยู่ เกษตรกรส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย ทำการเกษตรแบบต่างคนต่างทำ ทำให้ยากต่อการจัดการผลผลิตและผลิตสินค้าเกษตรไม่สอดคล้องกับความต้องการของการตลาด จึงได้มีนโยบายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการจัดกิจกรรมต่างๆ ผ่านศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) และเครือข่าย โดยมุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเกษตรกร ซึ่งการจัดงานในวันนี้ (16 มี.ค.65) เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเตรียมความพร้อมของพี่น้องเกษตรก่อนเข้าสู่การเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ ปี 2565 พร้อมย้ำหากสามารถทำให้เกษตรกรนำองค์ความรู้ที่เหมาะสมไปประยุกต์ใช้ในไร่นาและสวนของตนเอง จะทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญหาดมีการขยายผลหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและองค์ความรู้ต่างๆ ให้เกษตรกรเข้าถึงได้ จะทำให้เกษตรกรมีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง
ด้านนายซูไฮดี บาซอ เกษตรอำเภอเมืองนราธิวาส กล่าวถึงการดำเนินการของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร และเครือข่าย ว่า เป็นกลไกสำคัญในการสร้างกระบวนการการเรียนรู้และให้ความรู้แก่เกษตรกร ที่หน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมกันดำเนินการให้สำเร็จตามเป้าหมาย เนื่องจากสถานการณ์การผลิตสินค้าเกษตรในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันค่อนข้างสูง ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,16/3/2022,ภาคใต้,นราธิวาส,สวท.นราธิวาส,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316101519299 ทหารพราน ฉก.ทพ.36 ร่วมผู้นำชุมชน และราษฏร ทำฝายชะลอน้ำสร้างป่าเปียกป้องกันไฟป่าหมอกควัน,วันที่ 14 มีนาคม 2565 พันตรี ไพโรจน์ อ่อนโอน ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 3604 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 หรือ ฉก.ทพ.36 จัดกำลังพลร่วมกับ ผู้?นำชุมชนและราษฎรบ้านแม่สุ ตำบลแม่ลาหลวง อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมพลังร่วมกันสร้างฝายชะลอความชุ่มชื้น ทำเป็นฝายแม้วบริเวณลำห้วยในป่าชุมชนบ้านแม่สุ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้อุปโภค บริโภคในช่วงภัยแล้ง ยังเป็นการสร้างป่าเปียกเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผืนป่า เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอีกด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,16/3/2022,ภาคเหนือ,เชียงราย,สวท.เชียงราย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316104314311 สหกรณ์จังหวัดตาก ลงพื้นที่แนะนำ ส่งเสริม ติดตามสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการขยายผลการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565,วันนี้ (16 มี.ค.65) นายนำโชค ศิลกุล สหกรณ์จังหวัดตาก มอบหมายให้ นางสินีนาถ อ่อนนวล ผู้อำนวยการกลุ่มจัดตั้งและส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์กลุ่มส่งเสริมสหกรณ์ 1 ลงพื้นที่แนะนำ ส่งเสริม ติดตามสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการขยายผลการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของกลุ่มเกษตรกรทำไร่วังจันทร์ บ้านวังน้ำผึ้ง ตำบลวังจันทร์ อำเภอสามเงา จังหวัดตาก จำนวน 4 ราย ได้แก่ นางยนต์ บัวผัน นายวิเชียร บัวผัน นางสมหมาย ฐานนอก และนายวิทยา ฤทธานันท์ ซึ่งเป็นสมาชิกที่สมัครใจและมีความตั้งใจนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้
นางสินีนาถ อ่อนนวล ผู้อำนวยการกลุ่มจัดตั้งและส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า สหกรณ์จังหวัดตากได้ขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้กับเกษตรกรและสหกรณ์ที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดตาก สนับสนุนการประกอบอาชีพ โดยนำการตลาดมานำการผลิตเพื่อให้เกษตรกรสามารถผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการของตลาด ขยายผลไปถึงการแปรรูป ซึ่งเป็นขั้นตอนของเศรษฐกิจพอเพียง เหลือกินเหลือใช้แล้วนำไปขายแปรรูปแล้วก็จำหน่าย สิ่งที่สำคัญคือสนับสนุนให้เกษตรกรเหล่านี้รวมกันเป็นกลุ่มเพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง ลดต้นทุนเรื่องของการผลิตลงมา แล้วก็เพิ่มช่องทางการตลาดของเกษตรกรเหล่านี้
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,16/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,ตาก,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตาก,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316110955341 จังหวัดชัยนาท ประชุมคณะกรรมการพัฒนาฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำในพื้นที่จังหวัดชัยนาท ครั้งที่ 1/2565 เพื่อพิจารณาแนวทางและแผนการดำเนินงานพัฒนาฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำบึงสำเภา,
วันนี้ (16 มีนาคม 2565) เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมธรรมจักร (501) ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดชัยนาท นายรังสรรค์ ตันเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำในพื้นที่จังหวัดชัยนาท ครั้งที่ 1/2565 เพื่อพิจารณาแนวทางและแผนการดำเนินงานพัฒนาฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำบึงสำเภา ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้มีข้อสั่งการให้จังหวัดดำเนินการตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการฟื้นฟูแห่งน้ำตามธรรมชาติ แม่น้ำ คูคลอง หนอง บึง ให้สะอาดสวยงาม เพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอด ตามแนวพระราชดำริในการฟื้นฟูและพัฒนาลำน้ำ คูคลองในพื้นที่ให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ทั้งในด้านการเกษตร การป้องกันและแก้ปัญหาภัยธรรมชาติ และเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ
สำหรับพื้นที่บึงสำเภา อยู่ในตำบลธรรมามูล อำเภอเมืองชัยนาท มีเนื้อที่ประมาณ 230 ไร่ ซึ่งจังหวัดชัยนาท ได้กำหนดให้บึงสำเภา เป็นแหล่งน้ำที่จะดำเนินการฟิ้นฟู เพื่อเป็นต้นแบบของการพัฒนาแหล่งน้ำของจังหวัดชัยนาท และเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2565 จังหวัดชัยนาทโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานจังหวัดชัยนาท สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง เทศบาลตำบลธรรมามูล ได้ร่วมกันลงพื้นที่สำรวจบริเวณบึงสำเภา พบว่าสภาพของพื้นที่บึงสำเภามีแหล่งน้ำ 2 แห่ง คือหนองฮุ้งใหญ่และหนองฮุ้งเล็ก สภาพแหล่งน้ำทั้งสอง มีวัชพืชและสิ่งปฏิกูลภายในแหล่งน้ำ ส่วนสภาพพื้นที่โดยรองบึงสำเภา ได้มีการพัฒนาพื้นที่โดยการก่อสร้างทางจักรยานพร้อมด้วยลานออกกำลังกายและห้องน้ำ แต่ยังขาดการบำรุงรักษา ทำให้มีสภาพเสื่อมโทรม และมีไฟฟ้าส่องสว่างไม่เพียงพอ ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการพัฒนาฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำบึงสำเภาของอำเภอเมืองชัยนาท ตามแผนการดำเนินงานพัฒนาฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำบึงสำเภา ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เพื่อให้การดำเนินงานฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นต้นแบบของการพัฒนาแหล่งน้ำของจังหวัดชัยนาท
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,16/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,ชัยนาท,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชัยนาท,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316122320376 ปศุสัตว์แพร่ รับมอบการสนับสนุนหญ้าแห้งช่วยเหลือผู้ประสบภัย,"สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดแพร่ รับมอบการสนับสนุนหญ้าแห้งในการจัดตั้งคลังเสบียงสัตว์ประจำตำบล แก้ไขปัญหาการขาดแคลนอาหาร จำนวน 5,000 กิโลกรัม
นางสาวอาทิยา แปลงใจ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดแพร่ และนายจตุรภัทร คำนามะ เจ้าพนักงานสัตวบาลชำนาญงาน รักษาราชการแทนปศุสัตว์อำเภอหนองม่วงไข่ เป็นตัวแทนรับมอบการสนับสนุนหญ้าแห้งในการจัดตั้งคลังเสบียงสัตว์ประจำตำบล จำนวน 5,000 กิโลกรัม ในพื้นที่หมู่ที่ 1 ตำบลแม่คำมี อำเภอหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอาหารหยาบคุณภาพดีในช่วงภัยธรรมชาติ
นายสัตวแพทย์ ดร.สมพร พรวิเศษศิริกุล ปศุสัตว์จังหวัดแพร่ เปิดเผยว่า ทางกรมปศุสัตว์มีแนวทางปฏิบัติในการจัดการภัยพิบัติด้านปศุสัตว์ ทั้งภัยธรรมชาติและภัยจากโรคระบาดใน 3 ระยะ คือ ก่อนเกิดภัย ขณะเกิดภัย และหลังเกิดภัย โดยเกษตรกรต้องไปขอขึ้นทะเบียนผู้เลี้ยงปศุสัตว์กับสำนักงานปศุสัตว์อำเภอก่อนขอความช่วยเหลือกรณีได้รับความเสียหาย
หากเกษตรกรผู้เลี้ยงปศุสัตว์มีข้อสงสัย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดแพร่ ถนนร่องซ้อ ซอย 3 ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ โทร 054-511098 หรือสำนักงานปศุสัตว์ใกล้บ้าน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",16/3/2022,ภาคเหนือ,แพร่,สวท.แพร่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316120823369 สภาเกษตรกรแห่งชาติจัดเวทีรับฟังปัญหาและแนวทางแก้ ด้านข้าวและชาวนาไทย 4 ภาค,"
นายณรงค์รัตน์ ม่วงประเสริฐ ผู้ช่วยเลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติ และ เลขาธิการคณะทำงานด้านข้าวและชาวนา สภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวในการเปิดประชุม ""โครงการส่งเสริมและสนับสนุนสิทธิและการมีส่วนร่วมของชาวนาในการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายด้านข้าวและชาวนาอย่างยั่งยืน"" และบรรยายพิเศษ หัวข้อ ลดต้นทุนการผลิต ก้าวแรกทางรอดชาวนาไทย"" ณ ห้องประชุมสมาคมผู้พิการจังหวัดอ่างทอง ต.ศาลาแดง อ.เมือง จ.อ่างทอง โดยคณะทำงานด้านข้าวและชาวนา ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดนครปฐม ราชบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี กาญจนบุรี พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยเกษตรกร ผู้ประกอบการโรงสี เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น จำนวน 70 คน ว่า เริ่มต้นโครงการนี้คืออยากจะได้ทั้งชาวนา โรงสี และผู้ส่งออก มาร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อรวบรวมแล้วจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายด้านข้าวและชาวนาอย่างยั่งยืนและครบวงจร ซึ่งเวทีที่จังหวัดอ่างทองถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่อาจจะปรับเป็นการลงพื้นที่เพื่อหารือถึงมุมมองปัญหาและแนวทางร่วมกันของโรงสี และผู้ส่งออก คณะทำงานด้านข้าวและชาวนาจะนำแนวทางไปปรับเพื่อเวทีในภาคอื่นต่อไป โดยมองว่าเริ่มแรกชาวนาควรมีการปรับตัว ทั้งปัจจัยการผลิต ได้แก่ ที่ดิน ทุน แรงงาน และการจัดการ , วิธีการบำรุงดิน , การแปรรูป และนโยบายภาครัฐ
ทั้งนี้ ""โครงการส่งเสริมและสนับสนุนสิทธิและการมีส่วนร่วมของชาวนาในการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายด้านข้าวและชาวนาอย่างยั่งยืน"" จัดขึ้นเพื่อจัดทำข้อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ในการกำหนดนโยบาย มาตรการ และแนวทางแก้ไขปัญหาด้านข้าวและชาวนา โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมเวทีภาคกลางได้นำเสนอหากภาครัฐต้องการช่วยเหลือให้ตรงตามความต้องการ ได้แก่ ระบบชลประทานที่ทั่วถึงทุกพื้นที่ไม่ใช่มีแค่คลองส่งน้ำแต่ไม่มีการส่งน้ำ หรือสนับสนุนบ่อบาดาลขนาดเล็กที่เกษตรกรสามารถบำรุง รักษาด้วยตนเองได้ , ลดภาษีเครื่องมือทางการเกษตร , ลดดอกเบี้ยจากธนาคารที่ไม่ใช่การพักหนี้ เพราะดอกเบี้ยยังปกติอัตราเดิม , ปัจจัยพื้นฐานด้านการผลิตควรมีความเสมอภาค เช่น ค่าเช่าที่ดิน ค่าน้ำ , การทำนาขาดทุนแต่ส่วนใหญ่ขายได้แต่กำไรน้อย อยากตั้งราคาได้เอง , การช่วยเหลือจากภาครัฐ เช่น เมล็ดพันธุ์/ปุ๋ยบำรุง มาไม่ตรงตามฤดูกาล เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม คณะทำงานด้านข้าวและชาวนา สภาเกษตรกรแห่งชาติ กำหนดจัดเวทีรับฟังความเห็นจากเกษตรกร พื้นที่ 4 ภาค เริ่มต้นจาก ภาคกลาง จ.อ่างทอง เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2565 ณ สมาคมคนพิการจังหวัดอ่างทอง ต.ศาลาแดง อ.เมือง ภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช วันที่ 18-20 มีนาคม 2565 ภาคอีสาน จ.ศรีษะเกษ วันที่ 25-27 มีนาคม 2565 และ ภาคเหนือ จ.อุตรดิตถ์ วันที่ 1-3 เมษายน 2565 โดยจะรวบรวมความคิดเห็นจากเวทีทั้ง 4 ภาค แล้วดำเนินการจัดทำข้อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ในการกำหนดนโยบาย มาตรการ และแนวทางแก้ไขปัญหาด้านข้าวและชาวนาต่อไป
",16/3/2022,NULL,กรุงเทพมหานคร,หน่วยงานสำนักข่าว,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316122318375 ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลระยอง ยังคงเฝ้าระวังและติดตามคุณภาพสิ่งแวดล้อมทางการประมง พบคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ ผู้บริโภครับประทานอาหารทะเลได้ทุกชนิด,"หลังจากเกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วลงทะเลระยอง ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2565 ปัจจุบันสถานการณ์ได้เข้าสู่ภาวะปกติและกำลังดำเนินการตามขั้นตอนการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลระยอง ยังดำเนินการเฝ้าระวังและตรวจติดตามคุณภาพสิ่งแวดล้อมทางการประมง บริเวณชายฝั่งทะเลจังหวัดระยอง ตั้งแต่หาดพลา อ.บ้านฉาง ถึงปากน้ำประแสร์ อ.แกลง จ.ระยองอย่างต่อเนื่อง เพื่อตรวจวัดคุณภาพน้ำและรวบรวมตัวอย่างสัตว์น้ำ ก่อนนำไปตรวจวิเคราะห์สารปนเปื้อนโลหะหนัก ผลการตรวจคุณภาพเบื้องต้นและคุณภาพน้ำทั่วไป อยู่ในเกณฑ์ปกติ ผู้บริโภคสามารถรับประทานอาหารทะเลระยองได้ทุกชนิด
ส่วนความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ทางบริษัท SPRC ต้นเหตุทำให้เกิดน้ำมันรั่ว ได้จ่ายเงินให้กลุ่มประมงพื้นบ้านไปแล้ว 1,792 รายๆ ละ 45,000 บาท ,กลุ่มหาบเร่แผงลอยและอาชีพอื่นๆ อีก 1,071 รายๆ ละ 15,000 30,000 บาท รวมผู้ได้รับความช่วยเหลือไปแล้ว 2,863 ราย จากทั้งหมด 14,203 ราย รวมเป็นเงินกว่า 96 ล้านบาท
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",16/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สวท.ระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316132659397 ปภ.ระยอง รายงานผลการเฝ้าระวังคราบน้ำมันรั่วลงทะเล ไม่พบคราบน้ำมันรั่วไหลเพิ่ม แต่พบวัตถุขนาดเล็กสีเทา มีรูพรุนจำนวนมากลอยขึ้นชายหาด,"ปภ.ระยอง รายงานผลการเฝ้าระวังคราบน้ำมันรั่วลงทะเล ไม่พบคราบน้ำมันรั่วไหลเพิ่ม แต่พบวัตถุขนาดเล็กสีเทา มีรูพรุนจำนวนมากลอยขึ้นชายหาด ตรวจสอบเบื้องต้นคล้ายหินภูเขาไฟที่เคยพบบริเวณภาคใต้ของไทย
สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง เปิดเผยความคืบหน้าการเฝ้าระวังคราบน้ำมันรั่วลงทะเลระยองว่า สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยอง ในฐานะศูนย์ประสานการปฏิบัติกรณีคราบน้ำมันรั่วไหล (ศปน.) แจ้งว่า เรือ UNIWISE RAYONG ยังปฏิบัติงานใต้น้ำ โดยส่งนักประดาน้ำลงไปซ่อมท่อเพื่ออุดรอยรั่วของท่ออ่อนน้ำมัน ด้วยการใช้วิธีพันท่อรอบที่ 4 บริเวณรอยรั่วเดิม ซึ่งจากการสังเกตการณ์ของการปฏิบัติงานตั้งแต่ 09.00 - 17.00 น. เมื่อวานนี้ ไม่พบคราบและกลิ่นน้ำมันในพื้นที่ทุ่นผูกเรือกลางทะเล หรือ SPM ส่วนการปฏิบัติการในพื้นที่ทางทะเล ยังมีเรือ 22 ลำ และเรือตรวจทางอากาศ 2 ลำ ดำเนินการเฝ้าระวังคราบฟิล์มน้ำมันทั้งบริเวณชายฝั่งและนอกชายฝั่ง ไม่พบคราบน้ำมันในทะเลแต่อย่างใด แต่พบก้อนวัตถุขนาดเล็กสีเทา มีรูพรุน จำนวนมาก ลอยขึ้นหาดบริเวณหาดสวนสนและหาดดวงตะวัน ตำบลแกลง อำเภอเมืองระยอง จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ไม่ใช่ลักษณะของน้ำมันดิบ และไม่มีน้ำมันเจือปนในหินดังกล่าว แต่น่าจะเป็นหินภูเขาไฟ ซึ่งก่อนหน้านี้พบขึ้นบริเวณชายหาดทางภาคใต้ของไทย ขณะนี้ได้เก็บตัวอย่างไปตรวจวิเคราะห์ แล้ว
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",16/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สวท.ระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316133624404 จังหวัดตรังตรวจเข้มสต็อกปุ๋ยเคมี และยาป้องกันศัตรูพืช เพื่อติดตามสถานการณ์ด้านปริมาณ ป้องกันการกักตุนสินค้า และฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุอันควร,"นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง มอบหมายให้ นางสาวสุภากิตติ์ เกลี้ยงสงค์ พาณิชย์จังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจ และเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรตรัง ร่วมบูรณาการ ลงพื้นที่ตรวจสอบสต็อกปุ๋ยเคมี ยาป้องกันและกำจัดศัตรูพืชหรือโรคพืช ของผู้ประกอบการในพื้นที่อำเภอรัษฎา อำเภอห้วยยอด และอำเภอวังวิเศษ จำนวน 7 ราย เพื่อติดตามสถานการณ์ด้านปริมาณ ป้องกันการกักตุนสินค้า และฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุอันควร รวมทั้งกำกับดูแลผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 35 พ.ศ. 2564 ที่กำหนดให้ผู้ผลิต ผู้ว่าจ้าง ผู้นำเข้าและผู้จำหน่ายที่มีปริมาณการจำหน่ายเดือนละ 100 ตันขึ้นไป ต้องแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บฯ ณ วันสิ้นเดือนเป็นประจำทุกเดือน ภายในวันที่ 10 ของเดือนถัดไป
ผลการตรวจสต็อก ดังนี้
1. ดำเนินการตรวจสต็อกผู้ประกอบการ จำนวน 7 ราย คือ
อ. รัษฎา 2 ราย
- สหกรณ์การเกษตรรัษฎา
- ห้างหุ้นส่วนจำกัด บวรฟาร์ม
อ.ห้วยยอด 2 ราย
- สหกรณ์การเกษตรห้วยยอด
- บริษัท เรืองตรัง คลังเกษตร จำกัด
อ.วังวิเศษ 3 ราย
- ร้านน้องใหม่เคมีการเกษตร
- ร้านเพื่อนแท้การเกษตร
- สหกรณ์การเกษตรวังวิเศษ
2. มีสต็อกปุ๋ยเคมีรวมทั้งหมด จำนวน 33,540 กระสอบ สต็อกยาป้องกันและกำจัดศัตรูพืช รวมทั้งหมด จำนวน 148 ลิตร
3. ผู้ประกอบการรายใหญ่มีการทำบัญชีคุมสินค้าและมีบัญชีการเคลื่อนไหวเข้า- ออกสินค้า อย่างสม่ำเสมอ ไม่เข้าข่ายการกักตุนสินค้าแต่อย่างใด ในส่วนของผู้ประกอบการรายย่อย ไม่มีการจัดทำบัญชีคุมสต็อกสินค้า เนื่องจากสินค้าในร้านมีปริมาณน้อย
4. มีการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าชัดเจน
5. ผู้ประกอบการแจ้งว่าการสั่งซื้อปุ๋ยมาจำหน่ายช่วงนี้จะได้รับสินค้าค่อนข้างล่าช้า
อย่างไรก็ตาม สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรังได้กำชับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ห้ามมิให้กักตุนสินค้า หากพบการกระทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายทันที
ทั้งนี้ จังหวัดตรังได้จัดทำแผนการตรวจบูรณาการสต็อกปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช และข้าวโพดอาหารสัตว์ ระหว่างวันที่ 14 - 17 มี.ค.65 ทั้ง 10 อำเภอของจังหวัดตรัง เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า และฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุอันควร
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",16/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316143938431 "สถานการณ์จุดความร้อนสะสม จ.แม่ฮ่องสอน พบกว่า 2,000 จุด เจ้าหน้าที่เร่งฉีดพ่นละอองน้ำ สร้างความชุ่มชื่นในอากาศและลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM.25","ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองจังหวัดแม่ฮ่องสอน รายงานสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำวันที่ 16 มีนาคม 2565 ว่าพบจุดความร้อนประจำวันที่ 15 มีนาคม 2565 จำนวน 84 จุด จุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-15 มีนาคม 2565 จำนวน 2,002 จุด สูงสุดที่อำเภอเมือง จำนวน 600 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 1,219 จุด จุดความร้อนสะสมช่วงประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ยกเว้นพื้นที่ตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ -15 มีนาคม 2565 จำนวน 1,335 จุด สูงสุดที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จำนวน 421 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 777 จุด
ในส่วนคุณภาพอากาศประจำวันที่ 16 มีนาคม 2565 ค่า PM2.5 ณ สถานีตรวจวัดอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เท่ากับ 98 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับมีผลต่อสุขภาพ) และ สถานีตรวจวัดอำเภอแม่สะเรียง เท่ากับ 79 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับเริ่มมีผลต่อสุขภาพ)
โดยวันนี้ (16 มี.ค.65) กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้บูรณาการร่วมกับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 10 ลำปาง ดำเนินการฉีดพ่นละอองน้ำ ปริมาณ 40,000 ลิตร เพื่อสร้างความชุ่มชื่นในอากาศและลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 บริเวณศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน และสนามบินท่าอากาศยานจังหวัดแม่ฮ่องสอน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",16/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316144634438 เกษตรธารโต ร่วมออกตรวจสต๊อกปุ๋ยเคมี ยาป้องกันกำจัดศัตรูพืชหรือโรคพืช ป้องกันการกักตุนสินค้า และฉวยโอกาสขึ้นราคา,
นางสาวปุณญิสา เซ่งซิ้ว เกษตรอำเภอธารโต ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดยะลา ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรยะลา อำเภอธารโต สถานีตำรวจภูธรธารโต ออกตรวจสอบสต๊อกปุ๋ยเคมี ยาป้องกันกำจัดศัตรูพืช หรือโรคพืช ป้องกันการกักตุนสินค้า และฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุอันควร ที่ ร้านจำหน่วยปุ๋ยยาเคมีในพื้นที่อำเภอธารโต ณ ต.ธารโต อ.ธารโต จ.ยะลา
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,16/3/2022,ภาคใต้,ยะลา,สทท.ยะลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316144030434 เกษตรแพร่เตรียมพร้อมตรวจราชการ โครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด,สำนักงานเกษตรจังหวัดแพร่ เตรียมความพร้อมรับการตรวจราชการ โครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด 2565 เพื่อติดตามผลการดำเนินงาน ในวันที่ 17 มีนาคม 2565
นายประภาส สานอูป เกษตรจังหวัดแพร่ พร้อมด้วยนายเรืองกิตติ์ พันธุ์เลิศเมธี เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดแพร่และสำนักงานเกษตรอำเภอเมืองแพร่ ลงพื้นที่สหกรณ์ผู้เลี้ยงผึ้ง หมู่ 1 ตำบลวังธง และที่ทำการกลุ่มนาแปลงใหญ่ หมู่ที่ 5 ตำบลวังหงส์ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ เพื่อพบปะผู้นำกลุ่ม ร่วมวางแผนประสานงานการทำงานในการเตรียมความพร้อมรับการตรวจราชการของนายสมหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ พร้อมคณะ ในวันที่ 17 มีนาคม 2565 เพื่อติดตามผลการดำเนินงานโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,16/3/2022,ภาคเหนือ,แพร่,สวท.แพร่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316151156460 ผู้ว่าฯนราธิวาส สืบสานปณิธาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เร่งขับเคลื่อนการฟื้นฟูแหล่งน้ำตามธรรมชาติจังหวัดนราธิวาส กำหนดแหล่งน้ำต้นแบบเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำสร้างประโยชน์แก่ประชาชน,"วันที่ 16 มี.ค.65 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมพระยานราศัยสุนทร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการฟื้นฟูแหล่งน้ำตามธรรมชาติจังหวัดนราธิวาส ครั้งที่ 1/2565 พร้อมด้วย ปลัดจังหวัดนราธิวาส และคณะกรรมการฯ เพื่อขับเคลื่อนการฟื้นฟูแหล่งน้ำตามธรรมชาติ แม่น้ำ คูคลอง หนอง บึง ให้สะอาดสวยงาม ตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
โดยดำเนินการจัดระเบียบ หากมีน้ำเน่าเสียหรือผักตบชวาต้องดำเนินการแก้ไข โดยจังหวัดนราธิวาสได้กำหนดแหล่งน้ำที่จะดำเนินการฟื้นฟู เพื่อเป็นต้นแบบของการพัฒนาแหล่งน้ำจำนวน 1 แหล่ง คือ คลองทอน-คลองโคกเคียน หมู่ที่ 1, 2, 4, 5 และ 12 ตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองฯ จังหวัดนราธิวาส ความยาว 11.3 กิโลเมตร ซึ่งมีสภาพน้ำเน่าเสีย และมีวัชพืชปกคลุมจำนวนมาก ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียมแผนงาน/โครงการ ฟื้นฟูแหล่งน้ำเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนในพื้นที่ต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",16/3/2022,ภาคใต้,นราธิวาส,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316154813493 อำเภอท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานีบูรณาการสำรวจปริมาณสินค้าและราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์และปุ๋ย ป้องกันผู้ประกอบการกักตุนและฉวยโอกาสขึ้นราคา หากพบกระทำผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด,วันนี้ (16 มีนาคม 2565) นายสุกิจ มีพริ้ง นายอำเภอท่าฉาง สั่งการให้ฝ่ายปกครอง ร่วมกับชุดเคลื่อนที่เร็ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสุราษฎร์ธานี ปศุสัตว์อำเภอท่าฉาง เกษตรอำเภอท่าฉาง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่สำรวจปริมาณสินค้าและราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์และปุ๋ยของผู้ประกอบการรับซื้อ-ขายวัตถุดิบอาหารสัตว์และปุ๋ย เพื่อแก้ไขปัญหาและควบคุมมิให้ผู้ประกอบการกักตุนและฉวยโอกาสขึ้นราคา
ซึ่งจากการสำรวจร้านค้า จำนวน 34 ร้าน ในพื้นที่อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เบื้องต้นไม่พบการกักตุนสินค้าแต่อย่างใด ขณะที่สถานการณ์ราคามีแนวโน้มปรับขึ้นตามราคาตลาด ทั้งนี้ ได้กำชับผู้ประกอบการในพื้นที่ปฏิบัติตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด หากพบการกักตุนและฉวยโอกาสขึ้นราคาจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
นายสัตวแพทย์บุญฤทธิ์ ทองสม ปศุสัตว์จังหวัดชัยนาท เป็นห่วงพี่น้องเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ ในช่วงร้อนนี้ ซึ่งสภาพอากาศมีความแปรปรวน ฝนฟ้าคะนอง ในบางพื้นที่อาจมีลมกรรโชคแรง อาจส่งผลทำให้สัตว์เลี้ยงเกิดความเครียด สุขภาพสัตว์อ่อนแอลง ทำให้เกิดติดเชื้อต่างๆ ได้ง่าย และลักษณะอากาศดังกล่าว ยังมีความเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของแมลงพาหะนำโรค อาจเกิดการระบาดของโรคที่มาจากแมลงพาหะเพิ่มขึ้น และอาจเกิดการแพร่กระจายไปในวงกว้างได้ ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ผู้เลี้ยงสัตว์
ปศุสัตว์ชัยนาท จึงขอความร่วมมือเกษตรกร หรือเจ้าของสัตว์ ในการดำเนินการป้องกัน ควบคุม กำจัด หรือลดปริมาณแมลงพาหะนำโรค โดยการใช้สารกำจัดแมลงพาหะด้วยวิธีการฉีดพ่นบริเวณคอก หรือสถานที่พักอาศัยของสัตว์ ร่วมกับการใช้ยาฉีดพ่น หรือราดหลัง หรือหยดบนตัวสัตว์ อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งการปรับภูมิทัศน์บริเวณสถานที่เลี้ยงสัตว์หรือแหล่งรวมสัตว์ ไม่ให้มีแหล่งน้ำขัง หรือแหล่งเพาะพันธุ์แมลง ทำความสะอาดฆ่าเชื้อคอกสัตว์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ให้มีอุจจาระ ปัสสาวะ หมักหมม ควรเก็บอุจจาระไว้ในสถานที่ป้องกันแมลงและนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี รวมทั้งเฝ้าระวังและสังเกตอาการของสัตว์ทุกวัน ซึ่งหากพบสัตว์ป่วยตายผิดปกติ หรือแสดงอาการป่วย เช่น ม้า ลา ล่อ แสดงอาการ ซึม มีไข้อุณหภูมิมากกว่า 38.5 องศาเซลเซียส กินอาหารลดลง มีอาการบวมน้ำบริเวณขมับหรือคอ ตาแดงอักเสบ ชัก หรือกระวนกระวายคล้ายอาการเสียดท้อง
ในโค-กระบือ หากพบสัตว์แสดงอาการซึม มีไข้ (อุณหภูมิมากกว่า 39.5 องศาเซลเซียส ไม่กินอาหาร มีตุ่มนูนตามผิวหนัง หายใจลำบาก ให้เกษตรกรหรือเจ้าของสัตว์ แจ้งเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ ได้ที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอ หรือสำนักงานปศุสัตว์จังหวัด
เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไปยังท้องที่อื่นๆ
นอกจากนี้ ควรจะเข้มงวดเกี่ยวกับการห้ามยานพาหนะ โดยเฉพาะรถรับซื้อสัตว์ รถอาหารสัตว์ รถรับซื้อมูลสัตว์ เข้าภายในฟาร์มโดยเด็ดขาด หากจำเป็นต้องทำการฆ่าเชื้อยานพาหนะจากภายนอกทุกคันที่เข้า-ออกฟาร์ม หรือสถานที่เลี้ยงสัตว์ รวมถึงควบคุมแมลงพาหะด้วยสารกำจัดแมลงที่อาจมากับยานพาหนะดังกล่าวด้วย และงดการนำสัตว์เข้ามาเลี้ยงใหม่ จากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลสถานการณ์ของโรคเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด หรือสำนักงานปศุสัตว์อำเภอในพื้นที่
หากกรณีเกษตรกรนำสัตว์เข้ามาเลี้ยงใหม่ ควรมีการกักแยกสัตว์ออกจากฝูงเพื่อสังเกตอาการอย่างน้อย 28 วัน พร้อมทั้งกางมุ้งกันแมลง หรือใช้สารกำจัดแมลงเพื่อควบคุมแมลงพาหะอย่างเหมาะสม
ขอเน้นย้ำให้เกษตรกร หรือเจ้าของสัตว์ดูแลสัตว์ของตนเอง โดยการให้น้ำและอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพให้พอเพียงกับสัตว์ เพื่อให้สัตว์มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆ ที่ดี รวมทั้งหมั่นสังเกตอาการของสัตว์อย่างสม่ำเสมอ ป้องกันสัตว์ของตนเองไม่ให้สัมผัสกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่จะนำโรคเข้าฟาร์ม และควรทำวัคซีนป้องกันโรค ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",16/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,ชัยนาท,สวท.ชัยนาท,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316171415542 คณะกรรมการบริหารจัดการควบคุมตรวจสอบกระบวนการผลิตและจำหน่ายสินค้า GI เตรียมลงพื้นที่ตรวจรับรองส้มโอทับทิมสยามแก่เกษตรกรที่แจ้งความประสงค์ในพื้นที่อำเภอปากพนัง,"วันนี้(16 มี.ค. 65) ที่ห้องประชุมสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช ชั้น 3 นายไตรรัตน์ ไชยรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการควบคุมตรวจสอบกระบวนการผลิตและจำหน่ายสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง โดยมีพาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช เกษตรจังหวัด ผู้แทนหน่วยงานท้องถิ่น ผู้แทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปลงใหญ่ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง เจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
สำหรับการประชุมดังกล่าวเพื่อร่วมพิจารณาแผนการลงพื้นที่ตรวจประเมินมาตรฐานการผลิตของผู้ที่ประสงค์จะขอใช้ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง โดยเบื้องต้นมีกำหนดจะลงพื้นที่ระหว่างวันที่ 22-23 มีนาคม 2565 ซึ่งมีผู้ผลิต/ผู้ประกอบการประสงค์จะขอใช้ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย หรือ GI ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง
ทั้งที่ เป็นรายเดิมและรายใหม่ มีจำนวน 13 ราย แบ่งเป็น การขอต่ออายุใช้ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI จำนวน 9 ราย และขออนุญาตใช้ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI ครั้งแรก จำนวน 4 ราย ทั้งนี้จากข้อมูลสำนักงานเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุมีการปลูกส้มโอทับทิมสยาม ในจังหวัดนครศรีธรรมราชทั้งสิ้น จำนวน 4,900 ไร่ จากจำนวนเกษตรกรทั้งสิ้น 1,060 ราย โดยในจำนวนนี้เป็นการปลูกในพื้นที่อำเภอปากพนัง จำนวน 3,432 ไร่ และมีจำนวนเกษตรกรที่เพาะปลูก จำนวน 692 ราย
อุไรวรรณ/ข่าว/ภาพ จุรีรัตน์/ภาพ/16 มีนาคม 2565
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",16/3/2022,ภาคใต้,นครศรีธรรมราช,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316185027574 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงนามความเข้าใจร่วมมือด้านการเกษตร ระหว่างกระทรวงเกษตร ปศุสัตว์และอุปทานอาหารแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ,"นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงเกษตร ปศุสัตว์ และอุปทานอาหารแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่กระทรวงเกษตร ปศุสัตว์ และอุปทานอาหาร แห่งสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล จะเริ่มมีการดำเนินการความร่วมมือด้านการเกษตรร่วมกันอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่วันนี้ หลังจากที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันตั้งแต่ปี 2502 ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานถึง 63 ปี ทางประเทศไทยและสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ต่างให้ความสำคัญต่อภาคการเกษตรและมีนโยบายภาคเกษตรกรรมอย่างจริงจังและต่อเนื่อง แม้ว่าจะห่างไกลกัน แต่ทั้งสองประเทศก็อยู่ในเขตการเกษตรของภูมิอากาศเขตร้อนเหมือนกัน ดังนั้น ภาควิชาความรู้จะสามารถแลกเปลี่ยนและนำสู่การปฏิบัติได้จริง ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ด้านการเกษตรให้แน่นแฟ้นและใกล้ชิดยิ่งขึ้น และสามารถก่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาคการเกษตรและเกษตรกรได้โดยตรง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพด้านการเกษตรของทั้งสองประเทศ อันจะส่งผลให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 2030
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ขอให้เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ประจำประเทศไทย นำส่งบันทึกความเข้าใจฉบับที่ได้ลงนามในวันนี้ ให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ปศุสัตว์ และอุปทานอาหาร แห่งสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล และหวังว่าทั้งสองกระทรวงฯ จะใช้กรอบนี้ในการขยายความร่วมมือด้านการเกษตร และหารือประเด็นที่สนใจร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป
",16/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316194421624 นายอำเภอหางดง ลงพื้นที่ตรวจสอบ ปลาในกระชังในแม่น้ำปิง น็อคน้ำตาย,"
นายอำเภอหางดง ลงพื้นที่ตรวจสอบ ปลาในกระชังในแม่น้ำปิง น็อคน้ำตาย นายอำเภอหางดง ประสาน 4 หน่วยงานเข้าช่วยเหลือกลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชัง หลังพบ ปลาในกระชังในแม่น้ำปิงน็อคน้ำตาย ว่าที่ร้อยตรีบำรุงเกียรติ วินัยพานิช นายอำเภอหางดง เปิดเผยว่า จากกรณีกลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชังในเขตแม่น้ำปิงร้องเรียนว่า ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาผักตบชวา ทำให้น้ำในลำน้ำปิงเน่าเสียปลาที่เลี้ยงในกระชังตายเป็นจำนวนมาก
โดยทางอำเภอหางดง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบลำน้ำปิงในเขตติดต่อและพื้นที่รับผิดชอบของอำเภอหางดง เพื่อตรวจสอบปัญหา และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบลำน้ำปิงในเขตพื้นที่อำเภอหางดงตลอดสาย ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกหนักในเขตจังหวัดเชียงใหม่และได้มีการระบายน้ำจากเมืองเชียงใหม่ลงสู่แม่น้ำปิง ทำให้มีการชะล้างสิ่งปฏิกูลและสารแขวนลอยลงสู่แม่น้ำปิง ส่งผลให้ปลาในกระชังของเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาตายไปบางส่วน
นอกจากนี้ ยังพบว่า มีผักตบชะวากีดขวางลำน้ำปิงอยู่หลายจุด ทำให้เกิดการสะสมของตะกอนและน้ำปิงมีลักษณะนิ่งเป็นแอ่ง ซึ่งไม่สามารถระบายได้ อีกทั้งน้ำปิงมีฝายกั้นอยู่หลายจุด คือ ฝายป่าแดด ฝายน้ำโท้ง ฝายท่ามะโก๋ และฝายสบร้องศรีวิชัย ทำให้การไหลเวียนของแม่น้ำปิงขาดช่วง สำหรับปลาในกระชังที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว มีปริมาณ 400 กิโลกรัม ค่าเสียหายประมาณ 32,000 บาท
ทั้งนี้ อำเภอหางดง และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันสรุปผลการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยได้ประสานโครงการชลประทานเชียงใหม่ เพื่อทำการปล่อยน้ำเข้าสู่ลำน้ำปิงในพื้นที่อำเภอหางดง เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียในเบื้องต้น ด้านโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงใหม่ จะได้ประสานองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอรับการสนับสนุนเครื่องจักรในการขุดลอกเพื่อกำจัดผักตบชะวาในลำน้ำปิงในจุดที่มีการกีดขวางทางน้ำ หน่วยงานประมงจังหวัดเชียงใหม่ จะทำการสำรวจความเสียหายและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ด้านอำเภอหางดงก็จะจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาบริเวณริมตลิ่งน้ำแม่ปิง เพื่อแก้ไขปัญหาผักตบชวาในส่วนที่สามารถดำเนินการได้อีกทางด้วย
พิมลกัลย์ เดชะชัย สวท. เชียงใหม่16 มี.ค. 65
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",16/3/2022,ภาคเหนือ,เชียงใหม่,สวท.เชียงใหม่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316193254615 กรมชลประทาน เดินหน้าอ่างเก็บน้ำห้วยคุกหมีฯ จังหวัดอุดรธานี หวังบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำ,"นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยหลังลงพื้นที่ไปติดตามความคืบหน้าโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยคุกหมีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุดรธานี ว่า โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยคุกหมีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านผาสุก ตำบลผาสุก อำเภอวังสามหมอ จังหวัดอุดรธานี ทางตอนบนของลุ่มน้ำสาขาลำพันชาด พื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จึงต้องจัดทำรายงานศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น(IEE) ตามมติ ครม. ลักษณะโครงการเป็นเขื่อนดินปิดกั้นห้วยคุกหมี กว้าง 6 เมตร ยาวประมาณ 585 เมตร มีอาคารระบายน้ำล้นเป็นฝายน้ำล้น ยาว 12 เมตร พร้อมก่อสร้างอาคารท่อส่งน้ำฝั่งซ้าย ฝั่งขวา สามารถ เก็บกักน้ำได้กว่า 2 ล้าน ลบ.ม. มีพื้นที่ชลประทานประมาณ 2,174 ไร่ หากดำเนินการแล้วเสร็จ จะช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำให้กับประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตโครงการฯ ทั้งในฤดูฝนและหน้าแล้ง เป็นแหล่งน้ำต้นทุนเพื่อการเพาะปลูก อีกทั้งยังเป็นแหล่งน้ำใช้ในการอุปโภคบริโภคของประชาชน
โครงการอ่างเก็บน้ำดังกล่าว อยู่ระหว่างกระบวนการแก้ไขรายงานตามข้อคิดเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อมด้านพัฒนาแหล่งน้ำ) และจะเสนอรายงานเข้ากระบวนการพิจารณารายงานต่อไป การเตรียมความพร้อมจะดำเนินการออกแบบรายละเอียดในปี 2566 คาดเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในปี 2567 ระยะเวลาก่อสร้างโครงการ 3 ปี การพิจารณาผลตอบแทนต่อเกษตรกรที่รับผลกระทบ รัฐบาลจะพิจารณาอย่างเป็นธรรม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่
",16/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316193601619 หลายอำเภอใน จ.สุราษฎร์ธานี ส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจสินค้าทางการเกษตรและราคาอาหารสัตว์ ป้องกันการกักตุนและฉวยโอกาสขึ้นราคา,"
นายชาญวิทย์ สิรภักดี นายอำเภอบ้านนาเดิม มอบหมายให้นายพิษณุ นวลน้อม ปลัดอาวุโส นางจิตรนภา มั่นจิตร ปศุสัตว์อำเภอ น.ส.นันทวัน วัฒนา รักษาราชการแทนเกษตรอำเภอ พร้อมด้วยสมาชิก อส.อ.บ้านนาเดิม ออกสำรวจปริมาณและราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์และปุ๋ยในพื้นที่ อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี ได้แก่ ร้านบ้านนาอาหารสัตว์ ม.4 ต.นาใต้ จำหน่ายอาหารสุกร อาหารไก่ , ร้านบ้านนาการเกษตร ม.2 ต.บ้านนา จำหน่ายปุ๋ยเคมี สารกำจัดศัตรูพืช และอุปกรณ์ด้านเกษตรอื่น ๆ และร้านสยามกสิกิจ ม.2 ต.บ้านนา อ.บ้านนาเดิม จำหน่ายปุ๋ยเคมี
ซึ่งผลการสำรวจตรวจสอบปรากฏว่า ร้านจำหน่ายอาหารสัตว์ ไม่พบการกักตุนสินค้า ผู้ประกอบการอยากขาย แต่ผู้ซื้อมีน้อย ปัจจุบันยอดขายลดลงมากกว่า 50% โดยเฉพาะอาหารสุกรลดลงประมาณ 70 % ส่วนราคาขาย ขายไม่เกินราคาอ้างอิงของราคาปัจจัยทางการเกษตรที่ได้รับแจ้งจากสำนักงานพาณิชจังหวัดสุราษฎร์ธานี ขณะที่ร้านจำหน่ายปุ๋ย ไม่พบการกักตุนสินค้า แต่ปุ๋ยบางสูตร ที่เกษตรกรต้องการมาก เช่น ปุ๋ยใส่ต้นปาล์มน้ำมัน ขาดแคลน ได้รับแจ้งจากผู้ขายว่า เป็นเพราะโรงงานผู้ผลิต/เอเย่นรายใหญ่ ไม่มีสินค้าดังกล่าวส่งให้ ส่วนราคาขาย ขายไม่เกินราคาอ้างอิงเช่นกัน
ขณะที่อำเภออื่นๆ เช่น ท่าฉาง พนม ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจตรวจสอบด้วยเช่นกัน เบื้องต้นยังไม่พบการกระทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อเพื่อป้องกันการกักตุนและฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าทางการเกษตร รวมทั้งสินค้าอื่นๆ ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งหากพบผู้ใดกระทำผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",16/3/2022,ภาคใต้,สุราษฎร์ธานี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316213417646 ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจร้านค้าเพื่อติดตามราคาจำหน่ายปุ๋ยและปริมาณและราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ในทุกอำเภอ,ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจร้านค้าเพื่อติดตามราคาจำหน่ายปุ๋ยและปริมาณและราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ในทุกอำเภอ วันนี้ (16 มี.ค.65) เวลา 14.00 น. ห้องประชุมชั้น 3 สำนักงาน กกต.สตูล อำเภอเมืองสตูล
นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามการดำเนินการสำรวจปริมาณและราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์และการจำหน่ายปุ๋ยในทุกอำเภอของจังหวัดสตูล ป้องกันการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค โดยเฉพาะเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ในพื้นที่
ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า เพื่อติดตามความคืบหน้าในการสำรวจปริมาณและราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์และปุ๋ย ซึ่งรัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนด้วยปรากฏสถานการณ์วัตถุดิบอาหารสัตว์และปุ๋ยขาดแคลนและมีราคาสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ นายกรัฐมนตรีจึงได้มีการสั่งการผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทย ให้แก้ไขปัญหาและควบคุมไม่ให้ผู้ประกอบการกักตุนและฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า
ทั้งนี้ หากพบการกระทำผิดให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้นายอำเภอ 7 อำเภอ บูรณาการร่วมหน่วยงานในพื้นที่ลงสำรวจและสร้างความเข้าใจร้านค้าจำหน่ายปุ๋ยและวัตถุดิบอาหารสัตว์ต่าง ๆ ว่ามีการครอบครองอยู่จำนวนเท่าไหร่ รวมถึงวัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น รำละเอียด ปลายข้าวสาร หรือข้าวเปลือก เพื่อป้องกันการกักตุนและขึ้นราคา ลดผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ในพื้นที่
ข่าว/อมรรัตน์ จันทร์พริ้ม/สวท.สตูล 16 มี.ค. 65
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,16/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สวท.สตูล,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316205417640 ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายปุ๋ยและอาหารสัตว์ ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองสตูล ไม่พบการกักตุนหรือขึ้นราคาสินค้าแต่อย่างใด,นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายปุ๋ยและวัตถุดิบอาหารสัตว์ในพื้นที่อำเภอ เมืองสตูล ณ ร้านเจริญศรีการค้า และร้านฉลุงการเกษตร พร้อมซักถามและให้กำลังใจแก่ผู้ประกอบ เพื่อเยี่ยมและแนะนำการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการค้าขายและการบริโภคในพื้นที่
ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวภายหลังลงพื้นที่ว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้คณะทำงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เยี่ยมเยือนผู้ประกอบการร้านจำหน่ายปุ๋ยและอาหารสัตว์ แนะนำการติดป้ายราคา ค้าขายอย่างเป็นธรรม ซึ่งได้รับทราบเรื่องของราคาสินค้าที่มีการปรับขึ้นทั้งปัจจัยจากต้นทางคือโรงงาน รวมถึงผลกระทบจากสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน สถานการณ์เศรษฐกิจโลก และสถานการณ์น้ำมัน ส่งผลให้สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรราคาสูงขึ้น 20 30 % ขณะที่บางตัวสูงขึ้นถึง 40 % ซึ่งในขณะนี้เริ่มมีการขาดแคลนบ้างแล้ว
การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อติดตามพฤติกรรมผู้ประกอบการว่ามีการกักตุนสินค้าหรือไม่ โดยภาพรวมไม่มีการกักตุนสินค้าหรือขึ้นราคาแต่อย่างใด ในจังหวัดสตูลส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายย่อย บางส่วนเป็นซาปั๊วที่รับจากโรงงานโดยตรง และยี่ปั๊ว ภาพรวมมีร้านจำหน่ายปุ๋ยรายย่อยประมาณ 126 ร้าน ส่วนร้านใหญ่ประมาณ 10 ร้าน ขณะที่ร้านจำหน่ายอาหารสัตว์มีประมาณ 128 ร้าน และร้านใหญ่ประมาณ 10 ร้าน
ทั้งนี้ สินค้าปุ๋ยและอาหารสัตว์ขณะนี้เป็นสินค้าควบคุมที่รัฐบาลได้มีการประกาศออกมาแล้ว เพราะฉะนั้นการขึ้นราคาจะต้องสมเหตุสมผล ในส่วนของราคาบางตัวที่มีการขึ้นราคาเพราะราคาสูงมาตั้งแต่โรงงาน ซึ่งเป็นไปตามกลไกการตลาด ในส่วนของจังหวัดสตูลจะลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์เป็นระยะ ๆ ต่อไป เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและไม่ให้เกิดการกักตุนสินค้า ส่วนแนวทางการให้ความช่วยเหลือเกษตร ได้มอบหมายให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสตูล และศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สตูล หามาตรการวางแผนช่วยเหลือโดยเฉพาะปัจจัยการผลิตทดแทนปุ๋ยเคมี และพืชอาหารสัตว์ทดแทนสิ่งที่ขาดแคลนรองรับแนวโน้มในอนาคต เพื่อลดรายจ่ายและดูแลพี่น้องเกษตรกรทุกกลุ่มต่อไป
ข่าว/อมรรัตน์ จันทร์พริ้ม/สวท.สตูล 16 มี.ค. 65
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,16/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สวท.สตูล,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316205621642 ภาครัฐ สนับสนุนเกษตรกรชาวสวนปาล์ม แปรรูปน้ำมันปาล์มแดง เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต ตามนโยบาย เกษตรสร้างมูลค่า,นายชาญวิทย์ ธานี เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญ มอบหมายให้กลุ่มสารสนเทศการเกษตร ลงพื้นที่ บ.โนนโพธิ์ ต.โนนโพธิ์ อ.เมือง และ บ.กุดซวย ต.คำพระ อ.หัวตะพาน ร่วมกับเจ้าหน้าที่โครงการชลประทานอำนาจเจริญ (นางอัมพร พันธุ์ดี) เพื่อสำรวจข้อมูลเกษตรกรผู้สนใจเข้าร่วมอบรมการแปรรูปน้ำมันปาล์มแดง ในระดับครัวเรือน ซึ่งได้รับความสนใจจากเกษตรกรเป็นจำนวนมาก * โดยเกษตรกรให้เหตุผลว่า ดีใจกับราคาปาล์มที่สูงขึ้น ณ ปัจจุบัน แต่ไม่ได้ยืนยันว่าราคาจะอยู่ได้ตลอด จึงมีความสนใจที่เข้าร่วมอบรมการแปรรูปน้ำมันปาล์มแดง
ทั้งนี้ แม้ว่าผลผลิตปาล์มน้ำมันขณะนี้ราคาจะสูงกว่า 8 บาท/กิโลกรัม แล้วก็ตาม แต่ก็วางใจไม่ได้ โดยเกษตรกรจะพอใจกับความสมดุลของราคามากกว่า แต่ว่าในปัจจุบันนี้ความสมดุลของราคาไม่ได้เกิดจากความเป็นจริงของปริมาณผลผลิตและความต้องการใช้ แต่มีกลไกที่เกษตรกรเข้าไม่ถึง ดังนั้น เกษตรกรจึงต้องหาวิธีการช่วยเหลือตัวเอง จึงต้องหันไปทางผลิตภัณฑ์อื่นที่สามารถทำให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน
การแปรรูปน้ำมันปาล์มแดง เป็นการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญ อาทิเช่น การอบรมเกษตรกรการแปรรูปน้ำมันปาล์มแดง โดย ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรอำนาจเจริญ การลงสำรวจข้อมูล ร่วมกับ โครงการชลประทาน และ การให้ข้อมูลจาก สำนักการปฏิรูปที่ดินจังหวัดอำนาจเจริญ (ส.ป.ก.)
ทั้งนี้ เนื่องจากเกษตรกรมีพื้นที่ในเขต ส.ป.ก. และเขตพื้นที่ชลประทาน เพื่อมุ่งหวังให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น ด้วยการยกระดับการผลิตทางการเกษตรให้มีการสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะเป็นอีกกลไกหนึ่ง ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,16/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,อำนาจเจริญ,สวท.อำนาจเจริญ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316215124653 เกษตรโคราช มุ่งเป้าเตรียมความพร้อมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร กาแฟดงมะไฟ และลงพื้นที่ขับเคลื่อนงานมอบท่อนพันธุ์มันสำปะหลังสะอาดแก่เกษตรกรอำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา,นายคณกร ทองสุขนอก เกษตรจังหวัดนครราชสีมา ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานและมอบนโยบายการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตร การส่งเสริมการปลูกกาแฟในพื้นที่บ้านดงมะไฟ ตำบลมะเกลือใหม่ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา กาแฟดงมะไฟ เป็นกาแฟที่มีความพิเศษเฉพาะตัวและได้รับการขึ้นทะเบียนรับรองเป็นสินค้า GI หรือสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์
โดยเกษตรกรแปลงใหญ่กาแฟดงมะไฟ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกาแฟอาราบิก้าและมะคาเดเมียแบบประชาอาสาบ้านดงมะไฟ เป็นการสร้างรายได้ สร้างงานให้กับเกษตรกร เป็นแหล่งเรียนรู้ และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน โดยเกษตรกรเน้นการปลูกแบบอินทรีย์ เนื่องจากพื้นที่ปลูกเป็นแหล่งต้นน้ำเพื่อไม่ให้เกิดการเปื้อนสารเคมีลงสู่แหล่งน้ำ จุดเด่นของ กาแฟดงมะไฟ คือ มีกาเฟอีนต่ำเพียง 1% โดยแหล่งปลูกอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลน้อยจึงมีค่ากาเฟอีนต่ำ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ
นอกจากนี้ นายคณกร ทองสุขนอก เกษตรจังหวัดนครราชสีมา ได้ลงพื้นที่เพื่อขับเคลื่อนงานมอบท่อนพันธุ์มันสำปะหลังสะอาด โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่ เพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในการสนับสนุนพันธุ์มันสำปะหลังสะอาดและทนทานโรคใบด่างมันสำปะหลัง เป็นการควบคุมการระบาดของโรค ไม่ให้สร้างความเสียหายแก่เกษตรกรและส่งผลกระทบถึงภาคอุตสาหกรรมเพื่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ณ พื้นที่ทำการเกษตร ตำบลมะเกลือใหม่ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,16/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220316220312658 กอนช. ขอให้ประชาชนตอนบนของประเทศระวังเกิดฝนตกและมีลมกระโชกแรง พร้อมเฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำมีแนวโน้มเสี่ยงน้ำน้อยหน้าแล้ง 5 แห่ง,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนตอนบนของประเทศระวังเกิดฝนตกและมีลมกระโชกแรง พร้อมเฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำมีแนวโน้มเสี่ยงน้ำน้อยหน้าแล้ง 5 แห่ง
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (17 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.จันทบุรี 117 มิลลิเมตร , อุบลราชธานี 106 มิลลิเมตร และชัยภูมิ 83 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 28,860 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 50 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 22,770 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 48 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนและแม่กลองมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ยังได้ติดตามสถานการณ์น้ำและพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงภาวะขาดแคลนน้ำช่วงหน้าแล้งปีนี้ พบการจัดสรรน้ำ ณ วันที่ 10 มีนาคมในอ่างเก็บน้ำ 35 แห่ง ได้จัดสรรน้ำสะสม 11,014 ล้านลูกบาศก์เมตร น้อยกว่าแผนจัดสรรน้ำสะสม 241 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีอ่างเก็บน้ำที่จัดสรรน้ำมากกว่าแผนแล้ว 15 แห่ง และคาดการณ์อ่างเก็บน้ำมีแนวโน้มเสี่ยงน้ำน้อยต่ำกว่าเกณฑ์ปฏิบัติการอ่างเก็บน้ำกักเก็บต่ำสุด (LRC) ต้องเฝ้าระวัง 5 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล เขื่อนกิ่วลม เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนนฤบดินทรจินดา
",17/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317090127686 ทช. ยังตรวจพบก้อนน้ำมันและเม็ดสีน้ำตาลในพื้นที่หาดแม่รำพึงบางจุด ส่วนภาพรวมน้ำทะเลอยู่ในเกณฑ์ปกติไม่พบคราบน้ำมัน,"กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ยังตรวจพบก้อนน้ำมันและเม็ดสีน้ำตาลในพื้นที่หาดแม่รำพึงบางจุด ส่วนภาพรวมน้ำทะเลอยู่ในเกณฑ์ปกติไม่พบคราบน้ำมัน
นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 (ระยอง) และบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จํากัด (มหาชน) หรือ SPRC ได้ร่วมกันตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง ด้วยการเดินสำรวจผลกระทบที่อาจหลงเหลือจากเหตุน้ำมันดิบรั่วในทะเลมาบตาพุด 3 เส้นทาง คือ หาดแม่รำพึงตั้งแต่ บ้านคลองกะเฌอ สถานีอุตุนิยมวิทยา-บ้านก้นอ่าว ระยะทาง 9 กิโลเมตร โดยจุดที่ห่างจากหินขาวหินดำ (ลานหินขาว) พบก้อนสีดำคล้ายยางมะตอย ระยะทาง 300 เมตร , ก้นอ่าวพบก้อนสีดำคล้ายยางมะตอยระยะทาง 200 เมตร คลองหัวรถพบก้อนสีดำคล้ายยางมะตอย ระยะทาง 150 เมตร และพบเม็ดสีน้ำตาลคล้ายหินภูเขาไฟตลอดแนวชายหาด // ชายหาดหน้าศาลเจ้าแม่ทับทิม สถานีรายงานบ้านเพ (ทอ.) พบเม็ดสีน้ำตาลคล้ายหินภูเขาไฟตลอดแนวชายหาด ระยะทาง 400 เมตร และสุดท้าย ชายหาดบริวณบ้านเพ-ท่าเรือแกลงระยะทาง 5.43 กิโลเมตร พบเม็ดสีน้ำตาลคล้ายหินภูเขาไฟตลอดแนวชายหาด
ขณะเดียวกัน สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 (ระยอง) ยังได้นำเรือ ทช.302 , ทช.111 , ทช.311 และ ทช.221 ตรวจติดตามอีก 4 เส้นทางในทะเล คือ เขาแหลมหญ้า-รอบเกาะเสม็ดและบริเวณใกล้เคียง ระยะทางรวม 67 กิโลเมตร // หาดแม่รำพึง-เกาะสะเก็ด (เลียบฝั่ง) ระยะทางรวม 132 กิโลเมตร // หาดแม่รำพึง-เกาะสะเก็ด (นอกฝั่ง) ระยะทางรวม 125 กิโลเมตร และสุดท้าย หาดแม่รำพึง-เขาแหลมหญ้า-อ่าวเพ-ปากคลองแกลง ระยะทางรวม 89.3 กิโลเมตร ภาพรวมทุกเส้นทางไม่พบคราบน้ำมันบนผิวน้ำทะเล
",17/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317094759695 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าในภาคเหนือพบมีพื้นที่ 3 จังหวัดเสี่ยงสูงเกิดไฟป่า ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด,สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าในภาคเหนือพบมีพื้นที่ 3 จังหวัดเสี่ยงสูงเกิดไฟป่า ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียม MODIS แสดงให้เห็นพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือที่เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าช่วง 7 วันนี้ ระหว่างวันที่ 14 - 20 มีนาคม พบมี 3 จังหวัดมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดไฟป่า คือ ตาก เชียงใหม่ และลำปาง โดยในสัปดาห์นี้ทั้ง 17 จังหวัดพื้นที่ภาคเหนือมีตัวเลขคาดการณ์เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนร้อยละ 6.18 ของพื้นที่เสี่ยงสูง โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และตาก ส่วนพื้นที่เสี่ยงสูงเกิดไฟป่ายังคงเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ รองลงมาเป็นพื้นที่ชุมชนและพื้นที่อื่นๆ สาเหตุอาจเกิดจากการเผาในกิจกรรมการเกษตร การเผาเพื่อหาของป่า หรือการเผาเพื่อล่าสัตว์จนทำให้เกิดการลุกลาม สำหรับข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งต่อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปวางแผนจัดการเชื้อไฟ และจัดทำแนวกันไฟในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
,17/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317102112705 ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานตามมาตรการลดและคัดแยกขยะมูลฝอยในหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565,ที่บริเวณภายในศาลากลางจังหวัดยโสธร นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานตามมาตรการลดและคัดแยกขยะมูลฝอยในหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จำนวน 18 หน่วยงาน ภายในบริเวณศาลากลางจังหวัดยโสธร เพื่อเสริมพลังการขับเคลื่อนมาตรการลดและคัดแยกขยะ ให้ข้อเสนอแนะรับฟังการนำเสนอสรุปผลการดำเนินงานตามมาตรการลดและคัดแยกขยะในหน่วยงาน โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด คณะติดตามฯ ร่วมตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของส่วนราชการ
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,17/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ยโสธร,สวท.ยโสธร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317103818714 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือยังสูงในระดับสีแดงบริเวณ ต.จองคำ จ.แม่ฮ่องสอน ส่วน กทม.และปริมณฑลคุณภาพอากาศดีทุกพื้นที่,ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือยังสูงในระดับสีแดงบริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีทุกพื้นที่
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (17 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีมากถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นหลายพื้นที่ปรับตัวลดลง แต่ยังเกินเกณฑ์มาตรฐานระดับสีแดง 1 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งต้องเฝ้าระวังจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นพิเศษ หากมีแหล่งกำเนิดในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงจะมีโอกาสที่ค่าฝุ่นละอองสูงขึ้นได้ช่วงวันที่ 19 21 มีนาคม ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 22 - 24 มีนาคม
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงดี โดยค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัด ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานวันที่ 18 - 24 มีนาคม
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
,17/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317111339754 จังหวัดหนองคาย จัดโครงการรณรงค์เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5,วันนี้ (17 มี.ค.65) ที่ด่านศุลกากรหนองคาย อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการรณรงค์เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จังหวัดหนองคาย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 มีนายณัฐวัสส์ วิริยานภาภรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ตำรวจ ทหาร มูลนิธิ อาสาสมัคร จิตอาสา และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้กว่า 100 คน
จากสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ในพื้นที่จังหวัดหนองคายมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนมากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดหนองคายได้ตระหนักถึงผลกระทบและปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้จัดโครงการรณรงค์เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จังหวัดหนองคาย ประจำปี 2565 ขึ้น ณ บริเวณหน้าสำนักงานด่านศุลกากรหนองคาย และบริเวณถนนเฉลิมพระเกียรติทางแยกการเคหะแห่งชาติ
ทั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อมด้านทรัพยากร ระบบการปฏิบัติการเพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤตฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่หนองคาย เพื่อแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการวางแผนโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองอย่างยั่งยืน เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่และดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุฯ ที่ได้กำหนดไว้ รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก และเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ตระหนักถึงอันตรายที่เกิดขึ้น
รวมทั้งเป็นการเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันในการลดการทำกิจกรรมที่จะก่อให้เกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย เพื่อเป็นการลดกระทบและเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ตระหนัก ถึงอันตรายเกิดขึ้น รวมทั้งเป็นการเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันในการลดการทำกิจกรรมที่จะก่อให้เกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย กิจกรรมที่สำคัญ เช่น การใช้เครื่องจักรกลฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อลดปริมาณฝุ่นละออง การตรวจวัดควันดำของรถยนต์ การรณรงค์ดับเครื่องยนต์ขณะจอด การฉีดน้ำทำความสะอาดถนนและพื้นที่ที่มีการฟุ้งกระจายของฝุ่น
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,17/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,หนองคาย,สวท.หนองคาย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317115906783 "จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลงจากการเกิดฝนตกในหลายพื้นที่ ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเมียนมาสูงกว่า 7,000 จุด ส่งผลกระทบไทยหลายพื้นที่","สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลงจากการเกิดฝนตกในหลายพื้นที่ ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเมียนมาสูงกว่า 7,000 จุด ส่งผลกระทบประเทศไทยหลายพื้นที่
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (16 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 336 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่เกษตร 109 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 92 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 73 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 31 จุด // พื้นที่เขต สปก. 24 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 7 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากสุดทางภาคเหนือยังคงเป็นแม่ฮ่องสอน 54 จุด ติดต่อกัน 6 วัน รองลงมาเป็นกาญจนบุรี 36 จุด และชัยภูมิ 18 จุด โดยจุดความร้อนลดลงในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากเกิดฝนตกจากพายุฝนฟ้าคะนองในหลายพื้นที่ ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันตกยังพบจุดความร้อนกระจายตัว โดยเฉพาะภาคกลาง 116 จุด ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 16 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 11,420 จุด , ภาคเหนือ 9,559 จุด และภาคกลาง 5,837 จุด ส่วนวันนี้หลายจังหวัดพื้นที่ภาคเหนือมีคุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อยู่ในระดับปานกลางผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอาจต้องระวังเป็นพิเศษ
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาติดต่อกัน 18 วัน วันนี้พบสูงถึง 7,068 จุด ถือว่าสูงที่สุดตั้งแต่ต้นปีนี้ รองลงมาเป็นประเทศไทย 337 จุด และกัมพูชา 201 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",17/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317123656791 เพราะโควิด-19 ทำให้การส่งออกทุเรียนปีนี้อาจไม่ค่อยดีนัก,"มาตรการปิดเมืองของจีน เพราะโควิด-19 ทำให้การส่งออกทุเรียนปีนี้อาจไม่ค่อยดีนัก แถมผลผลิตออกมากกว่าเดิมกว่า 100,000 ตัน อาจทำให้เกิดภาวะล้นตลาด
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจพิชแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และตรวจติดตามการทำงานของศูนย์ X-RAY กรมวิชาการเกษตร-กรมศุลกากร และการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันการนำสินค้าเกษตร-ผลไม้ ที่ได้รับอนุญาต เข้ามาในประเทศไทย เนื่องจากปีที่ผ่านมา (2564) พบมีการลักลอบนำทุเรียนจากเวียดนามเข้ามาสวมสิทธิ์เป็นทุเรียนไทย แล้วส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ (14/3/65) ว่า ผลผลิตทุเรียนในภาคตะวันออก โดยเฉพาะที่จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นแหล่งปลูกใหญ่ พบปีนี้(2565) มีผลผลิตออกมากถึง 740,000 ตัน จากเดิมราว 600,000 กว่าตันมากขึ้นกว่าทุกปี ราวกว่า 100,000 ตัน และอาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยร้อยละ 80 ส่งออกไปยังประเทศจีน ซึ่งตอนนี้ในประเทศจีน มีการปิดเมืองเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19 อีกรอบ อย่างเช่น เฉินตู ปักกิ่ง เป็นต้น ส่งผลให้สินค้าที่ส่งออกไปยังประเทศจีนตกค้างเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา มีความพยายามทดสอบส่งทุเรียนแช่แข็งไปทางเรือ พบว่า มีสินค้าตกค้างอยู่มากกว่า 1,000 ตู้
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ระบุว่า แนวทางแก้ไขปัญหาทุเรียนล้นตลาด จะจับมือกับภาคีเครือข่ายส่งเสริมให้จัดตลาดนัดการเกษตรเพื่อทำให้คนไทยได้หันมาบริโภคทุเรียนในราคาที่เป็นธรรม และเป็นการระบายผลผลิตของเกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งการส่งเสริมในรอบนี้จะต้องทำเป็นวาระแห่งชาติและเน้นย้ำให้ข้าราชการช่วยกันบริโภคทุเรียนในทุกมิติ
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ระบุว่า ปัญหาทุเรียนอ่อนเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ที่ดำเนินการซึ่งส่งผลต่อชื่อเสียงแต่ยังไม่รุนแรงเท่าสถานการณ์โควิด-19 ขณะที่มาตรฐานผลผลิตของเกษตรกรปีนี้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ทุกล้งให้ความร่วมมือขึ้นป้ายประกาศไม่รับซื้อทุเรียนอ่อน หรือทุเรียนตกเกรด อีกปัญหาที่น่าเป็นห่วงตอนนี้คือ มีทุเรียนจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา ซึ่งมีผลผลิตไม่น้อยกว่าประเทศไทย จะทะลักข้ามแดนเข้ามา เนื่องจากไม่สามารถส่งออกไปยังประเทศจีนได้ เพราะในปีนี้ประเทศจีนอนุมัติ ให้ส่งผลทุเรียนสดเฉพาะทุเรียนที่มาจากประเทศไทยเท่านั้น จึงเสี่ยงต่อการที่จะเกิดการสวมสิทธิ์ส่งทุเรียนไปยังปลายทาง
ปริญญา ข่าว/ภาพ
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",17/3/2022,ภาคตะวันออก,ชลบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317143545835 "จังหวัดสตูล ช่วยกระจายสินค้าเกษตรกรแก้ไขปัญหาผลผลิตเกษตรล้นตลาด ปี พ.ศ. 2565 ""ส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ สหกรณ์การเกษตรบางคนที จำกัด จังหวัดสมุทรสงคราม""","วันนี้ (17 มี.ค. 65) นายถาวรศักดิ์ รัตนชูศรี สหกรณ์จังหวัดสตูล และเจ้าหน้าที่ เข้าพบนายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เพื่อรายงานผลโครงการกระจายสินค้าเกษตรกรแก้ไขปัญหาผลผลิตเกษตรล้นตลาด ปี พ.ศ. 2565 ""ส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ สหกรณ์การเกษตรบางคนที จำกัด จังหวัดสมุทรสงคราม"" พร้อมนำส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ของจังหวัดสมุทรสงคราม มอบให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล อีกด้วย
สำหรับโครงการกระจายสินค้าเกษตรกรแก้ไขปัญหาผลผลิตเกษตรล้นตลาด ปี พ.ศ. 2565 ""ส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ สหกรณ์การเกษตรบางคนที จำกัด จังหวัดสมุทรสงคราม"" นั้น จังหวัดสตูลได้รับส้มโอมาประมาณ 2 ตัน และได้กระจายให้แก่สหกรณ์ในทุกอำเภอจัดจำหน่ายให้ประชาชนในพื้นที่ ในราคากิโลกรัมละ 35 บาท (รวมค่าส่ง) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยระบายผลผลิตของสมาชิกเกษตรกร สหกรณ์การเกษตรบางคนที จำกัด จังหวัดสมุทรสงคราม จากการประสบปัญหาผลผลิตส้มโอออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ไม่สามารถกระจายผลผลิตได้เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนา (COVID-19)
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",17/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูล,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317142941820 เกียรติบัตรแก่เกษตรกร ของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อขวัญกำลังใจแก่เกษตรกร,"รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มอบโฉนดที่ดิน และเกียรติบัตร แก่เกษตรกร ของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อขวัญกำลังใจแก่เกษตรกร
วันนี้ (17 มี.ค.65) เวลา 11.00 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานมอบโฉนดที่ดิน และเกียรติบัตร แก่เกษตรกรของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 24 ราย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เกษตรกรที่สามารถผ่อนชำระเงินกู้ของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรได้สำเร็จ ประกอบด้วย ผู้เข้ารับมอบโฉนดที่ดิน จำนวน 16 ราย และผู้เข้ารับมอบเกียรติบัตร จำนวน 8 ราย ณ ห้องประชุมเสรีพิทักษ์ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูแม่ฮ่องสอน จำกัด
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า รัฐบาลมีความตั้งใจในการช่วยเหลือเกษตรกร ผ่านโครงการต่างๆ รวมทั้งโครงการประกันรายได้เกษตรกร เพื่อช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจ ทั้ง 5 ชนิด ประกอบด้วย ข้าว, ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, ยางพารา, ปาล์ม และมันสำปะหลัง มีรายได้ที่แน่นอน บรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ และเพื่อสร้างความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรรม
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",17/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317145649856 รัฐบาล กำชับเร่งบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออกและแนวทางการควบคุมค่าความเค็มในลุ่มน้ำบางปะกงระยะยาว หลังประชาชนมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้น,"รัฐบาล กำชับเร่งบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออกและแนวทางการควบคุมค่าความเค็มในลุ่มน้ำบางปะกงระยะยาว หลังประชาชนมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้น พร้อมส่งเสริมให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมแก้ปัญหาเรื่องน้ำในพื้นที่
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกและแนวทางการควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำบางปะว่า ภาคตะวันออกเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ เป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมหลักของประเทศ และเป็นแหล่งเพาะปลูกผลไม้ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้มีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่มักประสบภาวะฝนทิ้งช่วงและแหล่งเก็บกักน้ำไม่เพียงพอจำเป็นต้องบริหารจัดการน้ำช่วงหน้าแล้งในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยปีนี้พบปริมาณน้ำแล้งไม่น่าห่วงภาพรวมปริมาณฝนปีนี้มากกว่าปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีปริมาณน้ำใช้การในพื้นที่ลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออกลุ่มน้ำโตนเลสาบและลุ่มน้ำบางปะกงรวมกันอยู่ที่ 1,618 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 55 ส่วนแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 6 แห่ง เหลือปริมาณน้ำใช้การ 701 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ จ.ฉะเชิงเทราและปราจีนบุรี ประสบปัญหาน้ำเค็มรุกตัวที่กระทบต่อกิจกรรมการใช้น้ำด้านต่างๆ โดยเฉพาะน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค ทำให้รัฐบาลกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาแนวทางแก้ปัญหาให้เป็นระบบระยะยาว โดยให้ สทนช. ขับเคลื่อนแผนหลักการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ป้องกันและแก้ปัญหาทั้งระยะเร่งด่วนและระยะยาว // ให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำเค็มในแม่น้ำบางปะกงอย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยการใช้เขื่อนทดน้ำบางปะกงเป็นกลไกหลัก // ให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) วางแผนการใช้น้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค พร้อมจัดหาแหล่งน้ำสำรองไว้ล่วงหน้าให้เพียงพอตลอดแล้งนี้ และให้ จ.ฉะเชิงเทรา เร่งพิจารณาเสนอแผนงานและโครงการแก้ปัญหาด้านน้ำที่สำคัญให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ควบคู่กับการสร้างการรับรู้และส่งเสริมให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมแก้ปัญหาเรื่องน้ำในพื้นที่ด้วย
เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวย้ำว่า ส่วนสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำบางปะกงปัจจุบันมีปริมาณน้ำใช้การอยู่ที่ 699 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 44 โดยแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนขุนด่านปราการชล อ่างเก็บน้ำคลองสียัด และเขื่อนนฤบดินทรจินดา มีปริมาณน้ำใช้การรวม 313 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนแหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา มีปริมาณน้ำใช้การรวม 128 ล้านลูกบาศก์เมตร มากกว่าปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 30 ขณะที่ภาพรวมโครงการพัฒนาแหล่งน้ำสำคัญในพื้นที่ลุ่มน้ำบางปะกงที่สามารถดำเนินการได้ปี 2566 - 2567 รวม 27 โครงการ หากหน่วยงานต่างๆ ทำได้ตามแผนจะเพิ่มปริมาณน้ำกักเก็บ 792 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่รับประโยชน์ 1,522,883 ไร่ และประชาชนได้รับประโยชน์ 371,133 ครัวเรือน
",17/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317151819875 จังหวัดลพบุรี จัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฎราชกุมาร ครั้งที่ 2 และโครงการหน่วยงานบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน ประจำปี 2565,"นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานเปิดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ 2 และโครงการหน่วยงานบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชนจังหวัดลพบุรี ประจำปี 2565 ณ วัดชัยมงคลวนาราม หมู่ 3 ตำบลนิยมชัย อำเภอสระโบสถ์ จังหวัดลพบุรี ในสถานการณ์ปัจจุบันมีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา covid-19 ทำให้วิถีการทำเกษตรเปลี่ยนไปการรวมกลุ่มการทำกิจกรรมทางการเกษตรไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติเกษตรกรไม่สามารถจำหน่ายสินค้าได้เท่าที่ควร เนื่องจากช่องทางจำหน่ายลดลงทำให้เกษตรกรมีรายได้ลดลงต้นทุนผลิตสินค้าเกษตรมีราคาสูง ขาดอำนาจการต่อรอง ถูกเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลาง และยังประสบปัญหาด้านการเกษตรด้านโรค แมลง ศัตรูพืชระบาด จะเห็นว่าปัญหาด้านการเกษตรมีความหลากหลาย จึงจำเป็นต้องบูรณาการ ออกหน่วยให้บริการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อให้เกษตรกรเตรียมความพร้อมในการประกอบอาชีพการเกษตรและแก้ไขปัญหาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้บริการเกษตรกรในการแก้ไขปัญหาการผลิตด้านการเกษตรอย่างรวดเร็ว อย่างทั่วถึง และสอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร บูรณาการความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานส่งเสริม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาให้บริการและแก้ไขปัญหาทางการเกษตรร่วมกัน ให้สามารถผลิตพืชผลทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืนสำหรับหน่วยคลินิกเกษตรที่เปิดให้บริการ จำนวน 19 คลินิก เช่น คลินิกด้านพืช, สัตว์, ประมง, ดินและปุ๋ย และคลินิกอื่นๆ ซึ่งเป็นการให้บริการคลินิกเกษตรของหน่วยงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และการให้บริการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีเกษตรกรให้ความสนใจมาร่วมงานและเข้ารับบริการทางการเกษตรไม่น้อยกว่า 100 ราย นอกจากนี้ ยังนำหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน ในระดับจังหวัดนำบริการต่างๆ มาให้บริการประชาชนในพื้นที่โดยตรง รวมทั้งเพื่อรับทราบปัญหาความเดือดร้อนและต้องการของประชาชน เพื่อนำไปพิจารณาให้การช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในโครงการหน่วยงานบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน และยังมีพิธีมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ยากไร้, มอบทุนกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธรฯ สยามบรมราชกุมารี และพิธีมอบเงินสงเคราะห์ให้แก่ประชาชนผู้ประสบปัญหาทางสังคม
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",17/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,ลพบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317161817926 ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ลงพื้นที่ติดตามการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลังเกษตรประสบปัญหาราคาต้นทุนวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์เพิ่มสูงขึ้น,นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วยนาวาตรีหญิงโนสมา หลีเส็น นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพการตลาดโคเนื้อ-แพะเนื้อคุณภาพสูง การแปรรูปผลิตภัณฑ์ตามแผนปฏิบัติราชการจังหวัดสตูล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 กิจกรรมที่ 1 ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการผลิตและการตลาดโคเนื้อคุณภาพสูง หลักสูตรการเลี้ยงโคเนื้อเพื่อผลิตเนื้อโคคุณภาพสูง ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์สตูล ตำบลทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล โดยมีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคจากอำเภอเมือง ควนกาหลง และท่าแพ เข้าร่วมราว 30 คน ทั้งนี้เพื่อให้ความรู้ด้านวิชาการและการผสมอาหารสัตว์ เพื่อให้โคเนื้อมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ได้เยี่ยมชมการผสมอาหารข้น ในรูปแบบผสมด้วยมือและผสม ด้วยเครื่องจักร ซึ่งมีวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ที่หาได้จากในพื้นที่จังหวัดสตูล เช่น กากตะกอนน้ำมันปาล์ม กากเนื้อในปาล์ม รำละเอียด ขณะที่ส่วนผสมอื่น เช่น มันสำปะหลัง (มันเส้น) กากถั่ว เหลือง ซึ่งต้องนำเข้ามาจากต่างจังหวัด สำหรับอาหารข้นสูตรนี้สามารถลดต้นทุนให้แก่เกษตรกรได้ราว 7 บาทต่อกิโลกรัม รวมถึงชมการสาธิตการผสมอาหารสูตร TMR ซึ่งเป็นอาหารแบบผสมเสร็จให้แก่โค แพะ แกะ รับประทานได้ในทันทีโดยมีสารอาหารครบถ้วน พร้อมกันนี้ได้เยี่ยมชมโรงเก็บหญ้าแห้งสำหรับช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหรือภัยแล้งอีกด้วย
ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นสงคราม ระหว่างรัสเซียและยูเครน ปัญหาราคาน้ำมัน และปัญหาอื่น ๆ ส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ ขึ้นราคา รวมถึงราคาปุ๋ย วัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ และอาหารสัตว์สำเร็จรูป โดยทางจังหวัดคำนึงถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรที่ประสบปัญหาเหล่านี้ จึงได้เร่งให้ทุกส่วนราชการให้หาแนวทางและวิธีการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป
ด้านนางสาวไหมมูนะ นุ้ยดำ ลูกสาวเจ้าของฟาร์ม วีน่าฟาร์ม ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 6 ตำบลแป-ระ อำเภอท่าแพ จังหวัดสตูล เล่าว่า ฟาร์มฯ ของตน เปิดมาประมาณ 4 ปี เลี้ยงโคเนื้อ 20 ตัว จำหน่ายเป็นตัว ไม่มีเนื้อชำแหละ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าจากต่างจังหวัด รายได้ค่อนข้างดี แต่ขณะนี้กลับประสบปัญหาราคาต้นทุนอาหารสัตว์ที่เพิ่มสูงขึ้น การได้มารับความรู้ในครั้งนี้สามารถลดต้นทุน และเพิ่มคุณภาพให้กับโคเนื้อของตนได้
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,17/3/2022,ภาคใต้,สตูล,สวท.สตูล,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317161450922 อำเภอเมืองหนองบัวลำภู ตรวจและรับทราบปัญหาราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ ปุ๋ยเคมี,อำเภอเมืองหนองบัวลำภู บูรณาการส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจัดชุดตรวจสำรวจปริมาณและราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์และปุ๋ยเคมี สถานประกอบการในพื้นที่อำเภอเมืองหนองบัวลำภู ซึ่งนางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู มอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติ โดยมีนายประยูร อรัญรุท นายอำเภอเมืองหนองบัวลำภู แจ้งแนวทางปฎิบัติในพื้นที่ในการบูรณาการร่วมกันในเชิงพื้นที่ จากนั้นร่วมกันลงพื้นที่ออกตรวจสอบ/สำรวจ ปริมาณและราคาวัตถุดิบ อาหารสัตว์และปุ๋ยเคมี สถานประกอบการในพื้นที่อำเภอเมืองหนองบัวลำภู เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขการกักตุน การฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า อาหารสัตว์และปุ๋ยเคมี
นายอำเภอเมืองหนองบัวลำภู กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจ/สำรวจ สถานประกอบการในพื้นที่ 2 แห่ง ได้แก่ ห้างหุ้นส่วนรวมเกษตรหนองบัวและห้างหุ้นส่วนไทยเจริญค้าปุ๋ย
ปรากฎว่า ราคาปุ๋ยเป็นไปตามกลไกตลาด ไม่พบการกักตุนสินค้าแต่อย่างใด
,17/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,หน่วยงานสำนักข่าว,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317161753925 สถานการณ์การปฏิบัติงานเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลประจำวันที่ 17 มี.ค.65,"สรุปผลการปฏิบัติงานในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ปฏิบัติการในทะเล
บริษัทฯ ดำเนินงานในขั้นตอนการพันปิดรอยปริ บริเวณด้านล่างท่ออ่อนด้วยโครงสร้างชั้นที่สองเสร็จสิ้นและดำเนินงานต่อเนื่องในโครงสร้างชั้นที่สาม โดยความคืบหน้าในการดำเนินงานคิดเป็นร้อยละ 93.5 จากแผนการดำเนินงานทั้งหมด SPRC ยังคงมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามแผนงานที่ได้วางไว้อย่างสุดความสามารถ ทั้งภารกิจใต้น้ำ บนผิวน้ำ และชายฝั่งต่อไป
บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าปฏิบัติการในทะเล เพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวังคราบฟิล์มน้ำมันในทะเลและชายฝั่ง ด้วยเรือปฏิบัติการเฝ้าระวังทั้งหมด 24 ลำอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยเรือปฏิบัติการ 16 ลำ ที่ดำเนินการกางทุ่นกักน้ำมัน (Boom) จำนวน 8 เส้น พร้อมเรือปฏิบัติการ 5 ลำ เรือสั่งการ 1 ลำ และเรือตรวจสอบทางอากาศหรือโดรน (Drone) 2 ลำ โดยดำเนินการติดตามและเฝ้าระวังคราบน้ำมันในทะเล ตลอดแนวห่างจากชายฝั่ง 1-2 กิโลเมตร โดยสามารถยืนยันได้ว่าไม่มีการพบคราบฟิล์มน้ำมันแต่อย่างใด
ปฏิบัติการบนชายฝั่ง
ทีมปฏิบัติการบนชายฝั่งของ SPRC ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยเฝ้าระวังและตรวจสอบตลอดแนวชายหาด ไออาร์พีซี กรมอุตุฯ กรมประมง ระยองบีช ลานหินขาว เยลโล่เฮ้าส์ และก้นอ่าว ซึ่งไม่ได้รับรายงานเรื่องกลิ่นและพบคราบฟิล์มน้ำมันแต่อย่างใด บริษัทฯ พบทาร์บอลปริมาณเล็กน้อยมาก ซึ่งได้มีการเก็บและนำมากำจัดที่ บริษัทฯ ตามขั้นตอน อีกทั้งยังได้ทำความสะอาดบริเวณชายหาด อย่างเช่นทุกวัน
วันนี้ วันที่ 17 มีนาคม 2565 เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป ทีมงาน SPRC ร่วมกับ นายสนาน เพชร์ฉ่ำ นายกเทศมนตรีตำบลแกลงกะเฉด และเจ้าหน้าที่เทศบาลแกลงกะเฉด ช่วยกันเก็บกวาดหินภูเขาไฟและขยะมูลฝอย บริเวณดวงตะวัน บีช รีสอร์ท หาดดวงตะวัน
วันที่ 18 มีนาคม 2565 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ครอบครัว SPRC จิตอาสา ประมาณ 30 ท่าน พร้อมถุงขยะสีดำ จะเข้าร่วมกิจกรรมทำความสะอาด Beach cleaning ที่ก้นอ่าว หาดแม่รำพึง ซึ่งจัดโดย อบต. เพ
ความคืบหน้าด้านการดำเนินงานกิจกรรมเพื่อสังคม การดำเนินงานจ่ายเงินช่วยเหลือ สรุปยอดการจ่ายเงินช่วยเหลือ ณ วันที่ 16 มีนาคม 2565 แยกเป็นกลุ่มดังนี้
ประมงพื้นบ้าน และกลุ่มประมง จำนวน 1,793 ลำ เป็นเงิน 79.9 ล้านบาท
อาชีพอื่นๆ 1,188 ราย เป็นเงิน 18.3 ล้านบาท
รวมทั้งสิ้น 2,981 ราย เป็นเงิน 98.2 ล้านบาท
โรงแรม ท่องเที่ยว ร้านอาหาร อยู่ในระหว่างการเจรจา
ส่วนด้านสุขภาพ ไม่มีการยื่นคำร้อง
การปฏิบัติงานในวันนี้และช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า
ปฎิบัติการในทะเล
บริษัทฯ จะยังคงดำเนินการปฏิบัติการในทะเล เพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวังคราบฟิล์มน้ำมันในทะเลและชายฝั่ง ด้วยเรือปฏิบัติการเฝ้าระวังทั้งหมด 24 ลำอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยเรือปฏิบัติการ 16 ลำ ที่ดำเนินการกางทุ่นกักน้ำมัน (Boom) จำนวน 8 เส้น พร้อมเรือปฏิบัติการ 5 ลำ เรือสั่งการ 1 ลำ และเรือตรวจสอบทางอากาศหรือโดรน (Drone) 2 ลำ โดยดำเนินการติดตามและเฝ้าระวังคราบน้ำมันในทะเล ตลอดแนวห่างจากชายฝั่ง 1-2 กิโลเมตร
ปฎิบัติการบนชายฝั่ง
บริษัทฯ เฝ้าระวังและตรวจสอบตลอดแนวชายหาดและเก็บขยะ และดำเนินการทำความสะอาดคราบน้ำมันที่อยู่ใต้ทรายบริเวณชายหาด ด้วยการพลิกหน้าทรายโดยใช้อุปกรณ์ไถคราดโดยแรงงานคน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",17/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317164441947 มทบ.32 ร่วมกับจังหวัดลำปาง ลงพื้นที่สร้างการรับรู้และความร่วมมือประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน,พลตรีอโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 พร้อมด้วย พันเอกนพอนันต์ ปาลิวนิช หัวหน้ากองกิจการพลเรือนมณฑลทหารบกที่ 32 ลงพื้นที่ ณ วัดบ้านร้อง หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านร้อง อำเภองาว จังหวัดลำปาง เพื่อร่วมรับฟังและหาแนวทางการมีส่วนร่วม สร้างความเข้าใจให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันระหว่างหน่วยงานเกี่ยวข้องกับชุมชน โดยมี นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ร่วมลงพื้นที่เพื่อรับฟังการนำเสนอข้อมูลแนวทางที่เกี่ยวข้องในการร่วมกันแก้ไชปัญหาดังกล่าวจาก หัวหน้าป้องกันรักษาป่าที่ 19 ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำปาง ผู้แทนกรมป่าไม้ กรมอุทยาน สำนักบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 ตลอดจนรับฟังความคิดเห็นและการขอรับการสนับสนุนด้านการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและการจัดหาแหล่งน้ำ ที่ทำกิน ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้น
นอกจากนี้ คณะได้เดินทางมาพบปะหัวหน้าส่วนราชการและประชาชนที่โรงเรียนบ้านหวด หมู่ 2 ตำบลบ้านหวด อำเภองาว จังหวัดลำปาง โดยตัวแทนของประชาชนได้กล่าวขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และหัวหน้าส่วนราชการ ที่ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญและลงพื้นที่รับฟังปัญหา ทำให้คนในชุมชนมีกำลังใจและพร้อมให้ความร่วมมือกับส่วนราชการเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาและเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมให้มากที่สุด ในการนี้ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าหน่วยทหารพร้อมจะเป็นกำลังสนับสนุนและประสานความช่วยเหลือกับหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ เพื่อร่วมสร้างความสุขและอยู่เคียงข้างประชาชนในทุกโอกาส และปัญหาทุกอย่างจะเบาบางลงได้ด้วยความร่วมมือจากประชาชนอย่างจริงจัง
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,17/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317162532936 ผู้ว่าฯ สมุทรสงคราม ประชุมคณะกรรมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยร่วมติดตามการจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม,"ที่ห้องประชุมชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม นายขจร ศรีชวโนทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย เพื่อติดตามสถานการณ์ขยะมูลฝอยของจังหวัดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563-เดือนกันยายน 2564 ซึ่งพบว่ามีปริมาณขยะที่เกิดขึ้นทั้งหมด 56 ล้านตัน หรือเฉลี่ย 4 ล้านตันต่อเดือน หรือกว่า 155 ตัน/ต่อวัน แยกเป็นขยะอินทรีย์มากที่สุด ขยะมูลฝอยทั่วไป ขยะรีไซเคิล และขยะอันตราย ทั้งนี้มีขยะที่เข้าสู่ระบบกำจัดจำนวนกว่า 42 ตัน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้จ่ายงบประมาณในการกำจัดขยะมูลฝอย 50 ล้านบาท นอกจากนี้จังหวัดสมุทรสงครามยังได้รับการให้คะแนนในการประเมินการจัดการขยะมูลฝอย เช่นการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการจัดการขยะมูลฝอย จังหวัดสะอาด ประจำปี 2564 คะแนนเต็ม 5 คะแนน จังหวัดสมุทรสงครามได้ 5 คะแนน
อย่างไรก็ตาม การประชุมชี้แจงเกณฑ์การประกวดการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนจังหวัดสะอาด ประจำปี 2565 กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นกำหนดหลักเกณฑ์การประกวดการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนจังหวัดสะอาด"" ประจำปี 2565 รอบคัดเลือก โดยขอให้จังหวัดสมุทรสงครามรวบรวมและจัดทำเอกสารผลการดำเนินงานการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564-กันยายน 2565 นำเสนอคณะกรรมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยจังหวัดให้ความเห็นชอบแล้วจัดส่งเอกสารผลการดำเนินการให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",17/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,สมุทรสงคราม,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317170956958 ปัตตานี ประชุมติดตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพตามศาสตร์พระราชา จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อยกระดับสู่ความยั่งยืน,"
ปัตตานี ประชุมติดตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพตามศาสตร์พระราชา จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อยกระดับสู่ความยั่งยืน วันที่ 17 มีนาคม 2565 ที่ห้องประชุมหาดวาสุกรี ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดปัตตานี
นายนิพันธ์ บุญหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานประชุมติดตามโครงการประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพตามศาสตร์พระราชา จังหวัดชายแดนภาคใต้ (โครงการทุเรียนคุณภาพ) โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม สืบเนื่องจากสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระฯ และจังหวัดปัตตานี ได้บูรณาการทำงานร่วมกันกับส่วนงานต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ในการยกระดับการผลิตทุเรียนของเกษตรกรให้มีคุณภาพ ควบคู่กับการบริหารจัดการเชิงธุรกิจ มุ่งสู่ความเป็นเลิศ (Excellent) และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในระบบตลาด โดยน้อมนำพระราชดำริ ""ทฤษฎีใหม่"" ที่ได้ดำเนินงาน ตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบัน
จังหวัดปัตตานีได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการฯ เพื่อร่วมกำหนดแผนดำเนินงาน ติดตามและแก้ไขปัญหา และสนับสนุนปัจจัยผลิต ลักษณะกองทุน ขณะนี้มีการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนทุเรียนในพื้นที่จังหวัดปัตตานีแล้ว 6 แห่ง มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 63 คน จำนวนต้นทุเรียน 1,487 ต้น การประชุมครั้งนี้ ได้พิจารณาจัดทำแผนการพัฒนาและสร้างเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ในการพัฒนาแปลงตัวอย่างนวัตกรรมผลิตทุเรียนคุณภาพ ""หนามเขียว ไม่มีหนอนเจาะเมล็ด""
โดยคัดเลือกแปลงตัวอย่าง 20 แห่ง เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และขยายผลสู่แปลงอื่น ๆ ของสมาชิกฯ สนับสนุนปัจจัยการผลิต การวิเคราะห์และหาช่องทางการตลาดสมัยใหม่ เช่น การขายออนไลน์ (Online) การขายปลีกในประเทศ (Retail) การพัฒนารูปแบบการติดตามและแก้ไขปัญหาแก่เกษตรกรผลิตทุเรียนคุณภาพ โดยตั้งไลน์กลุ่มใหญ่ (Open chat) เพื่อสื่อสารและปรึกษาปัญหา และมีคลิปวิดีโอแนะนำ / แก้ปัญหา เป็นภาษามลายู ให้เกษตรกรที่ไม่มี Smart Phone หรือสูงอายุ ได้เรียนรู้ การพัฒนาความเข็มแข็ง ทำกิจกรรมกลุ่ม เน้นการพัฒนาศักยภาพของวิสาหกิจชุมชน นำไปสู่การปฏิบัติ เพื่อให้เกิดผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Agent)
นอกจากนี้ จะได้บูรณาการส่วนราชการ เชื่อมโยงแผนงาน/โครงการ ในปี 2566 ต่อไป สำหรับภาพรวมการปลูกทุเรียนในจังหวัดปัตตานี ขณะนี้มีพื้นที่การปลูกทุเรียนแล้ว 7 พันกว่าไร่ เกษตรกร 4 พันกว่าคน มีพื้นที่ให้ผลผลิต 6,190 ไร่
ภาพ/เพชรน้อย ข่าว/วิชิต ส.ปชส.ปัตตานี
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",17/3/2022,ภาคใต้,ปัตตานี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปัตตานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317165936951 จ.ยะลาเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่โรงเรียนบ้านบางลาง ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา บริการเกษตรกรและประชาชนในการแก้ไขปัญหาทางการเกษตรแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว,วันนี้ (17 มี.ค.65) ที่โรงเรียนบ้านบางลาง หมู่ที่ 3 ตำบลบาเจาะ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา นายภิรมย์ นิลทยา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้เป็นประธานพิธีเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ 2 ปีงบประมาณ 2565 เพื่อให้บริการแก่เกษตรกรและประชาชนในการแก้ไขปัญหาทางการเกษตรได้อย่างเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว 2) อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในการรับทราบปัญหาและแก้ไขปัญหาของประชาชนในพื้นที่ และ เพื่อบูรณาการส่วนราชการต่างๆ ได้นำปัญหาที่เกิดขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการแก้ไขต่อไป โดยมีหัวหน้า นายสุริยา บุญพันธ์ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายบริหารงานปกครองอำเภอบันนังสตารักษาราชการแทนนายอำเภอบันนังสตา นายกัสมัน ยะมาแล เกษตรจังหวัดยะลา ส่วนราชการหนย่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จังหวัดยะลา ผู้แทนส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ตลอดจนพี่น้องประชาชนในพื้นที่เข้าร่วม
นายกัสมัน ยะมาแล เกษตรจังหวัดยะลา กล่าวว่า จังหวัดยะลาได้กำหนดจัดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ 2 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ภายในงานกำหนดให้มีบริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ รมอบปัจจัยการผลิต ให้กับเกษตรกรและประชาชน พร้อมทั้งให้ความรูด้านการเกษตร ประกอบด้วย คลินิกพืช คลินิกดิน คลินิกสัตว์ คลินิกประมง คลินิกบัญชี คลินิกชลประทาน คลินิกสหกรณ์ คลินิกกฎหมาย คลินิกยางพารา คลินิกกองทุนช่วยเหลือเกษตรกร และการให้บริการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คลินิกเงินทุน คลินิกธงฟ้า คลินิกสุขภาพ รวมทั้งยังมีนิทรรศการวิชาการของหน่วยงานต่าง ๆ เช่น โรคเหี่ยวในกล้วยหิน โรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา โรครากเน่าโคนเน่าทุเรียน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,17/3/2022,ภาคใต้,ยะลา,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยะลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317182143988 จังหวัดชุมพร จัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ฯถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่เกษตรกรชาวพะโต๊ะ,วันนี้ (17 มี.ค. 65) เวลา 10.30 น. นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดชุมพร เป็นประธานเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ 2 ประจำปี 2565 เพื่อให้บริการความรู้ทางด้านวิชาการของคลินิกต่าง ๆ ตลอดจนการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตรจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยมี เกษตรกรในพื้นที่ตำบลปังหวาน และตำบลใกล้เคียงมารับบริการและร่วมงานกว่า 200 คน ณ อาคารเอนกประสงค์องค์การบริหารส่วนตำบลปังหวาน อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวว่า โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นโครงการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดขึ้นเพื่อให้บริการทางวิชาการและเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่เกษตรกร ในการประกอบอาชีพให้บรรลุผลสำเร็จตามที่มุ่งหวัง
โดยดำเนินงานในลักษณะบูรณาการนักวิชาการแต่ละสาขา มาร่วมออกให้บริการ มีเจ้าหน้าที่คอยให้ คำแนะนำ คำปรึกษา มีเครื่องมือและอุปกรณ์มาช่วยในการปฏิบัติงานอย่างเต็มรูปแบบ สามารถตรวจวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างแม่นยำ ทำให้แก้ไขปัญหาได้ตรงตามความต้องการ อย่างรวดเร็ว และทันเหตุการณ์ ด้าน นายธีระศักด์ ยมสวัสดิ์ เกษตรจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทำโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ มาตั้งแต่ ปีพุทธศักราช 2545 และได้ดำเนินการเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกษตรกรที่มีปัญหาด้านการเกษตรในพื้นที่ห่างไกล สามารถเข้าถึงการบริการ ทางวิชาการและได้รับการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรในคราวเดียวกัน
การจัดงานคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในแต่ละครั้ง กิจกรรมหลักคือการให้บริการความรู้ทางด้านวิชาการ ตลอดจนการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตรจากทุกหน่วยงาน ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงบริการอย่างครบวงจร รวมทั้งช่วยแก้ไขปัญหาการประกอบอาชีพการเกษตร สำหรับโครงการโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ครั้งนี้ ให้บริการแก้ไขปัญหา ด้านพืช ดิน ข้าว ประมง ปศุสัตว์ ชลประทาน กฎหมาย สหกรณ์ บัญชี หม่อนไหม ผึ้ง ยางพารา พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง บริหารศัตรูพืชและกิจกรรมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งคาดว่าเกษตรที่เข้ารับบริการในวันนี้ จะได้นำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในการพัฒนาการผลิตทางการเกษตร เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ และมีรายได้ที่มั่นคง ยั่งยืน เกิดผลดีต่อครอบครัวและประเทศชาติต่อไป
พอพล กล้าผจญ ข่าว/ภาพ
ส.ปชส. ชุมพร 17 มีนาคม 2565
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,17/3/2022,ภาคใต้,ชุมพร,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชุมพร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317185022004 เกษตรยะลา จัดงานคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2565,วันนี้ (17 มี.ค.65) นายกัสมัน ยะมาแล เกษตรจังหวัดยะลา พร้อมด้วยหัวหน้ากลุ่ม หัวหน้าฝ่าย และเจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน ร่วมจัดงานคลินิกเคลื่อนที่ฯ ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โดยมีนายภิรมย์ นิลทยา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธีเปิด
การจัดงานในครั้งนี้เป็นการร่วมบูรณาการระหว่างหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งระดับจังหวัดและระดับอำเภอทุกภาคส่วน ให้บริการประชาชน ณ โรงเรียนบ้านบางลาง ตำบลบาเจาะ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา มีประชาชนเข้าร่วมงานและรับบริการทางการเกษตร จำนวนมากกว่า 250 ราย
ภายในงานมีบริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ได้แก่ คลินิกพืช คลินิกดิน คลินิกสัตว์ คลินิกประมง คลินิกบัญชี คลินิกชลประทาน คลินิกสหกรณ์ คลินิกกฎหมาย คลินิกยางพารา และการให้บริการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คลินิกเงินทุน คลินิกธงฟ้า คลินิกสุขภาพ รวมทั้งยังมีนิทรรศการวิชาการของหน่วยงานต่าง ๆ เช่น โรคเหี่ยวในกล้วยหิน โรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา นอกจากนี้ ยังมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ขององค์กรเกษตรกร กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร ราคาประหยัด ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้ากับเกษตรกร กลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตสินค้าโดยตรง สร้างโอกาสหรือช่องทางในการจำหน่ายสินค้าให้เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้การจัดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ฯ สามารถให้บริการแก่เกษตรกรและประชาชนในการแก้ไขปัญหาทางการเกษตรได้อย่างเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในการรับทราบปัญหาและแก้ไขปัญหาของประชาชนในพื้นที่
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,17/3/2022,ภาคใต้,ยะลา,สทท.ยะลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317184247994 เกษตรย่านตาขาว จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ให้บริการปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรประจำปี 2565 ในพื้นที่ ตำบลโพรงจระเข้,วันนี้ (17 มี.ค.65) นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอำเภอย่านตาขาว มอบหมายให้นางแพรวพรรณ ทองพิทักษ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ พร้อมด้วยนางสาวหนึ่งฤทัย กงทิพย์ นักศึกษาฝึกงาน จากโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 42 จังหวัดสตูล ร่วมกับนายวิทยา สมบัติทอง อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนเกษตรกร และการปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปี 2565 ณ ศาลาอเนกประสงค์หมู่ที่ 1 ตำบลโพรงจระเข้ อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง
ทั้งนี้ การแจ้งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรเป็นประจำทุกปี ข้อมูลจะมีความครบถ้วน เป็นปัจจุบันทำให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากทำให้ภาครัฐ สามารถวางแผนการผลิต การตลาด ส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและจัดทำโครงการมาตรการต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรได้อีกด้วย ดังจะเห็นได้จากการที่หน่วยงานภาครัฐเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรไปใช้เป็นข้อมูลประกอบโครงการและมาตรการเพื่อให้การสนับสนุน และช่วยเหลือเกษตรกรเป็นจำนวนมาก
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,17/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317210834067 วิกฤต รัสเซีย-ยูเครน ปัจจัยภายนอกทำปุ๋ยในไทยแพงขึ้น ภาครัฐ เร่งบรรเทาความเดือดร้อน,"อันที่จริงราคาปุ๋ยและสารตั้งต้นผลิตปุ๋ยเคมี ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา จากความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 65 ที่รัสเซียบุกยูเครน ราคาปุ๋ยก็ปรับพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะรัสเซียเป็นประเทศผู้ส่งออกปุ๋ยเคมีอันดับ 1 ของโลก หรือนับเป็นกว่า 12% ของมูลค่าการส่งออกปุ๋ยทั้งโลก เมื่อเกิดสถานการณ์ความขัดแย้งขึ้น จึงมีผลต่ออุปทาน หรือความต้องการขายสินค้าต่อตลาดลดลง โดยอุปทานที่ลดลงก็มาจากหลายปัจจัย ปัจจัยหลักๆ เช่น กลุ่มประเทศตะวันตกคว่ำบาตรไม่ทำการค้ากับรัสเซีย ตลอดจนการที่รัสเซียจำกัดการส่งออกปุ๋ยเองด้วยเพื่อตอบโต้การคว่ำบาตรดังกล่าว ล้วนมีผลทำให้ราคาปุ๋ยในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงในไทยก็ได้รับผลกระทบด้วย เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้นตามแหล่งนำเข้าปุ๋ยเคมี-สารตั้งต้นของไทย มาจากรัสเซีย-เบลารุส ไทยนำเข้าปุ๋ยเคมีและสารตั้งต้นจาก 45 ประเทศ เฉลี่ย กว่า 5.5 ล้านตัน/ปี มูลค่ากว่า 70,000 ล้านบาท โดย 5 อันดับประเทศที่ไทยนำเข้ามากสุดตามลำดับ คือ
1. จีน นำเข้า 1.25 ล้านตัน หรือ 22.75%
2. ซาอุดีอาระเบีย นำเข้า 8.4 แสนตัน หรือ 15.3 %
3. รัสเซีย นำเข้า 4.4 แสนตัน หรือ 8.06%
4. โอมาน นำเข้า 3.6 แสนตัน หรือ 6.64%
5. เกาหลีใต้ นำเข้า 3.3 แสนตัน หรือ 6.14%
แม้รัสเซียจะไม่ใช่ประเทศอันดับหนึ่งที่ไทยนำเข้าปุ๋ยเคมี แต่การประกาศห้ามส่งออกปุ๋ยเคมีไปหลายประเทศทั่วโลกของรัสเซีย ก็ส่งผลต่อปริมาณปุ๋ยในตลาดโลกที่หายไปเกือบ 50 ล้านตัน หรือราว 12% ของมูลค่าการส่งออกทั่วโลก ประกอบกับไทยยังนำเข้าสารตั้งต้น หรือแม่ปุ๋ย ที่นำมาเป็นส่วนประกอบหลักในการผลิตปุ๋ยทั้งจากรัสเซียและเบลารุส หนึ่งในประเทศพันธมิตรของรัสเซีย ซึ่งพบอุปสรรคการส่งออกจากการต้องใช้ท่าเรือในยูเครนที่ทำได้ไม่สะดวกเหมือนก่อนและยังจำกัดปริมาณการส่งออกอีกด้วย ปัจจัยเหล่านี้จึงล้วนส่งผลให้ปุ๋ยและสารตั้งต้นขาดแคลน ราคาถีบตัวสูงต่อเนื่อง ดังนั้น ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าจึงได้รับผลกระทบดังกล่าว
ปุ๋ยแพงขึ้นใกล้ฤดูเพาะปลูก ผลกระทบของเกษตรกรไทย
ผู้ประกอบการนำเข้าปุ๋ยเคมีและแม่ปุ๋ย ได้สะท้อนปัญหานี้ออกมาว่า ต้นทุนนำเข้าที่สูงขึ้นทำให้ราคาขายปลีกปุ๋ยเคมีหลายสูตรเพิ่มสูงเป็นเท่าตัว หากเทียบตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมากับปัจจุบันจากกระสอบขนาด 50 กิโลกรัม ราคา 600-700 บาท กลับเพิ่มเป็นกระสอบละกว่า 1,300 บาท และมีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้นอีก ยิ่งเมื่อถึงเดือนพฤษภาคมที่เป็นช่วงเริ่มการเพาะปลูก เกษตรกรต้องการใช้ปุ๋ยปริมาณมากขึ้นก็จะได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น และยังจะส่งผลไปยังราคาพืชผลทางการเกษตรที่ต้องเพิ่มขึ้นตามราคาต้นทุนผลิตของเกษตรกรด้วย
ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหา บรรเทาความเดือดร้อนประชาชน
ปัญหาปุ๋ยแพงในครั้งนี้เกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก แต่ภายในบ้านเราก็ต้องเร่งแก้ปัญหาเบื้องต้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับกระทรวงพาณิชย์ ติดตามดูแลไม่ให้มีการกักตุน ฉวยโอกาสขึ้นราคา พร้อมให้เร่งกระจายการนำเข้าวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยจากหลายแหล่งเพิ่มเติม
ขณะที่กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสต๊อกปุ๋ยทั่วประเทศ ป้องกันการกักตุนและเก็งกำไรแล้ว นอกจากนี้ ยังเตรียมแนวทางรับมือหากมีการปรับราคาปุ๋ยขึ้นอีก ก็จะหาช่องทางให้เกษตรกรเข้าถึงปุ๋ยในราคาถูก รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอินทรีย์ให้มากขึ้น ส่วนกรณีภาคเอกชนขอขึ้นราคาปุ๋ย กระทรวงพาณิชย์ จะพิจารณาราคาปรับขึ้นให้ตามความเหมาะสมที่สะท้อนต้นทุนการนำเข้าของปุ๋ยแต่ละสูตร
การแก้ไขปัญหาตามแนวทางดังกล่าว ถือเป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้นภายในประเทศ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนบางส่วนให้กับประชาชนเท่านั้น แต่ต้นเหตุของปัญหาปุ๋ยแพงที่แท้จริงอยู่นอกประเทศ จึงได้แต่หวังว่าวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน จะยุติและคลี่คลายโดยเร็ววัน
นางสาวรัชนี นิลละออ เกษตรอำเภอนาโยง มอบหมายให้ นายฤทธิเดช สุขคง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรอำเภอนาโยง ร่วมกับ ศบกต.ช่อง นำโดยนายสถิตย์ รัมนา (ประธาน ศบกต.ช่อง) นายเจษฎา ผอมปิด (ผู้รับผิดชอบโครงการ) พร้อมคณะกรรมการศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลช่อง และ น.ส.ขนิษฐา จุลบล (ทีมพี่เลี้ยง กสศ.ภาคใต้) ร่วมประชุมสมาชิกกิจกรรมกลุ่มปลูกพืช 1 ในกิจกรรมของโครงการยกระดับรายได้ด้วยการสร้างอาชีพเสริมในสวนยางพารา ภายใต้โครงการทุนพัฒนาอาชีพและนวัตกรรมที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน ปี 2564 ซึ่งสนับสนุนงบประมาณโดยกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อชี้แจงการจัดตั้งกลุ่ม คัดเลือกคณะกรรมการ พร้อมมอบต้นพันธุ์พืช ให้แก่สมาชิกผู้เข้าร่วมโครงการ ณ สวนตาจันทร์ หมู่ที่ 2 ตำบลช่อง อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง
โครงการทุนพัฒนาอาชีพและนวัตกรรมที่ใช้ชุมชนเป็นฐานมุ่งส่งเสริมการศึกษา เพื่อการพัฒนาอาชีพและนวัตกรรมที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน เพื่อสร้างอาชีพและสร้างรายได้ของกลุ่มประชากรวัยแรงงานผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และผู้ด้อยโอกาสให้สามารถยกระดับการศึกษาเรียนรู้สู่การพัฒนาทักษะการเป็นผู้ประกอบการใหม่ หรือแรงงานฝีมือในชุมชน/สังคมที่เป็นไปตามศักยภาพและความต้องการ รวมถึงการสร้างต้นแบบ (Model) ผ่านการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ ในการยกระดับการเรียนรู้ตลอดชีวิตสู่การประกอบอาชีพ เพื่อนำไปสู่การต่อยอดขยายผลในระดับท้องถิ่น และนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,17/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317210436065 เกษตรกันตัง จังหวัดตรัง ลงพื้นที่สร้างการรับรู้งานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ตำบลบางสัก พร้อมให้บริการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ปี 2565,นายสรวง พรหมบุญทอง เกษตรอำเภอกันตัง มอบหมายให้นายปิยวุฒิ แดงเหมือน นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ เข้าร่วมประชุมหมู่บ้าน ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้งานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ การแจ้งเตือนและเฝ้าระวังโรคใบร่วงยางพาราชนิดใหม่ พร้อมให้บริการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปี 2565 พื้นที่ตำบลบางสัก ณ ศาลาหมู่บ้าน หมู่ที่ 6 ตำบลบางสัก อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง โดยมีผู้มาใช้บริการจำนวน 51 ราย
ทั้งนี้ เพื่อให้ข้อมูลการปลูกพืชในพื้นที่มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบันและเพื่อรองรับโครงการหรือมาตรการของต่างๆ จากทางภาครัฐ สำหรับการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรในพื้นที่อำเภอกันตังนั้น เกษตรกรจะต้องนำเอกสารสิทธิ์ที่ดินตัวจริงหรือในกรณีติดจำนอง ให้นำสำเนาที่มีการรับรองจากสถาบันการเงินนั้นๆ มายื่นแสดงเพื่อขอปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปีปัจจุบัน ณ สำนักงานเกษตรอำเภอกันตัง ได้ในวันและเวลาราชการ หรือที่จุดให้บริการในพื้นที่ ที่มีการให้บริการตามความเหมาะสม
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,17/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317210107063 เกษตรเมืองตรัง เยี่ยมเยียนและติดตามสถานการณ์ผลผลิตส้มโอ ตำบลนาท่ามเหนือ หลังพบว่าต้นส้มโอ มีอาการของโรคเปลือกแตกยางไหล และโรครากเน่าโคนเน่าในส้ม,
วันนี้ (17 มี.ค.65) นางนิตยา จันทร์ประทีป เกษตรอำเภอเมืองตรัง มอบหมายให้ นายประทิ่น วรรณงาม นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการและคณะเจ้าหน้าที่ สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองตรัง เยี่ยมเยียนและติดตามสถานการณ์ผลผลิตส้มโอ ณ แปลงทุเรียน นายใจ ชัยกลาง เกษตรกร หมู่ที่ 4 ตำบลาท่ามใต้ อำเภอเมืองตรัง โดยมีการปลูกส้มโอ จำนวน 20 ต้น พบว่าต้นส้มโอมีอาการของโรคเปลือกแตกยางไหล และโรครากเน่าโคนเน่าในส้ม
ทั้งนี้ ได้ให้คำแนะนำในการรักษาโรคเปลือกแตกยางไหลด้วยสาร คอปเปอร์ออกซีคลอไรด์และรักษาโรครากเน่าโคนเน่าฯด้วยสาร เมทาแล็กซิลร่วมกับเชื้อราไตรโคเดอร์ม่ารวมทั้งการให้คำแนะนำในการใช้สารเมททิลยูจินอลในการป้องกันกำจัดแมลงวันผลไม้ อย่างถูกวิธีโดยได้มีการวางแผนติดตามผลการดูแลรักษาสวนส้มโออย่างต่อเนื่องและคาดว่าผลผลิตส้มโอจะเริ่มจำหน่ายออกสู่ตลาดในช่วงเดือน สิงหาคม-กันยายน 2565
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,17/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220317203927055 12 สหกรณ์โคนมภาคเหนือตอนบน รวมตัวยื่นหนังสือให้รื้อโควต้านมโรงเรียน เสนอให้รัฐดูแลกลุ่มเกษตรกรตัวจริง,ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ลำปาง อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง นายชุมพร ปาลี ประธานสหกรณ์โคนมภาคเหนือ พร้อมด้วยประธานและตัวแทนสหกรณ์โคนมในพื้นที่ภาคเหนือ 12 สหกรณ์ ร่วมแถลงการณ์ยื่นหนังสือถึงหน่วยงานภาครัฐและผู้ที่มีอำนาจเกี่ยวข้อง เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน เพื่อการจัดสรรโควตานมโรงเรียนแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ถูกต้องตามหลักเกณฑ์และความเป็นธรรม โดยมีการยื่นหนังสือผ่าน นายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำปาง เขต 2 ในวันที่ 17 มีนาคม 2565 หนังสือดังกล่าวระบุข้อเสนอว่า เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรสหกรณ์โคนม 34 สหกรณ์ทุกภาค ที่มีเกษตรกรเลี้ยงโคนมเป็นสมาชิกและเป็นเจ้าของน้ำนมดิบได้ประโยชน์จากโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ โดยเฉพาะการจัดสรรสิทธิ์โควต้าในการทำนมโรงเรียนในภาคเรียนการศึกษาเทอมนี้ ชุมนุมสหกรณ์นมไทย-เดนมาร์ค จำกัด ในฐานะตัวแทนสหกรณ์สมาชิกจำนวน 34 สหกรณ์ทุกภาค ขอเรียกร้องและเสนอให้คณะอนุกรรมการบริหารกลางโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ได้พิจารณาและดำเนินการทบทวนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการทำนมโรงเรียนของสหกรณ์โคนมเจ้าของน้ำนมดิบ ดังนี้
1. ให้มีการจัดสรรสิทธิ์โควต้าทำนมโรงเรียนให้กับกลุ่มเกษตรสหกรณ์โคนมที่มีเกษตรกรเลี้ยงโคนมเป็นสมาชิก และได้ทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ซื้อขายน้ำนมดิบระหว่างกันและต้องการขอสิทธิ์โควต้าทำนมโรงเรียน โดยการจัดสรรสิทธิ์โควต้าให้เป็นไปตามสัดส่วนที่เป็นธรรมโปร่งใส ตามจำนวนน้ำนมที่ผลิต เพื่อทำนมโรงเรียนกับปริมาณน้ำนมที่สหกรณ์รับซื้อจากเกษตรกรสมาชิกและสิทธิ์โควตาทำนมโรงเรียน โดยทุกภาคส่วนที่นี่ขอสิทธิ์โควต้าทำนมโรงเรียนจะต้องใช้มาตรการหลักเกณฑ์จัดสรรตามสัดส่วนตามกล่าวอย่างเป็นธรรม
2. ให้ยกเลิกหลักเกณฑ์และเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้ประกอบการนมโรงเรียนที่ต้องได้รับอนุญาตประกอบกิจการโรงงานเฉพาะกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์โคนม โดยให้สามารถจ้างโรงงานผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ที่มีกระบวนการผลิตและเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้รับมาตรฐานสากล โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนสร้างโรงงาน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์โคนม สามารถเข้าร่วมโครงการได้ง่ายขึ้น สร้างรายได้จากการเพิ่มมูลค่าน้ำนมดิบให้เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายในโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ส่วนเงื่อนไขการรับรองการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มโคนม (GAP) คุณภาพน้ำนมดิบ ตามเกณฑ์มาตรฐานที่นำมาใช้ผลิตเป็นนมโรงเรียน ให้เป็นไปตามข้อกำหนดที่ผ่านมา เพื่อให้นมโรงเรียนได้คุณภาพให้เด็กนักเรียนได้ดื่มอย่างปลอดภัย
นอกจากนี้ กลุ่มสหกรณ์ได้ขอให้ผู้มีอำนาจและเกี่ยวข้องในการกำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขเข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ได้พิจารณาและเปิดโอกาสให้กลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์โคนม ได้สิทธิ์โควต้าเข้าไปทำนมโรงเรียนได้ง่ายและมากขึ้น เพื่อเป็นช่องทางรายได้ให้กับให้สหกรณ์ เกษตรกรสมาชิกตลอดจนการพัฒนาสหกรณ์ให้มีความมั่นคง ก้าวหน้า และเป็นการสร้างรายได้ ให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมอย่างมั่นคงยั่งยืนต่อไป โดยขอเรียกร้องดังนี้
1. ในนามชุมนุมสหกรณ์นมไทย- เดนมาร์ค จำกัด ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นจำนวน 34 สหกรณ์ พิจารณาโควต้านมโรงเรียนให้แก่กลุ่มเกษตรกรก่อน ผู้ประกอบการบางรายไม่มีโคนม และให้ยกเลิกคุ้มครองโรงงานโรงเล็กทั้งหมด ซึ่งไม่เกิดประโยชน์แก่เกษตรกรและนักเรียน ให้ยกเลิกทั้ง 5 ตัน และ 3 ตัน ฉะนั้นจะมีโรงใหม่ทุก ๆ ปี แต่จำนวนหัวเด็กตามงบประมาณเท่าเดิม
2. ให้สุหกรณ์ที่มีเกษตรกรเลี้ยงโคนมจริงเป็นสมาชิก และได้ทำบันทึกข้อตกลง MOU ซื้อขายน้ำนมดิบระหว่างกันและต้องการขอสิทธิโควตาทำนมโรงเรียน โดยขอจัดสรรสิทธิ์โควต้าให้เป็นไปตามสัดส่วนการรับนมดิบที่เป็นธรรมและโปร่งใส (เกษตรตัวจริง) ที่รวมตัวเป็นสหกรณ์ หรือกลุ่มเกษตรกรตัวจริง
3. ให้ยกเลิกหลักเกณฑ์และเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้ประกอบการนมโรงเรียนอนุญาตประกอบการโรงงานเฉพาะกลุ่มเกษตรกรสหกรณ์โคนม โดยให้สามารถจ้างโรงงานผลิตภัณฑ์นมในพื้นที่ที่มีกระบวนการผลิตผ่านหลักเกณฑ์อาหารเสริม (นม) โรงเรียน เป็นไปตามข้อกำหนด
4. พิจารณาให้กลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์โคนมจริงๆ ได้สิทธิ์โควต้า เข้าไปทำนมโรงเรียนง่ายและมากขึ้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มน้ำนมที่ผลิตได้และเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ให้สหกรณ์และเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม มีตลาดที่แน่นอน มั่นคง และยั่งยืนตลอดไป
5. ผู้ประกอบการบางรายไม่มีโคนมเอาประโยชน์ส่วนตัวไม่ดูแลเกษตรกรหวังผลทางธุรกิจพยายามให้ข่าวว่ามีผลประโยชน์ อยากให้มีการการตรวจสอบจริงว่ารับนมจริงหรือไม่ โรงงานผ่าน GMP หรือไม่ และมีผู้ประกอบการบางรายไม่รับนมดิบจากเกษตรกรแต่มาแจ้งสัดส่วนนมโรงเรียนไม่เป็นจริง
6. ให้จัดสรรสิทธิ์ตามสัดส่วนการรับน้ำนมดิบของเกษตรกรเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายและยุติธรรม หรือรื้อโควตาใหม่เกิดการแข่งขันเชิงธุรกิจและให้เด็กนักเรียนได้ดื่มนมสดที่มีคุณภาพมาตรฐานดี
7. ขอให้ผู้เกี่ยวข้อง เช่น กรมปศุสัตว์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ลงตรวจข้อมูลโค น้ำนมดิบ และศูนย์นมที่ผ่าน GMP และเห็นควรยกเลิกระบบโควต้านมโรงเรียนเพื่อความเป็นธรรม
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,17/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318013355103 สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดอำนาจเจริญตรวจเยี่ยมให้ความรู้คำแนะนำ เกษตรกรกลุ่มแปลงใหญ่โคขุนพื้นเมือง ที่อำเภอปทุมราชวงศา,วันที่ 16 มีนาคม 2565 นายธานินทร์ จุฑาทิพย์ชาติกุล ปศุสัตว์จังหวัดอำนาจเจริญ ได้มอบหมายให้ กลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดอำนาจเจริญ ร่วมกับปศุสัตว์อำเภอปทุมราชวงศา ทำการตรวจเยี่ยมให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพโคและการป้องกันโรคสัตว์ในช่วงเข้าสู่ฤดูร้อน เช่น โรคลัมปี สกิน รวมทั้งให้ความรู้คำแนะนำขั้นตอนการขออนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์ เพื่อให้เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจและปฏิบัติตามระเบียบการเคลื่อนย้ายสัตว์ของกรมปศุสัตว์ได้อย่างถูกต้องให้แก่เกษตรกรกลุ่มแปลงใหญ่โคขุนพื้นเมือง หมู่ 4 ตำบลห้วย อำเภอปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ โดยมีสมาชิกของกลุ่มเข้าร่วมรับฟัง จำนวน 13 ราย ทั้งนี้เกษตรกรได้รับความรู้และมีความเข้าใจเป็นอย่างดี
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
จังหวัดศรีสะเกษ โดยคณะทำงานขับเคลื่อนวาระจังหวัดศรีสะเกษ เกษตรบูรณาการ ชนิดสินค้าทุเรียน ตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพ ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเกษตรมูลค่าสูง กิจกรรม ตัดลูก ตัดใจ ใส่ใจผู้บริโภค
เวลา 13.30 น. วันนี้ (17 มี.ค.65) ณ สวนโชคผดุงทรัพย์ เจือจันทึก เลขที่ 138 หมู่ 8 ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธาน นำหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน ลงพื้นที่ติดตามการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพ ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเกษตรมูลค่าสูง กิจกรรม ตัดลูก ตัดใจ ใส่ใจผู้บริโภค โดยมีนายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายวิชัย ศรีโพธิ์งาม เกษตรจังหวัดศรีสะเกษ นายนคร บุตรดีวงศ์ พาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ นายมณเฑียร เหลืองเดชานุรักษ์ สถิติจังหวัดศรีสะเกษ นายพรชัย วงศ์งาม นายอำเภอขุนหาญ นายปริน วิลา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพราน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนผู้ประกอบการสวนทุเรียน กลุ่มเกษตรกร ให้การต้อนรับ และร่วมกิจกรรม
นายวิชัย ศรีโพธิ์งาม เกษตรจังหวัดศรีสะเกษ ในนามคณะทำงานขับเคลื่อนวาระจังหวัดศรีสะเกษฯ กล่าวว่า ตามที่จังหวัดศรีสะมุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรนำพาประชาชนให้มีความอยู่ดีกินดี โดยบูรณาการทำงานทุกภาคส่วน กำหนดนโยบายและขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดผ่านวาระขับเคลื่อนจังหวัด ส่วนหนึ่งเป็นการต่อยอดการพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับเศรษฐกิจฐานราก ดังคำว่า อะไร อะไร ก็ดี ที่ศรีสะเกษ ผ่านวาระด้านเศรษฐกิจ ซึ่ง 1 ในนั้น คือวาระเกษตรบูรณาการ เป็นการสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้กับเกษตรกรในพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ 4 ชนิด คือ ข้าว ทุเรียน หอมแดง และพริก
ทุเรียน เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญที่สร้างชื่อเสียงและรายได้ให้จังหวัดศรีสะเกษจำนวนมาก มีอัตลักษณ์เฉพาะและอร่อยกว่าทุเรียนจากแหล่งอื่น เนื่อนุ่ม รสชาติดี ไม่แฉะติดมือ พูสวย กลิ่นไม่แรง ในปี พ.ศ. 2565 พื้นที่ปลูกทุเรียนภูเขาไฟ จำนวน 14,828 ไร่ พื้นที่ให้ผลผลิต 5,596 ไร่ คาดการณ์ผลผลิตประมาณ 8,200 ตัน ปัญหาของเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนภูเขาไฟส่วนใหญ่ คือ แรงงานที่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ สภาพภูมิอากาศที่ไม่สามารถควบคุมได้ ประกอบกับจำนวนพื้นที่และปริมาณผลผลิตทุเรียนมีปริมาณมาก เกษตรกรอาจจำไม่สามารถตรวจสอบ หรือดูแลการเจริญเติบโตของผลทุเรียนอย่างครบถ้วน อันจะส่งผลต่อคุณภาพและรสชาติทุเรียนที่อาจจะไม่สามารถระบุวันเก็บเกี่ยวได้
เกษตรจังหวัดศรีสะเกษในนามคณะทำงานขับเคลื่อนวาระจังหวัดศรีสะเกษฯ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันเป็นยุคของเทคโนโลยี และเพื่อให้เกษตรกรสามารถผลิตทุเรียนได้อย่างมีคุณภาพ ปี 2565 จังหวัดศรีสะเกษได้สนับสนุนและส่งเสริมการนำเทคโนโลยีผสมผสานกับองค์ความรู้ ภูมิปัญญาที่เกษตรกรสั่งสมมา ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนากระบวนการผลิต สร้างความแตกต่างตลอดห่วงโซ่อุปทานให้แก่เกษตรกร รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มและแปรรูปผลผลิตที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และความต้องการของตลาดมากขึ้น โดยการจัดทำระบบข้อมูล เพื่อให้ผู้บริหารใช้ในการบริหารจัดการผลผลิตให้ทันต่อสถานการณ์ การใช้โดรนพ่นเชื่อราไตรโคเดอร์มา การใช้รถแอร์บรัสพ่นหมอก การใช้รถตัดหญ้า เพื่อลดแรงงานประหยัดเวลา ช่วยเพิ่มสักยภาพในการผลิตให้เกิดความแม่นยำ มีปริมาณเพียงพอและคุณภาพที่ดี การส่งเสริมการตลาดออนไลน์เชิงรุก ที่สนองตอบค่อพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสม ทันตามเทคโนโลยี และที่สำคัญจะทำให้เกษตรกรมีช่องทางการจำหนายสินค้าเพิ่มมากขึ้นด้วย
สำหรับกิจกรรม ตัดลูก ตัดใจ ใส่ใจผู้บริโภค มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นกิจกรรมรณรงค์ให้เกษตรกรดูแลจัดการทุเรียนให้มีคุณภาพ โดยการตัดลูกส่วนเกิน แต่เหลือลูกไว้อย่างเหมาะสมตามหลักวิชาการ และเพื่อเป็นการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคได้รับทราบและมั่นใจทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ได้รับการดูแล เอาใจใส่ และเป็นทุเรียนเกรดพีเมียมอย่างแท้จริง กิจกรรมประกอบด้วยไปด้วย การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การบริหารจัดการทุเรียนภูเขาไฟคุณภาพ การจัดทำระบบฐานข้อมูล เพื่อการบริหารจัดการ การประกันภัยทุเรียนภูเขาไฟ การพัฒนาตลาดทุเรียนภูเขาไฟออนไลน์ การพัฒนาทุเรียนพันธุ์ใหม่ พิธีมอบต้นพันธุ์ทุเรียนพันธุ์ใหม่ ศรีสะเกษ 238"" จำนวน 24 ราย พิธีมอบใบอนุญาตการใช้ตราสัญลักษณ์บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ GI จำนวน 10 ราย และประธานนำคณะฯ ตัดลูก ตัดใจ ใส่ใจผู้บริโภค พร้อมกับปลูกต้นทุเรียนสายพันธุ์ใหม่ ศรีสะเกษ 238
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",17/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ศรีสะเกษ,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318001601082 เตรียมการโครงการทหารพันธุ์ดี พื้นที่ อำนาจเจริญ,"วันที่ 17 มี.ค.65 กองบัญชาการกองทัพไทย (หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา) โดย นพค.51 สนภ.5 นทพ./ศปร.นพค.51 สนภ.5 นทพ. ได้จัดชุดปฏิบัติงาน เตรียมการโครงการทหารพันธุ์ดี เป็นการเรียนรู้และปฎิบัติในวิชาการเษตรกรรม ดังนี้ ดำเนินการรดน้ำ พรวนดิน ถากถางวัชพืช และใส่ปุ๋ยแปลงปลูกทานตะวัน, ข้าวโพด และแตงโม ณ โครงการทหารพันธุ์ดี นพค.51 สนภ.5 นทพ. ต.โนนหนามแท่ง อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",18/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,อำนาจเจริญ,สวท.อำนาจเจริญ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318085505124 ผู้ว่าฯศรีสะเกษ ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการขับเคลื่อนวาระจังหวัดศรีสะเกษ ประเด็นเกษตรบูรณาการ ชนิดสินค้าทุเรียน เพื่อติดตามการดำเนินงาน และการบูรณาการของทุกภาคีเครือข่าย,นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการขับเคลื่อนวาระจังหวัดศรีสะเกษ ประเด็นเกษตรบูรณาการ ชนิดสินค้าทุเรียน เพื่อติดตามการดำเนินงาน และการบูรณาการของทุกภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์จังหวัดศรีสะเกษ ในพื้นที่พัฒนาที่โดดเด่น (Best Practice) ณ สวนโชคผดุงทรัพย์ ของนายผดุง เจือจันทึก ตั้งอยู่เลขที่ 138 หมู่ที่ 8 ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ
โดยมีกิจกรรม ประกอบด้วย กิจกรรมการเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การบริหารจัดการทุเรียนภูเขาไฟคุณภาพ ในหัวข้อ ตัดลูก ตัดใจ ใส่ใจผู้บริโภค มีการการจัดทำระบบฐานข้อมูล เพื่อการบริหารจัดการ การประกันภัยทุเรียนภูเขาไฟ การพัฒนาตลาดทุเรียนภูเขาไฟออนไลน์ การพัฒนาทุเรียนภูเขาไฟพันธุ์ใหม่ รวมทั้งการมอบต้นพันธุ์ทุเรียนพันธุ์ใหม่ ศรีสะเกษ 238 แก่ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน จำนวน 24 ราย การมอบใบอนุญาตการใช้ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ GI จำนวน 10 ราย และกิจกรรมการสาธิตการใช้เทคโนโลยี ได้แก่ โดรนพ่นเชื้อราไดรโคเดอม่า รถแอร์บรัส(พ่นหมอก) รถตัดหญ้าใต้ต้นทุเรียน
ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวปฏิบัติตามมาตรการภายใต้การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของกระทรวงสาธารณสุข อย่างเคร่งครัด โดยมี นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เกษตรจังหวัด พาณิชย์จังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด สถิติจังหวัด ผู้แทนเกษตรและสหกรณ์จังหวัด ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอขุนหาญ ผอ.คปภ.ภาค 5 ผอ.สพป.ศก.เขต 3 หัวหน้าส่วนราชการอำเภอขุนหาญ หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัด ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ประกอบการ เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน สื่อมวลชนและส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรม
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,18/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ศรีสะเกษ,สวท.ศรีสะเกษ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318090019125 จ.อุบลฯ จัดเวทีวิเคราะห์ความต้องการถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์สินค้าเกษตรแปรรูป,
นายสมเพชร สร้อยสระคู รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมการจัดเวทีวิเคราะห์ความต้องการถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์สินค้าเกษตรแปรรูป โครงการยกระดับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์สินค้าเกษตรแปรรูป งบพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ปี 2565 จัดขึ้นที่อาคารเกษตรตุ้มโฮม 2557 สำนักงานเกษตรจังหวัดอุบลราชธานี อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี
ทั้งนี้ เพื่อต่อยอดองค์ความรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์/บรรจุภัณฑ์ให้กับกลุ่มเกษตรกร ยกระดับมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรแปรรูปให้ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสินค้าจากสถาบันมาตรฐานผลิตภัณฑ์ รวมทั้งเชื่อมโยงเครือข่ายผลิตภัณฑ์และการตลาดผลิตภัณฑ์แปรรูปในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2
โดยมีนายกมล โสพัฒน์ เกษตรจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวรายงานฯ พร้อมด้วยนายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจฐานราก บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี ประเทศไทย จำกัด ตัวแทนส่วนราชการจังหวัด รศ.ดร.ประนอม คำผา ผศ.ว่าที่ ร.ต.(หญิง) ดร.เกศินี จันทรโสภณ คณะวิทยากร กลุ่มวิสาหกิจ/กลุ่มเกษตรกรกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๒ และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในพิธีเปิดกิจกรรมการจัดเวทีวิเคราะห์ฯ ดังกล่าว
กรกช ภูมี สวท.อุบลฯ/รายงาน 18 มี.ค.65
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,18/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,อุบลราชธานี,สวท.อุบลราชธานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318093540135 จ.ลำปาง หารือแนวทางพัฒนา ฟื้นฟู และแก้ไขปัญหาแม่น้ำวัง มุ่งเป็นต้นแบบของการพัฒนาแหล่งน้ำในจังหวัด,"
การประชุมคณะกรรมการพัฒนา ฟื้นฟู และแก้ไขปัญหาแม่น้ำวัง ครั้งที่ 1/2565 ณ ห้องประชุมอาลัมภางค์ ศาลากลางจังหวัดลำปาง โดยมี นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานการประชุม เพื่อระดมความคิดเห็นในการกำหนดมาตรการ แนวทาง และจัดทำแผนปฏิบัติการพัฒนา ฟื้นฟูสภาพแวดล้อมของแม่น้ำวัง โดยที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาแผนงานพัฒนา ออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย
ระยะเร่งด่วน เช่น การขุดลอกจอก แหน วัชพืชบก วัชพืชน้ำ หรือเศษขยะที่อยู่ในแม่น้ำ, ใช้จุลินทรีย์ในการบำบัดน้ำเสีย, การรักษาระดับแม่น้ำวัง, ต่อลมหายใจแม่น้ำวังโดยใช้เครื่องพ่นน้ำ, การบำบัดน้ำเสียปลายท่อแม่น้ำวัง รวมไปถึงการจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาบำเพ็ญประโยชน์ในแม่น้ำคูคลอง เป็นต้น
ระยะพัฒนา ประกอบด้วย การควบคุมปริมาณและรักษาระดับน้ำ (ฝายชะลอน้ำ, ประตูระบายน้ำ,แก้มลิงแม่น้ำวัง) ปรับภูมิทัศน์และรักษาเอกลักษณ์ (เส้นทางจักรยาน, สวนสาธารณะริมเขื่อนยาง, พัฒนาพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำ) เติมลมหายใจให้แม่น้ำวัง (ระบบเติมอากาศให้แม่น้ำวัง) และระบบรวบรวมน้ำเสีย เป็นต้น
ระยะยาวสู่ความยั่งยืน ในการวางระบบเฝ้าระวัง สร้างการมีส่วนร่วมชุมชน ในการร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหาสภาพและคุณภาพน้ำแม่น้ำวังที่มีคุณภาพน้ำที่เสื่อมโทรมให้กลับมามีชีวิตและสวยงามอีกครั้ง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกระทรวงมหาดไทย มีประเด็นข้อสั่งการให้ทุกจังหวัดดำเนินการตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการฟื้นฟูแหล่งน้ำตามธรรมชาติ แม่น้ำ คูคลอง หนอง บึง ให้สะอาดสวยงาม พร้อมทั้งเสนอชื่อแหล่งน้ำที่จะดำเนินการฟื้นฟู เพื่อเป็นต้นแบบของการพัฒนาแหล่งน้ำในแต่ละจังหวัด โดยจังหวัดลำปางได้เสนอลุ่มน้ำวัง เหนือเขื่อนยาง ระยะทาง 6 กิโลเมตร ในพื้นที่ตำบลหัวเวียง ตำบลเวียงเหนือ และตำบลพิชัย อำเภอเมืองลำปาง เป็นแหล่งน้ำที่จะดำเนินการฟื้นฟู
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",18/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318093917141 กอนช. ขอให้ประชาชนตอนบนของประเทศระวังเกิดฝนตกและมีลมกระโชกแรง ส่วนภาคตะวันตกและภาคใต้มีฝนตก,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนตอนบนของประเทศระวังเกิดฝนตกและมีลมกระโชกแรง ส่วนภาคตะวันตกและภาคใต้มีฝนตก
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (18 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนมีพายุฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น กับมีลมกระโชกแรง ด้านตะวันตกของประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ จ.นครราชสีมา 55 มิลลิเมตร , น่าน 50 มิลลิเมตร และชัยภูมิ 63 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 28,576 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 49 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 22,642 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 49 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
",18/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318093658138 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือยังสูงในระดับสีแดงบริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ส่วน กทม.และปริมณฑลคุณภาพอากาศดีทุกพื้นที่,ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือยังสูงในระดับสีแดงบริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีทุกพื้นที่
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (18 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีมากถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นหลายพื้นที่ปรับตัวลดลง แต่ยังเกินเกณฑ์มาตรฐานระดับสีแดง 1 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งต้องเฝ้าระวังจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นพิเศษ หากมีแหล่งกำเนิดในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงจะมีโอกาสที่ค่าฝุ่นละอองสูงขึ้นได้ช่วงวันที่ 19 21 มีนาคม ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 22 - 25 มีนาคม
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงปานกลาง โดยค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัด ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 19 - 25 มีนาคม
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
,18/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318094115143 การส่งเสริมให้องค์ความรู้แก่เกษตรกรแปลงใหญ่,วันที่ 17 มีนาคม 2565 ว่าที่ร้อยโท ปุณณกิจ เชาว์น้อย สหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญ ได้มอบหมายให้ นายวัชรินทร์ มามาก ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ พร้อมด้วย นายนิวัตร คำภา นักวิชาการสหกรณ์ชำนาญการ บูรณาการร่วมกับสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดอำนาจเจริญ ลงพื้นที่แนะนำส่งเสริมให้องค์ความรู้แก่เกษตรกรแปลงใหญ่ ด้านการบริหารจัดการกลุ่ม การตลาด เพื่อเชื่อมโยงการตลาด และสร้างโอกาสในการเพิ่มเพิ่มรายได้ โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ต่อยอดด้านคุณภาพมาตรฐาน แปรรูป สร้างมูลค่าเพิ่ม
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,18/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,อำนาจเจริญ,สวท.อำนาจเจริญ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318101753162 โคก หนอง นา กับการผสมผสานความพอเพียงที่พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืน,นางเครือวัลย์ สุจริตตานันท์ เกษตรกรบ้านตาล ตำบลนาหว้า อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า พัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนมได้เข้ามาสอบถามว่ามีใครสนใจที่จะทำโคกหนองนาบ้าง ซึ่งตัวเองมีใจรักในเรื่องนี้อยู่แล้วจึงได้สมัครเข้าร่วมโครงการ เพราะชอบปลูก ชอบฝังอยู่แล้ว ซึ่งขั้นแรกก่อนที่จะเริ่มทำก็จะมีการเตรียมหาปุ๋ยมาบำรุงดินก่อน คือการไปหาฟางและมูลสัตว์มาทำปุ๋ยแห้ง ปุ๋ยน้ำ และน้ำหมักชีวภาพไว้ใช้ในการบำรุงดิน พอทำทุกอย่างไว้เสร็จหมดแล้วก็พอดีกับที่เจ้าหน้าที่มาขุดแปลงให้ ก็เริ่มลงมือปลูกพืชได้เลย ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำว่าควรปลูกต้นกล้วยก่อนเพราะจะทำให้พื้นที่มีความชุ่มชื้นและมีน้ำในดินสามารถเลี้ยงพืชชนิดอื่นๆ ได้
จากนั้นก็ปลูกตะไคร้เพื่อยึดหน้าดินร่วมกับหญ้าแฝก ซึ่งที่เราปลูกมาทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เรามีกินมีใช้และเมื่อเหลือก็จะมีขาย ตอนนี้ที่ขายก็จะมีพืช ประเภทต้นหอม พริก ผักบุ้ง และผักกาด โดยจะมีร้านค้ามาสั่งเป็นประจำแม้จะมีรูปลักษณ์ไม่สวยงาม แต่ทุกคนจะชอบ เพราะไม่มีพิษมีภัยต่อร่างกายเนื่องจากไม่ได้ใช้สารเคมี จะใส่เพียงปุ๋ยทั่วไปแล้วก็รดน้ำเท่านั้น
ส่วนปลาที่เลี้ยงไว้ตอนนี้ยังไม่โตเต็มที่เท่าไหร่จึงยังไม่ได้ขาย ซึ่งจากการทำมา 5 - 6 เดือนพบว่าน้ำในบ่อมีไม่เพียงพอก็ได้คิดหาวิธีอื่นมาแก้ไข โดยวางแผนว่าจะเจาะน้ำบาดาลเพิ่มเติมจากนั้นจะใช้เครื่องสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์มาช่วย แต่อาจารย์ที่ปรึกษาได้ให้ข้อมูลว่า ปีที่ 2 บ่อจะเก็บกักน้ำได้ดีขึ้น จึงได้ชะลอแผนตัวนี้ไปก่อนเพื่อรอดูว่าปีถัดไปน้ำจะมากน้อยขนาดไหน ดังนั้นในตอนนี้การปลูกพืชจึงมีการปรับเปลี่ยนตามไปด้วย เช่น พื้นที่บางส่วนเคยมีเห็ดเกิดขึ้นมาก็จะมีการหาวิธีปรับปรุงบำรุงดินให้เหมาะสมเพื่อให้เห็ดเกิดมากขึ้น จะได้เป็นอีกหนึ่งช่องทางของแหล่งอาหาร นอกจากนี้ก็มีการหาพืชชนิดอื่นๆ มาปลูกเพิ่มเติมเพราะถือเป็นช่วงแรกที่เราเริ่มทำโคกหนองนา เริ่มบำรุงดิน ซึ่งเป้าหมายที่วางไว้คือจะปลูกผสมผสานกันทุกอย่างที่เป็นพืช 5 ชนิด สูง เตี้ย เรี่ยดิน และใต้ดิน รวมถึงเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่เพิ่มด้วย เพราะเราจะต้องอยู่ตรงนี้ไปอีกนาน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เช่น โรคภัยไข้เจ็บไปไหนมาไหนไม่ได้เราก็จะมีอยู่มีกินอย่างพอเพียง ตอนนี้คนที่ผ่านไปผ่านมาเห็นแปลงโคกหนองนา ก็มีการเข้ามาสอบถามและขอดูอยู่เรื่อยๆ เราก็เชิญให้เข้ามาดูมาชมและเรียนรู้ สิ่งไหนที่เป็นความรู้ที่ให้ได้เราก็พร้อมถ่ายทอดต่อ รวมถึงแนะนำช่องทางการติดต่อเพิ่มเติมอื่นๆ ให้ด้วย
ภาพ/ข่าว/ส.ปชส.นครพนม
สวนยางพาราหมู่ที่ 5 ตำบลควนเมา อำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง เป็นสวนยางพาราของ
นายปราโมทย์ ไชยมณี อายุ 57 ปี อาชีพทำสวนยางพาราและได้ปลูกสละพันธุ์อินโด ระหว่างต้นยางพารา เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัว หลังจากที่ราคายางพารามีราคาตกต่ำและสถานการณ์ราคายางพารามีความผันผวนอย่างมาก ส่วนใหญ่จะเป็นราคาตกต่ำมากกว่าราคาเพิ่มขึ้น การหารายได้เสริมของเกษตรกรมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อหารายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว ในยุคที่ข้าวของมีราคาแพง ประชาชนรวมถึงเกษตรกรมีรายได้ลดลงเป็นอย่างมาก
นายปราโมทย์ ไชยมณี กล่าวว่า ตนเองได้มีโอกาสเดินทาไปศึกษาดูงานที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และให้ความสนใจการปลูกสละพันธุ์อินโด ที่ปลูกเสริมระหว่างร่องยางพาราและขอความรู้จากเจ้าหน้าที่ หลังจากศึกษาดูงานแล้วได้กลับมาลงมือปฏิบัติจริงในพื้นที่สวนยางพาราของตนเอง ปลูกระหว่างร่องยางพารา 3 เมตรคูณ 7 เมตร ปลูกประมาณ 1 ปีครึ่ง ต้นสละจะเริ่มแทงชื่อดอก ปีที่ 2 จะเริ่มผสมพันธุ์สละเมื่อผสมพันธุ์สละแล้ว สละจะให้ผลผลิตในปีแรกๆ นั้นจะให้ผลผลิตน้อย แต่เมื่อเข้าสู่ปีที่ 3 สละจะให้ผลผลิตอย่างเต็มที่ โดยราคาขายปลีก 70 บาทต่อกิโลกรัม สละมีรสชาติหวานกรอบ เมล็ดร่อน ส่วนการขายออนไลน์ 100 บาทต่อกิโลกรัม
โดยปลูกสละพันธุ์อินโด จำนวน 5 ไร่ก่อน และขณะนี้ปลูกสละเต็มพื้นที่ 11 ไร่ หากคำนวณ 1 ปี รายได้จากขายสละอินโดนั้น มีรายได้หลักแสนบาท แต่รายได้จากยางพาราในขณะนี้ได้ประมาร 5 หมื่นบาทต่อปี รายได้จากการสละจะมากกว่ายางพารากว่าเท่าตัวในแต่ละปีและไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน หากประชาชนสนใจสามารถสอบถามได้ที่ นายปราโมทย์ ไชยมณี โทร 084-8629687
นายศรุต สุทธิอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูกาลทุเรียนภาคตะวันออกกำลังให้ผลผลิตขณะนี้ ขอแจ้งเตือนเกษตรกรชาวสวนทุเรียนให้เฝ้าระวังโรคผลเน่า ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ผลผลิตทุเรียนมีคุณภาพลดลง
โดยโรคนี้พบได้ตั้งแต่ระยะผลอ่อน แต่ส่วนใหญ่มักพบในผลช่วง 1 เดือนก่อนเก็บเกี่ยวจนกระทั่งเก็บเกี่ยวและระหว่างการบ่มผลให้สุก โดยอาการเริ่มแรกจะเกิดจุดแผลขนาดเล็กสีน้ำตาลดำบนผลและจุดแผลจะขยายใหญ่ลุกลามมากขึ้นตามการสุกของผล ในสภาพที่มีความชื้นสูงอาจพบเส้นใยสีขาวของเชื้อราสาเหตุโรคบนแผล โดยจะพบอาการของโรคได้ตั้งแต่ผลยังอยู่บนต้น ซึ่งถ้าอาการรุนแรงมากผลจะเน่าร่วงหล่นก่อนกำหนด
โรคผลเน่ามักพบหลังการเก็บเกี่ยว โดยเชื้อราสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการผลเน่า ซึ่งสามารถป้องกันและลดความเสียหายได้หากมีการปฏิบัติดูแลแปลงตามคำแนะนำ โดยเฉพาะในแปลงที่มีต้นที่เป็นโรครากเน่าและโคนเน่าในแปลงมาก
อย่างไรก็ตาม ยังมีเชื้อราบางชนิดที่สามารถทำให้เกิดการอาการผลเน่าหลังการเก็บเกี่ยว ดังนั้นเพื่อป้องกันและลดความเสียหายจากโรคผลเน่าทุเรียน เกษตรกรควรเฝ้าระวังเพิ่มขึ้นทั้งก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว โดยการดูแลในแปลงปลูกก่อนการเก็บเกี่ยวให้หมั่นตรวจผลทุเรียนในแปลงอย่างสม่ำเสมอ ตัดผลที่เป็นโรคและเก็บผลเน่าที่ร่วงหล่นนำไปทำลายนอกแปลงปลูก แล้วพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรค ให้ทั่วทรงพุ่ม จำนวน 1-2 ครั้ง ทุก 7-10 วัน และควรหยุดพ่นสารก่อนเก็บเกี่ยวผลอย่างน้อย 15 วัน ไม่นำเครื่องมือตัดแต่งที่ใช้กับต้นเป็นโรคไปใช้ต่อกับต้นปกติและทำความสะอาดเครื่องมือก่อนนำไปใช้ใหม่ทุกครั้ง ในแปลงปลูกที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคผลเน่าสูง เนื่องจากมีต้นที่เป็นโรครากเน่าและโคนเน่าในแปลงมาก เชื้อสาเหตุโรคอาจจะติดไปกับผลได้โดยยังไม่แสดงอาการ ดังนั้นการเก็บเกี่ยวผลต้องระมัดระวังไม่ให้ผลสัมผัสกับดิน หรือปูพื้นดินที่จะวางผลด้วยวัสดุหรือกระสอบที่สะอาด เพื่อลดโอกาสที่ผลจะสัมผัสกับดินซึ่งมีเชื้อสาเหตุโรคและการขนย้ายควรระมัดระวังไม่ให้เกิดบาดแผลที่ผล
,18/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318111713194 เน้นย้ำมาตรการคุมเข้ม ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ สร้างความเชื่อมั่นสู่ผู้บริโภคและประเทศคู่ค้า,"
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในช่วงระหว่างนี้เรื่อยไปจนถึงประมาณเดือนกันยายน 2565 เป็นช่วงที่ผลไม้ภาคตะวันออกให้ผลผลิต ผลไม้สำคัญหลายชนิดโดยเฉพาะทุเรียน มังคุดและเงาะ ปีนี้ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา คาดว่าผลผลิตทุเรียนปีนี้อยู่ที่ประมาณ 744,549 ตัน มังคุด 210,864 ตัน และเงาะ 210,646 ตัน สาเหตุเนื่องมาจากหลากหลายปัจจัย ทั้งสภาพอากาศที่เหมาะสม จำหน่ายได้ราคาดีตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา จูงใจให้เกษตรกรหันมาปลูกและบำรุงรักษาผลไม้ดังกล่าวกันมากขึ้นเพื่อให้ได้ผลผลิตดีมีคุณภาพและเพื่อเป็นการรักษาคุณภาพมาตรฐานของผลผลิตไม้ผลภาคตะวันออกตลอดทั้งฤดูกาล
โดยในปี 2564 ที่ผ่านมานั้น ไทยสามารถส่งออกผลไม้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้จะเผชิญกับปัญหาการขนส่งโลจิสติกส์จากค่าระวางที่สูงขึ้น การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และการปิดด่านหลายครั้งจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของ Covid-19 ความสำเร็จดังกล่าวมาจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งชาวสวนผลไม้ ผู้ประกอบการภาคเอกชนและภาครัฐ
ในปี 2565 นี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้กำหนดเป้าหมายในการส่งออกผลไม้ภาคตะวันออกเพื่อเพิ่มศักยภาพการส่งออก สร้างความเชื่อมั่นสู่ผู้บริโภคในประเทศและต่างประเทศและการส่งออกผลไม้ต้อง Zero COVID เท่านั้น
สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแพร่ แจ้งสถานการณ์การผลิตและการตลาดสินค้าเกษตรจังหวัดแพร่ ตลาดปลายทางปรับราคาซื้อสูงขึ้น เกิดการแข่งขันทางด้านราคาของผู้ประกอบการ
นางอารีย์ เหลืองหิรัญ พาณิชย์จังหวัดแพร่ เปิดเผยว่า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแพร่ แจ้งสถานการณ์การผลิตและการตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในช่วงภัยแล้งของจังหวัดแพร่ ปีการผลิต 2564/65 โดยราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ณ วันที่ 16 มีนาคม 2565 ความชื้น 14.5% ราคา 9.00-11.00 บาท/กิโลกรัม, ความชื้น 30% ราคา 7.00-8.80 บาท/กิโลกรัม มีการปรับขึ้น 0.50 บาท/กิโลกรัม
สำหรับจังหวัดแพร่มีพื้นที่เพาะปลูกจำนวน 45,117.99 ไร่ ปริมาณผลผลิตประมาณ 34,560 ตัน มีการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว 10% เนื่องจากเกิดการแข่งขันทางด้านราคาของผู้ประกอบการ และตลาดปลายทางปรับราคาซื้อสูงขึ้น
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",18/3/2022,ภาคเหนือ,แพร่,สวท.แพร่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318104339180 จังหวัดสงขลา เดินหน้าแก้ไขปัญหาคลองสำโรงอย่างต่อเนื่อง พร้อมดึงทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูเพื่อพัฒนาไปสู่ คลองสวย น้ำใส,นายอำพล พงศ์สวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานประชุมคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาคลองสำโรง จังหวัดสงขลา เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาคลองสำโรง พร้อมพิจารณาแผนปฏิบัติการและให้คำแนะนำแก่คณะทำงานแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำและคณะทำงานจัดระเบียบและภูมิทัศน์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
โดยมีนายไชยพร นิยมแก้ว นายอำเภอเมืองสงขลา นายจักรธร สุริแสง นายกเทศมนตรีเมืองเขารูปช้าง ผู้แทนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เทศบาลนครสงขลา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนเข้าร่วม ณ ห้องประชุมสารภี ชั้น 5 สำนักงานเทศบาลนครสงขลาและผ่านระบบวิดีโอ conference คลองสําโรง เป็นคลองในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ไหลมาจากตำบลเกาะแต้ว ผ่านตำบลเขารูปช้าง โดยเมื่อเข้าสู่เขตเทศบาลนครสงขลาจะแยกเป็น 2 สาย
สายแรกไหลไปทางด้านทิศตะวันออก ออกสู่ชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย
สายที่สองไหลไปทางทิศตะวันตกลงสู่ทะเลสาบสงขลา รวมระยะทางของคลองสำโรง 14.4 กิโลเมตร
โดยคลองสำโรงส่วนที่กั้นระหว่างเทศบาลนครสงขลากับเทศบาลตำบลเขารูปช้างมีความยาวประมาณ 5 กิโลเมตร สภาพปัจจุบันของคลองสำโรง มีบ้านเรือนและอุตสาหกรรมครัวเรือนเกี่ยวกับสัตว์น้ำตั้งอยู่ตลอดแนวความยาวของคลอง ทำให้มีการระบายน้ำทิ้งลงสู่คลองสำโรงโดยตรง จึงส่งผลให้น้ำในคลองมีสีดำและมีกลิ่นเหม็น อีกทั้งยังเป็นอุปสรรคการระบายน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากอีกด้วย
ทั้งนี้ คณะทำงานแก้ไขคุณภาพน้ำ โดยผู้แทนจากสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 16 (สงขลา) ได้กล่าวถึงแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำและความตื้นเขินของคลองสำโรงในปี 2565 โดยมีการวางมาตรการไว้ 5 ด้าน ประกอบด้วย 1. มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำในคลองสำโรง 2. การลดปริมาณความสกปรกจากน้ำเสียก่อนระบายสู่คลองสำโรง 3.มาตรการรณรงค์ประชาสัมพันธ์และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านสิ่งแวดล้อมการ 4. การใช้มาตรการทางกฎหมาย และ5. การบริหารจัดการ ติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำในคลองสำโรง จัดทำฐานข้อมูลแหล่งกำเนิดมลพิษทางน้ำในพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดสงขลา และบ้านเรือนที่อยู่อาศัยบริเวณคลองสำโรง
นอกจากนี้ ทางคณะทำงานจัดระเบียบและภูมิทัศน์จังหวัดสงขลา โดยนายอำเภอเมืองสงขลา กล่าวถึงการจัดระเบียบ โดยแบ่งคลองสำโรงออกเป็น 2 สาย ได้แก่ คลองสำโรงตอนบน ตั้งแต่เกาะแต้ว หมู่ที่ 2 ถึงแยกกำปั่น ระยะทาง 9.470 กิโลเมตร และคลองสำโรงตอนล่าง ตั้งแต่ปากคลอง 72 พรรษา ถึงปากคลองเก้าเส้ง ระยะทาง 5.5 กิโลเมตร รวมระยะทางคลองสำโรง ต้นน้ำ - กลางน้ำ - ปลายน้ำ (เทศบาลตำบลเกาะแต้ว เทศบาลเมืองเขารูปช้าง เทศบาลนครสงขลา) รวม 14.9 กิโลเมตร
ซึ่งสภาพปัญหาคลองสำโรงตอนล่างตลอดแนว มีการบุกรุก รุกล้ำลำคลองสร้างบ้านเรือน สภาพน้ำเสียเนื่องจากมีการปล่อยน้ำเสียลงคลอง อีกทั้งยังมีสิ่งกีดขวางทาง เช่น สายเคเบิ้ลและสายสื่อสาร วัชพืช เสาและตอม่อสะพานน้ำ ส่วนแนวทางแก้ไขนั้นจะดำเนินการจัดสร้างที่อยู่อาศัยบ้านเอื้ออาทรให้กับครัวเรือนที่มีการบุกรุกลำน้ำ มีการบริหารจัดการน้ำเสียโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ
ศิริลักษณ์ แคล้วคลาด/ข่าว
ประชา โชคผ่อง/ภาพ 18 มี.ค. 65
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
ประสิทธิภาพช่องทางการเผยแพร่เว็บไซต์ข่าวจริงประเทศไทย
,18/3/2022,ภาคใต้,สงขลา,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318120225219 สั่งเข้มกรมวิชาการเกษตร ลุยตรวจผลผลิตส้มโอส่งออกป้องปัญหาสวมสิทธิ,
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูกาลส่งออกผลไม้ของทุกภาคได้กำชับให้กรมวิชาการเกษตรเข้มงวดตรวจสอบและเฝ้าระวังปัญหาการนำผลไม้มาสวมสิทธิเป็นผลไม้ไทยและสวมใบรับรอง GAP เพื่อส่งออกไปประเทศที่ 3 เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรในประเทศและอาจทำให้มีแมลงศัตรูพืชกักกันที่ไม่เคยมีในประเทศติดเข้ามาแพร่ระบาดภายในประเทศ
โดยสถานการณ์ล่าสุด ได้รับรายงานจากกรมวิชาการเกษตร ว่า ได้ระงับการส่งออกส้มโอที่โรงงานคัดบรรจุแห่งหนึ่ง ที่ตำบลโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร เนื่องจากนำส้มโอจำนวนหนึ่งมาสวมสิทธิใบรับรอง GAP เตรียมส่งออกไปจีนจึงได้สั่งการให้กรมวิชาการเกษตรเข้มงวดตรวจสอบผลผลิตส้มโอที่จะส่งออกเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการตรวจสอบปริมาณผลผลิตที่ขออนุญาตส่งออกว่าสัมพันธ์กับพื้นที่แปลง GAP หรือไม่
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ได้มอบหมายให้สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก (สวพ.2) ซึ่งเป็นหน่วยงานในส่วนภูมิภาคของกรมวิชาการเกษตร ดำเนินการตรวจโรงคัดบรรจุส้มโอในพื้นที่จังหวัดพิจิตรเพื่อตรวจสอบปริมาณผลผลิตที่ทำการส่งออกป้องกันการนำผลผลิตที่ไม่ผ่านการรับรองแหล่งผลิต GAP มาสวมสิทธิ รวมทั้งป้องกันการลักลอบนำเข้าส้มโอจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิเป็นส้มโอไทยแล้วส่งออกไปประเทศจีน ซึ่งได้รับรายงานว่า จากการลงพื้นที่สุ่มตรวจโรงคัดบรรจุส้มโอในจังหวัดพิจิตรจำนวน 3 โรง พบข้อสังเกตในโรงคัดบรรจุผลไม้ส่งออกจำนวน 1 โรง ที่ตำบลโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร มีผลผลิตส้มโอเตรียมส่งออกจำนวน 22.15 ตัน ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าเป็นส้มโอที่เป็นผลผลิตมาจากแปลง GAP จำนวน 1.30 ตัน ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 20.85 ตัน เป็นผลผลิตที่นำมาสวมสิทธิแปลง GAP จึงไม่อนุญาตให้นำส้มโอที่สวมสิทธิใบรับรอง GAP จำนวนดังกล่าวส่งออกไปจีน
วานนี้ 17 มีนาคม 2565 นายศักดิ์ดา บรรดาศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอำเภอแสวงหา เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องและเกษตรกรแปลงใหญ่ ร่วมให้การต้อนรับคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ประกอบด้วย พลเอก ดนัย มีชูเวท ตำแหน่งรองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง นายวิทยา ผิวผ่อง ตำแหน่งรองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สอง นายลักษณ์ วจนานวัช รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สี่ และนายเฉลียว เกาะแก้ว กรรมาธิการ ในโอกาสศึกษาดูงานและติดตามความคืบหน้าการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรแปลงใหญ่ภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศและ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ณ ที่ทำการแปลงใหญ่ข้าว ตำบลวังน้ำเย็น อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง และแปลงใหญ่ชะอม ตำบลโพธิ์รังนก อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง ทั้งได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความสำเร็จ และปัญหาอุปสรรค ในการดำเนินงานโครงการยกระดับแปลงใหญ่และเชื่อมโยงตลาด ตลอดจนให้คำแนะนำ ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานโครงการฯ และรับฟังแนวทางการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง และในพื้นที่แปลงใหญ่แปลงใหญ่
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,18/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,อ่างทอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอ่างทอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318134123270 สสก.5 สงขลา ประชุมเชื่อมโยง 3 เครือข่าย ชู ศพก. แปลงใหญ่ และ YSF เป็นกลไกหลักขับเคลื่อนการเกษตรภาคใต้,"สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา จัดประชุมเชื่อมโยงการดำเนินงานของคณะกรรมการเครือข่ายศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) และคณะกรรมการเครือข่ายแปลงใหญ่ ระดับเขต ครั้งที่ 2 ปีงบประมาณ 2565 ผ่านระบบออนไลน์ Zoom meeting
นายอนุชา ยาอีด ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ศพก. และเกษตรแปลงใหญ่ ถือเป็นกลไกสำคัญในการดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตลอดระยะเวลา 6-7 ปี ที่มีการดำเนินงานมา ได้เกิดผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจในทุกมิติและมีแนวโน้มการพัฒนาของเกษตรกรที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีการเชื่อมโยงการทำงานกับเครือข่ายเกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer : YSF) ในการพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดย ศพก.เป็นแหล่งเรียนรู้การผลิตสินค้าเกษตรที่ถูกต้องและเหมาะสม เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนความรู้ข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาด้านการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถการขยายผลองค์ความรู้ นวัตกรรม และผลงานวิจัย ไปสู่เกษตรกรแปลงใหญ่ได้
ในส่วนภาคใต้มี ศพก.หลัก จำนวน 151 ศพก. และ ศพก. เครือข่าย จำนวน 2,176 เครือข่าย มีแปลงใหญ่ที่ได้รับการรับรองแล้ว จำนวน 1,209 แปลง รวมพื้นที่ 680,799 ไร่ เกษตรกร 64,661 ราย และมีเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาเป็น Young Smart Farmer แล้ว จำนวน 3,026 คน ขับเคลื่อนโดยศูนย์บ่มเพาะเกษตรเกษตรกรุ่นใหม่ (ศบพ.) จำนวน 14 ศูนย์ และ ศูนย์เครือข่าย จำนวน 119 ศูนย์ ซึ่งทั้ง 3 เครือข่ายได้ร่วมกันขับเคลื่อนการเกษตรของภาคใต้อย่างต่อเนื่อง
นายอนุชา ยาอีด กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นสำคัญในการประชุมครั้งนี้ คือ การร่วมมือกันการขับเคลื่อนภาคการเกษตรของภาคใต้ เริ่มตั้งแต่ ศพก. ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ ฐานเรียนรู้ต่างๆ กรมส่งเสริมการเกษตร ได้ขับเคลื่อนให้นำเทคโนโลยี นวัตกรรม และผลงานวิจัย โดยเฉพาะจาก ศูนย์ AIC ที่มีอยู่ทุกจังหวัด และสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ได้ทำ MOU ร่วมกับมหาวิทยาลัย และหน่วยงานวิชาการต่างๆ เพื่อนำองค์ความรู้ผลวิจัยมาขยายสู่เกษตรกรผ่าน ศพก. เป็นแหล่งเรียนรู้ เมื่อมีความเหมาะสมกับพื้นที่ก็ขยายไปสู่เกษตรกรกลุ่มแปลงใหญ่
ซึ่งภาคใต้เองมีพืชหลากหลายทั้งยางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าว ไม้ผล พืชผัก ตลอดจนกิจกรรมด้านประมง ปศุสัตว์ การทำเกษตรแบบผสมผสาน เกษตรทฤษฎีใหม่ การผลิตขยายพันธุ์แหนแดงเพื่อลดต้นทุนการผลิตและเป็นฐานเรียนรู้ใน ศพก. การพัฒนา ศพก.เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร การผลิตสื่อองค์ความรู้ของ ศพก. และการส่งเสริมการผลิตพืชปลอดภัยได้มาตรฐานของสินค้า ศพก. และแปลงใหญ่
อีกทั้ง ศพก.ยังเป็นแหล่งให้ความรู้และฝึกอาชีพให้เกษตรกรในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 เพื่อสร้างรายได้และมีอาหารบริโภคในครัวเรือน นอกจากนี้มีการสรุปผลการดำเนินงานโครงการยกระดับเกษตรแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด ซึ่งเป็นโครงการสำคัญตามแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากผลกระทบของไวรัสโควิด -19 มีแปลงใหญ่ด้านพืชเข้าร่วมโครงการในระยะที่ 1 จำนวน 123 แปลง ดำเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว อยู่ในระหว่างการแนะนำและตรวจบัญชี โดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และในระยะที่ 2 มีแปลงใหญ่เสนอขอเข้าร่วมโครงการรวม 69 แปลง งบประมาณ 200 กว่าล้านบาท อยู่ในระหว่างเสนอขอรับงบประมาณไปที่สภาพัฒน์ และการประชาสัมพันธ์โครงการส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ การประกวดแปลงใหญ่ ปี 2565 และกิจกรรมของน้องๆ เกษตรกรรุ่นใหม่ที่ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และโมเดลการทำงานร่วมกัน 3 เครือข่าย มีการจัดทำฐานข้อมูลด้านการเกษตร และนำไปใช้ประโยชน์
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่และเกษตรกรต้องปรับเปลี่ยนแนวคิด วิธีการทำงาน ให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่และทันต่อบริบทของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งแนวทางในการขับเคลื่อนภาคเกษตรภายใต้หลักตลาดนำการผลิต จะให้ความสำคัญตั้งแต่การวิเคราะห์ความต้องการของตลาด ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ เพื่อเชื่อมโยงกับการวางแผนการผลิต และนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การจัดการผลผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด มีการรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร การตรวจสอบย้อนกลับ ตลอดจนส่งเสริมด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมแก่เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",18/3/2022,ภาคใต้,สงขลา,สทท.สงขลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318130458242 สำนักงานเกษตรอำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง เปิดตลาดเกษตรกรอำเภอวังวิเศษ ให้บริการทุกวันจันทร์และวันศุกร์ เพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรปลอดภัย,วันนี้( 18 มีนาคม พ.ศ. 2565) นายนิกร ชิดเชื้อ เกษตรอำเภอวังวิเศษ สำนักงานเกษตรอำเภอวังวิเศษ เยี่ยมชมตลาดเกษตรกรอำเภอวังวิเศษ ตั้งอยู่ ณ บริเวณข้างธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.สาขาเขาวิเศษ) ซึ่งภายในตลาดมีสินค้าทางการเกษตรจากเกษตรกรที่หลากหลายให้เลือกชิมเลือกช้อป ทั้งอาหารพร้อมทาน ผัก ผลไม้ขนม ต้นพันธุ์ผัก ต้นไม้สวยงาม โดยตลาดเกษตรกรกรอำเภอวังวิเศษ จะให้บริการทุกวันจันทร์และวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 06.00 - 13.00 น. ณ บริเวณ ข้าง ธกส.สาขาเขาวิเศษ หมู่ที่ 1 ตำบลเขาวิเศษ อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง
ตามที่ จังหวัดตรังได้อนุมัติโครงการและงบประมาณจากงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อใช้จ่ายในการดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 1 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง ดำเนินงานโครงการพัฒนาตลาดเกษตรกรระดับอำเภอจังหวัดตรัง ดำเนินการในพื้นที่ 10 อำเภอ
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรปลอดภัย ผลิตภัณฑ์ สินค้าแปรรูป และสินค้าหัตถกรรมที่ดีมีคุณภาพ และเพื่อพัฒนาศักยภาพและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรของเกษตรกร และเพื่อพัฒนาตลาดเกษตรกรระดับอำเภอให้เป็นแหล่งจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรหลักของเกษตรกรในพื้นที่ และรวมถึงให้ภาคเอกชนได้มีโอกาสเข้ามาร่วมมือในการจัดตลาดเกษตรกร โดยให้เกษตรกรสถาบันเกษตรกรผู้ผลิตมาจำหน่ายด้วยตนเอง มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาจำหน่ายอย่างทั่วถึง ตามสโลแกนเกษตรกรจริง ๆ ทุกสิ่งปลอดภัย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,18/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318130654243 กรมประมง ยืนยันประเทศไทยไร้ข้อกังขา การทำประมงนอกน่านน้ำของไทย ไม่กระทบพื้นที่หญ้าทะเล ในเขต SIOFA,"นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ในการประชุมสามัญประจำปีของภาคีสมาชิกองค์การ บริหารจัดการประมงในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ (Southern Indian Ocean Fisheries Agreement, SIOFA) ครั้งที่ 8 เมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งประเทศไทยได้เข้าร่วมประชุมในฐานะรัฐภาคี โดยในการประชุมดังกล่าวได้มีองค์กร The Deep Sea Conservation Coalition, DSCC ซึ่งเป็นองค์การนอกภาครัฐ (NGO) เข้าร่วมประชุมในสถานะ observer หรือ ผู้สังเกตการณ์การประชุม ได้นำเสนอเอกสารที่มีสถานะเป็น information paper ต่อที่ประชุม เรื่อง ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับ ความหลากหลายทางระบบนิเวศจากการทำประมงอวนลากในพื้นที่ Saya de Malha Bank โดยเรียกร้อง ให้ประเทศไทย หยุดทำการประมงในบริเวณพื้นที่ Saya de Malha Bank จนกว่าจะมีการประเมินสภาวะทรัพยากรและพัฒนามาตรการที่ปกป้อง ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตและชนิดสัตว์น้ำ ตลอดจนหญ้าทะเลในบริเวณดังกล่าวซึ่งในการประชุมครั้งนั้นประเทศไทยและภาคีสมาชิก SIOFA พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นข้อเสนอที่มิได้มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือรองรับ จึงไม่ได้รับมติเห็นชอบจากภาคีสมาชิก SIOFA
ทั้งนี้ จากข้อเรียกร้องของ DSCC ดังกล่าว SIOFA เห็นว่าการศึกษาผลกระทบการประมงต่อพื้นท้องทะเลเป็นเรื่องสำคัญและต้องใช้อ้างอิงในการบริหารจัดการประมงเชิงพื้นที่ จึงมีมติให้คณะกรรมการวิทยาศาสตร์ ทำการศึกษาระบบนิเวศและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำประมงอวนลากในพื้นที่ Saya de Malha Bank ตามแผนงานที่วางไว้ โดยให้ใช้ระยะเวลาการศึกษา 2 ปี และให้นำมาพิจารณาในการประชุมประจำปี SC ในเดือนมีนาคม 2565 ซึ่งในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมาภายหลังการประชุมสามัญประจำปีเมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 ดังกล่าว SC ได้ทำการศึกษาในเรื่องนี้ โดยได้ประสานงานกับกรมประมงมาเป็นระยะเพื่อขอรับข้อมูลการทำประมงของกองเรือประมงไทย เพื่อประกอบการศึกษาวิเคราะห์ตามกระบวนงานและขั้นตอนของ SIOFA ที่กำหนดไว้
นอกจากนี้ กรมประมงยังได้ประสานแจ้งและร่วมดำเนินการกับผู้ประกอบการประมงนอกน่านน้ำไทย และสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทยมาโดยตลอด โดยล่าสุด กรมประมงได้รับร่างรายงานผลกระทบจาก SIOFA ซึ่งจากการประเมินความเสี่ยงของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศที่เปราะบาง จำนวน 14 ชนิด ในพื้นที่ทำประมงอวนลากบริเวณ Saya de Malha Bank พบว่า มีความเสี่ยงในระดับต่ำ 3 ชนิด และมีความเสี่ยงในระดับปานกลาง 11 ชนิด ทั้งนี้ในรายงานระบุชัดเจนว่า การทำประมงอวนลากไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่หญ้าทะเลแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังคงให้ความร่วมมือกับ SC เพื่อศึกษาผลกระทบตามแผนงานที่วางไว้ต่อไป เพื่อให้เกิดความชัดเจนของข้อมูล และเป็นการแสดงให้ภาคีสมาชิก SIOFA เห็นถึงความมุ่งมั่นและจุดยืนของประเทศไทยในการบริหารจัดการประมงนอกน่านน้ำไทยอย่างยั่งยืนและปราศจากการทำประมงผิดกฎหมาย
",18/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318214031563 คณะกรรมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย จังหวัดสตูล หารือแนวทางแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยเกาะหลีเป๊ะ เพื่อเกิดการจัดการขยะอย่างยั่งยืน,พันจ่าเอกสาคร สิทธิศักดิ์ ท้องถิ่นจังหวัดสตูล กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย จังหวัดสตูล เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยเกาะหลีเป๊ะ เนื่องจากปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นบนเกาะหลีเป๊ะช่วงเดือนมิถุนายน กันยายนของทุกปี เป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (Low Season) ประมาณ 15 ตันต่อวัน และช่วงเดือนตุลาคม พฤษภาคมของทุกปี เป็นฤดูกาลท่องเที่ยว (High Season) ประมาณ 20 ตันต่อวัน โดยในปี 2564 ที่ผ่านมาเกิดสถานการณ์โควิด -19 ทำให้ปริมาณขยะมูลฝอยมีจำนวนลดน้อยลงมากจึงทำให้ปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยลดน้อยลง แต่ปัจจุบันเริ่มมีนักท่องเที่ยวมากขึ้นทำให้ปริมาณขยะมูลฝอยเพิ่มมากขึ้น
สำหรับการบริหารจัดการขยะมูลฝอยบนเกาะหลีเป๊ะ ในปัจจุบันทางองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะสาหร่าย (อบต.เกาะสาหร่าย) ได้จ้างเหมาบริษัทกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนเกาะหลีเป๊ะ จำกัด เป็นผู้ดำเนินการจัดเก็บ รวบรวม คัดแยก และขนส่งขยะมูลฝอยขึ้นฝั่งโดยใช้เรือบาร์จ โดยโรงคัดแยกขยะมูลฝอยของบริษัทฯ มีพื้นที่ตั้งอยู่บนเกาะหลีเป๊ะราว 6 ไร่ คัดแยกได้ร้อยละ 35-45 ของปริมาณขยะมูลฝอยทั้งหมด ในส่วนของขยะมูลฝอยที่เหลือจะนำส่งกำจัดบนฝั่งที่ศูนย์จำกัดขยะมูลฝอยแบบครบจรเทศบาลตำบลกำแพง อำเภอละงู จังหวัดสตูล ซึ่งรวมขยะอินทรีย์จำพวกเศษอาหาร (เดิมมีระบบผลิตก๊าชชีวภาพ ปัจจุบันชำรุด) เฉลี่ยวันละ 9 ตัน ช่วงปกติขนย้ายเดือนละ 2 ครั้ง ส่วนช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวขนย้ายเดือนละ 3 ครั้ง
ทั้งนี้ ได้กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ตั้งแต่การจัดการขยะจากต้นทาง ให้อบต.เกาะสาหร่าย จัดหาภาชนะเพื่อรองรับขยะที่ถูกหลักวิชาการและเพียงพอ ให้ผู้รับจ้างเพิ่มจำนวนครั้งในการจัดเก็บขยะมูลฝอยบนเกาะหลีเป๊ะ เพื่อไม่ให้มีปริมาณขยะตกค้างในแต่ละวัน และให้ออกข้อบัญญัติให้สถานประกอบการมีการคัดแยกขยะมูลฝอยออกจากขยะทั่วไป
ส่วนการจัดการขยะกลางทาง ให้ใช้รถเก็บขนขยะมูลฝอยที่ถูกหลักวิชาการ รวมถึงการขนส่งขยะมูลฝอยด้วยเรือบาร์จให้มีการปิดคลุมด้วยผ้าใบป้องกันการปลิวของขยะมูลฝอยและน้ำชะขยะมูลฝอยไหลลงสู่ทะเล อีกทั้งให้เพิ่มการขนถ่ายขยะด้วยเรือบาร์จ 3 ครั้งต่อเดือน ขณะที่การจัดการขยะปลายทาง ให้เพิ่มศักยภาพสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยของเทศบาลตำบลกำแพง ให้สามารถรองรับขยะมูลฝอยได้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ และให้เร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันให้การศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดระบบจัดการขยะมูลฝอยเกาะหลีเป๊ะครบวงจรให้แล้วเสร็จโดยเร็วด้วย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,18/3/2022,ภาคใต้,สตูล,สวท.สตูล,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318133805266 หลายหน่วยงานในแม่ฮ่องสอน ปฏิบัติการลาดตระเวนดับไฟป่า ทำแนวกันไฟ ชิงเก็บลดเผา ลดจุดความร้อน ลดฝุ่นควัน PM2.5,"หลายหน่วยงาน ร่วมปฏิบัติการลาดตระเวนดับไฟป่าที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบนยอดดอยสูง ขณะที่นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กำชับทุกหน่วยงานปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ทั้งการลาดตระเวนดับไฟป่า การทำแนวกันไฟ การชิงเก็บลดเผา เพื่อเป้าหมายลดจุดความร้อน ลดฝุ่นควัน PM2.5
ขณะที่ปริมาณจุดความร้อน ณ วันที่ 17 มีนาคม 2565 จำนวน 225 จุด ขณะที่จุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-17 มีนาคม 2565 พบจำนวน 2,281 จุด สูงสุดที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จำนวน 681 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 1,369 จุด อย่างไรก็ตาม เมื่อคำนวณจุดความร้อนสะสม ช่วงประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ยกเว้นพื้นที่ตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์-17 มีนาคม 2565 พบจำนวน 1,614 จุด สูงสุดที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จำนวน 502 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 927 จุด
ด้านคุณภาพอากาศประจำวันที่ 18 มีนาคม 2565 ค่า PM2.5 ณ สถานีตรวจวัดอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เท่ากับ 142 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เป็นค่าคุณภาพอากาศที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และสถานีตรวจวัดอำเภอแม่สะเรียง เท่ากับ 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เป็นค่าคุณภาพอากาศระดับปานกลาง
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",18/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318142301307 คณะอนุกรรมการกำกับดูแลฯ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จ.แม่ฮ่องสอน ปี 6465 งวดที่ 4 เผย ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงในครั้งนี้สูงกว่าราคาเป้าหมาย (กิโลกรัมละ 8.50 บาท),นายสืบพงษ์ นิ่มพูลสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน แจ้งประกาศคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด เรื่องการกำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2564/65 (งวดที่ 4) ดังนี้ ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงประจำวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อใช้ในการชดเชยส่วนต่างตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2564/65 (งวดที่ 4) สำหรับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับกรมส่งเสริมการเกษตร ที่มีวันเพาะปลูกตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2564 และระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม ถึงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565 สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เมล็ดความชื่นไม่เกิน 15.5 เปอร์เซ็น กิโลกรัมละ 9.72 การจ่ายเงินชดเชยส่วนต่าง เมื่อคำนวณส่วนต่างจากราคาเป้าหมายกับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงแล้ว ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงในครั้งนี้สูงกว่าราคาเป้าหมาย (กิโลกรัมละ 8.50 บาท) จึงไม่มีการจ่ายเงินส่วนต่างให้แก่เกษตรกร
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,18/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318144005325 มทบ.32 ร่วมกับภาคีเครือข่าย เยี่ยมและให้กำลังใจชุมชนจิตอาสารักษาป่า ป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน,พลตรีอโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 พร้อมด้วย นายธนารัฐ สายเทพ นายอำเภอเมืองลำปาง นางสาวดวงพร เกียรติดำรง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขลางค์บรรพต นายจิระภัทร กันธิยาใจ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าพระบาท-ม่อนพระยาแช่ ร่วมเดินทางพบปะเยี่ยมเยียนให้กำลังใจพร้อมสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 ณ บริเวณจุดสกัดไฟป่าของเหล่าจิตอาสาชุมชนบ้านใหม่พัฒนา หมู่ 13 ตำบลพิชัย อำเภอเมืองลำปาง ซึ่งอยู่ห่างชุมชนและเป็นจุดผ่านเข้าออกพื้นที่และบริเวณที่เกิดไฟป่ามากที่สุด โดยจุดสกัดนี้มีนายสมเกียรติ ยศปินตา ประธานไฟป่าชุมชนบ้านใหม่พัฒนา และจิตอาสาดับไฟป่าหมุนเวียนเฝ้ายาม ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่เป็นประจำทุกวัน นับเป็นมาตรการและได้รับความร่วมมือกับคนในชุมชนและบริเวณใกล้เคียง โดยทุกคนต่างรับทราบและปฏิบัติตามมาตรการพร้อมร่วมมือกันเป็นอย่างดี ซึ่งทำให้ปีที่ผ่านมีการลักลอบเผาป่าน้อยลง แต่ยังคงมีไฟที่เกิดขึ้นที่ต้องให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือดูแลเพื่อมิให้เกิดผลกระทบกับชุมชนและคนลำปางต่อไป
ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 และคณะ ได้มอบน้ำดื่ม และน้ำสำหรับอุปโภค-บริโภค ณ บริเวณจุดสกัด พร้อมทั้งนำแจกจ่ายตามบ้านเรือนของพี่น้องบ้านใหม่พัฒนาไว้ใช้บรรเทาความเดือดร้อน ตามโครงการราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,18/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318144231327 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ.ระยอง ร่วมกิจกรรมเก็บผักตบชวา และติดตั้งตาข่ายดักขยะในคลองสาธารณะ เนื่องในวันท้องถิ่นไทย ประจำปี 2565,"นายยุทธพล องอาจอิทธิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการคลองสวยน้ำใส ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เนื่องในวันท้องถิ่นไทย ประจำปี 2565 จัดขึ้นโดยสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดระยอง เทศบาลตำบลน้ำคอก เทศบาลตำบลเชิงเนิน และภาคเอกชนในพื้นที่ มี นายสมชาย รุ่งเรือง ท้องถิ่นจังหวัดระยอง นายธวัชชัย สุภาผล โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดระยอง หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดระยอง นายประเชิญ เห่งยี้ นายกเทศมนตรีตำบลเชิงเนิน นายณรงค์ ขาวนวล นายกเทศมนตรีตำบลน้ำคอก ผู้แทนบริษัทไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าระยอง และจิตอาสาชาวจังหวัดระยอง ร่วมโครงการฯ
ภายในงานมีกิจกรรมเก็บผักตบชวา และวัชพืช ก่อนนำผักตบชวามาทำเป็นปุ๋ยหมัก เพื่อใช้ประโยชน์ทางการเกษตร และการติดตั้งตาข่ายดักขยะเพื่อลดปริมาณขยะจากท่อระบายน้ำ ก่อนไหลลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ จัดขึ้นพร้อมกัน 4 จุด ณ บริเวณแหล่งน้ำสาธารณะในพื้นที่ อ.เมืองระยอง ประกอบด้วย คลองกะแมง หลังหมู่บ้านศุภลัย ม.3 ต.น้ำคอก ,คลองคา บริเวณหนองตาโพธิ์ ม.1 และบริเวณสะพาน ม.5 และแม่น้ำระยอง บริเวณสะพานวัดบ้านดอน ม.4 ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง
ทั้งนี้ กิจกรรมที่จัดขึ้น เนื่องในวันที่ 18 มีนาคมของทุกปี เป็นวันท้องถิ่นไทย เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระบรมราชโองการให้ยกฐานะตำบลท่าฉลอมขึ้น เป็นสุขาภิบาลท่าฉลอม เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2448 ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของการกระจายอำนาจปกครองส่วนท้องถิ่นให้แก่ประชาชนในท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง และถือเป็นการกำเนิดของการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",18/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สวท.ระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318135829287 คณะกรรมการป่าไม้แห่งชาติ มีมติเห็นชอบอนุญาตให้ภาคเอกชนเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้เพื่อการปลูกสร้างสวนป่าสร้างคาร์บอนเครดิต พร้อมเตรียมเสนอ ครม.พิจารณาการลงนามปฏิญญากลาสโกว์ฯสัปดาห์หน้า,คณะกรรมการป่าไม้แห่งชาติ มีมติเห็นชอบอนุญาตให้ภาคเอกชนเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้เพื่อการปลูกสร้างสวนป่าสร้างคาร์บอนเครดิต พร้อมเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาการลงนามปฏิญญากลาสโกว์ของผู้นำด้านป่าไม้และการใช้ประโยชน์ที่ดินสัปดาห์หน้า
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่าจากการประชุมคณะกรรมการป่าไม้แห่งชาติครั้งที่ 1 ที่มี พลเอกประวิตรวงษ์ สุวรรณรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานได้มีมติเห็นชอบการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้เพื่อการปลูกสร้างสวนป่าภาคเอกชน ถือเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกป่าเศรษฐกิจด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน ทำให้การพัฒนาของประเทศไทยก้าวไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม โดยภาคเอกชนสามารถปลูกป่าได้ทั้งป่าบกและป่าชายเลนช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าไม้และสีเขียวให้กับประเทศที่ไม่ใช่การทำ CSR อีกต่อไป แต่ยังช่วยสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ด้วย ที่สำคัญจะสร้างการจำหน่ายคาร์บอนเครดิตของไทยตามนโยบายการขับเคลื่อนบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ภายในปี 2050 และการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emission) ภายในปี 2065 ภายใต้กลไกการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต ขณะที่การลงนามปฏิญญากลาสโกว์ของผู้นำด้านป่าไม้และการใช้ประโยชน์ที่ดินของประเทศไทยอยู่ระหว่างกระบวนขั้นตอนดำเนินงาน โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสัปดาห์หน้าจากนั้นจะสามารถลงนามได้ทันที เพื่อใช้ขับเคลื่อนงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ซึ่งเป็นการแสดงถึงการมีส่วนร่วมหยุดยั้งการสูญเสียป่าไม้และความเสื่อมโทรมของที่ดิน สร้างความสมดุลระหว่างการปล่อยและการดูดกลับก๊าซเรือนกระจก และรักษาไว้ซึ่งการบริการของระบบนิเวศ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวย้ำว่า ที่ประชุมยังได้พิจารณาให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถจำหน่ายไม้ของกลางได้ตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อนำรายได้เข้ารัฐ จากเดิมที่ให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) จำหน่ายไม้ของกลางได้เพียงผู้เดียว เนื่องจากที่ผ่านมาได้เก็บไม้ของกลางไว้จำนวนมากส่งผลให้ไม้ของกลางที่มีอยู่เกิดการเสื่อมสภาพและผุพัง เพราะจำหน่ายไม้ไม่ทัน
,18/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318140054289 ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ไฟป่าและหมอกควันอำเภอเด่นชัย สนธิกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดปฏิบัติการดับไฟป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่พวก,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า วันนี้ (18 มี.ค.65) เวลา 08.30 น. ที่บริเวณทางหลวงสายเด่นชัย-ลำปาง ก่อนถึงค่ายพระยาไชยบูรณ์ นายกองโท อิสรา สุขแจ่มใส นายอำเภอเด่นชัย ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ เป็นประธานเปิดปฏิบัติการดับไฟป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่พวกหมู่ที่ 5 ตำบลเด่นชัย อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ โดยมีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหารจากกองพันทหารม้าที่ 12 กองพลทหารม้าที่ 1 ค่ายพระยาไชยบูรณ์ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปปฏิบัติการดับไฟป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่พวกหมู่ที่ 5 ตำบลเด่นชัย ซึ่งพบว่ามีการลุกไหม้ในพื้นที่เขาสูงชัน จึงต้องใช้กำลังเดินเท้าเข้าไปดับ
นายกองโท อิสรา สุขแจ่มใส นายอำเภอเด่นชัย กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าว ทางอำเภอไม่ได้นิ่งนอนใจและร่วมกับเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายได้เข้าไปทำการดับไฟป่าที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ (18 มี.ค.65) ได้จัดชุดเดินทางเข้าไปอีกและทำการสร้างแนวกันไฟป้องกันไฟลุกลามเป็นวงกว้าง ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายเป็นอย่างดี ขอบคุณผู้หวังดีที่แจ้งเหตุ ซึ่งทางราชการเข้าไปปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ จะไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,18/3/2022,ภาคเหนือ,แพร่,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318144650337 ชลประทาน 6 ยืนยัน ปีนี้อีสานน้ำมีเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคและการทำการเกษตร แต่ยังขอความร่วมมือให้เกษตรกรใช้น้ำอย่างคุ้มค่าที่สุด,ชลประทานยืนยัน ปีนี้อีสานน้ำมีเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคและการทำการเกษตร แต่ยังขอความร่วมมือให้เกษตรกรใช้น้ำอย่างคุ้มค่าที่สุด ขณะที่สำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 จัดเวทีสื่อสารสถานการณ์น้ำและการเกษตรแก่ประชาชนผ่านสื่อสมัยใหม่
ที่สำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 ขอนแก่น ดร.พรพิทักษ์ แม้นศิริ ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 เป็นประธานเปิดงานแถลงข่าว สถานการณ์น้ำและเตรียมการรับมือภัยแล้งอีสานตอนบน โดยมีผู้ร่วมแถลงข่าวประกอบด้วย นายสมปอง ฉ่ำกมล ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 6 นายดำรงฤทธิ์ หลอดคำ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 4 และนายชาญยุทธ วันดี พาณิชย์จังหวัดขอนแก่น ผ่านรูปแบบออนไลน์ ระบบซูม และออนไซต์ เพื่อสื่อสารไปยังประชาชนให้เข้าใจถึงสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูแล้งที่จะถึงและแนวทางในการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงการเพาะปลูกและราคาสินค้าเกษตร เพื่อเป็นแนวทางในการจัดการเพาะปลูกในพื้นที่ต่อไป
ทั้งนี้สำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 ได้ถ่ายทอดการแถลงข่าวผ่าน เพจ Facebook สำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 และถ่ายทอดเสียงผ่าน สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดขอนแก่น เพื่อเป็นช่องทางการสื่อสารถึงประชาชนให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยภายในห้องประชุมมีสื่อมวลชนร่วมรับฟัง นอกจากนี้ยังมีสื่อมวลชนในเขตพื้นที่ 11 จังหวัดภาคอีสานตอนบน ร่วมรับฟังผ่านโปรแกรม zoom
นายสมปอง ฉ่ำกมล ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 6 เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำปีนี้ค่อนข้างดีเนื่องจากปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ในเกณฑ์ดีทั้งอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ขนาดกลางและขนาดเล็กทำให้ปีนี้ในช่วงแล้งจะสามารถส่งน้ำให้เกษตรกรทำการเกษตรได้เต็มที่ ขณะที่พื้นที่นอกเขตชลประทาน สำนักงานชลประทานที่ 6 ยังได้เตรียมเครื่องมือเครื่องจักรเข้าช่วยเหลือได้อย่างทันที ในส่วนของน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคนั้นมั่นใจว่าไม่ขาดแคลนแน่นอน เนื่องจากการประปาส่วนภูมิภาคทั้ง 48 แห่งทั่วภาคอีสาน ยืนยันว่ามีน้ำเพียงพอในการแจกจ่ายให้ประชาชนอุปโภคโภคและบริโภค
ด้านนายดำรงฤทธิ์ หลอดคำ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 4 กล่าวเพิ่มเติมว่าถึงแม้ว่าจะมีน้ำในการทำการเกษตรจำนวนมากเพียงพอตลอดหน้าแล้งแต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องขอความร่วมมือให้เกษตรกรเพาะปลูกพืชตามความต้องการของตลาดเพื่อที่จะมีรายได้จากการเกษตรเต็มที่ เช่นหากปีนี้ราคาข้าวตกต่ำให้หันมาปลูกพืชใช้น้ำน้อยที่มีราคาสูง เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง เป็นต้น
ขณะที่ นายชาญยุทธ วันดี พาณิชย์จังหวัดขอนแก่น เปิดเผยเพิ่มเติมว่า พาณิชย์จังหวัดได้สำรวจตลาดที่จะรองรับผลผลิตการเกษตรของเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งยืนยันว่ามีหลายจุดที่รับซื้อผลผลิต โดยเฉพาะพืชฤดูแล้งโดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมไปยังตลาดโดยตรง หรือโทรศัพท์สอบถามที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดได้ในเวลาราชการ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,18/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ขอนแก่น,สวท.ขอนแก่น,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318163907453 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นกว่า 800 จุด โดยเฉพาะแม่ฮ่องสอน,"สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นกว่า 800 จุด โดยเฉพาะแม่ฮ่องสอน ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเมียนมาสูงทำสถิติใหม่กว่า 7,600 จุด ส่งผลกระทบประเทศไทยหลายพื้นที่
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (17 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 852 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 337 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 228 จุด // พื้นที่เกษตร 157 จุด // พื้นที่เขต สปก. 71 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 49 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 10 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุดอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือทั้ง 3 จังหวัด คือ แม่ฮ่องสอน 225 จุด ติดต่อกัน 7 วัน , ลำปาง 110 จุด และแพร่ 65 จุด ซึ่งสอดคล้องกับการประเมินพื้นที่เสี่ยงสูงเกิดไฟป่าล่วงหน้า 7 วัน ระหว่างวันที่ 14 - 20 มีนาคม ภาพรวมจุดความร้อนทั้งประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้นในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันตก โดยเฉพาะภาคเหนือภาค ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงเบาบางเนื่องจากเกิดฝนตกในหลายพื้นที่ ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 17 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 11,497 จุด , ภาคเหนือ 10,072 จุด และภาคกลาง 6,016 จุด ส่วนวันนี้ภาคเหนือมีคุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อยู่ในระดับปานกลางถึงเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาติดต่อกัน 19 วัน วันนี้พบสูงถึง 7,631 จุด ทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง รองลงมาเป็นประเทศไทย 852 จุด และ สปป.ลาว 393 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",18/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318150029362 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดลำพูน มุ่งแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร อย่างยั่งยืน,"ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะฯ ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการ และติดตามสถานการณ์น้ำ ณ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยจะกาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลแม่ลาน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน โดยมีนายภาษเดช หงษ์ลดารมภ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการจังหวัด นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชนชาวอำเภอแม่ลาน อำเภอลี้ ให้การต้อนรับ
ในการนี้ได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาในพื้นที่ และการบรรยายสรุป สถานการณ์น้ำ และความเป็นมาของโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยจะกาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลแม่ลาน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำต้นทุนสำหรับการเพาะปลูก ความจุ 2.67 ล้าน ลบ.ม. โดยมีพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์ 1,000 ไร่ ในเขตพื้นที่หมู่ที่ 7 ตำบลโป่งทุ่ง หมู่ที่ 3 ตำบลแม่ลาน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ใช้เพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ของประชาชน จำนวน 879 ครัวเรือน และเพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยในขอบเขตพื้นที่โครงการ ทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจให้กับราษฎรและนักท่องเที่ยว
สำหรับพื้นที่โครงการฯ ส่วนใหญ่ ที่ดินที่อยู่ในเขตก่อสร้างมีพื้นที่ทั้งหมด จำนวน 350 ไร่ เป็นพื้นที่ราษฎร จำนวน 100 ไร่ (ที่ดินมีเอกสารสิทธิ์ นส.3ก., นส.2)ปัจจุบัน อยู่ระหว่างดำเนินการ รังวัดปักหลักเขตเป็นพื้นที่ป่าถาวร ตามมติ ครม. 2484 จำนวน 250 ไร่ (พื้นที่กันออก)ขออนุญาตแล้ว เมื่อวันที่ 9 ก.ค.64 (พร้อมดำเนินการก่อสร้าง ได้ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ที่ขออนุญาตไปพลางก่อนตามมติ ครม. 28 กันยายน 2536)
จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบนโยบายการขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการ ภายใต้ภารกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แก่ส่วนราชการ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมตรวจเยี่ยม และพบปะประชาชนกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ และจะผลักดันโครงการดังกล่าวให้เกิดขึ้น ภายในปี 2565 อย่างแน่นอน พร้อมทั้งจะได้เร่งการดำเนินจัดสรรงบประมาณในการก่อสร้าง ภายในระยะเวลา 3 ปี ระหว่างปี 2566 - 2569 เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีน้ำกินน้ำใช้ และเป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรอย่างยั่งยืนต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",18/3/2022,ภาคเหนือ,ลำพูน,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318154226400 กองการบิน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำอากาศยานขนน้ำดับไฟป่าในท้องที่ตอนใต้ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน,วันนี้ 18 มีนาคม 2565 กองการบิน สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำอากาศยาน เฮลิคอปเตอร์ ทำการขนน้ำแล้วทิ้งน้ำดับไฟป่า บริเวณพื้นที่อำเภอสบเมย อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ภายหลังจากที่สถานการณ์หมอกควันและไฟป่าเพิ่มขึ้น โดยพบจุดความร้อนกระจายในทุกอำเภอ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอแม่สะเรียง และอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ด้าน นายธิติทัศน์ ฉลอม ผู้อำนวยการส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า นายมิตร อุตมะ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง นายลิขิต ไหวพรม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่สะเรียง (เตรียมการ) เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ร่วมกันบินตรวจพื้นที่ป่าตามการปฎิบัติการบินบูรณาการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันประจำปีงบประมาณ ปี 2565 ในห้วงเวลาห้ามเผานับตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นมา ในพื้นที่รับผิดชอบอุทยานแห่งชาติแม่สะเรียง (เตรียมการ) พบจุดไฟป่า จำนวน 3 จุด พร้อมกันนี้ จัดให้มีการประชุมร่วมของเจ้าหน้าที่เพื่อประเมินสถานการณ์ไฟป่า และวางแผนการจัดกำลังพลเข้าพื้นที่ในการดับไฟป่าตามพิกัดที่ได้จากการบินตรวจไฟป่า และ มอบหมายให้ชุดภาคพื้นดิน โดย เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแม่สะเรียง จำนวน 7 นาย เข้าพื้นที่เพื่อดับไฟป่าตามพิกัดที่ได้จากการบินตรวจไฟป่า ทำการดับไฟป่าแล้วเสร็จ มีพื้นที่ถูกไฟเผาไหม้ จำนวนเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ คาดว่าเป็นไฟที่เกิดมาจากพื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้านและลุกลามเข้ามาในพื้นที่ป่า ทั้งนี้ ไฟป่าเกิดขึ้นในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเป็นส่วนใหญ่ และลุกลามเข้าไปในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์
สำหรับสถานการณ์คุณภาพอากาศจังหวัดแม่ฮ่องสอนวันนี้ 18 มีนาคม 2565 โดยกรมควบคุมมลพิษ ได้รายงานคุณภาพอากาศบริเวณตำบลจองคำ อำเภอเมือง แม่ฮ่องสอน จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ตรวจ พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 มีค่า 146 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังพบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) มีค่า 156 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ พบมีการลอบเผาป่าอย่างหนักในแทบทุกอำเภอ ส่วนใหญ่เป็นป่าในเทือกเขาสูงชัน ยากต่อการดับไฟป่า ทำให้ควันพิษปกคลุมเมืองหนาทึบไม่หยุด จากการตรวจจุดความร้อน ( Hotspot ) ด้วยดาวเทียม พบว่า จุดความร้อนที่แม่ฮ่องสอน พบจำนวน 255 จุดสูงสุดที่ อำเภอแม่สะเรียง 67 จุด รองลงมา คือ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนรวม 66 จุด
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,18/3/2022,NULL,เชียงราย,สวท.เชียงราย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318153559388 อปท.ระยอง จัดกิจกรรมเก็บผักตบชวา และติดตั้งตาข่ายดักขยะในคลองสาธารณะ เนื่องในวันท้องถิ่นไทย ประจำปี 2565,นายยุทธพล องอาจอิทธิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการคลองสวยน้ำใส ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เนื่องในวันท้องถิ่นไทย ประจำปี 2565 ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดระยอง เทศบาลตำบลน้ำคอก เทศบาลตำบลเชิงเนิน และภาคเอกชนในพื้นที่ มีนายสมชาย รุ่งเรือง ท้องถิ่นจังหวัดระยอง นายธวัชชัย สุภาผล โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดระยอง นายธนโชค พงษ์ชวลิต เกษตรและสหกรณ์จังหวัดระยอง หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดระยอง นายประเชิญ เห่งยี้ นายกเทศมนตรีตำบลเชิงเนิน นายณรงค์ ขาวนวล นายกเทศมนตรีตำบลน้ำคอก และผู้บริหารบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ร่วมโครงการฯ ภายในงานมีกิจกรรมเก็บผักตบชวา และวัชพืช ติดตั้งตาข่ายดักขยะรวมทั้งการนำผักตบชวามาทำเป็นปุ๋ยหมัก เพื่อใช้ประโยชน์ โดยดำเนินกิจกรรมใน 4 จุดของแหล่งน้ำสาธารณะในพื้นที่ อ.เมืองระยอง ประกอบด้วย คลองจัด บริเวณวัดน้ำคอกเก่า ม.3 ต.น้ำคอก คลองคา บริเวณหนองตาโพธิ์ ม.1 และบริเวณสะพาน ม.5 และแม่น้ำระยอง บริเวณสะพานวัดบ้านดอน ม.4 ต.เชิงเนิน
ทั้งนี้ กิจกรรมที่จัดขึ้น เนื่องในวันที่ 18 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันท้องถิ่นไทย เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงมีต่อการปกครองท้องถิ่นไทย ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของการกระจายอำนาจปกครองส่วนท้องถิ่นให้แก่ประชาชนในท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง และถือเป็นการกำเนิดของการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยอีกด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,18/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318172225476 ผวจ.นครศรีธรรมราช นำทีมลงพื้นที่ตรวจติดตามและป้องปรามการกักตุนและฉกฉวยโอกาสขึ้นราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ อาหารสัตว์ ปุ๋ยเคมี และยาป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืชหรือโรคพืช,วันนี้ (18 มี.ค. 65) ที่บริษัทเอฟเอ็มเอส จำกัด หมู่ที่ 3 ตำบลช้างช้าย อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช นายไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจติดตาม ป้องปรามและชี้แจงขอความร่วมมือผู้ประกอบการ เพื่อป้องปรามการกักตุนและฉกฉวยโอกาสขึ้นราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ อาหารสัตว์ ปุ๋ยเคมี และยาป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืชหรือโรคพืช
โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ มีประเด็นสำคัญอยู่ 2 เรื่อง คือ ให้คำแนะนำและขอความร่วมมือห้ามกักตุนสินค้า และห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าทั้งในส่วนของวัตถุดิบอาหารสัตว์ และปุ๋ย นอกจากนั้นในการลงตรวจติดตามครั้งนี้ยังดูไปถึงเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และการดำเนินการในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ โดยในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราชจะดำเนินการใน 3 ขั้นตอน คือ การบังคับใช้กฎหมาย การป้องปราม และการขอความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ บริษัทเอฟเอ็มเอส จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตอาหารสัตว์ เจ้าหน้าที่จะดูตั้งแต่วัตถุดิบต้นทางที่เข้ามามีอะไรบ้าง นำมาจากที่ใด ต้องเอาตัวเลขรายวัน จดบันทึกและรายงานไปยังส่วนกลาง เพื่อให้เป็นภาพรวมของส่วนกลาง ว่ามีวัตถุดิบอาหารสัตว์หรือปุ๋ย ขายไปในพื้นที่ใดบ้าง ซึ่งจำเป็นจะต้องมาดูที่โรงงานเป็นลำดับแรก
นอกจากนั้น เมื่อแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ที่จะออกจำหน่าย จะต้องรู้จำนวนที่ผลิตและออกจำหน่ายที่ใดบ้าง จำหน่ายไปยังร้านค้าหรือเกษตรกรโดยตรง เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า รวมทั้งการตรวจสอบเรื่องราคาสินค้า กรณีโรงงานมีการขึ้นราคาสินค้า จะต้องดูถึงความจำเป็นและความเหมาะสม ที่สำคัญคือการไปดูที่หน้าร้านค้าต่างๆ เช่น กรณีโรงงานขึ้น 3 บาท แต่หน้าร้านฉวยโอกาสขึ้น 10-20 บาท ด้วยเหตุผลอะไร นี่คือการตรวจ การช่วยเหลือเกษตรกร
โดยรัฐบาลได้ให้นโยบายที่ชัดเจนและเอาจริงเอาจังกับเรื่องดังกล่าว ฉะนั้นกลไกที่สำคัญคือภาครัฐ หน่วยงานของรัฐบาลจะต้องจริงจัง ในการลงมาตรวจในพื้นที่เพื่อให้เป็นการเริ่มต้น ของความเข้าใจในการบูรณาการ การกักตุนสินค้าไม่ได้ดูแค่ว่าสินค้ามีจำนวนมาก ดูว่าสินค้าแจ้งไว้เข้ามาเท่าไหร่ มีจำนวนน้อยแต่ว่านำไปเก็บไว้ที่ไหนบ้าง หรือบางครั้งแจ้งเผื่อไว้ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นความผิด การขึ้นราคาสินค้านอกจากสมเหตุสมผลแล้ว มีข้ออ้างต่างๆ แล้วเจ้าหน้าที่ต้องดูว่าเป็นการฉวยโอกาส หรือซ้ำเติมเกษตรกรหรือไม่
จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องเกษตรกรว่า รัฐบาลห่วงใยและช่วยเหลือท่านอย่างจริงจัง และขอประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ประกอบการว่าโอกาสดังกล่าวเป็นโอกาสที่เราจะได้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยด้วยกัน
อุไรวรรณ/ข่าว/ภาพ จุรีรัตน์/ภาพ/18 มีนาคม 2565
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,18/3/2022,ภาคใต้,นครศรีธรรมราช,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318165554460 กลุ่มเกษตรทำสวนยางฯ ตาชี จับมือ บริษัท เอส.เค.โพลีเมอร์ ฯ ลงนาม MOU เพิ่มมูลค่ายางพาราไทย,"วันนี้ (18 มีนาคม 2565) ที่กลุ่มเกษตรกรทำสวนยางและผลิตภัณฑ์ยางตาชี ตำบลตาชี อำเภอเมืองยะลา นายภิรมย์ นิลทยา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU โครงการเพิ่มมูลค่ายางพาราไทย ระหว่างบริษัท เอส.เค.โพลีเมอร์ จำกัด จ.สมุทรสาคร ร่วมกับกลุ่มเกษตรกรทำสวนยางและผลิตภัณฑ์ยางตาชี โดยมี นายทรงวุฒิ ดำรงกูล ประธานกลุ่มเกษตรกรทำสวนยางและผลิตภัณฑ์ยางตาชี, น.ส.จรูญรัตน์ ธิรักษพันธ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอส.เค.โพลีเมอร์ จำกัด นายสุรชัย บุญวรรโณ ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศเขตภาคใต้ตอนล่าง นาย ธัชพงศ์ บัวนุช สหกรณ์จังหวัดยะลา และประชาชนในพื้นที่ ร่วมเป็นสักขีพยานในการบันทึกข้อตกลงครั้งนี้
นายทรงวุฒิ ดำรงกูล ประธานกลุ่มเกษตรกรทำสวนยางและผลิตภัณฑ์ยางตาชี กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ เพื่อดำเนินการร่วมกันส่งเสริมให้เกษตรกรมีความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต และการพัฒนาบุคลากรของสถาบันเกษตรกรอยู่ในระดับอุตสาหกรรม อีกทั้งเพิ่มมูลค่าของยางธรรมชาติ
สำหรับการทำบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ถือเป็นการร่วมมือกันระหว่างกลุ่มเกษตรกรทำสวนยางและผลิตภัณฑ์ยางตาชี และบริษัทเอส.เค.โพลีเมอร์ จำกัด ที่ได้จัดทำสัญญาการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง จำนวน 2 ผลิตภัณฑ์ด้วยกัน คือ ยางกั้นล้อรถยนต์ในที่จอดรถ และยางปะรองท่อประปา เพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศถือเป็นการประชาสัมพันธ์ให้คนต่างประเทศได้เห็นถึงฝีมือของกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ จ.ยะลา
ด้านนายสุรชัย บุญวรรโณ ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศเขตภาคใต้ตอนล่าง ในฐานะผู้บริหารสูงสุดที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่การยางแห่งประเทศไทยทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ) กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีสำหรับกลุ่มเกษตรกรทำสวนยางและผลิตภัณฑ์ยางตาชีได้จัดทำ MOU ผลิตผลิตภัณฑ์จากยางพารา กับบริษัท เอส.เค โพลีเมอร์ จำกัด เป็นการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จักในต่างประเทศโดยฝีมือกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางจากจังหวัดยะลา และเป็นการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางในพื้นที่ได้มีงานทำจากการผลิตผลิตภัณฑ์
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",18/3/2022,ภาคใต้,ยะลา,สทท.ยะลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318164523455 กลุ่มเกษตรทำสวนยางฯ ตาชี จ.ยะลา จับมือ บริษัท เอส.เค.โพลีเมอร์ จำกัด,"นายทรงวุฒิ ดำรงกูล ประธานกลุ่มเกษตรกรทำสวนยางและผลิตภัณฑ์ยางตาชี ได้ทำพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU กับบริษัท เอส.เค.โพลีเมอร์ จำกัด จ.สมุทรสาคร โดยมี นายภิรมย์ นิลทยา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานกล่าวเปิดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง
ในครั้งนี้ นายทรงวุฒิ กล่าวว่า การทำบันทึกข้อตกลงครั้งนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างกลุ่มเกษตรกรทำสวนยางและผลิตภัณฑ์ยางตาชี และบริษัทเอส.เค.โพลีเมอร์ จำกัด ที่ได้จัดทำสัญญาการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง จำนวน 2 ผลิตภัณฑ์ด้วยกัน คือ ยางกั้นล้อรถยนต์ในที่จอดรถ และยางปะรองท่อประปา การที่ได้จัดทำ MOU ในครั้งนี้เนื่องจากกลุ่มเกษตรกรทำสวนยางและผลิตภัณฑ์ยางตาชี ได้ทำการติดต่อซื้อสารเคมีที่ใช้ทำการผลิตแท่งเบริเออร์ ที่ใช้ในโครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐ และได้มีการติดต่อกันมาตลอดทำให้บริษัทเอส.เค.โพลีเมอร์ จำกัด ไว้วางใจให้กลุ่มเกษตรกรทำสวนยางและผลิตภัณฑ์ยางตาชีผลิตยางกั้นล้อรถยนต์และยางรองปะท่อประปา ให้บริษัท เอส.เค โพลีเมอร์ จำกัด เพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสดีที่ทางกลุ่มเกษตรกรทำสวนยางและผลิตภัณฑ์ยางตาชีได้จัดทำ MOU ผลิตผลิตภัณฑ์จากยางพารา และทางกลุ่มก็มีวัสดุ อุปกรณ์ครบในการผลิต ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ให้คนต่างประเทศได้เห็นถึงฝีมือของกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ จ.ยะลาอีกด้วย
ด้านนายสุรชัย บุญวรรโณ ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศเขตภาคใต้ตอนล่าง ในฐานะผู้บริหารสูงสุดที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่การยางแห่งประเทศไทยทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ) กล่าวว่า ก็เป็นที่น่ายินดีสำหรับกลุ่มเกษตรกรทำสวนยางและผลิตภัณฑ์ยางตาชีได้จัดทำ MOU ผลิตผลิตภัณฑ์จากยางพารา กับบริษัท เอส.เค โพลีเมอร์ จำกัด เป็นการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จักในต่างประเทศโดยฝีมือกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางจากจังหวัดยะลา และเป็นการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางในพื้นที่ได้มีงานทำจากการผลิตผลิตภัณฑ์
ซึ่งการยางแห่งประเทศไทยก็มีโครงการที่ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางคือ โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 3 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 อนุมัติให้ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 3 คณะทำงานได้มีการประชุมคณะกำหนดราคากลางอ้างอิง ครั้งที่ 4 เมือวันที่ 2 มีนาคม 2565 ที่ประชุมได้กำหนดราคากลางอ้างอิงการขายตามชนิดยางที่จะชดเชยโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 3 ในรอบที่ 5 หรือเงินชดเชยครั้งที่ 5 ของเดือนกุมภาพันธ์ 2565 แต่รอบนี้เกษตรกรจะไม่ได้รับเงินส่วนต่างชดเชยการประกันราคายาง รอบที่ 5 ทั้งสามชนิดไม่ว่าจะเป็น ยางแผ่นดิบ น้ำยางสด และยางก้อนถ้วย ไม่มีการชดเชยทั้ง 3 ชนิด เนื่องจากราคากลางอ้างอิงสูงกว่าราคาประกันจึงไม่มีการชดเชยของรอบที่ 5 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ แต่ยังมีรอบที่ 6 ของเดือนมีนาคม 2565 อีก 1 ครั้ง
ด้านนายสุรชัย บุญวรรโณ ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศเขตภาคใต้ตอนล่าง กล่าวเพิ่มเติมว่า การยางแห่งประเทศไทยได้อนุมัติงบประมาณโครงการพัฒนาอาชีพชาวสวนยางรายย่อยเพื่อความยั่งยืนที่ได้รับผลกระทบจากโรคใบร่วงชนิดใหม่ โดยพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ) ได้รับอนุมัติจำนวนพื้นที่รวม 19,500 ไร่ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรชาวสวนยางที่ประสบกับปัญหาโรคใบร่วงชนิดใหม่ สำหรับเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้1. เป็นเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับเกษตรกรชาวสวนยางกับการยางแห่งประเทศไทย และได้รับผลกระทบจากโรคใบร่วงชนิดใหม่2. สวนยางมีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ไม่ไม่เกิน 25 ปี มีต้นยางเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 25 ต้นต่อไร3. ต้องไม่เป็นสวนยางที่อยู่ระหว่างรับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทน4 .เป็นเกษตรกรรายย่อยที่มีเนื้อที่สวนยางที่ถือครองไม่เกิน 50 ไร่
เกษตรกรท่านใดสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการสามารถติดต่อได้ที่ การยางแห่งประเทศไทยสาขาใกล้บ้านนะครับ ก็เป็นโครงการดีๆ อีก 1 หนึ่งโครงการที่การยางแห่งประเทศไทยพยายามช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง และเพื่อเป็นแนวทางหนึ่งในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากการระบาดและประสบกับปัญหาโรคใบร่วงชนิดใหม่ ยางพาราที่ทำให้เกิดผลกระทบจากผลผลิตยางพาราตกต่ำ และเป็นการส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมใหม่ทดแทนการ ทำอาชีพสวนยาง
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",18/3/2022,ภาคใต้,ยะลา,สวท.ยะลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318173408482 จังหวัดสุรินทร์ตรวจวัดมลพิษอุตสาหกรรม ป้องกันปัญหามลพิษทางอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5),นางอิฐสราชัย ลำพา อุตสาหกรรมจังหวัดสุรินทร์ มอบหมายให้ นายธรรมชัย สุมา วิศวกรปฏิบัติการ ร่วมตรวจวัดมลพิษอุตสาหกรรม ตามแผนการตรวจสถานประกอบการโรงงานที่มีความเสี่ยงด้านมลพิษทางอากาศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในพื้นที่อำเภอปราสาท
การตรวจครั้งนี้เป็นการตรวจบูรณาการร่วมกับศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งการตรวจครั้งนี้เป็นการกำกับดูแลป้องกันปัญหามลพิษทางอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ในการนี้เจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานปฏิบัติตามกฎหมายโรงงานและที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5)
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,18/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สวท.สุรินทร์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318172302477 นครพนมเชิญชวนประชาชนสมัครเข้าร่วมโครงการโคกหนองนากับการผสมผสานความพอเพียงที่พร้อมก้าวสู่ความยั่งยืน,นางเครือวัลย์ สุจริตตานันท์ เกษตรกรบ้านตาล ตำบลนาหว้า อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า พัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม ได้เข้ามาสอบถามว่ามีใครสนใจที่จะทำโคกหนองนาบ้าง ซึ่งขั้นแรกก่อนที่จะเริ่มทำก็จะมีการเตรียมหาปุ๋ยมาบำรุงดินก่อน คือการไปหาฟางและมูลสัตว์มาทำปุ๋ยแห้ง ปุ๋ยน้ำ และน้ำหมักชีวภาพไว้ใช้ในการบำรุงดิน เจ้าหน้าที่มาขุดแปลงให้ ก็เริ่มลงมือปลูกพืชได้เลย ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำว่าควรปลูกต้นกล้วยก่อนเพราะจะทำให้พื้นที่มีความชุ่มชื้น และมีน้ำในดินสามารถเลี้ยงพืชชนิดอื่นๆได้ จากนั้นก็ปลูกตะไคร้เพื่อยึดหน้าดินร่วมกับหญ้าแฝก ซึ่งที่เราปลูกมาทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เรามีกินมีใช้และเมื่อเหลือก็จะมีขาย
นางเครือวัลย์ สุจริตตานันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ที่ขายก็จะมีพืช ประเภทต้นหอม พริก ผักบุ้ง และผักกาด โดยจะมีร้านค้ามาสั่งเป็นประจำแม้จะมีรูปลักษณ์ไม่สวยงาม แต่ทุกคนจะชอบ เพราะไม่มีพิษมีภัยต่อร่างกายเนื่องจากไม่ได้ใช้สารเคมี จะใส่เพียงปุ๋ยทั่วไปแล้วก็รดน้ำเท่านั้น ส่วนปลาที่เลี้ยงไว้ตอนนี้ยังไม่โตเต็มที่เท่าไหร่จึงยังไม่ได้ขาย ซึ่งจากการทำมา 5 - 6 เดือนพบว่าน้ำในบ่อมีไม่เพียงพอก็ได้คิดหาวิธีอื่นมาแก้ไข
โดยวางแผนว่าจะเจาะน้ำบาดาลเพิ่มเติมจากนั้นจะใช้เครื่องสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์มาช่วย แต่อาจารย์ที่ปรึกษาได้ให้ข้อมูลว่า ปีที่ 2 บ่อจะเก็บกักน้ำได้ดีขึ้น จึงได้ชะลอแผนตัวนี้ไปก่อนเพื่อรอดูว่าปีถัดไปน้ำจะมากน้อยขนาดไหน ดังนั้นในตอนนี้การปลูกพืชจึงมีการปรับเปลี่ยนตามไปด้วย เช่น พื้นที่บางส่วนเคยมีเห็ดเกิดขึ้นมาก็จะมีการหาวิธีปรับปรุงบำรุงดินให้เหมาะสมเพื่อให้เห็ดเกิดมากขึ้น จะได้เป็นอีกหนึ่งช่องทางของแหล่งอาหาร นอกจากนี้ ก็มีการหาพืชชนิดอื่นๆ มาปลูกเพิ่มเติมเพราะถือเป็นช่วงแรกที่เราเริ่มทำโคกหนองนา เริ่มบำรุงดิน
ซึ่งเป้าหมายที่วางไว้คือจะปลูกผสมผสานกันทุกอย่างที่เป็นพืช 5 ชนิด สูง เตี้ย เรี่ยดิน และใต้ดิน รวมถึงเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่เพิ่มด้วย เพราะเราจะต้องอยู่ตรงนี้ไปอีกนาน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เช่น โรคภัยไข้เจ็บไปไหนมาไหนไม่ได้เราก็จะมีอยู่มีกินอย่างพอเพียงตอนนี้คนที่ผ่านไปผ่านมาเห็นแปลงโคกหนองนา ก็มีการเข้ามาสอบถามและขอดูอยู่เรื่อย ๆ เราก็เชิญให้เข้ามาดูมาชมและเรียนรู้ สิ่งไหนที่เป็นความรู้ที่ให้ได้เราก็พร้อมถ่ายทอดต่อ รวมถึงแนะนำช่องทางการติดต่อเพิ่มเติมอื่นๆ ให้ด้วย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,18/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครพนม,สวท.นครพนม,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318175558494 ชาวนา ?อ.ชุมพวง? จังหวัดนครราชสีมา ?เปลี่ยนนาปลูกพืชผัก?สวนครัว?โกยเงินแสนช่วงหน้าแล้ง,"นายโกวิทย์ เพียรแก้ว เกษตรอำเภอชุมพวง พร้อมด้วยนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรประจำตำบลชุมพวง ได้ออกสำรวจและเยี่ยมเยียนเกษตรกรผู้ปลูกพืชฤดูแล้ง จำนวน 2 ราย ในพื้นที่ หมู่บ้านชุมพวงธารทอง หมู่ที่ 14 ตำบลชุมพวง อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ นายพีระ หมายดี และนางนิว กายตะคุ ซึ่งเป็นเกษตรกรที่ปรับเปลี่ยนพื้นที่นามาปลูกพืชฤดูแล้งเพื่อสร้างรายได้?
โดยนายพีระ หมายดี ปรับเปลี่ยนพื้นที่นามาปลูกมะระจีน จำนวน 3 ไร่ เก็บขาย 2-3 วัน/ครั้ง ครั้งละ 500 กิโลกรัม ขายได้ราคากิโลกรัมละ 20 บาท เป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท/การเก็บเกี่ยว?1?ครั้ง โดยส่งขายที่ตลาดสุระนคร จังหวัดนครราชสีมาและตลาดไท กรุงเทพมหานครส่วนนางนิว กายตะคุ มีพื้นที่จำนวน 11 ไร่ อยู่ติดกับพื้นที่นายพีระ หมายดี ปลูกแคตาลูป ถั่วฝักยาว แตงกวา บวบเหลี่ยม โดยปลูกแคนตาลูป จำนวน 2 ไร่ จำหน่าย ราคากิโลกรัมละ 35 บาท รวมจำหน่ายทั้งแปลงได้มีรายได้ประมาณ จำนวน 97,000 ต่อรอบการปลูก ปลูกถั่วฝักยาวพื้นที่ 1 ไร่ ขายในราคากิโลกรัมละ 25 บาท เก็บขายวันละ 100 กิโลกรัม รายได้จากการขายถั่วฝักยาววันละประมาณ 2,500 บาท ปลูกบวบเหลี่ยม ในพื้นที่รวมกับถั่วฝักยาว เก็บจำหน่าย วันละ 70 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 20 บาท เป็นเงินจำนวน 1,400 บาท
นายโกวิทย์? เพียรแก้ว? เกษตรอำเภอชุมพวง? จ.นครราชสีมา? กล่าวว่า? เกษตรกรทั้ง?2? ราย? ถือเป็นต้นแบบ? ให้เกษตรกรรรายอื่น? ในการแบ่งพื้นทีานาบางส่วน? เป็นพื้นที่ปลูกพืชหน้าแล้ง? หลังจากการเก็บเกี่ยวข้าว?นาปี? ? ซึ่งเกษตรทั้ง? 2? ราย? ได้ทำการเปลี่ยนพื้นที่นาปลูกพืชหน้าแล้ง? มาประมาณ? 2?ปี? เพื่อสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวแทนการทำนาซึ่งเป็นอาชีพหลักของเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืชตระกูลแตง ตระกูลถั่ว พืชไม้เลื้อย และพืชอายุสั้นที่สามารถให้ผลผลิตได้ไวทันต่อการออกจำหน่ายสู่ตลาด
โดยเฉพาะพืชผักสวนครัว ที่สามารถสร้างรายได้เสริมในช่วงฤดูแล้ง ได้ดีทั้งยังลงทุนน้อยให้ผลผลิตไวมีรายได้หมุนเวียนชัดเจน และยังสามารถบรรเทาค่าใช้จ่ายในครอบครัว จากการยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในการปลูกกินเหลือขายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",18/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318184437504 สุพรรณบุรีเปิดการปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง สูบน้ำ ผันน้ำ ทอยน้ำ ผ่านคลองผ่าโลก สานฝันอาชีพเกษตรกร,"วันนี้ (18 มี.ค.65) ที่สระน้ำสาธารณะบ้านหนองสานแตร หมู่ที่ 12 ตำบลทะเลบก อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดการปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง สูบน้ำ ผันน้ำ ทอยน้ำ ผ่านคลองผ่าโลก สานฝันอาชีพเกษตรกร โดยมี นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการองค์การบริหารส่วนตำบลทะเลบก กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนชาวตำบลทะเลบก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ได้กล่าวว่า พื้นที่ตำบลทะเลบก อำเภอดอนเจดีย์ เป็นพื้นที่อาศัยน้ำฝนเป็นหลักและอยู่นอกเขตชลประทาน ประสบปัญหาแล้งซ้ำซากเป็นประจำทุกปี ปัจจุบันน้ำในบ่อน้ำสาธารณะต่างๆ มีปริมาณลดน้อยลง ทำให้ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภค บริโภค น้ำเพื่อการเกษตร และน้ำเพื่อการปศุสัตว์ ในปีนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนกระเสียวมีปริมาณน้ำเต็มปริมาณความจุของเขื่อน
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายประภัตร โพธสุธน) ได้ประสานงานกับคณะกรรมการ JMC และ กรมชลประทาน เพื่อพิจารณาจัดสรรน้ำให้สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าด่านช้างของกรมชลประทาน เพื่อสูบน้ำช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้งในพื้นที่อำเภอหนองหญ้าไซ และอำเภอดอนเจดีย์ โดยเฉพาะพื้นที่ตำบลทะเลบก ที่ประสบปัญหาแล้งซ้ำซากเป็นประจำทุกปี เพื่อช่วยบรรเทาและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข และสานฝันให้เกษตรกร ที่รอคอยวันนี้มาเป็นระยะเวลา 10 ปี
นายธีรยุทธ์ จันทร์ดิษฐวงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 2 สุพรรณบุรี กล่าวว่า ศูนย์ ปภ.เขต 2 สุพรรณบุรี ได้สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยในการปฏิบัติงานขุดลอกเปิดทางน้ำคลองผ่าโลก เป็นระยะทาง 22 กิโลเมตร นับจากสถานีสูบน้ำแจงงาม อ.หนองหญ้าไซ ถึงแยกหนองสานแตร ต.ทะเลบก อ.ดอนเจดีย์ โดยเมื่อมีการปล่อยน้ำจากเขื่อนกระเสียว อ.ด่านช้าง มวลน้ำจะใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมงในการเดินทางมาถึงแยกหนองสานแตร จากนั้นจะไหลเข้าสู่สระน้ำสาธารณะในพื้นที่ ต.ทะเลบก และ ต.สระกระโจม รวม 13 จุด ซึ่งรองรับปริมาตรน้ำได้รวม 752,800 ลบ.ม.
ด้านนายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จะมีการผันน้ำจากเขื่อนกระเสียวผ่านคลองผ่าโลกมาถึง ต.ทะเลบก อ.ดอนเจดีย์ เป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรใช้ปลูกพืช เช่น ฟักทอง พริก แฟง เป็นต้น และทำปศุสัตว์ เลี้ยงเป็ด ไก่ แพะ แกะ โดยขอความร่วมมืองดทำนา เนื่องจากต้องใช้น้ำจำนวนมาก
โอกาสนี้ นายประภัตร โพธสุธน ได้กล่าวขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินโครงการครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วง ก่อนจะกดปุ่มปล่อยน้ำที่สูบจากคลองผ่าโลกเข้าสู่สระหลวงหนองสานแตร เพื่อเป็นการเปิดการปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง สูบน้ำ ผันน้ำ ทอยน้ำ ผ่านคลองผ่าโลก สานฝันอาชีพเกษตรกร ในครั้งนี้
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",18/3/2022,ภาคตะวันตก,กาญจนบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุพรรณบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318193320518 สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 ตรวจสอบหาแหล่งที่มาของน้ำเสียที่ส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำสาธารณะ จังหวัดนครราชสีมา,"นายบัญชา ขุนสูงเนิน ผู้อำนวยการส่วนควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 (นครราชสีมา)ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อหาแหล่งที่มาหรือจุดระบายน้ำทิ้งจากแหล่งกำเนิดมลพิษที่ระบายลงสู่คลองโกรกกระสังข์ ตำบลหนองสรวง อำเภอขามทะเลสอ จังหวัดนครราชสีมา ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร
ผลการตรวจสอบพบจุดลักลอบระบายน้ำเสียออกจากโรงงานอุตสาหกรรม และลานตากมันสำปะหลัง จำนวน 3 จุด แต่ได้มีการถมดินปิดกั้นทางระบายบริเวณที่จะไหลลงสู่คลองโกรกกระสังข์แล้ว ตรวจวัดคุณภาพน้ำภาคสนามของน้ำทิ้งที่ระบายออกจากลานตากมันสำปะหลังจำนวน 2 แห่ง ขณะที่มีฝนตก พบว่ามีค่าของแข็งละลายในน้ำทั้งหมด (TDS) เท่ากับ 1,020 และ 1,409 มิลลิกรัม/ลิตร และน้ำทิ้งในทางระบายน้ำใกล้กับบ่อบำบัดน้ำเสียของโรงงานผลิตก๊าซชีวภาพ มีค่าของแข็งละลายในน้ำทั้งหมด (TDS) เท่ากับ 1,918 มิลลิกรัม/ลิตร
ทั้งนี้ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 (นครราชสีมา) จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายกับแหล่งกำเนิดมลพิษที่ลักลอบระบายน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะดังกล่าว ต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",18/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318202554545 เกษตรพังงา จัดอบรมหลักสูตรพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ให้เป็น Young Smart Farmer,นายประคอง อุสาห์มัน เกษตรจังหวัดพังงา มอบหมายให้กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร สำนักงานเกษตรจังหวัดพังงา จัดอบรมหลักสูตรพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ให้เป็น Young Smart Farmer ประจำปี พ.ศ. 2565 เวทีที่ 2 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ณ โรงยิมศูนย์ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพังงา อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา แปลงเรียนรู้การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ศพก.เครือข่าย อำเภอทับปุด จังหวัดพังงาและเครือข่ายศูนย์บ่มเพาะอำเภอทับปุด (สวนไผ่บุตรนาคและโรงสีปู่เจ้า) ตำบลทับปุด อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา เป้าหมายประกอบด้วย
- เกษตรกรรุ่นใหม่ที่คัดเลือกจากอำเภอต่าง ๆ ในปี 2565 จำนวน 41 ราย
- เจ้าหน้าที่จากอำเภอและผู้ดำเนินงานโครงการ จำนวน 10 ราย
รวมทั้งสิ้น จำนวน 51 ราย
ในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสัญจรศึกษาดูงานร่วมกันของเกษตรกรรุ่นใหม่ เชื่อมโยงเครือข่ายระดับจังหวัด และให้เกษตรกรรุ่นใหม่วางแผนอนาคต สรุปและประเมินผลการเรียนรู้ พร้อมทั้งประเมินคุณสมบัติของ Young Smart Farmer โดยการประเมินตนเองหลังการเรียนรู้
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,18/3/2022,ภาคใต้,พังงา,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพังงา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220318221759569 ปศุสัตว์ลำปาง เตือนภัยโรคระบาดสัตว์จากแมลงพาหะในช่วงฤดูร้อนและอากาศแปรปรวน,"นายศร ธีปฏิมากร ปศุสัตว์จังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน ประกอบกับมีสภาพอากาศที่แปรปรวน เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกรรโชกแรง และมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ อาจส่งผลทำให้สัตว์เกิดความเครียด อ่อนแอ และมีโอกาสติดเชื้อต่าง ๆ ได้ง่าย
อีกทั้ง ลักษณะภูมิอากาศดังกล่าว ยังมีความเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของแมลงพาหะนำโรค จึงมีโอกาสที่จะพบการระบาดของโรคที่มาจากแมลงพาหะเพิ่มขึ้น และเกิดการแพร่กระจายของโรคไปในวงกว้างได้ โดยโรคที่มักจะเกิด ได้แก่ โรค ""ลัมปี สกิน"" ในโค-กระบือ โรคกาฬ โรคแอฟริกา และโรคโลหิตจาง ในม้า รวมถึงโรคพยาธิในเลือดต่าง ๆ เช่น โรคเซอร่า โรคแอนาพลาสมา โรคไข้เห็บ เป็นต้น ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ หรือเจ้าของสัตว์อย่างมากได้
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรค และป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ผู้เลี้ยงสัตว์ กรมปศุสัตว์จึงขอความร่วมมือเกษตรกรหรือเจ้าของสัตว์ในการดำเนินการป้องกัน ควบคุม กำจัด หรือลดปริมาณแมลงพาหะนำโรค โดยการใช้สารกำจัดแมลงพาหะด้วยวิธีการฉีดพ่นบริเวณคอก หรือสถานที่พักอาศัยของสัตว์ ร่วมกับการใช้ยาฉีดพ่น หรือราดหลัง หรือหยดบนตัวสัตว์อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งการปรับภูมิทัศน์บริเวณสถานที่เลี้ยงสัตว์ หรือแหล่งรวมสัตว์ ไม่ให้มีแหล่งน้ำขัง หรือแหล่งเพาะพันธุ์แมลง ทำความสะอาดฆ่าเชื้อคอกสัตว์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ให้มีอุจจาระ ปัสสาวะ หมักหมม ควรเก็บอุจจาระไว้ในสถานที่ป้องกันแมลง และนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี
รวมทั้งเฝ้าระวังและสังเกตอาการของสัตว์ทุกวัน ซึ่งหากพบสัตว์ป่วยตายผิดปกติ หรือแสดงอาการป่วย เช่น ม้า ลา ล่อ แสดงอาการ ซึม มีไข้ (อุณหภูมิมากกว่า 38.5 องศาเซลเซียส) กินอาหารลดลง มีอาการบวมน้ำบริเวณขมับ หรือคอ ตาแดงอักเสบ ชัก หรือกระวนกระวายคล้ายอาการเสียดท้อง ส่วนในโค-กระบือ หากพบสัตว์แสดงอาการซึม มีไข้ (อุณหภูมิมากกว่า 39.5 องศาเซลเซียส) ไม่กินอาหาร มีตุ่มนูนตามผิวหนัง หายใจลำบาก ให้เกษตรกร หรือเจ้าของสัตว์ แจ้งเจ้าหน้ากรมปศุสัตว์ได้ที่ สำนักงานปศุสัตว์อำเภอ หรือสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดในพื้นที่ หากไม่สะดวกสามารถโทรแจ้งมายังสายด่วนกรมปศุสัตว์ 06-3225-6888 หรือแจ้งผ่าน Application DLD 4.0 ได้ตลอดเวลา เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้เข้าทำการตรวจสอบ ให้การช่วยเหลือและควบคุมโรคโดยทันที และหากพบสัตว์ป่วยที่แสดงอาการสงสัยด้วยโรคระบาดข้างต้น ห้ามทำการเคลื่อนย้ายสัตว์ออกจากฟาร์มโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไปยังท้องที่อื่น ๆ
นอกจากนี้ ควรจะเข้มงวดเกี่ยวกับการห้ามยานพาหนะ โดยเฉพาะรถรับซื้อสัตว์ รถอาหารสัตว์ รถรับซื้อมูลสัตว์ เข้าภายในฟาร์มโดยเด็ดขาด หากจำเป็น ต้องทำการฆ่าเชื้อยานพาหนะจากภายนอกทุกคันที่เข้า-ออกฟาร์ม หรือสถานที่เลี้ยงสัตว์ รวมถึงควบคุมแมลงพาหะด้วยสารกำจัดแมลงที่อาจมากับยานพาหนะดังกล่าวด้วย และงดการนำสัตว์เข้ามาเลี้ยงใหม่จากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลสถานการณ์ของโรคเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดหรือสำนักงานปศุสัตว์อำเภอในพื้นที่
ทั้งนี้ หากกรณีเกษตรกรนำสัตว์เข้ามาเลี้ยงใหม่ ควรมีการกักแยกสัตว์ออกจากฝูงเพื่อสังเกตอาการอย่างน้อย 28 วัน พร้อมทั้งกางมุ้งกันแมลงหรือใช้สารกำจัดแมลงเพื่อควบคุมแมลงพาหะอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำให้เกษตรกร หรือเจ้าของสัตว์ดูแลสัตว์ของตนเอง โดยการให้น้ำและอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพให้พอเพียงกับสัตว์ เพื่อให้สัตว์มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันต่อโรคต่าง ๆ ที่ดี รวมทั้งหมั่นสังเกตอาการของสัตว์อย่างสม่ำเสมอ ป้องกันสัตว์ของตนเองไม่ให้สัมผัสกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะนำโรคเข้าฟาร์ม ได้แก่ คน ยานพาหนะต่าง ๆ สัตว์ที่นำเข้ามาเลี้ยงใหม่ เป็นต้น และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในการป้องกันและควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด
",19/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220319081824593 วราวุธ กำชับคุมเข้ม-เฝ้าระวังพร้อมยกระดับการแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือเป็นพิเศษ โดยเฉพาะช่วงมี.ค.-เม.ย.นี้,รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำชับคุมเข้ม-เฝ้าระวังพร้อมยกระดับการแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือเป็นพิเศษ โดยเฉพาะช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนนี้
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงพื้นที่ติดตามการเตรียมความพร้อมแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM 2.5 ปีนี้ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ บริเวณศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน (ส่วนหน้า) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เน้นแก้ปัญหาอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบให้ประชาชนด้วยการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องผ่านกลไกคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง และแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2565 1 สื่อสาร 5 ป้องกัน 3 เผชิญเหตุ โดยเฉพาะช่วงเดือนมีนาคม - เมษายนนี้ขอให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยยกระดับการทำงานเฝ้าระวัง ป้องกัน แก้ปัญหาและควบคุมไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง พร้อมให้ใช้บทเรียนที่ผ่านมาเป็นองค์ความรู้กำหนดแผนงานและการปฏิบัติการเพื่อเกิดผลสำเร็จนำไปสู่การป้องกันและแก้ปัญหาไฟป่าหมอกควันอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ขอให้ศูนย์ปฏิบัติการฯกำกับการวางกลยุทธ์การป้องกัน ควบคุม และดับไฟป่า พร้อมเคลื่อนย้ายกำลังพลสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติงานอย่างสูงสุด โดยเฉพาะการเกิดจุดความร้อน (Hotspot) และการพยากรณ์ปัญหาฝุ่นละอองล่วงหน้า ควบคู่กับให้ ทสจ. ประสานผู้ว่าราชการจังหวัด หรือ ปภ. จังหวัด ประกาศระดับจังหวัดช่วงห้ามเผา หรืองดเว้นการเผาป่า เผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เผาขยะ และเผาวัชพืชข้างทาง หรือการเผาในพื้นที่โล่ง พร้อมบทลงโทษตามกฎหมาย แล้วขอความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่และทำความเข้าใจกับเครือข่ายและประชาชนทุกช่องทาง โดยเฉพาะกลุ่มคนเผาป่าให้เกิดจิตสำนึก มีความเข้าใจ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเข้ามามีส่วนร่วมเฝ้าระวัง สอดส่องดูแลและแจ้งจับผู้กระทำผิดกฎหมาย
สำหรับปัญหาหมอกควันข้ามแดนได้ให้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ประสานประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิดดำเนินการตามข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน โดยเฉพาะการบรรจุเป้าหมายลดจุดความร้อน (Hotspot) ในอาเซียนร้อยละ 20 พร้อมให้ชี้แจงและขอความร่วมมือเรื่องหมอกควันข้ามแดนในเวทีการประชุมต่างๆด้วย ส่วน ทสจ. ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในประเทศเพื่อนบ้าน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงสถานการณ์จุดความร้อนในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือตั้งแต่เดือนมกราคมถึงวันที่ 14 มีนาคมว่า พบจุดความร้อน (Hotspot) ลดลงร้อยละ 71 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เมื่อแยกจุดความร้อนตามการใช้ประโยชน์ที่ดินพบ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบนเกิดจุดความร้อนในพื้นที่ป่าเป็นส่วนใหญ่ร้อยละ 86 ส่วน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่างเกิดจุดความร้อนในพื้นที่เกษตรเป็นส่วนใหญ่ร้อยละ 59 ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบจุดความร้อนสะสมในอนุภูมิภาคแม่โขง 5 ประเทศ คือ เมียนมา กัมพูชา ไทย สปป.ลาว และเวียดนาม กลับพบว่าประเทศไทยมีจำนวนจุดความร้อนลดลงมากที่สุด ส่วนสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 จากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) พบค่าเฉลี่ยฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือลดลงร้อยละ 38 และจำนวนวันที่มีค่า PM 2.5 เกินมาตรฐาน ลดลงร้อยละ 46 ด้วย
,19/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220319093804604 กอนช. ขอให้ประชาชนทั่วประเทศระวังเกิดฝนตกหนักและบางพื้นที่มีลมกระโชกแรง พร้อมเร่งบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ท่าจีน และแม่กลอง,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนทั่วประเทศระวังเกิดฝนตกหนักและบางพื้นที่มีลมกระโชกแรง พร้อมเร่งบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ท่าจีน และแม่กลอง
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (19 มี.ค.65) ว่า ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรง ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักมากบริเวณ จ.ชลบุรี 137 มิลลิเมตร , สุรินทร์ 120 มิลลิเมตร และเพชรบุรี 115 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 28,436 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 49 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 22,515 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 49 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ยังได้ติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ท่าจีน และแม่กลอง โดยกรมชลประทานได้ปรับแผนการระบายน้ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ คือ เขื่อนภูมิพล ช่วงวันที่ 14 - 20 มีนาคมปรับลดการระบายน้ำจากอัตราวันละ 15.72 ล้านลูกบาศก์เมตร เหลืออัตราวันละ 14 ล้านลูกบาศก์เมตร , เขื่อนสิริกิติ์ ทดยกระดับน้ำเหนือเขื่อนนเรศวรเตรียมส่งน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งบางระกำ ช่วงวันที่ 18 - 20 มีนาคม ปรับเพิ่มการระบายน้ำจากอัตราเฉลี่ยวันละ 5.5 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นอัตราวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร , เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ช่วงวันที่ 14 - 20 มีนาคม ปรับเพิ่มการระบายน้ำในอัตราเฉลี่ยวันละ 3.02 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นอัตราเฉลี่ยวันละ 4.32 ล้านลูกบาศก์เมตร , เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ช่วงวันที่ 14 - 20 มีนาคม ปรับเพิ่มการระบายน้ำจากอัตราเฉลี่ยวันละ 3.87 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นอัตราวันละ 4.32 ล้านลูกบาศก์เมตร
ขณะที่ ลุ่มน้ำท่าจีน ควบคุมการรับน้ำเข้าพื้นที่ ช่วงวันที่ 16 - 20 มีนาคม รับน้ำเข้าคลองจรเข้สามพันในอัตรา 350 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยลำเลียงน้ำลงสู่แม่น้ำท่าจีนผ่านประตูระบายน้ำสองพี่น้องในอัตราไม่ต่ำกว่า 50 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และรับน้ำคลองท่าสารในอัตรา 50 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลำเลียงน้ำลงสู่แม่น้ำท่าจีนผ่านประตูระบายน้ำบางปลา ในอัตราไม่ต่ำกว่า 45 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และเปิดรับน้ำผ่านคลองพระยาบรรลือ อัตราไม่ต่ำกว่า 30 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลำเลียงน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยสูบน้ำหรือเปิดระบายน้ำที่สถานีสิงหนาท 2 ในอัตราไม่ต่ำกว่า 12 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แล้วปรับเพิ่มในอัตราไม่ต่ำกว่า 17 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีมาตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม ด้าน ลุ่มน้ำแม่กลอง แผนการระบายน้ำเขื่อนท่าทุ่งนาและเขื่อนวชิราลงกรณ ช่วงวันที่ 14 - 20 มีนาคม ระบายน้ำในอัตรารวมวันละ 521 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
",19/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220319100345605 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือสูงในระดับสีแดงในแม่ฮ่องสอนกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร 2 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง และต.แม่คง อ.แม่สะเรียง,ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือสูงในระดับสีแดงในจังหวัดแม่ฮ่องสอนกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร 2 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง และต.แม่คง อ.แม่สะเรียง ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีทุกพื้นที่
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (19 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีมากถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นหลายพื้นที่ปรับตัวสูงขึ้นเกินเกณฑ์มาตรฐานระดับสีแดงกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร 2 พื้นที่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน คือ ต.จองคำ อ.เมือง และ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง ซึ่งต้องเฝ้าระวังจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นพิเศษ หากมีแหล่งกำเนิดในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงจะมีโอกาสที่ค่าฝุ่นละอองสูงขึ้นถึงวันที่ 21 มีนาคม ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 23 - 26 มีนาคม
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงดี โดยค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัด ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 20 - 26 มีนาคม
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
,19/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220319102348606 ค่าฝุ่นภาคเหนือตอนบนเกินมาตรฐาน แนะผู้ปกครองในพื้นที่ประสบปัญหาช่วงปิดเทอม ดูแลเด็กเลี่ยงทำกิจกรรมกลางแจ้ง,"นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ ยังคงพบเกินมาตรฐานในจังหวัดภาคเหนือตอนบนอย่างต่อเนื่องใน 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา และตาก เนื่องจากสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ รวมทั้งการเผาป่าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลจองคำ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่มีค่าฝุ่นสูงสุดที่ 140 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มีจำนวนวันที่ค่าฝุ่นอยู่เกินมาตรฐานสูงสุด 19 วัน และมีค่าฝุ่นอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) สูงถึง 11 วัน อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะเด็กที่เป็นกลุ่มเปราะบาง โดยองค์การอนามัยโลกประมาณการณ์ว่า เด็กอายุ 05 ปี ทั่วโลก เสียชีวิตปีละกว่า 570,000 คน เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันและปอดยังพัฒนาไม่เต็มที่ อีกทั้งเด็กจะมีอัตราการหายใจมากกว่าผู้ใหญ่ และมักเล่นอยู่กลางแจ้ง หากอยู่ใกล้แหล่งกำเนิด PM2.5 อาจก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงกระทบต่อพัฒนาการของเด็ก ซี่งการเจ็บป่วยตั้งแต่วัยเด็ก ส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยแบบเรื้อรังตลอดในช่วงวัยผู้ใหญ่ได้
จากฐานข้อมูลเฝ้าระวังโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ (HDC) ของกระทรวงสาธารณสุขในปี 2564 มีรายงานจำนวนเด็กอายุ 0-9 ปี ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ 27,550 ราย ช่วงนี้เด็กปิดเทอม จึงขอพ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรตรวจสภาพอากาศทุกวันหากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกินมาตรฐานควรเปลี่ยนให้เด็กทำกิจกรรมในบ้านแทน ลดการออกนอกอาคาร สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น ปิดประตูหน้าต่าง กินอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ หากเด็กมีอาการผิดปกติ เช่น ระคายเคืองผิวหนัง แสบตา แสบจมูก น้ำมูกไหล ไอ คอแห้ง เจ็บคอ หายใจลำบาก อึดอัดแน่นหน้าอก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ และอาเจียน ให้รีบพาไปพบแพทย์ ทั้งนี้ กรมอนามัยได้จัดทำชุดข้อมูลความรู้ในการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพสำหรับเด็กเล็ก ดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์กรมอนามัย
",19/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220319114708637 "จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลงเหลือ 400 จุด โดยพบสูงสุดแม่ฮ่องสอน ส่วนจุดความร้อนจากเมียนมายังสูงกว่า 5,500 จุด ส่งผลกระทบไทยหลายพื้นที่","
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลงเหลือ 400 จุด โดยพบสูงสุดในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเมียนมายังสูงกว่า 5,500 จุด ส่งผลกระทบประเทศไทยหลายพื้นที่
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (18 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 470 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 204 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 142 จุด // พื้นที่เกษตร 61 จุด // พื้นที่เขต สปก. 31 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 29 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 3 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุดอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือทั้ง 3 จังหวัด คือ แม่ฮ่องสอน 234 จุดติดต่อกัน 8 วัน , แพร่ 36 จุด และลำปาง 29 จุด ซึ่งสอดคล้องกับการประเมินพื้นที่เสี่ยงสูงเกิดไฟป่าล่วงหน้า 7 วัน ช่วงวันที่ 14 - 20 มีนาคม โดยจุดความร้อนมีจำนวนลดลงในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากเกิดฝนตกจากพายุฝนฟ้าคะนอง แต่พื้นที่ภาคเหนือยังพบจุดความร้อนกระจายตัวอยู่มากวันนี้พบ 336 จุด ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 18 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 11,571 จุด , ภาคเหนือ 10,408 จุด และภาคกลาง 6,058 จุด ส่วนวันนี้ทางตอนบนของพื้นที่ภาคเหนือค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ยังอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนจังหวัดอื่นๆโดยรวมอยู่ในระดับดีถึงดีมาก สามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือการท่องเที่ยวได้ตามปกติ
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาติดต่อกัน 20 วันวันนี้พบสูง 5,578 จุด รองลงมาเป็นประเทศไทย 470 จุด และเวียดนาม 330 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมาส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",19/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220319103829609 ขนส่งมุกดาหาร ชวนประชาชนนำรถไปตรวจวัดค่าควันดำ ช่วยลดฝุ่นละออง PM 2.5,ขนส่งจังหวัดมุกดาหาร ชวนประชาชนนำรถยนต์ไปตรวจสอบวัดค่าควันดำรถให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ช่วยลดฝุ่นละออง PM 2.5
นางสาวณิราวรรณ ปัญสุทธิ์ ขนส่งจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ประกาศกำหนดมาตรฐานค่าวัดควันดำของรถยนต์ โดยปรับเกณฑ์เมื่อตรวจวัดค่าควันดำของรถด้วยเครื่องวัดควันดำระบบกระดาษกรองจากเดิมสูงสุดไม่เกินร้อยละ 50 เป็นไม่เกินร้อยละ 40 และตรวจวัดค่าควันดำด้วยเครื่องวัดควันดำระบบความทึบแสงจากเดิมสูงสุดไม่เกินร้อยละ 45 เป็นไม่เกินร้อยละ 30 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 13 เมษายน 2565 เป็นต้นไป
ขนส่งจังหวัดมุกดาหาร กล่าวด้วยว่า รถที่เสี่ยงมีค่าควันดำเกินมาตรฐาน สังเกตรถเริ่มมีคราบเขม่าควันดำบริเวณท้ายรถ รถที่มีการใช้งานหนักหรือรถเก่าที่ไม่ได้ดูแล หรือสังเกตจากการเร่งเครื่องแล้วมีควันดำออกมา จึงขอเชิญชวนประชาชนผู้ใช้รถ ร่วมรณรงค์ลดฝุ่นละออง PM 2.5 ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และปลอดภัยแก่สุขภาพ โดยสามารถนำรถเข้ารับการตรวจสภาพได้ที่ สำนักงานขนส่งจังหวัดและสถานตรวจสภาพรถเอกชนทุกแห่งทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
,19/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,มุกดาหาร,สวท.มุกดาหาร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220319113045620 จังหวัดแพร่ ระดมกำลังดับไฟป่า ลดจุดความร้อนและหมอกควันเขตป่าสงวนแม่พวก,"นายสมหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เปิดเผยว่า จังหวัดแพร่ได้ตรวจพบจุดความร้อนจากการตรวจสอบของดาวเทียมระบบ VIRS ในพื้นที่จังหวัดแพร่ พบจุดความร้อนในเขตป่าสงวนแห่งชาติแม่พวก จำนวน 2 จุด ในท้องที่บ้านห้วยกูด หมู่ที่ 5 ตำบลเด่นชัย และท้องที่บ้านฮ้านน้ำหม้อ หมู่ที่ 6 ตำบลห้วยไร่ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ จึงได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่นำโดยนายจีระ ทรงพุฒิ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ , นายนพดล ใจกลม ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้แพร่ , นายปรีชา โตมี ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแพร่ , นายกองโท อิสรา สุขแจ่มใส นายอำเภอเด่นชัย , ปลัดอำเภอเด่นชัย , เจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดนอำเภอเด่นชัย , เจ้าหน้าที่ทหารกองพันทหารม้าที่ 12 และเครือข่ายความร่วมมือในการควบคุมไฟป่าบ้านห้วยกูด หมู่ 5 บ้านปากจั๊วะ หมู่ 8 ตำบลเด่นชัย อำเภอเด่นชัย ร่วมกันดำเนินการดับไฟป่า
หลังจากควบคุมไฟได้แล้ว พบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่พวกในท้องที่บ้านห้วยกูด ถูกไฟไหม้ประมาณ 60 ไร่ ในท้องที่บ้านฮ้านน้ำหม้อ พื้นที่ถูกไฟไหม้ประมาณ 10 ไร่ ซึ่งคาดว่าสาเหตุเกิดจากการจุดไฟเพื่อเก็บหาของป่า
",19/3/2022,ภาคเหนือ,แพร่,สวท.แพร่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220319112631613 จังหวัดกำแพงเพชร กรมส่งเสริมสหกรณ์ และ ธ.ก.ส สนับสนุน สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.) กำแพงเพชร จำกัด ยกระดับการตลาดนำการผลิตร่วมกับผู้ประกอบการในรูปแบบพันธสัญญา,"วันที่ 18 มีนาคม 2565 จังหวัดกำแพงเพชร กรมส่งเสริมสหกรณ์ และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการตลาดนำการผลิตร่วมกับผู้ประกอบการในรูปแบบพันธสัญญาสถาบันเกษตรกร ระหว่างสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. กำแพงเพชร จำกัด กับ เครือข่ายสหกรณ์การเกษตรผู้เลี้ยงโคนม และบริษัทผู้ส่งออกมันเส้นสะอาด ณ ตลาดกลางการเกษตรสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. กำแพงเพชร จำกัด ตำบลมหาชัย อำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อส่งเสริม สนับสนุน การสร้างเครือข่าย ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้สถาบันเกษตรกร และช่องทางการตลาดในการขายผลผลิตมันสำปะหลัง และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ ในการรองรับผลผลิตจากสมาชิกและเกษตรกรทั่วไป ตลอดจนเป็นการส่งเสริมขับเคลื่อนการบริหารจัดการสินค้าเกษตร มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดกำแพงเพชร โดยการสนับสนุนร่วมกันแบบบูรณาการของส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ภายใต้ยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาของจังหวัดกำแพงเพชร การพัฒนาศักยภาพสหกรณ์ตามนโยบายของกรมส่งเสริมสหกรณ์ และแหล่งเงินทุนจาก ธ.ก.ส.
นายอัชฌา สุวรรณนิตย์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายณรงค์ ขันติวิริยะกุล ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) และนายสุวิทย์ สันตติวงศ์ไชย ปลัดจังหวัดกำแพงเพชร ร่วมเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ซื้อ- ขาย มันเส้นสะอาดระหว่างสหกรณ์ผู้ผลิตและรวบรวมมันสำปะหลังในจังหวัดกำแพงเพชร กับเครือข่ายสหกรณ์โคนมและผู้ประกอบการเอกชนผู้ส่งออกมันสำปะหลัง โดยมีนายภูมิ เกลียวศิริกุล ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการ ธ.ก.ส. สาขาภาคเหนือตอนล่าง และนางสาวไพรินทร์ สุขเล็ก สหกรณ์จังหวัดกำแพงเพชร ร่วมเป็นสักขีพยาน มีเครือข่ายสหกรณ์การเกษตรผู้เลี้ยงโคนม และบริษัทผู้ส่งออกมันเส้นสะอาด ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) จำนวน 9 แห่ง ประกอบด้วย สหกรณ์โคนมมวกเหล็ก จำกัด สหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์กมิตรภาพ จำกัด สหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์กพัฒนานิคม จำกัด สหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์กสวนมะเดื่อ จำกัด สหกรณ์โคนมพัฒนานิคม จำกัด สหกรณ์โคนมลำพูน จำกัด สหกรณ์โคนมผาตั้ง จำกัด สหกรณ์โคนมเทพสถิต จำกัด และบริษัท ทาปิโอกา อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ส่งออกมันเส้นสะอาดไปยังประเทศจีน มูลค่าการ ซื้อ - ขาย จำนวน 17,040 ตัน มูลค่า 136.795 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรสมาชิก จำนวน 500 ราย พื้นที่การผลิต 7,500 ไร่
ทั้งนี้ ธ.ก.ส.ได้สนับสนุนสินเชื่อภายใต้โครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย และโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี 2564/65 วงเงินสินเชื่อรวมทั้งสิ้น 134 ล้านบาท
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",19/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กำแพงเพชร,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกำแพงเพชร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220319120510651 สรุปสถานการณ์การปฏิบัติงานเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหล ประจำวันที่ 19 มีนาคม 2565,"สรุปผลการปฏิบัติงานในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาปฏิบัติการในทะเล บริษัท SPRC หยุดการปฏิบัติงานเป็นเวลา 1 วัน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานได้หยุดพักและเตรียมความพร้อมเพื่อดำเนินงานในขั้นตอนต่อไป โดยในวันนี้บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมของเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับใช้ในการปฏิบัติงานขั้นตอนการฉีดซีลแลนท์ที่บอลวาล์ว SPRC มุ่งมั่นดำเนินงานด้วยวิธีปฏิบัติที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยของฝ่ายปฏิบัติการ ชุมชนท้องถิ่น และความสมบูรณ์ของสภาพแวดล้อมที่อยู่โดยรอบในทุกขั้นตอนของปฏิบัติการ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าปฏิบัติการในทะเลที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล เพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวังคราบฟิล์มน้ำมันในทะเล ด้วยเรือปฏิบัติการเฝ้าระวังทั้งหมด 18 ลำอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยเรือปฏิบัติการ 12 ลำ ที่ดำเนินการกางทุ่นกักน้ำมัน (Boom) จำนวน 6 เส้น พร้อมเรือปฏิบัติการ 5 ลำ เรือสั่งการ 1 ลำ และโดรน (Drone) 1 เครื่อง โดยดำเนินการบินตรวจสอบฟิล์มน้ำมันในทะเล ตลอดแนวห่างจากชายฝั่ง 1-2 กิโลเมตร โดยสามารถยืนยันได้ว่าไม่มีการพบคราบฟิล์มน้ำมันแต่อย่างใด
ซึ่งการปฏิบัติการในทะเลใกล้ชายฝั่ง มีดังนี้
-เรือสนับสนุนจากกรมเจ้าท่า จำนวน 7 ลำ
-มีเรือเฝ้าระวังและตรวจสอบตลอดแนวชายฝั่ง จำนวน 2 ลำ ผลการตรวจสอบ ไม่พบคราบฟิล์มน้ำมัน
-มีการใช้ Drone บินตรวจสอบฟิล์มน้ำมันบริเวณชายฝั่ง จำนวน 2 เครื่อง ไม่พบคราบฟิล์มน้ำมัน
-ทำความสะอาดบริเวณชายหาด เก็บหินภูเขาไฟ เก็บทาร์บอลปริมาณเล็กน้อยซึ่งได้มีการเก็บและนำมากำจัดที่ บริษัทฯ ตามขั้นตอน อีกทั้งยังได้ทำความสะอาดบริเวณชายหาด และมีการไถพรวน
ส่วนความคืบหน้าและแผนการดำเนินงานจัดทำแผนฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ เก็บตัวอย่างน้ำ บริเวณหาดแม่รำพึง 4 จุด จากร้านป้ายาถึงลานหินขาว ทุกจุด ค่าหน้างานอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ส่วนความคืบหน้าด้านการดำเนินงานกิจกรรมเพื่อสังคม มีดังนี้
-วันที่ 22 มีนาคม 2565 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป SPRC จะดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือ กลุ่มประมง จำนวน 400 ราย ณ โรงเรียนเทศบาลวัดปากน้ำ จ.ระยอง
การดำเนินงานจ่ายเงินช่วยเหลือสรุปยอดการจ่ายเงินช่วยเหลือ ณ วันที่ 18 มีนาคม 2565 แยกเป็นกลุ่มดังนี้
ประมงพื้นบ้าน และกลุ่มประมง จำนวน 1,793 ลำ เป็นเงิน 79.9 ล้านบาท อาชีพอื่นๆ 1,188 ราย เป็นเงิน 18.3 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 2,981 ราย เป็นเงิน 98.2 ล้านบาท โรงแรม ท่องเที่ยว ร้านอาหาร อยู่ในระหว่างการเจรจา
ส่วนด้านสุขภาพ ไม่มีการยื่นคำร้อง
และการปฏิบัติงานในวันนี้และช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า
ปฎิบัติการในทะเลบริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล
บริษัทฯ จะยังคงดำเนินการปฏิบัติการในทะเล เพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวังคราบฟิล์มน้ำมันในทะเลที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล ด้วยเรือปฏิบัติการเฝ้าระวังทั้งหมด 18 ลำอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย เรือปฏิบัติการ 12 ลำ ที่ดำเนินการกางทุ่นกักน้ำมัน (Boom) จำนวน 6 เส้น พร้อมเรือปฏิบัติการ 5 ลำ เรือสั่งการ 1 ลำ และเรือตรวจสอบทางอากาศหรือโดรน (Drone) 1 เครื่อง
ปฎิบัติการในทะเลใกล้ชายฝั่ง
-ยังคงมีเรือสนับสนุนจากกรมเจ้าท่า จำนวน 7 ลำ
-ยังคงมีเรือเฝ้าระวังและตรวจสอบตลอดแนวชายฝั่ง จำนวน 2 ลำ
-ยังคงมีการใช้ Drone บินตรวจสอบฟิล์มน้ำมันบริเวณชายฝั่ง จำนวน 2 เครื่อง
-ยังคงทำความสะอาดบริเวณชายหาด เก็บหินภูเขาไฟ เก็บทาร์บอล และมีการไถพรวน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
#SPRC
",19/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220319122749656 เกษตรจังหวัดเพชรบุรี ร่วมกิจกรรม The Pitch: From Local Economy to Economy ปั้นฝัน จากเศรษฐกิจฐานราก สู่เศรษฐกิจโลก ยกระดับธุรกิจอุตสาหกรรมและวิสาหกิจชุมชน,วันนี้ 18 มีนาคม 2565 ณ ห้องกัญญลักษณ์ เอบี ชั้น 3 โรงแรมโฟร์วิงส์ สุขุมวิท 26 กทม. ว่าที่ ร.ต.อาณัติ หุ่นหลา เกษตรจังหวัดเพชรบุรี มอบหมายให้ นางอุไร กาลปักษ์ หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ เข้าร่วมกิจกรรม The Pitch: From Local Economy to Economy ปั้นฝัน จากเศรษฐกิจฐานราก สู่ เศรษฐกิจโลก กิจกรรมพัฒนาผู้ประกอบการชั้นสูง ภายใต้โครงการยกระดับธุรกิจอุตสาหกรรมและวิสาหกิจชุมชน จัดโดย กองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและบริการให้กับกลุ่มเกษตรกร ตลอดจนสามารถบริหารจัดการธุรกิจ การใช้เทคโนโลยี และกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและให้ผู้ประกอบการ สามารถเชื่อมโยงธุรกิจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินงานธุรกิจเกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมกิจกรรมทั่วประเทศ จำนวน 10 กลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดเพชรบุรี จำนวน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. วิสาหกิจชุมชนตำบลแหลมผักเบี้ย อำเภอบ้านแหลม ผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ คือ จ้อปู 2. ชุมชนบ้านน้ำทรัพย์ อำเภอแก่งกระจาน ผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ คือ เซตทองม้วน และ3. วิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนตำบลไร่มะขาม อำเภอบ้านลาด ผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ คือ เซตสามข้าว ทุกกลุ่ม ได้รับงบประมาณต่อเนื่องในเรื่องของการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ มีการนำเสนอปัญหาวิเคราะห์ปัญหาและแก้ไขปัญหาของเพชรบุรีทั้ง 3 กลุ่ม โดยการขอสนับสนุนโครงการเพิ่มขึ้นอีก อีกทั้งได้รับโอกาสในการเชื่อมต่อด้านการตลาดโดยตรงกับผู้ประกอบการ ทำให้มีการติดต่อซื้อขาย เช่นผลิตภัณฑ์ข้าว ของวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนตำบลไร่มะขาม อำเภอบ้านลาด ผู้ประการ ติดต่อการซื้อขายข้าวขาวเพื่อส่งออกไปประเทศโปแลนด์ ครั้งละ 1 ตู้คอนเทนเนอร์ ( ประมาณ 20-24 ตัน) ซึ่งเป็นช่องทางการตลาดในการขับเคลื่อนเพชรบุรีโมเดล ด้านข้าว อีกด้วย
ทั้งนี้ สำนักงานเกษตรจังหวัดเพชรบุรี ได้มีการเชื่อมโยงร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนากลุ่มและยกระดับธุรกิจของวิสาหกิจชุมชน สร้างโอกาสดีๆ กับกลุ่ม ได้รับโอกาสเป็นโครงการต่อเนื่องในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ได้รับโอกาสเป็นโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาของแต่ละกลุ่ม เพิ่มช่องทางการตลาดของกลุ่ม ได้โอกาสในการขับเคลื่อนเพชรบุรี และได้เครือข่าย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,19/3/2022,ภาคตะวันตก,เพชรบุรี,สวท.เพชรบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220319130658665 ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ประธานพิธีเปิดตลาดประชารัฐของชมรมโคกหนองนา ผ้าศรีมะดัน อ.อุทุมพรพิสัย ส่งเสริมภาคเกษตรมีพื้นที่จำหน่ายสินค้า สร้างรายได้ อยู่ดีกินดี,วันที่ 18 มีนาคม 2565 ณ โคกหนองนาพาสุข บ้านสวนเงินเงิน บ้านรังแร้ง หมู่ที่ 4 ตำบลรังแร้ง อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ
นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานพิธีเปิดตลาดประชารัฐของชมรมโคกหนองนา ผ้าศรีมะดัน บ้านรังแร้ง มีกิจกรรมประกอบด้วย
- การเปิดตลาดประชารัฐของชมรมโคกหนองนา ผ้าศรีมะดัน
- กิจกรรมการเดินแบบผ้าไหม
- เยี่ยมชมและให้กำลังใจผู้ประกอบการและเกษตรกรที่นำผลผลิต ผลิตภัณฑ์ชุมชนมาจำหน่ายในตลาดโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
- กิจกรรมเก็บเกี่ยวผลผลิตไข่มดแดงตามวิถีชาวบ้าน
พื้นที่ดังกล่าวเป็นแปลงโคกหนองนาพาสุข บ้านสวนเงินเงิน ตั้งอยู่เลขที่ 101 หมู่ที่ 4 ตำบลรังแร้ง อำเภออุทุมพรพิสัย มีพื้นที่ทั้งหมด 8 ไร่ มีนายบุญเลิศ แสงดี เป็นเจ้าของได้เสียสละสถานที่พร้อมปัจจัยต่างๆ ให้อำเภออุทุมพรพิสัย ร่วมกับชมรมโคก หนอง นา ผ้าศรีมะดันบ้านรังแร้ง ใช้สถานที่จัดตลาดแห่งนี้ เพื่อให้ประชาชนมีสถานที่จำหน่ายสินค้า ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้น อยู่ดี กินดี แก้ไขปัญหาความยากจน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป ทั้งนี้ตลาดจะเปิดทุกวันศุกร์ในช่วงเย็น การดำเนินกิจกรรมภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19) โดยเคร่งครัด
โดยมี นางสาวชนมณัฐ รอดบุญธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นางสาววริศรา โสภาค พัฒนาการจังหวัดศรีสะเกษ นายสุพิชัย หล่าสกุล ประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ นายศราวุธ ทรงโฉม นายอำเภออุทุมพรพิสัย รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลรังแร้ง รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอุทุมพรพิสัย หัวหน้าส่วนราชการอำเภออุทุมพรพิสัย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ประกอบการ เกษตรกร และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรม
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,19/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ศรีสะเกษ,สวท.ศรีสะเกษ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220319131338669 วราวุธ กำชับเฝ้าระวังไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่แม่ฮ่องสอนอย่างเข้มข้น หลังช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดจุดความร้อนสูงติดต่อกันหลายวันในพื้นที่ภาคเหนือ,"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำชับเฝ้าระวังไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนอย่างเข้มข้น หลังช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดจุดความร้อนสูงติดต่อกันหลายวันในพื้นที่ภาคเหนือ
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงพื้นที่ติดตามการเตรียมความพร้อมการแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM 2.5 พร้อมร่วมทำแนวกันไฟ ""ชิงเก็บ ลดเผา"" บริเวณอุทยานแห่งชาติสาละวิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจังหวัดแม่ฮ่องสอนพบจุดความร้อน (Hotspot) สูงติดต่อกันหลายวันในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือจนกระทบประชาชนในพื้นที่ โดยศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ยังได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองแม่ฮ่องสอนช่วงวันที่ 20 - 22 มีนาคมฝุ่นละอองมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กำชับให้เฝ้าระวังไฟป่าและหมอกควันในแม่ฮ่องสอนอย่างใกล้ชิดและเข้มข้น ควบคู่กับรณรงค์สร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมกับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคนจุดไฟเผาป่าที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสร้างความเข้าใจ และกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบทั้งประชาชนและภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยว โดยไม่ขัดต่อข้อกฎหมายและระเบียบปฏิบัติ พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับกลุ่มผู้กระทำผิดที่ฝ่าฝืนเผาป่าช่วงห้ามเผาที่เป็นการกระทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ จ.แม่ฮ่องสอนได้ออกประกาศ ห้ามการเผาในที่โล่งทุกชนิด ยกเว้นพื้นที่ตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิงมาตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ถึง 30 เมษายน เช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือด้วย
",19/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220319143921690 กรมประมงจับมือเกษตรกรพลิกฟื้นกุ้งไทย ให้มีคุณภาพปลอดภัย เพื่อก้าวไกลสู่ความยั่งยืนในงาน วันกุ้งจันท์ ครั้งที่ 26,"นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดงาน ""วันกุ้งจันท์"" ครั้งที่ 26 ภายใต้หัวข้อ พลิกฟื้นกุ้งไทย คุณภาพปลอดภัย ก้าวไกลสู่ความยั่งยืน จังหวัดจันทบุรี ในระหว่างวันที่ 19 - 20 มีนาคมนี้ ว่า นับเป็นการเปิดเวทีให้ผู้เกี่ยวข้องในวงการอุตสาหกรรมกุ้งทะเลทุกภาคส่วนได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ทางวิชาการ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมถึงกลยุทธ์ทางด้านการตลาด โดยกรมประมงพร้อมจะร่วมสนับสนุนและผลักดันให้เกษตรกรสามารถสร้างผลผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดและกลับมาผงาดในเวทีโลกได้อีกครั้ง ตามที่ได้วางเป้าหมายในการเร่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลให้มีผลผลิตปริมาณ 400,000 ตัน ภายในปี 2566 ภายใต้บริบทความท้าทายของปัญหาต่างๆ ที่เกษตรกรเผชิญอยู่ในขณะนี้
โดยเชื่อมั่นว่า ประเทศไทย ยังมีข้อได้เปรียบทางประสบการณ์และความสามารถของพี่น้องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งทะเล ประกอบกับการมีเทคโนโลยีเลี้ยงกุ้งที่ทันสมัย ซึ่งจะช่วยให้ผลผลิตกุ้งทะเลของไทยมีปริมาณเพิ่มขึ้นได้ตามที่คาดการณ์ไว้ อีกทั้งในด้านการแปรรูปและส่งออก ผู้ประกอบการห้องเย็นและโรงงานแปรรูปของไทยมีศักยภาพสูงในการผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์กุ้งทะเล ซึ่งเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคและเป็นที่ต้องการของตลาดโลก โดยกรมประมงจะเน้นส่งเสริม/ควบคุมกระบวนการผลิตสินค้ากุ้งทะเลทั้งระบบ ให้มีคุณภาพ ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษามาตรฐานการผลิตให้เป็นไปตามระบบสากล
ภายในงานมีการสัมมนาในหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ อนาคตอุตสาหกรรมกุ้งไทย ปี 65 การบริหารความเสี่ยงในการเลี้ยงกุ้งด้วยวูก้า (VUCA) แนวทางการผลิตให้ตรงทิศทางตลาดกุ้งไทย - กุ้งโลก การประยุกต์ผลงานวิจัยปรับใช้ในการเลี้ยงจริง เป็นต้น
กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม อบต.กำแพง สำรวจเก็บข้อมูลทรัพยากรบริเวณพื้นที่ปกปักบริเวณโรงเรียนบ้านท่าแลหลา เกี่ยวกับโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริกรมสมเด็จพระเทพฯ
นางสำลี ลัคนาวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกำแพง มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการสำรวจเก็บข้อมูลทรัพยากรบริเวณพื้นที่ปกปักของโรงเรียนบ้านท่าแลหลา หมู่ที่ 2 ตำบลกำแพง อำเภอละงู จังหวัดสตูล พร้อมสอบถามข้อมูลจากนายมูฮอฟฟัล ยาหมาย ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าแลหลา เกี่ยวกับโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตามคำแนะนำของคณะกรรมการงานฐานทรัพยากรท้องถิ่น (อบต.กำแพง) เพื่อดำเนินการอนุรักษ์พันธุ์พืชในพื้นที่ตำบลกำแพงให้เกิดเป็นรูปธรรม
โดยโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ ได้เริ่มต้นขึ้นราวปีพุทธศักราช 2535 เพื่อเป็นการส่งเสริมให้สถาบันต่าง ๆ ที่มีหน้าที่ในการศึกษาพืชพรรณต่าง ๆ และบุคคลที่สนใจได้มีโอกาสปฏิบัติงานที่ศึกษาพืชพรรณต่าง ๆ ที่มีอยู่จำนวนมากในประเทศไทย ได้ศึกษาวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ได้รวบรวมเป็นหลักฐานไว้ และเพื่อเป็นสื่อในระหว่างสถาบันต่าง ๆ บุคคลต่าง ๆ ที่ทำการศึกษาให้สามารถ ร่วมใช้ฐานข้อมูลเดียวกัน เพื่อให้การศึกษาไม่ซ้ำซ้อน สามารถที่จะดำเนินการ ไปก้าวหน้าเป็นประโยชน์ในทางวิชาการได้
,19/3/2022,ภาคใต้,สตูล,สวท.สตูล,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220319170104732 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อติดตามผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน,วันที่ 19 มีนาคม 2565 ที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้การต้อนรับ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปกท.ทส.) และคณะผู้บริหารกระทรวงฯ ในโอกาสลงพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อติดตามผลการดำเนินงานการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM 2.5 ประจำปี พ.ศ 2565 โดยวันนี้จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีค่าคุณภาพอากาศ ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เท่ากับ 110 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินเกณฑ์มาตรฐานมาแล้ว 21 วัน ขณะที่ในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง มีค่า PM2.5 เท่ากับ 95 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกืดเกณฑ์มาตรฐานมาแล้ว 8 วัน
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานและการเตรียมความพร้อม ในการป้องกันและการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันและฝุ่นละออง จากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากนั้นมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมอบเสบียงอาหาร และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และเครือข่ายอุทยานแห่งชาติสาละวิน จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันทำแนวกันไฟและกิจกรรมชิงเก็บลดเผา กะทบชาวบ้านในพื้นที่อีกด้วย
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ในพื้นที่ภาคเหนือ ในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน 2565 โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งข้อมูลจากดาวเทียม ซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) พบว่า จ.แม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุดทางภาคเหนือ ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มส่งผลกระทบด้านสุขภาพของพี่น้องประชาชน อีกทั้งยังได้กำชับให้ยกระดับการทำงานเฝ้าระวัง ป้องกัน แก้ไข และควบคุมไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ในทุกมิติ โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ สนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ระดับจังหวัดอย่างเต็มที่ ให้ศูนย์ปฏิบัติการ ทส. (ส่วนหน้า) กำกับการวางกลยุทธ์ป้องกัน ควบคุม และดับไฟป่า การเคลื่อนย้ายสรรพกำลัง การประสานงานสนธิกำลังกับหน่วยงานท้องถิ่นและท้องที่อย่างใกล้ชิด และดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติงานอย่างสูงสุด รวมถึงการเตรียมพร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือทุกประเภท ให้อยู่ในสภาพดี พร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลา ตลอดจนระดมเครือข่ายประชาชนในพื้นที่ในสังกัดกระทรวงฯ สนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ในทุกระดับ
นอกจากนี้ ยังให้รณรงค์สร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มคนจุดไฟเผาป่า ที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสร้างความเข้าใจ กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งประชาชน และภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยว โดยไม่ขัดต่อข้อกฎหมายและระเบียบปฏิบัติ พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับกลุ่มผู้กระทำผิดที่ฝ่าฝืนเผาป่าในช่วงห้ามเผา ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดย จ.แม่ฮ่องสอน ได้มีการออกประกาศ ห้ามการเผาในที่โล่งทุกชนิด ยกเว้นพื้นที่ตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิงมาตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.- 30 เม.ย.2565 รวมถึงจังหวัดอื่น ๆ ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือด้วย
ขณะเดียวกัน ยังให้ขยายการดำเนินงานโครงการ ชิงเก็บ ลดเผา ครอบคลุมพื้นที่อื่น ๆ โดยเฉพาะพื้นที่เกษตร ตลอดจนเร่งดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างบริษัท SCG กับ ทส. เพื่อการบริหารจัดการเชื้อเพลิงแบบครบวงจร มีความคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์ จูงใจพี่น้องประชาชนในการให้ความร่วมมือเก็บเชื้อเพลิงไปใช้ประโยชน์ ตลอดจนใช้บทเรียนที่ได้จากการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นองค์ความรู้ในการกำหนดแผนงานการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง เพื่อให้เกิดผลสำเร็จ นำไปสู่การแก้ไขปัญหาหมอกควันให้ได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ยังได้เน้นย้ำถึงความห่วงใยและการให้ความสำคัญของรัฐบาล โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน ด้วยการบูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ผ่านกลไกคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง และ แผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2565 1 สื่อสาร 5 ป้องกัน 3 เผชิญเหตุ โดย 1 สื่อสาร คือ เพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย และแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นละอองล่วงหน้า 5 ป้องกัน คือ ให้ทุกจังหวัดจัดทำแผนแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง บรรจุในแผน ปภ.จังหวัด ขยายผลการบริหารจัดการเชื้อเพลิงโดยการเก็บขน (ชิงเก็บ ลดเผา) ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งในพื้นที่ป่า พื้นที่เกษตร พื้นที่ชุมชน พื้นที่ริมทาง และประยุกต์ใช้แอปพลิเคชัน Burn Check ในการลงทะเบียนบริหารจัดการเชื้อเพลิง เร่งรัดขับเคลื่อนโครงการปลูกป่าเพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ป่าชายเลน และป้องกันไฟป่า ภายใต้ ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.) สร้างเครือข่ายและอาสาสมัคร เพื่อสนับสนุนการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง และสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด และพลังงานทางเลือกเพื่อลดปัญหา PM2.5 ส่วน 3 เผชิญเหตุ คือ เพิ่มความเข้มงวดควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดทั้งจากยานพาหนะ และภาคอุตสาหกรรมในเขตเมืองและเขตอุตสาหกรรม เพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมไฟป่าในพื้นที่ป่าธรรมชาติ และกำหนดตัวชี้วัดร่วม เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นไปตามข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน และขยายหมู่บ้านคู่ขนานชายแดน ภายใต้กรอบคณะกรรมการชายแดน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,19/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220319161446717 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม ป่าชายเลนบ้านเรา ปลูกจิตสำนึกฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าชายเลนอย่างยั่งยืน,"วันนี้ (19 มี.ค.65) สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสงขลา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดกิจกรรม ป่าชายเลนบ้านเรา ณ บริเวณพื้นที่ชุมชนและป่าชายเลน หมู่ที่ 3 และ 4 ตำบลสทิงหม้อ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เปิดเวทีเสวนา สร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน สร้างเครือข่ายชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมในระดับพื้นที่อยู่มีส่วนร่วม พร้อมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ปลูกป่าชายเลน เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำ
นายอาคม ยุทธนา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสงขลา กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีหน้าที่สงวน อนุรักษ์ และพื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การจัดการการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัคสงขลา จึงมีภารกิจที่ต้องรับผิดชอบและดำเนินการในการป้องกันดูแลรักษาและพื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น การส่งเสริมเผยแพร่และสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมและพัฒนาเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้น โดยการบูรณาการการดำเนินงานกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ปี พ.ศ. 2564 จังหวัดลงขลามีพื้นที่ป่าชายเลน จำนวน 50,220.01 ไร่ เป็นป่าชายเลนคงสภาพจำนวน 17,178.75 ไร่ พื้นที่ป่าชายเลนลดลง เนื่องจากมีการเปลี่ยนพื้นที่เพื่อทำการเกษตร ประมง ที่อยู่อาศัย จึงได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยการปลูกหรือฟื้นฟูสภาพป่า สร้างความตระหนักถึงความสำคัญของป่าชายเลน และสนับสนุนกลุ่มเครือข่ายอนุรักษ์ป่าชายเลน กำหนดพื้นที่ในการใช้ประโยชน์ โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน เป็นต้น เนื่องจากป่าชายเลนมีประโยชน์นานัปการ เช่น เป็นแหล่งอาหาร แหล่งอนุบาลตัวอ่อนของสัตว์หลากหลายชนิด ป้องกันหน้าดินพังทลายบริเวณชายฝั่งทะเล ป้องกันภัยธรรมชาติที่จะส่งผลกระทบต่อการเป็นอยู่ของประชากร เป็นแหล่งตึกษาธรรมชาติ และลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
พื้นที่ป่าชายเลน หมู่ที่ 3 ตำบลสทิงหม้อ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เป็นพื้นที่ที่มีการทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงของสถานที่ เนื่องจากการใช้ประโยชน์ ขาดการบำรุงดูแลรักษาที่ดีอย่างต่อเนื่อง มีความทรุดโทรม ไม่เป็นระเบียบ มีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น มีขยะทะเล การลดลงพื้นที่ป่าชายเลน ดังนั้นเพื่อให้มีการอนุรักษ์ ฟื้นฟูของสภาพพื้นที่ให้มีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้น มีความเป็นระเบียบของสถานที่ เหมาะแก่การใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน จึงกำหนดจัดกิจกรรมป่าชายเลนบ้านเราเพื่อสร้างเครือข่ายในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู เฝ้าระวัง และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่หมู่ที่ 3 และ 4 ตำบลสทิงหม้อ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และขับเคลื่อนการดำเนินกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างยั่งยืนต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",19/3/2022,ภาคใต้,สงขลา,สวท.สงขลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220319163007721 ก.ทรัพย์ เพิ่มความเข้มงวดการห้ามรับซื้อทองแดงจากการเผาและห้ามเผาสายไฟในที่โล่งเด็ดขาด หลังพบก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและเกิดอันตรายจากสารเคมีต่อสุขภาพประชาชน,"กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพิ่มความเข้มงวดการห้ามรับซื้อทองแดงจากการเผาและห้ามเผาสายไฟในที่โล่งเด็ดขาด หลังพบก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและเกิดอันตรายจากสารเคมีต่อสุขภาพประชาชน
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กล่าวว่า รัฐบาล ยังคงให้ความสำคัญการแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ทำให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งจัดการฝุ่นละอองจากแหล่งกำเนิดมลพิษ เพื่อป้องกันการก่อมลพิษก่อนเกิดปัญหา ซึ่งจากการติดตามการประกอบกิจการถอดแยกซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อเอาวัสดุมีค่าไปขายในหลายจังหวัด พบการเผาซากผลิตภัณฑ์และเศษวัสดุที่เหลือจากการคัดแยก เช่น สายไฟ จอภาพแอลซีดี เศษพลาสติก โฟมฉนวนตู้เย็น ยังก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ ทั้งฝุ่นละออง PM 2.5 ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ก๊าซไฮโดรเจนคลอไรด์ ก๊าซฟอสจีน และสารไดออกซิน ส่งผลกระทบต่อผู้ถอดแยกและประชาชนในชุมชนที่จะได้รับก๊าซพิษ หรือฝุ่นละอองขนาดเล็กเข้าสู่ร่างกาย และการรับสัมผัสต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จะทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกายและเป็นสารก่อมะเร็ง ทั้งนี้ การเผาสายไฟขนาดเล็กในซากผลิตภัณฑ์เพื่อคัดแยกทองแดงที่ส่วนใหญ่ประชาชนจะรวบรวมไปเผาในบ่อขยะหรือตามที่รกร้าง แล้วทองแดงที่คัดแยกได้จะถูกขายให้ร้านรับซื้อของเก่าในพื้นที่และส่งต่อไปยังร้านรับซื้อของเก่ารายใหญ่ก่อนขายให้กับโรงหลอมและโรงงานรีไซเคิลทองแดง
ขณะนี้ กระทรวงทรัพย์ฯ พร้อมด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง , เทศบาลในพื้นที่เสี่ยงจังหวัดกาฬสินธุ์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี , สมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า , ผู้ประกอบกิจการร้านรับซื้อของเก่า , ศูนย์รับซื้อทองแดง โรงหลอมและโรงงานรีไซเคิลทองแดง ได้ร่วมกันหาแนวทางร่วมกันแก้ปัญหาการเผาสายไฟขนาดเล็ก ประกอบด้วย อปท. ได้ออกข้อบัญญัติท้องถิ่นเพื่อควบคุมการเผาในที่โล่งและให้ประกอบกิจการถอดแยกอย่างถูกต้อง // ให้ อปท. รวมชุมชนและผู้ประกอบการขนาดเล็กจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนและสนับสนุนเครื่องจักรบดย่อยสายไฟเพื่อใช้คัดแยกทองแดงแทนการเผา // ให้ประชาสัมพันธ์ถึงอันตรายที่เกิดจากการเผาสายไฟและขยะอิเล็กทรอนิกส์ // ห้ามการเผาสายไฟในที่โล่งอย่างเด็ดขาด // ให้ผู้ประกอบกิจการร้านรับซื้อของเก่าและโรงงานรีไซเคิลทองแดง ส่งขายทองแดงที่ได้จากการเผาที่รับซื้อหรือมีครอบครองไว้ภายใน 60 วัน และให้ยกเลิกการรับซื้อทองแดงที่ได้จากการเผาอย่างเด็ดขาด และสุดท้าย ผู้ที่มีสายไฟขนาดเล็กให้ระบายไปสู่โรงงานหลอมทองแดง หลังจากนี้จะตรวจบังคับใช้กฎหมายต่อไป
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวย้ำว่า ภาพรวมทุกภาคส่วนเห็นด้วยและพร้อมให้ความร่วมมือตามแนวทางดังกล่าว แล้วจะร่วมกันลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) เพื่อแสดงเจตนารมย์ร่วมกับ คพ. เนื่องจากผู้เผาสายไฟจะมีความผิดหลายกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติการสาธารณสุข , พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย , พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ ส่วนผู้ที่รับซื้ออาจมีความผิดที่สนับสนุนการกระทำความผิดจะมีโทษทั้งจำคุก หรือการปรับ จึงขออยากทุกฝ่ายให้ความร่วมมือและร่วมกันในป้องกันและควบคุมการคัดแยกทองแดงจากสายไฟให้เป็นไปอย่างถูกต้อง สิ่งสำคัญไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมด้วย
",19/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220319154036703 วัตถุดิบอาหารสัตว์ราคาพุ่ง เนื้อสัตว์ ไข่ กระทบแน่ รัฐงัดมาตรการรับมือ,"ข้าวสาลีและข้าวโพด วัตถุดิบหลักผลิตอาหารสัตว์ ราคาปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เนื่องจากมีความต้องการใช้สูง และเมื่อเกิดเหตุรัสเซียบุกยูเครน ตั้งแต่ 24 ก.พ. เป็นต้นมา ราคาข้าวสาลีและข้าวโพด ได้ปรับราคารขึ้นอีกมาก โดย ข้าวสาลีเพิ่ม 60% ข้าวโพดเพิ่ม 17% เพราะทั้งสองประเทศเป็นผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ เฉพาะข้าวสาลีรวมกันประมาณ 30% ส่วนข้าวโพดรวมกันประมาณ 19% ของการส่งออกทั่วโลก แต่เมื่อเกิดการสู้รบ การปลูก การผลิตและการส่งออกในยูเครนแทบหยุดชะงัก ส่วนรัสเซียก็ถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก การค้าขายธัญพืช 2ชนิดนี้กับรัสเซียทำได้ยากขึ้น ปริมาณวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ในตลาดส่งออกโลกจึงน้อยลงอีก รวมทั้งราคาน้ำมันที่เป็นต้นทุนในการขนส่งสินค้าพุ่งสูง ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ราคาวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นอย่างมาก
แนวโน้มราคาเพิ่มสูง ไทยยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศราคาข้าวสาลี ข้าวโพด เพิ่มขึ้นหลังเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ข้าวสาลีพุ่งสูงขึ้นตีเป็นเงินบาทไทยอยู่ในอัตรา 12.75 บาท/กก. จากราคา 8.91 บาท/กก. เมื่อปี 2564 ขณะที่ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จาก 6-8 บาท/กก. มาอยู่ที่ 11-12 บาท/กก. และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกตามทิศทางตลาดโลก โดยปีที่ผ่านมาไทยนำเข้าข้าวสาลีประมาณ 17 ล้านตัน ส่วนใหญ่นำเข้าจากยูเครน แต่ขณะนี้ยูเครนประสบภัยสงคราม การส่งออกน้อยลงมากและเป็นไปด้วยความยากลำบาก ผู้นำเข้าไทยจึงจำเป็นต้องหาประเทศแหล่งนำเข้าใหม่มาทดแทนท่ามกลางราคาในตลาดโลกที่เพิ่มสูง ซึ่งข้าวโพดก็เป็นไปในลักษณะเดียวกัน แต่ระดับของปัญหาอาจน้อยกว่าข้าวสาลี เพราะมีความต้องการนำเข้าน้อยกว่า ไม่เกิน 3 ล้านตัน/ปี อีกทั้งยังมีผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศให้ได้ใช้สอยพอควร รวมทั้งยังสามารถนำเข้าบางส่วนจากประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงได้ด้วย
ต้นทุนอาหารสัตว์เพิ่ม กระทบผู้เลี้ยง-ผู้บริโภค
สถานการณ์ด้านราคาล่าสุด วัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ราคาเพิ่มขึ้นเกือบ 4,000บาท/ตัน ส่งผลให้ราคาอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นตามราคาวัตถุดิบ เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ต้องแบกรับราคาต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้องปรับราคาจำหน่ายสินค้าจากสัตว์ขึ้น โดยเริ่มเห็นราคาสินค้าบางตัวปรับขึ้นแล้ว เช่น ไข่ไก่คละขนาดหน้าฟาร์มในเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์ เพิ่มขึ้นฟองละ 30 สตางค์ จาก 2.90 บาท เป็น 3.20 บาท ขณะที่ เนื้อหมู ไก่ ปลา ราคายังทรงตัว แต่ก็มีแนวโน้มปรับขึ้นสูง เมื่อผลผลิตรอบใหม่ที่ผ่านการเลี้ยงด้วยอาหารสัตว์ที่ราคาสูงขึ้นออกสู่ตลาด
ภาครัฐเร่งแก้ปัญหา บรรเทาความเดือดร้อน
ผลจากการประชุมร่วมระหว่างปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ตัวแทนสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย ตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ไก่เนื้อ สุกร และไก่ไข่ ได้เห็นชอบให้ยกเลิกใช้มาตรการ 3 ต่อ1 หรือ มาตรการซื้อข้าวโพดในประเทศ 3 ส่วนต่อการนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน ซึ่งหมายความว่าเมื่อมีการยกเลิกมาตรการนี้ จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถนำเข้าข้าวสาลีได้มากขึ้น จากแหล่งต่างๆ ทั่วโลกโดยไม่มีข้อจำกัด และมีเพียงพอที่จะนำมาผลิตอาหารสัตว์
อย่างไรก็ตามการยกเลิกใช้มาตรการ 3 ต่อ 1 นี้อยู่ภายใต้เงื่อนไข ต้องนำเข้าข้าวสาลี ในปริมาณที่กำหนด ได้ถึงวันที่ 31 ก.ค. นี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ไทยไม่มีผลผลิตข้าวโพด ซึ่งจะไม่กระทบกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด ขณะที่การแก้ไขปัญหาในระยะยาว เช่น มาตรการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดให้มากขึ้น เพื่อนำมาใช้ภายในประเทศ ลดการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ จะถูกนำมาใช้ในเร็วๆนี้
วันนี้ (19 มี.ค. 65 ) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและคณะ ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ณ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ผลิตดอกเบญจมาศแปลงใหญ่บ้านตาติด ตำบลโนนผึ้ง อำเภอวารินชำราบ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กับกองทุนการออมแห่งชาติ โดยความร่วมมือระหว่าง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นางสาวชุณหจิต สังข์ใหม่ รองปลัดกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ โดยมีนายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี อำนวยความสะดวกลงพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้การลงนามดังกล่าว เป็นบันทึกความร่วมมือ (MOU) การให้บริการหน่วยรับสมัครสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ หน่วยให้บริการออกสมุดเงินออมให้แก่สมาชิก กอช. ระหว่าง ธกส. กับกองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. โดย นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมบูรณาการทำงานร่วมกันในการส่งเสริมการออมเงินให้เกษตรกรและประชาชนทั่วไป เพื่อไว้ใช้ในวัยชรา ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการสร้างโอกาส และความเสมอภาคทางสังคม การให้ความรู้ด้านการออม การวางแผนทางการเงิน การส่งเสริมและสนับสนุนการออมเงินกับ กอช. ให้กับกลุ่มเกษตรกรและครอบครัว ให้มีบำนาญภาคประชาชนใช้กันถ้วนหน้า วิสาหกิจชุมชน กลุ่มผู้ปลูกดอกไม้ บ้านตาติด อำเภอวารินชำราบ เป็นกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ มีสมาชิกทั้งสิ้น 42 ราย พื้นที่ 300 ไร่ เกษตรกรมีรายได้ตลอดทั้งปีโดยเฉลี่ย 375000 บาทต่อคนต่อปี
ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและคณะได้ลงพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ ซึ่งเป็นแปลงดอกไม้ของกลุ่มเกษตรกรปลูกดอกไม้บ้านตาติด แปลงใหญ่ รับทราบปัญหาความต้องการของประชาชนโดยตรง และภาคบ่ายลงพื้นที่แปลงเกษตรอินทรีย์ที่อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานีที่ประสบผลสำเร็จ ส่งขายทั่วประเทศ
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,19/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,อุบลราชธานี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุบลราชธานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220319160534714 ตรวจสต็อกสินค้า ป้องปรามผู้ประกอบการกักตุนข้าวโพดทำอาหารสัตว์และปุ๋ย เบื้องต้นพบผู้กระทำผิดแล้ว 1 ราย ในนครปฐม,พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์วัตถุดิบอาหารสัตว์และปุ๋ยขาดแคลนและมีราคาสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์และเกษตรกรผู้เลี้ยงเป็นอย่างมาก จีงสั่งการให้ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ. และตำรวจทุกพื้นที่ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ จัดชุดตรวจร่วมบูรณาการตรวจสอบสถานที่เก็บข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และตรวจสอบการกักตุนปุ๋ยของพ่อค้าคนกลางทั่วประเทศตามเป้าหมายที่ได้รับจากกรมการค้าภายใน จำนวน 206 เป้าหมาย ซึ่งขณะนี้เข้าตรวจสอบแล้ว 95 เป้าหมาย พบการกระทำผิดและดำเนินคดีแล้ว 1 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม โดยจะมีการตรวจเป้าหมายอื่นๆ เพิ่มเติมอีกจำนวนมาก
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า ข้าวโพดอาหารสัตว์และปุ๋ย เป็นสินค้าควบคุมตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยสินค้าและบริการ จึงฝากถึงประชาชน หากพบพ่อค้าคนกลางมีพฤติกรรมกักตุนสินค้า ปฏิเสธการจำหน่าย หรือประวิงการจำหน่ายสินค้า อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หากพบเบาะแส สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 191 และ 1599 ทั่วประเทศ
วันที่ 19 มีนาคม 2565 พันเอก ภูมิพัฒน์ บุญเรืองขาว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 ลงพื้นที่ประชุมติดตามความคืบหน้าร่วมกับหน่วยพิทักษ์ป่าเชี่ยวเหลียง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา ในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้ และสิ่งแวดล้อมของอำเภอกะเปอร์ ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 9,000 ไร่ สัตว์ป่าอีก 50 กว่าชนิด เพื่อรับทราบข้อมูลสภาพพื้นที่ป่า การบุกรุกแผ้วถางป่า โดยได้มีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ในการดูแลรักษาผืนป่า พร้อมทั้งได้เดินสำรวจผืนป่าต้นน้ำดูความอุดมสมบูรณ์ ความหนาแน่น และความสูงของต้นไม้ เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนจัดการ ดูเเลทรัพยากรป่าไม้ และป้องกันการบุกรุกแผ้วถางป่า ณ หน่วยพิทักษ์ป่าเชี่ยวเหลียง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา อ.กะเปอร์ จ.ระนอง
ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กล่าวว่า ""การลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ วันนี้ได้เดินทางมาตรวจติดตามความคืบหน้า และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย โดยเรื่องของทรัพยากรธรรมชาตินั้น ถือเป็นภารกิจสำคัญ ที่ทางหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 ได้รับมอบหมายจากศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก และกองทัพภาคที่ 4 ให้ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันหน่วยงานทุกภาคส่วนพร้อมทั้งผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น พี่น้องประชาชน เห็นถึงความสำคัญ จึงร่วมกันดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ เพื่อปกปักรักษาไว้ให้กับลูกหลาน อีกทั้ง เป็นการรักษาทรัพยากรป่าต้นน้ำด้วย หากป่าไม้ถูกทำลายลงทุกวันจะทำให้เกิดวิกฤติอื่นๆ ตามมามากมาย เช่น ส่งผลให้เกิดน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก สภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ ทั้งนี้ ต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่มีความมุ่งมั่นในการปกป้องรักษาผืนป่า และทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องไม่สร้างเงื่อนไขและเข้าไปเกี่ยวข้องรับผลประโยชน์ใดๆ ในพื้นที่ ตั้งใจปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนในการร่วมกันดูแลรักษาปกป้องทรัพยากรธรรมชาติของบ้านเราให้อยู่คู่กับลูกหลานต่อไป ในส่วนของผู้กระทำความผิดนั้นจะมีการตรวจสอบและขยายผลเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป""
ปัจจุบัน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 ดำเนินการปลูกป่าทดแทนในพื้นที่อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง ไปแล้วกว่า 1,000 ไร่ ตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน และยังคงดำเนินการคุมเข้ม เพื่อป้องกันมิให้ใครเข้ามาบุกรุกแผ้วถาง ซึ่งจากการสำรวจพบว่าผืนป่ามีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้น โดยทางหน่วยยังคงดำเนินการดูแลรักษาผืนป่าเหล่านี้ พร้อมทั้งปลูกป่าทดแทนต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",19/3/2022,ภาคใต้,ระนอง,สวท.ระนอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220319185444761 คณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ เรื่อง การส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปเพื่อสร้างรายได้สู่ชุมชนภายใต้สถานการณ์โควิด -19,วันนี้ (19 มี.ค.65) ที่ศูนย์เรียนรู้ผักเกษตรอินทรีย์เมืองธรรมเกษตรไร่ภูตะวันออร์แกนิคฟาร์ม บ้านหนองเม็ก ตำบลคึมใหญ่ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ คณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ ประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม นายพีระเพชร ศิริกุล รองประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม พร้อมด้วย ดร.เดชา จาตุธนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะ ลงพื้นที่ จังหวัดอำนาจเจริญ ในเรื่องการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปเพื่อสร้างรายได้สู่ชุมชนภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรและต้นแบบฟาร์มเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปเกษตรให้มีความสมดุลและยั่งยืน สามารถแข่งชันได้ในทุกระดับให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและเชื่อมโยงระหว่างภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการเกษตรให้ครบวงจรและเอื้อต่อการผลิตชิงพาณิชย์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีนายธนูสินธ์ ไชยสิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ นายอาทิตย์ อิงคุทานนท์ อุตสาหกรรมจังหวัดอำนาจเจริญ ให้การต้อนรับ
ในการนี้คณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม ได้เยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ผักอินทรีย์เมืองธรรมการเกษตร ไร่ภูตะวัน ออร์แกนิคฟาร์ม ซึ่งเป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่รับบริการของกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมทั้งเทคโนโลยีที่สามารถนำมาปรับใช้ในการพัฒนาต่อยอดการส่งเสริม อุตสาหกรรมเกษตรและการเป็นต้นแบบฟาร์มเกษตรอินทรีย์ โดยมี นางจำปา สุวะไกร ประธานแปลงใหญ่ผักอินทรีย์บ้านหนองเม็ก ไร่ภูตะวันออร์แกนิคฟาร์ม และนายศุภชัย มิ่งขวัญ เป็นผู้นำเสนอผลการดำเนินงานของกลุ่ม
จากนั้น คณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม ได้เยี่ยมชมการผลิตผักอินทรีย์ สำหรับศูนย์เรียนรู้ผักอินทรีย์เมืองธรรมเกษตร ไร่ภูตะวัน ออร์แกนิคฟาร์ม จัดตั้งขึ้นภายใต้กลุ่มเกษตรอินทรีย์บ้านหนองเม็กและวิสาหกิจชุมชนข้าวอินทรีย์บ้านหนองเม็ก เป็นพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของจังหวัด การพัฒนาเกษตรอินทรีย์ที่นี่มีจุดเริ่มต้นจากบทเรียนการใช้สารเคมีของเกษตรกร แกนนำซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ได้ตระหนักถึงปัญหาและเห็นความสำคัญของวิถีการดูแลสุขภาพ จึงใช้ประสบการณ์ องค์ความรู้และเทคโนโลยี มาประยุกต์กับการทำเกษตร โดยปลูกผักอินทรีย์ในโรงเรือน ภายใต้หลักการ การตลาดนำการผลิต มีวางแผนการผลิตอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถมีผลผลิตป้อนเข้าสู่ตลาดได้ตลอดทั้งปีรวมทั้งมีการรวมกลุ่มเพื่อให้มีอำนาจในการต่อรอง ผลผลิตหลัก ได้แก่ ผักอินทรีย์ในโรงเรือน และผลผลิตรองชนิดอื่น ๆ เช่น ข้าวอินทรีย์ สมุนไพร ข้าวโพด กล้วย ไก่ไข่ อินทรีย์และปลาอินทรีย์ การพัฒนาเกษตรอินทรีย์ที่นี่มีความสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาของจังหวัดอำนาจเจริญในเรื่องเมืองธรรมเกษตร หรือเมืองเกษตรอินทรีย์วิถีธรรม ที่เกษตรกรมีคุณธรรมในการทำการเกษตร
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
ภาพ / ข่าว .....สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอำนาจเจริญ
,19/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,อำนาจเจริญ,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอำนาจเจริญ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220319232830808 กยท. เดินหน้าช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง พัฒนาอาชีพชาวสวนยางรายย่อยเพื่อความยั่งยืน,"การยางแห่งประเทศไทย เตรียมโครงการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง โดยนายสุรชัย บุญวรรโณ ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศเขตภาคใต้ตอนล่าง ในฐานะผู้บริหารสูงสุดที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่การยางแห่งประเทศไทยทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) ได้เผยว่า โครงการที่ กยท. จะให้ความช่วยเหลือเกษตรกร เป็นโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 3 ตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งคณะทำงานประชุมพร้อมกับกำหนดราคากลางอ้างอิงการขายตามชนิดยางที่จะชดเชยโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 3 ในรอบที่ 5 หรือเงินชดเชยครั้งที่ 5 ของเดือนกุมภาพันธ์ 2565 แต่รอบนี้เกษตรกรจะไม่ได้รับเงินส่วนต่างชดเชยการประกันราคายาง รอบที่ 5 ทั้งสามชนิดไม่ว่าจะเป็นยางแผ่นดิบ น้ำยางสด และยางก้อนถ้วย ไม่มีการชดเชยทั้ง 3 ชนิด เนื่องจากราคากลางอ้างอิงสูงกว่าราคาประกันจึงไม่มีการชดเชยของรอบที่ 5 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ แต่ยังมีรอบที่ 6 ของเดือนมีนาคม 2565 อีก 1 ครั้ง
นอกจากนี้ การยางแห่งประเทศไทยได้อนุมัติงบประมาณ โครงการพัฒนาอาชีพชาวสวนยางรายย่อยเพื่อความยั่งยืนที่ได้รับผลกระทบจากโรคใบร่วงชนิดใหม่ โดยพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส) ได้รับอนุมัติจำนวนพื้นที่รวม 19,500 ไร่ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรชาวสวนยางที่ประสบกับปัญหาโรคใบร่วงชนิดใหม่ สำหรับเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการต้องมีคุณสมบัติ เป็นเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับเกษตรกรชาวสวนยางกับการยางแห่งประเทศไทย และได้รับผลกระทบจากโรคใบร่วงชนิดใหม่ สวนยางมีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ไม่ไม่เกิน 25 ปี มีต้นยางเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 25 ต้นต่อไร่ ต้องไม่เป็นสวนยางที่อยู่ระหว่างรับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทน เป็นเกษตรกรรายย่อยที่มีเนื้อที่สวนยางที่ถือครองไม่เกิน 50 ไร่
สำหรับเกษตรกรท่านใดสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการสามารถติดต่อได้ที่ การยางแห่งประเทศไทยสาขาใกล้บ้านได้ ก็เป็นโครงการดี ๆ อีก 1 หนึ่งโครงการที่การยางแห่งประเทศไทยพยายามช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง และเพื่อเป็นแนวทางหนึ่งในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากการระบาดและประสบกับปัญหาโรคใบร่วงชนิดใหม่ ยางพาราที่ทำให้เกิดผลกระทบจากผลผลิตยางพาราตกต่ำ และเป็นการส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมใหม่ทดแทนการทำอาชีพสวนยาง
",20/3/2022,ภาคใต้,ยะลา,สทท.ยะลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220320074648828 ลำปาง ดัน อ.แม่เมาะ พัฒนาเป็นเมืองต้นแบบ เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ,ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ จ.ลำปาง ครั้งที่ 1/2565 โดยมีนายจำลักษ์ กันเพ็ชร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานการประชุม และนายจรัญ คำเงิน ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2 เป็นผู้แทน กฟผ.แม่เมาะ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้ประกอบการและเครือข่ายภาคเอกชน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมอาลัมภางค์ ศาลากลางจังหวัดลำปาง
โดยที่ประชุมมีมติคัดเลือกให้ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง เป็นพื้นที่พัฒนาเป็นเมืองต้นแบบของการพัฒนาเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เนื่องจากมีความพร้อมสูงในทุก ๆ ด้าน ทั้งมิติทางกายภาพซึ่งมีสถานประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ ตั้งอยู่ในพื้นที่ มิติด้านสิ่งแวดล้อม มิติทางสังคม และมิติทางเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายให้เป็น เมืองน่าอยู่ คู่อุตสาหกรรม ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งมุ่งเน้นให้มีความเชื่อมโยงของอุตสาหกรรมกับหน่วยงานท้องถิ่นและชุมชนโดยรอบ สร้างการเติบโตและขับเคลื่อนไปด้วยกันภายใต้การกำกับดูแลสิ่งแวดล้อมที่ดี
ทั้งนี้ การขับเคลื่อนพื้นที่ อ.แม่เมาะ สู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศนั้น มีความสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของ กฟผ.แม่เมาะ ตามโครงการแม่เมาะเมืองน่าอยู่ (Mae Moh Smart City) ที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนและพัฒนาตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีทั้งในมิติด้านสังคม พลังงาน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ซึ่ง กฟผ.แม่เมาะ พร้อมที่จะสนับสนุนการขับเคลื่อน อ.แม่เมาะ ร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ สู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศต่อไปในอนาคต
,20/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220320084810831 คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อน?การพัฒนา?เศรษฐกิจ BCG Model สาขาเกษตร ติดตามการขับเคลื่อนด้านเกษตรลำปาง,"คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ โดยนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อน?การพัฒนา?เศรษฐกิจ BCG Model สาขาเกษตร นายยุคล ลิ้มแหลมทอง ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อน?การพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Model สาขาเกษตร ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความคิด?เห็น?แนวทางขับเคลื่อน?การพัฒนา?เศรษฐกิจ จังหวัด?ลำปาง ณ ห้องประชุมอาลัมภางค์? ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดลำปาง โดยมีนายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้?ว่าราชการ?จังหวัด?ลํา?ปาง? กล่าวให้การต้อนรับและเปิดการประชุม พร้อมด้วยนางสาวรตนพร กิติกาศ เกษตร?และ?สหกรณ์?จังหวัด?ลํา?ปาง? ได้นำเสนอแนวทางการส่งเสริมและพัฒ?นาด้านการเกษตร?จังหวัด?ลำปาง? ตามแผนยุทธศาสตร์?การพัฒนา?จังหวัด?ลำปาง
โอกาสนี้ คณะได้เข้าเยี่ยมชมกิจกรรมการพัฒนาผลิตสินค้าเซรามิค ณ บริษัทอินทราเซรามิค อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง , รับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Model สินค้าไผ่ เยี่ยมชมนิทรรศการ แปลงปลูกไผ่ การรักษาสภาพไผ่ โดยนางสาวรตนพร กิติกาศ เกษตรและสหกรณ์ ร่วมอำนวยการและบรรยายแนวทางการพัฒนาสินค้าไผ่ โดยใช้แนวทางการพัฒนา BCG Model ณ ฟาร์มเกษตรอินทรีย์เพชรล้านนา ตำบลแม่สุก อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง , รับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Model สินค้าข้าว เยี่ยมชมนิทรรศการ และแปลงนาข้าวเหนียว โดยมีนางคัทลียา สิงหศิริ หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์พัฒนาการเกษตรร่วมอำนวยการและบรรยายแนวทางการพัฒนาสินค้าข้าวเหนียว โดยใช้แนวทางการพัฒนา BCG Model ณ แปลงนาข้าวเหนียวตำบลวังพร้าว อำเภอเกาะคา จังหวัด?ลำปาง และเดินทางไปเยี่ยมชมระบบการผลิต?โรงงาน?ข้าวแต๋น?ทวีพรรณ? ตำบลนาแก้ว อำเภอ?เกาะคา?จังหวัด?ลำปาง?
นอกจากนี้ คณะได้รับฟังการบรรยาย?สรุป?ผลการดำเนินงาน สินค้าครั่งและไม้จามจุรี? จากกรรมการผู้จัดการ บริษัท นอร์ทเทอร์น สยามซีดแลค จำกัด และผู้แทนสมาคมผู้ประกอบการไม้จังหวัดลำปางโดยนางสาวรตนพร กิติกาศ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดลำปาง ร่วมอำนวยการและบรรยายแนวทางการพัฒนาสินค้าครั่งและจามจุรี โดยใช้แนวทางการพัฒนา BCG Model ณ บริษัท? นอร์ท?เทอร์นสยามซีดแลค จำกัด หมู่ 2 ตำบลปงแสนทอง อำเภอเมือง จังหวัด?ลำปาง
",20/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220320094344833 คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อน?การพัฒนา?เศรษฐกิจ BCG Model สาขาเกษตร ติดตามการขับเคลื่อนด้านเกษตรลำปาง,คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ โดยนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อน?การพัฒนา? เศรษฐกิจ BCG Model สาขาเกษตร นายยุคล ลิ้มแหลมทอง ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อน?การพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Model สาขาเกษตร ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความคิด?เห็น?แนวทางขับเคลื่อน?การพัฒนา?เศรษฐกิจ จังหวัด?ลำปาง ณ ห้องประชุมอาลัมภางค์? ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดลำปาง โดยมีนายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้?ว่าราชการ?จังหวัด?ลํา?ปาง? กล่าวให้การต้อนรับและเปิดการประชุม พร้อมด้วยนางสาวรตนพร กิติกาศ เกษตร?และ?สหกรณ์?จังหวัด?ลํา?ปาง? ได้นำเสนอแนวทางการส่งเสริมและพัฒ?นาด้านการเกษตร?จังหวัด?ลำปาง? ตามแผนยุทธศาสตร์?การพัฒนา?จังหวัด?ลำปาง
โอกาสนี้ คณะได้เข้าเยี่ยมชมกิจกรรมการพัฒนาผลิตสินค้าเซรามิค ณ บริษัทอินทราเซรามิค อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง รับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Model สินค้าไผ่ เยี่ยมชมนิทรรศการ แปลงปลูกไผ่ การรักษาสภาพไผ่ โดยนางสาวรตนพร กิติกาศ เกษตรและสหกรณ์ ร่วมอำนวยการและบรรยายแนวทางการพัฒนาสินค้าไผ่ โดยใช้แนวทางการพัฒนา BCG Model ณ ฟาร์มเกษตรอินทรีย์เพชรล้านนา ตำบลแม่สุก อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง รับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Model สินค้าข้าว เยี่ยมชมนิทรรศการ และแปลงนาข้าวเหนียว โดยมีนางคัทลียา สิงหศิริ หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์พัฒนาการเกษตรร่วมอำนวยการและบรรยายแนวทางการพัฒนาสินค้าข้าวเหนียว โดยใช้แนวทางการพัฒนา BCG Model ณ แปลงนาข้าวเหนียวตำบลวังพร้าว อำเภอเกาะคา จังหวัด?ลำปาง และเดินทางไปเยี่ยมชมระบบการผลิต?โรงงาน?ข้าวแต๋น?ทวีพรรณ? ตำบลนาแก้ว อำเภอ?เกาะคา?จังหวัด?ลำปาง?
นอกจากนี้ คณะได้รับฟังการบรรยาย?สรุป?ผลการดำเนินงาน สินค้าครั่งและไม้จามจุรี? จากกรรมการผู้จัดการ บริษัทนอร์ทเทอร์น สยามซีดแลค จำกัด และผู้แทนสมาคมผู้ประกอบการไม้จังหวัดลำปางโดยนางสาวรตนพร กิติกาศ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดลำปาง ร่วมอำนวยการและบรรยายแนวทางการพัฒนาสินค้าครั่งและจามจุรี โดยใช้แนวทางการพัฒนา BCG Model ณ บริษัท?นอร์ท?เทอร์นสยามซีดแลค จำกัด หมู่ 2 ตำบลปงแสนทอง อำเภอเมือง จังหวัด?ลำปาง
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,20/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220320095745834 กอนช. ขอให้ประชาชนทั่วประเทศระวังเกิดฝนตกหนักและบางพื้นที่มีลมกระโชกแรง,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนทั่วประเทศระวังเกิดฝนตกหนักและบางพื้นที่มีลมกระโชกแรง
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (20 มี.ค.65) ว่า ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรง ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.สุราษฎร์ธานี 140 มิลลิเมตร , นครศรีธรรมราช 84 มิลลิเมตร และนราธิวาส 76 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 28,322 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 49 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 22,406 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 47 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล อ่างเก็บน้ำแม่จาง และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนและแม่กลองมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
",20/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220320102717836 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือสูงในระดับสีแดงในแม่ฮ่องสอนกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร 2 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง และต.แม่คง อ.แม่สะเรียง ส่วน กทม.และปริมณฑลคุณภาพอากาศดีทุกพื้นที่,ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือสูงในระดับสีแดงในจังหวัดแม่ฮ่องสอนกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร 2 พื้นที่ บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง และต.แม่คง อ.แม่สะเรียง ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีทุกพื้นที่
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (20 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีมากถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นหลายพื้นที่ปรับตัวสูงขึ้นเกินเกณฑ์มาตรฐานระดับสีแดงกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร 2 พื้นที่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน คือ ต.จองคำ อ.เมือง และ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง ซึ่งต้องเฝ้าระวังจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นพิเศษ หากมีแหล่งกำเนิดในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงจะมีโอกาสที่ค่าฝุ่นละอองสูงขึ้นถึงวันที่ 22 มีนาคม ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 23 - 26 มีนาคม แล้วต้องเฝ้าระวังช่วงวันที่ 22 - 25 มีนาคมภาคเหนือมีโอกาสเกิดฝนตกหลายพื้นที่
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงปานกลาง โดยค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัด ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 21 - 27 มีนาคม
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
,20/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220320103319837 จ.อุบลฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่ตรวจติดตามความก้าวหน้า เยี่ยมให้กำลังใจวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์บ้านนาเจริญ อำเภอพิบูลมังสาหาร,นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและคณะข้าราชการสังกัดกระทรวงการคลัง และผู้บริหารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานและเยี่ยมให้กำลังใจกลุ่มเกษตรกร ณ แปลงนาข้าวของนางสาวดาวพระศุกร์ สัตยากูล วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์บ้านนาเจริญ ตำบลดอนจิก อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี (19 มี.ค.65) โดยวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์บ้านนาเจริญแห่งนี้มีสมาชิกทั้งสิ้น 36 ราย มีพื้นที่ปลูกข้าวจำนวน 400 ไร่ โดยปลูกข้าว 4 ชนิด ประกอบด้วย ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวกล้องหอมมะลิ ข้าวเหนียวดำ และข้าวทับทิมชุมแพ โดยมีการปลูกข้าว ทั้งนาปีและนาปรัง ผลผลิตที่ได้ประมาณ 300-400 กิโลกรัม/ไร่
ทั้งนี้กลุ่มเกษตรกร จะแปรรูปจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์ หรือตามออเดอร์ที่ลูกค้าต้องการ และขายปลีกในราคากิโลกรัมละ 60 บาท ทำให้ครอบครัวเกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้น
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับทราบปัญหา และอุปสรรค ของเกษตรกรโดยให้ส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรในพื้นที่ ให้ความรู้ด้านการผลิตข้าว และเพิ่มช่องทางกลุ่มตลาดการจำหน่ายข้าว ตลอดจนนำมาตรการให้การช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล โดยผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ทั้งนี้เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,20/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,อุบลราชธานี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุบลราชธานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220320114248852 รมว.คลังฯ ลงนาม MOU ระหว่าง ธ.ก.ส. กับ กอช. สร้างบำนาญภาคประชาชนไว้ใช้วัยชรา พร้อมตรวจติดตามความก้าวหน้าเกษตรแปลงใหญ่และแปลงเกษตรอินทรีย์ที่ อุบลฯ,"วานนี้ (19 มี.ค. 65) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะ ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ณ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ผลิตดอกเบญจมาศแปลงใหญ่บ้านตาติด ตำบลโนนผึ้ง อำเภอวารินชำราบ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กับกองทุนการออมแห่งชาติ โดยความร่วมมือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนางสาวชุณหจิต สังข์ใหม่ รองปลัดกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ มี นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี อำนวยความสะดวกลงพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้ การลงนามดังกล่าวเป็นบันทึกความร่วมมือ (MOU) การให้บริการหน่วยรับสมัครสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ หน่วยให้บริการออกสมุดเงินออมให้แก่สมาชิก กอช. ระหว่าง ธ.ก.ส. กับกองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. โดยนางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมบูรณาการทำงานร่วมกันในการส่งเสริมการออมเงินให้เกษตรกรและประชาชนทั่วไป เพื่อไว้ใช้ในวัยชรา ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม การให้ความรู้ด้านการออม การวางแผนทางการเงิน การส่งเสริมและสนับสนุนการออมเงินกับ กอช. ให้กับกลุ่มเกษตรกรและครอบครัว ให้มีบำนาญภาคประชาชนใช้กันถ้วนหน้า
วิสาหกิจชุมชน กลุ่มผู้ปลูกดอกไม้ บ้านตาติด อำเภอวารินชำราบ เป็นกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ มีสมาชิกทั้งสิ้น 42 ราย พื้นที่ 300 ไร่ เกษตรกร มีรายได้ตลอดทั้งปีโดยเฉลี่ย 375,000 บาทต่อคนต่อปี
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะ ได้ลงพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ ซึ่งเป็นแปลงดอกไม้ของกลุ่มเกษตรกรปลูกดอกไม้บ้านตาติด แปลงใหญ่ รับทราบปัญหาความต้องการของประชาชนโดยตรง และภาคบ่ายลงพื้นที่แปลงเกษตรอินทรีย์ ที่อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ที่ประสบผลสำเร็จ ส่งขายทั่วประเทศ
",20/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,อุบลราชธานี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุบลราชธานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220320113826849 "จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลง โดยพบสูงสุดในแม่ฮ่องสอน ส่วนจุดความร้อนจากเมียนมายังสูงเกือบ 5,000 จุด ส่งผลกระทบไทยหลายพื้นที่","สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลง โดยพบสูงสุดในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเมียนมายังสูงเกือบ 5,000 จุด ส่งผลกระทบประเทศไทยหลายพื้นที่
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (19 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 351 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 158 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 119 จุด // พื้นที่เกษตร 37 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 19 จุด // พื้นที่เขต สปก. 15 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 3 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุดอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือทั้ง 3 จังหวัด คือ แม่ฮ่องสอน 196 จุดสูงติดต่อกัน 9 วัน รองลงมาเป็นแพร่ 29 จุด และเชียงใหม่ 17 จุด สอดคล้องกับการประเมินพื้นที่เสี่ยงสูงเกิดไฟป่าล่วงหน้า 7 วัน ช่วงวันที่ 14 ถึง 20 มีนาคม โดยจุดความร้อนลดลงต่อเนื่องในหลายพื้นที่ เพราะเกิดฝนตกจากพายุฝนฟ้าคะนอง แต่พื้นที่ภาคเหนือยังพบจุดความร้อนกระจายตัวอยู่และมีการกระจุกตัวในบางพื้นที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 19 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 11,609 จุด , ภาคเหนือ 10,669 จุด และภาคกลาง 6,086 จุด ส่วนวันนี้ตอนบนของภาคเหนือค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อยู่ในระดับปานกลาง ส่วนจังหวัดอื่นๆโดยรวมอยู่ในระดับดีถึงดีมาก ยกเว้นจังหวัดแม่ฮ่องสอน
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาติดต่อกัน 21 วันวันนี้พบสูง 4,953 จุด รองลงมาเป็นประเทศไทย 351 จุด และเวียดนาม 325 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมาส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",20/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220320130527873 สนับสนุนทุกภาคส่วนในการทำให้พืชสมุนไพรของไทยมีการพัฒนาและต่อยอด ส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจใหม่ กัญชา กัญชง กระท่อม,"นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับฟังการนำเสนอ พืชกระท่อมไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก บนพื้นฐานผู้ประกอบการยุคใหม่ ของสมาคมพืชกระท่อมแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย บทบาทพืชกระท่อมไทยขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากฐานราก นำร่อง 4 จังหวัดภาคใต้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมให้การสนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินงานของสมาคมพืชกระท่อมแห่งประเทศไทยและทุกภาคส่วน ที่ถือเป็นกำลังสำคัญในการทำให้พืชสมุนไพรของไทยมีการพัฒนาและต่อยอดได้ โดยกระทรวงเกษตรฯ มีการจัดทำคู่มือสำหรับเกษตรกร ในการปลูกและขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกกัญชา กัญชงและกระท่อม ที่จัดทำโดยกรมส่งเสริมการเกษตร ให้สอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีนโยบายที่มุ่งสนับสนุนให้เกษตรกรมีรายได้ จากการผลิตและจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ ตรงกับความต้องการของตลาด รวมถึงการพัฒนาเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการเกษตร ร่วมกับสถาบันการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีความรู้ความเข้าใจในทุกมิติ ตั้งแต่การผลิตสินค้าให้ได้คุณภาพ จนถึงการเชื่อมโยงตลาด รวมทั้งสร้างการรับรู้ถึงกฎหมายข้อระเบียบที่เกี่ยวข้อง
",20/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220320212249973 ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อพัฒนาการเกษตรแปลงใหญ่ ดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปี ,"
นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เปิดเผยว่า ธกส.ได้ดำเนินโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาการเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มและจัดหาปัจจัยการผลิตร่วมกัน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันทั้งการผลิต การแปรรูป การรวบรวมผลผลิตเพื่อจำหน่าย โดยสนับสนุนเงินทุนให้แก่กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนและสหกรณ์การเกษตร เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ค่าลงทุน วงเงินสินเชื่อรวม 20,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยทั้งโครงการร้อยละ 3.01 ต่อปี โดยกลุ่มเกษตรกรฯ จ่ายดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 0.01 ต่อปี ทั้งนี้รัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. แทนเกษตรกร ร้อยละ 2.875 ต่อปี และ ธ.ก.ส.รับภาระดอกเบี้ยเองร้อยละ 0.125 ต่อปี ระยะเวลาไม่เกิน 5 ปีนับตั้งแต่วันกู้ ระยะเวลาดำเนินโครงการ ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2559 ถึง 30 มิถุนายน 2575 ปัจจุบันปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มเกษตรกรฯไปแล้ว 366 กลุ่ม เป็นเงิน 2,104.70 ล้านบาท
สำหรับหลักเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการฯ ต้องเป็นสหกรณ์การเกษตร วิสาหกิจชุมชนและกลุ่มเกษตรกร ที่รวมตัวกันตั้งแต่ 30 คนขึ้นไป และมีพื้นที่การผลิตทั้งประเภทพืชไร่ ยางพารา ข้าว ปาล์ม ไม้ผล พืชผัก ไม้ดอก ประมงและปศุสัตว์ รวมกันตั้งแต่ 300 ไร่ขึ้นไป กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนและสหกรณ์ฯที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดต่อได้ที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
วันนี้ (20 มีนาคม 2565) เวลา 09.30 น. นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่เพื่อมอบเงินเยียวยาโรค ""ลัมปี สกิน"" และมอบนโยบายโครงการสานฝันสร้างอาชีพ ยกระดับรายได้เกษตรกร โดยมีนายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ , นายจำลอง ผูกดวง ปศุสัตว์จังหวัดสุรินทร์ , หัวหน้าส่วนราชการ และเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือ ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เข้าร่วมต้อนรับ ณ หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
ในครั้งนี้ จังหวัดสุรินทร์ได้มอบเงินช่วยเหลือเกษตรกร จำนวน 3,357 ราย 3,579 ตัว วงเงินช่วยเหลือเกษตรกร 85,478,000 บาท รวมให้ความช่วยเหลือแล้ว 3,749 ราย 3,989 ตัว วงเงินช่วยเหลือเกษตรกร 96,076,000 บาท คงเหลืออยู่ระหว่างขอความช่วยเหลืออีก 986 ราย 1,038 ตัว 19,910,800 บาท อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือต่อไป โดยรวมรัฐบาลให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติโรคระบาดสัตว์ (โรคลัมปี สกิน) แล้วทั้งสิ้น 39 จังหวัด 42,266 ราย วงเงินกว่า 972 ล้านบาท คิดเป็น 70% ของวงเงินที่ขอความช่วยเหลือทั้งประเทศ
นอกจากนี้ ยังได้ชี้แจงผลักดันส่งเสริมโครงการสานฝันสร้างอาชีพ เพื่อยกระดับรายได้เกษตรกร ด้านพืช ปศุสัตว์ประมง สิ่งที่เกษตรกรจะได้รับ 1.หาตลาดได้ง่าย 2.มีประกันราคารับซื้อ 3.ธ.ก.ส. อนุมัติสิ้นเชื่อ 100,000 บาท/ราย ไม่ต้องมีหลักทรัพย์คำประกัน (1 คนกู้ 2 คนค้ำ ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน)
",20/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,สุรินทร์,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220320141431887 อุตุฯ ศรีสะเกษ เตือนอิสานใต้ มีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้,จังหวัดศรีสะเกษ โดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยาศรีสะเกษ เตือนอิสานใต้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่เกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย
นายจำเริญ ทองละมุล ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาศรีสะเกษ รายงานสภาพอากาศ ประจำวันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2565 ดังนี้ ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ พยากรณ์อากาศตั้งแต่เวลา 06.00 น. วันนี้ ถึงเวลา 06.00 น. วันพรุ่งนี้ บริเวณจังหวัดศรีสะเกษ ลักษณะอากาศ มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมผิวพื้น ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม. คาดว่าอุณหภูมิสูงสุดบ่ายวันนี้ ประมาณ 33 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดเช้าพรุ่งนี้ ประมาณ 25 องศาเซลเซียส
,20/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ศรีสะเกษ,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220320142645895 "นอภ.โพธิ์ศรีสุวรรณ เปิดงาน ""วันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day) ปี 2565""","นายสุวรรณ เนตรเนติกุล นายอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ เป็นประธานเปิดงาน ""วันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day) ปี 2565"" ซึ่งมีนายยงยศ ช่วยบุญ เกษตรอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน
การจัดงานในครั้งนี้ เพื่อกระตุ้นให้เกษตรกรเริ่มต้นการผลิตในปีการเพาะปลูกใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมและภูมิปัญญาที่มีความเหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อให้บริการและช่วยแก้ไขปัญหาการผลิตของเกษตรกร นำไปสู่การลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พัฒนาคุณภาพผลผลิต และเชื่อมโยงตลาด โดยมีฐานถ่ายทอดความรู้จำนวน 6 ฐาน ดังนี้ ฐานที่ 1 การทํานาหยอดกับการลดต้นทุน , ฐานที่ 2 การอารักขาพืช , ฐานที่ 3 ด้านบริหารจัดการพืชไร่ , ฐานที่ 4 ด้านการปศุสัตว์ , ฐานที่ 5 ด้านประมง และฐานที่ 6 ด้านจัดการดินและปุ๋ย
นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หน่วยงานอื่น ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมออกหน่วยบริการให้ความรู้และบริการเกษตรอื่น ๆ ให้แก่เกษตรกรผู้เข้าร่วมงานดังกล่าว
",20/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ศรีสะเกษ,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220320142639894 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่มอบเงินเยียวยาโรคลัมปี สกิน และมอบนโยบายโครงการสานฝันสร้างอาชีพ ยกระดับรายได้เกษตรกร ที่จังหวัดสุรินทร์,"ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบเงินเยียวยาโรคลัมปี สกิน และมอบนโยบายโครงการสานฝันสร้างอาชีพ ยกระดับรายได้เกษตรกรให้แก่ประชาชนชาวสุรินทร์ โดยมีนายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวต้อนรับ นายจำลอง ผูกดวง ปศุสัตว์จังหวัดสุรินทร์ กล่าวรายงาน พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าส่วนราชการ ผู้มีเกียรติ และประชาชนที่ได้รับเงินเยียวยากว่า 400 คน ร่วมกิจกรรมภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
นายจำลอง ผูกดวง ปศุสัตว์จังหวัดสุรินทร์ ถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (โรคระบาดสัตว์) ชนิดโรคลัมปี สกิน ในโคและกระบือ ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ว่า จังหวัดสุรินทร์ ได้ออกประกาศ เรื่อง เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (โรคระบาดสัตว์) ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ฉบับลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 และดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีจังหวัดสุรินทร์ มีมติรับรองไปแล้ว 7 ครั้ง รวมเกษตรกร 4,530 ราย โคและกระบือ 4,855 ตัว เป็นเงินที่ขอรับความช่วยเหลือ 114,981,000 บาท โดยคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งจะดำเนินการประชุมครั้งที่ 8 ภายในห้วงเดือนมีนาคม 2565 เพื่อรับรองการขอรับความช่วยเหลือเกษตรกรที่ยื่นคำขอความช่วยเหลือต่อไป เนื่องด้วยจังหวัดสุรินทร์ยังมีสัตว์ป่วยตาย และภัยดังกล่าวยังไม่สิ้นสุด
ในการนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ด้านปศุสัตว์ กรณีโรคระบาดสัตว์ ชนิดลัมปี สกิน (สถานการณ์การระบาดของโรคลัมปี สกิน (Lumpy skin disease : LSD) ในพื้นที่สุรินทร์ จำนวน 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ช่วยเหลือเกษตรกร 120 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิน 2,678,000 บาท ครอบคลุมเกษตรกรที่ขอรับความช่วยเหลือทั้ง 5 อำเภอ และครั้งที่ 2 ช่วยเหลือเกษตรกร 3,237 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิน 82,800,000 บาท ครอบคลุมเกษตรกรที่ขอรับความช่วยเหลือทั้ง 13 อำเภอ รวมทั้งครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 มีจำนวนเกษตรกร 3,357 และ รวมเป็นเงินทั้งสิน 85,478,000 บาท ครอบคลุมทั้งเกษตรกรที่ขอรับความช่วยเหลือ ทั้ง 14 อำเภอ
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",20/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,สุรินทร์,สวท.สุรินทร์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220320151420904 รมช.เกษตรและสหกรณ์ ชี้ พร้อมสนับสนุนปลูกข้าวอินทรีย์ และขับเคลื่อนโครงการสานฝันสร้างอาชีพและยกระดับรายได้เกษตรกรในจังหวัดสุรินทร์,"นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในการลงพื้นที่มอบเงินเยียวยาโรค ""ลัมปี สกิน"" และมอบนโยบายโครงการสานฝันสร้างอาชีพ ยกระดับรายได้เกษตรกร ที่จังหวัดสุรินทร์ ว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้มี 3 เรื่องที่ต้องขับเคลื่อน
เรื่องแรก คือ การมอบเงินเยียวยาช่วยเหลือเกษตรกรชาวสุรินทร์ที่มีผู้เลี้ยงโค-กระบือ มากที่สุดในประเทศไทยและเสียหายมากที่สุด เป็นเงินประมาณ 100 ล้านเศษ ซึ่งชาวสุรินทร์ต่างพึงพอใจในการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ร่วมกับกระทรวงการคลัง ปรับการเยียวช่วยเหลือมากกว่าเดิมถึงหนึ่งเท่าตัว
เรื่องที่ 2 คือ การสนับสนุนส่งเสริมให้จังหวัดสุรินทร์ผลักดันการปลูกข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้รักสุขภาพ เป็นที่ต้องการของตลาดในขณะนี้ และจังหวัดสุรินทร์เป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงด้านข้าวหอมมะลิด้วย
และเรี่องที่ 3 คือ การมาชี้แจงโครงการสานฝันสร้างอาชีพและยกระดับรายได้เกษตรกร ของรัฐบาลที่มีการอนุมัติงบประมาณ 30,000 ล้านบาท สนับสนุนให้ประชาชนปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ที่ใช้น้ำน้อยในช่วงหน้าแล้ง โดยสามารถยื่นกู้ได้รายละ 100,000 บาท ผ่านผู้ค้ำประกัน 2 คน โดยได้ฝากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ รับดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายของจังหวัดต่อไป
",20/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,สุรินทร์,สวท.สุรินทร์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220320155401908 เร่งขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน เดินหน้าขยายผลในทุกจังหวัดและทุกองค์กรปกครองท้องถิ่นทั่วประเทศ,"นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญการแก้ไขปัญหาก๊าซเรือนกระจกเพื่อลดภาวะโลกร้อน ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และครอบคลุมกิจกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน โดยให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศรณรงค์เชิญชวนผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป เข้าร่วมเป็นอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก เพื่อร่วมมือกันดูแลครอบครัวให้รู้จักคัดแยกขยะเปียก ขยะแห้ง ขยะพิษ รวมทั้งเป็นผู้นำในการสร้างจิตสำนึกให้แก่คนในครอบครัว ชุมชน ตำบล และหมู่บ้าน มีส่วนร่วมบริหารจัดการขยะมูลฝอย โดยใช้หลัก 3Rs หรือ 3ช : ใช้น้อย Reduce ใช้ซ้ำ Reuse และนำมาผลิตเพื่อใช้ใหม่ Recycle พร้อมรณรงค์ให้ทุกครัวเรือน จัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน ซึ่งเป็นถังขยะเปียกคัดแยกขยะครัวเรือน ณ ต้นทาง ตั้งแต่แหล่งกำเนิดให้ครบ 100% ในเดือนสิงหาคม 2565
หากครัวเรือนใดมีพื้นที่ ที่ไม่สามารถทำได้ ให้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ จัดถังขยะรวมคือ ถังขยะเปียก เพื่อรวมเศษอาหาร ขยะอินทรีย์ ถังขยะทั่วไปและถังขยะอันตราย
ที่ผ่านมาโครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน ได้จัดทำแล้วถึง 10 ล้าน 5 แสนครัวเรือน จาก 17 ล้าน 8 แสนครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ทั่วประเทศ ช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกิดภาวะโลกร้อนได้กว่า 300,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 600 ล้านตัน
นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำให้ทุกจังหวัดขยายผลให้ช่างทอผ้า ผู้ประกอบการผ้าไทย ผ้าอัตลักษณ์ทุกประเภททั่วประเทศ น้อมนำพระราชดำริ ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา งดใช้สีเคมีในการย้อมผ้า มาผลิตวัตถุดิบที่จะใช้ผลิตผ้า เพื่อไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม รวมถึงให้ทุกจังหวัด รณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนสวมใส่ผ้าไทย ภายใต้ชื่อ ผ้าไทยใส่ให้สนุก พร้อมขับเคลื่อนโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล นอกจากจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั่วประเทศแล้ว ยังตอบโจทย์การแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 สภาวะโลกร้อนและภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ให้เกิดประสิทธิภาพ สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ และเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด เพื่อป้องกันและลดการเกิดมลพิษจากแหล่งกำเนิด ทั้งยานพาหนะ การก่อสร้าง ภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจและมีส่วนร่วมตามมาตรการภาครัฐ
นางสาวนงลักษณ์ ฤทธิเดช นักวิชาการขนส่งชำนาญการ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสงขลา เปิดเผยว่า ได้ออกประกาศสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสงขลา ขอให้ระมัดระวังการเดินเรือ ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 1 เรื่องหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณอ่าวเบงกอลตอนล่าง (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 20-22 มีนาคม 2565) หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนล่าง มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไชโคลน ในช่วงวันที่ 20-22 มีนาคม 2565 คาดว่าจะเคลื่อนตัวทางทิศเหนือเข้าสู่อ่าวเบงกอลตอนบน และเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมา แม้ศูนย์กลางของพายุจะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่จะทำให้ลมที่พัดเข้าหาศูนย์กลางพายุมีกำลังแรงขึ้น และพัดปกคลุมทางด้านตะวันตกของประเทศไทย ส่งผลทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ด้านตะวันตกของภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจาก
ฝนฟ้าคะนอง และฝนตกหนักถึงหนักมากที่อาจจะเกิดขึ้นไว้ด้วย
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเสี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองนี้ไว้ด้วย
คำเตือน เพื่อความปลอดภัยและป้องกันอุบัติภัยทางน้ำที่อาจเกิดขึ้นจากการเดินเรือ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสงขลา จึงขอประกาศเตือนผู้ควบคุมเรือ เจ้าของเรือ ผูัประกอบการเดินเรือและชาวเรือใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือ และขอให้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการเดินเรือพร้อมทั้งประกาศกรมเจ้าท่าที่โดยเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้ผู้ควบคุมเรือตรวจสอบความพร้อมของสภาพตัวเรือ เครื่องยนต์ และเฝ้าติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่ติดตามการเตรียมความพร้อมแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมทั้งเป็นประธานในการประชุมเตรียมความพร้อม โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 90 พรรษา ที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จังหวัดเชียงใหม่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะ ประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เน้นย้ำถึงความห่วงใยและการให้ความสำคัญของรัฐบาล โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง และขอกำชับให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยยกระดับการทำงานเฝ้าระวัง ป้องกัน แก้ไขและควบคุมไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง ในทุกมิติ ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง และ แผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2565 1 สื่อสาร 5 ป้องกัน 3 เผชิญเหตุ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหมายให้ขยายการดำเนินงานโครงการ ชิงเก็บ ลดเผา บริหารจัดการเชื้อเพลิงให้ครอบคลุมพื้นที่ป่า พื้นที่เกษตร พื้นที่ชุมชนและพื้นที่ริมทาง เป้าหมายรวม 3,000 ตัน และเร่งรัดการดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง บริษัท SCG กับ ทส. ให้เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างรายได้และแรงจูงใจให้เกิดความร่วมมือ ตลอดจนให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่ เตรียมความพร้อมของเครื่องมือและอุปกรณ์ให้มีสภาพดี พร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลา
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประชุมเตรียมความพร้อมโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 90 พรรษา โดยเน้นกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดงาน เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ และเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความสมานฉันท์สามัคคี และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ของหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาชน รวมถึงเพื่อเป็นการสร้างความตระหนักในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้แก่เยาวชนและประชาชน และร่วมฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศของประเทศ
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่สู่ผู้ประกอบการ ในการประชุมและตรวจเยี่ยมการดำเนินงานส่งเสริมการเกษตร การผลักดันเกษตรกรรุ่นใหม่เป็นเกษตรกรปราดเปรื่อง ผู้ประกอบการและกิจกรรมแปลงใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ ให้ความสำคัญในการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ให้เป็น Young Smart Farmer ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาภาคเกษตรกรรมของไทย อีกทั้งยังเป็นการเตรียมพร้อมกับการสร้างบุคลากรด้านการเกษตรรุ่นใหม่ให้มีความทันสมัย สามารถทำการเกษตรได้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบันและเป็นกำลังสำคัญของภาคเกษตรสำหรับรองรับการเป็นครัวโลกในอนาคต นอกจากนี้ ยังมุ่งหวังให้เกษตรกรรุ่นใหม่มีการประกอบอาชีพการเกษตรให้แก่เยาวชน เกษตรกรและบุคคลทั่วไป รวมถึงสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานส่งเสริมการเกษตรและองค์กรเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ชุมชนสามารถเติบโตทางเศรษฐกิจจากฐานการเกษตรได้ต่อไป
ด้านนายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2557 2564 แบ่งเป็น Step 1 Getting Idea หรือการปรับกระบวนทัศน์สู่การเป็นผู้ประกอบการเกษตร ปัจจุบันมีเกษตรกรรุ่นใหม่ได้รับการพัฒนาเป็น Young Smart Farmer ของกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน 18,215 ราย Step 2 Set up Project หรือการเริ่มต้นประกอบกิจกรรมการเกษตรในเชิงธุรกิจเกษตร ปัจจุบันมี Young Smart Farmer ได้รับการพัฒนา จำนวน 6,152 ราย Step 3 Startup หรือการพัฒนาสู่การเป็นผู้ประกอบการเกษตรเต็มตัว ปัจจุบันมี Young Smart Farmer ได้รับการพัฒนาต่อยอด จำนวน 1,003 ราย และการพัฒนาสู่การเป็นผู้ประกอบการเกษตรสากล
ปัจจุบันมี Young Smart Farmer ได้รับการพัฒนาต่อยอด จำนวน 100 รายนอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนการทำงานของเครือข่าย Young Smart Farmer โดยการจัดตั้งศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ (ศบพ.) จังหวัดละ 1 ศูนย์ รวม 77 ศูนย์ทั่วประเทศ และได้ขยายผลการดำเนินงานให้ครอบคลุมพื้นที่ระดับอำเภอและชุมชน ทำให้เกิดเครือข่ายศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น จำนวน 592 ศูนย์ เพื่อเป็นศูนย์กลางการทำงานของเครือข่าย Young Smart Farmer ระดับจังหวัด
",20/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220320212611976 กษ.ศรีสะเกษ ลงพื้นที่ร่วมกับเกษตรอำเภอน้ำเกลี้ยงและพายุห์ เร่งขับเคลื่อนการเกษตรระดับหมู่บ้านสู่การผลิตสินค้าเกษตรมูลค่าสูง,
สำนักงานกเกษตรและสหกรณ์จังหวัดศรีสะเกษ ภายใต้การอำนวยการของ นายนาวิน ป้องกัน เกษตรและสหกรณ์จังหวัดศรีสะเกษ ได้มอบหมายให้ นายธนาวิทย์ แสวงผล นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ/ หัวหน้ากลุ่มช่วยเหลือเกษตรกรและโครงการพิเศษ พร้อมด้วย นางบุษบา สุขศรี นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดศรีสะเกษ ลงพื้นที่หารือแนวทางการขับเคลื่อนโครงการขับเคลื่อนการเกษตรระดับหมู่บ้านสู่การผลิตสินค้าเกษตรมูลค่าสูง ร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอน้ำเกลี้ยง และสำนักงานเกษตรอำเภอพยุห์ จังหวัดศรีสะเกษ
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,20/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ศรีสะเกษ,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220320180109946 เกษตรกรในจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดแพคเกจเอาใจเจ้าของไร่ที่ไม่มีเวลา บริการไถ ปลูก ดูแล แบบเหมาจ่าย ยกทีมทำงานกว่า 20 ชีวิต สร้างรายได้ดีช่วงสถานการณ์โควิด-19,ที่บ้านไชยวาร หมู่ 9 ตำบลหนองบัว อำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ กลุ่มเกษตรกรกว่า 20 คน รวมตัวกันบริการด้านการเกษตรแบบครบเซท เอาใจเจ้าของไร่นาที่ไม่มีเวลาปลูกพืชผลทางการเกษตร ตั้งแต่ไถเตรียมดิน ปลูก ดายหญ้าจนถึงเก็บผลผลิต โดยคิดเป็นแบบเหมาจ่ายค่าแรง คิดเป็นไร่ละ 300-500 บาท ไม่รวมค่าไถเตรียมดิน ซึ่งใน 1 วัน สามารถให้บริการได้กว่าวันละ 20 ไร่
ด้าน นางหนูเจน แก้วพรม เจ้าของไร่ กล่าวว่า ตนมีที่นา 6 ไร่ ที่เป็นที่ว่าง ซึ่งได้ว่าจ้างให้กลุ่มนี้มาดำเนินการปลูกให้ ซึ่งเป็นมันสำปะหลัง แต่มีท่อนพันธุ์แล้ว ทางกลุ่มคิดค่าบริการเหมาไร่ละ 300 บาทเท่านั้น ที่ตนเลือกใช้บริการเพราะอายุมากแล้ว มีไร่มันสำปะหลังที่ทำมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จึงต้องดำเนินการต่อดีกว่าจะปล่อยเป็นพื้นที่ว่าง ประหยัดทั้งแรงตนและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ รวมถึงระยะเวลาที่เร็วขึ้น ซึ่งหลังจากนี้ถึงช่วงเก็บเกี่ยว ตนก็จะจ้างกลุ่มนี้มาเก็บเกี่ยวผลผลิตเช่นเดิม เพราะส่วนตัวมองว่าเป็นการสนับสนุนชาวบ้านด้วยกัน ช่วงสถานการณ์ยากลำบาก
นางเทียมจันทร์ จุนันท์ หนึ่งในกลุ่มผู้รับเหมา กล่าวว่า ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ทำให้ไม่ได้ออกไปทำงานในต่างพื้นที่ จึงได้รวมตัวกันกับชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่รับเหมาบริการทางการเกษตรแบบครบวงจร ซึ่งตนมองว่าสามารถทำรายได้ตลอดทั้งปี เพราะพืชพรรณทางการเกษตรที่ปลูก ต้องดูแลรักษาจนถึงขั้นเก็บเกี่ยวผลผลิต ส่วนมากจะเป็นเกษตรกรที่ไม่มีเวลา จึงได้คิดแพคเกจนี้มาบริการ ซึ่งหลังเสร็จงานค่าแรงทุกคนได้เท่ากัน บางวันตกคนละ 600-800 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนไร่ที่รับเหมาและปริมาณที่ทำได้ในแต่ละวัน ซึ่งก็พอที่จะเป็นรายได้จุนเจือครอบครัวและค่าใช้จ่ายช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาด และได้ทำงานที่บ้านเกิดด้วย
,20/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ขอนแก่น,สทท.ขอนแก่น,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220320175904944 เหมาหมดสวน ทุเรียนเขาบรรทัด ก.ก.ละ 220 บาท,นายชายดาว ขำวงษ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 บ้านคลองมะนาว ตำบลไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เปิดเผยถึงสถานการณ์การทำสวนทุเรียนของเกษตรกรชาวสวนในตำบลไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ว่า สวนทุเรียนของเกษตรกรชาวสวนทุเรียนส่วนใหญ่ จะมีพื้นที่ปลูกทุเรียนตามเชิงเขาบรรทัด ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยรวมแล้วจะมีพื้นที่สวนทุเรียนนับพันไร่ ทั้งทุเรียนเก่า และทุเรียนปลูกใหม่ ซึ่งทุเรียนของตำบลไม้รูดจะเป็นทุเรียนที่เป็นดินเชิงเขาบรรทัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุต่างๆ ประกอบกับสภาพอากาศที่ใกล้ชายทะเล ทำให้มีลมทะเลพัดโชยมาตลอดเวลา ส่งผลให้สภาพพื้นที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ ที่ช่วยเสริมสร้างความสมบูรณ์ให้กับทุเรียนและผลไม้ต่างๆ นอกจากนี้หลายสวนยังมีสภาพพื้นดินที่มีส่วนผสมของทรายแก้ว ซึ่งเป็นทรายที่ใช้ในอุตสาหกรรมทำแก้ว ทุเรียนไม้รูดจึงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่มีรสชาติหวาน หอม กลมกล่อม เนื้อเหนียวแห้ง นุ่มนวล ซึ่งก็มีทุเรียนหลากหลายพันธุ์ ทั้งหมอนทอง กระดุม ชะนี ก้านยาว เป็นต้น
สำหรับสวนทุเรียนของผู้ใหญ่ชายดาว มีทั้งทุเรียนรุ่นเก่าอายุ 50 ปี และทุเรียนรุ่นใหม่เพิ่งปลูกอายุ 3-4 ปี ทั้งหมดเป็นทุเรียนพันธุ์หมอนทอง ซึ่งเป็นทุเรียนที่ตลาดมีความต้องการมาก และยังมีทุเรียนพันธุ์ชะนีบ้างแต่ไม่มากนัก ทั้งหมดปลูกในพื้นที่ 10 ไร่ด้วยกัน โดยทุเรียนของตนเองดอกบานระหว่างวันที่ 15-25 ธันวาคม 2564 และจะครบกำหนดเก็บเกี่ยวในต้นเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ (โดยนับตั้งแต่ดอกบานถึงวันเก็บเกี่ยวต้องใช้เวลา 120 วัน)
นายชายดาวเล่าต่อว่า ทุเรียนตำบลไม้รูด เป็นทุเรียนคุณภาพทั้งจากสภาพดินภูเขา สภาพอากาศชายทะเล และแร่ธาตุต่างๆ ตลอดจนการดูแล บำรุงรักษาของเกษตรกรชาวสวน แต่ทางจังหวัดตราดกลับไม่เห็นคุณค่า ให้ความสำคัญแค่ถนนทุเรียนที่ตำบลอ่าวใหญ่เท่านั้น แต่จากคุณภาพ และชื่อเสียงของทุเรียนไม้รูดที่ผ่านมาหลายปี ผลผลิตไม่พอจำหน่าย และเก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนทุเรียนจากท้องที่อื่นเช่นกัน โดยพ่อค้าจะเหมาซื้อผลผลิตทั้งสวน สำหรับพันธุ์หมอนทอง ในราคากก.ละ 220 บาท และพันธุ์ชะนี กก.ละ 180 บาท คาดว่าปีนี้ชาวสวนจะได้เงินจากการขายทุเรียนเป็นกอบเป็นกำไปตามๆ กัน
นายชายดาวบอกว่า ตนเองทำสวนทุเรียนตั้งแต่อายุ 21 ปี จนปีนี้อายุ 55 ปีแล้ว หลังประสบความสำเร็จจากการทำสวนทุเรียน มีเกษตรกรชาวสวนพากันปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้น ทำให้ถนนสาย 3 ต่อจากศูนย์ราชการุณย์สภากาชาดไทยเขาล้าน เลียบเชิงเขาบรรทัดมีสวนทุเรียนปลูกเรียงราย เป็นวิวทิวทัศน์เชิงเขาบรรทัดที่สวยงาม นักท่องเที่ยวจะได้เที่ยวชมภาพความสวยงามของสวนทุเรียนเชิงเขาบรรทัดระหว่างเดินทางมาท่องเที่ยวอำเภอคลองใหญ่อีกด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,20/3/2022,ภาคตะวันออก,ตราด,สวท.ตราด,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220320204302956 กอนช. ขอให้ระวังเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้ 12 จังหวัด ช่วง 21 24 มี.ค.นี้,กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ระวังเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้ 12 จังหวัด ช่วงวันที่ 21 24 มีนาคมนี้
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ออกประกาศเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก เนื่องจากอิทธิพลหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณอ่าวเบงกอลตอนล่าง หลังกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณอ่าวเบงกอลตอนล่าง มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไซโคลนช่วงวันที่ 20 22 มีนาคม คาดว่า จะเคลื่อนตัวทางทิศเหนือเข้าสู่อ่าวเบงกอลตอนบนและเข้าปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมา แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่จะทำให้ลมที่พัดเข้าหาศูนย์กลางพายุมีกำลังแรงขึ้นและพัดปกคลุมทางด้านตะวันตกของไทย ส่งผลให้ไทยมีฝนเพิ่มขึ้นโดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก และฝั่งตะวันออก เบื้องต้น กอนช.ได้ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์ (ONE MAP) ของกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พบมีพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากช่วงวันที่ 21 24 มีนาคม บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง กระบี่ พังงา ตรัง ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรับมือ พร้อมติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตรในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ รวมทั้ง ปรับแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ พร้อมพิจารณาความเหมาะสมการระบายน้ำในลำน้ำและแม่น้ำให้สอดคล้องกับการขึ้น ลงของระดับน้ำทะเล
,20/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220320212820979 กอนช. ขอให้ประชาชนทั่วประเทศระวังเกิดฝนตกหนักและบางพื้นที่มีลมกระโชกแรง พร้อมระวังเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 19 จังหวัด,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนทั่วประเทศระวังเกิดฝนตกหนักและบางพื้นที่มีลมกระโชกแรง พร้อมระวังเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 19 จังหวัด
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (21 มี.ค.65) ว่า ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรง ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง หลังกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ช่วงวันที่ 21 - 22 มีนาคม พายุดีเปรสชันบริเวณอ่าวเบงกอลตอนกลางทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักมากบริเวณ จ.กรุงเทพมหานคร 115 มิลลิเมตร , นครศรีธรรมราช 97 มิลลิเมตร และพังงา 101 มิลลิเมตร ซึ่งต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากบริเวณ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา สุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส
ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 28,203 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 49 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 22,290 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 47 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล อ่างเก็บน้ำแม่จาง และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
",21/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321094715008 จังหวัดตรัง ขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมการบริโภคผักปลอดภัยตามแนวเกษตรอินทรีย์วิถีเมืองตรัง,นางนิตยา จันทร์ประทีป เกษตรอำเภอเมืองตรัง และนักวิชาการส่งเสริมการเกษตรสำนักงานเกษตรอำเภอเมืองตรัง พร้อมนักวิชาการส่งเสริมการเกษตร กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง ขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมการบริโภคผักปลอดภัยตามแนวเกษตรอินทรีย์วิถีเมืองตรัง ณ ศาลาหมู่บ้าน หมู่ที่ 3 ตำบลนาบินหลา อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง โดยร่วมประชุมเพื่อร่วมกันวางแผนการพัฒนา แลกเปลี่ยนปัญหา อุปสรรค และติดตามผลการปลูกผักยกแคร่ของสมาชิกผู้เข้าร่วมโครงการฯ อำเภอเมืองตรัง ปัญหาที่พบส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาด้านแมลง ได้แนะนำวิธีการป้องกันแมลง ได้แก่ การใช้น้ำส้มควันไม้ไล่แมลง และการปลูกผักที่มีกลิ่นฉุนไว้บริเวณรอบแปลงผักยกแคร่ เพื่อไล่แมลงศัตรูพืช ในด้านตลาดสมาชิกส่วนใหญ่จะเน้นบริโภคในครัวเรือนเป็นหลัก ทำให้สามารถลดรายจ่ายภายในครัวเรือนได้เป็นอย่างดี
สำหรับแนวทางขับเคลื่อนต่อไปเป้าหมายของอำเภอเมืองตรัง คือ การอนุรักษ์พันธุกรรมผักพื้นบ้าน ซึ่งจะนำร่องปลูกผักพื้นบ้านในโรงเรือนผักยกแคร่ เช่น ผักกาดนกเขา บัวบกบ้าน ผักลำปะสี แส้ เป็นต้น ทั้งนี้ สมาชิกฯ ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนแปลงโรงเรือนผักยกแคร่ ของ นางสาวสมพิษ รงรักษ์ พื้นที่หมู่ที่ 3 ตำบลนาบินหลา ซึ่งได้มีการปลูกผักชี เพื่อนำไปจำหน่ายในตลาดเกษตรกรจังหวัดตรังต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,21/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321094144004 สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง ติดตามเยี่ยมเยียนความก้าวหน้าโครงการยกระดับผลิตภัณฑ์และมาตรฐานสินค้าเกษตรแปรรูปเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชน จังหวัดตรัง,"
สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง โดยนายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง มอบหมายให้ นางสาวกำไลทิพย์ เศรษฐ์วิชัย หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงาน ร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอสิเกา ลงพื้นที่ติดตามเยี่ยมเยียนวิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพบ้านบางค้างคาว ตำบลเขาไม้แก้ว และวิสาหกิจชุมชนแปรรูปกล้วยและขนมพื้นบ้าน ตำบลบ่อหิน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง
ทั้งนี้ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพบ้านบางค้างคาว ตำบลเขาไม้แก้ว และวิสาหกิจชุมชนแปรรูปกล้วยและขนมพื้นบ้าน ตำบลบ่อหิน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และมาตรฐานสินค้าเกษตรแปรรูปวิสาหกิจชุมชน เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับสินค้าเกษตรแปรรูป และเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจของวิสาหกิจชุมชน เรื่องวิสาหกิจชุมชนทั้ง 2 แห่ง ดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการแปรรูปสินค้าทางการเกษตร อาทิ เครื่องแกง ขนมอบ ขนมพื้นเมือง หลังจากการได้รับสนับสนุนงบประมาณเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทำให้สามารถเพิ่มปริมาณของสินค้าเพราะมีกำลังการผลิตวัสดุอุปกรณ์ที่ทันสมัยสะดวกสบายมากขึ้น เป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่สมาชิกวิสาหกิจชุมชนทั้ง 2 แห่ง
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",21/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321094348006 เกษตรย่านตาขาว ร่วมกับกลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง ลงพื้นที่พัฒนา ศจช.ต้นแบบ ด้านการจัดการศัตรูพืชโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ตำบลทุ่งค่าย,"
นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอำเภอย่านตาขาว มอบหมายให้ นางแพรวพรรณ ทองพิทักษ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ ร่วมกับนางสุภัชชา ณ พัทลุง หัวหน้ากลุ่มอารักขาพืช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง ลงพื้นที่จัดกิจกรรมพัฒนา ศจช.ต้นแบบ ด้านการจัดการศัตรูพืชโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 10 ราย ณ ที่ทำการแปลงใหญ่สละสุมาลี หมู่ที่ 7 ตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่กลุ่มอารักพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดตรังได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช พร้อมทั้งสาธิตวิธีการผลิตเชื้อบิวเวอร์เรีย เมตาไรเซียม ในการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชหลายชนิด เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถนำความรู้ที่ได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมไปใช้ในแปลงเกษตรของตนเองได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมมากที่สุด
สำหรับ ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน (ศจช.) จัดตั้งขึ้นจากการรวมกลุ่มของเกษตรกรเพื่อการจัดการศัตรูพืชในพื้นที่ของตนเองและชุมชน โดยสมาชิกศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนได้รับการถ่ายทอดความรู้จากเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร และนำความรู้ไปดำเนินการจัดการศัตรูพืชด้วยตนเอง ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรใช้ ศจช. เป็นกลไกและเครือข่ายของการจัดการศัตรูพืช ในการแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรจากการระบาดของศัตรูพืชและเป็นศูนย์กลางการพัฒนาเกษตรกร ชุมชน และท้องถิ่น โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (participatory learning) ตามกระบวนการโรงเรียนเกษตรกร(Farmer Field School : FFS) เพื่อให้สามารถจัดการศัตรูพืชได้ด้วยตนเองอย่างครบวงจรและยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีการควบคุมศัตรูพืชที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งจะนำไปสู่ความเข้มแข็งในอาชีพเกษตรกรรม และรักษาสมดุลของระบบนิเวศทางการเกษตร พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้นโดยมีเกษตรกร ชุมชน และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการ
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",21/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321094540007 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือสูงในระดับสีส้มบริเวณ ต.จองคำ จ.แม่ฮ่องสอน ส่วน กทม.และปริมณฑลคุณภาพอากาศดีทุกพื้นที่,"ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือสูงในระดับสีส้มบริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีทุกพื้นที่
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (21 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีมากถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นหลายพื้นที่ปรับตัวลดลงจากฝนที่ตกลงมาในหลายพื้นที่ แต่ยังมีบางพื้นที่เกินเกณฑ์มาตรฐานระดับสีส้ม 1 พื้นที่ใน บริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งต้องเฝ้าระวังจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นพิเศษ หากมีแหล่งกำเนิดในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงจะมีโอกาสที่ค่าฝุ่นละอองสูงขึ้นถึงวันที่ 22 , 27 และ 28 มีนาคม ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 23 - 28 มีนาคม แล้วต้องเฝ้าระวังช่วงวันที่ 22 - 25 มีนาคมภาคเหนือมีโอกาสเกิดฝนตกหลายพื้นที่
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงดี โดยค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัด ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 22 - 28 มีนาคม
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
",21/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321100344015 สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ทำสำเร็จฟื้นฟูนกกระสาคอขาวปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ที่อ่างเก็บน้ำนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์,นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดำเนินโครงการวิจัย การฟื้นฟูพฤติกรรมนกกระสาคอขาวและการทดลองปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ จังหวัดบุรีรัมย์ หนึ่งในพื้นที่ป่าอนุรักษ์มรดกโลก ดินแดนแห่ง เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม เลิศล้ำเมืองกีฬา ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว) และบริษัทแปซิฟิค เฮลธ์ แคร์ จำกัด เพื่อให้นกกระสาคอขาวที่เป็นนกกระสาขนาดกลางที่แทบไม่พบแล้วในธรรมชาติของประเทศไทยได้ฟื้นฟูประชากรขึ้นได้ใหม่อีกครั้ง
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้สวนสัตว์เปิดเขาเขียว องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย มีการใช้กระบวนการศึกษาวิจัยและใช้เวลานานหลายสิบปีจึงประสบความสำเร็จในการขยายพันธุ์นกกระสาคอขาวจากจำนวนไม่กี่ตัว จนมีฐานประชากรนกกระสาคอขาวที่มั่นคง มีจำนวนมากพอและมีองค์ความรู้ที่จะจัดทำโครงการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อกู้วิกฤติก่อนการสูญพันธุ์ครั้งนี้ รวมถึงคืนความสมดุลสู่ระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำและสร้างต้นทุนให้กับพื้นที่ธรรมชาติที่ทำการปล่อยสำหรับสรรพชีวิตต่างๆ
การนำนกกระสาคอขาวปล่อยคืนสู่พื้นที่ธรรมชาติ ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก ซับซ้อน ท้าทายและต้องใช้เวลาดำเนินงานนานมาก นักวิจัยและทีมงานกลุ่มเล็กๆ ต้องพยายามเก็บข้อมูลหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูพฤติกรรมตามธรรมชาติให้นกกระสาคอขาวที่เกิดและเติบโตในสภาพการเพาะเลี้ยงอยู่นานกว่า 3 ปี การคัดเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการทดลองปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ การดำเนินงานการขออนุญาตที่เป็นไปตามกฎหมาย การดำเนินการปล่อยที่เป็นไปตามแนวทางการปล่อยสัตว์คืนสู่ธรรมชาติของ IUCN SSC และ AZA Guideline ตลอดจนการศึกษาเทคนิคที่จะใช้ในการติดตามตัวสัตว์ที่เหมาะสม
โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2563 สวนสัตว์เปิดเขาเขียวได้เริ่มทดลองปล่อยนกกระสาคอขาวที่ได้รับการฟื้นฟูพฤติกรรมปล่อยคืนสู่ธรรมชาติในพื้นที่สวนสัตว์ฯ จำนวน 6 ตัว ในจำนวนนี้ 1 ตัว ได้แบกสัมภาระที่เป็นอุปกรณ์ติดตามตัวขนาดเล็กไปด้วย จำนวน 1 เครื่อง (แบบว่าไปไหนมาไหนเราจะทราบ) เพื่อการทดสอบความเป็นไปได้ทางเทคนิคต่างๆ และการศึกษานิเวศการแพร่กระจายภายหลังการปล่อย ข้อมูลที่ได้ถูกนำมาใช้ในกระบวนการปล่อย ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ จังหวัดบุรีรัมย์ในเวลาต่อมา ซึ่งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นพื้นที่ที่ได้รับการประเมินจากสวนสัตว์เปิดเขาเขียว และสำนักอนุรักษ์ และวิจัย องค์การสวนสัตว์ฯ แล้วว่าเป็นพื้นที่ที่เหมาะสม
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564 นกกระสาคอขาวที่ได้รับการคัดเลือกจำนวน 14 ตัว ถูกเคลื่อนย้ายเข้าสู่กรงพักสัตว์ที่เป็นกรงเตรียมปล่อย (กรง soft release) ที่สร้างขึ้นมาสำหรับการนี้โดยเฉพาะ ณ พื้นที่ป่าอนุรักษ์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อให้นกมีการปรับตัวและเรียนรู้สภาพแวดล้อมตามธรรมชาติที่จะเป็นบ้านแห่งใหม่ให้กับพวกเค้าในเวลาต่อมา จากจำนวน 14 ตัวนี้มีนกเพศผู้ 2 ตัว รับบทนำเครื่องระบุพิกัดตำแหน่ง GPS ขนาดเล็กติดตัวไปด้วย
วันที่ 28 กรกฎาคม 2564 ซึ่งตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เหล่านกกระสาคอขาวทั้ง 14 ตัว ที่กล้าแกร่งมากเพียงพอแล้วจึงได้เริ่มออกโบยบินสู่ธรรมชาติอันกว้างใหญ่เป็นครั้งแรกของชีวิต ถึงตอนนี้แม้จะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นในการออกเดินทางอันแสนยาวไกลของเหล่านกกระสาคอขาว แต่ทีมงานวิจัยจากสวนสัตว์เปิดเขาเขียวและพันธมิตรกลุ่มเล็กๆ นี้ก็หวังว่าคนไทยทุกคนจะช่วยกันส่งกำลังใจให้กับนกกระสาคอขาวตัวน้อยที่เป็นกลุ่มตัวแทนของพี่น้องนกกระสาคอขาวอีกหลายสิบชีวิตที่กำลังอยู่ระหว่างการฝึกฝนทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตอย่างขะมักเขม้น ในการเข้าต่อสู้กับวิกฤติการสูญพันธุ์ในประเทศไทย ให้พวกเค้าได้รับโอกาสในการอยู่รอด มีการแพร่กระจายตั้งต้นเผ่าพันธุ์ใหม่ในบ้านตามธรรมชาติของพวกเค้าได้อีกครั้ง
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลงจากฝนที่ตกลงมาหลายพื้นที่ แต่จังหวัดแม่ฮ่องสอนยังพบสูงสุดอยู่ ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเมียนมายังสูงกว่า 4,400 จุด ส่งผลกระทบแนวชายแดนภาคเหนือของประเทศไทย
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (20 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 192 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 74 จุด //พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 61 จุด // พื้นที่เกษตร 25 จุด // พื้นที่เขต สปก. 17 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 13 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 2 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด คือ แม่ฮ่องสอน 112 จุดสูงสุดติดต่อกัน 10 วัน รองลงมาเป็น ร้อยเอ็ด 9 จุด และเชียงใหม่ 8 จุด โดยจุดความร้อนลดลงกระจายตัวเบาบางหลายภูมิภาค เพราะเกิดฝนตกจากพายุฝนฟ้าคะนอง แต่ภาคเหนือยังพบจุดความร้อนกระจุกตัวอยู่บางพื้นที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 20 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 11,650 จุด , ภาคเหนือ 10,789 จุด และภาคกลาง 6,104 จุด ส่วนวันนี้คุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยรวมทั้งประเทศอยู่ในระดับดีถึงดีมาก ยกเว้นจังหวัดแม่ฮ่องสอน
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาติดต่อกัน 22 วันวันนี้พบสูง 4,467 จุด รองลงมาเป็น สปป.ลาว 566 จุด และเวียดนาม 255 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมาส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",21/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321102706032 เกษตรฯ แม่ฮ่องสอน จัดอบรมเทคนิคการขายสินค้าและการตลาดออนไลน์ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของวิสาหกิจชุมชน,นายขจรศักดิ์ชนัน จิตภิลัย เกษตรจังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบหมายให้นางสาวบุตร์ชล สุวรรณลพ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ นางสาวพชรวลัย เอี่ยมอาภรณ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ และนางสาวรชนีกร ศรีบุญเรือง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ ร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอปางมะผ้า จัดอบรมพัฒนาทักษะวิสาหกิจชุมชนด้านการแปรรูปสินค้าเกษตร การพัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ และการตลาด ให้แก่วิสาหกิจชุมชน โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และมาตรฐานสินค้าเกษตรแปรรูป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ และคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรแปรรูปให้แก่วิสาหกิจชุมชน ซึ่งได้ถ่ายทอดความรู้ในเรื่องเทคนิคการขายสินค้าและการตลาดออนไลน์ การจัดทำแผนธุรกิจอย่างง่าย (BMC) และจัดทำแผนความต้องการการพัฒนากระบวนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของวิสาหกิจชุมชน ณ ที่ทำการวิสาหกิจชุมชนชูบี หมู่ 3 ตำบลถ้ำลอด อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,21/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321104317043 ยะลา ธ.ก.ส. จับมือ อุตสาหกรรม หนุนเกษตรกร - ผู้ประกอบการธุรกิจชุมชน พัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน,"สำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (.ก.ส.) จ.ยะลา ร่วมกับ สำนักงานอุตสาหกรรม จ.ยะลา จัดทำโครงการสนับสนุนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ของเกษตรกรลูกค้า(A-Product) และผู้ประกอบการธุรกิจชุมชน โดยมีความมุ่งหวังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตผู้ประกอบการเพิ่มโอกาสทางการตลาด การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกษตรและเกษตรแปรรูป อันจะสร้างรายได้ เกิดการจ้างงานสร้างอาชีพให้แก่เกษตรกรลูกค้าและผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น และส่งเสริมบทบาทการเป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืนมุ่งสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชนบทนั้น
วันนี้ (21มี.ค.65) ทางด้านนายนวรัฐ ทองพูน ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.ยะลา พร้อมด้วย นายสมบัติ สุวรรณมณี อุตสาหกรรมจังหวัดยะลา ได้ส่งมอบบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับเครื่องหมาย A-Product ให้แก่ลูกค้าและผู้ประกอบการธุรกิจชุมชน คัดเลือกผลผลิตของเกษตรกรลูกค้า ที่มีมาตรฐานตามวิธีปฏิบัติธนาคารตามโครงการ A product เพื่อนำมาพัฒนาต่อยอดให้เป็นที่รู้จัก ผ่านการสนับสนุนและช่องทางการตลาดของ ธ.ก.ส. เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาด สร้างความมั่นใจด้านคุณภาพให้แก่ผู้บริโภค และเพิ่มโอกาสจำหน่ายผลิตภัณฑ์ สร้างรายได้ให้แก่สมาชิกและชุมชน สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
โดยมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จ.ยะลา จำนวน 6 ผลิตภัณฑ์ เข้าร่วม ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ ""ข้าวบุดี"" /ผลิตภัณฑ์ ""ลูกหยีอีชัน"" / ผลิตภัณฑ์ ""ทุเรียนทอดกรอบตรา เจ้จุ่ม เบตง โอเค เบตง"" / ผลิตภัณฑ์ ""ผ้ามัดย้อมสีมายา"" /ผลิตภัณฑ์ ""กาละแม หน่อไม้ ""
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",21/3/2022,ภาคใต้,ยะลา,สทท.ยะลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321122427085 สสก.5 ติดอาวุธให้เจ้าหน้าที่ภาคใต้ พร้อมเป็นที่ปรึกษาเกษตรกร เร่งพัฒนาสินค้าสู่การรับรอง GAP,"
นายอนุชา ยาอีด ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันภาคใต้มีเกษตรกรที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP แล้ว จำนวน 54,589 ราย ซึ่งถือว่ายังมีจำนวนน้อย เกษตรกรทุกรายควรได้รับการรับรอง ซึ่งตามภารกิจแล้ว กรมส่งเสริมการเกษตรทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่เกษตรกร และกรมวิชาการเกษตรจะเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นหน่วยตรวจให้การรับรอง
ดังนั้น เพื่อให้เกษตรกรพัฒนาสินค้าให้เข้าสู่มาตรฐาน GAP ให้มากขึ้น จึงได้ร่วมกันสร้างการรับรู้ และเร่งพัฒนาเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร ให้พร้อมเป็นที่ปรึกษาและตรวจประเมินแปลงเบื้องต้นตามข้อกำหนด ก่อนการยื่นขอตรวจรับรองจริงโดยกรมวิชาการเกษตร
ในปี 2565 กรมส่งเสริมการเกษตรมีเป้าหมายดำเนินการส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรสู่มาตรฐานภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมการเกษตรในการรับรองมาตรฐาน GAP ให้แก่เกษตรกรผู้ผลิตพืชอาหาร จำนวน 15,000 ราย โดยเน้นพื้นที่ที่มีการส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ และแปลงทั่วไปที่มีศักยภาพทางการผลิตและการตลาด ภาคใต้ได้รับเป้าหมายเกษตรกรให้ดำเนินการ จำนวน 3,926 ราย โดยเกษตรกร ที่จะเข้าร่วมต้องเป็นเกษตรกรที่ยังไม่เคยเข้ารับการอบรมเรื่องมาตรฐาน GAP หรือเกษตรกรรายเดิมที่ยังไม่ผ่านการประเมินแปลงเบื้องต้นจากกรมส่งเสริมการเกษตร เกษตรกรที่ผลิตสินค้าเกษตรที่อยู่ในขอบข่ายการตรวจรับรองของกรมวิชาการเกษตร โดยพื้นที่ในการผลิต ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย หรือ มีเอกสาร/หนังสือรับรอง)
ทั้งนี้ เกษตรกรที่สนใจ สามารถติดต่อเพื่อเข้าร่วมโครงการได้ที่สำนักงานเกษตรจังหวัด และสำนักงานเกษตรอำเภอที่ตั้งอยู่ในพื้นที่
นายอนุชา กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรมีการพัฒนาสินค้าเกษตรสู่มาตรฐาน เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรเองจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการผลิตสินค้าเกษตรตามหลักการของมาตรฐาน GAP และสามารถที่จะถ่ายทอดความรู้ให้แก่เกษตร ตลอดจนเป็นที่ปรึกษาให้แก่เกษตรกรในพื้นที่รับผิดชอบได้
สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา จึงได้จัดอบรมพัฒนาความรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 100 คน โดยได้เชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานของกรมวิชาการเกษตร สถาบันการศึกษา รวมทั้งกรมส่งเสริมการเกษตรเอง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรที่เข้าอบรมได้รับความรู้ที่จะนำไปปฏิบัติงานในพื้นที่ได้มากที่สุด โดยได้ดำเนินการเสร็จสิ้นครบทุกรุ่นแล้ว ในไตรมาส 2 พร้อมที่จะไปปฏิบัติงานเป็นที่ปรึกษาให้เกษตรกรต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",21/3/2022,ภาคใต้,สงขลา,สทท.สงขลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321133509110 พัฒนาเส้นไหมไทยพื้นบ้าน เส้นพุ่งสำหรับทอผ้า สร้างอัตลักษณ์ให้กับไหมไทย,นายปราโมทย์ ยาใจ อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า ในกระบวนการทอผ้าประกอบด้วยเส้นพุ่งและเส้นยืนนำมาทอเป็นผืนผ้า ซึ่งในการผลิตเส้นไหมเพื่อใช้ในการทอผ้านั้น เส้นไหมที่ได้จากการสาวไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้านส่วนใหญ่จะนำมาทำเป็นไหมเส้นพุ่งเพื่อการทอผ้า เนื่องจากเส้นใยมีความยาวค่อนข้างสั้น คือประมาณ 250 300 เมตร แต่นำมาทำเป็นเส้นยืนสำหรับทอผ้าได้ยาก
กรมหม่อนไหม จึงร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิ พัฒนาเทคนิคและวิธีการสาวไหมและตีเกลียว เพื่อให้สามารถทำเส้นไหมยืนและเส้นไหมพุ่งจากไหมไทยพื้นบ้านด้วยวิธีการที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เกษตรกรสามารถทำได้เอง เส้นไหมที่สาวได้มีลักษณะกลม มีการรวมตัวของเส้นไหมดี เส้นไหมมีความแน่น ไม่แตก เมื่อนำไปทอผ้าจะได้ผ้ามีคุณภาพดีมาก เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการสาวไหมทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพเส้นไหมโดยรวมของประเทศ เพื่อเป็นวัตถุดิบในการทอผ้าไหมได้ผ้าไหมคุณภาพ เป็นการสร้างอัตลักษณ์ให้กับไหมไทยและสามารถจำหน่ายได้ราคาสูงเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร อีกทั้งยังสามารถพัฒนาเป็นผ้าไหมลักษณะพิเศษที่มีความนุ่มพลิ้วได้
สำหรับกระบวนการทำเส้นไหมเส้นยืนนั้น มีเทคนิคและวิธีการที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน โดยจุดเด่นของกระบวนการนี้คือ สามารถนำรังไหมรังเหลืองจากไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้านมาทำเป็นเส้นไหมได้ตามความต้องการ ทั้งไหมเส้นพุ่งและไหมเส้นยืน เส้นไหมที่สาวได้มีลักษณะกลม มีการรวมตัวของเส้นไหมดี เส้นไหมไม่แตก สามารถนำมาทอผ้าไหมคุณภาพสูง หรือผ้ากิโมโนได้
นอกจากนี้ เกษตรกรสามารถทำได้เอง ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน และสามารถสาวเส้นและตีเกลียวได้ปริมาณมากกว่าวิธีเดิม อีกทั้งยังสามารถควบคุมขนาดและคุณภาพของเส้นไหมได้ตามความต้องการและตามมาตรฐานที่กำหนดด้วย
,21/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321145301156 ธ.ก.ส.ยะลา ร่วมกับ อุตสาหกรรมยะลา ส่งมอบบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับเครื่องหมาย A-Product แก่ลูกค้าและผู้ประกอบการธุจกิจชุมชนในพื้นที่,
วันนี้ (21 มีค.65) ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดยะลา นายนวรัฐ ทองพูน ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดยะลา และนายสมบัติ สุวรรณมณี อุตาสาหกรรมจังหวัดยะลา ร่วมกันส่งมอบบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับเครื่องหมาย A-Product ให้แก่ลูกค้าและผู้ประกอบการธุจกิจชุมชนในพื้นที่จังหวัดยะลา จำนวน 6 รายการ เนื่องจากสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดยะลา ร่วมกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดยะลา ได้จัดทำโครงการสนับสนุนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ของเกษตรกรลูกค้า (A-Product) และผู้ประกอบการธุรกิจชุมชน โดยธนาคารมีความมุ่งหวังการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตผู้ประกอบการ เพิ่มโอกาสทางการตลาด การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกษตรและเกษตรแปรรูป อันจะสร้างรายได้เกิดการจ้างงาน สร้างอาชีพให้แก่เกษตรกรลูกค้าและผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น และส่งเสริมบทบาทการเป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน มุ่งสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชนบท
นายนวรัฐ ทองพูน ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดยะลา เปิดเผยว่า วันนี้เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ส่งมอบบรรจุภัณฑ์ที่มีการพัฒนาขึ้น เพื่อที่จะเอื้ออำนวยให้กับกลุ่มเกษตรกรของกลุ่มวิสาหกิจของ ธ.ก.ส. ในการที่จะพัฒนาในเรื่องของการขายผลิตผล และขายผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากพืชผลทางการเกษตร จากเดิมที่เราขายกันในท้องตลาดโดยขายกันแบบธรรมดาทั่วไปอย่างเช่นผักที่เราขายกันเป็นมัด และในวันนี้เราได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดูสวยงามขึ้น ดูสะดุดตาขึ้น ผู้บริโภคก็สามารถคิดว่าสินค้าที่เราพัฒนามีมาตรฐานมีคุณสมบัติปลอดภัยในการบริโภค ได้รับตราสัญลักษณ์รับรองจากหลายๆหน่วยงานโดยเฉพาะตราสัญลักษณ์ของธนาคารเอง A Product โดยการคัดเลือก A Product นี้ เราต้องผ่านกรรมวิธีหลายขั้นตอน ก่อนที่จะให้ตราสัญลักษณ์ A Product ซึ่งวันนี้ผลิตภัณฑ์มีทั้งผักสด ข้าวบุดี กาละแมร์หน่อไม้ ผ้าทอของสีมายา ลูกหยี ซึ่งเป็นผลิตผลจากเกษตรกรและผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส.
ขณะที่ นายสมบัติ สุวรรณมณี อุตาสาหกรรมจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า ทางอุตสาหกรรมจังหวัดได้เห็นความสำคัญของโครงการที่ทำและเรามีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในเรื่องของการออกแบบบรรจุภัณฑ์และให้คำแนะนำปรึกษาในด้านพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ โดยทางอุตสาหกรรมจังหวัดยะลามีบทบาทภารกิจขับเคลื่อน และการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและวิสาหกิจชุมชน โดยทางเราให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ภายใต้กิจกรรมที่ทำในเรื่องของการส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชนได้รับเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน และได้ทราบว่าทางธนาคารได้มีแพลตฟอร์มที่จะไปวางขายผลิตภัณฑ์เหล่านี้ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่จะไปต่อยอดต่อไป และหากว่าปีหน้าทางธนาคารมีโครงการแบบนี้อีก ทางอุตสาหกรรมก็จะให้ความร่วมมืออีก เพราะเราจะพัฒนากลุ่มเป้าหมายในการพัฒนาวิสาหกิจด้วยกัน
ด้านนางสาวโรสนี ดอเลาะ ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรปลูกข้าวพื้นเมืองปลอดสารพิษ (ข้าวบุดี) กล่าวว่า ดีใจมากที่ทาง ธ.ก.ส.เห็นความสำคัญของกลุ่มข้าวบุดี ว่าเราพอมีศักยภาพที่จะสามารถต่อยอดได้ในแง่ของบรรจุภัณฑ์ ทั้งกระบวนการผลิต กระบวนการขายของเราก็มีอยู่แล้วแต่ว่าในช่วงของแพ็คเก็ตจริงหรือผลิตภัณฑ์ของเราสามารถยกระดับขึ้นได้อีกสเต็ปหนึ่ง ซึ่งทาง ธ.ก.ส.มีทั้งเงินทุนและโอกาสให้กลุ่มเยอะมากทุกด้านทั้งองค์ความรู้และกระบวนการจัดการและตัวแพคเกจจิ้งด้วยอาจจะมีการตลาดเข้ามาด้วยในอนาคตข้างหน้าที่จะเสริมเข้ามา ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,21/3/2022,ภาคใต้,ยะลา,สวท.ยะลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321141503125 ขับเคลื่อนโครงการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมพลังลดโลกร้อน ที่สุพรรณบุรี,นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) มอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนโครงการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมพลังลดโลกร้อน ที่หอประชุมอาชาสีหมอก ศาลากลางจังหวัดสุพรรณบุรี ให้แก่หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ผู้บริหารและปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนผู้อำนวยการดรงเรียนมัธยมศึกษาในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 337 คน โดยมีนายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ให้การต้อนรับ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบเกียรติบัตรให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี พ.ศ.2564 ด้านการศึกษา ได้แก่ เทศบาลเมืองสุพรรณบุรี ด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่ เทศบาลตำบลดอนเจดีย์ และด้านการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น ได้แก่ อบต.พลับพลาไชย
กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กำหนดให้มีการคัดเลือก อปท.ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี พ.ศ.2564 จำนวน 8 ด้าน ประกอบด้วย ด้านการศึกษา ด้านการสาธารณสุข ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านส่งเสริมศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านการพัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น ด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สุงอายุ และด้านส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยให้ทุกจังหวัดพิจารณาคัดเลือก อปท. ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่นด้านละ 1 แห่ง เพื่อเป็นแบบอย่างและขวัญกำลังใจแก่ อปท.ดังกล่าวต่อไป
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า วันนี้ (21 มี.ค.65) เวลา 09.30 น. ที่อุทยานแห่งชาติแม่ยม ตำบลสะเอียบ อำเภอสอง นายสมหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เพื่อตรวจติดตามสนับสนุนในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองจากไฟป่าและการเผาในที่โล่ง เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ โดยมีหน่วยงานทั้งสังกัดกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในพื้นที่อำเภอสองร่วมชี้แจงและบรรยายสรุปผลการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ประกอบด้วย อุทยานแห่งชาติแม่ยม สถานีควบคุมไฟป่าแม่ยม หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พร.2 (แม่สอง) หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้สอง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยหลวง
จังหวัดแพร่มีเป้าหมายตัวชี้วัด ดังนี้ ความสำเร็จของการจัดการไฟป่าและการเผาในที่โล่ง (Hotspot) คือจุดความร้อนลดลงร้อยละ 30 หรือไม่เกิน 3,528 จุด ผลการดำเนินงานตั้งแต่เดือนมกราคมถึงวันที่ 20 มีนาคม 2565 พบจุดความร้อนจำนวน 939 จุด
เป้าหมายความสำเร็จในการควบคุมฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 คือ ร้อยละวันที่ปริมาณ PM 2.5 เกินเกณฑ์มาตรฐานลดลงร้อยละ 30 หรือไม่เกิน 31 วัน ผลการดำเนินงานตั้งแต่เดือนมกราคมถึงวันที่ 20 มีนาคม 2565 พบจำนวนวันที่ฝุ่นละออง PM 2.5 เกินมาตรฐานจำนวน 13 วัน โดยค่ามาตรฐานต้องไม่เกิน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร
ข้อมูลเปรียบเทียบ PM 2.5 ข้อมูลระหว่างวันที่ 1 มกราคมถึง 19 มีนาคม ปี 2564 และปี 2565 พบว่าปี 2564 จำนวนวันที่เกินค่ามาตรฐาน 46 วัน สำหรับปี 2565 จำนวนวันที่เกินค่ามาตรฐานจำนวน 13 วัน
ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เน้นย้ำแนวทางการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นวาระแห่งชาติตามมาตรการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำหรับแนวทางของจังหวัดแพร่เน้นการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยเน้นการสร้างความเข้าใจให้ถึงกลุ่มเป้าหมายพื้นที่เสี่ยงอย่างทั่วถึงตลอดปี มีการบริหารจัดการเชื้อเพลิงก่อนและหลังช่วงวิกฤตหมอกควันอย่างเหมาะสม ให้มีการบริหารงบประมาณอย่างเหมาะสมเพียงพอทั่วถึง พื้นที่ ที่สามารถดูแลไม่ให้เกิดไฟป่า ให้จัดหางบประมาณสนับสนุนมากกว่าพื้นที่ ที่เกิดไฟป่าซ้ำซาก การนำนโยบายคนอยู่กับป่าเพื่อประโยชน์อย่างสมดุล และปัญหาไฟป่าหมอกควันเป็นปัญหาส่งผล กระทบต่อสุขภาพของประชาชน สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ดังนั้นจึงต้องได้รับความร่วมมือจาก 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ร่วมมือแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง นอกจากนั้นยังมีปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้อาทิ สภาวะอากาศ กระแสลมภูมิประเทศ ส่งผลต่อปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กในแต่ละพื้นที่
จากนั้นคณะของผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ได้เดินทางไปยังหน่วยป้องกันและรักษาป่า พร. 2 เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบสิ่งของสนับสนุนการปฏิบัติงานให้กับเจ้าหน้าที่
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",21/3/2022,ภาคเหนือ,แพร่,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321143050133 รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิด Green Youth Camp ปลูกจิตสำนึกเยาวชนรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมผู้นำเยาวชนรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่สุพรรณบุรี,"ที่โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย จังหวัดสุพรรณบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมมนา ""ผู้นำเยาวชนรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Youth Camp)"" ระหว่าง วันที่ 21 - 25 มีนาคม 2565
โดย นายวราวุธ กล่าวว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่สำคัญอันดับแรก 1 ของโลก ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของมนุษย์ที่ทำให้สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมลง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำรงอยู่และการมีคุณภาพชีวิตที่ดี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตระหนักถึงความสำคัญของเยาวชนเป็นอย่างมาก จึงได้ให้การส่งเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กและเยาวชนในทุกช่วงวัยมาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือ ดึงเยาวชนในจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมเป็นพลังในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สร้างความรู้ ความเข้าใจ และจิตสำนึก และขยายเครือข่ายความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนในพื้นที่ เกิดการกระตุ้นเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเยาวชนให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในระดับพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
ด้านนายสรชัด สุจิตต์ กล่าวในฐานะประธานอนุกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและสิทธิสัตว์ กล่าวว่า การจัดสัมมนาในครั้งนี้จัดโดยคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีกิจกรรมเสริมสร้างการเรียนรู้และการศึกษาดูงานด้านสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย การเรียนรู้เรื่อง ""การบริหารการจัดการขยะอย่างยั่งยืน"" ณ ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนปลอดขยะ (Zero Waste) ชุมชนบ้านรางพลับ จ.ราชบุรี กิจกรรมปลูกป่า เพื่อเรียนรู้ศึกษาธรรมชาติป่าแก่งกระจาน ณ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกแห่งที่ 6 ของประเทศไทย การศึกษาดูงาน ""โครงการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เกษตรทฤษฎีใหม่"" ณ สวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี การเรียนรู้ เรื่อง ""การบริหารจัดการ การพัฒนา และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเล"" ณ เกาะจานและเกาะท้ายทรีย์ อุทยานแห่งชาติหาดวนกร กิจกรรมศึกษาดูงาน ""การศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ "" รวมไปถึงการเรียนรู้ฟาร์มทะเลตัวอย่างแบบผสมผสานตามพระราชดำริโดยมีกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย เยาวชนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และอาชีวศึกษาในจังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 50 คน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",21/3/2022,ภาคตะวันตก,กาญจนบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุพรรณบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321143002132 ประวิตร กำชับ กรมทรัพยากรน้ำบาดาลเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้งและขาดแคลนน้ำในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี โดยเฉพาะการขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อใช้อุปโภค-บริโภคและการเกษตร,"รองนายกรัฐมนตรี กำชับ กรมทรัพยากรน้ำบาดาลเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้งและขาดแคลนน้ำในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี โดยเฉพาะการขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อใช้อุปโภค-บริโภคและการเกษตร เบื้องต้นมีบ่อบาดาลใช้งานได้แล้วกว่า 1,500 แห่ง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ติดตามการแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี พร้อมปล่อยแถวทีมดับไฟป่าและขบวนรถบรรทุกน้ำช่วยเหลือประชาชนของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลให้สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 สุพรรณบุรี เพื่อนำน้ำดื่มสะอาด 7,500 ลิตร ส่งมอบให้ประชาชนที่เดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้ง โดย นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวว่า ที่ผ่านมาจังหวัดอุทัยธานีไม่มีแหล่งน้ำต้นทุนเพียงพอและแหล่งกักเก็บน้ำใช้น้ำฝนเป็นหลัก แต่ประชาชนในพื้นที่ทำอาชีพเกษตรกรรมน้ำฝนถึงร้อยละ 80 แล้วมีพื้นที่การเกษตรกว่า 1.4 ล้านไร่ แต่อยู่ในเขตชลประทานเพียง 230,000 ไร่ และไม่สามารถสนับสนุนน้ำทำการเกษตรได้เพียงพอ จนเกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะหน้าแล้ง เบื้องต้นอุทัยธานีได้ประกาศพื้นที่ภัยแล้งแล้ว 68 ตำบล จาก 70 ตำบล ส่งผลให้ภาคการเกษตรพัฒนาไม่เต็มศักยภาพ สิ่งสำคัญยังหาแหล่งน้ำบาดาลยากมาก ทำให้การเจาะและพัฒนาน้ำบาดาลไม่ประสบผลสำเร็จ ทั้งนี้ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้เร่งรัดขุดเจาะบ่อบาดาลและใช้เครื่องมือทันสมัยค้นหาแหล่งน้ำบาดาลใหม่ๆในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนใช้อุปโภค-บริโภคและการเกษตร ขณะนี้อุทัยธานีมีบ่อน้ำบาดาลที่ใช้งานได้แล้ว 1,579 แห่ง แบ่งเป็น บ่อน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร 114 แห่ง และบ่อน้ำบาดาลเพื่อการอุปโภคบริโภค 1,465 แห่ง
อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวย้ำว่า ตั้งแต่ปี 2563-2565 รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลช่วยเหลือประชาชนในอุทัยธานีผ่านโครงการต่างๆกว่า 22 โครงการ เช่น โครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่หาน้ำยาก // โครงการพัฒนาน้ำบาดาลด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่อส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ขนาดพื้นที่ 500 ไร่ // โครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อความมั่นคงระดับชุมชน ซึ่งเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมาก ทั้งการเกษตรกรรมและอุปโภค-บริโภค จนประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
",21/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321154342193 เกอิชา กาแฟเด่นจากดอยสูง บ้านมณีพฤกษ์ เมืองน่าน กิโลละ 8 พัน ผลการพัฒนาภายใต้ระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่,"นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่ในเขต Bean Belt ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การปลูกกาแฟและมีความอุดมสมบูรณ์ทางระบบนิเวศและสภาพแวดล้อม สามารถปลูกกาแฟได้ทั้งพันธุ์อาราบิก้า ในพื้นที่ภาคเหนือ และพันธุ์โรบัสต้าในพื้นที่ภาคใต้ ดังนั้น กรมส่งเสริมการเกษตร จึงได้มีนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรเกิดการรวมกลุ่มภายใต้โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ที่เน้นการบริหารจัดการร่วมกัน รวมกันผลิต และรวมกันจำหน่าย โดยมีตลาดรองรับที่แน่นอน ผ่านการถ่ายทอดความรู้โดยใช้แนวทางการพัฒนา Smart Group ของกรมส่งเสริมการเกษตร ในการถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกรทั้งด้านการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพ พัฒนาศักยภาพของเกษตรกรสู่ Smart Farmer และสร้างความเข้มแข็งด้านการตลาด โดยใช้หลักตลาดนำการผลิต อีกทั้งยังได้มีการส่งเสริมโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเกษตรให้กับกลุ่มแปลงใหญ่ผ่านโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาดอีกด้วย
สำหรับแปลงใหญ่กาแฟบ้านมณีพฤกษ์ หมู่ที่ 11 ตำบลงอบ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ซึ่งมีผลการจัดชั้นคุณภาพ A ถือเป็นอีกความสำเร็จที่เกิดขึ้นภายใต้การส่งเสริมของกรมส่งเสริมการเกษตร จนเกิดผลสำเร็จในรูปแบบแปลงใหญ่กาแฟที่โดดเด่น ขณะที่ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต กรมส่งเสริมการเกษตรได้เข้าไปสนับสนุนกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ภายใต้โครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด ทำให้กลุ่มแปลงใหญ่กาแฟบ้านมณีพฤกษ์ สามารถจัดหาครุภัณฑ์ที่จำเป็นต้องใช้ในกระบวนการผลิตกาแฟ ซึ่งช่วยให้กลุ่มสามารถแปรรูปผลผลิตกาแฟเชอรี่ได้ถึง 1,400 กิโลกรัม/ชั่วโมง พร้อมทั้งการสนับสนุนองค์ความรู้ยังทำให้กระบวนการผลิตมีการควบคุมอย่างเข้มงวดในทุกรอบการผลิตและการปรับปรุงคุณภาพเพื่อให้ได้กาแฟที่มีมาตรฐานเดียวกัน
",21/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321150323168 กรมส่งเสริมการเกษตร ระบุเกษตรขอความร่วมมือเกษตรกรตัดทุเรียนก่อนกำหนด ส่งตัวอย่างตรวจเพื่อวัดหาเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งก่อนเก็บเกี่ยว ป้องกันทุเรียนด้อยคุณภาพออกสู่ตลาด,นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตรมีความห่วงใยในเรื่องคุณภาพของทุเรียนในภาคตะวันออกซึ่งเป็นแหล่งผลิตใหญ่และกำลังให้ผลผลิตอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะการเร่งตัดทุเรียนด้อยคุณภาพ ทุเรียนอ่อน ในช่วงต้นฤดูกาลเพื่อจำหน่ายทำกำไร ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อราคาทุเรียนทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อทุเรียนไทยในสายตาผู้บริโภค รวมทั้งเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนเมื่อถูกกดราคาจากผู้รับซื้อ จึงได้สั่งการให้สำนักงานเกษตรอำเภอ สำนักงานเกษตรจังหวัดในพื้นที่บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการป้องกันปัญหาทุเรียนอ่อน ภายใต้การกำกับของผู้ว่าราชการจังหวัด โดยร่วมกันวางมาตรการเพื่อควบคุมและป้องกันปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพ (ทุเรียนอ่อน) พร้อมจัดตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อช่วยกันสกัดกั้นทุเรียนด้อยคุณภาพ (ทุเรียนอ่อน)ในจังหวัดแหล่งผลิตที่สำคัญ คือ จังหวัดจันทบุรี ระยอง และตราด พร้อมมอบหมายให้สำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ให้บริการตรวจสอบความสุกแก่ของทุเรียนให้ได้มาตรฐานตามที่กำหนดด้วย
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวอีกว่า กรมส่งเสริมการเกษตรหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากเกษตรกรและมือตัดทุเรียนในพื้นที่ภาคตะวันออก ในการนำตัวอย่างทุเรียนที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวก่อนวันเก็บเกี่ยวที่ประกาศไว้ มาตรวจหาเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งในเนื้อทุเรียนอย่างเคร่งครัด เพื่อร่วมกันควบคุมและป้องกันทุเรียนด้อยคุณภาพ (ทุเรียนอ่อน) สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ซึ่งในปีที่ผ่านมาพบว่ามาตรการดังกล่าวเกษตรกรส่วนใหญ่มีความพึงพอใจและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี สามารถควบคุมทุเรียนด้อยคุณภาพ (ทุเรียนอ่อน) ได้ในระดับที่น่าพอใจเนื่องจากเห็นว่าเป็นแนวที่ดีที่จะทำให้ทุเรียนมีคุณภาพมากขึ้น และมีตลาดรองรับในอนาคต
ที่โรงแรมคลาสสิค คามิโอ ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง นายฉัตรนุชัย สมบัติศรี ปลัดเทศบาลนครระยอง เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมมนาระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับขยะพลาสติก ถอดบทเรียนจากอดีตสู่อนาคต กรณีศึกษาการรีไซเคิลแบบวงจรปิดและหลักการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต จังหวัดระยอง มี Dr.Giuseppe Busin อัครราชทูต รองหัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรป (EU) ประจำประเทศไทย นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวในรายละเอียดและความสำคัญของโครงการผ่านระบบออนไลน์ และมี นายสมชาย รุ่งเรือง ท้องถิ่นจังหวัดระยอง ศาสตราจารย์ ดร.อรทัย ชวาลภาฤทธิ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และตัวแทนจากทุกภาคส่วน ประชาชนในเขตเทศบาลนครระยอง เทศบาลตำบลทับมา เทศบาลเมืองมาบตาพุดเข้าร่วมสัมมนาโครงการดังกล่าว ภายใต้วัตถุประสงค์ในการเผยแพร่ผลการดำเนินโครงการและผลงานพร้อมเกี่ยวกับการจัดการขยะพลาสติก รวมทั้งระดมความคิดเห็นของทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการจัดการขยะพลาสติกให้ต่อเนื่องและยั่งยืนลดการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศทางทะเล ขณะเดียวกันเป็นการขับเคลื่อนการเพิ่มขอบเขตความรับผิดชอบผู้ผลิตพลาสติกในระดับท้องถิ่น (Extended Producer Responsibility) ให้นำพลาสติกที่เหลือใช้จากครัวเรือนมาผ่านกระบวนการคัดแยกเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่แบบวงจรปิดและลดจำนวนขยะพลาสติกสะสมโดยจะเริ่มนำร่องในพื้นที่จังหวัดระยอง
ทั้งนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) และสำนักงานเพื่อความร่วมมือด้านเทคนิคระหว่างประเทศแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส (EF) จัดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้และรับฟังความคิดเห็น เรื่อง ขยะพลาสติก : ถอดบทเรียนจากอดีตสู่อนาคต กรณีศึกษาการรีไซเคิลแบบวงจรปิดและหลักการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต จังหวัดระยอง ภายใต้การดำเนินงานโครงการ การเพิ่มประสิทธิภาพการคัดแยกขยะพลาสติกจากบ้านเรือนเพื่อการรีไซเคิลแบบวงจรปิด จังหวัดระยอง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหภาพยุโรป (EU) และกระทรวงความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาแห่งสหภาพที่ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหามลพิษจากขยะพลาสติกปนเปื้อนในระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะระบบนิเวศทางทะเลอย่างเร่งด่วน ผ่านความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดข้อเสนอทางนโยบายด้านการจัดการขยะพลาสติกหรือกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อป้องกันและลดมลพิษจากการรั่วไหลของขยะพลาสติกจากชายฝั่งลงสู่ทะเล ด้วยการส่งเสริมระบบการรีไซเคิลแบบวงจรปิดหรือ Closed-loop recycling
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,21/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321152922185 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมงานมหกรรมพืชสวนโลก EXPO 2022 Floriade Almere เปิดตัว Thailand Pavilion โชว์ศักยภาพนวัตกรรมอาหารสินค้าเกษตรไทยสู่สายตาชาวโลก,นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2563 อนุมัติให้เข้าร่วมงานและมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการในนามประเทศไทย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานราชการอี่น และภาคเอกชน ซึ่ง ประเทศไทยได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานมหกรรมพืชสวนโลก The International Horticultural Expo (EXPO 2022 Floriade Almere) ระหว่างวันที่ 13 เมษายน 9 ตุลาคม นี้ ณ ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความก้าวหน้าด้านการเกษตรของประเทศไทย การสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานของสินค้าเกษตรและสินค้าเพื่อสุขภาพของไทย การแลกเปลี่ยนและขยายความร่วมมือเรื่องพืชสวนระหว่างกัน รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้ถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมโอกาสในการขยายตลาดสินค้าเกษตรไทยไปสู่ผู้บริโภคหรือคู่ค้าในระดับสากล อีกทั้งการร่วมงานในครั้งนี้ยังเป็นโอกาสอันดีในการร่วมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ครบรอบ 418 ปี ในปี 2565 นี้ ซึ่งที่ผ่านมาทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอด ทั้งในระดับพระราชวงศ์ รัฐบาล และประชาชน
ด้านนายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า การเข้าร่วมงานมหกรรมพืชสวนโลกดังกล่าว ประเทศไทยเข้าร่วมจัดงานภายใต้แนวคิดหลัก TRUST Thailand โดยจะนำเสนอนโยบาย BCG model และนโยบาย 3S (3S : Safety Security and Sustainability) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สอดคล้องกับแนวคิดหลักในการจัดงาน Growing Green Cities ความก้าวหน้าในด้านนวัตกรรมอาหารและสินค้าเกษตรของไทย การพัฒนากระบวนการผลิตที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง นำเสนอสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพในการส่งออก รวมทั้งจะเป็นเวทีเชื่อมโยงผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้ส่งออกสินค้าเกษตรของไทย กับผู้นำเข้าสินค้าของเนเธอร์แลนด์ เพื่อเปิดโอกาสในการขยายธุรกิจสินค้าพืชสวนของไทย ซึ่งการเข้าร่วมการจัดงาน Floriade ของประเทศไทยในอดีตสามารถเปิดตลาดสินค้ากล้วยไม้ในประเทศเนเธอร์แลนด์ได้สำเร็จมาแล้ว
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผลักดันเยาวชนไทยรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรม ผู้นำเยาวชนรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Youth Camp) เพื่อพัฒนาเยาวชนให้รู้เท่าทันพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า คณะกรรมาธิการการที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ได้จัดโครงการสัมมนา ผู้นำเยาวชนรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Youth Camp) ระหว่างวันที่ 21 25 มีนาคม ณ จังหวัดสุพรรณบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อม เป็นประโยชน์พัฒนาเยาวชนให้รู้เท่าทันพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน และเกิดการกระตุ้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเยาวชนให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนำไปสู่การแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในระดับพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมมากขึ้น ด้วยการดึงเยาวชนในจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นพื้นที่นำร่องร่วมเป็นพลังอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภูมิอากาศก้าวสู่การขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ เนื่องจากที่ผ่านมาสุพรรณบุรีเป็นหนึ่งจังหวัดที่ประสบปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง ทั้งปัญหาอุทกภัยรุนแรง ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ปัญหาการเผาป่า และปัญหามลพิษทางอากาศ ซึ่งการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในระดับพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญจะเกิดการมีส่วนร่วมแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมของคนในท้องถิ่นอย่างแท้จริง
ด้าน นายสรชัด สุจิตต์ ประธานอนุกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและสิทธิสัตว์ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการการที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร เห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วมกับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และพยายามผลักดันการขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมในระดับพื้นที่ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น โดยมุ่งเน้นไปที่เยาวชนเป็นหลัก ด้วยการเสริมสร้างการเรียนรู้และการศึกษาดูงานด้านสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่ให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
,21/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321155213203 ผู้ว่าฯ ยโสธรลงพื้นที่เยี่ยมชมและส่งเสริมเกษตรกรทุ่งนาแตงโมอินทรีย์,เวลา 08.30 น.วันที่ 21 มีนาคม 2565 นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมทุ่งนาบ้านเหล่าฝ้าย ตำบลลุมพุก อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร และส่งเสริมกลุ่มเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจ กลุ่มผู้ผลิตเกษตรอินทรีย์ที่มีศักยภาพ มีความเข้มแข็ง และมุ่งมั่นในการผลิตเกษตรอินทรีย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปลูกแตงโมอินทรีย์ หลังฤดูกาลเก็บเกี่ยว ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่แตงโมอินทรีย์และการลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกแตงโมอินทรีย์พร้อมทั้งสอบถามปัญหาอุปสรรคตลอดจนความต้องการที่จะให้ทางจังหวัดยโสธรช่วยเหลือสนับสนุนโดยแตงโมที่ปลูกมีทั้งแตงโมรูปหัวใจและแตงโมรูปสี่เหลี่ยมโดยมีนางยุพิน ภัทรกุลพงษ์ อำเภอคำเขื่อนแก้ว นายสุชาติ ปกป้อง เกษตรอำเภอคำเขื่อนแก้วพร้อมเจ้าหน้า กำนัน ผู้ใหญ่บ้านตลอดจนสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ให้การต้อนรับและนำเยี่ยมชมทุ่งนาแตงโมอินทรีย์ในครั้งนี้
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,21/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ยโสธร,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321170837260 สหกรณ์ศรีสะเกษ เดินหน้าอนุมัติเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์กว่า 28 ล้านบาท เสริมสภาพคล่องธุรกิจและอาชีพสมาชิกสหกรณ์,"จังหวัดศรีสะเกษ โดยสำนักงานสหกรณ์จังหวัด ประชุมคณะอนุกรรมกรพิจารณาเงินกู้กองทุนพัฒนาสหกรณ์ ระดับจังหวัดศรีสะเกษ ครั้งที่ 3/2565 โดยมีสหกรณ์เสนอขอกู้เงินทั้งหมด 11 แห่ง 15 สัญญา เป็นเงินจำนวน 28,686,500 .-บาท
เวลา 13.30 น.วันนี้ (21 มี.ค.65) ณ ห้องประชุมพิทยาลงกรณ์ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดศรีสะเกษ นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้มอบหมายให้ นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาเงินกู้กองทุนพัฒนาสหกรณ์ ระดับจังหวัด ครั้งที่ 3/2565 เพื่อติดตามผลการรับชำระหนี้เงินกู้ และการพิจารณาอนุมัติเงินกู้กองทุนพัฒนาสหกรณ์ให้แก่สหกรณ์ เพื่อนำไปใช้เสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ โดยมี นายภาณุพงศ์ แสงคำสหกรณ์จังหวัดศรีสะเกษ ผู้แทนส่วนราชการ พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการ และผู้แทนสถาบันเกษตรกร ร่วมการประชุม
นายภาณุพงศ์ แสงคำ สหกรณ์จังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ มีนโยบายสนับสนุนให้สหกรณ์ต่างๆ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำจากเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ เพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนากิจการสหกรณ์และขยายช่องทางการดำเนินธุรกิจ ซึ่งที่ประชุมได้มีการติดตามผลการดำเนินงานตามมติที่ประชุมครั้งที่ผ่านมา ติดตามผลการรับชำระหนี้เงินกู้ เร่งรัดหนี้ค้างชำระ และในที่ประชุม คณะอนุกรรมการฯได้ร่วมกันพิจารณาอนุมัติเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ครั้งนี้ มีสหกรณ์เสนอขอกู้เงินทั้งหมด 11 แห่ง 15 สัญญา ประกอบด้วย 1).สหกรณ์การเกษตรวังหิน จำกัด วัตถุประสงค์ จัดหาสินค้ามาจำหน่าย (ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ข้าวและอาหารสัตว์) 2). สหกรณ์ผู้ใช้น้ำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านพระ จำกัด วัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนให้สมาชิกกู้ยืมประกอบอาชีพการเกษตร (ปลูกข้าว) 3). สหกรณ์การเกษตรอุทุมพรพิสัย จำกัด วัตถุประสงค์จัดหาสินค้ามาจำหน่าย (ปุ๋ย และเมล็ดพันธุ์ข้าว) 4). สหกรณ์การเกษตรห้วยทับทัน จำกัด วัตถุประสงค์จัดหาแม่ปุ๋ยเพื่อผลิตปุ๋ยสั่งตัดมาจำหน่าย 5). สหกรณ์การเกษตรห้วยทับทัน จำกัด เป็นทุนให้สมาชิกกู้ยืม (เลี้ยงโคขุน) ตามโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อส่งเสริมอาชีพในยุค New Normal ปี 2565 6). สหกรณ์การเกษตรพยุห์ จำกัด) วัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนให้สมาชิกกู้ยืมประกอบอาชีพการเกษตร (เลี้ยงโค) ตามโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อส่งเสริมอาชีพในยุค New Normal ปี 2565 7). สหกรณ์การเกษตรอุทุมพรพิสัย จำกัด วัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนให้สมาชิกกู้ยืมประกอบอาชีพการเกษตร (เลี้ยงไก่ไข่, เลี้ยงวัวแม่พันธุ์) ตามโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อส่งเสริมอาชีพในยุค New Normal ปี 2565 8).สหกรณ์การเกษตรเมืองศรีสะเกษ จำกัด วัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนให้สมาชิกกู้ยืมประกอบอาชีพการเกษตร (เลี้ยงสัตว์และปลูกผักปลอดสาร) ตามโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อส่งเสริมอาชีพในยุค New Normal ปี 2565 9).สหกรณ์การเกษตรเมืองศรีสะเกษ จำกัด วัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนให้สมาชิกกู้ยืมเพื่อไปลงทุนในการจัดหาหรือปรับปรุงระบบกักเก็บน้ำ พร้อมอุปกรณ์เพื่อป้องกันผลกระทบจากภัยแล้งในระยะยาว ตามโครงการจัดหาและปรับปรุงแหล่งน้ำของสมาชิกสหกรณ์ ปี 2565 10).สหกรณ์การเกษตรเมืองศรีสะเกษ จำกัด วัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนให้สมาชิกกู้ยืมประกอบอาชีพการเกษตร (เลี้ยงโคขุน) ตามโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อแก้ปัญหาหนี้และฟื้นฟูอาชีพสมาชิกสหกรณ์ ปีที่ 2 11). สหกรณ์การเกษตรไพรบึง จำกัด วัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนให้สมาชิกกู้ยืมประกอบอาชีพการเกษตร (เลี้ยงโคขุน) ตามโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อแก้ปัญหาหนี้และฟื้นฟูอาชีพสมาชิกสหกรณ์ ปีที่ 2 12).สหกรณ์ผู้ปลูกหอมแดงกันทรารมย์ วัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนให้สมาชิกกู้ยืมประกอบอาชีพการเกษตร (ปลูกพริก) ตามโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อการพัฒนาอาชีพสมาชิกสหกรณ์ ปีที่ 3 13).สหกรณ์ผู้ใช้น้ำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านหนองโอง จำกัด วัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนให้สมาชิกกู้ยืมประกอบอาชีพการเกษตร (เลี้ยงวัว) ตามโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อการพัฒนาอาชีพสมาชิกสหกรณ์ ปีที่ 3 14).สหกรณ์ผู้ใช้น้ำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านหนองบัวไชยวาน จำกัด วัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนให้สมาชิกกู้ยืมประกอบอาชีพการเกษตร (ปลูกข้าวโพด) ตามโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อการพัฒนาอาชีพสมาชิกสหกรณ์ ปีที่ 3 และ15).สหกรณ์โคนมศรีสะเกษ จำกัด วัตถุประสงค์เพื่อดำเนินตามโครงการพัฒนาการผลิตน้ำนมโคที่มีคุณภาพลดต้นทุนการผลิต รวมวงเงินที่อนุมัติ จำนวน 28,686,500 บาท
สำหรับเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์เป็นกองทุนที่เอื้ออำนวยประโยชน์ให้กับสหกรณ์และสมาชิก ช่วยให้สหกรณ์ดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องไม่หยุดชะงัก และที่สำคัญเป็นกองทุนดอกเบี้ยต่ำ ช่วยให้ต้นทุนทางธุรกิจของสหกรณ์ลดลงเมื่อเทียบกับเงินกู้จากสถาบันการเงินอื่น ทำให้สหกรณ์มีรายได้เพิ่มขึ้น และสมาชิกก็ได้รับผลประโยชน์ในลักษณะของเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืนเมื่อสิ้นปีทางบัญชีของสหกรณ์
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",21/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ศรีสะเกษ,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321172517278 ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน สั่งการทุกหน่วยงาน เดินหน้าเฝ้าระวัง ควบคุมสถาการณ์ไฟป่า หมอกควัน พร้อมขอความร่วมมือประชาชน ลดกิจกรรมการเผาทุกชนิด ควบคู่กับมาตรการด้านกฏหมาย,"วันนี้ (21 มี.ค.65) เวลา 14.00 น. นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานการประชุมคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ครั้งที่ 11 ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ณ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM 2.5.
ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า จากการติดตามพบว่า ยังมีจุดความร้อนเกิดขึ้นกระจายในหลายพื้นที่ แต่ยังสามารถควบคุมได้ โดยปัจจุบันพบจุดความร้อนสะสม 2,823 จุด น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งพบจำนวน 11,945 จุด โดยในปี 2565 จังหวัดแม่ฮ่องสอนตั้งเป้าลดจุดความร้อนลง ร้อยละ 20 ต้องไม่เกิน 9,556 จุด
ซึ่งจากนี้การดำเนินการควบคุมสถานการณ์ไฟป่า จะบริหารจัดการบนพื้นฐานของข้อมูลในพื้นที่ ทั้งป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอนุรักษ์ และพื้นที่การเกษตร ในด้านการปฏิบัติหากพื้นที่ใดเกิดสถานการณ์ไฟป่าไหม้ลุกลามรุนแรง หน่วยงานฝ่ายทหารมีความพร้อมสนับสนุนกำลังพลทันที ทั้งภารกิจการลาดตระเวน และการดับไฟป่า โดยจากนี้จะเพิ่มความเข้มข้นในทุกมาตรการ ทั้งการลาดตระเวน การประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ และการป้องปรามการเผาป่า รวมทั้งการขอความร่วมมือประชาชนในการลดกิจกรรมการเผา ควบคู่กับมาตรการด้านกฏหมาย อย่างไรก็ตามยังพบว่าปริมาณฝุ่นควันส่วนหนึ่ง เป็นฝุ่นควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากระยะนี้มีลมพัดจากทิศตะวันตกเข้ามา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สั่งการให้หน่วยงานฝ่ายทหาร ประสานกับประเทศเพื่อนบ้านในการควบคุมการเผาแล้ว
สำหรับสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบจุดความร้อน ณ วันที่ 20 มีนาคม 2565 จำนวน 112 จุด โดยมีจุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-20 มีนาคม 2565 จำนวน 2,823 จุด พบสูงสุดที่อำเภอเมือง จำนวน 824 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 1,643 จุด หากวิเคราะห์จุดความร้อนสะสมช่วงประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ยกเว้นพื้นที่ตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์-20 มีนาคม 2565 จำนวน 2,156 จุด สูงสุดที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จำนวน 645 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 1,201 จุด ขณะที่คุณภาพอากาศประจำวันที่ 21 มีนาคม 2565 ค่า PM2.5 ณ สถานีตรวจวัดอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เท่ากับ 84 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เริ่มมีผลต่อสุขภาพ และที่สถานีตรวจวัดอำเภอแม่สะเรียง เท่ากับ 42 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",21/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321191905324 พช.ร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและสนับสนุนการดำเนินงานสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ด,"วันที่ 21 มีนาคม 2565 เวลา 09.00 น. นายพิศ นันทพูนพิพัฒน์ พัฒนาการจังหวัดร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการจัดกิจกรรมโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการสืบสานงานหัตถกรรมพื้นบ้านการจักสานกระติบข้าวไม้ไผ่ ซึ่งมีคณะกรรมการพัฒนาสตรีอำเภอเมยวดี คณะกรรมการพัฒนาสตรีตำบลชมสะอาด สมาชิกสตรีตำบลชมสะอาด และครัวเรือนตกเกณฑ์ จปฐ. ด้านรายได้ ตำบลชมสะอาด เข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง ณ วัดโพธิ์ชัยศรี บ้านศรีอุดม หมู่ที่ 7 ตำบลชมสะอาด อำเภอเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ด
ทั้งนี้ นายพิศ นันทพูนพิพัฒน์ พัฒนาการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ การพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ ""โคก หนอง นา พัฒนาชุมชนจังหวัดร้อยเอ็ด"" เพื่อติดตามการดำเนินโครงการฯ ณ แปลงครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการฯ นายวีระชัย ทิพเจริญ บ้านหนองโน หมู่ที่ 6 ตำบลชมสะอาด อำเภอเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ด พื้นที่ครัวเรือนต้นแบบ (HLM) ขนาดพื้นที่ 3 ไร่ อัตราส่วน 1:2 ประเภทดินร่วนปนทราย ซึ่งแปลงนี้ได้ดำเนินการปลูกไม้ 5 ระดับ ตามหลักกสิกรรมชาติ เลี้ยงปลาในบ่อ ตอนนี้เริ่มได้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ สามารถลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้เป็นจำนวนมาก และได้ดำเนินการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของครอบครัว พัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้ให้กับเครือข่าย โคก หนอง นา ให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ และสามารถนำไปขยายผลต่อยอด เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้ทฤษฎีใหม่ของชุมชนต่อไป
โอกาสนี้ นายพิศ นันทพูนพิพัฒน์ พัฒนาการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้เดินทางไปยังวัดศรีมงคล เพื่อกราบไหว้พระครูสมุห์ สุริยา สุภัทโธ เจ้าอาวาสวัดศรีมงคล ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นสถานที่ฝึกอบรมผู้เข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล (โซน 2) โดยวัดศรีมงคลเป็นศูนย์เรียนรู้ โคก หนอง นา พัฒนาชุมชนอำเภอเมยวดี และเป็นสถานที่สมัครเข้าร่วมโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ ขนาด 102 ไร่ ณ บ้านโป่ง หมู่ที่ 3 ตำบลบุ่งเลิศ อำเภอเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ด
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",21/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ร้อยเอ็ด,สวท.ร้อยเอ็ด,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321203400348 พช.ร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ตรวจติดตามและสนับสนุนงานสำนักงานพัฒนาชุมชน อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด,"วันที่ 21 มีนาคม 2565 เวลา 11.00 น. นายพิศ นันทพูนพิพัฒน์ พัฒนาการจังหวัดร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ตรวจติดตามและสนับสนุนการดำเนินงานสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอหนองพอก ไตรมาสที่ 1-2 ปีงบประมาณ 2565 พร้อมให้คำแนะนำแก่เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนอำเภอในการลงพื้นที่ตรวจติดตามและสนับสนุนการดำเนินงาน ณ สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด
โดยกิจกรรมที่ตรวจติดตามและสนับสนุน ประกอบด้วย
1.. การติดตามสนับสนุนการขับเคลื่อนกิจกรรมการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล และกิจกรรมงานพัฒนาชุมชน
2.การขับเคลื่อนตัวชี้วัดกรมการพัฒนาชุมชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
3. การน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี สร้างความมั่นคงทางอาหาร สู่ปฏิบัติการ 90 วัน ปลูกผักสวนครัวเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารต่อเนื่อง ประจำปี 2565
4. การขับเคลื่อนกิจกรรมหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง
5. การอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย
6. การขับเคลื่อนตลาดประชารัฐ
7. การติดตามกลุ่มออมทรัพย์ฯ/กข.คจ.
8. การขับเคลื่อน Big Data กรมการพัฒนาชุมชน และแพลตฟอร์มบริการดิจิทัล
9. รายงานผลการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ
10. การจัดทำสารสนเทศตำบลเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต
11. การบริหารการจัดเก็บข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน จปฐ. ปี 2565
12. การขับเคลื่อนการขจัดความยากจน และพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการใช้งานระบบ TPMAP Logbook
13.การประชาสัมพันธ์ และติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงการ โคก หนอง นา โมเดล ผ่านทาง Line, Facebook และ เพจ สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอหนองพอก
14. การบริหารจัดการหนี้ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
15. การเบิกจ่ายงบประมาณตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พ.ศ. 2565
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",21/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ร้อยเอ็ด,สวท.ร้อยเอ็ด,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321203024347 สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 ติดตามประสิทธิภาพระบบบำบัดน้ำเสียรวมชุมชน จังหวัดนครราชสีมา,วันนี้ (21 มี.ค.65) นางสาวปวีณา ด่านกุล ผู้อำนวยการส่วนยุทธศาสตร์สิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 ติดตามประสิทธิภาพระบบบำบัดน้ำเสียรวมชุมชน จังหวัดนครราชสีมา โดยลงพื้นที่ติดตามประสิทธิภาพการเดินระบบบำบัดน้ำเสียรวมชุมชน เทศบาลตำบลกุดจิก อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา โดยมีเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลตำบลกุดจิก ร่วมลงพื้นที่
สำหรับระบบบำบัดน้ำเสียเทศบาลตำบลกุดจิก มีน้ำเสียเข้าระบบประมาณ 240 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 60 ของที่ออกแบบไว้ จากการติดตามประสิทธิภาพของระบบบำบัดน้ำเสียมีการเดินระบบปกติ น้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วปล่อยลงสู่คลองหมัน ทั้งนี้ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 (นครราชสีมา) ได้เสนอแนะให้เทศบาลตำบลกุดจิก ควบคุมปริมาณวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำ ให้แสงแดดสามารถสังเคราะห์แสงได้มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานระบบบำบัดน้ำได้อย่างต่อเนื่อง
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,21/3/2022,NULL,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321204511353 ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน สั่งการทุกหน่วยงานเพิ่มความเข้มข้นในทุกมาตรการ เฝ้าระวัง ควบคุมสถาการณ์ไฟป่า หมอกควัน,"วันที่ 20 มีนาคม 2565 นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานการประชุมคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ครั้งที่ 11 ณ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM 2.5.
ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า จากการติดตามพบว่า ปัจจุบันพบจุดความร้อนสะสม 2,823 จุด กระจายในหลายพื้นที่ แต่ยังสามารถควบคุมได้ ซึ่งน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา พบจำนวน 11,945 จุด โดยในปี 2565 จังหวัดแม่ฮ่องสอนตั้งเป้าลดจุดความร้อนลง ร้อยละ 20 ต้องไม่เกิน 9,556 จุด ซึ่งจากนี้การดำเนินการควบคุมสถานการณ์ไฟป่า จะบริหารจัดการบนพื้นฐานของข้อมูลในพื้นที่ ทั้งป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอนุรักษ์ และพื้นที่การเกษตร ในด้านการปฏิบัติหากพื้นที่ใดเกิดสถานการณ์ไฟป่าไหม้ลุกลามรุนแรง หน่วยงานฝ่ายทหารมีความพร้อมสนับสนุนกำลังพลทันที ทั้งภารกิจการลาดตระเวน และการดับไฟป่า โดยจากนี้จะเพิ่มความเข้มข้นในทุกมาตรการ ทั้งการลาดตระเวน การประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ และการป้องปรามการเผาป่า รวมทั้งการขอความร่วมมือประชาชนในการลดกิจกรรมการเผา ควบคู่กับมาตรการด้านกฏหมาย อย่างไรก็ตามยังพบว่าปริมาณฝุ่นควันส่วนหนึ่ง เป็นฝุ่นควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากระยะนี้มีลมพัดจากทิศตะวันตกเข้ามา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สั่งการให้หน่วยงานฝ่ายทหาร ประสานกับประเทศเพื่อนบ้านในการควบคุมการเผาแล้ว
สำหรับสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบจุดความร้อนประจำวันที่ 20 มีนาคม 2565 จำนวน 112 จุด จุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-20 มีนาคม 2565 จำนวน 2,823 จุด สูงสุดที่อำเภอเมือง จำนวน 824 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 1,643 จุด จุดความร้อนสะสมช่วงประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ยกเว้นพื้นที่ตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์-20 มีนาคม 2565 จำนวน 2,156 จุด สูงสุดที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จำนวน 645 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 1,201 จุด
ในส่วนของคุณภาพอากาศประจำวันที่ 21 มีนาคม 2565 ค่า PM2.5 ณ สถานีตรวจวัดอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เท่ากับ 84 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับเริ่มมีผลต่อสุขภาพ) และสถานีตรวจวัดอำเภอแม่สะเรียง เท่ากับ 42 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรไม่ฐานเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง)
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",21/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220321234656396 กอนช. ขอให้ประชาชนหลายพื้นที่ทั่วประเทศระวังเกิดฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุดีเปรสชัน อัสนี คาดจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเมียนมาวันนี้,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนหลายพื้นที่ทั่วประเทศระวังเกิดฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุดีเปรสชัน อัสนี คาดจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเมียนมาวันนี้
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (22 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีฝนตกหนักกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ประกอบกับ พายุดีเปรสชัน อัสนี บริเวณทะเลอันดามันตอนบนกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือ คาดว่า จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเมียนมาวันนี้ (22 มี.ค.65) ส่งผลให้ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ จ.เลย 68 มิลลิเมตร , ประจวบคีรีขันธ์ 66 มิลลิเมตร และนราธิวาส 64 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 28,086 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 48 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 22,193 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 46 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
",22/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322083353423 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ กทม. และปริมณฑลคุณภาพอากาศดีทุกพื้นที่จากฝนที่ตกในหลายพื้นที่ช่วยลดการสะสมของฝุ่นลง แต่ยังต้องเฝ้าระวังแม่ฮ่องสอนมีโอกาสฝุ่นสูงขึ้นอีกวันที่ 28 มี.ค.นี้,ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลคุณภาพอากาศดีทุกพื้นที่จากฝนที่ตกในหลายพื้นที่ช่วยลดการสะสมของฝุ่นลง แต่ยังต้องเฝ้าระวังจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีโอกาสฝุ่นสูงขึ้นอีกวันที่ 28 มีนาคมนี้
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (22 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีมากถึงดี โดยค่าฝุ่นหลายพื้นที่ปรับตัวลดลงจากฝนที่ตกลงมา ทำให้ทุกพื้นที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งยังต้องเฝ้าระวังจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นพิเศษ หากมีแหล่งกำเนิดในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงจะมีโอกาสที่ค่าฝุ่นละอองสูงขึ้นถึงวันที่ 28 มีนาคม ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 23 - 29 มีนาคม แล้วต้องเฝ้าระวังช่วงวันที่ 23 - 25 มีนาคมภาคเหนือมีโอกาสเกิดฝนตกหลายพื้นที่
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงปานกลาง โดยค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศเปิด มีลมพัด และฝนตกช่วยลดการสะสมของฝุ่นลง ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 23 - 29 มีนาคม
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
,22/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322084627424 "แตงโมไทยสายพันธุ์ "" Century Star"" คว้ารางวัลสายพันธุ์ดีเยี่ยม AAS Regional Winner จากอเมริกา",ไทยเรานับเป็นอีกประเทศที่มีชื่อเสียงด้านการปรับปรุงพันธุ์พืช เมื่อไม่นานมานี้ แตงโมไทยไร้เมล็ดสายพันธุ์ Century Star คว้ารางวัลสายพันธุ์ดีเยี่ยมระดับภูมิภาค หรือ รางวัล All-America Selections? Regional Winner จากสถาบัน All-America Selections (AAS) ซึ่งเป็นเวทีระดับโลกและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
แตงโม Century Star เป็นหนึ่งในผลงานที่วิจัยและพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาด เพิ่มมูลค่าผลิตผล โดดเด่นในเรื่องเพาะปลูกง่าย ต้นแข็งแรง ทนต่อโรค สามารถปรับตัวเข้ากับแต่ละพื้นที่เพาะปลูกได้ดี ผลิตผลมีรูปทรงสวย รสชาติอร่อย หวานฉ่ำ เนื้อแน่นกรอบ สีแดงสด และไร้เมล็ด น้ำหนักต่อผลอยู่ที่ 35 กก.
จากการพัฒนาวิจัยปรับปรุงพันธุ์พืช สู่เมล็ดพันธุ์คุณภาพ จะเป็นทางเลือกให้เกษตรกรไทยมีเมล็ดพันธุ์คุณภาพดี สามารถยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของเกษตรกร นำไปสู่ความยั่งยืนในภาคเกษตรในอนาคต
,22/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,หน่วยงานสำนักข่าว,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322102215464 สสก.5 สงขลา ถก สศก. เผยตัวเลขเอกภาพไม้ผลภาคใต้ปี 65 รอบแรก คาดการณ์ผลผลิตออกสู่ตลาด 8.9 แสนตัน เตรียมแผนบริหารจัดการเชิงรุก ทุกลูกต้องได้คุณภาพ,"นายอนุชา ยาอีด ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ภาคใต้เป็นแหล่งผลิตไม้ผลที่สำคัญของประเทศไทย อันดับ 2 รองจากภาคตะวันออก ในปี 2565 สถานการณ์การผลิตผลไม้ภาคใต้ (ทุเรียน/มังคุด/เงาะ/ลองกอง) จากการสัมมนาจัดทำข้อมูลเอกภาพไม้ผลภาคใต้ ร่วมกับการประชุมเชิงปฏิบัติการคณะทำงานย่อยเพื่อพัฒนาระบบข้อมูลโลจิสติกส์ภาคใต้ ครั้งที่ 1/2565 พบว่า มีพื้นที่ปลูกรวม 1,108,655 ไร่ แยกเป็นทุเรียน 672,330 ไร่ มังคุด 241,250 ไร่ เงาะ 70,705 ไร่ และลองกอง 124,370 ไร่ มีเนื้อที่ให้ผลผลิตแล้ว 931,688 ไร่ จำแนกเป็นทุเรียน 509,151 ไร่ มังคุด 230,274 ไร่ เงาะ 69,185 ไร่ และลองกอง 123,078 ไร่ ปริมาณผลผลิตรวมทั้งสิ้น 889,758 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาคิดเป็นร้อยละ 2.4 หรือประมาณ 20,943 ตัน (ปี 2564 ผลผลิตรวม 868,815 ตัน) จำแนกเป็นทุเรียน 627,432 ตัน มังคุด 160,446 ตัน เงาะ 64,841 ตัน และลองกอง 37,039 ตัน
ซึ่งฤดูกาลเก็บเกี่ยวอยู่ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคม โดยผลผลิตส่วนใหญ่จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ยกเว้นลองกองผลผลิตออกมากในช่วงเดือนกันยายน ปีนี้ผลผลิตทุเรียนเพิ่มขึ้นประมาณ 1.8 หมื่นตัน เนื่องจากเนื้อที่ให้ผลเพิ่มขึ้น 43,437 ไร่ (ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม 2565) สถานการณ์โดยรวมช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนมีนาคม 2565 ภาคใต้ประสบกับมรสุมติดต่อกันยาวนานเกือบทุกพื้นที่ และมีน้ำท่วมขังโดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ส่งผลกระทบต่อการออกดอก การแตกใบอ่อนแทนตาดอก และดอกร่วง ส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตในภาพรวมที่ประมาณการไว้
ทั้งนี้ ในการกระตุ้นการออกดอกของไม้ผลต้องอาศัยการกระทบแล้งประมาณ 20-30 วัน ดังนั้นช่วงเวลาระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน หากฝนทิ้งช่วงยาวนานพอ อาจทำให้ไม้ผลที่ยังไม่ออกออกมีการออกดอกติดผลเพิ่มขึ้น ประมาณการผลผลิตจะมีความชัดเจนขึ้นในการประมาณการผลผลิตไม้ผลเศรษฐกิจภาคใต้ครั้งที่ 2 ซึ่งจะดำเนินการช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 ทั้งนี้ต้องติดตามสถานการณ์และวางแผนบริหารจัดการผลผลิตทุกระยะอย่างใกล้ชิด
นายอนุชา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการผลักดัน การบริหารจัดการผลไม้ โดยใช้มาตรการเชิงรุก มีการประชุมวางแผนจัดทำข้อมูล โดยการสำรวจข้อมูลการผลิตไม้ผลตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด และรวบรวมเป็นระดับภาค ตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาล การคาดการณ์ผลผลิตที่จะออกสู่ตลาด เพื่อจัดทำแผนรองรับ และรณรงค์ส่งเสริมให้เกษตรกรปรับปรุงคุณภาพผลผลิต การขอรับรองคุณภาพมาตรฐาน GAP โดยผ่านศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) รวมไปถึงการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน โดยการพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการคุณภาพผลผลิต โดยเชื่อมโยงกับการตลาดทั้งในและต่างประเทศ คาดกว่าหลังจากนี้สถานการณ์การระบาดของ Covid-19 อาจจะเริ่มคลี่คลาย ผลผลิตจะทยอยออกสู่ตลาด จึงต้องเร่งส่งเสริมการตลาดเพื่อกระจายผลไม้คุณภาพไปยังภูมิภาคต่างๆ
ทั้งนี้ได้จัดประชุมเชื่อมโยงเกษตรกร พ่อค้า และผู้ประกอบการเป็นระยะ เช่น การเชื่อมโยงเครือข่ายมังคุดซึ่งดำเนินการไปแล้ว การเชื่อมโยงเครือข่ายทุเรียน และการพัฒนาศูนย์คัดแยก การประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญการพัฒนาคุณภาพทุกขั้นตอนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อให้ผลผลิตที่ออกมาตรงความต้องการของผู้บริโภค เช่น ทุเรียนได้ร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัดภาคใต้ พัฒนาการผลิตทุเรียนคุณภาพ ไม่ให้มีการตัดทุเรียนอ่อนออกสู่ตลาด โดยกำหนดมาตรฐานทุเรียนคุณภาพ จัดอบรมให้เจ้าหน้าที่เรื่องการวิเคราะห์ทุเรียนคุณภาพและสนับสนุนเครื่องมือในการตรวจสอบ และจัดทำโครงการป้องกันกำจัดหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนด้วยวิธีผสมผสาน การพัฒนาคุณภาพเข้าสู่มาตรฐาน GAP เพื่อการส่งออก และการจัดทำระบบน้ำในสวนทุเรียน เป็นต้น
ในส่วนสถานการณ์ด้านราคา สำหรับทุเรียนยังได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการมาก คาดว่าราคาค่อนข้างสูงเหมือนปีที่ผ่านมา ส่วนเงาะ มังคุด และลองกอง จากสภาพอากาศคาดว่าการกระจายตัวของผลผลิตน่าจะออกสู่ตลาดไม่พร้อมกัน ทั้งนี้หากผลผลิตทุกลูกได้คุณภาพ ก็ไม่น่ากังวลเรื่องราคา นายอนุชา กล่าวทิ้งท้าย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",22/3/2022,ภาคใต้,สงขลา,สทท.สงขลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322104848476 "จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลงจากฝนที่ตกลงมา ส่วนจุดความร้อนจากเมียนมายังสูงกว่า 5,000 จุด ส่งผลกระทบแนวชายแดนภาคเหนือของไทย","สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลงจากฝนที่ตกลงมา ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเมียนมายังสูงกว่า 5,000 จุด ส่งผลกระทบแนวชายแดนภาคเหนือของประเทศไทย
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (21 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศเพียง 46 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 19 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 10 จุด // พื้นที่เกษตร 9 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 5 จุด และพื้นที่เขต สปก. 3 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด คือ แม่ฮ่องสอน 22 จุด , เชียงใหม่ 3 จุด และชัยนาท 3 จุด โดยจุดความร้อนมีจำนวนลดลงมาก เพราะเกิดฝนตกจากพายุฝนฟ้าคะนองทั่วประเทศ ส่งผลให้วันนี้ทุกจังหวัดมีคุณภาพอากาศปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อยู่ในระดับดีมาก ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 21 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 11,660 จุด , ภาคเหนือ 10,823 จุด และภาคกลาง 6,115 จุด
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาติดต่อกัน 23 วันวันนี้พบสูง 5,269 จุด รองลงมาเป็น สปป.ลาว 274 จุด และเวียดนาม 128 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมาส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",22/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322104341474 "การยางแห่งประเทศไทย เตรียมจัดงานมหกรรมยางพารา 2564 นครแห่งนวัตกรรมยางพาราโลก"" ระหว่างวันที่ 8-10 เมษายน 2565",วันนี้ (22 มี.ค. 65) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานประชุมงานมหกรรมยางพารา 2564 นครแห่งนวัตกรรมยางพาราโลก โดยมีนายณรงค์ศักดิ์ ใจสมุทร ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทย เขตภาคใต้ตอนกลาง พร้อมด้วยนางชวรีย์ กิ่งรัตน์ ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทยจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้แทนส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
สำหรับการจัดงานดังกล่าว เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการพัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยีการแปรรูปยางพารา แสดงให้เห็นถึงคุณภาพ มาตรฐาน การวิจัย และแนวคิดการต่อยอดพัฒนานวัตกรรมให้เกิดความหลากหลายในการใช้ยางพาราในภาคอุตสาหกรรมไทย และเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรชาวสวนยาง สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ผู้ประกอบกิจการยางพารามีช่องทางการจำหน่าย และแสวงหาพันธมิตรคู่ค้าใหม่ในตลาดยางพาราโดยงานจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 8-10 เมษายน 2565 ณ การยางแห่งประเทศไทยเขตภาคใต้ตอนกลาง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช
กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 10 เมืองแห่งยางพารา นวัตกรรมและเทคโนโลยียางพารา การอบรมส่งเสริมอาชีพ จุดบริการข้อมูล จับคู่ธุรกิจ/นัดหมายเจรจาการค้า และออกร้านจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ยางพารา สินค้าอื่นๆ รวมทั้งการจัดนิทรรศการเทคโนโลยียางพาราและงานแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์ของดี 7 เขต การเสวนาวิชาการ การแข่งขันกรีดยางพาราชิงแชมป์ประเทศไทย ซึ่งการจัดงานจะดำเนินการภายใต้มาตรการคนนครฯ สู้ภัยโควิดด้วยกัน
อุไรวรรณ/ข่าว/ภาพ พรรณี/ภาพ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
22 มีนาคม 2565
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,22/3/2022,ภาคใต้,นครศรีธรรมราช,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322114420514 "จ.น่าน มณฑลทหารบกที่ 38 ร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม อนุรักษ์แหล่งน้ำ สร้างฝาย ชะลอน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และภัยแล้ง ""ป้องกันแก้ไขหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่",พลตรี คณิศร อาสมะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 นำกำลังพลจิตอาสา นายทหารประทวนชายมณฑลทหารบกที่ 38 ร่วมกับประชาชนในพื้นที่สร้างฝายแกนดินซีเมนต์ ณ บ้านน้ำเกี๋ยนใต้ หมู่ที่ 1 ตำบลน้ำเกี๋ยน. อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน เพื่อเพิ่มศักยภาพลำน้ำห้วยเต๋ย ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของลำน้ำเกี๋ยนให้เป็นแหล่งกักเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตรกรรม รวมทั้งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดินของป่าต้นน้ำที่สายน้ำไหลผ่าน รักษาสมดุลทางธรรมชาติ คน น้ำ ป่า และแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีในชุมชน สร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และเป็นการป้องกันแก้ไขหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ ปัจจุบันได้ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 6 ฝาย
สำหรับการสร้างฝายมีในครั้งนี้ มีโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพให้กับแหล่งน้ำในการนำมาใช้ประโยชน์ให้กับชุมชนในพื้นที่ให้มากขึ้น ร่วมกันพื้นฟูระบบนิเวศและแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำของชุมชนในการบรรเทาปัญหาน้ำท่วมน้ำป่าไหลหลากน้ำแล้งต้นไม้ยืนต้นตาย เนื่องจากขาดน้ำใต้ดินมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงขึ้น ตลอดจนส่งผลให้เศรษฐกิจและสังคมชุมชนในท้องถิ่นดีขึ้น เพื่อเสริมสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้ำด้วยตนเอง โดยการนำเอาภูมิปรัชญาชาวบ้านผสมผสานกับภูมิสังคมของพื้นที่มาประยุกต์ใช้ให้เกิดการบริหารจัดการน้ำที่ดีร่วมกัน ฝายกั้นน้ำ หรือฝายชะลอน้ำ เป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นมาเพื่อปิดกั้นทางน้ำที่เป็นร่องน้ำกัดเซาะลำห้วย ลำธารขนาดเล็ก บริเวณป่าต้นน้ำของลุ่มน้ำต่างๆ โดยทำหน้าที่ควบคุมความเร็วการไหลของน้ำให้ช้าลงในช่วงฤดูฝน ช่วยให้การกัดเซาะ ชะล้าง และพังทลายของดินสองฝั่งสายน้ำลดลง ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในฤดูแล้ง กักเก็บตะกอนดินไม่ให้พัดพาสู่การตื้นเขินของแหล่งน้ำชั้นล่าง และยังช่วยส่งเสริมการเก็บกักอินทรียวัตถุไว้ในแหล่งน้ำให้เพิ่มปริมาณมากขึ้น รวมทั้งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดินของป่าต้นน้ำที่ทุกสายน้ำไหลผ่าน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,22/3/2022,ภาคเหนือ,น่าน,สวท.น่าน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322115605523 การยางแห่งประเทศไทย เตรียมจัดงานมหกรรมยางพารา 2564,"
การยางแห่งประเทศไทย เตรียมจัดงานมหกรรมยางพารา 2564 นครแห่งนวัตกรรมยางพาราโลก"" ระหว่างวันที่ 8-10 เมษายน 2565 วันนี้(22 มี.ค.65) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานประชุมงานมหกรรมยางพารา 2564 นครแห่งนวัตกรรมยางพาราโลก โดยมี นายณรงค์ศักดิ์ ใจสมุทร ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทย เขตภาคใต้ตอนกลาง พร้อมด้วยนางชวรีย์ กิ่งรัตน์ ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทยจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้แทนส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
สำหรับการจัดงานดังกล่าว เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการพัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยีการ แปรรูปยางพารา แสดงให้เห็นถึงคุณภาพ มาตรฐาน การวิจัย และแนวคิดการต่อยอดพัฒนานวัตกรรมให้เกิดความหลากหลายในการใช้ยางพาราในภาคอุตสาหกรรมไทย และเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรชาวสวนยาง สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ผู้ประกอบกิจการยางพารามีช่องทางการจำหน่าย และแสวงหาพันธมิตรคู่ค้าใหม่ในตลาดยางพารา โดยงานจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 8-10 เมษายน 2565 ณ การยางแห่งประเทศไทยเขตภาคใต้ตอนกลาง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช
กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 10 เมืองแห่งยางพารา นวัตกรรมและเทคโนโลยียางพารา การอบรมส่งเสริมอาชีพ จุดบริการข้อมูล จับคู่ธุรกิจ/นัดหมายเจรจาการค้า และออกร้านจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ยางพารา สินค้าอื่นๆ รวมทั้งการจัดนิทรรศการเทคโนโลยียางพาราและงานแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์ของดี 7 เขต การเสวนาวิชาการ การแข่งขันกรีดยางพาราชิงแชมป์ประเทศไทย ซึ่งการจัดงานจะดำเนินการภายใต้มาตรการคนนครฯ สู้ภัยโควิดด้วยกัน
อุไรวรรณ/ข่าว/ภาพ พรรณี/ภาพ 22 มีนาคม 2565
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",22/3/2022,ภาคใต้,นครศรีธรรมราช,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322131435551 ผลผลิตทุเรียนพันธุ์ชะนีต้นฤดูของจังหวัดตราดเริ่มออกสู่ตลาด ขณะที่ผู้ว่าฯ ตราด ติดตามสถานการณ์การควบคุมและป้องกันทุเรียนด้อยคุณภาพออกสู่ตลาด,"นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การควบคุมและป้องกันทุเรียนด้อยคุณภาพออกสู่ตลาด ที่สวนทุเรียนของนางลออ บุญลอย เกษตรกร หมู่ที่ 5 ตำบลอ่าวใหญ่ อำเภอเมืองตราด พร้อมทั้งร่วมสาธิตตัดทุเรียนพันธุ์ชะนีต้นฤดูกาล พร้อมทั้งนำตัวอย่างทุเรียนพันธุ์ชะนีมาตรวจเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งในเนื้อทุเรียน โดยจากการตรวจเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งในเนื้อทุเรียนพบว่าตัวอย่างมีเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้ง 39.3 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าผ่านมาตรฐานตามหลักของกรมวิชาการเกษตร ที่กำหนดเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งในเนื้อทุเรียน สายพันธุ์ชะนีไว้ที่ไม่น้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้ง พร้อมกันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ยังได้มอบหนังสือรับรองผลการตรวจเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งในเนื้อทุเรียน
ทั้งนี้ ตามที่จังหวัดตราดได้ออกมาตรการควบคุมและป้องกันแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพออกสู่ตลาด ปี 2565 โดยกำหนดวันเก็บเกี่ยวทุเรียน 5 สายพันธุ์ ประจำปี 2565 ประกอบด้วย พันธุ์กระดุม วันที่ 20 มีนาคม 2565 พันธุ์ชะนี และพันธุ์พวงมณี วันที่ 10 เมษายน 2565 และสายพันธุ์หมอนทอง และพันธุ์ก้านยาว วันที่ 25 เมษายน 2565 ซึ่งหากเกษตรกรจะเก็บผลผลิตทุเรียนก่อนวันที่กำหนดจะต้องแจ้ง ผู้นำชุมชน หรือ อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน หรือสำนักงานเกษตรอำเภอ ที่ตั้งแปลงปลูก เพื่อตรวจเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งในเนื้อทุเรียน เพื่อป้องกันปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพ (ทุเรียนอ่อน) ออกสู่ตลาด อย่างไรก็ตามสำนักงานเกษตรจังหวัดตราดร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอเมืองตราด ได้จัดทำแผนให้บริการตรวจเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งในเนื้อทุเรียนสายพันธุ์ชะนี เพื่อกำหนดระดับความสุกแก่ของทุเรียนสายพันธุ์ชะนี ในพื้นที่อำเภอเมืองตราดให้กับเกษตรกรอีกด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",22/3/2022,ภาคตะวันออก,ตราด,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322120352532 จังหวัดตราดจัดประชุมรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม SDGsPGS,"นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานเปิดการประชุมรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม SDGsPGS จังหวัดตราด ครั้งที่ 3/2565 ซึ่งสมาพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืนตราด ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดขึ้น ที่วิทยาลัยชุมชนตราด
พันเอกแพทย์หญิง สุมล นาคเฉลิม รองประธานคณะกรรมการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม SDGsPGS จังหวัดตราด กล่าวว่า เกษตรกรรมยั่งยืน (Sustainable Agriculture) เป็นระบบการเกษตรที่ครอบคลุมถึงวิถีชีวิตของเกษตรกร กระบวนการผลิต และการจัดการรูปแบบเพื่อให้เกิดความสมดุลทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศ นำไปสู่การพึ่งพาตนเองและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและผู้บริโภค เกษตรกรรมยั่งยืนมีเกณฑ์มาตรฐานในการรับรองแบบมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นเครื่องมือหนึ่งในการพัฒนาและรับรองแปลงผลผลิต จึงได้มีการจัดตั้งกลไกการขับเคลื่อนระดับจังหวัดขึ้น 4 กลไก ได้แก่ กลไกคณะทํางานตรวจแปลงเกษตรอินทรีย์ กลไกธุรกิจ กลไกคณะกรรมการรับรองมาตรฐาน เกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม และสุดท้ายคือกลไกเพื่อดูแลการบริหารจัดการข้อมูลในระบบ ฐานข้อมูล SDGsPGS SAN (Sustainable Agriculture Network) ใช้ตลาดนําการผลิต ทําให้สามารถช่วยเกษตรกรจัดการผลิตเพื่อการค้าสู่ตลาดได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ดังนั้นเพื่อเป็นการขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าว จึงได้จัดประชุมครั้งนี้ขึ้น เพื่อร่วมกันพิจารณารับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม SDGsPGS จังหวัดตราด ต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",22/3/2022,ภาคตะวันออก,ตราด,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322130608547 ผู้ว่าฯ เพชรบุรี ติดตามเข้ม การเร่งรัดจำแนกประเภทที่ดิน เพื่อการบริหารจัดการที่ดิน ดูแลช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร เร่งสำรวจประเภทที่ดิน ตรวจสอบขอบเขตที่ดิน แก้ปัญหารุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ,นายณัฐวุฒิ เพ็ชรพรหมศร ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และคณะอนุกรรมการพัฒนาที่ดินจังหวัดเพชรบุรี ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม โครงการชลประทานเพชรบุรี อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี
นายณัฐวุฒิ เพ็ชรพรหมศร ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า กรมพัฒนาที่ดินได้ดำเนินการสำรวจข้อมูลด้วยโปรแกรมสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ พบว่ายังมีพื้นที่ป่าไม้ถาวร นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่ยังไม่ได้ดำเนินการสำรวจและจำแนกประเภทที่ดิน จึงต้องดำเนินการโดยผ่านการพิจารณากลั่นกรองการจำแนกประเภทที่ดินของคณะอนุกรรมการพัฒนาที่ดินจังหวัดเพชรบุรี เพื่อเก็บรักษาไว้เป็นป่าไม้ถาวรตามเดิม และเพื่อการจำแนกออกจากป่าไม้ถาวรเพื่อให้เป็นที่ทำกินของราษฎรหรือใช้ประโยชน์อย่างอื่น โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ได้กล่าวย้ำว่า การพิจารณากลั่นกรองการจำแนกประเภทที่ดิน ที่เป็นที่เข้าทำกินของราษฎรหรือใช้ประโยชน์ ผู้บริหารท้องถิ่นต้องทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ให้การดูแลช่วยเหลือเกษตรกร ให้มีการสำรวจวิเคราะห์ให้เป็นไปด้วยความถูกต้อง ซึ่งจากการร้องขอของราษฎรได้มีการขอให้จำแนกประเภทที่ดินป่าไม้ถาวร ซึ่งที่ดินบางส่วนอยู่ในพื้นที่ ป่าหนองกระทุ่ม ป่าหนองหญ้าปล้อง ป่าห้วยโรงหนองหญ้าปล้อง ได้มีการตรวจสอบแนวเขต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยังไม่เคยมีการสำรวจจำแนกประเภทที่ดินมาก่อน โดยคณะอนุกรรมการพัฒนาที่ดินจังหวัดเพชรบุรี ได้รับเรื่อง ให้คณะทำงานตรวจสอบพื้นที่ดำเนินการที่จะไม่ให้ชาวบ้านเดือดร้อน ซึ่งจากการตรวจสอบรายชื่อราษฎรที่ร้องทุกข์เบื้องต้นพบว่าบางส่วนอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ บางส่วนอยู่ในพื้นที่ สปก. และบางส่วนอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร ซึ่งจะได้ดำเนินการให้ถูกต้องต่อการจำแนกประเภทที่ดินต่อไป
จามรี อนุรัตน์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรี รายงาน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,22/3/2022,ภาคตะวันตก,เพชรบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322134639577 รัฐบาล มุ่งเน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและลดการปนเปื้อนน้ำใต้ดิน พร้อมเร่งขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำของไทยให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามนโยบายสหประชาชาติ เนื่องในวันน้ำโลก,รัฐบาล มุ่งเน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและลดการปนเปื้อนน้ำใต้ดิน พร้อมเร่งขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำของประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามนโยบายสหประชาชาติ เนื่องในวันน้ำโลก ประจำปี 2565 ร่วมรู้จัก อนุรักษ์ น้ำใต้ดิน
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า จากการขยายตัวของเศรษฐกิจและการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำเพิ่มสูงขึ้น จนทั่วโลกประสบกับภาวะการขาดแคลนน้ำที่ทวีความรุนแรงต่อเนื่อง องค์การสหประชาชาติ (UN) จึงกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวเรื่องการอนุรักษ์น้ำและการพัฒนาแหล่งน้ำ เพราะปัญหาการขาดแคลนน้ำอาจก่อให้เกิดปัญหาการแย่งชิงน้ำในอนาคตได้ โดยวันน้ำโลกตรงกับวันที่ 22 มีนาคมปีนี้องค์การสหประชาชาติได้กำหนดหัวข้อ GroundwaterMaking the invisible visible. หรือ ร่วมรู้จัก อนุรักษ์ น้ำใต้ดิน เน้นให้ทุกประเทศหันมาให้ความสำคัญกับการรักษาดูแลทรัพยากรน้ำใต้ดินมากขึ้น ในส่วนของประเทศไทย พลเอก ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญบริหารจัดการน้ำทั้งด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการบริการ ที่ต้องบริหารจัดการให้สอดรับกับการพัฒนาประเทศด้านต่างๆไปพร้อมกัน เพื่อป้องกันและบรรเทาวิกฤติการขาดแคลนน้ำ โดยปีนี้รัฐบาลขอเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญการอนุรักษ์น้ำ ด้วยการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าและร่วมกันลดการปนเปื้อนของน้ำใต้ดิน ซึ่งจะนำสู่ประโยชน์สูงสุดการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน พร้อมปลูกจิตสำนึกร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำให้คงอยู่อย่างสมบูรณ์
เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวย้ำว่า ที่ผ่านมา สทนช.ได้เร่งขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ทั้ง 6 ด้าน คือ การจัดการน้ำอุปโภค-บริโภค // การสร้างความมั่นคงของน้ำ // การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย // จัดการคุณภาพน้ำ // การอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำ และสุดท้าย การบริหารจัดการ เพื่อตอบสนองความต้องการของรัฐบาลไทยที่มุ่งขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำของประเทศให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามนโยบาย ทศวรรษแห่งการร่วมมือปฏิบัติของทุกประเทศ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ของสหประชาชาติให้ได้
,22/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322133155561 คณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่จังหวัดระยอง ติดตามผลการดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีน้ำมันรั่วไหลจากท่อใต้ทะเล บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเลระยอง,"ที่ห้องประชุมภักดีศรีสงคราม ชั้น 4 ศูนย์ราชการจังหวัดระยอง นายอภิชาติ ศิริสุนทร ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะได้เดินทางมาติดตามผลการดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีน้ำมันรั่วไหลจากท่อใต้ทะเลบริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเลในพื้นที่จังหวัดระยอง โดยมีตัวแทนกลุ่มประมงเรือเล็กพื้นบ้าน กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม/ที่พัก กลุ่มอาชีพอื่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมฯ
นายอภิชาติ ศิริสุนทร ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่ว เมื่อคืนวันที่ 25 มกราคม 2565 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวและความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นอย่างมาก ซึ่งขณะนี้เวลาได้ผ่านไปเกือบครบ 2 เดือน ทางคณะกรรมมาธิการ จึงได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามและตรวจสอบ ความคืบหน้าเกี่ยวกับการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ การฟื้นฟูสภาพแวดล้อม การตรวจสอบข้อมูลปริมาณน้ำมันที่รั่วไหล รวมถึงปริมาณการใช้สารขจัดน้ำมัน และการควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ว่า มีความคืบหน้าอย่างไร
นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า จังหวัดระยอง ได้ตั้งคณะกรรมการกำกับ ติดตามและคณะทำงานประสานการดำเนินการชดใช้ค่าเสียหาย ระหว่างบริษัทสาตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) กับผู้ได้รับผลกระทบ จำนวน 4 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม/ที่พักและร้านอาหาร กลุ่มประมง กลุ่มสุขภาพ และกลุ่มผู้ประกอบการอาชีพต่างๆ ซึ่งขณะนี้ มีผู้ได้รับผลกระทบ ยื่นเรื่องร้องเรียน ผ่านศูนย์รับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ จำนวนทั้งสิ้น 14,203 ราย ขณะที่บริษัท ได้จ่ายเงินช่วยเหลือไปแล้ว จำนวน 2,981 ราย ประกอบด้วย กลุ่มประมงพื้นบ้าน 1,781 รายๆ ละ 45,000 บาท และกลุ่มอาชีพอื่นๆ อีก 1,201 ราย ๆ ละ 15,000 30,000 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 98 ล้านบาท ยังเหลือกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม/ที่พักและร้านอาหาร กำลังอยู่ระหว่างตกลงเจรจากัน นอกจากนี้ ในส่วนของการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังอยู่ระหว่างสำรวจความเสียหายและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ส่วนกรณีปริมาณน้ำมันรั่วที่ยังเป็นข้อสงสัยนั้น ได้แถลงข่าวไปแล้วว่ามีปริมาณ 49,000 ลิตร แต่ยังไม่มีใครเชื่อ เนื่องจากทางบริษัท แถลงออกมา 3 ครั้ง มีตัวเลขไม่ตรงกัน จึงยังเป็นปัญหาว่า ยังหาข้อสรุปตรงนี้ไม่ได้
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",22/3/2022,NULL,ระยอง,สวท.ระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322140827597 กระทรวงมหาดไทยเร่งขับเคลื่อนงานเพื่อแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน เดินหน้าขยายผลในทุกจังหวัดและทุกองค์กรปกครองท้องถิ่นทั่วประเทศ พร้อมเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกัน Change for Good ในทุกกิจกรรมของชีวิตเพื่อให้เกิดสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างยั่งยืน,"นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการแก้ไขปัญหาก๊าซเรือนกระจกเพื่อลดภาวะโลกร้อน เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ข้อ 13 การปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบที่เกิดขึ้น (Take Urgent Action to Combat Climate Change and Its Impacts) ซึ่งผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย (UN) และผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย (UNDP) ได้ให้ความสนใจและชื่นชมการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้วยความมุ่งมั่นของกระทรวงมหาดไทยในการ Change for Good ให้เกิดการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการรณรงค์ส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนและทุกภาคส่วนในพื้นที่ได้ดำเนินวิถีชีวิตประจำวันที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การคัดแยกขยะ การจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน การทำเกษตรอินทรีย์ การปลูกต้นไม้ การรับประทานอาหาร การแต่งกาย การใช้ยวดยานพาหนะ ที่ ทุกคนต้องช่วยกัน เพื่อร่วมกัน Change for Good ให้เกิดสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นในชีวิตของพวกเราทุกคน
โดยนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการขับเคลื่อนกิจกรรมในการส่งเสริมการแก้ไขปัญหาก๊าซเรือนกระจกเพื่อลดภาวะโลกร้อนมาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมกิจกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนในชีวิตประจำวัน โดยให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศรณรงค์เชิญชวนให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไปที่ตระหนักถึงภัยคุกคามของปัญหาขยะและสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมลง จนทำให้เกิดภาวะโลกร้อน อากาศวิปริตแปรปรวน ให้เข้ามาร่วมสมัครเป็นอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก (อถล.) ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก พ.ศ. 2561 เพื่อร่วมมือกันดูแลครอบครัวให้รู้จักคัดแยกขยะเปียก ขยะแห้ง ขยะพิษ รวมทั้งเป็นผู้นำในการสร้างจิตสำนึกให้แก่คนในครอบครัว ชุมชน ตำบล และหมู่บ้าน ให้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการขยะมูลฝอย โดยใช้หลัก 3Rs หรือ 3ช : ใช้น้อย Reduce ใช้ซ้ำ Reuse และนำมาผลิตเพื่อใช้ใหม่ Recycle โดยเริ่มจากการปลูกฝังจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมตั้งแต่ในวัยเด็ก ให้รวมกลุ่มเป็นเครือข่ายเพื่อช่วยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและถ่ายทอดความรู้ในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในระดับบุคคลหรือประชาชน พร้อมทั้งรณรงค์ให้ทุกครัวเรือน จัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน ซึ่งเป็นถังขยะเปียกคัดแยกขยะครัวเรือน ณ ต้นทาง ตั้งแต่แหล่งกำเนิด ให้ครบ 100% ในเดือนสิงหาคม 2565 โดยหากครัวเรือนใดมีพื้นที่ที่ไม่สามารถทำได้ ให้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จัดถังขยะรวมไว้ในพื้นที่อย่างน้อย 3 ชนิด คือ ถังขยะเปียก เพื่อรวมเศษอาหาร ขยะอินทรีย์ ถังขยะทั่วไป และถังขยะอันตราย ซึ่งที่ผ่านมา โครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อนได้มีการจัดทำแล้วถึง 10.5 ล้านครัวเรือนจาก 17.8 ล้านครัวเรือน หรือคิดเป็น 60% ทั่วประเทศ ซึ่งสามารถช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตัวการของการเกิดภาวะโลกร้อนได้กว่า 300,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 600 ล้านตัน ซึ่งมีตัวอย่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่สามารถขับเคลื่อนจนเกิดผลสำเร็จ เกิดความร่วมมือของพี่น้องประชาชนในท้องถิ่น เช่น การบริหารขยะอินทรีย์สู่แปลงผักสวนครัวตามโครงการพระราชทานของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี บ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง ที่องค์การบริหารส่วนตำบลโก่งธนู อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี และการบริหารจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง คือ ครัวเรือน โดยการคัดแยกขยะอินทรีย์หรือขยะเปียกออกจากขยะทั่วไปของชุมชนบ้านป่าบุก เทศบาลตำบลแม่แรง อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวต่อว่า ยังได้เน้นย้ำให้ทุกจังหวัดช่วยกันขยายผลและไปกระตุ้นปลุกเร้าให้ช่างทอผ้า ผู้ประกอบการผ้าไทย ผ้าอัตลักษณ์ทุกประเภททั่วประเทศ น้อมนำพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา งดใช้สีเคมีในการย้อมผ้า และหันมาผลิตวัตถุดิบที่จะใช้ผลิตผ้า เช่น ปลูกฝ้าย ปลูกหม่อน และเลี้ยงไหม ปลูกต้นไม้ที่สามารถนำไปใช้ทำเป็นสีย้อมผ้าให้มากขึ้น เพื่อลดการเกิดของเสีย ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ใบไม้หรือเปลือกไม้ที่นำมาย้อมสีผ้าก็สามารถนำไปทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ได้ และยังส่งผลดีต่อสุขภาพของคนย้อมผ้าและผู้สวมใส่ รวมถึงให้ทุกจังหวัดได้รณรงค์ส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนร่วมกันสวมใส่ผ้าไทย ภายใต้ชื่อ ผ้าไทยใส่ให้สนุก ตามแนวพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ซึ่งมีนัยยะสำคัญอย่างยิ่งต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ผู้ทอผ้าในทุกถิ่นที่ของประเทศไทย ที่เป็นเสาหลักในการดูแลสมาชิกทุกคนในครอบครัวให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีด้วยรายได้จากการจำหน่ายผ้าไทย รวมถึงสิ่งที่นอกเหนือจากการมีรายได้ นั่นคือ ทำให้ลูกหลานกตัญญูต่อบรรพบุรุษ ด้วยการช่วยกันรักษาภูมิปัญญา อัตลักษณ์ความเป็นไทย และยังเป็นการร่วมกันแก้ไขปัญหาโลกร้อน เพราะผ้าทอไทยเกิดจากภูมิปัญญาของคนไทยที่อยู่กับทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ถิ่นต่างๆ ตั้งแต่กระบวนการผลิต การย้อมผ้า ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ได้กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล ของกระทรวงมหาดไทย เปรียบเสมือนการปฏิวัติสีเขียวครั้งใหญ่ที่ประชาชนจะอยู่รอดปลอดภัย มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ เพราะนอกจากจะเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั่วประเทศแล้ว ยังช่วยตอบโจทย์การแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 และสภาวะโลกร้อน (Global warming) ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (climate change) ที่กระทบทุกประเทศทั่วทั้งโลกอย่างรุนแรง ซึ่งภายในแปลงโคก หนอง นา จะมีการปลูกต้นไม้ 5 ระดับก็คือ ป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง เป็นการผสมผสาน ที่เล็งเห็นถึงปัจจัย 4 ทั้งหมด เช่น มีไม้เพื่อใช้ทำที่อยู่อาศัย ไว้ใช้สอย ไว้ทำเครื่องมืออุปกรณ์ทางการเกษตร และการปลูกที่มีไว้ใช้สำหรับเป็นอาหารและยารักษาโรค รวมถึงมีส่วนที่ไว้ค้าขายผลิตผลทางเกษตร และอีกส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญ คือ ทุกพื้นที่จะเป็นกสิกรรมธรรมชาติ ไม่มีการใช้ปุ๋ยเคมี ไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลง และไม่มีการเผาทำลายซากเศษใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เราจะเอาส่วนนั้นมาประยุกต์ใช้ในการทำน้ำหมัก ปุ๋ยหมัก ใช้ประโยชน์ให้มากที่สุดบริหารจัดการไม่ให้เหลือเป็นเศษขยะ เป็นการลดภาวะฝุ่นควันปัญหา PM2.5 ได้ตั้งแต่ต้นเหตุ โดยต้นไม้ 5 ระดับนี้ จะทำให้มีไม้ยืนต้นมากกว่า 10 ล้านต้น ที่จะช่วยทำให้สภาพดินฟ้าอากาศทุกพื้นที่มีความร่มเย็น มีร่มเงาจากไม้ใหญ่ในพื้นที่ของตนเองได้ แล้วจะมีการปลูกทดแทนต่อเนื่อง เพื่อความยั่งยืนอันจะส่งผลถึงระบบนิเวศ นี่จึงเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ทำให้ฝนฟ้าตกตามฤดูกาล ช่วยต่ออายุโลกของเรา สร้างโลกที่น่าอยู่ ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญเรื่องปากท้อง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในด้านการพัฒนาแนวทางลดก๊าซเรือนกระจกระดับจังหวัด และการส่งเสริมการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกในระดับท้องถิ่น สนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจกในระดับเมืองที่ส่งผลต่อภาพรวมระดับประเทศ มีตัวอย่างผลสำเร็จจากการขับเคลื่อน โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการขยะมูลฝอยรวมแบบผสมผสาน โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อมุ่งสู่เมืองคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืนของเทศบาลเมืองยโสธร อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร ที่ทำให้เทศบาลได้ทราบถึงองค์ประกอบของขยะที่เป็นข้อมูลในการวางแผนการจัดการขยะได้อย่างเหมาะสม ปริมาณขยะที่จะนำเข้าสู่ระบบการฝังกลบจึงลดลง ส่งผลให้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างรายได้จากการแลกเปลี่ยน/ขายคาร์บอนเครดิต โดยในปัจจุบันเทศบาลเมืองยโสธรมีคาร์บอนเครดิตสะสมในบัญชีที่ได้รับการรับรองแล้ว จำนวน 12,149 ตัน มีคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) สามารถแลกเปลี่ยน/ขายคาร์บอนเครดิตแล้วกว่า 4,838 (tCO2e) คิดเป็นเงินประมาณ 1,000,000 บาท
นอกจากนี้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้กำชับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ปี 64-65 ให้เกิดประสิทธิภาพ สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ด้วยการติดตามสถานการณ์ที่ส่งผลต่อการเกิดไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่ และเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด เพื่อป้องกันและลดการเกิดมลพิษจากแหล่งกำเนิด ทั้งยานพาหนะ การก่อสร้าง ภาคอุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ให้พี่น้องประชาชนเข้าใจและมีส่วนร่วมตามมาตรการภาครัฐ
การแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องใหญ่ที่มิใช่กระทบต่อวิถีชีวิตคนไทย แต่มันกระทบต่อทุกอณูชีวิต ทุกลมหายใจของมนุษย์ทั้งโลก ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต้องเป็นตัวอย่างในการขับเคลื่อนในลักษณะ ผู้นำต้องทำก่อน และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและทุกภาคส่วนในการช่วยกันดูแลชุมชน ดูแลท้องถิ่น ดูแลจังหวัดของตนเองให้เป็นจังหวัดต้นแบบ ให้เป็นจังหวัดที่ทำบุญกับโลกใบนี้ของเรา ซึ่งสิ่งต่างๆ ทั้งหมดที่ได้กล่าวมาข้างต้น กระทรวงมหาดไทยจะได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด บูรณาการภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และประสานให้ทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการขับเคลื่อนต่อยอดขยายผล ทำให้การปลดปล่อยก๊าซที่จะทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกมันลดน้อยถอยลง เพื่อประเทศไทยก้าวไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-zero GHG emission) ภายในปี 2065 อันจะทำให้ประเทศไทยอยู่คู่กับโลก โลกของเราอยู่คู่กับจักรวาล คู่กับมวลมนุษยชาติไม่มีวันสิ้นสุด ซึ่งมันจะไม่มีทางเป็นไปได้ ถ้าวันนี้เราไม่ทำทันที
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",22/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322144928616 คพ. และ TEI ร่วมกันขับเคลื่อนการส่งเสริมผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของประชาคมโลกและเป้าหมายการพัฒนาของประเทศ,"กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) ร่วมกันขับเคลื่อนการส่งเสริมผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของประชาคมโลกและเป้าหมายการพัฒนาของประเทศ
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) พร้อมด้วย นายวิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) ได้ร่วมลงนามบันทึกการส่งเสริมผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของภาครัฐ ถือเป็นการขับเคลื่อนการผลิตและบริโภคที่ยั่งยืน ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของประชาคมโลก และเป้าหมายการพัฒนาของประเทศ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า คพ. จะมีส่วนร่วมส่งเสริมให้ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนหันมาให้ความสนใจและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างสังคมการบริโภคยั่งยืน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สนับสนุนให้เกิดเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ตามนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แล้วยังสอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ , แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ , แผนปฏิรูปประเทศ , แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และกรอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ.2566 - 2570) โดย คพ. ได้เสนอให้กระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2563 กำหนดให้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของ คพ. เป็นพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน และ คพ. พิจารณาเห็นควรให้สินค้าและบริการที่ได้รับการรับรองฉลากเขียวและขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ ตะกร้าเขียว ได้รับการบรรจุในบัญชีรายชื่อสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นลำดับแรก
ด้าน นายวิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยตื่นตัวในเรื่องสิ่งแวดล้อม การรับรู้ความรุนแรงของปัญหา และผลกระทบที่ตามมามากขึ้น โดยประชาชนเห็นความสำคัญการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม จึงเป็นโอกาสทางการตลาดสำหรับธุรกิจที่ต้องการตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค ในส่วนของสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยได้ดำเนินงานฉลากเขียวมาตั้งแต่ปี 2536 พร้อมจะร่วมมือพัฒนาบัญชีรายชื่อสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของ คพ. และการดำเนินงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันให้การส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของภาครัฐเกิดผลสัมฤทธิ์
",22/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322144740615 เกษตรอำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ตรวจประเมินแปลงเบื้องต้นเพื่อขอรับรองมาตรฐาน GAP,"นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอำเภอย่านตาขาว มอบหมายให้นายธีรภัทร์ บุญฤทธิ์ และนายฮูสรี หีมมะหมัด นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ ลงพื้นที่ตรวจประเมินแปลงเบื้องต้นของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟและมังคุด เพื่อขอรับรองมาตรฐาน GAP ประจำปีงบประมาณ 2565 จำนวน 3 ราย ณ หมู่ที่ 7 ตำบลนาชุมเห็ด อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง สำหรับ มาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practice) หมายถึง ระบบการผลิตที่ถูกต้องในฟาร์ม
โดยพิจารณาตั้งแต่พื้นที่การปลูก การดูแลรักษา การเก็บเกี่ยว และการจัดการหลังเก็บเกี่ยว เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ มีลักษณะตรงตามความต้องการ และมีความปลอดภัยต่อการบริโภค เกษตรดีที่เหมาะสม 8 ประการ ทั้งการจัดการดินที่ดี มีการรักษา และปรับปรุงดินให้อุดมสมบูรณ์อยู่เสมอ , การจัดการน้ำ , การผลิตพืช คัดเลือกพันธุ์หรือสายพันธุ์พืชที่ต้านทานโรคและแมลงศัตรู , การป้องกันกำจัดศัตรูพืช ให้มีการตรวจสอบและพยากรณ์ช่วงการระบาดของโรคและแมลงอยู่อย่างสม่ำเสมอและ วิธีการ จัดการศัตรูพืชด้วยวิธีผสมผสานมาใช้ ให้มีประสิทธิภาพปลอดภัย และไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",22/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322144346612 สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพิ่มศักยภาพผู้นำในการขับเคลื่อนงานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรระดับจังหวัด,นายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพิ่มศักยภาพผู้นำในการขับเคลื่อนงานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรระดับจังหวัด ณ ห้องประชุมสำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง โดยมีแม่บ้านเกษตรกรที่เข้าร่วมการจัดเวที จำนวนทั้งสิ้น 20 ราย เข้าร่วม
ในการจัดเวทีดังกล่าวมีการบรรยายให้ความรู้และแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการเกษตรผสมผสานที่เน้นการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร การบรรยายให้ความรู้เรื่องการจัดการด้านการตลาดแก่แม่บ้านเกษตรกรที่เข้าร่วมการจัดเวทีในครั้งนี้
นอกจากนี้ ยังได้ทำการเลือกตั้งคณะกรรมการกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรระดับจังหวัดชุดใหม่ แทนชุดเดิมที่จะหมดวาระในเดือนมีนาคม 2565 นี้ด้วย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,22/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322144718614 สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง ลงพื้นที่เยี่ยมเยียน Young smart farmer อำเภอเมือง,นายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง มอบหมายให้นางสาวกำไลทิพย์ เศรษฐ์วิชัย หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ติดตามเยี่ยมเยียนการดำเนินงาน ของนาย จิรเมธ หนูเหมือน Young Smart Farmer ม.9 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง มีการทำกิจกรรมการเลี้ยงไส้เดือน สายพันธุ์ ไทเกอร์ และAF จำหน่ายปุ๋ยมูลไส้เดือน เลี้ยงหมูแม่พันธุ์/พ่อพันธุ์ เพาะพันธุ์กระท่อมก้านแดง ปลูกผักหวานบ้าน และโรงสีข้าว สามารถจำหน่ายหมุนเวียนตามฤดูกาลออกสู่ตลาด และมีแม่ค้ามารับซื้อ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรตลอดทั้งปี
ทั้งนี้ Young Smart Farmer คือ เกษตรกรรุ่นใหม่ที่ผ่านการประเมินคุณสมบัติเป็น Young Smart Farmer โดย Young Smart Farmer หรือ YSF เป็นโครงการที่ริเริ่มโดยกรมส่งเสริมการเกษตรและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีเป้าหมายที่จะพัฒนาคนรุ่นใหม่ที่มีใจรักการเกษตร ให้รู้จักบริหารจัดการการเกษตรด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถต่อยอดไปสู่การเป็นผู้ประกอบการที่สามารถพึ่งพาตนเอง และเป็นผู้นำทางการเกษตรในท้องถิ่นได้
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,22/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322145328620 กรมวิชาการเกษตร เร่งแก้ปัญหาโรคใบร่วงยางพารา ช่วยชาวสวนยางภาคใต้,นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ได้รับข้อสั่งการจากนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เร่งติดตามและแก้ไขปัญหา โรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราซึ่งพบมากใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยปัจจุบันพบการระบาดเกือบ 70 จังหวัดและมีพื้นที่ได้รับความเสียหายมากกว่าล้านไร่และมีแนวโน้มพบพื้นที่ได้รับความเสียหายจากการระบาดของโรคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อรายได้เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราโดยตรง เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางพารา
กรมวิชาการเกษตร บูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาร่วมกันเพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการโรคที่เหมาะสมและประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช ดำเนินการทดสอบหาวิธีการที่เหมาะสมในการป้องกันกำจัดโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดย ได้แบ่งงานวิจัยออกเป็น 2 ส่วนคือ งานวิจัยด้านสาเหตุของการเกิดโรคและงานวิจัยด้านการป้องกันกำจัดเพื่อประเมินประสิทธิภาพวิธีการที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ชนิดของสารเคมี และชนิดของเครื่องพ่นสาร ที่มีประสิทธิภาพ ประหยัดค่าใช้จ่ายและมีความปลอดภัยต่อการนำไปใช้แนะนำให้กับเกษตรกรต่อไป ที่ผ่านมาคณะนักวิจัยจากสำนักวิจัยพัฒนาการอารักพืช ลงพื้นที่เพื่อนำผลงานวิจัยและเทคโนโลยีไปทดสอบในสวนยางพาราของเกษตรกรที่พบปัญหาการระบาดของโรคใบร่วงยางพาราอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้ขณะนี้จะได้ชนิดสารป้องกันกำจัด เทคโนโลยีการพ่นสาร และเครื่องพ่นสารที่เหมาะสมต่อการป้องกันกำจัดโรคใบร่วงยางพาราแล้วก็ตาม แต่คณะนักวิจัยเห็นตรงกันว่าควรจะมีการทดสอบเพิ่มอีกอย่างน้อย 1 แปลง เพื่อให้ได้ข้อมูลยืนยันชนิดของสารป้องกันกำจัดโรคพืช ชนิดของเครื่องพ่นสารและอัตราพ่นที่เหมาะสม เพื่อนำมาใช้เป็นคำแนะนำแก้ไขปัญหาการระบาดโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
,22/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322161448698 รองผู้ว่าฯสตูล เปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ประจำปี 2565,
วันนี้ (22 มี.ค. 65) ที่อาคารอเนกประสงค์โรงเรียนอนุบาลทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานพิธีเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โดยมีนายชาญณรงค์ วิรุณสาร เกษตรจังหวัดสตูล พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัดและอำเภอ ผู้นำท้องถิ่น ตลอดจนประชาชนชาวอำเภอทุ่งหว้าเข้าร่วม
สำหรับโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร จัดขึ้นเพื่อให้บริการแก่เกษตรกรและประชาชนในการแก้ไขปัญหาทางการเกษตรได้อย่างเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการรับทราบปัญหาและแก้ไขปัญหาของประชาชนในพื้นที่ โดยเป็นการปฏิบัติงานในเชิงรุกที่ทำให้เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายที่มีปัญหา ได้รับบริการทางการเกษตร เช่น การวิเคราะห์ดิน การวินิจฉัยโรคพืช โรคสัตว์ โรคสัตว์น้ำ และบริการอื่นๆ รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีความรู้การเกษตรเสริมเพิ่มเติมควบคู่กัน รวมถึงบูรณาการส่วนราชการต่างๆ ได้นำปัญหาที่เกิดขึ้นไปพิจารณาดำเนินการแก้ไขต่อไป
โดยกิจกรรมภายในงานมีกิจกรรมต่าง ๆประกอบด้วย การถ่ายทอดความรู้ด้านการเกษตร และเปิดให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ด้านต่างๆ อาทิ คลินิกพืช คลินิกปศุสัตว์ คลินิกดิน คลินิกประมง คลินิกปฏิรูปที่ดิน คลินิกสหกรณ์ คลินิกชลประทาน คลินิกยางพารา คลินิกตรวจบัญชี คลินิกสุขภาพ คลินิกประเมินผล และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน รวมทั้งยังมีนิทรรศการวิชาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีเกษตรกรมาร่วมงานและเข้ารับบริการทางการเกษตรไม่น้อยกว่า 100 คน ภายใต้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,22/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูล,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322152559638 บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การขับเคลื่อนโครงการวนเกษตรสวนยางเพื่อฟื้นฟูป่าที่สมบูรณ์และสังคมเป็นสุข,วันนี้ (22 มีนาคม 2565) เวลา 09.00 น. ณ โรงเรียนเทศบาลตะโหมด อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง โดยนายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธานร่วมกันบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การขับเคลื่อนโครงการวนเกษตรสวนยางเพื่อฟื้นฟูป่าที่สมบูรณ์และสังคมเป็นสุข ระหว่าง 4 ฝ่าย Terra Genesis International มหาวิทยาลัยทักษิณ และตัวแทนเกษตรกรชาวสวนยางพารา ซึ่งได้ร่วมมือกันในการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศ วัฒนธรรม คุณภาพของดิน ป่าไม้ และชุมชนของจังหวัดพัทลุง เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงวิถีการเกษตร แนวปฏิบัติ ระบบจัดการ การตลดยางพาราธรรมชาติ และการสนับสนุนวนเกษตรเพื่อนำไปสู่การพัฒนาและการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนของเกษตรกร รวมถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติของจังหวัดพัทลุงโดยใช้เกษตรอินทรีย์และวนเกษตรด้วยนโยบายและการสนับสนุนทางการตลาด
ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานในการฟื้นฟูสวนยางพาราให้กลายเป็นป่าที่สมบูรณ์ในรูปแบบวนเกษตร โดยความร่วมมือของชุมชน ตลอดจนการสนับสนุนของจังหวัดพัทลุงในการขับเคลื่อนการทำเกษตรที่ยั่งยืนเพื่อพัฒนาเข้าสู่ระบบเกษตรอินทรีย์ จังหวัดพัทลุงและ TGI ตลอดจนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จึงได้ดำเนินโครงการ วนเกษตรสวนยางเพื่อฟื้นฟูป่าที่สมบูรณ์และสังคมเป็นสุข
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันส่งเสริมให้เกษตรเกิดการปรับเปลี่ยนสู่การสร้างสมดุลธรรมชาติ ด้วยการทำเกษตรอินทรีย์และสวนยางพารา เพื่อร่วมกันส่งเสริมสร้างฐานการผลิตยางพาราของจังหวัดให้เข้มแข็งและยั่งยืน และเพื่อร่วมกันสนับสนุนด้านการตลาดยางพาราธรรมชาติให้กว้างมากขึ้น
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง 074612404
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,22/3/2022,ภาคใต้,พัทลุง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322152828640 "เดินหน้าชูเกษตรกรต้นแบบด้านปศุสัตว์ช่วยพัฒนาความรู้ความสามารถของเกษตรกรผ่านศูนย์เครือข่ายด้านปศุสัตว์ 2,646 ศูนย์ทั่วประเทศ","นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เผยว่า กรมปศุสัตว์ สนองนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ขึ้นเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรของชุมชนที่เกิดจากความต้องการของชุมชนและสามารถตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการด้านการเกษตรของชุมชนได้ สามารถเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการเกษตร โดยเน้นการเรียนรู้จากเกษตรกรต้นแบบที่ประสบความสำเร็จในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร การลดต้นทุนการผลิต การพัฒนาคุณภาพ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการผลิต ตลอดจนการยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องตลอดฤดูกาลผลิต
กรมปศุสัตว์ จึงได้จัดตั้งศูนย์เครือข่ายศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรด้านปศุสัตว์ หรือ ศพก. เครือข่าย (ด้านปศุสัตว์) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 จนปัจจุบันมี ศพก. เครือข่าย (ด้านปศุสัตว์) จำนวน ทั้งสิ้น 2,646 ศูนย์ ในทุกอำเภอทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นเครือข่ายของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขยายเป็นเครือข่ายในการให้ความรู้และให้บริการข้อมูลข่าวสารด้านปศุสัตว์ เพื่อให้เกษตรกรมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเกษตรกรต้นแบบ ในลักษณะของเกษตรกรสอนเกษตรกร ทำให้เกษตรกรที่มาเรียนรู้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ที่มีการใช้ปัจจัยการผลิตได้อย่างเหมาะสม และนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้เพื่อลดต้นทุนการผลิต เพิ่มปริมาณและคุณภาพของผลผลิตสินค้าที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และมีระบบการผลิตที่พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังใช้เป็นจุดนัดพบในการพบปะพูดคุยของเจ้าหน้าที่กับเกษตรกรและเกษตรกรกับเกษตรกรด้วยกันเอง
",22/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322161719702 สถานการณ์การปฏิบัติงานเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหล ประจำวันที่ 22 มีนาคม 2565,"
สรุปผลการปฏิบัติงานในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาการปฏิบัติการในทะเล(วานนี้) บริษัทฯ ไม่มีการปฏิบัติงานในขั้นตอนการพันท่ออ่อนใต้ทะเลฝั่งตะวันตก เนื่องจากสภาพอากาศมีฝนฟ้าคะนอง ลมแรง และคลื่นสูงกว่า 2 เมตร เพื่อความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน บริษัทฯ จึงพิจารณาหยุดการปฏิบัติงานเป็นเวลา 1 วัน ซึ่งเป็นไปตามมาตรการในการหยุดปฏิบัติงานเมื่อไม่ปลอดภัย (ข้อมูลสภาพอากาศ อ้างอิงจากรายงานสภาพอากาศประจำวันของกรมอุตุนิยมวิทยา) บริษัทฯ จะเริ่มการปฏิบัติงานในขั้นตอนการพันท่ออ่อนใต้ทะเลฝั่งตะวันตกต่อไป
บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าปฏิบัติการในทะเลที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล เพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวังคราบฟิล์มน้ำมันในทะเล ด้วยเรือปฏิบัติการเฝ้าระวังทั้งหมด 18 ลำอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย เรือปฏิบัติการ 12 ลำ ที่ดำเนินการกางทุ่นกักน้ำมัน (Boom) จำนวน 6 เส้น พร้อมเรือปฏิบัติการ 5 ลำ เรือสั่งการ 1 ลำ และโดรน (Drone) 1 เครื่อง โดยดำเนินการบินตรวจสอบฟิล์มน้ำมันในทะเล สามารถยืนยันได้ว่าไม่มีการพบคราบฟิล์มน้ำมันแต่อย่างใด
การปฏิบัติการในทะเลใกล้ชายฝั่ง
- เรือสนับสนุนจากกรมเจ้าท่า จำนวน 7 ลำ
- มีเรือเฝ้าระวังและตรวจสอบตลอดแนวชายฝั่ง จำนวน 2 ลำ ผลการตรวจสอบ ไม่พบคราบฟิล์มน้ำมัน
- มีการใช้ Drone บินตรวจสอบฟิล์มน้ำมันบริเวณชายฝั่ง จำนวน 2 เครื่อง
การปฏิบัติการบนชายฝั่ง
- วันนี้ 22 มีนาคม 2565 เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป SPRC จะมีการตรวจสอบและเก็บตัวอย่างทาร์บอลพร้อมหน่วยงานราชการ ศูนย์ควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง (ค.พ.) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และ อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด (อช.)
- บริษัทฯ จัดทีมทำความสะอาดบริเวณชายหาดและเก็บหินภูเขาไฟ พบทาร์บอลในปริมาณเล็กน้อย ซึ่งทีมงานได้มีการเก็บและนำมากำจัดที่บริษัทฯ ตามขั้นตอนต่อไป อีกทั้งยังได้ทำการไถพรวนด้วย
ความคืบหน้าและแผนการดำเนินงานจัดทำแผนฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2565 บริษัทฯ ได้เก็บตัวอย่างน้ำ บริเวณหาดแม่รำพึง 4 จุด จากร้านป้ายาถึงลานหินขาว ทุกจุด ค่าหน้างานอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ความคืบหน้าด้านการดำเนินงานกิจกรรมเพื่อสังคม
การดำเนินงานจ่ายเงินช่วยเหลือ โดยสรุปยอดการจ่ายเงินช่วยเหลือ ณ วันที่ 22 มีนาคม 2565 แยกเป็นกลุ่มดังนี้
- ประมงพื้นบ้าน และกลุ่มประมง จำนวน 2,180 ลำ เป็นเงิน 98 ล้านบาท
- อาชีพอื่น ๆ 1,201 ราย เป็นเงิน 18 ล้านบาท
รวมทั้งสิ้น 3,381 ราย เป็นเงิน 116 ล้านบาท
- โรงแรม ท่องเที่ยว ร้านอาหาร อยู่ในระหว่างการเจรจา
-ส่วนด้านสุขภาพ ไม่มีการยื่นคำร้อง
วันนี้ 22 มีนาคม 2565 เวลา 09.00 น. SPRC ดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือ กลุ่มประมง จำนวน 400 ราย เป็นเงินประมาณ 18 ล้านบาท ณ โรงเรียนเทศบาลวัดปากน้ำ จ.ระยอง
การปฏิบัติงานในวันนี้และช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า ปฏิบัติการในทะเลบริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล บริษัทฯ จะยังคงดำเนินการปฏิบัติการในทะเล เพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวังคราบฟิล์มน้ำมันในทะเลที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล ด้วยเรือปฏิบัติการเฝ้าระวังทั้งหมด 18 ลำอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย เรือปฏิบัติการ 12 ลำ ที่ดำเนินการกางทุ่นกักน้ำมัน (Boom) จำนวน 6 เส้น พร้อมเรือปฏิบัติการ 5 ลำ เรือสั่งการ 1 ลำ และเรือตรวจสอบทางอากาศหรือโดรน (Drone) 1 เครื่อง
การปฎิบัติการในทะเลใกล้ชายฝั่ง
- ยังคงมีเรือสนับสนุนจากกรมเจ้าท่า จำนวน 7 ลำ
- ยังคงมีเรือเฝ้าระวังและตรวจสอบตลอดแนวชายฝั่ง จำนวน 2 ลำ
- ยังคงมีการใช้ Drone บินตรวจสอบฟิล์มน้ำมันบริเวณชายฝั่ง จำนวน 2 เครื่อง
การปฎิบัติการบนชายฝั่ง
- ยังคงทำความสะอาดบริเวณชายหาด เก็บทาร์บอล และมีการไถพรวน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",22/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322154159654 รองผู้ว่าฯสตูล เปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ประจำปี 2565,วันนี้ (22 มี.ค. 65) ที่อาคารอเนกประสงค์โรงเรียนอนุบาลทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานพิธีเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โดยมีนายชาญณรงค์ วิรุณสาร เกษตรจังหวัดสตูล พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัดและอำเภอ ผู้นำท้องถิ่น ตลอดจนประชาชนชาวอำเภอทุ่งหว้าเข้าร่วม
สำหรับโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร จัดขึ้นเพื่อให้บริการแก่เกษตรกรและประชาชนในการแก้ไขปัญหาทางการเกษตรได้อย่างเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการรับทราบปัญหาและแก้ไขปัญหาของประชาชนในพื้นที่ โดยเป็นการปฏิบัติงานในเชิงรุกที่ทำให้เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายที่มีปัญหา ได้รับบริการทางการเกษตร เช่น การวิเคราะห์ดิน การวินิจฉัยโรคพืช โรคสัตว์ โรคสัตว์น้ำ และบริการอื่นๆ รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีความรู้การเกษตรเสริมเพิ่มเติมควบคู่กัน รวมถึงบูรณาการส่วนราชการต่างๆ ได้นำปัญหาที่เกิดขึ้นไปพิจารณาดำเนินการแก้ไขต่อไป
โดยกิจกรรมภายในงานมีกิจกรรมต่าง ๆประกอบด้วย การถ่ายทอดความรู้ด้านการเกษตร และเปิดให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ด้านต่างๆ อาทิ คลินิกพืช คลินิกปศุสัตว์ คลินิกดิน คลินิกประมง คลินิกปฏิรูปที่ดิน คลินิกสหกรณ์ คลินิกชลประทาน คลินิกยางพารา คลินิกตรวจบัญชี คลินิกสุขภาพ คลินิกประเมินผล และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน รวมทั้งยังมีนิทรรศการวิชาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีเกษตรกรมาร่วมงานและเข้ารับบริการทางการเกษตรไม่น้อยกว่า 100 คน ภายใต้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,22/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูล,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322155457665 เกษตรกันตัง จังหวัดตรัง ร่วมกิจกรรมโครงการลูกเสือจิตอาสาพระราชทาน ณ โรงเรียนโคกยาง,วันนี้( 22 มีนาคม 2565 ) นายสรวง พรหมบุญทอง เกษตรอำเภอกันตัง พร้อมด้วยนางสาวอมรรัตน์ ชูเมฆ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ ร่วมกิจกรรมโครงการลูกเสือจิตอาสาพระราชทาน ณ โรงเรียนโคกยาง ต.โคกยาง อ.กันตัง จ.ตรัง โดยวัตถุประสงค์โครงการ เพื่อส่งเสริมลูกเสือและบุคลากรทางการลูกเสือน้อมนำโครงการจิตอาสาพระราชทานมาเสริมสร้างจิตสำนึกความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง และการบำเพ็ญประโยชน์ต่อชุมชนอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
สำหรับวันนี้ มีการอบรมเกี่ยวกับโครงการตามแนวพระราชดำริและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรทฤษฎีใหม่:โคกหนองนา สอนนักเรียนให้เรียนรู้เกี่ยวกับการปลูกพืชผักเพื่อบริโภคในครัวเรือนและมีการทำกิจกรรมปลูกพืชผักบริเวณโรงเรียน เป็นการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง ทำให้นักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปสานต่อยังครอบครัว สามารถลดรายจ่ายภายในครัวเรือน และสามารถสร้างรายได้เสริมได้
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,22/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322155554666 อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนงานด้านการเกษตรอำเภอห้วยยอด (SC),วันนี้( 22 มีนาคม 2565 ) สำนักงานเกษตรอำเภอห้วยยอด โดยนางสุชิรา อินทอง เกษตรอำเภอห้วยยอด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานฯ ร่วมกับประมงอำเภอห้วยยอด เจ้าหน้าที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดตรัง และสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดตรัง ประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนงานด้านการเกษตรอำเภอห้วยยอด (SC) ครั้งที่ 2/2565 ณ ห้องประชุมสำนักงานเกษตรอำเภอห้วยยอด
ทั้งนี้ เพื่อแจ้งแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งและมาตรการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้ง ปี 2564/65 แผนโครงการพัฒนาเกษตรแม่นยำสู่ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม โครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง ระดับจังหวัด โครงการขับเคลื่อนการเกษตรระดับหมู่บ้านสู่การผลิตสินค้าเกษตรมูลค่าสูง และมีการพิจารณาและรับรองข้อมูลพื้นฐานด้านการเกษตรระดับอำเภอ ได้แก่ ด้านพืช (ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าว ทุเรียน เงาะ มังคุด และลองกอง) ปศุสัตว์ ประมง และสถาบันเกษตรกรและกลุ่มองค์กร รวมถึงประเด็นการขับเคลื่อน BCG model ด้านการเกษตร
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,22/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322161033688 สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเลย ตรวจติดตามการรับรองฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (GFM),ดร.สุวัฒน์ มัตราช ปศุสัตว์จังหวัดเลย มอบหมายให้ กลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเลย ร่วมกับสำนักงานปศุสัตว์อำเภอด่านซ้าย นำโดยนายทวีพงศ์ สาระทัศนานันท์ ปศุสัตว์อำเภอด่านซ้ายตรวจติดตามการรับรองฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (GFM) รายใหม่ รวม 3 ฟาร์ม เลี้ยงไก่พื้นเมือง จำนวน 2 ฟาร์ม และเลี้ยงสุกร จำนวน 1 ฟาร์ม พร้อมให้คำแนะนำการเลี้ยง การดูแลสุขภาพสัตว์ การจัดการฟาร์ม และการป้องกันโรค แก่เกษตรกรเจ้าของฟาร์ม ที่บ้านโคกงาม หมู่ที่ 1 บ้านนาเจียง หมู่ที่ 3 ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
ทั้งนี้ ผู้ขอรับการรับรอง ต้องมีคุณสมบัติเป็นผู้ที่ขึ้นทะเบียนเกษตรผู้เลี้ยงสัตว์รายครัวเรือน จากกรมปศุสัตว์ ไม่อยู่ระหว่างการเพิกถอนการรับรอง ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีด้านปศุสัตว์ หรือหลักสูตรฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสมจากกรมปศุสัตว์ หรือได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษาของเกษตรกร
การเตรียมความพร้อม โดยที่ปรึกษาของเกษตรกรประชาสัมพันธ์และที่ปรึกษาของเกษตรกรอบรมหรอให้คำแนะนำระบบการป้องกันโรค การจัดการเลี้ยงสัตว์ ที่ปรึกษาของเกษตรกรขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่ผ่านการอบรมหลักสูตรการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีด้านปศุสัตว์ หรือหลักสูตรฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม หรือผู้ที่ได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษาของเกษตรกร อีกทั้งที่ปรึกษาของเกษตรให้คำปรึกษาและตรวจประเมินสถานที่เลี้ยงสัตว์เบื้องต้น
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,22/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,เลย,สวท.ด่านซ้าย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322162953722 กรมการข้าว ยกระดับแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร,"นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า ได้เร่งขับเคลื่อนภารกิจและโครงการสำคัญอย่างเร่งด่วน ในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้เกษตรกรไทยมีองค์ความรู้ที่ทันสมัยและสามารถนำเทคโนโลยีนวัตกรรมสมัยใหม่ไปประยุกต์ใช้ในการผลิตข้าวให้ได้คุณภาพและตรงกับความต้องการของตลาด
กรมการข้าว จะเร่งพัฒนางานและภารกิจต่างๆ อาทิเช่น งานด้านวิจัยและพัฒนาพันธุ์ให้เป็นไปตามความต้องการและสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ โดยบูรณาการงานวิจัยร่วมกับภาคการศึกษา ภาคเอกชนและเกษตรกร
ส่วนด้านเมล็ดพันธุ์ จะเพิ่มศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ ตั้งเป้าให้ได้ปีละ 200,000 ตัน ต้องเน้นให้เกษตรกรทำการรวมกลุ่มใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ สนับสนุนชาวนารุ่นใหม่ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ในการทำนาให้ได้กำไร รวมถึงจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมแปรรูปข้าวครบวงจร สามารถพัฒนากลุ่มเกษตรกรให้เป็นผู้ประกอบการได้
",22/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,หน่วยงานสำนักข่าว,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322193033811 สมุทรสาคร จัดงานเกษตรและของดีอำเภอบ้านแพ้วปี 2565 โชว์ศักยภาพสดจากสวน สร้างรายได้สู่ท้องถิ่น,"
เมื่อเวลา 16.00 น. ของวานนี้ 21 มีนาคม 2565 นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดงานเกษตรและของดีอำเภอบ้านแพ้ว ประจำปี 2565 ณ วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร โดยมี นายพิรุณโรจน์ นาคดนตรี นายอำเภอบ้านแพ้ว เป็นประธานการจัดงาน ซึ่งในพิธีเปิดงานครั้งนี้ก็มี นางเตือนจิตร์ รักร้อย นายกเหล่ากาชาดจังหวัด นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด เกษตรอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเกษตรกรจากทั้ง 12 ตำบลในอำเภอบ้านแพ้วเข้าร่วม โดยก่อนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร จะทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการนั้น ก็ได้มีการมอบประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติแก่เกษตรกรดีเด่นของแต่ละตำบล และพระมงคลพัฒนาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอบ้านแพ้ว เจ้าอาวาสวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร มอบหลวงพ่อโตเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่เกษตรกรดีเด่น จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัด ทำการเปิดงานเกษตรบ้านแพ้วในรูปแบบ ผ่ามะพร้าวง่ายๆ เพียงแค่คลิกเดียว ด้วยนวัตกรรมเครื่องมือการผ่ามะพร้าวจากบ้านสวนไพศาล
นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า ด้วยอำเภอบ้านแพ้ว มีลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นที่ราบลุ่ม มีลำคลองน้อยใหญ่เป็นจำนวนมาก โดยมีคลองดำเนินสะดวกเป็นสายน้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงให้พื้นที่อุดมสมบูรณ์เหมาะกับการทำเกษตรกรรม สมกับคำที่ว่า ลานเกษตร เป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นแหล่งผลิตพืชผลทาง การเกษตรที่สำคัญของจังหวัดสมุทรสาครและของประเทศ โดยอำเภอบ้านแพ้วมีผลผลิตทางการเกษตรที่ขึ้นชื่อและเป็นที่นิยมของผู้บริโภคหลายชนิด อาทิเช่น มะพร้าวน้ำหอม องุ่น ชมพู่ ฝรั่ง มะม่วง มะนาว ลำไย กล้วยไม้ และการทำน้ำตาลจากมะพร้าว เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงปลาสลิดที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ฉะนั้นเพื่อเป็นการเผยแพร่ชื่อเสียงของอำเภอบ้านแพ้ว และเพื่อเป็นการแสดงศักยภาพของอำเภอให้เป็นที่รู้จักแก่ประชาชนทั่วไป ทางส่วนราชการและภาคเอกชนจึงได้พร้อมใจกันจัดงานเกษตรและของดีอำเภอบ้านแพ้วขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยการจัดงาน ประจำปี 2565 ครั้งนี้ จัดให้มีขึ้นในระหว่างวันที่ 20 - 26 มีนาคม พ.ศ. 2565 ณ บริเวณวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ร่วมกับ งานประจำปีปิดทองขอพรหลวงพ่อโต วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ซึ่งมีกิจกรรมที่สำคัญ คือ การจัดประกวดพืชผลทางการเกษตร ได้แก่ การประกวดกล้วยไม้ ผลไม้ต่าง ๆ การประกวดปลาสลิด และการประกวดการจัดสำรับอาหาร,การคัดเลือกเกษตรกรดีเด่นแต่ละตำบล เข้ารับรางวัลเชิดชูเกียรติ,การประกวดหนูน้อยเกษตร และการจำหน่ายผลไม้ พันธุ์ไม้ ผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกรโดยตรงในราคาถูก การจำหน่ายสินค้า OTOP ที่ขึ้นชื่อของอำเภอ ซึ่งนอกจากจะเป็นการโชว์ศักยภาพทางด้านผลผลิตทางการเกษตรของอำเภอบ้านแพ้วแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชนท้องถิ่น และยังนำไปสู่การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศอีกด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",22/3/2022,ภาคตะวันตก,สมุทรสาคร,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาคร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322170712762 ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ลงพื้นที่ให้คำแนะนำกลุ่มเกษตรสร้างสรรค์ รักษ์ ดิน น้ำ ป่า ตำบลสามหมื่น อำเภอแม่ระมาด ในการส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพรสู่การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ,"วันนี้ (22 มี.ค.65) เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตบ้านต้นผึ้ง หมู่ 5 ตำบลสามหมื่น อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก นายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ ลงพื้นที่ให้คำแนะนำกลุ่มเกษตรสร้างสรรค์ รักษ์ ดิน น้ำ ป่า ในการส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพรสู่การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ เภสัชกรหญิง ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์, นายอำเภอแม่ระมาด, สภาเกษตรกรจังหวัดตาก, บริษัท ทิปโก้ ไบโอเท็ค จำกัด, บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) ผู้นำชุมชน และเกษตรกรในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
โดยกิจกรรมในวันนี้ ศาสตราจารย์พิเศษ เภสัชกรหญิง ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ ได้บรรยายให้ความรู้และให้คำแนะนำแก่กลุ่มเกษตรกรฯ ในเรื่องการปลูกพืชสมุนไพร และการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ยังได้ให้การส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพรในพื้นที่ เพื่อลดการทำไร่เลื่อนลอย ซึ่งส่งผลกระทบทำให้ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ และเกิดการทำลายป่า ให้หันมาปลูกพืชสมุนไพร เพื่อนำไปสู่การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพดังกล่าว หลังจากนั้น คณะฯ ได้ลงพื้นที่ไปยังแปลงปลูกพืชสมุนไพร และร่วมกันปลูกสมุนไพรด้วย
สำหรับกลุ่มเกษตรสร้างสรรค์ รักษ์ ดิน น้ำ ป่า หมู่ 5 ตำบลสามหมื่น อำเภอแม่ระมาด มีสมาชิกทั้งสิ้น 28 ราย จัดตั้งกลุ่มขึ้นเพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตนเอง และคนในหมู่บ้าน ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ในสภาวะแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเกษตรกรของกลุ่มส่วนใหญ่ ปลูกข้าว บุก ไผ่ กาแฟ ผักสวนครัว พืชสมุนไพร รวมถึงเลี้ยงไก่ ปลา และหมูพื้นเมือง เป็นต้น
ทั้งนี้ กลุ่มเกษตรฯ จะได้นำความรู้และคำแนะที่ได้รับปรับใช้และต่อยอดในการปลูกและแปรรูปพืชสมุนไพร ขณะที่หน่วยงาน องค์กรเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จะได้ร่วมบูรณาการดำเนินการส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพร และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพให้เป็นรูปธรรมต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
วันที่ 22 มีนาคม 2565 เวลา 10.30 น. ณ เครือข่ายศูนย์เรียนรู้ฟาร์มชุมชน ม.9 ต.โนนเปือย อ.กุดชุม จ.ยโสธร นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานพิธีเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day) ปี 2565 เพื่อกระตุ้นให้เกษตรกรได้นำเทคโนโลยีและภูมิปัญญาที่มีมาใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่เพื่อให้เกษตรกรได้เรียนรู้
อีกทั้ง ยังมีการให้บริการด้านการเกษตร การจัดนิทรรศการให้ความรู้จากหน่วยงานต่าง ๆ และยังมีกิจกรรมออกร้านจำหน่ายสินค้าของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร กลุ่มส่งเสริมอาชีพ Smart Farmer และ Young Smart Farmer มีเกษตรกรจากอำเภอเลิงนกทา ไทยเจริญ กุดชุม ทรายมูล และป่าติ้ว เข้าร่วมงานจำนวน 150 คน โดยมีเกษตรจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอำเภอกุดชุม หัวหน้าส่วนราชการประจำอำเภอ พี่น้องเกษตรกร เข้าร่วมในพิธี
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,22/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ยโสธร,สวท.ยโสธร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322165009750 5 หน่วยงานด้านทรัพยากรน้ำ ร่วมกันขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำปี 65 โดยเฉพาะการสร้างความร่วมมือและพัฒนาแนวคิดของเยาวชนเกี่ยวกับเรื่องน้ำใต้ดิน หวังลดการปนเปื้อนของแหล่งน้ำและน้ำใต้ดินในประเทศ,"5 หน่วยงานด้านทรัพยากรน้ำ ร่วมกันขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำปี 2565 โดยเฉพาะการสร้างความร่วมมือและพัฒนาแนวคิดของเยาวชนเกี่ยวกับเรื่องน้ำใต้ดิน หวังลดการปนเปื้อนของแหล่งน้ำและน้ำใต้ดินในประเทศ
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำปี 2565 ระหว่าง 5 หน่วยงาน คือ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) , กระทรวงยุติธรรม , สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) , สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องในวันน้ำโลกปีนี้รัฐบาลมุ่งเน้นสื่อสารองค์ความรู้และการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ควบคู่กับ สร้างความร่วมมือและพัฒนาแนวคิดของเยาวชน โดยเฉพาะเรื่องน้ำใต้ดิน สอดคล้องกับที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ ถือเป็นการยกระดับความเข้มข้นและช่วยส่งเสริมให้การบริหารจัดการน้ำของประเทศไทยเกิดผลสัมฤทธิ์ตามแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่ผ่านมารัฐบาลเน้นความสำคัญการบริหารจัดการน้ำทั่วประเทศ ด้วยการให้หน่วยงานส่วนกลางและท้องถิ่นมีส่วนร่วมดูแลจัดการน้ำอย่างเหมาะสมในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และบริการ ทั้งนี้ ประเทศไทยจะบริหารจัดการน้ำใต้ดินอย่างเป็นระบบตามหลักวิชาการตั้งแต่การฟื้นฟูป่ารักษาความชุ่มชื้นให้ระบบนิเวศ การเติมน้ำใต้ดินผ่านแหล่งน้ำต่างๆ เพื่อรักษาสมดุลของธรรมชาติ ลดการรุกล้ำของน้ำเค็ม บรรเทาอุทกภัย และการใช้ประโยชน์ช่วงวิกฤติภัยแล้ง พร้อมปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ ด้วยการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ลดการปนเปื้อนของแหล่งน้ำและน้ำใต้ดิน เพื่อให้ไทยสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามนโยบาย ทศวรรษแห่งการร่วมมือปฏิบัติของทุกประเทศ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ของสหประชาชาติด้านน้ำและเพื่อประโยชน์สูงสุด
ด้าน นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า การลงนามครั้งนี้มี 4 ฉบับ คือ ความร่วมมือการส่งเสริมองค์ความรู้เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ทั้งระบบในเรือนจำและสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกับกระทรวงยุติธรรม // ความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาและประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศทรัพยากรน้ำ เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) ส่วนอีก 2 ฉบับเป็นความร่วมมือการบริหารจัดการน้ำด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติและสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย เพื่อยกระดับการทำงานด้านการจัดการน้ำอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการนำองค์ความรู้การพัฒนาและประยุกต์ใช้ข้อมูลและสารสนเทศภูมิศาสตร์ การประเมินผลด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ
",22/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322170114756 เกษตรยะลา ถ่ายทอดความรู้ การผลิต ขยายและการใช้สารชีวภัณฑ์,วันนี้ 22 มีนาคม 2565 นายกัสมัน ยะมาแล เกษตรจังหวัดยะลา มอบหมายให้ นางสาวสนธิลา บุญมาก เจ้าหน้าที่กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดยะลา ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองยะลา ถ่ายทอดความรู้ในหัวข้อเรื่องการผลิต ขยายและการใช้สารชีวภัณฑ์ แก่ตัวแทนคณะกรรมการศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนและศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน ณ ห้องประชุม 3 สำนักงานเกษตรจังหวัดยะลา กลุ่มอารักขาพืช ยะลา
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,22/3/2022,ภาคใต้,ยะลา,สทท.ยะลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322172321765 ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนานาเกลือทะเลไทยลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยงานภาคีและเกษตรกรชาวนาเกลือทะเล เร่งพัฒนาคุณภาพในการผลิตเกลือเพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าเกลือทะเลให้ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค,"ที่สหกรณ์การเกษตรนาเกลือบางแก้ว จำกัด ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม นายขจร ศรีชวโนทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนานาเกลือทะเลไทย พร้อมด้วย นายโอภาส ทองยงค์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายนวนิตย์ พลเคน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาเกลือทะเลไทยที่ลงพื้นที่มาตรวจเยี่ยมหน่วยงานภาคีและเกษตรกร เพื่อติดตามผลการดำเนินงานการบริหารจัดการเกลือทะเลไทยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมให้กำลังใจ ให้ข้อเสนอแนะ แลกเปลี่ยนปัญหาอุปสรรคและแนวทางการแก้ไขปัญหากับเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะด้านการเชื่อมโยงการผลิตเกลือกับผู้ประกอบการ ที่ใช้เกลือเป็นวัตถุดิบและผู้ค้าส่งเกลือทะเล พร้อมมอบใบรับรองมาตรฐาน GAP ให้กับเกษตรกรที่ผ่านการตรวจรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่องการปฏิบัติ ทางการเกษตรที่ดีสำหรับการทำนาเกลือทะเลของจังหวัดสมุทรสงคราม จำนวน 3 ราย
นอกจากนี้ นางสมพิศ ทองดีนอก เกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม ได้รายงานผลการดำเนินกิจกรรมเกลือทะเลของจังหวัดสมุทรสงคราม ว่า มีเกษตรกรขึ้นทะเบียนเกษตรกรนาเกลือจำนวน 149 ราย พื้นที่ 5,223.28 ไร่ คาดว่าจะมีผลผลิตในปีการผลิตนี้ประมาณ 78,114 ตัน โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดได้สนับสนุนเกษตรกรชาวนาเกลือทะเลปีงบประมาณ 2564 ได้แก่ โครงการแก้ไขปัญหาเกลือทะเล มีเกษตรกรได้รับความช่วยเหลือ 2 ราย ได้ดำเนินโครงการพัฒนาแปลงนาเกลือต้นแบบ นำไปปรับปรุงการผลิตขั้นตอนการรักษาผลผลิตเกลือทะเล ทำให้ผลผลิตที่ได้สะอาดและปลอดภัย จนได้รับการพัฒนาแปลงต้นแบบนาเกลือทะเลที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานตามความต้องการของตลาด
ด้าน นางเกตุแก้ว สำเภาทอง รองประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรนาเกลือบางแก้ว จำกัด ได้กล่าวถึงผลการดำเนินงานของสหกรณ์การเกษตรนาเกลือบางแก้วจำกัด ว่า สหกรณ์มีทุนดำเนินการลดลงจากปีก่อน เนื่องจากสหกรณ์นำทุนไปลงทุนถือหุ้นในชุมนุมสหกรณ์เกลือทะเลไทย จำกัด ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมาชุมนุมมีผลขาดทุนสุทธิประจำปี ส่งผลให้มูลค่าหุ้นติดลบ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลตอบแทนและหุ้นคืน ประกอบกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ที่มีการระบาดรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้มีผลกระทบต่อรายได้ของสมาชิกที่มีอาชีพเป็นเกษตรกรและรับจ้างทั่วไปซึ่งมีรายได้ไม่แน่นอน และจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันค่าครองชีพที่สูงขึ้นอาจส่งผลต่อกำลังความสามารถในการซื้อสินค้าของสมาชิก
ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ทั้งประเทศมี 7 จังหวัดที่ทำนาเกลือ พื้นที่ไม่ถึง 30,000 ไร่ เกษตรกรกว่า 900 ราย ร้อยละ 90 ประกอบอาชีพการทำนาเกลือจะอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาคร,สมุทรสงครามและเพชรบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนา เกลือทะเลไทย ต้องมาช่วยกันแก้ไขปัญหาพร้อมกำชับให้เกษตรกรนาเกลือทะเล เร่งพัฒนาคุณภาพในการผลิตเกลือเพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าเกลือทะเลให้ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค
รุ่งนภา/ข่าว ธิติมา/เรียบเรียง
ทีมงานสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",22/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,สมุทรสงคราม,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322181148781 เกษตรนครพนม เปิดเวทีออนไลน์ เชื่อมโยงเครือข่ายคณะกรรมการ ศพก. และแปลงใหญ่......เน้นการผลิตที่มีคุณภาพ ต่อยอดและพัฒนาสินค้าเกษตรในพื้นที่,วันนี้ 22 มีนาคม 2565 ที่ศูนย์สารสนเทศยางพารานครพนม สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายวินัย คงยืน หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดเวทีการประชุมเชื่อมโยงการดำเนินงานคณะกรรมการเครือข่ายศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร หรือ ศพก. และแปลงใหญ่ ระดับจังหวัด ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ประจำปีงบประมาณ 2565 เชื่อมโยงเครือข่ายคณะกรรมการ ศพก.และแปลงใหญ่ เน้นการผลิตที่มีคุณภาพ ต่อยอดและพัฒนาสินค้าเกษตรในพื้นที่ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ประธานกลุ่มแปลงใหญ่ และประธาน ศพก. ทั้ง 12 อำเภอ เข้าร่วมการประชุมออนไลน์ในครั้งนี้
นายวินัย คงยืน หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต เปิดเผยว่า สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม เปิดเวทีการประชุมเชื่อมโยงการดำเนินงานคณะกรรมการเครือข่ายศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร หรือ ศพก. และแปลงใหญ่ ระดับจังหวัด ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ประจำปีงบประมาณ 2565 เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงการดำเนินงานของคณะกรรมการแปลงใหญ่ คณะกรรมการศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ในการรับทราบถึงปัญหาและอุปสรรคในการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ รวมถึงการกำหนดทิศทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
โดยมีบุคคลเป้าหมาย คือ ประธาน ศพก. ประธานแปลงใหญ่ และเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลแปลงใหญ่ในพื้นที่แต่ละอำเภอ เข้าร่วมการประชุม สำหรับการจัดประชุมเชื่อมโยงการดำเนินงานคณะกรรมการ ศพก. และแปลงใหญ่ เพื่อร่วมกันบูรณาการการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพรวมถึงการสร้างการรับรู้งานตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาภาคการเกษตร โดยเน้นให้เกิดการรวมกลุ่มกันผลิต ลดต้นทุนในการผลิต ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพ มีความปลอดภัยเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค โดยใช้หลักการตลาดนำการผลิต ซึ่งจะต้องมีการวางแผนการผลิตที่ชัดเจนและพัฒนาผลผลิตให้มีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาดร่วมกัน สำหรับการตลาดที่ประสบความสำเร็จ ทั้งศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร การส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ แต่ละอำเภอจะต้องมีการจัดทำแผนร่วมกันถึงทิศทางการดำเนินงานที่ชัดเจน การจัดทำแผนการผลิตทั้งรายบุคคลและรายแปลง เพื่อให้ข้อมูลเป็นระบบ สามารถใช้ประโยชน์ได้ง่ายในการพัฒนาภาคการเกษตรในพื้นที่
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้เจ้าหน้าที่เองจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีในการพบปะและร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลจากรูปแบบเดิม เพื่อเป็นการดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ทำให้เกิดความปลอดภัย สะดวกและรวดเร็ว สามารถสื่อสารได้ทันต่อสถานการณ์ เกิดการแลกเปลี่ยนในพื้นที่ทำให้เห็นกิจกรรมและสภาพพื้นที่จริงในแต่พื้นที่ ในยุคปัจจุบันการส่งเสริมการเกษตรที่หวังผลการพัฒนาที่ยั่งยืน นอกจากจะสนับสนุนการมีส่วนร่วมของเกษตรกรแล้ว ยังให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาและกระบวนการเรียนรู้ของเกษตรกร โดยการหนุนเสริมให้เกิดช่องทางและกลไกการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่หลากหลายผ่านเครือข่ายการเรียนรู้แบบไม่เป็นทางการหรือกึ่งทางการ เช่น เวทีชุมชนกลุ่ม/เครือข่าย/ศูนย์การเรียนรู้ และโรงเรียนเกษตรกร/โรงเรียนชาวนา การส่งเสริมเกษตรตามแนวทางเช่นนี้ถือว่าเกษตรกรมีบทบาทสำคัญในกระบวนการเรียนรู้ของตนเอง และเกิดประโยชน์กับเกษตรกรในพื้นที่ในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,22/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครพนม,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322173200770 จังหวัดยโสธร จัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ Field day หรือ ฟิวด์เดย์ ปี 2565 เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพเกษตรกร พร้อมรณรงค์งดการเผาพื้นที่ทางการเกษตร ลดการเกิดฝุ่นละออง PM. 2.5,นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ Field day ปี 2565 โดยมี เกษตรจังหวัดยโสธร หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เจ้าหน้าที่และเกษตรกร ในพื้นที่อำเภอกุดชุม เลิงนกทา ไทยเจริญ ทรายมูล และป่าติ้ว ร่วมงาน ณ เครือข่ายศูนย์เรียนรู้ฟาร์มชุมชน หมู่ที่ 9 ต.โนนเปือย อ.กุดชุม จ.ยโสธร ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ จังหวัดยโสธร โดย สำนักงานเกษตรจังหวัดยโสธร ร่วมกับ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ Field day หรือ ฟิวด์เดย์ ปี 2565 ขึ้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมองค์ความรู้ในการวางแผนการผลิต รบริหารตลาด แหล่งเงินทุน การทำบัญชี การให้คำแนะนำเกษตรกรในการผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ การเข้าถึงปัจจัยการผลิต ได้แก่ พันธ์พืช พันธ์สัตว์ ดิน ปุ๋ย น้ำ เครื่องจักรทางการเกษตร การบริหารจัดการความเสี่ยง และ การสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร ด้วยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และศักยภาพเกษตรกรไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่การเกษตรของตนเอง
โดยการจัดงานครั้งนี้ ได้นำเทคโนโลยีและภูมิปัญญาที่มีมาใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่เพื่อให้เกษตรกรได้เรียนรู้ จำนวน 5 สถานี ได้แก่ 1. สถานีนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการเกษตร 2. การบริหารจัดการน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ 3. การลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิต 4. การขยายพันธ์พืชสมุนไพร และ 5. การแปรรูปผลผลิต นอกจากนั้นยังมีนิทรรศการให้ความรู้จากหน่วยงานต่างๆ การออกร้านจำหน่ายสินค้า อีกด้วย
นอกจากนั้น นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ยังได้กล่าวให้ชื่นชมและให้กำลังใจพี่น้องเกษตรกรในการทำเกษตรอินทรีย์ พร้อมทั้งขอให้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ มาปรับใช้ อันจะส่งผลให้พี่น้องเกษตรกรมีความเข้มแข็งและยั่งยืนในอนาคต ตลอดจน รณรงค์ให้พี่น้องเกษตรกร งดการเผาตอซังข้าว พื้นที่ทางการเกษตร และการเผาทุกชนิด เพื่อลดการเกิดฝุ่นละออง PM. 2.5 และขอให้หันมาทำปุ๋ยหมักจากวัชพืช หรือไถ่กลบตอซังข้าวแทน หรือ หว่านปอเทือง เพื่อธาตุอาหารในดิน และเป็นการลดปัญหามลภาวะ ลดฝุ่นละออง PM. 2.5 อีกด้วย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,22/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ยโสธร,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322182909794 กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ส่งมอบระบบน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรแปลงใหญ่ให้เกษตรกรมุกดาหาร ใช้เพาะปลูกพืชหน้าแล้ง,"ที่บ้านพังคอง ตำบลบ้านโคก อำเภอเมืองมุกดาหาร นายพรชัย พุดซ้อน นายอำเภอเมืองมุกดาหาร เป็นประธานในพิธีรับมอบระบบน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรแปลงใหญ่ จากนายวินิต จันทรานนท์ ผอ.สำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 10 อุดรธานี โดยมี นายสันติ ทรัพย์ส่งเสริม นายก อบต.บ้านโคก พร้อมด้วย คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเกษตรกรชาวบ้านพังคอง เข้าร่วมในพิธีรับมอบและรับฟังการถ่ายทอดองค์ความรู้แนะนำวิธีการใช้งานการบำรุงรักษาระบบน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรด้วยโซล่าเซลล์
สำหรับระบบน้ำบาดาลที่ส่งมอบนี้ ได้รับงบประมาณ ปี 2564 จากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการดำเนินโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรแปลงใหญ่ พื้นที่ 500 ไร่ จำนวน 2 แห่ง คือ หมู่บ้านพังคอง ตำบลบ้านโคก อำเภอเมืองมุกดาหาร ประกอบด้วย ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 3 แรงม้า จำนวน 6 บ่อ หอถังเหล็กเก็บน้ำ ความจุ 120 ลบ.ม. จำนวน 2 ชุด และอีก 1 แห่ง ใช้งบประมาณตามแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ตาม พ.ร.ก.กู้เงินฯ จัดทำโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรแปลงใหญ่ พื้นที่ 500 ไร่ ให้กับบ้านพังคองใต้ ประกอบด้วย ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 5.5 แรงม้า จำนวน 4 บ่อ หอถังเหล็กเก็บน้ำ ความจุ 120 ลบ.ม. จำนวน 2 หอถัง เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำในพื้นที่ตำบลบ้านโคก ซึ่งอยู่นอกเขตชลประทานและขาดแคลนน้ำได้ใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูกพืชหลังนาในช่วงหน้าแล้ง การเลี้ยงสัตว์น้ำ และยังสามารถทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",22/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,มุกดาหาร,สวท.มุกดาหาร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322193412822 ผู้ตรวจราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี เขต 14 ติดตามงานการจัดการสิ่งแวดล้อมสีเขียว ตามแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจ สีเขียว ที่โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณหนองอึ่งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านท่าเยี่ยม อ.เมืองยโสธร พร้อมมอบแนวทางสนับสนุนการดำเนินงาน จากภาครัฐและเอกชน,"นางสุมิตรา อติศัพท์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 14 ลงพื้นที่จังหวัดยโสธร เพื่อติดตามการดำเนินโครงการ การจัดการสิ่งแวดล้อมสีเขียวเพื่อความยั่งยืน ตามแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ ชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Model) ที่โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณหนองอึ่งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านท่าเยี่ยม ต.ค้อเหนือ อ.เมืองยโสธร จ.ยโสธร โดยมี นายสมศักดิ์ ทวินันท์ หัวหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณหนองอึ่ง อันเนื่องมาจาก พระราชดำริ,นายยศวัฒน์ เธียรสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดยโสธร,นายสมชัย บูรณะ นายอำเภอ เมืองยโสธร,นายชาติศักดิ์ จันทร์สุคน อุตสาหกรรมจังหวัดยโสธร, จ.ส.ต.พงษ์สถิตย์ อรอินทร์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธร และผู้นำหมู่บ้าน ผู้บริการ อบต.ค้อเหนือ พร้อมประชาชน ร่วมต้อนรับ
โดย นายสมศักดิ์ ทวินันท์ ได้นำเสนอผลการดำเนินงานของโครงการ พัฒนาพื้นที่บริเวณหนองอึ่งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในด้านการขุดลอกหนองอึ่งเพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตรและขยายพันธุ์ปลา การพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ให้มีความสมบูรณ์และการฟื้นฟูสภาพป่าเพื่อให้คนอยู่กับป่าได้อย่างเกื้อกูลกัน พร้อมทั้งความสำเร็จของการสร้างเครือข่าย ป่าไม้ตามแนวพระราชชดำริ การปลูกไม้วงศ์ยางเพาะเชื้อเห็ดป่า ในพื้นที่สาธารณะประโยชน์ จำนวน 200 ไร่ ที่บ้านเปาะ ต.ค้อวัง อ.ค้อวัง จ.ยโสธร พื้นที่สวนป่าคูเมือง ต.คูเมือง อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร จำนวน 200 ไร่ และในพื้นที่ป่าดงมัน บ.ท่าเยี่ยม ต.ค้อเหนือ อ.เมืองยโสธร จำนวน 3,006 ไร่ ที่ให้ผลผลิตเห็ดป่า ทั้งเห็ดเผาะหนัง เห็ดละโงก เห็ดตะไค เห็ดโคน ซึ่งประชาชนในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์ เป็นแหล่งอาหารตาม ธรรมชาติและนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ วนาทิพย์ โอทอปชุมชน คนรักป่า ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้เป็นอย่างดี โดยมีภาคเอกชน ร่วมสนับสนุนช่องทางการตลาด
ส่วนปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานในพื้นที่ เช่น งบประมาณในการผลิตไม้วงศ์ยางเพาะเชื้อเห็ดป่า เพื่อมอบให้กับประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่ การพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ให้มีความอุดมสมบูรณ์และการบำรุงรักษาพื้นที่ ปลูกไม้วงศ์ยางเพาะเห็ดป่า ที่ยังไม่เพียงพอต่อการดำเนินงาน
พร้อมนี้ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบแนวทางการดำเนินงานในพื้นที่ โดยการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อร่วมดำเนินงานตามแนวทางการ พัฒนาเศรษฐกิจ ชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว ในการสร้างความมั่น คงทางอาหาร การพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ชุมชน ผลิตภัณฑ์จากการ เกษตรและการสนับสนุนช่อทางการตลาด ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนา คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น ส่วนปัญหา อุปสรรค ด้านงบประมาณที่ยังไม่เพียงพอนั้น จะสรุปเป็นข้อเสนอแนะ จากการตรวจติดตามงาน เพื่อหาแนวทางให้การสนับสนุนการดำเนินงาน ต่อไป
ส.ปชส.ยโสธร ข่าว
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",22/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ยโสธร,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322194306824 จังหวัดยโสธร รณรงค์ประชาชนหยุดเผาพื้นที่การเกษตร หันมาไถกลบตอซังข้าว หรือ หว่านปอเทือง เพิ่มแร่ธาตุในดินและลดการเกิดฝุ่นละออง P.M. 2.5,ที่ทุ่งนากลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ส่งเสริมและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชนนาแปลงใหญ่ บ้านดู่ทุ่ง ตำบลดู่ทุ่ง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร นายสมชัย บูรณะ นายอำเภอเมืองยโสธร เป็นประธานพิธีเปิดงานรณรงค์ เผยแพร่ และประชาสัมพันธ์ หยุดเผาในพื้นที่การเกษตร โดยมีภาคีเครือข่ายเกษตรกร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจน ประชาชน ตำบลดู่ทุ่ง ร่วมงาน
ทั้งนี้ จังหวัดยโสธร โดย สำนักงานเกษตรจังหวัดยโสธร ร่วมกับ เกษตรอำเภอเมืองยโสธร จัดงานรณรงค์ เผยแพร่ และประชาสัมพันธ์หยุดเผาในพื้นที่การเกษตร ขึ้น เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนงดเผาตอซังข้าวและพื้นที่ทางการเกษตร โดยจากการติดตามตรวจสอบสถานการณ์จากดาวเทียม สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) พบจุดความร้อนสะสมเป็นจำนวนมาก ในช่วงวิกฤตของทุกปี ระหว่างเดือนมกราคม ถึง พฤษภาคมสาเหตุหนึ่งมาจากการเผาตอซังฟางข้าวและเศษซากพืชที่เหลือใช้หลังการเก็บเกี่ยวการเผาในพื้นที่โล่ง นอกจากจะก่อให้เกิดปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่มีความมีค่าสูงเกินค่ามาตรฐาน อันส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจและสุขภาพของประชาชนแล้ว การเผาจะทำให้ดินเสื่อมโทรมขาดความอุดมสมบูรณ์ด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้เร่ง รณรงค์สร้างการรับรู้และกระตุ้นเตือนให้พี่น้องเกษตรกรหยุดเผาพื้นที่ทางการเกษตร หันมาไถ่กลบตอซังข้าว หรือ หว่านปอเทือง เพื่อเพิ่มแร่ธาตุอาหารในดินและลดการเกิดฝุ่นละออง P.M. 2.5 ลดปัญหามลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนนำเทคโนโลยีการเกษตรมาปรับใช้ในพื้นที่ของตนเองต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,22/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ยโสธร,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322195013828 สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 ติดตามตรวจสอบการปรับปรุงแก้ไขผลกระทบกลิ่นสารเคมีจากโรงงานแป้งมันแปรรูป จังหวัดนครราชสีมา,"นายบัญชา ขุนสูงเนิน ผู้อำนวยการส่วนควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนางสาวอัจฉรา อิ่มมณี นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการ และเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบการปรับปรุงแก้ไขผลกระทบกลิ่นสารเคมีจากการประกอบกิจการโรงงานแป้งมันสำปะหลังแปรรูป ในพื้นที่ตำบลหินดาด อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา สรุปผลการตรวจสอบ ดังนี้
1. ขณะตรวจสอบมีการเดินเครื่องจักรทำการผลิตตามปกติ บริเวณบ่อบำบัดน้ำเสียมีกลิ่นเล็กน้อย ซึ่งผู้จัดการโรงงานแจ้งว่าสายการผลิตขณะนี้ มิได้ใช้สาร Propylene Oxide มีระบบกำจัดก๊าซ โดยการเผาร่วมกับการใช้เชื้อเพลิงก๊าซ LPG ช่วยเผาไหม้ บ่อบำบัดน้ำเสียมีใช้งานจำนวน 3 บ่อ โดยบ่อที่ 1 และ 2 ปิดคลุมด้วยพลาสติก HDPE และบ่อที่ 3 เป็นบ่อเติมอากาศ ซึ่งเป็นบ่อที่มีกลิ่นแรงที่สุด
2. ตรวจวัดก๊าซอันตรายบริเวณบ่อบำบัดน้ำเสียบ่อที่ 3 ระหว่างเวลา 12.30 14.00 น. โดยวัดก๊าซอินทรีย์ระเหยง่ายด้วยเครื่องมือตรวจวัดแบบอ่านค่าทันทีขณะที่ตรวจวัด พบว่ามีค่าระหว่าง 0 165 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และวัดก๊าซอันตรายโดยเครื่องตรวจวัดก๊าซด้วยเทคนิค FTIR ของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 พบก๊าซมลพิษหลายชนิด เช่น Vinyl Chloride, Propylene Oxide , Methyl ethyl Ketone ,Acrolein , Isopropanol , Aniline , Hydrogen cyanide , 1,3 butadiene , Ethylene , Acetylene เป็นต้น
3. การตรวจสอบกระบวนการผลิต ผู้จัดการโรงงานแจ้งว่าได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขผลกระทบดังกล่าวโดยปรับสูตรแป้งเคมีให้สามารถลดการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายจากส่วนผสมร้อยละ 50 ลดลงเหลือไม่เกินร้อยละ 20
4. เข้าพบประชาชนที่ได้รับผลกระทบเพื่อแจ้งผลการตรวจสอบในระหว่างเวลา 14.20 14.45 น. บริเวณบ้านปราสาทใต้ หมู่ 14 ซึ่งผู้ได้รับผลกระทบให้ข้อมูลว่าปัจจุบันจะได้รับผลกระทบจากกลิ่นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ในช่วง 04.00 น. โดยเป็นกลิ่นเหม็นแต่ไม่ฉุนระคายเคือง และมีความต้องการให้ทางโรงงานปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นอีกและต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ
5. สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 จะแจ้งผลการตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ประกอบการพิจารณากำกับ ควบคุม การประกอบกิจการของโรงงานมิให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนบริเวณใกล้เคียง ต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",22/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322210138862 ร้อยเอ็ดขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ด้านพลังงานเชิงพื้นที่ อนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเศรษฐกิจฐานราก,"ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด : นายสนอง ดลประสิทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานการประชุมคณะทำงานบูรณาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ด้านพลังงานเชิงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ครั้งที่ 2/2565 เรื่อง เพื่อพิจารณากลั่นกรองให้ความเห็นชอบ และจัดลำดับความสำคัญของโครงการ เสนอต่อคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (กบจ.)
จากการเปิดรับข้อเสนอโครงการระดับจังหวัด ภายใต้กลุ่มงานอนุรักษ์พลังานและพลังงานทดแทนเศรษฐกิจฐานราก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ตั้งแต่วันที่ 8 - 18 มีนาคม 2565 มีหน่วยงานนำส่งข้อเสนอโครงการระดับจังหวัด ภายใต้กลุ่มงานอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเศรษฐกิจฐานราก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 จำนวน 18 หน่วยงาน รวม 26 โครงการ วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 65,084,000.00 บาท แยกเป็นรายเทคโนโลยีพลังงาน (โครงการติดตั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับบ่อบาดาลและถังพักน้ำ ,โครงการติดตั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับผิวดิน ,โครงการติดตั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์แบบเคลื่อนที่ชนิด (รถลากจูง และรถเข็น)? ,โครงการติดตั้งระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ (ขนาด๒x๒ เมตร และขนาด ๓x๔ เมตร)
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะทำงานฯ ได้ร่วมพิจารณาหน่วยงานที่ผ่านเงื่อนไขและมีคุณสมบัติครบ สามารถยื่นขอโครงการได้ ให้พิจารณาอยู่ในวงเงิน 25 ล้านบาท และหน่วยงานที่เห็นควรส่งเป็นโครงการสำรอง
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",22/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ร้อยเอ็ด,สวท.ร้อยเอ็ด,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322221602873 ยะลา เดินหน้าโครงการพัฒนาทุเรียนคุณภาพสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน,ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. เปิดกิจกรรมสัมมนาพัฒนาทุเรียนคุณภาพยะลา โครงการพัฒนาทุเรียนคุณภาพสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน
ที่ห้องประชุมปาหนัน โรงไฟฟ้าเขื่อนบางลาง ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา นายอำนวย ศรีระแก้ว ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานการเปิดกิจกรรมสัมมนาพัฒนาทุเรียนคุณภาพยะลา โครงการพัฒนาทุเรียนคุณภาพสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน โดยมี นายมะเสาวดี ไสสากา หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดยะลา ตลอดจนเกษตรกรชาวสวนทุเรียนในพื้นที่เข้าร่วม
นายอำนวย ศรีระแก้ว ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า จากสถานการณ์วิกฤติทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่ออาชีพ รายได้จากภาคเกษตรในพื้นที่อย่างมาก ดังที่รัฐบาลได้กำหนดนโยบายเพื่อการแก้ไขปัญหา และพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยยึดหลักประชาชนเป็นศูนย์กลางการพัฒนาและสามารถให้ประชาชนพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งปัจจุบันในพื้นที่กระแสการปรับพื้นที่ของพืชชนิดอื่น มาเป็นสวนทุเรียนมีให้เห็นได้มากและคาดว่าจะยิ่งมีพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นในอนาคต
การยกระดับคุณภาพและเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร จะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนซึ่งจะต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงผ่าน กระบวนการเปลี่ยนจากการเกษตรแบบดั้งเดิมสู่การเกษตรสมัยใหม่ที่เน้นการบริหารจัดการและเทคโนโลยีเพื่อระดับคุณภาพของเกษตรกรและนำพาเกษตรกรสู่การเป็นผู้ประกอบการนั้นจำเป็นต้องอาศัยหลักสำคัญ 3 ประการ คือ การปรับกระบวนทัศน์ในการประกอบอาชีพ การเพิ่มพูนความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การรวมกลุ่มและการได้รับการพัฒนาทักษะการเป็นผู้ประกอบการ ดังนั้นจึงกำหนดแนวทางเพื่อการพัฒนาคุณภาพเกษตรกร คุณภาพผลผลิตทางการเกษตรไม้ผลตลอดจนการเพิ่มมูลค่าของผลผลิตและการจัดการองค์เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับการพัฒนา การจัดโครงการนี้จึงเป็นการตอบสนองต่อการสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากภายใต้โครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน เป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นการพัฒนาและการสร้างนวัตกรรมในการประกอบอาชีพของเกษตรกรตลอดจนสร้างความเข้มแข็งเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชนซึ่งจะนำไปสู่การสร้างกลไกของการพัฒนาที่ยั่งยืนของเกษตรกรไม้ผลในจังหวัดยะลา เพื่อที่จะเป็นแนวทางสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มรายได้และพัฒนาสังคมที่ยั่งยืนต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,22/3/2022,ภาคใต้,ยะลา,สทท.ยะลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322221924875 สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญร่วมประชุมคณะทำงานวิชาการสมัชชาสุขภาพจังหวัดอำนาจเจริญ,นายชาญวิทย์ ธานี เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญ มอบหมาย นางสาวปิยะพร สุริโยตระกูล ร่วมประชุมคณะทำงานวิชาการสมัชชาสุขภาพจังหวัดอำนาจเจริญ ณ ห้องประชุมดอกจานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนโครงการสนับสนุนการพัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะผ่านกระบวนการสมัชชาสุขภาพจังหวัดอำนาจเจริญพ.ศ 2556 4 ถึง 2565 โดยมีประเด็นเพื่อพิจารณา 2 ประเด็นคือ
1. การฟื้นฟูคุณภาพชีวิตคนเมืองธรรมะเกษตรภายใต้สถานการณ์ covid-19
2 .การยกระดับความมั่นคงทางอาหารเมืองธรรมะเกษตรสู่ความยั่งยืน โดยมีการแบ่งทีมทำงานเป็น 2 ทีมสำนักงานเกษตรและสหกรณ์ ได้อยู่ในส่วนของทีมที่ 2 คือการยกระดับความมั่นคงทางอาหาร โดยมีกรอบประเด็นหารือประกอบด้วย
1. คำนิยามความมั่นคงทางอาหาร
2. สถานการณ์ความมั่นคงทางอาหารของประชาชนจังหวัดอำนาจเจริญ
3. ข้อเสนอแนวทางการฟื้นฟูคุณภาพชีวิต
4. กลไกการมีส่วนร่วมของหน่วยงานต่าง ๆ
ในเบื้องต้นสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จะส่งข้อมูล การผลิตด้านพืช ปศุสัตว์ ประมง มาตรฐานการผลิตในจังหวัด เช่น GAP เกษตรอินทรีย์ และข้อมูลแหล่งผลิตการแปรรูปผลผลิตด้านการเกษตรของผู้ประกอบการในจังหวัดอำนาจเจริญให้เป็นเบื้องต้น เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,22/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,อำนาจเจริญ,สวท.อำนาจเจริญ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220322234241890 กรมชลประทานจับมือกรุงเทพมหานคร การประปานครหลวง วางแผนรับมือน้ำทะเลหนุนสูงในช่วงวันที่ 28 มี.ค. 3 เม.ย. 65 นี้ เพื่อลดผลกระทบจากน้ำเค็มรุกแม่น้ำเจ้าพระยา-บางปะกง,"นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ได้วางแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อรับมือสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงในช่วงวันที่ 28 มีนาคม 3 เมษายน 2565 โดยกำหนดมาตรการควบคุมความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลัก คือเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ให้เหมาะสมสอดคล้องกับการใช้น้ำในกิจกรรมต่าง ๆ และควบคุมคุณภาพน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม รวมถึงควบคุมการระบายน้ำผ่านอาคารชลประทานที่สำคัญ อาทิ เขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนพระรามหก รวมทั้งการระบายน้ำจากคลองพระยาบรรลือผ่านทางสถานีสูบน้ำพระยาบรรลือและสถานีสูบน้ำสิงหนาท 2 ให้สอดคล้องกับระดับการขึ้น-ลงของน้ำทะเล
ส่วนที่แม่น้ำบางปะกง กรมชลประทาน ได้ควบคุมความเค็มโดยการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำทางตอนบนของลุ่มน้ำบางปะกง-ปราจีนบุรี ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำคลองสียัด อ่างเก็บน้ำขุนด่านปราการชล อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา อ่างเก็บน้ำคลองระบม อ่างเก็บน้ำคลองพระสทึง และอ่างเก็บน้ำคลองพระปรง ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ และพิจารณาปรับเพิ่มหรือลดการระบายน้ำให้สอดคล้องตามสถานการณ์ รวมทั้งพิจารณาจุดเฝ้าระวังและกำหนดจุดควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำบางปะกง-ปราจีนบุรี ในช่วงต้นเดือนมกราคมไปจนถึงประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อช่วยเหลือการเพาะปลูกข้าวในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา นครนายก และปราจีนบุรี รวมไปถึงการผลิตน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาค สาขาฉะเชิงเทรา ด้วย ปัจจุบันได้ควบคุมค่าความเค็มที่จุดสูบน้ำการประปาส่วนภูมิภาค สาขาปราจีนบุรี และประตูระบายน้ำหาดยาง อำเภอศรีมหาโพธิ์ จังหวัดปราจีนบุรี ไม่ให้เกิน 1 กรัม/ลิตร เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา และกิจกรรมการใช้น้ำของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้มีการวางแผนเพื่อควบคุมค่าความเค็มตลอดแล้งนี้ ร่วมกับสำนักการระบายน้ำ (กทม.) การประปานครหลวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณาจากการคาดการณ์ระดับน้ำทะเลหนุนของกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนให้มากที่สุด
",23/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323100338938 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชูความเข้มแข็งแปลงใหญ่ลำไยหนองตอง คาดการณ์ผลผลิตเดือนสิงหาคม 65 ออกมากสุด,นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กำหนดนโยบายสำคัญในการพัฒนาภาคเกษตร โดยจัดทำโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ที่มีการบริหารจัดการร่วมกัน โดยให้เกษตรกรเป็นศูนย์กลางในการดำเนินงาน ผลักดันให้เกษตรกรรวมกลุ่มในการผลิตเพื่อร่วมกันจัดหาปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพดี ราคาถูก และ การใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่เหมาะสม เช่น เครื่องจักรกลการเกษตร เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ตลอดจนการจัดการด้านการตลาด ช่วยพัฒนาเกษตรกรให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น มีการพัฒนาเชิงพื้นที่ตามศักยภาพ สู่การพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรตามความต้องการตลาด ด้วยการบูรณาการทุกภาคส่วน โดยหน่วยงานภาครัฐให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวก เป็นการเพิ่มอำนาจ การต่อรองของเกษตรกรตลอดกระบวนการผลิต และตลอดโซ่อุปทาน
ด้านนายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า สำหรับโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด มีเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตให้กับกลุ่มแปลงใหญ่ที่มีศักยภาพ และมีสถานะเป็นนิติบุคคลตามระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสม และยกระดับการผลิตไปสู่สินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐาน สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากงบประมาณที่กลุ่มแปลงใหญ่จะได้รับการสนับสนุนตามที่เสนอขอแล้ว กรมส่งเสริมการเกษตรยังได้สนับสนุนองค์ความรู้ด้านการพัฒนาศักยภาพและสร้างความเข้มแข็งในการบริหารธุรกิจให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงพัฒนาคุณภาพผลผลิตให้มีมาตรฐาน และมีระบบการตลาดที่แน่นอนทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกลำไยรายใหญ่ของโลก โดยส่วนใหญ่ส่งออกในรูปลำไยสดและลำไยอบแห้ง โดยในปี 2564 มีการส่งออกลำไยสด ประมาณ 3.4 แสนตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.24 หมื่นล้านบาท และส่งออกลำไยอบแห้ง ประมาณ 8.4 หมื่นตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.2 พันล้านบาท และยังมีการส่งออกลำไยกระป๋องประมาณ 7 พันตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 481 ล้านบาท ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน อินโดนีเซีย เวียดนาม ฮ่องกง และสาธารณรัฐเกาหลี โดยมีแหล่งผลิตมากที่สุดในพื้นที่ภาคเหนือ โดยจะมีการเก็บเกี่ยวสูงสุดในเดือนสิงหาคม
,23/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323095921934 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ร่วมกับ กองทัพอากาศ ปฏิบัติการยับยั้งและสลายลูกเห็บพื้นที่ภาคเหนือ,นายสำเริง แสงภู่วงค์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นลมที่มีความชื้นพัดปกคลุมประเทศไทย ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศเกิดฝนฟ้าคะนอง โดยในช่วงกลางวันมีอากาศร้อนอบอ้าว โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนในช่วงกลางสัปดาห์เป็นต้นไป มวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปะทะกับอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย สภาพอากาศแบบนี้จะส่งผลให้เกิดพายุฤดูร้อน ซึ่งมีลักษณะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีพายุลูกเห็บตามมาอีกด้วย
ล่าสุด กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ร่วมกับกองทัพอากาศ โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.เชียงใหม่ ได้ติดตามสภาพอากาศและขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงโดยใช้เครื่องบินโจมตีแบบที่ 7 เพื่อช่วยยับยั้งและบรรเทาความรุนแรงจากพายุลูกเห็บ จำนวน 2 บริเวณ ได้แก่ บริเวณ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ อ.เมืองปาน จ.ลำปาง และบริเวณ อ.งาว จ.ลำปาง อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา ซึ่งหลังปฏิบัติการ พบว่า มีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง และไม่พบรายงานลูกเห็บตกในพื้นที่ช่วงหลังปฏิบัติการ ขณะเดียวกัน หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงอีก 5 หน่วยฯ ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง ทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ป่าไม้ของ จ.ตาก กาญจนบุรี ลพบุรี นครสวรรค์ อุดรธานี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา
อย่างไรก็ตาม หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่อื่น ๆ จะยังคงติดตามสภาพอากาศต่อเนื่อง หากสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงเข้าเงื่อนไขต่อการปฏิบัติการ จะขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร และเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้กับเขื่อนและอ่างเก็บน้ำที่ยังมีปริมาณน้ำน้อย รวมไปถึงภารกิจยับยั้งและบรรเทาความรุนแรงของพายุลูกเห็บในบริเวณพื้นที่ได้รับผลกระทบทันที
,23/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323095518930 โรงเรียนแก้จนผลสำเร็จของความร่วมมือจนเป็นศูนย์เรียนรู้พุทธเกษตร โคกหนองนาบ้านหนองอีดำ จ.สุรินทร์,"ผลสำเร็จของความร่วมมือจนเป็นศูนย์เรียนรู้พุทธเกษตร โคกหนองนาบ้านหนองอีดำ จ.สุรินทร์ จากผืนที่ดินแห้งแล้ง สู่ศูนย์เรียนรู้แบบครบวงจรเพื่อเป็นโรงเรียนแก้จนให้กับชาวบ้านเกษตรกร จากที่ดินผืนเปล่าจำนวน 8 ไร่ สู่ ""ศูนย์เรียนรู้พุทธเกษตร"" เพื่อน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่โคกหนองนา บ้านหนองอีดำ ต.กะโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ เป็นอีกหนึ่งของภาพความก้าวหน้าและความสำเร็จ จากความร่วมมือกันอย่างแท้จริงระหว่างชุมชน คน อุปถัมภ์ขับเคลื่อนโดยพระภิกษุสงฆ์ โดยพระเดชพระคุณ ดร.หลวงพ่อพระครูพิศิษฏ์ประชานาถ หรือ หลวงพ่อแดง นันทิโย องค์ประธานมูลนิธิวัดอินทาราม รองเจ้าคณะอำเภออัมพวา เจ้าอาวาสวัดอินทาราม จังหวัดสมุทรสงคราม หรือที่รู้จักกันดีในนามธนาคารวัวหลวงพ่อแดง ซึ่งได้มาก่อตั้งแปลงนาอินทรีย์บนพื้นที่เปล่าแห่งนี้ เมื่อปี 2563 และให้ชาวบ้านร่วมกันปรับพื้นที่ขุดธนาคารน้ำใต้ดินระบบเปิด เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้โคกหนองนา มีวิสาหกิจในพื้นที่ 4 อำเภอรอบๆ ประกอบด้วย อ.ท่าตูม จอมพระ ชุมพลบุรี และ ศีขรภูมิ ร่วมหมุนเวียนเข้ามาเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ให้สมบูรณ์มากขึ้นไปเรื่อยๆ
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีกลุ่มชาวบ้านรวมตัวกันตั้งวิสากิจชุมชนธนาคารวัวหลวงพ่อแดง เข้ามาเรียนรู้วิธีปลดหนี้ และสังกัดเป็นสมาชิกโรงเรียนสอนชาวนาสู้กับความจน ได้เอาแนวคิดของการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน มาลงพื้นที่ โดยยึดหลักการแก้ปัญหาของคนชนบท มาเป็นโจทย์ในการพัฒนา พบว่า ส่วนใหญ่มีหนี้จากการทำนา ลงทุนสูง โดยเฉพาะการใช้ปุ๋ยเคมี และแรงงานส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนไปรับจ้างเพื่อยังชีพ ทิ้งเรือกสวนไร่นา ช่วงเวลาการทำนาและฤดูกาลที่ต้องพึ่งพิงปริมาณน้ำฝน
นอกจากนี้ ยังพบว่าไม่ได้เลี้ยงวัวควายในบ้าน จึงทำให้ใช้ปุ๋ยเคมีแทน โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อแดง ได้ส่งวัวมาประจำที่คอกอภัยทาน มีพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์มาไว้ให้ขยายพันธุ์ แจกจ่ายมาแล้วประมาณ 700 กว่าตัว และยังคงออกลูกเป็นผลผลิตให้กับชาวบ้านเป็นผลพลอยได้ต่อยอดการพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นอีกด้วยอีกทางหนึ่ง นายสุริยา เครือจันทร์ ประธานวิสาหกิจชุมชนธนาคารวัวหลวงพ่อแดง สาขาบ้านหนองอีดำ กล่าวว่า การพัฒนาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ โดยสมาชิกเพิ่มจำนวนมากขึ้น คุณภาพวิถีชีวิตดีมากขึ้น การใช้จ่ายลดลง เนื่องจากสมาชิกมีการแปรรูปสินค้าเกษตร อาทิ ข้าวสารที่แปรรูปด้วยตนเองพร้อมกับนำออกไปจำหน่ายสร้างรายได้ที่ดีกว่า การนำกลุ่มวิสาหกิจเข้ามาร่วมกันพัฒนาสวนเรียนรู้โคกหนองนาแห่งนี้จึงเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากกับวิถีชีวิตของชาวบ้านให้มีรายได้ลดรายจ่ายได้อย่างเหมาะสมและยั่งยืน รองศาสตรจารย์ ดร.วาสนา แก้วหล้า อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ซึ่งเป็นนักพัฒนาและบริการท้องถิ่นตามภารกิจรับใช้สังคม ของบุคลาการในสถาบันอุดมศึกษา ที่ทำงานเน้นการส่งเสริมพัฒนาท้องถิ่น โดยเฉพาะก็คือมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ จำนวน 40 แห่ง ในการขับเคลื่อนร่วมกับชุมชนการพลิกปัญหามาแก้ไข จึงจับเอาเรื่องการมีวัวบ้านล่ะ 2 ตัวมาเติมให้แต่ล่ะครัวเรือน ตอนนี้มีชาวบ้านกว่า 32 หมู่บ้านของจังหวัดสุรินทร์มารับวัวไปเลี้ยง และมาลงมือเรียนในศูนย์การเรียนรู้แนวพุทธเกษตร เน้นการทำกิจกรรมพึ่งตนเอง ลดปัญหาโลกร้อน ลดต้นทุนการเพาะปลูก ทำนาปี นาปรัง ใช้ปุ๋ยคอกผสมกับแหนแดงไมโครฟิลล่า วิชาที่เรียนด้วยการลงมือทำ ได้แก่ การขุดธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด การเลี้ยงปลากินพืช การเลี้ยงหอยนา หอยปัง หอยขม หอยเชอรี่สีทอง การปลูกพืชอาหาร ผักสวนครัว ผักป่า เห็ดโคน การเลี้ยงไก่ไข่เก็บไข่ขาย วิชาการช่าง วิชาการทำก้อนปุ๋ยและปุ๋ยหมัก การปลูกดอกดาวเรืองส่งจำหน่าย และโรงสีข้าวเพื่อชาวนาสีข้าวเปลือกขายเอง ในระบบออนไลน์ การชื้อสินค้าและการออมเงินระบบถือหุ้นสหกรณ์
รศ. ดร. วาสนา แก้วหล้า กล่าวว่า ในทัศนะการรับใช้สังคมโดยมาช่วยชาวบ้าน มีหลวงพ่อแดง เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น กับบทบาทของงานสงฆ์สาธารณะสงเคราะห์ เห็นว่าความร่วมมือของการพัฒนาในรูปแบบ บวร หรือ บ้าน วัด ราชการ ในที่นี่สามารถระดมพลังทุกภาคส่วนมาร่วมกันพัฒนาสังคม ที่สวนเรียนรู้แห่งนี้นี่จึงเป็นต้นแบบได้ จึงอยากเชิญชวนกลุ่มองค์กร เกษตรกร วิสาหกิจชุมชนต่างๆ นักเรียน นักศึกษา รวมทั้งประชาชนทั่วไป ได้เยี่ยมศึกษาเรียนรู้พุทธเกษตรบ้านหนองอีดำแห่งนี้ เพื่อนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันแบบเกษตรพอเพียงทฤษฎีใหม่ให้ได้อยู่กับธรรมชาติของเกษตรแบบยั่งยืนและพอเพียง กำชัย วันสุข ส.ปชส.สุรินทร์ รายงาน CG นายสุริยา เครือจันทร์ ประธานวิสาหกิจชุมชนธนาคารวัวหลวงพ่อแดง สาขาบ้านหนองอีดำ รศ.ดร.วาสนา แก้วหล้า อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",23/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,สุรินทร์,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323095947935 กอนช. ขอให้ประชาชนหลายพื้นที่ทั่วประเทศระวังเกิดฝนตกหนัก โดยเฉพาะตอนบนของประเทศมีลมกระโชกแรง,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนหลายพื้นที่ทั่วประเทศระวังเกิดฝนตกหนัก โดยเฉพาะตอนบนของประเทศมีลมกระโชกแรง
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (23 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักบางพื้นที่ แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ จ.ตราด 88 มิลลิเมตร , นครราชสีมา 85 มิลลิเมตร และยะลา 84 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 27,903 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 48 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 22,068 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 46 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
",23/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323094456927 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ กทม. และปริมณฑลคุณภาพอากาศดีทุกพื้นที่จากฝนที่ตกช่วยลดการสะสมของฝุ่นลงได้,ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลคุณภาพอากาศดีทุกพื้นที่จากฝนที่ตกช่วยลดการสะสมของฝุ่นลงได้
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (23 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีมาก โดยค่าฝุ่นปรับตัวลดลงจากฝนที่ตกลงมา ทำให้ทุกพื้นที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 24 - 30 มีนาคม แล้วต้องเฝ้าระวังช่วงวันที่ 24 - 25 มีนาคมภาคเหนือมีโอกาสเกิดฝนตกหลายพื้นที่
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงดี โดยค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศเปิด มีลมพัด และฝนตกช่วยลดการสะสมของฝุ่นลง ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 24 - 30 มีนาคม
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
,23/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323094813928 "จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเมียนมายังสูงกว่า 2,000 จุด ส่งผลกระทบแนวชายแดนของไทย","สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเมียนมายังสูงกว่า 2,000 จุด ส่งผลกระทบแนวชายแดนของประเทศไทย
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (22 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศเพียง 121 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่เกษตร 66 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 18 จุด // พื้นที่เขต สปก. 17 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 11 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 5 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 4 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด คือ นครสวรรค์ 24 จุด , พิจิตร 14 จุด และ กำแพงเพชร 10 จุด โดยจุดความร้อนกลับมาเพิ่มขึ้นบริเวณภาคกลางตอนบน ส่วนพื้นที่ในภูมิภาคอื่นๆยังคงมีจุดความร้อนเกิดขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากมีฝนตกจากพายุฝนฟ้าคะนอง ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 22 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 11,681 จุด , ภาคเหนือ 10,834 จุด และภาคกลาง 6,196 จุด ส่วนค่าฝุ่นละออง PM 2.5 วันนี้ทุกจังหวัดทั่วประเทศยังคงมีคุณภาพอากาศอยู่ในระดับดีมาก
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาติดต่อกัน 22 วัน วันนี้พบ 2,309 จุด รองลงมาเป็น สปป.ลาว 328 จุด และประเทศไทย 121 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดน จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",23/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323102751946 กรมส่งเสริมการเกษตร พัฒนาแปลงเรียนรู้งานส่งเสริมการเกษตร ภายในศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หนุนเกษตรกรเรียนรู้สร้างอาชีพ ขยายสู่ชุมชน,"นายอนุชา ยาอีด ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร โดยสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลาได้ดำเนินงานโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามบทบาทและภารกิจของกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งมีความสอดคล้องกับแผนแม่บทของศูนย์ฯ ที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือการดำเนินงานให้สอดคล้องกับแนวพระราชดำริ นโยบายและความต้องการของประชาชน โดยมีการกำหนดยุทธศาสตร์ไว้ 3 ด้าน คือ 1.ด้านการศึกษา ทดลอง วิจัย และพัฒนา 2.ด้านการขยายผลการพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ และ 3.ด้านการบริหารจัดการองค์กร
สำหรับยุทธศาสตร์การขยายผลการพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ กรมส่งเสริมการเกษตรจึงเข้าไปมีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในการขยายผลองค์ความรู้ของงานศึกษา ทดลอง วิจัยที่ประสบผลสำเร็จและเหมาะสมจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริไปสู่เกษตรกร โดยการนำองค์ความรู้ดังกล่าว ไปส่งเสริมให้เกษตรกรนำไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพของตนเอง
โดยมีกิจกรรมพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้เกษตรกรต้นแบบ ในพื้นที่หมู่บ้านรอบศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยจัดกระบวนการเรียนรู้ให้เกษตรกรต้นแบบ นำไปศึกษาดูงาน พัฒนาทักษะ ให้ตรงกับความต้องการของเกษตรกร ตัวอย่างเกษตรกรต้นแบบที่เข้าร่วมโครงการและประสบผลสำเร็จ เช่น นายดำ หะยะมิน อยู่บ้านเลขที่ 52/3 หมู่ที่ 6 ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเดิมประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป มีรายได้ไม่แน่นอน ต่อมาจึงผันตัวเองมาทำการเกษตร โดยได้เข้าฝึกอบรมกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทำกิจกรรมเกษตรแบบผสมผสานในพื้นที่ 15 ไร่ ตั้งแต่ปี 2563 มีกิจกรรมหลากหลายชนิด อาทิเช่น การทำนาผักบุ้ง การปลูกผักและไม้ผลบนคันนา การเลี้ยงเป็ด การเลี้ยงปลาในบ่อดิน การเลี้ยงกบ และการทำปุ๋ยหมักใช้เอง ปัจจุบันเป็นศูนย์เรียนรู้การทำเกษตรผสมผสานบนพื้นที่ดินเปรี้ยวจัด ซึ่งทางศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ได้เข้ามาดำเนินการปรับรูปแปลงนา พร้อมกับจัดแบ่งพื้นที่ และปรับสภาพดินและน้ำ รวมทั้งสนับสนุนปัจจัยการผลิตด้านต่างๆ อาทิ ด้านดิน ด้านพืช ด้านปศุสัตว์ ด้านประมง เป็นต้น สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัว เฉลี่ยเดือนละ 35,000-40,000 บาท จนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากผลสำเร็จของเกษตรกรต้นแบบ สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา จึงได้ขยายผลโครงการพระราชดำริ ดังกล่าวให้กับเกษตรกรเครือข่ายรอบๆ แปลงเกษตรกรต้นแบบ ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้จากเกษตรกรต้นแบบไปยังเกษตรกรเครือข่าย จำนวน 25 ราย ซึ่งเป็นการขยายผลโครงการพระราชดำริ ที่มีเกษตรกรต้นแบบในพื้นที่เป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำ เกิดเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงการผลิตและการตลาด ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาของเกษตรกร โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้เกษตรกรมีรายได้ลดรายจ่าย เกิดอาชีพที่มั่นคง เป็นแบบอย่างให้กับเกษตรกรรายอื่น ๆ ได้ ในปี 2564-2565 มีผู้เข้าศึกษาเรียนรู้ในแปลงเกษตรของนายดำแล้วกว่า 300 ราย
ปัจจุบันงานส่งเสริมการเกษตรภายในศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งเป็นภารกิจภายใต้กรมส่งเสริมการเกษตรนั้น ได้จัดทำและพัฒนาแปลงต้นแบบภายในศูนย์ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรต่างๆ ในพื้นที่ประมาณ 1.5 ไร่ เช่น การปลูกผักสวนครัว การปลูกผักยกแคร่อย่างง่าย การขยายพันธุ์พืช การเพาะเลี้ยงบอนสี การเลี้ยงชันโรง และการสาธิตติดตั้งระบบน้ำในแปลง เพื่อให้เกษตรกรได้เข้ามาเรียนรู้และนำไปปฏิบัติตามแนวทางการทำเกษตรแบบผสมผสาน เพื่อสร้างงานสร้างอาชีพเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",23/3/2022,ภาคใต้,สงขลา,สทท.สงขลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323103835951 สสก.5 สงขลา หนุนเกษตรกรภาคใต้ผลิตกาแฟคุณภาพ ชูกลไกแปลงใหญ่พัฒนา 5 ด้าน ยกระดับสู่ผู้ประกอบการ,"นายอนุชา ยาอีด ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า ปัจจุบันภาคใต้มีเนื้อที่ปลูกกาแฟ 123,996 ไร่ เนื้อที่ยืนต้น 113,958 ไร่ ผลผลิตรวม 11,379 ตัน และผลผลิตเฉลี่ย 100 กิโลกรัม/ไร่ (ข้อมูลปี 2564) โดยกระจายอยู่ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ สำหรับจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกมากที่สุด ได้แก่ จังหวัดชุมพร รองลงมาคือ จังหวัดระนอง และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามลำดับ
สำหรับพันธุ์กาแฟที่นิยมปลูกมากในพื้นที่ภาคใต้ ได้แก่ พันธุ์โรบัสต้า เนื่องจากปลูกได้ในพื้นที่ต่ำ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเพียง 500 600 เมตร เท่านั้น และสภาพอากาศชุ่มชื้นเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะทำให้ได้กาแฟคุณภาพดี สำหรับกลิ่นของสายพันธุ์กาแฟโรบัสต้าจะค่อนข้างออกไปทางฉุน รสชาติก็จะเข้มข้นและขมกว่าพันธุ์อื่นๆ อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการผลิตของประเทศไทยค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น เนื่องจากขาดเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสม และผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ต่ำ นอกจากนี้ยังมีปัญหาการขาดแคลนแรงงานและค่าแรงงานในการเก็บเกี่ยวผลผลิตสูง ปัญหาดินเสื่อมสภาพ เนื่องจากสวนกาแฟส่วนใหญ่มีอายุมากแล้ว โดยเฉพาะสวนกาแฟในภาคใต้ นอกจากนี้สวนกาแฟมีสภาพเป็นสวนผสมจำนวนมาก คือมีต้นกาแฟเพียง 80 ต้นต่อไร่ ทำให้ผลผลิตต่อไร่ต่ำผลผลิตกาแฟที่ผลิตได้ในประเทศมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ และผลผลิตที่มีคุณภาพยังมีน้อย เนื่องจากจำนวนสวนกาแฟที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการจัดการคุณภาพผลผลิต หรือ GAP (Good Agricultural Practice) ยังมีน้อย
ปัจจุบันประเทศไทยมีผลผลิตกาแฟเฉลี่ยปีละประมาณ 24,000 ตัน แบ่งเป็นกาแฟอะราบิก้า ซึ่งปลูกในพื้นที่ภาคเหนือประมาณ 11,000 ตัน และกาแฟโรบัสต้า ซึ่งปลูกในพื้นที่ภาคใต้ประมาณ 13,000 ตัน ในช่วงปีที่ผ่านมาตลาดกาแฟไทยก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทําให้เกิดการชะลอตัว และมีผลผลิตตกค้าง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ จัดทําโครงการประชาสัมพันธ์สุดยอดกาแฟไทยปี 2564 เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดกาแฟไทย และสร้างการรับรู้ความเป็นสุดยอดกาแฟของไทยให้เป็นที่รู้จักในวงที่กว้างขึ้น เป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรและผู้ประกอบการธุรกิจกาแฟ อันเนื่องมาจากภาวะตลาดที่ซบเซาได้อีกทางหนึ่ง
นายอนุชา ยาอีด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ได้ผลักดันให้เกษตรกรผลิตกาแฟคุณภาพ สร้างอัตลักษณ์ และยกระดับไปสู่ผู้ประกอบการ โดยการรวมกลุ่มกันในรูปแบบแปลงใหญ่ ขณะนี้ทั่วประเทศมีแปลงใหญ่กาแฟ จำนวน 55 แปลง ในส่วนภาคใต้มีจำนวน 15 แปลง สมาชิกรวม 605 ราย พื้นที่ 6,605 ไร่ โดยจังหวัดระนองมีมากที่สุด จำนวน 8 แปลง รองลงมา คือ ชุมพร 3 แปลง และ กระบี่ ตรัง นครศรีธรรมราช และสงขลา จังหวัดละ 1 แปลง การผลิตกาแฟในรูปแบบแปลงใหญ่ ทำให้มีอำนาจต่อรองสูงกว่าเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟรายย่อย
ทั้งยัง สร้างความน่าเชื่อถือในผลิตภัณฑ์แก่ผู้บริโภค และสามารถเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้าได้มากขึ้น โดยจะมีการพัฒนาตามกระบวนการแปลงใหญ่ใน 5 ด้าน ซึ่งตอบโจทย์ปัญหาต่างๆ ทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต การพัฒนาคุณภาพมาตรฐาน การบริการจัดการตลาด และการบริหารจัดการกลุ่ม เกษตรกรจะได้รับความรู้ เรื่องการปลูกกาแฟให้ได้คุณภาพ วิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว การแปรรูปกาแฟคั่วบดและกาแฟโบราณ การสร้างมูลค่าเพิ่ม การจัดหาตลาดให้เกษตรกร ด้วยการส่งเสริมการจัดทำสัญญาข้อตกลงซื้อขายเมล็ดกาแฟ ระหว่างเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร กับผู้ประกอบการโรงงานผลิตกาแฟสำเร็จรูป และการยกระดับเกษตรกรให้เป็นผู้ประกอบการ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนากาแฟไทย ที่มีเป้าหมายต้องการให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำในด้านการผลิตและการค้ากาแฟคุณภาพของภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากราคาผลผลิตเมล็ดกาแฟคุณภาพในตลาดโลกมีแนวโน้มที่สูงขึ้น
สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ได้นำแนวทางของกรมส่งเสริมการเกษตรที่จะพัฒนากาแฟให้มีคุณภาพ โดยจะผลักดันให้กาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของไทยที่สร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่เกษตรกรและผู้ดำเนินธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมกาแฟของไทย โดยการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการผลิตแก่เกษตรกร ผ่านการเชื่อมโยงเครือข่าย การสร้างเกษตรกรต้นแบบและแปลงเรียนรู้ รวมถึงการสนับสนุนทางวิชาการด้านการผลิตและจัดการผลผลิต การพัฒนาคุณภาพ ตลอดจนการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า และเทคนิคการเป็นผู้ประกอบการ ผ่านกลไกศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) และเกษตรแปลงใหญ่ โดยเน้นการบริหารจัดการแบบครบวงจร (Value Chain) บนพื้นฐานของศักยภาพ (Potential) และอัตลักษณ์ของกาแฟของภาคใต้ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการผลิต การพัฒนาคุณภาพเมล็ดกาแฟสู่มาตรฐานสากล และการผลิตกาแฟเฉพาะถิ่น นายอนุชา กล่าวทิ้งท้าย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",23/3/2022,ภาคใต้,สงขลา,สทท.สงขลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323104243953 สสก.5 สงขลา เดินหน้าพัฒนากลุ่มแม่บ้านเกษตรกร สร้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สู้ภัย Covid 19 ด้วยเศรษฐกิจพอเพียง,"นายอนุชา ยาอีด ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร เป็นการรวมตัวกันของสตรีในภาคเกษตร ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ตามความสมัครใจ ภายใต้กติกากลุ่มและการบริหารงานในรูปคณะกรรมการ เพื่อร่วมกันทำกิจกรรมพัฒนาอาชีพและยกระดับเศรษฐกิจครัวเรือนให้ดีขึ้นทั้ง 4 มิติ ได้แก่ ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ และด้านสิ่งแวดล้อม โดยยึดหลักบริหารจัดการกลุ่มตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงไปจนถึงต่อยอดเป็นผู้ประกอบการ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรจึงถือเป็นสถาบันเกษตรกรที่มีบทบาทสำคัญ และเป็นกลไกหลักที่ช่วยผลักดันการดำเนินงานส่งเสริมการเกษตรตามนโยบายของกรมส่งเสริมการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพตลอดช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
นายอนุชา ยาอีด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรที่อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จำนวน 1,460 กลุ่ม สมาชิกกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรรวม จำนวน 41,725 คน แบ่งเป็นกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรที่มีผลิตภัณฑ์จากการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรประมาณ 75 %, ผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมือง ผ้าพิมพ์ลาย ประมาณ 10 %, ผลิตภัณฑ์หัตถกรรมเครื่องจักสานต่างๆ ประมาณ 10 % และกิจกรรมอื่นๆอีก 5 %
ในปี 2564 สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ได้ดำเนินการพัฒนาและขับเคลื่อนงานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายคือพัฒนาคุณภาพชีวิต ยกระดับเศรษฐกิจครัวเรือน สร้างความเข้มแข็งของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรและพัฒนาสมาชิกกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรให้เป็น Smart Farmer พัฒนาศักยภาพกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรสู่การเป็น Smart Group ส่งเสริมให้มีการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็น Smart Product ที่มีการรับรองมาตรฐานการันตีคุณภาพ สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค พร้อมทั้งส่งเสริมให้ครัวเรือนของเกษตรกรและชุมชนมีความมั่นคงด้านอาหาร เพื่อให้สมาชิกกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร กินดี อยู่ดี เพิ่มพูนรายได้
สำหรับกิจกรรมในปี 2565 นี้ สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา โดยกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร ได้จัดสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ขับเคลื่อนงานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรภาคใต้ ผ่านระบบออนไลน์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานส่งเสริมกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรระดับจังหวัด เขต และกรมส่งเสริมการเกษตรเข้าร่วมสัมมนา
การสัมมนามีการบรรยายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลการดำเนินงานปี 2564 และ 2565 ไตรมาสที่ 1-2 การวางแผน ออกแบบการขับเคลื่อนการดำเนินงานระดับเขต และการบริหารจัดการกองทุนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร นำไปสู่การพัฒนางานส่งเสริมกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มีแผนจัดสัมมนาเพิ่มศักยภาพผู้นำในการขับเคลื่อนงานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ระดับเขต ระหว่างเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2565 รูปแบบเผชิญหน้า โดยการจัดทำข้อมูลเนื้อหาวิชาการเป็นตัวเลือกที่จะอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานแม่บ้านเกษตรกร และผู้นำแม่บ้านเกษตรกร ซึ่งจัดแยกหลักสูตรระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้นำแม่บ้านเกษตรกร ให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด
นอกจากนี้ ได้ให้ทุกจังหวัดจัดทำแผนการบริหารจัดการกองทุนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรระดับจังหวัด โดยเจ้าหน้าที่จากกรมส่งเสริมการเกษตรได้ให้แนวทางการขับเคลื่อนงาน และแนะนำเอกสารวิชาการ เรื่อง การบริหารจัดการกองทุนในงานสถาบันเกษตรกร เป็นแนวทางการดำเนินงานต่อไป
และในช่วงที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ Covid 19 กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรได้มีการเชื่อมโยงเครือข่าย ให้มีความเข้มแข็ง มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เกิดเป็นเครือข่ายความร่วมมือและการพัฒนาองค์กรเกษตรกรที่เข้มแข็งตลอดจนช่วยกันยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของสมาชิกกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง โดยนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้ในสถานการณ์ที่ลำบากและข้าวของแพง ยังสามารถสร้างรายได้และพึ่งพาตนเองได้
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรหวังให้กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรซึ่งเป็นสตรีที่มีบทบาทพื้นฐานหลักในครอบครัวช่วยกันสร้างสมดุล ให้ครอบครัวมีความสุข ร่วมกันทำกิจกรรมให้ชุมชนเข้มแข็ง อันจะส่งผลให้สังคมสงบสุขต่อไป..//
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",23/3/2022,ภาคใต้,สงขลา,สทท.สงขลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323110216959 จ.แม่ฮ่องสอน คุณภาพอากาศวันนี้ (23 มี.ค. 65) อยู่ในระดับดีมาก PM 2.5 เท่ากับ 17 มค.ก.ลบ.ม เหมาะแก่การทำกิจกรรมกลางแจ้งและท่องเที่ยว,"ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองจังหวัดแม่ฮ่องสอน รายงานสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำวันที่ 23 มีนาคม 2565 ว่าคุณภาพอากาศประจำวันที่ 23 มีนาคม 2565 ค่า PM2.5 ณ สถานีตรวจวัดอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และสถานีตรวจวัดอำเภอแม่สะเรียง เท่ากับ 17 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับดีมาก) เหมาะแก่การทำกิจกรรมกลางแจ้งและท่องเที่ยวได้ตามปกติ
ในส่วนของจุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 22 มีนาคม 2565 จำนวน 2,845 จุด สูงสุดที่อำเภอเมือง จำนวน 825 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 1,662 จุด จุดความร้อนสะสมช่วงประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ยกเว้นพื้นที่ตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์-22 มีนาคม 2565 จำนวน 2,178 จุด สูงสุดที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จำนวน 646 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 1,220 จุด
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",23/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323113447978 จ.นราธิวาส จัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ : Field Day ปี 2565 อ.บาเจาะ,จ.นราธิวาส จัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ : Field Day ปี 2565 อ.บาเจาะ มุ่งเน้นทำเกษตรแบบผสมผสาน ลดต้นทุนการผลิต เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเพื่อความมั่นคงทางอาหารในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
วันนี้ (23 มี.ค.65) นายวิจัย เพ็ญพัฒนากุล นายอำเภอบาเจาะ เปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ : Field Day ปี 2565 โครงการศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสิสค้าเกษตร ที่ศูนย์เรียนรู้เกษตรผสมผสานตำบลบาเระเหนือ (ศพก.เครือข่าย) หมู่ที่ 1 บ้านจำปากอ ตำบลบาเระเหนือ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งมีเกษตรจังหวัดนราธิวาส ผู้แทนหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานนาวิกโยธิน กองทัพเรือเกษตรและผู้เกี่ยวข้อง ร่วมในกิจกรรม
นางสาวงามเพ็ญ ลอยเมฆ เกษตรอำเภอบาเจาะ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายในการบูรณาการหน่วยงานในสังกัด จัดงานดังกล่าว เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรได้เรียนรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะนำมาปรับใช้กับไร่นาของตนเองอย่างเหมาะสม เข้าถึงแหล่งข้อมูลข่าวสารสู่การเชื่อมโยงการตลาด เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเกษตรกร นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา รวมถึงภาคเอกชน
ทั้งนี้ การจัดงานฯ ของอำเภอบาเจาะ มุ่งเน้นการส่งเสริมการทำเกษตรแบบผสมผสาน ลดต้นทุนการผลิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเพื่อความมั่นคงทางอาหารในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งมีการจัดสถานีถ่ายทอดความรู้ จำนวน 9 สถานี อาทิ สถานีต้นไม้มหัศจรรย์ โดยศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นราธิวาส สถานีระบบใช้น้ำ นวัตกรรมฯ แอแว โดยสำนักงานชลประทานที่ 17 สถานีบ่อเงินแสน โดยสำนักงานประมงอำเภอบาเจาะ
สำหรับศูนย์เรียนรู้เกษตรผสมผสานตำบลบาเระเหนือ สถานที่จัดงานฯ เป็นของ นายอับดุลเราะห์มัน มาฮามะ มีสินค้าหลัก มะพร้าว พืชผัก การปศุสัตว์ ประมงน้ำจืด เทคโนโลยีเด่น การทำเกษตรผสมผสาน การนำไปใช้ประโยชน์แหล่งเรียนรู้การผลิตพืชแบบผสมผสาน การเลี้ยงปลาน้ำจืด และการปศุสัตว์
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,23/3/2022,ภาคใต้,นราธิวาส,สวท.นราธิวาส,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323115326996 ไก่เบตง ฟาร์มคีรีเบย์ สู่การปรับเปลี่ยนกลยุทธในการเลี้ยงไก่ ช่วงโควิด-19 รังสรรค์เมนูไก่สับเบตง เมนูเด็ด ที่หลายคนต้องลิ้มลอง รองรับนักท่องเที่ยวหลังเปิดสนามบินและรอการเปิดด่านทางบกในเดือนเมษายนนี้,"จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอเบตง โดยเฉพาะการเลี้ยงไก่เบตงของฟาร์มคีรีเบย์ ในพื้นที่หมู่ที่ 1 ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา มี นายอุดม ลักษณะ เจ้าของฟาร์มไก่เบตงคีรีเบย์ ได้มีการปรับเปลี่ยนการเลี้ยงไก่เบตง ซึ่งเป็นไก่สายพันธ์ุเบตงแท้ ให้เกษตรกรที่อยู่ภายในหมู่บ้าน รวมกลุ่มกระจายกันเลี้ยงเป็นอาชีพเสริม โดยทางฟาร์มได้มีการส่งเสริมและสนับสนุนการเลี้ยงทั้งระบบ รวมทั้งด้านการตลาด เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค การเลี้ยงไก่เบตงของที่นี่ เป็นไก่เบตงสายพันธ์ุแท้ ได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์ ซึ่งจะมีลักษณะเด่น ปีกสั้น หางสั้น หงอนเป็นกงจักร ขนสีเหลืองทองทั้งตัวผู้ตัวเมีย การเลี้ยงจะทำโรงเรือนแบบปิด แยกไก่ออกเป็นรุ่น ให้อาหารจนกระทั่งไก่โตได้ที่ จนครบระยะเวลาจับจำหน่าย
นายลำไพ สมพิศ อายุ 63 ปี คนเลี้ยงไก่ในฟาร์ม เปิดเผยว่า การเลี้ยงไก่เบตง แรกๆ ลูกไก่ยังเล็ก จะให้หัวอาหารพอโตขึ้น หัวอาหารผสมข้าว และหัวอาหารผสมข้าวโพด จนกระทั่ง ได้ระยะเวลา 5-6 เดือน ก็สามารถจับขายได้ น้ำหนักประมาณ 2.5-3 กิโลกรัม ซึ่งไก่ที่เลี้ยงอยู่ขณะนี้ น้ำหนักประมาณ 1-1.5 กิโลกรัม ไก่เมื่อได้ขนาดและน้ำหนัก เมื่อนำไปประกอบอาหารจะมีรสชาติอร่อย นำไปทำไก่สับ ข้าวมั้นไก่ และอีกหลายๆ เมนู
นายอุดม ลักษณะ เจ้าของฟาร์มไก่เบตงคีรีเบย์ เปิดเผยว่า เลี้ยงไก่เบตงมา 6 ปีแล้ว ที่นี่เป็นฟาร์มใหญ่ ปัจจุบันที่นี่เป็นศูนย์รวมการเลี้ยงไก่เบตง เป็นแหล่งส่งไก่เบตงทั่วประเทศ ในรูปแบบไก่แช่แข็ง และไก่สด การเลี้ยงของที่นี่ เมื่อก่อนเลี้ยงในปริมาณที่มากกว่า 10,000 ตัว แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไก่ส่งออกตลาดไม่ได้ ได้รับผลกระทบ ประสบปัญหาขาดทุน จึงได้ปรับแผนการเลี้ยงไก่เบตง กระจายให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้เลี้ยงด้วยโดยเมื่อไก่โตได้ขนาด ประมาณ 6 เดือน จับขายแล้วนำมาแช่เข็งเพื่อจำหน่าย ความพิเศษของไก่เบตง เนื้อนุ่ม หนังหนึบกรอบ รสชาติอร่อย ราคาขายไก่แช่แข็ง ราคาต่อ กก. 280 บาท ไก่สดราคา 220 บาท เมื่อนำมาแปรรูปเป็นอาหารเมนูไก่สับ ราคาจะอยู่ที่ 500 - 1,200 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและน้ำหนักของตัวไก่ ถ้านึกถึงไก่เบตงสายพันธุ์แท้ต้องมาที่นี่ ฟาร์มไก่คีรีเบย์ ได้รับการรับรองจากกรมปศุสตว์ และเป็นอัตลักษณ์ของอำเภอเบตง การส่งขาย จะมีลูกค้าโทรสั่ง มีรถส่งตลอด เฉพาะร้านค้าต่างๆ ในตัวเมืองเบตง ตกต่อเดือนประมาณ 2,000 ตัว นอกจากนี้ สถานการณ์โควิด-19 ที่ยังพบผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ทางฟาร์มเองได้เลี้ยงไก่ชน ซึ่งถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่น่าสนใจ เมื่อเปิดประเทศทางประเทศเพื่อนบ้าน ยังมีความต้องการราคาสูงกว่าการเลี้ยงไก่เบตง
ซึ่งในอนาคตหากเปิดประเทศ ด่านชายแดนมาเลเซียเปิด และมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นจำนวนมาก ทั้งสนามบิน เดินทางโดยรถยนต์ เฉลี่ย 1 เดือนความต้องการบริโภคไก่เบตงในตัวเมืองเบตงประมาณ 3,000 ตัว ความต้องการด้านแหล่งอาหารในพื้นที่ โดยเฉพาะไก่เบตง คงไม่เพียงพออย่างแน่นอน การเลี้ยงในขณะนี้ยอมรับว่าไม่กล้าเลี้ยงในปริมาณที่มาก ซึ่งหากเปิดประเทศ ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป เป้าหมายการท่องเที่ยวของอำเภอเบตง ซึ่งขณะนี้มีสนามบิน มีเส้นทางที่เดินทางสะดวก นักท่องเที่ยวมุ่งหวังอยากมาเที่ยวเบตง มาที่นี่ ประชาชนอัธยาศัยดี อาหารการกินอร่อย ท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม หมอกสวย อากาศดี ชาวเบตงยินดีต้อนรับ แล้วท่านจะได้รับความประทับใจ
นางสาวณัฐธิดา ลักษณะ เจ้าของร้านชูก้าเรส จำหน่ายเมนูไก่สับเบตง เปิดเผยว่า ทางร้านได้รับไก่จากฟาร์มคีรีเบย์ เพื่อนำมารังสรรค์ เมนูไก่สับเบตง ซึ่งเมนูไก่สับเบตงนั้น ต้องผ่านขั้นตอนการปรุงอาหารอย่างพิถีพิถัน เริ่มจากการนำไก่มาต้มประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นนำมาน็อคน้ำเย็น แล่เนื้อไก่ออกจากกระดูก หั่นเป็นชิ้นพอคำ ปรุงรสด้วยน้ำจิ้มสูตรเด็ดเฉพาะของทางร้าน ไก่เบตงจะเป็นเมนูแรกๆ ที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเบตง จะนิยมสั่งรับประทาน คือเมนูไก่เบตงสับ ความพิเศษของเมนูนี้เป็นไก่ที่เราเลี้ยงเอง มาจากฟาร์มคีรีเบย์ รสชาติของไก่เบตงจะพิเศษกว่าไก่ที่อื่น ไก่และหนังจะแยกออกจากกัน ไม่มีชั้นไขมันแทรก หนังหนึบกรอบ เนื้อนุ่ม รสชาติอร่อย และสูตรน้ำจิ้มราดไก่สับเบตงจากทางร้าน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",23/3/2022,ภาคใต้,ยะลา,สวท.เบตง จ.ยะลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323133826043 ประมงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จับมือเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา เปิดจุดจำหน่ายกุ้งก้ามกราม ส่งตรงจากจากเกษตรกรแปลงใหญ่กุ้งก้ามกราม อำเภอผักไห่ ราคาถูก,"นายสุชาติ พิลาเดช ประมงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกเยี่ยมให้กำลังใจเกษตรกรแปลงใหญ่กุ้งก้ามกราม อำเภอผักไห่ ที่นำกุ้งก้ามกรามขนาดต่าง ๆ มาจำหน่ายให้กับประชาชน ที่บริเวณริมถนนคลองมะขามเรียง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา โดยได้รับความร่วมมือจาก ว่าที่ร้อยตรี สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา จัดพื้นที่ช่วยเหลือให้กับเกษตรกรนำกุ้งมาจำหน่ายในครั้งนี้
นายสุชาติ พิลาเดช กล่าวว่า นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีนโยบายในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในพื้นที่ ซึ่งประสบปัญหาราคากุ้งตกต่ำ มีกุ้งก้ามกรามที่เลี้ยงในบ่อจำนวนมาก ได้มีการจำหน่ายกุ้งให้กับประชาชนในราคาประหยัด ซึ่งทางเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ได้อนุเคราะห์สถานที่ให้เปิดจำหน่ายกุ้งได้ ซึ่งการเปิดจุดจำหน่ายกุ้งในครั้งนี้เกษตรกรจะสามารถจำหน่ายกุ้งได้โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางและไม่ถูกกดราคา
นายสุกิจ ปานอุทัย ตัวแทนเกษตรกรแปลงใหญ่กุ้งก้ามกราม อำเภอผักไห่ กล่าวว่า การเปิดจุดจำหน่ายกุ้งดังกล่าว ทำให้เกษตรกรสามารถขายกุ้งโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางทำให้ราคาเต็ม ต้องขอบคุณประมงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่เข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ : https://ayutthaya.prd.go.th/
IG : https://www.instagram.com/prd.ayutthaya/
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",23/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,พระนครศรีอยุธยา,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323132036022 ผวจ.นครศรีธรรมราช ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้ามาตรการแก้ไขปัญหาผลไม้ ปี 2565,"วันนี้ (23 มี.ค.65) ที่ห้องประชุมศรีปราชญ์ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมติดตามความคืบหน้ามาตรการแก้ไขปัญหาผลไม้ ปี 2565 ซึ่งเป็นการประชุมผ่านระบบบวิดีโอคอนเฟอเร้นท์จากห้องประชุมกระทรวงพาณิชย์ โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุม
ทั้งนี้ในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช นายไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กล่าวสรุปและรายงานการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือสถานการณ์ราคาไม้ผล รวมทั้งแนวทางการบริหารสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยได้กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาผลไม้ในพื้นที่เพิ่มเติมใน 4 มาตรการ ประกอบด้วย การเพิ่มคุณภาพผลไม้ การแก้ไขปัญหาด้านแรงงาน การสร้างและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์ และการส่งเสริมการแปรรูปไม้ผลเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้มีการคาดการณ์จากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 8 ซึ่งได้รายงานสถานการณ์สินค้าเกษตรที่สำคัญ ปี 2565 ว่าในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช มีพื้นที่ปลูกไม้ผลเศรษฐกิจที่สำคัญ ทั้งทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง ทั้งสิ้น 213,296 ไร่ และคาดว่าในปี 2565 จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดในห้วงระหว่างเดือนสิงหาคม-ตุลาคม 2565 รวม 149,321 ตัน โดยทุเรียนจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากที่สุดในเดือนตุลาคม จำนวน 15,047 ตัน,มังคุด ในเดือนสิงหาคม จำนวน 31,572 ตัน,เงาะ ในเดือนสิงหาคม จำนวน 3,885 ตัน และลองกอง ในเดือนกันยายน จำนวน 2,035 ตัน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",23/3/2022,ภาคใต้,นครศรีธรรมราช,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323144242080 ผู้ว่าฯ ตราด นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมติดตามความคืบหน้ามาตรการแก้ไขปัญหาผลไม้ ปี 2565 และการแก้ปัญหาการส่งออก,"ที่ห้องประชุมตราดสีทอง ศาลากลางจังหวัดตราด นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด นำส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมติดตามความคืบหน้ามาตรการแก้ไขปัญหาผลไม้ ปี 2565 และการแก้ปัญหาการส่งออก ผ่านระบบ Video Conference (ZOOM) โดยมี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในที่ประชุมพร้อมกันกับจังหวัดอื่นทั่วประเทศ
สำหรับการประชุมมีการติดตามความคืบหน้ามาตรการแก้ไขปัญหาผลไม้ ปี 2565 และการแก้ไขปัญหาการส่งออกผลไม้ในประเด็นต่าง ๆ ประกอบด้วย 1. การส่งออกผลไม้ไทยไปจีน 2. การบริหารจัดการส่งออก 3. การสร้างความเชื่อมั่นผลไม้ไทย 4. การเสริมสร้างสภาพคล่องผู้ประกอบการ 5. การเคลื่อนย้ายแรงงาน 6. การรณรงค์บริโภคผลไม้ในประเทศ และ 7. การขนส่งผลไม้จากแหล่งผลิตกระจายในประเทศ ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินการ และรายงานผลต่อไป
ทั้งนี้ สำนักงานเกษตรจังหวัดตราด ได้คาดคะเนผลผลิต ผลไม้ 4 ชนิดของจังหวัดตราด ที่จะออกสู่ตลาดในปี 2565 โดยคาดว่า ทุเรียนจะมีผลผลิต 90,328 ตัน เงาะ 104,520 ตัน มังคุด 42,662 ตัน และลองกอง 3,387 ตัน โดยคาดว่าผลผลิตจะออกสู่ตลาดสูงสุดในช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 อย่างไรก็ตาม จังหวัดตราด โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตราด ได้เตรียมโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้จังหวัดตราดไว้ อาทิ การกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต การส่งเสริมการสร้างมูลค่าสินค้าเกษตร การใช้กลไกสหกรณ์ในการกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต เป็นต้น
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",23/3/2022,ภาคตะวันออก,ตราด,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323144409085 กระเทียมน้ำปาด มีค่าสารอินทรีย์กำมะถันสูง เปลือกบาง แกะง่าย หนุนพัฒนาทั้งระบบ,นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า จังหวัดอุตรดิตถ์ ถือเป็นแหล่งปลูกกระเทียมที่สำคัญของประเทศ เป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร โดยเฉพาะที่อำเภอน้ำปาด ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกระเทียมพันธุ์ไทยแท้ที่เกษตรกรเรียกว่า พันธุ์ดอ หรือที่ผู้บริโภคต่างรู้จักในชื่อ กระเทียมน้ำปาด โดยมีคุณสมบัติเด่นคือ หัวกระเทียมเป็นสีชมพูอมม่วงมีค่าสารอินทรีย์กำมะถันสูงถึง 1.543 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในประเทศ รวมทั้งมีกลิ่นฉุน เปลือกบาง เมื่อแห้งจะแกะง่าย ขนาดของกลีบจะใหญ่แกร่ง ไม่ฝ่อง่าย
กรมส่งเสริมการเกษตร มอบหมายให้สำนักงานเกษตรจังหวัดอุตรดิตถ์ เข้าไปดำเนินการพัฒนาเกษตรกรผู้ปลูกอย่างต่อเนื่อง เช่น การขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูก การสนับสนุนองค์ความรู้ต่างๆ ทั้งการผลิตและการตลาดในการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลผลิต เช่น ผ่านเว็บไซต์ตลาดเกษตรกรออนไลน์.com เป็นต้น โดยปีการผลิต 2564/65 นี้ สำนักงานเกษตรจังหวัดอุตรดิตถ์ รายงานว่า มีพื้นที่ปลูกรวม 87 ไร่ จากเกษตรกร 27 ครัวเรือน มีผลผลิตรวม 84 ตัน
ด้านนายพัฒนศักดิ์ พ่วงสมบัติ เกษตรจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า สำนักงานเกษตรจังหวัดอุตรดิตถ์และสำนักงานเกษตรอำเภอน้ำปาด เข้าไปส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรเช่น การขึ้นทะเบียนเกษตรกร แจ้งประชาสัมพันธ์ในเวทีการประชุมประจำเดือนในระดับอำเภอ ทั้งการประชุมหัวหน้าส่วนราชการอำเภอน้ำปาด และการประชุมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านอำเภอน้ำปาด ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดีจากเกษตรกร จนนำมาสู่การมีข้อมูลที่ถูกต้อง สามารถใช้กำหนดนโยบายส่งเสริมและพัฒนา รวมถึงการด้านการผลิตการตลาด เช่น เกษตรกรปลูกกระเทียมน้ำปาด บอกเล่าไว้ว่าสำหรับปี 2565 นี้ ปลูกกระเทียมรวม 4 ไร่ ได้ผลผลิตกว่า 3 ตัน แต่ได้กระเทียมโทนเพียง 6 ขีดเท่านั้น โดยราคาที่จำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 500 บาท ในขณะที่กระเทียมสดอยู่ที่กิโลกรัมละ 35 บาท ทั้งนี้ การจะได้กระเทียมโทนนั้น ต้องลงแรงในการค้นหาและคัดแยก เพราะจะขึ้นปะปนอยู่ในแปลงปลูก โดยลูกค้าที่สั่งซื้อส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย ด้วยมีความเชื่อส่วนบุคคลว่า มีสรรพคุณบำรุงร่างกาย
,23/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323150215106 สำนักงานเกษตรจังหวัดกาญจนบุรี จัดการอบรมหลักสูตรเพิ่มศักยภาพ Young Smart Farmer เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของ Young Smart Farmer และยกระดับสู่การเป็นผู้ประกอบการเกษตรที่มีศักยภาพ,"
ที่ ศูนย์ท่องเที่ยวเชิงเกษตร สำนักงานเกษตรจังหวัดกาญจนบุรี ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดการอบรมหลักสูตรเพิ่มศักยภาพ Young Smart Farmer โดยมี นายชำนาญ ชื่นตา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วย นางธัญธิตา บุญญมณีกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 2 จังหวัดราชบุรี นายประสาน ปานคง เกษตรจังหวัดกาญจนบุรี หัวหน้าส่วนราชการ บุคลากรในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กลุ่มผู้ประกอบการ Young Smart Farmer เข้าร่วม การอบรมหลักสูตรเพิ่มศักยภาพ Young Smart Farmer จัดขึ้นเพื่อส่งเสริม และพัฒนาศักยภาพของ Young Smart Farmer พร้อมยกระดับสู่การเป็นผู้ประกอบการเกษตรที่มีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งด้านการผลิต การแปรรูป การตลาด สินค้าเกษตร และการบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ซึ่งการจัดอบรมครั้งนี้ประกอบไปด้วย หลักสูตรและกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้เกษตรกรรุ่นใหม่ ก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ประกอบการอย่างเต็มรูปแบบ อาทิ การนำเสนอ Business Model Project Idea , กิจกรรม Shopping Idea , การจัดแสดงนิทรรศการผลงานและแนวคิด ""การสร้างความเข้มแข็ง ของเครือข่าย Young Smart Farmer เขต 2 ภาคตะวันตก"" , การฝึกการนำเสนองานเพื่อเข้าถึง แหล่งทุนวิจัยและแหล่งทุนในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ , การบรรยายพิเศษ หัวข้อ ""การรวมกลุ่มเพื่อการเข้าถึงแหล่งทุน"" และ ""เทคนิคการถ่ายภาพสินค้า เพื่อการขายและการสร้าง Content ที่น่าสนใจ""
ณัฏฐภัส เหลืองพฤกษชาติ / สวท.กาญจนบุรี
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",23/3/2022,ภาคตะวันตก,กาญจนบุรี,สวท.กาญจนบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323161336137 ก.ทรัพย์ เร่งผลักดันแหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามันขึ้นเป็น มรดกโลกในอนาคต พร้อมตั้งคณะกรรมการเข้ามาพิจารณา 3 คณะ,"กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งผลักดันแหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามันขึ้นเป็น มรดกโลกในอนาคต พร้อมตั้งคณะกรรมการเข้ามาพิจารณา 3 คณะ
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการนำเสนอพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามันเป็นมรดกโลก ได้มีมติเห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติงาน (Action Plan) เพื่อขับเคลื่อนการนำเสนอพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามันเป็นมรดกโลก พร้อมตั้งคณะทำงานภายใต้แผนปฏิบัติงาน (Action Plan) ดังกล่าว 4 คณะ คือ คณะทำงานด้านการดำเนินงานภายใต้กลไกการบริหารอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก , คณะทำงานด้านการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ คณะทำงานด้านการส่งเสริมการมีส่วนร่วม และคณะทำงานด้านการเสริมสร้างประสิทธิภาพการบริหารจัดการพื้นที่ รวมทั้ง แต่งตั้งคณะทำงานในพื้นที่ระดับจังหวัดอีก 3 คณะ คือ ระนอง พังงา และภูเก็ต ทั้งนี้ ได้กำชับให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำข้อสังเกตและข้อเสนอแนะจากที่ประชุมไปปรับปรุงคำสั่งและอำนาจหน้าที่ เพื่อจัดทำกรอบแนวทางการดำเนินงานและงบประมาณต่อไป พร้อมเพิ่มองค์ประกอบคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการนำเสนอพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามันเป็นมรดกโลกให้มีความครอบคลุมและสมบูรณ์มากขึ้น และวางแผน Site Visit ช่วงเดือนเมษายนนี้
ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวย้ำว่า ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้อยู่ที่การเห็นพ้องตรงกันทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคอาสาสมัครและภาคประชาชน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะประชาชนภาคใต้แต่ทุกคนต้องเห็นถึงประโยชน์และความสำคัญร่วมกัน ถึงจะผลักดันให้พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามันเป็นมรดกโลกในอนาคต
",23/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323155248126 สหกรณ์จังหวัดระยอง เติมความรู้การวางระบบการบริหารจัดการผลผลิตการเกษตร ระดับจังหวัด แก่กลุ่มเกษตรกร และเครือข่ายสหกรณ์การเกษตรในพื้นที่ ภายใต้โครงการส่งเสริมการพัฒนาระบบตลาดภายในสำหรับสินค้าเกษตร,ที่ห้องประชุมสำนักงานสหกรณ์จังหวัดระยอง ศูนย์ราชการจังหวัดระยอง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง นางสุวรรณี อาจสุโพธิ์ สหกรณ์จังหวัดระยอง เป็นประธานในการประชุมเชิงปฏิบัติการวางระบบการบริหารจัดการผลผลิตการเกษตร ระดับจังหวัด ครั้งที่ 2 แก่กลุ่มเกษตรกร และเครือข่ายสหกรณ์การเกษตรในพื้นที่ ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตรบ้านฉาง จำกัด สหกรณ์การเกษตรบ้านน้ำเป็น จำกัด และกลุ่มเกษตรกรปลูกสับปะรดทางเกวียน ภายใต้โครงการส่งเสริมการพัฒนาระบบตลาดภายในสำหรับสินค้าเกษตร โดยมีการบรรยายให้ความรู้เรื่องการเชื่อมโยงธุรกิจสินค้าสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลด้านการผลิตและช่องทางการจำหน่ายสินค้าสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร และการวางแผนความร่วมมือในการบริหารจัดการผลผลิตทางการเกษตร โดยการประชุมดังกล่าว มุ่งหวังเพื่อให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรเป็นศูนย์กลางในการรวบรวม รับซื้อผลผลิตการเกษตรในพื้นที่ และส่งเสริมการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรมีปริมาณธุรกิจของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น และมีการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจระหว่างคลัสเตอร์สหกรณ์ผู้ผลิต สหกรณ์ผู้บริโภค ผู้ประกอบการ และจับคู่ธุรกิจเพื่อเชื่อมโยงเครือข่าย
ทั้งนี้ สหกรณ์การเกษตรบ้านฉาง จำกัด มีผลิตภัณฑ์จำหน่าย คือ ข้าวสาร สหกรณ์การเกษตรบ้านน้ำเป็น จำกัด ผลิตภัณฑ์จำหน่ายคือ มังคุดและทุเรียนทอด และกลุ่มเกษตรกรปลูกสับปะรดทางเกวียน มีผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายคือ สับปะรดและสับปะรดลอยแก้ว
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,23/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323164000160 สถานการณ์การปฏิบัติงานเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหล ประจำวันที่ 23 มีนาคม 2565,"สรุปผลการปฏิบัติงานในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา การปฏิบัติการในทะเล วันที่ 22 มีนาคม 2565 บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนการพันท่ออ่อนใต้ทะเลฝั่งตะวันตก การปฏิบัติงานในขั้นตอนนี้เป็นการดำเนินการเพื่อเสริมความแข็งแรงของท่ออ่อนใต้ทะเลฝั่งตะวันตก โดยบริษัทฯ ได้ทำความสะอาดพื้นผิวด้านนอกของท่ออ่อนโดยได้มีการพันด้วยเทปกาวชนิดพิเศษ และพันทับด้วยแผ่นไนลอน ซึ่งการปฏิบัติงานดังกล่าวนี้ เป็นไปตามแผนงานและมาตรฐานด้านความปลอดภัยของบริษัทฯ
บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าปฏิบัติการในทะเลที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล เพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวังคราบฟิล์มน้ำมันในทะเล ด้วยเรือปฏิบัติการเฝ้าระวังทั้งหมด 18 ลำอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย เรือปฏิบัติการ 12 ลำ ที่ดำเนินการกางทุ่นกักน้ำมัน (Boom) จำนวน 6 เส้น พร้อมเรือปฏิบัติการ 5 ลำ เรือสั่งการ 1 ลำ และโดรน (Drone) 1 เครื่อง โดยดำเนินการบินตรวจสอบฟิล์มน้ำมันในทะเล สามารถยืนยันได้ว่าไม่มีการพบคราบฟิล์มน้ำมันแต่อย่างใด
ปฏิบัติการในทะเลใกล้ชายฝั่ง
-เรือสนับสนุนจากกรมเจ้าท่า จำนวน 7 ลำ
-มีเรือเฝ้าระวังและตรวจสอบตลอดแนวชายฝั่ง จำนวน 2 ลำ ผลการตรวจสอบ ไม่พบคราบฟิล์มน้ำมัน
-มีการใช้ Drone บินตรวจสอบฟิล์มน้ำมันบริเวณชายฝั่ง จำนวน 2 เครื่อง ไม่พบคราบฟิล์มน้ำมัน
การปฏิบัติการบนชายฝั่ง
-บริษัทฯ จัดทีมทำความสะอาดบริเวณชายหาด พบทาร์บอลในปริมาณเล็กน้อย ซึ่งทีมงานได้มีการเก็บและนำมากำจัดที่บริษัทฯ ตามขั้นตอนต่อไป อีกทั้งยังได้ทำการไถพรวนด้วย
ความคืบหน้าและแผนการดำเนินงานจัดทำแผนฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 บริษัทฯ ได้เก็บตัวอย่างน้ำบริเวณหาดแม่รำพึง 4 จุด จากร้านป้ายาถึงลานหินขาวทุกจุด ค่าหน้างานอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ความคืบหน้าด้านการดำเนินงานกิจกรรมเพื่อสังคม การดำเนินงานจ่ายเงินช่วยเหลือสรุปยอดการจ่ายเงินช่วยเหลือ ณ วันที่ 23 มีนาคม 2565 แยกเป็นกลุ่มดังนี้
- ประมงพื้นบ้าน และกลุ่มประมง จำนวน 2,163 ลำ เป็นเงิน 98 ล้านบาท
- อาชีพอื่นๆ 1,201 ราย เป็นเงิน 18 ล้านบาท
-โรงแรม ท่องเที่ยว ร้านอาหาร 23 ราย เป็นเงิน 7 ล้านบาท
รวมทั้งสิ้น 3,387 ราย เป็นเงิน 122 ล้านบาท
ส่วนด้านสุขภาพ ไม่มีการยื่นคำร้อง
- วันที่ 22 มีนาคม 2565 ทีมงานกลุ่มอาชีพๆอื่น ลงพื้นที่ตรวจสอบเอกสารร้องเรียนร่วมกับ อบต.เพ เทศบาลเพ และเทศบาลนครระยอง
- วันนี้ 23 มีนาคม 2565 เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป SPRC จะดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือกลุ่มโรงแรม และร้านอาหารฝั่งบ้านเพ จำนวน 23 ราย เป็นเงิน 7.2 ล้านบาท ณ บ้านอาจารย์ บัญชา จ.ระยอง
- วันที่ 24 มีนาคม 2565 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป SPRC จะดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือลุ่มประมง จำนวน 400 ราย ณ โรงเรียนเทศบาลวัดปากน้ำ จ.ระยอง
การปฏิบัติงานในวันนี้และช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า การปฎิบัติการในทะเลบริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล บริษัทฯ จะยังคงดำเนินการปฏิบัติการในทะเล เพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวังคราบฟิล์มน้ำมันในทะเลที่บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล ด้วยเรือปฏิบัติการเฝ้าระวังทั้งหมด 18 ลำอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย เรือปฏิบัติการ 12 ลำ ที่ดำเนินการกางทุ่นกักน้ำมัน (Boom) จำนวน 6 เส้น พร้อมเรือปฏิบัติการ 5 ลำ เรือสั่งการ 1 ลำ และเรือตรวจสอบทางอากาศหรือโดรน (Drone) 1 เครื่อง
การปฎิบัติการในทะเลใกล้ชายฝั่ง
-ยังคงมีเรือสนับสนุนจากกรมเจ้าท่า จำนวน 7 ลำ
-ยังคงมีเรือเฝ้าระวังและตรวจสอบตลอดแนวชายฝั่ง จำนวน 2 ลำ
-ยังคงมีการใช้ Drone บินตรวจสอบฟิล์มน้ำมันบริเวณชายฝั่ง จำนวน 2 เครื่อง
ส่วนการปฎิบัติการบนชายฝั่ง
-ยังคงทำความสะอาดบริเวณชายหาด เก็บทาร์บอล และมีการไถพรวน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",23/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323164940171 จ.นครพนม จัดคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชนุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ให้บริการความรู้ แก้ไขปัญหาด้านการเกษตรครบจบที่เดียว,ที่บริเวณที่ว่าการอำเภอวังยาง อำเภอวังยาง จังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชนุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมให้บริการด้านการเกษตรครบจบที่เดียว โดยมีนางสาวกัญณฐา อภินนท์ธนา เกษตรจังหวัดนครพนม กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าร่วมพิธี โดยมีเกษตรกรในพื้นที่มารับบริการจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 100 ราย
สำหรับการจัดกิจกรรม คลินิกเกษตรเคลื่อนที่ฯ มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญเพื่อให้บริการแก่เกษตรกร เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการผลิตที่รวดเร็ว ทั่วถึง ครบถ้วน สอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร ซึ่งมีการบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานวิชาการ หน่วยงานส่งเสริม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพัฒนา แก้ไขปัญหาให้แก่เกษตรกรให้สามารถทำการผลิตทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยเป็นการปฏิบัติงานในเชิงรุกที่ทำให้เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายที่มีปัญหาได้รับบริการทางการเกษตร อาทิ การวิเคราะห์ดิน การวินิจฉัยโรคพืช โรคสัตว์ โรคสัตว์น้ำ รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและฝึกอบรมความรู้การเกษตรเสริมเพิ่มเติมควบคู่กันไป การให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ได้แก่ คลินิกดิน คลินิกพืช คลินิกข้าว คลินิกปศุสัตว์ คลินิกประมง คลินิกชลประทาน คลินิกสหกรณ์ คลินิกบัญชี คลินิกยางพารา คลินิกหม่อนไหม คลินิกปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม คลินิกอื่นๆ พร้อมจัดกิจกรรมเสริม คือ การเสริมสร้างความรู้ นิทรรศการตามความต้องการของเกษตรกร รวมทั้งกิจกรรมออกร้านจำหน่ายสินค้าแปรรูป สินค้าเกษตรจากกลุ่มเกษตรกร กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและภาคเอกชน การขยายพันธุ์พืช โดยให้เกษตรกรจะได้ฝึกปฏิบัติจริงเรียนรู้จริง โดยมีการสาธิตการขยายพันธุ์ต้นกระท่อม และพันธุ์พืชเศรษฐกิจใหม่ เช่น อ้อยคั้นน้ำ พันธุ์สายน้ำผึ้ง ซึ่งเกษตรกรจะได้รับความรู้ พร้อมกับรับมอบต้นกล้าพืชผัก ปัจจัยการผลิตต่างๆ ไปปลูกและปรับใช้ในพื้นที่การเกษตรของตนเองได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังได้มีการมอบพันธุ์ปลา มอบพันธุ์พืช ยารักษาสัตว์ เพื่อนำไปดูแลสัตว์เลี้ยงด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,23/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครพนม,สวท.นครพนม,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323165408174 ก.ทรัพย์ฯ กำหนดมาตรการประหยัดพลังงานเพื่อเร่งยกระดับแผนปฏิบัติการลดการใช้น้ำ ไฟฟ้า และน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อรับมาตรการรัฐบาลลดใช้พลังงาน,"กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดมาตรการประหยัดพลังงานเพื่อเร่งยกระดับแผนปฏิบัติการลดการใช้น้ำ ไฟฟ้า และน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อรับมาตรการรัฐบาลลดใช้พลังงาน
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กำชับให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนดมาตรการประหยัดพลังงานเพื่อเร่งยกระดับแผนปฏิบัติการลดการใช้น้ำ ไฟฟ้า และน้ำมันเชื้อเพลิงให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีและให้หน่วยงานปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ทั้งการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการประชุมและสัมมนา หรือตรวจราชการแบบออนไลน์ , จัดซื้อรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในราชการในส่วนสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ 5 คัน พร้อมสนับสนุนการปฏิบัติงาน ณ สถานที่พัก หรือ Work From Home อย่างเต็มความสามารถอย่างน้อยร้อยละ 70 ควบคู่กับมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังโควิด-19 โดยประสิทธิภาพของการดำเนินงานต้องคงเดิมหรือดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ ยังเน้นการปฏิบัติตามมาตรการประหยัดน้ำ พลังงานไฟฟ้า และน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่เดิมอย่างจริงจังมากขึ้นทุกระดับ เช่น ติดต่อราชการเส้นทางเดียวกันต้องไปด้วยกัน (Car Pool) , เปิดปิดเครื่องปรับอากาศ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องถ่ายเอกสาร และลิฟต์ตามกำหนดเวลาอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ 26 องศาเซลเซียส เปิดใช้เวลา 08.50 น. ปิดเวลา 16.00 น. รวมทั้ง ปิดไฟช่วงพักเที่ยง ปิดคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สำนักงานเมื่อไม่ใช้งาน , สลับการใช้ลิฟต์ตามเวลาที่กำหนด ปิดก๊อกน้ำให้สนิท ตรวจสอบมิเตอร์น้ำและอุปกรณ์ใช้น้ำให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน , การจัดทำแผนปฏิบัติการส่งเสริมคุณธรรมประจำปีตามแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2559-2564) ประจำปีงบประมาณ 2565 , โครงการประหยัดพลังงาน สานฝันสู่อนาคต
ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวย้ำว่า เพื่อให้การปฏิบัติตามมาตรการเป็นไปอย่างเข้มงวดและเกิดประโยชน์สูงสุด จึงได้กำชับให้หัวหน้าหน่วยงานควบคุม กำกับดูแล ปรับปรุงและแก้ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน ติดตามความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานทุก 2 เดือน พร้อมจัดทำรายงานและประเมินผลการใช้น้ำ ไฟฟ้า และน้ำมันเชื้อเพลิง ตามแผนปฏิบัติการฯรอบ 6 เดือน และรอบ 12 เดือน แล้วรายงานต่อหัวหน้าส่วนราชการอย่างเคร่งครัด
",23/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323165350173 เดินหน้าโครงการบัญชีต้นกล้า สู่วิถีเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ปลูกฝังให้รักการจดบันทึกบัญชี,"นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนิน โครงการต้นกล้าความดี สู่วิถีเศรษฐกิจพอเพียง จังหวัดเชียงใหม่ ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้ความสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบันเกษตรกรและประชาชน รวมไปถึงเด็กและเยาวชนได้มีองค์ความรู้ทางบัญชี ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเอง ครอบครัว ไปจนถึงคนในชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่ทุรกันดารที่ยังขาดโอกาส
การดำเนินโครงการ ต้นกล้าความดี สู่วิถีเศรษฐกิจพอเพียง ให้แก่เด็กและเยาวชน เกษตรกร และชุมชนในพื้นที่ทุรกันดาร ตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จึงเป็นโครงการที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ริเริ่มขึ้นตามพระราชประสงค์ที่จะให้เด็กและเยาวชนของชาติที่ยังขาดโอกาส ได้มีโอกาสเข้าถึงความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการ มีสุขภาพแข็งแรง ได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพ สามารถพัฒนาตนเองให้เป็นคนดี พึ่งพาตนเองและช่วยเหลือพัฒนาชุมชน ให้ทุกคนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
โดยส่งเสริมให้ครูและนักเรียนได้เรียนรู้วิธีการจดบันทึกบัญชี กิจกรรมสหกรณ์นักเรียน กิจกรรมผลิตผลทางการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันและมีความรู้ ความเข้าใจในหลักการของสหกรณ์ รวมทั้งการสอดแทรกสอนแนะการจัดทำบัญชีไว้ในกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ถ่ายทอดให้แก่ครูไปสู่นักเรียนเพื่อฝึกหัดให้เด็กและเยาวชนมีความรู้ ด้านการบัญชี รู้จักการคิดคำนวณเลข รู้จักวางแผนในการจำหน่ายสินค้าและผลผลิต ปลูกฝังให้รักการจดบันทึกบัญชี เป็นพื้นฐานสำคัญในการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันของตนเอง ครอบครัวและชุมชน ทำให้รู้จักการใช้บัญชีเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างยั่งยืน สร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นในโรงเรียน ครอบครัวและชุมชน
นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินโครงการเกษตรวิชญา ภายใต้โครงการส่งเสริมการจัดทำบัญชีแก่กลุ่มเป้าหมาย มุ่งเน้นให้มีการจัดทำบัญชีต้นทุนประกอบอาชีพ และนำข้อมูลจากการบันทึกบัญชีมาปรับใช้ในการวางแผนในการประกอบอาชีพได้อย่างเหมาะสม มีเหตุมีผล สร้างวินัยทางการเงินและพัฒนาคุณภาพชีวิตตามแนวทางของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
",23/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323201902285 เกษตรวิชญา สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรบนพื้นที่สูงได้กว่า 20 เปอร์เซ็นต์,"
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเยี่ยมชมการดำเนินงานโครงการเกษตรวิชญา จังหวัดเชียงใหม่ ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานที่ดินส่วนพระองค์ในพื้นที่สวนบ้านกองแห หมู่ที่ 4 ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 1,350 ไร่ ให้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการในลักษณะคลินิกเกษตร เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยและเทคโนโลยีการเกษตรจากในรูปแบบของศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีชุมชนเป็นศูนย์ฝึกอบรมและวิจัยพัฒนาการเกษตรให้เหมาะสมกับพื้นที่
สำหรับในปีนี้ เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟอะราบิกาในพื้นที่ พบปัญหามอดกาแฟทำลายผลผลิตกาแฟ จึงได้ดำเนินการถ่ายทอดความรู้เรื่อง การจัดการมอดกาแฟแบบผสมผสาน ให้กับเกษตรกรในพื้นที่จำนวน 20 ราย เพื่อให้เกษตรกรนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ในการผลิตกาแฟอะราบิกาต่อไป ซึ่งผลจากการดำเนินงานของกรมวิชาการเกษตรทำให้เกษตรกรผู้ปลูกอะโวคาโด ในพื้นที่ที่ได้รับการสนับสนุนอะโวคาโดพันธุ์ดีสามารถเพิ่มผลผลิตที่มีคุณภาพและมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ส่วนเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟจำนวน 40 รายที่ได้รับการถ่ายทอดความรู้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและขายได้ในราคาที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ทำให้เกษตรกรในพื้นที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ เป็นต้นแบบในการผลิตพืชบนพื้นที่สูงอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ มูลนิธิอมตะ และมูลนิธิ ICCF ประเทศสหรัฐอเมริกา พัฒนาและยกศักยภาพอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ให้เข้าสู่ระดับสากล (World Class) พร้อมเป็นต้นแบบให้กับอุทยานแห่งชาติอื่นๆ
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานมูลนิธิอมตะ และผู้เชี่ยวชาญจากมูลนิธิ ICCF ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมกันหารือแนวทางการพัฒนาโครงการอุทยานพี่ออุทยานน้องร่วมแบ่งปันทรัพยากรและองค์ความรู้ หรือ SPARK (Sister Parks Arrangement for Resources and Knowledge Sharing) เพื่อยกระดับการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่สู่ระดับสากล (World Class) และเป็นต้นแบบให้กับอุทยานแห่งชาติอื่นๆในประเทศไทยและภูมิภาค โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์และองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการนำมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทย พร้อมย้ำเจตนารมณ์ของประเทศไทยที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงไว้บนเวทีการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP 26) ที่ผ่านมาว่า ประเทศไทยมีเป้าหมายจะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2065 โดยการจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทั้งทางด้านการเงิน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการเพิ่มขีดความสามารถให้กับประเทศไทย ซึ่งความร่วมมือที่เกิดขึ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนให้ไทยไปสู่เป้าหมายดังกล่าวได้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาโครงการอุทยานพี่อุทยานน้องร่วมแบ่งปันทรัพยากรและองค์ความรู้ (SPARK) ระหว่างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และ Great Smoky Mountains National Park มีคณะผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติจากสหรัฐอเมริกาเข้ามาช่วยศึกษาระบบการบริหารจัดการอุทยาน และกำหนดแนวทางปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่มีขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกับ Great Smoky Mountains ไม่ว่าจะเป็นการจัดฝึกอบรมให้เจ้าหน้าที่ การพัฒนาเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระบบจัดการน้ำเสีย ระบบการจองที่พัก ขีดความสามารถการรองรับนักท่องเที่ยว การดูแลสัตว์ป่า การท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อพัฒนาชุมชน อาสาสมัคร การพัฒนาเว็ปไซต์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยปัจจุบันอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างประเทศหลายเส้นทาง คือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติไทย-สหรัฐอเมริกา , เส้นทางศึกษาธรรมชาติไทย-สวิตเซอร์แลนด์ และเส้นทางศึกษาธรรมชาติไทย-เยอรมนี
",23/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323175846195 กรุงเทพมหานคร เร่งฟื้นฟูคลองแสนแสบ สำรวจชุมชนเตรียมติดตั้งบ่อดักไขมัน,นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ประชุมติดตามความคืบหน้าแนวทางการพัฒนาคลองแสนแสบ โดยมีนายณรงค์ เรืองศรี รองปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยเลขานุการคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวกับการพัฒนาคลอง คณะทำงานสนับสนุนการพัฒนาคลองแสนแสบและคลองสาขาด้านการจัดการไขมัน สำนักงานเขต 21 เขต ที่มีพื้นที่ริมคลองแสนแสบและผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
ที่ประชุมรายงานความคืบหน้าการพัฒนาคลองแสนแสบและคลองสาขา ด้านการจัดการไขมันและรายงานการลงพื้นที่สำรวจแหล่งกำเนิดน้ำเสีย ชุมชนริมคลองฯ เพื่อพิจารณาคัดเลือกชุมชนที่จะติดตั้งถังดักไขมันตามที่ได้รับการสนับสนุนจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม
ส่วนการสำรวจแหล่งกำเนิดน้ำเสียจากโรงงาน ในพื้นที่ 18 เขต กรุงเทพมหานคร จะมีการลงพื้นที่สำรวจ ระหว่างวันที่ 2 มีนาคม- 5 เมษายน 2565 พร้อมตรวจวิเคราะห์ หากค่าเกินมาตรฐาน สำนักงานเขตจะออกคำสั่งปรับปรุง หรือดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ปลัดกรุงเทพมหานคร มอบหมายสำนักงานเขต 21 เขต ที่มีพื้นที่ริมคลองแสนแสบ สำรวจและรวบรวมข้อมูลสิ่งก่อสร้างรุกล้ำริมคลองแสนแสบและคลองสาขาให้เรียบร้อยโดยเร็ว พร้อมกำหนดแนวทางการบริหารจัดการรื้อย้ายโดยให้เป็นรูปแบบเดียวกัน รวมทั้งสำรวจบ้านเรือนประชาชนเพื่อทำการติดตั้งบ่อดักไขมัน โดยติดตั้งบ่อดักไขมันทุกระยะ 500 เมตร รวมถึงประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและรณรงค์ไม่ทิ้งขยะและน้ำเสียลงคลองอย่างต่อเนื่อง
นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอำเภอย่านตาขาว มอบหมายให้นางแพรวพรรณ ทองพิทักษ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ ร่วมกับนางกันยารัตน์ ก้านจันทร์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง ลงพื้นที่ขับเคลื่อนการอนุรักษ์พันธุกรรมระกำหวาน ณ ศูนย์การจัดการศัตรูพืชชุมชน หมู่ที่ 4 ตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง
ทั้งนี้ เกษตรกรในพื้นที่ตำบลทุ่งค่าย มีการปลูกระกำหวานมา 100 กว่าปี และได้เน้นให้เกษตรกรมีการจัดการสวนระกำหวานที่ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพผลผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น และเพื่ออนุรักษ์พันธุกรรมระกำหวานให้ดำรงอยู่ในพื้นที่ตำบลทุ่งค่ายต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,23/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323182831211 เกษตรกันตัง จังหวัดตรัง ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนวิสาหกิจชุมชน ตำบลโคกยาง อำเภอกันตัง,นายสรวง พรหมบุญทอง เกษตรอำเภอกันตัง พร้อมด้วยนางสาวอมรรัตน์ ชูเมฆ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนวิสาหกิจชุมชน ตำบลโคกยาง อำเภอกันตัง โดยเยี่ยมเยียนวิสากิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านน้ำฉา ม.8 ต.โคกยาง อ.กันตัง กลุ่มดำเนินกิจกรรมผลิตพริกแกง โดยทางกลุ่มได้รับงบประมาณสนับสนุนปัจจัยการผลิตจากโครงการยกระดับผลิตภัณฑ์และมาตรฐานเกษตรแปรรูปเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชน โดยทางกลุ่มจะผลิตพริกแกงส้ม พริกแกงพริก และพริกเแกงกะทิ ตามออร์เดอร์ทั้งจากในชุมชน และผ่านทางช่องทางออนไลน์ หากท่านใดสนใจสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่เพจเฟสบุค พริกแกงบ้านน้ำฉา หรือโทร 081 091 4019 คุณปุ้ย ประธานกลุ่ม
จากนั้นได้ไปเยี่ยมเนียนวิสาหกิจชุมชนกันตัง ม.8 ต.โคกยาง อ.กันตัง ทางกลุ่มดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการปลูกไม้เศรษฐกิจ ปลูกพืชกระท่อม มีการแปรรูปพืชกระท่อมเป็นแบบอัดเม็ด มีการวางแผนให้สมาชิกกลุ่มปลูกพืชกระท่อมป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตกระท่อมอัดเม็ด และรับซื้อจากภายนอกบ้างหากกำลังการผลิตไม่เพียงพอ นอกจากนี้ยังมีการแผนปรับภูมิทัศน์แปลงสาธิตปลูกพืชกระท่อมเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอีกด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,23/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323183042212 ผู้ว่าฯศรีสะเกษ พิธีเปิดโครงการ การปรับปรุงระบบการผลิตโคเนื้อ ด้วยเทคโนโลยีชีวภาพทางการสืบพันธุ์และองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีอาหารสัตว์ เพื่อเพิ่มอัตราการตั้งท้องของแม่โค ประจำปี 2565,วันที่ 23 มีนาคม 2565 ที่กลุ่มเกษตรกรเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนโคเนื้อยั่งยืนจังหวัดศรีสะเกษ บ้านกู่ หมู่ที่ 1 ตำบลกู่ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษนายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ การปรับปรุงระบบการผลิตโคเนื้อ ด้วยเทคโนโลยีชีวภาพทางการสืบพันธุ์และองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีอาหารสัตว์ เพื่อเพิ่มอัตราการตั้งท้องของแม่โค ประจำปี 2565 โดย สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัด ร่วมกับ คณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีแก่กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในพื้นที่อำเภอปรางค์กู่ และอำเภอขุขันธ์ มีสมาชิกเครือข่ายจำนวน 310 ราย
ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงผลสำเร็จที่เกิดจากโครงการ การปรับปรุงระบบการผลิตโคเนื้อ ด้วยเทคโนโลยีชีวภาพทางการสืบพันธุ์และองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีอาหารสัตว์เพื่อเพิ่มอัตราการตั้งท้องของแม่โค ในปีงบประมาณ 2564 และเพื่อแสดงแนวทางในการดำเนินงานโครงการในปีงบประมาณ 2565 เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ บุคลากรภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้รับความรู้และเข้าใจในองค์ความรู้การปรับปรุงระบบการผลิตโคเนื้อด้วยเทคโนโลยีชีวภาพทางการสืบพันธุ์และองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีอาหารสัตว์ รวมทั้งเพื่อให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือในการบริหารจัดการโคเนื้อ ในรูปแบบของ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ บุคลากรภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่
โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย ทีมวิจัยคณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องที่ ท้องถิ่น และกลุ่มเกษตรกรเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนโคเนื้อยั่งยืนจังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 60 คน ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวปฏิบัติตามมาตรการภายใต้การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของกระทรวงสาธารณสุข อย่างเคร่งครัด และมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิวัฒน์ พัฒนาวงศ์ และทีมวิจัยคณะสัตวศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ปศุสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ นายศรีสะเกษ สมาน รองเลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติ หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัด สภาเกษตรกรจังหวัด ผู้แทนเกษตรและสหกรณ์จังหวัด ประธานหอการค้าจังหวัด รักษาราชการแทนนายอำเภอปรางค์กู่ หัวหน้าส่วนราขการในสังกัดอำเภอปรางค์กู่ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อพปร. อสม. และกลุ่มเกษตรกรเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนโคเนื้อยั่งยืนจังหวัดศรีสะเกษ
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,23/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ศรีสะเกษ,สวท.ศรีสะเกษ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323192751248 กรมการค้าภายใน ประชุม 4 ฝ่าย หารือมาตรการ 3 ต่อ 1 ยังไม่ได้ข้อยุติ ,นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยผลการประชุมเพื่อพิจารณารายละเอียดการผ่อนคลายเงื่อนไขการนำเข้าข้าวสาลี จากเดิมหากนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน ต้องรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ 3 ส่วน เป็นไม่มีการกำหนดสัดส่วน เป็นการชั่วคราว ถึงวันที่ 31 กรกฎาคมนี้
โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 4 ฝ่ายคือ ผู้ปลูก ผู้เลี้ยง โรงงานอาหารสัตว์และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับปริมาณและช่วงเวลาที่เหมาะสมในการผ่อนคลายการนำเข้าดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อยุติ เนื่องจากสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ได้แจ้งขอลาประชุม จึงได้หารือร่วมกับผู้แทนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลังและข้าว รวมถึงตัวแทนสมาคมการค้าพืชไร่ ซึ่งทุกฝ่ายเข้าใจถึงสถานการณ์ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นและส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงรายย่อย พร้อมยินดีที่จะหารือถึงแนวทางการผ่อนปรนมาตรการดังกล่าว บนพื้นฐานข้อมูลที่ยอมรับร่วมกัน เพื่อให้มีวัตถุดิบเพียงพอต่อการผลิตและสามารถช่วยลดภาระราคาอาหารสัตว์ได้ อย่างไรก็ตาม กรมการค้าภายในจะได้นัดประชุมหารือและหาข้อยุติร่วมกันทุกฝ่ายโดยด่วนที่สุดต่อไป
วันนี้ (23 มี.ค.65) เวลา 14.00 น. นายวิรุธ คงเมือง ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินนครราชสีมา ร่วมกับเจ้าหน้าที่กลุ่มวางแผนการใช้ที่ดิน สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 3 จัดประชุมหารือการดำเนินงานเตรียมพื้นที่ทางด้านดิน : การจัดการดินและการวิเคราะห์ความอุดมสมบรูณ์ของดิน สำหรับการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก ปี 2572 (ค.ศ. 2029) จังหวัดนครราชสีมา ณ ห้องประชุม สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 3 ในการประชุมฯ ได้รับเกียรติจากนายประเสริฐ อนุพันธ์ ที่ปรึกษากรมวิชาการเกษตรด้านพืชสวนอุตสาหกรรม พร้อมด้วยคณะทำงานประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก ปี 2572 (ค.ศ. 2029) จังหวัดนครราชสีมาเข้าร่วมประชุมฯ ครั้งนี้ด้วย ซึ่งการจัดประชุมเป็นการหารือในประเด็นการเตรียมข้อมูลทางด้านดิน : การจัดการดินและการวิเคราะห์ความอุดมสมบรูณ์ของดิน เพื่อให้ทราบถึงข้อมูลผลการตรวจสอบดิน การวิเคราะห์ดิน ในบริเวณพื้นที่จัดงานฯ เพื่อการดำเนินงานในการปลูกต้นไม้ และพืชชนิดต่างๆ ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมให้มีสอดคล้องกับการดำเนินงานด้านต่างๆ ให้เกิดผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนผู้เข้าเยี่ยมชมงานมหกรรมพืชสวนโลก ปี 2572 (ค.ศ. 2029) จังหวัดนครราชสีมาต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,23/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323233147311 กรมควบคุมมลพิษเก็บตัวอย่างน้ำบาดาลชุมชนใกล้เคียงกับพื้นที่ที่มีการลักลอบฝังกลบของเสียอันตราย จังหวัดนครราชสีมา,วันนี้ (23 มี.ค.65) นายบัญชา ขุนสูงเนิน ผู้อำนวยการส่วนควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นางสาวอัจฉรา อิ่มมณี นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการ ร่วมกับ กรมควบคุมมลพิษ และเทศบาลตำบลสีมามงคล ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำบาดาลในพื้นที่หมู่ที่ 2 บ้านบุญบันดาล ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อพิสูจน์การปนเปื้อนซึ่งอาจเป็นผลกระทบจากการลักลอบฝังกลบของเสียอันตรายจากภาคอุตสาหกรรมในบริเวณชุมชนที่อยู่ใกล้เคียง
โดยการลงพื้นที่ดังกล่าว กรมควบคุมมลพิษได้เก็บตัวอย่างน้ำใต้ดินจากบ่อบาดาลของชุมชน ไปตรวจวิเคราะห์ จำนวน 4 ตัวอย่าง ซึ่งจะส่งผลการตรวจสอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ประโยชน์เพื่อการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำใต้ดิน การแจ้งเตือนประชาชน และใช้เป็นข้อมูลประกอบการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,23/3/2022,NULL,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220323233514313 คณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่จังหวัดระยอง ติดตามผลการดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีน้ำมันรั่วไหลจากท่อใต้ทะเล บริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเลระยอง,"ที่ห้องประชุมภักดีศรีสงคราม ชั้น 4 ศูนย์ราชการจังหวัดระยอง นายอภิชาติ ศิริสุนทร ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะได้เดินทางมาติดตามผลการดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีน้ำมันรั่วไหลจากท่อใต้ทะเลบริเวณทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเลในพื้นที่จังหวัดระยอง โดยมีตัวแทนกลุ่มประมงเรือเล็กพื้นบ้าน กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม/ที่พัก กลุ่มอาชีพอื่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมฯ
นายอภิชาติ ศิริสุนทร ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดิน ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่ว เมื่อคืนวันที่ 25 มกราคม 2565 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวและความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นอย่างมาก ซึ่งขณะนี้เวลาได้ผ่านไปเกือบครบ 2 เดือน ทางคณะกรรมมาธิการ จึงได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามและตรวจสอบ ความคืบหน้าเกี่ยวกับการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ การฟื้นฟูสภาพแวดล้อม การตรวจสอบข้อมูลปริมาณน้ำมันที่รั่วไหล รวมถึงปริมาณการใช้สารขจัดน้ำมัน และการควบคุมสถานการณ์ต่างๆว่า มีความความคืบอย่างไร
นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า จังหวัดระยอง ได้ตั้งคณะกรรมการกำกับ ติดตามและคณะทำงานประสานการดำเนินการชดใช้ค่าเสียหาย ระหว่างบริษัทสาตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) กับผู้ได้รับผลกระทบ จำนวน 4 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม/ที่พักและร้านอาหาร กลุ่มประมง กลุ่มสุขภาพ และกลุ่มผู้ประกอบการอาชีพต่างๆ ซึ่งขณะนี้ มีผู้ได้รับผลกระทบ ยื่นเรื่องร้องเรียน ผ่านศูนย์รับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ จำนวนทั้งสิ้น 14,203 ราย ขณะที่บริษัท ได้จ่ายเงินช่วยเหลือไปแล้ว จำนวน 2,981 ราย ประกอบด้วย กลุ่มประมงพื้นบ้าน 1,781 รายๆ ละ 45,000 บาท และกลุ่มอาชีพอื่นๆ อีก1,201 ราย ๆ ละ 15,000 30,000 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 98 ล้านบาท ยังเหลือกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม/ที่พักและร้านอาหาร กำลังอยู่ระหว่างตกลงเจรจากัน นอกจากนี้ ในส่วนของการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังอยู่ระหว่างสำรวจความเสียหายและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ส่วนกรณีปริมาณน้ำมันรั่วที่ยังเป็นข้อสงสัยนั้น ได้แถลงข่าวไปแล้วว่ามีปริมาณ 49,000 ลิตร แต่ยังไม่มีใครเชื่อ เนื่องจากทางบริษัท แถลงออกมา 3 ครั้ง มีตัวเลขไม่ตรงกัน จึงยังเป็นปัญหาว่า ยังหาข้อสรุปตรงนี้ไม่ได้
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",24/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324095414361 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ กทม. และปริมณฑลคุณภาพอากาศดีทุกพื้นที่จากฝนที่ตกช่วยลดการสะสมของฝุ่นลงได้,ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลคุณภาพอากาศดีทุกพื้นที่จากฝนที่ตกช่วยลดการสะสมของฝุ่นลงได้
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (24 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีมาก โดยค่าฝุ่นปรับตัวลดลงจากฝนที่ตกลงมา ทำให้ทุกพื้นที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 25 - 31 มีนาคม แล้วต้องเฝ้าระวังช่วงวันที่ 25 - 27 มีนาคมภาคเหนือมีโอกาสเกิดฝนตกหลายพื้นที่
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมาก โดยค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศเปิด มีลมพัด และฝนตกช่วยลดการสะสมของฝุ่นลง ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานถึงวันที่ 25 - 31 มีนาคม
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
,24/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324095451363 ชวนเที่ยวตลาดปลาจตุจักร ชมงานประกวดปลาสวยงาม กระตุ้นเศรษฐกิจปลาสวยงามหลังได้รับผลกระทบโควิด-19,นายถาวร ทันใจ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวในฐานะโฆษกกรมประมงว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาประเทศไทย มีการจัดประกวดปลาสวยงามมาอย่างยาวนานโดยเฉพาะปลากัด ปลาทอง ปลาหางนกยูง และปลาหมอสีครอสบรีด เนื่องจากเป็นปลาสวยงามที่เกษตรกรและผู้เพาะเลี้ยงสามารถพัฒนาสายพันธุ์ได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นปลาสวยงามที่เป็นความต้องการของตลาด แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถจัดงานประกวดปลาสวยงามได้ ส่งผลให้ธุรกิจปลาสวยงามได้รับผลกระทบจากการขาดช่องทางประชาสัมพันธ์ ซึ่งก่อให้เกิดการ กระตุ้นการซื้อขาย รวมถึงการนำเข้าส่งออก
กรมประมง จึงได้ร่วมกับตลาดปลาจตุจักรและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องจัดงานนี้ขึ้น สำหรับการประกวดปลาสวยงาม ตลาดปลาจตุจักร กำหนดจัดขึ้น ณ ลานเร่ ตลาดปลาจตุจักร โดยแบ่งการประกวดออกแบ่งเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงที่ 1 ในระหว่างวันที่ 24 - 27 มีนาคม 2565 จัดประกวดปลากัดสวยงาม 14 ประเภท และปลาหมอสีครอสบรีด 7 ประเภท และช่วงที่ 2 ในระหว่างวันที่ 31 มีนาคม - 3 เมษายน 2565 จัดประกวดปลาทอง 3 ประเภท และปลาหางนกยูง 8 ประเภท
นอกจากการจัดประกวดปลาสวยงามแล้ว กรมประมงได้มีการจัดนิทรรศการด้านประมงในหัวข้อที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การพัฒนาสายพันธุ์ปลาสวยงาม การผลิตอาหารปลาสวยงามอย่างง่ายด้วยอุปกรณ์ในครัวเรือน การขึ้นทะเบียน GAP เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดให้บริการคลินิกโรคสัตว์น้ำเคลื่อนที่ เพื่อให้คำปรึกษาด้านสุขภาพสัตว์น้ำและการตรวจโรคสัตว์น้ำเบื้องต้น บริการรับขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมถึงการเปิดร้าน Fisherman Shop เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำจากชาวประมงและเกษตรกรที่มีคุณภาพ ราคาถูกและผ่านมาตรฐานการรับรองจากกรมประมง
,24/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324104751396 กอนช. ขอให้ประชาชนตอนบนของประเทศระวังเกิดฝนตกและลมกระโชกแรง ส่วนภาคอีสานและภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง,"
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนตอนบนของประเทศระวังเกิดฝนตกและลมกระโชกแรง ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (24 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรง , ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.ชัยนาท 116 มิลลิเมตร , นราธิวาส 81 มิลลิเมตร และยะลา 91 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 27,820 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 48 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 21,940 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 46 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
",24/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324100158369 พาณิชย์แพร่ แจ้งราคาหอมแดง กระเทียม และขิง,สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแพร่ แจ้งสถานการณ์ราคาหอมแดง กระเทียม และขิง ราคาทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง
นางอารีย์ เหลืองหิรัญ พาณิชย์จังหวัดแพร่ เปิดเผยว่า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแพร่ แจ้งสถานการณ์การราคาสินค้า ณ วันที่ 22 มีนาคม 2565 ราคาหอมแดง และกระเทียมแกะกลีบ โดยหอมแดง ราคา 40-50 บาท/กิโลกรัม และกระเทียมแกะกลีบ ราคา 90-100 บาท/กิโลกรัม ราคาทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนกระเทียมมัดจุกผลผลิตจะเริ่มออกสู่ท้องตลาดในช่วงเดือนเมษายนนี้ ราคาขิง ขิงแก่ ราคา 30-40 บาท/กิโลกรัม ราคาทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนขิงอ่อน ผลผลิตจะเริ่มออกสู่ท้องตลาดในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,24/3/2022,ภาคเหนือ,แพร่,สวท.แพร่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324103349388 ระดมทีมพาณิชย์ แก้ปัญหาราคาปุ๋ยเคมี-อาหารสัตว์ หลังรัสเซียประกาศหยุดส่งออก,"นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เปิดเผยถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ว่า เป็นเหตุการณ์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ในเชิงเศรษฐกิจและการค้าไปทั่วโลก หากสงครามมีความยืดเยื้อ จะทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาวะเงินเฟ้อในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยมีความรุนแรงมากขึ้น กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย
ด้านสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศไทย-รัสเซีย รัสเซียเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 30 ของไทย ซึ่งในปี 2564 มีมูลค่าการค้ารวม 88,167 ล้านบาท ไทยส่งออก 32,508 ล้านบาท และนำเข้า 55,660 ล้านบาท ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าเกษตรจากรัสเซีย คิดเป็นมูลค่า 2,720 ล้านบาท
ส่วนไทย-ยูเครน ยูเครนเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 63 ของไทย ซึ่งในปี 2564 มีมูลค่าการค้า 12,428 ล้านบาท ไทยส่งออก 4,229 ล้านบาท และนำเข้า 8,200 ล้านบาท โดยการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังยูเครน คิดเป็นมูลค่า 1,165 ล้านบาท จะเห็นได้ว่า ไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบดุลการค้าให้กับรัสเซียและยูเครนมาโดยตลอด โดยสินค้าเกษตรที่ส่งออกไปยังรัสเซียและยูเครนส่วนใหญ่ เช่น สับปะรดปรุงแต่ง พืชผัก ผลไม้ ลูกนัต เปลือกผลไม้และส่วนอื่นของพืช แช่อิ่ม เชื่อมหรือฉาบ เนื้อปลาอื่นๆ แช่เย็นจนแข็ง เป็นต้น ส่วนสินค้าเกษตรที่นำเข้าจากรัสเซีย เช่น สินค้าประมงแช่แข็ง บักก์วีต ข้าวฟ่างนกเขา
สำหรับผลกระทบด้านเศรษฐกิจการเกษตรของประเทศไทย ในกรณีรัสเซีย ประเมินว่า เป็นโอกาสของไทยในการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่รัสเซียมีความต้องการสูง อย่างไรก็ตาม ไทยต้องคำนึงถึงการแสดงท่าทีของประเทศในสถานการณ์สงครามให้เหมาะสม เนื่องจากที่ผ่านมา ไทยแสดงจุดยืนที่เป็นกลางมาโดยตลอดผลกระทบด้านเศรษฐกิจการเกษตร กรณียูเครน การส่งออกสินค้าเกษตรไทยไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่จะได้รับผลกระทบในด้านการนำเข้าสินค้าเกษตรบางชนิด เนื่องจากไทยมีสัดส่วนการนำเข้าจากยูเครนในระดับสูง จึงต้องเตรียมมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการที่ราคาวัตถุดิบเหล่านี้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือไม่สามารถนำเข้าจากยูเครนได้
สำหรับสถานการณ์ล่าสุด รัสเซียได้ประกาศห้ามส่งออกปุ๋ยเคมีทั้งหมด ซึ่งรัสเซียเป็นประเทศผู้ผลิตปุ๋ยเคมีในอันดับที่ 2 ของโลก รองจากแคนาดา จึงอาจทำให้ราคาปุ๋ยเคมีในตลาดโลกและในประเทศปรับตัวสูงขึ้นอีก ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและเกษตรกรของไทย
ภาครัฐ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือเพื่อแก้ไขปัญหาราคาปัจจัยการผลิตที่เพิ่มขึ้น ทั้งปุ๋ยเคมีและอาหารสัตว์ โดยกำหนดแนวทางคือ ปุ๋ยเคมี การแก้ไขปัญหาปุ๋ยขาดแคลน กระทรวงพาณิชย์จะพิจารณาปรับราคาจำหน่ายปุ๋ยเคมีซึ่งเป็นสินค้าควบคุมให้สอดคล้องกับต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น เพื่อให้ภาคเอกชนนำเข้าปุ๋ยเคมีเพิ่มขึ้น และป้องกันปัญหาปุ๋ยเคมีขาดตลาด การแก้ไขปัญหาปุ๋ยราคาแพง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเร่งถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับเกษตรกรเกี่ยวกับการใช้ปุ๋ยที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูง 4 ถูก ถูกสูตร ถูกอัตรา ถูกเวลา ถูกวิธี และเร่งผลิตปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยชีวภาพให้ได้จำนวน 5 ล้านตัน เพื่อทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมี
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจการเกษตรของไทย จะได้รับผลกระทบทางตรงจากการที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิดปรับตัวสูงขึ้น เช่น ปุ๋ยเคมี วัตถุดิบอาหารสัตว์ น้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัจจัยการผลิตหลักในการผลิตสินค้าเกษตร ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทยไปยังรัสเซียและยูเครนในปี 2565 มีแนวโน้มลดลงจากปี 2564 ประมาณร้อยละ 70-90 เนื่องจากปัญหาในด้านการขนส่งและการกระจายสินค้า ประกอบกับกำลังซื้อที่ลดลงมาก
",24/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324145821504 กำลังพลทหารจิตอาสา มทบ.32 ร่วมกับชุมชนจิตอาสา ทำแนวป้องกันไฟป่ารอบดอยพระบาท,"
พลตรีอโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 มอบหมายให้ พันเอกกวิน ยาวิชัย รองเสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 32 นำกำลังพลทหารจิตอาสามณฑลทหารบกที่ 32 พร้อมอุปกรณ์ดับไฟป่า ร่วมกิจกรรมทำแนวกันไฟรอบดอยพระบาทของหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อป้องกันมลภาวะจากไฟป่าและหมอกควันอำเภอเมืองลำปาง ปี 2565 ณ จุดตรวจจุดสกัดบ้านปงอ้อม หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านเสด็จ อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง โดยมี นายธนารัฐ สายเทพ นายอำเภอเมืองลำปาง เป็นประธานเปิดกิจกรรมฯ การทำแนวกันไฟ เพื่อจะช่วยปกป้องผืนป่าในบริเวณพื้นที่เสี่ยง เป็นการป้องกันมิให้เกิดไฟป่าจากผู้บุกรุก ลักลอบเข้าจุดไฟเผา ซึ่งอาจเกิดลุกลามสร้างความเสียหายและส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ มณฑลทหารบกที่ 32 ได้สนับสนุนและบูรณาการเพื่อร่วมป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน ร่วมกับทุกภาคส่วน ได้แก่ อำเภอเมืองลำปาง, องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเสด็จ, กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองลำปาง ที่ 1 เครือข่ายไฟป่าบ้านปงอ้อม, ประชาชนบ้านทรายทอง, บ้านห้วยน้ำเค็ม ตำบลบ้านเสด็จ และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อาทิ อุทยานแห่งชาติเขลางค์บรรพต และสถานีควบคุมไฟป่าพระบาท-ม่อนพระยาแช่ฯ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",24/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324113955420 ผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์ เปิดงาน Field day ที่ ศพก.อำเภอทับสะแก เสริมศักยภาพเกษตรกรเรียนรู้เทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร,ที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) อ.ทับสะแก หมู่ที่ 2 ต.เขาล้าน อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day) ปี 2565 มี นายวันชัย นิลวงศ์ เกษตรจังหวัดฯ หัวหน้าส่วนราชการ เกษตรกรในพื้นที่ อ.ทับสะแก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ อ.บางสะพาน และ อ.บางสะพานน้อย เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 120 คน เพื่อเปิดโอกาสการเรียนรู้เทคโนโลยีการผลิตใหม่ๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร และการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ของตนเอง ตลอดจนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเกษตรกรด้วยกันเอง รวมทั้งนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ซึ่งเป็นตัวแทนจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และการจัดงาน Field day ยังถือเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ในปีการผลิต 2565/2566 โดยกำหนดจัดงานรวม 2 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 ดำเนินการจัดในวันนี้ที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร อ.ทับสะแก และครั้งที่ 2 ในวันที่ 21 เมษายน 2565 ที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร อ.หัวหิน หมู่ที่ 11 ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน ซึ่งการจัดงาน Field Day จะมีกิจกรรมหลักที่แตกต่างกัน โดยคำนึงถึงกิจกรรมการเกษตรที่สำคัญในพื้นที่ และฤดูกาลผลิตที่เหมาะสม
สำหรับการจัดงาน Field Day ที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร อ.ทับสะแก มีกิจกรรมหลัก คือ การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่เกษตรมูลค่าสูง และสร้างความยั่งยืนในสวนมะพร้าว โดยมีการจัดสถานีถ่ายทอดความรู้ จำนวน 4 สถานีเรียนรู้ ประกอบด้วย สถานีเรียนรู้ที่ 1 การใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรกลในการจัดการสวนมะพร้าว สถานีเรียนรู้ที่ 2 การดูแลรักษาสวนมะพร้าว และการป้องกันกำจัดศัตรูมะพร้าว สถานีเรียนรู้ที่ 3 การสร้างรายได้เสริมในสวนมะพร้าว สถานีเรียนรู้ที่ 4 การสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอองค์ความรู้ และบริการการเกษตรอื่นๆ จากหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การแสดงและจำหน่ายสินค้าของกลุ่มแม่บ้านเกษตรร วิสาหกิจชุมชน และเกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer)
ปัจจุบัน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้จัดตั้งศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร จำนวน 8 ศูนย์ใน 8 อำเภอ และมีศูนย์เรียนรู้เครือข่ายจำนวน 155 ศูนย์ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรของชุมชนที่สอดคล้องกับสินค้าเกษตรหลักและเหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่ ซึ่งองค์ความรู้ของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรนั้น เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีสมัยใหม่ และภูมิปัญญาท้องถิ่น ตลอดจนน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเป็นแนวทางในการทำการเกษตรและการดำเนินชีวิตของเกษตรกร และขยายผลนำไปประยุกต์ใช้ได้กว้างขวางยิ่งขึ้น รวมทั้งยังเป็นจุดบริการข้อมูลข่าวสารและบริการด้านการเกษตรต่างๆ แก่เกษตรกรในพื้นที่อีกด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,24/3/2022,ภาคตะวันตก,ประจวบคีรีขันธ์,สวท.ประจวบคีรีขันธ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324115939435 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เร่งเดินหน้าก้าวสู่ภาคเกษตรมูลค่าสูง ร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ,นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในงานแถลงข่าววันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 43 ปี ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า ปี 2564 เป็นอีกปีหนึ่งที่ทั่วโลกและประเทศไทยยังต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงยืดเยื้อ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมภาคบริการ และภาคเกษตร ต้องเร่งปรับตัวและเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนผ่านจากชีวิตวิถีใหม่ ไปสู่ชีวิตวิถีถัดไป ที่ผ่านมาได้ดำเนินการขับเคลื่อนงานที่สำคัญตามยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายของรัฐบาล ซึ่งสอดคล้องกับบริบทการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น พร้อมบูรณาการกับทุกหน่วยงานในการผลักดัน 5 ยุทธศาสตร์หลักของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกอบด้วย ตลาดนำการผลิต เทคโนโลยีเกษตร 4.0 แนวทาง 3S คือ Safety-Security-Sustainability บริหารเชิงรุกแบบบูรณาการโมเดล เกษตร-พาณิชย์ทันสมัย และเกษตรกรรมยั่งยืนตามแนวทางศาสตร์พระราชา ตลอดจนขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Model ด้านการเกษตร
สำหรับปีนี้ ในฐานะเนวิเกเตอร์ ด้านเศรษฐกิจการเกษตร มีความพร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจเพื่อผลักดันให้ภาคเกษตรเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ และพร้อมจะร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรในทุกมิติ ทั้งด้านการพัฒนา Big Data สารสนเทศด้านการเกษตร งานวิจัยที่มีความทันสมัย และแผนพัฒนาการเกษตรในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายและการวางแผนที่มีประสิทธิภาพ มีการดำเนินงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตลอดจนติดตามและประเมินผลโครงการสำคัญ เพื่อการทบทวนและปรับปรุงการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม จะเร่งเดินหน้าปฏิบัติภารกิจ เพื่อให้ภาคเกษตรไทยก้าวสู่ภาคเกษตรมูลค่าสูง ฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต และสร้างความมั่นคงในอาชีพให้กับเกษตรกรไทย
,24/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324142122473 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลง ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านลดลงเช่นกัน,"สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลง ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านลดลงเช่นกัน
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (23 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศเพียง 68 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่เกษตร 37 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 12 จุด // พื้นที่เขต สปก. 11 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 7 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 1 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด คือ พิษณุโลก 13 จุด , พิจิตร 8 จุด และนครสวรรค์ 6 จุด โดยจุดความร้อนยังคงเกิดขึ้นบริเวณภาคกลางตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีฝนตกจากพายุฝนฟ้าคะนอง ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 23 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 11,714 จุด , ภาคเหนือ 10,835 จุด และภาคกลาง 6,229 จุด ส่วนค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 วันนี้ทุกจังหวัดทั่วประเทศยังคงมีค่าเฉลี่ยคุณภาพอากาศอยู่ในระดับดีมาก
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเวียดนามวันนี้พบ 137 จุด รองลงมาเป็น สปป.ลาว 117 จุด และกัมพูชา 93 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดน จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",24/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324115248431 พัฒนาสหกรณ์ให้เข้มแข็ง มีศักยภาพในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้น ให้เบ็ดกับสหกรณ์ แปรรูปสร้างรายได้,"นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยตรวจเยี่ยมสหกรณ์การเกษตรโหล่งขอดสามัคคี จำกัด ว่า สหกรณ์การเกษตรโหล่งขอดสามัคคี จำกัด ได้ขับเคลื่อนงานนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ด้านการพัฒนาสหกรณ์ให้เกิดความเข้มแข็ง ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกรมส่งเสริมสหกรณ์เพื่อก่อสร้างลานตาก คอนกรีตเสริมเหล็ก พื้นที่ไม่น้อยกว่า 3,200 ตารางเมตร เพื่อใช้รวบรวมผลผลิตทางการเกษตร อาทิ ข้าว มันฝรั่ง ลำไย มะม่วง ของสมาชิกสหกรณ์และเกษตรทั่วไป ซึ่งมีการใช้ประโยชน์จากสิ่งก่อสร้างหมุนเวียนตลอดทั้งปี ส่งผลให้สามารถลดต้นทุน เพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร สมาชิกสหกรณ์ รวมทั้งมีการวางแผนการใช้ประโยชน์จากสิ่งก่อสร้างให้มีความคุ้มค่าสูงสุด ช่วยเหลือสมาชิกและเกษตรกรในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึงต่อไป
ชื่นชมสหกรณ์การเกษตรโหล่งขอดสามัคคี จำกัด และสหกรณ์ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ให้ความสำคัญและให้ความร่วมมือในการดำเนินการตามนโยบายต่างๆ ให้เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมจัดเก็บและแปรรูป จำหน่าย กระจายผลผลิตทางการเกษตรในพื้นที่ให้เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างสหกรณ์ด้วยกัน มีการให้บริการสมาชิกเพื่อลดต้นทุนและสร้างรายได้ให้กับสมาชิกสหกรณ์ รวมถึงลดการใช้สารเคมีอันตรายและส่งเสริมให้มีการผลิต การตลาด สินค้าเกษตรปลอดภัย
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบอุปกรณ์การตลาด สิ่งก่อสร้าง ภายใต้โครงการปรับโครงสร้างการผลิต การรวบรวม การแปรรูป ของสถาบันเกษตรกร รองรับผลผลิตทางการเกษตร ปีงบประมาณ 2564 ให้แก่สถาบันเกษตรกร 8 แห่ง รวมมูลค่า 65 ล้านบาท ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้มอบในวันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะเป็นเครื่องมือพื้นฐาน นำมาใช้รวบรวมผลผลิตการเกษตรไปปรับปรุงศักยภาพของตนเอง เพื่อพัฒนาสหกรณ์ให้เข้มแข็งและมีศักยภาพในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้น เป็นการให้เบ็ดกับสหกรณ์
",24/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324144912490 จังหวัดลำพูนเตรียมพร้อมรับมือในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ,"
จังหวัดลำพูน เตรียมพร้อมรับมือในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาภัยแล้ง เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีน้ำใช้ในการเกษตร รวมถึงเพื่อใช้ในการอุปโภค บริโภค อย่างเพียงพอในช่วงฤดูแล้งนี้
ที่ศูนย์ราชการจังหวัดลำพูน นายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานในการรับมอบถังน้ำ 10,500 ลิตร จำนวน 2 ถัง พร้อมทั้งมอบโล่ และหนังสือขอบคุณแก่ นายสมาน คุณากรไพบูลย์ศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทเกรียงถาวร คอนเทนเนอร์ จำกัด และนางเพียงพร คุณากรไพบูลย์ศิริ ภริยา พร้อมคณะฯ ที่มีความตั้งใจในการมอบสิ่งของเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาในด้านความเป็นอยู่ ตลอดจนผู้ยากไร้ ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ในการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ทั้งยังเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาภัยการขาดแคลนน้ำในหมู่บ้าน ชุมชน ประชาชนจังหวัดลำพูน มีน้ำกินน้ำใช้ อย่างเพียงพอในช่วงภัยแล้ง ซึ่งจังหวัดลำพูนได้มีการเตรียมความพร้อม ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยมีการตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดลำพูน (ภัยแล้ง) ประจำปี 2565 พร้อมทั้งมีการเข้าสำรวจพื้นที่ ในการจัดทำแผน เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ในการบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงภัยแล้งให้มีน้ำใช้เพื่อการเกษตร รวมถึงเพื่อใช้ในการอุปโภค บริโภคอย่างเพียงพอในช่วงภัยแล้งนี้
จากนั้น นายสมาน คุณากรไพบูลย์ศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทเกรียงถาวร คอนเทนเนอร์ จำกัด และนางเพียงพร คุณากรไพบูลย์ศิริ ภริยา ได้มอบถังน้ำ 10,500 ลิตร จำนวน 2 ถัง มูลค่า 84,000 บาท เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ภายในศูนย์ราชการจังหวัดลำพูนแห่งใหม่ โดยมีนายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานพร้อมด้วย นายอนุพงษ์ วาวงศ์มูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมรับมอบในครั้งนี้
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",24/3/2022,ภาคเหนือ,ลำพูน,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324134225462 เร่งพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคลัมปี สกิน สายพันธุ์ไทยในโค-กระบือ ลดค่าใช้จ่ายสร้างความมั่นคงด้านวัคซีน,"นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เผยความคืบหน้าการผลิตวัคซีนโรคลัมปี สกิน ในโค-กระบือ สำหรับใช้ป้องกันและควบคุมโรคกรณีฉุกเฉิน โดยหน่วยพัฒนาวัคซีนของกรมปศุสัตว์ ที่ให้ผลการการทดลองประสิทธิภาพเบื้องต้นมีความคุ้มโรคเทียบเท่าวัคซีนจากต่างประเทศ คาดว่าวัคซีนชุดแรกแล้วเสร็จช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2565 ในราคาต้นทุนโดสละ 9 บาท ซึ่งเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการป้องกันโรคให้แก่เกษตรกร และเป็นการสร้างความมั่นคงทางวัคซีนของไทยอีกด้วย
จากปัญหาการเกิดโรคลัมปี สกิน ในโค-กระบือ และเป็นการสร้างความมั่นคงทางด้านวัคซีน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์วิจัยและพัฒนาวัคซีนโรคลัมปี สกิน กรมปศุสัตว์ โดยสำนักเทคโนโลยีชีวภัณฑ์สัตว์และสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ สำหรับใช้ป้องกันและควบคุมโรคกรณีฉุกเฉิน ได้เริ่มดำเนินการพัฒนาวัคซีนในระดับห้องปฏิบัติการ มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 โดยสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ สามารถแยกไวรัสจากตัวอย่างสัตว์ป่วยในประเทศมาเพาะเลี้ยงในห้องทดลองได้สำเร็จ และส่งหัวเชื้อไวรัสต่อให้สำนักเทคโนโลยีชีวภัณฑ์สัตว์ นำมาขยายปริมาณไวรัสในเซลล์เพาะเลี้ยงและผลิตเป็นแอนติเจนที่หมดฤทธิ์ในการก่อโรค จากนั้นได้ทดลองผลิตเป็นวัคซีน 2 สูตรได้แก่ วัคซีนเชื้อตายในรูปแบบชนิดน้ำและวัคซีนเชื้อตายชนิดน้ำมัน โดยผลการทดลองในสัตว์ตามวิธีมาตรฐานการผลิตวัคซีน แสดงให้เห็นว่าวัคซีนทั้ง 2 สูตร มีความปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ในสัตว์
ปัจจุบันกรมปศุสัตว์ เดินหน้าขยายกำลังการผลิตวัคซีนจากระดับห้องปฏิบัติการ สู่ระดับกึ่งอุตสาหกรรม ด้วยเทคโนโลยีการผลิตในขวดเพาะเลี้ยงเซลล์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีดั้งเดิมของการผลิตวัคซีนโรคปากและเท้าเปื่อย และที่สำนักเทคโนโลยีชีวภัณฑ์สัตว์มีองค์ความรู้และมีบุคลากรที่มีความชำนาญ โดยเทคโนโลยีการผลิตดังกล่าวสามารถรองรับปริมาณการผลิตวัคซีนที่ 50,000-100,000 โดสต่อเดือน โดยตลอดกระบวนการผลิตใช้ระยะเวลาประมาณ 2 เดือนเศษ และคาดว่าจะผลิตวัคซีนชุดแรกแล้วเสร็จช่วงประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2565 ในราคาต้นทุนโดสละ 9 บาท ในช่วงปีแรก สามารถผลิตวัคซีนได้ มีมูลค่า 6 ล้านบาท หากต้องนำเข้าจากต่างประเทศต้องใช้งบประมาณถึง 27 ล้านบาท จะช่วยประหยัดงบประมาณแผ่นดินได้มากถึง 21 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มีปริมาณวัคซีนเพียงพอต่อความต้องการใช้ สำหรับการควบคุมและป้องกันภายในประเทศ รวมถึงสัตว์นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน กรมปศุสัตว์ได้ศึกษาความเป็นไปได้เพื่อขยายกำลังการผลิตวัคซีนดังกล่าว ให้สามารถผลิตได้เดือนละ 5 แสน ถึงกว่า 1 ล้านโดส ซึ่งจะทราบผลการศึกษาในช่วงกลางปี 2566 หากกำลังการผลิตเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด จะสามารถช่วยลดการนำเข้าวัคซีนจากต่างประเทศได้มากถึงปีละ 8 ล้านโดส ซึ่งต้องใช้งบประมาณถึง 360 ล้านบาท
การที่กรมปศุสัตว์สามารถผลิตวัคซีนโรคลัมปี สกิน เองได้ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศได้กว่าปีละ 280 ล้านบาท อีกทั้งสามารถส่งขายให้กับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนได้อีกด้วย นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงยังนำไปสู่การกำจัดโรคลัมปี สกิน ให้หมดไปจากประเทศไทยได้อย่างถาวรในอนาคต
",24/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324144445485 จังหวัดสงขลา เปิดกิจกรรมลงแขกเกี่ยวข้าว กลุ่มเกษตรกรทำไร่นาสวนผสมปฏิรูปที่ดินสะพานไม้แก่น อำเภอจะนะ เพื่อร่วมสืบสานและอนุรักษ์วิถีชีวิตการทำนาแบบดั้งเดิม,
วันนี้ (24 มี.ค.65) ณ บริเวณแปลงข้าว กลุ่มเกษตรกรทำไร่นาสวนผสมปฏิรูปที่ดินสะพานไม้แก่น ตำบลสะพานไม้แก่น อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา นายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดกิจกรรมเกี่ยวข้าว กลุ่มเกษตรกรทำไร่นาสวนผสมปฏิรูปที่ดินสะพานไม้แก่น เพื่อร่วมสืบสานและอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมการลงแขกเกี่ยวข้าวแบบดั้งเดิม โดยมีว่าที่พันตรี ยุทธา เจ้าดูรี นายอำเภอจะนะ นายมนุชาธิป วรกาญจนานนท์ สหกรณ์จังหวัดสงขลา สมาชิกวุฒิสภา เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชาวบ้านในพื้นที่เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
โอกาสนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้มอบเมล็ดพันธุ์ข้าวให้แก่ประธานกลุ่มเกษตรกรทำไร่นาสวนผสมปฏิรูปที่ดินสะพานไม้แก่น พร้อมทั้งได้กล่าวชื่นชมกลุ่มเกษตรกร ที่ได้ปรับพื้นที่ว่างเปล่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้และลดรายจ่ายให้กับประชาชน โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับหมู่บ้านและชุมชนใกล้เคียง จากนั้นได้นำผู้เข้าร่วมกิจกรรมร่วมลงแขกเกี่ยวข้าว ซึ่งมีพื้นที่ปลูกทั้งหมดจำนวน 5 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าวนก ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวสำหรับนำไปเป็นอาหารนกเขาชวา จำนวน 2 ไร่ และปลูกข้าวเล็บนกไว้สำหรับบริโภค จำนวน 3 ไร่ โดยทำการปลูกไปเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ด้วยความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องเกษตรกรในกลุ่ม ฯ
สำหรับกลุ่มเกษตรกรทำไร่นาสวนผสมปฏิรูปที่ดินสะพานไม้แก่น อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา จัดที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินของจังหวัดสงขลา ภายใต้โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 30 ครัวเรือน โดยมีนายศรชัย จันทร์มณี เป็นประธานกลุ่มเกษตรกรทำไร่นาสวนผสม ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรสะพานไม้แก่น
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,24/3/2022,ภาคใต้,สงขลา,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324143034479 เทศบาลตำบลทับมา เปิดโครงการปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุและคนพิการ มุ่งปรับสภาพที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุและผู้พิการให้เหมาะสม ปลอดภัย และถูกสุขอนามัย มีสภาพจิตใจดี,"เมื่อวันที่ 24 มี.ค.65 ที่โรงเรียนอนุบาลทับมา ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง นายประเสริฐ วงษ์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลทับมา เป็นประธานเปิดโครงการปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุและคนพิการ ประจำปีงบประมาณ 2565 มีผู้นำชุมชน กลุ่มสตรีตำบลทับมา อาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุผู้พิการตำบลทับมา (อผส.) อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ (อพม.) และผู้ช่วยเหลือ (Care giver) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) จำนวน 80 คน โดยมีการบรรยาย ในหัวข้อ การจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุคนพิการ และการแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติ การจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับ ผู้สูงอายุ คนพิการ และการลงนาม MOU กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการขับเคลื่อนส่งเสริมการดูแลผู้สูงอายุ และผู้พิการในพื้นที่อย่างต่อเนื่องด้วย
นายประเสริฐ วงษ์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลทับมา กล่าวว่า เทศบาลตำบลทับมา ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหา ที่อยู่อาศัยและความต้องการปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม จึงได้จัดโครงการอบรมให้ความรู้ เพื่อปรับปรุง ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการดังกล่าวขึ้นมา โดยการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ซึ่งมีผู้นำชุมชน,กลุ่มองค์กรต่างๆ ในชุมชนที่ช่วยเหลือดูแล ผู้พิการ ผู้สูงอายุในพื้นที่ ให้สามารถดำรงชีวิตในที่อยู่อาศัยได้สะดวก เหมาะสม ปลอดภัย และถูกสุขอนามัย
ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ครอบครัว ชุมชน มีความรู้ความเข้าใจ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและปลอดภัยต่อผู้สูงอายุ ผู้พิการมากขึ้น และเพื่อส่งเสริมการให้ความรู้การดูแลผู้สูงอายุ ผู้พิการระยะยาว ต่อชุมชน ผู้นำชุมชน กลุ่มสตรีตำบลทับมา และอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุผู้พิการตำบลทับมา รวมทั้งเพื่อต่อยอดครอบครัวผู้สูงอายุ ผู้พิการ ในการปรับสภาพที่อยู่อาศัย ให้เหมาะสมกับการดำรงชีวิตให้มีที่อยู่อาศัย สะดวก เหมาะสม ปลอดภัย และถูกสุขอนามัย มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพจิตใจที่ดีอีกด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",24/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324145329500 BEDO และ ม.ราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เร่งพัฒนาและยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น,"สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หรือ BEDO และมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เร่งพัฒนาและยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น ควบคู่กับการอนุรักษ์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายวิจารย์ สิมาฉายา ประธานคณะกรรมการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ กล่าวว่า สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หรือ BEDO (เบโด้) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น ควบคู่กับการอนุรักษ์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพในระดับฐานราก โดยใช้นโยบายการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว (BCG) , การบริหารจัดการข้อมูลทรัพยากรชีวภาพ , การแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลแบบบูรณาการ และสร้างการมีส่วนร่วม โดยเน้นการใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น ควบคู่การอนุรักษ์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน สิ่งสำคัญจะช่วยขยายผลและยกระดับความเข้มแข็งให้กับชุมชน ซึ่งระยะแรก BEDO และมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา จะช่วยกันพัฒนาองค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมายกระดับศักยภาพชุนชนท้องถิ่นและกิจกรรมการเชื่อมโยงข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพ ครอบคลุมการต่อยอดทรัพยากรและภูมิปัญญาท้องถิ่นไปสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ในอนาคต
",24/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324142326475 ผู้ว่าราชการจังหวัด ตรวจเยี่ยมการเตรียมการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันของตำบลนางแล ในระดับพื้นที่ตามนโยบายเร่งด่วน,วันที่ 24 มีนาคม 2565 นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่อาสาอาสาสมัครป้องกันไฟป่าตำบลนางแล ที่ศูนย์อาสาสมัครป้องกันไฟป่าตำบลนาแล หมู่ที่ 7 บ้านนางแลใน ตำบลนางแล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พร้อมมอบสิ่งของให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน โดยมี นายบุญธรรม ทองพิจิตร นายอำเภอเมืองเชียงราย นายเสน่ห์ ภักดี นายกเทศมนตรีตำบลนางแล ตลอดจนผู้นำชุมชนจากตำบลนางแล ตำบลบ้านดู่ และตำบลท่าสุด เจ้าหน้าที่อุทยานและป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมรับฟังนโยบายและมาตรการต่างๆ ในห้วง 60 วัน ของการห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด โดยในพื้นที่จังหวัดเชียงรายกำหนด้ามเผาโดยเด้ดขาด ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ -15 เมษายน 2565
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ให้ความสำคัญในเรื่องไฟป่าหมอกควัน จึงขอความร่วมมือข้าราชการส่วนท้องถิ่น และนายอำเภอในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิดเป็นเวลา 60 วัน ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์-15 เมษายน 2565 เพื่อลดปัญหาหมอกควัน และเป็นการป้องกันการเกิดโรคร้ายต่างๆ อาทิ กลุ่มโรคทางเดินหายใจ โดยผู้ที่ละเมิดประกาศข้อบังคับจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างสูงสุดอีกด้วย
ในการนี้ นายบุญธรรม ทองพิจิตร นายอำเภอเมืองเชียงราย ยังได้นำผู้นำชุมชน ผู้นำหมู่บ้าน ชุดอาสาสมัครป้องกันไฟป่าตำบลนางแล ร่วมทำกิจกรรมการทำแนวกันไฟที่บริเวณเขตรอยต่อ หมู่ที่ 7 และ หมู่ที่ 14 ของตำบลนางแล เพื่อป้องกันไฟป่าที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ได้ทุกเมื่อทุกเวลาอีกด้วย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,24/3/2022,ภาคเหนือ,เชียงราย,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324150020508 รัฐบาล ให้ความสำคัญการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างเข้มข้น โดยปีนี้เน้นเพิ่มบทบาทของท้องถิ่นและเพิ่มความเข้มงวดมลพิษจากแหล่งกำเนิดมากขึ้น,"รัฐบาล ให้ความสำคัญการแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 อย่างเข้มข้น เพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้นและลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและประเทศ โดยปีนี้เน้นเพิ่มบทบาทของท้องถิ่นและเพิ่มความเข้มงวดมลพิษจากแหล่งกำเนิดมากขึ้น
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ปัญหาฝุ่นละออง โดยได้กำหนดให้การแก้ปัญหาฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ และให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดดำเนินการตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ซึ่งปีนี้ได้จัดทำแผนเฉพาะกิจฯ 9 ข้อ 1 สื่อสาร 5 ป้องกัน 3 เผชิญเหตุ ด้วยการยกระดับการสื่อสารประชาสัมพันธ์และการพยากรณ์ฝุ่นละอองให้มีความแม่นยำมากขึ้น แล้วมุ่งเน้นเพิ่มบทบาทของท้องถิ่นและเพิ่มความเข้มงวดมลพิษจากแหล่งกำเนิดมากขึ้น พร้อมถอดบทเรียนหลังสิ้นสุดสถานการณ์นำมาปรับปรุงแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เช่น การตรวจสอบตรวจวัดควันดำรถบรรทุกและรถโดยสารทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 23 มีนาคม 2565 ตรวจแล้ว 165,308 คัน พ่นห้ามใช้ 893 คัน พบเป็นกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 63,997 คัน พ่นห้ามใช้ 190 คัน พร้อมปรับปรุงค่ามาตรฐานควันดำเพื่อเพิ่มความเข้มงวดและประสิทธิภาพการควบคุมมลพิษและแก้ปัญหา PM 2.5 จากแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทรถยนต์ โดยออกประกาศเรื่องกำหนดมาตรฐานค่าควันดำของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด พ.ศ. 2564 กำหนดค่าความทึบแสงไม่เกินร้อยละ 30 จากเดิมไม่เกินร้อยละ 45 และค่ากระดาษกรองไม่เกินร้อยละ 40 จากเดิมไม่เกิน ร้อยละ 50 จะมีผลบังคับใช้วันที่ 13 เมษายนนี้ // การแก้ปัญหาอ้อยไฟไหม้ โดยปีการผลิต 2564/2565 เมื่อวันที่ 9 มีนาคมมีปริมาณอ้อยไฟไหม้เข้าหีบร้อยละ 25 น้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และจะลดให้เหลือศูนย์ในฤดูกาลผลิต 2566/2567 // โครงการ ""ชิงเก็บ ลดเผา"" ปีนี้เก็บขนเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่ามาใช้ประโยชน์ได้ 1,310 ตัน จากเป้า 3,000 ตัน คาดว่า จะแล้วเสร็จได้ตามเป้าแน่นอน // การแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดน ได้เสนอให้พิจารณาขยายแผนการดำเนินงานภายใต้แผนปฏิบัติการเชียงราย 2017 (เพิ่มขึ้นอีก 5 ปี) และการกำหนดตัวชี้วัดร่วม ASEAN Joint KPI เพื่อลดจุดความร้อนในภูมิภาคอาเซียนร้อยละ 20 ภายในปีนี้ และสุดท้าย อยู่ระหว่างปรับปรุงมาตรฐานฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอนในบรรยากาศด้วย
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวถึงภาพรวมสถานการณ์หมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละอองปีนี้ว่า ดีขึ้นว่าปีที่ผ่านมาอย่างกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 15 มีนาคม 2565 มีจำนวนวันที่ฝุ่นละออง PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน 26 วัน ลดลงร้อยละ 61 หากพิจารณาเฉพาะวันที่มีปริมาณฝุ่นละอองอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ หรือ สีแดง พบช่วงวิกฤติมี 1 วันเท่านั้น ลดลงร้อยละ 86 จากปีที่ผ่านมา ส่วนภาคเหนือ 17 จังหวัด ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 15 มีนาคม มีจำนวนวันที่ฝุ่นละออง PM 2.5 เกินมาตรฐาน 38 วัน ลดลงร้อยละ 45 หากพิจารณาเฉพาะวันที่มีปริมาณฝุ่นละอองอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ หรือ สีแดง พบปีนี้มี 8 วัน ลดลงร้อยละ 60 จากปีที่ผ่านมา
",24/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324150422515 "จังหวัดชลบุรี จัดงาน ""คลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร",นายนิติ วิวัฒน์วานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เปิดงาน โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ 2 ปี 2565 ณ องค์การบริหารส่วนตำบลวัดหลวง ตำบลวัดหลวง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี
นางดวงภรณ์ โตอนันต์ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต รักษาการแทนเกษตรจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทำโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยมีกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การฝึกอบรมอาชีพด้านการเกษตรและเปิดให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ จำนวน 9 คลินิก ประกอบด้วย คลินิกดิน คลินิกพืช คลินิกปศุสัตว์ คลินิกประมง คลินิกบัญชี คลินิกชลประทาน คลินิกสหกรณ์ คลินิกกฎหมาย คลินิกอื่นๆ และการให้บริการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สำหรับโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการแก่เกษตรกรในการแก้ไขปัญหาการผลิตด้านการเกษตรได้อย่างรวดเร็วอย่างทั่วถึงและสอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร ซึ่งมีการบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานวิชาการ หน่วยงานส่งเสริมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพัฒนาฟื้นฟูเกษตรกรให้สามารถทำการผลิตทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยเป็นการปฏิบัติงานในเชิงรุกที่ทำให้เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายที่มีปัญหาให้ได้รับบริการทางการเกษตร เช่น การวิเคราะห์ดิน การวินิจฉัยโรคพืช โรคสัตว์ โรคสัตว์น้ำ รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและฝึกอบรมความรู้การเกษตรเสริมเพิ่มเติมควบคู่กันไปด้วย
นายนิติ วิวัฒน์วานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ประธานในพิธี กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชหฤทัยอันมุ่งมั่น ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ การพัฒนางานด้านต่างๆ ทรงทุ่มเทพระวรกาย พระวิริยอุตสาหะ เพื่อช่วยเหลือแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรในทุกด้าน อย่างต่อเนื่อง การจัดตั้งคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ จึงเป็นวิธีการดําเนินงานอย่างหนึ่งที่สามารถทำให้การบริการทางวิชาการและการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์บรรลุผลสําเร็จตามภารกิจที่รับผิดชอบโดยเป็นการปฏิบัติงานในเชิงรุกที่ทําให้เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายที่มีปัญหาให้ได้รับบริการทางการเกษตรอย่างรวดเร็วทั่วถึงและครบถ้วน
นอกจากการให้บริการคลินิกเกษตร ภายในงานยังมีกิจกรรมอื่นๆ เช่น บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น การออกร้านจำหน่ายสินค้าของกลุ่มแม่บ้าน วิสาหกิจชุมชน และเกษตรกรในพื้นที่ มีเกษตรกรมาร่วมงานและเข้ารับบริการทางการเกษตรไม่น้อยกว่า 300 คน ทั้งนี้ การจัดงานยังคงยึดปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 อย่างเคร่งครัด
ปริญญา/ข่าว/ภาพ
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,24/3/2022,ภาคตะวันออก,ชลบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324170424637 องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เปิดตัวโครงการนำนกกระสาคอขาวคืนสู่ธรรมชาติ จ.บุรีรัมย์,"ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ นายวุฒิชัย พิรุณสุนทร ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย นายเทวินทร์ รัตนะวงศะวัต ผู้อำนวยการสวนสัตว์เปิดเขาเขียว และหัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนผู้นำท้องถิ่น บริษัทเอกชน รวมถึงโรงเรียนในจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกันเปิดตัว โครงการทดลองปล่อยนกกระสาคอขาวคืนสู่ธรรมชาติ และการติดตามภายหลังการปล่อยฯ เพื่อการอนุรักษ์ ภายในงานมีนิทรรศการให้ความรู้เรื่องนกกระสาคอขาว และกิจกรรมสวนสัตว์สัญจร ที่ส่งเสริมการสร้างองค์ความรู้ ความตระหนักในการอนุรักษ์นกกระสาคอขาว ที่มีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งของประเทศไทย โดยมี 6 ฐาน ประกอบด้วย ฐานบ้านของฉันที่ดงใหญ่ ฐานนกกระสาสู่ฟ้าเมืองไทยฐานนกกระสาของฉัน ฐานปากท้องต้องรู้ ฐานไข่คืนรัง ฐานส่ายสะโพกโบนบิน มีโรงเรียนเข้าร่วมกิจกรรม 4 โรงเรียน จำนวน 83 คน ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ จ.บุรีรัมย์ ภายใต้แนวคิด ""มุ่งมั่น ตั้งใจ ส่งนกกระสาคอขาว สู่ฟ้าเมืองไทย""
นายเทวินทร์ รัตนะวงศะวัต ผู้อำนวยการสวนสัตว์เปิดเขาเขียว กล่าวว่า จากการที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช และหน่วยงานพันธมิตร ได้ดำเนินการทดลองปล่อยนกกระสาคอขาวคืนสู่ธรรมชาติ จำนวน 14 ตัว ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ จังหวัดบุรีรัมย์ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) ที่ผ่านมา ซึ่งจากผลการศึกษาเบื้องต้น ณ ปัจจุบันเป็นที่น่ายินดีที่พบว่านกกระสาคอขาวที่ทำการทดลองปล่อยในชุดแรกนั้น บางส่วนยังคงมีการแพร่กระจายอยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ พื้นที่กักเก็บน้ำธรรมชาติ เขื่อน และพื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้านโดยรอบในอำเภอโนนดินแดงและใกล้เคียง จึงถือเป็นวาระสำคัญที่เยาวชนและประชาชนทั่วไปจะได้รับทราบข้อมูลข่าวสาร มีความตระหนักถึงความสำคัญและการมีส่วนร่วมในการช่วยกันอนุรักษ์นกกระสาคอขาวที่เป็นหนึ่งในนกกระสาชนิดพันธุ์หายากของไทยนี้ให้สามารถคงอยู่คู่กับจังหวัดบุรีรัมย์ ดังเช่น นกกระเรียนสายพันธุ์ไทย ให้เป็นมรดกของประชาชนชาวบุรีรัมย์และของชาติไทยสืบต่อไป
ในการนี้ ทางโครงการฯ มีแผนการศึกษาวิจัยในระยะยาวไม่น้อยกว่า 4 ปีข้างหน้า และทำการปล่อยนกกระสาคอขาวเพื่อเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) อย่างต่อเนื่องต่อไป
ปริญญา/ข่าว/ภาพ
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",24/3/2022,ภาคตะวันออก,ชลบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324163735602 ผลักดันงานวิจัยมันฝรั่ง เร่งเพิ่มผลผลิตต้านทานโรค เน้นย้ำนโยบาย ตลาดนำการผลิต ลดต้นทุนนำเข้าหัวพันธุ์ เพิ่มรายได้เกษตรกร,"นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้กรมวิชาการเกษตรปรับปรุงพันธุ์พืชที่มีการนำเข้าจากต่างประเทศจำนวนมากและเร่งขยายพันธุ์ให้เกษตรกรสามารถเพิ่มรายได้และลดต้นทุนของการนำเข้าพันธุ์จากต่างประเทศ เช่น มันฝรั่ง ซึ่งเป็นพืชที่ทำรายได้สูงให้แก่เกษตรกรโดยเฉพาะในเขตภาคเหนือ โดยมีแหล่งผลิตที่สำคัญอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันพื้นที่ปลูกได้ขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ
การปลูกมันฝรั่งพันธุ์โรงงานในประเทศไทย ยังมีผลผลิตที่ไม่เพียงพอในการบริโภคภายในประเทศ จึงมีการนำเข้ามันฝรั่งเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการแปรรูป จำนวน 46,355 ตัน และนำเข้าหัวพันธุ์มันฝรั่ง 6,500 ตัน จากต่างประเทศมาปลูกมากทุกปี
ที่ผ่านมา กรมวิชาการเกษตร สนับสนุนหัวพันธุ์มันฝรั่งพันธุ์แนะนำของกรมวิชาการเกษตร ได้แก่ พันธุ์เชียงใหม่ 1 และ เชียงใหม่ 2 ซึ่งเป็นพันธุที่มีหัวกลม เนื้อในสีขาว-ขาวครีม ให้ผลผลิตสูง 3,162-3,608 กก./ไร่ ได้เกรดส่งเข้าโรงงานแปรรูป ซึ่งสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้ดำเนินงานด้านลดปริมาณการนำเข้าหัวพันธุ์มันฝรั่ง ด้วยการผลิตหัวพันธุ์มันฝรั่งหลักปีละ 400,000 หัว เพื่อนำไปปลูกขยายเป็นชั้นพันธุ์ขยายและชั้นพันธุ์รับรอง ปีละ 40 ตัน ร่วมกับการดำเนินโครงการกระจายพืชพันธุ์ดีสู่กลุ่มผู้ใช้ประโยชน์ เพื่อการกระจายหัวพันธุ์มันฝรั่งคุณภาพสู่กลุ่มเกษตรกรและบริษัทแปรรูปมันฝรั่งในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งเพื่อลดต้นทุนการผลิตหัวพันธุ์มันฝรั่งในชั้นพันธุ์หลักให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 40
ด้านนายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ขณะนี้กรมวิชาการเกษตรกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินงานโครงการปรับปรุงพันธุ์และพัฒนาพันธุ์มันฝรั่งให้ต้านทานต่อโรคเหี่ยวเขียวด้วยการผสมข้ามมันฝรั่งจากศูนย์มันฝรั่งระหว่างประเทศ ประเทศเปรู จำนวน 18 สายพันธุ์ กับพันธุ์ของกรมวิชาการเกษตรที่ให้ผลผลิตสูง และพันธุ์ที่มีลักษณะที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูง คัดเลือกจนได้สายต้นมันฝรั่งที่ต้านทานโรคเหี่ยวเขียว จำนวน 15 สายต้น โดยจะคัดพันธุ์ให้เหลืออย่างน้อย 6-8 สายพันธุ์ ไปปลูกเปรียบเทียบในแปลงวิจัย 2 สถานที่ ใน 2 ฤดูกาลปลูก คาดว่าจะเสนอเป็นพันธุ์แนะนำ ในปี 2567 ได้อย่างน้อย 1 พันธุ์ต่อไป ซึ่งจะทำให้ได้พันธุ์มันฝรั่งสำหรับแปรรูปที่ต้านทานต่อโรคเหี่ยวเขียว ให้ผลผลิตต่อไร่สูง สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในประเทศไทยได้และมีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาด
",24/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,กรมประชาสัมพันธ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324184914687 นายทหารปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษในพระองค์ ตรวจเยี่ยมโครงการอารยเกษตร สืบสาน รักษา ต่อยอด ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงด้วย โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง อารยเกษตรตาเนาะแมเราะ สร้างนวัตกรเกษตรกรรม ร้อยรัดวัฒนธรรมชายแดนใต้,"
วันนี้ 24 มีนาคม 2565 ที่โรงเรียนบ้านตาเนาะแมเราะ ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา พลโท สมบัติ ธัญญะวัน นายทหารปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษในพระองค์ เป็นประธานโครงการตรวจเยี่ยมโครงการอารยเกษตร สืบสาน รักษา ต่อยอด ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงด้วย โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง อารยเกษตรตาเนาะแมเราะ สร้างนวัตกรเกษตรกรรม ร้อยรัดวัฒนธรรมชายแดนใต้ โดยมีพันจ่าโท อนันต์ บุญสำราญ ปลัดจังหวัดยะลา ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นายกสมาคมดินโลก , ดร.พัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน คณะผู้บริหารสถานศึกษา คณะครูนักเรียน และผู้ปกครองนักเรียน เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
พลโท สมบัติ ธัญญะวัน นายทหารปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษในพระองค์ กล่าวว่า โครงการ อารยเกษตร สืบสาน รักษา ต่อยอด ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงด้วย โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง เป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่มุ่งเน้นให้สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนโดยการประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และทฤษฎีใหม่ นำมาประยุกต์แบบชาวบ้าน ปั้นโคก ขุดหนอง และทำนา เพื่อเป็นการสร้างต้นแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็ก และสามารถดำเนินการได้ในทุกเงื่อนไขของพื้นที่ โดยปรับเปลี่ยนพื้นฐาน แนวความคิด ฝึกวินัย ลงมือปฏิบัติ แก้ปัญหาจริงในท้องถิ่นสู่การเรียนรู้ในสถานศึกษา ให้เกิดผลในมิติต่างๆ ทางด้านการพึ่งพาตนเอง มีความกตัญญู การพัฒนาจิตใจ การพัฒนาทางปัญญา รวมทั้งสามารถเป็นที่พึ่งของชุมชนได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
อารยเกษตร จะเป็นต้นแบบตัวอย่างของความสำเร็จทางด้านรูปธรรมและนามธรรม โดยน้อมนำองค์ความรู้ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ ตลอดจนคุณธรรม จากการได้ลงมือ ลงใจศึกษา และนำมาปฏิบัติด้วยตนเองจนเกิดผลตามแนวทางพระราชทานอารยเกษตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ร่วมกันดำเนินงานโครงการ อารยเกษตร สืบสาน รักษา ต่อยอด ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงด้วย โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างเยาวชนให้เป็นคนดี มีความกตัญญู และเป็นกำลังในการพัฒนาชาติสืบไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",24/3/2022,ภาคใต้,ยะลา,สวท.เบตง จ.ยะลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324153518556 "กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านนากอ ตำบลจอเบาะ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส แปรรูป ""ลูกหยีแห่งเทือกเขาบูโด"" วางรากฐานความสุขจากครอบครัวสู่ชุมชน ต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืน","ชุมชนนากอ หมู่ที่ 6 ตำบลจอเบาะ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส เดิมทำสวนยางพารา และรับจ้างทั่วไป ในช่วงปี 2555 เกษตรกรประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ มีรายได้ไม่เพียงพอเลี้ยงดูครอบครัว จึงรวมกลุ่มกันเพื่อหาอาชีพเสริมให้กับครัวเรือน โดยจัดตั้งกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ชื่อว่า กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านนากอ ขึ้น เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2555 แรกเริ่มมีสมาชิก จำนวน 16 ราย ปัจจุบัน มีสมาชิก จำนวน 20 ราย และมีนางอรุณี ยะโย เป็นประธานกลุ่ม
ด้วยนางอรุณี มีพื้นเพเดิมเป็นชาวจังหวัดชุมพร เดินทางไปกลับ นราธิวาส - ชุมพร บ่อยครั้ง ระหว่างทางพบว่าสินค้าเกษตรแปรรูป เช่น ลูกหยี ส้มแขก ลองกอง เงาะ กล้วย มีการวางจำหน่ายในร้านของฝากตลอดเส้นทาง จึงกลับมาปรึกษากับสมาชิกกลุ่มว่าในหมู่บ้านว่ามีวัตถุดิบดังกล่าวในพื้นที่เช่นกัน น่าจะนำมาพัฒนาแปรรูปเสริมรายได้ให้กับสมาชิกได้ จึงเริ่มต้นหาความรู้จากแหล่งต่างๆ โดยมีสำนักงานเกษตรอำเภอยี่งอเป็นพี่เลี้ยงให้ความรู้ ทดลองแปรรูปลูกหยี เพราะเห็นว่า ลูกหยีมีมากในชุมซน เรียกว่า ""ลูกหยีแห่งเทือกเขาบูโด"" ทำให้ต้นทุนในการผลิตไม่สูงนัก และเป็นพืชเอกลักษณ์ประจำถิ่น แรกเริ่มผลิตสินค้าออกมา 2 ชนิด คือ ลูกหยีฉาบและลูกหยีเคลือบน้ำตาล พัฒนาจนกระทั่งสามารถจำหน่าย เพิ่มรายได้ให้กับสมาชิกเป็นอย่างดี
นางอรุณี ยะโย กล่าวว่า หลักการดำเนินงานของกลุ่มคือ เสนอและส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เหมาะสมกับวิถีชีวิต ให้พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และอนุรักษ์ไม้ถิ่นชุมชน ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ไม่ต้องไปรับจ้างงานภายนอกชุมชน ส่งผลให้ครอบครัวมีความอบอุ่น ชุมชนอยู่ดีกินดีมีเงินออม เยาวชนมีรายได้เสริมจากการรับจ้างช่วงปิดภาคเรียน รู้คุณค่าของเงิน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
มีทรัพยากรของกลุ่มที่เป็นจุดเด่นในพื้นที่ คือ ""ต้นหยี"" และมี ""ฝายโต๊ะแก"" ซึ่งเป็นโครงการอันเนื่องพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ก่อเกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ตามคำขวัญที่ว่า ""รักบ้านเกิดเที่ยวบ้านเกิด..เที่ยวชุมชนธรรมชาติฝายโต๊ะแก ต้นหยี 100 ปี ไม้ถิ่นแห่งเทือกเขาบูโด"" และ""กินผลไม้ 100 ปี กินลูกหยีบูโด"" นั่นเอง
นางอรุณี ยะโย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ด้านการบริหารจัดการกลุ่มได้แต่งตั้งคณะกรรมการ และมอบหมายหน้าที่รับผิดชอบตามความชอบและความถนัด มีกฎระเบียบชัดเจน มีการออมทรัพย์ และจัดสวัสดิการให้กับสมาชิก และส่งเสริมให้สมาชิกศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่อง มีหน่วยงานเข้ามาบูรณาการและสนับสนุนงบประมาณพัฒนาเป็นสินค้า OTOP ผลิตภัณฑ์จากลูกหยีบูโด ซึ่งได้รับความนิยมและเป็นสินค้าที่มียอดขายดีมาก เนื่องจากมีรสชาติอร่อย กลมกล่อม มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ เป็นรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของลูกหยีจากเทือกเขาบูโด บรรจุภัณฑ์สวยงามสะดุดตา สะอาด ปลอดภัย ได้คุณค่าจากสารอาหาร มีเครื่องหมายมาตรฐานรองรับ เหมาะเป็นของซื้อของฝากได้เป็นอย่างดี ปี พ.ศ. 2559 ได้จดทะเบียนวิสาหกิจชุมชน ""วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านนากอ"" ปัจจุบันมีเงินทุนเวียน จำนวน 667,273 บาท
ต่อมาในปี 2563 เกิดการระบาดของโรค Covid-19 กลุ่มมียอดจำหน่ายลดลง จึงนำผลไม้ที่มีอยู่ในชุมชน เช่น ทุเรียน มังคุด กล้วยขนุน (กล้วยพันธุ์นากอ) ส้มแขก มาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า โดยการกวน ฉาบ ตากแห้ง และเพิ่มช่องทางการจำหน่าย โดยการขายออนไลน์ ผ่านการ Live และ เพจ Facebook เพื่อให้กลุ่มและสมาชิกมีรายได้อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์หลากหลายมากถึง 14 ชนิด ได้แก่ ลูกหยีกวน (ไร้เมล็ด) ลูกหยีกวนน้ำผึ้ง (ไร้เมล็ด) ลูกหยีกวนสามรส (มีเมล็ด) ลูกหยีคลุกน้ำตาล น้ำลูกหยีพร้อมดื่ม ลูกหยีสดไม่แกะเปลือก ลูกหยีสดแกะเปลือกกล้วยอบน้ำผึ้งพลังงานแสงอาทิตย์ ส้มแขกตากแห้ง น้ำผึ้งแท้เขาบูโด กล้วยฉาบ กล้วยกวน ทุเรียนกวน และ มังคุดกวน มีแผนจะพัฒนายกระดับพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมาตรฐานต่อไป
นายอนุชา ยาอีด ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านนากอ เกิดจากการรวมกลุ่มจากความต้องการของสมาชิก สามารถยกระดับเศรษฐกิจครัวเรือนให้ดีขึ้นทั้ง 4 มิติ ได้แก่ ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ และด้านสิ่งแวดล้อม ยึดหลักบริหารจัดการกลุ่มตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงไปจนถึงต่อยอดเป็นผู้ประกอบการ มีการนำวัตถุดิบท้องถิ่น มาแปรรูปเพิ่มมูลค่า และนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่าง ก็คือ พยายามอนุรักษ์วิถีชีวิตของชุมชนไว้ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ต่อยอดองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่น จะเห็นได้ว่าสมาชิกกลุ่มทุกคนมีการพัฒนาสามารถเป็นวิทยากรให้ความรู้ได้เป็นอย่างดีกลุ่มมีความเข้มแข็ง จัดสรรสวัสดิการดูแลสมาชิกครอบคลุมตามหลักการบริหารจัดการกลุ่ม สร้างจิตสำนึกและปลูกฝังในการอนุรักษ์ป่าและทรัพยากรของชุมชน ตลอดจนกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม น่ายกย่องและชื่นชม กล่าวได้ว่า กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านนากอ เป็นรากฐานความสุขจากครอบครัวสู่ชุมชน ต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",24/3/2022,ภาคใต้,สงขลา,สทท.สงขลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324155729573 กษ.อำนาจเจริญ ร่วมประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพจังหวัด (กพร.ปจ.) ครั้งที่ 12565,นายชาญวิทย์ ธานี เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญ เข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพจังหวัด (กพร.ปจ.) ครั้งที่ 1/2565 โดยมีนายธนูสินธ์ ไชยสิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธาน และมีคณะอนุกรรมการฯ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม พระมงคลมิ่งเมือง ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งมีประเด็นสำคัญเพื่อทราบและพิจารณาดังต่อไปนี้
1. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2564
2. สถานการณ์แรงงานจังหวัดอำนาจเจริญ ไตรมาส 5 (ตุลาคม-ธันวาคม 2564)
3. สรุปผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนากำลังคนจังหวัดอำนาจเจริญ ปี 2564
4. นโยบาย 1 จังหวัด 9 โครงการ
5. แนวทางการดำเนินตามแผนพัฒนากำลังคนจังหวัดอำนาจเจริญ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (ทบทวนแผนพัฒนากำลังคนจังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อวันพุธที่ 9 มีนาคม 2555)
6. ร่างแผนพัฒนากำลังคนจังหวัดอำนาจเจริญ พ.ศ. 2561-2570 (ทบทวนแผนพัฒนากำลังคนจังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อวันพุธที่ 9 มีนาคม 2555) มติที่ประชุมเห็นชอบ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,24/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,อำนาจเจริญ,สวท.อำนาจเจริญ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324183840680 นายอำเภอด่านขุนทดติดตามตรวจสอบการปรับปรุงแก้ไขผลกระทบกลิ่นสารเคมีจากโรงงานแป้งมันแปรรูป จังหวัดนครราชสีมา,"นายเมธี กาญจนสุนทร นายอำเภอด่านขุนทด เป็นประธานติดตามตรวจสอบการปรับปรุงแก้ไขผลกระทบกลิ่นสารเคมีจากโรงงานแป้งมันแปรรูป ในพื้นที่ตำบลหินดาด อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายบัญชา ขุนสูงเนิน ผู้อำนวยการส่วนควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขอำเภอด่านขุนทด องค์การบริหารส่วนตำบลหินดาด ศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า นายไกรฤกษ์ เสียนขุนทด เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และประชาชนผู้ได้รับผลกระทบเข้าร่วมติดตามตรวจสอบ มีข้อสรุป ดังนี้
1. ผู้แทนโรงงานแจ้งว่าได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขผลกระทบกลิ่นสารเคมีจากกระบวนการผลิตโดยติดตั้งระบบก๊าซ LPG เป็นเชื้อเพลิงเสริมช่วยเผาก๊าซพิษที่รวบรวมจากบ่อบำบัดน้ำเสีย และติดตั้ง Sensor ตรวจจับความร้อนบริเวณปล่องเตาเผา ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2565 ก่อนครบกำหนดสิ้นสุดระยะเวลาปรับปรุงแก้ไขในวันที่ 21 มีนาคม 2565 โดยนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหินดาดแจ้งว่าได้เข้าตรวจสอบหลังจากที่โรงงานปรับปรุงแก้ไขแล้วเสร็จแล้ว เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2565 แล้ว
2. สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา แจ้งว่าได้ออกคำสั่งให้โรงงานปรับปรุงแก้ไขและครบกำหนดคำสั่งเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565 จึงเข้าติดตามตรวจสอบการปรับปรุงแก้ไขเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2565 พบว่ายังก่อให้เกิดผลกระทบและจะออกคำสั่งแจ้งให้ปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม ต่อไป
3. สำนักงานสาธารณสุขอำเภอด่านขุนทดแจ้งว่าได้สำรวจผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่พบว่ามีผู้ได้รับผลกระทบมากกว่า 3,000 ราย
4. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมาแจ้งว่าได้ประสานแพทย์เฉพาะทางให้มาตรวจสุขภาพของประชาชนกลุ่มที่มีความเสี่ยงในช่วงเดือนเมษายน 2565
5. สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 นำเสนอผลการตรวจวัดก๊าซอันตราย โดยบริเวณบ่อบำบัดน้ำเสียของโรงงาน เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 ตรวจพบก๊าซอันตราย 51 ชนิด และตรวจสอบบริเวณชุมชนบ้านปราสาทใต้ หมู่ 14 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2565 พบก๊าซอันตราย 23 ชนิด ซึ่งเป็นชนิดเดียวกันกับที่ตรวจพบในโรงงาน และจากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่ามีก๊าซอันตราย 3 ชนิดที่มีค่าความเข้มข้นอยู่ในระดับที่เป็นอันตราย ได้แก่
- ก๊าซ 1,3 Butadien มีค่าระหว่าง 3.37 3.4 ppm มีแนวโน้มเกินค่ามาตรฐานในสถานที่ทำงาน 8 ชั่วโมงที่กำหนดให้มีค่าไม่เกิน 1 ppm
- ก๊าซ Anilien มีค่าระหว่าง 1.56 1.86 ppm มีค่าอยู่ในระดับที่จะต้องอพยพประชาชนถ้าสัมผัสนานเกินกว่า 8 ชั่วโมง (กำหนดให้มีค่าไม่เกิน 1.5 ppm)
- ก๊าซ Acrolein มีค่าระหว่าง 1.18 1.36 ppm แนวโน้มเกินค่ามาตรฐานในสถานที่ทำงาน 8 ชั่วโมงที่กำหนดให้มีค่าไม่เกิน 0.1 ppm มีค่าอยู่ในระดับที่จะต้องอพยพประชาชนถ้าสัมผัสนานเกินกว่า 10 นาที (กำหนดให้มีค่าไม่เกิน 0.44 ppm) และมีค่าอยู่ในระดับที่อาจเป็นอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตถ้าสัมผัสนานกว่า 4 ชั่วโมง (กำหนดให้มีค่าไม่เกิน 0.48 ppm)
ทั้งนี้ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 จะส่งผลการตรวจวัดก๊าซอันตรายดังกล่าว ให้จังหวัดนครราชสีมา อำเภอด่านขุนทด สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา และองค์การบริหารส่วนตำบลหินดาด ให้พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",24/3/2022,NULL,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324185704703 ภาคีหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมปฏิบัติการตรวจจับควันดำลดฝุ่น PM2.5 จังหวัดนครราชสีมา,"หน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมที่ 11 (นครราชสีมา) ร่วมกับ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา และสถานีตำรวจภูธรพระทองคำ ตั้งจุดปฏิบัติการตรวจจับควันดำ บริเวณทางหลวงหมายเลข 205 หน้าสถานีตำรวจภูธรพระทองคำ อำเภอพระทองคำ จังหวัดนครราชสีมา ภายใต้กิจกรรม รัฐเข้มตรวจจับ ปรับจริงห้ามใช้รถควันดำ ตามข้อสั่งการ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM 2.5) จากการจราจรและการขนส่งทางบก
ผลการตรวจวัดควันดำจากรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล จำนวน 86 คัน พบค่าควันดำเกินมาตรฐาน จำนวน 8 คัน แบ่งออกเป็น รถตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 จำนวน 32 คัน พบค่าควันดำเกินมาตรฐาน 7 คัน พ่นสัญลักษณ์ห้ามใช้รถ 7 คัน และรถตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 จำนวน 54 คัน พบค่าควันดำเกินมาตรฐาน 1 คัน พนักงานเจ้าหน้าที่ออกคำสั่งให้ปรับปรุงแก้ไข และติดสติ๊กเกอร์ห้ามใช้รถยนต์ชั่วคราว จำนวน 1 คัน ยอดตรวจสะสมตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 รวมทั้งสิ้น 1,296 คัน พบค่าควันดำเกินมาตรฐานสะสมรวมทั้งสิ้น 196 คัน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",24/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324185816704 ศูนย์หม่อนไหมฯขอนแก่น ร่วมจัดนิทรรศการ ในงาน Field Day ที่ ศพก. (เครือข่าย) บ้านดงกล้วย หมู่ที่ 4 ต.นาจำปา อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์,นางสาวจิราลักษณ์ ปรีดี ผู้อำนวยการศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ขอนแก่น มอบหมายให้ อมรรัตน์ โวหาร นักวิชาการเกษตรชำนาญการ นางสาวนิตยา แก่นหามูล คนงานทดลองการเกษตร พร้อมด้วย นางสุคนธ์ นรนิล คนงานทดลองการเกษตร ร่วมจัดนิทรรศการ ในงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรผสมผสาน(เครือข่าย) บ้านดงกล้วย หมู่ที่ 4 ต.นาจำปา อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์
ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นให้เกษตรกรเริ่มต้นการผลิตในปีการเพาะปลูกใหม่โดยใช้เทคโนโลยี และภูมิปัญญาที่เหมาะสมกับพื้นที่ เกษตรกรได้รับความรู้และเทคโนโลยีในการผลิต ช่องทางการตลาด และแหล่งข้อมูลการเลือก พร้อมทั้งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากเกษตรกรผู้ประสบผลสำเร็จ
ในการนี้ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ขอนแก่น ได้ร่วมจัดนิทรรศการ บริการให้ความรู้ด้านวิชาการหม่อนไหม การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากหม่อนไหม การทำสบู่โปรตีนไหม การทำชาใบหม่อน และให้บริการน้ำลูกหม่อน น้ำชาใบหม่อนกับเกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่มาร่วมงาน ซึ่งมีผู้มารับบริการกว่า 30 ราย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,24/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ขอนแก่น,สวท.ขอนแก่น,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324193419751 เกษตรกรกระทุ้งรัฐแก้ปัญหาข้าวโพดด่วน เร่งตรวจสต๊อกป้องกักตุน หลังราคาปรับเพิ่มต่อเนื่อง แต่ประโยชน์ไม่ตกถึงเกษตรกร,"การประชุมแก้ปัญหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อหารือแนวทางการผ่อนปรนมาตรการ 3 : 1 (ต้องรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ 3 ส่วน จึงจะนำเข้าข้าวสาลีจากเดิมหากนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วนได้) เมื่อวันที่ 15 มี.ค.2565 ที่มีกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นโต้โผนัดหารือผู้แทนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าว มันสำปะหลัง เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ ไก่เนื้อ สุกร สมาคมโรงงานอาหารสัตว์ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง มีมติเห็นควรให้ผ่อนคลายมาตรการ 3 ต่อ 1 เป็นไม่มีการกำหนดสัดส่วนเป็นการชั่วคราวถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 เพื่อให้มีวัตถุดิบเพียงพอต่อการผลิตและสามารถช่วยลดภาระราคาอาหารสัตว์ได้
กระทั่งการประชุมล่าสุดระหว่างเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด ข้าว มันสำปะหลัง ผู้เลี้ยงสัตว์ และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง โดยมีอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธานการประชุม แม้ว่ายังไร้ข้อสรุปเกี่ยวกับรายละเอียดการผ่อนคลายเงื่อนไข แต่ทุกฝ่ายก็เข้าใจถึงสถานการณ์ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงรายย่อย และยินดีที่จะหารือถึงแนวทางการผ่อนปรนมาตรการดังกล่าว บนพื้นฐานข้อมูลที่ยอมรับร่วมกัน เพื่อให้มีวัตถุดิบเพียงพอต่อการผลิตและสามารถช่วยลดภาระราคาอาหารสัตว์ได้
รายงานข่าวจากเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการใช้วัตถุดิบข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อผสมในสูตรอาหารสัตว์ กล่าวว่า การจำกัดช่วงเวลาในการนำเข้าจะกลายเป็นปัจจัยที่จะทำให้ราคาสินค้าธัญพืชปรับตัวสูงขึ้นไปอีกเมื่อถึงเวลาที่กำหนด เนื่องจากพพ่อค้าคนกลางจะใช้เหตุผลนี้กดดันราคากับภาคผู้ผลิตและเกษตรกรผู้เพาะปลูก ซึ่งภาครัฐควรมองให้ถึงแก่นของปัญหา เพราะขณะนี้สินค้าไม่ได้อยู่ในมือเกษตรกรอีกต่อไป แต่ถูกเก็บไว้โดยพ่อค้าคนกลาง ทำให้ปัจจุบัน (24 มีนาคม) ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปรับไปอยู่ที่ 13.00 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาตลาดโลก และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ใช้ในสูตรอาหารสัตว์มากกว่า 50% ในขณะที่ภาคผู้เลี้ยงมีภาระต้นทุนการเลี้ยงที่ต้องแบกรับมาตลอดอยู่แล้ว เมื่อราคาธัญพืชที่เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์สำคัญ ทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กากถั่วเหลือง รวมทั้งข้าวสาลี ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากวิกฤตยูเครนและรัสเซีย ที่ผลักดันให้ราคาวัตถุดิบทั่วโลกแพงขึ้น กลายเป็นภาระหนักต่อเกษตรกรปลายทาง ที่สำคัญพ่อค้าวัตถุดิบเห็นช่องทางการทำกำไรในช่วงนี้ จึงอาจมีการกักตุนสินค้าโดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ออกสู่ตลาดมากในช่วงก่อนหน้าที่จะเกิดสงครามขึ้น
การเก็บสินค้าตุ้นไว้เพื่อเก็งกำไร ถือเป็นการซ้ำเติมภาคผู้ผลิตและภาคผู้เลี้ยงสัตว์อย่างมาก พ่อค้าคนกลางเพียงแค่ซื้อมาและขายออกไป แทบไม่มีความเสี่ยงใดๆ ในขณะที่ผู้เลี้ยงสัตว์มีต้นทุนให้ต้องแบกรับเป็นจำนวนมาก ทั้งต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่คิดเป็น 70-80% ของต้นทุนการเลี้ยงทั้งหมด ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าการจัดการ ค่าแรงงาน และการป้องกันโรคที่ต้องยกระดับขึ้นซึ่งต้องใช้เงินทุนค่อนข้างสูง การกักตุนผลผลิตข้าวโพด นำไปสู่ราคาสินค้าที่สูงขึ้นมาก และไม่มีเพดานราคาสูงสุด การเพิ่มขึ้นของราคาเป็นไปอย่างอิสระ ขณะที่ภาคผู้ผลิตและผู้เลี้ยงกลับต้องซื้อสินค้าในราคาที่ภาครัฐประกันรายได้ไว้กับผู้เพาะปลูก แต่กลับขอให้เกษตรกรกรตรึงราคาสินค้าปศุสัตว์เอาไว้ ทั้งไก่เนื้อ ไข่ไก่ เพื่อหวังช่วยเหลือผู้บริโภค โดยลืมคิดไปว่าคนเลี้ยงสัตว์ก็คือประชาชนและผู้บริโภคคนหนึ่งเช่นกัน
หากยังปล่อยให้พ่อค้ากักตุนข้าวโพดไว้เช่นนี้ นอกจากประโยชน์จะไม่ตกถึงเกษตรกรผู้เพาะปลูกพืชไร่ดังที่รัฐบาลมุ่งช่วยเหลือมาตลอดแล้ว ทุกข์หนักจะตกกับเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่อาจต้องหยุดเลี้ยง หากภาคการผลิตอาหารสัตว์ไม่สามารถทนรับต้นทุนการผลิตที่สูงได้อีกต่อไป ย่อมตัดสินใจเลิกการผลิตอย่างแน่นอน ขอให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบสต๊อกข้าวโพด เพื่อให้เกิดผลเชิงจิตวิทยา ให้พ่อค้าปล่อยสต๊อกออกมาทำให้ราคาสินค้าปรับลดลง""
สอดคล้องกับ นายกสมาคมผู้เลี้ยงไข่ไก่ มาโนช ชูทับทิม ที่กล่าวถึงราคาไข่ไก่ที่มีการปรับตัวต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ปัจจัยสำคัญมาจากวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะข้าวโพด และข้าวสาลี ที่ขาดแคลนจากสงครามยูเครน ซึ่งทั้งรัสเซียและยูเครน เป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวสาลีรายใหญ่ ปริมาณมากกว่า 30% ของผลผลิตทั้งโลก และต้นทุนในการขนส่งไข่ไก่ยังปรับสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน ส่งผลให้ขณะนี้ต้นทุนการผลิตไข่ไก่ พุ่งสูงถึง 3.10 - 3.24 บาทต่อฟอง เกษตรกรจึงจำเป็นต้องขยับราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มขึ้นเป็น 3.40 บาท คาดว่ายิ่งสถานการณ์สงครามยืดเยื้อ ก็ยิ่งจะทำให้ราคาไข่ไก่สูงขึ้นไปอีก
ปัญหาราคาข้าวโพดที่สูงขึ้นแบบฉุดไม่อยู่ คงมีแต่ภาครัฐเท่านั้นที่พอจะช่วยเกษตรกรได้ อย่าให้คนเพียงกลุ่มเดียวได้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ การปกป้องและดูแลผู้ผลิตและเกษตรกรตลอดห่วงโซ่อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม คือทางออกของปัญหานี้ และควรปล่อยราคาสินค้าเป็นไปตามกลไกตลาด เพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้ในสถานการณ์ที่ต้นทุนการผลิตทั้งหมดต่างปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดย กันย์สินี ศตคุณ นักวิชาการอิสระด้านการเกษตร
",24/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สำนักพัฒนานโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324182548676 นายกรัฐมนตรี ห่วงใยปุ๋ยขาดแคลน สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหา,พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ใจความสำคัญว่า ห่วงใยสถานการณ์ปุ๋ยขาดแคลน เนื่องจากใกล้เริ่มฤดูการเพาะปลูก จึงได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ สำรวจปริมาณปุ๋ยที่มีอยู่ในสต๊อกและจัดหาปุ๋ยเพิ่มเติมให้เพียงพอ โดยมอบแนวทางสำคัญในการบริหารจัดการปุ๋ยว่า ปุ๋ยจะต้องไม่ขาดแคลน รัฐบาลต้องหาปุ๋ยเพิ่มเติมจากต่างประเทศเข้ามาให้เพียงพอ ราคาปุ๋ยต้องเป็นราคาที่เกษตรกรสามารถรับภาระได้ และรัฐบาลจะหาแหล่งสินเชื่อให้กับเกษตรกรรายย่อย โดยให้เกษตรกรรับผิดชอบตามราคาจริงที่ยอมรับได้ รัฐบาลกำหนดให้มีระยะเวลาผ่อนผันที่เกษตรกรไม่ต้องจ่ายต้นอย่างน้อย 2 ปี ประกอบกับรัฐบาลจะเป็นผู้รับภาระด้านดอกเบี้ยแทนเกษตรกร ซึ่งได้กำชับว่าการดำเนินการตามมาตรการนี้ จะต้องไม่เปิดโอกาสให้มีบุคคล หรือกลุ่มใดเข้ามาหาผลประโยชน์ หรือนำเข้าปุ๋ยที่ไม่มีคุณภาพ
นอกจากนี้ ทั้งเรื่องปุ๋ยและพลังงานที่ราคาแพงขึ้น ได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณและกระทรวงการต่างประเทศ ประสานงานกับต่างประเทศว่าจะสามารถให้การสนับสนุนในเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง ควบคู่กับการดูแลการส่งออกผลิตผลทางการเกษตรและผลไม้ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็จะส่งเสริมการทำเกษตรปลอดภัยและเตรียมเปลี่ยนผ่านไปสู่เกษตรอินทรีย์ในอนาคต ซึ่งต้องเร่งวิจัยพัฒนาปุ๋ยอินทรีย์ที่มีคุณภาพมาใช้ทดแทนปุ๋ยเคมี
,24/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324190156710 ติดตามการตรวจรถยนต์ควันดำตามมาตรการลดฝุ่น PM2.5 พบรถควันดำเพิ่มขึ้น เตรียมแผนตรวจจับเข้มข้นและห้ามใช้รถทันที,"
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการสื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานร่วมของเจ้าหน้าที่ ณ จุดตรวจรถยนต์ควันดำ บริเวณถนนพุทธมณฑลสาย 2 เขตทวีวัฒนา ตามข้อสั่งการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนโยบายของรัฐบาลที่เข้มงวดการตรวจจับรถควันดำ ตรวจจับ ปรับจริงห้ามใช้รถควันดำ และบังคับใช้บทลงโทษสูงสุด เพื่อลดฝุ่น PM2.5 ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ณ ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ? ประจำวันที่ 24 มีนาคม 2565 ภาพรวมปริมาณ PM2.5 ในประเทศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ส่วนใหญ่อยู่ในระดับดีมาก สำหรับกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ? ?กทม. ตรวจวัดได้ 11 - 32 มคก./ลบ.ม.
ภาพรวมการตั้งจุดสกัดรถยนต์ควันดำ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ผลการตรวจสอบสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึง 15 มีนาคม 2565 ทั่วประเทศ ตรวจสอบสะสมจำนวน 219,977 คัน พบรถยนต์ควันดำเกินค่ามาตรฐาน 41,019 คัน ห้ามใช้สะสม 1,692 คัน จากสถิติในภาพรวมพบรถยนต์ควันดำเกินค่ามาตรฐานประมาณร้อยละ 18
สำหรับจุดตรวจรถยนต์ควันดำในพื้นที่เขตทวีวัฒนาครั้งนี้ เป็นการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างกองบังคับการตำรวจจราจร กรุงเทพมหานคร และกรมควบคุมมลพิษ และตรวจสอบรถยนต์ที่สัญจรไปมาบริเวณหน้าถนนพุทธมณฑลสาย 2 ตรวจสอบจำนวน 34 คัน พบรถยนต์ควันดำเกินค่ามาตรฐาน 9 คัน โดยมีรถบรรทุกเล็ก 2 คันได้รับใบสั่งควันดำไปแล้ว 1 ครั้ง ครั้งนี้ถูกตรวจพบเป็นครั้งที่ 2 เจ้าของรถแจ้งว่ากำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมซ่อมตามกำหนดเวลาที่ให้ไว้ 1 เดือน ซึ่งกรมควบคุมมลพิษจะได้ติดตามการซ่อมบำรุงรถที่ได้รับใบสั่งไปแล้ว หากไม่ดำเนินการภายในกำหนดเวลาจะห้ามใช้รถยนต์ทันที
ขอความร่วมมือเจ้าของยานพาหนะทุกคน ให้ตรวจและบำรุงรักษาเครื่องยนต์ตามรอบที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอ จะได้ช่วยกันลดมลพิษทางอากาศที่มีผลเสียต่อสุขภาพและในระยะต่อไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไปตรวจควันดำรถบรรทุกขนาดใหญ่และเล็กที่ศูนย์ขนส่งสินค้าชานเมืองทุกจุด
",24/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324192854742 อำเภอยางชุมน้อย ดำเนินการขับเคลื่อนการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน,
นายธรรมศักดิ์ สว่างวงษ์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง รักษาราชการแทน นายอำเภอยางชุมน้อย พร้อมด้วยพัฒนาการอำเภอยางชุมน้อย เกษตรอำเภอยางชุมน้อย ครูศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอยางชุมน้อย ผู้แทนนายกองค์การบริหารส่วนตำบลยางชุมใหญ่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ตำบลยางชุมใหญ่ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันออกเคาะประตูครัวเรือน จำนวน 5 ครัวเรือน (สงเคราะห์ทั้งหมด) เพื่อดำเนินการขับเคลื่อนการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) ในระดับพื้นที่ ณ ตำบลยางชุมใหญ่
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,24/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ศรีสะเกษ,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324193610754 จังหวัดสุรินทร์ จัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ไตรมาสที่ 2 จังหวัดสุรินทร์ ปีงบประมาณ พ.ศ.2565,ที่โรงเรียนสินรินทร์วิทยา หมู่ที่ 2 ตำบลเขวาสินรินทร์ อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดสุรินทร์ จัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ไตรมาสที่ 2 จังหวัดสุรินทร์ ปีงบประมาณ พ.ศ.2565 เพื่อให้บริการแก่เกษตรกร ในการแก้ไขปัญหาการผลิตด้านการเกษตร ได้อย่างรวดเร็วทั่วถึง และสอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร ซึ่งมีการบูรณาการความร่วมมือกัน ระหว่างหน่วยงานวิชาการ หน่วยงานส่งเสริม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพัฒนาฟื้นฟูเกษตรกร ให้สามารถทำการผลิตทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งเป็นการปฏิบัติงานในเชิงรุกที่ทำให้เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายที่มีปัญหา ให้ได้รับบริการทางการเกษตร เช่น การวิเคราะห์ดิน การวินิจฉัยโรคพืช โรคสัตว์ โรคสัตว์น้ำ รวมถึงถ่ายทอดเทคโนโลยีและฝึกอบรมความรู้การเกษตร เสริมเพิ่มเติมควบคู่กันไปด้วย โดยมี นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธาน นายวันชัย ประยงค์หอม เกษตรจังหวัดสุรินทร์ กล่าวรายงาน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการทั้งระดับจังหวัดและระดับอำเภอร่วมเป็นเกียรติ
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2565 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กำหนดให้จัดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทุกจังหวัดทั่วประเทศจำนวน 4 ครั้ง ไตรมาสละ 1 ครั้ง กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การเปิดให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่การฝึกอบรมอาชีพระยะสั้น การให้บริการของหน่วยงานในสังกัด
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์/และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสิ้นจำนวน 18 คลินิก จาก 25 หน่วยงาน โดยมีเกษตรกรเข้ารับบริการทางการเกษตรประมาณ 300 คน ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่วนราชการในจังหวัดสุรินทร์ นายอำเภอเขวาสินรินทร์ เทศบาลตำบลเขวาสินรินทร์ โรงเรียนสินรินทร์วิทยา ส่วนราชการและผู้นำชุมชนในอำเภอเขวาสินรินทร์
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,24/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,สุรินทร์,สวท.สุรินทร์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324193008745 ศรีสะเกษออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ( พอ.สว.) และบริการจังหวัดเคลื่อนที่,"จังหวัดศรีสะเกษออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ (พอ.สว.) และบริการจังหวัดเคลื่อนที่ในพื้นที่ห่างไกลพร้อมเข้าไปรับทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในอำเภอเมืองจันทร์
ที่โรงเรียนบ้านวรคุณอุปถัมภ์ หมู่ที่ 10 ตำบลหนองใหญ่ อำเภอเมืองจันทร์ จังหวัดศรีสะเกษ นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานเปิดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ พอ.สว. ให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป พร้อมให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพแก่ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการและยากไร้ อีกทั้งยังบูรณาการนำส่วนราชการออกหน่วยบริการจังหวัดเคลื่อนที่ ช่วยลดภาระค่าใช้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางติดต่อราชการถึงอำเภอหรือจังหวัด โอกาสนี้ ยุติธรรมจังหวัด ได้มอบเงินเยียวยาช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตจากคดีจราจร การมอบยาสามัญประจำบ้าน การมอบถุงยังชีพ ตลอดจนมอบไม้เท้าแก่ผู้สูงอายุอีกด้วย
สำหรับปัญหาความต้องการที่อยากให้จังหวัดแก้ไขเร่งด่วน คือ ขุดลอกคลองโนนใหญ่ ตำบลหนองใหญ่ ถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก บ้านอลาง หมู่ที่ 3 ตำบลหนองใหญ่ ถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก บานเขวา หมู่ที่ 8 ตำบลหนองใหญ่ บ้านหนองแคน หมูที่ 12 ตำบลเมืองจันทร์ ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ไม่สะดวกแก่การสัญจรไปมา และ ขนส่งสินค้าเกษตรกร จึงอยากให้ปรับปรุง
ขณะที่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ (พอ.สว.) จังหวัดศรีสะเกษ ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาต จากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ให้เป็นจังหวัด พอ.สว. ลำดับที่ 28 เมื่อ พ.ศ.2513 วัตถุประสงค์หลักเพื่อช่วยเหลือและรักษาโรคแก่ประชาชนในถิ่นห่างไกลและทุรกันดาร การออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ในครั้งนี้ เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และร่วมเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานกิตติมศักดิ์ มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ทรงมุ่งบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ราษฎรในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ ได้เข้าถึงบริการทางด้านการแพทย์ และสาธารณสุขอย่างทั่วถึง
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยมีหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดสุรินทร์ นายอำเภอเขวาสินรินทร์ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เกษตรกร และประชาชนชาวสุรินทร์ ณ โรงเรียนสินรินทร์วิทยา หมู่ที่ 2 ตำบลเขวาสินรินทร์ อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ กล่าวว่า โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นรูปแบบหนึ่งของการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรในพื้นที่พร้อมทั้งถ่ายทอดความรู้ให้แก่เกษตรกรไปในคราวเดียวกัน ซึ่งเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร เพราะเกษตรกรจะได้รับบริการแบบครบวงจรในทุกๆ ด้าน เป็นการนำบุคลากร อุปกรณ์ เครื่องมือ และองค์ความรู้ด้านการเกษตรมาให้บริการแก่พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่
กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และการให้บริการของหน่วยงานในจังหวัดสุรินทร์ ทั้งสิ้นจำนวนกว่า 80 หน่วยงาน เช่น การแจกพันธุ์ไม้ การแจกพันธุ์ปลา การสาธิต การใช้โซลาร์เซลในครัวเรือน การบริการความรู้ด้านต่างๆ ของหน่วยงานในจังหวัดสุรินทร์
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",24/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,สุรินทร์,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324204623775 รมช.คมนาคมมอบเงินเยียวยาเกษตรกรผู้ประสบภัยจากโรคลัมปีสกินในโค-กระบือ พร้อมมอบโค โครงการธนาคารโค - กระบือ เพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ,"วันนี้(24 มีนาคม 2565) เวลา 09.30 น. ดร.อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีมอบเงินเยียวยาเกษตรกรผู้ประสบภัยจากโรคลัมปีสกินในโค-กระบือ พร้อมมอบโค ซึ่งได้รับสนับสนุนจากกรมปศุสัตว์ ให้เกษตรกรยืมเพื่อการผลิต ตามโครงการธนาคารโค-กระบือ เพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ
โดยมีนายพศวีร์ สมใจ ปศุสัตว์จังหวัดนครราชสีมา, หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ธนาคาร ธ.ก.ส., อาสาสมัครปศุสัตว์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชนและเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือ ร่วมเป็นเกียรติในพิธี โดยมอบให้เกษตรกร จำนวน 3 อำเภอ ดังนี้
อ.โนนแดง เกษตรกร 57 ราย เงินเยียวยา 768,500 บาท
อ.เมืองยาง เกษตรกร 118 ราย เงินเยียวยา 2,823,000 บาท และมอบโค 28 ตัว ให้เกษตรกร 28 ราย
อ.ลำทะเมนชัย เกษตรกร 108 ราย เงินเยียวยา 2,279,000 บาท และมอบโค 26 ตัว ให้เกษตรกร 26 ราย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",24/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220324212541785 "เกษตรยะลา ให้ความรู้""โรคเหี่ยวกล้วย"" งาน Field Day เริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่","เกษตรยะลา จัดนิทรรศการวิชาการให้ความรู้ ""โรคเหี่ยวกล้วย"" แก่เกษตรกร งานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day)
นายกัสมัน ยะมาแล เกษตรจังหวัดยะลา มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดยะลา ออกหน่วยบริการคลินิกพืช จัดนิทรรศการวิชาการโรคเหี่ยวกล้วย เพื่อให้ความรู้คำแนะนำการป้องกันกำจัดโรคเหี่ยวกล้วย โดยวิธีผสมผสาน รวมทั้งการผลิตขยายเชื้อบีเอส เพื่อใช้ในแปลงกล้วย แก่เกษตรกร จำนวน 80 ราย ที่สนใจเข้าเรียนรู้ เพื่อนำไปปฏิบัติในแปลง ในงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day) ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรอำเภอกาบัง หมู่ที่ 5 ตำบลบาละ อำเภอกาบัง จังหวัดยะลา ซึ่งมีนายอัมรันท์ บากา นายอำเภอกาบัง เป็นประธานเปิดงาน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",25/3/2022,ภาคใต้,ยะลา,สทท.ยะลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325090310807 การยางแห่งประเทศไทย เดินหน้าชดเชยดอกเบี้ยผู้ประกอบการยาง - สถาบันเกษตรกรฯ วงเงินกู้ 2 หมื่นล้านบาท พร้อมเปิดยื่นคำขอแล้ว ตั้งแต่ 1 เม.ย. นี้,"นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า รัฐบาลสนับสนุนชดเชยดอกเบี้ยในอัตราตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 3 ต่อปี ระยะเวลาโครงการ 1 ปี (ไม่เกิน ธันวาคม 2565) วงเงินกู้รวมทั้งโครงการไม่เกิน 20,000 ล้านบาท เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนผลผลิต ช่วยดูดซับยางพาราออกจากระบบมาใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับผู้ประกอบการในลักษณะหมุนเวียน เสริมสร้างศักยภาพโครงสร้างอุตสาหกรรมยาง พร้อมแข่งขันทั้งภายในและต่างประเทศในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ทำให้เกษตรกรชาวสวนยางและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการจะต้องรับซื้อยางในราคาเฉลี่ยรายเดือนไม่ต่ำกว่า ราคาประกาศเฉลี่ยของการยางแห่งประเทศไทย ซึ่งการดำเนินโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบกิจการยางดังกล่าว ไม่ใช่เฉพาะผู้ประกอบกิจการยางรายใหญ่ที่สามารถเข้าร่วมโครงการเท่านั้น แต่มุ่งหวังให้ผู้ประกอบกิจการยางรายย่อย โดยเฉพาะสถาบันเกษตรกรที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดเข้าก็สามารถร่วมโครงการได้เช่นกัน
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจจะร่วมโครงการดังกล่าว สามารถส่งคําขอพร้อมเอกสารมาที่ ฝ่ายอุตสาหกรรมยาง การยางแห่งประเทศไทย หรือสามารถยื่นเอกสารด้วยตัวเองในวันและเวลาราชการ ตั้งแต่ วันที่ 1 - 30 เมษายน นี้ โดยจะต้องมีคุณสมบัติเป็นผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง) ที่ซื้อยางมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน ยางแผ่นผึ่งแห้ง ยางเครป ยางคอมปาวด์ ยางผสม ยางสกิม ไม่ใช่เป็นการดําเนินการรวบรวมผลผลิตเพื่อจําหน่าย เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตค้ายาง ใบอนุญาตตั้งโรงทํายางตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 และมีการรายงานข้อมูลบัญชียางให้กับกรมวิชาการเกษตร นอกจากนี้จะต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือหนังสือรับรองจากสํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดในจังหวัดที่โรงงานตั้งอยู่ (แล้วแต่กรณี) แต่ทั้งนี้จะต้องเป็นผู้ประกอบกิจการยางซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย และมีผู้มีสัญชาติไทยถือหุ้นมากกว่า 50% ของทุนจดทะเบียน และสามารถขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินได้โดยที่สถาบันการเงินนั้นๆ รับทราบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ เมื่อผู้ประกอบการยื่นคำขอเพื่อเข้าร่วมโครงการแล้ว คณะกรรมการบริหาร จะเป็นผู้พิจารณากําหนดวงเงินจัดสรรของผู้ประกอบกิจการยาง โดยพิจารณาจากข้อมูลบัญชีการซื้อยางตามแบบยาง 5 ของกรมวิชาการเกษตร กําหนดให้วงเงินจัดสรรไม่เกินมูลค่าซื้อยางเฉลี่ยรายเดือนที่ใช้ซื้อจริงในปี 2564 และไม่เกิน 1,000 ล้านบาทต่อราย จากนั้นคณะกรรมการบริหารโครงการพิจารณาอนุมัติเงินชดเชยดอกเบี้ยของผู้เข้าร่วมโครงการ
",25/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325104058855 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ กทม. และปริมณฑลคุณภาพอากาศดีต่อเนื่อง จากฝนที่ตกช่วยลดการสะสมของฝุ่นลงได้,ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลคุณภาพอากาศดีต่อเนื่อง จากฝนที่ตกช่วยลดการสะสมของฝุ่นลงได้
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (25 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีมากถึงดี โดยค่าฝุ่นปรับตัวลดลงจากฝนที่ตกลงมา ทำให้ทุกพื้นที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 26 มีนาคม - 1 เมษายน แล้วต้องเฝ้าระวังช่วงวันที่ 28 - 30 มีนาคมภาคเหนือมีโอกาสเกิดฝนตกหลายพื้นที่
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงปานกลาง โดยค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศเปิด มีลมพัด และฝนตกช่วยลดการสะสมของฝุ่นลง ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานวันที่ 26 มีนาคม - 1 เมษายน
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
,25/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325092446815 กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนภาคใต้ระวังเกิดฝนตก ส่วนตอนบนของประเทศฝนลดลง,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนภาคใต้ระวังเกิดฝนตก ส่วนตอนบนของประเทศฝนลดลง
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (25 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนอง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.นครพนม 67 มิลลิเมตร , นราธิวาส 104 มิลลิเมตร และสกลนคร 74 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 27,713 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 48 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 21,804 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 46 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
",25/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325092210814 หนุนสหกรณ์ต่อยอดผลักดันสมาชิกปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สร้างรายได้ต่อไร่ดีกว่าปลูกข้าว,"นายอัชฌา สุวรรณนิตย์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า โครงการสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังนาได้ผลเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ที่สหกรณ์การเกษตรบ้านหม้อ จำกัด ตำบลบ้านหม้อ อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ลงมือปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวนาปรังมาเป็นข้าวโพดหลังนา สามารถสร้างรายได้มากกว่าการปลูกข้าวถึง 3 เท่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 2 ปี สหกรณ์ยังคงเดินหน้าส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาอย่างต่อเนื่อง
เดิมเกษตรกรปลูกข้าวได้กำไร 1,200 บาทต่อไร่ เมื่อเปลี่ยนมาปลูกข้าวโพดทำให้ได้กำไรเพิ่มเป็น 4,170 บาทต่อไร่ จึงได้ส่งเสริมให้มีการขยายผล ปัจจุบันมีสหกรณ์หลายแห่งมองข้าวโพดเป็นพืชทางเลือกใหม่ จึงมีสมาชิกสหกรณ์หันมาปลูกข้าวโพดในฤดูแล้งเพิ่มมากขึ้น เฉพาะที่อุตรดิตถ์จาก 2,300 ไร่ เพิ่มเป็น 10,130 ไร่ ประกอบกับสถานการณ์สงครามทั้งยูเครนและเมียนมาร์กระทบต่อการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้น จึงเชื่อว่าจะจูงใจให้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวโพดเพิ่มมากขึ้นในอนาคตเกษตรกรที่ปรับจากการปลูกข้าวนาปรังมาปลูกข้าวโพดหลังนา แม้จะไม่มากหากเปรียบเทียบกับความต้องการในประเทศที่มีประมาณ 8 ล้านตัน ประเทศไทยผลิตได้เพียง 4-5 ล้านตัน ทำให้ข้าวโพดฤดูแล้งสามารถทำรายได้ที่ดีเปรียบเทียบต่อไร่ระหว่างข้าวกับข้าวโพด
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กสส.ประเมินว่า จากสถานการณ์สงครามที่ยูเครนกระทบต่อการส่งออกพืชทดแทน ได้แก่ ข้าวสาลีและที่เมียนมากระทบต่อการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทำให้ในประเทศขาดแคลนกว่า 3 ล้านตัน ส่งผลให้ราคาข้าวโพดสูงขึ้น ดังนั้นเชื่อว่าเกษตรกรจะหันมาปลูกข้าวโพดเพิ่มทั้งในฤดูและนอกฤดู จากราคาที่จูงใจ ประกอบกับใช้เวลาในการปลูกเพียง 120 วันเท่านั้น จึงเตรียมความพร้อมในการสนับสนุนให้สหกรณ์การเกษตร ที่มีธุรกิจรวบรวมข้าวโพดมาช่วยในการรับซื้อและเชื่อมโยงตลาด
",25/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325103105843 กรมส่งเสริมสหกรณ์หนุนสหกรณ์ต่อยอดผลักดันสมาชิกปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สร้างรายได้ต่อไร่ดีกว่าปลูกข้าว เพราะความต้องการวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ในประเทศปีละ 8 ล้านตัน,"
นายอัชฌา สุวรรณนิตย์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า โครงการสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังนาได้ผลเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ที่สหกรณ์การเกษตรบ้านหม้อ จำกัด ต.บ้านหม้อ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ได้ลงมือปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวนาปรังมาเป็นข้าวโพดหลังนา สามารถสร้างรายได้มากกว่าการปลูกข้าวถึง 3 เท่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 2 ปี สหกรณ์ยังคงเดินหน้าส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาอย่างต่อเนื่อง เดิมเกษตรกรปลูกข้าวได้กำไร 1,200 บาทต่อไร่ เมื่อเปลี่ยนมาปลูกข้าวโพดทำให้ได้กำไรเพิ่มเป็น 4,170 บาทต่อไร่ จึงได้ส่งเสริมให้มีการขยายผล
ปัจจุบันมีสหกรณ์หลายแห่งมองข้าวโพดเป็นพืชทางเลือกใหม่ จึงมีสมาชิกสหกรณ์หันมาปลูกข้าวโพดในฤดูแล้งเพิ่มมากขึ้น เฉพาะที่อุตรดิตถ์จาก 2,300 ไร่ เพิ่มเป็น 10,130 ไร่ ประกอบกับสถานการณ์สงครามทั้งยูเครนและเมียนมาร์กระทบต่อการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้น จึงเชื่อว่าจะจูงใจให้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวโพดเพิ่มมากขึ้นในอนาคตเกษตรกรที่ปรับจากการปลูกข้าวนาปรังมาปลูกข้าวโพดหลังนา แม้จะไม่มากหากเปรียบเทียบกับความต้องการในประเทศที่มีประมาณ 8 ล้านตัน ประเทศไทยผลิตได้เพียง 4-5 ล้านตัน ทำให้ข้าวโพดฤดูแล้งสามารถทำรายได้ที่ดีเปรียบเทียบต่อไร่ระหว่างข้าวกับข้าวโพด
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กสส.ประเมินว่าจากสถานการณ์สงครามที่ยูเครนกระทบต่อการส่งออกพืชทดแทน ได้แก่ ข้าวสาลีและที่เมียนมาร์กระทบต่อการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทำให้ในประเทศ ขาดแคลนกว่า 3 ล้านตัน ส่งผลให้ราคาข้าวโพดสูงขึ้น ดังนั้นเชื่อว่าเกษตรกรจะหันมาปลูกข้าวโพดเพิ่มทั้งในฤดูและนอกฤดู จากราคาที่จูงใจ ประกอบกับใช้เวลาในการปลูกเพียง 120 วันเท่านั้น จึงเตรียมความพร้อมในการสนับสนุนให้สหกรณ์การเกษตร ที่มีธุรกิจรวบรวมข้าวโพดมาช่วยในการรับซื้อและเชื่อมโยงตลาด
",25/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325102804842 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลงต่อเนื่องจากฝนที่ตกลงมา ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านลดลงเช่นกัน,"สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลงต่อเนื่องจากฝนที่ตกลงมา ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านลดลงเช่นกัน
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (24 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศเพียง 50 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่เกษตร 24 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 10 จุด // พื้นที่เขต สปก. 10 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 3 จุด // พื้นที่ริมทางหลวง 2 จุด และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 1 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด คือ ฉะเชิงเทรา 6 จุด , กำแพงเพชร 4 จุด และชัยนาท 3 จุด โดยจุดความร้อนเกิดขึ้นเบาบางทั้งในและนอกประเทศ เนื่องจากมีฝนตกจากพายุฝนฟ้าคะนอง แต่ยังมีพบบ้างเล็กน้อยกระจายบริเวณพื้นที่ภาคกลาง ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 24 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 11,723 จุด , ภาคเหนือ 10,836 จุด และภาคกลาง 6,253 จุด ส่วนค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 วันนี้ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทยมีคุณภาพอากาศอยู่ในระดับดีมาก สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาวันนี้พบ 387 จุด รองลงมาเป็นเวียดนาม 186 จุด และประเทศไทย 50 จุด
",25/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325101926830 กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำประจำสัปดาห์ พร้อมสั่งโครงการชลประทานทั่วประเทศ เตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝนปีนี้,"นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 48,704 ล้าน ลบ.ม. เป็นน้ำใช้การได้ 24,768 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกเป็นระยะๆ ส่งผลดีต่อปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและในลำน้ำธรรมชาติ ทำให้เกษตรกรมีน้ำเพียงพอสำหรับการเพาะปลูก ทั้งยังส่งผลดีต่อการควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำสายหลักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงได้กำชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่ตอนบนพิจารณาปรับลดการระบายน้ำ เพื่อเป็นการประหยัดน้ำไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝน และสำรองไว้เพื่อการปรับปฏิทินการเพาะปลูกในพื้นที่ลุ่มต่ำ
นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ เตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝนปี 65 ตามมาตรการที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบทั้ง 13 มาตรการอย่างเคร่งครัด ตรวจสอบอาคารชลประทาน โดยเฉพาะบานระบายประตูน้ำให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ สำหรับอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ ให้ควบคุมปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด ปรับการระบายน้ำให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างสม่ำเสมอ
",25/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325102501831 จ.ประจวบฯ ลงนามความร่วมมือโครงการตามพระราชดำริ อุทยานแห่งชาติ และวนอุทยาน ขับเคลื่อนการบริหารจัดการขยะแบบพลเรือนยุคใหม่ ชุมชนไร้ถัง ป้องกันผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม,ที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขัน เป็นประธานพิธีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการขยะแบบพลเรือนยุคใหม่ ชุมชนไร้ถัง ภายใต้โครงการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามแนวพระราชดำริและกิจการพิเศษ จัดโดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฯ มีหัวหน้าหน่วยงานและผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 12 โครงการ อุทยานแห่งชาติ 5 แห่ง และวนอุทยาน 4 แห่งในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมลงนาม เพื่อขยายผลการบริหารจัดการขยะในพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ วนอุทยานแห่งชาติ และวนอุทยาน ป้องกันผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีการบรรยายแนวทางการบริหารจัดการขยะแบบพลเรือนยุคใหม่ ชุมชนไร้ถัง มีการจัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้ และมีกิจกรรมสาธิต แลกเปลี่ยนความรู้การบริหารจัดการขยะและจัดทำแผนปฏิบัติการบริหารจัดการขยะตามแนวทางการบริหารจัดการขยะแบบพลเรือนยุคใหม่ ชุมชนไร้ถัง
นายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า จากกรณีที่ตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.64 ได้ครบกำหนดสัญญาการอนุญาตให้ใช้พื้นที่ศูนย์กำจัดขยะรวมของเทศบาลตำบลปราณบุรี ซึ่งตั้งอยู่ภายในศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ หมู่ที่ 3 ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการบริหารจัดการขยะที่ต้องนำไปกำจัดประมาณวันละ 280 ตัน ดังนั้น ในปี 2565 จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินงานขับเคลื่อนแนวทางการบริหารจัดการขยะแบบพลเรือนยุคใหม่ ชุมชนไร้ถัง ซึ่งเป็นการประยุกต์ทฤษฎีของสถาบันพระปกเกล้ามาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและทัศนคติของประชาชน จากเดิมที่เห็นว่าการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยเป็นหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและจังหวัด เปลี่ยนเป็นหน้าที่ของทุกคนในจังหวัด เพื่อสนับสนุนการไม่มีถังขยะในชุมชน เป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ถือเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบด้านสังคม คือ การต่อต้านสถานที่กำจัดขยะ ประชาชนไม่อยากให้ท้องถิ่นของตัวเองเป็นสถานที่กำจัดขยะของท้องถิ่นอื่น ด้านเศรษฐกิจ องค์ปกครองส่วนท้องถิ่นต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการกำจัดขยะ และด้านสิ่งแวดล้อม จะทำให้เกิดความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติจากการเปลี่ยนระบบนิเวศป่าชายเลน การใช้ป่าสงวนเสื่อมโทรมเป็นสถานที่ทิ้งขยะ หรือก่อสร้างระบบกำจัดขยะที่ไม่ถูกต้อง หรือเกิดมลพิษทางทะเลจากไมโครพลาสติก
การจัดพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ จึงเป็นการนำต้นแบบผลงานโครงการมิติใหม่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไร้ถังขยะมาต่อยอดขยายผล สร้างประชาชนให้เป็นพลังของเมืองในการร่วมกันจัดการปัญหาขยะด้วยตนเอง ซึ่งแนวทางชุมชนไร้ถัง คือ ไม่ทิ้งอะไรไว้ ให้เหลือไว้แต่รอยยิ้ม พริ้มใจและความสดใสของธรรมชาติ ใช้วัฒนธรรมนำเทคโนโลยี เปื้อนให้ล้าง เปียกให้ตาก รวบรวมบริจาค ซึ่งความสำเร็จต้องเริ่มจากผู้นำต้องทำก่อน ภายหลังการลงนามความร่วมมือแล้ว คณะทำงานประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มิติด้านสิ่งแวดล้อม จะตรวจเยี่ยมให้คำแนะนำ ติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน และในโอกาสต่อไปจะเชิญหน่วยงานที่ดำเนินการเห็นผลเป็นรูปธรรมมาร่วมถอดบทเรียนเพื่อขยายผลไปสู่การปฏิบัติของหน่วยงานอื่นๆ ต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,25/3/2022,ภาคตะวันตก,ประจวบคีรีขันธ์,สวท.ประจวบคีรีขันธ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325112517884 สคทช. และ BEDO ร่วมกันถ่ายทอดองค์ความรู้ส่งเสริมให้เกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ คทช. มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น,สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) และสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หรือ BEDO ร่วมกันถ่ายทอดองค์ความรู้ส่งเสริมให้เกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ คทช. มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
นางรวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) พร้อมด้วย นางสุวรรณา เตียรถ์สุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (BEDO) ได้ร่วมลงนามข้อตกลงการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้มาใช้ประกอบอาชีพหรือพัฒนาศักยภาพด้านต่างๆของชุมชน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพในระดับฐานรากในพื้นที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ให้เป็นประโยชน์และเกิดการพัฒนาเศรษฐกิจคุณภาพชีวิต ควบคู่กับการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน โดย ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) กับ สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หรือ BEDO (เบโด้) จะเป็นการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติและประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานให้กับประชาชนในพื้นที่ คทช. ยกระดับสินค้าทางการเกษตร และพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆในท้องถิ่นให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชนและเป็นแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืน จึงเป็นความร่วมมือกันกับภาคีที่เข้มแข็งอย่าง BEDO มาสนับสนุนและขับเคลื่อนชุมชนให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG (การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว) คาดว่า จะเกิดการขยายผลทั่วประเทศในปีต่อไป
ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) กล่าวย้ำว่า รัฐบาล เน้นให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากที่ดินให้สูงสุดที่ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งให้เกิดการดำเนินการและแก้ปัญหาหรือปลดล็อกกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย พร้อมติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาการตรวจพิสูจน์สิทธิการครอบครองและการใช้ประโยชน์จากที่ดิน โดยให้ยึดหลักการใช้ข้อเท็จจริงที่รอบด้านและหลักการการเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ แต่ให้เข้าใช้ประโยชน์ได้ไม่ให้เกิดปัญหาและผลกระทบในอนาคต โดยเฉพาะเน้นการเสริมสร้างพื้นที่ทำกินให้ประชาชนเป็นการตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ
,25/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325112447883 จังหวัดระยอง เปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ให้บริการแก้ไขปัญหาและถ่ายทอดความรู้ให้แก่เกษตรกร,"นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารไตรมาสที่ 2/2565 ณ อาคารอเนกประสงค์โรงเรียนวัดมาบข่า (มาบข่าวิทยาคาร) ต.มาบข่า อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง มีนางมาริน สมคิด เกษตรจังหวัดระยอง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้นำชุมชนและเกษตรกรในพื้นที่เข้าร่วม สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การเปิดให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ได้แก่ คลินิกปศุสัตว์ คลินิกพืช คลินิกประมง คลินิกดิน คลินิกชลประทาน คลินิกบัญชี คลินิกปฏิรูปที่ดิน คลินิกสหกรณ์ คลินิกกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง คลินิกสาธารณสุข คลินิกพืชสวน และคลินิกอารักขาพืช และการให้บริการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ คลินิกสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดระยอง สวนพฤกษาศาสตร์จังหวัดระยอง มีเกษตรกรมาร่วมงานและเข้ารับบริการทางการเกษตรไม่น้อยกว่า 100 คน
นางมาริน สมคิด เกษตรจังหวัดระยอง กล่าวว่า โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการแก่เกษตรกรในการแก้ไขปัญหาการผลิตด้านการเกษตรได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง สอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร มีการบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานวิชาการ หน่วยงานส่งเสริมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพัฒนาฟื้นฟูเกษตรกรให้สามารถทำการผลิตทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยเป็นการปฏิบัติงานในเชิงรุกที่ทำให้เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายที่มีปัญหา ให้ได้รับบริการทางการเกษตร เช่น การวิเคราะห์ดิน การวินิจฉัยโรคพืช โรคสัตว์ โรคสัตว์น้ำ รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและฝึกอบรมความรู้การเกษตรเสริมเพิ่มเติมควบคู่กันไปด้วย
นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นรูปแบบหนึ่งของการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรในพื้นที่ พร้อมกับถ่ายทอดความรู้ให้แก่เกษตรกรไปในคราวเดียวกัน เป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรเป็นอย่างยิ่ง เพราะเกษตรกรจะได้รับบริการแบบครบวงจรในทุก ๆ ด้าน ซึ่งเป็นการนำบุคลากร อุปกรณ์ เครื่องมือ และองค์ความรู้ด้านการเกษตรมาให้บริการแก่พี่น้องเกษตรกรถึงในพื้นที่
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",25/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สวท.ระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325123749908 ผู้ว่าฯ สมุทรสงคราม มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบคุณภาพน้ำเน่าเสียในคลองวัดประดู่ว่าเกิดจากสาเหตุใดให้ชัดเจน เพื่อจะได้เร่งแก้ปัญหาให้ตรงจุด,"ที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดฯ นายขจร ศรีชวโนทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการและคณะทำงานในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียคลองวัดประดู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม โดยมี นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมคณะกรรมการและคณะทำงาน ในการแก้ไขปัญหาน้ำเสียคลองวัดประดู่ เข้าร่วมประชุม
ซึ่งที่ประชุมได้ติดตามคุณภาพน้ำในคลองวัดประดู่ โดยมีการเก็บตัวอย่างน้ำรวม 8 จุด ได้แก่ วัดแก้วเจริญ ตำบลเหมืองใหม่,วัดประดู่ ตำบลวัดประดู่,วัดช่องลมวรรณาราม,คลองปากท่อ ตำบลวัดยางงาม,คลองวันดาว ตำบลวันดาว,สะพานก่อนประตูน้ำ คลองวัดประดู่ ตำบลวันดาว,สะพานหลังประตูน้ำ คลองห้วยโรง ตำบลห้วยโรง และฝายทับเทียม ตำบลแพรกหนามแดง ซึ่งพบว่าคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมและเสื่อมโทรมมาก โดยเฉพาะบริเวณคลองวัดประดู่และบริเวณหน้าวัดช่องลมวรรณาราม เนื่องจากมีแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์ม,ความสกปรกในรูปสารอินทรีย์,แบคทีเรีย,และแอมโมเนียไนโตรเจนปะปนอยู่ในน้ำเป็นจำนวนมาก ทำให้สภาพน้ำเน่าเสียประชาชนไม่สามารถนำน้ำไปอุปโภคได้ อย่างไรก็ตามผู้ว่าราชการจังหวัดได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบสาเหตุของน้ำเน่าเสียว่าเกิดจากมูลสัตว์หรือการทิ้งสิ่งปฎิกูลลงสู่ลำคลอง เพื่อที่จังหวัดจะได้เร่งดำเนินการแก้ไขได้อย่างตรงจุด
ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า เนื่องจากรัฐบาลได้มีนโยบายให้ทุกจังหวัดดำเนินการตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติ แม่น้ำ คูคลอง หนอง บึง ให้สะอาดสวยงาม โดยให้จังหวัดทุกจังหวัดเสนอชื่อแหล่งน้ำที่จะดำเนินการฟื้นฟูเพื่อเป็นต้นแบบของการพัฒนาแหล่งน้ำในแต่ละจังหวัด ซึ่งจังหวัดสมุทรสงครามได้เลือกคลองวัดประดู่ และได้ดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2563 จนถึงปัจจุบันและจะดำเนินการต่อเนื่องให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลดังกล่าว โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงคำสั่งจังหวัดฉบับเดิมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
รุ่งนภา/ข่าว ธิติมา/เรียบเรียง
ทีมงานสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",25/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,สมุทรสงคราม,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325140434941 ชูต้นแบบสหกรณ์การเกษตรยั่งยืนแม่ทา เชื่อมโยงตลาดพืชผักอินทรีย์ของเกษตรกรรุ่นใหม่,"นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสหกรณ์การเกษตรยั่งยืนแม่ทา จำกัด ว่า โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่ตำบลแม่ทา อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ นับว่าเป็นพื้นที่ต้นแบบ ให้แก่พื้นที่โครงการ คทช.หลายๆ แห่ง ได้นำไปศึกษาและใช้แนวคิดของชุมชนแห่งนี้ไปปรับใช้
ส่วนหนึ่งของความสำเร็จ เกิดจากความเข้มแข็งของผู้นำชุมชน ความร่วมมือจากชาวแม่ทาและองค์กรทางเศรษฐกิจในชุมชน อย่างสหกรณ์ที่พยายามขับเคลื่อนร่วมกับชุมชนอย่างมีเอกภาพ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ระบบสหกรณ์ ยังคงมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของสมาชิกในชุมชนแห่งนี้ ให้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ และฝากความหวังไว้กับคนรุ่นใหม่ ให้ช่วยกันขับเคลื่อน ระบบเกษตรและการตลาดอินทรีย์ ที่สร้างความปลอดภัยต่อสุขภาพผู้คนในสังคม สร้างความมั่นคงทางรายได้ของคนในชุมชน ให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน เพื่อให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติราชการและวิสัยทัศน์ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2565 คือ ภาคเกษตรมั่นคง เกษตรกรมั่งคั่ง ทรัพยากรเกษตรยั่งยืน ต่อไป
สำหรับพื้นที่ชุมชนบ้านแม่ทา อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ในโครงการจัดที่ดินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล มีพื้นที่รับมอบจากกรมป่าไม้ 2,323 แปลง 1,190 ราย รวมพื้นที่ 7,282 ไร่ อนุญาตให้ราษฎรเข้าทำประโยชน์ 1,374 ราย 2,693 แปลง พื้นที่ 5,586 ไร่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ส่งเสริมสนับสนุน อาทิ การสนับสนุนเครื่องจักรและอุปกรณ์ ในปีงบประมาณ 2561 ในโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกร
",25/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325141916950 เกษตรจังหวัดระยอง จัดคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ฯ เติมความรู้ให้เกษตรกร,"
ที่อาคารอเนกประสงค์โรงเรียนวัดมาบข่า ต.มาบข่า อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระบรมราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานเกษตรจังหวัดระยอง มี นางมาริน สมคิด เกษตรจังหวัดระยอง กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ ภายในงานมีการให้บริการคลินิเกษตรเคลื่อนที่ให้คำปรึกษา และความรู้วิเคราะห์ วินิจฉัยโรคทั้งพืช สัตว์ ประมง ดิน น้ำ สนับสนุนปัจจัยการผลิต เมล็ดพันธุ์พืช และต้นกล้าไม้แจกจ่ายเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่
นางมาริน สมคิด เกษตรจังหวัดระยอง กล่าวว่า โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ดังกล่าว เป็นรูปแบบหนึ่งของการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร พร้อมกับถ่ายทอดเทคโนโลยี และองค์ความรู้การแก้ไขปัญหาการผลิตด้านการเกษตรที่สอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร โดยการบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานวิชาการ หน่วยส่งเสริมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพัฒนาฟื้นฟูเกษตรกรให้สามารถทำการผลิตทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",25/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325145225966 ประมงจังหวัดนครปฐมและคณะกรรมการ FC ลงพื้นที่เยี่ยมชุมชนประมงท้องถิ่น กลุ่มแปรรูปสัตว์น้ำบัวปากท่า อ.บางเลน และเยี่ยมฟาร์มที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP,นายชนินทร์ แสงรุ่งเรือง ประมงจังหวัดนครปฐม และคณะกรรมการติดตามการดำเนินโครงการพัฒนาอาชีพชุมชนประมง ด้านแปรรูปสัตว์น้ำ กลุ่มองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น ด้านแปรรูปปลาดุกแดดเดียว บ้านบัวปากท่า ต.บัวปากท่า อ.บางเลน จ.นครปฐม โดย กลุ่มได้จัดซื้ออุปกรณ์การบรรจุผลิตภัณฑ์แบบใหม่ และพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบพร้อมทาน หวังเพิ่มยอดการจำหน่ายให้กลุ่มปลาแดดเดียว อย่างต่อเนื่องและปรับให้เข้ากับสถานการณ์โควิด-19
นอกจากนี้ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาและส่งเสริมอาชีพการประมง สำนักงานประมงจังหวัดนครปฐม นำเจ้าหน้าที่กลุ่มฯ ร่วมกับประมงอำเภอบางเลน เข้าตรวจสอบฟาร์มเลี้ยงกุ้งของเกษตรกรในพื้นที่ตำบลหินมูล อำเภอบางเลน ที่ประสบปัญหาภาวะสารปนเปื้อนในกุ้ง จึงเข้าตรวจสอบแนะนำวิธีการเลี้ยงและแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพกุ้งด้วยวิธีการที่เหมาะสม และเนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนอาหารเม็ดจึงได้ดำเนินการเก็บตัวอย่างอาหารเพื่อมาส่งตรวจวิเคราะห์ และเข้าตรวจสอบฟาร์มเพาะฟักและอนุบาลกุ้งก้ามกรามในพื้นที่ตำบลห้วยขวาง อำเภอกำแพงแสน เพื่อให้คำแนะนำเพื่อเตรียมความพร้อมเกษตรกรเข้ารับการประเมินรับรองมาตรฐานฟาร์มเพาะฟักและอนุบาลกุ้งก้ามกราม ตามมาตรฐาน มกษ.7421
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
นางสาวกมลชนก สวัสดี นักจัดการงานทั่วไป พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดนครปฐม ร่วมกับโครงการจัดตั้ง ภาควิชานวัตกรรมอาหารปลอดภัย คณะเกษตรกำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการจัดโครงการนวัตกรรมการแปรรูปนมแพะไร้กลิ่น โดย ผศ.ดร.ศศิธร นาคทอง อาจารย์ประจำ โครงการจัดตั้งภาควิชานวัตกรรมอาหารปลอดภัย คณะเกษตร กำแพงแสน ม.เกษตรศาสตร์ และ ทีมนักวิจัย เป็นวิทยากรบรรยายและสอนการปฏิบัติการแปรรูปนมแพะเป็นชีส (มอสซาเรลล่า) และเนยเหลวสดจากนมแพะ ณ ห้องปฏิบัติการแปรรูป โครงการจัดตั้งภาควิชานวัตกรรมอาหารปลอดภัย คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป้าหมายเกษตรกรจำนวน 20 ราย
ซึ่งคุณสมบัติของนมแพะที่แตกต่างจากนมวัว คือการย่อยและดูดซึมได้ง่าย และยังมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับน้ำนมแม่เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้นมวัว เด็กแรกเกิด แม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงที่มีอายุ สัตว์เลี้ยงที่ป่วย และสัตว์เลี้ยงแรกเกิด โดยเทคนิคการที่จะทำให้นมแพะไม่มีกลิ่นสาบ เริ่มจากวัตถุดิบที่ดี คือการจัดการฟาร์มที่ดีอย่างถูกต้อง เช่น การแยกบริเวณในการรีดนมและการเลี้ยง เกษตรกรได้รับความรู้ในเรื่องเทคนิคการแปรรูปนมแพะที่ไม่ทำให้มีกลิ่นของแพะ และยังได้ลงมือปฏิบัติจริงในการทำเนยเหลวสด และชีส มีความสนใจที่จะนำความรู้ที่ได้ทำเองเพื่อเกิดรายได้แก่ครอบครัว รวมถึงสอบถามในด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,25/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,นครปฐม,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325145941971 ประมง จ.นครปฐม จัดการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ? สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์? พระบรมราชินีนาถ? พระบรมราชชนนีพันปีหลวง? เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา? 12 สิงหาคม 2565,"นายชนินทร์? แสงรุ่งเรือง? ประมงจังหวัดนครปฐม? ร่วมกับอำเภอบางเลน? นำโดย ปลัดอาวุโส? ตัวแทนนายอำเภอบางเลน? นายกเทศมนตรีตำบลบางหลวง? สมาชิกเทศบาลตำบลบางหลวง ประมงอำเภอบางเลน? และกำนัน?ผู้ใหญ่บ้านตำบลบางหลวง? ร่วมกันปล่อยปลาแก้มช้ำ และปลาตะเพียน จำนวน 100,000 ตัว เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์? พระบรมราชินีนาถ? พระบรมราชชนนีพันปีหลวง? เนื่องในโอกาสวัน?เฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา? 12 สิงหาคม 2565 ณ ท่าน้ำวัดบางหลวง ม.6 ต.บางหลวง อ.บางเลน โดยโครงการจะทำการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในทุกอำเภอ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล อนุรักษ์และรักษาพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",25/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,นครปฐม,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325150335973 ผู้ว่าฯนราประชุมคณะกรรมการฟื้นฟูแหล่งน้ำตามธรรมชาติจังหวัดนราธิวาส ครั้งที่ 22565 กำหนดแหล่งน้ำฟื้นฟูพื้นที่อ.เมืองนราธิวาส 1 แหล่ง เร่งสนับสนุนเครื่องจักรกล ขุดลอกกำจัดวัชพืชฟื้นฟูแหล่งน้ำให้สะอาด สวยงาม,"วันที่ 25 มี.ค. 65 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมหลวงปริวรรตวรวิจิตร ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฟื้นฟูแหล่งน้ำตามธรรมชาติจังหวัดนราธิวาส ครั้งที่ 2/2565 พร้อมด้วย หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนราธิวาส , ผอ.โครงการชลประทานนราธิวาส, ท้องถิ่นจังหวัดนราธิวาส และคณะกรรมการฯ เพื่อขับเคลื่อนการฟื้นฟูแหล่งน้ำตามธรรมชาติ แม่น้ำ คูคลอง หนอง บึง ให้สะอาดสวยงาม ตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
โดยจังหวัดนราธิวาสได้กำหนดแหล่งน้ำที่จะดำเนินการฟื้นฟู เพื่อเป็นต้นแบบของการพัฒนาแหล่งน้ำจำนวน 1 แหล่ง คือ คลองทอน-คลองโคกเคียน หมู่ที่ 1, 2, 4, 5 และ 12 ตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองฯ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งมีสภาพน้ำเน่าเสีย และมีวัชพืชปกคลุมจำนวนมาก
ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้สำรวจเครื่องจักรกล วัสดุอุปกรณ์ ที่จำเป็นต้องใช้ในการฟื้นฟูคลอง และขอรับการสนับสนุนเครื่องจักรกล วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือที่จำเป็น จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการขุดลอกคลองทอน-คลองโคกเคียนและกำจัดวัชพืช ตามเป้าหมายการฟื้นฟูแหล่งน้ำตามธรรมชาติต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",25/3/2022,ภาคใต้,นราธิวาส,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325160854003 สัตวแพทย์ย้ำเนื้อไก่ไทยมาตรฐานสูง ปลอดสาร ปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล,สัตวแพทย์ ม.เกษตร เผยอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ในประเทศไทยมีมาตรฐานสูงระดับสากล ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยอาหารตลอดห่วงโซ่การผลิต ตระหนักในหลักสวัสดิภาพสัตว์ มีระบบการป้องกันโรคที่ดีในการเลี้ยง และตรวจสารพิษ สารตกค้าง ก่อนแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารจำหน่ายไปยังผู้บริโภคภายใต้การกำกับดูแลของกรมปศุสัตว์ ทำให้ไก่เจริญเติบโตได้เต็มที่ ไม่จำเป็นต้องใช้ฮอร์โมนเร่งโต และได้รับการยอมรับในระดับโลก
ผศ.น.สพ.ดร.เกรียงไกร วิฑูรย์เสถียร ภาควิชาเวชศาสตร์และทรัพยากรการผลิตสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีการผลิตและส่งออกเนื้อไก่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก โดยมีประเทศคู่ค้าที่สำคัญ อาทิ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป เกาหลีใต้ และล่าสุดประเทศซาอุดิอาระเบีย อนุญาตนำเข้าไก่สดแช่เย็น-แช่แข็ง และแปรรูปจากประเทศไทยถึง 11 โรงงาน นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับเกษตรกรและผู้ประกอบการไทย เพราะซาอุฯ เป็นตลาดที่บริโภคเนื้อไก่ขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของโลก
อุตสาหกรรมการเลี้ยงและผลิตสัตว์ปีกในประเทศไทย ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศเช่นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานเนื้อไก่ตลอดห่วงโซ่การผลิตของไทย ตั้งแต่วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ได้มาตรฐาน ไปถึงกระบวนการเลี้ยงไก่ในฟาร์มระบบปิด ภายใต้การปฏิบัติตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีทันสมัย โดยนำมาตรฐาน Good Agriculture Practices (GAP) หรือ แนวทางด้านการปฏิบัติที่ดีทางด้านการเกษตรเกี่ยวข้องกับฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อ ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลมาเป็นแนวทางปฏิบัติ
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังนำมาตรฐานด้านระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity System) และ มาตรฐานการควบคุมและเฝ้าระวังโรค (Disease Surveillance System) มาเป็นส่วนสำคัญในการวางระบบการป้องกันโรค และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันไข้หวัดนก ก็มีการนำ ระบบคอมพาร์ทเมนต์ มาใช้ในการควบคุมและป้องกันโรค ซึ่งระบบคอมพาร์ทเมนต์นี้เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ไทยปลอดจากไข้หวัดนกมานานร่วม 2 ทศวรรษ ตอกย้ำถึงการจัดการการเลี้ยงไก่ของไทยว่ามีความปลอดภัย สามารถส่งออกสร้างรายได้ให้แก่ประเทศได้อย่างต่อเนื่อง
ด้วยความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมการผลิตไก่ไทย ซึ่งมีการปรับปรุงสายพันธุ์สัตว์ปีกที่ดี มีการเลี้ยงในโรงเรือนที่เหมาะสม ให้อาหารและน้ำสะอาดเพียงพอ ไม่ทำให้สัตว์รู้สึกเครียด เจ็บป่วย ส่งผลให้ไก่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่ตามพันธุกรรม ดังนั้น อุตสาหกรรมไก่ของไทย จึงไม่มีความจำเป็นใดที่จะใช้สารเร่งการเจริญเติบโต ขณะเดียวกัน การใช้สารเร่งโตยังเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ประกาศเพิกถอนทะเบียนยาฮอร์โมนชื่อ Hexoestrol หรือ estrogen ตั้งแต่ปี พ.ศ.2529 ซึ่งหากมีการลักลอบใช้ถือว่ามีความผิดและถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ที่สำคัญ ประเทศผู้นำเข้าไก่เนื้อของไทย ทั้งญี่ปุ่น และ สหภาพยุโรป ต่างเข้มงวดกฎเกณฑ์ด้านสุขอนามัยสูงมาก (Sanitary and Phytosanitary :SPS) ยังไม่เคยมีการตรวจพบฮอร์โมนเร่งโตตกค้างในไก่ไทยเลย
ในฐานะนักวิชาการขอยืนยันว่า ไก่เนื้อของไทยมีความปลอดภัยทางอาหาร และมีคุณภาพเดียวกันทั้งที่บริโภคในประเทศและส่งออก โดยสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ไก่เนื้อจากผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน เชื่อถือได้ เพียงปรุงสุกก่อนรับประทานก็บริโภคได้อย่างสบายใจ
,25/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สำนักพัฒนานโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325161701010 สำนักงานเกษตรอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง จัดอบรมโครงการศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร กิจกรรมจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับเกษตรกรผู้นำ ครั้งที่ 2,นายสุภัทธ คงด้วง เกษตรอำเภอปะเหลียน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร สำนักงานเกษตรอำเภอปะเหลียน จัดอบรมโครงการศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) กิจกรรมจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับเกษตรกรผู้นำ ครั้งที่ 2 ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรอำเภอปะเหลียน หมู่ที่ 5 ตำบลปะเหลียน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ซึ่งเป้าหมายหลักได้แก่ เกษตรกรผู้ปลูกผักในพื้นที่ตำบลปะเหลียน จำนวน 30 ราย
สำหรับ กิจกรรมการถ่ายทอดความรู้ดังกล่าวฯ มีวัตถุประสงค์ เพื่อบ่มเพาะเกษตรกรไปสู่การส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ซึ่งในวันนี้ มีนายมนตรี ศรียงยศ รองประธานเกษตรกรรุ่นใหม่จังหวัดตรัง มาให้ความรู้เรื่อง การจัดการระบบน้ำเพื่อการเกษตร นางเมตตา คงวิทยา ประธานศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนอำเภอปะเหลียน มาให้ความรู้เรื่องการผลิตและการใช้เชื้อไตรโคเดอร์มา และมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้แหนแดงในแปลงผัก พร้อมทั้งส่งมอบพันธุ์แหนแดงที่ได้รับมอบจากศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรจังหวัดตรัง ให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้นำไปขยายพันธุ์และใช้ในแปลงปลูกของตนเอง โดยในการจัดอบรมครั้งนี้ได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัด
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,25/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325180530064 จังหวัดตรัง สำรวจแปลงต้นแบบกาแฟโรบัสต้า ตำบลปากแจ่ม อำเภอห้วยยอด ที่มีการอนุรักษ์และขยายพันธุ์ต้นกาแฟในชุมชน ,จังหวัดตรัง สำรวจแปลงต้นแบบกาแฟโรบัสต้า ตำบลปากแจ่ม อำเภอห้วยยอด ที่มีการอนุรักษ์และขยายพันธุ์ต้นกาแฟในชุมชน และมีแปลงต้นแบบการปลูกกาแฟในสวนยางพารา เพื่อเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกร
นายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรฯ จังหวัดตรัง มอบหมายให้ นายธนาคม พรหมเพ็ญ และนางสาวสุมนรัตน์ ตรึกตรอง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ ลงพื้นที่ร่วมกับ นางสาวทิพยา ไกรทอง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร และเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร ลงพื้นที่เก็บข้อมูลและส่วนยอด เมล็ด และต้นอ่อนกาแฟโบราณในพื้นที่ หมู่ที่ 5 ตำบลปากแจ่ม อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง โดยได้สอบถามข้อมูลจาก นายเพื่อม วัฒนา โดยเป็นต้นพันธุ์กาแฟดั้งเดิมที่ได้มีการได้ต้นพันธุ์จากสมัยโบราณ ในสมัยพระยารัษฎานุประดิษฐ์อนุสรณ์ ซึ่งในจังหวัดตรังได้มีการทำแปลงสาธิตกาแฟโรบัสต้า จำนวน 2 แปลง คือ1)สวนกาแฟอำเภอห้วยยอด ปัจจุบันเป็นศูนย์เด็กเล็กตำบลปากแจ่ม 2)สวนกาแฟบ้านโคกขี้เหล็ก อำเภอนาโยง เนื่องจากพระยารัษฎาฯ ๆได้มีการส่งเสริมให้มีการปลูกและมีแปลงต้นแบบ
ทั้งนี้ มีนายสมคิด นาเลื่อน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 บ้านในเขา ตำบลปากแจ่ม อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ได้มีการอนุรักษ์และขยายพันธุ์ต้นกาแฟในชุมชน และได้มีแปลงต้นแบบการปลูกกาแฟในสวนยางพารา เพื่อเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกรโดยมีการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตและแปรรูปกาแฟบ้านในเขา โดยมีการคั่ว บดและชงกาแฟ เพื่อจำหน่ายในตลาดเกษตรกรอำเภอห้วยยอด ทุกวันพฤหัสบดีที่ 1 และ 3 ของทุกเดือน โดยมีรสชาติดี เมล็ดใหญ่ มีความเข้มข้นกว่าปลูกที่อื่นๆ เนื่องจากสภาพพื้นที่มีความเหมาะสมเนื่องจากเป็นภูเขา และอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลที่เหมาะสมในการให้รสชาติและความหอมที่เป็นลักษณะเฉพาะ ทั้งนี้ทางศูนย์ได้ติดตาแปลงกาแฟที่ศูนย์ได้ให้การสนับสนุนเป็นแปลงต้นแบบการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (zoning) โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการ 30 ราย ซึ่งเป็นพืชทางเลือกให้กับเกษตรกรในพื้นที่เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
วันนึ้ (25 มี.ค.65) นางฉลวย เวียนคำ เกษตรอำเภอรัษฎา มอบหมายให้นางสาวปนัดดา จีนประสม นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ และนายไกรนรา รัตนบุรี นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ ร่วมกับกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง นำเกษตรกรศึกษาดูงานการผลิตตามระบบมาตรฐาน GAP โครงการส่งเสริมการผลิตสินค้ามาตรฐาน GAP ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 เพื่อให้เกษตรกรมีการแลกเปลี่ยนทักษะการจัดการสวนที่ดีเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและมาตรฐานที่ตลาดต้องการ ณ สวนทุเรียนนายมนตรี แสงแก้ว หมู่ที่ 2 ตำบลเขาไพร อำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง โดย GAP พืช มีข้อกำหนด 8 ประการดังนี้
1. น้ำ น้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิตต้องมาจากเเหล่งที่ไม่มีสภาพเเวดล้อมซึ่งก่อให้เกิดการปนเปื้อนต่อผลผลิต
2. พื้นที่ปลูก ไม่อยู่ในสภาพเเวดล้อมซึ่งก่อให้เกิดการปนเปื้อนวัตถุหรือสิ่งที่เป็นอันตรายต่อผลผลิต
3. วัตถุอันตรายทางการเกษตร จัดเก็บเป็นหมวดหมู่ในสถานที่เก็บที่มิดชิดและใช้ตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร
4. การจัดการคุณภาพในกระบวนการเก็บเกี่ยว มีแผนควบคุมการผลิตเพื่อให้ได้ผลผลิตคุณภาพโดยใช้หลักการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี
5. การเก็บเกี่ยวและการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว เก็บเกี่ยวผลผลิตที่มีอายุเหมาะสม ผลผลิตมีคุณภาพตามความต้องการของตลาดและข้อตกลงของประเทศคู่ค้า
6. การพักผลิตผล การขนย้ายในเเปลงปลูกและการเก็บรักษาผลผลิต มีการจัดการด้านสุขลักษณะเพื่อป้องกันการปนเปื้อนที่มีผลต่อความปลอดภัยของผู้บริโภค
7. สุขลักษณะส่วนบุคคล ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรู้ ความเข้าใจในสุขลักษณะล่วนบุคคล เพื่อสามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกสุขลักษณะ
8. การบันทึกข้อมูลและการตามสอบ มีการบันทึกข้อมูลการปฏิบัติงานการใช้สารเคมี ข้อมูลผู้รับซื้อและปริมาณผลผลิต เพื่อประโยชน์ต่อการตามสอบ
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,25/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325181632068 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบเครื่องจักรทางการเกษตรและเงินช่วยเหลือเกษตรกรในงานบูรณาการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดบึงกาฬ,วันที่ 24 มีนาคม 2565 ดร.ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีมอบเครื่องจักรทางการเกษตร ในโครงการโครงการยกระดับแปลงใหญ่ พิธีมอบโคในโครงการธนาคารโคกระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ พิธีมอบเงินเยียวยาเกษตรกรผู้ประสบภัยโรคระบาดสัตว์ (โรคลัมปีสกิน) และพิธีมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินเขตปฏิรูปที่ดิน ซึ่งร่วมบูรณาการหน่วยงานต่างๆในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกให้บริการประชาชน ณ วัดศรีสุพลวนาราม ตำบลหนองเลิง อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ โดยมี นายสนิท ขาวสอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ นางแว่นฟ้า ทองศรี นายก อบจ.บึงกาฬ หัวหน้าส่วนราชการและประชาชนผู้รับผลประโยชน์ ร่วมในพิธี
ดร.ทรงศักดิ์ ทองศรี กล่าวว่า ผมเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยแต่มาทำงานในนามของกระทรวงเกษตรถือเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันซึ่งเป็นดำริของนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา ให้บูรณาการกันเพื่อประโยชน์แก่ประชาชน ซึ่งในวันนี้ได้มาร่วมงานในกิจกรรมบูรณาการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบเครื่องจักรทางการเกษตร ในโครงการโครงการยกระดับแปลงใหญ่ มอบโคในโครงการธนาคารโคกระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ มอบเงินเยียวยาเกษตรกรผู้ประสบภัยโรคระบาดสัตว์ (โรคลัมปีสกิน) และมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินเขตปฏิรูปที่ดิน สปก.4-01 ซึ่งเป็นการช่วยเหลือประชาชนของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง เป็นส่วนหนึ่งที่จะแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน ที่รัฐบาลกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ผมก็ลงมาติดตามดูก็เห็นว่าเป็นประโยชน์ แต่ประชาชนต้องร่วมมือกัน เพราะประชาชนเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้นโยบายต่างๆของรัฐประสบความสำเร็จ
ภายในงานยังมีการออกบูธให้ความรู้ของหน่วยงานต่างๆ เช่น ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวบึงกาฬ โครงการชลประทานบึงกาฬ กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,25/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,บึงกาฬ,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบึงกาฬ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325192929090 นายก อบจ.ตรัง พร้อมคณะ ลงพื้นที่สวนยาง สวนปาล์มน้ำมันอบจ.ตรัง เพื่อหาแนวทางบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล,"นายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ นายก อบจ.ตรัง พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร รองปลัด อบจ.รักษาราชการแทนปลัด อบจ.ตรัง หัวหน้าสำนักปลัด อบจ.ตรัง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่สวนยาง สวนปาล์มน้ำมันอบจ.ตรัง หมู่ที่ 3 ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ เพื่อหาแนวทางบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล
สำหรับสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมัน ในพื้นที่ดังกล่าว เป็นที่ดินและทรัพย์สินของอบจ.ตรัง มีเนื้อที่ 1,077 ไร่ เป็นพื้นที่ปลูกยางพาราประมาณ 400 ไร่ ในส่วนของสวนยางพาราได้บริหารจัดการ แบ่งจำนวนต้นยางพารา ตามหลักวิชาการเกษตร คือ แปลงต้นยางอ่อน และแปลงยางแก่ เป็นพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน 265 ไร่ พื้นที่เหลือเป็นพื้นที่ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ และเป็นพื้นที่ธรรมชาติมากที่สุด มีพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ ซึ่งควรแก่การอนุรักษ์ต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",25/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325195525112 ตรวจสต๊อกพ่อค้าป้องกักตุน ทางแก้ข้าวโพดราคาพุ่ง,"สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ส่งผลถึงระดับราคาธัญพืชซึ่งเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยูเครนระงับการส่งออกข้าวสาลี รวมถึงอาเจนตินาที่ระงับการส่งออกถั่วเหลือง และอีกหลายประเทศที่ทยอยระงับการส่งออกธัญพืช เพื่อรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงทางอาหารของตนเอง
กลับมาดูราคาข้าวโพดในประเทศไทย ราคาพุ่งสูงขึ้นมาตลอดตั้งแต่ก่อนเกิดสงคราม ล่าสุดสูงถึง กก.ละ 13 บาท (จากปี 64 อยู่ที่ราคา 10.05 บาท/กก.) ส่งผลกระทบถึงต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์อย่างหนัก และนำไปสู่การเรียกร้องขอให้รัฐแก้ปัญหาทั้งปริมาณและราคาวัตถุดิบโดยเร่งด่วน ก่อนเกิดวิกฤตความมั่นคงทางอาหารของประเทศ
ความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในไทยมีอยู่ราว 8 ล้านตัน/ปี แต่มีผลผลิตในประเทศเพียง 5 ล้านตัน/ปี ขาดแคลนถึง 3 ล้านตัน/ปี จึงต้องมีการหาวัตถุดิบทดแทน เช่น ข้าวสาลี ซึ่งรัฐอ้างการดูแลผู้ปลูกข้าวโพดในประเทศ จึงตั้งมาตรการ 3:1 (ซื้อข้าวโพด 3 ส่วน จึงจะนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน) มาตั้งแต่ปี 2561 กระทั่งปัจจุบันมาตรการดังกล่าว กลายเป็นอุปสรรคในการแก้สถานการณ์วัตถุดิบ เป็นที่มาของการผลการประชุมร่วมระหว่างภาครัฐ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด ข้าว มันสำปะหลัง เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ และโรงงานอาหารสัตว์ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.2565
ในที่สุดที่ประชุมก็มีมติเห็นชอบให้ยกเลิก มาตรการ 3 : 1 เป็นการชั่วคราว เพื่อให้มีวัตถุดิบเพียงพอต่อการผลิต และบรรเทาภาระต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งเชื่อมต่อไปถึงต้นทุนการผลิตของผู้เลี้ยงสัตว์ แต่ที่ผิดสังเกตคือการจำกัดระยะเวลาที่สั้นเพียงถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 ทั้งยังจำกัดโควต้าจำนวนนำเข้าด้วย จนไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ตามวัตถุประสงค์
ขณะที่วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ยูเครนประกาศระงับการส่งออกธัญพืชรวมทั้งข้าวสาลี ทำให้ราคาของข้าวสาลีในตลาดโลกราคาสูงขึ้นใกล้เคียงกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์คือที่ 13.00 บาท/กิโลกรัม (จากปกติจะมีราคาต่ำกว่าข้าวโพดประมาณ 1 บาท) เมื่อราคาเท่ากันก็ไม่จูงใจให้เกิดการนำเข้าข้าวสาลีในช่วงนี้เพื่อทดแทนข้าวโพด
ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ราคาข้าวโพดในประเทศไม่ควรอยู่ในระดับสูง ในขณะที่กระทรวงพาณิชย์กำลังดำเนินการแก้ปัญหาต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์ ย่อมต้องแสดงกึ๋นและฝีมือในการจัดการสถานการณ์อย่างเร่งด่วนให้ทันเหตุการณ์ อะไรเป็นอุปสรรคทำต้นทุนสูงต้องรีบเคลียร์ รวมถึง ปัจจัยเอื้อให้ราคาสูงนอกเหนือจากสถานการณ์สงคราม เช่น การกักตุนเพื่อเก็งกำไร เพราะช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวข้าวโพดทั้งหมดและขายให้ไปอยู่ในสต๊อกของพ่อค้าพืชไร่หมดแล้ว
อันที่จริงเคยมีการร้องเรียนให้ภาครัฐตรวจสต็อกวัตถุดิบอาหารสัตว์ของพ่อค้าพืชไร่ เพราะปริมาณข้าวโพดในตลาดน้อยลงจนผิดสังเกตุ แต่ภาครัฐกลับเข้าตรวจสต็อกของโรงงานอาหารสัตว์แทน ทั้งๆที่โรงงานเหล่านี้รายงานสต็อกให้กรมการค้าภายในทราบทุกๆ 10 วันเป็นประจำตามปกติอยู่แล้ว คล้ายเป็นมวยล้มต้มคนดู ทำให้เกิดข้อสงสัยอย่างกว้างขวางว่าเหตุใดรัฐจึงละเลยการตรวจสต๊อกพ่อค้าซึ่งเป็นคนกุมปริมาณข้าวโพดไว้ในมือทั้งหมด ส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ยังคงต้องจ่ายค่าข้าวโพดราคาแพงมาโดยตลอด
หากมีการกักตุนผลผลิตข้าวโพด ย่อมผลักดันให้ราคาพุ่งสูงขึ้นได้มาก โดยไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงที่จุดใดเพราะไม่มีเพดานราคา กำกับ ภาคผู้ผลิตและผู้เลี้ยงต้องซื้อวัตถุดิบในราคาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แบกรับภาระต้นทุนอย่างหนักหน่วง แต่รัฐกลับขอให้ตรึงราคาสินค้าปศุสัตว์ ทั้งไก่เนื้อ ไข่ไก่ ซึ่งในที่สุดเกษตรกรผู้ผลิตอาหารจะอยู่ไม่ได้
นอกจากนี้ ตัวเลขปริมาณการส่งออกวัตถุดิบทั้ง 2 รายการจากกรมศุลกากร พบว่าในปี 2564 มีการส่งออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กว่า 93,615 ตัน เฉพาะช่วงเดือน พ.ย. และ ธ.ค. ส่งออกรวมกันถึง 65,930 ตัน และในส่วนของกากถั่วเหลืองตลอดปี 2564 มีการส่งออกถึง 103,091 ตัน หากภาครัฐยังคงนโยบายอนุญาตให้ส่งออกข้าวโพดได้อย่างเสรี และส่งออกกากถั่วเหลืองได้ร้อยละ 20 ของกำลังการผลิตของโรงสกัดน้ำมันถั่วเหลือง ปริมาณวัตถุดิบก็จะไม่เพียงพอ และเป็นผลให้ราคาในประเทศสูงขึ้นต่อเนื่องดังเช่นที่เป็นอยู่ในขณะนี้
ดังนั้น รัฐบาลไทยควรระงับการส่งออกวัตถุดิบอาหารสัตว์ ทั้งข้าวโพดและกากถั่วเหลืองเป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์วิกฤตจะคลี่คลายลง เพื่อคงปริมาณวัตถุดิบดังกล่าวให้สอดคล้องกับความต้องการ ซึ่งจะเป็นการบรรเทาการขาดแคลน และส่งผลทางจิตวิทยาให้ระดับราคาข้าวโพดในประเทศลดลงได้
นาทีนี้ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ควรเร่งตรวจสอบสต็อกพ่อค้าพืชไร่โดยด่วน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดต้นทุน ซึ่งจะส่งผลไปถึงเกษตรกรคนเลี้ยงสัตว์ด้วย นอกจากนี้ ยังควรตัดสินใจให้เกษตรกรคนเลี้ยงสัตว์สามารถขายสินค้าในราคาที่สอดคล้องต้นทุน ไม่ใช่กดดันให้แบกต้นทุนสูงแต่ขายราคาต่ำ จนส่งผลกระทบไปตลอดห่วงโซ่
โดย รศ.ดร.ชินสัคค สุวรรณอัจฉริย
",25/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สำนักพัฒนานโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325191127083 "กรมปศุสัตว์พร้อมสนับสนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะ ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ตรังและจังหวัดสตูล 15,000 แม่","
นายอำพล วริทธิธรรม ผู้อำนวยการกองผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์กล่าวถึงความพร้อมในการสนับสนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะ ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ตรังและจังหวัดสตูล 15,000 แม่ว่าโครงการนี้จะมีการอุดหนุนให้เกษตรกรผู้เลี้ยงแพะ ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ตรังและจังหวัดสตูล รวม 15,000 แม่พันธุ์และพ่อพันธุ์ 1,500 ตัวเมื่อมีผลผลิตแล้ว แต่สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือด้านการตลาดที่ต้องดำเนินการควบคู่กันไป ในที่ประชุม ตัวแทน ปศุสัตว์ทั้ง 3 จังหวัด ได้มีการชี้แจง ในเบื้องต้นเป็นการสร้างความเข้าใจในการผลิตแพะตอบสนองการบริโภค เพราะมีการขยายจากตลาดได้อีกหลายเท่าตัว นอกจากนี้ยังมองถึงการผลิตแพะเพื่อการส่งออก ที่มองไปยังประเทศทางภูมิภาคตะวันออกกลาง ในปัจจุบัน จากปัญหาเศรษฐกิจและผลกระทบจากสงครามรัสเซียกับยูเครน จึงจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปยังตลาดกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ก่อน เช่นการส่งออกไปยังประเทศมาเลเซียและตลาดกลางแพะรวมถึงการพิจารณาถึง Quality Goat Supply,Food SafetyและFood Security ควบคุู่ไปกับการมีมาตรฐานฮาลาลสากลหรือ Intetnational Halal Standard
นายสำคัญ เพชรทอง รองนายกสภาการศึกษาจังหวัดกระบี่ แจ้งว่าขณะนี้ได้มีการติดต่อประสานงานกับ ที่ปรึกษา คณะทำงาน คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และมีกำหนดการร่วมประชุมที่ศรีผ่องฟาร์มเพื่อหารือความเป็นไปได้ในการ ทำ MOUกรณีสนับสนุนวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีในภาคใต้ ร่วมผลิตแพะ เนื่องจากพิจารณาเห็นว่า สถาบันการศึกษามีโอกาสผลิตบุคลากรให้มีทักษะ ความรู้ความสามารถและเมื่อสำเร็จการศึกษา มีงานด้านการเลี้ยงแพะรองรับเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับแต่ละแห่งมีพื้นที่กว้างใหญ่เพียงพอ ที่สามารถ จะร่วมผลิตแพะคุณภาพดี เพิ่มเติมจากวิสาหกิจชุมชน หรือเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",25/3/2022,ภาคใต้,กระบี่,สวท.กระบี่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220325195050104 เปิดทางเลือกโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล ศึกษาวิเคราะห์โครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐ-เอกชน,"นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า เนื่องจากมูลค่าการลงทุนของโครงการจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้างสูงมาก กรมชลประทานจึงได้มีการจ้างดำเนินการ โครงการศึกษาวิเคราะห์โครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ตามข้อกำหนดในพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 มีรายละเอียดของการศึกษาที่สำคัญ เช่น การวิเคราะห์รูปแบบและวิธีการที่เหมาะสมของการร่วมลงทุน การศึกษาความเป็นไปได้ด้านการเงินกรณีร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เพื่อนำเสนอผลการศึกษาต่อ คณะรัฐมนตรีในการพิจารณาตัดสินใจทางเลือกของการลุงทุนค่าก่อสร้างโครงการที่เหมาะสม ซึ่งการศึกษาครั้งนี้ จึงให้ความสำคัญในเรื่องการวิเคราะห์ราคาค่าก่อสร้างโครงการเป็นอย่างมากเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเนื่องจากที่ผ่านมามักมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยมักนำค่าดำเนินการและค่าบำรุงรักษา หรือค่าอื่นๆ มารวมเป็นค่าก่อสร้างโครงการ ทั้งที่ผลการวิเคราะห์ตามรายงาน EIA ปีพ.ศ. 2559 ประมาณ 71,000 ล้านบาท ให้เป็นราคาปีปัจจุบัน ซึ่งจะมีมูลค่าก่อสร้างโดยประมาณ 88,000 ล้านบาท
หากโครงการแล้วเสร็จ จะสามารถสร้างประโยชน์ครอบคลุมทุกด้าน เช่น ด้านการเกษตร เกษตรกรได้รับประโยชน์กว่า 70,000 ครัวเรือน ด้านอุปโภคบริโภคจะมีการจัดสรรน้ำเฉลี่ยปีละ 300 ล้าน ลบ.ม.ได้รับประโยชน์ กว่า 1,300,000 ครัวเรือน ด้านการผลิตไฟฟ้า โรงไฟฟ้าพลังน้ำของเขื่อนภูมิพลผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 426 ล้านหน่วย ผู้ใช้ไฟฟ้าได้รับประโยชน์ 100,000 ครัวเรือน ด้านประมงในเขื่อนน้ำยวม ด้านการท่องเที่ยว ด้านธุรกิจและอุตสาหกรรม รวมถึงการรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ ด้วย
",26/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220326122528308 กรมการข้าว เร่งสืบสานและพัฒนาพันธุ์ข้าวพื้นเมืองให้คงเป็นมรดกอยู่คู่แผ่นดินไทยตลอดไป,
นางสาวนนทิชา วรรณสว่าง รองอธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า กรมการข้าวให้ความสำคัญต่องานการพัฒนาข้าวพันธุ์พื้นเมืองเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวพันธุ์พื้นเมือง เพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ทำนา อาชีพทำนาปลูกข้าวนั้นมีความผูกพันกับวิถีชีวิตของคนไทยตลอดมาจากอดีตจนปัจจุบันแม้ในช่วงระยะหลังนี้จะมีการนำเทคโนโลยีอันทันสมัยเข้ามาใช้ในด้านการปรับปรุงพันธุ์มากขึ้นแต่ความนิยมบริโภคข้าวพันธุ์พื้นเมืองก็ยังคงอยู่ไม่ได้จางหายไป
กรมการข้าว จึงมีนโยบายอย่างชัดเจนว่า ต้องสืบสานและพัฒนาพันธุ์ข้าวพื้นเมืองให้คงเป็นมรดกอยู่คู่แผ่นดินไทยต่อไปตราบนานเท่าที่ภาคการเกษตรยังคงมีบทบาทในฐานะการผลิตอาหาร ซึ่งปัจจัยสำคัญที่กรมการข้าวต้องวิจัยพัฒนาข้าวพันธุ์พื้นเมืองภาคใต้นั้น เนื่องจากภาคใต้เป็นมนต์เสน่ห์ข้าวพันธุ์พื้นเมืองท้องถิ่น มีบทบาทมากตลอดฝั่งอันดามันและอ่าวไทย และมีสายพันธุ์ข้าวพื้นเมืองเฉพาะถิ่นจำนวนมากที่กรมการข้าวต้องเร่งฟื้นฟูให้เป็นสายพันธุ์บริสุทธิ์เพื่อเป็นอัตลักษณ์ประจำถิ่น เน้นย้ำความเป็นปรึกแผ่นของความมั่นคงทางอาหารและสินค้าเกษตรเฉพาะถิ่น ส่งเสริมผลักดันให้เกิดเป็นสินค้าข้าวสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ต่อไป ซึ่งถือว่าเป็นการประกาศความสำคัญของสายพันธุ์ข้าวพื้นเมืองภาคใต้ให้เกิดการรับรู้โดยทั่วไปด้วย
,26/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220326121826295 ความสำเร็จแปลงใหญ่ผึ้งโพรง ปันแต เน้นน้ำผึ้งคุณภาพ แปรรูปเป็นเครื่องสำอาง เพิ่มมูลค่าเจาะตลาดทั่วโลก,
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า โครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด เป็นโครงการที่มุ่งเป้าหมายไปที่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนเกษตรอย่างยั่งยืนและมีการดำเนินการทั่วประเทศ ภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยเน้นการส่งเสริมและพัฒนาให้กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการมีการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสม ช่วยยกระดับการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ตามนโยบายตลาดนำการผลิต
สำหรับแปลงใหญ่ผึ้งโพรงตำบลปันแต อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง เป็นแปลงใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ ได้รับการจัดชั้นคุณภาพ A ที่สามารถเป็นต้นแบบได้ ทั้งด้านบริหารจัดการ ที่เน้นวางแผนการผลิตและสร้างรายได้ จากหลักบริหารจัดการร่วมกัน ส่วนด้านลดต้นทุนการผลิต ได้ใช้เทคนิคปรับเปลี่ยนรูปแบบลังผึ้ง พร้อมอุปกรณ์ติดตั้ง ให้มีอายุการใช้งานนานขึ้น ง่ายต่อการติดตั้งและเคลื่อนย้าย ช่วยลดต้นทุนได้ในระยะยาว
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ทางกลุ่มยังได้ดำเนินการยื่นขอรับใบรับรองจาก อย. เพื่อรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ เช่น ผลิตภัณฑ์จากผึ้งโพรงและน้ำผึ้งในรูปแบบเครื่องสำอางอย่างลิปสติก ลิปมัน น้ำผึ้ง สบู่ และส่วนผสมในเครื่องดื่ม เพื่อสร้างความมั่นใจถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้สามารถขยายตลาดได้กว้างมากขึ้นและมียอดการจำหน่ายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกิดการสร้างรายได้ให้แก่สมาชิกเป็นอย่างดี
,26/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220326120619283 กอนช. ขอให้ประชาชนภาคใต้ระวังเกิดฝนตกบางแห่งบริเวณตอนบนของประเทศและภาคใต้ พร้อมบริหารจัดการน้ำ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ช่วง 21 - 27 มี.ค.นี้,"
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนภาคใต้ระวังเกิดฝนตกบางแห่งบริเวณตอนบนของประเทศและภาคใต้ พร้อมบริหารจัดการน้ำ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ช่วงวันที่ 21 - 27 มีนาคมนี้
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (26 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนลดลง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.ภูเก็ต 102 มิลลิเมตร , สตูล 98 มิลลิเมตร และอุบลราชธานี 95 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 27,607 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 48 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 21,732 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 45 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ยังได้ติดตามการบริหารจัดการน้ำ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ช่วงวันที่ 21 - 27 มีนาคมนี้ มีแผนการระบายน้ำเขื่อนภูมิพล ปรับเพิ่มแผนการระบายน้ำจาก 17.28 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพิ่มเป็น 19 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน // เขื่อนสิริกิติ์ เพื่อควบคุมระดับน้ำเหนือเขื่อนนเรศวรสำหรับการเตรียมส่งน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งบางระกำให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำเขื่อนสิริกิติ์ จึงปรับแผนการระบายน้ำจาก 5.50 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพิ่มเป็น 10 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน // เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ช่วงวันที่ 21 - 23 มีนาคมที่ผ่านมา ได้ปรับแผนการระบายน้ำจาก 3.02 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพิ่มเป็น 6.91 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน และช่วงวันที่ 27 - 28 มีนาคม ปรับแผนการระบายน้ำจาก 3.02 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพิ่มเป็น 4.32 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน และสุดท้าย เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปรับแผนการระบายน้ำจาก 3.89 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพิ่มเป็น 4.32 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
ทั้งนี้ ช่วงวันที่ 23 - 24 มีนาคมที่ผ่านมา ได้เกิดมีฝนตกหนักบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ทำให้มีน้ำท่าไหลลงสู่เเม่น้ำปิงเพิ่มขึ้น ประกอบกับ ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเมื่อวันที่ 25 มีนาคมอยู่ในเกณฑ์ควบคุม จึงไม่มีผลกระทบต่อการใช้น้ำในพื้นที่ตอนล่าง เพื่อให้การระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลเป็นไปอย่างเหมาะสม กอนช. ได้ประสานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้ปรับลดการระบายน้ำเขื่อนภูมิพล ช่วงวันที่ 25 - 27 มีนาคม จากเดิม 19 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ให้เหลือ 14 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน และวันที่ 28 มีนาคม ได้ปรับลดจากเดิม 17 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ให้เหลือ 14 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
",26/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220326102001245 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือปรับตัวสูงขึ้นหลายพื้นที่ โดย ต.จองคำ จ.แม่ฮ่องสอน สูงในระดับสีส้ม ส่วน กทม.และปริมณฑลคุณภาพอากาศดีต่อเนื่อง,"ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือปรับตัวสูงขึ้นหลายพื้นที่ โดย ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน สูงในระดับสีส้ม ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีต่อเนื่อง จากฝนที่ตกช่วยลดการสะสมของฝุ่นลงได้
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (26 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีมากถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นบางพื้นที่ โดยเฉพาะ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน สูงในระดับสีส้ม ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงวันที่ 27 มีนาคม - 2 เมษายน แล้วต้องเฝ้าระวังช่วงวันที่ 28 - 30 มีนาคมภาคเหนือมีโอกาสเกิดฝนตกหลายพื้นที่
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงปานกลาง โดยค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศเปิด มีลมพัด และฝนตกช่วยลดการสะสมของฝุ่นลง ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานวันที่ 27 มีนาคม - 2 เมษายน
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
",26/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220326103839249 กรมส่งเสริมการเกษตร จับมือภาคีเครือข่าย กระจายผลผลิตมะม่วงคุณภาพเมืองพิจิตร ส่งถึงมือผู้บริโภค,"นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ขับเคลื่อนงานตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ โดยมีหลักการดำเนินงาน 4 ด้านคือ ด้านข้อมูล ด้านแพลตฟอร์มกลาง ด้านการกำหนดคุณภาพ มาตรฐาน และตรวจสอบย้อนกลับ และด้านการพัฒนาคนและผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาด เพื่อพัฒนาภาคการเกษตรไทยให้สามารถบริหารจัดการสินค้าเกษตรได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่การผลิต การแปรรูป และการตลาดควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างเหมาะสม มีให้ได้คุณภาพมาตรฐาน มีความปลอดภัยต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค สู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก
สำหรับการกระจายผลผลิตเกษตรที่จะออกสู่ตลาดในฤดูกาลนี้ ได้สั่งการให้สำนักงานเกษตรจังหวัดทั่วประเทศ คาดการณ์ผลผลิตล่วงหน้าและประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการผลผลิตร่วมกัน ล่าสุด กรมส่งเสริมการเกษตร โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และหน่วยงานภาคี บูรณาการร่วมกัน จัดคาราวานส่งมะม่วงผ่านบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ภายใต้แคมเปญ สั่งผลไม้ ส่งไปรษณีย์ เกษตรกรไทยแฮปปี้ เน้นกระจายผลผลิตช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนมะม่วงจังหวัดพิจิตร ให้สามารถจำหน่ายมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองไปยังผู้บริโภคได้โดยตรง
ด้านนายสามารถ เดชบุญ เกษตรจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า จากการคาดการณ์ปริมาณผลผลิตมะม่วงคุณภาพในฤดู จังหวัดพิจิตร เดือนมีนาคมและเมษายน 2565 จะมีผลผลิตออกสู่ตลาด ประมาณ 1.7 หมื่นตัน โดยจังหวัดพิจิตรมีพื้นที่ปลูกมะม่วงทั้งหมด 28,034.25 ไร่ เป็นพื้นที่ให้ผลผลิตแล้ว 22,519 ไร่ ยังไม่ให้ผลผลผลิต 5,515 ไร่
สำนักงานเกษตรจังหวัดพิจิตร ประสานความร่วมมือกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพิจิตร วางแผนการกระจายผลผลิตออกสู่ตลาดทั้งบริโภคภายในประเทศ ประมาณ 70% และเพื่อการส่งออก ประมาณ 30% ทำให้ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา มีแผนรับซื้อประมาณ 4-5 ตัน ทุกวัน จนถึงกำหนดวันที่ 31 มีนาคม นี้ รวมแล้วกว่า 135 ตัน และสำหรับมะม่วงคละไซส์ มีแผนกระจายผลผลิตอีก จำนวน 30 ตัน ในช่วงระหว่างวันที่ 25-30 มีนาคมนี้
วานนี้ (25 มีนาคม 2565) สำนักงานประมงจังหวัดปัตตานี ได้ดำเนินโครงการกระจายสินค้าประมงพื้นบ้านสู้ผู้บริโภค (Fisherman Market) ตามนโยบายของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยออกบูธจำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำแปรรูปจากวัตถุดิบในท้องถิ่น เพื่อเป็นการนำสินค้าจากชาวประมงพื้นบ้านมาจัดวางจำหน่าย ณ ตลาดประชารัฐ (ที่ว่าการอำเภอเมืองปัตตานี) โดยมีสินค้าสัตว์น้ำจากการแปรรูปในแบบผลิตภัณฑ์หลากหลาย ดังนี้
1. ปลาหวาน จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปปลาหวานดาริน อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี
2.ปลากุเราเค็ม จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชุนแม่บ้านศรีบารู อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี
3. ปลาส้ม (เมืองสาย) จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพาะฟัก อนุบาลปลาทับทิมชุมชนสะพานม้า อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี
4. ปลาแห้ง จากกลุ่มแม่บ้านปากน้ำ อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี
5. ผลิตภัณฑ์เมี่ยงคำสด, เมี่ยงคำแห้ง และสาหร่ายพวงองุ่น จากกลุ่มแม่บ้านจะรัง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี
6. ข้าวเกรียบปลา, น้ำพริกปลาทราย, ปลาทรายทุบ และปลาแก้วกรอบ จากห้างหุ้นส่วนจำกัด มาเรียม โอเชียน ตำบลแหลมโพธิ์ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี
7. ปูดำ จากกลุ่มเลี้ยงปูดำตำบลไทรทอง อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี
โดยการออกบูธจำหน่ายสินค้าฯ ในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคจำนวนมาก สร้างความพึงพอใจกับชาวประมงพื้นบ้านที่ได้เข้าร่วม สรุปยอดการจำหน่ายสินค้าประมงพื้นบ้านในครั้งนี้ เป็นจำนวนเงินกว่า 9,780 บาท
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",26/3/2022,ภาคใต้,ปัตตานี,สวท.ปัตตานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220326113817271 ศูนย์ป่าไม้ตราด เชิญชวน ประชาชน เกษตรกร สมัครเข้าร่วมโครงการสนับสนุนการปลูกไม้เศรษฐกิจ พ.ศ. 2565,"วันนี้ (26 มี.ค. 65) นายปฎิยุทธ์ บูรพัฒน์ เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส ทำหน้าที่ ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้ตราด เปิดเผยว่า ศูนย์ป่าไม้ตราด ได้รับมอบหมายให้ดำเนินโครงการสนับสนุนการปลูกไม้เศรษฐกิจ พ.ศ. 2565 เป้าหมายในพื้นที่จังหวัดตราด 300 ไร่ โดยการอุดหนุนเงินลงทุนสำหรับการปลูกสร้างสวนป่าในที่ปีที่ 1 เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกไม้เศรษฐกิจที่กำหนด 38 ชนิด อาทิ กันเกรา ประดูป่า พะยอม พะยูง มะค่าแต้ เต็ง รัง แดง เป็นต้น ในพื้นที่ตนเอง
โดยภาครัฐสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนในการเตรียมพื้นที่ การปลูกและบำรุงรักษาไม้ป่าเศรษฐกิจ จำนวน 100 ต้น/ไร่ ให้แก่ประชาชน เกษตรกร ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ศูนย์ป่าไม้ตราด จึงขอประชาสัมพันธ์ โครงการสนับสนุนการปลูกไม้เศรษฐกิจ ประจำปี พ.ศ.2565
โดยประชาชนทั่วไป หรือเกษตรกร ที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการฯ และติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์ป่าไม้ตราด เลขที่ 45 ซอยท่าเรือจ้าง 1 ถนนท่าเรือจ้าง ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด หมายเลขโทรศัพท์ 039-511-157 หรือทาง Page Facebook ศูนย์ป่าไม้ตราด, ทาง Line ศูนย์ป่าไม้ตราด หรือ แบบฟอร์มลงชื่อผู้สนใจเข้าร่วมโครงการฯ (Google Form) ตาม QR Code ที่แนบมาพร้อมนี้
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการเปิดจับสัตว์น้ำ แหล่งน้ำทำนบปลาห้วยวังเบญ จังหวัดอุดรธานี ว่า ที่ผ่านมากรมประมงมีการขับเคลื่อนการดำเนินงาน โครงการธนาคารผลผลิตสัตว์น้ำแบบมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาโครงการฯ ได้รับการตอบรับที่ดี มีแหล่งน้ำเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้นกว่า 120 แห่ง ในพื้นที่ 47 จังหวัดทั่วประเทศ จนประสบผลสำเร็จเห็นผลเชิงประจักษ์ มีสัตว์น้ำสำหรับบริโภคในชุมชน สามารถลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ในครัวเรือน ตลอดจนมีการจัดสรรผลประโยชน์คืนให้แก่สมาชิกโครงการฯ และรายได้ส่วนหนึ่งคืนกลับสู่ชุมชนเป็นต้นทุนในการพัฒนาชุมชน ก่อให้เกิดการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งแหล่งน้ำทำนบปลาห้วยวังเบญ ตั้งอยู่ที่ตำบลนาม่วง อำเภอประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี เป็นแหล่งน้ำที่เข้าร่วมโครงการ มาตั้งแต่ปี 2564 เดิมทีแหล่งน้ำแห่งนี้มีการใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรเพียงอย่างเดียว ไม่ได้มีการบริหารจัดการแหล่งน้ำให้มีการใช้ประโยชน์จากศักยภาพของแหล่งน้ำอย่างเต็มที่
กรมประมง ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดอุดรธานี เข้าไปส่งเสริมสนับสนุนให้ชุมชนมีการบริหารจัดการแหล่งน้ำแห่งนี้ เพื่อให้เป็นแหล่งผลิตสัตว์น้ำจืดของชุมชน เพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำจืดให้เป็นแหล่งอาหารโปรตีนสำคัญสำหรับการบริโภค สามารถลดรายจ่ายครัวเรือนและสร้างรายได้ในชุมชน โดยปีที่ผ่านมา ได้มีการเปิดขายบัตรจับสัตว์น้ำเก่า มีรายได้กว่า 89,000 บาท
หลังจากนั้น ชุมชนร่วมกันดำเนินการตามแผนชุมชน เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำทำนบปลาห้วยวังเบญ ในการผลิตสัตว์น้ำและสร้างรายได้ ปัจจุบันชุมชนพิจารณาเปิดรับสมัครสมาชิกร่วมหุ้นเพิ่มเติมหลังจากมีการปันผลคืนให้สมาชิกแล้ว โดยกิจกรรมการเปิดจับสัตว์น้ำในวันนี้เป็นการเปิดจับปลาในแหล่งน้ำครั้งแรกตามแผนดำเนินงาน ชุมชนหลังจากปล่อยพันธุ์ปลาในแหล่งน้ำและคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท และมีรายได้ปันผลคืนสู่ชุมชนและสมาชิกโครงการฯ ไม่ต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์
",26/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220326191140386 กฟผ.แม่เมาะ เดินหน้าแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่า นำ จนท. Kick Off ลงพื้นที่ปฏิบัติการป้องกัน,"
กฟผ.แม่เมาะ เดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการเชิงรุกจังหวัด สนับสนุนอุปกรณ์เครื่องมือพร้อมจัดทีมลาดตระเวน ร่วมสมทบหน่วยงานส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สานพลังแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่า
จากการที่จังหวัดลำปางได้ออกประกาศ เรื่อง การงดเว้นการเผาในเขตพื้นที่ป่าและพื้นที่โล่งแจ้ง เพื่อสนับสนุนการดำเนินการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในเขตท้องที่ เป็นระยะเวลา 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึง 30 เมษายน 2565 โดยได้จัดตั้ง War Room ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันจังหวัดลำปางขึ้น ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ ได้ร่วมเป็นหนึ่งในคณะทำงาน โดยทางหน่วยงาน (กฟผ.) แม่เมาะ มีพื้นที่ป่าอยู่ในความดูแลรับผิดชอบประมาณ 9 หมื่นกว่าไร่ มีพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดปัญหาไฟป่า ทั้งในบริเวณพื้นที่ป่าธรรมชาติ และบริเวณพื้นที่ป่าฟื้นฟู ประกอบกับสภาพพื้นที่ปัจจุบันได้เข้าสู่หน้าแล้ง ทำให้ทั่วบริเวณผืนป่ามีปริมาณเชื้อเพลิงสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ในการนี้ (กฟผ.) แม่เมาะ มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว เกรงว่าในช่วงหน้าแล้งนี้จะเกิดปัญหาไฟป่าและหมอกควันเหมือนดังเช่นทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลกระทบทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของพี่น้องประชาชนโดยรวม ดังนั้นจึงได้ร่วมบูรณาการนำหน่วยกองงานที่เกี่ยวข้องในสังกัด เข้าทำกิจกรรมแบบมีส่วนร่วม Kick Off รณรงค์ประชาสัมพันธ์ ""หยุดเผา"" เดินหน้าต่อเนื่องแผนยุทธการเชิงรุกป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ตามแนวทางมาตรการจังหวัด คนลำปางร่วมใจ ไม่เผาป่า คืนฟ้าใส ให้ชาวลำปาง
ซึ่งในการจัดกิจกรรม นายประจวบ ดอนคำมูล ผู้ช่วยผู้ว่าการเหมืองแม่เมาะ ได้ให้เกียรติเป็นหัวหน้าคณะ นำทีมเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์มือเครื่องจักรในส่วนงานฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากแผนกรักษาความปลอดภัยทั่วไป แผนกรักษาความปลอดภัยโรงไฟฟ้า กองจัดการน้ำและสนับสนุนการปฏิบัติการ และหน่วยกองฟื้นฟูสภาพเหมือง เข้าทำกิจกรรมแบบมีส่วนร่วมพร้อมกัน ณ ที่บริเวณกองฟื้นฟูสภาพเหมือง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ โดยการนี้ ผู้ช่วยผู้ว่าการเหมืองแม่เมาะ ได้เป็นประธานทำพิธีปล่อยแถวกำลังพลเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะมีทั้งทีมสนับสนุนและทีมปฏิบัติการ ที่จะลงพื้นที่ไปประจำตามจุดเฝ้าระวังต่างๆ คอยให้การสนับสนุนทั้งในเรื่องอุปกรณ์เครื่องมือและกำลังพล โดยกำลังเจ้าหน้าที่ส่วนนี้ ทาง (กฟผ.) แม่เมาะ จะให้เข้าร่วมเป็นอาสาสมัครป้องกันและควบคุมไฟป่า ซึ่งกำลังพลส่วนหนึ่งจะได้เป็นกำลังเสริมคอยช่วยเหลือหน่วยงานเทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบลในเขตท้องที่ เน้นการปฏิบัติงานเชิงรุกทำหน้าที่เป็นหน่วยลาดตระเวน หรือเป็นชุดเคลื่อนที่เร็ว ซึ่งชุดปฏิบัติการดังกล่าวจะปฏิบัติการออกลาดตระเวนพร้อมอุปกรณ์ดับไฟป่าครบชุด คอยเฝ้าระวังตรวจตราพื้นที่ ทำแนวกันไฟรอบบริเวณเหมืองแม่เมาะ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดปัญหาไฟป่า รวมถึงพื้นที่รอยต่อกับอำเภอใกล้เคียงเป็นประจำทุกวัน หากเมื่อพบเห็นการเกิดไฟป่าหน่วยเคลื่อนที่เร็วจะเป็นหน่วยแรกที่เข้าระงับเหตุแก้ไขสถานการณ์เบื้องต้นทันที และกำลังพลที่เหลืออีกส่วนหนึ่ง จะเป็นหน่วยเตรียมความพร้อมจัดเตรียมในส่วนของเครื่องจักร รถบรรทุกน้ำ และอุปกรณ์ทุ่นแรงไว้คอยสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดจนให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นหน่วยประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมให้ชาวบ้านในชุมชนพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า มีการนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้แห้ง ฟางข้าว ตอซัง ฯลฯ มาใช้ทำเป็นปุ๋ยหมักสร้างรายได้เพิ่ม เพื่อจะได้ช่วยลดการเผาเศษวัสดุซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดปัญหาหมอกควัน
ทั้งนี้ ในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ (กฟผ.) แม่เมาะ มุ่งหวังที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเผาของชาวบ้านในชุมชนรอบพื้นที่ รวมทั้งยังเพื่อต้องการส่งเสริมสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมให้ประชาชนได้เข้ามาดำเนินการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อเฝ้าระวังป้องกันปัญหาตามบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละภาคส่วน ซึ่งจะช่วยให้การแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันในพื้นที่จังหวัดลำปาง เป็นไปอย่างมีระบบและยั่งยืน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำปาง นายชาญณรงค์ ปันเต
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",26/3/2022,NULL,ลำปาง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220326133346325 พัฒนาหนองเล็งทราย เพิ่มปริมาณเก็บกัก บรรเทาน้ำท่วมน้ำแล้ง ส่งเสริมอาชีพประมง สร้างแหล่งท่องเที่ยว,"นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงแนวทางในการพัฒนาหนองเล็งทราย จังหวัดพะเยา ว่า หนองเล็งทราย เป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ เนื้อที่ประมาณ 5,563 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 5 ตำบล ในอำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ประชาชนได้อาศัยแหล่งน้ำนี้ ในการประกอบอาชีพประมงและเลี้ยงสัตว์ แต่เนื่องจากมีตะกอนดินที่ไหลมาจากลำห้วยต่างๆ ลงสู่หนอง ทำให้เกิดความตื้นเขินไม่สามารถเก็บกักน้ำได้อย่างเต็มศักยภาพในฤดูฝน ประกอบกับมีการบุกรุกพื้นที่บริเวณรอบหนอง จึงทำให้ระบบนิเวศตามธรรมชาติถูกทำลาย ส่งผลต่อคุณภาพน้ำในการผลิตน้ำประปาและการขยายพันธุ์ของสัตว์น้ำ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านที่ใช้แหล่งน้ำนี้ในการอุปโภคบริโภค และการเกษตร รวมทั้งอาชีพประมง
กรมชลประทาน จึงได้วางแนวทางการพัฒนาหนองเล็งทรายออกเป็น 6 ระยะ เพื่อการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งหากดำเนินโครงการแล้วเสร็จทั้งหมด จะสามารถเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักได้มากขึ้น จากเดิมเก็บกักได้ 9 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นประมาณ 23 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นประมาณ 14 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มพื้นที่รับประโยชน์ได้ถึง 10,000 ไร่ ให้แก่เกษตรกรและผู้ใช้น้ำในอำเภอแม่ใจ อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ช่วยสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนได้อีกทางหนี่งด้วย
ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองจังหวัดแม่ฮ่องสอน รายงานสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำวันที่ 26 มีนาคม 2565 ว่าพบจุดความร้อน เมื่อวานนี้ (25 มี.ค. 65) จำนวน 23 จุด จุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 25 มีนาคม 2565 จำนวน 2,869 จุด สูงสุดที่อำเภอเมือง จำนวน 839 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 1,669 จุด จุดความร้อนสะสมช่วงประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ยกเว้นพื้นที่ตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ - 25 มีนาคม 2565 จำนวน 2,202 จุด สูงสุดที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จำนวน 660 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 1,227 จุด
ส่วนคุณภาพอากาศประจำวันที่ 26 มีนาคม 2565 ค่า PM2.5 ณ สถานีตรวจวัดอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เท่ากับ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับดีปานกลาง) และสถานีตรวจวัดอำเภอแม่สะเรียง เท่ากับ 22 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรไม่ฐานเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับดีมาก)
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",26/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220326150140336 "จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับจุดความร้อนจากเมียนมาสูงขึ้นเกือบ 2,000 จุด ส่งผลกระทบแนวชายแดนภาคเหนือของไทย","
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับจุดความร้อนจากประเทศเมียนมาสูงขึ้นเกือบ 2,000 จุด ส่งผลกระทบแนวชายแดนภาคเหนือของประเทศไทย
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (25 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 111 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่เกษตร 38 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 22 จุด // พื้นที่เขต สปก. 20 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 14 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 14 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 2 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด คือ แม่ฮ่องสอน 23 จุด , นครราชสีมา 11 จุด และพิจิตร 9 จุด โดยจุดความร้อนที่กระจายตัวในหลายภูมิภาค แต่ยังเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ส่วนใหญ่พบในพื้นที่บริเวณภาคกลางตอนบน คาดว่าจะเกิดจากการเผาในกิจกรรมการเกษตร ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 25 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 11,753 จุด , ภาคเหนือ 10,866 จุด และภาคกลาง 6,292 จุด ส่วนค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 วันนี้โดยรวมทั่วประเทศอยู่ในระดับดีมาก ยกเว้นบริเวณตอนบนของภาคเหนือพบค่าฝุ่นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาวันนี้พบ 1,901 จุด รองลงมา เป็นเวียดนาม 294 จุด และ สปป.ลาว 227 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือ จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",26/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220326144619332 จังหวัดชลบุรี กรมโยธาธิการและผังเมือง การประชุมประชาสัมพันธ์โครงการ ครั้งที่ 1 โครงการศึกษาเพื่อกำหนดแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ระยะที่ 2,"กรมโยธาธิการและผังเมือง การประชุมประชาสัมพันธ์โครงการ ครั้งที่ 1 โครงการศึกษา เพื่อกำหนดแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ระยะที่ 2 พื้นที่ในระบบกลุ่มหาดตั้งแต่พื้นที่ตำบลอ่างศิลา อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ถึงตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
ที่ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(THE COP Seminar & Resort) ตำบลบางละมุง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี นายปราบพิภพ จัมปะโสม หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการโยธาธิการ สำนักงานโยธาธิการและ ผังเมืองจังหวัดชลบุรี เป็นประธานการประชุมประชาสัมพันธ์โครงการ ครั้งที่ 1 โครงการศึกษา เพื่อกำหนดแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ระยะที่ 2 พื้นที่ในระบบกลุ่มหาดตั้งแต่พื้นที่ตำบลอ่างศิลา อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ถึงตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย มีระดับความรุนแรงและสาเหตุที่แตกต่างกันไป ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมือง ตระหนักถึงปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน จึงได้ดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้ดำเนินการออกแบบและก่อสร้างโครงสร้าง ป้องกันชายฝั่งรูปแบบต่าง ๆ ในพื้นที่ที่ประสบปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง และตามการร้องขอของประชาชนในพื้นที่ประสบภัย
ปี พ.ศ.2557 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เสนอแนวคิดในการจัดการชายฝั่ง โดยใช้ ระบบกลุ่มหาด (Littoral Cell) ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่ง ในการจัดการชายฝั่งที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยใช้หลักเกณฑ์และองค์ความรู้พื้นฐานทางด้านสมุทรศาสตร์ เกี่ยวกับกระบวนการชายฝั่ง เข้ามากำหนดขอบเขตพื้นที่ชายฝั่ง ดังนัน เพื่อให้การดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง เป็นไปในลักษณะเชิงพื้นที่ หรือในลักษณะระบบกลุ่มหาด กรมโยธาธิการและผังเมือง จึงได้จัดทำ โครงการศึกษาเพื่อกำหนดแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง โดยนำแนวคิดระบบกลุ่มหาด มาใช้เป็นแนวทางในการศึกษา ในครั้งนี้เป็นการดำเนินงานในระยะที่ 2 ครอบคลุมพื้นที่แนวชายฝั่งประมาณ 1,208 กิโลเมตร ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้ ในการจัดการชายฝั่งโดยใช้ระบบกลุ่มหาด พร้อมจัดทำแผนหลักแนวทาง และมาตรการการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในพื้นที่ศึกษา โดยคำนึงถึงความเหมาะสมทั้งทางด้านวิศวกรรม สภาพเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาในเชิงพื้นที่ ตลอดจนสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ ในการจัดการชายฝั่ง โดยใช้ระบบกลุ่มหาด และส่งเสริมให้เกิดการบูรณาการองค์ความรู้ร่วมกัน ระหว่างองค์กรภาครัฐที่รับผิดชอบในการจัดการ และแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งต่อไป โดยได้เชิญหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยว และภาคประชาชน เพื่อร่วมรับฟังข้อมูลโครงการและร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษา
บัณฑิต มันปาฏิ....ภาพ/ข่าว
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",26/3/2022,ภาคตะวันออก,ชลบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220326151939340 กองทัพบก และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมบูรณาการในการใช้อากาศยาน เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือในช่วงเดือนเมษายน 2565,"
กองทัพบก ร่วมกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บูรณาการในการใช้อากาศยาน เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ ที่อาจจะมีความรุนแรงขึ้นในช่วงเดือนเมษายน 2565 เนื่องจากยังมีปริมาณเชื้อเพลิงที่สะสมอยู่จำนวนมาก
ที่ห้องประชุมกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า กองพลทหารราบที่ 7 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมประชุมติดตามความพร้อมเกี่ยวกับการใช้อากาศยานในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมหารือแนวทางการปฏิบัติงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ กับ พลตรี ประสิษฐิพงษ์ มูลดี รองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 และ นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
จากสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันภาพรวมในปีนี้ จะดีกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฝนตกลงมาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้จุดความร้อนสะสมลดลง ขณะเดียวกันยังไม่มีเหตุการณ์ไฟไหม้ป่าที่รุนแรง ประกอบกับภาคส่วนต่าง ๆ ได้มีการบริหารจัดการเชื้อเพลิงเท่าที่จำเป็น เพิ่มความถี่ในการลาดตระเวนป้องปรามการเกิดไฟป่าในพื้นที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประชาชนให้ความร่วมมือในการลดการเผา พร้อมกันนี้ ได้มีการนำอากาศยานไร้คนขับ UAV และเครื่อง DA42 ของกองทัพอากาศ มาบินลาดตระเวนตรวจสอบจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในช่วงเช้า โดยใช้ข้อมูลจุดความร้อนจากดาวเทียมเวียร์เป็นข้อมูลพื้นฐานในการวิเคราะห์ก่อนจะนำอากาศยานไร้คนขับ UAV ขึ้นบิน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำยิ่งขึ้นในการเกิดจุดความร้อน ก่อนจะดำเนินการจัดหน่วยดับไฟเข้าพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด หากเกิดไฟป่าขึ้นบนพื้นที่สูงชัน จะพิจารณาส่งเฮลิคอปเตอร์ KA-32 ซึ่งมาประจำการที่จังหวัดเชียงใหม่ เข้าพื้นที่ปฏิบัติการ ซึ่งเฮลิคอปเตอร์ KA 32 สามารถลำเลียงน้ำได้เที่ยวละ 3,000 ลิตร บินด้วยความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความสูงในการบินหรือเพดานบินอยู่ที่ 6,000 เมตร สามารถบินได้นาน 3 ชั่วโมง 20 นาที โดยจะทำการทิ้งน้ำครั้งเดียวทั้ง 3,000 ลิตร ซึ่งจะเป็นการทิ้งน้ำเพื่อเป็นแนวกันไฟ จะไม่ทำการทิ้งน้ำลงบนเพลิงที่กำลังลุกไหม้ เนื่องจากจะทำให้สะเก็ดไฟเล็ก ๆ ลอยขึ้นสู่อากาศ ทำให้สามารถลุกลามเป็นวงกว้างได้ ซึ่งการปฏิบัติภารกิจของอากาศยานจะเป็นการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
พิมลกัลย์ เดชะชัย สวท. เชียงใหม่
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",26/3/2022,ภาคเหนือ,เชียงใหม่,สวท.เชียงใหม่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220326154234345 วราวุธ เร่งฟื้นฟูแหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ให้ครอบคลุมพื้นที่ประสบภัยแล้ง เพื่อลดปัญหาขาดแคลนน้ำและเพิ่มน้ำต้นทุนให้เพียงพออุปโภค-บริโภค,
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งฟื้นฟูแหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ให้ครอบคลุมพื้นที่ประสบภัยแล้ง เพื่อลดปัญหาขาดแคลนน้ำและเพิ่มน้ำต้นทุนให้เพียงพออุปโภค-บริโภค
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการติดตามความคืบหน้าโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อใช้สนับสนุนเกษตรแปลงใหญ่ข้าว พร้อมส่งมอบโครงการให้ผู้แทนกลุ่มผู้ใช้น้ำ ณ โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์สนับสนุนเกษตรแปลงใหญ่ข้าว อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบภัยแล้งและขาดแคลนน้ำ ให้ประชาชน มีน้ำใช้อย่างเพียงพอ พร้อมจัดหาน้ำต้นทุนในการอุปโภค-บริโภค การปลูกพืชใช้น้ำน้อย และการเกษตรแปลงใหญ่ข้าว ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่ ควบคู่กับส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรมมีความมั่นคงและลดปัญหาความยากจนให้เกษตรกรไทยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ อยากขอให้ผู้นำท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ช่วยกันดูแลรักษาเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆให้สามารถใช้งานได้อยู่เสมอ แล้วแบ่งปันการใช้น้ำอย่างทั่วถึงและคุ้มค่า สิ่งสำคัญอยากขอให้ทุกคนร่วมกันปลูกต้นไม้ให้เป็นแหล่งต้นน้ำต่อไปด้วย
สำหรับโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ฯแห่งนี้ ประกอบด้วย หอถังสูงแคปซูลขนาด 100 ลูกบาศก์เมตร 3 ถัง // ปั๊มสูบน้ำผิวดินด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 10 แรงม้า 3 ชุด // แผงโซลาร์เซลล์ ขนาด 310 วัตต์ 96 แผง // โรงสูบน้ำและท่อจ่ายน้ำ ปัจจุบันมีประชาชนได้รับประโยชน์กว่า 112 ครัวเรือน และมีพื้นที่การเกษตรได้รับประโยชน์กว่า 556 ไร่
,26/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220326175806373 อธิบดีกรมประมงตรวจราชการและปฏิบัติราชการที่อุดรธานี,"อธิบดีกรมประมงตรวจราชการและปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี กรมประมงลุยต่อ ""โครงการธนาคารผลผลิตสัตว์น้ำแบบมีส่วนร่วม"" โชว์ผลสำเร็จ ""แหล่งน้ำทำนบปลาห้วยวังเบญ"" จังหวัดอุดรธานี เปิดจับสัตว์น้ำ มุ่งกระจายรายได้ให้ชุมชนคาดสร้างรายได้ให้ชุมชนไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท เงินปันผลไม่ต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ พร้อมเยี่ยมชมการดำเนินงานวิสาหกิจกลุ่มแปลงใหญ่ปลาตะเพียนขาว ที่จังหวัดอุดรธานี
วันที่ 26 มีนาคม 2565 นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง เป็นประธานเปิดจับปลาในแหล่งน้ำโครงการธนาคารสินค้าเกษตร กิจกรรมสนับสนุนผลผลิตสัตว์น้ำแบบมีส่วนร่วม ทำนบปลาห้วยวังเบญ บ้านดอนม่วง หมู่ที่ 3 ตำบลนาม่วง อำเภอประจักษ์ศิลปาคม โดยมีนายจำรัส กังน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นายอำพล จินดาวงศ์ ประมงจังหวัดอุดรธานี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารท้องถิ่น และประชาชนร่วมกิจกรรม ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด19 ของกระทรวงสาธารณสุข กรมประมงมีการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ""โครงการธนาคารผลผลิตสัตว์น้ำแบบมีส่วนร่วม"" อย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี
โดยบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพของชุมชนในการบริหารจัดการแหล่งน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมเสริมสร้างการมีส่วนร่วมด้วยการให้ชุมชนเป็นหุ้นส่วนในการดำเนินการ และกำหนดกติการ่วมกันภายใต้หลักการ ""ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผลประโยชน์"" ซึ่งที่ผ่านมาโครงการฯ ได้รับการตอบรับที่ดี มีผลสำเร็จเห็นผลเชิงประจักษ์ ปัจจุบันมีแหล่งน้ำเข้าร่วมโครงการฯ 120 แห่ง ในพื้นที่ 47 จังหวัดทั่วประเทศ มีสัตว์น้ำสำหรับบริโภคในชุมชน สามารถลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ในครัวเรือน ตลอดจน มีการจัดสรรผลประโยชน์คืนให้แก่สมาชิกโครงการ ฯ และรายได้ส่วนหนึ่งคืนกลับสู่ชุมชนเป็นต้นทุนในการพัฒนาชุมชน ก่อให้เกิดการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน สำหรับในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี มีแหล่งน้ำที่เข้าร่วมโครงการฯ 4 แหล่งน้ำ ได้แก่
หนองคำลากไม้ ตำบลขอนยูง อำเภอกุดจับ,
หนองเสี่ยนดุม ตำบลนาดี อำเภอหนองแสง ,
หนองหายโศก ตำบลหนองไผ่ อำเภอหนองหาน
และทำนบปลาห้วยวังเบญ ตำบลนาม่วง อำเภอประจักษ์ศิลปาคม
เป็นแหล่งน้ำที่เข้าร่วมโครงการฯ มาตั้งแต่ปี 2564 มีพื้นที่ขนาด 28 ไร่ เดิมทีแหล่งน้ำแห่งนี้มีการใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรอย่างเดียว จากศักยภาพของแหล่งน้ำโดยเฉพาะด้านการประมง กรมประมงโดยสำนักงานประมงจังหวัดอุดรธานี ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดอุดรธานี จึงได้เข้าไปส่งเสริมสนับสนุนให้ชุมชนมีการบริหารจัดการแหล่งน้ำแห่งนี้ เพื่อให้เป็นแหล่งผลิตสัตว์น้ำจืดของชุมชน เพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำจืดให้เป็นแหล่งอาหารโปรตีนสำคัญสำหรับการบริโภค
โดยชุมชนได้มีการทำประชาคมหมู่บ้านร่วมกันจัดทำแผนการพัฒนาแหล่งน้ำ มีการจัดตั้งคณะกรรมการแหล่งน้ำ พร้อมร่วมกันออกกฎกติกาในการบริหารจัดการและจัดสรรรายได้ที่เกิดขึ้นจากโครงการฯ สำหรับใช้พัฒนาชุมชนด้านต่าง ๆ เช่น สาธารณูปโภคในหมู่บ้าน วัด โรงเรียน เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการแหล่งน้ำในปีต่อไป และส่วนหนึ่งปันผลคืนให้แก่สมาชิกตามกฎระเบียบที่ชุมชนร่วมกันกำหนดขึ้น ซึ่งในปี 2564 ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดขายบัตรจับสัตว์น้ำเก่า มีรายได้กว่า 89,000 บาท
หลังจากนั้น ชุมชนได้ร่วมกันดำเนินการตามแผนชุมชนเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำทำนบปลาห้วยวังเบญ ในการผลิตสัตว์น้ำและสร้างรายได้โดยใช้เงินงบอุดหนุนจากโครงการฯ จำนวน 175,000 บาท และมีเจ้าหน้าที่ประมงคอยเป็นพี่เลี้ยง สนับสนุนพันธุ์สัตว์น้ำจืดเพื่อเพิ่มเติมผลผลิตสัตว์น้ำ ได้แก่ ปลานิล ปลาตะเพียนขาว ปลายี่สกเทศ ปลาบ้า พร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแบบลดต้นทุนการผลิต โดยการเพิ่มอาหารธรรมชาติจากวัสดุธรรมชาติในชุมชน มีการสอนการเพาะสัตว์น้ำด้วยชุดเพาะฟักเคลื่อนที่ (Mobile Hatchery) ทำให้ชุมชนได้รับการพัฒนาศักยภาพและทักษะด้านการประมง จนสามารถการบริหารจัดการแหล่งน้ำของชุมชนได้เป็นอย่างดี สามารถสร้างรายได้จากการอนุบาลลูกปลาจำหน่ายกว่า 55,000 บาท ปัจจุบัน แหล่งน้ำทำนบปลาห้วยวังเบญมีการขึ้นทะเบียนเป็นองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น มีคณะกรรมการบริหารองค์กรโครงการ จำนวน 21 คน มีสมาชิกเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนแล้วกว่า 77 คน มีเงินหุ้นรวม 7,700 บาท
กิจกรรมครั้งนี้เปิดจับปลาในแหล่งน้ำครั้งแรกตามแผนดำเนินงานของชุมชนหลังจากปล่อยพันธุ์ปลาในแหล่งน้ำ คาดสามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท และมีรายได้ปันผลคืนสู่ชุมชนและสมาชิกโครงการฯ ไม่ต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ จากความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของชุมชน ทำให้โครงการฯ นี้ ประสบผลสำเร็จ ซึ่งนอกจากจะเกิดการสร้างรายได้ในชุมชนแล้ว ยังเกิดแหล่งเรียนรู้ด้านการประมงชุมชนต้นแบบ เกิดความรัก ความสามัคคี ชุมชนมีทักษะด้านการบริหารจัดการทรัพยากรประมง ทำให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ นำไปสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป
จากนั้น อธิบดีกรมประมงและคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมการดำเนินงานของวิสาหกิจกลุ่มแปลงใหญ่ปลาตะเพียนขาว ที่บ้านหนองแวง หมู่ที่ 10 ตำบลไชยวาน อำเภอไชยวาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับงบอุดหนุนแปลงใหญ่ยกระดับ ปี 2564 มีการผลิตอาหารเม็ด และเพาะลูกปลาด้วยชุดเพาะพันธุ์ปลาเคลื่อนที่ ซึ่งอธิบดีกรมประมง ได้กล่าวพบปะและเยี่ยมชมกิจกรรมการผลิตอาหารปลาลอยน้ำ การสาธิตการเพาะพันธ์ปลาตะเพียนขาวด้วยชุดเพาะพันธุ์ปลาเคลื่อนที่ และเยี่ยมชมบ่อเลี้ยงปลาตะเพียนขาว ก่อนที่จะเดินทางไปประชุมติดตามการดำเนินงานด้านประมงในเขตพื้นที่จังหวัดอุดรธานี และมอบนโยบายให้แก่คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายกรมประมงระดับจังหวัด (Fisheries Coordinator (FC) หน่วยงานในสังกัดกรมประมงจังหวัดอุดรธานีที่ ที่ห้องประชุมศูนย์วิจัยและพันาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดอุดรธานี
ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",26/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,อุดรธานี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220326190033376 รมว.ทส. วราวุธ ฯ เปิดโครงการก่อสร้างระบบกระจายน้ำ สนับสนุนเกษตรแปลงใหญ่ข้าว เพื่อแก้ไขปัญหาที่ได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำ ประชาชน ตำบลไหล่ทุ่ง อ.ตระการพืชผล,"นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดโครงการก่อสร้างระบบกระจายน้ำ สนับสนุนเกษตรแปลงใหญ่ข้าว หมู่ที่ 12 ตำบลไหล่ทุ่ง อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีนายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้การต้อนรับ
โครงการดังกล่าวฯ ราษฎร หมู่ที่ 12 ตำบลไหล่ทุ่ง ได้รวมกลุ่มดำเนินการเกษตรแปลงใหญ่ข้าว ได้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัย ซึ่งในพื้นที่มีแหล่งน้ำผิวดินที่มีปริมาณเก็บกักน้ำมากแต่ไม่สามารถนำน้ำที่มีอยู่ไปบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้ องค์การบริหารส่วนตำบลไหล่ทุ่ง จึงได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างโครงการก่อสร้างระบบกระจายน้ำสนับสนุนแปลงใหญ่ข้าว
โดยเป็นปั๊มสูบน้ำผิวดินด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ จากสำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาลภาค 11 อุบลราชธานี กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ไขปัญหา และบรรเทาภัยแล้งให้กับประชาชน สมาชิกกลุ่ม แปลงใหญ่ข้าวในพื้นที่ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำ ปัจจุบันมีครัวเรือนที่ได้รับประโยชน์ จากโครงการ ฯ 112 ครัวเรือน จำนวนประชากร 336 คน พื้นที่การเกษตร 556 ไร่ รวมความยาวท่อจ่ายน้ำ 3,385 เมตร
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",26/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,อุบลราชธานี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุบลราชธานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220326191504390 วิสาหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรกรขี้นาคแผนใหม่ เพชรบูรณ์ ต้นแบบการรวมกลุ่มปลูกมะขามเปรี้ยว สร้างกำไรปีละ 32 ล้านบาท,"นายนพดล ศรีพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 12 นครสวรรค์ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า มะขามเปรี้ยว เป็นอีกหนึ่งสินค้าเกษตรทางเลือกที่น่าสนใจ โดยจังหวัดเพชรบูรณ์ นับเป็นแหล่งปลูกมะขามเปรี้ยวที่สำคัญของประเทศ เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะดิน และสภาพอากาศเหมาะแก่การเจริญเติบโต ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานเกษตรจังหวัดเพชรบูรณ์ พบว่า ปี 2564 จังหวัดเพชรบูรณ์ มีเนื้อที่ปลูกมะขามเปรี้ยว จำนวน 5,901 ไร่ เกษตรกรผู้ปลูก จำนวน 887 ราย พื้นที่ปลูกส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอหล่มเก่า อำเภอเมือง อำเภอหนองไผ่ และอำเภอวังโป่ง ทำให้จากการลงพื้นที่ติดตาม พบว่า ปัจจุบันเกษตรกรมีการรวมกลุ่มผลิต ซึ่ง 1 ในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ประสบความสำเร็จคือ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรกรขี้นาคแผนใหม่ อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพการผลิตในพื้นที่ ปัจจุบันมีสมาชิก 65 ราย เนื้อที่ปลูก 1,012 ไร่
ช่วงเก็บเกี่ยวจะอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม พฤศจิกายน ของทุกปี ให้ผลผลิตรวม 3,013 ตัน/ปี ผลผลิตเฉลี่ย 2,977 กิโลกรัม/ไร่/ปี คิดเป็นกำไร 31,886 บาท/ไร่/ปี ทั้งนี้ หากคิดเป็นผลตอบแทนของทั้งกลุ่มจะได้กำไรประมาณ 32 ล้านบาท/ปี โดยการจำหน่ายจะมีพ่อค้าเป็นผู้รวบรวมเพื่อส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา และที่เหลืออีกร้อยละ 10 แปรรูปเป็นมะขามเปียก มะขามจี๊ดจ๊าด มะขามคลุกน้ำตาล มะขามคลุกบ๊วย และมะขามหยีปรุงรสต่างๆ จำหน่ายทั้งปลีกและส่งที่ร้านค้ากลุ่มและร้านขายของฝากในจังหวัด
นอกจากนี้ มีจำหน่ายออนไลน์ อย่างไรก็ตาม เกษตรกรควรเฝ้าระวังหนอนในช่วงที่ผลผลิตออกดอกในเดือนเมษายน - พฤษภาคม ซึ่งเป็นศัตรูสำคัญในการปลูกมะขามเปรี้ยว อาจทำลายให้ผลผลิตเสียหายได้
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนระวังเกิดฝนตกบางแห่งบริเวณตอนบนของประเทศและภาคใต้ พร้อมเฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงและน้ำเค็มรุกตัวเข้าแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงวันที่ 28 มีนาคม - 3 เมษายน
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (27 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนลดลงเช่นกัน แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ จ.เพชรบูรณ์ 53 มิลลิเมตร , ระนอง 47 มิลลิเมตร และสุราษฎร์ธานี 38 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 27,483 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 47 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 21,612 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 45 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล อ่างเก็บน้ำแม่จาง และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ยังได้ติดตามข้อมูลระดับน้ำทำนายสูงสุด - ต่ำสุดปีนี้ โดย กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ และการคาดการณ์ของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) คาดว่า จะเกิดน้ำทะเลหนุนสูงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน ประกอบกับ อิทธิพลของลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ส่งผลให้ช่วงดังกล่าวเกิดสภาวะน้ำทะเลหนุนสูง จะทำให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมกระทบบริเวณพื้นที่ชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำ รวมทั้ง เกิดน้ำเค็มรุกตัวเข้าสู่บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำใช้อุปโภค-บริโภคและการใช้น้ำเพื่อการเกษตรโดย คาดการณ์ว่าช่วงวันที่ 28 มีนาคม - 3 เมษายน ระดับน้ำอยู่ที่ 1.701.80 เมตร แล้วจะมีค่าความเค็มอยู่ในเกณฑ์ปกติ รวมทั้ง ช่วงวันที่ 4 - 6 พฤษภาคม และช่วงวันที่ 19 - 21 พฤษภาคม จะยังคงเกิดน้ำทะเลหนุนสูงได้อีก
ทั้งนี้ กอนช. ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันบริหารจัดการน้ำและควบคุมค่าความเค็มบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมเตรียมรับมือสถานการณ์ดังกล่าวและเฝ้าระวังน้ำเค็มรุกต่อเนื่อง เพื่อแก้ปัญหาคุณภาพน้ำช่วงน้ำทะเลหนุนตลอดช่วงหน้าแล้งนี้ โดยกรมชลประทานวางแผนควบคุมค่าความเค็มจากการระบายน้ำผ่านอาคารชลประทานการประปานครหลวงบริหารจัดการการสูบน้ำดิบจากแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสถานีสูบน้ำดิบสำแล ส่วนกรุงเทพมหานครร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยงข้องติดตามสถานการณ์น้ำขึ้น-น้ำลงของแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่กรุงเทพมหานครด้วย
",27/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220327100904453 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ ต.จองคำ จ.แม่ฮ่องสอน ปรับตัวสูงในระดับสีแดงเกือบแตะ 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วน กทม.และปริมณฑลคุณภาพอากาศดีต่อเนื่อง,ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ปรับตัวสูงในระดับสีแดงเกือบแตะ 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีต่อเนื่อง
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (27 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีมากถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นบางพื้นที่ โดยเฉพาะ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน สูงในระดับสีแดงเกือบแตะ 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานวันที่ 28 มีนาคม - 3 เมษายน แล้วต้องเฝ้าระวังช่วงวันที่ 28 - 31 มีนาคมภาคเหนือมีโอกาสเกิดฝนตกหลายพื้นที่
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงดี โดยค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศเปิด มีลมพัด และฝนตกช่วยลดการสะสมของฝุ่นลง ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานวันที่ 28 มีนาคม - 3 เมษายน
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
,27/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220327101052454 เตรียมส่งออกขนุนจากภาคใต้สัปดาห์นี้ ต่อด้วยลำไยจากภาคเหนือ ผ่านลาวไปจีนด้วยระบบขนส่งแบบผสมผสาน,นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะทำงานจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบ (เฉพาะกิจ) เปิดเผยวันนี้ว่า การขนส่งทุเรียน 2 ตู้คอนเทนเนอร์ และมะพร้าวจำนวน 6 ตู้คอนเทนเนอร์ทางรถไฟ จากจังหวัดระยองในภาคตะวันออก ไปยังสถานีรถไฟหนองคาย เพื่อตรวจและออกใบรับรองตรวจโรคพืชไฟโตที่ด่านหนองคายตามพิธีสารผลไม้ไทย-จีน จากนั้นขบวนรถไฟจะขนส่งผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ข้ามแม่น้ำโขงไปยังท่าบก ท่านาแล้ง ก่อนยกขึ้นหัวลากจากท่านาแล้ง 2.9 กม. ไปขึ้นรถไฟลาว-จีนที่ สถานีเวียงจันทน์ ก่อนขนส่งไปสถานีรถไฟนาเตยแล้วยกขึ้นรถหัวลากเดินทางไปด่านบ่อเตนของลาวข้ามพรมแดนลาว-จีน ไปตรวจปล่อยที่ด่านโมฮ่านในมณฑลยูนนานของจีน เป็นระบบการขนส่งหลายรูปแบบ ที่เริ่มดำเนินการเป็นครั้งแรกเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า กรณีที่ยังไม่สามารถขนส่งผลไม้ทางรถไฟจากลาวข้ามแดนไปด่านรถไฟโมฮ่านโดยตรง เนื่องจากจีนกำลังก่อสร้างอาคารและลานตรวจโรคพืชที่ด่านรถไฟโมฮ่าน จึงต้องไปใช้การตรวจโรคพืชที่ด่านโมฮ่าน ซึ่งเป็นด่านใหญ่ด่านเดิมไปพรางก่อน และคาดว่าในสัปดาห์นี้จะมีการส่งออกขนุนจากภาคใต้ ต่อด้วยผลไม้ เช่น ลำไยจากภาคเหนือ หลังจากเริ่มการขนส่งผลไม้จากภาคตะวันออก โดยหวังว่าจะผ่านไปด้วยดีโดยตนจะติดตามทุกขั้นตอนจนกว่าทุเรียนและมะพร้าวจะถึงกวางโจว
นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ประชุมหารือถึงเรื่องการทดสอบทดลองใช้ระบบขนส่งผสมผสานทางรางทางรถ จะดูทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่งผลไม้จากไทยไปจีน และปัญหาข้อขัดข้องที่ต้องปรับปรุงแก้ไข โดยมีบริษัทผู้ส่งออกผลไม้และบริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์ได้รับอนุญาตให้ร่วมในการทดสอบครั้งนี้ ซึ่งมีหลายบริษัทที่ทางการจีนได้อนุมัติให้ดำเนินการทดสอบทดลอง ซึ่งต้องขอบคุณสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และทางการยูนนาน สถาบันโลจิสติกส์คุนหมิง และสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทยตลอดจนภาคเอกชนของ 3 ประเทศ และฟรุ้ทบอร์ด ที่ร่วมมือกันส่งเสริมการค้าการส่งออกทุเรียนมะพร้าวและผลไม้อื่นๆ ภายใต้พิธีสารแม้จะมีปัญหาอุปสรรค ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย-ลาว-จีน
,27/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220327150021507 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นเกือบ 300 จุด,"
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (26 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 298 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่เกษตร 114 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 88 จุด พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 59 จุด พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 25 จุด พื้นที่เขต สปก. 10 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 2 จุด
ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุดคือ แม่ฮ่องสอน 71 จุด เชียงใหม่ 23 จุด และพิจิตร 18 จุด โดยจุดความร้อนเริ่มกลับมากระจายตัวเพิ่มมากขึ้นในพื้นที่บริเวณภาคกลางและภาคเหนือ
จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 26 มีนาคม 2565 พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 11,771 จุด ภาคเหนือ 10,990 จุด และภาคกลาง 6,410 จุด ซึ่งวันนี้หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อยู่ในระดับปานกลาง โดยเฉพาะแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงรายฝุ่นค่อนข้างสูง
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมา วันนี้พบ 2,311 จุด รองลงมาเป็น สปป.ลาว 845 จุด และประเทศไทย 298 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมาส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอปากชม จังหวัดเลย นายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ครั้งที่ 2 ปีงบประมาณ 2565 โดยมี นายฉลอง อินทนนท์ เกษตรจังหวัดเลย, นายกฤษฎา โพธิ์ชัย นายอำเภอปากชม หัวหน้าส่วนราชการ เกษตรกรและประชาชนชาวอำเภอปากชม ร่วมกิจกรรม
นายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวว่า โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ เป็นโครงการที่สามารถให้บริการทางวิชาการ และทำให้การถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรสู่เกษตรกร บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย เป็นโครงการที่เข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรในพื้นที่ เพราะเกษตรกรจะได้รับบริการแบบครบวงจรในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านพืช ด้านดิน ด้านปศุสัตว์ ด้านประมง และอื่น ๆ ซึ่งเป็นการนำบุคลากร อุปกรณ์ และองค์ความรู้ ด้านการเกษตร มาสู่พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ โดยเกษตรกรไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลไปถึงตัวเมือง หรือสถานที่ราชการซึ่งอาจจะอยู่ห่างไกล
นายฉลองอินทนนท์ เกษตรจังหวัดเลย กล่าวว่า เนื่องในวโรกาสอันเป็นมิ่งมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระชนมายุครบ 50 พรรษา ในพุทธศักราช 2545 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงขอพระราชานุญาตจัดทำโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ กราบบังคมทูลถวาย และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงรับโครงการไว้ในพระราชานุเคราะห์ และทรงพระราชทาน พระราชานุญาตอัญเชิญพระนามาภิไธยย่อไว้ในเครื่องหมาย ตราสัญลักษณ์โครงการ โดยเปิดให้บริการครั้งแรก เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2545 ณ ตำบลบ้านหลวง อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี และได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน
การให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ เป็นวิธีการดำเนินงานอย่างหนึ่งที่สามารถทำให้การบริการทางวิชาการ และการถ่ายทอดเทคโนโลยี ทางการเกษตรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์บรรลุผลสำเร็จตามภารกิจที่รับผิดชอบ โดยเป็นการปฏิบัติงานในเชิงรุกที่ทำให้เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายที่มีปัญหา ให้ได้รับบริการทางการเกษตรอย่างรวดเร็ว ทั่วถึงและครบถ้วน เช่น การวิเคราะห์ดิน การวินิจฉัย โรคพืช โรคสัตว์ โรคสัตว์น้ำ และการให้วัคซีนป้องกันโรค รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยี และฝึกอบรมความรู้การเกษตรเสริมเพิ่มเติมควบคู่กันไปด้วย
ซึ่งเป็นการดำเนินการ ในลักษณะบูรณาการ การทำงานระหว่าง นักวิชาการเกษตรของหน่วยงานต่างๆ ในแต่ละสาขา ทั้งด้านพืช สัตว์ ประมง ดิน และน้ำ ฯลฯ พร้อมด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือทางวิชาการด้านต่าง ๆ มาให้บริการในคลินิกเกษตร โดยสามารถเคลื่อนที่เข้าไปได้ถึงในระดับตำบล เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้ารับบริการทางการเกษตรได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วนทุกด้านในคราวเดียวกัน
ในงานกำหนดให้มีกิจกรรมเปิดให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ การจัดนิทรรศการจากส่วนราชการและภาคเอกชน การแสดงและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์วิสาหกิจชุมชน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",27/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,เลย,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเลย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220327165759533 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ ต.จองคำ จ.แม่ฮ่องสอน ปรับตัวสูงในระดับสีแดงกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วน กทม.และปริมณฑลคุณภาพอากาศดีต่อเนื่อง,ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ปรับตัวสูงในระดับสีแดงกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีต่อเนื่อง
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (28 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีมากถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน สูงในระดับสีแดงกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ภาพรวมหลายพื้นที่จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานวันที่ 29 มีนาคม - 4 เมษายน แล้วต้องเฝ้าระวังช่วงวันที่ 28 มีนาคม และวันที่ 1 - 2 เมษายน ภาคเหนือมีโอกาสเกิดฝนตกหลายพื้นที่
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงดี โดยค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศเปิด มีลมพัด และฝนตกช่วยลดการสะสมของฝุ่นลง ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานวันที่ 29 มีนาคม - 4 เมษายน
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
,28/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328095802627 กอนช. ขอให้ประชาชนภาคใต้ระวังเกิดฝนตกบางแห่ง พร้อมให้กรมชลประทานเดินหน้ามาตรการรับมือฤดูฝนปีนี้,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนภาคใต้ระวังเกิดฝนตกบางแห่ง พร้อมให้กรมชลประทานเดินหน้ามาตรการรับมือฤดูฝนปีนี้
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (28 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนและมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ จ.นครศรีธรรมราช 88 มิลลิเมตร , กระบี่ 72 มิลลิเมตร และพะเยา 68 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 27,360 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 47 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 21,496 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 45 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ยังได้ติดตามการดำเนินการตามมาตรการรับมือฤดูฝนปีนี้ โดยกรมชลประทานบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำบางระกำได้เลื่อนระยะเวลาการเพาะปลูกข้าวนาปีในพื้นที่ลุ่มต่ำเร็วขึ้น ส่งน้ำให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกข้าวนาปีในพื้นที่โครงการ ซึ่งได้เริ่มส่งน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ให้ทุ่งบางระกำพื้นที่ 265,000 ไร่ ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด 5 อำเภอ คือ อ.พรหมพิราม อ.บางระกำ อ.เมือง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก และ อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย รวม 21 ตำบล 97 หมู่บ้าน จากเดิมเริ่มเดือนพฤษภาคม เพื่อให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกเร็วขึ้นและสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ก่อนฤดูน้ำหลาก ช่วยประหยัดงบประมาณภาครัฐให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร สามารถใช้พื้นที่นาหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตเป็นพื้นที่รองรับน้ำหลากจากลุ่มน้ำยม ลดผลกระทบจากอุทกภัยทั้งในพื้นที่การเกษตร และพื้นที่ชุมชนเมืองของ จ.สุโขทัย แล้วยังชะลอการระบายน้ำลงสู่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาได้สูงสุด 400 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ ยังส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เสริมจากผลิตภัณฑ์ข้าว และการทำอาชีพประมง การแปรรูปผลผลิตจากปลา สามารถสร้างรายได้เสริมช่วงรับน้ำเข้าทุ่ง โดยกรมชลประทานจะนำแนวทางการบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำบางระกำขยายผลสู่พื้นที่ลุ่มต่ำของลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างด้วย
",28/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328100119628 ฉก.ปัตตานี มุ่ง ส่งเสริมอาชีพ ประมง พื้นบ้าน สร้างความเข้มแข็งกลุ่มการผลิตด้านการเกษตร ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น,"วานนี้ (27 มีนาคม 2565) เวลา 11.00 น. ที่ ศูนย์ประมงพื้นบ้าน อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี พลตรี คมกฤช รัตนฉายา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี มอบหมายให้ พันเอก กฤศณัฏฐ์ จันทร รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 42 เข้าพบปะพัฒนาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับ นาย สุไลมาน ดาราโอะ หัวหน้ากลุ่มประมงพื้นบ้าน และนางสาวอาอีซะฮ์ ตีมุง หัวหน้ากลุ่มทำขนมสตรี ตำบลปะนาเระ เพื่อรับฟังแลกเปลี่ยนแนวความคิด ประสบการณ์ในการประกอบอาชีพของกลุ่ม เพื่อเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันในการส่งเสริมอาชีพพื้นบ้าน
ซึ่งเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งเป็นส่วนสนับสนุน หาแนวทางในการขยายตลาดอาชีพของชุมชนออกไปสู่ตลาดภายนอก โดยการเชื่อมต่อกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรอิสระ ที่เล็งเห็นความสำคัญของอาชีพกลุ่มการผลิตด้านการเกษตร ให้สามารถมีตลาดในการกระจายสินค้าและบริการไปสู่ผู้บริโภค เพื่อส่งเสริมการสร้างอาชีพที่มั่นคง สร้างรายได้ที่มั่งคั่ง และทำให้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อย่างยั่งยืนต่อไป
ในการนี้ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ได้ฝากข้อห่วงใย กับทางหัวหน้ากลุ่มฯ เกี่ยวกับเรื่องข้อปฏิบัติตนในห้วงเดือนรอมฎอนให้ปลอดภัยไร้โควิด 19 ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวมทั้งประชาสัมพันธ์ เรื่อง ห้ามมิให้ผู้ใดซื้อ - ขาย ใช้ ดอกไม้เพลิง ประทัดและสิ่งเทียมที่ทำให้เกิดเสียงดังทุกชนิด ในห้วงเดือนรอมฎอน ตามประกาศของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ทั้งนี้หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",28/3/2022,ภาคใต้,ปัตตานี,สวท.ปัตตานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328115637681 สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 10 พัฒนาศักยภาพการควบคุมภายในของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ยกระดับการควบคุมภายใน สำหรับผู้ตรวจสอบกิจการ รุ่นที่ 2,ณ โรงแรมลองบีช ชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี นางวรรณทณี ศรีพุ่มไข่ ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 10 เปิดการฝึกอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพการควบคุมภายในของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ยกระดับการควบคุมภายใน สำหรับผู้ตรวจสอบกิจการ รุ่นที่ 2 ร่วมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ สหกรณ์ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม จำนวน 10 สหกรณ์ ผู้เข้ารับการอบรม จำนวน 40 คน
นางวรรณทณี ศรีพุ่มไข่ ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 10 กล่าวว่า การฝึกอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพการควบคุมภายในของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ปีงบประมาณ 2565 รุ่นที่ 2 จัดอบรมระหว่างวันที่ 28-29 มีนาคม 2565 เพื่อให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร มีระบบการควบคุมภายในที่ดี คณะกรรมการ ฝ่ายจัดการ และผู้ตรวจสอบกิจการมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการควบคุม การบริหารจัดการ การประเมินความเสี่ยง การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการบริหารจัดการสหกรณ์ นำไปสู่การจัดชั้นคุณภาพของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในระดับที่สูงขึ้น สร้างความเข้มแข็งให้กับระบบสหกรณ์ ปัจจุบันเป็นยุค Thailand 4.0 การใช้เทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการมีความจำเป็นมากขึ้น กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้ยกระดับองค์กร สู่การเป็น Digital Government มีการพัฒนาโปรแกรมระบบบัญชีครบวงจรมาให้บริการกับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ช่วยในการจัดทำบัญชีและรายงานทางการเงินได้สะดวก ถูกต้อง ได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งนำ App Smart 4M ช่วยให้สมาชิก คณะกรรมการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการดำเนินงานของสหกรณ์ได้อย่างรวดเร็ว ทุกที่ทุกเวลา เพื่อความโปร่งใสในระบบสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร สามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการบริหารงานจัดการสหกรณ์ ทั้งนี้ นอกจากสร้างความสำเร็จในการบริหารงานแล้ว ยังสร้างความเข้มแข็ง ด้วยระบบการควบคุมภายในที่ดี ช่วยแก้ไขปัญหาที่อาจทำให้เกิดความเสียหายในสหกรณ์ได้อย่างทันเวลา
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,28/3/2022,NULL,เพชรบุรี,สวท.เพชรบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328121647699 "กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรลำปาง ขานรับมติ ครม.แก้หนี้เกษตรกรฯ เร่งสำรวจสมาชิกกองทุนฯ ได้รับสิทธิ์มากกว่า 1,700 ราย มูลหนี้รวม 297 ล้านบาทเศษ","นางสาวอธิภัทร ก้อวงค์ หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า ตามที่ ครม. มีมติเห็นชอบในหลักการโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สำหรับลูกหนี้ธนาคารของรัฐ 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสิน, ธ.ก.ส., ธอส. และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) โดยให้เกษตรกรฯ ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้เดิมโดยพักชำระเงินต้นครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 50) และดอกเบี้ยทั้งหมดไว้ก่อน และให้เกษตรกรฯ ทำสัญญาผ่อนชำระหนี้เงินต้นครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 50) ตามระยะเวลาที่ตกลงกันแต่ไม่เกิน 15 ปี สำหรับการชดเชยเงินต้นร้อยละ 50 ในส่วนที่เกษตรกรฯ ไม่ต้องรับภาระ กลุ่มเป้าหมายจำนวน 50,621 ราย รัฐจะรับภาระในการจัดสรรเมื่อเกษตรกรฯ ได้ชำระหนี้คืนงวดสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้ว
สำหรับจังหวัดลำปางมีสมาชิกกองทุนฯ ที่ได้รับสิทธิ์ในโครงการดังกล่าวทั้งหมด 1,756 ราย 2,913 สัญญา มูลหนี้รวม 297,580,084.16 บาท อย่างไรก็ตาม สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดลำปาง จะดำเนินการแจ้งสิทธิ์ตามโครงการฯ พร้อมขั้นตอนการดำเนินการให้แก่เกษตรกรเป็นรายบุคคล โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้เกษตรกรสามารถตรวจสอบรายชื่อ หรือมีข้อสงสัยต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ทั้งการขึ้นทะเบียนองค์กร การขึ้นทะเบียนหนี้เกษตรกร และการยื่นเสนอแผนและโครงการฯ สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จังหวัดลำปาง ศาลากลางจังหวัดลำปาง ชั้น 2 หรือโทร 0 5426 5054
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",28/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328115909684 จังหวัดแม่ฮ่องสอน สั่งทุกหน่วยงานเร่งแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า เพื่อลดผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ,นายพรเทพ เจริญสืบสกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง เปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์ไฟป่าบริเวณพื้นที่ป่าในจังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมถึงพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ สบอ.16 สาขาแม่สะเรียง มีจุดความร้อน (Hot Spot) และมีไฟป่าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง ได้สั่งการให้หัวหน้าหน่วยงานภาคสนามในสังกัดฯ ดูแลรับผิดชอบดับไฟป่า บูรณาการและสนธิกำลังหน่วยงานภาคี เช่น หน่วยงานราชการในพื้นที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์ ชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมกันป้องกันและดูแลรับผิดชอบ การดับไฟป่าให้ทั่วถึง และลดจำนวนไฟป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วด้วย
ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง กล่าวว่า ได้รายงานปัญหาหมอกควัน ต่อนายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการลักลอบจุดไฟป่า โดยเฉพาะบริเวณป่าสาละวิน ริมแม่น้ำสาละวินในแถบประเทศเพื่อนบ้านที่มีการลักลอบจุดไฟเผาป่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเบื้องต้นได้มีการการสนธิกำลังเข้าดับไฟป่าตามลำน้ำสาละวิน ชายแดนไทย-พม่า บริเวณหน่วยฯผาแดง และจุดสกัดนอปานา เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าสาละวิน
ส่วนการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ได้ให้เจ้าหน้าที่ป่าทุกภาคส่วนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วนแล้ว โดยผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานร่วม
ทั้งนี้จังหวัดแม่ฮ่องสอน ปริมาณจุดฮอตสปอต ปี 2565 ยืนยันว่า จังหวัดแม่ฮ่องสอนลดลง 70 กว่า% จากปี 2564 ทั้งนี้ต้องคอยติดตามฝุ่นควันจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีการเผาอยู่ขณะนี้
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,28/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328130440705 ชมรมเกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่จันท์ ร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัด หอการค้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงข่าวประชาสัมพันธ์ลิ้นจี่ ผลไม้เมืองจันท์ที่มีเอกลักษณ์พิเศษมีรสชาติ หวานอมเปรี้ยว เนื้อแห้ง กรอบ ไม่แฉะ พร้อมเปิดท่องเที่ยวเชิงเกษตรสวนลิ้นจี่,"ที่บริเวณลานศาลากลางจังหวัดจันทบุรี นายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วยเกษตรจังหวัด ประธานหอการค้า ผู้แทนเกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่จังหวัดจันทบุรีได้ร่วมแถลงข่าวประชาสัมพันธ์ผลไม้ ของดีเมืองจันท์คือ ลิ้นจี่ที่กำลังให้ผลผลิต ปลูกมากในพื้นที่อำเภอสอยดาว และอำเภอโป่งน้ำร้อน ผลผลิตกำลังทยอยออกสู่ตลาดตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน เนื้อลิ้นจี่ของเกษตรกรที่ปลูกในจังหวัดจันทบุรีจะมีกลิ่นหอมรสชาติ หวานอมเปรี้ยว เนื้อแห้ง กรอบ ไม่แฉะ เนื้อหา เม็ดเล็ก สีสันต์สวยงาม มีสรรพคุณเป็นยากึ่งๆสมุนไพร เช่น มีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลมะเร็งเต้านม เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยแก้อาการไอเรื้อรัง คัดจมูก ป้องกันการเกิดและช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน เป็นต้น ที่ผ่านมาลิ้นจี่ในจังหวัดจันทบุรีนิยมปลูกกันมากแต่หลังจากทุเรียนมีราคาสูงขึ้นเกษตรกรจึงโค่นต้นลิ้นจี่หันมาปลูกทุเรียนกันเพิ่มขึ้น กลุ่มเกษตรกรที่รวมตัวกันจึงเกรงว่าลิ้นจี่พันธุ์จันทบุรีจะหายไปเพราะเหลือพื้นที่ปลูกรวมกันประมาณ 6,000 กว่าไร่เท่านั้น และอยากให้ทางจังหวัดส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่ พร้อมทั้งมีมาตรการป้องกันผลผลิตด้อยคุณภาพออกสู่ตลาดซึ่งลิ้นที่ที่มีคุณภาพจะมีระยะเวลาก่อนเก็บเกี่ยวประมาณ 75 80 วัน
สำหรับราคาผลผลิตในปีนี้ขายปลีกประมาณกิโลกรัมละ 120 ถึง 150 บาท และในช่วงนี้ชาวสวนลิ้นจี่ได้เปิดสวนท่องเที่ยวเชิงเกษตรให้ประชาชน นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมสวนฟรี พร้อมเลือกซื้อลิ้นจี่สดจากสวนโดยผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักงานเกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอสอยดาว โป่งน้ำร้อน หรือ ที่คุณไพโรจน์ ลิมธนวงศ์ เลขาชมรมผู้ปลูกลิ้นจี่จังหวัดจันทบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 081 6522544 ทุกวัน ลิ้นจี่จันทบุรีปีนี้จะให้ผลผลิตไปถึงประมาณสิ้นเดือนเมษายน 2565
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",28/3/2022,ภาคตะวันออก,จันทบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328124735703 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นกว่า 600 จุด ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านส่งผลกระทบแนวชายแดนภาคเหนือของไทย,"สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นกว่า 600 จุด ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านส่งผลกระทบแนวชายแดนภาคเหนือของประเทศไทย
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (27 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 632 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่เกษตร 228 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 175 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 117 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 52 จุด // พื้นที่เขต สปก. 43 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 17 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด คือ แม่ฮ่องสอน 115 จุด , เชียงใหม่ 44 จุด และพิษณุโลก 43 จุด โดยจุดความร้อนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องอยู่ในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงพบจุดความร้อนเล็กน้อยเนื่องจากมีฝนตกจากพายุฝนฟ้าคะนอง ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 27 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 11,826 จุด , ภาคเหนือ 11,228 จุด และภาคกลาง 6,671 จุด ซึ่งปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 วันนี้พื้นที่ภาคเหนือมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลางถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดใน สปป.ลาว วันนี้ 2,075 จุด รองลงมาเป็นเมียนมาร 1,122 จุด และประเทศไทย 632 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",28/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328140914731 กรมชลประทาน เฝ้าระวังสภาพอากาศ ติดตามบริหารจัดการน้ำอย่างใกล้ชิด เตรียมพร้อมน้ำรับฤดูน้ำหลาก,"นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 48,206 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 63 ของความจุอ่างฯรวมกัน มีน้ำใช้การได้ประมาณ 24,268 ล้าน ลบ.ม. ภาพรวมสถานการณ์น้ำอยู่ในเกณฑ์ดี การบริหารจัดการน้ำเป็นไปตามแผนที่กำหนด
ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ปริมาณฝนในปี 65 นี้ จะคล้ายคลึงปี 52 ประกอบกับปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งอาจส่งผลให้มีปริมาณฝนตกมาก จึงได้กำชับไปยังโครงการชลประทานทั่วประเทศ เฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อนำมาวิเคราะห์ในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องเหมาะสม เน้นย้ำอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ ให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ พร้อมบริหารจัดการน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด รวมทั้งตรวจสอบอาคารชลประทาน ให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ หมั่นกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญให้ทำการประชาสัมพันธ์ถึงสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับรู้รับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด
ที่วัดบ่อนอก หมู่ที่ 6 ต.บ่อนอก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานพิธีเปิดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยมี นายธนนท์ พรรพีภาส นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ นายวันชัย นิลวงศ์ เกษตรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หัวหน้าส่วนราชการ เกษตรกร และประชาชนในพื้นที่ร่วมพิธี มีกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ จำนวน 13 คลินิก ได้แก่ คลินิกพืช คลินิกดิน คลินิกประมง คลินิกปศุสัตว์ คลินิกสหกรณ์ คลินิกตรวจบัญชีสหกรณ์ คลินิกชลประทาน คลินิกข้าว คลินิกปฏิรูปที่ดิน คลินิกการยาง คลินิกพืชอาหารสัตว์ คลินิกหม่อนไหม และคลินิก อสค. มุ่งเน้นการช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรในด้านต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ดิน การวินิจฉัยโรคพืช โรคสัตว์ โรคสัตว์น้ำ รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและฝึกอบรมความรู้การเกษตรเสริมเพิ่มเติมควบคู่กันไปด้วย โดยมีเกษตรกรจำนวนมากมารับบริการจากหน่วยงานภาครัฐ พร้อมกันนี้ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ให้บริการทำหมันสุนัขและแมวของประชาชน และฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า รวมถึงการออกร้านจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร สินค้าแปรรูปจากวิสาหกิจชุมชน การแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชงแปรรูปจากวิสาหกิจชุมชนกลุ่มพัฒนาบทบาทสตรีบ้านหนองปุหลก ต.บ่อนอก อ.เมืองประจวบฯ ซึ่งได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชหฤทัยอันมุ่งมั่นในการสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ การพัฒนางานด้านต่าง ๆ ซึ่งโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่เป็นรูปแบบหนึ่งของการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรในพื้นที่ พร้อมการถ่ายทอดความรู้ให้แก่เกษตรกรในคราวเดียวกัน ถือเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อเกษตรกร เพราะจะได้รับบริการแบบครบวงจรในทุกด้าน โดยหน่วยงานต่างๆ ได้นำบุคลากร อุปกรณ์ เครื่องมือ และองค์ความรู้ด้านการเกษตรมาให้บริการแก่เกษตรกรถึงในพื้นที่จึงขอให้เกษตรกรที่มาร่วมงานใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยเข้ารับบริการหรือปรึกษาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
โอกาสนี้ นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยังได้มอบเอกสารสิทธิที่ดินทำกิน สปก.4-01 ให้แก่เกษตรกร จำนวน 4 ราย และมอบพันธุ์ปลาให้แก่เกษตรกรเพื่อนำไปเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์สร้างรายได้ในครัวเรือน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,28/3/2022,ภาคตะวันตก,ประจวบคีรีขันธ์,สวท.ประจวบคีรีขันธ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328152615782 ส่งสารวัตรข้าว ตรวจติดตาม ควบคุม กำกับ สถานประกอบการธุรกิจเมล็ดพันธุ์จังหวัดอยุธยาให้ได้มาตรฐาน,นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยหลังเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานข้าว และมอบนโยบายแนวทางการขับเคลื่อนงานด้านสารวัตรข้าวของกรมการข้าว เพื่อ Kick Off ปล่อยขบวน สารวัตรข้าว ออกตรวจติดตาม ควบคุม กำกับ สถานประกอบการธุรกิจเมล็ดพันธุ์ ควบคุมข้าวเปลือก ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบการผลิตข้าวตลอดห่วงโซ่การผลิต เสริมสร้างขีดความสามารถในการผลิตข้าวคุณภาพ ตั้งแต่การจัดการระดับแปลง จนถึงผลิตภัณฑ์ข้าว เพื่อให้คุณภาพชีวิตของชาวนาดียิ่งขึ้น ผู้บริโภคได้บริโภค ข้าวที่ปลอดภัย มีคุณภาพ เป็นที่พึงพอใจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งให้การตรวจสอบและรับรองมาตรฐานข้าวในขอบข่ายต่างๆ ตลอดห่วงโซ่การผลิต
การสัมมนาในครั้งนี้จัดขึ้น เพื่อให้บุคลากรและผู้ที่เกี่ยวข้องได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทำความเข้าใจและระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินงานตลอด 1 ปี ที่ผ่านมา เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาและอุปสรรค ตลอดจนแนวทางพัฒนาการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานข้าวตามระบบมาตรฐานข้าวของกรมการข้าว
นอกจากนี้ อธิบดีกรมการข้าว ยังได้ Kick Off ปล่อยขบวนสารวัตรข้าวและออกตรวจ ติดตาม ควบคุม กำกับ สถานประกอบการธุรกิจเมล็ดพันธุ์ควบคุมข้าวเปลือก กระตุ้นเตือนให้กับผู้ประกอบการธุรกิจเมล็ดพันธุ์ข้าวให้ใส่ใจและระมัดระวังในการประกอบธุรกิจเมล็ดพันธุ์ข้าว เพื่อให้การผลิตและขายเมล็ดพันธุ์ข้าว คุณภาพดี เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกําหนด ตลอดจนให้เกษตรกรได้ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีมีคุณภาพต่อไป
,28/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328211205948 มหัศจรรย์ความงามใต้ท้องทะเลระยอง กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนหลังสถานการณ์โควิด-19,"
นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง เปิดงานมหัศจรรย์ความงามใต้ท้องทะเลระยอง ซึ่งกรมประมง ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า จังหวัดระยอง จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรวิถีใหม่ พร้อมช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชนประมงหลังการเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้ฟื้นตัว
ภายในงานมีการจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ จากสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยองและศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งระยองหลากหลายชนิด ประกอบด้วย สัตว์น้ำเศรษฐกิจ อาทิ ปลาเก๋า และปลากะรังหน้างอน สัตว์น้ำที่อาศัยในแนวปะการัง อาทิ ปลาการ์ตูนชนิดต่างๆ ปลาอมไข่ครีบยาวและลูกปลาฉลามกบซึ่งสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยองสามารถเพาะพันธุ์ได้เป็นแห่งแรกในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตลาด Fisherman market ซึ่งมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีคุณภาพจากกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่และชาวประมงพื้นบ้านในจังหวัดระยอง
ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมงานได้ที่ลานกิจกรรมชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า จังหวัดระยอง ตั้งแต่วันนี้ - 23 เมษายน 2565 นี้
",28/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,กรมประชาสัมพันธ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328211956954 ก.ทรัพย์ ประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนโครงการอาหารปันสุข (Zero Food Waste) มุ่งลดการเพิ่มขึ้นของปริมาณขยะอาหารที่ยังรับประทานได้ หรืออาหารส่วนเกิน,"
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนโครงการอาหารปันสุข (Zero Food Waste) มุ่งลดการเพิ่มขึ้นของปริมาณขยะอาหารที่ยังรับประทานได้ หรืออาหารส่วนเกิน เพื่อลดขยะหรือของเสียเหลือศูนย์ (Zero Waste) ตามแผนประเทศ
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม , กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช , องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ , องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ และบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (โลตัส) ได้ประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนโครงการอาหารปันสุข (Zero Food Waste) มุ่งลดการเพิ่มขึ้นของปริมาณขยะอาหารที่ยังรับประทานได้ หรือ อาหารส่วนเกิน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดตามแนวคิด ชีวิตวิถีใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมขยายเครือข่ายความร่วมมือสู่ร้านค้า ร้านอาหาร ซูเปอร์มาเก็ต ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เห็นความสำคัญการเพิ่มขึ้นของปริมาณขยะอาหารที่ยังรับประทานได้ หรืออาหารส่วนเกิน จึงให้กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) เร่งสร้างความร่วมมือกับภาคีที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาดังกล่าวผ่านโครงการอาหารปันสุข (Zero Food Waste) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งลดปริมาณขยะอาหารจำนวนมหาศาลนี้ โดยใช้ประโยชน์จากอาหารที่ยังรับประทานได้ หรืออาหารส่วนเกิน ที่อาจเหลือจากการจำหน่าย ทั้งผัก ผลไม้ อาหารสด หรืออาหารปรุงสำเร็จ แล้วส่งต่อให้หน่วยงาน หรือองค์กรไม่แสวงกำไรนำไปแจกจ่ายให้ผู้ที่ต้องการ หรือนำไปเป็นอาหารสัตว์ ทำให้ลดขยะหรือของเสียเหลือศูนย์ (Zero Waste) ช่วยแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการขาดแคลนทรัพยากรของประเทศ ถือเป็นการปฏิวัติรูปแบบการใช้พลังงานและวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาสมดุลระหว่างมนุษย์กับทรัพยากรนำไปสู่ความสำเร็จบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ด้าน นายเฉลิมชัย ปาปะทา อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) กล่าวว่า การลงนามประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนโครงการอาหารปันสุข (Zero Food Waste) ครั้งนี้ เพื่อมุ่งลดการเพิ่มขึ้นของปริมาณขยะอาหาร โดยใช้ประโยชน์จากอาหารที่ยังรับประทานได้ หรืออาหารส่วนเกิน ส่งต่อให้กับมูลนิธิรับบริจาคอาหารนำไปแจกจ่ายให้ผู้ที่ต้องการ หรือนำไปเป็นอาหารสัตว์ในสวนสัตว์ภายใต้ความรับผิดชอบขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 7 แห่ง คือ สวนสัตว์เขาดิน (แห่งใหม่) // สวนสัตว์เปิดเขาเขียว // สวนสัตว์เชียงใหม่ // สวนสัตว์นครราชสีมา // สวนสัตว์สงขลา // สวนสัตว์อุบลราชธานี และสวนสัตว์ขอนแก่น รวมถึง อุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ 154 แห่ง และองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ที่จะนำอาหารที่ยังรับประทานได้ไปเป็นอาหารสัตว์ในศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยทั้ง 2 แห่ง คือ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จังหวัดลำปาง และโรงพยาบาลช้าง จังหวัดกระบี่ หรือนำอาหารที่เสื่อมสภาพแล้วไปหมักทำปุ๋ยชีวภาพใช้ภายในพื้นที่ของสถาบันคชบาลแห่งชาติฯ จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญช่วยลดขยะอาหารได้ แล้วจะขยายความร่วมมือไปยังภาคีภาคส่วนต่างๆในอนาคต
",28/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328152709785 อบจ.สงขลา เดินหน้าส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดี เร่งแก้ปัญหาขยะมูลฝอย เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชนพื้นที่ อบต.สนามชัย โครงการจ้างที่ปรึกษาในการศึกษาออกแบบสถานีขนถ่ายขยะมูลฝอยฯ ตามโครงการจัดการขยะมูลฝอยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา,วันนี้ (28 มี.ค. 65) ที่วัดประดิษฐ์สโมสร (วัดสนามชัยออก) ตำบลสนามชัย อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา นายชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย โครงการจ้างที่ปรึกษาในการศึกษาออกแบบสถานีขนถ่ายขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดสงขลา ตามโครงการจัดการขยะมูลฝอยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา โดยมีนายภูวดล วงษ์โสภณากุล เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนายปราโมทย์ รัศมี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย และคณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลสนามชัย เข้าร่วม มี นางสาวภพภร ทองคณารักษ์ ผู้อำนวยการกองผังเมือง (อบจ.สงขลา) กล่าวรายงาน ตลอดจนประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าร่วมรับฟังอย่างพร้อมเพรียง นอกจากนี้ ยังมีผู้สนใจบางส่วนเข้าร่วมประชุมผ่านระบบ Zoom Cloud Meetings อีกด้วย
นายชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา กล่าวว่า โครงการศึกษาออกแบบสถานีขนถ่ายขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดสงขลา นับเป็นโครงการที่สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบในการบำบัดทุกข์บำรุงสุข ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่รับผิดชอบต่อประชาชนในการบริการสาธารณะ ตลอดจนระบบสาธารณูปโภคสาธารณูปการ เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข เป็นหน่วยงานที่ดำเนินงานโครงการในเขตจังหวัด ที่มุ่งต่อประโยชน์ของท้องถิ่น หรือประชาชนเป็นส่วนรวม โดยจังหวัดสงขลาถูกกำหนดเป็นพื้นที่เป้าหมายระยะเร่งด่วน ให้มีการนำร่องรูปแบบการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย เนื่องจากมีปริมาณขยะสะสมในสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากที่สุดของประเทศ อันส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและสภาพแวดล้อม องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลามีนโยบายแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยของจังหวัดสงขลา ในการกำจัดขยะมูลฝอยสิ่งปฏิกูลรวม การจัดการสิ่งแวดล้อมและมลพิษต่าง ๆ เพื่อที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐานของประชาชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น เพื่อให้ได้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการวางแผนดำเนินการโครงการในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ผู้มีส่วนได้เสีย จึงได้กำหนดให้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในวันนี้
ด้าน นางสาวภพภร ทองคณารักษ์ ผู้อำนวยการกองผังเมือง กล่าวว่า ปีงบประมาณ พ.ศ.2561 องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เป็นที่ปรึกษาศึกษาออกแบบโครงการจัดการขยะมูลฝอยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (ก่อสร้างโรงไฟฟ้ากำจัดขยะมูลฝอย) เพื่อผลิตพลังงาน โดยที่ตั้งโครงการตั้งอยู่บริเวณตำบลเกาะแต้ว อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ผลการศึกษาเสนอแนะให้มีการจัดหาพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อก่อสร้างสถานีขนถ่ายขยะมูลฝอย เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการขนส่งขยะมูลฝอยเป็นระยะทางไกล ยังเป็นการแก้ปัญหาขยะมูลฝอยตกหล่น หรือน้ำชะขยะมูลฝอยระหว่างการขนส่ง หรือปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็น ปีงบประมาณ พ.ศ.2565 องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นที่ปรึกษาศึกษาออกแบบสถานีขนถ่ายขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดสงขลา ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาได้มีการลงนามร่วมกันกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (MOU) จำนวน 79 อปท. เพื่อนำขยะมูลฝอย จำนวน 456 ตัน กำจัดอย่างถูกต้องตามมาตรฐานที่โรงไฟฟ้ากำจัดขยะมูลฝอย โดยการศึกษาออกแบบสถานีขนถ่ายขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดสงขลา มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ เพื่อศึกษาที่ตั้งสถานีขนถ่ายขยะมูลฝอยตามกลุ่มพื้นที่จังหวัดสงขลา และศึกษาความเหมาะสมของพื้นที่ก่อสร้างเส้นทางที่เหมาะสมในการขนส่งขยะมูลฝอยเข้าสู่โรงไฟฟ้ากำจัดขยะมูลฝอย เพื่อศึกษาออกแบบก่อสร้าง สถานีขนถ่ายขยะมูลฝอย และการขนส่งขยะมูลฝอยที่เหมาะสม เพื่อศึกษารูปแบบการบริหารจัดการ สถานีขนถ่ายขยะมูลฝอยที่เหมาะสม
สำหรับการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในวันนี้ จัดขึ้นเพื่อนำเสนอความเป็นมา วัตถุประสงค์ของโครงการ สถานที่ที่จะดำเนินการขั้นตอน เพื่อให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์ในการนำไปประกอบการศึกษา ให้เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเมื่อการศึกษาแล้วเสร็จ บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ยินดีให้การสนับสนุนด้านงบประมาณก่อสร้างเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนชาวจังหวัดสงขลา และนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐานของประชาชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น กิจกรรมในครั้งนี้ จัดให้มีการนำเสนอภาพรวมการศึกษาของโครงการฯ โดยคณะที่ปรึกษาฯ การประชุมซักถามและแสดงความคิดเห็น โดยมีคณะทำงานคอยชี้แจงตอบข้อซักถาม
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,28/3/2022,ภาคใต้,สงขลา,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328154943798 กอนช. ขอให้ประชาชนระวังน้ำทะเลหนุนสูงช่วง มี.ค.ถึง พ.ค.นี้ 3 ช่วงเวลา คาดทำให้แม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นกระทบพื้นที่ชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำ,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนระวังน้ำทะเลหนุนสูงช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมนี้ 3 ช่วงเวลา คาดทำให้แม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นกระทบพื้นที่ชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำ
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ออกประกาศ เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงและความเค็มรุกตัวบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา ฉบับที่ 6 หลัง กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ คาดการณ์จะเกิดน้ำทะเลหนุนสูงช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมนี้ โดยระดับน้ำทะเลขึ้นสูงสุดของแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าสถานีป้อมพระจุลจอมเกล้าจะเกิดภาวะน้ำทะเลขึ้นเต็มที่ช่วงวันที่ 28 มีนาคม 3 เมษายน , วันที่ 4 6 พฤษภาคม และวันที่ 19 21 พฤษภาคม ประกอบกับ อิทธิพลของลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ส่งผลให้ช่วงดังกล่าวเกิดสภาวะน้ำทะเลหนุนสูง คาดว่า จะทำให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมส่งผลกระทบต่อบริเวณพื้นที่ชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำ รวมทั้ง มีลิ่มความเค็มรุกตัวเข้าสู่บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำใช้อุปโภค-บริโภคและการเกษตรได้
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบความมั่นคงอาคารป้องกันริมแม่น้ำ และเสริมคันบริเวณจุดเสี่ยงบริเวณที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ และแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำ, แนวเขื่อนชั่วคราวในบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำตามริมแม่น้ำทราบล่วงหน้า รวมทั้ง ติดตามสถานการณ์น้ำทะเลหนุนช่วงเวลาดังกล่าว และตรวจวัดคุณภาพน้ำต่อเนื่องพร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำ อ่างเก็บน้ำ เขื่อนระบายน้ำ และประตูระบายน้ำ เพื่อควบคุมคุณภาพน้ำให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานและเร่งผลักดันน้ำเค็มโดยเร็ว พร้อมปรับแผนการผลิตน้ำประปาเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อคุณภาพน้ำที่ใช้ในการอุปโภค- บริโภค และการใช้น้ำเพื่อการเกษตรบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา
",28/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328153003786 "เสริมสภาพคล่องเกษตรกรผ่านสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 ธ.ก.ส. พร้อมเติม 10,000 ล้านบาท","ธ.ก.ส. ขยายระยะเวลาขอสินเชื่อสู้ภัย COVID 19 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและป้องกันการก่อหนี้นอกระบบให้กับเกษตรกรรายย่อยและลูกจ้างภาคการเกษตร รายละไม่เกิน 10,000 บาท โดยไม่ต้องใช้หลักประกัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 0.35 ต่อเดือน ส่งชำระคืน 3 ปี ปลอดชำระต้นเงินและดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนแรก วงเงินรวม 10,000 ล้านบาท และเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่เชื้อ ผู้ที่สนใจสามารถแจ้งความประสงค์ผ่าน LINE Official BAAC Family ได้ตั้งแต่บัดนี้ถึง 30 กันยายน 65
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",28/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,อำนาจเจริญ,สวท.อำนาจเจริญ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328173410853 ลงพื้นที่ต่ออายุ ตรา GI มะม่วงยายกล่ำนนทบุรี,วันที่ 28 มีนาคม 2565 จังหวัดนนทบุรี โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดนนทบุรี ร่วมกับคณะทำงานพิจารณาการขอใช้ และควบคุมตรวจสอบกระบวนการผลิตและจำหน่ายสินค้ามะม่วงยายกล่ำ ร่วมลงพื้นที่ตรวจประเมินแปลงมะม่วงยายกล่ำนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี เพื่อพิจารณาคำขออนุญาตใช้ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) มะม่วงยายกล่ำนนทบุรี ประเภทต่ออายุ ณ สวนมะม่วงยายกล่ำ จำนวน 7 แห่งอำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี
จังหวัดนนทบุรี เล็งเห็นความสำคัญของการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์และการติดเครื่องหมายรับรองตราสัญลักษณ์ GI เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เห็นถึงประโยชน์และกระตุ้นให้ชุมชนต่างๆ เข้าสู่ระบบสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทยมากยิ่งขึ้น ตลอดจนให้ได้รับความคุ้มครองในประเทศโดยพัฒนาผู้ผลิตผู้ประกอบการค้าสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ให้สามารถบริหารจัดการในการควบคุมตรวจสอบคุณภาพ กระบวนการผลิต และแหล่งที่มาของสินค้าตามมาตรฐานที่ขึ้นทะเบียนไว้
นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร GI โดยเฉพาะ มะม่วงยายกล่ำนนทบุรี ที่ถือเป็นผลไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด ปัจจุบันพื้นที่ปลูกมะม่วงยายกล่ำ จำนวน 287.51 ไร่ เกษตรกร 286 ครัวเรือน ผลผลิตออกมากที่สุดช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม ของทุกปี มีเกษตรกรที่ได้รับการอนุญาตใช้ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) แล้ว จำนวน 45 ราย และอยู่ระหว่างยื่นคำขอใช้ตรา GI มะม่วงยายกล่ำ จำนวน 25 ราย ซึ่งสำนักงานเกษตรจังหวัดนนทบุรี และสำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ ยังได้มีการให้คำปรึกษา แนะนำ และตรวจประเมินแปลงเบื้องต้น ให้แก่เกษตรกร อีกทั้ง ส่งเสริมการขอต่อใบอนุญาตมาตรฐานอื่นๆ เช่น มาตรฐาน GAP มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และมาตรฐานนนทบุรีการันตี อีกด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,28/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,นนทบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนนทบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328190336905 เปิดตลาดกลางยางเชียงราย เพิ่มทางเลือกให้สถาบันเกษตรกรฯ ภาคเหนือ ,"นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การยางแห่งประเทศไทย(กยท.) มุ่งส่งเสริมและพัฒนายางพาราของประเทศให้สามารถขับเคลื่อนไปสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ยางพารา สร้างกลไกรักษาเสถียรภาพราคายาง เน้นสร้างรากฐานการผลิตที่เข้มแข็ง พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับรายได้คุณภาพชีวิต และส่งเสริมการค้าให้มีความเป็นธรรมต่อเกษตรกร สถาบันเกษตรกร ซึ่งหนึ่งในความสําเร็จตามภารกิจนี้คือ การขับเคลื่อนตลาดกลางยางพาราของ กยท.
ปัจจุบันมีทั้งหมด 8 แห่ง กระจายอยู่ในพื้นที่ทุกภาคของประเทศไทย โดยตลาดกลางยางพาราแห่งใหม่จัดตั้งขึ้นเขตภาคเหนือ ซึ่งมีพื้นที่ปลูกยางประมาณ 1.25 ล้านไร่ มีปริมาณผลผลิตยางแห้งประมาณ 200,000 ตัน เฉลี่ยผลผลิต 170 กก./ไร่/ปี โดยจังหวัดเชียรายเป็นจังหวัดที่มีปริมาณผลผลิตยางพาราสูงที่สุดในภาคเหนือ เฉลี่ย 58,000 ตัน/ปี มีพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้รับการยกระดับเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ มีความพร้อมทางด้านโลจิสติกส์ ทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ สามารถอํานวยความสะดวกให้แก่นักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศได้ ถือเป็นโอกาสและจุดแข็งดีในการพัฒนาตลาดยางพาราไทย จึงจัดตั้งตลาดกลางยางพาราจังหวัดเชียงรายขึ้น เพื่อดำเนินกิจกรรมพัฒนาการซื้อขาย ยางก้อนถ้วยหรือยางเครปที่ได้มาตรฐาน เพื่อเป็นทางเลือกในการซื้อขายผลผลิตยาง สร้างความเป็นธรรมด้านราคา มีการกำหนดมาตรฐานและคุณภาพยางที่ส่งมอบอย่างชัดเจน เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่ซื้อขายยางผ่านตลาดกลาง
ปัจจุบันตลาดกลางยางพาราจังหวัดเชียงราย มีสมาชิกผู้ซื้อยาง 22 ราย สถาบันเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร 49 ราย และมีตลาดเครือข่ายกว่า 30 ตลาด ล่าสุดมีปริมาณยางซื้อขายผ่านตลาดแล้ว ประมาณ 1.6 หมื่นตัน คิดเป็นมูลซื้อขายกว่า 445 ล้านบาท ดำเนินการซื้อขายยางพาราผ่านระบบประมูลยางอิเล็กทรอนิกส์ที่พัฒนาโดยตลาดกลางยางพาราจังหวัดเชียงราย ช่วยให้ผู้ซื้อผู้ขายยางสามารถเข้าประมูลยางผ่านระบบได้สะดวกขึ้น โดยราคาประมูลเป็นไปตามกลไกตลาด มีการกำหนดราคากลางเปิดตลาดร่วมกันโดย กยท. และสถาบันเกษตรกรผู้ขายยาง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมโดยผู้ซื้อจะได้รับยางพาราที่มีคุณภาพเหมาะสมกับราคาอย่างแน่นอน
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากภาคใต้ตอนล่างในพื้นที่ 8 จังหวัด ช่วงวันที่ 2 4 เมษายนนี้
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ออกประกาศเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคใต้ตอนล่างและประเทศมาเลเซีย ฉบับที่ 7 หลัง กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งเวียดนามตอนใต้จะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคใต้ตอนล่างและประเทศมาเลเซีย ช่วงวันที่ 1 - 2 เมษายนนี้ ส่งผลให้ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง เบื้องต้น กอนช. ได้ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์ (ONE MAP) ของกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พบมีพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ช่วงวันที่ 2 4 เมษายน บริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตรในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ พร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ และพิจารณาความเหมาะสมในการระบายน้ำในลำน้ำ - แม่น้ำให้สอดคล้องกับการขึ้น ลงของระดับน้ำทะเล
,28/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328163751836 เดินหน้าปรับปรุงคลองบางขนาก เพิ่มขีดความสามารถการระบายน้ำในคลองแสนแสบและคลองบางขนาก,"นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า โครงการปรับปรุงคลองบางขนาก จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นหนึ่งในโครงการปรับปรุงระบบชลประทานพื้นที่เจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง เพื่อเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำและบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานครและฉะเชิงเทรา เนื่องจากคลองบางขนากเป็นทางแยกรับน้ำจากคลองแสนแสบ คลอง13-15 คลอง 17 คลองบึงคอหอยและคลองสาขาต่างๆ ที่มีความสามารถในการระบายน้ำไม่เพียงพอที่จะเร่งระบายน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากได้
กรมชลประทาน จะกำหนดขอบเขตการขุดลอกคลองให้อยู่ในคลองเดิม และจะระบายน้ำด้วยระบบคลองในแนวเหนือ-ใต้ และแนวตะวันออก-ตะวันตก ต่อเนื่องไปออกสู่ทะเลอ่าวไทย รวมทั้งตัดยอดน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบนไม่ให้ไหลเข้าท่วมพื้นที่กรุงเทพมหานครและบริเวณชุมชนเมืองใกล้เคียง
สำหรับการปรับปรุงคลองบางขนาก อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ระยะทางรวม 25 กิโลเมตร ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการเตรียมความพร้อมด้านที่ดินในการก่อสร้างและการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งกรมชลประทานได้มีการจัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นแล้ว 2 ครั้ง โดยจะมีการหารือร่วมกันอีกครั้งในช่วงเดือนตุลาคม 2565 เพื่อรับฟังความคิดเห็นเรื่องการแก้ไขแบบการก่อสร้างและการรุกล้ำเขตชลประทาน
",28/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,กรมประชาสัมพันธ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328212104955 มอบเครื่องจักรกลการเกษตรแก่วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ข้าว ศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอำปึล อ.พนมดงรัก ขับเคลื่อน สุรินทร์รุ่งเรือง เมืองเกษตรอินทรีย์,"
วันที่ 28 มีนาคม 2565 เวลา 14:00 น. ณ วิสาหกิจชุมชนนาแปลงใหญ่ข้าว ศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอำปึล อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานในพิธีมอบเครื่องจักรกลการเกษตรแก่วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ข้าว ศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอำปึล หมู่ที่ 20 ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ โดยมีนายสมบัติ สมบูรณ์เทิดธนา ประธานกรรมการผู้จัดการ คูโบต้าเกษตรรุ่งเรืองแทรกเตอร์ แอนด์ คอมไบน์ เกษตรจังหวัดสุรินทร์ ปลัดอำเภอพนมดงรัก เกษตรอำเภอพนมดงรัก ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนนาแปลงใหญ่ข้าวศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอำปึล ผู้บริหารคูโบต้าเกษตรรุ่งเรืองแทรกเตอร์ แอนด์ คอมไบน์ และ เกษตรกรชาวตำบลบักได เข้าร่วมพิธีด้วย
สำหรับเครื่องจักรกลการเกษตรคูโบต้าที่สนับสนุนแก่วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ข้าวศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอำปึล ประกอบด้วย รถแทรกเตอร์คูโบต้า รุ่น L5018SP KIS จำนวน 1 คัน พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วง ใบมีดดันดิน ผานบุกเบิก ผานพรวน จอบหมุน เครื่องหยอดเมล็ดอเนกประสงค์ รวมจำนวน 5 ชิ้น รวมมูลค่า 866,950 บาท
โอกาสนี้ นายอนาจศักดิ์ ดวงทิพย์ ผู้จัดการอาวุโส สำนักงานขายภาคอีสาน บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด และนายสมศักดิ์ เชื้อจันทร์ ประธานวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ข้าว ร่วมลงนามบันทึกการส่งมอบเครื่องจากกลการเกษตร เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับชุมชน ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และสร้างรายได้หมุนเวียน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",28/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,สุรินทร์,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328174134859 อุดรธานีจัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่เฉลิมพระเกียรติ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2565,หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บูรณาการภาคีเครือข่าย จัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ 2 ประจำปี 2565
ที่อาคารเอนกประสงค์เทศบาลตำบลคอนสาย อำเภอกู่แก้ว จังหวัดอุดรธานี นายจำรัส กองน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ 2 ประจำปี 2565 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารท้องถิ่น ประชาชนในพื้นที่ร่วมกิจกรรม
นายเอนก รัตน์รองใต้ เกษตรจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนองพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรในพื้นที่ ให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงบริการทางการเกษตร และได้รับการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรอย่างครบวงจรในคราวเดียวกัน ซึ่งมีการบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานวิชาการ หน่วยงานส่งเสริม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพัฒนาฟื้นฟูเกษตรกร ให้สามารถทำการผลิตทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยเป็นการปฏิบัติงานในเชิงรุกที่ทำให้เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายที่มีปัญหาให้ได้รับบริการทางการเกษตรอย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และครบถ้วน เช่น การวิเคราะห์ดิน การวินิจฉัยโรคพืช โรคสัตว์ โรคสัตว์น้ำ รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและฝึกอบรมความรู้การเกษตรเสริมเพิ่มเติมควบคู่กันไปด้วย
โอกาสนนี้ นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมคลินิกที่ออกหน่วยให้บริการประชาชนซึ่งมี 13 คลินิก ที่จัดแบ่งเป็นกลุ่มบริการด้านพืช กลุ่มบริการด้านปศุสัตว์ กลุ่มบริการด้านประมง กลุ่มบริการด้านกฎหมาย และกลุ่มบริการด้านวิชาการ คลินิกให้คำปรึกษา การตรวจวิเคราะห์และวินิจฉัยโดยใช้อุปกรณ์และเครื่องมือทางห้องปฏิบัติการที่จำเป็น นอกจากนี้ในงานยังจัดให้มีกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ นิทรรศการเทคโนโลยีที่เกษตรกรควรรู้ การเสนอผลงาน การแสดงผลิตภัณฑ์เด่นของกลุ่มเกษตรกร องค์กรต่างๆ พร้อมกันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการ จิตอาสาพระราชทาน ได้ร่วมกันปล่อยพันธุ์ปลาลงแหล่งน้ำสาธารณะหลังเทศบาลตำบลคอนสายด้วย
ทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,28/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,อุดรธานี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328192319908 พัฒนาที่ดินเขต3ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแปลงเกษตรกร โครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ บ้านโนนสำโรง,วันนี้ (28 มีนาคม 2565) เวลา 08.30 น. นายชาติชาย ประสาระวัน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 3 พร้อมด้วย นายวิรุธ คงเมือง ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินนครราชสีมา นำทีมเจ้าหน้าที่ภายใต้สังกัด สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 3 ลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมแปลงเกษตรของ นางวัชรินท์ บุดดีกุล เกษตรกรในโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ บ้านโนนสำโรง ตำบลขามเฒ่า อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา
ซึ่งการลงพื้นที่ฯ ในครั้งนี้ เป็นการตรวจเยี่ยมและสอบถามความพึงพอใจหลังจากหน่วยงานได้เข้ามาสนับสนุนการขุดสระเก็บน้ำ พร้อมการสนับสนุนปัจจัยการผลิต ภายใต้โครงการฯ รวมถึงปัญหาอุปสรรคและความต้องการของเกษตรกรเพิ่มเติม ซึ่งโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการพัฒนาพื้นที่จุดเรียนรู้ สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บน้ำสำหรับทำการเกษตรตลอดจนพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำ รวมไปถึงการพื้นฟูเศรษฐกิจ สังคม และภาคการเกษตรภายหลังการได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัส COVID-19
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,28/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328205603935 สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 ตรวจสอบปัญหาน้ำในลำจักราชเน่าเสีย จังหวัดนครราชสีมา,วันนี้ (28 มีนาคม 2565) ส่วนเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 ลงพื้นที่ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย นางปัญญา จันทรศรี รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง นายวิเชียร พลีดี ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง นางน้ำฝน ทศกฎไพรี รักษาการผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม และมีนายจตุรงค์ สุรุ่งเรืองสกุล ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 18 บ้านวังหิน ร่วมตรวจสอบคุณภาพน้ำลำจักราชบริเวณที่มีการร้องเรียนปัญหาน้ำเน่าเสีย เขตรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
จากการตรวจสอบพบว่าลำน้ำจักราชบริเวณดังกล่าว เป็นแหล่งน้ำที่ชุมชนใช้ในการอุปโภค บริโภค และใช้เป็นแหล่งน้ำดิบในการผลิตน้ำประปา ลักษณะน้ำเป็นสีเขียวจากสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินตลอดลำน้ำ เป็นลักษณะของปรากฎการณ์ Eutrophication ประกอบกับแหล่งน้ำมีประตูระบายน้ำควบคุมการไหล ทำให้น้ำไม่มีการหมุนเวียน และมีน้ำจากชุมชน แหล่งเกษตรกรรม และโรงงานอุตสาหกรรมบางส่วนระบายลงสู่แหล่งน้ำ
สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 (นครราชสีมา) ได้ดำเนินการเก็บตัวอย่างน้ำจำนวน 3 จุด จากลำน้ำธรรมชาติ จำนวน 2 จุด บริเวณฝายบ้านวังหิน และบริเวณสะพานสามแยกยูคา และจากน้ำทิ้งโรงงานแป้งมัน จำนวน 1 จุด เพื่อส่งตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11
ทั้งนี้ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 ได้ให้คำแนะนำในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น โดยการควบคุมปริมาณธาตุอาหารที่ระบายลงสู่แหล่งน้ำ พร้อมกับเสนอให้เปิดประตูระบายน้ำเพื่อเพิ่มการหมุนเวียนน้ำ และแนะนำให้โรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มอัตราการนำน้ำทิ้งไปใช้ประโยชน์ภายในพื้นที่โรงงาน เพื่อลดการระบายน้ำทิ้งลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,28/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220328215025967 ผวจ.ลำปาง เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ติดตามใกล้ชิดการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน,"ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นำทีมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตามผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน เน้นย้ำทุกหน่วยเฝ้าระวังเต็มที่ เล็งเป้านำชุมชนสร้างพื้นที่ป่าเปียกแก้ปัญหาให้เกิดความยั่งยืน
นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย พล.ต.อโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ร่วมเดินทางลงพื้นที่ ทำการตรวจเยี่ยมติดตามดูการปฏิบัติหน้าที่และเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่อาสาสมัครผู้ปฏิบัติงานเฝ้าระวังป้องกันสถานการณ์ไฟป่าในเขตท้องที่อำเภอเมืองลำปาง พร้อมร่วมประชุมติดตามผลการปฏิบัติงาน การดำเนินการเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันจากหน่วยงานส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ ที่อาคารทำการชั่วคราว สถานีควบคุมไฟป่าพระบาท-ม่อนพญาแช่ ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง
โดยมีนายปิยะ หนูนิล ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำปาง นายจรัสพันธ์ อรุณคง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำปาง น.ส.รตนพร กิติกาศ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดลำปาง และนายธนารัฐ สายเทพ นายอำเภอเมืองลำปาง ร่วมเป็นตัวแทนในนามหน่วยงานพื้นที่ นำผู้บริหาร หัวหน้าหน่วย หัวหน้าส่วนงานและฝ่ายงานต่างๆ รวมทั้งข้าราชการ พนักงานเจ้าหน้าที่ในสังกัดหน่วยงาน รวมถึงอาสาสมัครภาคประชาชนที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับและรายงานข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในเขตท้องที่
โดยจากการรายงานผลการดำเนินงานภาพรวม พบว่าในเขตท้องที่อำเมืองลำปางมีพื้นป่าอุทยานแห่งชาติเขลางค์บรรพต ตรงบริเวณเขาดอยพระบาท ที่เป็นจุดเสี่ยงต่อการเกิดสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นผืนป่าผลัดใบ มีเนื้อที่กว้างประมาณ 50,000 กว่าไร่ มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ถึง 3 อำเภอ 7 ตำบล โดยมีชุมชนอาศัยอยู่ติดกับบริเวณเขตป่าถึง 36 หมู่บ้าน ดังนั้นจึงทำให้บริเวณผืนป่าเขาดอยพระบาทเป็นจุดพื้นที่เสี่ยงที่มักเกิดปัญหาไฟป่าได้ง่าย อีกทั้งพื้นที่ส่วนใหญ่ยังเป็นภูเขาสูงชันเมื่อเกิดไฟป่าขึ้นจึงยากแก่การที่จะทำการควบคุม ทำให้ในทุกๆ ปีที่ผ่านมาเขาดอยพระบาท เกิดสถานการณ์ไฟป่ารุนแรงและเป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงเกินค่ามาตรฐานส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชน
ส่วนในการแก้ไขปัญหา ปีนี้ทางจังหวัดลำปางโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีมาตรการป้องกันตั้งแต่แรกเริ่มของการเข้าสู่หน้าแล้ง โดยได้พยามดำเนินการทุกรูปแบบเพื่อป้องกันให้เกิดการเผาในเขตพื้นที่น้อยที่สุด โดยการปฏิบัติได้ใช้มาตรการบริหาร 4 พื้นที่ 5 หลักบริหารจัดการ เน้นการทำงานในการประชาสัมพันธ์เชิงรุก การป้องกัน การเตรียมพร้อม การรับมือ และการฟื้นฟู พร้อมวางมาตรการปฏิบัติตามกฎหมาย พร้อมให้มีจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการควบคุมสถานการณ์ไฟป่า ทั้งในระดับหมู่บ้าน ตำบล และในระดับอำเภอ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งในปีนี้นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นมา สถานการณ์ปัญหาไฟป่าและหมอกควันในเขตท้องที่อำเภอเมืองลำปางอยู่ในเกณฑ์ที่ลดลง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมีการแจ้งรายงานการเกิดจุด Hotspots จากดาวเทียม และแจ้งเหตุไฟป่าในเขตพื้นที่รับผิดชอบ 50,000 กว่าไร่ เพียง 10 กว่าครั้งเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่อาจวางใจได้ เนื่องจากในพื้นที่ป่ายังมีปริมาณเชื้อเพลิงสะสมอีกเป็นจำนวนมาก ประกอบกับในห้วงเดือนเมษายนเป็นช่วงที่อากาศแห้งแล้งและร้อนจัด ซึ่งยังเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาไฟป่ารุนแรงได้ง่าย โดยในส่วนนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้มอบนโยบายเน้นกำชับให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ได้มีการประสานร่วมกันทำงานเป็นทีม จัดแบ่งกำลังพลเฝ้าระวังพิเศษตามจุดบริเวณพื้นที่ที่เห็นว่าอาจมีการสร้างสถานการณ์ตามลำดับ
ขณะเดียวกันให้ใช้กำลังพลอีกส่วนหนึ่งช่วยกันทำแนวกันไฟตามพื้นที่ป่าจุดเสี่ยง พร้อมทั้งจัดกำลังพลลงพื้นที่สร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนชาวบ้าน ขอความร่วมมืองดการเผาไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน และทำงานเชิงรุกลาดตระเวนในพื้นที่ป่าจุดเสี่ยงคอยสังเกตบุคคลแปลกหน้ารวมถึงผู้ที่เข้าออกบริเวณป่า เพื่อป้องกันและป้องปรามไม่ให้มีการลักลอบจุดไฟเผาป่า ตลอดจนให้หน่วยงานหลักทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และที่ว่าการอำเภอในเขตท้องที่ ได้ร่วมกันจัดทำแผนนำกำลังพลจิตอาสาที่มีอยู่เข้ามาร่วมในการปฏิบัติงานเป็นหน่วยกำลังพลสำรองคอยเฝ้าระวัง ป้องกัน และระงับเหตุเบื้องต้น ส่วนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาให้เกิดความยั่งยืน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้เล็งแนวทางที่จะขยายพื้นที่สร้างชุมชนลดการเผา เน้นแผนบูรณาการสร้างพื้นที่ป่าเปียก จัดหาพื้นที่ทำเป็นแหล่งกักเก็บน้ำในบริเวณผืนและนำชุมชนเข้ามีส่วนร่วมปรับสภาพพื้นที่ป่าชุมชนด้วยการปลูกไม้ไม่ผลัดใบและสร้างฝายชะลอน้ำ โดยเบื้องต้นในปี 2565 ตั้งเป้าจะสร้างชุมชนป่าเปียกในบริเวณผืนป่าดอยพระบาท ให้ได้ไม่น้อยกว่า 2,500 ไร่
และในโอกาสเดียวกันนี้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานดับไฟป่า ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ได้ลงตรวจเยี่ยมแถวร่วมพบปะกับเจ้าหน้าที่เหยี่ยวไฟ เสือไฟ ที่ประจำอยู่ภายในสถานีควบคุมไฟป่าพระบาท-ม่อนพญาแช่ ทำการมอบนโยบายแนวทางการทำงาน พร้อมมอบสิ่งของอุปโภค-บริโภค ทั้งน้ำดื่มสะอาด อาหารกระป๋อง อาหารกึ่งสำเร็จรูป เครื่องดื่มชูกำลัง และหน้ากากอนามัย เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่กำลังพลด้วย
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำปาง
นายชาญณรงค์ ปันเต
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",29/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329085535997 กอนช. ขอให้ประชาชนระวังเกิดฝนตกบางแห่งบริเวณตอนบนของประเทศและภาคใต้,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนระวังเกิดฝนตกบางแห่งบริเวณตอนบนของประเทศและภาคใต้
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (29 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.พะเยา 119 มิลลิเมตร , น่าน 100 มิลลิเมตร และอุตรดิตถ์ 75 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 27,234 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 47 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 21,380 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 45 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
",29/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329081500992 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือปรับตัวสูงในระดับสีส้ม 5 พื้นที่ในเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน ส่วน กทม.และปริมณฑลคุณภาพอากาศดีต่อเนื่อง,"ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือปรับตัวสูงในระดับสีส้ม 5 พื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีต่อเนื่อง
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (29 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีมากถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้น 5 พื้นที่ในระดับสีส้ม คือ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ , ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ , ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน , ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน และ ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งต้องเฝ้าระวังช่วงวันที่ 3 - 5 เมษายน หากจุดความร้อน (Hotspot) มีจำนวนมากขึ้นอาจส่งผลให้ให้ฝุ่นละอองสูงขึ้นได้ โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน แล้วต้องเฝ้าระวังช่วงวันที่ 28 มีนาคม และวันที่ 1 - 2 เมษายน ภาคเหนือมีโอกาสเกิดฝนตกหลายพื้นที่
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงดี โดยค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศเปิด มีลมพัด และฝนตกช่วยลดการสะสมของฝุ่นลง ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานวันที่ 30 มีนาคม - 5 เมษายน
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
",29/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329082605993 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ช่วงชิงสภาพอากาศช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ต้องการน้ำ,"นายสำเริง แสงภู่วงค์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ขณะนี้ความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ปกคลุมทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและบริเวณทะเลจีนใต้ ประกอบกับระยะนี้ทางตอนบนของประเทศมีอากาศร้อนอบอ้าว และมีลมใต้พัดนำความชื้นเข้าปกคลุมประเทศ ส่งผลให้พื้นที่ประเทศไทยตอนบนเกิดพายุฤดูร้อน ซึ่งมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ ขอให้พี่น้องประชาชนระวังอันตรายจากภัยธรรมชาติดังกล่าวและหลีกเลี่ยงกิจกรรมในที่โล่งแจ้ง การอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีพื้นที่การเกษตรบางแห่งที่ยังต้องการน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งเมื่อวานนี้ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดพิษณุโลก ได้บินปฏิบัติการในภารกิจยับยั้งและบรรเทาความรุนแรงของพายุลูกเห็บในเขตพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือฝั่งตะวันตก โดยหลังปฏิบัติการไม่พบรายงานลูกเห็บตกในพื้นที่ที่บินปฏิบัติการของจังหวัดชัยภูมิ เพชรบูรณ์ และเลย
ส่วนหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดกาญจนบุรี และบุรีรัมย์ ได้ขึ้นบินปฏิบัติการช่วยเหลือพื้นที่ที่ยังคงต้องการน้ำเพื่อทำการเกษตร อุปโภค บริโภค ทำให้มีฝนตกเล็กน้อยที่ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี อำเภอศรีสวัสดิ์ หนองปรือ เลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี และอำเภออุทุมพรพิสัย ปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ
สำหรับการติดตามสภาพอากาศเพื่อวางแผนการปฏิบัติการฝนหลวงในช่วงเช้าวันนี้ จากสถานีเรดาร์ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ พบว่า สภาพอากาศเข้าเงื่อนไขในการปฏิบัติการฝนหลวง และมีการวางแผนขึ้นบินเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร และเติมน้ำต้นทุนให้พื้นที่ลุ่มรับน้ำต่างๆ สำหรับอีก 6 หน่วยปฏิบัติการ ยังคงติดตามสภาพอากาศระหว่างวัน หากเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการฝนหลวง จะขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่เป้าหมายทันที
",29/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329093409013 จังหวัดตรัง ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดตรัง ครั้งที่ 1 ประจำปี 2565,
นายไพบูลย์ โอมาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดตรัง ครั้งที่ 1 ประจำปี 2565 ณ ห้องมรกต ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดตรัง
ที่ประชุมได้แจ้งเรื่อง รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 และผลการดำเนินงานในการบริหาร จัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ประจำปีงบประมาณ 2564 การประชุมอนุกรรมการด้านวิชาการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดตรัง ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2565 ความก้าวหน้าการดำเนินงานแผนอนุรักษ์พะยูนและหญ้าทะเลจังหวัดตรัง และการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารจัดการอนุรักษ์พะยูนจังหวัดตรัง ภายใต้ แผนอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 การประชุมอนุกรรมการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดตรัง ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2565 ความคืบหน้าของโครงการ คทช. ในพื้นที่ป่าชายเลนจังหวัดตรัง
นอกจากนี้ ยังได้พิจารณาใน 5 ประเด็น ได้แก่ เรื่อง ขอปรับปรุงคำสั่งแต่งตั้งอนุกรรมการด้านวิชาการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จังหวัดตรัง ขอปรับปรุงคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการอนุรักษ์พะยูนจังหวัดตรัง ภายใต้แผนอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านการจัดการการกัดเซาะชายฝั่งทะเลจังหวัดตรัง ภายใต้ คณะกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัด ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดตรังเป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ พ.ศ. .... รายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและการกัดเซาะชายฝั่ง จังหวัดตรัง ปี 2564
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,29/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329102138023 นายกรัฐมนตรี ห่วงใยสถานการณ์ปุ๋ยขาดแคลน กำชับทุกหน่วยงานเร่งบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร,นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยสถานการณ์ปุ๋ยขาดแคลน กำชับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดูแลปัญหาเพื่อบรรเทาภาระของประชาชนให้มากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ สำรวจปริมาณปุ๋ยที่มีอยู่ในสต๊อกและจัดหาปุ๋ยเพิ่มเติมให้เพียงพอแล้ว แต่ยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ประกอบกับราคาปุ๋ยที่สูงขึ้นจากหลายปัญหาในเวลาเดียวกันทั้งจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในต่างประเทศโดยเฉพาะความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน
รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหามาโดยตลอด แต่ไทยยังไม่สามารถผลิตปุ๋ยเคมีที่เป็นอาหารพืชและปุ๋ยยูเรียได้เอง เพราะไม่มีวัตถุดิบ ต้องอาศัยการนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาดโลก อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ดำเนินโครงการปุ๋ยสั่งตัด ที่เหมาะกับสภาพดินและความต้องการของพืช อีกทั้งเร่งการผลิตปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อช่วยเกษตรกรลดต้นทุน พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประสานงานกับภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจนำเข้า เพื่อหาทางนำเข้าเพิ่มเติมให้ได้มากที่สุด รวมถึงมาตรการทางการเงิน เช่น ปล่อยเงินกู้พิเศษ เงินกู้ระยะยาว ดูแลเรื่องดอกเบี้ย
,29/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329104005036 วัดเจดีย์ (ไอ้ไข่) จ.นครศรีธรรมราช พร้อมให้ความร่วมมือลดฝุ่นจากการจุดประทัดที่กระทบประชาชนในพื้นที่ ด้วยการสร้างอาคารจุดประทัดลดเสียงและฝุ่นละออง คาด เริ่มเปิดใช้เต็มรูปแบบ เม.ย.นี้,"
วัดเจดีย์ (ไอ้ไข่) จ.นครศรีธรรมราช พร้อมให้ความร่วมมือลดฝุ่นจากการจุดประทัดที่กระทบประชาชนในพื้นที่ ด้วยการสร้างอาคารจุดประทัดลดเสียงและฝุ่นละอองรองรับการจุดประทัดได้วันละ 5 ล้านนัด คาด เริ่มเปิดใช้เต็มรูปแบบเมษายนนี้
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ(คพ.) กล่าวว่า จากเหตุร้องเรียนเสียงดังและฝุ่นควันจากการจุดประทัดแก้บนในพื้นที่วัดเจดีย์ (ไอ้ไข่) ต.ฉลอง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เบื้องต้น คพ.ได้ให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 14 (สุราษฏร์ธานี) ลงพื้นที่ติดตามการปรับปรุงและแก้ปัญหากับหน่วยงานในจังหวัด เนื่องจากพลังศรัทธาต่อไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์มีเยอะมาก โดยวัดรับทราบและยินดีสนับสนุนนโยบายลดฝุ่นสร้างอาคารจุดประทัดปลอดมลพิษ ปัจจุบันจากการตรวจสอบระบบเก่ามีการจุดประทัดประมาณ 1-2 ล้านนัดต่อวัน ระยะ 1-2 ชั่วโมงจุดหนึ่งครั้ง โดยระบบใหม่การก่อสร้างอาคารจุดประทัดพร้อมติดตั้งระบบกำจัดมลพิษดำเนินการแล้วเสร็จ โดยใช้ระบบจำกัดมลพิษแบบห้องเผาควันด้วยระบบน้ำมันอยู่ระหว่างการทดสอบระบบและปรับปรุงให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น คาดว่า จะเปิดใช้งานอย่างเต็มรูปแบบเดือนเมษายนนี้จะรองรับการจุดประทัดได้วันละ 5 ล้านนัด ซึ่งการทำงานของระบบกำจัดมลพิษเมื่อจุดประทัดแล้วควันในห้องจะถูกดูดโดยมอเตอร์ดูดอากาศ 6 ตัว เข้าเตาเผาควันที่อยู่บนหลังคาอาคาร มีหัวเผาด้วยน้ำมัน 2 หัวเผา แล้วระบายควันออกสู่ภายนอก แล้วยังมีระบบสเปรย์น้ำเพื่อดับไฟและลดฝุ่นควันภายในอาคาร โดยใช้น้ำปริมาณน้อยจึงไม่เกิดน้ำเสียออกสู่ภายนอก ทั้งนี้ จากการทดสอบการจุดประทัด 200,000 นัด พบในห้องมีฝุ่นควันเยอะมาก แต่จะถูกดูดขึ้นไปเผาด้านบนอีกครั้งและระบายควันออกมาด้านนอกเล็กน้อย ซึ่งเสียงยังดังอยู่เมื่อมีการใช้งานจริง คพ. จะติดตามการปรับปรุงและแก้ปัญหาต่อเนื่อง เพื่อให้วัดและประชาชนพัฒนาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
",29/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329102221025 ปศุสัตว์แพร่คัดเลือก Smart Farmer ดีเด่นระดับเขต ประจำปี 2565,สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดแพร่ ร่วมกับสำนักงานปศุสัตว์เขต 5 ดำเนินการคัดเลือก Smart Farmer ดีเด่น ระดับเขต ประจำปี 2565 มีตัวแทน เลิศสิริฟาร์ม จังหวัดแพร่เข้าร่วมการคัดเลือก
นางสาวอาทิยา แปลงใจ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดแพร่ และนายพนมสิงห์ วงศ์เป็ง เจ้าพนักงานสัตวบาล สำนักงานปศุสัตว์อำเภอเมืองแพร่ เข้าร่วมกับคณะดำเนินการคัดเลือก Smart Farmer ดีเด่นระดับเขต ประจำปี 2565 นำทีมโดย นายสุเทพ สุขผล นักวิชาการสัตวบาลชำนาญการพิเศษ นายนรินทร์ คำตา นักวิชาการสัตวบาลปฏิบัติการ และนายอภิชาติ ชูศักดิ์เหลือง เจ้าพนักงานสัตวบาลชำนาญงาน สำนักงานปศุสัตว์เขต 5 ดำเนินการพิจารณาคัดเลือก Smart Farmer ดีเด่น ระดับเขต ประจำปี 2565
ซึ่งตัวแทน Smart Farmer ดีเด่นระดับจังหวัด ได้แก่ นายชิษณุพงษ์ เม้าเขียว เลิศสิริฟาร์ม ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,29/3/2022,ภาคเหนือ,แพร่,สวท.แพร่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329111750054 เจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่าน่าน สนธิกำลังเร่งตรวจสอบจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่อำเภอสันติสุข,"ที่อำเภอสันติสุข ภายใต้การอำนวยการของนายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่านทุกท่าน นายวิศิษฐ์ ทวีสิงห์ ปลัดจังหวัดน่าน
วันที่ 28 มีนาคม 2565 นายหาญชัย ไชยวงค์ นายอำเภอสันติสุข นายสำเริง กลั่นน้ำทิพย์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง ได้สั่งการให้นายธนัชฌาย์ นาตัน ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นำสมาชิก อส.อ. สันติสุข ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมไฟป่าดอยภูคา,หน่วย พมพ.2 และผู้นำชุมชนบ้านดอนไพรวัลย์ ลงพื้นที่บ้านดอนไพรวัลย์ หมู่ที่ 10 ตำบลพงษ์ อำเภอสันติสุข จังหวัดน่าน เพื่อตรวจสอบจุดความร้อน (Hotspot) ที่เกิดขึ้นในพื้นที่วันที่ 27 มีนาคม 2565 ได้แก่จุด E 715809 N 2094720 และในวันที่ 28 มีนาคม 2565 พบความร้อนที่บ้านหัวนา หมู่ที่ 9 ตำบลพงษ์ อำเภอสันติสุข จังหวัดน่าน ได้แก่จุด X710137 Y 2094845
โดย นายหาญชัย ไชยวงค์ นายอำเภอสันติสุข มอบหมายให้เจ้าหน้าที่หน่วยจัดการต้นน้ำได้เดินทางลงไปตรวจสอบพื้นที่ที่มีค่าความร้อนขึ้นมา เป็นพื้นที่ทำกินของประชาชนในพื้นที่ จากการตรวจสอบปรากฏว่าเป็นพื้นที่เตรียมการเพื่อการเกษตรและไฟดับลงแล้ว พร้อมนี้ได้ประชาสัมพันธ์ให้แก่ประชาชนในการงดเว้นการเผา ในช่วงห้ามเผาตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.65-20 เม.ย.65
สำหรับค่าฝุ่น PM2.5 ประจำวันที่ 29 มีนาคม 2565 สภาพคุณภาพอากาศดี ประกอบกับจังหวัดน่านมีฝนในพื้นที่ โดยค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุด 75 มคก./ลบ.ม.ค่าฝุ่น PM2.5 และต่ำสุด 23 มคก./ลบ.ม. โดยข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",29/3/2022,ภาคเหนือ,น่าน,สวท.น่าน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329113814059 สหกรณ์จังหวัดระยอง เดินหน้าพัฒนาองค์ความรู้ผู้ตรวจการสหกรณ์ ให้สามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติงานตรวจการสหกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ,ที่ห้องประชุมสำนักงานสหกรณ์จังหวัดระยอง ศูนย์ราชการจังหวัดระยอง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง นางสุวรรณี อาจสุโพธิ์ สหกรณ์จังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาประสิทธิภาพการตรวจสหกรณ์ ประจำปีงบประมาณ 2565 แก่ผู้ตรวจการสหกรณ์ และข้าราชการในสังกัด ซึ่งมีหน้าที่เป็นผู้ตรวจการสหกรณ์ ผู้ช่วยผู้ตรวจการสหกรณ์ และเจ้าหน้าที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดระยอง จำนวน 30 คน โดยมี นายชัยวุฒิ มัณฑนานนท์ สหกรณ์จังหวัดนนทบุรี เป็นวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ มาบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ที่เกี่ยวข้องในการทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจการสหกรณ์ ตรวจสอบกิจการและฐานะทางการเงินของสหกรณ์ เพื่อป้องกันการเกิดข้อบกพร่องและทุจริตเกี่ยวกับการเงิน การบัญชีหรือกิจการ หรือฐานะการเงินในสหกรณ์ อีกทั้งยังเป็นการกำกับ ดูแล การดำเนินงานของสหกรณ์ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับของสหกรณ์
นางสุวรรณี อาจสุโพธิ์ สหกรณ์จังหวัดระยอง กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ เพิ่มทักษะและประสบการณ์แก่ผู้ตรวจการสหกรณ์ให้ก้าวทันสถานการณ์ และนำไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง สามารถปฏิบัติงานตรวจสอบสหกรณ์ได้ตามแนวทางที่นายทะเบียนสหกรณ์กำหนดได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,29/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329115614071 พาณิชย์จังหวัดแพร่ ตรวจสอบข้อเท็จจริงในการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์,สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแพร่ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่อำเภอสอง พบการติดป้ายแสดงราคารับซื้อข้าวโพดชัดเจน
นางสาวจุฬารัตน์ นุ่มนิ่ม ผู้อำนวยการกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า นายศิรินุสรณ์ เตชะ นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการ และเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่อำเภอสอง จำนวน 7 ราย พบว่าการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ชนิดเมล็ด ณ ความชื้น 14.5% ราคากิโลกรัมละ 10.00-12.90 บาท และความชื้น 30% กิโลกรัมละ 8.00-8.50 บาท โดยมีการติดป้ายแสดงราคารับซื้อข้าวโพดชัดเจน และได้แนะนำให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ. ศ. 2542 อย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เกษตรกรนำมาจำหน่ายมีความชื้นค่อนข้างสูง (40-50% ขึ้นไป) และมีการเก็บเกี่ยวผลผลิตก่อน 120 วัน ทำให้ผลผลิตที่ได้ไม่มีคุณภาพมากนัก
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,29/3/2022,ภาคเหนือ,แพร่,สวท.แพร่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329114025060 สำนักงานท้องถิ่นจังหวัดสมุทรสงคราม บูรณาการร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดกิจกรรมลงแขกลงคลอง เมืองแม่กลองสะอาด พร้อมทั้งขับเคลื่อนโครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน,ที่บริเวณโรงเรียนบ้านยายแพง ตำบลยายแพง อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดสมุทรสงครามร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลบางคนที จัดกิจกรรรมลงแขก ลงคลอง เมืองแม่กลองสะอาด ตามทางประชารัฐภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และรณรงค์โครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน โดยมี นายขจร ศรีชวโนทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธาน พร้อมทั้ง นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ พันเอก จิระโรจน์ กองวารี รอง ผอ.รมน.จังหวัด นายอำเภอบางคนที หัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมกิจกรรม
นางสาวเรณู เล็กนิมิต นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางคนที กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อเป็นการพัฒนาทำความสะอาดลำคลองในพื้นที่ โดยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งจิตอาสา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ภาครัฐ ภาคเอกชน อาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก (อถส.) กลุ่มองค์กรเครือข่ายต่างๆ และประชาชน จำนวนกว่า 80 คน ซึ่งได้ร่วมกันจัดเก็บผักตบชวา วัชพืช ขยะในลำคลอง ในพื้นที่ เพื่อทำให้หมู่บ้านชุมชนมีความสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย พร้อมทั้งขับเคลื่อนการจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อนในครัวเรือน ชุมชนมีส่วนร่วมในการรักษาความสะอาด ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ลดจำนวนปริมาณขยะมูลฝอยในพื้นที่ จังหวัดสมุทรสงครามขับเคลื่อนการลดปริมาณและคัดแยกขยะอินทรีย์หรือขยะเปียกใครัวเรือนระดับท้องถิ่น
ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า กิจกรรมลงแขกลงคลอง เมืองแม่กลองสะอาด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในจังหวัด ได้มีการจัดทำเป็นประจำเดือนละ 1 ครั้ง ทั้งในลำคลอง ถนนในหมู่บ้าน/ชุมชน นอกจากทำให้จังหวัดสมุทรสงครามมีทัศนยภาพที่สวยงามแล้ว ยังส่งผลให้ประชาชนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เสริมสร้างความรักสามัคคีของคนในชุมชน
จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมคณะได้ลงเรือร่วมกันจัดเก็บวัชพืชในลำคลอง เพื่อให้ลำคลองมีความสะอาด ประชาชนในพื้นที่สามารถใช้เรือเป็นพาหนะในการสัญจรไปมาได้ และนำถังขยะเปียกลดโลกร้อนและถังดักไขมันในเรือนมอบให้กับนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางคนที เพื่อนำไปใช้ภายในชุมชนด้วย
รุ่งนภา/ข่าว ธิติมา/เรียบเรียง
ทีมงานสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย พลตรีอโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 นายธนารัฐ สายเทพ นายอำเภอเมืองลำปาง หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์และรับฟังการนำเสนอข้อมูล พร้อมหารือแนวทางร่วมกับประชาชนและผู้นำชุมชนในพื้นที่ ณ สถานีควบคุมไฟป่าพระบาท-พระยาแช่ , จุดสกัดชุมชนโทกหัวช้าง, จุดสกัดชุมชนกล้วยฝาย, จุดสกัดชุมชนกล้วยแพะ อำเภอเมืองลำปาง และจุดสกัดชุมชนแม่ทะ อำเภอแม่ทะ ในการร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) รวมถึงสถานการณ์ภัยแล้งให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้นำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานดับไฟป่า อาทิ น้ำดื่มสะอาด เครื่องดื่มชูกำลัง/เครื่องดื่มเกลือแร่ ยา ข้าวสาร อาหารสำเร็จรูป เป็นต้น เพื่อส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานดับไฟป่า เพื่อเป็นการสนับสนุนภารกิจและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องพื้นที่ป่าชุมชนต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",29/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329115612070 ปศุสัตว์ฯ แม่ฮ่องสอน ผ่าตัดทำหมัน ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เร่งขับเคลื่อนให้จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดปลอดโรคพิษสุนัขบ้า,"น.สพ.ดร.อนิรุธ เนื่องเม็ก ปศุสัตว์จังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบหมายให้ น.สพ.ธราภัท คงเหล็กดี นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการและเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ บูรณาการการทำงานร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลปางหมู ออกให้บริการผ่าตัดทำหมันและฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ให้แมวด้อยโอกาส ณ วัดปาง หมู่ 1 ตำบลปางหมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน
โดยได้ให้บริการผ่าตัดทำหมันแมวเพศเมีย จำนวน 10 ตัว แมวเพศผู้ จำนวน 2 ตัว ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้แมว จำนวน 12 ตัว รวมทั้งให้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และการดูแลสุนัขและแมวในกำกับดูแลให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมายและปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า
ทั้งนี้ ตามแนวทางการขับเคลื่อนให้จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดปลอดโรคพิษสุนัขบ้า ภายใต้โครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธาน ศาสตราจารย์ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",29/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329123210086 ปศุสัตว์จังหวัดแม่ฮ่องสอน เฝ้าระวังโรคระบาดในสัตว์ปีก,"
น.สพ.ธราภัท คงเหล็กดี นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ ออกดำเนินการเฝ้าระวังโรคระบาดในสัตว์ปีก ในฟาร์มที่ได้รับการรับรองในการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มสัตว์ปีก ณ สยามฟาร์ม ตำบลปางหมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน
จากการดำเนินงาน มีการเก็บตัวอย่าง Oropharyngeal swab ไก่ไข่ 30 ตัว เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสไข้หวัดนกและเชื้อไวรัสนิวคาสเซิล และเก็บตัวอย่าง Boot swab จากโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ จำนวน 5 คู่ เพื่อตรวจหาเชื้อแบคทีเรียแซลโมเนลลาทางห้องปฏิบัติการต่อไป
โรคไข้หวัดนกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่บางสายพันธุ์ที่พบในนกและสัตว์ปีก โดยอาการและความรุนแรงของโรคขึ้นกับสายพันธุ์ของไวรัสและชนิดของสัตว์ปีกที่ติดเชื้อสายพันธุ์ที่มีความสำคัญคือ H5N1 ซึ่งทำให้สัตว์ปีกที่ติดเชื้อมีอาการรุนแรงและตายอย่างรวดเร็ว
ในส่วนของโรคนิวคาสเซิลเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสในสัตว์ปีก เป็นโรคที่มีความสำคัญมากในสัตว์ปีกที่เลี้ยงเป็นอาหาร อาการของโรคมีตั้งแต่อ่อนจนถึงรุนแรง โรคที่ติดต่อได้ง่ายและทำให้เกิดอาการรุนแรงเรียกว่า Exotic Newcastle disease (END) ซึ่งทำให้มีสัตว์ปีกจำนวนมากตายอย่างเฉียบพลันโดยไม่แสดงอาการของโรค
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",29/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329122724084 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลงเล็กน้อย ส่วนจุดความร้อนจากเมียนมาส่งผลกระทบแนวชายแดนภาคเหนือของไทย,"สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลงเล็กน้อย ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเมียนมาส่งผลกระทบแนวชายแดนภาคเหนือของประเทศไทย
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (28 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 589 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 176 จุด // พื้นที่เกษตร 165 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 119 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 85 จุด // พื้นที่เขต สปก. 38 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 6 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด คือ แม่ฮ่องสอน 124 จุด , เชียงใหม่ 64 จุด และนครสวรรค์ 42 จุด สอดคล้องกับการประเมินพื้นที่เสี่ยงสูงเกิดไฟป่าล่วงหน้า 7 วัน ช่วงวันที่ 28 มีนาคม ถึง 3 เมษายน โดยจุดความร้อนที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอน พบมากที่สุด 4 วันติดต่อกัน ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือพบจุดความร้อนเล็กน้อย เนื่องจากมีฝนตกจากพายุฝนฟ้าคะนอง ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 28 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 11,852 จุด , ภาคเหนือ 11,472 จุด และภาคกลาง 6,891 จุด ซึ่งปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 วันนี้พบพื้นที่ภาคเหนือยังมีฝุ่นอยู่ในระดับปานกลางถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอนและเชียงใหม่ ส่วนภาพรวมภูมิภาคอื่นคุณภาพอากาศยังคงอยู่ในระดับดีถึงดีมาก
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาวันนี้ 2,534 จุด รองลงมา เป็น สปป.ลาว 959 จุด และประเทศไทย 589 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมาส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",29/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329123924087 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าในภาคเหนือพบมีพื้นที่ 3 จังหวัดเสี่ยงสูงเกิดไฟป่า ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด,สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าในภาคเหนือพบมีพื้นที่ 3 จังหวัดเสี่ยงสูงเกิดไฟป่า ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียม MODIS แสดงให้เห็นพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือที่เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าช่วง 7 วันนี้ ช่วงวันที่ 28 มีนาคม ถึง 3 เมษายน พบมี 3 จังหวัดมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดไฟป่า คือ ตาก เชียงใหม่ และลำปาง โดยสัปดาห์นี้ตัวเลขคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงสูงต่อการเกิดไฟป่ามีจำนวนสูงที่สุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้ที่ผ่านมาพบอยู่ประมาณ 25 ล้านไร่ ส่วนพื้นที่เสี่ยงสูงเกิดไฟป่าอันดับหนึ่งกลายเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ รองลงมาเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและที่ชุมชนและพื้นที่อื่นๆ สาเหตุอาจเกิดจากการเผาในกิจกรรมการเกษตร การเผาเพื่อหาของป่า หรือการเผาเพื่อล่าสัตว์จนทำให้เกิดการลุกลาม สำหรับข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งต่อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปวางแผนจัดการเชื้อไฟ และจัดทำแนวกันไฟในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
,29/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329125237088 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ Kick Off สถานีวิทยุกระจายเสียงเพื่อการเกษตร A.M.1386 KHz. กลับมาออกอากาศอีกครั้ง มั่นใจเป็นสื่อกลางถ่ายทอดข่าวสารความรู้ เคียงข้างเกษตรกรไทย,นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานแถลงข่าวเปิดตัวสถานีวิทยุกระจายเสียงเพื่อการเกษตร A.M.1386 KHz. ว่า สถานีวิทยุกระจายเสียงเพื่อการเกษตร กระจายเสียงในระบบ A.M. ความถี่ 1386 KHz. กำลังส่ง 10 กิโลวัตต์ จะกลับมาออกอากาศทางคลื่นวิทยุกระจายเสียงอีกครั้ง หลังจากต้องหยุดออกอากาศไปนานกว่า 5 ปี เนื่องจากเหตุขัดข้องทางเทคนิค เพื่อทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับเกษตรกรและพี่น้องประชาชนทั่วไปที่สนใจด้านการเกษตร และเป็นเครื่องมือสำหรับพัฒนาเกษตรกรในพื้นที่ห่างไกลให้มีความรู้ความสามารถด้านการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ ปลอดภัย สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่าปัจจุบันเทคโนโลยีสมัยใหม่จะช่วยให้การติดต่อสื่อสารรวดเร็วและสะดวกกว่าในอดีต แต่ก็ยังมีเกษตรกรในบางพื้นที่ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี ดังนั้น สถานีวิทยุกระจายเสียงเพื่อการเกษตร จึงมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมต่อกับกลุ่มคนเหล่านั้น ให้ก้าวเดินไปข้างหน้าตามแนวทางการพัฒนาของรัฐบาล
,29/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329133650107 เกษตรจังหวัดภูเก็ต มอบปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกรปลูกผักเหมียงคุณภาพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร,"เกษตรจังหวัดภูเก็ต มอบปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกรปลูกผักเหมียงคุณภาพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร และการพัฒนาการผลิตผักเหมียงคุณภาพ สนับสนุนและยกระดับการผลิตเป็นสินค้าปลอดภัยและมูลค่าสูง ภายใต้แนวคิด City of Gastronomy
ที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) อำเภอเมืองภูเก็ต หมู่ที่ 5 ตำบลฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายสุบรรณ์ รักษ์ทอง เกษตรจังหวัดภูเก็ต และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมมอบปัจจัยการผลิตและบรรจุภัณฑ์โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจจังหวัดภูเก็ต ด้วยแนวคิด City of Gastronomy การปลูกผักเหมียงให้แก่เกษตรกรเจ้าของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร และเครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่อำเภอเมืองภูเก็ต อำเภอกะทู้ และอำเภอถลาง จำนวน 15 ราย เพื่อเป็นส่งเสริมพัฒนาการผลิตผักเหมียงคุณภาพ ยกระดับการผลิตเป็นสินค้าปลอดภัยและมูลค่าสูง และพัฒนาการผลิตผักเหมียงคุณภาพ โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสม ผสมผสานกับภูมิปัญญาของเกษตรกร ทั้งยังเป็นการเพิ่มพื้นที่และปริมาณผลผลิตผักเหมียงให้เพียงพอต่อการบริโภค และการเพิ่มช่องทางการตลาด เพื่อให้เกิดการพึ่งพาช่วยเหลือตนเอง และมีความมั่นคงด้านอาหาร มีการผลิตอาหารปลอดภัย ดำเนินการตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ทั้งนี้ สำนักงานเกษตรจังหวัดภูเก็ต ได้รับการจัดสรรงบประมาณ โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจจังหวัดภูเก็ตด้วยแนวคิด City of Gastronomy ภายใต้โครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก จังหวัดภูเก็ต งบประมาณ 4,701,900 บาท โดยมีการส่งเสริมการปลูกผักเหมียงเชิงการค้า จำนวน 550 ไร่ พัฒนาฝึกทักษะอาชีพทางด้านการผลิตผักเหมียงคุณภาพ จำนวน 230 ราย จัดทำแปลงต้นแบบผลิตผักเหมียงคุณภาพ จำนวน 15 แปลง ส่งเสริมการผลิตเห็ด ผักต้นอ่อน และผักไฮโดรโปนิกส์ เพื่อการบริโภค จำนวน 200 ราย และมอบบรรจุภัณฑ์ ถุงพลาสติกหูหิ้วใส และเทปรัดผัก จำนวน 500 ม้วน
อย่างไรก็ตาม เกษตรกรปลูกผักเหมียงอำเภอเมืองภูเก็ต ได้เพิ่มมูลค่าผลผลิตด้วยการนำผักเหมียงมาแปรรูปอาหาร ตามแนวทาง City of Gastronomy ซึ่งได้รับความนิยมและให้การตอบรับจากนักท่องเที่ยวและผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก เช่น ผักเหมียงลาซานญาพิซซ่าโรล ขนมเค้กผักเหมือง ชาผักเหมียง ฯลฯ
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",29/3/2022,ภาคใต้,ภูเก็ต,สวท.ภูเก็ต,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329134300109 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมผนึกกำลังลดก๊าซเรือนกระจก มุ่งเป้า 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ ภายในปี พ.ศ. 2566,"นายประยูร อินสกุล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังพิธีประกาศ MISSION 2023 ผนึกกำลังมุ่งเป้าลดก๊าซเรือนกระจก 1,000,000 ตัน CO2 สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน สาขากระบวนการอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์: มาตรการทดแทนปูนเม็ด ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากภาคเกษตรเป็นภาคที่มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว จึงมีนโยบายร่วมกับทุกหน่วยงาน แผนการดำเนินงานด้านเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศด้านการเกษตรครอบคลุมด้านพืช ด้านดิน ด้านน้ำ ด้านปศุสัตว์ ด้านประมง และด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับการเกษตร ซึ่งจะนำมาถึงความมั่นคงในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมและความมั่นคงทางอาหาร รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและความสามารถในการแข่งขัน
สำหรับการร่วมลดก๊าซเรือนกระจก โดยกรมชลประทาน มีส่วนร่วมขับเคลื่อนมาตั้งแต่เริ่มบูรณาการความร่วมมือในการจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เมื่อเดือนสิงหาคม 2563 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ปัจจุบัน กรมชลประทานได้กำหนดเป็นนโยบายให้งานก่อสร้างประเภทต่าง ๆ โดยปรับเปลี่ยนมาใช้วัสดุก่อสร้างประเภทปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก ที่ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก โดยในปีงบประมาณ 2564 ได้นำร่องให้มีการใช้ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก 3 โครงการสำคัญ นับว่า เป็นที่น่ายินดีที่สามารถมีส่วนร่วมทำให้บรรลุเป้าหมายแรก 300,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อสิ้นปี พ.ศ. 2564 เร็วกว่าที่ตั้งใจกันไว้ และกำลังจะก้าวไปสู่เป้าหมายใหม่ ในการลดก๊าซเรือนกระจก 1,000,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ภายในปี พ.ศ. 2566 ตามที่กำหนดไว้ต่อไป
",29/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329140926119 รมช.เกษตรฯ ตรวจติดตามมาตรการส่งออกผลไม้ทางเรือ ในฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออกปี 2565,"นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจติดตามมาตรการส่งออกผลไม้ทางเรือ ในฤดูกาลผลไม้ ภาคตะวันออกปี 2565 ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยมีหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ให้การต้อนรับ
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร นายภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร และคณะผู้บริการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจติดตามมาตรการส่งออกผลไม้ทางเรือ ในฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออกปี 2565 โดยประชุมรับฟังรายงานการปฏิบัติงานของด่านตรวจพืชท่าเรือแหลมฉบัง ด่านศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ณ ด่านศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จากนั้นเดินทางเยี่ยมชมการปฏิบัติงานตรวจสอบการนำเข้าสินค้าเกษตร ณ ศูนย์เอ็กเรย์สินค้า ด่านศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ก่อนเดินทางตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานตรวจสอบสินค้าเกษตรเพื่อออกใบรับรองสุขอนามัยพืช ณ ด่านตรวจพืชท่าเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ก่อนเข้าสู่ฤดูกาลส่งออกผลไม้ภาคตะวันออกในปี 2565 นี้ ได้สั่งการให้กรมวิชาการเกษตรเตรียมความพร้อมสำหรับการตรวจสอบ และตรวจรับรองสินค้า ภายใต้มาตรการควบคุมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ตั้งแต่การเก็บเกี่ยวที่สวน การคัดบรรจุ ตลอดจนการส่งออก ซึ่งต้องอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการเพื่อขอใบรับรองสุขอนามัยพืช (Phyto certificate) โดยกรมวิชาการเกษตรได้นำระบบขอใบรับรองสุขอนามัยพืชแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e Phyto Certificate) มาใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 โดยนำร่องระบบใช้กับผลไม้ 22 ชนิดไปจีน เพื่อรองรับฤดูกาลส่งออกผลไม้ภาคตะวันออก เป็นการสร้างความมั่นใจในการผลิตสินค้าคุณภาพที่มาจากแปลงเกษตรที่ได้รับรองมาตรฐานการผลิตที่ดี สามารถตรวจสอบย้อนกลับ และสร้างความน่าเชื่อถือให้ประเทศผู้นำเข้าได้ รวมทั้งยังเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ โดยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นมา มีการส่งออกผลไม้จากไทยไปจีน มีจำนวนประมาณ 6,238 ชิปเมนท์ ปริมาณ 177,522.78 ตัน มูลค่าประมาณ 3,390 ล้านบาท โดยเป็นการส่งออกทางเรือ ประมาณ 62% ทางบก 26% และทางอากาศ 12%
นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ได้ติดตามการทำงานของด่านตรวจพืชท่าเรือแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยมอบนโยบายและเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ของด่านตรวจพืชปฏิบัติตามเงื่อนไขกฎระเบียบ ประกาศ และกฎหมายที่กรมวิชาการเกษตรกำกับดูแลอย่างเข้มงวด ตามคู่มือมาตรฐานการปฏิบัติงานของด่านตรวจพืชให้ชัดเจน ครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การขออนุญาต การตรวจสอบสินค้า การตรวจปล่อยร่วมกับหน่วยงานศุลกากรในพื้นที่ รวมถึงการเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้า เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงศัตรูพืชที่อาจจะติดมากับสินค้านำเข้าแพร่กระจายและทำความเสียหายกับแปลงผักผลไม้ แปลงเกษตรไทย หรือผลผลิตทางการเกษตร ศัตรูพืชที่สำคัญ เช่น ด้วงอิฐ ซึ่งได้เน้นย้ำให้ด่านตรวจพืชทุกด่านต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษไม่ให้ปนเปื้อนมากับกลุ่มสินค้าธัญพืช เช่น กากถั่วเหลือง ถั่วเหลือง จากประเทศที่มีกลุ่มเสี่ยง
ด้าน นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ด่านตรวจพืชท่าเรือแหลมฉบัง เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ควบคุมการนำเข้าพืช ผลผลิตพืช ปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ตรวจสอบและออกใบรับรองสุขอนามัยพืช (Phyto Certificate) เพื่อรับรองการปลอดโรคแมลง ศัตรูพืช สำหรับสินค้าส่งออก ตามเงื่อนไขประเทศปลายทาง เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและเงื่อนไข ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย จำนวน 4 ฉบับ ได้แก่ 1.พระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ.2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 2. พระราช บัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ.2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 3. พระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ.2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 4. พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยในปี 2564 มีการออกใบรับรองสุขอนามัย จำนวนทั้งสิ้น 66,166 ฉบับ สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ทุเรียน ลำไยสดและอบแห้ง ทุเรียนแช่แข็ง เป็นต้น สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เมล็ดถั่วเหลืองและกากถั่วเหลือง ข้าวสาลี แอปเปิ้ล ข้าวบาร์เลย์เพื่อผลิตอาหารสัตว์ เป็นต้น
ปริญญา ข่าว/ภาพ
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",29/3/2022,ภาคตะวันออก,ชลบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329153423164 นายกรัฐมนตรี เร่งรัดแก้ปัญหาปุ๋ยราคาแพง เน้นหารือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางร่วมกัน,"พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า สถานการณ์ปุ๋ยขาดแคลนและมีราคาแพงนั้น ได้รับรายงานจากกระทรวงพาณิชย์แล้ว ยังมีปัญหาระหว่างผู้ประกอบการ ภาคเอกชน สมาคมต่างๆ ที่ต้องมาหาร่วมรือกัน เพราะทุกเรื่องต้องมีการหารือระหว่าง 2 ฝ่ายเสมอ คือในส่วนของผู้ที่ได้รับผลกระทบและผู้ให้บริการจัดหานำเข้าปุ๋ยเข้าประเทศ จึงต้องหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรต่อไป และรัฐบาลกำลังติดตามสถานการณ์ทุกเรื่องอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องผลกระทบจากการสู้รบรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน รัฐบาลใช้งบประมาณเพื่อช่วยเหลือประชาชนผ่านหลายมาตรการ ซึ่งหลายอย่างต้องทำอย่างต่อเนื่อง และต้องเตรียมความพร้อมรับมือต่อทุกสถานการณ์ เพราะบางเรื่องอยู่นอกเหนือการควบคุม
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า สิ่งสำคัญคือ คนไทยต้องเตรียมความพร้อมที่จะร่วมกันแก้ปัญหาและหาทางออกที่ดีที่สุด ด้วยเหตุผลและไม่อยากให้ขัดแย้งกัน
",29/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329182642290 มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ร่วม อปท. 4 แห่งในจังหวัดตราดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขับเคลื่อนการบริหารจัดการขยะจากทุกภาคส่วน เพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมทางทะเลในอ่าวตราด,"
นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด มอบนโยบายในการบริหารจัดการขยะภายหลังการลงนามบันทึกความร่วมมือการบริหารจัดการขยะจากทุกภาคส่วน เพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมทางทะเลในอ่าวตราด ซึ่งมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน นำโดย นางเรวดี ประเสริฐเจริญสุข ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 13 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดขึ้นที่ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 1 จังหวัดตราด
ทั้งนี้ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้จัดให้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือการบริหารจัดการขยะจากทุกภาคส่วน เพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมทางทะเลในอ่าวตราด ขึ้น ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 4 แห่ง รอบอ่าวตราด ประกอบด้วย เทศบาลตำบลตำบลแหลมงอบ อบต.อ่าวใหญ่ อบต.ไม้รูด และเทศบาลตำบลเกาะช้างใต้ เพื่อร่วมกันรณรงค์แก้ไขปัญหาขยะ ภายใต้แนวคิดที่ว่าการแก้ไขปัญหาขยะต้องเริ่มจากจากต้นเหตุหรือผู้ที่ก่อให้เกิดขยะ ก็คือประชาชนในชุมชน โดยเฉพาะการสร้างจิตสำนึกการเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการขยะ ทั้งการคัดแยกขยะ ณ แหล่งกำเนิด และการนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ ทั้งนี้เพื่อให้พฤติกรรมในการทิ้งและการจัดการขยะก่อนที่จะนำไปทำลายของประชาชนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ปริมาณขยะในชุมชนลดลง
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",29/3/2022,ภาคตะวันออก,ตราด,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329165530239 แอปพลิเคชัน ฟ้าฝน ชูจุดเด่น บอกสภาพอากาศ ปริมาณน้ำฝนล่วงหน้าอย่างแม่นยำ,นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า แอปพลิเคชัน ฟ้าฝน เป็นแอปพลิเคชันที่พัฒนาโดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และบริษัท ซีพีเอส อะกริ จำกัด (CPS AGRI) ที่สามารถทำให้ชาวนาทราบถึงข้อมูลสภาพอากาศและปริมาณน้ำฝนล่วงหน้าในพื้นที่ของตนเองได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งให้ชาวนาสามารถบริหารจัดการทรัพยากรวางแผนการเพาะปลูกและการจัดจำหน่ายได้
กรมการข้าว ร่วมมือกับทางสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เพื่อให้มีการส่งเสริมการใช้งานแอปพลิเคชัน ฟ้าฝน ให้กับชาวนาและบุคลากรกรมการข้าว ในการใช้ประโยชน์ด้านการติดตามและพยากรณ์ปริมาณน้ำฝนล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ โดยมีเป้าหมาย 1 ล้านสิทธิการใช้งาน ในฤดูการปลูกข้าว ปี 2565 นี้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถวางแผนการเพาะปลูกข้าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น เพื่อเป็นการขับเคลื่อนเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล และพัฒนาเกษตรอัจฉริยะของประเทศด้านข้าว
กรมการข้าวจึงนำ แอปพลิเคชัน ฟ้าฝน มาปรับใช้กับโครงการต่างๆ ที่สำคัญของกรมการข้าว อาทิ งานตรวจรับรองมาตรฐานข้าวและผลิตภัณฑ์ งานส่งเสริมการผลิตข้าว นาแปลงใหญ่ ศูนย์ข้าวชุมชน Smart Farmer และด้านอื่นๆ อีกทั้งให้บุคลากรของกรมการข้าวนำความรู้ไปถ่ายทอดให้กับชาวนาไปใช้ประโยชน์ในบริหารจัดการแปลงนาของตนเองและได้รับการแจ้งเตือนภัยจากสภาพอากาศ เพื่อลดความเสียหายต่อผลผลิตข้าว ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชาวนาและต่อกรมการข้าว
,29/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329180951269 "ก.ทรัพย์ ร่วมกับ 25 พันธมิตร ประกาศเป้าหมายใหม่ ""MISSION 2023"" มุ่งเป้าลดก๊าซเรือนกระจก 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ในปี 66","
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ 25 พันธมิตร ประกาศเป้าหมายใหม่ ""MISSION 2023"" มุ่งเป้าลดก๊าซเรือนกระจก 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ภายในปี 2566 หลังประสบความสำเร็จจากมาตรการทดแทนปูนเม็ด
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) ครอบคลุมภาครัฐ ภาควิชาชีพ ภาคอุตสาหกรรม และภาคการศึกษารวมภาคีเครือข่าย 25 พันธมิตร ได้ร่วมกันประกาศเป้าหมายใหม่ ""MISSION 2023"" มุ่งเป้าลดก๊าซเรือนกระจก 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ภายในปี 2566 เพื่อก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน สาขากระบวนการอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ : มาตรการทดแทนปูนเม็ด โดย ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การดำเนินการเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยความสำเร็จ 4 ประการ คือ นโยบายภาครัฐและกฎหมาย , ความร่วมมือของทุกภาคส่วน , การลงทุนอย่างยั่งยืน และสุดท้าย เทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นหนึ่งในปัจจัยความสำเร็จช่วยสนับสนุนเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ และการขับเคลื่อนนโยบายของภาครัฐให้เกิดผลสัมฤทธิ์ สิ่งสำคัญช่วยสนับสนุนการจัดประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย (TCAC) ช่วงเดือนสิงหาคมนี้ด้วย
ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวย้ำว่า ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกัน จนทำให้ไทยสามารถบรรลุเป้าหมายแรกของความตกลงปารีส (NDCs) ฉบับที่ 1 ด้วยมาตรการทดแทนปูนเม็ดได้ตั้งแต่ปี 2564 ที่ผ่านมา โดยช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 300,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ในฐานะหน่วยประสานงานกลางของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ , องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกนะจก (องค์การมหาชน) หรือ เบโด้ ในฐานะหน่วยสนับสนุนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ และกรมทรัพยากรธรณี ในฐานะหน่วยบริหารจัดการด้านแหล่งวัตถุดิบ พร้อมร่วมขับเคลื่อนและสนับสนุนการบรรลุเป้าหมาย ""MISSION 2023"" , สนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และการขับเคลื่อน BCG Model ที่แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของไทยที่ร่วมกับประชาคมโลกบรรเทาปัญหาภาวะโลกร้อน
",29/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329183128293 คณะทำงานตรวจประเมินผลฯ ลงพื้นที่ติดตามประเมินผลการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่,วันนี้ (29 มี.ค.65) นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มอบหมายให้นายราชัน มีน้อย หัวหน้าสำนักงานจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยคณะทำงานตรวจประเมินผลการขับเคลื่อนและขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดกระบี่ ติดตามการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
โอกาสนี้ นายชัยวุฒิ บัวทอง นายอำเภอเมือง นางชณิสา หาญภักดีปฏิมา รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดกระบี่ ร่วมติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการฯ โดยคณะดังกล่าวได้ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงาน ณ โครงการอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารีอันเนื่องมาจากพระราชดำริศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรจังหวัดกระบี่ หมู่ที่ 1 ตำบลเขาคราม ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรกระบี่ ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริสมเด็จ พระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และโครงการปรับปรุงฝายคลองน้ำตายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลทับปริก อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่
การลงพื้นที่ครั้งนี้ เพื่อรับทราบปัญหา อุปสรรค ของการดำเนินโครงการฯ และหาแนวทางแก้ไข อันจะเป็นการพัฒนา สืบสาน ต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ให้เกิดประโชน์ต่อเกษตรกร และเป็นแหล่งเรียนรู้สืบต่อไป จากนั้นลงพื้นที่ติดตามการขับเคลื่อน เขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ระดับอำเภอในพื้นที่ หมู่ที่ 7 ตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมือง มีเนื้อที่ 18 ไร่ 20 ตารางวา ลักษณะเป็นที่เลี้ยงสัตว์ โดยโรงเรียนวัดโพธิ์เรียน ขอใช้พื้นที่ดังกล่าว เพื่อเข้าร่วมโครงการขับเคลื่อนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ และเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงให้กับกลุ่มที่สนใจได้ศึกษาต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,29/3/2022,ภาคใต้,กระบี่,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329184951300 ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาลงพื้นที่แก้ไขปัญหาผลกระทบกลิ่นสารเคมีจากโรงงานแป้งมันแปรรูป ในพื้นที่ตำบลหินดาด อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา,"วันนี้ (29 มี.ค.65) นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบกลิ่นสารเคมีจากการประกอบกิจการของโรงงานแป้งมันสำปะหลังแปรรูป ในพื้นที่ตำบลหินดาด
ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลหินดาด อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา โดยมีนายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พ.อ.อรรถชัย รักษาศิลป์ รอง ผอ.รมน. จังหวัดนครราชสีมา ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา นายบัญชา ขุนสูงเนิน ผู้อำนวยการส่วนควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม นางสงกรานต์ ประจันตะเสน ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมา นางสาวอัจฉรา อิ่มมณี นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการ ผู้แทนสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ศูนย์อนามัยที่ 9 สำนักงานสาธารณสุขอำเภอด่านขุนทด อำเภอด่านขุนทด องค์การบริหารส่วนตำบลหินดาด ศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า นายไกรฤกษ์ เสียนขุนทด เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้นำชุมชนและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เข้าร่วมการประชุม จำนวน 80 คน โดยมีข้อสรุป ดังนี้
1. ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา ชี้แจงความเป็นมากรณีที่ประชาชนในพื้นที่ตำบลหินดาด และตำบลห้วยบง ได้รับผลกระทบกลิ่นสารเคมีจากการประกอบกิจการโรงงานแป้งมันแปรรูป
2. ผู้แทนสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 นำเสนอข้อมูลผลการตรวจวัดก๊าซอันตรายบริเวณบ่อบำบัดน้ำเสียของโรงงานพบก๊าซอันตราย 51 ชนิด บริเวณชุมชนพบก๊าซอันตราย 23 ชนิดซึ่งเป็นชนิดเดียวกันกับที่ตรวจพบในโรงงาน และตรวจพบก๊าซอันตราย 3 ชนิด ที่มีความเข้มข้นสูง ได้แก่ Butadienำ, Aniline และ Acrolein ซึ่งมีค่าอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพประชาชน โดยหากสัมผัสเป็นระยะเวลานานกว่า 4 ชั่วโมง อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยประชาชนที่ได้รับผลกระทบมีอาการผิวหนังไหม้ เป็นผื่น และเลือดกำเดาไหล
3. ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้มอบหมายให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา ออกคำสั่งตามมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ให้โรงงานหยุดประกอบกิจการเพื่อปรับปรุงแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 เมษายน 2565
4. โรงพยาบาลมหาราชจะส่งทีมแพทย์เฉพาะทางมาตรวจสุขภาพให้ประชาชน ในวันที่ 5 เมษายน 2565
5. ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาจะประสานอัยการคุ้มครองสิทธิ เพื่อพิจารณาดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดแก่สุขภาพของประชาชน
6. ให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 ตรวจประเมินก๊าซอันตรายบริเวณชุมชนอย่างต่อเนื่อง และรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาทราบ เพื่อพิจารณาสั่งการระงับ ยับยั้งการแพร่กระจายของก๊าซอันตรายดังกล่าว
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",29/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329231204347 สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 จัดกิจกรรมส่งเสริมการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก (LESS) จังหวัดนครราชสีมา,วันนี้ (29 มี.ค.65) นายเอกสิทธิ์ อักษร รักษาราชการแทนผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการจัดการสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ร่วมกับเทศบาลตำบลท่าเยี่ยม จัดการประชุมชี้แจงแนวทางการพัฒนากิจกรรมการลดก๊าชเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme : LESS)โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชุมชนมีความรู้ความเข้าใจและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดำเนินกิจกรรมการลดก๊าซเรือนกระจกของชุมชน ซึ่งเป็นการดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการยกระดับศักยภาพชุมชนสู่สังคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปี 2565 ในพื้นที่ต้นแบบ ชุมชนบ้านโจด หมู่ที่ 4 ตำบลท่าเยี่ยม อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา โดยได้รับความร่วมมือจากผู้นำชุมชน คณะกรรมการชุมชน และเจ้าหน้าที่เทศบาลท่าเยี่ยม เข้าร่วมกิจกรรม
ทั้งนี้ ชุมชนได้เข้าร่วมกิจกรรมการสำรวจและเก็บข้อมูลการกักเก็บคาร์บอนของต้นไม้ ประกอบด้วย ชื่อต้นไม้ ชนิดพรรณ ความสูง และเส้นรวบวง โดยประมาณ 500 ต้น ในพื้นที่ 10 ไร่ ซึ่งประกอบด้วย ต้นสัก ต้นตะแบก ต้นราชพฤกษ์ ต้นกัลปพฤกษ์ ต้นสะเดา เป็นต้น เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประเมิน และคำนวนปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจก ต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,29/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329231356348 หน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมที่ 11 จับมือเครือข่ายปฏิบัติการตรวจจับควันดำลดฝุ่น PM2.5 จังหวัดนครราชสีมา,"วันนี้ (29 มี.ค.65) หน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมที่ 11 (นครราชสีมา) ร่วมกับ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา และสถานีตำรวจภูธรเฉลิมพระเกียรติ ตั้งจุดปฏิบัติการตรวจจับควันดำ บริเวณทางหลวงหมายเลข 226 หน้าสถานีตำรวจภูธรเฉลิมพระเกียรติ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา ภายใต้กิจกรรม รัฐเข้มตรวจจับ ปรับจริงห้ามใช้รถควันดำ ตามข้อสั่งการ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM 2.5) จากการจราจรและการขนส่งทางบก
ผลการตรวจวัดควันดำจากรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล จำนวน 137 คัน พบค่าควันดำเกินมาตรฐาน จำนวน 15 คัน แบ่งออกเป็น รถตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 จำนวน 78 คัน พบค่าควันดำเกินมาตรฐาน 6 คัน พ่นสัญลักษณ์ห้ามใช้รถ 6 คัน และรถตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 จำนวน 59 คัน พบค่าควันดำเกินมาตรฐาน 9 คัน พนักงานเจ้าหน้าที่ออกคำสั่งให้ปรับปรุงแก้ไข และติดสติ๊กเกอร์ห้ามใช้รถยนต์ชั่วคราว จำนวน 9 คัน ยอดตรวจสะสมตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 รวมทั้งสิ้น 1,433 คัน พบค่าควันดำเกินมาตรฐานสะสมรวมทั้งสิ้น 211 คัน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",29/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329231541349 สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 ร่วมตรวจสอบและให้ข้อเสนอแนะกรณีน้ำเสียไหลท่วมขัง ส่งกลิ่นเหม็น จังหวัดนครราชสีมา,วันนี้ (29 มี.ค.65) นายเอกสิทธิ์ อักษร รักษาการผู้อำนวยการส่งเสริมการจัดการสิ่งแวดล้อม พร้อมเจ้าหน้าที่ ร่วมกับเทศบาลตำบลท่าเยี่ยม อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา นำโดย พ.จ.อ.วัชนันท์ วรางค์พิสุทธิ์ รองปลัดเทศบาลฯ ตรวจสอบกรณีได้รับแจ้งว่ามีน้ำเสียไหลท่วมขังบริเวณถนนทางเข้าหมู่บ้านด้านข้างบริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ก่อให้เกิดกลิ่นเหม็น เน่าเสีย และไหลลงลำมูล
จากการตรวจสอบพบว่า บริเวณโดยรอบเป็นแหล่งชุมชนหนาแน่น ประกอบไปด้วย หอพักพนักงานบริษัท ซีพีเอฟฯ ตลาดสด อาคารพาณิชย์ และครัวเรือนประชาชน โดยส่วนใหญ่ไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียเบื้องต้นที่เพียงพอ ทำให้น้ำเสียไหลลงมาท่วมขังและเน่าเสียในบริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นทางระบายน้ำเดิมและมีวัชพืชจำนวนมากทำให้การระบายน้ำเสียไม่คล่องตัว จึงให้ข้อเสนอแนะเบื้องต้นในการแก้ปัญหา ดังนี้
1.ให้เทศบาลฯ จัดการขุดลอกร่องระบายน้ำของชุมชน เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการระบายน้ำ
2.ให้เทศบาลฯ ดูแลกำกับแหล่งกำเนิดน้ำเสียตาม พรบ.ควบคุมอาคารฯ อย่างเคร่งครัด โดยให้มีการจัดการน้ำเสีย เช่น ติดตั้งบ่อดักไขมันและถังบำบัดน้ำเสียให้ครอบคลุม
3.ให้เทศบาลฯ สำรวจและรวบรวมข้อมูลแหล่งกำเนิดน้ำเสียเบื้องต้น ส่งให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 (นครราชสีมา) หากเข้าข่ายเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 จะได้เข้าดำเนินการกำกับตามกฎหมายต่อไป
4. ให้เทศบาลฯ เตรียมความพร้อมในการพัฒนาโครงการด้านการจัดการน้ำเสีย โดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 พร้อมให้การสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการในการดำเนินการต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,29/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329231818350 จังหวัดนครราชสีมาจัดหน่วยเคลื่อนที่กระทรวงเกษตรฯ ให้บริการแก้ไขปัญหาการผลิตด้านการเกษตรแก่พี่น้องเกษตรกรอำเภอปากช่อง,วันนี้ (29 มี.ค.65) นายวิจิตร กิจวิรัตน์ ปลัดจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ 2/2565 ณ โรงเรียนปากช่อง 2 ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาโดยมีเกษตรกรร่วมงานกว่า 100 คน
นายภูดิษ ภัทรกุลเชษฐ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้มีให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ 25 คลินิก และหน่วยงานต่างๆที่เข้าร่วมจัดบูธให้บริการคลินิกเกษตร อาทิ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์ องค์การบริหารส่วนจังหวัด สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด สำนักงานประมงจังหวัด สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัด ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 3 สาธารณสุขจังหวัด ศูนย์อนุรักษ์ดินและน้ำ PGSเกษตรอินทรีย์ ธนาคารออมสิน คูโบต้า อิเซกิ ตังนำการเกษตร เป็นต้น
สำหรับคลินิกเกษตรเคลื่อนที่นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการแก่เกษตรกรในการแก้ไขปัญหาการผลิตด้านการเกษตรได้อย่างรวดเร็ว อย่างทั่วถึงและสอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร ซึ่งมีการบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานวิชาการหน่วยงานส่งเสริมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพัฒนาฟื้นฟูเกษตรกรให้สามารถทำการผลิตทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยเป็นการปฏิบัติงานในเชิงรุกที่ทำให้เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายที่มีปัญหาให้ได้รับบริการทางการเกษตร รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและฝึกอบรมความรู้การเกษตรเสริมเพิ่มเติมควบคู่กันไปด้วย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,29/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220329233305353 เกษตรกรแปลงใหญ่มะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ เน้นส่งออกเป็นหลัก,"นายพนม ซำเผือก ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมะม่วงส่งออกนอกฤดู ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ขณะนี้ผลผลิตมะม่วงในตลาดราคาตกต่ำ แต่สำหรับกลุ่มผู้ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีเป้าหมายทำมะม่วงนอกฤดูกาลเพื่อส่งออกเป็นหลักและเกษตรกรได้รวมตัวกันทำเกษตรแปลงใหญ่กว่า 2,000 ไร่ มีการบริหารจัดการการผลิตในราคาที่คุ้มค่ากับต้นทุน
ขณะที่บางจังหวัดผลิตมะม่วงตามฤดูกาลปกติมีราคาผันผวน เนื่องจากส่วนใหญ่พึ่งพาการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม การส่งออกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง เกรดเอ ปลอดสารพิษที่ผ่านมาประสบปัญหาเรื่องตันทุนค่าขนส่งเครื่องบินไปยังประเทศปลายทาง ล่าสุดกลุ่มเกษตรกรจึงร่วมกับนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยนเรศวร สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ทำการศึกษาทดลองขนส่งผลผลิตมะม่วงทางเรือไปประเทศตะวันออกกลางโดยใช้เวลาขนส่ง 1 เดือน
เบื้องต้นพบว่าได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจ เมื่อผลผลิตไปถึงประเทศปลายทาง ไม่พบว่ามีความเสียหาย สำหรับการจำหน่ายในระยะยาวของชาวสวนที่ตำบลอ่าวน้อย จะต้องทำผลผลิตนอกฤดูกาลเป็นหลักและต้องหาตลาดส่งออกไปต่างประเทศเท่านั้น
วันนี้ (30 มี.ค.65) ที่ห้องประชุม อบต.หินดาด อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา พร้อมด้วย กอ.รมน. สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 11 อุตสาหกรรมจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและหาข้อสรุปเพื่อแก้ปัญหา ให้กับชาวบ้านชาวบ้านหนองกาดน้อย ต.หินดาด อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา หลังจากเดินทางไปร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา เมื่อเช้าวันที่ 28 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา เนื่องจากชาวบ้านได้รับผลกระทบจากกลิ่นเหม็นรุนแรงจากบ่อบำบัดน้ำเสียของโรงแป้งมัน Modify แห่งหนึ่งในพื้นที่ และทางจังหวัดได้สั่งการให้ทางผู้ประกอบการโรงงานแป้งมันดังกล่าว ดำเนินการแก้ไข ภายใน 45 วัน แต่ทางโรงงานไม่สามารถดำเนินการแก้ไขได้ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาจึงต้องลงพื้นที่เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้าน
ด้านนายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า จาการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ มีข้อสรุปออกมาว่า กรณีบ่อบำบัดน้ำเสียของโรงงานแป้งมัน Modify ได้สั่งให้อุตสาหกรรมจังหวัดออกคำสั่งให้โรงงานหยุดกิจการเพื่อปรับปรุงให้มีผลตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 เมษายน 2565 หากไม่สามารถดำเนินการได้ก็จะไม่อนุญาตให้เปิดกิจการ ส่วนเรื่องสุขภาพ ทางสาธารสุขอำเภอและรพ.มหาราชนครราชสีมา จะเข้าตรวจสุขภาพให้กับประชาชนในพื้นที่ในวันที่ 5 เมษายน 2565
กรณีชาวบ้านร้องเพิ่มเติมว่ามีการลักลอบปล่อยน้ำเสียลงแหล่งน้ำธรรมชาติ ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาหลักฐาน เพื่อดำเนินการทางกฎหมายกับโรงงาน และหาทางแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีก สำหรับการร้องขอเยียวยาของชาวบ้าน จะขอให้อัยการด้านคุ้มครองสิทธิ์เข้ามาช่วยเหลือแนะนำในข้อกฎหมายต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,30/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330092211380 กรมชลประทาน เร่งแก้ปัญหาคลองส่งน้ำชลประทาน ระยะที่ 3 จ.จันทบุรี หลังมีกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ตำบลหนองตาคง และตำบลเทพนิมิต ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค,
กรมชลประทาน เร่งแก้ปัญหาคลองส่งน้ำชลประทาน ระยะที่ 3 จ.จันทบุรี หลังมีกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ตำบลหนองตาคง และตำบลเทพนิมิต ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค
นายสุริยพล นุชอนงค์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาแหล่งน้ำไขนาดกลาง กรมชลประทาน ได้ชี้แจงกรณีมีกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ตำบลหนองตาคง และตำบลเทพนิมิต ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ได้ขึ้นป้ายเรียกร้องให้มีการก่อสร้างคลองส่งน้ำชลประทาน ระยะที่ 3 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เนื่องจากผ่านมา 3 ปีแล้ว ยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ว่า โครงการระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำคลองพระพุทธ ระยะที่ 3 จังหวัดจันทบุรี ประกอบด้วยคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย มี ความยาวกว่า 19 กิโลเมตร และคลองส่งน้ำสายซอยและสายแยกซอย ความยาวรวมกว่า 19 กิโลเมตร เนื่องจากในระหว่างการก่อสร้างคลองส่งน้ำ มีการขยายถนนทางหลวงแผ่นดิน และ ถนนทางหลวงชนบท ส่งผลให้คลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ซึ่งตัดผ่านถนนมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่เคยออกแบบไว้ จำเป็นต้องดำเนินการแก้ไขแบบคลองส่งน้ำและสะพานรถยนต์ให้สอดคล้องกับโครงสร้างของถนนทางหลวง จึงต้องดำเนินการแก้ไขสัญญาเนื่องจากมีปริมาณงานและวงเงินงบประมาณเพิ่มขึ้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการแก้ไขสัญญา และจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งสัญญาในปี พ.ศ.2566
ทั้งนี้ กรมชลประทานวางแนวทางในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ด้วยการวางท่อส่งน้ำชั่วคราว ตามแนวท่อลอดถนนทางหลวงหมายเลข 3193 ไปยังคลองส่งน้ำอีกฝั่งของถนน ทำให้สามารถส่งน้ำไปตามคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงหน้าแล้ง
นายเศกสรรค์ สวนกูล อำนวยการสำนักพัฒนาอาหารสัตว์ กรมปศุสัตว์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบต่อการนำเข้าวัตถุดิบการเลี้ยงสัตว์ทำให้ราคาอาหารสัตว์ปรับตัวสูงขึ้นกว่าร้อยละ 30 - 40 ซึ่งภาพรวมนำเข้าปีนี้มีจำนวนกว่า 22.4 ล้านตัน และปี 2566 จำนวน 23.27 ล้านตัน โดยอุตสาหกรรมไก่เนื้อมีปริมาณใช้ถึงร้อยละ 40 สุกรร้อยละ 34 และไก่ไข่ร้อยละ 11
จากผลกระทบดังกล่าวจึงออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย ประกอบด้วย การแนะนำทางเลือกใช้วัถตุดิบภายในประเทศ โดยเฉพาะอาหารสัตว์ในท้องถิ่น พร้อมแนะนำพัฒนาสูตรอาหารสัตว์ทดแทนการนำเข้า โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญผลิตหัวอาหารสูตรเข้มข้นร้อยละ 30 เพื่อให้เกษตรกรราย่อยนำไปผสมกับวัตถุดิบในท้องถิ่น เช่น ปลายข้าว มันสำปะหลัง รำ ข้าวกล้อง ต้นกล้วย ฟักทอง
นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ศูนย์อาหารสัตว์ 33 แห่งทั่วประเทศ จัดทีมออกปฏิบัติการ ภายใต้หน่วยบริการอาหารสัตว์เคลื่อนที่ให้คำแนะนำแก่เกษตรกร พร้อมแนะนำสูตรทดแทน โดยใช้ใบพืช โดยเฉพาะมันสำปะหลังและใบหม่อน ที่เป็นแหล่งโปรตีนประสิทธิภาพดีเป็นวัตถุดิบทดแทน
,30/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330102326410 กาฬสินธุ์ เร่งแก้ปัญหา ฝุ่น PM2.5,
จังหวัดกาฬสินธุ์ลงนามทำบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อขับเคลื่อนลดการเผาในที่โล่งและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5
ที่ห้องฟ้าแดดสงยาง ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ นายทรงพล ใจกลิ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นประธานการประชุมและจัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) เพื่อขับเคลื่อนการลดการเผาในที่โล่งและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้กำหนดให้โครงการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมเป็นนโยบายสำคัญของจังหวัด เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนารูปแบบการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารราชการในจังหวัดให้มีการทำงานที่มีผลสัมฤทธิ์สูง
โดยมีเป้าหมายดำเนินงาน ได้แก่ จำนวนจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ลดลงร้อยละ 30 และจำนวนวันที่มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานลดลงร้อยละ 40 โดยที่ประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กรณีการใช้น้ำหมักจาวปลวกเร่งการย่อยสลายตอซังข้าวเพื่อลดการเผาในการไถกลบตอซังข้าว โดยนายเฉลิมศักดิ์ ถนอมสิทธิ์ ประธานศูนย์กสิกรรมธรรมชาติกาฬสินธุ์ พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์หมู่บ้านปลอดการเผา
โดยนายรังสรรค์ โพธิชัย กำนันตำบลหนองตอกแป้น อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ นอกจากนี้ที่ประชุมได้หารือมาตรการแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพควบคุมและหยุดยั้งการเผาในที่โล่งกรณีการทำนาปรัง หารือมาตรการแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพควบคุมและหยุดยั้งการเผาในที่โล่งกรณีการผลิตอ้อย และทำพิธีลงนามความร่วมมือ (MOU) เพื่อลดการเผาในที่โล่งและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กPM2.5
ทั้งนี้ จังหวัดได้สมัครขอรับรางวัลเลิศรัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ประเภทรางวัลสัมฤทธิผลประชาชนมีส่วนร่วม ผลงานการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ดังนั้นเพื่อดำเนินการโครงการดังกล่าวให้บรรลุเป้าหมาย และเพื่อให้การสมัครขอรับรางวัลเลิศรัฐ ประเภทรางวัลสัมฤทธิผลประชาชนมีส่วนร่วมและผลงานการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,30/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,กาฬสินธุ์,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330092509382 กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนระวังเกิดฝนตกบริเวณตอนบนของประเทศและภาคใต้,"กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนระวังเกิดฝนตกบริเวณตอนบนของประเทศและภาคใต้
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (30 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.ชุมพร 112 มิลลิเมตร , เพชรบูรณ์ 88 มิลลิเมตร และน่าน 82 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 27,107 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 47 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 21,260 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 44 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
",30/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330100506403 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือบริเวณ ต.จองคำ จ.แม่ฮ่องสอน ปรับตัวสูงในระดับสีแดงกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร,ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือบริเวณ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ปรับตัวสูงในระดับสีแดงกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีต่อเนื่อง
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (30 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีมากถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอนค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นระดับสีแดงกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งต้องเฝ้าระวังช่วงวันที่ 3 - 6 เมษายน หากจุดความร้อน (Hotspot) มีจำนวนมากขึ้นอาจส่งผลให้ให้ฝุ่นละอองสูงขึ้นได้ โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน แล้วต้องเฝ้าระวังช่วงวันที่ 1 - 2 เมษายน ภาคเหนือมีโอกาสเกิดฝนตกหลายพื้นที่
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงดี โดยค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศเปิด มีลมพัด และฝนตกช่วยลดการสะสมของฝุ่นลง ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานวันที่ 31 มีนาคม - 6 เมษายน
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
,30/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330100630404 ปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรี จัดเวทีการสร้างกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม โครงการประชุมสัมมนา ภายใต้โครงการส่งเสริมเกษตรทฤษฎีใหม่,"วานนี้ (29 มีนาคม 2565) ณ ที่ทำการกลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่แก้วกล้า อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรี โดยกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ร่วมกับ สำนักงานปศุสัตว์อำเภอท่ายาง จัดฝึกอบรมหลักสูตร ""จัดเวที 3/5 ประสาน ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม"" โครงการประชุมสัมมนาส่งเสริมเกษตรทฤษฎีใหม่ ภายใต้โครงการส่งเสริมเกษตรทฤษฎีใหม่ ประจำปีงบประมาณ 2565 เป้าหมายกลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ จำนวน 20 ราย การฝึกอบรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมให้เกิดกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม เกิดเวทีแลกเปลี่ยนรู้ และเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายเกษตรกร ทดลองทำผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเพื่อเตรียมจำหน่ายออกสู่ตลาด ได้แก่ เมนู ปลาร้าสับ น้ำพริกกะปิ น้ำพริกหนุ่ม และน้ำพริกอ่อง พร้อมจัดชุดผัก เพื่อจัดจำหน่ายงานเกษตรแฟร์และของดีท่ายาง มีจัดงานตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 6 เมษายน 2565 นอกจากนี้ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรี โดยกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ร่วมกับ สำนักงานปศุสัตว์อำเภอแก่งกระจาน จัดฝึกอบรมหลักสูตร ""จัดเวที 3/5 ประสาน ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม"" โครงการประชุมสัมมนาส่งเสริมเกษตรทฤษฎีใหม่ จำนวน 20 ราย ณ ที่ทำการกลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ตำบลพุสวรรค์ อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ส่งเสริมให้เกิดกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม เกิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายเกษตรกร ทดลองทำผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเพื่อเตรียมจำหน่ายออกสู่ตลาด เมนู เนื้อแดดเดียวพริกพราน และ หมูสวรรค์
สวท.เพชรบุรี
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",30/3/2022,ภาคตะวันตก,เพชรบุรี,สวท.เพชรบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330104348433 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลง ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านส่งผลกระทบแนวชายแดนของไทย,"สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยลดลง ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านส่งผลกระทบแนวชายแดนของประเทศไทย
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (29 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 329 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 105 จุด // พื้นที่เกษตร 91 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 91 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 28 จุด // พื้นที่เขต สปก. 12 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 2 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด คือ แม่ฮ่องสอน 109 จุด , เชียงใหม่ 58 จุด และกาญจนบุรี 20 จุด โดยจุดความร้อนมีจำนวนลดลงเล็กน้อยในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือ แต่จังหวัดแม่ฮ่องสอนยังคงพบจุดความร้อนต่อเนื่อง ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือพบจุดความร้อนเล็กน้อย เนื่องจากมีฝนตกจากพายุฝนฟ้าคะนอง ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 29 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 11,872 จุด , ภาคเหนือ 11,646 จุด และภาคกลาง 6,982 จุด ซึ่งปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 วันนี้ภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีขึ้นและหลายจังหวัดอยู่ในระดับดี ยกเว้นแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาวันนี้ 1,605 จุด รองลงมาเป็น สปป.ลาว 357 จุด และประเทศไทย 329 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",30/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330105940450 แจ้งข่าวดี ทุเรียนไทยฉลุยเข้าตลาดจีนสำเร็จ ตัววัดผลสำเร็จทุเรียนไทยปลอดโควิด-19,นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเมื่อเช้าวันนี้ ว่า ทุเรียนไทยที่ส่งทางรถไฟผ่านด่านตรวจพืชหนองคายได้ถึงเมืองโมฮ่านของจีนแล้ว เป็นการยืนยันถึงความสำเร็จถึงมาตรการป้องกันโควิดของไทยภายใต้การแนะนำของทางการจีน ซึ่งต้องขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของชาวทุเรียนไทย
นางสาววัชริน แหลมคม หัวหน้าด่านตรวจพืชหนองคาย รายงานเข้ามา แต่ยังไม่ได้ตรวจสอบสินค้า เนื่องจากเจ้าหน้าที่จีน ให้แก้ไขข้อมูลในใบรับรองสุขอนามัยพืช แล้วส่งกลับไปใหม่โดยใช้เลขเอกสารเดิม ทางด่านฯหนองคาย จึงแนะนำให้ยื่น แบบ พก.9 เข้ามาในระบบเพื่อจะทำการแก้ไขให้ตามร้องขอ เพื่อออกเอกสารดังกล่าวที่จะระบุข้อความให้ถูกต้องตามเจ้าหน้าที่ฯจีนร้องขอ และส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ไปตามที่อยู่ของโมฮ่านเหมือนเดิม
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสตูล ได้จัดงานมหกรรมเกษตรฮาลาล 2565 ซึ่งได้รับความร่วมมือจากแผนกวิชาต่าง ๆ ของวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน เพื่อประชาสัมพันธ์ เผยแพร่องค์ความรู้เกษตรฮาลาล สร้างเครือข่ายกลุ่มทักษะอาชีพเกษตร และสร้างความมั่นใจในกระบวนการผลิตสินค้าเกษตรฮาลาล ภายในงานจัดนิทรรศการแสดงผลงานวิชาการ และกิจกรรม 108 อาชีพ โดยมีหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน รวมถึงภาคประชาชนร่วมออกบูธ อาทิ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสตูล ให้ความรู้เกี่ยวกับกองทุนหมุนเวียน , ศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดสตูล จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของผู้ปกครองและนักเรียน และสถานีพัฒนาที่ดินสตูล แนะนำบัตรดินดี เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีภาคประชาชนที่ร่วมออกบูธภายในงานนี้ด้วย คือ นางสาวรสิกา สูนสละ ได้กล่าวว่า ทางครอบครัวได้เปิดฟาร์มเพื่อจำหน่ายต้นกระท่อมพันธุ์ก้านแดง ภายใต้ชื่อ บังเส็นพันธุ์กระท่อมฟาร์ม ตั้งอยู่ที่ตำบลแหลมสน อำเภอละงู จังหวัดสตูล เนื่องจากเห็นว่าพืชกระท่อมได้รับการปลดล็อกสามารถปลูกกิน ซื้อ ขายได้อย่างเสรี อีกทั้งยังเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่น จึงตัดสินใจเปิดฟาร์มฯ ดังกล่าวมาประมาณครึ่งปีแล้วขณะนี้มีจำหน่ายทั้งหน้าฟาร์มและออนไลน์ทาง Facebook : อูเส็น สูนสละ และ Line : USE085 จำหน่ายต้นพันธุ์หลายขนาดตั้งแต่ราคา 20 บาท 30 บาท และ 50 บาท จนถึงราคาหลักร้อย และตนยังมองอีกว่ากระท่อมจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าจับตามองในอนาคตสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้เป็นอย่างดี
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",30/3/2022,ภาคใต้,สตูล,สวท.สตูล,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330111218458 สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดตรังจัดดำเนินโครงการพัฒนาเกษตรแม่นยำสู่ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม ระยะที่ 2,"
นายจรูญศักดิ์ สุขขุม เกษตรและสหกรณ์จังหวัดตรัง เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญการยกระดับการบริหารจัดการสินค้าเกษตรที่มีประสิทธิภาพ ตามนโยบาย ตลาดนำการผลิต โดยเร่งผลักดันให้เกษตรกรทำการเกษตรแบบรวมกลุ่มผลิตและสร้างความเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิต การตลาด และโลจิสติกส์สินค้าเกษตรระหว่างเกษตรกรกับบริษัท รับซื้อผลผลิต ที่ผ่านการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรยังมีข้อจำกัด คือ เกษตรกรไม่มีตลาดรับซื้อที่แน่นอนและการพัฒนาภาคการเกษตรยังไม่เชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงได้ร่วมกันจัดทำแผนความร่วมมือระหว่างกัน โดยดำเนินโครงการพัฒนาเกษตรแม่นยำสู่ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมในพื้นที่เป้าหมาย 2 ล้านไร่ ระยะเวลาดำเนินการปีงบประมาณ 2564-2566 ภายใต้การดำเนินงานของคณะกรรมการส่งเสริมการใช้ปัจจัยการผลิตที่เหมาะสม เพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร และคณะทำงานจัดทำแนวทางการส่งเสริมการใช้ปัจจัยการผลิตและการปลูกพืชที่เหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่
ทั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและสนับสนุนให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่มและบริหารจัดการแผนการผลิตสินค้าเกษตรร่วมกับกลุ่มบริษัทรับซื้อผลผลิต โดยมีตลาดที่เป็นอุตสาหกรรมรองรับผลผลิตที่แน่นอน เกษตรกรสามารถผลิตสินค้าเกษตรได้ตามความต้องการของบริษัทรับซื้อผลผลิตทั้งด้านปริมาณ คุณภาพ และช่วงเวลาการรับซื้อผลผลิต ซึ่งเป้าหมายการดำเนินงานเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่ผลิตสินค้าตามเป้าหมายของอุตสาหกรรมที่ห่างจากแหล่งรับซื้อผลผลิตในระยะรัศมี 100 กิโลเมตร เพื่อลดภาระต้นทุนการจัดการด้านโลจิสติกส์ของเกษตรกรและผู้ประกอบการ การดำเนินโครงการพัฒนาเกษตรแม่นยำสู่ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม ระยะที่ 2 สำหรับจังหวัดตรังบริษัทวู้ดเวอร์ค ฟาร์ม จำกัด อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง มีความประสงค์รับซื้อผลผลิตได้แก่ ผักสลัด (กรีนโอ๊ค,เรดโอ๊ด,กรีนคอส,ฟิลเลย์) ผักไทย (กวางตุ้ง,คะน้า) และผักเคล ในพื้นที่รัศมี 100 กิโลเมตร ใน 4 จังหวัด ได้แก่ ตรัง กระบี่ พัทลุง และนครศรีธรรมราช
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",30/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330113228469 สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดตรังจัดดำเนินโครงการพัฒนาเกษตรแม่นยำสู่ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม ระยะที่ 2,"นายจรูญศักดิ์ สุขขุม เกษตรและสหกรณ์จังหวัดตรัง เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญการยกระดับการบริหารจัดการสินค้าเกษตรที่มีประสิทธิภาพ ตามนโยบาย ตลาดนำการผลิต โดยเร่งผลักดันให้เกษตรกรทำการเกษตรแบบรวมกลุ่มผลิตและสร้างความเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิต การตลาด และโลจิสติกส์สินค้าเกษตรระหว่างเกษตรกรกับบริษัท รับซื้อผลผลิต ที่ผ่านการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรยังมีข้อจำกัด คือ เกษตรกรไม่มีตลาดรับซื้อที่แน่นอนและการพัฒนาภาคการเกษตรยังไม่เชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงได้ร่วมกันจัดทำแผนความร่วมมือระหว่างกัน โดยดำเนินโครงการพัฒนาเกษตรแม่นยำสู่ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมในพื้นที่เป้าหมาย 2 ล้านไร่ ระยะเวลาดำเนินการปีงบประมาณ 2564-2566 ภายใต้การดำเนินงานของคณะกรรมการส่งเสริมการใช้ปัจจัยการผลิตที่เหมาะสม เพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร และคณะทำงานจัดทำแนวทางการส่งเสริมการใช้ปัจจัยการผลิตและการปลูกพืชที่เหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่
ทั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและสนับสนุนให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่มและบริหารจัดการแผนการผลิตสินค้าเกษตรร่วมกับกลุ่มบริษัทรับซื้อผลผลิต โดยมีตลาดที่เป็นอุตสาหกรรมรองรับผลผลิตที่แน่นอน เกษตรกรสามารถผลิตสินค้าเกษตรได้ตามความต้องการของบริษัทรับซื้อผลผลิตทั้งด้านปริมาณ คุณภาพ และช่วงเวลาการรับซื้อผลผลิต ซึ่งเป้าหมายการดำเนินงานเป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่ผลิตสินค้าตามเป้าหมายของอุตสาหกรรมที่ห่างจากแหล่งรับซื้อผลผลิตในระยะรัศมี 100 กิโลเมตร เพื่อลดภาระต้นทุนการจัดการด้านโลจิสติกส์ของเกษตรกรและผู้ประกอบการ การดำเนินโครงการพัฒนาเกษตรแม่นยำสู่ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม ระยะที่ 2 สำหรับจังหวัดตรังบริษัทวู้ดเวอร์ค ฟาร์ม จำกัด อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง มีความประสงค์รับซื้อผลผลิต ได้แก่ ผักสลัด (กรีนโอ๊ค,เรดโอ๊ด,กรีนคอส,ฟิลเลย์) ผักไทย (กวางตุ้ง,คะน้า) และผักเคล ในพื้นที่รัศมี 100 กิโลเมตร ใน 4 จังหวัด ได้แก่ ตรัง กระบี่ พัทลุง และนครศรีธรรมราช
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",30/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330113524473 จังหวัดตรัง จัดพิธีมอบโล่รางวัลสหกรณ์ดีเด่นระดับภาค ประจำปี 2565 แก่สหกรณ์การเกษตรนาโยง จำกัด,นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัลสหกรณ์ดีเด่นระดับภาค ประจำปี 2565 จำนวน 1 ราย ณ ห้องพระยารัษฎา ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดตรัง
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายให้ส่วนราชการในสังกัดดำเนินการคัดเลือกเกษตรกร สถาบันเกษตรกรและสหกรณ์ ที่มีผลงานดีเด่นในแต่ละสาขาอาชีพ/ประเภทที่กำหนดเป็นเกษตรกร สถาบันเกษตรกร และสหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ เพื่อยกย่องประกาศเกียรติคุณและเผยแพร่ผลงานดีเด่นของเกษตรกร สถาบันเกษตรกรและสหกรณ์ ให้ปรากฏต่อสาธารณชน และเป็นแบบอย่างแก่เกษตรกร สถาบันเกษตรกร และสหกรณ์อื่น ๆ รวมทั้งการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานของสถาบันเกษตรกร และสหกรณ์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
โดยเกษตรกร สถาบันเกษตรกรและสหกรณ์ ที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกจะได้เข้าเฝ้ารับพระราชทานโล่รางวัลในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญประจำปี 2565 ณ พลับพลาที่ประทับมณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้กำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกตามแนวทางประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่กำหนด 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.ความคิดริเริ่ม 2.ความสามารถในการบริหารและการจัดการสถาบัน 3.บทบาทและการมีส่วนร่วมของสมาชิกต่อสถาบัน 4.ความมั่นคงและฐานะทางเศรษฐกิจของสถาบัน 5.การทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์และการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งกำหนดขั้นตอนการคัดเลือกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรดีเด่นไว้ 3 ระดับ คือ ระดับจังหวัด ระดับภาค และระดับชาติ
บัดนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้พิจารณาคัดเลือกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรดีเด่นระดับภาค ประจำปี 2565 เสร็จเรียบร้อยแล้ว สหกรณ์ดีเด่นระดับภาค ประจำปี 2565 ประเภทสหกรณ์การเกษตรภาคใต้ ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรนาโยง จำกัด
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,30/3/2022,ภาคใต้,ตรัง,สวท.ตรัง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330114641486 จังหวัดตราด มอบใบประกาศเกียรติคุณเกษตรกร บุคคลทางการเกษตร และสถาบันเกษตรกรดีเด่น ระดับจังหวัด ประจำปี 2565,"นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานมอบใบประกาศเกียรติคุณเกษตรกร บุคคลทางการเกษตร และสถาบันเกษตรกรดีเด่น ระดับจังหวัด ประจำปี 2565 ซึ่งสำนักงานเกษตรจังหวัดตราดจัดขึ้น ในโอกาสการประชุมคณะกรมการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดตราด ครั้งที่ 3/2565 ที่ห้องประชุมพลอยแดง ศาลากลางจังหวัดตราด
ทั้งนี้ตามที่จังหวัดตราด ได้ดำเนินการคัดเลือกเกษตรกร บุคคลทางการเกษตร และสถาบันเกษตรกรดีเด่น ระดับจังหวัด ประจำปี 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคัดเลือกเกษตรกร บุคคลทางการเกษตร และสถาบันเกษตรกรดีเด่น ระดับจังหวัด ประจำปี 2565 เพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นตัวแทนเขต ในการคัดเลือกฯ ระดับประเทศ ในส่วนของจังหวัดตราดคัดเลือกเสร็จสิ้นแล้ว จึงได้มีการจัดให้มีการมอบรางวัลในครั้งนี้ขึ้น ประกอบด้วย
เกษตรกรสาขาอาชีพทำสวน อันดับที่ 1 ได้แก่ นายเฉลิมพล ทัศมากร ตำบลเกาะช้าง อันดับที่ 2 นายคมญ์คริษฐ์ กล่อมสังข์ ตำบลไม้รูด อันดับที่ 3 นายพรหม ฉัยยากูล ตำบลแสนตุ้ง
เกษตรกรสาขาอาชีพทำไร่ รางวัลชมเชย นายศรชัย หงส์ตะนุ ตำบลห้วยแร้ง และนางสาวจัสมิน มะลิวัลย์ ตำบลคลองใหญ่
เกษตรกรสาขาอาชีพไร่นาสวนผสม อันดับที่ 1 ได้แก่ นายภาสกร เขียวขจี ตำบลหนองคันทรง อันดับที่ 2 นายเชาวลิตร ชูอำไพ ตำบลสะตอ และอันดับที่ 3 นายสุรินทร์ ปาทะคุณ ตำบลด่านชุมพล
สมาชิกยุวเกษตรกร อันดับที่ 1 ได้แก่ นายวุฒิชัย กาญจนานิล สมาชิกกลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนแหลมงอบวิทยาคม อันดับที่ 2 นายภูวดล จันทนาวสาร สมาชิกกลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนเขาน้อยวิทยาคม และอันดับที่ 3 เด็กหญิงณัฐนิชา พรมสา สมาชิกกลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนคีรีศรีสาครวิทยา
ที่ปรึกษากลุ่มยุวเกษตรกร อันดับที่ 1 ได้แก่ นายภาสกร ศรภักดีธนากิจ ที่ปรึกษากลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนแหลมงอบวิทยาคม อันดับที่ 2 นายสุรักษ์ สุทธิพิบูลย์ ที่ปรึกษากลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนเขาน้อยวิทยาคม และอันดับที่ 3 ดาบตำรวจเจริญ ดีชัย ที่ปรึกษากลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านเขาฉลาด
กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร อันดับที่ 1 ได้แก่ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านปากพีด ตำบลห้วยแร้ง อันดับที่ 2 กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านคลองจาก ตำบลคลองใหญ่ และอันดับที่ 3 กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรทับทิมสยาม 01 ตำบลด่านชุมพล
และกลุ่มยุวเกษตรกร อันดับที่ 1 ได้แก่ กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนแหลมงอบวิทยาคม อันดับที่ 2 กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านเขาฉลาด และอันดับที่ 3 กลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านโขดทราย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",30/3/2022,ภาคตะวันออก,ตราด,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330115059492 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยข่าวดี ทุเรียนไทยส่งถึงจีนสำเร็จ พร้อมเดินหน้ายกระดับด่านตรวจพืชตามมาตรฐาน GAP กวดขันตรวจเข้มทั้งส่งออก-นำเข้า,นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า วันนี้ ได้รับรายงานจากกรมวิชาการเกษตรว่า ทุเรียนของไทยส่งถึงประเทศจีนสำเร็จแล้ว และผ่านการตรวจสอบจากจีนว่าปลอดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร กระทรวงสาธารณสุข และจังหวัดจันทบุรี ร่วมกันทำ GAP+ ที่ปฏิบัติตามมาตรการการส่งออกผลไม้ไปจีน ทำให้วันนี้ล้งที่ผ่านการฝึกอบรมจากกรมวิชาการเกษตร ทั้งการพ่นยา การตรวจศัตรูพืช สามารถส่งออกไปถึงจีนได้สำเร็จ ถือเป็นข่าวดีของประเทศไทยและเกษตรกรชาวสวนทุกคน แม้ก่อนหน้านี้มีกระแสว่าทุเรียนของไทยไม่สามารถส่งออกไปจีนได้ ขอเกษตรกรอย่าเชื่อข่าวบิดเบือนดังกล่าว วันนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าทุเรียนประเทศไทยมีคุณภาพมาตรฐาน ปฏิบัติตามมาตรการ Zero Covid อย่างเข้มงวด จนเป็นที่ยอมรับของจีน ในส่วนของด่านตรวจพืช กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ได้ให้ความสําคัญ และต้องการที่จะยกระดับมาตรฐานการทํางานให้มีความสามารถในการตรวจสอบศัตรูพืช และสารพิษตกค้าง รวมถึงการเชื่อมโยงการทํางานร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องมากขึ้น
สําหรับด่านตรวจพืชจันทบุรีแห่งนี้ มีหน้าที่ตรวจสอบศัตรูพืช และตรวจปิดตู้ผลไม้เพื่อการส่งออกไปยังประเทศปลายทาง ให้ปลอดจากศัตรูพืชและเชื้อ Covid-19 เพื่อไม่ให้มีการแจ้งเตือนจากประเทศปลายทาง ดังนั้น กรมวิชาการเกษตร จึงจัดให้มีพิธีเปิดอาคารสํานักงานของด่านตรวจพืชจันทบุรี ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพัฒนาด่านตรวจพืชให้มีมาตรฐาน ในการรองรับโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ได้กํากับดูแล ควบคุมการนําเข้า-ส่งออกพืช โดยมีด่านตรวจพืช จํานวนทั้งสิ้น 48 แห่งทั่วประเทศ เพื่อทําหน้าที่การตรวจสอบพืช ผลิตผลพืช และวัสดุการเกษตรที่นําเข้า เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดของศัตรูพืชจากการเคลื่อนย้ายพืช และเพื่อเป็น การสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าของไทยไม่ให้มีการระบาดของศัตรูพืชจากต่างประเทศ เข้ามาในประเทศ และเพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายสินค้าตลอด 24 ชั่วโมงในอนาคต
,30/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330135057528 คพ. เร่งสร้างเครือข่ายอาสาสมัครเฝ้าระวังติดตามปัญหาการลักลอบทิ้งกากของเสียอันตรายในพื้นที่เสี่ยง 12 จังหวัด,"กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เร่งสร้างเครือข่ายอาสาสมัครเฝ้าระวังติดตามปัญหาการลักลอบทิ้งกากของเสียอันตรายในพื้นที่เสี่ยง 12 จังหวัด หลังพบช่วง 10 ปีเกิดการลักลอบทิ้งกากของเสียที่เป็นอันตรายเกือบ 80 ครั้ง
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้เตรียมความพร้อมให้เครือข่ายจัดทำทำเนียบเครือข่าย ช่องทางการติดต่อ คู่มือการทำงาน พร้อมจะอบรมเพิ่มและทบทวนสร้างองค์ความรู้ให้กับเครือข่ายเป็นระยะ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงการลักลอบทิ้งกากของเสียอันตราย 12 จังหวัด คือ ระยอง ฉะเชิงเทรา ชลบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปราจีนบุรี สระบุรี สระแก้ว นครราชสีมา ลพบุรี เพชรบุรี และราชบุรี โดยให้แนวทางการทำงานและเน้นประเด็นสำคัญกรณีเกิดสถานการณ์มลพิษต้องหยุดยั้งมลพิษให้รวดเร็ว แล้วสืบสวนหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบต้องได้รับการเยียวยา มีการเรียกร้องค่าเสียหาย มีการเชื่อมโยงข้อมูลการขนส่งกากของเสียกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อเป็นข้อมูลติดตามผู้กระทำความผิด ซึ่ง คพ. อยู่ระหว่างการปรับปรุงพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 เพื่อให้มีอำนาจและกฎหมายรองรับ พร้อมเน้นให้เครือข่ายอาสาสมัครฯร่วมเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังการลักลอบทิ้งกากของเสียอันตราย แต่ต้องดูแลความปลอดภัยของตนเองด้วยขณะปฏิบัติงาน
ทั้งนี้ จากสถิติการลักลอบทิ้งกากของเสียที่เป็นอันตรายรวบรวมไว้ในรอบ 10 ปี ระหว่างปี 2555 - 2564 พบมากถึง 79 ครั้ง สูงสุดอยู่ที่ภาคตะวันออก 45 ครั้ง , ภาคกลาง 21 ครั้ง และภาคตะวันตก 8 ครั้ง เนื่องจากเป็นแหล่งอุตสาหกรรม ทำให้สารเคมีอันตรายแพร่กระจายสู่สิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหากลิ่น การปนเปื้อนของดิน แหล่งน้ำผิวดิน ระบบน้ำใต้ดิน ระบบนิเวศส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัยและการประกอบอาชีพของประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาตรวจสอบหาผู้กระทำผิดยาวนานและมีค่าใช้จ่ายการบำบัดและฟื้นฟูพื้นที่ปนเปื้อนเป็นจำนวนมาก
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวย้ำว่า เครือข่ายภาคประชาชนได้ขอให้หน่วยงานภาครัฐตรวจสอบเร่งสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด จัดการกับกากของเสียและฟื้นฟูให้รวดเร็วเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม มีบทลงโทษทางสังคมกับผู้กระทำความผิด มีระบบข้อมูลการตรวจสอบย้อนกลับของสารเคมีและกากของเสียจากโรงงาน ผลักดันการจัดตั้งกองทุนการจัดการกากของเสียอันตรายและฟื้นฟูพื้นที่ปนเปื้อน การออกกฎระเบียบกำหนดพื้นที่เฉพาะ (zoning) สำหรับโรงงานประเภท 101 , 105 และ 106 ให้จัดการกากของเสียภายในจังหวัดและห้ามขนย้ายข้ามจังหวัด รวมทั้ง เร่งรัดออกกฎระเบียบและแนวทางปฏิบัติขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรองรับการจัดการกากของเสียอันตรายจากสถานประกอบการขนาดเล็กที่ไม่เข้าข่ายเป็นโรงงาน ซึ่ง คพ.จะนำข้อเสนอเหล่านี้ไปขับเคลื่อนและปฏิบัติงานร่วมกับอาสาสมัครอย่างใกล้ชิด หากพบเห็นการลักลอบทิ้งกากของเสียอันตรายโทรแจ้ง 1650
",30/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330131708517 จังหวัดชัยนาท จัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565,ณ องค์การบริหารส่วนตำบลท่าฉนวน อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท นายรังสรรค์ ตันเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 เพื่อให้บริการแก่เกษตรกร ในการแก้ไขปัญหาการผลิตด้านการเกษตรได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และสอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร โดยมีเกษตรจังหวัดชัยนาท เกษตรและสหกรณ์จังหวัดชัยนาท หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอมโนรมย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าฉนวน และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เกษตรกรเข้าร่วมงาน
ทั้งนี้ การจัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ครั้งนี้ มีการบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานวิชาการ หน่วยงานส่งเสริม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพัฒนาฟื้นฟูเกษตรกร ให้สามารถทำการผลิตทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยเป็นการปฏิบัติงานในเชิงรุกที่ทำให้เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายที่มีปัญหา ให้ได้รับบริการทางการเกษตร ซึ่งประกอบด้วย การเปิดให้บริการคลินิกเกษตรด้านต่างๆ อาทิ คลินิกดิน คลินิกพืช คลินิกปศุสัตว์ คลินิกประมง คลินิกชลประทาน คลินิกสหกรณ์ คลินิกบัญชี คลินิกกฎหมาย คลินิกข้าว คลินิกส่งเสริมอาชีพ คลินิกเศรษฐกิจการเกษตร คลินิกบริหารศัตรูพืช คลินิกเครื่องจักรกล เป็นต้น โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้บริการจำนวน 24 หน่วยงาน
ส.ปชส.ชัยนาท
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,30/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,ชัยนาท,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชัยนาท,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330135557530 สำนักงานปศุสัตว์อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ตรวจเยี่ยมเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ,สำนักงานปศุสัตว์อำเภอด่านซ้ายนำโดยนายทวีพงศ์ สาระทัศนานันท์ ปศุสัตว์อำเภอด่านซ้ายตรวจเยี่ยม พร้อมให้คำแนะนำการเลี้ยง การให้อาหาร การดูแลสุขภาพสัตว์ การจัดการและเฝ้าระวังป้องกันโรคฯ แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ จำนวน 2 ราย เป็นนายศุภศักดิ์ ภูสถาน บ้านเลขที่ 111 หมู่ที่ 5 ตำบลนาหอ เลี้ยงโคเนื้อ จำนวน 4 ตัว รักษาแม่โคเนื้อ หลังคลอด 1 ตัว และนายอนุชา ษรจันทร์ศรี บ้านเลขที่ 7 หมู่ที่ 8 ตำบลด่านซ้าย เลี้ยงโคเนื้อ จำนวน 2 ตัว ที่บ้านเก่า หมู่ที่ 5 ตำบลนาหอ บ้านหนองฟ้าแลบ และ หมู่ที่ 8 ตำบลด่านซ้าย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,30/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,เลย,สวท.ด่านซ้าย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330145219565 ท่อนพันธุ์มันสำปะหลังดี ปลอดโรคใบด่างมันกว่า 25 ล้านลำ ถึงมือให้เกษตรกรแล้ว,"นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่ มีผลการดำเนินการคือ การกำจัดต้นมันสำปะหลังเป็นโรคใบด่างในพื้นที่ระบาดประมาณ 65,440 ไร่ พร้อมจ่ายค่าชดเชยการทำลายต้นเป็นโรคให้กับเกษตรกรเจ้าของแปลง จำนวน 5,249 ราย การจัดส่งท่อนพันธุ์สะอาดและทนทานต่อโรคใบด่างตามที่เกษตรกรต้องการรวมกว่า 25 ล้านลำ
ขณะนี้ดำเนินการส่งมอบท่อนพันธุ์ถึงมือเกษตรกรครบถ้วนแล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ อาทิ เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากจังหวัดกาญจนบุรี นครราชสีมา สระแก้ว สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยนาท เป็นต้น ซึ่งผลสำเร็จที่เกิดขึ้นภายใต้โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่ ถือเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังมีความห่วงใยและต้องการสร้างความยั่งยืนให้กับพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง จึงมอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร จัดทำแผนปฏิบัติการด้านมาตรการจัดการโรคใบด่างมันสำปะหลังระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 - 2570) และประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสําปะหลัง (เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติให้กับผู้เกี่ยวข้องในการป้องกันกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลังที่ยั่งยืนต่อไป
",30/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330145646580 จังหวัดลำปางเตรียมความพร้อม 3 มาตรการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง ปี 2564/65,"
นางสาวรตนพร กิติกาศ เกษตร?และ?สหกรณ์?จังหวัด?ลำ?ปาง? เปิดเผยว่า ศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรระดับจังหวัด ซึ่งมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานบูรณาการที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นคณะกรรมการบริหาร โดยมีเกษตรและสหกรณ์จังหวัดลำปาง เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ ได้จัดทำแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการเกษตรในช่วงภัยแล้ง ปี 2564/65 เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินงานของส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร เพื่อเตรียมการให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง ให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย มาตรการดำเนินการ 3 มาตรการ คือ มาตรการก่อนเกิดภัย มาตรการขณะเกิดภัย และมาตรการหลังเกิดภัย ประกอบด้วย
ด้านพืช แจ้งให้สำนักงานเกษตรอำเภอทุกอำเภอ เตรียมความพร้อมในการดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรที่อาจประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน โดยให้ติดตามข้อมูลข่าวสาร การพยากรณ์อากาศ สภาพภูมิอากาศ เพื่อประเมินสถานการณ์พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารและแจ้งเตือนภัยให้เกษตรกรทราบเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยพิบัติฯ ทำการปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ให้คำแนะนำทางด้านวิชาการ และเน้นย้ำให้เกษตรกรปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย และการป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่เหมาะสม รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรที่ปลูกไม้ผลไม้ยืนต้นรักษาความชุ่มชื้นรอบโคนต้น โดยใช้หญ้าแห้ง หรือเศษใบไม้ ปิดบริเวณโคนต้น การตัดแต่งกิ่งเพื่อลดการคายน้ำ และแนะนำให้เกษตรกรที่ปลูกไม้ผลไม้ยืนต้นใช้การจัดทำระบบน้ำหยดด้วยขวดพลาสติก เพื่อแก้ไขและบรรเทาปัญหาไม้ผลไม้ยืนต้นเสี่ยงยืนต้นตาย
ด้านประมง แจ้งให้เกษตรกรขึ้นทะเบียนด้านประมงกับหน่วยงานของกรมประมงก่อนเกิดภัยพิบัติ และมีแจ้งเตือนภัยกับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ทราบถึงช่วงระยะเวลาหรือภาวะภัยที่จะมาถึง เพื่อสามารถเตรียมตัวรับสถานการณ์ หาวิธีการป้องกันทางสื่อต่างๆ รวมทั้งให้เกษตรกรติดตามข่าวสารพยากรณ์อากาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ และต้องมีความระมัดระวังโรคระบาดสัตว์น้ำในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ตลอดจนให้คำแนะนำทางวิชาการต่างๆ เช่น ข้อควรปฏิบัติในการเลี้ยงสัตว์น้ำในช่วงฤดูแล้ง ทั้งกรณีที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อดิน และกรณีที่เลี้ยงสัตว์น้ำในกระชัง
ด้านปศุสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดลำปางได้แจ้งให้ปศุสัตว์อำเภอทุกอำเภอประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ให้เกษตรกรทราบอย่างต่อเนื่อง ได้เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย เช่น สำรองเสบียงอาหารสัตว์ (หญ้าแห้ง) จำนวน 14 ตัน ยาปฏิชีวนะละลายน้ำ จำนวน 1,000 ซอง ยาฉีด จำนวน 200 ขวด วัคซีนสำหรับสัตว์ทุกชนิด 200,000 โดส
ด้านพัฒนาที่ดิน สถานีพัฒนาทีดินลำปางได้ดำเนินโครงการแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในพื้นที่จังหวัดลำปาง เพื่อให้เกษตรกรมีแหล่งน้ำในการทำการเกษตรในช่วงภัยแล้ง จำนวน 183 บ่อ กระจายในพื้นที่ 11 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเถิน 31 บ่อ, อำเภอวังเหนือ 30 บ่อ, อำเภอแม่ทะ 27 บ่อ, อำเภอห้างฉัตร 24 บ่อ, อำเภอเมืองลำปาง 18 บ่อ, อำเภองาว 18 บ่อ, อำเภอเกาะคา 14 บ่อ, อำเภอแม่พริก 9 บ่อ, อำเภอเสริมงาม 6 บ่อ, อำเภอสบปราบ 4 บ่อ และอำเภอเมืองปาน 2 บ่อ สถานการณ์น้ำลุ่มน้ำวัง ปัจจุบันและแผนการจัดสรรน้ำภัยแล้ง ปี 2565 (ข้อมูล ณ วันที่ 23 มีนาคม 2565) มีปริมาณน้ำเก็บกักภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี เฉลี่ย 67.25 % ปริมาณน้ำเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศน์ ตลอดภัยแล้งถึงต้นฤดูฝน รวมทั้งการเตรียมแปลงตกกล้า ข้าวนาปี 2565 ทั้งนี้ ยังมีมาตรการป้องกันและสนับสนุน โดยสำนักงานชลประทานที่ 2 มี 2 มาตรการ คือ การจ้างแรงงานเพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรในเขตจังหวัดลำปาง จำนวน 1,862 คน จำนวน 141 โครงการ และเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือเพื่อช่วยเหลือภัยแล้ง เช่น เครื่องสูบน้ำ 37 เครื่อง รถบรรทุกน้ำ 6 คัน รถบรรทุกติดเครน 3 - 5 ตัน 5 คัน รถบรรทุก 6 ตัน 4 คัน รถบรรทุกเทท้าย 10 คัน และ รถขุด 4 คัน
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",30/3/2022,ภาคเหนือ,ลำปาง,สวท.ลำปาง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330144418554 เกษตรยะลา ให้ความรู้ โรคเหี่ยวกล้วย งานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day),วันนี้ 30 มีนาคม 2565 นายกัสมัน ยะมาแล เกษตรจังหวัดยะลา มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดยะลา จัดนิทรรศการวิชาการโรคเหี่ยวกล้วย ในงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day) ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรอำเภอเมืองยะลา หมู่ที่ 2 ตำบลลำพะยา อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา โดยมีนายธราวุธ ช่วยเกิด นายอำเภอเมืองยะลา เป็นประธานเปิดงาน
สำหรับกิจกรรมที่ให้บริการ ได้แก่ บริการคลินิกพืช ให้ความรู้คำแนะนำการป้องกันกำจัดโรคเหี่ยวกล้วย โดยวิธีผสมผสาน รวมทั้งการผลิตขยายเชื้อบีเอส เพื่อใช้ในแปลงกล้วย ทั้งนี้มีเกษตรกรเข้ารับบริการ จำนวน 40 ราย สนใจเข้าเรียนรู้และนำไปปฏิบัติในแปลงได้ เกษตรเมือง ยะลา
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,30/3/2022,ภาคใต้,ยะลา,สทท.ยะลา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330162611636 รมช.มนัญญา ลงพื้นที่สร้างความมั่นใจเกษตรกรชาวสวนผลไม้จันทบุรี,รมช.มนัญญา ลงพื้นที่สร้างความมั่นใจเกษตรกรชาวสวนผลไม้ที่จันทบุรี พร้อมเปิดเผยข่าวดี ทุเรียนไทยส่งถึงจีนสำเร็จ ขณะที่กระทรวงเกษตรฯ ยกระดับด่านตรวจพืชตามมาตรการ Zero Covid
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ติดตามความคืบหน้า รับทราบปัญหา อุปสรรค สร้างความมั่นใจแก่เกษตรกรชาวสวนผลไม้ในการส่งออกผลไม้กระจายไปยังตลาดปลายทางทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดย นายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีนำหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร ผู้ประกอบการส่งออกผลไม้ ให้การต้อนรับ
โอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในวันนี้ เวลา 10.00 น. ได้รับรายงานจากกรมวิชาการเกษตรว่า ทุเรียนของไทยส่งถึงประเทศจีนสำเร็จแล้ว และผ่านการตรวจสอบจากจีนว่าปลอดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร กระทรวงสาธารณสุข และจังหวัดจันทบุรี ร่วมกันทำ GAP+ ที่ปฏิบัติตามมาตรการการส่งออกผลไม้ไปจีน ทำให้วันนี้ล้งที่ผ่านการฝึกอบรมจากกรมวิชาการเกษตร ทั้งการพ่นยา การตรวจศัตรูพืช สามารถส่งออกไปถึงจีนได้สำเร็จ ถือเป็นข่าวดีของประเทศไทยและเกษตรกรชาวสวนทุกคน แม้ก่อนหน้านี้มีกระแสว่าทุเรียนของไทยไม่สามารถส่งออกไปจีนได้ ขอเกษตรกรอย่าเชื่อข่าวบิดเบือนดังกล่าว วันนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าทุเรียนประเทศไทยมีคุณภาพมาตรฐาน ปฏิบัติตามมาตรการ Zero Covid อย่างเข้มงวด จนเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ
โอกาสนี้ รมช.มนัญญา เป็นประธานพิธีมอบพันธุ์พืช ชีวภาพและชีวภัณฑ์ จากกรมวิชาการเกษตร เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมพรรษา 67 พรรษา วันที่ 2 เมษายน 2565 และพิธีเปิดอาคารสํานักงานด่านตรวจพืชจันทบุรี ณ ด่านตรวจพืชจันทบุรี ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้ความสําคัญในการผลิตและการส่งออกผลไม้ของภาคตะวันออก จากสถานการณ์ความเข้มงวดของประเทศจีนในด้านสุขอนามัยพืชและการปนเปื้อนของเชื้อ Covid-19 จึงมอบหมายให้กรมวิชาการเกษตรจัดทํามาตรฐาน GAP Plus และ GMP Plus เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดสินค้าผลไม้ไทย ซึ่งผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุ ได้มีการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานด้านกระบวนการผลิตและให้ความสำคัญกับมาตรการ Zero Covid มากขึ้น
รมช.มนัญญา กล่าวว่า ในส่วนของด่านตรวจพืช กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ได้ให้ความสําคัญ และต้องการที่จะยกระดับมาตรฐานการทํางานให้มีความสามารถในการตรวจสอบศัตรูพืช และสารพิษตกค้าง รวมถึงการเชื่อมโยงการทํางานร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องมากขึ้น สําหรับด่านตรวจพืชจันทบุรีแห่งนี้ มีหน้าที่ตรวจสอบศัตรูพืช และตรวจปิดตู้ผลไม้เพื่อการส่งออกไปยังประเทศปลายทาง ให้ปลอดจากศัตรูพืชและเชื้อ Covid-19 เพื่อไม่ให้มีการแจ้งเตือนจากประเทศปลายทาง ดังนั้น กรมวิชาการเกษตร จึงจัดให้มีพิธีเปิดอาคารสํานักงานของด่านตรวจพืชจันทบุรี ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพัฒนาด่านตรวจพืชให้มีมาตรฐาน ทั้งด้านสถานที่ปฏิบัติงาน เครื่องมืออุปกรณ์และห้องปฏิบัติการ รวมถึงการพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถในการปฏิบัติงานและเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ด่านศุลกากร ด่านตรวจสัตว์ และประมง ในการรองรับโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) หรือ EEC
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรมีภารกิจในการกํากับดูแล ควบคุมการนําเข้า-ส่งออกพืช โดยมีด่านตรวจพืช จํานวนทั้งสิ้น 48 แห่งทั่วประเทศ เพื่อทําหน้าที่การตรวจสอบพืช ผลิตผลพืช และวัสดุการเกษตรที่นําเข้า และส่งออกตาม พ.ร.บ.กักพืช พ.ร.บ. วัตถุอันตราย พ.ร.บ.ปุ๋ย พ.ร.บ. พันธุ์พืช พ.ร.บ.ยาง และ พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดของศัตรูพืชจากการเคลื่อนย้ายพืช และเพื่อเป็น การสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าของไทยไม่ให้มีการระบาดของศัตรูพืชจากต่างประเทศ เข้ามาในประเทศ และเพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายสินค้าตลอด 24 ชั่วโมงในอนาคต ทําให้ต้องพัฒนาด่านตรวจพืชให้ได้มาตรฐาน เชื่อมโยงข้อมูลการปฏิบัติงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกรมศุลกากร โดยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์และระบบ National Single Window (NSW) และการตรวจสอบสินค้า โดยเฉพาะทุเรียนสดส่งออกไปจีน ซึ่งมีข้อตกลงตามพิธีสาร ภายใต้มาตรการสุขอนามัยพืช กรมวิชาการเกษตรได้ปรับเปลี่ยนคําขอใบรับรองสุขอนามัยพืชเป็นแบบบันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ e Phyto เพื่อรองรับการ แลกเปลี่ยนข้อมูลกับทางการจีนในอนาคต
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,30/3/2022,ภาคตะวันออก,จันทบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330173217650 จ.จันทบุรี เปิดฤดูกาลมังคุดจันท์พร้อมกระจายมังคุดคุณภาพจากสวนสู่ผู้บริโภค,"จ.จันทบุรี แถลงข่าวเปิดฤดูกาลมังคุดจันท์พร้อมกระจายมังคุดคุณภาพจากสวนสู่ผู้บริโภค ผ่านไปรษณีย์ไทย
ที่บริเวณลานอเนกประสงค์ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดจันทบุรี นายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร พร้อมด้วย พาณิชย์จังหวัด เกษตรจังหวัด ผู้แทนวิสาหกิจชุมชน ผู้แทนเกษตรกรผู้จัดการไปรษณีย์จังหวัดจันทบุรีได้ร่วมแถลงข่าวเปิดฤดูกาล ""มังคุดจันห์"" คุณภาพจากสวนสู่ผู้บริโภค ทั้งนี้ผลผลิตมังคุดของเกษตรกรจังหวัดจันทบุรี ในปีนี้มีพื้นที่ยืนต้น 127,695 ไร่ มีพื้นที่ให้ผล 126,156 ไร่ คาดว่าจะมีปริมาณผลผลิต 145,079 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 73,384 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 103 ผลผลิตจะออกมากในช่วงเดือนพฤษภาคม คิดเป็นร้อยละ 43.48 ประมาณ 55,675 ตัน รองลงมาเดือนมิถุนายนคิดเป็นร้อยละ 29.56 พื้นที่ปลูกแหล่งใหญ่ ได้แก่ อำเภอท่าใหม่ ขลุง เขาคิชฌกูฎ และมะขาม จังหวัดจันทบุรี โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัด สำนักงานเกษตรจังหวัด วิสาหกิจชุมชนมังคุดแปลงใหญ่คิชฌกูฏ และวิสาหกิจชุมชนหุ้นส่วนมังคุดจันทบุรี ร่วมกับไปรษณีย์ไทย ได้มีแผนกระจายผลผลิตสู่ผู้บริโภคในจังหวัดต่างๆ จึงขอจัดส่ง ""มังคุดจันท์"" ไปให้เครือข่ายเซลล์แมนพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ(ยกเว้นจังหวัดแหล่งผลิตมังคุดภาคใต้ ได้ลองรับประทานมังคุดคุณภาพจากจันทบุรี เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพ ""มังคุดจันท์"" คัดสรรคุณภาพทุกลูก ไม่ตก(ดิน) ไม่แตก ยางไม่ไหล
นอกจากนี้ ยังได้มีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เป็นลังพลาสติก สะดวกในการขนส่ง สามารถวางทับซ้อนกันได้ รักษาคุณภาพมังคุดได้เป็นอย่างดีจนถึงมือผู้บริโภค โดยบรรจุลังละ 7 กิโลกรัม สำหรับราคาเป็นไปตามกลไกตลาดในแต่ละช่วงเวลาทั้งนี้ จังหวัดจันทบุรีขอความร่วมมือเครือข่ายเซลล์แมนพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ช่วยประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ประกอบการค้าและผู้บริโภคให้มั่นใจในคุณภาพ ""มังคุดจันท์"" และรวบรวมคำสั่งซื้อจัดส่งให้จังหวัดจันทบุรีเพื่อจัดส่ง ""มังคุดจันท์"" คุณภาพจากสวนสู่ผู้บริโภค โดยสามารถสั่งผ่านสำนักงานพาณิชย์จังหวัดจันทบุรี สำนักงานเกษตรจังหวัด หรือ บริษัทไปรษณีย์ไทยจำกัดสาขาจันทบุรี รับรองคุณภาพ และราคายุติธรรม
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",30/3/2022,ภาคตะวันออก,จันทบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330182258661 เพิ่มพื้นที่สีเขียวในวัด โรงเรียน ชุมชน สนับสนุนการปลูกพืชผักสวนครัว ไม้ผล ไม้ยืนต้น เน้นการใช้อินทรียวัตถุ,นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่วัด ณ ธรรมสถานวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก กรุงเทพมหานคร ว่า การพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่วัดเพื่อผลิตอาหารเพียงพอปลอดภัยให้กับชุมชนในเมืองใกล้วัดและโรงเรียน เพื่อสร้างเป็นอาหาร เป็นยารักษาโรคและสร้างรายได้ รวมถึงเพิ่มพื้นที่สีเขียวสอดคล้องกับ BCG โมเดล ประกอบด้วย 3 เศรษฐกิจหลัก ด้วยความคำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
การดำเนินงานปรับปรุงพื้นที่ในโรงเรียนและวัด จะช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวในรูปแบบการปลูกพืชผักสวนครัว ไม้ผล ไม้ยืนต้น เน้นการใช้อินทรียวัตถุ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสดและปุ๋ยชีวภาพ ในการปรับปรุงบำรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ เพื่อให้ต้นพืชมีความแข็งแรงสามารถต้านทานโรคและแมลงด้วยตนเอง รวมถึงการนำเอาภูมิปัญญาชาวบ้านมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพื่อให้คนในชุมชนสามารถบริโภคผลผลิตพืชผัก ผลไม้ที่ปลอดภัย
อีกทั้งยังไม่ทำลายสภาพแวดล้อม โดยใช้พื้นที่ว่างเปล่าในวัดทำแปลงเกษตรเพื่อให้มีอาหารปลอดภัยให้เด็กนักเรียนและคนในชุมชนได้บริโภค และมีรายได้จากการนำผลผลิตไปจำหน่ายในตลาดชุมชน รวมทั้งสร้างระบบนิเวศที่ดีให้กับวัดและชุมชน รวมถึงให้เป็นศูนย์เรียนรู้แก่ชุมชน และตัวอย่างให้แก่วัดและชุมชนอื่นๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมจะให้การสนับสนุนการดำเนินงานและพร้อมเข้ามาดูแลพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด
ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำชับให้เร่งออกหลักฐานอนุญาตใช้พื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติและการแก้ระเบียบเพิ่มความคล่องตัว หลังชอบการขอใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) รวม 17 คำขอ
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ครั้งที่ 3 ได้กำชับให้กรมป่าไม้เร่งรัดการออกหลักฐานการอนุญาตและการแก้ระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนเร็วที่สุด โดยได้มีมติเห็นชอบการขอใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) และคำขออนุญาตทั่วไปรวม 17 คำขอ เช่น จังหวัดนครพนม ขออนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงหมู ดำเนินโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ต.อุ่มเหม้า อ.พระธาตุพนม จ.นครพนม // กรมชลประทาน ขออนุญาตใช้พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูล้อมข้าวและป่าภูเพ็ก และพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงชมภูพานและป่าดงกะเฌอ ต.ห้วยยาง อ.เมือง จ.สกลนคร ใช้เป็นที่ตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ // สำนักงานพระพุทธศาสนา ขออนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าภูลังกา สร้างวัดที่พักสงฆ์เทพนิมิตรสถิตธรรม ต.หนองซน อ.นาทม จ.นครพนม โดยต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดภายใต้โครงการธรรมจักรสีเขียวอย่างเคร่งครัด และสุดท้าย บริษัท กาญจนบุรี เอ็คซ์โพลเรซั่น แอนด์ ไมนิ่ง (เค็มโก) จำกัด ขออนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาพระฤาษีและป่าเขาบ่อแร่ แปลงที่ 1 เพื่อพัฒนาพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม การอนุรักษ์ และนันทนาการ ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ซึ่งทุกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการเข้าทำประโยชน์ที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ประชุมคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ยังได้เห็นชอบให้แต่งตั้ง นายปรมินทร์ วงศ์สุวัฒน์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองการอนุญาตให้ใช้พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติด้วย
,30/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330165019643 ทุเรียนไทยปลอดเชื้อ Covid-19 ผ่านมาตรฐาน GAP และ GMP,นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังตรวจเยี่ยมสวนกระดุมทอง ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี สำหรับพืชอาหาร (GAP ทุเรียน) จังหวัดจันทบุรี ว่า อยากเชิญชวนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการล้งให้ความสำคัญกับมาตรฐาน GAP และ GMP เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน อีกทั้งยังปลอดภัยต่อตัวเกษตรกรและผู้บริโภค ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งประเทศจีนเป็นคู่ค้าหลักของไทย ได้มีการทำพิธีสารระหว่างกระทรวงที่เกี่ยวข้องกัน 2 ประเทศ ไทย-จีน ผลไม้ไทย 5 ชนิดคือ ทุเรียน มังคุด ลำไย ลิ้นจี่ มะม่วง และของจีน 5 ชนิดคือ แอปเปิ้ล สาลี่ ส้ม พุทรา องุ่น ที่ต้องขึ้นทะเบียนสวนและโรงคัดบรรจุ
จากสถานการณ์ Covid-19 จีนเข้มงวดจริงจังกับมาตรฐานผลไม้สดจากไทย โดยให้ไทยตรวจเข้มในการออกใบรับรองสุขอนามัยพืช ดังนั้นที่สวนทุเรียนของเกษตรกรต้องมี GAP และโรงคัดบรรจุต้องมีมาตรฐาน GMP เพื่อการตรวจสอบย้อนกลับทุเรียนที่มีปัญหาและรับรองมาตรฐานทุเรียนไทยที่ส่งออกตลาดต่างประเทศให้มีคุณภาพ แสดงศักยภาพของทุเรียน/ผลไม้ไทย ที่มีคุณภาพมาตรฐานเหนือกว่าประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนในตอนนี้ ซึ่งปัจจุบันเป็นคู่แข่งขันที่สำคัญ สำหรับสวนกระดุมทองได้ปฏิบัติตามมาตรฐาน GAP พืช การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีในการผลิตทุเรียน เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ปลอดภัยทั้งต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค เพื่อให้กระบวนการผลิตมีคุณภาพและได้มาตรฐาน สามารถตรวจสอบได้ เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ สวนกระดุมทอง ยังได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันเชื้อ Covid-19 ในสวนอย่างเคร่งครัด
นายธานินทร์ จุฑาทิพย์ชาติกุล ปศุสัตว์จังหวัดอำนาจเจริญ เปิดเผยว่า ตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคลัมปีสกินในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ประชาสัมพันธ์เชิงรุก, จัดประชุมชี้แจง, จ.อำนาจเจริญประกาศเขตโรคระบาด 20 พ.ค.64, จัดกิจกรรม kick off, ประกาศกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เรื่อง เขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย (โรคระบาดสัตว์), เข้มงวดในการเคลื่อนย้ายสัตว์ เข้า-ออก, ดำเนินการควบคุมแมลงพาหะนำโรค, กำชับเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในการดูแลรักษาสัตว์ป่วยโดยรักษาตามอาการ พร้อมทั้งให้คำแนะนำเกษตรกรในการดูแลสัตว์อย่างใกล้ชิด, ดำเนินการฉีดวัคซีน
*** สถานการณ์ปัจจุบัน ทยอยหายป่วย และมีตัวตายบ้างเล็กน้อย
การดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรกรณี โค-กระบือ เกิดโรคลัมปีสกิน ตอนนี้อยู่ระหว่างการนำเข้าที่ประชุม ก.ช.ภ.จ.
อัตราการชดเชยตามจริงแต่ไม่เกินรายละ 5 ตัว เป็นเงินสดผ่านบัญชีเงินฝากเกษตรกร
1 อายุน้อยกว่า 6 เดือน โค 13,000 บาท. กระบือ 15,000 บาท
2 อายุ 6 เดือน ถึง 1 ปี โค 22,000 บาท. กระบือ 24,000 บาท
3 อายุ 1 ปี ถึง 2 ปี โค 29,000 บาท. กระบือ 32,000 บาท
4 อายุ 2 ปี โค 35,000 บาท. กระบือ 39,000 บาท
*** ฝากเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ให้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์กับทาง สำนักงานปศุสัตว์อำเภอใกล้บ้านท่าน หากพบสัตว์ป่วยหรือต้องการคำแนะนำในการเลี้ยงสัตว์ ติดต่อขอคำแนะนำได้ที่ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดอำนาจเจริญ สำนักงานปศุสัตว์อำเภอ ปศุสัตว์ตำบล และอาสาปศุสัตว์ใกล้บ้านท่าน
(ข้อมูล ณ วันที่ 4 มีนาคม 2565) ขอความช่วยเหลือจากส่วนกลางแล้ว 55 จังหวัด 64,913 ตัว โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างจัดส่งเอกสารให้กรมปศุสัตว์ 5 จังหวัด และมีการส่งเอกสารขอรับความช่วยเหลือให้กรมปศุสัตว์แล้ว 50 จังหวัด เกษตรกร 59,835 ราย รวมสัตว์ 66,362 ตัว เป็นเงินทั้งสิ้น 1,362,888,330 บาท ให้การช่วยเหลือเกษตรกรแล้วจำนวน 36,949 ราย รวมสัตว์ 41,393 วงเงิน 841,980,500 บาท ใน 47 จังหวัด เป็นการโอนเงินในวันที่ 20 พ.ย. 2564 2 มี.ค. 2565) เกษตรกร 15,015 ราย สัตว์ 17,211 ตัว เป็นเงิน 357,077,500 บาท และ วันที่ 4 มีนาคม 2565 เกษตรกร 21,934 ราย สัตว์ 24,182 ตัว เป็นเงิน 484,903,000 บาท และสามารถปิดภัยได้แล้ว 8 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร มุกดาหาร หนองบัวลำภู อุทัยธานี บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ น่าน และแพร่
สำหรับอัตราการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบโค - กระบือตายจากโรคลัมปี - สกิน ตามหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 ซึ่งมีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2564 นั้น โค ได้ไม่เกินรายละ 5 ตัว อายุน้อยกว่า 6 เดือน 13,000 บาท อายุ 6 เดือนถึง 1 ปี 22,000 บาท อายุมากกว่า 1 ปีถึง 2 ปี 29,000 บาท อายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไป 35,000 บาท ส่วนกระบือ ไม่เกินรายละ 5 ตัว อายุน้อยกว่า 6 เดือน 15,000 บาท อายุ 6 เดือนถึง 1 ปี 24,000 บาท อายุมากกว่า 1 ปีถึง 2 ปี 32,000 บาท อายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไป 39,000 บาท
วันที่ 30 มีนาคม 2565 พื้นที่อำนาจเจริญสรุปการช่วยผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินชนิดโรคลัมปีสกีน 7 อำเภอ จำนวน 1,676 ราย.เป็นวัว 1,789 ตัว. กระบือ 3 ตัว. รวมทั้งหมด 1,792 ตัว. จำนวนเงินช่วยเหลือ 36,364,000 บาท.ในสัปดาห์นี้ จัดโอนเงินช่วยเหลือก่อนมีดังนี้ ปทุมราชวงษา พนา ชานุมาน
เกษตรกรที่ขอรับความช่วยเหลือทั้งหมด 1,676 ราย. 1792 ตัว. (โค 1789 ตัว. กระบือ 3 ตัว.)ช่วยเหลือแล้ว 537 ราย. 579 ตัว ( อ.ปทุมราชวงษา พนา ชานุมาน .)เป็นเงินทั้งสิ้น 12,372,000 บาท. และจะเร่งดำเนิการในส่วนที่คงเหลือให้เร็วที่สุด
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",30/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,อำนาจเจริญ,สวท.อำนาจเจริญ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330194623702 นายอำเภอเมืองศรีสะเกษ ประชุมการขับเคลื่อนงานด้านการเกษตรในระดับพื้นที่โครงการขับเคลื่อนการเกษตร ระดับหมู่บ้านสู่การผลิตสินค้าเกษตรมูลค่าสูง,ที่ห้องประชุมสำนักงานเกษตรอำเภอเมืองศรีสะเกษ นายคมป์ สังข์วงษ์ นายอำเภอเมืองศรีสะเกษ เป็นประธานการประชุมการขับเคลื่อนงานด้านการเกษตรในระดับพื้นที่โครงการขับเคลื่อนการเกษตร ระดับหมู่บ้านสู่การผลิตสินค้าเกษตรมูลค่าสูง
นายอำเภอเมืองศรีสะเกษ กล่าวว่า เพื่อพิจารณาคัดเลือกหมู่บ้านเข้าร่วมโครงการขับเคลื่อนการเกษตรระดับหมู่บ้านสู่การผลิตสินค้าเกษตรมูลค่าสูงและกำหนดแผนดำเนินการ/จัดทำแผนพัฒนาหมู่บ้านและแผนพัฒนาธุรกิจ โดยคณะทำงานฯ ระดับอำเภอ เห็นชอบให้วิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลาส้มบ้านโนน หมู่ที่ 8 ตำบลน้ำคำ เป็นหมู่บ้านสู่การผลิตสินค้าเกษตรมูลค่าสูง ของอำเภอเมืองศรีสะเกษ
ทั้งนี้ มีเกษตรอำเภอเมืองศรีสะเกษ ประมงอำเภอเมืองศรีสะเกษ ผู้แทนปศุสัตว์อำเภอเมืองศรีสะเกษ ผู้แทนพัฒนาการอำเภอเมืองศรีสะเกษ ผู้แทนสาธารณสุขอำเภอเมืองศรีสะเกษ ปลัดอำเภอเมืองศรีสะเกษ ผู้แทนจากสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,30/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ศรีสะเกษ,สวท.ศรีสะเกษ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330205543737 แก้ปัญหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้ถูกทาง เร่งคลายปมทุกอุปสรรค..ก่อนสาย,คำสั่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ตำรวจ กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ สนธิกำลังกันลงพื้นที่ตรวจสอบสต๊อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของ พ่อค้าคนกลาง ทั่วประเทศโดยด่วน เพื่อแก้ปัญหาโรงงานผลิตอาหารสัตว์ไม่สามารถหาซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ หลังจากมีการตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมามีการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวโพดฯ เพื่อขายเข้าสู่ตลาดแล้ว แต่ปริมาณข้าวโพดฯ ในตลาดกลับมีน้อยผิดปกติ ไม่สอดคล้องกับผลผลิตที่พ่อค้ารับซื้อจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด
ผลักดันให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พุ่งขึ้นทุกวัน ซึ่งเข้าข่ายพฤติกรรม การกักตุนสินค้า รวมทั้งเป็นการกดดันภาคผู้ผลิตอาหารสัตว์ให้ต้องจ่ายราคาพิเศษเพิ่มขึ้นอีก ถือเป็น การซ้ำเติมผู้ผลิตอาหารสัตว์และเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่กำลังเดือดร้อน ในสถานการณ์ปัจจุบันอย่างมาก
นายกฯ ย้ำว่า หากพบมีพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนกฎหมาย กักตุนสินค้า ปั่นราคาแพง ฉวยโอกาสทำกำไรในสภาวการณ์ที่ราคาวัตถุดิบสูงในขณะนี้ ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดทุกรายโดยไม่ละเว้น
แม้ว่าทุกหน่วยงานจะรับคำสั่งมาเร่งดำเนินการในทันทีก็ตาม แต่ไม่ได้เป็นการตรวจสต๊อกข้าวโพดฯของพ่อค้าคนกลาง กลับเข้าตรวจสอบสต๊อกของโรงงานผลิตอาหารสัตว์ ที่โดยปกติต้องรายงานสต๊อกข้าวโพดฯ ให้กับทางการทราบเป็นประจำทุกวันที่ 10 ของทุกเดือนอยู่แล้ว จึงไม่รู้ว่าภาครัฐจะเลือกปฏิบัติเช่นนี้ไปถึงเมื่อใด
ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าข้าวโพดอยู่ในมือพ่อค้าคนกลางหมดแล้ว โรงงานผลิตอาหารสัตว์ไม่สามารถหาซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ ราคาสินค้าจึงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์วัตถุดิบราคาแพง จากผลกระทบของความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน สองประเทศผู้เพาะปลูกและส่งออกธัญพืชรายสำคัญของโลก
ที่สำคัญจากข้อมูลของ กรมปศุสัตว์ ยังเห็นชัดเจนว่าปริมาณความต้องการด้านอาหารสัตว์ตามชนิดสินค้าปศุสัตว์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยในปี 2565 นี้มีประมาณ 22.41 ล้านตัน และในปี 2566 คาดว่ามีความต้องการประมาณ 23.27 ล้านตัน โดยอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่เนื้อมีความต้องการใช้อาหารสัตว์มากถึง 40% อุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรต้องการใช้ 34% และอุตสาหกรรมไก่ไข่ต้องการใช้ 11% ทำให้ความต้องการวัตถุดิบอาหารสัตว์หลักๆ ทั้งข้าวโพดเมล็ด กากถั่วเหลือง ปลายข้าว และปลาป่น เพิ่มขึ้นในปี 2565 2566
ในเมื่อปริมาณความต้องการใช้ธัญพืชอาหารสัตว์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ปริมาณผลผลิตกลับลดลงและราคาก็ขยับแพงขึ้นอย่างรุนแรง โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ราคาปรับจากกิโลกรัมละ 8-9 บาท เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา เป็นกิโลกรัมละ 13 บาทในปัจจุบัน หากแต่ผลผลิตทั้งประเทศที่มีอยู่เพียง 5 ล้านตันต่อปี ไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ที่มากถึง 8 ล้านตันต่อปี ในการผลิตอาหารสัตว์ ปริมาณที่ขาดหายไปกว่า 3 ล้านตัน ทำให้ผู้ผลิตอาหารสัตว์ต้องเสาะหาวัตถุดิบทดแทน ตัวอย่างเช่น ข้าวสาลีที่ปกติจะมีการนำเข้าจากต่างประเทศ แต่วันนี้ราคากลับสูงขึ้นเป็น 13 บาทต่อกิโลกรัม เท่ากับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แล้ว จึงไม่จูงใจในการนำเข้ามาใช้
และถึงแม้จะต้องการใช้ข้าวสาลีทดแทนเพียงใดก็ตาม แต่ก็ยังติดประเด็นมาตรการรัฐ 3:1 ที่กำหนดให้ต้องซื้อข้าวโพดในประเทศก่อน 3 ส่วน จึงจะสามารถนำเข้าข้าวสาลีได้ 1 ส่วน ซึ่งวันนี้ไม่มีข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ออกสู่ตลาดแล้ว เท่ากับไม่มีข้าวโพดในประเทศให้ซื้อ นั่นคือไม่สามารถนำเข้าข้าวสาลีได้ไปโดยปริยาย ส่วนจะหันไปพึ่งพากากถั่วเหลืองนำเข้า ก็สุดจะสู้กับราคามหาโหด ที่ปรับขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 23 บาทแล้ว และยังมีอุปสรรคจากมาตรการเก็บภาษีนำเข้า 2% ด้วย
นั่นหมายความว่า ภาคผู้ผลิตต้องมีต้นทุนที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งสวนทางกับราคาขายอาหารสัตว์และเนื้อสัตว์ ที่ถูกภาครัฐตรึงไว้ ไม่สามารถขายในราคาสะท้อนต้นทุนได้ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่า เกษตรกรต้องแบกรับภาระต้นทุนสูงต่อเนื่อง มาตั้งแต่กลางปี 2563 แต่เสียงเกษตรกรไม่ดังพอที่จะทำให้ภาครัฐเห็นใจได้
ข้อกังวลสำคัญในเรื่องนี้คือ หากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขโดยด่วน ที่สุดแล้วโรงงานอาหารสัตว์หลายแห่งอาจต้องหยุดไลน์การผลิต เพราะไม่มีวัตถุดิบเข้าโรงงานด้วยปัญหาขาดแคลนและราคาที่ไม่สามารถจับต้องได้ ย่อมกระทบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่ไม่มีอาหารเลี้ยงสัตว์ซึ่งจำต้องหยุดการเลี้ยง ผลผลิตเนื้อสัตว์ย่อมน้อยลง และราคาจะขยับสูงขึ้น หรืออย่างที่เลวร้ายที่สุด คือทั้งผู้ผลิตอาหารสัตว์และเกษตรกรพากันเลิกกิจการทั้งหมด
สิ่งที่ภาครัฐต้องเร่งดำเนินการ คือการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ เพื่อลดภาระต้นทุนอาหารสัตว์และสินค้าปศุสัตว์ ทั้งการยกเลิกมาตรการ 3:1 ที่ใช้ควบคุมการนำเข้าข้าวสาลี ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง 2% พิจารณาเปิดให้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายใต้กรอบ WTO และ AFTA โดยยกเลิกโควต้าภาษีและค่าธรรมเนียม ให้สามารถนำเข้ามาได้ในปริมาณขาดแคลนในปี 2565 และรัฐต้องเร่งระงับการส่งออกเสรีข้าวโพดและกากถั่วเหลือง เพื่อรักษาปริมาณวัตถุดิบในประเทศ
ทั้งหมดนี้ต้องทำทันที เพราะปริมาณผลผลิตในปัจจุบันนั้นเพียงพอสำหรับการผลิตอาหารสัตว์เพียงแค่ไม่เกิน 2 เดือนเท่านั้น หากไม่อยากให้คนไทยเผชิญหน้ากับปัญหาขาดแคลนอาหารโปรตีนจากเนื้อสัตว์ และปัญหาข้าวยากหมากแพง รัฐต้องตัดสินใจ ฟันธงแก้ปัญหาอย่างไม่รีรอ ก่อนจะสายเกินแก้
เนื่องนที ฤกษ์เจริญ นักวิชาการอิสระด้านการเกษตร
,30/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สำนักพัฒนานโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330210851738 นายก อบต.กำแพง จ.สตูล ผนึกกำลังทีม อถล.ในพื้นที่ จัดอบรมเสริมความรู้ผลักดันเป็นตัวแทนภาคีเครือข่ายภาคประชาชน ร่วมแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ เพื่อฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อมที่สะอาดสู่ทุกชุมชน,วันนี้ (30 มี.ค. 65) เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมอุไรทอง อบต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล นางสำลี ลัคนาวงศ์ นายก อบต.กำแพง เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริม ป้องกัน เฝ้าระวัง ควบคุมและแก้ไขมลพิษในอากาศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 โดยมีว่าที่ ร.ต.สุกล พรหมรักษ์ ปลัด อบต.กำแพง กล่าว รายงานนางสำลี ลัคนาวงศ์ นายก อบต.กำแพง กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก (อถล.) จำนวน 50 คน วัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐที่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคประชาชน ในการพัฒนา แนวทางป้องกัน และแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐได้เฝ้าระวังและสร้างนวัตกรรมมากมายเพื่อรองรับปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น เว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น เป็นตัวช่วยวัดค่าฝุ่น การประชาสัมพันธ์รูปแบบต่าง แต่ก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
ดังนั้น จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะพลังความร่วมมือจากอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก (อถล.) ที่จะเป็นตัวแทนเครือข่ายในการเสริมสร้างความตระหนักให้กับประชาชนในชุมชนต่างๆ ได้หันกลับมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม และร่วมกันฟื้นฟูอากาศที่สะอาดไร้มลพิษให้กลับคืนสู่เขตพื้นที่ตำบลกำแพง
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,30/3/2022,ภาคใต้,สตูล,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูล,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330221219758 สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 ตรวจสอบการระบายน้ำเสียจากโรงงานแป้งมันและลานมัน จังหวัดนครราชสีมา ตามข้อเสนอแนะของกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร,นายยศฐ์วพงศ์ วัชรมโนภาส นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการ พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่11 ร่วมกับอำเภอด่านขุนทด สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา องค์การบริหารส่วนตำบลหนองสรวงและองค์การบริหารส่วนตำบลบึงอ้อ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีประชาชนอำเภอขามทะเลสอยื่นเรื่องคัดค้านการขยายโรงงานผลิตก๊าซชีวภาพ และคัดค้านการตั้งโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง ต่อคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ผลการตรวจสอบสรุปได้ ดังนี้
1. เข้าตรวจสอบโรงงานผลิตก๊าซชีวภาพ จำนวน 1 แห่ง ในพื้นที่หมู่ 6 ตำบลหนองสรวง อำเภอขามทะเลสอ พบว่ามีการนำกากมันมาละลายน้ำเพื่อผลิตก๊าซชีวภาพซึ่งจะนำไปผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า จากการตรวจสอบพบว่ามีระบบบำบัดน้ำเสียเป็นบ่อก๊าซชีวภาพ 1 บ่อ และบ่อปรับเสถียรจำนวน 3 บ่อ ซึ่งมีปริมาณน้ำเสียสะสมในบ่อค่อนข้างมาก จึงมีความเสี่ยงที่จะไหลล้นออกสู่ภายนอกในกรณีที่มีฝนตก ขณะตรวจสอบไม่มีการระบายน้ำเสียออกสู่ภายนอกแต่พบร่องรอยการปิดถมทางระบายน้ำซึ่งเป็นจุดต้องสงสัยว่าอาจจะมีการระบายน้ำทิ้งออกสู่ภายนอกแล้ว จึงเก็บตัวอย่างน้ำทิ้งในบ่อบำบัดสุดท้ายไปตรวจวิเคราะห์ จำนวน 1 ตัวอย่าง เพื่อใช้เป็นข้อมูลประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับแหล่งน้ำธรรมชาติ ในกรณีที่มีการรั่วไหลออกสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก
2. เข้าตรวจสอบโรงงานทำมันเส้นและลานตากมันในพื้นที่ตำบลหนองสรวง 1 แห่ง และตำบลบึงอ้อ 5 แห่ง ผลการตรวจสอบพบว่าโรงงานทำมันเส้นและลานตากมันทุกแห่งมีบ่อพักน้ำเสียเพื่อรองรับน้ำฝนที่ไหลชะพื้นที่ลานตาก ขณะตรวจสอบไม่พบว่ามีการระบายน้ำทิ้งออกสู่ภายนอก แต่จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าบ่อพักน้ำเสียของลานตากมัน น่าจะมีขนาดความจุไม่เพียงพอที่จะรองรับปริมาณน้ำฝนที่ไหลชะผ่านพื้นที่ลานตาก และมีความเสี่ยงที่จะมีการระบายน้ำทิ้งออกสู่ภายนอกในช่วงที่มีฝนตก จึงขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการให้งดตากกากมันและมันเส้นในช่วงฤดูฝน
3.จากการตรวจสอบคุณภาพน้ำผิวดินในคลองโกรกกระสังข์ซึ่งไหลผ่านพื้นที่โรงงานผลิตก๊าซชีวภาพและโรงงานทำมันเส้นและลานตากมัน โดยใช้เครื่องมือตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำภาคสนาม พบว่าบริเวณต้นน้ำมีค่าของแข็งละลายน้ำทั้งหมด (TDS) เท่ากับ 563 มก./ล. ในขณะคลองโกรกกระสังข์หลังจากไหลผ่านพื้นที่แหล่งกำเนิดมลพิษดังกล่าว มีค่าของแข็งละลายน้ำทั้งหมด (TDS) เพิ่มขึ้นและมีค่าอยู่ในช่วงระหว่าง 717 752 มก./ล. ซึ่งบ่งชี้ว่ามีการปนเปื้อนของเสียในคลองโกรกกระสังข์
ทั้งนี้ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 จะเข้าตรวจสอบและเก็บตัวอย่างน้ำทิ้งจากโรงงานผลิตก๊าซชีวภาพ โรงงานทำมันเส้นและลานตากมัน ขณะที่มีการระบายน้ำทิ้งออกสู่ภายนอก เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามมาตรา 82(2) ต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,30/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330221413759 จังหวัดสุรินทร์ประชุมเสริมสร้างศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชน,วันที่ 30 มีนาคม 2565 จังหวัดสุรินทร์ประชุมหน่วยงานภาคีร่วมกับประธานศูนย์ข้าวระดับจังหวัด โครงการเสริมสร้างศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของศูนย์ข้าวชุมชน ปี 2565 เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายและดำเนินการร่วมในระดับจังหวัดอย่างมีประสิทธิภาพ มีเป้าหมายในการดำเนินงานที่ชัดเจน เกิดการพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการองค์กรอย่างยั่งยืน
ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย หน่วยงานภาคี ได้แก่ สำนักงานเกษตรจังหวัดสุรินทร์ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสุรินทร์ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดสุรินทร์ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์จังหวัดสุรินทร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสุรินทร์ สถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดสุรินทร์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจังหวัดสุรินทร์ประธานหรือผู้แทนศูนย์ข้าวชุมชน 111 ศูนย์ เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยข้าวและศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว
จัดโดยศูนย์วิจัยข้าวสุรินทร์ โดยมี นายสมลักษณ์ มอญขาม ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวสุรินทร์ เป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุมข้าวหอม ศูนย์วิจัยข้าวสุรินทร์
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,30/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สวท.สุรินทร์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220330221959762 สสส. เร่งผลักดันกฎหมายกำกับดูแลจัดการอากาศสะอาดเพื่อสุขภาพแบบบูรณาการ,นายชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ หรือ สสส. กล่าวว่า ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ที่ปัจจุบันมีการกระจายตัวไปในชุมชนต่างๆ อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่มีการเผาไหม้จากเครื่องยนต์และพื้นที่ภาคเหนือที่เกิดจากการเผาไหม้วัชพืชมากถึง 17 จังหวัด ส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพของคนไทย เห็นได้จากตัวเลขผู้ป่วยที่ระบบทางเดินหายใจ มะเร็งปอดและโรคปอดอุดกั้นที่มีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น
แม้ที่ผ่านมาหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้บูรณาการการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ควบคู่กับการรณรงค์ควบคุมมลพิษแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้หมดไป ทั้งการควบคุมการเผาไหม้ให้ลดลง ปรับคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง แม้ประเทศไทยจะมีกฎหมายควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อมอยู่แล้วก็ตาม เช่น พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 แต่ยังไม่เพียงพอและครอบคลุมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ยังไม่สามารถบริหารจัดการอากาศที่ปลอดภัยได้
สสส. จึงเร่งผลักดัน พ.ร.บ.กำกับดูแลจัดการอากาศสะอาดเพื่อสุขภาพแบบบูรณาการ เข้าสู่กระบวนการพิจารณาต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจะทำให้คนไทยมีอากาสสะอาด ทั้งนี้หลายประเทศใช้กลไกทางกฎหมายเป็นเครื่องมือในการแก้ไขการจัดการปัญหา การป้องกันการเกิดมลพิษ สอดคล้องกับการแนวคิดขององค์การอนามัยโลก ที่ว่าการขับเคลื่อนคุณภาพอากาศผ่านมิติทางกฎหมายเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะจะมีแนวทางที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนคุณภาพสิ่งแวดล้อมโดยประชาชนมีส่วนร่วม
,31/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,นนทบุรี,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331112718854 พช.เลย จัดโครงการส่งเสริมช่องทางการตลาด ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เพื่อขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พร้อมเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับสมาชิกกองทุน,
นายคมสิทธิ์ สุริยวรรณ พัฒนาการจังหวัดเลย เปิดเผยว่า สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเลย จัดโครงการส่งเสริมช่องทางการตลาด ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เพื่อขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ในด้านการเสริมสร้างอาชีพและรายได้ ส่งเสริมช่องทางการตลาดของกลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกลุ่มอาชีพสมาชิก และเป็นการประชาสัมพันธ์ผลสำเร็จของการดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียน ผ่านผลิตภัณฑ์กลุ่มอาชีพ โดยมีกลุ่มสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีรวมทั้งสิ้น 25 กลุ่ม จากทั้ง 14 อำเภอในจังหวัดเลยเข้าร่วมกิจกรรม นำสินค้ามาร่วมแสดงและจำหน่ายทั้งอาหาร ผ้าและเครื่องแต่งกาย ของใช้ สมุนไพรที่ และสินค้าตลาดประชารัฐ
ทั้งนี้ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเลย ได้ส่งเสริมสนับสนุนสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีที่กู้ยืมเงินไปประกอบอาชีพ ให้มีช่องทางในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ด้านการเสริมสร้างอาชีพรายได้แก่สตรี ซึ่งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบไปทุกภาคส่วน รวมถึงปัญหาเรื่องการทำมาของกินของพี่น้องประชาชน จึงต้องสร้างความตระหนักถึงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรค ควบคู่กับการสร้างโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน โดยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ไม่เพียงแค่ให้การสนับสนุนงบประมาณแก่สมาชิกเท่านั้น แต่ยังได้จัดหาช่องทางการตลาดให้กับสมาชิกอีกด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,31/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สวท.เลย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331095020794 เหล่ากาชาด จ.อุบลฯ เชิญร่วมบริจาคโลหิตเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า วันที่ 2 เม.ย.65,นางศลิษา ภิรมย์รัตน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า เหล่ากาชาดจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 67 พรรษา 2 เมษายน 2565 โดยขอเชิญชวนประชาชนชาวอุบลราชธานี หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมบริจาคโลหิต ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย กำหนดจัดกิจกรรมบริจาคโลหิตเฉลิมพระเกียรติ ในวันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2565 เวลา 09.00 18.00 น. ณ อาคารหม่อมเจียงคำ ชั้น 2 กลุ่มงานธนาคารเลือดและเวชศาสตร์บริการโลหิต โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี ซึ่งผู้ร่วมบริจาคโลหิตจะได้รับของที่ระลึกด้วย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,31/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สวท.อุบลราชธานี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331094437789 สำนักงานเกษตรจังหวัดสตูล ส่งเสริมการผลิตมะพร้าวเพื่อความยั่งยืน แก่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าว ทั้งรูปแบบออนไลน์และศึกษาดูงานสถานที่จริง,"นายชาญณรงค์ วิรุณสาร เกษตรจังหวัดสตูล มอบหมายให้กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต นำโดยนางสุดา ยาอีด หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต จัดฝึกอบรมเกษตรกรและศึกษาดูงานในพื้นที่ที่ประสบความสำเร็จแก่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าว จำนวน 25 ราย ภายใต้โครงการส่งเสริมการผลิตสินค้า เกษตร กิจกรรมส่งเสริมการผลิตมะพร้าวเพื่อความยั่งยืน กำหนดอบรมระหว่างวันที่ 29-30 มีนาคม 2565
การอบรมครั้งนี้ เป็นการอบรมหลักสูตรการตลาดมะพร้าว ผ่านระบบออนไลน์ โดยคุณศุภชาติ ศรีเทพ วิสาหกิจชุมชนคนในบาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และฝึกปฏิบัติแปรรูปมะพร้าว เป็น ""แป้งมะพร้าว"" และ ""ขนมพริกไทยจากแป้งมะพร้าว "" โดยกลุ่มแม่บ้านทะเลดำ ตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล
ทั้งนี้ ได้นำเกษตรกรดูงานการจัดการสวนมะพร้าวของนายสไว เจ๊ะสา หมู่ 3 ตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล ซึ่งเป็นแปลงที่มีการบริหารจัดการที่ดี เป็นมะพร้าวพันธุ์พื้นเมือง ที่ให้ผลิตผลสูงเฉลี่ย 2,100 ผล/ไร่/ปี และมีการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อให้เกิดรายได้เสริม โดยการเลี้ยงแพะ เป็ด และปลานิลในร่องสวน ซึ่งกลุ่มเกษตรผู้ปลูกมะพร้าวสามารถนำแนวทางไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์แก่กลุ่มได้ เป็นไปตามภารกิจของกรมส่งเสริมการเกษตรในการสร้างความเข้มแข็งขององค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และภาคการเกษตร
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",31/3/2022,ภาคใต้,สตูล,สวท.สตูล,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331101422803 จังหวัดสตูล อบต.กำแพง ผนึกกำลังทีม อถล.ในพื้นที่ จัดอบรมเสริมความรู้ผลักดันเป็นตัวแทนภาคีเครือข่ายภาคประชาชน ร่วมแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ เพื่อฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อมที่สะอาดสู่ทุกชุมชน,จังหวัดสตูล อบต.กำแพง ผนึกกำลังทีม อถล.ในพื้นที่ จัดอบรมเสริมความรู้ผลักดันเป็นตัวแทนภาคีเครือข่ายภาคประชาชน ร่วมแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ เพื่อฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อมที่สะอาดสู่ทุกชุมชน
ที่ห้องประชุมอุไรทอง อบต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล นางสำลี ลัคนาวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกำแพง (อบต.กำแพง) เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมป้องกันเฝ้าระวังควบคุมและแก้ไขมลพิษในอากาศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 โดยมีว่าที่ ร.ต.สุกล พรหมรักษ์ ปลัด อบต.กำแพง กล่าวรายงาน
นางสำลี ลัคนาวงศ์ นายก อบต.กำแพง กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก (อถล.) จำนวน 50 คน เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐที่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคประชาชน ในการพัฒนาแนวทางป้องกัน และแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐได้เฝ้าระวังและสร้างนวัตกรรมมากมายเพื่อรองรับปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น เว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น เป็นตัวช่วยวัดค่าฝุ่น การประชาสัมพันธ์รูปแบบต่าง ๆ แต่ก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลาย เหตุ
ดังนั้น จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะพลังความร่วมมือจากอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก (อถล.) ที่จะเป็นตัวแทนเครือข่ายในการเสริมสร้างความตระหนักให้กับประชาชนในชุมชนต่างๆ ได้หันกลับมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม และร่วมกันฟื้นฟูอากาศที่สะอาดไร้มลพิษให้กลับคืนสู่เขตพื้นที่ตำบลกำแพง
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,31/3/2022,ภาคใต้,สตูล,สวท.สตูล,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331102820812 วางแผนเชิงรุกบริหารตลาดแบบเบ็ดเสร็จในพื้นที่ ป้องกันปัญหามะม่วงราคาถูก,"นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ในช่วงฤดูกาลผลไม้ในขณะนี้ ทำให้มีผลผลิตผลไม้หลายชนิดออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากพร้อมๆ กัน กรมส่งเสริมการเกษตร จึงได้เข้าไปส่งเสริมองค์ความรู้ให้แก่เกษตรกรตั้งแต่กระบวนการผลิต การแปรรูป การตลาดและสนับสนุนให้มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพดีและปลอดภัยต่อผู้บริโภค
พร้อมทั้งได้จัดทำแนวทางการบริหารจัดการผลผลิตและตลาดสินค้าเกษตรตั้งแต่ระดับพื้นที่คือ ในระดับอำเภอจนถึงระดับประเทศ ตามแผนบริหารจัดการไม้ผลแบบเบ็ดเสร็จ ปี 2564 2566 (ระยะปานกลาง) ของคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการไม้ผล ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน มีการวางระบบบริหารจัดการไม้ผลตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ 3 ระยะ
สำหรับการบริหารจัดการมะม่วงนั้น ขณะนี้ได้เข้าสู่ฤดูกาลมะม่วงแล้ว โดยเริ่มเก็บเกี่ยวตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนมิถุนายน ซึ่งจะมีผลผลิตมากปลายเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม ร้อยละ 60 จังหวัดสุพรรณบุรีนั้น มีพื้นที่การปลูกมะม่วงกว่า 33,355 ไร่ ให้ผลผลิตแล้ว 27,939 ไร่ โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดอ่างทอง ได้ประสานกับบริษัทเอกชนรับซื้อมะม่วงน้ำดอกไม้อ่อน เพื่อนำไปผลิตมะม่วงยำต่อไป รวมทั้งประสานไปยังตลาดไท ซึ่งมีโครงการตลาดร่วมใจสินค้าปลอดภัย เปิดโซนสำหรับให้เกษตรกรนำผลผลิตที่มีคุณภาพเข้าจำหน่ายได้ สำหรับจังหวัดสิงห์บุรี พื้นที่การปลูกมะม่วงทั้งหมด 2,160 ไร่ โดยส่วนใหญ่ปลูกเป็นสวนหลังบ้านกระจายอยู่ทั่วไป หรือเป็นสวนขนาดพื้นที่ 1 - 5 ไร่ ขณะนี้ มีการประชาสัมพันธ์ไปยังหน่วยงานและประชาชนทั่วไปให้เข้าไปซื้อผลผลิตหน้าสวนได้โดยตรงและนำผลผลิตออกมาจำหน่ายที่ตลาดของหน่วยงานภาครัฐจัดตั้งขึ้น เช่น ศาลากลางจังหวัด ส่วนราชการอื่นๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
",31/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331111414842 กอนช. ขอให้ประชาชนภาคใต้ระวังเกิดฝนตกบางพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงวันที่ 1 - 3 เม.ย. จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนัก,"
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ขอให้ประชาชนภาคใต้ระวังเกิดฝนตกบางพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงวันที่ 1 - 3 เมษายน จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนัก
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (31 มี.ค.65) ว่า ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ จ.นครศรีธรรมราช 73 มิลลิเมตร , สมุทรปราการ 69 มิลลิเมตร และน่าน 69 มิลลิเมตร ขณะที่ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 26,968 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 47 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 21,136 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 44 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน บางปะกง แม่กลองอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยกเว้นแม่น้ำท่าจีนมีปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ยังได้ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ต่อเนื่อง หลัง กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางมีแนวโน้มจะเคลื่อนเข้า
ปกคลุมประเทศเวียดนามตอนล่างและปลายแหลมญวน ช่วงวันที่ 1 - 3 เมษายน ส่งผลทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ซึ่งปัจจุบันปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่ง คือ เขื่อนรัชชประภา มีปริมาณน้ำ 3,725 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนบางลาง มีปริมาณน้ำ 1,276 ล้านลูกบาศก์เมตร เบื้องต้น กอนช.
ได้คาดการณ์สถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์ ONEMAP ประเมินปริมาณน้ำในเขื่อนบางลาง 7 วันล่วงหน้า คาดจะมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเพิ่ม 60 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงแจ้งให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ปรับการระบายน้ำเพื่อให้ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ควบคุม พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ พิจารณาความเหมาะสมการระบายน้ำในลำน้ำ และเตรียมแผนรับน้ำหลาก
",31/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331102306808 ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือบริเวณ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ปรับตัวสูงในระดับสีแดงกว่า 140 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร,ค่าฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือบริเวณ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ปรับตัวสูงในระดับสีแดงกว่า 140 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีต่อเนื่อง
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (31 มี.ค.65) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีคุณภาพอากาศดีมากถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นระดับสีแดงกว่า 140 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งต้องเฝ้าระวังช่วงวันที่ 4 - 7 เมษายน หากจุดความร้อน (Hotspot) มีจำนวนมากขึ้นอาจส่งผลให้ให้ฝุ่นละอองสูงขึ้นได้ โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน แล้วต้องเฝ้าระวังช่วงวันที่ 1 - 2 เมษายน ภาคเหนือมีโอกาสเกิดฝนตกหลายพื้นที่
ขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงปานกลาง โดยค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ เนื่องจากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัด ทั้งนี้ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 7 วันข้างหน้าฝุ่น PM 2.5 แนวโน้มจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานวันที่ 1 - 7 เมษายน
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนบำรุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com
,31/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331102948813 เกษตรกรชัยนาทอยากให้ลอง มะเขือเทศคลายกังวล ปลอดสารพิษ รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ,"วิสาหกิจชุมชน คลายกังวล ออแกนิกฟาร์ม หมู่ 7 ต.ตลุก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เป็นสถานที่ผลิตพืชผัก ผลไม้อินทรีย์ 100% เช่น เมล่อน มะเขือเทศ บัตเตอร์นัท ฯลฯ โดยเฉพาะได้ปรับปรุงสายพันธุ์มะเขือเทศให้เป็นของฟาร์มตั้งชื่อว่า มะเขือเทศคลายกังวล สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอมีเงินใช้หนี้ ชีวิตมีความสุข อีกทั้งเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ขยายเครือข่ายสร้างรายได้ให้คนในชุมชน
นางพรภินันท์ ล่ำสัน (แจ๊ว) เจ้าของคลายกังวลฟาร์ม เปิดเผยว่า วิสาหกิจชุมชน คลายกังวล ออแกนิกฟาร์ม ภายในฟาร์มปลูกเมล่อน มะเขือเทศ บัตเตอร์นัท มีรายได้สม่ำเสมอ แต่มากระทบช่วงโควิด-19 ระบาด ลูกค้าเข้ามาหาเราน้อยลง จึงต้องเปลี่ยนวิธีขายออนไลน์ ส่งให้ลูกค้าผ่านขนส่ง ที่ขายดีคือมะเขือเทศตอนนี้ผลิตไม่ทันขาย เดิมปลูกมะเขือเทศเชอรี่ นำเมล็ดพันธุ์มาจากวิทยาเขตกำแพงแสน ขณะนี้ได้พัฒนาปรับปรุงพันธุ์มาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว ทำให้รสชาติลักษณะสายพันธุ์คงที่แล้วจึงตั้งชื่อเป็น มะเขือเทศคลายกังวล ซึ่งเป็นมะเขือเทศอินทรีย์ รสชาติกลมกล่อมเข้มข้น ส่งขายกิโลกรัมละ 100 บาท หากแวะมาที่สวน 10 บาท 20 บาท ก็ขาย อย่างเช่นเด็กแถวบ้านเลี้ยงไก่ชน มาซื้อมะเขือเทศสีแดงให้ไก่กิน เขาบอกว่าไก่กระโดดเก่ง แข็งแรง คึกคักดี รายนี้มาซื้อเป็นประจำ
โดยปกติจะมีลูกค้าขาประจำที่มาซื้อแล้วบอกต่อ ทั้งในจังหวัดชัยนาทและต่างจังหวัดเพราะติดใจกับรสชาติ ประกอบกับปัจจุบันคนรักสุขภาพกันมากขึ้นพอรู้ว่าของเราทำแบบอินทรีย์ก็ติดใจสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง จนผลิตขายแทบไม่ทัน
เมื่อก่อนเคยทำนาประมาณ 100 ไร่ เป็นหนี้กว่าล้านบาท ต้องขายนาปิดหนี้ แล้วไปลงทุนขายปุ๋ยที่จังหวัดกาญจนบุรีแต่ไม่รุ่งขาดทุนอีกจำนวนมาก จึงกลับมาเริ่มต้นปลูกเมล่อนที่ชัยนาทเมื่อปี 2558 จนถึงปัจจุบันรายได้ดี มีเงินใช้หนี้ รู้สึกสบายใจ ยิ่งได้เป็นวิสาหกิจชุมชนแล้ว ทำให้เรามีเครือข่ายและสามารถช่วยเหลือคนในชุมชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ผู้สนใจจะเข้ามาท่องเที่ยวศึกษาดูงานได้ที่ คลายกังวลฟาร์ม อยู่ติดกับวัดโคกโบสถ์(คุ้งตาล) หมู่ 7 ต.ตลุก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เพจเฟซบุ๊ก คลายกังวลฟาร์ม โทรศัพท์ 093-742-0034
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",31/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,ชัยนาท,สวท.ชัยนาท,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331105351831 บุกตลาดไลฟ์สด เอาใจแฟนขาช้อป ราชา-ราชินีผลไม้ไทย พร้อมกันพฤษภาคมนี้,นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายและสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมจัดทำโครงการส่งเสริมการบริโภคผลไม้ช่วงฤดูกาลออกสู่ตลาดมาก ในช่วงเดือนพฤษภาคม - มิถุนายนนี้ โดยบูรณาการกับภาคส่วนต่างๆ เพิ่มช่องทางการซื้อขายสินค้าเกษตรทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
จากความสำเร็จได้ที่ร่วมมือกับ บริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย จำกัด ผู้นำแพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าออนไลน์ชั้นนำของไทย ในแคมเปญ เปลี่ยนเกษตรกรให้เป็นผู้ค้าออนไลน์มืออาชีพ ตั้งแต่ปี 2563 รวมถึงพันธมิตรอย่างบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ได้ใหความร่วมมือในด้านโลจิสติกส์ขนส่งสินค้าเกษตรมาโดยตลอดในปีนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้มีแนวทางขยายความร่วมมือต่อเนื่อง โดยเตรียมบุกตลาดออนไลน์ในรูปแบบไลฟ์สด จัดมหกรรมช้อปออนไลน์จำหน่ายทุเรียนและมังคุด ราชาและราชินีแห่งผลไม้ไทย เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร สถาบันเกษตรกร ผู้ประกอบการ อีกทั้งอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคได้สามารถสั่งซื้อผลผลิตคุณภาพดีจากสวนเกษตรกรโดยตรงในราคาที่เหมาะสมและการันตีคุณภาพมาตรฐานของหน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ล่าสุดจากการหารือร่วมกัน ได้มีการเตรียมแนวทางจัดกิจกรรมแคมเปญครั้งนี้ขึ้น โดยกระทรวงเกษตรฯ จะคัดเลือกสหกรณ์การเกษตร วิสาหกิจชุมชน หรือกลุ่มแปลงใหญ่ ที่มีผลผลิตทุเรียนและมังคุดได้คุณภาพมาตรฐาน เข้ารวมแคมเปญบนแพลตฟอร์มของลาซาด้า ขณะที่ทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จะร่วมกระจายสินค้าเข้ากลุ่มอุตสาหกรรม และ อ.ต.ก. จะร่วมจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในครั้งนี้ด้วย โดยมีไปรษณีย์ไทย และเคอรี่ ร่วมสนับสนุนการขนส่งในอัตราพิเศษตลอดแคมเปญ ทุเรียน ถือว่าเป็นราชาแห่งผลไม้ไทย ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะมีการแถลงข่าวร่วมกับพันธมิตรในรายละเอียดกิจกรรมให้ทราบอีกครั้งในเดือนเมษายนนี้ และจะเริ่ม Kick off ไลฟ์สดครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม - มิถุนายนนี้ ซึ่งเป็นช่วงผลผลิตทุเรียนและมังคุดออกสู่ตลาด
,31/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331113457867 จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านส่งผลกระทบแนวชายแดนของไทย,"
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านส่งผลกระทบแนวชายแดนของประเทศไทย
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (30 มี.ค.65) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 351 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อนเล็กน้อย พบมากที่สุดในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 177 จุด // พื้นที่เกษตร 75 จุด // พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 56 จุด // พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 23 จุด // พื้นที่เขต สปก. 18 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 2 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด คือ แม่ฮ่องสอน 143 จุด , เชียงใหม่ 78 จุด และร้อยเอ็ด 13 จุด โดยจุดความร้อนเริ่มลดลงในพื้นที่ภาคกลาง ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มพบจุดความร้อนเพิ่มขึ้น ส่วนภาคเหนือยังคงมีจุดความร้อนเกิดขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจุดความร้อนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 30 มีนาคม พบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจุดความร้อน 11,929 จุด , ภาคเหนือ 11,876 จุด และภาคกลาง 7,022 จุด ภาพรวมปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 วันนี้บริเวณภาคเหนือตอนบนยังคงมีคุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลาง โดยจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย
สำหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบสูงสุดในเมียนมาวันนี้ 1,825 จุด รองลงมาเป็น สปป.ลาว 451 จุด และประเทศไทย 351 จุด ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ PM 2.5 ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามา จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
",31/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331104835826 พาณิชย์จังหวัดกำแพงเพชร ระดมแนวคิดแก้ปัญหาราคาปุ๋ยเกษตรกร ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน ร่วมวางแนวทางลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต,"พาณิชย์จังหวัดระดมแนวคิด แก้ปัญหาราคาปุ๋ยเกษตรกร ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน ร่วมวางแนวทางลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต
ที่ห้องประชุมทุ่งเศรษฐี ศาลากลางจังหวัดกำแพงเพชร น.ส.สุพัฒตรา คล้ายทิม รองผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ได้เป็นประธานประชุมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาและพัฒนาการเพาะปลูกมันสำปะหลัง รวมถึงการแก้ไขปัญหาปุ๋ยเคมีราคาแพง โดยการดำเนินงานของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดกำแพงเพชร ได้เรียนเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ เอกชน สมาคมการค้าและผู้ผลิตปุ๋ย นักวิชาการ หมอดินอาสาและเกษตรกรได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนแนวคิดในการแก้ปัญหาการปรับตัวราคาปุ๋ยที่สูงขึ้น และพัฒนาดินให้มีคุณภาพที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก โดยเฉพาะการปลูกมันสำปะหลัง ที่จังหวัดกำแพงเพชรได้เปิดเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาของภาคเหนือ และมีพื้นที่ในการเพาะปลูกทุกอำเภอรวมทั้งสิ้น 756,000 กว่าไร่ ซึ่งปัญหาที่เจอส่วนใหญ่ในจังหวัดกำแพงเพชรคือ ดินเสื่อมคุณภาพ เป็นกรด ดินดาน ประสบภัยแล้ง พันธุ์มันสำปะหลังคุณภาพต่ำ โรคแมลงศัตรูระบาด เกษตรกรขาดความรู้ ความเข้าใจในการนำเทคโนโลยีการผลิตตามหลักวิชาการ รวมถึงต้นทุนสูง ผลผลิตและคุณภาพแต่ละปีค่อนข้างจะต่ำ และประเด็นหนึ่ง
ในที่ประชุมได้มีการนำเสนอให้นำเอายิปซั่มธรรมชาติจากแม่เมาะจังหวัดลำปางมาทำการปรับปรุงสภาพดิน ซึ่งมีการเสนอความคิดที่หลากหลาย ทั้งผลการวิจัยทางวิชาการและการทดลองปลูกของเกษตรกร รวมถึงการนำวัสดุธรรมชาติมาทดแทน
ทั้งนี้ น.ส.สุพัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร กล่าวว่า ที่ผ่านมาเป็นการต่างคนต่างคิด แต่วันนี้ได้มีการนำผู้เชี่ยวชาญทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาพูดคุยกัน เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงจะต้องนำมาวิเคราะห์และหาบทสรุปร่วมกัน เพื่อที่จะทำความเข้าใจแก่เกษตรกร พร้อมทั้งได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาที่ดินได้จัดทำเป็นแปลงสาธิตเพื่อเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรว่า จะได้ผลดีหรือไม่อย่างไรต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",31/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สวท.กำแพงเพชร,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331121625901 คุมเข้ม ห้ามตัดทุเรียนอ่อนขาย เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นทุเรียนไทย ผ่านมาตรฐาน GAP และ GMP Plus,"นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2565 ว่า จากการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดชลบุรีและจันทบุรี เพื่อเตรียมความพร้อมมาตรการในการส่งออกผลไม้ไปยังประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการห้ามการตัดทุเรียนอ่อนเพราะจะเป็นการทำลายโครงสร้างของการส่งออกทุเรียนทั้งหมด
กรมวิชาการเกษตร ยึดหลักการตรวจการส่งออก ตามหลัก GAP, GAP Plus, GMP และ GMP Plus และมาตรการของทางจังหวัดจันทบุรี ที่จะติดตามการส่งออกอย่างเคร่งครัด ซึ่งจีนให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพมาตรฐาน โดยเฉพาะทุเรียน
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ลงพื้นที่เข้าตรวจติดตามล้งรับซื้อทุเรียนอ่อนเพื่อดำเนินการจับกุมล้งที่กระทำความผิดมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมขอให้ผู้ประกอบการมีความซื่อสัตย์ เข้มงวดในเรื่องของมาตรฐานในการกำหนดวันตัดทุเรียนและการป้องกันในเรื่องมาตรการโควิด-19 และขอผู้ประกอบการอย่าทำลายโครงสร้างของการส่งออกทุเรียน จะทำให้ทุเรียนเกิดความล่มสลายในที่สุด
กรมวิชาการเกษตร ลงพื้นที่ตรวจสอบ ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ตรวจติดตาม ล้งรับซื้อทุเรียน และพบว่า มีทุเรียนพันธุ์หมอนทองที่มีกำหนดให้ตัดได้ในวันที่ 25 เมษายนนี้ ปรากฏว่า พบทุเรียนอ่อนจากทั้งหมด 17% ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ในการส่งออกซึ่งมีความผิด เกษตรกรอาจจะโดนเพิกถอนใบ GAP และล้ง จะถูกยกเลิกใบ DOA ใบอนุญาตในการส่งออก โดยกรมวิชาการเกษตรจัดทำมาตรฐาน GAP Plus และ GMP Plus เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดสินค้าผลไม้ไทย โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ยกระดับด่านตรวจพืช
สำหรับในปีนี้ คาดการณ์สถานการณ์การผลิตไม้ผลเศรษฐกิจภาคตะวันออก ปี 2565 ได้แก่ ทุเรียน มังคุด และเงาะ ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นคาดการณ์ว่าปี 2565 ทุเรียน จะมีผลผลิตปริมาณ 744,549 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากที่สุดในเดือนพฤษภาคม ส่วนมังคุดจะเริ่มเก็บได้ ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงกรกฎาคม ซึ่งผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากที่สุดในเดือนพฤษภาคม จํานวน 112,762 ตัน
",31/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331152211038 จังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ครั้งที่ 2/2565 บูรณาการให้บริการและแก้ไขปัญหาการของเกษตรกรแบบครบวงจร,
วันที่ 31 มีนาคม 2565 นายสืบพงษ์ นิ่มพูลสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ 2/2565 โดยมีนายพงศ์พีระ ชูชื่น นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน กล่าวต้อนรับ และนายขจรศักดิ์ชนัน จิตภิลัย เกษตรจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวรายงานฯ ถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงาน เพื่อให้บริการแก่เกษตรกร โดยการถ่ายทอดความรู้และแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรในพื้นที่ ในคราวเดียวกัน เกษตรกรจะได้รับทั้งความรู้ด้านวิชาการและบริการแก้ไขปัญหาแบบครบวงจร โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะนำบุคลากร อุปกรณ์ เครื่องมือ และองค์ความรู้ด้านการเกษตรมาให้บริการแก่พี่น้องเกษตรกรถึงในพื้นที่
สำหรับกิจกรรมโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีการเปิดให้บริการด้านวิชาการและการวิเคราะห์ปัญหาด้านพืช ด้านสัตว์ การประมง ด้านดิน ด้นบัญชี ด้านสหกรณ์ ชลประทาน ด้านสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร ด้านกฎหมาย การเจาะเลือดเพื่อหาปริมาณสารพิษตกค้างในร่างกาย และการวิเคราะห์ธาตุอาหารในดิน ในไร่ การจัดนิทรรศการการเกษตรการเพิ่มผลผลิตพืช การใช้สารชีวภัณฑ์ในการป้องกันโรคพืชเพื่อผลิตอาหารที่ปลอดภัยจากสารพิษ นอกจากนั้นยังมีการประกวดผลผลิตทางการเกษตร อาทิ กล้วยน้ำว้าดิบ หอมแดงแห้ง และกระเทียมสด เป็นต้น
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,31/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สวท.แม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331142126977 สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเลย จัดโครงการฝึกอบรมเกษตรกร โครงการพัฒนาตามพระราชดำริ หลักสูตรการสร้างกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ประจำปีงบประมาณ 2565,"ดร.สุวัฒน์ มัตราช ปศุสัตว์จังหวัดเลย มอบหมายให้กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเลย ร่วมกับสำนักงานปศุสัตว์อำเภอด่านซ้ายนำโดยนายทวีพงศ์ สาระทัศนานันท์ ปศุสัตว์อำเภอด่านซ้าย และศูนย์พัฒนาปศุสัตว์ตามพระราชดำริ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ฝึกอบรมเกษตรกร โครงการพัฒนาตามพระราชดำริ ศูนย์พัฒนาปศุสัตว์ตามพระราชดำริ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย หลักสูตร ""การสร้างกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม"" ประจำปีงบประมาณ 2565 เกษตรกรเข้ารับการอบรมฯ จำนวน 20 ราย ในหัวข้อ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประสบการณ์การดำเนินงานของกลุ่มเกษตรกร และหลัก VRIO Model และกำหนดแผนการผลิตเพื่อการบริโภคและสร้างรายได้ในอาชีพณ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน บ้านห้วยอ้อย หมู่ที่ 13 ตำบลด่านซ้าย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",31/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,เลย,สวท.ด่านซ้าย,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331144030003 การจัดการไม้ผลเศรษฐกิจของเกษตรกรแปลงใหญ่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช,"สำนักงานเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช ประชุมเชิงปฏิบัติการเชื่อมโยงการดำเนินงานของคณะกรรมการเครือข่ายแปลงใหญ่ และศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.)? ครั้งที่ 2/2565 ที่โรงแรมแกรนด์ปาร์ค อำเภอเมืองนคร?ศรี?ธรรมราช? จังหวัดนครศรี?ธรรมราช โดยมีนายภูวเดช วุฒิ?วงศ์?วัฒ? เกษตร?จังหวัด?นครศรี?ธรรมราช? ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด
การประชุมเน้นการให้ความสำคัญในการใช้สารชีวภัณฑ์จากจุลินทรีย์ การบริหารจัดการผลไม้ โดยเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช ขอความร่วมมือเกษตรกรประเมินการออกดอกและประมาณการผลผลิตไม้ผล 4 ชนิด ได้แก่ มังคุด ทุเรียน เงาะ และลองกอง เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนจัดการผลผลิตในปี 2565 นี้ โดย ผศ.ดร.น้อมจิตต์ แก้วไทย อันเดร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มทร.ศรีวิชัย เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษเรื่อง ""การพัฒนาผลิตภัณฑ์?และบรรจุภัณฑ์?สินค้าเกษตร"" ?รวมทั้ง ""เทคนิคการขายผลผลิตทางการเกษตรแบบออนไลน์ที่ให้กำไรสูงกว่าการขายผ่านพ่อค้าคนกลาง"" พิสูจน์แล้วจากกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดนครศรี?ธรรมราช ?เมื่อครั้งมังคุดราคาตกต่ำและเกิดสถาน?การ?ณ์การแพร่ระบาดของโรค Covid-19? ในปี 2564 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับเกษตรกร ในการรับมือกับการจัดการผลผลิตในฤดูกาลนี้ และเป็นการขยายผลและถ่ายทอดองค์ความรู้จากการวิจัยเรื่อง ""การจัดการไม้ผลเศรษฐกิจของเกษตรกรแปลงใหญ่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช"" ให้กับกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ของจังหวัดในวงที่กว้างขึ้น
นางอารีย์ เหลืองหิรัญ พาณิชย์จังหวัดแพร่ เปิดเผยว่า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดแพร่ ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพะเยา ช่วยเหลือเกษตรกรโดยการกระจายผลผลิตแคนตาลูปของเกษตรกรผู้ปลูกแคนตาลูป อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา เป็นกิจกรรมเชื่อมโยงตลาดบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ปริมาณ 1,000 กิโลกรัม จำหน่ายในราคาถุงละ 100 บาท คิดเป็นมูลค่า 25,000 บาท
โดยอำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา เป็นแหล่งที่มีพื้นที่ปลูกแคนตาลูปมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดพะเยา ซึ่งในขณะนี้ผลผลิตเริ่มออกสู่ท้องตลาด มีรสชาติหวาน กรอบ หอม อร่อย ถือเป็นของดีอำเภอแม่ใจ
ผู้ที่มีข้อสงสัยติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพะเยา โทร 054-431636 ในวันเวลาราชการ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",31/3/2022,ภาคเหนือ,แพร่,สวท.แพร่,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331145042008 อบจ.ระยอง ช่วยพลักดันการส่งออกทุเรียนไปยังจีน ผ่านทางรถไฟความเร็วสูง หลังจากจีนมีมาตรการตรวจเชื้อโควิด-19 อย่างเข้มงวด ซึ่งอาจจะส่งผลให้ทุเรียนเน่าเสีย,นายปิยะ ปิตุเตชะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง เปิดเผยว่า ในปีนี้ อบจ.ระยอง ร่วมกับบริษัท ปตท. และ อีอีชี ได้ร่วมกันวางแผนส่งออกทุเรียนจากจังหวัดระยองไปยังประเทศจีน หลังพบว่า ประเทศจีน ที่เป็นตลาดส่งออกทุเรียนของไทย มีมาตรการตรวจเชื้อโควิด-19 อย่างเข้มข้น บริเวณด่านตรวจสินค้า อาจทำให้การส่งออกเกิดความล่าช้า อบจ.ระยอง ร่วมกับ บริษัท ปตท.และ อีอีชี จึงช่วยกันพลักดันขนส่งทุเรียนจากระยองไปยังประเทศจีน ผ่านทางรถไฟความเร็วสูง ไม่ต้องมีการตรวจสอบหลายขั้นตอนให้เกิดความล่าช้า จนอาจทำให้ผลไม้เน่าเสีย เพียงผ่านการตรวจสอบที่ต้นทางตามมาตรฐาน GAP Plus ตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บเกี่ยว การคัดบรรจุที่ล้งรับซื้อ การบรรจุหีบห่อ จนถึงการขนส่ง เริ่มนำร่องขบวนแรก เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา จำนวน 2 ตู้ ปริมาณ 40 ตัน จากเป้าหมาย 7 แสนตัน อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถส่งออกได้ทั้งหมด จะกระจายผลผลิตไปยังตลาดภายในประเทศ เพื่อป้องกันผลผลิตล้นตลาด ซึ่งอาจจะทำให้ราคาตกต่ำได้
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,31/3/2022,ภาคตะวันออก,ระยอง,สวท.ระยอง,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331154038059 ที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินพร้อมผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สมุทรสงครามร่วมประชุมหารือเรื่องร้องเรียนกรณีน้ำเสียในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่กลอง เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน,สืบเนื่องจากมีประชาชนได้ร้องเรียนปัญหาความเดือดร้อน กรณีน้ำเสียจากฟาร์มสุกรในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงกับจังหวัดสมุทรสงคราม ไหลลงสู่แม่น้ำแม่กลองทำให้เกิดปัญหาเสื่อมโทรมและส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่เลี้ยงหอยแครง ปรากฏว่าจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดราชบุรี เพชรบุรี และสมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2560 ตลอดจนได้ติดตามผลการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของจังหวัดสมุทรสงครามได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานด้านต่างๆจำนวน 6 คณะ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำเสีย แต่เนื่องจากปัญหาน้ำเสียยังคงอยู่ในระดับเสื่อมโทรม ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน จึงมอบหมายให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินแสวงหาข้อเท็จจริงโดยไม่มีการร้องเรียนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ.2560 เพื่อเป็นการรับทราบปัญหาข้อเท็จจริง
วันนี้ (31 มี.ค.65) นายสมศักดิ์ แสนหิรัณย์ ที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินพร้อมด้วยนายพีระ ทองโพธิ หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี นายธีรวุธ กลั่นเลี้ยง ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเขต 3 พร้อมคณะและผู้แทนจากกรมควบคุมมลพิษ เดินทางมาร่วมประชุมพิจารณาแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่กลอง ณ ห้องประชุมชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม โดยมีนายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงครามและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชน ภาคีเครือข่ายผู้ใช้น้ำเพื่อการเกษตร เข้าร่วมประชุม เพื่อสรุปประเด็นปัญหา พร้อมสรุปประเด็นปัญหาในการเร่งแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากสมุทรสงครามเป็นจังหวัดปลายน้ำ โดยเฉพาะคลองวัดประดู่จะรับน้ำเสียที่ไหลลงมาจากจังหวัดข้างเคียง ส่งผลให้ไม่สามารถควบคุมแหล่งกำเนิดน้ำเสียที่มาจากสุกรจำนวนมากจากจังหวัดข้างเคียงได้
ด้านที่ปรึกษาที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า จะนำปัญหาและอุปสรรครวมถึงข้อเสนอแนะทั้ง 3 จังหวัดนำไปประชุมหารือหน่วยงานระดับกรม กระทรวง ว่า ปัญหาไหนเป็นบทบาทหน้าที่ของหน่วยงาน เพื่อเป็นภาคีเครือข่ายในการแก้ไขปัญหา โดยมีภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมด้านภูมิปัญญา พร้อมทั้งต้องออกกฎระเบียบ กำหนดมาตรฐานการควบคุมน้ำทิ้งจากการประกอบกิจการฟาร์มสุกรทุกประเภทและออกประกาศห้ามระบายน้ำทิ้งและน้ำเสียออกจากฟาร์มสุกรโดยเด็ดขาดและกำหนดให้การเลี้ยงสุกรทุกประเภทต้องมีบ่อบำบัดน้ำเสียที่ได้มาตรฐานและให้บังคับใช้กฎหมายในการกำกับ ควบคุมดูแลการประกอบกิจการฟาร์มสุกร การจัดทำบ่อบำบัดน้ำเสีย การระบายน้ำทิ้ง การตรวจสอบคุณภาพน้ำโดยเคร่งครัด อย่างไรก็ตามที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินจะได้นำข้อมูลทั้งหมดเพื่อเป็นแนวทางการในการแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
วันนี้ (31 มี.ค.65) เวลา 10.00. นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบหมายให้ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานการประชุมการคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ณ ห้องประชุมศูนย์ Warroom ไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อติดตามผลการดำเนินการ โดยในห้วงที่ผ่านระหว่างวันที่ 1 มกราคมถึง 29 มีนาคม 2565 จังหวัดแม่ฮ่องสอนพบจุดความร้อนสะสม จำนวน 3,288 จุด น้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งพบ 10,670 จุด โดยขณะนี้พบจุดความร้อนมากที่สุดที่อำเภอเมือง รองลงมาคืออำเภอแม่สะเรียง และอำเภอปาย ตามลำดับ
รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ในห้วงเดือนเมษายนนี้ คณะทำงานจะเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากยังมีโอกาสที่จะเกิดจุดความร้อนเพิ่มขึ้น จึงกำหนดมาตรการเร่งด่วน ประกอบด้วย มาตรการชิงเก็บลดเผา โดยจังหวัดแม่ฮ่องสอนกำหนดเป้าหมายให้ได้ 1,000 ตัน ปัจจุบันดำเนินการไปแล้ว 525 ตัน คิดเป็นร้อยละ 52 มาตรการบริหารจัดการเชื้อเพลิง โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ของป่าสงวน และป่าอนุรักษ์ ดำเนินการแล้วเสร็จ คงเหลือพื้นที่เกษตรที่ต้องบริหารจัดการต่อไป มาตรการลาดตระเวนเฝ้าระวัง และดับไฟป่าใน 3 พื้นที่ คือ พื้นที่อำเภอเมือง อำเภอแม่สะเรียง และอำเภอขุนยวม
ขณะที่มาตรการด้านสาธารณสุขกำหนดเป้าหมายลดอัตราผู้ป่วยจาก 4 กลุ่มโรค ประกอบด้วย กลุ่มโรคทางเดินหายใจ/กลุ่มโรคหัวใจหลอดเลือดและสมองอุดตันขาดเลือด/กลุ่มโรคตาอักเสบ และกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ โดยกำหนดให้อัตราป่วยลดลง ร้อยละ 10 ขณะที่ในปัจจุบันพบผู้ป่วยฯ ดังกล่าว จำนวน 9,127 ราย น้อยกว่าปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกันซึ่งพบ 12,407 ราย
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",31/3/2022,ภาคเหนือ,แม่ฮ่องสอน,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331162744099 จ.ศรีสะเกษ จัดพิธีมอบเงินค่าชดเชยที่ดิน โครงการฝ่ายหัวนา จังหวัดศรีสะเกษ,วันที่ 31 มีนาคม 2565 ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอกันทรารมย์ และประตูระบายนำ้เขื่อนหัวนา อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ มอบหมายให้นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ให้การต้อนรับ นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานในพิธีมอบเงินค่าชดเชยที่ดิน โครงการฝ่ายหัวนา จังหวัดศรีสะเกษ และเยี่ยมชมการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่บริเวณบานประตูระบาย
นำ้เขื่อนหัวนา พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการปรับปรุง พัฒนา ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดศรีสะเกษต่อไป
นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า การจ่ายเงินค่าชดเชยที่ดินฯ ถือเป็นความก้าวหน้าในการจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายหัวนา ภายใต้การอำนวยการของผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการในระดับพื้นที่ ที่ได้ดำเนินการจนสามารถจ่ายเงินให้กับราษฎรชุดแรกจากข้อเรียกร้องของราษฎรที่ผ่านมากว่า 30 ปี ซึ่งการจัดกิจกรรม ได้ถือปฏิบัติตามมาตราการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัด โดยมี นายณัทเศรษฐ์ ถิรวัฒน์ธนกร ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาหัวนา กล่าวรายงาน นายอำเภอกันทรารมย์ ผกก.สภ.กันทรารมย์ ผู้ประสานงานกลุ่มผู้เดือนร้อนจากโครงการเขื่อนหัวนา ผู้ที่เกี่ยวข้อง และราษฏรที่ได้รับเงินชดเชย เข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน
#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,31/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,ศรีสะเกษ,สวท.ศรีสะเกษ,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331163649112 เดินหน้าพัฒนาเรือประมง ยึด เรือฝึกปลาลัง เป็นต้นแบบ มุ่งลดต้นทุนแรงงาน-พลังงาน,"นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทย เข้าเยี่ยมชมเรือฝึก ""ปลาลัง"" ณ ศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จังหวัดสมุทรปราการ
เรือฝึก ปลาลัง เดิมเป็นเรือประมงอวนล้อมจับและได้รับการพัฒนาปรับปรุงให้เป็นเรือฝึกประมงอวนลากในปี 2564 ด้วยงบประมาณสนับสนุนจากกรมประมงและรัฐบาลญี่ปุ่น ให้เป็นเรือฝึกประมงตัวอย่าง ในการพัฒนา ปรับปรุงเครื่องมือทำการประมง เพื่อช่วยลดต้นทุนในการประกอบอาชีพด้วยการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมและใช้พลังงานเชื้อเพลิงอย่างคุ้มค่า ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและแหล่งทำการประมง รวมถึงภาวะโลกร้อน
นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายสำคัญในการยกระดับความเป็นอยู่และสุขอนามัยที่ดี ของลูกเรือบนเรือประมง เสริมสร้างความปลอดภัยการทำงานในทะเล การส่งเสริมและให้ความสำคัญในด้านการเก็บรักษาคุณภาพสัตว์น้ำบนเรือประมง ทั้งแบบสดและมีชีวิต อย่างถูกสุขลักษณะ เพื่อให้สัตว์น้ำที่จับได้สามารถคงความสด ลดการสูญเสียและขายได้ราคาดี เป็นที่ต้องการของตลาด ทั้งนี้ยังได้เสนอแนะให้ศูนย์ซีฟเดคและกรมประมงบูรณาการความร่วมมือกับศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม ในการนำเทคโนโลยีและเครื่องจักรกล มาใช้ในการพัฒนาเรือประมงของไทยต่อยอดจากแนวทางการพัฒนาเรือฝึก ปลาลัง ซึ่งถือว่าเป็นต้นแบบที่ดี ขอให้สมาคมการประมง เข้ามาร่วมกันพัฒนาปรับปรุงเรือประมงของไทยมุ่งเป้า 1 จังหวัด 1 ลำ
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการต้นกล้าความดี สู่วิถีเศรษฐกิจพอเพียง จังหวัดจันทบุรี ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ดำเนินโครงการ ต้นกล้าความดี สู่วิถีเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่เด็กและเยาวชน เกษตรกรและชุมชนในพื้นที่ทุรกันดาร ตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการส่งเสริมการพัฒนาให้เด็กและเยาวชนได้มีโอกาสเข้าถึงความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการ มีสุขภาพแข็งแรง ได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพ สามารถพัฒนาตนเองให้เป็นคนดี พึ่งพาตนเองและช่วยเหลือพัฒนาชุมชน ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
โดยส่งเสริมให้ครูและนักเรียนได้เรียนรู้ วิธีการจดบันทึกบัญชีกิจกรรมสหกรณ์นักเรียน กิจกรรมผลิตผลทางการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน และมีความรู้ ความเข้าใจในหลักการของสหกรณ์ รวมทั้งการสอดแทรกความรู้การจัดทำบัญชีไว้ในกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูและนักเรียนได้เรียนรู้และเข้าใจถึงวิธีการ บันทึกบัญชีรู้จักการคิดคำนวณเลข สามารถวางแผนในการจำหน่ายสินค้าและผลผลิต ปลูกฝังให้รักการจดบันทึกบัญชีซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้รู้จักการใช้บัญชีเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นในโรงเรียน ครอบครัวและชุมชนได้อย่างยั่งยืน
กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เตรียมดำเนินการและวางรากฐานบัญชีให้กับคนรุ่นใหม่ โดยวางแผนทำ MOU ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อสอนการจัดทำบัญชีต้นกล้าเศรษฐกิจพอเพียงให้กับเด็กและเยาวชน รวมถึงการจัดทำวีดิทัศน์การสอนบัญชีต้นกล้าเศรษฐกิจพอเพียงในรูปแบบ 5 ภาษา ภาษาไทยกลาง ภาษาถิ่นเหนือ ภาษาถิ่นอีสาน ภาษาถิ่นใต้และภาษายาวี อีกด้วย
วันนี้ (31 มี.ค.65) นายเอกสิทธิ์ อักษร รักษาการผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการจัดการสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 ร่วมกับสำนักงานเทศบาลตำบลตลาดแค จัดกิจกรรมชี้แจงแนวทางการพัฒนากิจกรรมการลดก๊าชเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme : LESS) โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ชุมชนมีความรู้ความเข้าใจ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดำเนินกิจกรรมการลดก๊าซเรือนกระจกของชุมชน ซึ่งเป็นการดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการยกระดับศักยภาพชุมชนสู่สังคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปี 2565 ในพื้นที่ต้นแบบ ชุมชนหมู่ที่ 1 บ้านสำโรง ตำบลตลาดแค อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา โดยได้รับเกียรติจากนายสมมิตร ขวัญกลาง ปลัดเทศบาลตำบลตลาดแค ให้การต้อนรับ และได้รับความร่วมมือจาก ผู้นำชุมชน คณะกรรมการชุมชน และเจ้าหน้าที่ เทศบาลตำบลตลาดแค เข้าร่วมกิจกรรม
ทั้งนี้ ได้เข้าร่วมกิจกรรมการสำรวจและเก็บข้อมูลการกักเก็บคาร์บอนของต้นไม้ ประกอบด้วย ชื่อต้นไม้ ชนิดพรรณไม้ ความสูง เส้นรอบวง และพิกัดต้นไม้ โดยประมาณ จำนวน 620 ต้น และต้นไผ่ จำนวน 203 ต้น ในพื้นที่ 16 ไร่ โดยรอบระบบบำบัดน้ำเสียเทศบาลตำบลตลาดแค ซึ่งประกอบด้วย ต้นคูณ ต้นราชพฤกษ์ ต้นสะเดา ต้นตาล ต้นมะม่วง ต้นกระถินณรงค์ และต้นไผ่บงป่า เป็นต้น เพื่อนำข้อมูล มาใช้ประเมิน และคำนวณปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจก ต่อไป
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,31/3/2022,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,นครราชสีมา,สวท.นครราชสีมา,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331194858216 พาณิชย์สุรินทร์ตรวจสต๊อกข้าวรอบที่ 5,"วันที่ 31 มีนาคม 2565 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจสอบสต็อกข้าว ครั้งที่ 5 ประจำเดือนมีนาคม 2565 ตรวจผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 7 ราย ได้แก่ บจก.กิจเจริญพรชัยชุมพลสุรินทร์ หจก.สหพืชผลท่าตูม หจก.เจ.พี.ไรซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล หจก.ไชยรุ่งเรืองสุรินทร์ บจก.มังกรทอง 999 บจก.โรงสีทรัพย์อนันต์ และบจก.พูลผลอโกร
ผู้ประกอบการออกตั๋วสัญญาใช้เงินรวม 30 ฉบับ มูลค่ารวม 648.30 ล้านบาท ผลการตรวจสอบพบว่า มีปริมาณสต็อกข้าวรวม 45,516 ตัน มูลค่ารวม 745.61 ล้านบาท เป็นข้าวเปลือกหอมมะลิ 35,038 ตัน และข้าวสารหอมมะลิต้นข้าว 10,478 ตัน มูลค่าข้าวครอบคลุมตามตั๋วสัญญาใช้เงิน 30 ฉบับ
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
",31/3/2022,ภาคกลางและปริมณฑล,กรุงเทพมหานคร,สวท.สุรินทร์,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220331231951249 จังหวัดชลบุรี สวนนงนุชพัทยา ร่วมกับ บริษัทปรีชา กรุ๊ป ลงนามบันทึกข้อตกลง ( MOU) ความร่วมมือในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ควบคู่การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม,สวนนงนุชพัทยา ร่วมกับ บริษัทปรีชา กรุ๊ป ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ควบคู่การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเพื่อความยั่งยืน
วันที่ 31 มีนาคม 2565 เวลา 11.00 น. ที่ห้องรับรองนงนุชเทดดิชั่น เซ็นเตอร์ สวนนงนุชพัทยา ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง ( MOU) ความร่วมมือในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ควบคู่การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติเพื่อความยั่งยืน โดยมีนายฐนนท์ศรณ์ เลิศฤทธิ์ศิริกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทปรีชา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และนายกัมพล ตันสัจจา ประธาน บริษัท นงนุชแลนด์สเคป แอนด์ การ์เด้นท์ ดีไซน์ จำกัด ร่วมลงนามจัดทำโครงการดังกล่าว
นายกัมพล ตันสัจจา ประธาน บริษัท นงนุชแลนด์สเคป แอนด์ การ์เด้นท์ ดีไซน์ จำกัด กล่าวว่า ในการออกแบบตกแต่งสวนในโครงการ New Project 2022 ปรีชา เขาใหญ่-ปากช่อง จะเน้นให้เป็นสวนพักผ่อน ด้วยการเลือกพรรณไม้ที่มีรูปทรงสวยงาม ดูแลง่าย แต่ให้ประโยชน์ใช้สอยสูงสุด รวมถึงเป็นพรรณไม้ที่ทรงคุณค่าสง่างาม เหมาะสมกับสถานที่ เน้นความสวยงามในทุกมุมมอง
นายฐนนท์ศรณ์ เลิศฤทธิ์ศิริกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทปรีชา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปรีชา กรุ๊ป มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ให้ตอบสนองความสุขในการอาศัย และรังสรรค์คุณภาพชีวิตเพื่อส่งมอบที่อยู่อาศัยคุณภาพ ทันสมัย สวยงามเป็นสถานที่แห่งความสุขสำหรับครอบครัวคัดสรรสิ่งที่ดี เพื่อลูกค้าและสังคมเป็นมิตรกับธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมสอดคล้องที่อยู่อาศัย อยู่ร่วมกันกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อย่างลงตัว จึงเชื่อมั่นว่าสวนนงนุชพัทยา เป็นหนึ่งในเรื่องการจัดสวน และมีความชำนาญ จึงได้ไว้ว่างใจในการจัดสวนและออกแบบสวน ภายในโครงการใหม่ของปรีชา กรุ๊ป กับโครงการ New Project 2022 ปรีชา เขาใหญ่-ปากช่อง
#สำนักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
,31/3/2022,ภาคตะวันออก,ชลบุรี,สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี,https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220401000332000 ,,,,,, ,,,,,, ,,,,,, ,,,,,, ,,,,,, ,,,,,, ,,,,,, ,,,,,, ,,,,,, ,,,,,, ,,,,,, ,,,,,, ,,,,,, ,,,,,, ,,,,,,